Say Hi Japan 27-2 Itako Kashima Sawara by Checktour Magazine 59

Page 1

SAY HI JAPAN : ISSUE 27-2 OCTOBER 2015

ท่องไปใน

สามเมือง

เป็นเพราะได้รับค�าเชิญจากเมืองอิตาโกะ คาชิมะ และซาวาระ ให้เดินทางไปส�ารวจ เส้นทางด้วยกัน ท�าให้เราได้รู้ว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองนาริตะยังมีสถานที่ท่องเที่ยว อีกมากมายซ่อนอยู่ และเฝ้ารอให้คนไทยแวะไปท�าความรู้จักอยู่ตลอด แถมยังเป็นมุม ท่องเที่ยวที่สวยงามในทุกฤดูกาลและเชื่อว่ายังใหม่ส�าหรับใครอีกหลายคนแน่นอน

80 |


เพราะนี่คือ

เมืองอิตาโกะ คาชิมะ และซาวาระ

อิตาโกะ (Itako) และคาชิมะ (Kashima) เป็นเมืองทีอ่ ยูใ่ นพืน้ ทีข่ องจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ส่ ว นซาวาระนั้ น เป็ น เมื อ งหนึ่ ง ในจั ง หวั ด ชิ บ ะ (Chiba) ทั้งสามเมืองที่เราจะแนะน�าให้คุณผู้อ่าน ได้รู้จักครั้งนี้ล้วนแต่เป็นเมืองเล็กๆ แต่ชวนให้ อบอุน่ ในอัธยาศัยไมตรีของผูค้ นทีด่ เู ป็นมิตร ในขณะ เดียวกันเราก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้เมื่อได้เห็นและ ได้ฟังความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ ของแต่ละ เมืองทีม่ คี ณุ ค่าทางประวัตศิ าสตร์ อีกทัง้ เส้นทางที่ เชื่อมต่อถึงกันระหว่างสามเมืองนี้ก็ง่ายต่อการ เดินทาง แม้กระทัง่ จะวางโปรแกรมเทีย่ วในนาริตะ หรือโตเกียวก็สามารถผนวกรวมอิตาโกะ คาชิมะ และซาวาระเข้าไว้ในโปรแกรมได้สบายๆ

เราตั้งต้นกันที่อิตาโกะ เมืองที่มีท�าเลเหมาะๆ อยู่ริม “แม่น�้าคิตาโตเนกาวะ” (Kitatonegawa River) ซึ่งเป็นแม่น�้าสายใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นเส้นทางสายหลักเพื่อ เชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอิตาโกะและเอโดะหรือโตเกียวและก็เป็นเมืองที่รุ่งเรืองมา ตลอดตั้งแต่ราวปี 1600 แล้ว ทั้งยังเป็นเมืองแห่งศิลปินที่ต่างก็นิยมพากันมาค้นหา แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองอยู่เสมอ ในอดีตพื้นที่ของเมืองอิตาโกะส่วนใหญ่เป็นทะเลและแม่น�้า เพราะฉะนั้นพาหนะที่ใช้ จึงหนักไปทางเรือ การขนส่งล�าเลียงสินค้าข้าวของเครือ่ งใช้ตา่ งๆ จึงผ่านทางเรือแทบทัง้ หมด มาปัจจุบันมีการพัฒนาและขยายตัวเมือง พื้นที่น�้าก็เริ่มหายไป วิถีชีวิตการใช้เรือของ ชาวบ้านก็น้อยลง จะเหลือก็เพียงในพื้นที่ที่จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีเรือพายแบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับอดีตของเมืองนี้ จากนาริตะซึง่ เป็นจุดแรกทีเ่ ครือ่ งบินลงจอดเราเดินทางมาถึงเมืองอิตาโกะโดยรถยนต์ ด้วยเวลาประมาณ 45 นาที อีกทั้งจากนาริตะหรือโตเกียวก็ยังมีรถไฟ JR รถบัส และรถ แท็กซี่ให้บริการมาจนถึงสามเมืองนี้ เราเข้าพักคืนแรกในอิตาโกะที่ “Itako Hotel” ซึ่งท�าให้ เรามีโอกาสชมความงามของ “สวนอายาเมะ” (Ayame Garden) ทีเ่ ต็มไปด้วย “ดอกไอริส” (Iris) หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “ดอกอายาเมะ” (Ayame) “และ “ดอกอาจิไซ” (Ajisai) ส่วน ด้านข้างโรงแรมจะมีววิ สวยๆ ของ “แม่นา�้ ฮิตาจิโทเนะ” (Hitachitone River) และมี “แม่นา�้ มาเอะกาวะ” (Maekawa River) ไหลผ่านเคียงข้างตามแนวยาวของสวนอายาเมะ ได้บรรยากาศความสวยงามตามธรรมชาติอย่างที่สุด

| 81


เมืองอิตาโกะ ส�าหรับอิตาโกะแล้วเทศกาลชมดอกไม้สวยๆ นั้นมีอยู่หลายช่วง ช่วง เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนจะเป็นฤดูเบ่งบานของดอกไอริส โดยในวันที่ 23 พฤษภาคม จนถึง 28 มิถนุ ายน ของทุกปีจะมีการจัดเทศกาลชมดอกไอริส และเดือนมิถนุ ายนยังมีเทศกาลชมดอกอาจิไซด้วย พอถึงเดือนเมษายนทัว่ ทัง้ แถบนีก้ จ็ ะกลายเป็นพืน้ ทีส่ ชี มพูหวานของดอกซากุระ เข้าสูเ่ ดือนพฤษภาคม ก็มีเทศกาลชมดอกฟูจิที่ช่อดอกจะห้อยระย้าทิ้งตัวลงมาเป็นสายสีม่วง สวยงามมาก ช่วงปลายเดือนตุลาคมเข้าสูฤ่ ดูใบไม้เปลีย่ นสียงิ่ สวยงามไปกันใหญ่ ห่างออกไปเล็กน้อยจะมี “ทะเลสาบคะสึมิกะอุระ” (Kasumigaura Lake) ที่เมื่อถึงช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์จะมีหงส์ฝูงใหญ่อพยพมา อาศัยอยู่นานถึง 2 เดือน และหากเป็นช่วงฤดูร้อนราววันที่ 22 สิงหาคมของ ทุกปีก็จะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟ ชาวเมืองจะนิยมนั่งเรือไปรอชม ดอกไม้ไฟที่ทะเลสาบคะสึมิกะอุระ การชมดอกไม้ไฟจากบนเรือซึ่งเป็น สุดยอดประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ถ้านักท่องเที่ยวชาวไทยได้ เดินทางไปเยือนอิตาโกะในช่วงเทศกาลเหล่านี้รับรองว่ายิ่งคุ้มค่ากับการ เดินทางมากขึ้นไปอีก อีกหนึ่งไฮไลท์ส�าหรับกิจกรรมล่องเรือในอิตาโกะก็คือการล่องเรือของ เจ้าสาวที่ก�าลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมโบราณส�าหรับเมือง ที่มีน�้าล้อมรอบแห่งนี้ โดยเจ้าสาวในเครื่องแต่งกายสวยงามจะต้องเดินทาง ด้วยเรือพายไปยังบ้านหลังใหม่ซึ่งก็คือบ้านของเจ้าบ่าวนั่นเอง ท�านองว่า เป็นการส่งตัวให้กบั ครอบครัวของว่าทีส่ ามี เรือจะพายไปจนสุดทางแม่นา�้ และ จะมี เ จ้ า บ่ า วรอเจ้ า สาวอยู ่ ที่ นั่ น ธรรมเนี ย มนี้ เ ป็ น ที่ น ่ า ชมมากส� า หรั บ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะได้มีโอกาสชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

82 |

จากจุดชมดอกไม้ในสวนอายาเมะ เราเดินเท้ากันนาน 15 นาทีก็ ไปถึง “วัดโจโซจิ” (Choshoji Temple) วัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ใน สมัยคามาคุระราวปี 1185 นับถึงวันนี้วัดก็มีอายุล่วงเลยมาถึง 830 ปี ตัวอาคารวัดบ่งบอกได้ถึงความเก่าแก่นับตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็ดูสวยงาม มากเพราะมีการอนุรกั ษ์ไว้อย่างดี แต่ทเี่ ก่าแก่ทสี่ ดุ ในวัดเห็นจะเป็นระฆัง ใบใหญ่ที่ถูกน�ามาไว้ในวัดเมื่อปี 1330 แต่หล่อขึ้นก่อนหน้านั้นเพียงแต่ ไม่มีการระบุปีที่แน่นอน ระฆังใบนี้ถือเป็นโบราณวัตถุที่ส�าคัญของ ประเทศ บนผิวระฆังมีคา� จารึกของพระในประเทศจีนซึง่ บอกถึงรายนาม ของผู้สร้าง ความสูงจากระฆังรวมทั้งห่วงที่ใช้ส�าหรับแขวนซึ่งสร้างเป็น รูปหัวมังกรประมาณ 1.15 เมตร แต่หากเป็นความสูงของตัวระฆังเพียง อย่างเดียวก็คือ 84.8 เซนติเมตร ทุกวันนี้ทางวัดจะเคาะระฆังเฉพาะใน วันสิ้นปีก่อนขึ้นปีใหม่เท่านั้น จะไม่เคาะทุกวันเช้าเย็นเหมือนวัดอื่น เนื่องจากเกรงว่าด้วยความเก่าอาจจะท�าให้ระฆังแตกเสียหายได้ ภายในโบสถ์มีแท่นบูชาพระพุทธรูป เจ้าแม่กวนอิม และองค์ เทพอื่ น ๆ อี ก มากมาย ชาวเมื อ งมี ค วามเชื่ อ ว่ า หากได้ สั ก การะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดนี้แล้วจะมีความคิดดี สมองดี เราได้ไปชมอีก อาคารหนึ่งของวัดที่เก็บรักษากล่องโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะซึ่งมี ความส�าคัญทางประวัตศิ าสตร์มาก เพราะเคยใช้สา� หรับใส่เอกสารหรือ สิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อส่งถึงกันระหว่างเอโดะและอิตาโกะ อาคาร หลังนีจ้ ะมีมมุ ชมสวนเซนเล็กๆ พร้อมจิบชาเขียวและขนมหวานไปด้วย ในราคาแค่ 500 เยนเท่านั้น ได้ทั้งความอร่อยและสัมผัสบรรยากาศดีๆ ภายในวัดกันได้ทั้งวัน


เวลาของความ

อร่อย

จากวัดโจโซจิเราไปกินข้าวหน้าปลาไหลกันทีร่ า้ น Kinsui เนือ้ ปลาไหลสด ย่างด้วยเตาถ่านจนสุกหอม ตามมาด้วยซอสที่ฉาบบางๆ ลงบนชิ้นเนื้อปลายิ่ง เพิม่ ความอร่อยให้อกี หลายเท่าตัว หอมอร่อยอย่าบอกใคร เราตุนข้าวหน้าปลา ไหลลงท้องเรียบร้อยแล้วก็ชวนกันไปนั่งเรือพายเพื่อชมบรรยากาศดีๆ ของ เมืองอิตาโกะนานประมาณ 30 นาที นั่งไปนั่งกลับราคาแค่ 1,000 เยน เราล่อง ล�าน�้าชมสภาพบ้านเรือนด้วยเรือพายแบบโบราณ เพิ่มประสบการณ์ในการชม เมืองอิตาโกะได้อีกแบบหนึ่ง จนเมื่อขึ้นจากเรือก็ได้ไปเดินชม “สวนอิตาโกะอายาเมะ” (Itako Ayamae) ซึ่งใช้ส�าหรับจัดเทศกาลอายาเมะ หรือเทศกาลชมดอกไอริส ทัว่ พืน้ ทีจ่ ะเปลีย่ นเป็นสีมว่ งของดอกไอริสอย่างน่าชมทีส่ ดุ มีถนนสายเล็กๆ ให้ เราเดินชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ทุกมุม สวนแห่งนี้ชาวญี่ปุ่นเองยังนิยม เดินทางมาเทีย่ วเป็นจ�านวนมากเมือ่ ถึงเดือนมินายนของทุกปีเพือ่ ชมดอกไอริส ที่มีอยู่ประมาณ 1,000,000 ดอกจนละลานตาไปหมด ชมดอกไม้กันอยู่ครู่ใหญ่ก็ไปกันต่อที่ “วัดนิฮงมัตสึจิ” (Nihonmatsuji Temple) ทีน่ เี่ ป็นอีกวัดหนึง่ ทีใ่ ห้บรรยากาศเงียบสงบตัง้ แต่เดินเข้ามาถึงภายใน แต่ตัวอาคารวัดสวยและมีผู้เคารพศรัทธาแวะเวียนเข้ามาสักการะไม่ขาดสาย พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในอาคารวัดเป็นที่เชื่อกันว่าสักการะบูชาแล้ว จะมีสุขภาพดีไร้โรคภัยไข้เจ็บ ส่วนพื้นที่ทั่ววัดก็จะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐานอยู่ทั่วไปท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นมาก

เมืองอิตาโกะถือเป็นเมืองแห่งสายน�้า ชาวเมืองเน้นการท�าเกษตร ด้วยเหตุผลที่ว่าน�้าก็ดีดินก็ดี น�้าจากแหล่งน�้าธรรมชาติและข้าวคุณภาพดี ที่ปลูกในเมืองนี้จึงนิยมน�ามาท�าสาเก เราได้ไปชม “โรงผลิตสาเกไอยู” (Aiyu Shuzo) ที่ด�าเนินการผลิตสาเกมานานถึง 218 ปี ทุกวันนี้ภายใน โรงงานมีถังสาเกมากถึง 125 ถัง และแต่ละถังจุสาเกได้มากที่สุด 7,755 ลิตร สาเกของที่นี่มากด้วยคุณภาพและรสชาติยอดเยี่ยม แถมมีให้ เลือกซื้อหลายสูตร เปิดโอกาสให้ได้ชิมกันก่อนตัดสินใจซื้อกลับไป ก่อนกลับไปกินอาหารเย็นแสนอร่อยใน Itako Hotel ที่เข้าพักในคืน แรกพร้อมชมการแสดงพืน้ เมืองเราได้แวะจุดพักรถระหว่างทางเพือ่ ลองชิม ขนมอร่อย “Nijidora” ขนมที่มีแป้งนุ่มๆ หุ้มไส้เนื้อเนียนอยู่ภายใน ไส้ ขนมมีให้เลือกมากมายเหลือเกิน แถมยังมีโยเกิร์ตจากนมสดแท้ท่ีอร่อย มากๆ อีกด้วย ใครแวะมาจุดนี้ไม่มีพลาดที่จะต้องลองชิมแน่นอน

| 83


เมืองซาวาระ เช้ า วั น ถั ด มาก่ อ นที่ จ ะไปเที่ ย วชมเมื อ ง คะชิ ม ะซึ่ ง อยู ่ ใ นจั ง หวั ด อิ บ ารากิ เ ช่ น กั น ก็ ข อ แวบออกไปจังหวัดชิบะกันก่อนเพือ ่ ไปท�าความ รู้กับเมืองซาวาระที่ตั้งอยู่ห่างจากสนามบิน นาริตะเพียงแค่ประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น เมืองนีใ้ ครๆ มักขนานนามให้เป็น “เอโดะน้อย” (Little Edo) ด้วยเหตุทท ี่ ก ุ วันนีใ้ นย่านใจกลาง เมืองได้ถก ู อนุรก ั ษ์สภาพให้เป็นเหมือนอดีตใน ยุคเอโดะที่เคยรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลาง คลังสินค้าและการขนส่ง ปัจจุบันแม้จะมีบ้าน เรือนอาคารทรงสมัยใหม่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ ถนนหนทางทีม ่ ม ี ากขึน ้ แต่ผง ั เมืองโดยรวมยัง ไม่มีผิดแปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะคลองสาย หลักที่เคยถูกใช้ส�าหรับล�าเลียงสินค้าต่างๆ ของคนในเมืองนัน ้ ยังมีอยู่ และกลายเป็นสถาน ทีท ่ อ ่ งเทีย ่ วยอดนิยมอีกแห่งของเมืองนีไ้ ปแล้ว

84 |

ที่ซาวาระเราได้ไปชมสวนสวยอีกแห่งที่มีชื่อว่า “สวนซาวาระซุยโก” (Suigo Sawara Iris) เพื่อชมดอก ไอริสในช่วงเวลาของการจัดเทศกาลประจ�าปีที่เรียกว่า “Suigo Sawara Iris Festival” ภายในสวนจะมีถนนย่อย น�าเราเดินเข้าไปชมหมู่ดอกไอริสสีม่วงสวยงามกว่า 1,500,000 ต้นบนพื้นที่ราว 60,000 ตารางเมตร แต่จุด สนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากก็คือกิจกรรมล่องเรือ เข้าไปชมพันธุ์ไม้อย่างใกล้ชิด เราได้ความรู้และได้รู้จัก พันธุ์ไม้ต่างๆ มากมายจากฝีพายที่ทั้งคอยคัดท้ายเรือ ให้แล่นไปในเส้นทางทีต่ อ้ งการและคอยอธิบายความให้ เราฟังไปตลอดทาง เราเองก็ได้ทงั้ ความตืน่ ตาและความ สนุกกับการเฝ้ารอว่าเส้นทางทีเ่ รือพาไปจะน�าเราไปพบ กับดอกไม้พนื้ เมืองชนิดไหน ยิง่ ผ่านไปถึงในโซนดอกบัว ก็จะยิ่งละลานตา เป็นสุดยอดของกิจกรรมที่ท�าให้เรา อยากนั่งเรือซ�้าเป็นรอบที่ 2 รอบที่ 3 เลยทีเดียว

กิจกรรมนั่งเรือล่องล�า น�้าใน ลักษณะนีย้ งั มีให้เราได้สมั ผัสอีกแห่ง หนึง่ เมือ่ เราได้เข้าไปเดินเทีย่ วภายใน ตัวเมืองซาวาระ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เ พื่ อ ปล่ อ ยอารมณ์ ไ ปกั บ บรรยากาศการล่องเรือใน “แม่น�้า โอโนะ” (Ono River) ที่แม้ไม่มี ดอกไม้มากมายให้ชม แต่การล่อง เรือในแม่นา�้ สายเล็กๆ ผ่านเข้าไปใน ตัวเมืองเราจะได้เห็นย่านเมืองเก่า ซาวาระตลอดเส้นทาง จนเมื่อขึ้น จากเรือเราจึงอดไม่ได้ที่จะต้องขอ เดินชมเมืองเก่ากันสักพักใหญ่ เพื่อ ส�ารวจเส้นทางดูว่าซาวาระยุคนี้มี อะไรน่าเที่ยวบ้าง


จากนั้ น เราก็ แ วะชม “พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ด าชิ ไ คคั ง ” (Dashi Kaikan Museum) เพื่อชม “ดะชิ” ประจ�าเมือง ซาวาระที่ใช้แห่ในเทศกาลดะชิช่วงเดือนกรกฎาคมถึง ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ประจ�าฤดู ร้อนของซาวาระ (Sawara Grand Summer Festival) แต่ส�าหรับดะชิของซาวาระเราจะได้เห็นการสร้างหุ่น ตัวแทนเทพเจ้าหรือหุน่ ตัวแทนนักรบขนาดใหญ่มากตัง้ อยู่ด้านบนดาชิที่มีความสูงมากกว่า 4 เมตรขึ้นไปจนดู อลังการน่าเกรงขาม ภายในพิพิธภัณฑ์มีจัดแสดง อุปกรณ์ที่บรรดาช่างทั้งหลายใช้ในการประดิษฐ์ดะชิ และรูปภาพทีแ่ สดงให้เห็นบรรยากาศของงานแห่ดะชิใน ปีที่ผ่านมานับจากอดีตถึงปัจจุบัน การแห่ดาชิของซาวาระจะประกอบไปด้วยรถแห่ 14 คัน ในช่วงเทศกาลทั่วเมืองจะเต็มไปด้วยชาวเมือง ที่ให้ความสนใจและเข้ามาชมงานกันมากมาย ทั้งการ สร้างดาชิที่อลังการ ฝูงชนที่ออกมาร่วมงานและหลาย กลุ่มจัดการแสดงร้องร�าท�าเพลงกันอย่างสนุกสนาน

ย่านเมืองเก่าของซาวาระท�าให้เราได้เห็นอาคารเก่าทีไ่ ด้รบั การอนุรกั ษ์ไว้อย่างดี หลาย หลังมีการปรับปรุงให้ทนั สมัยขึน้ บ้านจ�านวนไม่นอ้ ยปรับปรุงเปลีย่ นแปลงไปเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ และมีรา้ นค้าจ�าหน่ายสินค้าพืน้ เมืองจ�านวนมากทีส่ ว่ นใหญ่ดา� เนินกิจการสืบทอด กันมาหลายชั่วอายุคน เช่น ร้านผลิตเทียนญี่ปุ่น โรงทอผ้าลวดลายแบบญี่ปุ่นแท้ ร้านผลิต ถ้วยชามกระเบื้องและเซรามิก ร้านเครื่องไม้แกะสลัก ร้านผลิตกระดาษเขียนจดหมายซึ่ง ส�าหรับคนญีป่ นุ่ แล้วการเขียนจดหมายลงแผ่นกระดาษส่งถึงกันในโอกาสส�าคัญถือเป็นเรือ่ ง ทีม่ คี ณุ ค่าทางใจและเป็นมารยาททีด่ งี าม รวมทัง้ ยังมีรา้ นจ�าหน่ายสินค้าทีร่ ะลึกทีเ่ น้นดีไซน์ เก๋ๆ ร้านจ�าหน่ายอาหารแห้งท้องถิ่นอีกหลายชนิด และ Tourism Information Center ส�าหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้อมูลและท�าความรู้จักกันเส้นทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง เดินไปก็เจอเข้ากับ “Hana Kanmuri” ร้านน�้าแข็งไสที่มีเมนูเด็ดเป็น “Ujikintoki” แวบแรกดูเหมือนเป็นน�้าแข็งไสธรรมดาที่โรยหน้าด้วยผงชาเขียวและถั่วแดงบด แต่พอตัก ใส่ปากเท่านั้นก็พบกับความพิเศษที่อร่อยจนคาดไม่ถึง เนื้อสัมผัสของน�้าแข็งไสที่เนียน ละเอียด เข้ากันดีกับความขมของผงชาเขียวที่มีความหวานของถั่วแดงบดเข้ามาช่วยกัน ท�าให้อร่อยจนลืมไม่ลง บอกได้ค�าเดียวว่าอร่อยมาก สุโค่ย!! และที่อร่อยไม่แพ้กันก็คือ “Wasanbong Sudachi” น�้าแข็งไสที่ราดด้วยน�้าตาลพื้น เมืองจากเมืองโทกุชมิ ะเคล้าด้วยน�า้ มะนาวได้รสเปรีย้ วหวานหอมเย็นฉ�า่ สูตรต้นต�ารับของ ร้าน “Inae” ที่ไม่ซ�้าใครและอร่อยที่สุดส�าหรับเราอีกเหมือนกัน แต่ในบรรดาความน่าสนใจมากมายของย่านเมืองเก่าซาวาระเราเห็นว่าทีโ่ ดดเด่นทีส่ ดุ และกลายเป็นแหล่งความรูใ้ หม่ประดับสมองก็คอื การเข้าชม “พิพธิ ภัณฑ์อโิ นะ ทาดาทากะ” (The Inoh Tadataka Museum) ทีเ่ หมือนเป็นหอเกียรติคณุ ของผูม้ คี ณุ ปู การคนส�าคัญของ ประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “อิโนะ ทาดาทากะ” (Inoh Tadataka) นี่คือบุคลากรผู้เขียนแผนที่ ประเทศญี่ปุ่นขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากที่ท่านอิโนะเขียนแผนที่ของเมืองที่ตัวเองอยู่ขึ้น มาก่อนด้วยทุนส่วนตัว จนเมื่อมีอายุได้ 50 ปีแผนที่ชิ้นนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในเอโดะ นับแต่นั้น ความสามารถด้านการเขียนแผนทีข่ องท่านอิโนะก็เป็นทีป่ ระจักษ์แก่รฐั บาลเอโดะ โครงการ เดินทางส�ารวจแผ่นดินเพือ่ สร้างแผนทีข่ องประเทศญีป่ นุ่ จึงเกิดขึน้ ภายใต้การสนับสนุนของ รัฐบาลนี่เอง และเป็นโครงการที่เริ่มขึ้นเมื่อท่านอิโนะอายุได้ 55 ปี

จากนั้ น เราไปชมโรงผลิ ต สาเกอี ก แห่ ง ที่ “โรงผลิตสาเกโทกุน” (Tokun Sake Brewery) ที่เริ่ม กิจการตัง้ แต่ปี 1825 หรือเมือ่ 190 ปีกอ่ น สาเกทีน่ ร่ี สชาติ ดีอีกเหมือนกัน เราได้เข้าชมโรงผลิตที่มีถังสาเกขนาด ใหญ่และได้ฟงั การอธิบายถึงขัน้ ตอนวิธกี ารทีต่ กทอดมา จากบรรพบุรุษจนถึงทุกวันนี้ซึ่งเป็นรุ่นที่ 7 แล้ว การันตี คุณภาพและรสชาติได้ชัดเจนที่สุดด้วยการได้รับรางวัล มาแล้วถึง 15 ครั้ง และอาหารเย็ น สุ ด หรู ข องเราในวั น นี้ อ ยู ่ ที่ ร้านอาหาร “คิตเต” (Kittei) ร้านทีน่ บั ตัง้ แต่ประตูรว้ั ผ่าน เข้ามาจนถึงด้านในออกแบบสวนขนาดใหญ่ได้สวยงาม เป็นอาหารตาชั้นดีส�าหรับลูกค้า ส่วนอาหารของที่นี่เน้น ทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารฝรั่งเศสแต่ตกแต่งหน้าตาได้ น่ากินมากภายใต้บรรยากาศดีๆ ของร้าน ร้านคิตเตยัง มีห้องพักส�าหรับลูกค้าที่สนใจด้วย แต่พิเศษมากเพราะ มีเพียงแค่ห้องเดียวและรับเพียง 1 คู่เท่านั้น

| 85


เมืองคะชิมะ

แต่เพราะมาด้วยกันหลายชีวิต คืนวันนั้นเรา จึงต้องเข้าพักกันที่ “เรียวกังอิชิรันโซ” (Ryokan Ichiranso) ซึ่งอยากแนะน�าให้คุณผู้อ่านได้รู้จัก มากๆ โดยเฉพาะกลุ ่ ม นั ก ท่อ งเที่ยวที่เดินทาง ท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ที่นี่เหมือนเป็นบ้าน ให้ความ รูส้ กึ อบอุน่ เหมือนเราหอบสัมภาระมานอนค้างบ้าน เพื่อน ตัวอาคารมี 2 ชั้น เป็นห้องพักแบบเรียวกังที่ มีออนเซนให้ผ่อนคลายก่อนนอน และมีเซ็ตอาหาร เช้า, เย็นอร่อยๆ มาพร้อมกับบรรยากาศแห่งการ พักผ่อนอย่างแท้จริง เพียงแค่ต้องสั่งจองล่วงหน้า เพื่อการจัดเตรียมเท่านั้นเอง

86 |

ตื่นเช้าพร้อมลุยกันต่อกับโปรแกรมแรกของวันโดยเราเคลื่อนขบวนย้อนกลับมาที่เมือง คาชิมะในจังหวัดอิบารากิเพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ “ศาลเจ้าคาชิมะ” (Kashima Jingu Shrine) ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต ทั้งยังมีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่มากที่สุดอีกแห่งใน ญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อ 660 ปีก่อนคริสตศักราช ทางเข้าศาลเจ้ามีเสาโทริอิขนาดใหญ่สูงประมาณ 10 เมตรท�าด้วยไม้ใหญ่ทั้งต้น จากเดิมที่เคยเป็นเสาหินแต่ล้มลงหักเสียหายจากเหตุแผ่นดิน ไหวครั้งรุนแรงของเมือง เมื่อสร้างใหม่ทางการจึงตกลงใจเลือกใช้ไม้เพื่อป้องกันความเสียหาย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกจากภัยธรรมชาติ ภายในศาลเจ้าคาชิมะร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่อายุราว 800-1,000 ปี ส่วนต้นอื่นๆ ที่มีอายุน้อย กว่านีท้ วั่ ไปก็ไม่ตา�่ กว่าร้อยปีทงั้ นัน้ ต้นไม้ดอกไม้มมี ากถึงกว่า 600 ชนิดจ�านวนกว่า 100,000 ต้น และมีอยู่เป็นจ�านวนมากซึ่งสื่อให้เห็นถึงแนวทางการอนุรักษ์ได้อย่างดี ยิ่งต้นไม้ที่มีเส้นผ่าน ศูนย์กลางล�าต้นเกิน 1 เมตรนั้นมีมากกว่า 300 ต้น ท�าให้อากาศดีและเย็นสบาย พื้นที่ของวัด กว้างขวางเทียบได้เท่ากับกับ 15 เท่าของโตเกียวโดม ในพืน้ ทีก่ ว้างใหญ่ของศาลเจ้าจะมีรา้ นอาหารแทรกตัวอยูใ่ นหมูแ่ มกไม้ ซึง่ นอกเหนือจาก อาหารมื้อกลางวันอย่างโซบะทั่วไปแล้ว ร้านอาหารเหล่านี้มักจะมีขนมดังโงะวางขายอยู่ด้วย เสมอจนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ จะแวะชิมกันสักนิดก็ดจู ะเข้ากับบรรยากาศแบบพืน้ บ้านแท้ๆ มี บ่อน�้าศักดิ์สิทธิ์ที่ใครไปใครมาก็มักจะแวะมาตักดื่มกันเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต จนออกจาก ศาลเจ้ามาแล้วไม่ไกลกันนักเราไปชมการผลิตเส้นโซบะกันแบบสดๆ ตั้งแต่นวดแป้ง ตัดเส้น และแบ่งออกเป็นก้อนส�าหรับพร้อมปรุงเป็นอาหาร โปรแกรมถัดมาเราไปชมพื้นที่ริมอ่าวคาชิมะของเมืองที่ถูกสร้างให้เป็นสะพานทอดยาว เข้าไปในอ่าวประมาณ 250 เมตร และจัดให้เป็นพื้นที่ส�าหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมประเภทนี้ คิด ราคาส�าหรับผู้ใหญ่ 200 เยน และเด็กๆ 100 เยนในการเข้ามาในพื้นที่ซึ่งไม่ว่าจะมาตกปลา หรือแค่มาเดินเที่ยวรับลมท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ริมอ่าวก็ราคาเดียวกัน และส�าหรับผู้ที่มา ตกปลาก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ของตัวเองมาให้พร้อมเพราะที่นี่ไม่มีให้เช่ายืม แต่ก็ถือเป็นสถานที่ ยอดนิยมของคนที่นี่ซึ่งเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 7.00-19.00 น. และที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ส�าหรับการมาเที่ยวคาชิมะซึ่งแปลกไปจากที่เราเคยได้สัมผัส มาก็คือ การได้มีโอกาสเข้าชม “สนามฟุตบอลคาชิมะ” ของจังหวัดอิบารากิ และถือเป็นสนาม เหย้าของทีมคาชิมะ แอนท์เลอร์ส (Kashima Antlers) จึงท�าให้ผู้ชมอย่างเราค่อนข้างตื่นเต้น เมื่อได้พบกับสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ตามมาตรฐานสากลที่จุผู้ชมได้ถึง 40,672 คน พร้อมกับ ชมพิพธิ ภัณฑ์ทรี่ วบรวมถ้วยรางวัล ประวัตคิ วามเป็นมาทัง้ ของสนามและบรรดานักเตะในแต่ละ ยุคของทีม โดยเฉพาะเสื้อนักเตะพร้อมลายเซ็นที่จัดแสดงไว้ให้ชมนั้นดูอลังการในความรู้สึก มากส�าหรับแฟนคลับทุกคน


การหาร้านขนมอร่อยในคาชิมะดูจะไม่ใช่เรื่อง ยาก โดยเฉพาะร้าน “Chateau Patisserie” ทีน่ อกจาก จะมีขนมและเครือ่ งดืม่ ส�าหรับนัง่ กินในร้านแล้ว ยังมี ขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยใส่ห่อเล็กๆ ส�าหรับซื้อกลับบ้าน อีกด้วย บรรยากาศดูเป็นกันเองเพราะเจ้าของร้าน อัธยาศัยดีและออกแบบร้านได้น่ารัก เป็นอีกร้านที่ ชวนแวะมากส�าหรับผูท้ ชี่ นื่ ชอบเบเกอรีอ่ ร่อยๆ ซึง่ เรา การันตีความอร่อยว่ายอดเยีย่ มจริงๆ เราแวะช้อปปิ้งเพื่อเตรียมซื้อของฝากกลับบ้าน ตามธรรมเนียมในวันท้ายๆ ของทริปด้วยการไปกันที่ ห้ า งสรรพสิ นค้ า ประจ�า เมือ งที่มีสินค้าทุก ชนิดทั้ง ของกินของใช้ ผักผลไม้ซึ่งจัดไว้ในซูเปอร์มาร์เก็ต ส่วนพื้นที่อื่นก็เต็มไปด้วยเครื่องไฟฟ้า เครื่องส�าอาง มีร้านอาหาร มุมเล่นเกมขนาดใหญ่ เรียกว่าเพียบ พร้อมส�าหรับการจัดหาของฝากก่อนกลับบ้านที่สุด แล้วจึงชวนไปอิ่มมื้อเย็นกันต่อที่ “Tenya Tempura” ซึ่งเป็นร้านที่ท�าให้เราได้พบกับเทมปุระที่ต่างไปจาก เดิ ม อร่ อ ยกว่ า ที่ เ คยกิ น มา เจ้ า ของร้ า นใจดี รั บ ต�าแหน่งเชฟผู้คิดค้นทุกเมนูให้เราได้อร่อยกัน เราเลือกที่นั่งติดริมเคาน์เตอร์ท�าอาหารที่เมื่อ เทมปุระสุกเชฟจะคีบมาเสิร์ฟกันตรงหน้าทันทีทันใด วัตถุดบิ ทีเ่ ลือกมาท�าเทมปุระจะต่างกันไปตามแต่เชฟ จะออกแบบ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นได้ตลอดเพราะเรา จะคอยลุ้นว่าเทมปุระค�าต่อไปจะเป็นอะไรกันแน่ แต่ ทีไ่ ม่เคยเจอทีไ่ หนมาก่อนก็ตอ้ งเทมปุระไข่ทเี่ ชฟจะน�า ไข่แดงแยกออกจากไข่ขาวแล้วจุ่มไข่แดงลงแป้งก่อน จะน�าลงไปทอดเพียงแวบเดียว ผิวด้านนอกจะร้อน เมื่อกัดไปเจอด้านในจะพบกับไข่แดงเย็นๆ หยุ่นๆ อร่อยมาก ร้านนี้คุณผู้อ่านต้องมาให้ได้ เป็นที่สุด ส�าหรับการน�าเสนอร้านอาหารอร่อยจากเราอีกเช่นกัน

วันสุดท้ายของทริปถือเป็นโชคดีทเี่ ราต้องย้อนกลับไปทีจ่ งั หวัดชิบะเพือ่ เดินทางกลับเมือง ไทย จึงเป็นโอกาสให้ได้แวะไปที่ “ศาลเจ้าคะโทริ” (Katori Jingu) ศาลเจ้าชื่อเสียงดังแห่ง ชิบะทีม่ คี วามส�าคัญในระดับเป็นมรดกของประเทศเลยทีเดียว นับอายุของศาลเจ้าได้ประมาณ 2,600 ปี เป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมเพราะเห็นกรุ๊ปทัวร์เดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มากอยู่เหมือนกัน และยังถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระและใบไม้ เปลี่ยนสีที่สวยงามมาก อยากขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความงามตามธรรมชาติไปพร้อมกัน ขอให้มาที่นี่ให้ได้ เพราะอาจสวยงามยิ่งกว่าที่ใดๆ ที่คุณผู้อ่านเคยไปชมมาเสียอีก ออกจากศาลเจ้าคะโทริเราพบกับ “Tourism Information Center” ของเมืองที่นอกจาก จะมีขอ้ มูลสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วส�าหรับการเผยแพร่แล้ว ทีน่ ยี่ งั มีจกั รยานให้นกั ท่องเทีย่ วเช่าขีเ่ ทีย่ ว กันได้ทั่วเมืองอีกด้วย ก่อนหอบกระเป๋ากลับเมืองไทยเราไปฝากท้องกันที่ร้านอาหาร “Casa Aliberata” สุดยอดอาหารอิตาเลี่ยนที่เราอยากบอกว่าแม้ท่านใดจะไม่ชอบอาหารตะวันตกที่เต็มไปด้วย ครีม เนย นมและชีส เมื่อมาถึงร้านนี้รับรองว่าความรู้สึกจะเปลี่ยนไป เพราะอาหารทุกเมนู ของร้านนี้ไม่มีรสชาติความเลี่ยนให้เบื่อเลย แต่กลับมีรสชาติดี อร่อยทุกเมนู ควรค่าที่สุด ส�าหรับการเป็นร้านอาหารแนะน�าให้แก่คุณผู้อ่านในครั้งนี้ ก่อนที่เราจะต้องตัดใจอ�าลาเมืองสวยๆ ทั้งสามนี้ไป สิ่งหนึ่งที่อยากบอกมากที่สุดคือ เสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าการเที่ยวเมืองใหญ่ในย่านใจกลาง ธุรกิจทันสมัย และในความเป็นจริงนักท่องเที่ยวไทยจ�านวนมากก็ให้ความนิยมเที่ยวในเมือง ที่มากไปด้วยธรรมชาติอยู่แล้ว การเปลี่ยนทิศทางการเที่ยวในเมืองออกมาท่องธรรมชาติเรา เชือ่ ว่าทัง้ อิตาโกะ คาชิมะและซาวาระ จะเป็นค�าตอบทีค่ รบถ้วนส�าหรับการวางแผนท่องเทีย่ ว ปลายปีหรือในช่วงปีใหม่ หรือจะให้คุ้มค่าที่สุดก็ต้องเล็งช่วงเทศกาลให้ดี ที่ส�าคัญคือทั้งสาม จังหวัดนี้เที่ยวง่ายและเดินทางไม่ยากเลย เราจึงไม่เห็นเหตุผลใดทีค่ ณุ ผูอ้ า่ นจะไม่ลองเทีย่ วอิตาโกะ คาชิมะ และซาวาระ ดูสกั ครัง้ เพราะสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ แน่นอนก็คอื ประสบการณ์และความประทับใจทีจ่ ะเกิดขึน้ กับตัวเองไปอีก นานแสนนาน

Special Thanks

Travel Innovation Japan Inc. E-mail: CUSTOMER@TI-J.CO.JP www.ti-j.co.jp

| 87


Welcome to Kagawa ÂÔ¹´ÕµŒÍ¹ÃѺÊÙ‹¨Ñ§ËÇÑ´¤Ò§ÒÇÐ ¨Ñ§ËÇÑ´àÅ็¡ æ ·Õ่¨Ð·ÓãËŒËÑÇ㨤س¾Í§âµ จังหวัดคางาวะ จังหวัดที่เล็ก ที ่ สุ ดในญี ่ ป ุ  น ตั้งอยูบนเกาะชิโกกุ แตภายในกลับอัดแนน ไปดวยเรื่องราวตาง ๆ ทั้งสถานที่ทองเที่ยว ธรรมชาติ งานศิลปะ และทีส่ ำคัญทีส่ ดุ “อาหาร” ดวยที่ตั้งที่เหมาะสม สายลมของทะเลในเซโตะ แสงแดดและน้ำฝนปริมาณพอเหมาะ ทำให พืน้ ทีแ่ หงนีเ้ ปนแหลงเพาะปลูกและผลิตวัตถุดบิ มากมาย ดวยวัตถุดบิ เหลานีไ้ ดรงั สรรคเปนอาหาร และเครื่องปรุงนานาชนิด ที่มีรสชาติโดดเดน เปนเอกลักษณ จนหาที่เปรียบมิได นี่เปนเพียง สวนหนึ่งของอาหารแนะนำที่ไมควรพลาดเมื่อ มาเยือนคางาวะ โดยเฉพาะ “อุดง” แมเปน อาหารทีด่ เู รียบงาย แตหากไดลองทานคุณจะรูว า ความเรียบงายนี้จะทำใหหัวใจคุณพองโตได

ติดตามขอมูลขาวสารเพิ่มเติมไดที่: https://www.facebook.com/kagawa.th http://kagawa-th.blogspot.com/

ÍØ´Œ§ Udon うどん

â«àÁ็§ Somen 素麺

อุดงเสนขาวอวบ อาหารตระกูลเสนของญี่ปุน ที่ใครหลายคนหลงใหล แตนอยคนนักจะรูวา บานเกิดของอุดงอยูที่ “จังหวัดคางาวะ” และ มีชอ่ื จริงวา “ซานุกิ อุดง ” (ซานุกมิ าจากชือ่ เดิม ของจังหวัดคางาวะ) เสนทำมาจากแปงสาลีท่ี ไดจากขาวทีป่ ลูกในจังหวัดคางาวะ ผสมกับเกลือ รสชาติ ดัง้ เดิมทีผ่ ลิตในทะเลในเซโตะ นวดเสน สดใหมทกุ วัน เสนอุดง ของทีน่ จ่ี งึ เหนียวนุม เบา กินแลวไมแนนจนเกินไปตอใหชามใหญแคไหน ก็ไมหวัน่ มีเมนูอดุ ง ใหเลือกรับประทานมากมาย ตั้งแตเมนูงาย ๆ อยางอุดงราดโชยุที่อรอยจน นาประหลาดใจ ใครอยากเพิม่ รสชาติอกี สักหนอย ก็ตอกไขดบิ ลงไปแลวคนใหทว่ั เสนอุดง เหนียวนุม กลิ่นโชยุหอม ๆ ไขดิบเปนตัวกลางประสานให อรอยนุม ละมุนลิน้ หรือใครกลัวไมอม่ิ หมอไฟอุดง ก็มใี หเลือกรับประทาน รานอุดง ในจังหวัดคางาวะ มีมากมายกวา 1,000 ราน! มากกวาเซเวนอีเลฟเวน เสียอีก สมกับเปน “เจาแหงอุดง” จริง ๆ

เสนโซเม็งเรียวยาว แฝดคนละฝากับเสนอุดง อวบอวน อาหารขึ้นชื่อของเกาะโชโดะชิมะ มีประวัติยาวนานกวา 400 ป “เทะโนะเบะ โซเม็ง” เสนโซเม็งที่ยังคงใชวิธีการทำดวยมือ แบบดัง้ เดิมทีส่ บื ทอดกันมารุน ตอรุน ในแตละวัน คนทำเสนโซเม็งตองตื่นตั้งแตตี 4 เพื่อดูสภาพ อากาศในแตละวัน เพราะสภาพอากาศนัน้ มีผล กับความอรอยของเสนโซเม็งและวัตถุดบิ ทีน่ ำมา ทำเสนโซเม็งนั้น ลวนเปนผลิตผลที่เกิดขึ้นบน เกาะโชโดะชิมะ ทำใหรสชาติเสนโซเม็งของ เกาะนี้แตกตางจากที่อื่น ในแตละขั้นตอน แมจะใชเครือ่ งจักรเขามาทุน แรง แตแรงงานคน ยังเปนสิ่งจำเปนเพราะทุกขั้นตอนตองอาศัย ความละเอียดเพื่อคงความอรอยไมใหผิดเพี้ยน เสนโซเม็งของทีน่ ไ่ี มเพียงแคดำรงรสชาติดง้ั เดิม ใหคงอยู แตยังพัฒนาคิดคนรสชาติใหม ๆ แม เสนโซเม็งจะเปนเสนเล็ก ๆ ที่ขนาดเสนผาน ศูนยกลางเพียง 0.8 มิลลิเมตร กินคำเดียวหมด แต พ วกเขาอยากจะทำให ร สชาติ ข องโซเม็ ง ตราตรึงอยูในความรูสึกของทุกคนเมื่อไดมา รับประทานโซเม็งที่เกาะโชโดะชิมะ

à¹×้ÍÇÑÇâÍÅÕ¿ Olive Beef オリーブ牛

»ÅÒâÍÅÕ¿ÎÒÁÒ¨Ô Olive Hamachi オリーブはまち

สวรรคของคนรักเนื้อ เนื้อวัวนุมละลายในปาก ไดกลิ่นหอมของมะกอก อันเปนเอกลักษณ เฉพาะตัว ที่ไมมีใครเหมือนและไมเหมือนใคร ที่นี่เลี้ยงวัวดวยลูกมะกอกบด ทำใหกลิ่นของ มะกอกแทรกตามชัน้ ไขมันของวัว ไมเพียงแคกลิน่ แตในเนือ้ วัวยังอุดมไปดวยกรดโอเลอิกทีพ่ บใน มะกอก ซึ่งเปนไขมันไมอิ่มตัว ไมเพิ่มระดับ คลอเรสเตอรอลในเลือด และมีวติ ามินอีชว ยตาน อนุ ม ู ล อิ ส ระ อร อ ยแถมไขมั น ยั ง ต่ ำ อี ก ด ว ย ใครทีช่ อบรับประทานเนือ้ แตกลัวอวน เนือ้ วัวโอลีฟ วัตถุดิบล้ำคาของคนรักเนื้อที่อรอย แถมยังดีตอสุขภาพคุณคา ที่คุณควรลิ้มลอง

ปลาฮามาจิ ท ี ่ เ ลี ้ ย งด ว ยอาหารเม็ ด ทำจาก ใบมะกอกของเกาะโชโดะชิ ม ะบดเป น ผง ทำให เ นื ้ อ ปลาโอลี ฟ ฮามาจิ ม ี ก ลิ ่ น หอมของ มะกอกทีเ่ ปนลักษณะเดนเฉพาะตัว นอกจากนี้ เนื้อปลามีสีสดไมนุมมากกรุบอรอยไดรสหวาน เปนธรรมชาติโดยไมตองจิ้มอะไร หรือจะเพิ่ม ความอรอย ดวยโชยุของที่นี่ก็อรอยลงตัวจน เปนรสชาติทห่ี าไดแคในจังหวัดคางาวะ นอกจาก รสชาติทโ่ี ดดเดนแลว เนือ้ ปลามีสารโพลีฟน อล ที ่ พ บในมะกอกช ว ยต า นอนุ ม ู ล อิ ส ระ และชวยควบคุมระดับ คอเลสเตอรอล ในเลือด

ä¡‹µÔ´¡Ãд١ Chicken on the Bone 骨付き鳥 เนือ้ ไกบริเวณนองติดสะโพกทีค่ ดั สรรมาอยางดี คลุกเคลาเกลือและเครือ่ งเทศใหเขากัน บรรจง ย า งในเตาจนได ไ ก ย  า งหนั ง สี เ หลื อ งกรอบ นารับประทานเนือ้ ไกนมุ ชุม ซอสหมักรสเขมขน หอมเครือ่ งเทศ เสิรฟ เคียงกะหล่ำปลีสด หวาน กรอบ ไมเหม็นเขียว รสชาติเขมขนของไกกับ ความสดของกะหล่ำปลีอรอยเขากันอยางลงตัว ยิ่งไดแกลมกับเบียรสดรสนุม ชางเปน รสชาติ ที่อรอยเกินคำบรรยาย





Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.