Say Hi Japan 39 Ibaraki by Checktour Magazine 71

Page 1

Say Hi Japan : iSSUE 39 OCTOBER 2016

ฮอกไกโด อิบารากิ ชิบะ ตอนที่ 2

ห่างกันไปหนึง ่ ฉบับส�าหรับทริปน�าเทีย ่ วฮอกไกโด อิบารากิและชิบะ รูส ้ ก ึ ผิดทีท ่ ง ิ้ คุณผูอ ้ า่ นไว้ในฉบับทีแ่ ล้วตรงท่าเรือหลังจาก เที่ยวฮอกไกโดกันมาเต็มอิ่มและได้เวลาลง เรือเฟอร์รี่ซันฟลาวเวอร์ (Sunflower) เดินมหาสมุทรเพื่อมุ่งหน้าออกจากฮอกไกโดไป เทีย ่ วกันต่อในจังหวัดอิบารากิ พืน ้ ทีส ่ วยๆ และโดดเด่นอีกหนึง ่ ในภูมภ ิ าคคันโต แต่กอ ่ นจะเดินทางถึงอิบารากิกระซิบบอกคุณอ่าน ล่วงหน้าเลยว่า 1 คืนบนเรือเฟอร์รี่ซันฟลาวเวอร์นั้นสนุกสุดยอดมากเลย


หากคุณผู้อ่านเคยคุ้นกับภาพเรือเฟอร์รี่ สุดหรูสไตล์เรือส�าราญล�าใหญ่ทั่วไปที่น�าเที่ยว ข้ามมหาสมุทรไปยังหลายประเทศเราขอบอกว่า “เรือเฟอร์รซ ่ี น ั ฟลาวเวอร์” (Sunflower) ไม่ได้เป็น เช่นนั้น แต่เฟอร์รี่ซันฟลาวเวอร์เป็นเรือโดยสาร ธรรมดาด้วยรูปแบบโดยรวมทัง ้ ห้องพักและห้อง อาหาร แต่กลับพิเศษด้วยการเพิ่มกิจกรรมน่า สนุกให้ค�่าคืนของการเดินทางกลางมหาสมุทร ไม่น่าเบื่อและไม่เวิ้งว้างชวนเหงา หากคุณผู้อ่าน ไม่ ไ ด้ ต ้ อ งการความหรู ห ราแสงสี เ สี ย งหรื อ ความบั น เทิ ง แบบสุ ด เหวี่ ย ง เราคิ ด ว่ า เฟอร์ รี่ ซันฟลาวเวอร์ให้ความรู้สึกของการพักผ่อนและ ท�ากิจกรรมเบาๆ สบายอกสบายใจได้ดีทีเดียว

เรือเฟอร์รี่ซันฟลาวเวอร์ (Sunflower) ภายในเรือมีทุกความสะดวกสบายเต็มขั้น ห้องพักมีหลายรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบห้องรวมที่ แยกหญิงชายเป็น 2 ฝั่งในห้องขนาดใหญ่พร้อมปู ที่นอนนอนสบายกับพื้นส�าหรับผู้ที่คาดหวังเพียง การพักค้างแค่ 1 คืนโดยไม่ได้ต้องการความเป็น ส่วนตัวมากนักแต่มีเพื่อนนอนรวมกันแทบจะเต็ม ห้อง ใช้ห้องน�้ารวมและอาบน�้าในออนเซนที่แยก ส่วนส�าหรับหญิงและชายเช่นกัน หรือหากเดินทาง พร้อมแก๊งเพือ่ นก็สามารถเลือกห้องรวมเตียง 2 ชัน้ ที่มีทั้งห้อง 4 เตียง 8 เตียงและ 12 เตียง เพื่อให้ ห้องทั้งห้องเป็นของเราและสนุกกับหมู่มวลร่วม แก๊งได้ตลอดคืน

88 |

แต่หากชอบความเป็นส่วนตัวกว่านั้นก็มีห้องเตียง เดี่ยวหรือเตียงคู่ที่มีห้องน�้าและพื้นที่นั่งเล่นส�าหรับพูดคุย หรือจิบชาในตัว รวมทัง้ ห้องส�าหรับครอบครัวพ่อแม่ลกู ก็มี แบบเตียงคูข่ นาดใหญ่พร้อมโซฟานัง่ เล่นนอนเล่น และห้อง พักทุกแบบสามารถใช้บริการออนเซนภายในเรือได้ ส่วน ห้องอาหารของเรือก็มีให้บริการในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ที่ค่อน ข้างใส่ใจในรายละเอียดเพราะจะมีข้อมูลส่วนผสมของ อาหารแต่ละเมนูแสดงไว้ชดั เจนเพือ่ ผูท้ แี่ พ้อาหารบางชนิด สามารถเลือกกินได้อย่างปลอดภัย ส่วนกิจกรรมสนุกบน เรือจะมีชดุ ยูกาตะหลายแบบหลากสีสนั ให้เราเลือกสวมใส่ เข้ า กั บ บรรยากาศ มี กิ จ กรรมวาดรู ป ลงสี ตุ ๊ ก ตา ปูนปลาสเตอร์และอืน่ ๆ อีกมากมาย นอกจากนีภ้ ายในเรือ ยังมีตู้กดสินค้าต่างๆ ให้บริการทั้งอาหาร ขนมและ เครื่องดื่ม รวมทั้งมุมตู้เกมก็มีอยู่ด้วย บอกแล้วว่าอยู่ บนเรือทั้งคืนไม่มีเบื่อแน่นอน


Ibaraki จังหวัดอิบารากิ

Ibaraki เมนไตพาร์ค โออาราอิ (Mentai Park Oarai)

ว่ากันว่าอิบารากิมีสถานที่ท่ีสวยงามและ เหมาะมากส�าหรับการเฝ้ารอถ่ายภาพสวยๆ ทัง้ ก่อนพระอาทิตย์ขนึ้ และหลังพระอาทิตย์ตกอยูท่ ี่ เมือง “โออาราอิ” (Oarai) นั่นคือ “ศาลเจ้า โออาราอิ อิโซซากิ” (Oarai Isosaki Jinja) ศาล เจ้าที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมน�้า และที่โดดเด่นยิ่งกว่า คือการมีเสาโทริอติ งั้ อยูบ่ นโขดหินในทะเล ยาม พระอาทิตย์ขึ้นลงมุมนี้สวยงามที่สุดและเป็นที่ เฝ้ารอของบรรดาตากล้องทั้งหลายมาตลอด เพราะถือเป็นหนึง่ ในสถานทีถ่ า่ ยภาพทีส่ วยงาม ที่สุดในญี่ปุ่น ศาลเจ้าโออาราอิ อิโซซากิเป็นสถานที่

เราเดินทางถึงอิบารากิแล้วก็เริม ่ ต้นเดินหน้าสูส ่ ถานทีท ่ อ ่ งเทีย ่ วต่างๆ ต้องเล่าก่อน ว่าจังหวัดอิบารากิมีที่เที่ยวเยอะมาก มีเมือง “มิโตะ” (Mito) เป็นเมืองหลวงและมีสถาน ทีเ่ ก่าแก่ทเี่ ป็นไฮไลท์สา� คัญเพราะอิบารากิเคยยิง ่ ใหญ่มาแต่อดีตและเป็นสถานทีแ่ ห่งความ เป็นมาของบุคคลผู้หนึ่งแห่งตระกูลโตกุกาวะ “โตกุกาวะ โยชิโนบุ” (Tokugawa Yoshi nobu) ผู้เป็นโชกุนแห่งแคว้นมิโตะ เป็นโชกุนล�าดับที่ 15 และเป็นโชกุนคนสุดท้ายแห่ง รัฐบาลโชกุนโตกุกาวะของญี่ปุ่นก่อนเกิดเหตุการณ์ปฏิรูปเมจิ ฉะนั้นเที่ยวอิบาราอิใน หลายเมืองจะท�าให้เราได้ย้อนชมอดีตและของเก่าของแก่กันเพลินไปเลย

แต่ก่อนที่จะไปชมความเป็นมาอื่นๆ ในอิบารากิและมิโตะเรามาแวะกิน “เมนไตโกะ” (Mentaiko) ไข่ปลาค็อดปรุงรสแบบญี่ปุ่นที่คนไทยหลายคนหลงใหลในรสชาติ แต่ครั้งนี้พิเศษสุดเพราะ เราได้มาชิมเมนไตโกะที่ “เมนไตพาร์ค โออาราอิ” (Mentai Park Oarai) อาณาจักรแห่งเมนไตโกะ ที่มีเมนไตโกะหลายรสชาติให้เลือก และสุดยอดตรงที่ไม่ได้มีแค่สินค้าแต่ที่นี่มีนิทรรศการให้ความรู้ ที่บอกถึงเส้นทางการได้มาของเมนไตโกะตั้งแต่เริ่มต้นจากตัวปลาจนถึงสร้างไข่ในท้องและมาเป็น เมนไตโกะแสนอร่อยอย่างที่เราได้กินกัน ภายในเมนไตพาร์คนอกจากจะมีนทิ รรศการต่างๆ ให้เราได้ชมแล้วยังได้ชมกรรมวิธกี ารผลิต ภายในโรงงานที่สะอาดได้มาตรฐาน มีผลิตภัณฑ์จากเมนไตโกะให้เราเลือกซื้อหลายแบบ ทั้งแบบ พร้อมกินที่มีให้ชิมกันเต็มที่และแบบพร้อมให้เราน�าไปเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารอื่นๆ ที่ ถูกใจมากก็คอื ข้าวเกรียบเมนไตโกะ ผงโรยข้าวเมนไตโกะและไอศกรีมเมนไตโกะทีอ่ ร่อยและเข้ากัน อย่างเหลือเชื่อ เข้ามาเที่ยวชมเมนไตพาร์คกันอยู่พักใหญ่ก็อิ่มท้องไปตามๆ กัน

ศักดิส์ ทิ ธิท์ สี่ ร้าง ขึ้ น เมื่ อ ปี 856 เพื่อบูชาสองเทพเจ้า “โอนามุจิโนะมิโคโตะ” (Onamuchi no Mikoto) เทพผู้ประทานความ มัง่ คัง่ ร�า่ รวย และ “ซุคนุ ะบิโกนะ โนะ มิโคโตะ” (Sukunabikona no Mikoto) เทพเจ้าผูป้ ระทาน สุขภาพดีและความสุขสมหวังแด่ผู้ศรัทธา มี เสาโทริ อิ ใ หญ่ อี ก ต้ น ภายในศาลเจ้ า ซึ่ ง บรรยากาศโดยรอบเงี ย บสงบและไม่ มี ผู ้ ค น พลุกพล่าน แต่เท่าที่เดินชมทั่วบริเวณต่อให้ ไม่ใช่ชว่ งพระอาทิตย์ขนึ้ หรือลงก็ยงั มีความรูส้ กึ ว่าศาลเจ้าแห่งนี้สวยงามมากอยู่ดี

สวนผักและผลไม้มินามิคะจุเองเกะ (Minami Kajuengei) ผิดคาดที่สุดเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเรานึกว่าเมล่อนที่โด่งดังและอร่อย ที่สุดอยู่ในฮอกไกโด ที่ไหนได้ มาถึงอิบารากิจึงได้รู้ว่าแหล่งปลูกเมล่อนและ เมล่อนทีอ่ ร่อยเป็นอันดับหนึง่ ของญีป่ นุ่ อยูท่ อี่ บิ ารากินเี่ อง เราไปย�า้ ความจริง เรือ่ งนีก้ นั ที่ “สวนผักและผลไม้มนิ ามิคะจุเองเกะ” (Minami Kajuengei) สวน ผักและผลไม้ทมี่ เี มล่อนเป็นตัวหลัก เรามีโอกาสได้ชมสวนเมล่อนในโรงเรือน ที่มีเมล่อนลูกโตพร้อมเก็บละลานตาไปหมด ระหว่างเลือกซื้อเจ้าของสวนก็ บรรจงเก็บเมล่อนมาหั่นให้ชิมกันหวานฉ�่าจนเคลิ้มไปกับรสชาติ แต่อย่าลืมว่าส�าหรับเมล่อนแล้วในตลอดปีสวนมินามิคะจุเองเกะจะเปิด ขายเฉพาะวันที่ 1 มิถุนายนถึง 1 กรกฎาคมตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น นอกเหนือจากนี้สวนปิดและทั้งปีจะเปิดขายแค่ช่วง เดือนเดียว การเข้ามาที่สวนแห่งนี้ตามเวลาที่ก�าหนดเราสามารถเลือก

ชิมเมล่อนได้ในราคา 525 เยน หรือกินเมล่อนไม่อั้นภายในเวลา 30 นาทีคิด ราคาส�าหรับผูใ้ หญ่ 1,260 เยนและเด็ก 840 เยน ส่วนเด็กอายุนอ้ ยกว่า 5 ขวบ กินฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ต้องจองเข้ามาล่วงหน้า และหากเลือกซื้อเมล่อน แพ็กใส่กล่องกลับบ้านก็คิดราคา 1 กิโลกรัมต่อ 800 เยน จะหยิบจะคว้าลูก ไหนสามารถตัดจากต้นแล้วอุ้มไปชั่งเองได้เลย ขึ้นชื่อว่าเป็นเมล่อนจาก สวนมินามิคะจุเองเกะแล้วรับประกันความหอมหวานและอร่อยแน่นอน

| 89


โคโดคัง (Kodokan) ผ่านจากลุยสวนเมล่อนเราก็มาเริ่มต้นชมสถานที่เก่าแก่ใน ต�านานของอิบารากิกันที่ “โคโดคัง” (Kodokan) อดีตสถานศึกษา ชื่อดังและยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นในยุคที่ยังมีการ ปกครองแบบแคว้น และผู้ที่มีสิทธิ์เข้ามาเรียนที่นี่ก็คือเหล่าขุนนาง และซามูไรทั้งหลาย โดยมีการเรียนการสอนทั้งวิชาทั่วไปและ กลยุทธ์การสู้รบส�าหรับซามูไรแห่งแคว้นมิโตะในอดีต ความขรึม ขลังของโรงเรียนเก่าแห่งนีเ้ ริม่ ต้นตัง้ แต่หน้าประตูไม้ทใี่ นอดีตประตู บานนี้มีไว้ส�าหรับไดเมียวผ่านเข้าออกเท่านั้น และใกล้ๆ กันเป็น จุดที่ตั้งของ “ปราสาทมิโตะ” (Mito Castle) ที่ปัจจุบันไม่มีเหลือ อยู่แล้ว มีการริเริ่มสร้างโรงเรียนแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 1835 แต่ได้เริ่มต้น สร้างกันจริงๆ ก็ในปี 1840 จากนั้นก็มีการต่อเติมเรื่อยมาใน 15 ปี หลังจากนั้น ผู้สร้างโรงเรียนแห่งนี้ก็คือ “โตกุกาวะ นาริอากิ” (Tokugawa Nariaki) ไดเมียวแห่งแคว้นมิโตะซึ่งเป็นแคว้น 1 ใน 3 ภายใต้การปกครองของบุคคลในตระกูลโตกุกาวะ ทุกวันนี้พื้นที่ ทีเ่ คยเป็นแคว้นมิโตะก็คอื พืน้ ทีส่ ว่ นใหญ่ของอิบารากิ และโตกุกาวะ นาริอากิก็คือบิดาของโตกุกาวะ โยชิโนบุนั่นเอง ภายในโรงเรียนเก่าแห่งนี้ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นต้อง ชอบแน่นอนเพราะมีความเป็นมาและอดีตแฝงอยู่ในทุกมุมอาคาร ภายนอกเราจะได้เห็นพื้นที่กว้างที่เหมือนเป็นลานกิจกรรมส�าหรับ การนั่งสอบกลางแจ้ง การเรียนฟันดาบ ยิงธนู ลานขี่ม้า และการ ต่อสู้อื่นๆ ส่วนภายในมีห้องต่างๆ แยกเป็นสัดส่วนทั้งห้องเรียน ห้องประชุม ห้องเรียนวิชาการแพทย์และดาราศาสตร์ เรามองเห็น การจารึกตัวหนังสือบ่งบอกถึงปณิธานในการก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อการผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศจนมีความ รู้สึกว่าโคโดคังเสมือนเป็นต้นแบบของโรงเรียนอีกหลายแห่งใน ปัจจุบันที่ยังคงอยู่เพื่อสะท้อนอารยธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นยุคนี้รวม ทั้งยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่แห่งตระกูลโตกุกาวะ ในอดีตที่เคยปกครองญี่ปุ่นมานานถึง 250 ปี

90 |

หอศิลป์แห่งมิโตะ (Art Tower Mito) จุ ด ที่ สู ง ที่ สุ ด เท่ า ที่ เ รา ม อ ง เ ห็ น ใ น ย ่ า น นี้ ก็ คื อ “หอศิ ล ป์ แ ห่ ง มิ โ ตะ” (Art Tower Mito) สิ่งก่อสร้างที่ สร้ า งขึ้ น ในปี 1990 และ ถูกออกแบบได้แปลกตาจนดู ต่างไปจากอาคารอืน่ โดยรอบ เพราะถู ก สร้ า งให้ บิ ด เป็ น เกลี ย วสู ง ขึ้ น ไปบนอาคาร ถึง 100 เมตร จนเมื่อเข้า มาชมใกล้ ๆ จึ ง ได้ เ ห็ น ว่ า อาคารสร้างให้ดูคล้ายกันที่ แท่งสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ เรียงซ้อนกันจนถึงชั้นสูงสุด เป็ น สถานที่ ร วบรวมศิ ล ปะ เกื อ บทุ ก แขนงไว้ ด ้ ว ยกั น และก็ ก ลายเป็ น หอส� า หรั บ ชมทิ ว ทั ศ น์ ข องเมื อ งมิ โ ตะ ไปด้วยในตัว ผู้ออกแบบให้หอศิลป์ แห่งนีแ้ หวกแนวไม่เหมือนใคร ก็คอื สถาปนิกนามว่า “อาราตะ อิโซซากิ” (Arata Isozaki) และเนรมิตให้ภายในมีทงั้ โรงละคร สถาบันการดนตรีและพิพธิ ภัณฑ์ศลิ ปะร่วม สมัย บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมการแสดงละครเวที คอนเสิร์ตวงออร์เคสตร้า และชมงานศิลปะภายในหอศิลป์ได้ ส่วนอาคารชั้นเดียวด้านล่างฝั่งตรงข้าม จะมีทั้งร้านอาหาร เครื่องดื่มและร้านจ�าหน่ายสินค้าที่ระลึกทั่วไป


อิบารากิฟลาวเวอร์พาร์ค (Ibaraki Flower Park) ไม่คอ่ ยได้เจอสวนทีม่ กี หุ ลาบมากมายขนาดนีส้ กั เท่าไร เพิง่ จะได้มาชมและเดิน ส�ารวจจนทั่วเป็นครั้งแรกที่นี่ “อิบารากิฟลาวเวอร์พาร์ค” (Ibaraki Flower Park) ที่ มีกุหลาบกว่า 800 สายพันธุ์และมากกว่า 30,000 ดอก รวมทั้งดอกไม้ชนิดอื่นๆ ทั้ง ไฮเดรนเยีย โบตั๋น ไอริสอีกกว่า 250 ชนิดรวมแล้วก็เฉียดหมื่นต้น นับแต่เดินผ่าน ประตูสวนเข้ามาเราจะมองเห็นทางเดินน�าไปยังเนินเขาสูงเบือ้ งหน้าทีม่ โี ดมแก้วคล้าย เรือนกระจกขนาดใหญ่ และตลอดทางเดินที่ว่านี้ก็จะเต็มไปด้วยแปลงดอกกุหลาบ เต็มไปหมด เดินขึ้นเนินอาจจะชวนเมื่อยอยู่สักหน่อยแต่ดอกไม้ที่บานละลานตาก็ ยั่วยวนให้ลืมเหนื่อยเดินขึ้นไปจนถึงยอดโดมจนได้ ภายในโดมกระจกที่สร้างเป็นแท่งครึ่งวงกลมหันหน้าเข้าหากันจะจัดเป็นสวน ดอกไม้ในร่มและก็เป็นดอกไม้รูปทรงแปลกตาไม่ค่อยเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็ สวยงามสีสดน่าชม มีม้านั่งให้หย่อนใจ และเมื่อขึ้นมาถึงโดมแล้วมองลงไปยังแปลง กุหลาบก็จะได้เห็นภาพสวยๆ ของดอกไม้เต็มพื้นที่ ส�าหรับช่วงชมดอกไม้หากเป็น กุหลาบอยู่ระหว่างปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ดอกไฮเดรนเยีย ช่วงกลางเดือนมิถนุ ายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม และโบตัน๋ ช่วงสิน้ เดือนเมษายนถึงต้น เดือนพฤษภาคมของทุกปี

สวนไครากุ (Kairakuen) มีสวนเก่าแก่และสวยงามซึ่งเคยเป็นของ โตกุกาวะ นาริอากิมาก่อนและเปิดให้คนทัว่ ไปเข้า ชมได้ซึ่งนอกจากจะมีพื้นที่ของสวนแล้วยังมีบ้าน หลังเก่าของไดเมียวท่านนีท้ สี่ ร้างขึน้ ในยุคศักดินา อยูด่ ว้ ย ก่อนนัน้ เต็มไปด้วยขุนน�า้ ขุนนางเดินกันให้ ขวักไขว่ อีกทั้งชื่อ “สวนไคราคุ” (Kairakuen) ยัง ตั้ ง ขึ้ น เพื่ อ ให้ มี ค วามหมายว่ า “สวนที่ ทุ ก คน สามารถเข้ามาเพลิดเพลินด้วยกันได้” พื้ น ที่ ข องสวนจั ดว่ า อยู ่ ใ นภู มิ ทั ศ น์ ที่ ดี ออกแบบจัดวางทันสมัยแม้จะเป็นสวนเก่า จุดเด่น ของทีน่ คี่ อื การได้เข้ามาชมต้นไม้ดอกไม้ในช่วงฤดู ร้อน ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้รว่ ง มากมายไปด้วยต้น พลัมหรือต้นบ๊วยร้อยกว่าสายพันธุ์ที่รวมแล้วมี มากกว่า 3,000 ต้น ยามที่ออกดอกพร้อมกันทั่ว

สวนจะสะพรั่งไปด้วยสีขาวและสีชมพูของดอก บ๊วยน่าชมมากๆ สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1841 ก็ เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของโตกุกาวะ นาริอากินนั่ เอง ปัจจุบนั ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 ของสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย เมื่อเข้าสู่ช่วง “เทศกาลดอกบ๊วยมิโตะ” (Mito Ume Matsuri) ที่ จัดขึ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ถึง 31 มีนาคม ชาวบ้านชาวเมืองจะชวนกันมาเทีย่ วชมสวนแห่งนี้ มากมาย นักท่องเที่ยวอย่างเราหากเดินทางมาถึง ในช่วงนี้ก็ถือว่าโชคดีที่สุด ที่สวนไคราคุเราได้เข้าไปชม “โคบุนเตะ” (Kobuntei) บ้านไม้สามชั้นหลังเก่าของโตกุกาวะ นาริอากิที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อน เพราะ ปกติ แ ล้ ว โตกุ ก าวะ นาริ อ ากิ จ ะพ� า นั ก อยู ่ ใ น

ปราสาทมิโตะ เมื่อเป็นสถานที่พักผ่อนโคบุนเตะ จึงออกแบบตกแต่งภายในอย่างสวยงามแยกออก เป็นห้องต่างๆ และแต่ละห้องจะตกแต่งเป็นห้อง ส�าหรับดอกไม้แต่ละฤดูกาล โดยเฉพาะห้องดอก บ๊วยที่มีการลงลายเป็นรูปดอกบ๊วยลงบนบาน ประตูเลื่อนและฉากภายในห้องสวยงามมาก บ้านหลังนีเ้ คยถูกท�าลายไปบ้างแล้วเมือ่ ครัง้ สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นอีก ครัง้ เราเดินชมบ้านทัง้ หลังและขึน้ ไปจนถึงชัน้ บน สุดที่สามารถมองเห็นวิวสวนไคราคุได้ชัดเจนและ สวยงาม และก็ต้องชะโงกหน้าลงไปชมอย่างทึ่ง ทีส่ ดุ เมือ่ ได้เห็นช่องจัดส่งอาหารจากชัน้ ล่างถึงชัน้ บนของบ้าน โดยบรรดาแม่บ้านและหญิงรับใช้ทั้ง หลายที่ท�างานอยู่ชั้นล่างจะจัดส่งอาหารขึ้นมายัง พืน้ ทีข่ องเจ้านายชัน้ บน ด้วยความสูงชันของบันได ที่อาจไม่สะดวกนักในการเดินหอบอาหารและ น�้าขึ้นลง จึงมีการสร้างช่องส�าหรับชักรอกส่ง อาหารขึ้นมาในแต่ละมื้อ ว่ากันว่าสิ่งนี้น่าจะ เป็นต้นก�าเนิดลิฟต์ชิ้นแรกของโลกเลยทีเดียว เพียงแต่ยงั ไม่ได้เป็นลิฟต์ขนส่งผูค้ น เพราะใช้เพียง ส่งข้าวของและอาหารเท่านั้น

| 91


นาเมกาตะฟาร์ม (Namegata Farms) มีมุมส�าหรับอาหารมื้อกลางวันที่ยอดเยี่ยม มากใน “นาเมกาตะฟาร์ม” (Namegata Farms) ที่ นี่ เ ป็ น ฟาร์ ม ขนาดใหญ่ ที่ มี ผ ลผลิ ต ทางการ เกษตรมากมาย ผักผลไม้สดมีอยู่เพียบ เด่นที่สุด เห็นจะเป็นมันหวานเนื้อสีม่วงและข้าวโพด แต่ ก่อนที่จะไปเดินชมผลผลิตทางการเกษตรเราไป แวะกินอาหารอร่อยกันที่ “นาเมกาตะฟาร์ม วิลเลจ” (Namegata Farms Village) อาณาจักร แห่งอาหารสุขภาพ เครือ่ งดืม่ และพืชผักผลไม้สด มี มั ก กะโรนี พิ ซ ซ่ า รสชาติ ย อดเยี่ ย มและ สลัดบาร์ โดยเฉพาะทีห่ า้ มพลาดคือมันหวานเนือ้ สีม่วงที่หวานสมชื่อและข้าวโพดสดที่แม้กินดิบก็ ยังอร่อยมาก ผละจากอาหารเที่ยงเราก็ไปชมพิพิธภัณฑ์ มันหวานเพือ่ ชมการเดินทางของมันหวานหัวโตๆ ทีผ่ า่ นการแปรรูปจนกลายมาเป็นขนมอร่อยชือ่ ดัง จนท�าขายแทบไม่ทันเพราะได้รับความนิยมมาก เมื่อได้ลองชิมขนมมันหวานที่ว่านี้ก็ไม่แปลกใจ เพราะอร่อยจริงๆ นอกจากนัน้ พืน้ ทีพ่ พิ ธิ ภัณฑ์ยงั มีนิทรรศการเพื่อให้ข้อมูลและความเป็นมาของ ผลิตภัณฑ์รวมทั้งฟาร์มแห่งนี้ด้วย

92 |

สนามฟุตบอลคาชิมะ (Kashima Soccer Stadium) เรามีเป้าหมายถัดไปเป็นการเดินทางสู่เมืองคาชิมะเพื่อไปชมสนาม ฟุตบอลใหญ่ประจ�าเมืองและสถานทีท่ นี่ า่ สนใจอืน่ ๆ โดยมีจดุ แวะเทีย่ วทีแ่ รก เป็นแหล่งกุหลาบกันอีกสักแห่งที่ “สวนฮามานาสึ” (Hamanasu Garden) เพื่อชมกุหลาบสวยๆ พันกว่าต้นและร่วมสนุกกันในสวนสนุกเล็กๆ ที่มีผู้คน แวะเวียนกันเข้ามาเล่นตลอดวัน จากนั้นก็ได้เวลาไปพบกับ “สนามฟุตบอล คาชิมะ” (Kashima Soccer Stadium) แห่งอิบารากิ นี่คือสนามเหย้าของทีม “คาชิมะ แอนท์เลอร์ส” (Kashima Antlers) และเป็นครั้งแรกที่เราได้มาเยือน สนามแห่งนี้ยิ่งใหญ่และได้มาตรฐานโดยจุผู้ชมได้มากถึง 40,672 ที่นั่ง นอกจากจะใช้แข่งขันฟุตบอลลีกญี่ปุ่นแล้วในบางโอกาสยังใช้เป็นสนามฝึก ซ้อมและแข่งขันฟุตบอลในงานกีฬาโรงเรียนของเมือง มีพื้นที่จอดรถกว้าง ขวางและมีอาคารพิพธิ ภัณฑ์เพือ่ การท�าความรูจ้ กั กับบรรดานักเตะของทีมทัง้ ในอดีตถึงปัจจุบัน มีถ้วยรางวัลจัดแสดงพร้อมบอกเล่าประวัติความเป็นมา สนามแห่งนี้ มีมมุ จัดแสดงเสือ้ นักเตะครบทุกคนทุกหมายเลขพร้อมจ�าหน่าย สินค้าที่ระลึกทุกชนิดของคาชิมะ แอนท์เลอร์สด้วย


ห้างสรรพสินค้าเชรีโอ้ (Kashima Cheerio) ได้เวลาช้อปปิ้งกันที่ “ห้างสรรพสินค้าเชรีโอ” (Kashima Cheerio) ห้างสรรพสินค้าประจ�าเมืองทีใ่ หญ่โตไม่นอ้ ย มีรปู แบบคล้าย ห้างสรรพสินค้าทัว่ ไปทีม่ สี นิ ค้าทุกชนิด เสือ้ ผ้า กระเป๋า รองเท้าแบรนด์ ญี่ปุ่นและแบรนด์สากล มองเห็นว่ามีร้านสินค้าแบรนด์เนมมือสองอยู่ เหมือนกัน สภาพและราคาน่าสนใจมาก ชั้นล่างสุดมีซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ค่อนข้างหลากหลายกับสินค้าจ�าพวกของกินของใช้ ผักผลไม้ เครื่องส�าอาง เครื่องไฟฟ้า สินค้าส�าหรับเด็กและร้านอาหาร ผ่านมา อิบารากิแนะน�าให้แวะที่นี่สัก 2 ชั่วโมงรับรองว่าได้ช้อปแน่นอน

เทมปุระเท็นยะ (Tenya Tempura)

มาถึงคาชิมะมีค�าแนะน�าให้ฝากท้องในมื้อเย็นไว้ที่ “เทมปุระ เท็นยะ” (Tenya Tempura) ร้านเทมปุระชื่อดังและมักถูกเสนอชื่อให้ คนต่างชาติลองมาชิมเสมอเพราะอร่อยมาก ร้านเท็นยะไม่ใหญ่มาก มีเคาน์เตอร์ให้เรานั่งชมเชฟทอดเทมปุระให้กินกันสดๆ แต่ละ ประเภทของเทมปุระทั้งกุ้ง ปลาและผักต่างๆ จะถูกเชฟคีบมาเสิร์ฟ กันตรงหน้าพร้อมอาหารพิเศษอื่นๆ ที่ทยอยเสิร์ฟในระหว่างรอ เทมปุระ ทั้งปลาดิบ ไก่ทอดและสลัด ต้องยกนิ้วให้ทุกเมนูเพราะ อร่อยมากๆ

ศาลเจ้าคาชิมะ (Kashima Jingu Shrine) ส�าหรับสุดยอดไฮไลท์ของการเที่ยว เมืองคาชิมะต้องเป็นทีน่ ี่ “ศาลเจ้าคาชิมะ” (Kashima Jingu Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ ที่สุดแห่งภูมิภาคคันโตและมีชื่อเสียงมาก แต่ก่อนจะเดินเท้าถึงศาลเจ้าคาชิมะเรา เลีย้ วเข้าร้านขนม “มารุซงั โรโฮ” (Marusan Roho) เพื่อชิมโมจิถั่วแดงและไดฟุกุไส้ มะเขือเทศทั้งลูกที่แปลกและยังไม่เคยกิน มาก่อน อร่อยยิ่งกว่านั้นคือน�้าแข็งไสราด ด้วยน�้าสตรอเบอร์รี่หวานชื่นใจ ร้านนี้เปิด มาตั้งแต่ปี 1822 ถือเป็นร้านเก่าแก่และตั้ง อยู่ห่างจากศาลเจ้าคาชิมะแค่ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น เราเดินทางมาที่ศาลเจ้าคาชิมะใน ครัง้ นีด้ ว้ ยจุดประสงค์หลายอย่าง คือทัง้ มา สักการะเทพเจ้าที่สถิตภายในศาลเจ้าและ มาชมการแข่งขัน “โคบุโด” (Kobudo) ซึ่ง เป็นศิลปะการต่อสู้ที่จะจัดพิธีแข่งขันใน เดือนมิถนุ ายนภายในศาลเจ้าเพือ่ ถวายให้ องค์ เ ทพได้ ช มตามประเพณี ค วามเชื่ อ มีการจัดเวทีและเปิดโอกาสให้นกั ท่องเทีย่ ว เข้าชมได้ มีผทู้ เี่ ชีย่ วชาญในศิลปะการต่อสู้ นี้ขึ้นเวทีมาแสดงให้เราได้ชมกัน

ด้วยความที่มีชื่อเสียงศาลเจ้าคาชิมะ จึงมีนักท่องเที่ยวมากมาย แต่พื้นที่ของ ศาลเจ้าก็กว้างใหญ่จนไม่รสู้ กึ ถึงความแออัด นับตั้งแต่แรกสร้างเมื่อ 660 ปีก่อนคริสต์ ศักราชก็ได้รับความนับถือเรื่อยมา บริเวณ ทางเข้าเรามองเห็นเสาโทริอิขนาดใหญ่สูง ประมาณ 10 เมตรท�าด้วยไม้ใหญ่ทั้งต้น ทราบจากไกด์ท้องถิ่นว่าแต่เดิมนั้นเสาโทริอิ ต้นเก่าทีเ่ คยตัง้ อยูใ่ นจุดนีเ้ ป็นเสาหินแต่ตอ้ ง ล้มลงมาแตกหักเสียหายเพราะเกิดแผ่นดิน ไหว เพื่อป้องกันความเสียหายเช่นนี้อีกจึง เปลี่ยนไปใช้เสาโทริอิที่ท�าด้วยไม้แทน พื้นที่ของศาลเจ้าคาชิมะที่เทียบได้ เท่ากับ 15 เท่าของโตเกียวโดมนั้นมีต้นไม้ ใหญ่อายุเกินพันปีเป็นจ�านวนมาก ท�าให้ทั่ว ศาลเจ้ากลายเป็นพืน้ ทีท่ รี่ ม่ รืน่ เหมือนป่าทึบ อากาศพลอยเย็นสบายไปด้วย นับรวมแล้ว ต้นไม้ทงั้ ใหญ่นอ้ ยทัว่ พืน้ ทีศ่ าลเจ้ามีมากกว่า 100,000 ต้น และมากกว่า 600 ชนิด เรา เข้าไปกินอาหารมื้อเที่ยงซึ่งเป็นโซบะและ ขนมดังโงะกันใต้ร่มไม้ริมบ่อน�้าศักดิ์สิทธิ์ที่ ไหลลงมาจากภูเขาซึ่งคนที่น่ีเชื่อกันว่าหาก ได้ดื่มกินก็จะเป็นสิริมงคลกับชีวิต

| 93


เมืองอิตาโกะ (Itako) เรานั่งรถบัสแวะเวียนมาจนถึงเมือง “อิตาโกะ” (Itako) เมืองแห่งสายน�้า เมืองแห่งดอกไม้และเมือง แห่งอาหารอร่อย อิตาโกะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น�้า “คิตาโตเนกาวะ” (Kitatonegawa) และมีชื่อเสียงมา ตั้งแต่ปี 1600 ในอดีตยุคที่ยังไม่มีเส้นทางคมนาคม และรถรามากมายเท่าทุกวันนี้ชาวบ้านเขาใช้แม่น�้า สายใหญ่สายนี้เป็นเส้นทางล่องเรือล�าเลียงทั้งมนุษย์ และสินค้าไปยังเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการท�าการค้า ร่วมกับเอโดะหรือโตเกียวในอดีตก็ใช้เส้นทางนี้นี่เอง ก่อนจะถึงสถานที่ท่องเที่ยวในอิตาโกะเราแวะ จุ ด พั ก รถรองท้ อ งกั น ด้ ว ยขนมอร่ อ ย “นิ จิ โ ดระ” (Nijidora) ที่มีรูปทรงคล้ายโดรายากิสารพัดไส้ที่มา พร้อมโยเกิร์ตนมสดที่อร่อยมากๆ และใช้เวลานิด หน่อยในการเดินชมสินค้าของฝากภายในร้านเล็กๆ ของจุดแวะพักรถแห่งนี้ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่จุดที่ สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาโกะ นั่นคือสวนซุยโก อิตาโกะอายาเมะ สวนซุยโกอิตาโกะอายาเมะ (Suigo Itako Ayamae) ใครมาเทีย่ วอิตาโกะต้องมาทีน่ ่ี “สวนซุยโก อิตาโกะอายาเมะ” (Suigo Itako Ayamae) พืน้ ที่ ชมดอกอายาเมะหรือดอกไอริสที่สวยงามเลียบ “แม่น�้ามาเอกาวะ” (Maekawa River) ที่ไหลผ่านไป บรรจบกับ “แม่น�้าฮิตาจิโทเนะ” (Hitachitone River) แม่น�้าทั้งสอง สายนี้นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมธรรมชาติได้ หรือจะเลือกเดิน ชมดอกอายาเมะสีม่วงสวยๆ ก็ได้อีกเหมือนกัน เพราะพื้นที่ตรงนี้จัด ให้มีทางเดินเลื้อยไประหว่างหมู่มวลดอกอายาเมะที่จะเดินชมหรือ หยุดถ่ายรูปก็ได้ มีสะพานเดินข้ามแม่น�้าเพิ่มบรรยากาศและทิวทัศน์ ได้มากมาย ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายนของทุกปีเรา จึ ง มั ก เห็ น นั ก ท่ อ งเที่ ย วเดิ น ทางมาชมเทศกาลดอกอายาเมะกั น มากมาย แต่ดอกอายาเมะกว่าล้านดอกในบริเวณนีก้ ็ไม่ดึงดูดนักท่อง เที่ยวได้มากเท่าพิธีแต่งงานที่ต้องน�าเจ้าสาวลงเรือพายล่องแม่น�้า มาเอกาวะไปส่งตัวให้เจ้าบ่าวที่คอยอยู่ปลายน�้าซึ่งจะมีจัดขึ้นที่สวน ซุยโกอิตาโกะอายาเมะแห่งนี้ พิธีแต่งงานในลักษณะนี้มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ถือเป็น ประเพณีเก่าแก่ส�าหรับเมืองแห่งสายน�้าอย่างอิตาโกะ ทุกวันนี้ยังคงมี อยู่และเปิดโอกาสให้คู่บ่าวสาวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติสามารถ เข้าร่วมได้ เราจะได้เห็นเจ้าสาวและพ่อแม่ลงเรือล�าเดียวกันจากท่าเรือ เล็กๆ ในสวนอายาเมะแล้วฝีพายจะน�าเรือค่อยๆ มุ่งหน้าไปส่งให้กับ เจ้าบ่าวทีอ่ ยูห่ า่ งออกไปราว 500 เมตร ตลอดสองข้างทางจะมีนกั ท่อง เทีย่ วเฝ้ารอชมและรอถ่ายภาพกันเต็มไป เป็นบรรยากาศทีส่ นุกสนาน เหมือนได้ร่วมยินดีไปกับคู่บ่าวสาวด้วย

94 |


เซมเบ้นิชิคุระ (Nishikura Sembei)

วัดนิฮงมัตสึจิ (Nihonmatsuji Temple) เราได้พบ “วัดนิฮงมัตสึจิ” (Nihonmatsuji Temple) อีกหนึ่งเส้นทางเงียบสงบในอิตาโกะที่อยากชวนคุณผู้อ่าน เข้ามาสักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ภายในอาคารหลังเก่าและ สวยงามแม้จะสร้างอย่างเรียบง่าย คนทีน่ เี่ ขาเชือ่ กันว่ามากราบพระ ขอพรกันภายในวัดนิฮงมัตสึจิแล้วจะแข็งแรงมีสุขภาพดีโรคภัยไข้เจ็บก็ ห่างไกล ส่วนของแถมที่ได้มาจากการเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ก็คือทุ่งข้าว เขียวขจีและหมู่มวลดอกไฮเดรนเยีย หลากสีสันทั้งสีชมพู สีม่วง สีฟ้า โดยตัววัดนัน้ ตัง้ อยูบ่ นเนินเขา หากเลือกเดินเข้าวัดโดยเดินขึน้ เนินมาอาจ เหนื่อยเล็กน้อยแต่ข้างทางบรรยากาศดีมาก เพราะร่มรื่นและละลานตา ด้วยดอกไฮเดรนเยียมากมายเต็มไปหมด ได้ทั้งชมวัดและชมดอกไม้ไป พร้อมๆ กัน

เคยกิ น ขนม เซมเบ้มาก่อนแล้ว แต่ยังไม่เคยไปชม กรรมวิ ธี ก ารผลิ ต ที่ไหนจนได้มาพบ ร้ า นผลิ ต เซมเบ้ “นิชิคุระ” (Nishikura Sembei) ร้านเซมเบ้ชื่อดังอีก แห่งในคาชิมะ ร้านนีไ้ ด้รบั ความนิยมและขายดิบขาย ดีมีลูกค้าขาประจ�าเพียบ เซมเบ้ที่ท�าออกมาขายหมด วันต่อวัน แต่ที่ชอบมากคือร้านนี้ยังคงท�าเซมเบ้แบบ โบราณโดยไม่มีเครื่องจักรช่วยเลย เราจึงได้ชมการ ย่างแผ่นเซมเบ้แบบอุตสาหกรรมครอบครัวทีอ่ บอุน่ กัน หน้าเตาทุกวัน ทั้งพ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสะใภ้และ หลานๆ ความรู้สึกที่ได้ต่างจากโรงงานผลิตเซมเบ้ ทั่วไปแต่เกิดความประทับใจในรูปแบบการผลิตขนม แบบนี้มาก เซมเบ้จากร้านนิชิคุระใช่จะอร่อยเพราะท�าใหม่ ทุกวันอย่างเดียว แต่ยังอร่อยเพราะซอสที่เคลือบอยู่ บนตัวขนมซึ่งทั้งหอมและช่วยเพิ่มรสชาติให้แผ่นแป้ง กรอบๆ ยิ่งอร่อยมากขึ้น สนุกยิ่งกว่านั้นคือเรายังได้ ทดลองย่างเซมเบ้ไปกับสมาชิกในครอบครัวนีท้ พี่ ดู คุย กับพวกเราอย่างเป็นกันเองทัง้ ได้ชมิ ขนมอร่อยและได้ ท�าความรูจ้ กั กับร้านผลิตเซมเบ้แบบดัง้ เดิมทีร่ สู้ กึ ว่ามี เสน่ห์มากมายให้เราสัมผัสได้

วัดโจโชจิ (Choshoji Temple) ไปศาลเจ้ า มาแล้ ว คราวนี้ ไ ปชมวั ด เก่ า กั น บ้ า ง “วั ด โจโชจิ ” (Choshoji Temple) วัดแห่งนีเ้ ก่าแก่มากเพราะสร้างมาตัง้ แต่ปี 1185 ผ่าน หน้าประตูวดั เข้ามามองเห็นแนวต้นเมเปิล้ หนาตาก็พอจะนึกภาพออกว่า ถ้าเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีพื้นที่วัดโจโชจิจะสวยงามขนาดไหน ความเก่า แก่ของวัดแห่งนี้เราเห็นได้จากอาคารหลักหลังแรกเมื่อเดินผ่านประตูวัด เข้ามา อาคารหลังนี้เป็นที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปและเจ้าแม่กวนอิม ที่ใครๆ เข้ามาถึงก็จะแวะนมัสการก่อนเสมอ ใกล้กบั อาคารหลังนีม้ หี อระฆังที่ดูจะเก่าแก่อีกเหมือนกันเพราะถูก น�ามาเก็บรักษาไว้ภายในวัดตั้งแต่ปี 1330 แต่ไม่มีการระบุปีที่หล่อสร้าง ขึ้นมา ด้วยความเก่าแก่ท�าให้การเคาะระฆังชิ้นนี้จะมีขึ้นเฉพาะในวันสิ้น ปีก่อนขึ้นปีใหม่เท่านั้น เนื่องจากกลัวระฆังจะแตกเสียหายด้วยอายุที่ ยาวนานนี้ และหลังจากชมมุมนัน้ มุมนีจ้ นทัว่ วัดแล้วเราก็เข้าไปยังอาคาร เก่าอีกหลังหนึง่ ทีเ่ นรมิตให้เป็นพืน้ ทีส่ า� หรับพักผ่อนและจิบชาเขียวพร้อม ขนมหวานท่ามกลางการชมสวนสวยจนเคลิบเคลิม้ ไปกับบรรยากาศและ ลมพัดเย็นสบาย รวมค่าเสียหายจากอาหารตา อาหารใจและอาหารปาก เพียงแค่ 500 เยนเท่านั้น คุ้มยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

| 95


โรงแรมอิตาโกะ (Itako Hotel) หากคุณผูอ้ า่ นเดินทางไปเทีย่ วอิตาโกะเราขอแนะน�าให้เข้าพักทีน่ ี่ “โรงแรมอิตาโกะ” (Itako Hotel) ด้วยท�าเลยอดเยี่ยมเพราะตั้งอยู่ติดกับสวนซุยโกอิตาโกะอายาเมะ ฉะนั้น สะดวกสบายในการชมสวนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว และดีเลิศยิ่งกว่านั้นคือด้านข้างโรงแรมซึ่ง เป็นแม่น�้าฮิตาจิโทเนะยังเป็นแหล่งชมธรรมชาติโดยมีเรือให้บริการจากทางโรงแรมที่เรา สามารถเลือกล่องเรือชมแม่นา�้ อย่างเดียวหรือเลือกเป็นการนัง่ เรือพร้อมมือ้ อาหารเทีย่ งและ ค�่าด้วยก็ได้ อีกทัง้ สวนซุยโกอิตาโกะอายาเมะยังมีการจัดไฟเพิม่ บรรยากาศการชมสวนในช่วงค�า่ ด้วย หากคุณผู้อ่านเลือกพักที่โรงแรมอิตาโกะการเดินลงมาชมสวนตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น จนพระอาทิตย์ตกและยาวไปถึง 4 ทุ่มยิ่งสะดวกสบายที่สุดเพราะใกล้ที่พักยิ่งกว่าที่ไหนๆ แถมห่างจากโรงแรมแค่เดินเท้า 5 นาทีก็มีมินิมาร์ทใหญ่ส�าหรับหาของกินและเครื่องดื่ม เล็กๆ หน่อยๆ ก่อนนอน แต่อะไรก็ไม่เท่าอาหารอร่อยของโรงแรมที่นอกจากคัดมาแบบ สุดพิเศษแล้วยังตกแต่งจานได้เก๋มาก ครั้งที่เราเดินทางมามีโชว์ต�าขนมโมจิด้วย อาหาร อร่อย บรรยากาศเป็นกันเอง ที่พักก็สะอาดและสบาย ไม่ต้องไปเลือกนอนที่ไหนไกล โรงแรมอิตาโกะนี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว โรงผลิตสาเกไอยู (Aiyu Shuzo)

เทีย่ วในตัวเมืองอิตาโกะให้ได้อกี ประสบการณ์กน็ า่ จะลองเช่าจักรยาน ปั่นเล่นไปรอบเมือง จุดเช่าจักรยานที่จะท�าให้การเริ่มต้นเที่ยวในตัวเมือง อิตาโกะง่ายขึน้ ก็คอื “ศูนย์ขอ้ มูลการท่องเทีย่ วอิตาโกะ” บริเวณสถานทีร่ ถไฟ เจอาร์ (JR Itako Station) ที่จะมาพร้อมข้อมูลและแผนที่ส�าหรับการ ท่องเที่ยวทั่วเมือง อยากเที่ยวตรงไหนก็ปั่นจักรยานไปตรงนั้น แวะง่าย จอดทิ้งก็ปลอดภัย อิสระแบบสองล้อที่ไม่น่าพลาดเลยสักนิด ในตัวเมืองอิตาโกะมี “โรงผลิตสาเกไอยู” (Aiyu Shuzo) ที่เก่าแก่อีก เหมือนกัน โรงสาเกแห่งนี้ด�าเนินกิจการมานานเกือบ 220 ปี ส่งต่อกิจการ จากรุ่นสู่รุ่นและก็สะสมความเชี่ยวชาญในการผลิตเรื่อยมาจนสามารถผลิต สาเกได้อย่างมีมาตรฐานภายใต้เครื่องไม้เครื่องมือทั้งเก่าและใหม่เพิ่มเสริม เข้ามาตามกาลเวลา ที่ส�าคัญคือเจ้าของโรงงานพร้อมให้ข้อมูลด้านการผลิต

ชัดเจนแบบไม่หวงของเลย รวมถึงสาเกของไอยูกม็ หี ลายสูตรและเปิดโอกาส ให้ลูกค้าชิมกันเต็มที่ก่อนซื้อกลับอีกด้วย นอกจากโรงสาเกแล้วเรายังสามารถปั่นจักรยานไปชมชุดเจ้าสาวแบบ โบราณที่จัดแสดงอยู่ในบ้านหลังเก่าริมแม่น�้าอิโซยามะได้ด้วย ที่นี่นอกจาก จะจัดพืน้ ทีเ่ หมือนเป็นจุดแสดงนิทรรศการเกีย่ วกับชุดเจ้าสาวโบราณแล้วยัง สามารถควงคู่ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของตัวเองมาถ่ายท�าวิดีโอเป็นที่ระลึก ส�าหรับงานแต่งงานได้ด้วยโดยสวมใส่ชุดแต่งงานแบบญี่ปุ่นโบราณซึ่งจะยิ่ง เพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับคู่แต่งงานชาวต่างชาติได้ดีเยี่ยม Special ThankS และคงต้องเป็นอีกครั้ ง กั บการทิ้ ง คุ ณผู ้ อ ่ านไว้ กลางทางระหว่ า งเส้ น ทางออกจาก อิบารากิเพื่อไปพบกับจุดหมายสุดท้ายก่อนกลับบ้านที่จังหวัดชิบะ หน้ากระดาษส�าหรับฉบับ นี้หมดแล้วจริงๆ ขออภัยและต้องขอให้คุณผู้อ่านเฝ้ารอพบกันอีกครั้ง ฉบับหน้าเราปิดท้าย ทริปกันที่ชิบะแน่นอน...แล้วเจอกัน

96 |

Travel innovation Japan inc. E-mail: CUSTOMER@TI-J.CO.JP www.ti-j.co.jp





ไต้หวัน

เกาหล

ุ่ ี่ น ญป

แรงชัด ื่อง ณ า ญ สัญ เคร 0 1 ง ึ ถ ้มาก มแชร์ได

ที่ น ่ ื พ ม ุ ล ้หวัน ครอบค ต ไ | น ่ ุ ญี่ป | ี ล ห า เก ศ ท เ ะ ร ป ั่ ว พร้อ

02

nter Call Ce

7 4 4 4 105

ifi 4gpocketw i if 4GPocketw ifi tw @4gpocke


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.