SAY HI JAPAN : ISSUE 30 JANUARY 2016
CHUBU Aichi-Gifu-Ishikawa
แม้กระแสการท่องเทีย ่ วญีป ่ น ุ่ จะไม่มวี แี่ ววว่าจะลดความนิยมลงเลย แต่กป ็ ฏิเสธไม่ได้วา่ รูปแบบการท่องเทีย ่ วนัน ้ เปลีย ่ นไปแล้วอย่างแน่นอน จากทีน ่ ก ั ท่องเทีย ่ วนิยมซือ ้ แพ็กเกจทัวร์จากบริษท ั ทัวร์กเ็ ริม ่ สนใจหันมาเทีย ่ วญีป ่ น ุ่ ด้วยตัวเองมากขึน ้ ยิง ่ ถ้ารูเ้ ส้นทางการใช้บริการรถไฟและ รถบัสประจำาทางด้วยแล้วการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็ดูจะง่ายขึ้นมาก
จึงเป็นที่มาของทริปนี้ที่สนับสนุนโดย “ทีมงานเส้นทาง Shoryudo” น�าเราเดินทางสู่ภูมิภาค “ชูบุ” (Chubu) เพื่อไปเที่ยวกันในเมืองต่างๆ ที่ ส่วนใหญ่นกั ท่องเทีย่ วชาวไทยรูจ้ กั ดีและเคยไปมาก็บอ่ ย แต่สา� หรับท่านทีย่ งั ไม่เคยไปและก�าลังวางแผนจะไปเทีย่ วชูบโุ ดยเลือกเดินทางด้วยตัวเองขอให้เตรียม ตัวให้พร้อม เพราะครั้งนี้เราจะแนะน�าการเดินทางเที่ยวชูบุด้วยการซื้อบัตรโดยสารรถสาธารณะสู่เมืองต่างๆ ในจังหวัดไอจิ จังหวัดกิฟุ จังหวัดอิชิคาวะ ลัดเลาะไปเมืองนั้นเมืองนี้ก่อนจะวกเข้าโอซาก้าเพื่อเพิ่มเติมข้อมูลส�าหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่คันไซให้คุณผู้อ่านได้เตรียมท�าการบ้านในทริปถัดไป
| 79
ภูเขาชินโฮทากะ
Shoryudo โชริวโด
เส้นทางที่เราจะเดินทางในครั้งนี้อยากแนะนำาให้คุณผู้อ่านไปเที่ยว กันเยอะๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีกก็คือในเส้นทาง ทีม ่ ช ี อ ื่ เรียกว่า “โชริวโด” (Shoryudo) ซึง ่ เป็นชือ ่ เรียกเขตพืน ้ ทีท ่ เี่ ชือ ่ มต่อ กันของภูมภ ิ าคชูบแุ ละ “โฮกุรก ิ ”ุ (Hokuriku) ซึง ่ เป็นภูมภ ิ าคย่อยในแถบนี้ หากมองจากแผนทีเ่ ราจะเห็นได้วา่ รูปทรงของพืน ้ ทีท ่ เี่ รียกว่าโชริวโดนีจ ้ ะ ดูคล้ายรูปมังกร คำาว่า Shoryudo ที่หมายถึง “มังกรที่กำาลังทะยานขึ้น สู่ท้องฟ้า” จึงถูกนำามาตั้งเป็นชื่อเส้นทางนี้ที่ประกอบไปด้วย 9 จังหวัด คือ มิเอะ ชิกะ ฟูกุอิ อิชิกาวะ โทยามะ กิฟุ ไอจิ นากาโนะ และชิซูโอกะ
ทริปนีเ้ ราเลือกซือ้ บัตรโดยสารแบบทีเ่ รียกว่า “Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass” บัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายในเครือรถไฟ JR ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ ความคุ้มค่าและสะดวกสบายส�าหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นเอง ยังไม่ได้รบั สิทธิน์ ี้ บัตรจะมีอายุ 5 วันต่อเนือ่ ง ราคาส�าหรับผูใ้ หญ่คอื 13,500 เยน และเด็กอายุ 6-11 ปี ราคา 6,750 เยน แต่รับรองว่าสุดคุ้มเพราะแค่ถือบัตรนี้ใน มือเราก็สามารถใช้บริการได้แบบไม่จ�ากัดในเส้นทางรถไฟ JR ไปนาโกย่า ทาคายามะ เกโระ และทาเทยามะ สามารถใช้โดยสารรถบัส “Nohi Bus” และ “Hokutetsu Bus” ที่ให้บริการในเส้นทาง “Takayama-ShirakawagoKanazawa” ได้แบบไม่จ�ากัดจ�านวนเที่ยว ทั้งยังไปเชื่อมต่อกับพื้นที่ภูมิภาคคัน ไซตั้งแต่สนามบินคันไซ ในตัวเมืองโอซาก้า เกียวโต คานาซาวะและแถบคากะ (Kaga Onsen) แถมยังสามารถใช้บริการ “โฮกุริคุ ชินคันเซ็น” ที่แล่นระหว่าง เส้นทางเชื่อมต่อคานาซาวะและโทยามะได้ด้วย
80 |
จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่ “สนามบินนานาชาตินาโกย่า ชูบุ เซ็นแทร” (Nagoya Chubu Centrair International Airport) สุดยอดแห่งความ เป็นสนามบินที่ครบถ้วนทั้งการเป็นเส้นทางคมนาคมทั้งในและต่าง ประเทศ เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นเยี่ยมที่มาพร้อมร้านอาหาร สินค้าที่ระลึก ออนเซน และลานกิจกรรมที่ดูจะมีหลากหลายตลอดปี นอกจากนี้ สนามบินเซ็นแทรยังมีศูนย์บริการข้อมูลที่นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อ สอบถามและขอรายละเอียดในการเดินทางไปยังจังหวัดและเมืองต่างๆ ได้ ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-22.00 น. มีเอกสารเผยแพร่ เป็นภาษาอังกฤษส�าหรับชาวต่างชาติ รวมถึงมีจดุ รับฝากกระเป๋าเดินทางด้วย เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าเดินทางจากสนามบินไปถึงสถานีรถไฟ ทาคายามะด้วยรถไฟ JR ใกล้ๆ กันมี “Takayama Nohi Bus Center” (Nohi Bus Center) ซึ่งเป็นท่ารถบัสที่เราจะใช้บริการไปยังสถานที่และ เมืองต่างๆ บริเวณชานชาลามีป้ายบอกชัดเจนว่ารถที่จะเข้าจอดรับ ผูโ้ ดยสารนัน้ จะไปทีไ่ หน หรือหากไม่ได้ใช้บตั รโดยสารแบบเหมาจ่ายอย่าง เราคุณผูอ้ า่ นก็สามารถเข้าไปซือ้ บัตรโดยสารแบบเทีย่ วเดียวในอาคารชาน ชาลาได้เลย สะดวกมาก ฝั่งตรงข้ามมีล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าด้วย หยอด เงินตามขนาดตู้ซึ่งมีราคาบอกไว้ชัดเจน การฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่นี่ แล้วมีแค่เฉพาะเป้หรือกระเป๋าใบน้อยใส่สมั ภาระส�าหรับค้างแรม 1-2 คืน ติดตัวไปเทีย่ วนัน้ ถือเป็นสิง่ ทีอ่ ยากแนะน�า เพราะรถบัสน�าเทีย่ วส่วนใหญ่ ไม่มชี อ่ งเก็บกระเป๋าใต้ทอ้ งรถ เราต้องยกกระเป๋าขึน้ ไปบนรถด้วย ฉะนัน้ หากกระเป๋าใบใหญ่เกินอาจไม่สะดวกนัก
ทาคายามะไม่ใช่เมืองใหม่สา� หรับคนไทยเพราะถือว่าได้รบั ความนิยมมายาวนาน หลายคนยังไม่รู้ว่าเมืองนี้มีชื่อเต็มว่า “ฮิดะ ทาคายามะ (Hida Takayama) และตั้ง อยู่ในจังหวัดกิฟุ พื้นที่แถบนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ในสมัยเอโดะ มีของ เก่าของแก่ในยุคโบราณหลงเหลือให้ได้ชมกันมากพอสมควร มีสภาพแวดล้อมและ ธรรมชาติที่สวยงาม มีเทศกาลประจ�าปีของชาวเมืองที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน และ แม้จะมีความทันสมัยที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเก็บรักษาความเงียบ สงบของเมืองเล็กๆ ในแบบฉบับของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดี เรานั่งรถบัสจากหน้าสถานีรถไฟทาคายามะเพื่อมาเช็กอินคืนแรกที่ “โรงแรม โฮตะคาโซ รีสอร์ท” (Hotakaso Hotel Resort) เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็เดินเท้า ด้วยเวลาไม่เกิน 10 นาทีเพื่อไปชม “โอคุฮิดะออนเซน” (Okuhida Onsengo) ออนเซนธรรมชาติที่ตั้งอยู่เชิงสะพานยาวข้ามแม่นา�้ นี่คือออนเซนกลางแจ้งแบบรวม ทัง้ ชายและหญิง แต่สา� หรับผูห้ ญิงสามารถนุง่ ผ้าขนหนูลงแช่ได้ น�า้ อุน่ ก�าลังดี หากเดิน ทางในช่วงอากาศหนาวแทบอยากจะลงแช่อยู่ตลอดทั้งวันเพราะสบายตัวดีจริงๆ
ภูเขาชิ นโฮทากะ Shinhotaka เช้าวันรุง่ ขึน้ เรามีจดุ หมายที่ “ภูเขาชินโฮทากะ” (Shinhotaka) เดินทางง่ายที่สุดเพราะสามารถรอรถประจ�าทาง Nohi Bus จาก หน้าโรงแรมได้เลย มีป้ายแสดงเวลาที่รถจะผ่านมาแวะรับชัดเจน แวบเดียวก็ถงึ จุดขึน้ เคเบิล้ คาร์ “Shinhotaka Ropeway” ทีเ่ ปิดให้ บริการมาตั้งแต่ปี 1970 เคเบิ้ลคาร์จะน�าเราขึ้นสู่ยอดเขาโดยจะมี 2 สถานีให้แวะจอด สถานีแรกอยู่บนยอดเขาที่มีระดับความสูง 1,305 เมตร และสถานีที่ 2 อยู่บนระดับความสูง 2,156 เมตร ตัว อาคารด้านบนสุดมีลานกว้างระเบียงล้อมเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มาก มองเห็นยอดเขาไกลๆ สวยงามทุกฤดูกาล มีมมุ ถ่ายภาพเป็น ทีร่ ะลึกและยังมีตไู้ ปรษณียท์ ถี่ อื ว่าตูไ้ ปรษณียท์ อี่ ยูใ่ นจุดทีส่ งู ทีส่ ดุ ใน โลกและยังใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อ ไปรษณียบัตรทีอ่ อกแบบเป็นแผ่นไม้รปู ทรงต่างๆ เขียนชือ่ ทีอ่ ยูแ่ ล้ว ส่งกลับเมืองไทยให้ตัวเองหรือเพื่อนฝูงก็ได้ เก๋มากทีเดียว
ย่านหมู่บ้านโบราณ Old Private Houses จากชินโฮทากะเรานั่งรถบัส Nohi Bus เพื่อไปยัง “ย่านหมู่บ้านโบราณ” (Old Private Houses) ซึ่งอยู่ในตัวเมืองทาคายามะ ย่านนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยซึ่งเต็มไปด้วย บ้านไม้โบราณแต่ดูมีระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน มีถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินเล่นย่านเก่าแก่ซึ่งมีมาตั้งแต่ในยุคเอโดะ บ้านแต่ละหลังมีอายุ นานหลายร้อยปีแต่ได้รับการบูรณะและปรับปรุงอย่างดีจนดูเหมือนใหม่ บ้านหลาย หลังปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้า ขายสินค้าที่ระลึก ขนม และอาหารต่างๆ ที่พักสไตล์ เกสต์เฮ้าท์ก็มีไม่น้อย ในขณะที่บ้านอีกจ�านวนไม่น้อยที่ประกอบอาชีพค้าขายสินค้า พื้นเมืองมาแต่อดีตก็ยังด�าเนินธุรกิจเดิม เช่น โรงสาเก ร้านผลิตมิโสะ พิพิธภัณฑ์เก่า ก็ยังมีให้ชมได้ในย่านนี้ แลนด์มาร์กส�าคัญในย่านใจกลางเมืองทาคายามะก็คือ “สะพานนากาบาชิ” (Nakabashi Bridge) ทีพ่ าดข้ามแม่นา�้ มิยากาวะ จุดนีเ้ ป็นจุดถ่ายภาพทีส่ วยมากทีส่ ดุ อีกแห่งของเมือง เพราะไม่ว่าจะช่วงซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสีจุดนี้แหละเฉียบสุด แถบนี้มีร้านอาหารอร่อยอยู่หลายร้าน และหลายร้านที่ว่านี้ก็มักจะมีนักท่องเที่ยวต่อ แถวเข้าคิวรอกินกันยาวเหยียด เช่นเดียวกับราเมงอร่อยของร้าน “คิเคียวยะ” (Kikyo-ya) ที่มีชื่อและแถวก็ยาวไม่น้อยหน้าใคร แต่เรามีโอกาสได้แวะชิม ขอยกนิว้ ให้กบั ความอร่อยและต้องแนะน�าคุณผูอ้ า่ นว่าหลังจากเดินเล่นในเมืองแล้วต้องมากินให้ได้
| 81
Takayama Jinya
ที่ทำาการเมืองเก่าทาคายามะจินยะ
ไม่ใช่จะเป็นแค่เมืองท่องเทีย่ วเท่านัน้ แต่ทาคายามะถือเป็น เมืองที่มีความส�าคัญมาตั้งแต่ในยุคเอโดะ เห็นได้จาก “ที่ท�าการ เมืองเก่าทาคายามะจินยะ” (Takayama Jinya) ที่ยังเหลืออยู่ใน ปัจจุบนั และก็ได้รบั การบูรณะอย่างดีจนเปิดเป็นพิพธิ ภัณฑ์ให้นกั ท่องเที่ยวได้เข้าชม อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี 1600 เคยถูกใช้ เป็นทีท่ า� การของรัฐบาลท้องถิน่ ทีป่ ระจ�าอยูภ่ มู ภิ าคนีใ้ นยุคขุนนาง และทางเอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบันก็จะส่งเจ้าหน้าที่จากส่วน กลางมาประจ�าภายใต้การปกครองของโชกุนโตกุกาวะ อิเอยาสึ เพื่อเก็บภาษีจากชาวเมืองที่ส่วนใหญ่มีอาชีพด้านเกษตรกรรม ปัจจุบันเมื่อเปิดให้เข้าชมได้เราจึงได้พบว่าอดีตที่ท�าการ ของรัฐแห่งนี้ ได้แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นห้องต่างๆ และก็แบ่ง ชั้นศักดินาด้วยรูปแบบของห้องและเสื่อทาทามิ ห้องท�างานของ ขุนนางชั้นสูงจะสวยงามอลังการกว่าข้าราชการระดับล่างอย่าง เห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันเราก็ได้ชมห้องท�างาน ห้องประชุม มี ศาลหรือห้องพิจารณาคดี ห้องท�าโทษผู้ต้องหาหรือนักโทษที่ก่อ คดีในยุคนั้น และมีโกดังเก็บข้าวขนาดใหญ่ทางด้านหลังอาคาร
โรงสาเกฟุนาซากะ Sake Funasaka ในบรรดาโรงสาเกหลายแห่งในย่านหมู่บ้านโบราณ เราได้เข้าชม “โรงสาเก ฟุนาซากะ” (Sake Funasaka) ซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเนื่องจากผลิตสาเก รสชาติดเี ยีย่ มถูกใจลูกค้า และตัวเจ้าของโรงงานเองก็สะสมประสบการณ์การหมักบ่ม สาเกมายาวนานเกือบตลอดชีวติ ด้านหนึง่ ของอาคารโรงสาเกจะเป็นพืน้ ทีส่ า� หรับการ ผลิต และด้านหนึง่ จะเป็นพืน้ ทีส่ า� หรับจัดจ�าหน่าย ซึง่ นอกจากจะมีสาเกมากมายหลาย สูตรแล้ว ยังมีสินค้าที่ระลึกอื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะ “ซารุโบโบะ” ตุ๊กตาสัญลักษณ์ ของเมืองทาคายามะที่ไม่ว่าเราจะเดินเที่ยวไปมุมไหนของเมืองเป็นต้องเจอเสมอ คืน ที่สองในทาคายามะเราเช็กอินที่โรงแรม “Grantis Hida Takayama” พักผ่อนเพื่อ เตรียมตัวลุยกันต่อในวันถัดไป
ตลาดเช้ามิยากาวะ
Miyagawa Market
เช้าวันรุ่งขึ้นเรามีโปรแกรมไปเดินเล่นที่ “ตลาดเช้า มิยากาวะ” (Miyagawa Market) แต่เพราะมองเห็นร้าน สาเกใกล้ๆ สถานีรถไฟทาคายามะมีบริการให้เช่ารถจักรยาน เราจึงจับจองรถกันคนละคันเพือ่ ปัน่ ไปเทีย่ วตลาด สนนราคา ค่าเช่า 300 เยนต่อ 1 ชั่วโมง เป็นการเที่ยวตลาดกันอีกรูป แบบ เส้นทางก็ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ก�าลังสนุก ส่วนร้านสาเกที่ ว่านี้ลูกค้าท่านใดซื้อสาเกหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ภายในร้านจะมีบริการรับฝากกระเป๋าเดินทางฟรี
82 |
ตลาดเช้ามิยากาวะมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะและนับถึงวันนี้ก็มีอายุมากกว่า 200 ปีแล้ว จริงๆ ก็คือเป็นถนนสายเล็กๆ ที่ทอดตัวขนาบไปกับแม่น�้า และก็มีชาวบ้านน�าสินค้าของ ตัวเองมาวางจ�าหน่ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผัก ผลไม้ ดอกไม้ สินค้าที่ระลึก อาหาร ขนม และ อืน่ ๆ อีกมากมาย ส่วนด้านตรงข้ามทีต่ ดิ กับอาคารบ้านเรือนก็มที งั้ สินค้าพืน้ เมืองและสินค้า สมัยใหม่ปะปนกัน ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาว ทาคายามะได้อย่างใกล้ชิด
ชิราคาวาโกะ Shirakawago
ปัน่ จักรยานจนได้เหงือ่ ก็พอดีเสร็จจากเทีย่ วตลาด เราย้อนกลับมาขึน้ รถบัส Nohi Bus หน้าสถานีรถไฟทาคายามะอีกครั้ง คราวนี้จะมุ่งหน้าไปชมหมู่บ้าน มรดกโลก “ชิราคาวาโกะ” (Shirakawago) ซึ่งห่า งออกมาจากตั วเมื อ ง ทาคายามะประมาณ 50 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวมักคุ้นตากับภาพบ้านไม้หลังคา หนาลาดเทลงมาคล้ า ยมื อ ที่ ก� า ลั ง พนมไว้ เขาเรี ย กกั น ว่ า “กั ส โชซึ คุ ริ ” (Gassho-zukuri) ที่หมายถึงการพนมมือนั่นแหละ หมู่บ้านชิราคาวาโกะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ ยูเนสโกตั้งแต่ปี 1995 บ้านโบราณเหล่านี้มีชาวบ้านอยู่อาศัยมานานกว่า 250 ปี บางบ้านท�านาท�าสวน บางบ้านก็เลี้ยงไหมทอผ้า จุดเด่นของบ้านทุกหลังที่นี่จะ สร้างโดยไม่ใช้ตะปูเลย ชาวบ้านจะใช้เสาไม้ตน้ ใหญ่มายึดให้ตดิ กันแน่นด้วยเชือก ส่วนหลังคาบ้านที่เรียกว่ากัสโชซึคุริจะท�าจากหญ้าแห้งอัดแน่นหนาประมาณ ประมาณ 1 ฟุต ในอดีตทุก 60 ปีบ้านแต่ละหลังจะซ่อมแซมหลังคาเพื่อเปลี่ยน เอาของเก่าออกก่อนจะเสริมด้วยของใหม่ ชาวบ้านทุกคนจะมาช่วยกันซ่อมหลังคา บ้านของเพื่อนสลับกันไป บ้านหลายหลังในชิราคาวาโกะปรับเปลี่ยนไปเป็น ร้านค้าและโฮมสเตย์ มีจ�านวนไม่น้อยที่ยังมีเจ้าของอยู่อาศัยตามปกติ บ้าน บางหลังของคนในตระกูลเก่าแก่แห่งชิราคาวาโกะก็จะเปิดให้นกั ท่องเทีย่ วเข้าชมวิถชี วี ติ แบบดัง้ เดิมของคนทีน่ ี่ ตัวอย่างเช่นบ้านของบุคคลในตระกูล “วาดะ” (Wada) บ้านตระกูล “คันดะ” (Kanda House) และบ้านตระกูล “นางาเสะ” (Nagase) เราพักกินข้าวกันภายในชิราคาวาโกะทีร่ า้ น “อิโรริ ชิราคาวาโกะ” (Irori Shirakawako) ทีม่ อี าหารเซ็ตอร่อยๆ พร้อมลูกค้าเต็มร้านซึง่ ช่วยยืนยันในรสชาติ อาหารได้ดี มีบา้ นอีกหลังทีอ่ อกแบบเป็นเหมือนศูนย์หตั ถกรรมให้นกั ท่องเทีย่ วได้ลองประดิษฐ์งานหัตถกรรมพืน้ บ้าน ทริปนีเ้ ราได้ลองท�าถาดรองแก้วแบบโบราณ ทีใ่ ช้ไม้ไผ่เหลาแบนสานต่อกัน จุดนีม้ อี ปุ กรณ์เตรียมไว้ให้พร้อมและมีผฝู้ กึ สอนคอยแนะน�าตลอดทุกขัน้ ตอน แถมมีโมจิถวั่ แดงและชาเขียวเข้มๆ ให้กนิ ด้วย
คานาซาวะ Kanazawa เราจากลาชิราคาวาโกะออกมาขึ้นบัส Nohi Bus ไปยัง เมือง “คานาซาวะ” (Kanazawa) ได้ยินชื่อเมืองนี้มานาน รับรูม้ าตลอดว่านีค่ อื สวรรค์ของผูท้ ชี่ นื่ ชอบการเทีย่ วเมืองเก่า แต่ที่เพิ่งรู้คือนี่เป็นเมืองหนึ่งของจังหวัดอิชิกะวะ (Ishikawa) เราเช็กอินเป็นคืนที่ 3 ที่ “Toyoko INN Kanazawa Korinbo Kerokuen” และกินข้าวเย็นที่ “Warekomo Korinbo” ก่อน จะเริ่ ม ท� า ความรู ้ จั ก กั บ จั ง หวั ด อิ ชิ ก าวะก่ อ นจะเริ่ ม ต้ น โปรแกรมในคานาซาวะเช้าวันพรุ่งนี้ จังหวัดอิชิกาวะตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางภูมิภาคย่อย โฮกุรกิ ุ มีทงั้ ภูมปิ ระเทศทีเ่ ป็นภูเขาและชายฝัง่ ทะเล แบ่งพืน้ ที่ จังหวัดออกเป็น 3 ส่วนหลักคือ โนโตะ คานาซาวะและคากะ ส่วนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกด้านเกษตรกรรม ต้องยกให้โนโตะ คานาซาวะคือศูนย์กลางเศรษฐกิจและ วัฒนธรรมของโฮกุริกุที่โดดเด่นมาก และส�าหรับคากะ นี่คือ แหล่งน�า้ พุรอ้ นและออนเซนเลือ่ งชือ่ แต่โดยรวมแล้วทัง้ จังหวัด ถือเป็นจุดชมธรรมชาติที่สุดยอดทุกฤดู จะซากุระ ใบไม้ เปลี่ยนสีหรือหิมะยืนยันได้ว่าสวยงามและน่าเที่ยวตลอดปี ส�าหรับเมืองคานาซาวะ นีค่ อื เมืองหลวงของจังหวัดและ ก็มีของดีของดังระดับประวัติศาสตร์ชาติอยู่เยอะมาก และ ประวัติความเป็นมาของคานาซาวะก็ไม่ต่างจากเกียวโต ให้ บรรยากาศในการท่ อ งเที่ ย วทั้ ง เหมื อ นและคล้ า ยกั น คานาซาวะเป็นแหล่งใหญ่ของแร่ทองค�าในประเทศญีป่ นุ่ และ แหล่งทองค�าเปลวชื่อดังที่สุดก็อยู่ที่คานาซาวะนี่เอง
ตลาดโอมิโจ Omicho Market
โปรแกรมแรกในคานาซาวะเราไปที่ “ตลาดโอมิโจ” (Omicho Market) ตลาด ในร่มที่น่าเดินเที่ยวมากที่สุดอีกแห่งในโลก เนื่องจากเป็นตลาดที่สะอาด สินค้าน่าซื้อ มาก ร้านค้าเกือบ 200 ร้านเต็มไปด้วยผัก ผลไม้และอาหารทะเล แต่ทดี่ จู ะดึงดูดสายตา และเรียกน�า้ ย่อยได้มากทีส่ ดุ เห็นจะเป็นโซนอาหารทะเลสดๆ ในแบบทีห่ าได้ยากในตลาด ทั่วไปของประเทศอื่นๆ แถมยังราคาไม่แพง กุ้ง หอย ปู ปลาทุกชนิดที่มีในทะเลญี่ปุ่น คุณจะพบได้ที่นี่ จะหาซูชิ ซาชิมิอร่อยขั้นเทพกินไม่ใช่เรื่องยากในตลาดโอมิโจ แถมยัง ราคาไม่แพง หนึ่งในอาหารทะเลสดที่เราอยากให้คุณผู้อ่านแวะชิมเมื่อมาถึงตลาดแห่งนี้ก็คือ หอยนางรมตัวใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก เราสามารถสั่งได้จากหน้าร้าน พนักงานจะเปิดฝาหอยแล้วล้างน�้าจนสะอาด จากนั้นเสิร์ฟให้เราทันที รสชาติหวานๆ และความสดที่ได้สัมผัสรับประกันว่าไม่มีวันลืมแน่นอน
| 83
พิพิธภัณฑ์แห่งศตวรรษที่ 21 21st Century Museum of Contemporary Art ส�าหรับคอพิพธิ ภัณฑ์ทไี่ ม่วา่ จะไปทีไ่ หนก็ตอ้ งขอเสาะหาพิพธิ ภัณฑ์เสียทุกครัง้ เราอยากชวนให้ไปชม “พิพธิ ภัณฑ์ ศิลปะแห่งศตวรรษที่ 21” (21st Century Museum of Contemporary Art) นี่คือศูนย์รวมงานศิลป์จากศิลปินร่วม สมัยทีล่ ว้ นแล้วแต่เป็นมือรางวัลทัง้ นัน้ และนับตัง้ แต่เปิดพิพธิ ภัณฑ์แห่งนีข้ นึ้ ในปี 2004 ก็ได้รบั ความนิยมจากนักท่อง เทีย่ วมาโดยตลอด เพราะนีค่ อื พิพธิ ภัณฑ์ศลิ ปะชือ่ ดังมากทีส่ ดุ อีกแห่งหนึง่ ของญีป่ นุ่ มาเทีย่ วคานาซาวะทัง้ ทีจะไม่แวะ มาชมได้อย่างไร งานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้มีทั้งแบบที่จัดแสดงถาวรและแบบที่จะปรับเปลี่ยนไปตามช่วง เวลา บางชิน้ คนทัว่ ไปอาจชมแล้วไม่เข้าใจในคอนเซปต์ของศิลปิน แต่กระนัน้ เรือ่ งของศิลปะใช่วา่ จะต้องมีเหตุผล ทุก อย่างอยูท่ จี่ นิ ตนาการและความชืน่ ชอบมากกว่า ความน่าสนใจของพิพธิ ภัณฑ์ศลิ ปะแห่งศตวรรษที่ 21 มีให้เห็นตัง้ แต่ ตัวอาคารที่ออกแบบให้มีผนังกระจกใสเส้นผ่านศูนย์กลาง 113 เมตร มีทางเข้าออก 4 ทาง ภายในจะแบ่งออกเป็น ห้องต่างๆ ที่บรรจุงานศิลปะเอาไว้ และยังแบ่งเป็นส่วนของห้องสมุด ห้องบรรยาย รวมถึงห้องส�าหรับเด็กด้วย ส่วน จุดที่ใครๆ ต้องไปชมก็คืองานศิลป์ฝีมือการออกแบบของ “ลีแอนโดร เอลิช” (Leandro Erlich) ซึ่งมองดูเหมือนจะ เป็นสระว่ายน�้ากลางแจ้งธรรมดาทั่วไป แต่หากเข้าสู่ตัวอาคารลอดเข้าไปภายในใต้สระว่ายน�้าที่จะสร้างเป็นห้อง สีเ่ หลีย่ มเอา มองจากด้านบนแล้วเหมือนผูท้ อี่ ยูด่ า้ นล่างก�าลังอยูใ่ ต้นา�้ เลยทีเดียว นอกจากนีย้ งั มีงานศิลปะอีกมากมาย จนต้องขอแนะน�าว่าให้เผื่อเวลาไว้มากหน่อย เพื่อให้ได้ชมงานศิลป์ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม
ปราสาทคานาซาวะ Kanazawa Castle
ของดีและเก่าแก่น่าชมของคานาซาวะอีกแห่งคือ “ปราสาทคานาซาวะ” (Kanazawa Castle) นี่คือปราสาทของเจ้าเมืองในตระกูลมาเอดะ และเจ้าของเดิมก็คือ “มาเอดะ โทชิอิเอะ” (Maeda Toshiie) ผู้ซึ่งเป็นขุนนางคนเก่งของ “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” (Toyotomi Hideyoshi) ไดเมียวคนส�าคัญคนหนึ่งในแผ่นดินญี่ปุ่น ท่านโทชิอิเอะได้ย้ายมาปกครองพื้นที่นี้ซึ่งก็คือพื้นที่ ของคานาซาวะในปัจจุบัน จึงมีการสร้างปราสาทขึ้นในราวปี 1583 โดยสร้างให้มีก�าแพงหนา มี ป้อมปราการ 2 ชั้นและหนุนตัวปราสาทให้สูงโดดเด่นเห็นได้ชัดซึ่งก็เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน การรุกรานจากข้าศึกนัน่ เอง ยุคแรกปราสาทหลังนีเ้ คยมีหอคอยใหญ่แต่กเ็ สียหายและหมดไปจาก การถูกไฟไหม้ ในขณะทีส่ ว่ นอืน่ ๆ ของปราสาททีถ่ กู ไฟเผาผลาญไปกลับถูกสร้างใหม่ขนึ้ ทดแทน ในปี 1788 มีการสร้าง “ประตูอิชิกาวะมง” ซึ่งยังคงมีเหลืออยู่ถึงปัจจุบันนี้ จากประตูทาง เข้าสู่ปราสาทนอกจากจะสร้างบานประตูใหญ่โตแล้ว ทางเดินเข้ายังออกแบบให้บังคับเลี้ยวขวา แบบหักศอกเพื่อในกรณีที่มีทัพข้าศึกบุกเข้ามาจุดหักศอกนี้จะช่วยลดความเร็วลงได้ ผ่านประตู เข้ามาจะเป็นลานกว้างและตัวปราสาทจะตระหง่านอยูเ่ บือ้ งหน้าทีท่ า� ให้เรารูส้ กึ ว่าแม้เวลาจะผ่าน มาหลายร้อยปีแล้วแต่ปราสาทยังได้รับการดูแลและบูรณะจนสวยงามเสมอ
Kenrokuen Garden สวนเก็นโระขุเอ็น ฝั ่ ง ตรงข้ า มปราสาทคานาซาวะควรค่ า มากที่ เ ราจะเข้ า ชม “สวนเก็ น โระขุ เ อ็ น ” (Kenrokuen Garden) สวนสวยที่ได้รับการยอมรับให้เป็น 1 ใน 3 ของสวนที่สวยงามมากที่สุด ของญี่ปุ่น พูดขนาดนี้คงไม่ต้องบรรยายว่าสวนเก็นโระขุเอ็นแห่งนี้สวยงามขนาดไหน ถือเป็น สัญลักษณ์ของสวนแห่งระบบศักดินาเพราะมีเจ้าของเป็นขุนนางในยุคเอโดะซึ่งก็คือบุคคลใน ตระกูลมาเอดะ (Maeda) อีกเช่นกัน สวนแห่งนี้สร้างขึ้นราวปี 1676 และก็สร้างนานถึง 180 ปี ถูกออกแบบและตั้งชื่อให้มี ความหมายสือ่ ถึงความเป็นสวนทีม่ ี 6 คุณลักษณะพิเศษครบถ้วนตรงตามต�าราจีน ได้แก่ มีความ กว้างใหญ่ สร้างด้วยฝีมอื มนุษย์ มีความเงียบสงบ มีเส้นทางน�า้ มีทิวทัศน์สวยงามและมีความ เก่าแก่ สิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นในสวนอย่างหนึ่งก็คือโคมไฟหินที่ออกแบบเหมือนชิ้นส่วนหนึ่งใน เครื่องดนตรีญี่ปุ่นประเภทเครื่องสายคล้ายพิณที่เรียกว่า “โกโตะ” (Koto) ส่วนบรรยากาศโดย รอบก็เต็มไปด้วยต้นซากุระ ต้นบ๊วย และดอกไม้อีกหลายชนิด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นฤดู ไหนสวนเก็นโระขุเอ็นก็สวยเสมอ ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวที่มีหิมะตกด้วยแล้ว ต้นสนอายุ หลายร้อยปีภายในสวนจะถูกขึงเชือกคลุมไว้เพือ่ ไม่ให้หมิ ะปกคลุมแล้วทิง้ น�า้ หนักลงบนต้นสน มากเกิ 84 | นไปเพื่อไม่ให้ไม้ใหญ่อายุมากต้องเสียหาย แต่ก็กลายเป็นภาพที่สวยงามไปอีกแบบ
ร้านทองซากุดะ
ย่านฮิกาชิ จายะ
ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งทองค�า เราจึงแวะเข้าชมงาน หัตถกรรมที่ท�าด้วยทองค�าเปลวที่ “ร้านทองซากุดะ” (Sakuda Gold & Silver Leaf Crafts) ที่นี่มีงานหัตถกรรมสวยๆ ที่หุ้มด้วย แผ่นทองค�าเปลวหลากหลายรูปแบบจ�าหน่ายทัง้ เครือ่ งประดับ ภาพ แผ่นทองส�าหรับตกแต่งบ้าน และงานประติมากรรมต่างๆ ร้านนี้ ด�าเนินการมานานถึง 80 ปี เพราะฉะนั้นเรื่องประสบการณ์ถือว่า สุดยอดในระดับผู้เชี่ยวชาญแน่นอน แต่กิจกรรมชวนสนุกส�าหรับนักท่องเที่ยวก็คือการได้ลอง ประดิษฐ์กระเบื้องเคลือบด้วยแผ่นทองค�าเปลวโดยเราสรรสร้าง ลวดลายด้วยตัวเอง เป็นกิจกรรมทีต่ อ้ งใช้ความตัง้ ใจและใช้เวลาพอ สมควรเลยทีเดียว แต่ผลงานทีไ่ ด้ออกมาก็มกั จะสร้างความภูมใิ จให้ เจ้าของเสมอ และสามารถเก็บผลงานกลับมาเป็นทีร่ ะลึกได้ดว้ ย
คานาซาวะมีสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วในลักษณะของถนนคนเดิมอยูแ่ ห่งหนึง่ ซึง่ จริงๆ แล้วแต่เดิมถือเป็นย่านร้านน�้าชาที่โด่งดังตั้งแต่ยุคเอโดะ ถนนสายเล็กๆ ที่ปูพื้นด้วย แผ่นหินจะมีบ้านไม้ 2 ชั้นเรียงรายอยู่สองข้างทางซึ่งส่วนใหญ่ในอดีตเปิดเป็นร้าน น�้าชาที่มีเกอิชาคอยสร้างเสียงเพลงและความสนุกสนาน ยุคนั้นจึงมีเสียงดนตรีที่ เล็ดลอดออกมาจากแต่ละร้านทั่วย่านฮิกาชิ จายะให้ได้ยินอยู่ทุกค�่าคืน จนถึง ทุกวันนีบ้ า้ นหลายหลังในย่านนีป้ รับและตกแต่งใหม่ให้เป็นร้านอาหาร เครือ่ งดืม่ ร้าน ขายขนม สินค้าที่ระลึก และมีที่พักหลังน้อยไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ที่กลายเป็นจุดสนใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างมากคือบ้านไม้เกือบทุกหลังจะมี ระแนงไม้ตกี นั้ เป็นผนังหน้าบ้านซึง่ ยิง่ ท�าให้สวยมากและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย กลาย เป็นย่านย้อนอดีตอีกแห่งของญีป่ นุ่ ซึง่ นอกจากย่านกิออนของเกียวโตแล้วก็มเี พียงย่าน ฮิกาชิ จายะแห่งนีเ้ ท่านัน้ ทีไ่ ด้รบั การยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ทัง้ ยังได้รบั การขึน้ ทะเบียนเป็นย่านอนุรกั ษ์กลุม่ อาคารสถาปัตยกรรมทีเ่ ก่าแก่อกี ด้วย
Sakuda Gold & Silver Leaf Crafts
Higashi Jaya Machi
คากะ ออนเซน Kaga Onsen
เราย้ายคณะจากคานาซาวะไปยัง “คากะ ออนเซน” (Kaga Onsen) ด้วยการ นั่งรถไฟสาย Limited Express Thunderbird จากสถานีคานาซาวะ (Kanazawa Station) ไปลงที่ “สถานีคากะออนเซน” (Kaga Onsen Station) เพื่อไปเจาะลึก แหล่งออนเซนชื่อดังและเก่าแก่กว่า 1,300 ปีซึ่งเป็นน�้าแร่ร้อนที่มีสรรพคุณในการ บรรเทาอาการปวดเมื่อยเจ็บป่วยทางร่างกาย ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังที่ แม้แต่ชาวญีป่ นุ่ เมืองอืน่ ๆ ยังนิยมเดินทางมาเพือ่ การนีต้ ลอดทัง้ ปี นัน่ ก็เพราะต้องการ มายัง “ยามาชิโระออนเซน” (Yamashiro Onsen) นี่เอง นอกจากแหล่งออนเซนแล้วในยามาชิโระออนเซนยังมีความน่าสนใจมากมาย อย่างห้องอาบน�้าสาธารณะ ที่พักแบบเรียวกัง พิพิธภัณฑ์ต่างๆ พื้นที่ของคากะ ออนเซนและยามาชิโระออนเซนดูจะเอื้อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนได้ง่ายมาก เพราะมี “สนามบินโคมัสซึ” (Komatsu Airport) ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางเชื่อม ต่อไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีรถไฟ JR และชินคังเซ็นแล่นผ่านสถานีคากะ ออนเซนอย่างที่เราใช้บริการกันในครั้งนี้ เรานัง่ รถบัสจากสถานีคากะออนเซนเข้าเช็กอินที่ “โรงแรมยามาชิโระ ออนเซน” (Yamashiro Onsen Yuzankaku) พร้อมอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์ม้ือเย็นที่อร่อยและ หลากหลายมาก เพิ่มพลังให้พร้อมกับการเที่ยวยามาชิโระออนเซนในวันรุ่งขึ้น
| 85
วัดNatadera นาตะเดระTemple เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเมืองไทยเราไปชม “วัดนาตะเดระ” (Natadera Temple) วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,300 ปี เพราะ สร้างขึ้นในปี 717 โดยพระที่มีนามว่า “ไทโจ” (Taicho) เป็นวัดที่มีความกว้าง ใหญ่และมากมายด้วยหน้าผาหินสูงชัน แวดล้อมไปด้วยภูเขาสูงและป่าไม้ ใน ช่วงฤดูใบไม้เปลีย่ นสีวดั แห่งนีจ้ ะกลายเป็นจุดชมธรรมชาติทสี่ วยงามและมีชอื่ เสียงมากในญี่ปุ่น จุดแรกที่เดินเข้าสู่ภายในวัดจะมีอาคารหลังสีแดงสวยงาม ส่วนซ้ายมือของอาคารมีพพิ ธิ ภัณฑ์วตั ถุโบราณ ลึกเข้าไปภายในมีบนั ไดสูงน�า เราเดินขึน้ ไปจนพบกับศาลเจ้าซึง่ เป็นครัง้ แรกทีเ่ ราได้พบว่ามีศาลเจ้าอยูใ่ นวัด จุดที่จะท�าให้เราสามารถชมความสวยงามของวัดนาตะเดระได้ชัดเจนมากก็ คือจุดชมวิวที่สร้างเป็นเหมือนอาคารสูงตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามอาคารวัดเพื่อให้เมื่อ เราขึน้ ไปสูด่ า้ นบนแล้วจะมองเห็นทิวทัศน์ของวัดได้แบบเต็มตา ซึง่ แน่นอนว่า สวยงามมากจริงๆ
หมู่บ้านหัตถกรรม
Yunokunino Mori
หลังจากได้ลองท�ากระเบือ้ งเคลือบแผ่นทองค�าเปลวมาแล้ว ครัง้ นีเ้ ราได้มารูจ้ กั กับงานหัตถกรรม ในแบบที่ต่างออกไปที่ “หมู่บ้านหัตถกรรม” (Yunokunino Mori) ซึ่งเป็นศูนย์รวมงานหัตถกรรมที่เป็น เอกลักษณ์พนื้ บ้านของเมืองนีแ้ ละในบรรดางานหัตถกรรมเหล่านีจ้ ะเปิดโอกาสให้นกั ท่องเทีย่ วได้ลงมือ ท�าด้วย เราได้ลองฝึกการเขียนลายลงบนตะเกียบซึ่งไม่ง่ายเลย แต่รับรองว่าถ้าได้ท�าแล้วเราก็จะได้ เป็นเจ้าของตะเกียบที่มีเพียงคู่เดียวในโลก กิจกรรมที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลองฝึกฝีมือมีทั้งการท�าตะเกียบและการเพ้นท์ผ้าแบบโบราณ หรือหากไม่สะดวกหรือไม่มีเวลาในการร่วมท�ากิจกรรมเราก็สามารถเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้กลับไปเป็น ที่ระลึกได้ ก่อนที่มื้อเที่ยงเราจะไปกินข้าวกันในบริเวณอาคาร “พิพิธภัณฑ์เซรามิก” กินข้าวแล้วก็เดิน ชมงานเซรามิกสวยๆ ที่หลายชิ้นส่งมาจากต่างประเทศ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ
พิพิธภัณฑ์รถยนต์แห่งญี่ปุ่น
Motorcar Museum of Japan
ส�าหรับคุณผู้อ่านที่รักและหลงใหลรถยนต์โบราณสุดคลาสสิกเราขอให้มาเที่ยวที่นี่ “พิพิธภัณฑ์รถยนต์” (Motorcar Museum of Japan) นี่คือสวรรค์ของคนรักรถที่เปิดมา ตั้งแต่ปี 1995 จัดแสดงรถยนต์ในแต่ละยุคสมัยนับตั้งแต่ปี 1900-1970 บนพื้นที่ประมาณ 12,000 ตารางเมตรที่แบ่งตัวอาคารเป็น 3 ชั้นกับรถยนต์อีกจ�านวนประมาณ 500 คัน ทั้งยัง มีรถสามล้อเครื่อง รถจักรยานยนต์และรถจักรยานปะปนอยู่ด้วย มีการจัดแสดงรถโรลส์รอยซ์ (Rolls-Royce) คันงามที่เมื่อครั้งเจ้าหญิงไดอาน่า แห่งเวลส์เสด็จฯเยือนญีป่ นุ่ รถคันนีถ้ กู น�าไปใช้รบั ส่ง จึงน�ารถยนต์คนั นีจ้ ดั แสดงไว้เพือ่ ระลึก ถึงพระองค์ และจุดที่จัดแสดงจะถูกออกแบบให้มีบรรยากาศแบบอังกฤษ ถ้าคุณผู้อ่าน ชื่นชอบรถยนต์หรือมีรถคลาสสิกอยู่ในหัวใจคงต้องเผื่อเวลาไว้ไม่ต�่ากว่า 1 ชั่วโมงเพื่อให้ สามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์รถยนต์แห่งนี้ให้ครบทั้ง 3 ชั้น รวมถึงมีจุดเด่นอีกอย่างในห้องน�้า ที่ออกแบบให้โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ เสมือนมีที่มาจากทั่วโลก ส่วนชั้น ล่างสุดของอาคารพิพิธภัณฑ์จะมีร้านอาหารและจ�าหน่ายสินค้าที่ระลึก โดยเฉพาะรถยนต์ คันจิ๋วที่วางจ�าหน่ายอยู่มากมายหลายรุ่นก็ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้มาก
86 |
ราเมงหมายเลข 8
Hachiban Ramen
ท้ายโปรแกรมก่อนเดินทางกลับ เมื่อต้องแล่นรถผ่าน “ถนนหมายเลข 8” ของเมือง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ขอแวะ ไปชิม “ฮะจิบังราเมง” (Hachiban Ramen) ต�านานแห่งราเมง หมายเลข 8 ของญี่ ปุ ่ น ที่ โ ด่ ง ดั ง และมี ส าขามากมายใน ประเทศไทย แน่นอนว่าคนไทยรู้จักดี แต่ใครบ้างจะรู้ถึงที่มา ว่ า ที่ ไ ด้ ชื่ อ ว่ า ฮะจิ บั ง ราเมงที่ ห มายถึ ง ราเมงหมายเลข 8 ก็เพราะร้านแรกของฮะจิบงั ในญีป่ นุ่ เกิดขึน้ บนถนนสายนี้ เพราะ ฉะนั้นพูดได้ว่าบ้านเกิดของฮะจิบังราเมงอยู่ที่อิชิคาวะนี่เอง
สนามบินคันไซ
Kansai International Airport-Kansai Kokusai Kuko-KIX เก็บกระเป๋าพร้อมเดินทางกลับบ้าน เราหอบกระเป๋าขึ้นรถไฟ JR จากสถานีคากะเข้าสู่โอซาก้า รถไฟเข้าจอดที่สถานีรถไฟชินโอซาก้า (Shin Osaka) แล้วนั่งรถไฟด่วนพิเศษ “Rapid” เข้าสู่ “สนามบินคันไซ” (Kansai International Airport-Kansai Kokusai Kuko-KIX) นี่คืออีกสนามบินใหญ่ ของญี่ปุ่นที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่ภูมิภาคคันไซ และสามารถต่อเครื่องบิน รถไฟและรถบัสออก ไปยังประเทศและเมืองต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะบินถึงสนามบินคันไซในเวลาเท่าไรก็ตามจะมีรถบัสให้ บริการรับส่งถึงใจกลางเมืองโอซาก้าตลอด 24 ชั่วโมง และส�าหรับท่านที่ต้องการข้อมูลการท่องเที่ยว ทั่วคันไซแบบครบถ้วนสมบูรณ์ต้องแนะน�าให้เข้าไปที่ “Information Center” ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ที่นี่มีข้อมูลให้อย่างละเอียด พร้อมมีบริการจ�าหน่ายบัตรโดยสารรถต่างๆ แนะน�าโรงแรมที่พักและ สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งในคันไซหรือทั่วญี่ปุ่นได้ด้วย แต่ถ้าต้องการชมวิวสวยๆ ของสนามบินคันไซเพื่อฆ่าเวลาระหว่างการรอต่อเครื่องบินก็ต้องนั่ง ชัทเทิลบัสจากหน้าสนามบินวนไปที่อาคาร “Sky View” ซึ่งจะเป็นจุดที่สวยงามที่สุดในการเฝ้ามอง เครือ่ งบินขึน้ ลงจากรันเวย์ สวยงามทัง้ กลางวันและกลางคืน บริเวณจุดชมวิวซึง่ อยูบ่ นชัน้ 5 ของอาคาร มีระฆังคู่รักที่โรแมนติกมาก ชั้น 4 เป็นพื้นที่ช้อปปิ้ง ชั้น 3 มีร้านอาหาร ชั้น 2 คือจุดควบคุม สภาพแวดล้อม และชั้น 1 เป็น Information Center ของอาคาร ที่ส�าคัญคือใครนิยมซื้อโมเดล เครื่องบินจากทั่วโลกเพื่อการสะสมเชิญที่นี่แล้วจะถูกใจ
ถือว่าปิดทริปไปแบบสวยงามสำาหรับการนำาเทีย ่ วภูมภ ิ าค ชูบแุ ละท่องไปในสถานทีท ่ อ ่ งเทีย ่ วของจังหวัดต่างๆ ไม่วา่ จะเป็น ไอจิ กิฟห ุ รืออิชค ิ าวะ ด้วยความน่าสนใจและความสวยงามของ แต่ละสถานทีท ่ เี่ ราได้มโี อกาสไปสัมผัสจึงอยากชวนคุณผูอ ้ า่ น เดินทางไปเทีย ่ ว อีกทัง ้ ยังเดินทางได้งา่ ยมากด้วยรถไฟและรถ บัสต่อเนือ ่ งตลอดทริป เปลีย ่ นรูปแบบการท่องเทีย ่ วเป็นการ เดินทางอย่างอิสระด้วยตัวเอง เส้นทางนีส ้ นุกแน่รบ ั รอง!!!
Special Thanks
Travel Innovation Japan Inc. E-mail: CUSTOMER@TI-J.CO.JP www.ti-j.co.jp
| 87
Okayama
เที่ยว ญี่ปุ่น
ด ล โห แชท
แชร์ ไม่อั้น สัญญาณแรงสูงสุด DL187.5 Mbps UL 37.5 Mbps พร้อมแชร์สัญญาณได้มากถึง 14 เครื่อง ใช้งานนานต่อเนื่องถึง 14 ชม. สัญญาณแรงชัด ครอบคลุมพื้นที่+ทั่วประเทศญี่ปุ่น ขนาดเท่านามบัตร พกพาสะดวก 117x62x13.9 มิลลิเมตร น�้าหนัก 150 กรัม
Call Center
02 105 4447 www.4gpocketwifi.com 4gpocketwifi
@4gpocketwifi