Say Hi Japan 26 Kagawa by Checktour Magazine 58

Page 1

Say Hi Japan : iSSUE 26 SEpTEMBER 2015

เห็นจะจริงอย่างทีใ่ ครๆ บอกไว้วา่ “เทีย่ วญีป่ นุ่ เท่าไรก็ไม่เบื่อ” ยิ่งถ้าได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้ ว ยแล้ ว ก็ ยิ่ ง น่ า สนใจ เพราะคนไทยจ� า นวนไม่ น้อยเฝ้ารอเส้นทางใหม่ในญีป่ นุ่ อยูท่ กุ เมือ่ เชือ่ วันหลัง จากที่เลือกเที่ยวเมืองใหญ่ยอดนิยมกันมาจนแทบ ครบแล้วในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทริ ป ล่ า สุ ด ของเราจึ ง ลงเอยกั น ที่ จั ง หวั ด “คางาวะ” ตามค�าเชิญของเจ้าหน้าทีส่ ง่ เสริมการท่อง เทีย่ วประจ�าจังหวัด ผ่านการประสานงานโดย “บริษทั โคริ แพลนนิ่ง จ�ากัด” ที่ได้น�าทีมสื่อมวลชนและ เอเยนต์บริษัททัวร์ชั้นน�าร่วมส�ารวจเส้นทางและ ท�าความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวในคางาวะ ซึ่งเชื่อ ได้เลยว่าในอนาคตอันไม่นานนี้จะกลายเป็นเป้า หมายใหม่ของคนไทยแน่นอน คางาวะถือเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่น แต่ บนพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้กลับสร้างความยิ่งใหญ่ทาง ความรู้สึกให้เราอย่างมากกับความหลากหลายของ สถานที่ท่องเที่ยวชนิดที่เรียกว่ามีมากเกินตัว แถมวิว ทิวทัศน์ก็สวยน่าชม ธรรมชาติดีงามมีดอกไม้สวยๆ เยอะแยะไปหมด อาหารการกินก็มากมาย เท่าที่ ทราบอาหารขึน้ ชือ่ ของคางาวะก็คอื อุดง้ เพราะฉะนัน้ มาถึงคางาวะแล้วอุด้งเท่านั้นที่เราต้องการ การเดินทางครั้งนี้ด้วยความที่เส้นทางจาก กรุงเทพฯไปคางาวะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีเที่ยวบินตรง เราจึงเดินทางโดยสายการบิน China Airlines ทีจ่ ะพา เราบินจากกรุงเทพฯไปแวะเปลีย่ นเครือ่ งกันทีส่ นามบิน เถาหยวน เมืองไทเปของไต้หวันด้วยเวลาบิน 3 ชัว่ โมง 25 นาที ฆ่าเวลากันประมาณ 2 ชัว่ โมงด้วยการช้อปปิง้ ในสนามบินก่อนจะบินต่ออีกประมาณ 2 ชัว่ โมงเพือ่ ไป ลงจอดที่ “สนามบินทากามาทสึ” ซึ่งตัง้ อยู่ใจกลาง จังหวัดคางาวะพร้อมความประทับใจในบริการและ ความสะดวกสบายพร้อมอาหารเครือ่ งดืม่ ครบชุดทีไ่ ด้ รับจาก China Airlines ทัง้ สองช่วงบิน

80 |

Kagawa

เห็นจะจริงอย่างที่ใครๆ บอกไว้ว่า “เที่ยวญี่ปุ่นเท่าไรก็ไม่เบื่อ” ยิ่งถ้าได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้วยแล้วก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะคนไทยจ�านวนไม่น้อยเฝ้ารอเส้นทางใหม่ในญี่ปุ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลังจากที่เลือกเที่ยวเมืองใหญ่ยอดนิยมกันมาจนแทบครบแล้ว ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา

เราเดินทางถึงคางาวะในช่วงค�า่ ของวันและ ได้ รั บ การต้ อ นรั บ จากเจ้ า หน้ า ที่ ก ารท่ อ งเที่ ย ว ประจ�าจังหวัดอย่างอบอุน่ ด้วยอาหารสุดพิเศษของ คางาวะเป็นมื้อแรกที่โรงแรม Hanajyukai ซึ่งส่วน ใหญ่เป็นอาหารขึน้ ชือ่ ของจังหวัดทัง้ นัน้ ได้ชมิ อุดง้

คางาวะครั้งแรกก็มื้อนี้นี่แหละ ระหว่างนี้เราได้ รับทราบข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเพื่อ เตรียมไปส�ารวจเส้นทางด้วยตัวเองในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าพักที่โรงแรม Hotel Okura Marugame เป็นคืนแรกในคางาวะ


Seto-ohaShi Bridge MeMorial ParK

เช้าวันแรกของการเริ่มต้นโปรแกรมเราไปชม “พิพิธภัณฑ์สะพานเซโตะโอฮาชิ” (Seto-Ohashi Bridge Memorial Park) สถานที่ที่รวบรวมทุกเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของ “สะพานเซโตะโอฮาชิ” (Seto-Ohashi Bridge) ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางระหว่างเกาะชิโกกุและเกาะฮอนชู และถือเป็นเส้นทางสัญจรเชื่อมระหว่างเกาะเล็ก เกาะน้อยที่ทะเลในเซโตะอีก 5 เกาะด้วย หากนับความยาวรวมทั้ง 5 ช่วงนี้สะพานเซโตะโอฮาชิจะได้ชื่อว่าเป็นสะพาน 2 ชั้นที่ยาวที่สุดในโลกโดยได้ รับการบันทึกสถิติจากกินเนสบุ๊กในปี 1998 ด้วยความยาวทั้งสิ้น 12.3 กิโลเมตร ชั้นบนของสะพานสร้างให้เป็นเส้น ทางสัญจรของรถยนต์ ส่วนชั้นล่างสร้างเป็นทางรถไฟรางคู่ซึ่งออกแบบไว้รองรับเส้นทางของรถไฟชินคันเซ็น ใช้งบ ประมาณการสร้างมหาศาลถึง 1 ล้านล้านเยน และสร้างกันนานเกือบ 10 ปีจนมาเปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1988 ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่จัดแสดงรายละเอียดที่มาที่ไปของสะพาน มีโมเดลตัวสะพานทั้งหมดที่ทอดผ่าน ทะเลและส่วนทีเ่ ชือ่ มเกาะ แสดงระยะทาง นวัตกรรมการสร้างและอุปกรณ์ทใี่ ช้แบบละเอียดยิบ มีหอ้ งฉายภาพยนตร์ ที่จะเล่าความเป็นมาของการสร้างสะพาน รวมทั้งจัดฉายภาพยนตร์และอนิเมชั่นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคางาวะ ส่วนด้าน บนอาคารมีดาดฟ้าส�าหรับชมสะพานในมุมที่สวยงามที่สุด และยังมีจุดจ�าหน่ายสินค้าที่ระลึกด้วย ทีน่ า่ สนใจส�าหรับสะพานแห่งนีก้ ค็ อื แนวความคิดทีจ่ ะสร้างซึง่ มีมาตัง้ แต่รอ้ ยปีกอ่ นแล้ว แต่ในยุคนัน้ ไม่มใี คร เชื่อว่าจะสามารถสร้างสะพานข้ามทะเลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้จริง ทั้งยังไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่จะช่วยให้คนยุคนั้น นึกภาพออก จึงเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ “โอคุโบะ จินโนโจ” (Okubo Jinnojo) เจ้าของแนวคิดนี้ถูกสบประมาท อยูต่ ลอดนับตัง้ แต่มคี วามคิดจะสร้างสะพานในปี 1889 กาลเวลามาพิสจู น์ในร้อยปีให้หลังว่าสะพานสามารถเกิดขึน้ ได้จริง แต่จินโนโจก็ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมนวัตกรรมที่เกิดจากแนวคิดของเขาชิ้นนี้อีกแล้ว

otel

reoMa no Mori h

รู้จักกินซูชิกันมาตั้งนานแต่เพิ่งจะได้สนุกกับ การปั้นซูชิก็วันนี้ เรามีโปรแกรมไปเรียนรู้การท�าซูชิที่ “โรงแรมเรโอะมะ โนะ โมริ” (Reoma no Mori Hotel) และต้องลงมือปั้นซูชิด้วยตัวเองส�าหรับเป็นอาหารมื้อ เที่ยงโดยมีเชฟมือหนึ่งมาสาธิตวิธีท�าให้เราชมตั้งแต่ กรรมวิธกี ารแล่ปลาและปัน้ ข้าวก่อนจะวางหน้าซูชดิ ว้ ย เนื้อปลา ไข่ปลาแซลมอน กุ้งและหมึก โปรแกรม สร้างสรรค์อาหารเทีย่ งด้วยตัวเองจึงกลายเป็นกิจกรรม ที่ทั้งสนุกและอร่อยไปพร้อมกัน

| 81


new reoMa world

Manno ParK

UraShiMa

อิ่มท้องกับซูชิแล้วเราก็ไปย่อยอาหารกันที่ “สวนสนุกนิว เรโอะมะ เวิลด์” สวนสนุกชื่อดังของ จังหวัดคางาวะที่มีทั้งเครื่องเล่นชวนหวาดเสียว ชิงช้าสวรรค์ สวนน�้า สวนดอกไม้และโรงแรมที่พัก บนพื้นที่รีสอร์ทขนาดใหญ่เสมือนเมืองแห่งความ สนุก ถ้ามาเที่ยวในช่วงวันหยุดก็ดูจะหนาแน่นไป ด้วยผู้คน แต่ถ้าเลือกเที่ยววันธรรมดาก็จะบางตา ลงไปมาก และถ้าจะให้สนุกกันเต็มทีก่ ต็ อ้ งใช้เวลา อยู่ที่นี่ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงจึงจะเพียงพอ นอกจากบรรดาเครือ่ งเล่นทัง้ หลายแล้วสวน สนุกนิว เรโอะมะ เวิลด์ยังมีมุมสินค้าที่ระลึก ขนม และของสวยๆ งามๆ ให้ชอปปิ้ง และมีความเป็น ทีส่ ดุ ในโลกอยูท่ นี่ ดี่ ว้ ย นัน่ คือบันไดเลือ่ นทีส่ งู สุดใน โลกด้วยระยะทางยาว 96 เมตร และมีบันไดมาก ถึง 238 ขัน้ หากขึน้ บันไดจากชัน้ ล่างเลือ่ นไปจนถึง ชั้นบนโดยยืนอยู่กับที่ไม่ก้าวขาเดินก็จะใช้เวลา 3.14 นาที

ไปต่อกันที่ “สวนสาธารณะมังโน” (Manno Park) เพื่อชมสวนสวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้ น�้าตก และพื้นที่กว้างใหญ่ส�าหรับกิจกรรมกีฬา ที่นี่มี จักรยานให้เช่าและมีพนื้ ทีเ่ รียนรูก้ ารปลูกข้าว เพาะ เห็ด จับปลา ช่วงกลางเดือนเมษายนจะมีพื้นที่ชม ทุ่งทิวลิปที่สวยงามมาก พอเข้าช่วงเดือนมิถุนายน ก็จะได้ชมดอกไฮเดรนเยีย และกันยายนถึงตุลาคม ก็ จ ะเต็ ม ไปด้ ว ยดอกพิ ง ค์ ม อส ด้ า นหลั ง สวน สาธารณะจะมีสระน�้าขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านแถบนี้ เชื่อกันตามต�านานว่ามีมังกรอาศัยอยู่ เราจึงหาย สงสัยทันทีวา่ ท�าไมเมือ่ เข้ามาในสวนสาธารณะแห่ง นี้จึงเห็นรูปปั้นมังกรอยู่เต็มไปหมด

มีจุดชมดอกไม้อยู่อีกแห่งที่ “สวนดอกไม้ อุราชิมะ” (Urashima) เรานั่งรถออกไปแถบ ชานเมือง ได้พบกับบรรยากาศดีๆ ตลอดเส้นทาง จนถึงสวนดอกไม้อรุ าชิมะทีเ่ ต็มไปด้วยดอกมาร์กาเร็ต สีขาว เหลือง ส้ม บานสวยงามอยูร่ มิ ทะเลทีม่ เี กาะ ใหญ่น้อยเป็นฉากหลัง ก่อนหน้านี้พื้นที่ที่เป็นสวน ดอกไม้อุราชิมะเคยเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่ามา ก่อน ชาวบ้านแถบนี้เห็นว่าปล่อยไว้ก็ไร้ประโยชน์ เลยพากันมาร่วมปลูกดอกมาร์กาเร็ตและช่วยกัน ดูแลจนทั่วทั้งพื้นที่กลายเป็นทุ่งดอกมาร์กาเร็ตที่ สวยงามอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

Kotohira

ParK hotel

เทีย่ วกันครบโปรแกรมของวันก็ปดิ ท้าย ด้วยอาหารเย็นแสนอร่อยในเรียวกังชือ่ ดังของ เมือง นัน่ คือ “Kotohira Park Hotel” ทีน่ มี่ เี ซ็ต อาหารที่อร่อยมากทุกเมนู และไม่พลาดที่จะ มีอดุ ง้ มาเป็นหนึง่ ในหลายเมนูดว้ ย เป็นความ รู้สึกอิ่มอร่อยที่สุดยอดมากส�าหรับคืนที่ 2 ใน คางาวะของเรา

82 |

naKano Udon School

วันถัดมาเรามีโปรแกรมส�าคัญที่ศาลเจ้า โคโตฮิรากู (Kotohiragu Shrine) แต่ในย่านศาล เจ้าเราพบว่ามีความน่าสนใจกันตั้งแต่ต้นทาง เพราะถนนที่ทอดยาวไปสู่ศาลเจ้านั้นจะเต็มไป ด้วยร้านค้าหลากหลายเรียงรายอยูส่ องข้างทาง และที่กลายมาเป็นอีกโปรแกรมให้เราได้สนุก กันก็คือการเข้าไปเรียนรู้การท�าอุด้งแบบไม่ ธรรมดาใน “โรงเรียนสอนท�าอุด้งนากาโนะ” (Nakano Udon School) ที่ท�าให้เราสนุกไปกับ การผลิตอาหารเส้นชนิดนีต้ งั้ แต่เริม่ ต้นจนกลาย เป็นเส้นอุด้งเหนียวนุ่มในน�้าซุปหอมชวนกิน เราได้พบกับ “คุณครูมัตจัง” ผู้ที่จะมา น� า เราสนุ ก ไปกั บ การนวดแป้ ง อุ ด ้ ง แบบไม่ เหมือนใคร นั่นคือเมื่อผสมแป้งกับน�้าและนวด จนเข้าที่แล้วครูจะให้เราน�าแป้งใส่ถุงพลาสติก วางลงกับพื้นแล้วเหยียบไปพร้อมกับเปิดเพลง สนุกๆ ให้เราได้เต้นไปเหยียบไป ความสนุกที่ ว่านั้นยังไม่เท่ากับการได้เห็นมัตจังน�าเต้นแบบ ไม่รจู้ กั เหนือ่ ยแถมสนุกสุดเหวีย่ งตลอดเวลา เรา

จึงพากันเต้นตามพร้อมกับย�า่ เหยียบแป้งอุดง้ ไป ด้วย ใครว่ามาถึงคางาวะแล้วไม่ได้กนิ อุดง้ ถือว่า ยังมาไม่ถงึ แต่เราถึงขัน้ ได้นวดแป้งอุดง้ เองด้วย จึงต้องถือว่าสัมผัสความเป็นคางาวะได้ถงึ ทีส่ ดุ แล้ว นับรวมครบทั้งเรียนนวดแป้งและน�าแป้ง ไปท�าเป็นอุด้งกินพร้อมอาหารเซ็ตมีราคาอยู่ที่ 1,520 เยน เรียนจบพร้อมได้รบั ประกาศนียบัตร และไม้นวดแป้งเป็นที่ระลึกถือว่าคุ้มเกินคุ้ม จริงๆ


KoMPiraSan no oMae KoBo

&Kinryo no Sato

นอกจากโรงเรียนสอนท�าอุด้งนากาโนะแล้ว ย่านศาลเจ้าโคโตฮิรากูยัง มี “ร้านคนปิระซัง โนะ โอมาเอะ โคโบ” (Kompirasan No Omae) ร้านแกะ สลักไม้ส�าหรับท�าเป็นป้ายชื่อ ป้ายร้าน ของใช้และของที่ระลึกชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นงานฝีมือที่ผลิตอย่างประณีตและน่าสนใจมาก อีกทั้งเราสามารถให้ทาง ร้านสลักชื่อหรือตัวอักษรตามที่เราต้องการได้ เรายังได้พบกับ “โรงสาเกคินเรียว โนะ ซาโตะ” ที่เชี่ยวชาญการผลิต สาเกคุณภาพเยี่ยมมานานกว่า 400 ปี ภายในโรงสาเกแห่งนี้จะจัดบรรยากาศ เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าวิธีการผลิตสาเกตั้งแต่ในสมัยเอโดะที่ถึงแม้ ปัจจุบันจะมีวิธีการและเครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ได้เรียนรู้ กรรมวิธีแบบเก่าแก่ที่นี่ และยังได้ชมถังไม้สึกิขนาดใหญ่ที่ใช้ส�าหรับบ่มสาเก ส่วนใครทีอ่ ยากซือ้ เหล้าสาเกกลับบ้านเป็นของฝากก็ไม่ผดิ หวัง เพราะมีสนิ ค้า ให้เลือกซื้อมากมาย โดยที่เราสามารถลองชิมก่อนตัดสินใจซื้อได้ด้วย

KotohiragU Shrine

เดินผ่านถนนด้านหน้าศาลเจ้าไปจนสุดทางเราก็ได้พบกับเชิงบันไดที่ จะเป็นจุดเริม่ ต้นส�าหรับการเดินเท้าขึน้ ไปสักการะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิใ์ นศาลเจ้าโคโต ฮิรากูที่ชาวญี่ปุ่นแทบทุกคนตั้งใจว่าจะต้องมาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิต ตลอดทางขึ้นไปยังจุดหมายจะต้องผ่านบันได 785 ขั้น พลังศรัทธาจะน�าพา ให้ทุกคนก้าวข้ามความเหนื่อยยากฝ่าหนทางลาดชันไปสู่ศาลเจ้าบนยอดเขา ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ศาลเจ้าโคโตฮิรากู หรือที่คนท้องถิ่นขนานนามว่า “คนปิระซัง” เป็น ศาลเจ้าชื่อดังประจ�าจังหวัดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามและได้รับการยอมรับ ว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในแถบนี้ ตัวอาคารศาลเจ้าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1659 ยังคง มีความเชือ่ ดัง้ เดิมหลงเหลืออยูใ่ นศาลเจ้าแห่งนีจ้ นถึงปัจจุบนั เพราะฉะนัน้ เรา จึงได้เห็นว่าระหว่างทางเดินขึ้นไปยังศาลเจ้าจะมีโรงเลี้ยงม้าขาวและม้าด�าที่ สวยงามและรูปร่างได้ลกั ษณะซึง่ ถูกก�าหนดให้เป็นเหมือนพาหนะของเทพเจ้า แห่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้

KoMPira KaBUKi

ขยับห่างออกมาจากย่านศาลเจ้าไม่ไกลนักมี “โรงละครคนปิระ คาบูกิ” (Kompira Kabuki) โรงคาบูกิเก่าแก่ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1835 นับถึงตอนนี้ก็ 180 ปีแล้ว ในปี 1970 รัฐบาล ญีป่ นุ่ ได้อนุรกั ษ์อาคารโรงละครแห่งนีใ้ ห้เป็นมรดกแห่งชาติ แต่จริงๆ แล้วเดิมทีอาคารโรงละคร ไม่ได้ตั้งอยู่จุดนี้ตั้งแต่แรก ก่อนนั้นเคยสร้างไว้ในย่านใจกลางเมือง จนปี 1972 ก็ถูกย้ายมาไว้ ที่นี่เนื่องจากตัวอาคารท�าจากไม้ จึงเกรงกันว่าหากเกิดเหตุไฟไหม้ในตัวเมืองของมีค่าทาง ประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะต้องเสียหายไปด้วยแน่นอน และขั้นตอนการย้ายโรงละครมาไว้ในที่ใหม่ ก็ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี โรงละครคนปิระ คาบูกใิ นปัจจุบนั ยังคงไม่มเี ครือ่ งปรับอากาศและฮีตเตอร์ดงั เช่นอดีตใน ยุคทีย่ งั ไม่มไี ฟฟ้า จึงเลือกจัดการแสดงในช่วงเดือนเมษายนเนือ่ งจากมีอากาศทีก่ า� ลังเย็นสบาย จะมีก็แต่โคมไฟเหนือเวทีและที่นั่งส�าหรับผู้ชมทางด้านหน้า ช่วงเปิดการแสดง 32 รอบในเดือน เมษายนของแต่ละปีจะมีผู้ชมหลั่งไหลมาจากทั่วทุกแห่งซึ่งจะเดินทางมาชมกันปีละประมาณ 25,000 คน

| 83


KitahaMa

อีกย่านหนึ่งในคางาวะที่ถูกใจเรามากอยู่ในเมืองทากามาทสึ นั่นคือ “ย่านคีตาฮามะ” (Kitahama) หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า “ตรอกอินดี้คีตา ฮามะ” ที่ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ เป็นตรอกเล็กๆ ที่ดัดแปลงโกดังเก็บสินค้าเก่า ให้กลายเป็นย่านชอปปิ้งสินค้าดีไซน์เก๋ๆ ไม่ซ�้าใคร งานขายไอเดียมีอยู่ มากมายในย่านนีท้ า่ มกลางบรรยากาศทีแ่ ปรสภาพและตกแต่งให้สวยงามกัน เฉพาะภายในร้าน แต่สา� หรับภายนอกยังคงความเก่าของโครงอาคารสังกะสี ไว้เช่นเดิม สินค้าที่เราจะพบได้ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร ขนมอร่อย ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ซึ่งน่าซื้อแทบทุกชิ้นจนอดใจไว้ไม่ค่อยอยู่

ShodoShiMa iSland หนึ่งในโปรแกรมไฮไลท์ของการเที่ยวคางาวะอยู่ที่นี่ “เกาะโชโดะชิมะ” (Shodoshima Island) ที่เราอยากเรียกว่าเป็นเกาะสวรรค์ เพราะตลอดเวลาที่ อยู่บนเกาะแห่งนี้มีแต่ความสนุกสนาน โปรแกรมนี้เราต้องไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่ ท่าเรือทากามาทสึซึ่งจะมุ่งหน้าไปยังเกาะโชโดะชิมะภายในเวลา 1 ชั่วโมง เกาะโชโดะชิมะมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการเป็นแหล่งเพาะปลูก มะกอกหลักของประเทศ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของมะกอกที่มีในประเทศญี่ปุ่นก็ มาจากเกาะโชโดะชิมะนี่เอง ทั้งยังเป็นพื้นที่ถ่ายท�าภาพยนตร์และรายการ โทรทัศน์มากมาย และที่โดดเด่นมากก็คือผลิตภัณฑ์จากมะกอกที่ถูกน�าไป แปรรูปเป็นน�้ามันมะกอกและเครื่องส�าอางถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม และชาวญี่ปุ่นเองก็ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์จากมะกอกมาเมื่อกว่า 15 ปี ที่ผ่านมา

olive ParK

บนเกาะโชโดะชิมะให้บรรยากาศเหมือนเป็นอีก เมืองหนึ่งแยกออกมา มีสถานที่ที่น่าสนใจเยอะแยะ และก็มีสภาพความเป็นธรรมชาติที่สวยงามทางฝั่ง ทะเล เราเดินเล่นในสวนมะกอก และกินข้าวเที่ยงกัน ในร้าน “ซันโอลีฟ” ก่อนจะเดินเล่นชม “สวนมะกอก” (Olive Park) ที่นอกจากจะมากมายไปด้วยต้นมะกอก แล้ว ยังมี “สวนสมุนไพร” (Herb Garden) ที่รวมพืช สมุนไพรไว้มากถึง 120 สายพันธุ์ และดอกไม้อีกกว่า 120 ชนิด สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้เมื่อสัมผัสกับสวนมะกอกแห่งนี้ ก็คือบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นให้กลายเป็นดินแดนกรีก ทั้งตัวอาคารและบรรยากาศทั่วพื้นที่ มีโบสถ์คริสต์ กังหันลม มีอาคารจัดแสดงความเป็นมานับแต่วันแรก ที่มะกอกถูกน�าเข้ามาในแผ่นดินญี่ปุ่น มีร้านจ�าหน่าย สินค้าที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากมะกอกหลายชนิด ทีห่ า้ มพลาดก็คอื ซอฟต์ครีมโอลีฟทีอ่ ร่อยและเราเพิง่ ได้ ลองชิมที่นี่เป็นครั้งแรก

84 |


พิพิธภัณฑ์โชยุ มารุคิน และพิพิธภัณฑ์โซเม็ง

นอกจากสวนมะกอกแล้วเรายังได้ชม “พิพิธภัณฑ์โชยุ” ภายในจัด แสดงอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือในการหมักบ่มถั่วเหลืองจนได้เป็นโชยุ คุณภาพดีหลากหลายสูตร บางสูตรผลิตเฉพาะที่เกาะโชโดะชิมะเท่านั้น รสชาติดแี ละมีกลิน่ หอม รูไ้ ด้เลยว่ามีความพิถพี ถิ นั ในการผลิตมาก และก็ยงั มีโชยุบรรจุขวดให้เราได้เลือกซื้อในร้านจ�าหน่ายของฝากด้วย แถมราคาไม่ แพงเลย อีกทั้งในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์โชยุยังมีโรงงานผลิตโชยุเก่าแก่ที่ยังคง เปิดด�าเนินการอยู่จนถึงวันนี้ ส่วนโปรแกรมถัดมาซึ่งเป็นการชม “พิพิธภัณฑ์โซเม็ง” อาหารเส้นอีก ประเภทหนึ่งของชาวญี่ปุ่นที่มีเส้นเล็กและนุ่มน่ากิน แป้งที่นวดและยืดออก ด้วยเครื่องจนยาวและบางกลายเป็นเส้นโซเม็งเหนียวนุ่มถูกน�าไปลวกจนสุก แล้วแช่ลงในน�้าเย็น กินพร้อมโชยุหอมๆ จะเข้ากันที่สุด ตบท้ายด้วยการชิม ซอฟต์ครีมลูกพลัมของอร่อยขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาะโชโดะชิมะใกล้กับ “Contemporary Art Museum” จากมุมร้านที่ด้านหนึ่งติดริมฝั่งทะเลเราก็ จะได้ชมวิวผ่านท่าเรือเล็กๆ ไปด้วย กินอะไรก็ยิ่งอร่อยขึ้นอีกหลายเท่า

angel road

เรามีโปรแกรมชมทะเลแหวกในแบบญีป่ นุ่ บนเกาะโชโดะชิมะกัน ด้วย เรียกกันว่า “แองเจิลโรด” (Angel road) ทางเดินของนางฟ้าแห่ง นีค้ อื จุดทีจ่ ะมีนา�้ ทะเลลดลงตามปรากฏการณ์ธรรมชาติจนเห็นผืนทราย ที่เคยอยู่ใต้ทะเลโผล่ขึ้นมาเชื่อมทั้งสามเกาะไว้ด้วยกันเป็นเส้นทางยาว โดยในแต่ละวันน�้าทะเลจะปรับลดระดับเช่นนี้ 2 ครั้งด้วยกัน ด้านหนึง่ ของการชมแองเจิลโรดจะมีแผ่นไม้และเปลือกหอยหลาย ชิน้ ถูกเขียนข้อความจารึกไว้แล้วแขวนไว้ใต้ตน้ ไม้นยั ว่าเป็นป้ายชือ่ คูร่ กั ที่จูงมือกันมาเขียนค�าอวยพรให้ความรักของตัวเองยั่งยืนเป็นนิรันดร์ ใกล้ๆ กันมีบนั ไดไต่ขนึ้ ภูเขาไปสัน่ ระฆังน�าโชคพร้อมชมวิวทะเลไปด้วย ในตัว และหลังจากสนุกกันมาทั้งวันเราก็มาอร่อยกับอาหารเย็นที ่ “Righga Dining & Bar Uikou” และก็นอนพักกันที่นี่เลย อาหารอร่อย ห้องพักก็แสนสบาย ถือเป็นอีกความเพียบพร้อมหนึ่งในคางาวะที่เรา อยากน�าเสนอ

นาขั้นบันได

โปรแกรมของวันถัดไปเรารีบตืน่ กันแต่เช้าเพือ่ ไปชม “นาขัน้ บันได” ซึง่ เป็นภูมปิ ญั ญาชาวบ้านทีแ่ ม้จะอาศัยอยูต่ ามเชิงเขาก็ยงั ปรับพืน้ ทีส่ า� หรับท�าการ เกษตรได้ ในคางาวะมีพื้นที่นาขั้นบันไดอยู่ค่อนข้างมาก จุดที่เราไปถือเป็นย่านหมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ที่มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมเครื่องมือเครื่องใช้และ ระบบน�า้ ให้ทนั สมัยขึน้ หากมาเทีย่ วแถบนีใ้ นช่วงทีข่ า้ วแตกใบราวเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมก็จะละลานตาไปด้วยทุง่ ข้าวเขียวชอุม่ แต่ถา้ เป็นเดือนพฤษภาคม จนถึงกันยายนภาพจะเปลี่ยนไปเป็นทุ่งสีทองทั่วพื้นที่เพราะเป็นช่วงที่ข้าวออกรวงแล้วซึ่งสวยงามน่าชมมาก ความน่าชมน่ามองของนาขั้นบันไดแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 100 ผืนนาที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น และก็มีแหล่งน�้าบริสุทธิ์ส�าหรับการน�าเข้าท้องนาเพื่อ ปลูกข้าวเพราะพื้นที่แถบนี้ตั้งอยู่บนความสูง 120-250 เมตร รวมที่นาทั้งหมดที่มีอยู่ที่นี่ประมาณ 33 ผืน หากข้ามถนนมาอีกฝั่งหนึ่งเราจะได้พบกับร้าน อาหารน่ารักอีกแห่งซึ่งสร้างเหมือนเป็นบ้านไม้หลังเล็กที่ตกแต่งร้านได้เก๋มากชื่อว่า “โคมาเมะ” ร้านนี้อาหารอร่อยและมีกาแฟพร้อมขนมไว้รอต้อนรับนัก ท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาแถบนี้ทุกวัน

| 85


Kankakei gorge

ทีนกี้ เ็ ป็นโปรแกรมขึน้ ทีส่ งู 612 เมตรเพือ่ ไปชมความสวยงามของ ธรรมชาติในแถบ “หุบเขาคังคะเค” (Kankakei Gorge) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลในเซโตะ ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ของจุด ชมวิวบนยอดเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และตัวช่วยที่จะพาเราขึ้นไปสู่ จุดชมวิวบนยอดเขาก็คอื เคเบิล้ คาร์ทจ่ี นุ กั ท่องเทีย่ วขึน้ ลงได้ครัง้ ละ 40 คน ระหว่างทางจะผ่านหุบเขาตลอดแนว ทัศนียภาพระหว่างทางที่เคเบิ้ล คาร์ผ่านนี้จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล จุดบนสุดของยอดเขามีจุดชมวิวที่เราจะได้ชมหมู่เกาะต่างๆ ทะเลในเซโตะ มองเห็นย่านเมืองริมชายฝัง่ ทะเลทีเ่ กาะกลุม่ กันเป็นเมือง ขนาดใหญ่ ถัดมาอีกมุมหนึ่งจะมีเกมให้เล่นสนุกกันคือจากระเบียงจุด ชมวิวห่างไปราว 10 เมตรจะมีห่วงเหล็กตั้งอยู่ เหล่าผู้นึกสนุกทั้งหลาย ก็จะซื้อแผ่นดินเหนียวแห้งที่ตัดออกมาเป็นแผ่นบางๆ ในราคา 5 แผ่น 200 เยนแล้วน�าไปขว้างด้วยเทคนิคส่วนตัวของใครของมันให้ลอยไปลอด ผ่านห่วงเหล็กชิ้นนี้ ซึ่งก็ต้องต่อสู้กับทั้งระยะทางและแรงลมที่พัดพามา อยู่ตลอดเวลา

สถานที่ถ่ายท�าภาพยนตร์ Nijyushinohitomi ลงจากหุบเขาคังคะเคเพียงไม่นานเราก็เข้าไปชมสถานที่ที่เคยใช้ถ่ายท�าภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่น “Nijyushinohitomi” หรือที่เรียกชื่อในภาษาไทยว่า “24 ดวงตา” ภาพยนตร์ที่ชวนให้ซาบซึ้งไปกับคุณค่าของ ความเป็นครูที่เลือกเดินทางมาใช้ชีวิตในพื้นที่ชนบทเพื่อสอนหนังสือให้กับเด็กๆ 12 คน การเทีย่ วชมสถานทีถ่ า่ ยท�าภาพยนตร์เรือ่ งนีเ้ ราจึงได้สมั ผัสกับบรรยากาศของโรงเรียนทีเ่ ป็นเพียงอาคาร หลังเล็กแต่แบ่งออกเป็นห้องเรียนทีม่ อี ปุ กรณ์การเรียนการสอนพร้อมเสมือนยังมีนกั เรียนเข้ามาเรียนกันจริงๆ ทุกวัน ส่วนด้านนอกก็จะมีอาคารไม้หลายหลังที่ดัดแปลงเป็นร้านจ�าหน่ายสินค้าต่างๆ รวมทั้งสินค้าที่ระลึก เกีย่ วกับภาพยนตร์เรือ่ งนี ้ และเรายังประทับใจกับอาหารเทีย่ งซึง่ เป็นอาหารชุดทีเ่ สิรฟ์ มาในห่อผ้าจัดเป็นเบนโตะ อาหารมีหลากหลาย อร่อยและเยอะเกินอิ่ม เป็นรูปแบบแปลกตาไปจากที่เคยได้สัมผัสมาก่อน

Folk House Open-air Museum and Gallery, Shikoku-Mura เราเที่ยวกันบนเกาะโชโดะชิมะอยู่นานก็ได้ เวลากลับ เรือออกจากท่าเรือโทโนโชะ (Tonosho Port) ไปเทียบท่าที่ท่าเรือทากามาทสึเช่นเคย และก็ได้พบ ว่าในคางาวะยังมีอกี สถานทีห่ นึง่ ทีน่ า่ สนใจอีกเหมือน กัน นั่นคือ “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน (Folk House Openair Museum and Gallery, Shikoku-Mura) นี่คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ให้ความรู้ถึงที่มาของทุกสิ่งทุก อย่างบนเกาะชิโกกุ ด้วยการออกแบบให้พิพิธภัณฑ์ เล่าเรื่องตามระยะทางเดินที่จะไปพบกับ 22 สถานที่ ซึ่งหลากหลายไม่ซ�้ากัน ได้แก่ โรงคาบูกิ โรงผลิต น�า้ ตาล โรงผลิตโชยุ บ้านของบุคคลส�าคัญหลายท่าน ร้านอุด้ง อาคารทรงตะวันตก มีลานน�้าตกสวยๆ ให้ ชม ซึง่ ได้ความรูม้ าก และเป็นอีกสถานทีห่ นึง่ ทีม่ สี าระ ทางประวัติศาสตร์มากมายที่สุด

86 |


หมึกอิตาโกะ และอังโมจิ โซวนิ

พ้นผ่านออกมาจากพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เราไปอุ่นเครื่องก่อนกินอาหารเย็นอย่างเป็นทางการด้วยการ ชิม “หมึกอิตาโกะ” และ “อังโมจิ โซวนิ” หมึกอิตาโกะที่ว่านี้เป็นหมึกตัวเล็กๆ ต้มจนนุ่มเข้าถึงเครื่องปรุง แล้วเสียบไม้เสิร์ฟ ส่วนอังโมจิ โซวนิก็เป็นโมจิอีกแนวหนึ่งที่เราเพิ่งเคยได้ชิม เพราะเป็นแป้งโมจิที่เสิร์ฟมา ในน�้าซุปเข้มข้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างของคาวและของหวานอย่างลงตัวและแปลกตาแปลกลิ้นดี เหมือนกันทั้ง 2 เมนู

hotel BoKaiSo

ในจ�านวนหลากหลายโรงแรมของคางาวะ มีโรงแรมโบไคโซ (Hotel Bokaiso) อีกแห่งที่ต้อง ถือว่าเหมาะแก่การพักผ่อน เพราะนอกจากห้อง พักจะหรูหราและมีให้เลือกหลายรูปแบบตาม อัธยาศัยของผูเ้ ข้าพักแล้ว โรงแรมโบไคโซยังตัง้ อยู่ บนยอดเขาเล็กๆ ทีม่ จี ดุ ชมวิวเมืองทีส่ วยงามมาก และก็เป็นมุมที่จะมองเห็นการขยายตัวของเมือง ด้วยการถมทะเลของคางาวะได้ชัดเจนที่สุด หาก เป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินมุมนีจ้ ะยิง่ สวยงามและ ควรค่าแก่การบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกอย่างที่สุด เมื่อหมดโปรแกรมของวันเราไปกินมื้อเย็น กันที่ “ร้านอิกคาคุ ยาชิมะ” กับเมนูเด็ดที่ใครมา ก็ต้องลอง นั่นคือ “ไก่ติดกระดูก” ที่อร่อยมากๆ ดูไปก็คล้ายไก่ย่างบ้านเรา เพียงแต่ไก่ติดกระดูก ของคางาวะจะย่างแบบชุ่มน�้าชุ่มเนื้อ คลุกเครื่อง เทศรสจัดจนเนื้อไก่สุกหอมอร่อย เมนูนี้มาถึงคา งาวะแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด จนเมื่ออิ่มท้องกัน แล้วเราก็เข้าพักที่ “JR Hotel Clement Takamatsu” ซึง่ เป็นอีกโรงแรมทีเ่ ราอยากแนะน�าให้คณุ ผูอ้ า่ นได้รจู้ กั หากต้องเลือกโรงแรมทีพ่ กั ในคางาวะ สักแห่ง ในเรือ่ งความสะดวกสบายของห้องพักและ เครื่องอ�านวยความสะดวกรับรองได้ว่าที่นี่ไม่แพ้ ใครแน่นอน

| 87


Ritsurin Garden

วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวในคางาวะเราได้รับ โอกาสดีๆ ให้ได้ไปชม “สวนริทสึริน” สวนญี่ปุ่นแท้ๆ ที่เคยเป็นสมบัติของ “ไดเมียวอิโคมะ ทาคาโตริ” มาก่อน สร้างขึน้ เมือ่ ปี 1625 แต่กว่าจะเข้าทีเ่ ข้าทางเสร็จเรียบร้อย ก็อกี ร้อยกว่าปีถดั มา ทุกวันนีส้ วนริทสึรนิ ยังคงรูปแบบเดิม ไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลง และยังคงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อน ใจของชาวเมืองเช่นเดิมเสมอมา อายุเฉียด 400 ปีของสวน แห่งนี้จึงท�าให้เราได้เห็นไม้ใหญ่มากมายหลายต้นจน กลายเป็นสวนที่ร่มรื่นมาก ในพื้นที่ของสวนริทสึรินมีทะเลสาบอยู่ 6 แห่ง กระจายอยูท่ วั่ ไป และก็เป็นจุดล่องเรือส�าหรับนักท่องเทีย่ ว ที่ต้องการชมอีกบรรยากาศของสวนด้วยการล่องล�าน�้า ภายในเวลาประมาณ 30 นาทีโดยผู้พายเรือน�าเที่ยวจะ คอยแนะน�าให้เราได้รู้จักกับสถานที่ที่เรือล่องผ่าน พื้นที่ ทั่ ว ไปของสวนริ ท สึ ริ น มากไปด้ ว ยต้ น สนกว่ า พั น ต้ น ห่างออกไปมองเห็นภูเขาใหญ่โอบล้อมสวนไว้ โดยเฉพาะ ภูเขาชิอุน (Mount Shiun) ที่ตั้งเป็นฉากหลังของสวน ก็ยิ่งท�าให้สวนแห่งนี้สวยงามมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

Takamatsu Central Shopping Arcade จากสวนริทสึรินบรรยากาศก็ถูกเปลี่ยนอย่างกะทันหันด้วยการไป and you me town ชอปปิ้งกันที่ “Takamatsu Central Shopping Arcade” ย่านชอปปิ้งชื่อ

ดังของเมืองทากามาทสึ สินค้าทุกชนิดมีรวมไว้ที่นี่ โดยเฉพาะแบรนด์เนม ชือ่ ดังมีอยูม่ ากมาย และก็หลายหลากด้วยสินค้าแนวอืน่ ๆ ทีเ่ รามักไม่คอ่ ย พบในย่านชอปปิ้งทั่วไป นั่นคือสินค้าแนวดีไซน์เก๋ๆ ขายไอเดีย สินค้า จ�าพวกเครือ่ งเรือน เครือ่ งครัวและเครือ่ งไฟฟ้าก็มอี ยูม่ าก นีย่ งั ไม่รวมเสือ้ ผ้า และเครื่องกีฬาที่มีอยู่ไม่น้อยเลย หรือถ้าจะหาร้านอาหารดีๆ นั่งกินอะไร เพลินๆ ก็มีให้เลือกหลายแนว รวมทั้งร้านกาแฟร้านขนมต่างๆ ก็พบได้ บนถนนสายนี้ แต่ถ้าสนใจสินค้าจ�าพวกข้าวของเครื่องใช้อาหารการกินในซูเปอร์ มาร์เก็ตก็ต้องไปช้อปใน “you me town” ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ประจ�าเมืองทากามาทสึที่นอกจากจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดเต็ม ซูเปอร์มาเก็ตแล้ว ยังมีโซนเสือ้ ผ้า กระเป๋า รองเท้า และของใช้ทวั่ ไปส�าหรับ คนทุกวัย รวมทั้งยังมีร้านอาหารร้านขนมอีกด้วย จึงเหมาะมากส�าหรับ การทิ้งท้ายก่อนที่เราจะเดินทางกลับเมืองไทยกันในวันรุ่งขึ้น และเป็นการ ปิดทริปการท่องเที่ยวส�ารวจเส้นทางในจังหวัดคางาวะอย่างสมบูรณ์แบบ ที่สุด ถือเป็นจังหวัดทีม่ สี ถานทีท่ อ่ งเทีย่ วหลากหลายทีส่ ดุ อีกแห่งของญีป่ นุ่ ตลอดเวลา 7 วันของเราในคางาวะท�าให้ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่านี่แหละคือ เป้าหมายที่ยอดเยี่ยมที่สุดส�าหรับคนไทยเวลานี้ คางาวะน่าเที่ยวจนท�าให้ เรารู้สึกว่าหากมีโอกาสครั้งใดจะต้องขอไปคางาวะอีกแน่นอน

Special ThankS www.koriplanning.com

88 |





Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.