Say Hi Japan : iSSUE 22-1 May 2015
STORY/PHOTO BY วัชระชัย ไตรอรุณ
TABI JAPAN
TO
HOKKAIDO เมื่ อ ละอองนํ้ า รวมตั ว กั น ในชั้ น บรรยากาศที่ อุ ณ หภู มิ ตํ่ า กว่ า 0 องศาเซลเซียส และตกลงมาเป็นผลึกนํ้าแข็งจํานวนมากที่เรียกว่า “หิมะ” ก็เกิดความหนาวเย็นที่ชาวเมืองร้อนอย่างเราคนไทยชื่นชอบ โดยเฉพาะในดินแดนทีม ่ อ ี ากาศหนาวเย็นตลอดทัง ้ ปีอย่าง “ฮอกไกโด” (Hokkaido) คนไทยก็ยิ่งชอบ แต่ก็ใช่ว่าจะน่าสนใจแค่เพียงความ หนาวเย็นหรือทิวทัศน์ขาวโพลนที่แปลกตาเท่านั้น เพราะหากมองผ่าน ผลึกนํ้าแข็งที่ร่วงจากฟากฟ้าเหล่านี้แล้ว ฮอกไกโดยังมีความน่าสนใจ ในแง่มุมอื่นๆ อีกมากมาย และในทริปนี้ “Tabi Japan” จะพาเราไป ค้นหาพร้อมกัน
| 81
เริม่ จากความน่าสนใจทีอ่ ยูต่ รงข้ามกับความหนาวเย็น นัน่ คือ “หุบเขาเดือด จิโกะคุดานิ” (Jigokudani) ที่ตั้งอยู่ในเมือง “โนโบริเบ็ตซึ” (Noboribetsu) หุบเขาจิโกะคุดานิมอี กี ชือ่ หนึง่ ว่า “หุบเขานรก” ทีไ่ ด้ชอื่ นีก้ เ็ พราะทัว่ ทัง้ บริเวณ นีจ้ ะมีแต่หมอกควันจากการระเบิดของภูเขาฮิโยริทที่ า� ให้แร่กา� มะถันในชัน้ หิน ซึ่งมีความร้อนออกมาสัมผัสกับความเย็นของอากาศภายนอก แต่กลับเกิด ประโยชน์เพราะท�าให้หุบเขาแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตน�้าแร่ชั้นดีอุณหภูมิเฉลี่ย 45 องศาเซลเซียส และยังผลิตได้มากถึงวันละ 3,000 ลิตร คนแถบนี้น�าไป ใช้อาบและแช่ตัวกันอย่างแพร่หลาย
82 |
จากหุบเขาจิโกะคุดานิเราแวะไปทักทายนินจากันที่ “หมู่บ้านนินจาดาเตะ จิดาอิมูระ” ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่จ�าลองแบบมาจากหมู่บ้านนินจาในสมัยเมจิ ถึงแม้จะสร้างขึ้นมาใหม่แต่ก็ ท�าได้ใกล้เคียงกับของเดิมมาก ภายในหมู่บ้านมีการจ�าลองสภาพความเป็นอยู่ในอดีต มีโรงละครตั้งอยู่ปลายสุดของหมู่บ้านที่ในแต่ละวันจะเปิดแสดงเป็นรอบให้นักท่องเที่ยว เข้าชมเรื่องราวความเป็นมาในยุคเก่าที่ทั้งสนุกและได้ความรู้มากมาย หลังจากสนุกสนานกับเหล่านินจาจนพอใจแล้วเราออกเดินทางต่อไปยัง “ฮาโกดาเตะ” (Hakodate) ซึ่งเคยมีสถานะเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของเกาะฮอกไกโด ทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเกาะ และเพราะอยู่ทางตอนใต้สุดเมืองนี้จึงถูกใช้ เป็นเส้นทางเชือ่ มต่อระหว่างเกาะฮอกไกโดกับ “ภูมภิ าคโทโฮคุ” (Tohoku) ด้วยอุโมงค์ลอด ใต้ทะเลที่มีความยาวถึง 53 กิโลเมตรและลึกถึง 240 เมตร
ในอดีตฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าทีส่ า� คัญเมืองหนึง่ ของญีป่ นุ่ มีบทบาทส�าคัญในการเป็นจุดท�าการค้ากับชาวต่างชาติ มายาวนาน จึงได้รับอิทธิพลจากฟากฝั่งตะวันตกหลายด้าน โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่ปลูกสร้างขึ้นในเมืองนี้จะมี รูปแบบเอนเอียงไปทางตะวันตกค่อนข้างมาก ทัง้ ตึกรามบ้านช่อง โกดังเก็บของ รวมไปถึงสถานีรถไฟทีส่ ร้างด้วยอิฐ แดง ส่วนถนนและทางเท้าถูกปูด้วยหิน ท�าให้ฮาโกดาเตะเป็นอีกเมืองที่มีบรรยากาศโรแมนติกไม่เบา แม้กาลเวลาจะหมุนเวียนเปลีย่ นไปแค่ไหน แต่ชาวบ้านแถบนีก้ ย็ งั ใช้ชวี ติ แบบดัง้ เดิม เห็นได้ชดั ทีส่ ดุ ก็ใน “ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราก�าลังย้อนอดีตกลับไปในยุคเก่า พ่อค้าแม่ขายในตลาด พากันน�าสินค้าพื้นเมืองมาจ�าหน่ายโดยแทบไม่มีสินค้ายุคใหม่มาวางปะปนเลย ในมุมอาหารทะเลสดๆ เราได้เห็นทัง้ ปูยกั ษ์ หมึกยักษ์ หอยเชลล์ตวั ใหญ่และสัตว์ทะเลนานาชนิดทีพ่ ร้อมให้ลกู ค้าน�าไปปรุงอาหาร ได้ทันที ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้มากมาย ท�าให้ ตลาดเช้าแห่งนี้ไม่เคยเงียบเหงาสักวัน
Motomachi Park
แวะไปบริเวณ “เนินเขาฮาโกดาเตะ” ซึง่ เป็นทีต่ งั้ ของสวน เล็กๆ ที่มีชื่อว่า “โมโตมาชิ” (Motomachi Park) บริเวณนี้มี อาคารที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกอยู่มาก หลังหนึ่งในอดีต เคยถูกใช้เป็นที่ท�าการของรัฐบาลฮอกไกโดสาขาฮาโกดาเตะ แต่ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลการ ท่องเที่ยวไปแล้ว ไม่ไกลจากเนินเขาฮาโกดาเตะยังมีสถานที่อีก แห่งที่ไม่เคยเงียบเหงาเช่นกัน นั่นคือ “หอคอยโกเรียวคะคุ” (Goryokaku Tower) ซึ่งเมื่อมาถึงฮาโกดาเตะแล้วนักท่องเที่ยว มักขึ้นไปชมวิวของเมืองบนหอคอยแห่งนี้ที่มีความสูงถึง 107 เมตรและสร้างขึน้ มาตัง้ แต่ปี 2006 แทนหอคอยหลังเก่าทีม่ คี วาม สูงเพียง 60 เมตร ส�าหรับหอคอยหลังใหม่จะมีจุดชมวิวอยู่ที่ ระดับความสูง 90 เมตร และบนชั้นนี้จะสามารถเดินชมวิวของ เมืองได้รอบทิศ หรือจะสั่งกาแฟมานั่งดื่มพร้อมชมวิวไปด้วยก็ ชวนให้สุนทรีย์ไม่น้อย
| 83
จุดหมายต่อไปเราแวะชม “สวนนํา้ แร่ฟกุ ดุ าชิ” ซึง่ เป็นแหล่งนํา้ แร่ ทีผ่ ดุ ขึน้ มาจาก “ภูเขาไฟโยเด” และยังได้รบั การคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ของแหล่งนํ้าแร่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น นํ้าแร่ที่เพิ่งไหลออกมาจาก ภูเขาจะร้อนจัด แต่เมื่อไหลผ่านสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นก็จะทําให้ นํ้าแร่อุ่นกําลังดีจนสามารถดื่มได้ ท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนและ อากาศที่หนาวเย็นเฉียดติดลบได้นํ้าแร่อุ่นๆ สักแก้วร่างกายก็อบอุ่น ขึ้นจนเดินเที่ยวรอบสวนนํ้าแร่แห่งนี้ได้อีกหลายรอบทีเดียว
วศิน สุขมากสิน เซเว่น ฮอลิเดย์ ดอทคอม จ�ากัด
84 |
กมล เหลืองศรีพงศ์ โมเดิร์น พลัส แทรเวิล จ�ากัด
จากสวนน�้าแร่ฟุกุดาชิเรามุ่งหน้าไปสัมผัสความหวานกันที่ “โรงงาน ช็อกโกแลตอิชิยะ” (Ishiya Chocolate Factory) แค่ได้ยินชื่อก็นึกถึงความ หวานอร่อยที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว ถ้าได้ฟังประวัติของโรงงานแห่งนี้ก็จะยิ่งรับ รูไ้ ด้ถงึ หวานมากขึน้ ไปอีก เพราะโรงงานช็อกโกแลตอิชยิ ะเกิดขึน้ จากความรัก ระหว่างชายต่างชาติกับสาวญี่ปุ่นที่หวานชืน่ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มจ�าต้องจากลาหญิงผู้เป็นที่รักกลับประเทศตัวเอง ก่อน กลับเขาจึงสร้างโรงงานช็อกโกแลตมอบให้เพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อหญิง สาวผูน้ ี้ และก็เป็นโชคดีของเราเหล่านักท่องเทีย่ วทีม่ โี อกาสได้ชมิ ช็อกโกแลต อร่อยๆ ในโรงงานที่เกิดจากความรักแห่งนี้ โรงงานช็อกโกแลตอิชิยะมีทั้งช็อกโกแลตและขนมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะช็อกโกแลต “Shiroi Koibito” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเอกที่มีความ หมายว่า “คนรักผิวขาว” คุกกีส้ อดไส้ไวท์ชอ็ กโกแลตทีท่ า� จากนมวัวฮอกไกโด ที่ร�่าลือกันว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นจนกลายมาเป็นของฝากยอดนิยมของเกาะ ฮอกไกโดไปแล้ว รวมทั้งยังมีขนมอร่อยอย่าง “Mifuyu” เวเฟอร์เคลือบ ช็อกโกแลตสอดไส้บลูเบอร์รี่ คาราเมล และเมล่อน มีโรลเค้ก เค้กท่อนไม้ ช็อกโกแลตดริงค์ และคุกกี้ต่างๆ
ภายในโรงงานช็อกโกแลตอิชิยะยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุก ขัน้ ตอนการผลิตอย่างใกล้ชดิ มีการจัดพืน้ ทีเ่ ป็นพิพธิ ภัณฑ์แสดงประวัตคิ วาม เป็นมาตั้งแต่ยุคแรกของการก่อตั้งโรงงาน มีมุมจัดแสดงแพกเกจจิ้งสวยๆ ทีช่ ว่ ยส่งเสริมการขายและสร้างเอกลักษณ์ให้คนจดจ�าขนมของโรงงานแห่งนี้ มาถึงปัจจุบัน ที่น่าสนใจมากแม้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตก็คือพื้นที่แสดงของ สะสมส่วนตัวของเจ้าของโรงงานที่ส่วนใหญ่เป็นของเล่นสังกะสีมากมาย ถูกใจคนรักของเล่นเก่าเป็นที่สุด
| 85
จากโรงงานแห่งความหวานฉ�า่ เราไปกันต่อทีม่ มุ โรแมนติกของเมืองเก่า “โอตารุ” (Otaru) ทีเ่ คยมีบทบาทส�าคัญในด้านการขนส่งจากการเป็นเมืองท่า บนชายฝัง่ ทะเลญีป่ นุ่ ในสมัยก่อนมีลา� คลองไหลผ่านใจกลางเมืองแต่ปจั จุบนั ถูกอนุรักษ์ไว้เพียงบางส่วน พื้นที่เกือบทั้งหมดระหว่างชายฝั่งกับภูเขาถูก พัฒนาให้เป็นเมือง มีอาคารบ้านเรือนสร้างปะปนกับโกดังรูปทรงสีเ่ หลีย่ มเป็น จ�านวนมากในบริเวณริมคลองโอตารุซึ่งเป็นคลองที่ขุดมาตั้งแต่ปี 1923 มี ความยาวประมาณ 1,140 เมตรและกว้างประมาณ 40 เมตร “คลองโอตารุ” เคยเป็นคลองที่แน่นขนัดไปด้วยเรือบรรทุกสินค้า ถ่านหินและสินค้าอื่นๆ อีกมาก แต่หลังจากสะพานเทียบเรือบริเวณท่าเรือ สร้างเสร็จสินค้าทั้งหมดก็ถูกขนส่งโดยตรงจากเรือขึ้นสู่รถบรรทุก ภาพเก่า ของการขนส่งแบบเดิมก็คอ่ ยๆ เลือนหายไป แต่บรรดาโกดังเก่ายังคงถูกรักษา ให้อยู่ในสภาพดี บางหลังถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้าน กินดืม่ ทีต่ กแต่งภายในจนจ�าสภาพเดิมไม่ได้ กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเทีย่ ว ยามราตรีได้อีกทางหนึ่ง
86 |
บรรยากาศโรแมนติกบริเวณริมฝัง่ คลองโอตารุในช่วงทีส่ วยงามทีส่ ดุ จะ เริ่มในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เพราะเป็นช่วงของเทศกาลหิมะ “Otaru Snow Light Path Festival” ตลอดล�าคลองจะถูกประดับประดาด้วย แสงไฟระยิบระยับ มีทางเท้าที่สามารถเดินชมบรรยากาศไปตามริมคลอง ท่ามกลางอุณหภูมิประมาณลบ 4 ถึงลบ 5 องศาเซลเซียสที่มาพร้อมกับ “Powder Snow” ซึง่ โปรยปรายลงมาช้าๆ สร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก คู่รักชาวญี่ปุ่นหลายคู่เดินจูงมือกันชมแสงไฟให้เห็น แถวนี้ไม่แนะน�าส�าหรับ คนโสดเพราะอาจจะเหงาตายเสียก่อนนั่นเอง โอตารุยังมีสถาปัตยกรรมอีกแห่งที่ถือเป็นแลนด์มาร์กของเมือง ใครๆ ก็ตอ้ งแวะมาเยี่ยมเยียน ถ่ายภาพและซื้อของที่ระลึกอยู่เสมอ สถาปัตยกรรม ที่ว่านี้ก็คือ “พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ” (Otaru Music Box Museum) ที่ สร้างขึ้นเมื่อปี 1912 เป็นอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกโดยตรงเพราะ ในอดีตเคยมีชาวยุโรปเข้ามาค้าขายและตัง้ รกราก การก่อสร้างอาคารจึงถอด แบบจากยุโรปมาอย่างชัดเจน ส่วนภายในมักตกแต่งด้วยไม้
ภายในพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้น 1 ซึ่งมี พืน้ ทีม่ ากทีส่ ดุ จะเป็นโซนจ�าหน่ายของที่ระลึกและกล่องดนตรีตา่ งๆ ส่วนชัน้ 2 เป็นโซนจัดแสดงประวัติของกล่องดนตรีที่มีมาในแต่ละยุค ส�าหรับชั้น 3 จะเป็นโซนที่นักท่องเที่ยวได้สนุกกับการสร้างสรรค์กล่องดนตรีด้วยตัวเอง เพียงแค่เลือกเสียงเพลงต่างๆ ที่มีทั้งแนวคลาสสิก ป็อป และเพลงยอดนิยม ทั้งญี่ปุ่นและสากลแล้วน�ามาประกอบเข้าด้วยกัน ตกแต่งด้วยตุ๊กตาเซรามิก ชิ้นเล็กชิ้นน้อยน่ารักตามแต่เราจะเลือก มีเจ้าหน้าที่คอยให้ค�าแนะน�าตลอด เวลาจนกว่าเราจะประดิษฐ์กล่องดนตรีเสร็จ ซึ่งก็จะได้กล่องดนตรีที่ไม่ซ�้า แบบใครและมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุจะเป็นที่ตั้งของ “นาฬิกาไอน�้า โบราณ” (Stream Clock) นาฬิกาเรือนประวัติศาสตร์จากเมืองแวนคูเวอร์ ที่รัฐบาลแคนาดามอบให้เป็นของขวัญแก่เมืองโอตารุเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1994 นาฬิกาไอน�า้ เรือนนีอ้ อกแบบและสร้างโดยช่างท�านาฬิกาชาวแคนนาดา ชื่อ “Raymond Saunders” ซึ่งเป็นผู้ออกแแบบและสร้างนาฬิกาไอน�้า คนแรกของโลก นาฬิกาไอน�้าเรือนนี้ยังมีความสมบูรณ์และใช้งานได้จริง ในทุก 15 นาทีนาฬิกาจะส่งเสียงดังขึน้ พร้อมพ่นไอน�า้ และบอกเวลาทีเ่ ทีย่ งตรง แต่แทบจะไม่มนี กั ท่องเทีย่ วคนใดสนใจดูเวลา เพราะต่างก็จดจ่ออยูก่ บั ไอน�า้ ที่พ่นออกมาและเตรียมยกกล้องขึ้นถ่ายภาพกันทั้งนั้น
| 87
แม้โอตารุจะฉาบไว้ด้วยกลิ่นอายของยุโรป แต่ส�าหรับ “ซัปโปโร” แล้วยังคงมีอัตลักษณ์ ความเป็นญีป่ นุ่ อย่างชัดเจน เราไปเคารพสักการะ “ศาลเจ้าฮอกไกโด” (Hokkaido Shrine) ศาลเจ้า แห่งนี้เดิมทีมีช่ือว่า “ศาลเจ้าซัปโปโร” เป็นศาล เจ้าของศาสนาพุทธนิกายชินโต สร้างขึ้นในปี 1871 ชาวฮอกไกโดให้ความเคารพเลือ่ มใสศรัทธา มาก เพราะเชือ่ ว่าเป็นทีส่ ถิตของ “เทพเจ้าโยฮะชิระ” ผู้คุ้มครองรักษาเกาะฮอกไกโดให้พ้นภัยมาตั้งแต่ ยุคแรก ชาวฮอกไกโดจึงพากันมาสักการะขอพร อยู่เสมอ
ภายในเมืองซัปโปโรมี “เทศกาลหิมะ” (Sapporo Snow Festival) ที่เป็นจุดหมายส�าคัญของเราใน ทริปนี้ แต่ละปีจะมีนกั ท่องเทีย่ วจากทัว่ โลกกว่า 2,000,000 คนเดินทางมาชมความงดงามของประติมากรรม หิมะในเทศกาลนีช้ ว่ งต้นเดือนกุมภาพันธ์ และก่อนทีเ่ ทศกาลหิมะจะยิง่ ใหญ่และมีรปู แบบการจัดงานเหมือน ในทุกวันนี้ ก่อนนั้นคณะกรรมการจัดงานจะน�านักเรียนมัธยมปลายจากหลายโรงเรียนในเมืองซัปโปโรมา ช่วยกันสร้างประติมากรรมหิมะขึ้นในบริเวณ “สวนสาธารณะโอโดริ” ที่เดิมทีประติมากรรมหิมะรุ่นแรกที่ สร้างขึ้นในปี 1950 จะมีความสูงมากที่สุดเพียง 7 เมตร และมีเพียงแค่ 6 ชิ้นเท่านั้น ต่อมาในปี 1953 มี การสร้างประติมากรรมที่มีขนาดสูงขึ้นถึง 15 เมตร และเมื่อสูงขึ้นก็จ�าเป็นต้องใช้หิมะจ�านวนมากจึงต้อง ใช้รถบรรทุกและรถแทรกเตอร์มาช่วยในการขนหิมะ จึงนับเป็นจุดเริม่ ต้นของการสร้างประติมากรรมหิมะ และพัฒนามาจนมีรูปแบบอย่างที่เห็นในปัจจุบันซึ่งถือเป็นครั้งที่ 66 แล้ว
88 |
ย้อนไปในปี 1954 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มเปิดให้ชาวบ้านเข้าร่วมสร้างผลงาน ปีถัดมาก็มีผู้เข้าร่วมแสดงผลงานมากขึ้นเป็นล�าดับ เทศกาลนี้ประสบความ ส�าเร็จอย่างมากจนเมือ่ ญีป่ นุ่ ได้รบั โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวเมื่อปี 1972 ภาพของงานเทศกาลหิมะจึงได้ถูกน�าเสนอสู่สายตา ชาวโลก กระทัง่ ปี 1974 คณะกรรมการจัดงานได้เปิดให้ผสู้ ร้างงานประติมากรรม จากทั่วโลกร่วมแสดงงานภายใต้ชื่อ “International Snow Sculpture Contest” ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลหิมะ และในครั้งที่เราเดินทาง ไปชมนั้นเป็นการจัดงานในครั้งที่ 42 คนไทยเองก็เป็นส่วนส�าคัญของเทศกาลที่ยิ่งใหญ่นี้จากการเข้าร่วม แข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 มาแล้วหลายครั้ง แต่ที่น่าเสียดาย ส�าหรับปีนี้ก็คือเราได้เข้ามาชมงานในช่วงที่หิมะละลายไปก่อนจะเดินทาง มาถึง จึงไม่ทนั ได้ชนื่ ชมผลงาน แต่กย็ ังภาคภูมิใจที่ประเทศไทยได้รบั รางวัล นี้ทั้งที่เราเป็นประเทศเขตร้อนและไม่เคยมีหิมะตกเลยแม้แต่นิดเดียว ความหนาวเย็นอาจมีส่วนสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางมายัง ฮอกไกโด แต่ความน่าสนใจในแง่มุมอื่นนั้นก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ ต้องการมาเยือนฮอกไกโดในครั้งต่อไป เพราะทั้งดอกลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน ปูยักษ์และราเมนที่ซูซูคิโนะ หรือจะเป็นก้อนน�้าแข็ง “Drift ice” ที่ลอยมา จากรัสเซียแถบฝั่งทะเลโอคอตสค์ในฤดูหนาวก็ยังสร้างเสน่ห์ให้กับฮอกไกโด ได้ตลอดกาล นั่นก็เพราะ...Hokkaido, more than cold! Special Thanks
Modern Plus Travel Co.,Ltd. www.modernplus.com 02 148 1980
Seven Holiday Dotcom Co., Ltd www.sevenholiday.com 02 948 4561
| 89