Say Hi Japan 24 Narita อีกมุม by Checktour Magazine 56

Page 1

Say Hi Japan : iSSUE 24 JULy 2015

Narita ...อีกมุม

88 |


จุดเด่นหนึ่งในหลายๆ อย่างที่เราได้สัมผัสเมื่อร่วมงาน กับ “บริษัท โคริ แพลนนิ่ง จ�ากัด” ก็คือการสรรค์หามุม ท่องเที่ยวดีๆ ใหม่ๆ ในญี่ปุ่นให้เราได้รู้จักเสมอ โดยเฉพาะกับ ทริปล่าสุดทีเ่ พิง ่ ท�าให้เราได้รวู้ า่ “นาริตะ” คือแหล่งท่องเทีย ่ ว ชัน ้ ยอดอีกแห่งหนึง ่ ของญีป ่ น ุ่ เพราะทีผ ่ า่ นมาพูดถึงนาริตะ ทีไรทั้งเราเองและคนไทยส่วนใหญ่ก็คุ้นกันในชื่อของสนาม บินที่เพียงแค่ผ่านมาผ่านไปแวะขึ้นลงเครื่องบินเท่านั้น แต่ เอาเข้าจริงแล้วนาริตะคือเมืองที่น่าสนใจและน่าเที่ยวมาก มองข้ามไปได้ตั้งนานจนได้มารู้จักนาริตะแบบเจาะลึกกันก็ ครั้งที่ได้ไปเที่ยวพร้อมแพลนเนเชียนี่แหละ และที่ลืมไม่ได้เลย ก็คือทริปนี้เหมือนเราได้ย้อนรอยละครดังทางช่อง 3 เรื่อง “The Rising Sun” และภาพยนตร์ “ฟัดจังโตะ” ที่รับรองว่า คอละครเห็นแต่ละฉากส�าคัญของเรือ ่ งแล้วต้องจ�าได้แน่นอน

เมืองนาริตะที่เราก�าลังจะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวด้วยกันครั้งนี้เป็นเมืองหนึ่งของ จังหวัดชิบะ และก็เป็นเมืองทีม่ คี วามส�าคัญในแง่ของการเป็นทีต่ งั้ ของสนามบินนานาชาติ เก่าแก่ของประเทศ ได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองที่เพียบพร้อมไปทุกด้านเรื่อยมา แต่การพัฒนาของนาริตะกลับไม่ได้ทา� ให้เสน่หข์ องเมืองทีม่ ปี ระวัตคิ วามเป็นมายาวนาน นั้นต้องสูญหายไป บรรยากาศเก่าๆ ของเมืองยังคงถูกเก็บรักษาไว้ กลายเป็นความ ผสมผสานในแบบที่เราเองยังคิดว่าหาชมไม่ได้บ่อยนักในเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่น เราเริม่ ต้นทริปนีก้ นั ตัง้ แต่เครือ่ งบินลงจอดทีส่ นามบินนาริตะ จากสนามบินจะมี เส้นทางคมนาคมทีส่ ะดวกมากไม่วา่ จะเดินทางต่อไปทีไ่ หนก็มใี ห้เลือกใช้ทงั้ รถชัตเทิลบัส รถบัสประจ�าทางและรถไฟ โดยเฉพาะชัตเทิลบัสจากสนามบินจะมีรับส่งไปยังสถานที่ ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในนาริตะ เช็ครอบเช็คเวลากันให้ดีเพราะจะช่วยให้เดินทาง กันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ครั้งนี้เราพักกันที่ “Marroad Hotel” โรงแรมที่ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินเพียง แค่ 15-20 นาที จึงมีรถรับส่งของโรงแรมที่มารอรับถึงสนามบิน และต้องขอแนะน�าให้ คุณผู้อ่านได้รู้จักกับ Marroad Hotel ที่จะเหมาะมากส�าหรับใครก็ตามที่ลงเครื่องที่ สนามบินนาริตะ โรงแรมนีถ้ อื ว่าสะดวกสบายทีส่ ดุ ด้วยจ�านวนห้องพักมากถึง 800 ห้อง มีพื้นที่จอดรถบัสกว้างกว่าโรงแรมไหนๆ ในย่านนี้และเหมาะส�าหรับกรุ๊ปทัวร์ไทยที่ พากันมาเป็นคันรถ

| 89


ทีเ่ จ๋งสุดส�าหรับ Marroad Hotel ก็คอื การมีววิ สวยๆ ให้ชมจากมุมห้อง อาหารบนชั้น 13 ที่จะสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา นอกเหนือจากภาพ เครือ่ งบินเหินฟ้าตัดกับท้องฟ้าสีสวยทีม่ ใี ห้ชมกันเพลินๆ กันตลอดทัง้ วันแล้ว ในช่วงที่ท้องฟ้าสดใสเราจะมองเห็นได้ไกลไปถึงภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว ทั้งยังมีบุฟเฟ่ต์นานาชาติและเลาจน์ยามค�่าส�าหรับช่วงเวลาแห่งการนั่งจิบ เครื่องดื่มเย็นๆ ในบรรยากาศดีๆ เข้าพักที่นี่รับรองไม่มีผิดหวัง แถมยัง สะดวกในการเดินทางไปกลับจากสนามบินนาริตะอีกด้วย จาก Marroad Hotel เราใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์กนั อีกแค่ประมาณ 20-30 นาทีก็ไปถึง “สถานีรถไฟเจอาร์นาริตะ” (JR Narita Station) ซึ่งเป็น จุดเริ่มต้นทริปนี้ของเรา ย่านนี้ส�าหรับใครที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง สามารถแวะเข้าไปที่ “Tourist Information Office” ที่จะมีข้อมูลแนะน�า สถานที่ท่องเที่ยวทั่วนาริตะไว้ให้พร้อม เจ้าหน้าที่สามารถเจรจาสื่อสารด้วย ภาษาอังกฤษได้ เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่ได้วางแผนท่องเที่ยวมาก็เข้ารับ ค�าแนะน�าทีน่ ไี่ ด้สบายมาก และในบริเวณนีเ้ รือ่ ยไปจนถึงถนนสายส�าคัญทีจ่ ะ พาเราไปสู่ “วัดนาริตะซัน” Naritasan Temple ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของเรา ทางการของเมืองจะมี Free Wi-Fi ให้ใช้ด้วย ทั้ง Username และ password ขอรับได้ที่ Tourist Information Office ทันที มองเห็นมาสคอตประจ�าเมืองนาริตะเป็นรูปตัวการ์ตูนกึ่งเครื่องบิน กึ่งปลาไหล สอบถามดูจึงได้รู้ว่านอกจากจะเป็นเมืองแห่งสนามบินแล้ว นาริตะยังมีปลาไหลเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารชื่อดังที่สุดของเมือง เมื่อน�า ของดีที่สุดของเมืองมารวมกันก็กลายเป็นมาสคอตน่ารักชื่อว่า “อูนาริคุง” (Unari-kun) ที่เราจะเห็นมีอยู่กระจายทั่วเมืองทั้งเป็นสติ๊กเกอร์ ตุ๊กตาและ สินค้าที่ระลึก เส้นทางจากสถานีรถไฟเจอาร์นาริตะจะมีถนนสายน้อยๆ ตัดผ่านเข้า ซอยนั้นออกตรอกนี้ และก็เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านขนม ร้านอาหารมากมาย มีร้านกาแฟ และร้านราเมงอร่อยๆ ให้แวะกันได้ตลอด แต่มาถึงนาริตะทั้งทีคุณผู้อ่านต้องแวะชิม “ข้าวหน้าปลาไหล” ที่เราบอกไป แล้วข้างต้นว่าเป็นของดีของดังของนาริตะ แถบนีจ้ งึ มีรา้ นขายข้าวหน้าปลาไหล ให้เห็นอยู่หลายร้าน จุดขายส�าคัญของร้านค้าเหล่านี้คือการจัดมุมหน้าร้าน ให้เป็นจุดแล่ปลาไหลโชว์กนั สดๆ เพือ่ ให้ลกู ค้าได้เห็นถึงความสดและถือเป็น สีสันของแต่ละร้าน

90 |

อีกทั้งยังมีโรงคาบูกิ ร้านอาหารไทยและโรงสาเกเก่าแก่อายุเป็นร้อยปี อยู่ด้วย ต้องลองแวะชิมขนมในร้านดังอย่าง “คินโตกิ” ที่มีขนมโอบันยากิ แสนอร่อยซึง่ แม้แต่หนังสือพิมพ์นวิ ยอร์กไทมส์ยงั เคยกล่าวถึงว่าเป็นร้านขนม ที่ขายดีท่ีสุดในญี่ปุ่นและโด่งดังมาก และขนมของร้านนี้จะมีช่ือเฉพาะเป็น ของตัวเองว่า “อามาทาโร่ยากิ” เดินผ่านถนนสายยาวกันมาจนถึงวัดนาริตะซัน วัดแห่งนี้มีอายุนับถึง วันนี้ก็มากกว่าพันปีแล้ว แต่ส�าหรับบ้านเรือนชาวบ้านที่เราเห็นเรียงรายสอง ข้างถนนนี้เพิ่งมีมาเมื่อกว่า 300 ปีที่ผ่านนี้เอง อีกเรื่องหนึ่งที่โดดเด่นของ นาริตะก็คือการเป็นเมืองบ้านเกิดของตระกูลผู้สืบทอดคาบูกิชื่อดังของญี่ปุ่น การจัดแสดงคาบูกิในนาริตะจึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ท�าให้นาริตะเจริญขึ้น เพื่อการเปิดรับผู้หลงใหลในการแสดงเก่าแก่ชนิดนี้


วัดนาริตะซันหรือในชือ่ จริงว่า “วัดนาริตะซันชินโชจิ” (Naritasan Shinshoji Temple) ยังคงความสวยงามอยู่ถึงปัจจุบันและพลังศรัทธาของชาวญี่ปุ่นที่มี ต่อวัดแห่งนี้ก็ไม่เคยลดน้อยลงด้วยความเชื่อว่าเมื่อได้เข้ามาสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดนาริตะซันแล้วชีวิตจะมีแต่ชัยชนะและความส�าเร็จ ยิ่งหากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคมถนนหน้าวัดตลอดสาย จะเต็มไปด้วยผู้คนแน่นไปทุกพื้นที่จนต้องปิดถนนห้ามรถเข้าออก ผู้คนต้อง รอกันนาน 4-5 ชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงภายในวัดได้แต่ก็ไม่มีใครถอย ด้านหน้า มีบ่อน�้าส�าหรับช�าระล้างมือและปากตามธรรมเนียม เมื่อเข้าสู่ภายในเราจะ มองเห็นโคมไฟขนาดใหญ่สแี ดงสดทีแ่ ขวนอยูใ่ ต้ซมุ้ ประตูนมิ ง (Nimon Gate) ซึ่งได้รับการลงขันบริจาคจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดปลาสึกิจิ มีอาคารหลายหลังภายในวัดที่สวยงามจากการดูแลรักษาอย่างดี มีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นอาคารหลักของวัด ด้านหนึ่งมีเจดีย์ไม้ 3 ชั้นที่ โดดเด่นด้วยสีสนั และรูปทรงแปลกตา เจดียห์ ลังนีส้ ร้างขึน้ ในสมัยเอโดะ ตกแต่ง ด้วยรูปแกะสลัก “คิรนิ ” (Kirin) หรือทีเ่ ราเรียกกันว่า “กิเลน” ซึง่ ถือเป็นสัตว์ มงคลอีกชนิดหนึง่ และเพราะกิเลนไม่กนิ เนือ้ แต่จะกินหินเป็นอาหาร ท�าให้ รอบเจดียจ์ ะมีหนิ วางไว้โดยรอบ กิเลนเป็นสัญลักษณ์แทนความสงบสุข ความ มีสนั ติภาพและไม่ขดั แย้ง จึงน�าแต่ความเป็นสิรมิ งคลมาให้สถานทีแ่ ห่งนี้ หากสนใจบูชาเครื่องรางและเสี่ยงเซียมซีภายในวัดก็แนะน�าให้ไปฝั่ง ตรงข้ามเจดีย์ 3 ชั้น รวมทั้งอีกด้านหนึ่งของวัดจะมีศาลเจ้าแห่งความรักที่ ชาวญี่ปุ่นนิยมเขียนชื่อตัวเองและคนรักไว้ด้วยกันบนแผ่นไม้แล้วแขวนไว้ ภายในบริเวณศาลเจ้าเป็นการถือเคล็ดให้รักกันยาวนาน ส่วนด้านหลังวัดก็ จะมีสวนสาธารณะ และสระน�้าให้คนผ่านไปผ่านมาได้นั่งพักหรือเดินเล่น ท่ามกลางบรรยากาศที่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงซากุระบาน สวนแห่งนี้จะยิ่งสวยงามอย่างที่สุด ในย่านวัดนาริตะซันเราได้แวะกินข้าวกันที่ “ร้านอาหารโยเนยะ” (Yoneya Restaurant & Souvenir Shop) ที่ต้องถือว่าเป็นร้านยอดนิยมใน ย่านนีม้ ากว่า 40 ปีซงึ่ แตกสาขามาจากบริษทั แม่ทดี่ า� เนินธุรกิจผลิต “ขนมโยกัง” (Yokan) และขนมชื่อดังอีกหลายชนิดมานานถึง 115 ปี ร้านอาหารโยเนยะ

โดดเด่นด้วยอาหารเซ็ตที่มีหมูนาโนฮานะและข้าวทาโกะที่เป็นอาหารถิ่น ของชิบะ รวมทั้งในเซ็ตยังมีเทมปุระและซุป ลูกค้ายังสามารถเติมข้าวและ ซุปได้แบบไม่อนั้ อีกด้วย ร้านนีเ้ หมาะมากส�าหรับกรุป๊ ทัวร์ไทยเพราะสามารถ รองรับลูกค้าได้มากถึง 480 คน สามารถน�ารถบัสเข้าจอดได้มากถึง 28 คัน เซ็ตอาหารจองล่วงหน้าเพียงแค่ 2 วันพร้อมแจ้งงบประมาณเท่านั้น ส่วน นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางด้วยตัวเองก็แวะเข้ามาพบกับอาหารตามสั่งได้ เพราะมีเมนูอร่อยให้เลือกมากมาย และยังมีมมุ สินค้าทีร่ ะลึกให้เดินช้อปย่อย อาหารได้ด้วย หากนั่งรถมาจากสนามบินถึงร้านโยเนยะก็ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

| 91


Narita Yume Farm ผ่านจากย่านถนนหน้าวัดเราเดินทางต่อไปที่ “นาริตะ ยูเมะ ฟาร์ม” (Narita Yume Farm) ที่แต่เดิม เป็นแค่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ธรรมดาทั่วไป แต่หลังจากปี 1887 เป็นต้นมาก็เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้ง ฟาร์มและร้านค้าร้านอาหาร ยิ่งร้านซอฟต์ครีมของที่นี่ ต้องห้ามพลาด ภายในฟาร์มนักท่องเทีย่ วจะได้ชมความ น่ารักของนานาสัตว์ประจ�าฟาร์มอย่างแกะ แพะ วัว ม้า กระต่าย ฯลฯ ที่เราสามารถชมและร่วมให้อาหารได้ แต่ประเด็นส�าคัญของเราทีม่ าถึงฟาร์มแห่งนีก้ ค็ อื การได้ เข้าไปชิมสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้น ได้รับข้อมูลว่าจะ กินสตรอเบอร์รใี่ ห้อร่อยก็ตอ้ งเป็นช่วงเดือนมกราคมถึง กลางเดือนเมษายน เราจะได้รบั ถาดพลาสติกคนละ 1 ใบ และด้วยราคา 1,700 เยนเราจะสามารถเด็ดสตรอเบอร์รี่ กินได้แบบไม่อั้นในเวลา 20 นาที ช่วงเดือนเมษายน ราคาจะลดลงบ้ า งตามสั ด ส่ ว นเพราะเป็ น ช่ ว งใกล้ หมดฤดูและสตรอเบอร์รี่ก็จะเริ่มลดขนาดลง จะให้ดี มกราคมเหมาะสมทีส่ ดุ เพราะจะได้พบกับสตรอเบอร์รี่ ลูกโตหวานหอมที่จะอร่อยกันแบบไม่รู้ลืม

จุดเด่นของไร่สตรอเบอร์รี่แห่งนี้คือจะปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ เลย ทันทีที่หมดฤดู สตรอเบอร์รไี่ ปแล้วก็จะน�าหญ้าลงปลูกเพือ่ ให้เป็นตัวช่วยดูดซึมของเสียเพือ่ ให้ดนิ สะอาด ปล่อยให้ อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสภายในโรงเรือนช่วงฤดูร้อนเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมช่วยฆ่าเชื้อโรค ในดินโดยไม่ต้องใช้สารเคมีช่วย จากนั้นก็เตรียมลงสตรอเบอร์รี่ใหม่อีกครั้งในเดือนกันยายน เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าท�าไมสตรอเบอร์รี่ของ นาริตะ ยูเมะ ฟาร์ม ถึงได้หวานอร่อยขนาดนี้

และมาถึงญีป่ นุ่ ก็ตอ้ งมองหาแหล่งชอปปิง้ กันจนเหมือนเป็น ธรรมเนียมไปแล้ว นาริตะไม่นอ้ ยหน้าใครเพราะมี “ชิซยุ เอาท์เลต” (Shisui Outlet) ศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 200 ร้าน กระจายทัว่ พืน้ ที ่ มีฟดู้ คอร์ดสะอาดและกว้างใหญ่ มากมายหลาก หลายด้วยอาหารหลายประเภทจนเรารู้สึกได้ว่าเป็นฟู้ดคอร์ดที่ดู ดีทสี่ ดุ เท่าทีเ่ คยเห็นมา มีปอ๊ บคอร์นแบรนด์ “การ์เร็ต ป๊อปคอร์น” (Garrett Popcorn) ที่ฮิตกันทั่วโลกขายที่นี่ด้วย และส�าหรับนัก ท่องเที่ยวต่างชาติแค่เพียงแสดงหนังสือเดินทางก็จะได้รับบัตร ส่วนลดส�าหรับซื้อสินค้ามากมาย ชิซุย เอาท์เลตตั้งอยู่ห่างจาก สนามบินเพียงแค่นั่งรถยนต์ 15 นาทีเท่านั้น จึงเป็นโอกาสดีหาก ใครก็ตามที่ต้องนั่งรอต่อเครื่องบินไปที่อื่นและมีเวลามากพอก็ สามารถนัง่ ชัตเทิลบัสจากสนามบินทีม่ ี 14 รอบใน 1 วันมาชอปปิง้ ที่นี่แทนการนั่งเหงาอยู่ในสนามบิน ราคาค่ารถ 500 เยนต่อคน แวะมาชอปปิ้งฆ่าเวลาได้สบายๆ เลย

92 |

ทีต่ อ้ งแนะน�าให้ได้สา� หรับทริปนีก้ ค็ อื ร้านอาหารอร่อยของนาริตะ นัน่ คือข้าวหน้า ปลาไหลจากร้าน “คาวาโตโยะ เบคคัง” (Kawatoyo Bekkan) ทีเ่ ราได้มีโอกาสไปลอง ดินเนอร์กัน 1 มื้อ ร้านนี้เคยถูกใช้เป็นฉากหนึ่งในละคร The Rising Sun ด้วย อาหาร ทีเ่ ราได้สมั ผัสเป็นเซ็ตเมนูทอี่ ร่อยทุกจาน โดยมีขา้ วหน้าปลาไหลถูกยกเสิรฟ์ เป็นจาน สุดท้ายซึง่ ท�าให้เราเข้าถึงความเป็นอาหารขึน้ ชือ่ ของนาริตะได้อย่างสมบูรณ์แบบทีส่ ดุ กับรสชาติที่อร่อย เนื้อปลานุ่มฉาบด้วยซอสบางๆ เข้ากันดีกับข้าวสวยที่แม้ว่าจะกิน กันมาหลายเมนูแล้วแต่เจอข้าวหน้าปลาไหลอร่อยขนาดนีเ้ ข้าไปท�าให้เรายังอยากกิน แบบลืมอิ่มกันเลย ส่วนอีกร้านทีเ่ คยถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรือ่ งฟัดจังโตะก็คอื ร้าน “Tanakasyouten” ทีม่ อี าหารสไตล์ปง้ิ ย่างซึง่ โดดเด่นด้วยเนือ้ วัวนุม่ ๆ โดยเฉพาะชุดเนือ้ วัวสุดพิเศษ “Tanaka mori” หรือหากไม่กนิ เนือ้ วัวก็มเี นือ้ หมูหมักสูตรพิเศษให้เลือกพร้อมเครือ่ งเคียง อีกมากมาย แม้แต่เครือ่ งดืม่ ก็มใี ห้เลือกหลากหลาย เหมาะมากส�าหรับการเลือกเป็นมือ้ เย็นทีจ่ ะสังสรรค์กนั เล็กน้อยข้างเตาย่างเนือ้ ทีจ่ ะช่วยเพิม่ บรรยากาศการพูดคุยให้สนุก มากขึน้ อีกเท่าตัว


Samurai Village “BoSo” No mura โปรแกรมถัดไปเป็น “หมู่บ้านซามูไร” (Samurai Village “Boso” no mura) ที่เดินทางจากสนามบิน ได้ง่ายๆ ด้วยรถบัสไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น ที่นี่จะถูกสร้างให้มีสภาพเป็นญี่ปุ่นในยุคเอโดะ โบราณไปทุกซอก มุมจนเหมือนเราย้อนยุคกลับไปได้จริง มีอาคารบ้านเรือนเก่าๆ ให้ได้เข้าไปชมบรรยากาศ ได้เรียนรู้ความ เป็นมาและวิถชี วี ติ ความเป็นอยูข่ องคนยุคเก่า นักท่องเทีย่ วสามารถเช่าชุดซามูไรของทีน่ เี่ ดินเทีย่ วเล่นภายใน หมู่บ้านเพื่อการเข้าถึงบรรยากาศกันแบบสุดตัวไปเลยก็ได้ แต่เพราะพืน้ ทีท่ วั่ หมูบ่ า้ นซามูไรมีขนาดกว้างใหญ่พอๆ กับโตเกียวดิสนียแ์ ลนด์ ฉะนัน้ หากนักท่องเทีย่ ว เพียงแวะไปชมโดยที่มีเวลาไม่มากนักเราขอแนะน�า 3 ไฮไลท์ส�าคัญของหมู่บ้านซามูไรที่ต้องชมให้ได้ ซึ่งใช้ เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแน่นอน ส่วนแรกคือตรอกซอกซอยภายในที่มีบ้านโบราณขนาบข้างโดยตลอด ส่วนที่ 2 และ 3 คือการชมรูปแบบบ้านซามูไรและบ้านชาวนาที่ยังคงเก็บรักษารูปทรงเดิมของบ้านโบราณยุคเก่าไว้ไม่ เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะบ้านชาวนาที่จ�าลองทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้สมจริงที่สุด ซึ่งส�าหรับบ้านชาวนานอกจาก จะเปิดให้นกั ท่องเทีย่ วเข้าชมแล้ว ยังเปิดให้นกั เรียนได้เข้ามาพักแรมเพือ่ เรียนรูแ้ ละลงมือปลูกข้าวด้วยตัวเอง ให้ได้รู้จักที่มาของข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวันนั้นว่าผ่านมือชาวนามาอย่างยากล�าบากแค่ไหน ซึ่งเราเองเพียง แค่ชมผ่านสายตายังรับรู้ถึงบรรยากาศเหล่านั้นได้ชัดเจน แต่ถา้ มีเวลามากกว่านัน้ เราสามารถเดินชมได้ทวั่ บริเวณหมูบ่ า้ นซามูไรแห่งนี ้ เพราะจะมีทงั้ ร้านขายยา โบราณ ร้านผลิตเทียนลวดลายสวยๆ ทีเ่ ราสามารถลงมือท�าเองได้ดว้ ยในราคา 350 เยน แต่ถา้ เลือกซือ้ เทียน ลายสวยๆ ทีท่ างร้านท�าไว้แล้วราคาจะอยูท่ ี่ 500 เยน มีรา้ นขายผ้าผืนงามส�าหรับน�าไปตัดเป็นกิโมโนทีค่ ง รูปแบบเก่าๆ ไว้ได้อย่างน่าชม และก็ดจู ะแปลกตาส�าหรับเราชาวไทย รวมถึงร้านชงชาทีม่ ไี ว้ให้ได้แวะนัง่ พักกัน ในแต่ละปีมีผู้สนใจเดินทางเข้ามาชมหมู่บ้านซามูไรกันประมาณ 270,000 คน และจ�านวน 43,000 คน ของทัง้ หมดเป็นกรุป๊ ทัวร์ นักเรียนก็ประมาณ 39,000 คน สรุปได้ใจความว่าเป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทีไ่ ด้รบั ความ นิยมอย่างมาก และหากใครอยากเปลีย่ นบรรยากาศไม่อยากกินโซบะหรืออุดง้ ของร้านต่างๆ ภายในหมูบ่ า้ น ซามูไรก็สามารถแวะไปที่ร้านอาหารด้านหน้าทางเข้าได้ ซึ่งจะมีอาหารสากลไว้รอให้บริการ

| 93


มุมชอปปิ้งอีกแนวที่ต่างไปจากเอาท์เลตก็ต้อง “ห้างสรรพสินค้าอิออน” ชอปปิ้งมอลล์ยอดนิยมที่ทุกกรุ๊ปทัวร์ไทยที่มีเป้าหมายในสนามบินนาริตะมักจะ แวะช้อปกันก่อนกลับบ้านเสมอ แทบไม่ต้องสาธยายว่าห้างฯ อิออนมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าสินค้าทุกชนิดทีใ่ ช้ตงั้ แต่หวั จดเท้าหาซือ้ ได้ครบในอิออนนาริตะ รวมถึง สินค้าส�าหรับสัตว์เลีย้ งและฟูด้ คอร์ดขนาดใหญ่ทเี่ ลือกได้เต็มทีก่ บั สารพันอาหาร ที่ต้องการ แต่ถ้าเที่ยวญี่ปุ่นหลายวันแล้วคิดถึงอาหารไทยก็มีให้บริการบริเวณ ชัน้ 1 ของตัวอาคารห้าง อร่อยไม่แพ้กนิ ในบ้านเราเอง แก้คดิ ถึงบ้านได้ดนี กั เชียว

นาริตะอาจจะเกินคาดไปสักหน่อยส�าหรับบางคนทีไ่ ม่เคยรูม้ าก่อนว่าเมืองนีม้ สี ถาน ที่ท่องเที่ยวเยอะแยะขนาดไหน เท่าที่เราแนะน�ามาคงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอีกมากมาย ซึ่งต้องรอคุณผู้อ่านเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง จะรวมทริปเข้ากับโปรแกรมโตเกียวเลย ก็ยิ่งดี เพราะโตเกียวจะได้บรรยากาศหนึ่ง นาริตะก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง แต่รวมแล้ว ความประทับใจที่ได้รับรองว่าคุณผู้อ่านจะลืมไม่ลงแน่นอน

Special ThankS

www.koriplanning.com

94 |


V T n o r u o t k c Che

ine z a g a M tour k c e h C , 70 by 4 5 ง A ช่อ -16.30 น. k c o l B า 16.00

าร์ ทุกวันเส Rerun

เวล

ร์ วันจันท าร วันอังค หัส วันพฤ ์ วันศุกร

0 น. 3 . 4 1 4.00 . เวลา 1 1.00 น 2 0 3 . 0 . เวลา 2 0.30 น 1 0 0 . 0 เวลา 1 .30 น. 3 1 0 0 3. เวลา 1



V T n o r u o t k c Che

ine z a g a M tour k c e h C , 70 by 4 5 ง A ช่อ -16.30 น. k c o l B า 16.00

าร์ ทุกวันเส Rerun

เวล

ร์ วันจันท าร วันอังค หัส วันพฤ ์ วันศุกร

0 น. 3 . 4 1 4.00 . เวลา 1 1.00 น 2 0 3 . 0 . เวลา 2 0.30 น 1 0 0 . 0 เวลา 1 .30 น. 3 1 0 0 3. เวลา 1


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.