Say Hi Japan 32 Kansai by Checktour Magazine 64

Page 1

SAY HI JAPAN : ISSUE 32 MARCH 2016

ท่องคันไซ

เที่ยวไปในนาระและเกียวโต แม้การเทีย ่ วญีป ่ น ุ่ เป็นครัง ้ แรกของคนไทยในยุคก่อนๆ มักเริม ่ ต้นกันในแถบคันโตหรือโตเกียวและพืน ้ ทีใ่ กล้เคียง แต่เดีย ๋ วนีค ้ นไทยจ�านวน มากเลือกเป้าหมายแรกเป็นคันไซกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโอซาก้า เกียวโตหรือนาระเดี๋ยวนี้ไปมุมไหนก็เจอคนไทยเยอะแยะไปหมด เราเชื่อว่า ความมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและความมีเสน่ห์ของคันไซจะยังสามารถดึงดูดคนไทยได้อีกมากเพราะไม่ว่าจะเที่ยวไปในเมืองใหญ่หรือ เลาะไปในเมืองย่อยอื่นๆ ก็สุดยอดไปเสียหมด ทีมงาน Checktour Magazine เองก็เคยส�ารวจเส้นทางในคันไซอยู่หลายครั้ง แต่ส�าหรับครั้งล่าสุดนี้ภายใต้การเชิญชวนของ “The Foundation for Kansai Region Promotion” ท�าให้ได้เห็นอีกมุมมองที่แปลกไปคือเรามีโอกาสได้ปั่นจักรยานเที่ยวเกียวโตกันอยู่ พักใหญ่ ได้แวะไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ในเกียวโตอย่าง “อูจิ” (Uji) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลก และก็ไปอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมส�าหรับ คนไทยอีกหลายแห่งทั้งในนาระและเกียวโตที่แสนจะคุ้นเคย ยินดีให้คุณผู้อ่านก๊อปปี้โปรแกรมจากทริปนี้ได้เลยทันทีเพราะสนุกและได้ บรรยากาศการชมธรรมชาติสวยๆ แบบครบถ้วน


KASUGA TAISHA SHRINE ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ เราเริ่ ม ต้ น ทริ ป กั น ที่ ส นามบิ น คั น ไซโดยที่ ก่อนจะออกเที่ยวก็ขอน�าชมจุดประชาสัมพันธ์ข้อมูล การท่องเทีย่ วทัว่ คันไซรวมถึงภูมภิ าคอืน่ ๆ ทีเ่ คาน์เตอร์ “Kansai Tourist Information Center” บริเวณชัน้ 1 ของ อาคารสนามบิน จุดนีจ้ ะมีเจ้าหน้าทีท่ สี่ ามารถให้ขอ้ มูล เป็นภาษาอังกฤษได้ ไม่วา่ จะเป็นข้อมูลเรือ่ งรถรา ซือ้ บัตรโดยสาร ขอรายละเอียดทัวร์น�าเที่ยวและแนะน�า โรงแรมทีพ่ กั ทัง้ หลาย อยากรู้อะไรติดต่อสอบถามขอ ค�าชี้แนะจากเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแต่เวลา 7.00-20.30 น. ทริปนี้เราออกเดินทางจากสนามบินคันไซด้วย รถไฟสาย Haruka ไปยังเมืองนาระ โดยรถไฟจะไป เปลี่ยนขบวนที่สถานีเทนโนจิ (Tennoji Station) จน สุดท้ายไปลงที่สถานีนาระ (Nara Station) รวมเวลา ทั้งหมดประมาณชั่วโมงกว่า และจากสถานีนาระเรา นั่งรถบัสต่อไปอีกนิดก็ถึง “ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะ” (Kasuga Taisha Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความ ส�าคัญกับเมืองนาระมาก เพราะนอกจากจะเป็นสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ล้วยังเป็นสถานทีเ่ ก็บรักษาโบราณวัตถุหลายชิน้ ทีม่ คี ณุ ค่าทางประวัตศิ าสตร์ของศาลเจ้าด้วย เข้ามาถึงศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะเราจะมองเห็นอาคารหลังใหญ่ฉาบสีแดงสดดูสวยงาม แต่ตามธรรมเนียมของศาลเจ้าแห่งนี้คืออาคารหลักที่เห็นสวยๆ แบบนีใ้ นทุก 20 ปีจะถูกรือ้ ออกเพือ่ สร้างหลังใหม่เพือ่ ให้คนรุน่ หลังไม่ลมื วิธกี ารก่อสร้างแบบเก่าๆ ของบรรพบุรษุ รวมถึงเป็นการอนุรกั ษ์สถาปัตยกรรมโบราณ ไว้ด้วย ที่เด่นชัดอีกอย่างหนึ่งที่เราเห็นได้ในศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือมีโคมไฟอยู่มากมายทั้งที่สร้างจากหินและไม้วางบ้างแขวนบ้างเรียงรายเป็นแนวยาวอยู่ทั่ว ศาลเจ้า และที่กลายเป็นสีสันของศาลเจ้าแห่งนี้อีกอย่างก็คือนับตั้งแต่ทางเดินเข้ามาก็จะมีกวางเดินไปมาชวนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเล่นด้วยเยอะแยะไป หมด สมกับความเป็นเมืองแห่งกวางน้อยของนาระจริงๆ

TODAIJI TEMPLE

วัดโทไดจิ

ถัดจากศาลเจ้าคาสุกะ ไทชะเรามาพบกับความยิ่งใหญ่อีกแห่งของนาระ และก็เป็นวัดที่ เก่าแก่ที่สุดของนาระอีกด้วยนั่นคือ “วัดโทไดจิ” (Todaiji Temple) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 743 เป็น สถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิท์ กี่ ลายเป็นเหมือนสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วชือ่ ดังอีกแห่งของนาระไปแล้วเพราะตัง้ แต่เช้า จรดเย็นวัดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน และความยิ่งใหญ่ของวัดก็สะท้อนให้เห็น ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่มีเสาต้นใหญ่เรียงรับน�้าหนักของซุ้มประตูเอาไว้ดูอลังการมาก ความโดดเด่นทีส่ ดุ และกลายเป็นทีร่ จู้ กั ของวัดแห่งนีก้ ค็ อื พระพุทธรูปองค์ใหญ่ทสี่ ร้างขึน้ ในปี 752 ซึง่ ในตอนแรกสร้างนัน้ หล่อองค์พระขึน้ มาก่อนแล้วจึงสร้างตัวอาคารครอบองค์พระอีกชัน้ หนึง่

80 |

องค์พระมีความสูง 16 เมตร น�้าหนัก 500 ตัน และยัง เป็นต้นแบบในการหล่อองค์พระใหญ่ที่เมืองคามาคุระ อีกด้วย ด้านหลังองค์พระมีเสาต้นใหญ่ที่เจาะช่องไว้ บริเวณโคนเสาให้คนทั่วไปได้ลอดเข้าด้านหนึ่งไปออก อี ก ด้ า นหนึ่ ง และก็ ก ลายเป็ น กิ จ กรรมสนุ ก ให้ นักท่องเทีย่ วต่อแถวกันยาวเหยียดเพือ่ ขอลอดใต้เสาให้ เป็นสิริมงคลกับชีวิตกันเสียหน่อย


NARA VISITOR CENTER & INN จุดบริการนักท่องเที่ยว

จากวัดโทไดจิใกล้ๆ กันเราแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้าน Fujin Restaurant ซึ่งเป็นอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งโซบะ เทมปุระและชาเขียวร้อนๆ จากนั้นชวนกันเดินเที่ยวในย่านช้อปปิ้งของนาระซึ่งมี สินค้าอยูค่ อ่ นข้างมากและส่วนใหญ่เป็นขนมญีป่ นุ่ จนไปถึงถนนสายช้อปปิง้ สไตล์อาเขตในร่ม ข้าวของน่าซื้อ แต่เป้าหมายส�าคัญของเรากลับอยู่ที่ “Nara Visitor Center & Inn” ซึ่งเป็น Information Center ของเมืองนาระที่นักท่องเที่ยวจะได้ทุกข้อมูลทั้งหมดของทั้งนาระและ เมืองอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่น เพราะฉะนัน้ หากต้องการเทีย่ วนาระในแบบทีไ่ ด้ขอ้ มูลครบถ้วนทุกด้าน และได้รับการแนะน�าสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ขอให้แวะมาที่ นี่รับรองได้ครบทุกอย่าง นอกจากจะมีข้อมูลการท่องเที่ยวให้แล้ว ที่มากกว่านั้นคือมีโรงแรมที่พักอยู่ที่นี่ด้วย และก็มีมุมกิจกรรม ส� า หรั บ ให้ นั ก ท่ อ งเที่ ย วต่ า งชาติ ไ ด้ ส นุ ก กั น ซึ่ ง ในหลายๆ กิจกรรมเราได้ลองฝึกใช้พกู่ นั จุม่ หมึกเขียนตัวหนังสือฮิรางานะ (Hiragana) ทีบ่ อกเลยว่ายากมาก ดีทมี่ เี จ้าหน้าทีค่ อยแนะน�า วิธีการอย่างใกล้ชิดและมีตัวอย่างให้เราเขียนตาม สุดท้ายเรา ก็จะได้แผ่นกระดาษที่มีลายมือของตัวเองกลับไปเป็นที่ระลึก

BYODO-IN TEMPLE วัดเบียวโดอิน

ช่วงเย็นโปรแกรมท้ายสุดของวันเราไปชม “วัดเบียวโดอิน” (Byodo-in Temple) ที่ตั้งอยู่ในเมืองอูจิของเกียวโต ซึ่งเรา เลือกเป็นที่พักของเราในคืนแรก ส�าหรับวัดเบียวโดอิน แห่งนีต้ งั้ แต่กา้ วขาเข้าไปในพืน้ ทีว่ ดั ก็รไู้ ด้เลยว่าไม่ธรรมดา นี่คือวัดที่ยิ่งใหญ่ทั้งทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาและ วัฒนธรรมเก่าแก่ดั้งเดิมจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกชื่อดังไปแล้ว ตัวอาคารหลักของวัดที่เรียกว่าอาคารฟินิกส์ ฮอลล์ (Phoenix Hall) เป็นต้นแบบของอาคารทีจ่ ารึกอยูบ่ นเหรียญ 10 เยนของญี่ปุ่น ครั้งใดที่คุณผู้อ่านได้รับเหรียญ 10 เยน มาไว้ในมือขอให้ลองพลิกมองดูดีๆ รูปบนเหรียญก็คือ อาคารหลั ก ที่ อ ยู ่ เ บื้ อ งหน้ า เมื่ อ เข้ า มาถึ ง ภายใน วั ด เบี ย วโดอิ น นั่ น เอง รั ฐ บาลญี่ ปุ ่ น ต้ อ งการจารึ ก ประวัติศาสตร์เก่าแก่ของประเทศไว้บนเหรียญ 10 เยน พร้อมกับทีว่ างรูปนกฟินกิ ส์ไว้บนธนบัตร 10,000 เยนเช่นกัน ทีนี้ก็มาท�าความรู้จักกับวัดเบียวโดอินกันสักหน่อย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 998 เพื่อให้เป็นสถานที่ส�าหรับ สักการะพระพุทธรูปไม้แกะสลักองค์ใหญ่ที่สวยงามมากอยู่ภายในตัวอาคารหลักที่เรากล่าวถึงเมื่อครู่นี้ ตัวอาคารจะสร้างขยายออกทางด้านข้างเป็น 2 ปีก วัดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็เพราะอาคารหลังนี้ที่ยิ่งใหญ่และสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบที่เรียกว่า “Buddhist Pure Land Architecture” ซึ่งแต่ เดิมพื้นที่ของวัดเป็นที่อยู่ของหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของเมือง มาถูกเปลี่ยนเป็นวัดก็ในยุคที่ตกเป็นมรดกของบุตรชายในปี 1052 และก็ได้สร้างอาคารหลักหลัง นี้ขึ้นนับแต่นั้นมา นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาสมบัติชาติเก่าแก่หลายชิ้นอยู่ด้วย

| 81


UJI

เมืองอูจิ

อย่างที่บอกไปว่าคืนแรกเราเลือกนอนในเมืองอูจิ โรงแรมแรกของเราในเมืองนี้ ก็คือ “Uji Daiichi Hotel” ที่มาพร้อมอาหารเย็นอร่อยๆ โรงแรมนี้ท�าเลดีมากเพราะ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองอูจิมากนัก เดินถึงกันสบายๆ แต่ที่ดียิ่งกว่านั้นคือแม้ โรงแรมจะไม่ไกลย่านเมืองแต่กอ็ ยูใ่ นมุมทีเ่ งียบสงบ เราสามารถเดินเล่นในย่านนีเ้ พือ่ ไปชมความสวยงามรอบแม่น�้าอูจิซึ่งมีสะพานใหญ่สีแดงพาดผ่าน มีร้านอาหารและ เครือ่ งดืม่ ไว้บริการตามริมแม่นา�้ รวมทัง้ ร้านอาหารเคลือ่ นทีจ่ ดั สร้างอยูใ่ นเรือน�าเทีย่ ว โดยจะจัดอาหารไว้บริการลูกค้าและล่องเรือชมแม่น�้าไปด้วยชวนให้เพลินใจไม่น้อย และริมแม่นา�้ อูจนิ กี่ เ็ ป็นจุดท่องเทีย่ วอีกแห่งหนึง่ ทีน่ า่ สนใจมากโดยเฉพาะในช่วง เดือนมิถนุ ายนถึงปลายกันยายน เพราะจะมีประเพณีจบั ปลาด้วยการใช้นกกาน�า้ เป็น ตัวช่วย ชาวประมงจะล่องเรือไปกลางแม่นา�้ แล้วปล่อยนกกาน�า้ หลายตัวลงไปล่าปลา ได้ปลาแล้วก็จะดึงเชือกน�านกกลับขึ้นเรือเพื่อคายปลาออกมาให้เจ้าของ นอกจากนี้ หากเป็นฤดูใบไม้ผลิซากุระบาน แถบริมแม่น�้าอูจินี่คือสวรรค์ชัดๆ เพราะซากุระที่ ยืนต้นเรียงอยูต่ ลอดริมแม่นา�้ จะพร้อมใจกันออกดอกสีชมพูหวานบานสะพรัง่ และทอด กิ่งลงเรี่ยพื้นน�้า เป็นภาพที่สวยงามที่สุดในสามโลก นอกจากนีอ้ จู ยิ งั เป็นแหล่งผลิตชาเขียวมาตัง้ แต่ในอดีต การจะหาร้านชงชาดีๆ ในอูจจิ งึ ไม่ใช่เรือ่ งยาก หลายร้านด�าเนินกิจการมานานหลายสิบปี และ บางร้านแม้จะเปิดมาไม่นานแต่ผทู้ รี่ บั หน้าทีช่ งชาบริการลูกค้านัน้ ส่วนใหญ่มากด้วยประสบการณ์ เรียกว่ารุน่ ครูกย็ งั ได้ เพราะฉะนัน้ เราจึงอยากชวนคุณผูอ้ า่ นที่ เดินทางเที่ยวในคันไซโดยมีโปรแกรมหลักๆ ในเกียวโตและนาระให้แวะเที่ยวอูจิกันดูเพราะตั้งอยู่ระหว่างเกียวโตกับนาระและห่างจากเกียวโตประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น และยังเป็นอีกเมืองที่เป็นมิตรกับนักปั่นจักรยานมาก ผู้คนรถราไม่พลุกพล่าน แถมใกล้ Uji Daiichi Hotel ก็มีร้านเช่าจักรยานอยู่ด้วย ลองคิดดูว่าถ้าได้ปั่นจักรยานชมใบไม้เปลี่ยนสีหรือซากุระท่ามกลางอากาศเย็นสบายจะสุดยอดขนาดไหน

FUSHIMI INARI

ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ

จากโรงแรมเราเลือกนั่งรถไฟสาย Keihan Railway จากสถานีอูจิ (Uji Station) ไปยังศาลเจ้า ชื่อดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเกียวโต “ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ” (Fushimi Inari) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่คนไทย รู้จักดีและนิยมเข้าไปเที่ยวกันตลอดทั้งปี เหงาๆ คิดถึงเมืองไทยเมือ่ ใดไปศาลเจ้าแห่งนีร้ บั รองว่าได้ เจอคนไทยกรุ๊ปใหญ่แน่นอนไม่มีพลาด จุดเด่นที่สุดของศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริที่ติดตา ติดใจคนทัว่ โลกก็คอื การทีม่ เี สาโทริอมิ ากกว่าหมืน่ ต้นวางเรียงรายต่อกันไปตามเส้นทางสายยาว ของวัด กลายเป็นอุโมงค์โทริอสิ สี ม้ สดทีม่ คี วามยาว ถึงประมาณ 4 กิโลเมตร เสาโทริอิเหล่านี้ถูกน�ามา ตัง้ ไว้ตามการบริจาคเงินท�าบุญของหน่วยงาน ห้าง ร้านและบุคคลทั่วไปทั้งพ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง รวมถึงมหาเศรษฐีอีกมากมายที่สลักชื่อ ไว้บนเสาด้วยความเชื่อที่ว่าเสาโทริอิเป็นสัญลักษณ์แทนประตูสู่ดินแดนแห่งเทพเจ้า ซึ่งแน่นอน ว่าเสาโทริอิเหล่านี้ก็จะต้องเพิ่มจ�านวนขึ้นเรื่อยๆ ตามจ�านวนของผู้ศรัทธา ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโตที่มีจุดประสงค์ในการสร้างเพื่อถวายแด่ เทพเจ้าแห่งการเกษตร เข้าไปภายในจะมองเห็นหินสลักเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกอยู่ทั่วไปเพราะเชื่อ ว่าสุนขั จิง้ จอกจะเป็นสัตว์พาหนะน�าค�าขอพรของผูศ้ รัทธาไปถวายแด่เทพเจ้าอีกต่อหนึง่ เพือ่ ขอ ให้มีน�้ากินน�้าใช้มากพอที่จะช่วยให้ผลิตผลทางการเกษตรดีวันดีคืน

82 |


KYOTO TOWER หอคอยเกียวโต เรานั่งรถไฟต่อมาลงที่สถานีเกียวโต (Kyoto Station) เพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้ามซึ่งมี “หอคอยเกียวโต” (Kyoto Tower) สัญลักษณ์แห่งเกียวโตที่สร้างขึ้นในปี 1964 และมีความสูง 131 เมตรซึ่งกลายเป็นสถาปัตยกรรมที่สูงที่สุด ในเกียวโต รวมถึงเป็นทั้งหอคอยส่งสัญญาณและจุดชมวิวในระดับ 100 เมตร แถมมีอาคารโรงแรมอยู่ด้วย ในพื้นที่ ด้านบนของหอคอยที่จัดเป็นจุดชมวิวนั้นจะท�าให้เรามองเห็นทิวทัศน์ของเกียวโตได้กว้างไกลและรอบทิศแบบ 360 องศา มีกล้องส่องทางไกลให้ได้ชมสถานที่ส�าคัญและวัดที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งอย่างชัดเจนที่สุด ส่วนในตัวอาคารหอคอยยังมี Information Center ขนาดใหญ่ทมี่ ที กุ สิง่ ทุกอย่างเท่าทีน่ กั ท่องเทีย่ วต้องการ ไม่ ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทั้งในเกียวโต ทั่วคันไซและทั่วญี่ปุ่น เอกสารเผยแพร่มีทั้งภาษา อังกฤษและภาษาไทย มีตู้บริการแลกเงิน ตู้เอทีเอ็ม ร้านเช่ากิโมโนหรือยูกาตะส�าหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสวมชุด ท้องถิน่ เทีย่ วไปในญีป่ นุ่ จุมดี รับฝากกระเป๋าและให้บริการเช่าจักรยาน มีรา้ นค้าอีกมากมายรวมถึงร้านจ�าหน่ายสินค้า ที่ระลึกและร้าน 100 เยนที่คนไทยชื่นชอบและที่อาคารหลังนี้เราฝากท้องมื้อเที่ยงกันที่ Kyoto Century Hotel ซึ่งมี บุฟเฟต์ที่ผสมผสานสไตล์ตะวันตกและตะวันออกไว้ด้วยกันอย่างลงตัวให้อิ่มอร่อยกันท่ามกลางบรรยากาศดีๆ จน ต้องขอปรบมือให้เพราะชอบมากเป็นพิเศษ แถมยังมีอาหารหลากหลายให้เลือกเยอะแยะไปหมด ปัน ่ จักรยานชมเมือง

ทีนี้ก็มาถึงหนึ่งในโปรแกรมไฮไลท์ของเรา นั่นคือการปั่นจักรยานชมเกียวโต ให้สองล้อน�าทางผ่าน ชมไปในสถานทีส่ า� คัญทัว่ ใจกลางเมือง ผ่านวัดเก่าแก่ ผ่านหนึง่ ในแม่นา้� สายส�าคัญของเกียวโตอย่างแม่นา�้ คาโมกาวะ (Kamogawa) ที่ฝั่งหนึ่งของแม่น�้าจะมีถนนสายเล็กๆ ให้เราปั่นจักรยานเลียบล�าน�้าอย่างได้ บรรยากาศที่สุด ได้พบเจอชาวเกียวโตมาปั่นจักรยานและวิ่งออกก�าลังกาย บ้างก็จูงสุนัขเดินเล่น ส่วน อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นย่านร้านอาหารเก่าแก่บนระเบียงไม้ริมน�้าที่เน้นอาหารท้องถิ่นแท้ๆ ของเกียวโตพร้อม พนักงานประจ�าร้านในชุดกิโมโนที่จะเปิดให้บริการในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราปั่นจักรยานลัดเลาะในทุกตรอกซอกซอยและถนนหนทาง ยึดกฎจราจรเดียวกับผู้ที่ใช้รถยนต์ คือ ปฏิบัติตามสัญลักษณ์ไฟจราจร และก็ขึ้นมาปั่นบนฟุตบาทที่จัดไว้เส้นทางจักรยาน จนถึงการปั่นเข้าไปในย่านกิออนที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เพราะจากเดิม เรามักจะเดินเท้าเข้ามาในย่านนี้ เมื่อเปลี่ยนเป็นจักรยานก็ได้อีกบรรยากาศ มองถนนไปพลาง มองเหล่าไมโกะและเกโกะไปพลางท่ามกลางฝูงชนและนัก ท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงนิยมเข้ามาเดินเที่ยวชมในย่านนี้อย่างเช่นที่ผ่านมา เสริมอีกนิดส�าหรับผู้ที่สนใจปั่นจักรยานในเส้นทางนี้ ในเกียวโตมีร้านให้เช่า จักรยานอยู่ไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่ราคาและการให้บริการไม่แตกต่างกันมากนัก หากเลือกโปรแกรมจักรยานทัวร์ก็จะมีไกด์น�าทางที่จะปั่นน�าหน้าพวกเราและ คอยส่งสัญญาณมือบอกทิศล่วงหน้าว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหรือตรงไป เมื่อผ่านสถานที่ส�าคัญก็จะแวะจอดพักเพื่อเล่าถึงที่มาที่ไปของสถานที่นั้นๆ หรือ หากต้องการเช่าจักรยานเที่ยวกันเองก็ได้ เมื่อครบก�าหนดเวลาการเช่าก็ค่อยน�าจักรยานมาคืน โปรแกรมนี้กลายเป็นอีกประสบการณ์ในการเที่ยวเกียวโตใน แบบที่เราเพิ่งเคยสัมผัสในครั้งนี้ สนใจสามารถชมรายละเอียดได้ที่ www.kctp.net

CACAO 365

ช็อกโกแลตคาคาโอะ 365

จอดจักรยานกันแล้วก็ได้เวลาเดินเท้าอีกครั้งใน ย่านกิออน แต่คราวนีข้ อไปเดินดูรา้ นค้า ร้านอาหาร รวม ถึงร้านเครื่องส�าอาง ขนม ร่ม กระเป๋าดูบ้าง แต่มีขนม ร้านหนึ่งที่เราอยากแนะน�าให้คุณผู้อ่านรู้จักมาก เพราะ หลังจากทีไ่ ด้ชมิ แล้วรูท้ นั ทีวา่ อร่อยจนต้องบอกต่อ นัน่ คือ ร้าน “ช็อกโกแลตคาคาโอะ 365” (Cacao 365) สุดยอด ช็อกโกแลตในแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะนอกเหนือจาก ขนมหลายแบบภายในร้านทีม่ ชี อ็ กโกแลตเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ตัวเอกของร้านก็คอื ช็อกโกแลตทีถ่ กู ดีไซน์ให้มมี าก ถึง 365 แบบ ซึ่งแน่นอนว่าในตลอดระยะเวลา 1 ปีเราสามารถกินช็อกโกแลตจากร้านนี้ได้แบบไม่ซ�้ากันเลยภายใต้ แนวคิดที่ว่า “ทั้ง 365 วันคือวันพิเศษ” และเราก็จะมีช็อกโกแลตเฉพาะของเราตามวันที่และเดือนเกิดซึ่งด้านหน้าร้าน จะมีแบบของหน้าช็อกโกแลตบอกความหมายไว้ด้วย ถือเป็นที่สุดของความคิดสร้างสรรค์และมีชื่อเสียงโด่งดังจนต้อง เตือนล่วงหน้าเลยว่า ช็อกโกแลต 365 ดีไซน์ของร้านนี้ได้รับความนิยมมากและในแต่ละวันจะขายหมดในเวลาไม่กี่ ชั่วโมง เพราะฉะนั้นมาก่อนได้ก่อน มาช้าอดแน่ๆ

| 83


YO-JIYA โยจิยะ มาดูเครื่องส�าอางกันบ้าง อีกร้านหนึ่งที่สาวไทยฮิตกันมาก เดินเข้าร้านนี้เป็นได้เจอคนไทยแน่นอน “โยจิยะ” (Yo-jiya) ร้าน ทีม่ ชี อื่ เสียงโด่งดังจากการผลิตกระดาษซับมันคุณภาพดีเยีย่ มและ มีชอื่ เสียงมานานกว่าร้อยปี และเป็นต้นต�ารับเครือ่ งส�าอางอีกหลาย ประเภททัง้ ครีมบ�ารุงผิวหน้าผิวกาย ลิปสติก แป้งและแปรงแต่งหน้า อีกหลายแบบให้เลือกใช้ ทัง้ สองชัน้ ของตัวอาคารลูกค้าจะแน่นมาก การันตีได้ถงึ ความนิยม มีภาษาไทยอธิบายคุณสมบัตขิ องสินค้าอยู่ หลายชิ้นสื่อให้เห็นว่าร้านนี้อยู่ในใจสาวไทยมานานแล้ว

UJIGAMI SHRINE

ศาลเจ้าอูจก ิ ามิ

OKABE-YA โอกาเบยะ ใครเป็นมังสวิรัติหรือนิยมชมชอบเต้าหู้เป็นชีวิตจิตใจขอ เชิญที่นี่ “โอกาเบยะ” (Okabe-ya) ร้านอาหารที่เต็มไปด้วยเมนู จากเต้าหูท้ เี่ สิรฟ์ มาในหม้อไฟและมีเครือ่ งเคียงอืน่ ๆ เสริมมาด้วย ซึง่ ส่วนใหญ่กย็ งั คงเป็นเต้าหู้ เนือ้ สัตว์มอี ยูป่ ระปราย แต่ตอ้ งบอก ล่วงหน้าว่าอร่อยผิดคาดและดูแปลกใหม่ส�าหรับการได้ลองชิม อาหารในสไตล์ทเี่ ราไม่คนุ้ นักเพราะมีเต้าหูเ้ ป็นส่วนประกอบหลัก ต่างจากทีเ่ คยกินเนือ้ ย่าง ซาชิมิ ซูชแิ ละซีฟดู้ สไตล์ญปี่ นุ่ ร้านนีต้ งั้ อยู่ใกล้กับวัดคิโยะมิซุ (Kiyomizudera) หรือวัดน�้าใสที่คนไทย รู้จักดี อร่อยและดีต่อสุขภาพกันไปอีกมื้อก่อนที่เราจะเดินทาง กลับเข้าอูจิเพื่อชมเมืองเล็กๆ แห่งนี้กันแบบจริงๆ จังๆ เสียที

จาก Uji Daiichi Hotel ที่ พั ก ของเราเดิ น เท้ า ไปหน่ อ ยก็ จ ะพบกั บ “ศาลเจ้ า อู จิ ก ามิ ” (Ujigami Shrine) สถานที่ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ข อง เมืองนีแ้ ละก็เชือ่ ว่าเป็นศาลเจ้าอีกแห่งทีเ่ ก่าแก่ทสี่ ดุ ในญีป่ นุ่ จนได้รบั การขึน้ ทะเบียน เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1994 พร้อมกับสถานที่ส�าคัญทางประวัติศาสตร์ อีกหลายแห่งของเกียวโตในกลุ่ม “Historic Monuments of Ancient Kyoto” มี บันทึกการสร้างศาลเจ้าอูจิกามิว่าน่าจะสร้างขึ้นราวปี 1060 และก็เป็นการสร้างขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่ออุทิศให้กับ “เจ้าชายวาคิอิราทสึโกะ” (Princes Uji no Wakiiratsuko) พระราชโอรสใน “จักรพรรดิโอจิน” (Emperor Ojin) ผู้ซึ่งปลง พระชนม์ชีพพระองค์เองเพื่อต้องการยุติปัญหาความขัดแย้งในราชส�านัก และสร้าง ขึน้ ตามแบบศาลเจ้าในลัทธิชนิ โตทีแ่ ม้จะดูเก่าแต่กส็ วยงามคลาสสิกเพราะสร้างตาม สถาปัตยกรรมโบราณของญี่ปุ่นแท้ที่เรียกว่า “Nagare-zukuri” ภายในศาลเจ้า เงียบสงบ ส�าหรับนักท่องเที่ยวแล้วการได้เดินชมรูปแบบอาคารเก่าในพื้นที่แห่ง ประวัติศาสตร์เช่นนี้ถือว่าคุ้มสุดคุ้มที่สุดแล้ว

THE TALE OF GENJI MUSEUM พิพิธภัณฑ์นวนิยายเก็นจิ

พูดถึง “เก็นจิ” (Genji) แม้คนไทยจะงงอยู่บ้าง แต่ส�าหรับชาวญี่ปุ่นแล้วนี่ คือนวนิยายชื่อดังตลอดกาลของ “มุราซากิ ชิกิบุ” (Murasaki Shikibu) ที่ว่าด้วย เรื่องของชายรูปงามนามว่า “ฮิคารุ เก็นจิ” (Hikaru Genji) ที่มีชีวิตอยู่ในราช ส�านักซึ่งแวดล้อมด้วยเหล่าเจ้าขุนมูลนายและเจ้านายชั้นสูงแห่งยุคเฮอัน แต่พ่อหนุ่มเก็นจิก็เนื้อหอมไม่เบาเพราะมีความสัมพันธ์กับสาวงามมากมาย นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมประเพณีแต่โบราณของญี่ปุ่น รวมไปถึงรูปแบบการใช้ชวี ติ ของชนชัน้ สูงและแนวทางของธรรมเนียมปฏิบตั ติ า่ งๆ

84 |


ภายในพิพิธภัณฑ์ต้องบอกว่าจัดแสดงได้ดีมาก แม้เราอาจไม่รจู้ กั นวนิยายเรือ่ งนีม้ ากนัก แต่การให้แสง การน�าเสนอดูดมี าก มีหนุ่ แสดงวิถชี วี ติ ของหญิงสาวใน ราชส�านัก มีการเล่าถึงความเป็นมาผ่านจอแสดงภาพ และมีหุ่นแทนตัวพ่อหนุ่มเก็นจิอยู่ด้วย ส�าหรับคนไทย อาจเข้าไม่ถึงความเข้าใจในนวนิยายเรื่องนี้ แต่อยาก แนะน�าให้เข้าชมเพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามทั้ง ภายนอกและภายใน โดยเฉพาะสะพานข้ามแอ่งน�้า เล็กๆ ไปยังตัวพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นฉากหนึ่งที่มีอยู่ใน นวนิยายบทสุดท้ายของเรื่องด้วย

FUKUJUEN UJICHA KOBO

TAIHOAN TEA HOUSE

ชาเขียวถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของเมืองอูจิ ฉะนั้นมาเที่ยวอูจิก็ต้องชิมชาเขียว และมาถึงถิ่นทั้งทีก็ต้อง ลงมือบดชาเขียวด้วยตัวเองกันดูสกั ครัง้ เราไปกันที่ “ฟุกจุ เุ อ็น อูจิฉะ โคโบ” (Fukujuen Ujicha Kobo) เพื่อทดลองบดใบ ชาเขียวให้ได้เป็นผงชาพร้อมชงกับน�้าร้อนดื่ม แต่ก็ไม่ง่าย อย่างที่คิด ผู้สนใจเข้าเรียนรู้วิธีการบดชาต้องลงนั่งประจ�า โม่บดชาที่ท�าจากหินก้อนใหญ่ มีด้ามจับส�าหรับหมุน เมื่อโรย ใบชาที่ย่อยให้เป็นชิ้นเล็กๆ ลงในโม่แล้วเราก็ค่อยๆ หมุนบด ไปเรือ่ ยๆ อย่างมีจงั หวะ หากหมุนเร็วเกินไปผงชาทีไ่ ด้กจ็ ะไม่ ละเอียด กว่าจะได้ผงชาออกมาชงชาดืม่ ได้สกั ถ้วยก็เมือ่ ยแขน กันพอควร แต่ก็ได้ความภูมิใจและได้สนุกกับการเรียนรู้ วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นไปด้วยพร้อมกัน

แต่ถา้ ต้องการดืม่ ชาเขียวในแบบทีไ่ ด้ชมพิธกี ารแบบเก่าแก่ไปด้วยก็ตอ้ งไปเทีย่ ว “บ้านชาไทโฮอัน” (Taihoan Tea House) ที่นี่มีปรมาจารย์ด้านการชงชาหลายท่าน ที่จะมาต้อนรับเราด้วยชุดกิโมโนแบบจัดเต็ม เชิญเรานั่งประจ�าที่และเฝ้าดูกรรมวิธี การชงชาทีน่ มุ่ นวลอ่อนช้อยจนเสร็จเรียบร้อยออกมาให้เราได้ชมิ พร้อมขนมหวานชิน้ เล็กๆ ตัดรสขมเข้มของชาเขียวแบบต้นต�ารับได้อย่างพอดิบพอดี เมืองอูจิรวมถึงเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นได้รู้จักกับชาเขียวก็ในสมัยคามะคุระ (Kamakura) ประมาณช่วงปี 1192-1333 ซึ่งน�าเข้าจากประเทศจีนโดยพระอิซาอิ (Eisai) ในนิกายเซ็น และก็ได้รับความนิยมมากในกลุ่มชนชั้นสูง ต้นแบบพิธีชงชา แบบดัง้ เดิมจึงเรียบหรูอย่างทีเ่ ราเห็น ก่อนจะแพร่ความนิยมไปในชนชัน้ อืน่ ๆ เรือ่ ยมา ด้วยความที่เมืองอูจิเป็นแหล่งผลิตชาเขียวที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพดี ดังนั้นเที่ยว อูจิแล้วหากไม่ซื้อชาเขียวกลับบ้านถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

ฟุกุจุเอ็น อูจิฉะ โคโบ

บ้านชาไทโฮอัน

OTSU เมืองโอทสึ เรานั่งรถไฟจากสถานีเกียวโตไปเที่ยวต่อกันที่เมือง “โอทสึ” (Otsu) ซึ่งถือเป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในจังหวัดชิกะ (Shiga) ที่มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดเกียวโต เรา ลงรถไฟที่สถานีโอทซึ (Otsu Station) และมีโปรแกรมขึ้นสู่ภูเขาฮิเอ (Mount Hiei) ที่สูงจาก ระดับน�้าทะเลประมาณ 850 เมตร เดินทางด้วยเคเบิ้ลคาร์ที่สถานีซากาโมโต้ (Sakamoto Station) เพือ่ ขึน้ ไปชมวิวธรรมชาติสวยๆ ของทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบน�า้ จืดทีม่ ขี นาดใหญ่ ที่สุดญี่ปุ่น เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีความส�าคัญและสวยงามอลังการตลอดทั้งสี่ฤดูของปี

| 85


MOUNT HIEI ภูเขาฮิเอ

และการขึ้นสู่ยอดเขานอกจากจะได้ชมวิวแล้ว เรายังสามารถเดินเที่ยวบนยอดเขาซึ่งเป็นพื้นที่กว้าง และเป็นที่ตั้งของวัดขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยเฉพาะ วัดทีไ่ ด้รบั การขึน้ ทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ที่มีชื่อว่า “วัดเอนริอาคุจิ” (Enryakuji Temple) วัดที่ มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากมายเพราะเป็นที่ตั้ง ส�านักงานใหญ่ของศาสนาพุทธนิกายเทนได (Tendai) ซึ่งเกิดขึ้นราวปี 788 ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่ กวนอิมพันกรและพระพุทธรูปอีกหลายองค์ รวมทั้งอาคารเก่าแก่อีกหลายหลังก็น่าชมเพราะสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมโบราณแต่ ยังคงได้รบั การดูแลอย่างดีจนมีสแี ดงสดเหมือนใหม่ มีหอระฆังเก่าขนาดใหญ่ และรายล้อมไปด้วยต้นซากุระและเมเปิล้ เพราะฉะนัน้ ทั้งฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง วัดแห่งนี้จะยิ่งสวยงามมากขึ้นด้วยธรรมชาติเหล่านี้

BIWAKO VALLEY บิวาโกะ วัลเลย์

ด้ ว ยความสนอกสนใจอยากชม ธรรมชาติสวยๆ เราจึงนั่ง Ropeway ขึ้นไป ยัง “บิวาโกะ วัลเลย์” (Biwako Valley) เพื่อ ชมวิวทะเลสาบบิวะในอีกมุมที่สวยงามมาก เพราะตั้งอยู่บนจุดที่สูงเหนือระดับน�้าทะเล 1,100 เมตร และก็เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และเราจะมองเห็นความสวยงาม นี้ได้ตั้งแต่ Ropeway เคลื่อนตัวไปจนถึงยอดเขาซึ่งสวยงามมากจริงๆ แต่จุดหมายของเราบน บิวาโกะ วัลเลย์ ก็ใช่จะมีแต่ชมธรรมชาติเท่านั้น แต่เราจะไปกันที่ “ZIP Line Adventure” ลานกิจกรรมส�าหรับผูท้ รี่ กั ความตืน่ เต้นโลดโผน หากเป็นฤดูหนาวพืน้ ทีน่ จี้ ะกลายเป็นลานสกีขนาด กว้างใหญ่จุผู้คนได้มากมายที่ต่างก็หอบหิ้วอุปกรณ์สกีของตัวเองแล้วพากันมาสนุกที่นี่ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน หรือใบไม้ผลิ ที่นี่จะเป็นสวรรค์ส�าหรับผู้หลงใหลในกีฬา ZIP Line เรียกว่าบรรยากาศดีควรค่าแก่การโหนตัวเอง ไว้บนสลิงสูงแล้วทิง้ ตัวให้ไหลไปตามแนวเชือกทีเ่ ชือ่ มไว้ดว้ ยรอกยาวหลายเมตรราวกับบินได้ มองเห็นทะเลสาบ บิวะและต้นไม้ดอกไม้สีสันสวยงาม ความเร็วและความสูงจะท�าให้หวาดเสียวและตื่นเต้นแบบสุดขีด แต่เป็นอีก มุมหนึ่งของการชมวิวทะเลสาบบิวะที่สุดยอดมาก

BIWAKO HOTEL โรงแรมบิวะโกะ ในโอทสึเราเข้าพักที่ “โรงแรมบิวะโกะ” (Biwako Hotel) บอกได้ค�าเดียวว่าหรูหราอลังการ และมีวิว ธรรมชาติริมน�้าให้ชมด้วย ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของโอทสึ ห้องพักสวยและจัดวางมุมที่เหมาะเจาะใน การชมวิวทะเลสาบ ที่ลืมไม่ได้คือห้องอาหารของโรงแรมมีหลายสไตล์ เราลองบุฟเฟ่ต์สไตล์ตะวันตกที่สุดยอด มาก จัดและออกแบบร้านดี อาหารอร่อย โดยรวมแล้ว 1 คืนในโรงแรมบิวะโกะเรากินอยู่สบาย มีวิวธรรมชาติ ให้ชม และก็มรี ถรับส่งจากสถานีรถไฟมาถึงโรงแรมด้วย นอกจากนีร้ อบทะเลสาบบิวะยังเป็นจุดปัน่ จักรยานชม ธรรมชาติที่สวยงามมาก การเช่าจักรยานและชวนกันมาเป็นกรุ๊ปใหญ่เพื่อเข้าพักที่นี่จึงเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุด บอกแล้วว่าเทีย่ วคันไซเทีย่ วอย่างไรก็สนุก จุดท่องเทีย่ วยังมีอกี มากในอีกหลายเมือง เท่าทีเ่ ล่าให้คณุ ผูอ้ า่ น ฟังไปนีย้ งั ไม่ถงึ เสีย้ วหนึง่ ของความน่าสนใจในภูมภิ าคนี้ ใครเคยไปแล้วขอให้ไปซ�า้ ในฤดูทตี่ า่ งออกไป ส่วนใคร ยังไม่เคยไปขอให้ไปสนุกในคันไซดูสักครั้ง ความคุ้มค่าในการท่องเที่ยวและประสบการณ์ดีๆ ก�าลังรออยู่ ที่ แน่ๆ เดือนเมษายนปีนแี้ ว่วว่าทางการคันไซจะออกบัตรโดยสารรถไฟแบบพิเศษส�าหรับนักท่องเทีย่ วชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ คือซื้อบัตรเพียงใบเดียวสามารถใช้บริการรถสาธารณะได้ทั่วคันไซ ซึ่งถือว่าสะดวกและง่ายมาก ส�าหรับการชวนเพื่อนฝูงเที่ยวคันไซกันด้วยตัวเอง ไปนะ...ไปเที่ยวคันไซกันดีกว่า

86 |

SPECIAL THANKS

Travel Innovation Japan Inc. E-mail: CUSTOMER@TI-J.CO.JP www.ti-j.co.jp





าณแรระเทงศญชี่ปัดุ่น สัญญ ุมพื้นที่ทั่วป ครอบคล

โหลด

แแชชร์ทไม่อั้น เที่ยวญี่ปุ่น...

ไม่พลาดทุกการติดต่อ

สัญญาณแรงสูงสุด 187 Mbps. พร้อมแชร์สัญญาณได้มากถึง 10 เครื่อง ใช้งานนานต่อเนื่อง 14 ชม.

Call Center

02 105 4447 4gpocketwifi @4gpocketwifi


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.