Say Hi Japan 87 Aichi

Page 1

ISSUE 55 FEBRUARY 2018 เรื่องและภาพโดย : พิมเพ็ญ ปิยวนิชพงษ์

ชวนเที่ยวไอจิ ดินแดนภาคกลางของญี่ปุ่น


“ไอจิ ” (Aichi) หนึ่ ง ในจั ง หวั ด เด่ น ของภู มิ ภ าคชู บุ และเป็ น ที่ ตั้ ง ของสนามบิ น นานาชาติ ชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) ประตูเปิดสู่ภาคกลางของญี่ปุ่นที่มีสถานที่ ท่องเที่ยวน่าสนใจชวนให้หลงใหลไปกับวัฒนธรรมเก่าและสภาพธรรมชาติท่ีอุดมสมบูรณ์ ในขณะ เดียวกันส่วนของสนามบินชูบเุ ซนแทรร์กถ ็ ก ู สร้างขึน ้ อย่างทันสมัยยิง ่ ใหญ่อลังการไม่แพ้สนามบินใน ภูมิภาคอื่นเลย ครั้งนี้จึงต้องออกตัวตั้งแต่ต้นทางเลยว่าภูมิใจน�าเสนอเส้นทางท่องเที่ยวในจังหวัด ไอจิเป็นอย่างมาก ที่เที่ยวมีเยอะจนต้องขอน�ามาเล่าต่อ และดีใจแทนคุณผู้อ่านที่จะไม่พลาดคอลัมน์ Say Hi Japan ในฉบับนี้

TOKONAME หรือ “แมวกวัก” (Manekineko) มาถึงเมืองนี้เรา จะเห็นว่ามีรูปปั้นแมวกวักอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะบน เนินเขาฟากทิศเหนือของเมืองจะมีมาเนะกิเนะโกะ ตัวใหญ่ตั้งอยู่ที่แม้จะมีแค่ส่วนหัวแต่ก็มีความสูงถึง 3.8 เมตร และกว้าง 6.3 เมตร ใหญ่โตมากเลยทีเดียว และหากนักท่องเที่ยวอยากรู้เกี่ยวกับกรรมวิธี การผลิตกระเบือ้ งให้มายิง่ ขึน้ ในบริเวณนีย้ งั มี “INAX Museums” พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับกระเบื้อง ตั้งแต่วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต และกระเบื้องใน รูปแบบต่างๆ ของโทโคนาเมะตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบนั และยังได้รวบรวมกระเบือ้ งหลากสไตล์จาก ทั่วโลกมาจัดแสดงเอาไว้ในส่วนของ “INAX Tile Museum” ด้วย ส่วนใครที่อยากลงมือประดิษฐ์ของ ที่ระลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากกระเบื้องสวยๆ ที่นี่ก็มี เวิร์กชอปให้ทดลองฝีมือเช่นกัน

การเดินทางครั้งนี้หลังจากเครื่องบินแตะรันเวย์ สนามบินชูบุเซ็นแทรร์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองนาโกย่า ของจั ง หวั ด ไอจิ เ ป็ น ที่ เ รี ย บร้ อ ยแล้ ว เรานั่ ง รถยนต์ ต่ อ ไปอี ก ประมาณ 10 นาที ก็ ถึ ง จุ ด หมายแรกที่ “เมืองโทโคนาเมะ” (Tokoname) เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่อง เครื่องปั้นดินเผามานมนานนับแต่อดีต เรื่อยมาจน ปัจจุบนั ก็ยงั มีการอนุรกั ษ์ความเป็นเมืองแห่งเครือ่ งปัน้ ดินเผาที่ว่านี้เอาไว้และเราจะเห็นถึงความเป็นมาของ มรดกชาติชิ้นนี้ได้ชัดเจนมากใน “เส้นทางเครื่องปั้น ดินเผา” (Pottery Trails) ที่จะพาเราลัดเลาะไปตาม เนินเขา ผ่านหมู่บ้านและโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผา เก่าแก่โดยทีไ่ ฮไลท์เด่นสุดทีก่ ลายเป็นเอกลักษณ์สา� คัญ ของที่ นี่ จ ะเป็ น ก� า แพงสองข้ า งทางที่ ต กแต่ ง ด้ ว ย เครือ่ งปัน้ ดินเผาโบราณและปูพนื้ ด้วยกระเบือ้ งยุคโชวะ ซึ่งปัจจุบันนี้แทบหาชมได้ยากมาก อีกหนึง่ ผลิตภัณฑ์ ส�าคัญของเมืองโทโคนาเมะก็คือ “มาเนะกิเนะโกะ”

69


AIYA NISHIO

MATCHA GREEN TEA MUSEUM-WAKU WAKU

เราข้ามมาที่เมืองนิชิโอะ (Nishio) เพื่อชมแหล่งผลิตชาเขียวอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นที่ “พิพิธภัณฑ์ไอยะ นิชิโอะ มัทชะ กรีนที” (Aiya Nishio Matcha Green Tea Museum) ซึ่งจัดพื้นที่โรงงานหลักผลิตชาเขียวนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงขั้นตอนการผลิตชาเขียวตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว ไปจนถึงขั้นตอนการ บดจนได้เป็นผงชาเขียวคุณภาพดี ภายในยังมีโซนเวิรก์ ชอปให้ได้ลองบดใบชา เขียวด้วยเครื่องบดเฉพาะของที่นี่ เราสามารถทดลองผสมชาเขียวหลายพันธุ์ ให้ได้รสชาติตามความชอบได้ และยังมีรา้ นค้าทีร่ วมผลิตภัณฑ์จากชาเขียวให้ เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย

LAGUNA TEN BOSCH และก็ต้องไม่พลาดเข้าชมธีมปาร์กขนาดใหญ่ที่ “ลากูน่า เทน บอช” (Laguna Ten Bosch) ที่เป็นทั้งสวนสนุกรวมเครื่องเล่นหลากชนิดทั้งส�าหรับ เด็กและผู้ใหญ่ เป็นสวนน�้าที่เปิดให้บริการในช่วงหน้าร้อน เป็นสวนดอกไม้ “Flower Lagoon” ที่จัดพื้นที่ให้เป็นสวนสวยด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์และ มีการเล่นแสงไฟในช่วงกลางคืนที่จะยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก แต่ที่จัดว่าเป็น ไฮไลท์กค็ อื มีการจัดแสดงแสงสีอลิ ลูมเิ นชัน่ อย่างยิง่ ใหญ่อลังการ โดยเฉพาะ ในบริเวณสระน�้าที่เนรมิตได้เหมือนพระราชวังแห่งแสงสีฟ้าสวย ถ้าได้เดิน ลึกเข้าไปถึงบริเวณริมทะเลก็จะพบกับ “เฟสติวลั มาร์เก็ต” (Festival Market) ห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมๆ ให้เดินช้อปปิ้งกันเพลินๆ พร้อมมีศูนย์อาหาร ที่เน้นอาหารทะเลทั้งประเภทอาหารสดและแบปรุงส�าเร็จให้เลือกกันได้ ตามใจชอบ ในบริเวณลากูนา่ เทน บอชยังเป็นทีต่ งั้ ของ “Henn Na Hotel” โรงแรม ที่มีครอบครัวหุ่นยนต์ไดโนเสาร์คอยให้บริการทั้งต้อนรับและเช็กอินโดยที่ ลูกค้าสามารถสอบถามและพูดคุยกับหุน่ ยนต์ได้สะดวกไม่วา่ จะใช้ภาษาญีป่ นุ่ หรือภาษาอังกฤษ แม้กระทัง่ ในห้องพักก็ยงั สามารถออกค�าสัง่ ด้วยเสียงในการ เปิดปิดไฟและใช้งานโทรทัศน์ได้สะดวกและชวนให้รสู้ กึ สนุกสนานมาก 70


FUTAGAWA SHUKU HONJIN MUSEUM ที่เมืองโทโยฮาชิ (Toyohashi) เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ วัฒนธรรมการเดินทางของชาวญี่ปุ่นในยุคเอโดะที่ “พิพิธภัณฑ์ ฟุตากาวะ-ชูคุ ฮอนจิน” (Futagawa Shuku Honjin Museum) ซึ่งดัดแปลงมาจากอาคารที่เคยเป็นโรงแรมที่พักของไดเมียวแห่ง เอโดะมาก่อน โรงแรมนีต้ งั้ อยูใ่ นเส้นทางโทไกโดทีเ่ ชือ่ มต่อระหว่าง เอโดะ (โตเกียวปัจจุบัน) กับโอซาก้าและเกียวโต โดยตัวโรงแรม นั้นกว้างขวางพร้อมรองรับทั้งไดเมียวและผู้ติดตามพร้อมด้วย สัมภาระจ�านวนมากได้สบาย ส่วนอาคารหลังติดกันทีเ่ ห็นจะเป็น “ฮาตะโกยะ-เซย์เมย์ยะ” (Hatagoya-Seimeiya) โรงแรมส�าหรับกลุ่มพ่อค้าและคนทั่วไปที่ แม้ไม่หรูหรายิ่งใหญ่เท่าฟุตากาวะแต่ก็น่าสนใจและถือเป็นแหล่ง เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นชั้นเยี่ยมเช่นกัน

GAMAGORI

ORANGE PARK เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจและติดอันดับยอดนิยม อยู่เสมอส�าหรับการเก็บผลไม้ซึ่งจังหวัดไอจิที่มากด้วย ของดีกย็ งั มีผลไม้ตามฤดูกาลให้ได้ลมิ้ ลองกันด้วย ในเมือง “กามาโกริ” (Gamagori) ที่ขึ้นชื่อเรื่องส้มหวานพันธุ์ดีจะ มีสวนที่เปิดให้เข้าไปชิมส้มสดๆ จากต้นซึ่งครั้งนี้เราไป กันที่ “สวนส้มกามาโกริ” (Gamagori Orange Park) สวนส้มขนาดใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเก็บส้มกันได้ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม สนนราคาอยู่ที่คนละ 1,200 เยน สามารถเก็บและชิมส้มจากต้นได้แบบไม่จา� กัด เวลา ไม่ต้องกลัวเรื่องสารเคมีเพราะเขารับประกันเรื่อง ความสะอาดและปลอดภัย แถมจะเก็บส้มกลับบ้านอีก คนละตะกร้าก็ไม่มีใครว่า

71


OBARA SHIKIZAKURA สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวไอจิในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็คือการชม “เทศกาลดอกซากุระสี่ ฤดู” (Obara Shikizakura) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ช่วงนี้ทั่วบริเวณหุบเขาเมือง โอบาระ (Obara) จะเต็มไปด้วยซากุระดอกเล็กสีชมพูอ่อนสายพันธุ์ “ชิกิซากุระ” (Shikizakura) แซมด้วยสีแดงและส้มของใบเมเปิ้ลที่กา� ลังเปลี่ยนสี โดยดอกชิกิซากุระนี้จะบานในฤดูใบไม้ผลิ เมษายนครัง้ หนึง่ และช่วงเดือนพฤศจิกายนอีกครัง้ หนึง่ ให้เราได้ชมกัน 2 ครัง้ ต่อปี ถือเป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่นและงดงามของเมืองโอบาระแห่งนี้

KORANKEI ชมซากุระเสร็จก็ต้องมาชมไฮไลท์ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ “หุบเขาโครังเค” (Korankei) หนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสียอด ฮิตของญี่ปุ่น ทันทีที่เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนทั่วทั้งภูเขาที่ปกคลุมไป ด้วยต้นเมเปิ้ลกว่า 4,000 ต้น จะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสวยงามโดย เฉพาะบริเวณริมแม่น�้าโทโมเอะ (Tomoe River) เมื่อเดินข้าม “สะพานไทเก็ตสึเคียว” (Taigetsukyo Bridge) ก็จะยิ่งเห็นถึงความ งดงามของใบเมเปิล้ สีแดงสองข้างทางทีเ่ รียงรายเป็นเหมือนอุโมงค์ เดินตามเส้นทางนี้ไปจะพบกับ “หมู่บ้านซันชูอาสุเกะยาชิกิ” (Sanshu Asuke Yashiki) หมู่บ้านโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ ให้เราได้เห็นถึงบ้านโบราณ มีพนื้ ทีเ่ วิรก์ ชอปงานฝีมอื ต่างๆ ทัง้ งาน สานไม้ไผ่ ย้อมผ้า และท�ารองเท้า ช่วงกลางคืนบริเวณหุบเขาโครังเค จะมีการเล่นแสงไฟทีจ่ ะได้ความสวยและบรรยากาศทีต่ า่ งไปอีกแบบ แต่รับรองได้ถึงความงดงามชวนประทับใจ ส�าหรับคนที่สนใจชม ใบไม้เปลีย่ นสีทโี่ ครังเคแนะน�าให้เลือกเดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งใบเมเปิ้ลจะก�าลังสาดสีแดงสวยงามมากที่สุด

TOYOTA AUTOMOBILE MUSEUM เป็นหนึง่ ในพิพธิ ภัณฑ์ทตี่ อ้ งชมให้ได้เมือ่ มาถึงไอจิ “พิพธิ ภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า” (Toyota Automobile Museum) สถานทีร่ วบรวมรถยนต์ แบรนด์โตโยต้าตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงปัจจุบันมากถึง 140 คัน จัดแสดงบนอาคาร 3 ชั้นขนาดใหญ่โดยชั้นที่ 1 แรกสุดเข้าไปแล้วจะได้เห็น รถยนต์โตโยต้า AA รุ่นแรกที่สวยสง่าไม่แพ้รถยุคปัจจุบันเลย ชั้นที่ 2 จัดแสดงรถยนต์ทั้งของญี่ปุ่นและจากทั่วโลกตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่เพิ่งเริ่ม พัฒนาพาหนะจากรถม้า ก่อนจะวิวัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ ส่วนชั้นที่ 3 จะเป็นรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกจนถึงปัจจุบัน รถแต่ละคัน แต่ละแบบล้วนมีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป แต่ก็สวยและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนรักรถจะต้องเสียใจและเสียดาย มากหากไม่ได้เข้าชม 72


SETO

ตอนเหนือของจังหวัดไอจิห่างจากเมืองนาโกย่าไปประมาณ 30 นาทีเป็นที่ ตั้งของเมือง “เซโตะ” (Seto) เมืองที่ขึ้นชื่อและโด่งดังในเรื่องของกระเบื้อง เซรามิกมาตัง้ แต่โบราณ และทีน่ ยี่ งั มีพพิ ธิ ภัณฑ์รวบรวมแมวกวักมาจัดแสดงไว้มาก ที่สุดในภูมิภาคนี้ด้วยที่ “พิพิธภัณฑ์มาเนะกิเนะโกะ” (Maneki-Neko Museum) ภายในมีแมวกวักตั้งแต่สมัยโบราณที่ท�าให้เราเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การท�า แมวกวักของญี่ปุ่นนั้นมีมากว่า 100 ปีแล้ว นอกจากนี้ยังมีแมวกวักจากหลายเมือง หลายภูมิภาคที่แตกต่างกันออกไป มีเวิร์กชอปให้ลองวาดรูปและระบายสีลงบน ตุ๊กตาแมวกวักด้วยราคาเพียงแค่ 700 เยน หรือหากต้องการแมวกวักน่ารักๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึกก็มีให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบ จากพิพิธภัณฑ์แมวกวักเดินไปอีกไม่ไกลจะมี “พิพิธภัณฑ์เซโตะกูระ” (SETO-GURA Museum) ที่เป็นตัวแทนสื่อถึงความเป็นเซโตะได้ดีที่สุด ภายในมี การจ�าลองสถานที่ให้เป็นธีมของเมืองเซโตะยุคศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่สถานีรถไฟ โบราณ มีการจ�าลองการท�ากระเบื้องให้เห็น จัดแสดงงานเซรามิกตั้งแต่อดีตถึง ปัจจุบันให้ชม รวมทั้งประวัติศาสตร์กว่า 30,000 ปีของเซโตะให้เราได้เรียนรู้กันใน พิพิธภัณฑ์ด้วย

Sanko Inari Shrine

Inuyama Castle

INUYAMA

Honmachi Street

มาเทีย่ วไอจิหากไม่แวะเมือง “อินยุ ามะ” (Inuyama) ก็คงเหมือนมาไม่ถงึ ทีน่ เี่ ป็นเมืองเก่าทีต่ งั้ ของปราสาทโบราณและเป็นจุดหมายที่ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลย เมื่อมาถึงแล้วเราแวะไปชมแลนด์มาร์กของเมืองซึ่งก็คือ “ปราสาทอินุยามะ” (Inuyama Castle) ที่ตั้งอยู่ ริมฝั่งแม่น�้าคิโสะ (Kiso River) สูงและโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ที่ส�าคัญของเมือง ตัวปราสาทสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1537 ท�าให้เป็นปราสาทที่ เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ผ่านสงครามมาหลายต่อหลายครั้ง ตัวอาคารสูง 4 ชั้น สร้างจากหินและไม้ สามารถเดินชมภายในปราสาท ได้ทุกชั้น โดยชั้นที่ 4 จะมีระเบียงอยู่โดยรอบซึ่งสามารถชมวิวสวยของเมืองอินุยามะได้แบบ 360 องศา ก่อนออกจากปราสาทเราแวะที่ “ศาลเจ้าซังโกะอินาริ” (Sanko Inari Shrine) บริเวณทางเข้ามีซุ้มโทริอิสีแดงเรียงรายเป็นแนวยาว สัญลักษณ์ส�าคัญของศาลเจ้าแห่งนี้คือสุนัขจิ้งจอกที่จะเห็นได้ว่ามีรูปปั้นอยู่โดยรอบ ใครอยากขอพรเสริมสิริมงคลเกี่ยวกับความรักหรือ ความร�่ารวยก็ท�าได้เลยศาลเจ้าซังโกะอินาริขึ้นชื่อเรื่องในนี้มาก จากปราสาทจะมีถนนสายประวัตศิ าสตร์ของเมืองทีส่ องข้างทางเรียงรายด้วยบ้านและอาคารโบราณ รวมถึงร้านอาหารและร้านขาย ของบน “ถนนฮอนมาจิ” (Honmachi Street) และหากอยากให้ได้บรรยากาศมากยิ่งขึ้น แนะน�าให้แต่งชุดกิโมโนที่จะมีให้เช่าในบริเวณ นั้นก่อนออกมาเดินเล่นและถ่ายรูปกันบนถนนสายนี้ 73


KOMEDA’S COFFEE และเพื่อให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของไอจิมากขึ้นกว่านี้ก็ต้องลอง อาหารเช้าสไตล์นาโกย่าที่ “ร้านกาแฟโคเมดะ” (Komeda’s Coffee) ร้านที่ตกแต่งด้วยไม้และอิฐสีน�้าตาลแดง มีโซฟาที่เข้าชุดกันให้ความ รูส้ กึ อบอุน่ และผ่อนคลาย อาหารเช้าทีร่ า้ นนีม้ ใี ห้บริการคือขนมปังปิง้ ชิ้นหนาและหลากหลายเมนูไข่ตามแต่ลูกค้าจะเลือก หรือจะเป็น ขนมปังพร้อมไอศกรีมก็มี และการเสิร์ฟกาแฟหอมๆ รับเช้าวันใหม่ ก็ถือเป็นสูตรส�าเร็จของร้านนี้

TOYOTA

COMMEMORATIVE MUSEUM OF INDUSTRY AND TECHNOLOGY

NITTAIJI

ขึน้ ชือ่ ว่าเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม นาโกย่าเลยมีพพิ ธิ ภัณฑ์ ที่น่าสนใจด้านอุตสาหกรรมอยู่หลายแห่ง แต่หนึ่งในนั้นที่โดดเด่น มากเห็นจะเป็น “พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี โตโยต้า” (Toyota Commemorative Museum of Industry and Technology) ภายในอาคารอิ ฐ สี แ ดงที่ เ รี ย งเป็ น แถวนั้ น คื อ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในเครือโตโยต้าขนาดใหญ่ท่ีมีการ จัดแสดงไล่ไปตั้งแต่ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อตั้งบริษัท มีโมเดลของโรงงานในสมัยยุคก่อนให้ชม ในห้องโถงกว้างจัดแสดง เครื่องจักรในการทอผ้าที่เป็นอุตสาหกรรมหลักในช่วงแรกของ โตโยต้า เราได้เห็นเครื่องจักรตั้งแต่รุ่นทอด้วยมือ พร้อมแสดงการ ท�างานของเครื่องแต่ละรุ่น ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นจนเป็นแบบ อัตโนมัติในปัจจุบัน จากอุตสาหกรรมทอผ้าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ อุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคของคุณคิอิจิโร่ โทโยดะ (Kiichiro Toyoda) ปี 1937 มีการจัดแสดงตั้งแต่ยุคริเริ่มหล่อชิ้นส่วนรถ การประกอบ และจัดแสดงรถโตโยต้าตัง้ แต่รนุ่ แรกจนถึงรุน่ ปัจจุบนั รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวให้เราได้ชมกันด้วย

TEMPLE

ในเขตเมืองนาโกย่าเราได้พบกับวัดที่มีความเป็นมา เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างมาก “วัดนิตไทจิ” (Nittaiji Temple) ตัววัดโล่งและกว้าง มีห้องโถงหลังใหญ่และเจดีย์เป็น สัญลักษณ์เด่น เดินเข้าชมใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าด้านหน้าโบสถ์มี อนุสาวรียพ์ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 ตัง้ อยู่ เนือ่ งจากได้พระราชทานพระบรมสารีรกิ ธาตุประดิษฐาน ภายในวัดแห่งนี้เมื่อปี 1900 ด้วยพระราชประสงค์ให้เป็นที่ ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวพุทธในญี่ปุ่น นอกจากนีเ้ รายังได้ชมพระพุทธรูปสีบรอนซ์ทอง “พระพุทธ ศากยมุ นี ” และยั ง จารึ ก พระปรมาภิ ไ ธยพระบาทสมเด็ จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไว้เหนือเพดาน อาคารวัดจากการทีท่ งั้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถได้ เสด็จพระราชด�าเนินเยือนและสักการะ บรมสารีรกิ ธาตุภายใน วัดแห่งนี้ด้วย 74


SCMAGLEV AND RAILWAY

PARK

บริเวณริมชายฝั่งทะเลเมืองนาโกย่ามีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ น่าสนใจมาก “พิพธิ ภัณฑ์การรถไฟญีป่ นุ่ ” (SCMAGLEV and Railway Park) ที่นอกจากจะมากด้วยข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่นแล้ว บริเวณ ชั้น 1 ได้ยกขบวนรถไฟตัวอย่างจากแต่ละยุคมาจัดแสดงให้ชมตั้งแต่ ยุคทีย่ งั เป็นเครือ่ งจักรไอน�า้ ไปจนถึงชินคังเซ็นรุน่ ใหม่ลา่ สุด นอกจาก นี้เรายังสามารถเข้าไปเดินชมภายในขบวนรถไฟเหล่านี้ได้อีกด้วย บริเวณชัน้ 1 ยังมีเครือ่ งซิมเู ลเตอร์ทสี่ ามารถจ�าลองการขับรถไฟ เสมือนจริงอยู่ด้วย ส่วนชั้น 2 จะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ รถไฟ มีโมเดลที่จ�าลองแลนด์มาร์กของญี่ปุ่นพร้อมรถไฟที่แล่นไปมา ใน 1 วัน พร้อมด้วยเกมส์เล็กๆ น้อยๆ ทีจ่ ะท�าให้เราสนุกไปพร้อมกับ เรียนรู้เกี่ยวกับรถไฟของญี่ปุ่นได้ด้วย

LEGOLAND จากพิพธิ ภัณฑ์รถไฟเดินไปอีกไม่ไกลก็จะพบ กับ “เลโก้แลนด์” (Lagoland) ธีมปาร์กที่อลังการ ด้วยตัวต่อเลโก้จ�านวนมากที่น�ามาต่อเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นชิ้นส่วนต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมังกรตัวใหญ่ ตัวการ์ตูน หรือจ�าลอง เมืองและแลนด์มาร์กได้อย่างน่าอัศจรรย์ และ นอกจากจะมีตัวต่อเลโก้ในรูปต่างๆ แล้ว ภายใน ยังมีเครือ่ งเล่นทีส่ ามารถรองรับผูเ้ ล่นทุกเพศทุกวัย ให้ได้สนุกกันสุดเหวี่ยงได้อีกด้วย อยากบอกว่าเท่าทีเ่ ล่าไปเป็นเพียงแค่สว่ นหนึง่ ของความน่าสนใจเท่านั้น จังหวัดไอจิยังมีสถานที่ ท่องเทีย่ วอีกมากทีย่ งั เล่าไม่หมด ทัง้ อีกหลายเมือง ก็ยังรอให้เราได้ไปเยือนและสัมผัสในโอกาสต่อไป แต่ที่รับรองได้อย่างหนึ่งคือความเป็นไอจิทม่ี เี สน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวเหลือล้นพร้อมต้อนรับ นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่ตลอดเวลารวมถึงชาวไทย อย่างพวกเราด้วย

Special Thanks

Aichi Prefecture




CHIBA กับ 4 เมืองเก่า

ร่องรอยอารยธรรมแห่งเอโดะ

Kanpukuji

Kanpukuji

จากนั้นเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคาโทริ “ย่าน ซาวาระ” (Sawara) ซึ่งเป็นพื้นที่ส�าคัญสื่อให้เห็นชัดเจนถึงอดีต แห่งการเป็นเส้นทางขนส่งทางนั้นตั้งแต่ยุคเอโดะ ที่นี่มีแม่น�้า โอโนะไหลผ่านเข้าสูย่ า่ นเมืองเก่าทีถ่ อื ได้วา่ ปัจจุบนั เป็นเขตอนุรกั ษ์ อาคารและบ้านไม้อายุมากกว่า 350 ปี เพราะฉะนั้นร้านค้าร้าน อาหารในย่านนีแ้ ทบทัง้ หมดคืออาคารเก่าทีด่ ดั แปลงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร และที่พัก โดยที่บางหลังได้รับการบูรณะมาบ้างแล้ว เพราะเรื่องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่ก็จะบูรณะดูแลกัน ภายใต้รูปแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ย่านนี้เป็นที่นิยมส�าหรับการเดินเที่ยว แวะกินอาหารเที่ยว จนถึงบ่านและซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ อีกทั้งยังมีกิจกรรม นั่งเรือพายชมแม่น�้าโอโนะ เปิดให้ชมบ้านเกิดหลังเก่าของอิโน ทาดาตากะ รวมทั้งจัดพื้นที่ “พิพิธภัณฑ์แผนที่” ไว้อีกด้านหนึ่ง เพือ่ แสดงประวัตคิ วามเป็นมาในการร่างแผนทีข่ องเขาและเปิดให้ นักท่องเทีย่ วเข้าชมได้เพือ่ สัมผัสกับพรสวรรค์ของอิโน ทาดาตากะ ในการเขียนแผนทีป่ ระเทศได้ใกล้เคียงความจริงแม้จะเริม่ ต้นเขียน ในยุคที่ยังไม่มีดาวเทียมหรือเครื่องไม้เครื่องมืออ�านวยความ สะดวกมากมายนัก

ทริ ป ล่ า สุ ด ในช่ ว งฤดู ห นาวของญี่ ปุ ่ น ที่ ท� า ให้ เ ราได้ สัมผัสความเย็นในระดับไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส เกิดขึ้น ในคอนเซปต์ “เที่ยว 4 เมืองเก่าแห่งเอโดะ” ซึ่งเป็นการพา เราสัมผัสอารยธรรมเก่าแก่ของพื้นที่ชิบะตอนเหนือซึ่งเป็น ที่ตั้งของ 4 เมืองสุดคลาสสิกอย่าง คาโทริ (Katori) โชจิ (Choshi) ซากุระ (Sakura) และ นาริตะ (Narita) แถบ ชานเมืองโตเกียวที่เดินทางไปเที่ยวได้ง่ายมาก และยังเป็น จุดที่นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสเข้าถึงอดีตแห่งเอโดะได้ใกล้ ที่สุดอีกด้วย ที่เมือง “คาโทริ” (Katori) เราได้ชม “วัดกังปุกุจิ” (Kanpukuji) วัดที่เป็นทั้งสถานที่สักการะพระพุทธรูปและ เก็บรักษาสมบัตม ิ ค ี า่ ทางประวัตศ ิ าสตร์หลายชิน ้ อีกทัง ้ ส่วน หนึง ่ ยังเป็นสุสานของ “อิโน ทาดาตากะ” (Inou Tadataka) ผูท ้ บ ี่ ก ุ เบิกการเขียนแผนทีป ่ ระเทศญีป ่ น ุ่ เป็นคนแรกซึง ่ มีชอ ื่ เสียงมาก และพืน ้ ทีท ่ วั่ วัดแห่งนีก ้ เ็ ป็นจุดชมธรรมชาติสวยๆ ตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงชมซากุระและใบไม้เปลีย ่ นสีภายใน วัดก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ

66


Sawara Old Samurai Road

Inou Tadataka

Naritasan Shinshoji Temple Inubosaki Lighthouse

ถัดมาเราเดินทางถึงเมืองแห่งการประมง “โชจิ” (Choshi) เมืองท่าส�าคัญที่ เป็นทั้งแหล่งท�าประมง ซึ่งยังคงมีหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่หลงเหลืออยู่ มีท่าเรือ ส�าหรับให้เรือประมงเทียบท่าขึ้นท�าปลาประมูลราคากันก่อนส่งยังตลาดปลาถึงผู้ บริโภค นอกจากนี้โชจิยังเป็นแหล่งวัฒนธรรมแห่งการผลิตโชยุที่เก่าแก่ที่สุดใน ภูมิภาคคันโต และไม่ใช่เท่านี้เพราะโชจิยังมี “ประภาคารอินุโบซากิ” (Inubosaki Lighthouse) ซึ่งนอกจากจะเป็นหอสังเกตการณ์ริมทะเลแล้ว ยังเป็นทั้งจุดชมวิว เมืองและจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจุดแรกของฝั่งคันโตตะวันออกที่สวยงามมาก พืน้ ทีส่ ว่ นหนึง่ ของโชจิเมือ่ 200 ล้านปีกอ่ นนัน้ คยเป็นทะเลมาก่อน ถึงปัจจุบนั เมือ่ แผ่นดินขยับสูงขึน้ เหนือน�า้ จึงมีโขดหินรูปร่างหน้าตาแปลกๆ ให้เห็นมากมาย กลายเป็นหลายต�านานเล่าขานให้คล้องกับรูปทรงของหินที่ผู้คนในเมืองนี้พากับ จินตนาการ ที่โด่งดังที่สุดน่าจะเป็นโขดหินที่ดูคล้ายหัวสุนัขซึ่งเป็นจุดยอดนิยม ส�าหรับการถ่ายภาพของบรรดานักท่องเทีย่ วทัง้ หลายา เราได้ไปชมแนวหน้าผาหิน ขนาดใหญ่ริมทะเลที่ถูกจัดพื้นที่ให้มีทางเดินเลียบแนวผา มองเห็นร่องรอยของ ระดับน�้าทะเลซึ่งสูงหลายเมตร เป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นส�าคัญที่บ่งบอกถึงการที่โช จิเคยเป็นเมืองใต้ทะเลมาแล้วจริงๆ และทริปนีถ้ อื เป็นครัง้ แรกทีไ่ ด้รจู้ กั เมือง “ซากุระ” (Sakura) พืน้ ทีย่ ทุ ธศาสตร์ ส�าคัญในการป้องกันเอโดะเมื่อครั้งอดีต ปัจจุบันมี “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ แห่งชาติญี่ปุ่น” (National Museum of Japanese History) ตั้งอยู่ที่นี่ ซึ่งเราได้ เข้าชมด้วย มีพื้นที่ที่เคยเป็นย่านที่พักอาศัยของเหล่าซามูไรเรียงรายอยู่สองข้าง ถนนสายเล็กๆ ทีน่ า� ไปยังทางลาดลงเนินขนาบข้างด้วยแนวป่าไผ่ทเี่ รียกกันว่าเป็น “ถนนซามูไร” (Old Samurai Road) มีบ้านซามูไรหลายหลังเปิดให้เข้าชมได้ ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นซามูไรชั้นสูงที่เห็นได้จากบ้านหลังใหญ่บนพื้นที่กว้างสมกับต�าแหน่ง และฐานะ ซึ่งแต่เดิมบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามาชมภายในบริเวณนี้เลย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะเปลี่ยนชุดไปสวมชุดกิโมโนเดินเล่นในย่าน นี้เพื่อสัมผัสบรรยากาศความเป็นเอโดะให้มากขึ้นได้อีกด้วย 67

ส�าหรับเมือง “นาริตะ” (Narita) ที่นี่ไม่ได้มีแค่ สนามบินนาริตะเท่านั้นที่คนไทยรู้จักดี “วัดนาริตะซัง ชินโชจิ” (Naritasan Shinshoji Temple) ก็เป็นอีกหนึง่ จุดหมายหนึง่ ทีเ่ รามักจะได้พบเจอคนไทยเยอะมาก เพราะ ส่วนใหญ่ถกู วางให้เป็นโปรแกรมทิง้ ท้ายก่อนกลับเมืองไทย โดยเฉพาะถนนด้านหน้าวัดทีเ่ ป็นหนึง่ ในจุดไฮไลท์ เพราะ เป็นถนนสายยาวที่มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย มีร้าน “ข้าวหน้าปลาไหล” ถือเป็นเมนูเด่นในย่านนีแ้ ละมีอยูร่ าว 3-4 ร้านยอดนิยมให้เราได้ลองแวะชิม การเข้าชมวัดนาริตะซังชินโชจิมีจุดหนึ่งที่คนไทย ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้ก็คือ ภายในอาคารหลักของวัด จะเปิดให้คนภายนอกเข้าร่วมพิธกี รรมโอโกมะคิโทได้ใน เวลา 11.00 น. เพื่อเป็นสิริมงคลและได้รับพให้ชีวิตมีแต่ ความสุขสมหวัง หากเดินลึกเข้าไปในบริเวณวัดที่มี อาคารที่เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้าฝึกสมาธิด้วย การจับพู่กันเขียนบทสวดมนต์ลงบนกระดาษและขอพร ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีต่อใจเป็นอย่างมาก ทริปนี้เป็นอันว่าได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในชิบะ เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง และเนื่องจากมีพื้นที่ใกล้โตเกียว และใกล้สนามบินท�าให้เดินทางสะดวก แม้จะวางแผน เที่ยวโตเกียวก็ยังแวะออกมาเที่ยว 4 เมืองนี้ควบเป็น โปรแกรมเดียวกันได้สบาย กลายเป็นอีกเส้นทางที่เรา ภูมิใจน�าเสนอเพื่อให้เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวภูมิภาค คันโตของคุณผู้อ่านทุกท่านภายในปี 2018 ที่เพิ่งมาถึงนี้


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.