บทนำ� รายงานฉบับ มบูรณ์ (Final Report) ที่เ นอต่อองค์การบริ าร ่ นจัง ัดเชียงใ ม่ฉบับนี้ นำาเ นอค าม ก้า น้าของโครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใ ม่เป็นเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO าขา ัตถกรรม และ ิลปะพื้นบ้าน ในระยะที่ 3 ปีงบประมาณ 2559 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ผลการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที่ 1 - 4 เรื่องผ้าตีนจกเชียงใ ม่ และผ้าปักเชียงใ ม่ 2. รายงานการเข้าร่ มประชุม ัมมนาเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO เพื่อ ร้างเครือข่าย กับเมือง ร้าง รรค์อื่น ๆ และเพื่อเผยแพร่ ประชา ัมพันธ์ การดำาเนินงานของเมืองเชียงใ ม่ในการเข้าเป็น มาชิก เมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO 3. รายงานค ามก้า น้าการบริ ารเ ็บไซด์เชียงใ ม่เมือง ร้าง รรค์ เพื่อประชา ัมพันธ์การดำาเนินงานการ ผลักดันเมืองเชียงใ ม่ใ ้กับผู้เกี่ย ข้องทั้ง น่ ยงานราชการ องค์กรปกครอง ่ นท้องถิ่น ภาคการ ึก า ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และองค์กรระ ่างประเท เพื่อ ร้างค ามเข้าใจใ ้เกิดขึ้น และ ร้างการมี ่ นร่ มในการดำาเนินงาน ร่ มกันในการผลักดันใ ้เมืองเชียงใ ม่เป็นเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO ต่อไป 4. รายงานผลการ ึก าดูงานเมืองนิ เดลี เมืองไชยปุระ ประเท อินเดีย ซึ่งเป็น มาชิกเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ของ UNESCO เพื่อเตรียมการ ร้างเครือข่าย และใ ้ได้รับการ นับ นุนจากเมือง มาชิกที่เป็นเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO ใ ้ ำาเร็จตามเป้า มาย 5. รายงานผลการจัดเตรียมแบบร่างใบ มัคร เพื่อเตรียมยื่นต่อองค์การ UNESCO เพื่อ มัครเป็นเครือข่าย เมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO การดำาเนินกิจกรรมในปีที่ 3 ปีงบประมาณ 2559 นี้ จะทำาใ ้เมืองเชียงใ ม่ได้มีกิจกรรมและประ บการณ์ใน การ ่งเ ริมและพัฒนางานออกแบบ ัตถกรรมของเมือง ร้าง รรค์ ตามแผนดำาเนินงานดังนี้
�รบัญ บทนำ� �รบัญ
น้�
(1) ผลการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งที ่ 1-4 ครั้งที ่ 1 ใ ้ค ามรู้เรื่องผ้าซิ่นตีนจกเชียงใ ม่ ครั้งที ่ 2 ร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าซิ่นตีนจกเชียงใ ม่ ครั้งที ่ 3 ใ ้ค ามรู้เรื่องผ้าปักกลุ่มชาติพันธุ์ในจัง ัดเชียงใ ม่ ครั้งที ่ 4 ร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์จากกลุ่มชาติพันธุ์เชียงใ ม่ กิจกรรมพิเ
3
(2) รายงานผลการ ึก าดูงานเมืองนิ เดลี เมืองไชยปุระ ประเท อินเดีย ซึ่งเป็น มาชิกเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ของ UNESCO
13
(3) รายงานการเข้าร่ มประชุม ัมมนาเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO
25
(4) รายงานค ามก้า น้าการบริ ารเ ็บไซด์เชียงใ ม่เมือง ร้าง รรค์
43
45
(5) รายงานผลการจัดเตรียมแบบร่างใบ มัคร เพื่อเตรียมยื่นต่อองค์การ UNESCO เพื่อ มัครเป็นเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO ภ�คผนวก
ผลการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 4 กิจกรรม กิจกรรมครั้งที่ 1 ใ ้ค ามรู้เรื่องผ้าซิ่นตีนจกชียงใ ม่ นั /เ ลาจัดกิจกรรม : ันเ าร์ ที่ 30 กรกฎาคม 2559 ถานที่ : นิทรร การ ิลป ัฒนธรรม ม า ิทยาลัยเชียงใ ม่ จ�าน นผู้เข้าร่ ม บรม : 54 คน
ัตถุประ งค์ - เรียนรู้ถึงชุมชน ัตถกรรมด้านการท ผ้าตีนจกที่มีชื่ เ ียงข งเชียงใ ม่ - เรียนรู้ถึงกระบ นการท ผ้าตีนจก ตล ดจนเทคนิค ิธีการและรูปแบบ - ึก าถึง ิถีชี ิตข งชา แม่แจ่ม ที่ก่ เกิดการ ร้าง รรค์งาน ัตถกรรมที่มีคุณค่า - น�าผ้าท ที่พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ัตถกรรมได้ ย่างถูกต้ งเ มาะ ม เมื งเชียงใ ม่เป็นเมื ง ูนย์กลางที่ า� คัญข งล้านนา ภายใต้การปกคร งข งเจ้านายเชื้ เจ็ดตน ก่ นที่จะถูก ร มใ ้เข้าเป็น ่ น นึ่งข ง ยาม และประเท ไทยในปัจจุบันการที่เมื งเชียงใ ม่มีประ ัติ า ตร์และพัฒนาการทาง ังคมมา ย่างยา นาน ท�าใ ้มีการ ั่ง มเ กลัก ณ์ทางด้านประเพณี ัฒนธรรมที่เด่นชัด ซึ่ง นึ่งในนั้นก็คื การแต่ง กาย เ กลัก ณ์การแต่งกายที่ า� คัญข งผู้ ญิงชา เชียงใ ม่ คื “ผ้าซิ่น”
3
ผ้าซิ่นที่ผู้ ญิงชา เชียงใ ม่ใน ดีตนิยมเป็น ย่างมาก มี 2 ชนิด คื “ซิ่นตา”และ ”ซิ่นตีนจก” ันเป็นรูป แบบผ้าซิ่นที่ ืบท ดมา ย่างยา นานข งชา ไทย น ผ้าซิ่นโดยทั่ ไปจะมี ่ นประก บ 3 ่ น คื ั ซิ่น ตั ซิ่น และตีนซิ่น ่ น ั ซิ่น เป็น ่ นที่ ยู่ด้านบน ุดข งผ้าซิ่น ตีนจก โดยทั่ ไปมักประก บขึ้นจากผ้า 2 ชิ้น คื ผ้า ีขา และ ีแดงเย็บต่ กัน บ้างครั้งก็ าจเป็นผ้า ีแดง รื ีด�าเพียงชิ้นเดีย ่ นตั ซิ่น ่ นใ ญ่เป็นลายข างล�าตั เรียก ่า ลาย “ต๋า” รื “ก่าน” ่ นตีนซิ่นจะเป็นผ้าท ธรรมดา ีแดงเข้ม ีน�้าตาล รื ด�า ากเป็นซิ่นตีนจก ่ นนี้จะ เป็นผ้าที่ท ด้ ยเทคนิคจก ลับ ีเ ้นไ ม ไ มเงิน และไ มค�าเป็นล ดลาย ย่างงดงามซิ่นตีนจก นับเป็น ิลปะพื้น บ้านที่แ ดงถึงค ามละเ ียดประณีต และค ามมีร นิยมข งผู้เป็นเจ้าข ง รื ผู้ท เ ง น กจากนี้ล ดลายตีนจกใน แต่ละท้ งที่ ก็จะมีเ กลัก ณ์แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นผลมาจากร นิยมการรับรู้ ุนทรียภาพทางค ามงามที่แตกต่าง กัน กไป รื าจเป็นผลมาจาก ั ดุที่ใช้ท ในแต่ละท้ งที่ต่างกัน ผ้าซิ่นตีนจกที่ปรากฏ ลงเ ลื ลักฐานใ ้ได้ เ ็น ยู่ในปัจจุบันข งจัง ัดเชียงใ ม่ ปรากฏในตั เมื ง รื เ ียงเชียงใ ม่ �าเภ ันป่าต ง า� เภ จ มท ง า� เภ แม่แจ่ม า� เภ ดและ �าเภ ด ยเต่า รูปแบบข งผ้าซิ่นตีนจกในเ ียงเชียงใ ม่นี้ าจ ั น นิ ฐานได้ จ ากตั ย่ า งผ้ า ที่ ต กท ดใน ทายาทตระกูล ณ เชียงใ ม่ ตระกูลค บดีเชียงใ ม่ และที่ได้มีผู้เก็บ ะ ม ่ นตั ลายท่าน โดยรูป แบบเป็นผ้าซิ่นที่ประก บด้ ย ั ซิ่น ีขา แดง รื ด�า ท�าจากผ้าฝ้ายโรงงานเนื้ ดีข ง ังกฤ บางครั้ง เป็นผ้าพิมพ์ลาย รื ก�ามะ ยี่ ตั ซิ่นมีทั้งที่เป็นฝ้าย และไ ม ไ มที่ใช้ท เป็นไ มน้ ยจากประเท จีน เ ้นเล็กบางแต่เ นีย มากบางคนเรียก ่า “ไ ม ยุ้ มเดีย ” เพราะ ามารถร บผ้าไ มทั้งผืนใ ้มา ยู่ ในก�ามื เดีย ได้ ในผ้าซิ่นข ง ตรีชั้น ูงในราช �านักเชียงใ ม่ยังพบ ่า มีตั ซิ่นลัก ณะพิเ ีก แบบ นึ่ง คื ตั ซิ่นเป็นลายข าง ลับกับจกลาย ด กไม้ขนาดเล็กเรียงเป็นแถ ซึ่งจะต้ งใช้ไ มท ง ในการท ทั้งผืน ซึ่งตั ซิ่นลัก ณะดังกล่า นี้ ต้ ง า ัยค ามช�านาญในการท เป็น ย่าง ูงและใช้ ั ดุมีค่าจ�าน นมาก ท�าใ ้ปรากฏตั ย่างใน ปัจจุบันน้ ยมาก ตั ซิ่นลัก ณะนี้ยังปรากฏใน ภาพถ่ายเจ้า ญิง ุบล รรณา ีกด้ ย ่ นบริเ ณเชิง รื ที่เรียก ่า “ตีนจก” ท ขึ้นจากเ ้นไ มเนื้ ละเ ียด ากไม่เป็นไ มล้ น ก็มักจะพุ่งด้ ยเ ้น ไ ม ท ด้ ยเทคนิคจก แทรกไ ม ีต่าง ๆ ไ มเงิน ไ มท ง แล่ง รื กระดา ท งพันกับฝ้ายล ดลาย จกมีลัก ณะคล้ายคลึงกันแทบทุกผืน
4
เรียกได้ ่าเป็นแบบมาตรฐาน คื มีลาย ลักเป็นลายรูป ี่เ ลี่ยมขนมเปียกปูน ที่เรียก ่า “โคม” ลายโคมมีขนาดใ ญ่ ย่างเ ็นได้ชัด มีลายประก บด้านบน 2 แถ และด้านล่าง 1 แถ มักเป็นลายนกคู่กินน�้าร่ มต้น ปิดท้ายด้ ยลายเชิง เรียก ่า “ าง ะเปา” ีด�าล้ น ซิ่นตีนจกแบบจารีตมักมีพื้น ่ นเชิง เรียก ่า “เล็บซิ่น” เป็น ีแดง ต่ มาได้เกิดค่านิยมแต่งกายด้ ย ีเดีย กันทั้งชุดในปลายรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 ต่ เนื่ งมาถึงรัชกาลที่ 7 ท�าใ ้เกิดเล็บตีนจก ลาก ี เช่น เล็บ ีน�้าเงิน ีม่ ง ีบานเย็น ีเขีย เป็นต้น ซึ่งเล็บซิ่นนี้จะต้ งเข้าเป็น ีเดีย กันกับ ตั ซิ่น ที่ได้ท เตรียมไ ้ก่ นลัก ณะผ้าซิ่นตีนจกแบบเ ียงเชียงใ ม่นี้ เรียกได้ ่าเป็นแบบมาตรฐานข งผ้าซิ่นตีนจก ข งเจ้านายล้านนา
จากการจัดกิจกรรมดังกล่า ได้มีผู้เข้า บรมที่ นใจ ในการใ ้ค ามรู้เรื่ งผ้าชิ่นตีนจกเชียงใ ม่ ซึ่งผู้เข้า บรม มีทั้งผู้ที่มีค ามรู้ทางด้านผ้าซิ่นตีนจก จนถึงผู้ที่ไม่เคยมีค ามรู้ทางด้านผ้าซิ่นตีนจกเชียงใ ม่ แต่ใ ้ค าม นใจในเรื่ ง ผ้าซิ่น ได้รับค ามรู้จากผู้ทรงคุณ ุฒิที่ ามารถถ่ายท ดเรื่ งรา ข งผ้าซิ่นตีนจกทั้งแ ล่งที่ผลิต กระบ นการท ผ้า ตล ดจนเทคนิค ิธีการในการท�าผ้าซิ่นตีนจก เพื่ ใ ้ผู้เข้า บรม ามารถน�าผ้าซิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ัตถกรรมที่ ถูกต้ งและเ มาะ ม กับยุค มัยปัจจุบัน และต บโจทย์ค ามต้ งการข งตลาดและ ร้างรายได้ใ ้กับชุมชน
5
กิจกรรมครั้งที่ 2 ร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากผ้าซิ่นตีนจกเชียงใ ม่ นั /เ ลาจัดกิจกรรม : ัน าทิตย์ ที่ 31 กรกฎาคม 2559 ถานที่ : นิทรร การ ิลป ัฒนธรรม ม า ิทยาลัยเชียงใ ม่ จ�าน นผู้เข้าร่ ม บรม : 54 คน ัตถุประ งค์ - พบและรับค ามรู้จาก ิทยากรด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข ง ัตถกรรม - ทดล งและจัดท�าผลิตภัณฑ์ (Workshop) จากผ้าแม่แจ่ม - บรรยาย ั ข้ ì ินค้าไทย ู่เ ทีโลกî ร้าง รรค์ผลงานจากรากเ ง้า ู่ ากล - ร้างแรงผลักดันและแรงบันดาลใจแก่ประชาชน ตระ นักถึงคุณค่าข งงาน ัตถกรรมชุมชน ผู้เข้า บรม ามารถน�าค ามรู้ที่ได้จาก ิทยากรมารัง รรค์เป็นผลงาน ที่ยังคงรากเ ง้าข งงาน ัตถกรรมโดย ในกิจกรรมนี้ได้ใ ้โจทย์ที่เป็นผ้าชิ่นตีนจกแม่แจ่ม ใ ้กับผู้เข้า บรมได้นา� มา กแบบเป็นผลิตภัณฑ์ข งงาน ัตถกรรม เพื่ ใ ้ตระ นักถึงคุณค่า และ ร้างแรงบันดาลใจใ ้แก่ประชาชน ซึ่งผู้เข้า บรมได้มีการ ร้าง รรค์ผลงาน กมา ที่แ ดงถึงตั ตน มีทั้งการ กแบบเครื่ งประดับ การ กแบบแฟชั่น ร มถึงข งประดับตกแต่งภายในที่ ยู่ า ัย โดย ยังคง ัตลัก ณ์ข งผ้าซิ่นแม่แจ่ม
7
กิจกรรมครั้งที่ 3 ใ ้ค ามรู้เรื่องผ้าปักกลุ่มชาติพันธุ์ในจัง ัดเชียงใ ม่ นั /เ ลาจัดกิจกรรม : ันเ าร์ที่ 27 ิง าคม 2559 ถานที่ : นิทรร การ ิลป ัฒนธรรม ม า ิทยาลัยเชียงใ ม่ จ�าน นผู้เข้าร่ ม บรม : 71 คน
ัตถุประ งค์ - เรียนรู้ถึงชุมชน ัตถกรรมด้านการท ผ้าข งกลุ่มชาติพันธุ์ - เรียนรู้ถึงกระบ นการผลิตตล ดจนเทคนิคและรูปแบบต่างๆ - ึก ารูปแบบ ันเป็น ัตลัก ณ์เฉพาะตั ข งกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่ น�ามา ู่ผลิตภัณฑ์ - เรียนรู้ ิถีชุมชนชาติพันธุ์ เพื่ เข้าถึง เข้าใจและน�ามาพัฒนา ย่างเ มาะ ม ิ่งที่ผู้เข้าอบรมได้รับในการจัดกิจกรรม ค ามรู้ค ามเข้าใจถึงประ ัติค ามเป็นมาข งกลุ่มชาติพันธุ์ ในจัง ัดเชียงใ ม่ ันได้แก่ ปะกาเก ะญ (กะเ รี่ยง) ลีซ (ลีซู) ลา ู่ (มูเช ) ่าขา ( ีก้ ) เมี่ยน (เย้า) ม้ง (แม้ ) ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ได้มีเ กลัก ณ์ที่โดดเด่นในเรื่ ง ข งการแต่งกายที่มี ัตลัก ณ์ ันโดดเด่นกัน กไป ซึ่งชุดเ ื้ ผ้า เครื่ งแต่งกายทั้ง มดเป็นงานฝีมื ที่ได้ลงมื ท�าและ ร้าง รรค์จากรุ่น ู่รุ่น
8
จากประ ัติ า ตร์ ันยา นานก ่า 720 ปี ท�าใ ้เชียงใ ม่เป็นเมื งที่ ุดมไปด้ ยทุนทาง ัฒนธรรมซึ่งล้ นแต่ เ ริม ร้าง ักยภาพข งเมื ง ใ ้ยกระดับเป็นเมื ง ร้าง รรค์ทางด้าน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน โดยธรรมชาติข งการ ร้าง รรค์งาน ัตถกรรมเชียงใ ม่ จะมีคุณลัก ณะที่ยังยึดโยงกัน ยู่ซึ่งเกิดจากการพัฒนาการทางประ ัติ า ตร์และ ัฒนธรรมข งชุมชน ที่เริ่มมาจากระดับ มู่บ้าน ู่เมื งและเป็นแรงขับเคลื่ น ู่การ ร้าง รรค์ ท�าใ ้เชียงใ ม่นั้นบาน ะพรั่งไปด้ ยงาน ัตถกรรม พร้ ม ู่การเคลื่ นตั ข งเมื งการน�า ัฒนธรรมที่ ั่ง มมานาน เป็นทุนเพื่ ใ ้การ ร้าง รรค์ในปัจจุบันและ นาคตนั้นมีเรื่ งรา ค ามเป็นมาที่ ามารถ ึก าเรียนรู้และน�ามา ร้าง รรค์ต่ ย ด ัฒนธรรม ที่เ มาะ มต่ ิถีค ามเป็น ยู่ในปัจจุบันและ นาคต ย่างยั่งยืนมั่นคง มรรคผลข งการ ร้าง รรค์งาน ัตถกรรม จะกลับ มา ู่การพัฒนาคุณภาพชี ิตและการ ึก าใ ้แก่ผู้คนในท้ งถิ่น มีการพัฒนาเ ร ฐกิจชุมชนและการท่ งเที่ย ที่ยั่งยืน เชียงใ ม่กับงาน ัตถ ิลป์ ร้าง รรค์ก็เปรียบเ มื นดังการปลูกต้นไม้แ ่งการ ร้าง รรค์ มีรากเ ง้าที่ ยั่งลึกล�าต้น แข็งแกร่งและมั่นคง กิ่งใบที่แผ่ไพ าล กด กผลที่เบ่งบานและเจริญง กงาม ืบต่ ไป
9
กิจกรรมครั้งที่ 4 ร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าปัก นั /เ ลาจัดกิจกรรม : ันเ าร์ที่ 28 ิง าคม 2559 ถานที่ : นิทรร การ ิลป ัฒนธรรม ม า ิทยาลัยเชียงใ ม่ จ�าน นผู้เข้าร่ ม บรม : 71 คน
ัตถุประ งค์ - ทดล งและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกลุ่มชาติพันธ์ - ค้น า ัตลัก ณ์ชาติพันธ์ ู่การ ร้าง รรค์พัฒนา ู่ ากล - เกิดค ามรู้ค ามเข้าใจใน ัตลัก ณ์ข งชาติพันธ์ในจัง ัดเชียงใ ม่ - ามารถน�าค ามรู้ที่ได้ไปพัฒนา ร้าง รรค์ ู่ผลิตภัณฑ์ใ ม่ๆ ได้ - เกิดแรงบันดาลใจในการ ร้าง าชีพ และเพิ่มมูลค่าจากรากเ ง้าทาง ัฒนธรรม
ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ทางโครงการได้ ร้างแรงบันดาลใจในการ ร้าง าชีพ โดยมีโจทย์ใ ้กับผู้เข้า บรม เป็นการน�าเ กลัก ณ์ข งการแต่งกายข งชาติพันธ์ในจัง ัดเชียงใ ม่ มา ร้าง รรค์ผลงานที่เป็นผลิตภัณฑ์ใ ม่ๆ โดย ยังไม่ลืม ัตลัก ณ์ดั้งเดิม เพื่ เป็นการต บ น งต่ ค ามต้ งการข งตลาด และเพิ่มมูลค่า ินค้า ซึ่งผู้เข้า บรม ามารถ กแบบผลิตภัณฑ์ กมาได้ ลาก ลายรูปแบบ ทั้งเครื่ งประดับตกแต่ง ิ่ง า� น ยค าม ะด ก ที่ยังคง เ กลัก ณ์ข งชาติพันธ์ได้ ย่าง ยงาม
10
กิจกรรมพิเ ที่จัดขึ้นร่ มกับ TCDC โครงการเตรียมค ามพร้ มเพื่ ขับเคลื่ นเมื งเชียงใ ม่เป็นเครื ข่ายเมื ง ร้าง รรค์ าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้านข ง งค์กร UNESCO (Chiang Mai City of Crafts and Folk Art) ร่ มกับ ูนย์ ร้าง รรค์งาน กแบบ เชียงใ ม่ (TDCD) จัดเ นาเกี่ย กับการพัฒนาเมื งไป ู่เมื ง ร้าง รรค์ โดยเชิญผู้เชี่ย ชาญจากเมื งไทเป และเมื งไจ ปูร์ จากภาครัฐ ภาค ิชาการและภาคปฏิบัติ มาร่ มแลกเปลี่ยนมุมม งและประ บการณ์การ นุรัก ์และการต่ ย ด พัฒนาเมื งใ ้เติบโตบนพื้นฐาน ัตลัก ณ์พื้นถิ่นข งเมื ง ันที่ 6 ธัน าคม 2559 เ ลา 13.30 - 17.00 ณ ิทยาลัย าชี ึก าเชียงใ ม่ (Chiang Mai Vocational College) ั ข้อการเ นาเรื่อง "Urban Development towards UNESCO Creative City & Crafts and Community” โดยมี ิทยากรจากทางโครงการ คื
1) Ms. Alice RuHwa Chiu เลขาธิการใ ญ่ ถาบันการจัดการทรัพยากรทางประ ัติ า ตร์แ ่งไต้ ัน 2) Dr. ShikhaJain เป็น นึ่งในคณะกรรมการในการประชุมมรดกโลกข ง งค์กร UNESCO เพื่ การ างแผน การ นุรัก ์มรดกทาง ัฒนธรรม ลาก ลาย 3) Dr. Min - Chin Kay Chiang ผู้ช่ ย า ตราจารย์จาก ถาบันบัณฑิต ึก า ถาปัตยกรรมและมรดก ัฒนธรรม และผู้ �าน ยการ ูนย์การ นและการเรียนรู้ม า ิทยาลัย ิลปะแ ่งชาติไทเป ประเท ไต้ ัน 4) Mr. Cho, Tzu-Lo ิลปินรุ่นใ ม่ที่ประ บค าม �าเร็จในการผ มผ านเทคนิคการท�าผ้าบาติกเข้ากับการ ย้ มคราม 11
ร มถึ ง งานเ นาที่ ่ า ด้ ยการพั ฒ นาและปรั บ ปรุ ง ชุมชนเมื ง ด้ ยงาน กแบบโดยเชิญ ิทยากรมาก ประ บการณ์ ผู้มีบทบาทในการ ร้าง รรค์และพัฒนาเมื งต่าง ๆ ทั่ โลก มาร่ มแลกเปลี่ยนค ามคิดเ ็น ันที่ 9 ธัน าคม 2559 เ ลา 14.00 - 17.00 ณ ิทยาลัย าชี ึก าเชียงใ ม่ Chiang Mai Vocational College ั ข้ การเ นาเรื่ ง Design and City "Urban Development and City Revitalization" โดย ิทยากร: Brian McGrath คณบดี School of Constructed Environments ถาบัน Parsons The New School of Design นิ ย ร์ก รัฐ เมริกา, James Grose ถาปนิกชา เตรเลีย ผู้ �าน ยการบริ ัท กแบบ ถาปัตยกรรม BVN Architecture ประจ�า า� นักงานในซิดนีย์, Emily Wang ผู้ า� น ยการ ถาบัน Taiwan Cultural & Creativity Development Foundation ประเท ไต้ ัน และ David Handley มีประ บการณ์ด้านการ จัดนิทรร การ ิลปะระดับนานาชาติมาก ่า 17 ปี
12
การ ึก าดูงานเมืองนิ เดลี เมืองไชยปุระ ประเท อินเดีย ซึ่งเป็น มาชิกเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ของ UNESCO จากการพูดคุยโดยที่ปรึก าโครงการกรรมการตร จรับงานเครื ข่ายและผู้แทนจาก งค์การบริ าร ่ น จัง ัดเชียงใ ม่ ณ New Delhi : Crafts Museum จากการ ึก าดูงานภายในเมื งเดลี เมื งไชยปุระ ใน ันที่ 15 – 21 มกราคม 2560 ได้มาซึ่งข้ มูลที่เป็น ประโยชน์ ันจะ ่งผลต่ การน�าข้ มูลมาประยุกต์ใช้กับเมื งเชียงใ ม่ภายใต้โครงการขับเคลื่ นเมื งเชียงใ ม่ ู่เมื ง ร้าง รรค์ข ง งค์กร UNESCO าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน โดย ามารถแยกประเด็นได้ดังนี้ 1. ประเด็นทางด้านการจัดการภายใต้ค ามร่ มมือของเครือข่าย 2. ประเด็นทางด้านการ ึก าและการเข้าถึงข้อมูลทางด้านงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน 3. ประเด็นทางด้านการพัฒนางานทาง ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน 4. ประเด็นทางด้านการ ่งเ ริมการตลาดและการจัดแ ดงงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน
13
14
รุปประเด็นจากการ ึก าดูงานเมืองนิ เดลี เมืองไชยปุระ ประเท อินเดีย ซึ่งเป็น มาชิกเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ของ UNESCO ประเด็นที่ 1 : ประเด็นทางด้านการจัดการภายใต้ค ามร่ มมื ข งเครื ข่ายในการขับเคลื่ น ู่เมื ง ร้าง รรค์ ข ง งค์การยูเน โก าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน (UNESCO)
จากการที่ได้ประชุมร่ มกับ น่ ยงานจากประเท ินเดีย ซึ่งมี น่ ยงานที่ใ ้การต้ นรับและแลกเปลี่ยน ค ามรู้ร่ มถึงการแนะน�ากระบ นการในการเป็นเมื ง ร้าง รรค์ าทิ The World Monuments Fund in India, Archaeology Survey of India, Culture Dot of State Gov’t of Rajastan ร่ มถึง น่ ยงานจากภาครัฐ ถาบัน การ ึก า นัก ิชาการ นัก ึก า และ ผู้ผลิตงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้านจากประเท ินเดีย ท�าใ ้ได้มาซึ่ง แน ทางการ ร้างนโยบายข งการท�างานข งเมื งเชียงใ ม่ ดังนี้
การ ร้างนโยบายในการค้น า ร บร ม และจัดเก็บข้ มูลข งงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน โดยเริ่มต้น จากการ าข้ มูลชุมชน ัตถกรรมที่ ยู่ในเมื งเชียงใ ม่ ู่การปฏิบัติการในการร บร มข้ มูล และลงมื ค บคุมดูแล ทางการปฏิบัติงาน ย่างต่ เนื่ ง และมีการตร จ บนโยบายนั้นๆ ร มถึงปรับเปลี่ยนใ ้ ดคล้ งกับ ภาพการณ์ ข งชุมชนและเมื งเชียงใ ม่ 15
ทั้งนี้การที่จะได้มาซึ่งเมื ง ร้าง รรค์ข ง งค์การยูเน โก (UNESCO) าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน ต้ งได้รับค ามร่ มมื จากทุกภาค ่ น และต้ งเป็นการ ร่ มมื กัน ย่างต่ เนื่ ง และต้ งใช้ระยะข งเ ลาด�าเนินงานค่ นข้างยา นาน ีกทั้ง ระ ่างการร่ มมื นั้น ต้ งมี ิ ัยทั น์ ินเดีย ัน นึ่ง ันเดีย กัน มีเป้า มายที่ชัดเจน ร่ มกัน และพัฒนา งค์กรไปพร้ มๆ กัน ตั ย่าง นึ่งข งทาง ินเดียที่น่าจะ ่งผล ประโยชน์กับทางเชียงใ ม่ได้นั้น คื การที่ใ ้คุณค่า และค าม �าคัญข งช่าง รื ผู้ ผลิตงานและน�าค ามรู้จากบุคคลเ ล่านั้น มาร บร มกับข ง งค์กรภาครัฐ และมี การก�า นดนโยบายร่ มกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานการ ร้างการมมี ่ นร่ มที่ยั่งยืน
16
17
ประเด็นที่ 2 : ประเด็นทางด้านการ ึก าและการเข้าถึงข้ มูลทางด้านงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน
ันเนื่ งจากข้ แนะน�าและการแลกเปลี่ยนประ บการณ์จาก น่ ยงานข ง ินเดียพบ ่ากระบ นการ แรกและเป็นกระบ นการ ัน �าคัญและเป็นพื้นฐาน ันจะ ่งผลต่ เนื่ งในการท�างาน คื การ ึก าและการเข้า ถึงข้ มูลการด�าเนินงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน ซึ่งจะท�าใ ้ทราบถึงข้ มูลทางภูมิ า ตร์ (GI : แ ล่งบ่งชี้ ทางภูมิ า ตร์) ภาพที่ตั้ง ันเป็นเ ตุผลใ ้เกิดการ ร้างงาน ัตถกรรม ันจะมี ัติลัก ณ์ที่แตกต่างและ ร้าง ค ามโดดเด่นใ ้แก่งาน การร บร มข้ มูลดังกล่า นี้ต้ งพยายามเข้าถึงแ ล่งนั้นๆ ่า มี ัตถุดิบประเภทใดบ้าง เกิดขึ้นเ งตามธรรมชาติแล้ มีการ ร้างทดแทน รื ไม่ตล ดจน ต้ ง า ัย ัตถุดิบจากที่ ื่นมา ร้างงานด้ ย รื ไม่ ซึ่งจากข้ แนะน�าดังกล่า เราได้นา� มาประยุกต์ใช้กับเมื งเชียงใ ม่ในแง่มุมข งการริเริ่มท�าแผนที่ทาง ัฒนธรรม (Cultural Mapping) โดยที่ใ ้ได้น�าข้ มูลเดิมจากที่เคย ึก าไ ้เมื่ 3 ปีที่แล้ ตล ดจนข้ มูลจาก ภาคีและเครื ข่ายต่างๆ มาร บร มจัดเก็บ และ ร้างกิจกรรมทาง ัฒนธรรม ย่างต่ เนื่ ง ซึ่งจะท�าใ ้เกิดการ เรียนรู้ร่ มกัน เกิดการท�างานร่ มกัน เกิดการพัฒนางานร่ มกัน ตล ดจนเกิดการจัดนิทรร การและการจัดแ ดง งานร่ มกัน เพื่ ใ ้ได้มาซึ่งค าม า� เร็จในการขับเคลื่ นเมื งเชียงใ ม่เป็นเมื ง ร้าง รรค์ข ง งค์การยูเน โก (UNESCO) น กเ นื จากการ ึก าและการเข้า ถึงข้ มูลทางด้านงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้น บ้านนั้น ยังมีค ามจ�าเป็นที่ทาง ินเดีย ิถี แนะน�า ในแง่มุมที่จ�าด้ ยการ “ นับ นุน” จาก น่ ยงานที่ เ ป็ น เครื ข่ า ยทั้ ง ภาครั ฐ เ กชน และ ถาบันการ ึก า ย่างต่ เนื่ ง เพื่ ผล ัมฤทธิ์ทางการขับเคลื่ นโครงการ
18
19
ประเด็นที่ 3 : ประเด็นทางด้านการพัฒนางานทาง ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน (การ ร้างคุณค่า ู่มูลค่าทางเ ร ฐกิจ) การพัฒนางาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน ามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทย่ ย คื “การพัฒนาคน” และ “การพัฒนางาน” ซึ่งทั้ง 2 ่ นที่ต้ งมีการด�าเนินงานค บคู่กัน โดยมุ่งเน้นที่เป้า มายและการก�า นดทิ ทางใ ้ ดคล้ งกันเพื่ ใ ้ได้มาซึ่งการ ร้างคุณค่า ู่มูลค่าเพิ่มทางเ ร ฐกิจ ข งเมื งเชียงใ ม่ในประเด็นนี้ทาง ินเดียได้ยก ตั ย่างทางด้านการพัฒนาคนไ ้ ่า คนคื บุคคลที่มีคุณค่าในการ ร้าง รรค์ผลงาน ค รได้รับการพัฒนาที่ได้ งค์ค าม รู้ การพัฒนาเชิงการผลิต และการพัฒนาทางด้านเ ร ฐกิจ และที่ �าคัญค รได้รับการฝึกฝน ืบท ด ถ่ายเท งค์ค ามรู้ จากรุ่น ู่รุ่นใ ้ได้มากที่ ุด ันจะเป็นการพัฒนาที่ต่ เนื่ งและยั่งยืน เช่น เดีย กันในตั ย่างทางด้านการพัฒนางาน ต้ งมีการเรียนรู้จากรากเ ง้า พื้นฐานทาง ังคม ัฒนธรรมซึ่งเป็นคุณค่าที่ ามารถ ะท้ นใ ้เ ็นถึงค ามมั่งคั่งทาง ัฒนธรรม น กเ นื จากนั้นต้ ง า ัยการใช้ า ตร์ ื่นๆ เข้ามาร่ มพัฒนา าทิ ด้าน ิทยา า ตร์ ด้านเทคโนโลยี เพื่ แก้ไขปัญ า ร้างค ามยั่งยืน และต่ ย ดทางด้านเ ร ฐกิจ
จากตั ย่างและข้ เ น แนะ ร่ มถึงกระบ นการข้างต้นที่กล่า มานั้นเป็นพื้นฐานที่จะ ามารถพัฒนา ู่การ ร้างมูลค่าเพิ่มทางเ ร ฐกิจ ันเป็นช่ งทางการ ร้างรายได้แก่ผู้ผลิต ชุมชน ังคมและเมื งซึ่งก็มีเครื่ งมื นัง ื “การท่ งเที่ย ” เข้ามาท�าใ ้เกิดผลที่ชัดเจนมากขึ้น ันจะท�าใ ้เ ็นถึงภาพพจน์ข งค�า ่า “ ินค้าทาง ัฒนธรรม” ได้ ย่างเป็นรูปธรรม
20
21
ประเด็นที่ 4 : ประเด็นทางด้านการ ่งเ ริมการตลาด และการจัดแ ดงงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน
งาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน มีค ามจ�าเป็นต้ งได้รับการ ่งเ ริมในเรื่ งข งการตลาด ันเนื่ งจากเป็น ิ่งที่ช่ ยในการ ร้างรายได้ใ ้แก่ผู้ผลติ ชุมชน ังคม และ เมื ง งาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้านถื ได้ ่าเป็น “ ินค้า ทาง ัฒนธรรม” การนี้ทางภาครัฐและเ กชน ร มถึงเครื ข่ายภาคีต่างๆ ต้ งมุ่ง ร้างแผนงานและแน ทางในการ ่ง เ ริมการตลาดแก่ผู้ผลิต ซึ่ง ินค้าทาง ัฒนธรรมนี้มีพื้นฐานมาจากทุนทาง ัฒนธรรมข งเมื ง การ ่งเ ริมในลัก ณะ การเข้าถึง ทั้งนี้ที่ชุมชน รื แ ล่งผลิตโดยไม่ผ่านคนกลาง ยัง ามารถ ่งผลใ ้แง่มุมม งข งการเรียนรู้เ ้นทาง ทาง ัฒนธรรมเรียนรู้ค ามเป็น ยู่ ิถีชี ิตข งชุมชน มีการเข้ามาข งนักท่ งเที่ย เกิดการกระจายรายได้ ู่ท้ งถิ่น มคุณค่า และเป็นช่ งทางการ ร้างมูลค่าจากการขาย ซึ่ง าจจะเป็นการจัดในรูปแบบข งการจัดนิทรร การ (Exhibition) การจัดแ ดง ินค้า (Fair) การจัดเท กาลงานประจ�าปี (Festival) ทั้งใ ้ต้ งได้รับการ นับ นุน ย่างต่ เนื่ ง มีการประชา ัมพันธ์ ร มถึงได้ใ ่รายละเ ียดเพื่ ใ ้เกิดประโยชน์ ูง ุดแก่ทุกฝ่าย ันจะ ่งผลใ ้ ินค้าทาง ัฒนธรรมรู้จัก ย่างแพร่ ลาย
22
23
Jaipur Literature Festival เป็นเท กาลเกี่ย กับงาน รรณกรรม และ ัฒนธรรมที่จัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 เป็นเท กาลที่ได้รับ ค าม นใจจากนักเขียนและผู้คนจากทั่ โลกเป็นจ�าน นมาก ผู้ที่มาร่ มงาน ามารถ พบปะพูดคุย เรียนรู้ และพัฒนาทัก ะจากนักเขียน ร มถึงงานเขียนต่างๆ มากมาย - บุคคลทั่ ไป ามารถพบปะกับนักเขียนชื่ ดังที่พ กเขาชื่นช บได้ในเท กาลนี้ - นับ นุนการขับเคลื่ นข งเยา ชนผ่านงาน รรณกรรม - เป็นโ กา ที่จะได้ ัมผั กับ lifestyle ข งนักเขียนและ ิลปินนานาชาติ - เป็นพื้นที่แ ดงงาน ิลปะที่เป็นเ กลัก ณ์ข ง Jaipur
24
รายงานการเข้าร่ มประชุม ัมมนาเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ ขององค์การ UNESCO ณ เมืองปอร์โต ประเท โปรตุเก
Protugul (Proto)
25
ปอร์โต้ เมื งที่ใ ญ่ ันดับ
งข งประเท โปรตุเก (ร งจากกรุงลิ บ น) ตั้ง ยู่ทางต นเ นื ข งประเท จาก ค าม �าคัญด้านประ ัติ า ตร์ในการเป็นเมื งท่า ูนย์กลางการค้าที่เก่าแก่ข งยุโรปและข งโลก และด้ ยค ามที่เป็นเมื งท่า เก่าแก่ เป็นตลาดค้าขายมาตั้งแต่ ง ามร้ ยปีก่ น และมรดก ัฒนธรรม ันทรงคุณค่ามากมาย จึงท�าใ ้เมื งป ร์โต้มีการ พัฒนาพื้นที่ริมน�้า เพื่ ่งเ ริมบทบาทในการเป็นเมื งท่าที่ �าคัญ โดยเมื งเก่าแ ่งนี้ ตั้ง ยู่ริมแม่น�้าโดรู (Duoro) ซึ่งผ่ากลาง เมื งในท�าใ ้เมื งถูกแบ่ง กเป็น 2 ฝั่ง โดยมีบริเ ณเมื งเก่า ยู่ทางฝั่งแม่น�้าด้านทิ เ นื และเมื ง มัยใ ม่ ยู่ทางด้านทิ ใต้ โดยทั้ง งฝั่งเชื่ มกันด้ ย ะพาน ด ม ลุย ์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) ซึ่งเป็น ถานที่ท่ งเที่ย ที่มีชื่ เ ียง เมื งป ร์โต้เป็นเมื งท่าและ ูนย์กลางการค้าโบราณทางเ นื ข งประเท โปรตุเกตุ ตั้ง ยู่ในลุ่มแม่นา�้ ดูโรที่ไ ลลง ู่ ม า มุทรแ ตแลนติกเป็นเมื งที่มีแ ล่งมรดกโลก ยู่ งแ ่งซึ่งมีค าม ดคล้ งกับงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน คื ลาน ประ ัติ า ตร์และย่านเมื งเก่าที่มี าคารโบราณ เช่น โบ ถ์ ิ ารและบ้านเรื น มี ะพานเก่าแก่ ไตล์เ ล็กเปลื ยแบบ ไ เฟล ในปารี และได้รับการ นุรัก ์และดูแลใช้ประโยชน์ต่ เนื่ ง ีกแ ่ง นึ่งคื ภูมิทั น์ไร่ งุ่นบนแน เขาที่ปลูก งุ่นร านเพื่ น�า มาท�าไ น์ งุ่นที่เรียก ่าPort Wine ่ง กไปขายทั่ โลก การจัดการพื้นที่ริมน�้าข งป ร์โต้จะเน้นที่การดึงบรรยากา เก่าดั้งเดิมข งเมื งท่าโบราณมาใช้โดยย่านริมน�้าในเขตเมื ง เก่าจะได้รับการพัฒนาใ ้เป็นร้าน า ารและแ ล่งท่ งเที่ย ทั้งยังคงรัก าเ กลัก ณ์ข งรูปแบบ ถาปัตยกรรมดั้งเดิมเ าไ ้ และมีการดัดแปลงใ ้ร่ ม มัยบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป ท�าใ ้ภาพร มข งเมื งแ ่งนี้ยัง ามารถคงเ กลัก ณ์ข งย่านเก่าเ าไ ้ ได้ ด้ ยเ ตุนี้จึงท�าใ ้ย่านเก่าข งเมื งป ร์โต้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก งค์การ UNESCO เมื่ ปี ค. .1996 กลาย เป็น ีก นึ่งเมื งที่มีพื้นที่ริมน�้า ันมีเ น่ ์
26
การบริ ารจัดการเมือง เมื งแ ่งนี้มีการบริ ารจัดการเมื งผ่านเท บัญญัติ ทั้งเรื่ ง ี รูปแบบ าคาร ด้าน น้าข ง าคารที่มีค ามผ ม กลมกลืนกับแบบดั้งเดิมใ ้ ยังคงรัก าเ กลัก ณ์ข งรูปแบบ ถาปัตยกรรมดั้งเดิมเ าไ ้ และมีการดัดแปลงใ ้ร่ ม มัยบ้าง แต่ไม่มากจนเกินไป ในเขตเมื งประ ัติ า ตร์มีการติดป้ายมรดกโลกติด ไ ้ และ มีค�า ธิบายค าม �าคัญข งถนน รื ถานที่ใน มัย โบราณแม้ ป ั จ จุ บั น จะมี ร ้ า นขายข งที่ ร ะลึ ก ลาก ลาย ประเภทก็ท�าใ ้ ดคล้ งกับ ิลปะและงาน ัตถกรรมข ง เมื งที่มีมาแต่ ดีต เช่น เครื่ งถ้ ยชาม รื กระเบื้ งโมเ ก เขียน ีน�า้เงิน มีล ดลายดั้งเดิม ประดับตาม าคาร เช่น ถานี รถไฟย่านกลางเมื ง มีกระเบื้ งโมเ กประดับภายในเป็นเรื่ ง รา ชี ิตข งชา ป ร์โต้ ใน มัย ดีต
27
น กจาก าคารแล้ มุมม งทาง ายตาก็เป็น ีก ิ่งที่ �าคัญ ป ร์โต้จึงมีการจัดการพื้นที่ริมน�้าดูโร แม่น�า้ใ ญ่ที่ ล่ เลี้ยงชี ิตและน�ามาซึ่งค ามมั่งคั่งข งชา ป ร์โต้ โดยเน้นที่การ ดึงบรรยากา เก่าดั้งเดิมข งเมื งท่าโบราณมาใช้ โดยย่านริมน�้า ในเขตเมื งเก่าจะได้รับการพัฒนาใ ้เป็นร้าน า ารและแ ล่ง ท่ งเที่ย ท�าใ ้ภาพร มข งเมื งแ ่งนี้ยัง ามารถคงเ กลัก ณ์ ข งย่านเก่าเ าไ ้ได้ ด้ ยเ ตุนี้จึงท�าใ ้ย่านเก่าข งเมื งป ร์โต้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก งค์การยูเน โก เมื่ ปี ค. .1996 กลายเป็น ีก นึ่งเมื งที่มีพื้นที่ริมน�้า ันมีเ น่ ์ ถนนเลียบชายฝั่งแม่น�า้ภูมิทั น์ ัฒนธรรมทั้ง งฝั่งได้ รับการคุ้มคร งรัก าไม่ใ ้มีทั น ุจาดมาบดบัง และ แม่นา� ้ก็ใ ะ าด ยงามซึ่งยังคงรัก าธรรมชาติและ ิ่งแ ดล้ มได้ ย่างดี มีนกนางน ลมา ากิน มีชมรมนักตกปลามาร มตั กันรัก บรรยากา เมื ง โดยใช้เรื ประมงแบบดั้งเดิม รื ดัดแปลงแต่ ใ ้คงค ามเป็นเ กลัก ณ์ ิธีการท่ งเที่ย เมื ง ามารถท�าได้ทั้งการเดิน ใช้รถ บั รถราง รถจักรยาน รถไฟฟ้า รื แม้แต่การใช้เ ลิค ปเต ร์
28
ปอร์โต้กับไทยเชื่อมโยงกันอย่างไร เป็นที่ทราบกัน ่าโปรตุเก เป็นประเท แรกที่เข้ามาเจรจา ัมพันธไมตรีกับไทยตั้งแต่ มัยกรุง รี ยุธยา ใน ค. .1511 ในรัช มัย มเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ขณะปิดล้ มเมื งท่ามะละกาใน พ. . 2054 มะละกาเคยเป็นเมื งขึ้นข งกรุง รี ยุธยา การค้าขายชายฝั่งระ ่างกรุง รี ยุธยากับพ่ ค้าจีนและ ินเดียใ ้ผลต บแทน ูงมาก. ต่ มาใน ค. .1516 เมื่ ดาลบูเค ร์คได้ จัด ่งทูตที่มี �านาจเต็มมาจากพระเจ้ามานูแ ล ที่ 1 ( Rei D. Manuel I ) แ ่งโปรตุเก คื ดู าร์เต โกเ โย่ (Duarte Coelho) เพื่ มาท�า ัญญาพันธไมตรีกับ ยุธยา ย่างเป็นทางการ ซึ่งทาง ยุธยาเ งก็ใ ้การต บรับ ย่างดี โดยมีนัยยะ า� คัญแ ่ง นธิ ัญญาเป็นไปเพื่ การค้าและการเผยแพร่ า นา กล่า คื ยุธยาจะใ ้ค าม ะด กและ ิทธิพิเ ต่างๆ ทางการค้า ต่ พ่ ค้า ชา โปรตุเก ที่มาค้าขาย ยู่ในกรุง รี ยุธยาและเมื งท่าต่างๆ และย มใ ้ชา เมื งที่ ยู่ในกรุง รี ยุธยาไปท�ามาค้าขายที่เมื ง มะละกาได้ ่ นโปรตุเก ก็จะช่ ย า ินค้าที่ไทยต้ งการ เช่น า ุธปืนและกระ ุนดินด�าใ ้ ยุธยา และใ ้ปฏิบัติกิจทาง า นา ได้ ย่างเ รี นธิ ัญญาฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่ไทยท�ากับประเท ตะ ันตก เมื่ โกเ โย่จะเดินทางกลับ ทาง ยุธยาก็จัด ่งทูตตาม ไปเพื่ ถ ายพระราช า น์ต่ พระเจ้า มานูแ ล ที่ 1 ีกด้ ย ปัจจุบันป ร์โตพัฒนาตั เ งขึ้น ย่าง ร้าง รรค์ ลายด้าน โดยมีการ างนโยบายที่พบ ได้แก่ 1. เมื งป รโต้มีนโยบายเมื งในจัดประชุมนานาชาติ ลายครั้ง โดยในปี 2560 มีก�า นดจัดประชุมนานาชาติ ประมาณ 15 ครั้ง ซึ่ง มีโครงการด้านเมื ง ร้าง รรค์ โดยร่ มมื กับม า ิทยาลัยป ร์โต้จัดประชุมเมื ง ร้าง รรค์นานาชาติครั้งที่ 5 2. มีแ ล่งมรดกโลก 2 แ ่ง คื ก) เมื งประ ัติ า ตร์ป ร์โต้และเขตกันชนทั้ง งฝั่งแม่น�า้ ข) ภูมิทั น์ ัฒนธรรมข งภูมิภาคเ ล้า งุ่นลุ่มแม่น�า้ป ร์โต
29
25 มกราคม 2560 พิธีเปิดการประชุมครั้งนี้ซึ่งมีบุคคล �าคัญข ง งค์การ UNESCO เมื งและม า ิทยาลัยป รโต้มาเข้าร่ มงานและมี การบรรยายพิเ โดยนายฟรานซิ โก บันดารินเคยเป็นผู้ �าน ย การ ู น ย์ ม รดกโลกและเลขานุ ก าร นุ ั ญ ญามรดกโลกข ง งค์การ UNESCO และ ปัจจุบันยังท�า น้าที่ผู้ช่ ยผู้ า� น ยการ ใ ญ่ด้าน ัฒนธรรมข ง งค์การ UNESCO การบรรยายมี ลายประเด็นเชื่ มโยงใน ลาก ลายมติ เช่น ผู้บรรยายเป็นนักโบราณคดีจึงเชื่ มโยง ิ่งที่ขุดค้นได้ใน ลุม เตาเผาเครื่ งถ้ ยชาม ีด�ากับเครื่ งมื ที่ค้นพบ ยังทิ้งค�าถามไ ้ ่าการใช้ประโยชน์เครื่ งถ้ ยชาม ีด�าาใน ังคมปัจจุบันจะมีที การใช้ รื กลับมา ย่างไรจาก ดีต เพราะการฟื้นฟูการผลิตเครื่ งปั้นดินเผา ีด�าซึ่งครั้ง นึ่งเคยใช้กันทั่ ไปแต่เลื น ายไปร ดเร็ จึงใช้ยุทธ า ตร์จน ต้ งการน�าเ น ไปขึ้นบัญชีมรดกที่จับต้ งไม่ได้ข ง งค์การ UNESCO ในประเภท Urgent List ันมีค าม า� คัญ ย่างยิ่ง ต่ การพัฒนาเมื งในด้านงาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน คุณบันดารินเชิญช นใ ้ ่านเ ก าร ิจัยข งยูเน โก กมาเมื่ ปี 2016 ดา โ ลดได้ฟรี ่านจาก ารบัญจะเ ็น ค าม �าคัญและค ามก ้างข างข งเนื้ าซึ่งเกี่ย ข้ งกับเป้า มายที่ ๑ ๑ข งเป้ า มายการพั ฒ นา ย่ า งนั่ ง ยื น ข ง ประชาชาติด้ ย
30
การบรรยายโดยนักโบราณคดี
ภาพการค้าขายเครื่ งปั้นดินเผาใน ดีต
31
น กจากนี้ยังกล่า ถึงเครื ข่ายเมื ง ร้าง รรค์ทั้ง 7 าขาข ง งค์การ UNESCO ซึ่งเขื่ มโยงกับการ ่งเ ริม ัฒนธรรมและการพัฒนาทาง ังคมเ ร ฐกิจข งเมื ง และ คนในเมื งด้ ย ไม่ ่าจะเป็นด้าน า าร ด้านดนตรี ด้านภาพยนตร์ ด้าน รรณคดี ล้ นเชื่ มโยงกับ ุต า กรรมทาง ัฒนธรรมและ ุต า กรรมดิจิตัลด้ ย และ ยังเชื่ มโยง กับ นุ ัญญา1972, 2003 และ 2005 ข ง งค์การ UNESCO ซึ่งมีผลผูกพันในระดับนโยบายข งประเท ที่เป็นภาคีทั้ง ิ้น ดังนั้นเครื ข่ายเมื ง ร้าง รรค์ข งยูเน โกตึ กลายเป็นเครื ข่าย ้ งปฏิบัติการทดล งด้าน ัฒนธรรมและการ ร้าง รรค์ และการเขื่ มโยง ัมพันธ์ข งเครื ข่ายเมื ง ีกด้ ยทั้งนี้เพื่ ช่ ยช่ ยเ ลื ซึ่งกันและกันใ ้ใกล้ชิดมากขึ้นทั้งมนระดับ ท ิภาคี คื ระ ่างเมื ง งเมื ง รื ในระดับพ ุภาคีด้ ย
32
26 มกราคม 2560 เ นาใน ั ข้ City Branding ผู้พูดคนแรกมา จาก Bloom Consulting ถาม ่าะไร คื แบรนดิ้งข ง เมื ง?ถ้าต บได้แล้ ก็ต้ งมี strategy จะมีแบรนด์ด้าน ไ น? เช่นในด้านที่ท่ งเที่ย ด้านกี า ด้านการ ึก า ด้าน า าร แต่ต้ งมีต้นทุน ยู่ในด้านนั้นๆ เพื่ จะน�ามา ร้าง แบรนด์และในยุคนี้ ใน นาคต และ าจใช้งานทางดิิจิตัล ต้ งค้น า นไลน์ได้
มีนัก ิจัยจากปากี ถานท�าการ ิจัยจากเ ก าร และการท�างานภาค นามในเมื ง 4 เมื งที่ถูก ังกฤ เข้า คร บคร งระ ่าง 1849-1947 และ ังกฤ ได้ ร้าง รรค์ เมื งแบบcolonial cities เพื่ ปกคร งได้ ะด ก มีเขต ท าร มีเขตพลเรื น ยู่ า ัยและมีย่านการค้า เมื ง ทั้ง4เมื งมีโครง ร้างเมื งเ มื นกันรา กับพิมพ์เดีย กัน และยังมีลัก ณะนี้ ยู่จนถึงปัจจุบัน การ ร้างเมื งข ง ั ง กฤ ในยุ ค นั้ น ท� า ใ ้ ลั ก ณะโครง ร้ า งข งชุ ม ชนใน ปากี ถานเปลี่ยนไป ย่างมากจนถึงทุก ันนี้
นัก ิจัยจากฝรั่งเ เ น แน คิดเรื่ งHeritage in Action ในบริบทข งเมื งร่ ม มัย เธ ตั้งค�าถาม ่า ท�าไม เมื งจะต้ งการที่จะเป็นเมื ง ร้าง รรค์? มรดก ัฒนธรรม เก่าจะมีคุณค่าได้ ย่างไรใน ิธีที่แปลดใ ม่ไปก ่าเดิม? โดย เ น มุมม งทางนโยบายในฝรั่งเ ที่การ ร้าง รรค์บท บาทใ ม่ๆใ ้มรดก ัฒนธรรมเก่าแก่ช่ ยเพิ่มมูลค่าทาง เ ร ฐกิจ เช่นเพิ่มงานและรายได้ใ ้ประชาชนด้ ย
33
และยังมีการน�าเ น เรื่ งArtistic intervention on public space ซึ่งเป็นการ ร้างแรงขับเคลื่ นนานาชาติด้ ย โดยเ น แน คิดที่ข ยืมมาจาก Platform 4Uk และจาก Korea Street Art Center มา ร้างแน ทางการร่ มมื นานาชาติ ในโปรตุเกตุ ช่ งบ่าย เป็นการเ น งาน ิจัยข งเม็กซิโก ที่ม ง ่าเมื งทุกเมื งมีภาพลัก ณ์ข งตั เ ง และเธ เ น การใช้ ประโยชน์ข งพื้นที่บนลานก ้างข งเมื งเม็กซิโกซิตี้ ( Zocalo) เพื่ ร้างเ ทีทาง ิลปะ ัฒนธรรม แต่ขณะเดีย กันก็ใช้เป็น พื้นที่ ิพาก ์ ิจารณ์นโยบายข งรัฐบาลไม่ ่าจะเป็นในด้านการเมื ง ด้าน ังคม และด้าน ิลป ัฒนธรรมไปด้ ย
การ ิจัยข งนัก ิจัยจากเ ปน เป็นการถ ดร ั เรื่ งรา ข ง มู่บ้าน รื เมื งเล็กๆชื่ Samosในเ ปนที่เคยเป็น ชุมชนทางประเพณีและ า นา แค่พ มีการ ร้างถนนใ ม่ก็ทา� ใ ้ ิถีชี ิตข งเมื งและคนในเมื งถูกกระทบและเปลี่ยนแปลง ไป ย่างถา ร การ ิจัยร่ มข งม า ิทยาลัย ามแ ่งในบราซิลที่ม งการ กแบบ ร้าง รรค์และการใช้ประโยชน์พื้นที่ าธารณะ (public space) เช่นพิพิธภัณฑ์และ ิลปะในยุคปัจจุบัน โดยค�านึงถึงค ามเป็นร่ ม มัย ค ามทรงจ�าที่ ังคมมีร่ มกัน และ การเข้ามาร่ มใช้ประโยชน์ข ง มาชิกทุกเพ ทุก ัยใน ังคมปัจจุบัน
34
การ ิจัยจากนัก ิจัยชา ิตาเลียน งคนที่ได้ ิจัยกรณีฟื้นฟู ร้างพัฒนาเมื งเนเปิ้ลขึ้นมาใ ม่ ลังถูกท�าลายใน งครามโลกเป็นการ ิจัยที่ ึก ามุมม งจากมุมการเมื ง. ปรัชญา การ างผังเมื ง และ การ นุรัก ์ในยุคต่างๆ ลัง งคราม การ ิจัยที่ งมาจากนัก ิจัยชา บราซิลผู้ได้ ึก าชุมชน ลัมแ ่ง นึ่งในโคล มเบียที่เป็นที่ทิ้งขยะและมีปัญ า ังคม ุขภาพและการเมื ง แต่ได้มีการแก้ไขฟื้นฟูชุมชนได้ �าเร็จ การเ น ผลงาน ิจัยนานาชาติเกี่ย กับเมื งในลัก ณะต่างๆ ภายใต้ ั ข้ “การฟื้นฟู ร้าง ิ่งที่ ูญ ลายไปแล้ ขั้น มาใ ม่” การ ิจัยชิ้นแรกเป็นการ ิจัยการ ึก าเมื งเก่าในโปรตุเกตุที่ได้รับการปกป้ งคุ้มคร งไ ้ แต่เป็นเมื งที่พัฒนา เปลี่ยนแปลงมาตล ดในยุคต่างๆ เลื ก ิจัยโบ ถ์โรมันเน ค์โดยใช้ ลักฐานรูปปเขียนเก่า แผนที่เมื งเก่าและจด มายเ ตุ โบราณมาช่ ยในการ ิจัยทางโบราณคดีและ ร้างรูปแบบโบ ถ์ที่ ายไปแล้ กลับขึ้นมาใ ม่
35
27 มกราคม 2560 นั ก ิ จั ย ชา ิ ต าเลี ย นเ น บท ิ จั ย เรื่ งบทบาทข งตลาดต่ การ พัฒนาทาง ังคม ัฒนธรรมข งเมื งบทบรรยายข งเธ เน้นตลาดในนครฟล เร้ น ซ์ ซึ่ ง มการพั ฒ นาเปลี่ ย นแปลงโฉมไปมากมายใน ลายช่ งข ง ประ ัติ า ตร์โดยเฉพาะในกลาง ต รร ที่ 19 เมื่ ฟล เรนซ์เป็นเมื ง ล ง ข ง ิตาลี่ และมีการปรับปรุงเมื งใ ้ ะ าดมี ุข นามัยดี ตลาดที่ปรับปรุงใน ยุคนั้นโดยเฉพาะซานเรนโซมีค าม ยงามแบบแช่แข็ง จนกระทั่งมีการปรับ เปลี่ยน ีกครั้ง นึ่งท�าใ ้ตลาดซานโลเรนโซมีค ามงามทาง ิลปะ ัฒนธรรม และมีประโยชน์ใช้ ยทาง ังคมเ ร ฐกิจจนถึงทุก ันนี้ การบรรยายใน ั ข้ เรื่ ง มรดกที่รับตกท ดมาแต่โบราณเรื่ งแรก คื เรื่ งมรดกโลกแ ่งแรกข ง Cape Verde คื แ ล่งโบราณคดีข งเมื งค้า ทา มรดกโลกที่เรียก ่า Cidade Velha บนเกาะ Santiago ใน Cape Verde ซึ่งเคยเป็นเมื งขึ้นข งโปรตุเกตุ และนับ ่าเป็นเมื งขึ้นแ ่งแรกข งตะ ัน ตกในแถบทร้ ปิค มีการขุดค้นทางโบราณคดีท�าใ ้เ ็นป้ มปราการถนน. โบ ถ์และลานเมื ง ที่เป็นประจัก ์พยานข งกิจกรรมข งผู้เข้าคร บคร งบน เ ้นทางการค้าข้ามม า มุทรแ ตแนติคในยุคโบราณ เป็นแ ล่งก�าเนิดข ง ัฒนธรรมเครโ ลCreole ข ง ลาก ลายเชื้ ชาติ นับ ่าเป็นแ ล่งโบราณคดี ที่มีค าม �าคัญทางค ามทรงจ�าร่ มกันในโลก การบรรยายนี้มาจากบริ ัท Nonverbal เ น ค ามคิดเรื่ ง rebranding ซึ่ง กแบบมา ไม่ ใช่ เ พี ย งเพื่ แก้ ป ั ญ าข ง งค์ ก ร รื เมื ง เท่านั้นแต่เพื่ ตั้งค�าถามที่ถูกต้ งและน�าไป ู่ค าม คิ ด ที่ ชั ด เจนในการ กแบบเพื่ ื่ ารการ rebrand ใ ้ลูกค้าด้ ย ตั ัก ร รื ฟ้ นท์ ที่ใช้ เ น ข้ ค าม รืเรื่ งรา ก็ต้ ง กแบบใ ้ ื่ าร ัติลัก ณ์ใ ม่ตามที่ต้ งการด้ ย
36
ค ามคล้ายคลึงกันระ ่างเมืองเชียงใ ม่กับปอร์โต้
เมื งเชียงใ ม่และป ร์โต้มีค ามคล้ายคลึงกัน คื 1.เป็นเมื งประ ัติ า ตร์ทางเ นื ข งประเท ที่ไม่ใช่ เมื ง ล งแต่มีค าม �าคัญทางการค้าและ า นามาแต่โบราณ 2.มีม า ิทยาลัยเก่า(ม า ิทยาลัยป ร์โต้ตั้งมานานก ่า 100 ปี) และมีโครงการนานาชาติ ร งรับการพัฒนาข งเมื ง 3.ป ร์ โ ต้ เ ป็ น เมื งมรดกโลกมี เ ขตเมื งเก่ า ประ ัติ า ตร์ มีภูมิทั น์ ัฒนธรรมเ ล้า งุ่น มีภูเขารายร บ มี แม่นา� ้ไ ลผ่านเมื ง งฝั่งไ ล ก ู่ม า มุทรแ ตแนติค เชื่ ม เ ้นทางการค้ากับตะ ันตก 4. ต้ งการเป็นเมื ง ร้าง รรค์ ลายๆด้าน 5. ต้ งการยกระดับท่ งเที่ย ที่มีคุณภาพและยั่งยืน
37
เนื้อ าที่น่า นใจ า� รับเชียงใ ม่ การบรรยายข งผู้ช่ ยผู้ า� น ยการใ ญ่ งค์การยูเน โก ( นาย Bandarin ) : จุดเน้นเรื่ งเมื ง ร้าง รรค์ 1. เน้น SD Goal No. 11:- Cities 2. Unesco ผลักด้านมากใ ้มีเรื่ งที่เกี่ย กับ ัฒนธรรมใน Sustainable Development Goals 3. ในแน คิดเรื่ ง Habitat 3 ซึ่งจัดทุก20ปี ที่แ ดงใ ้เ ็น ่าโลกเปลี่ยนไปมาก ชนบทกลายเป็นเมื งและคน มา ยู่ในเมื งมากถึง 54.5% และการพัฒนาต่างๆ ในเมื งมีผลกระทบธรรมชาติแ ดล้ มและชี ิตผู้คน
38
มีตั ย่างเมื ง ร้าง รรค์ที่น่า นใจมาก เช่น 1 เมื งที่ลุกขึ้นใ ้ ิลปินมาระบาย ีเมื งทั้งเมื ง 2 เมื งเพกาล งงันในช าข ง ินโดเนเซีย ซึ่งเป็นเมื งบาติและบังคับใ ้ชา เมื งใ ่บาติทุก นึ่ง ันใน ัปดา ์ มีผู้ ญิง ท�างานบาติคมากท�าใ ้มี gender equality 3 เมื งเฉินเจิ้น ยู่ใกล้ ่ งกง. เดิมที่ผ่านมา 30 ปี ร้างเมกะซิตี้ ท�า ุต า กรรมท�าโทร ัพท์และค ม พิ เต ร์ ต่ มาได้ เปลี่ยนเข้า ู่ ุต า กรรม นัง ื มี นัง ื และคนท�างานด้าน นัง ื มากมาย มีร้าน นัง ื ขนาดใ ญ่มากและ ร้างผู้แทน จ�า น่าย นัง ื . Book dustributors มากมาย เป็นเมื งด้านดีไซน์ มี ะ ร์ด เช่น Young Talents โดยเชิญไป งค์การยูเน โก เป็นกรรมการ ่งเ ริมใ ้เยา ชนในเมื ง ยากเป็นนัก กแบบ ิ่ง �าคัญคื เมื ง ร้าง รรค์ ามารถ ่งเ ริมเ ร ฐกิจและชี ิตที่ดีมีคุณค่ามากขึ้น �า รับคน ในระดับนานาชาติ มี โ กา ที่จะได้รับค าม นใจจากเพื่ นนานาชาติมากขึ้นจริงจังนั่นคื New Phase of Development : Future Strategy. ซึ่ง งค์การ UNESCO ยากมี best practices. มีตั ชี้ ัด indicators �า รับ urban agenda เพื่ เป็นตั ย่าง ่า ัฒนธรรมมีค าม า� คัญในทางเ ร ฐกิจ แต่ต้ ง ิจัยเพื่ ร้าง Qualitative and quantitative indicators. เกี่ย กับ
39
Porto International Congress 5: Creative Cities การเข้ า ประชุ ม ข งที ม งานเพื่ ึ ก า ิ ธี ก าร และนโยบายยุทธ า ตร์เมื งที่ างแน ทางเพื่ เป็น เมื ง ร้ า ง รรค์ ที่ มี ก ารใช้ ก ารประชุ ม นานาชาติ เ ป็ น เครื่ งมื ่ามีแน ทาง ย่างไร ซึ่งพบ ่า การจัดงานจะจัดโดยเมื งป ร์โต ร่ มกับคณะ ัก ร า ตร์ ม า ิทยาลัยป ร์โต้ และมีบุคคลากรจาก น่ ยงาน ื่นๆทั้งในโปรตุเก และประเท ต่างๆ มีชื่ เป็นผู้ร่ มจัด ถึง 46 แ ่ง โดยเมื ง ร้ า ง ิ ั ย ทั น์ ใ นการเป็ น เมื ง ร้าง รรค์ ลายด้าน เช่น เรื่ ง า าร เรื่ ง กแบบ ร มทั้งด้านการจัด ัมมนา ิขาการนานาชาติในด้านนี้ ด้ ย โดยจัดมา ลายครั้ง แล้ เชื่ มโยงกับเมื งและ ม า ิทยาลัยต่างๆ ทั้งยุโรป เมริกา แ ฟริกา เ เซีย และละติน เมริกา โดยย� า้ บ ทบาทข งภา าโปรตุ เ ก ในฐานะ ภา านาชาติใน ดีตและปัจจุบัน แต่บังคับใ ้ผู้เ น ท�า ไ ลด์ ประก บการบรรยายเป็นภา า ังกฤ การ กแบบการประชุมใ ้มี ลายรูปแบบและใ ้ผู้เข้าประชุมตื่นตั ตล ด โดย 1. การประชุมจัดในเ ลาทั้ง ิ้น 3 ัน แต่มีการประชุม 39 sessions (ร มทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด) แต่มีการจัดกิกรรมการ ประชุม ลายรูปแบบ จัดพร้ มๆกันใน ลายๆ ้ ง เพื่ ใ ้ ามารถจบลงได้โดยครบถ้ น ั ข้ ที่ก�า นดภายในเ ลาที่กา� นด 2. กิจกรรมข งการประชุม มีจ�าน น 39 sessions ใน3 ัน ประก บด้ ย ก) บรรยายโดย ิทยากรใ ญ่ เช่น การบรรยายน�าใน ันเปิดโดย ิทยากรรับเขิญใน ประชุมใ ญ่ข ง มุดกลาง เท บาลเข่น ผู้บริ ารเมื งจากภาครัฐ ภาคเ กชน งค์การระ ่างประเท มาบรรยายน�าและมาเ นา ประมาณ 20 คน ข) เ น ผล ิจัยโดยนัก ิจัยนานาชาติ จ�าน นทั้ง ิ้น 194 คน ตามที่แจ้งและ ่ง abstractsมาล่ ง น้า โดยใ ้เ น ผล ิจัยพร้ มๆกัน คู่ขนานกันไปใน ้ ง ลายๆ ้ ง เพื่ ใ ้ทุกคน ได้พูด และทุกคนได้เลื กเข้าฟัง
40
ค) การจัดกลุ่ม ั ข้ การน�าเ น ผลการ ิจัย ใน แต่ละ ้ ง เป็นเรื่ งย่ ยๆ เช่น 1. จากเมื งมรดก ู่เมื ง ร้าง รรค์ 2. การ ร้าง รรค์ขึ้นใ ม่จากเมื งที่ถูกเปลี่ยนแปลง ูญเ ีย ัตลัก ณ์เดิมไปจน มด 3. เมื งที่มีตั แทนแ ดง กและเมื งที่ถูก ร้างล้ เล่นผ่านภาพถ่าย ภาพเคลื่ นไ ดนตรี และ ิลปะ 4. เมื งที่น่า ยู่ มีค ามมั่นคงและเข้าถึงได้ง่าย 5. เมื งที่ยั่งยืน 6. เมื งเ มื นจริงและเมื งในค ามจริง 7. เมื งทางการเมื ง 8. เมื งที่ ร้างขึ้นใ ม่ 9. เมื งที่ถูกน�าเ น กับเมื งที่ถูกจินตนาการขึ้น 10. เมื งที่เคลื่ นไ และเมื งตลาดการค้า 11. เมื ง ร้าง รรค์ และเมื งเฉลีย ฉลาด 12. เมื งด้าน ัตลัก ณ์ ังคมการเมื ง (identitarian city) 13. เมื งที่มีค ามเท่าเทียม 14. เมื งที่คนไปเที่ย เป็นต้น ง) การจัดฟ รัมเมื ง ร้าง รรค์ ใน ้ งใ ญ่โดย ิทยากรนานาชาติ ในคณะ ัก ร า ตร์ข งม า ิทยาลัย จ) การ นทนาโต้ะกลม ใน ้ งใ ญ่ในคณะ ัก ร า ตร์ ฉ) การจัดฟ รัมนานาชาติเรื่ งเมื ง ร้าง รรค์ จากประเท ต่างๆ ใช้ภา า ังกฤ ในการน�าเ น ปิดท้ายรายการ
41
42
การบริ ารเ ็บไซด์เชียงใ ม่เมือง ร้าง รรค์ เพื่อประชา ัมพันธ์การด�าเนินงานการผลักดันเมืองเชียงใ ม่ ในการผลักดันใ ้เมืองเชียงใ ม่เป็นเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO ต่อไป
การบริ ารเ ็บไซด์เชียงใ ม่เมื ง ร้าง รรค์เพื่ ประชา ัมพันธ์การด�าเนินงาน การผลักดันเชียงใ ม่ใ ้ กับผู้เกี่ย ข้ งทั้ง น่ ยราชการ งค์กรปกคร ง ่ นท้ ง ถิ่น ภาคการ ึก า ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน และ งค์กร ระ ่างประเท เพื่ ร้างค ามเข้าใจใ ้เกิดขึ้น และ ร้างการมี ่ นร่ มในการด�าเนินงานร่ มกันในการผลัก ดันใ ้เมื งเชียงใ ม่เป็นเมื ง ร้าง รรค์ข ง งค์การ UNESCO โครงการได้มีการจัดท�าการประชา ัมพันธ์ ื่ นไลน์ใน ลายช่ งทาง ทั้ง Website เพื่ ใ ้เป็นทาง เลื ก �า รับผู้ที่ นใจ ามารถเข้าถึงโครงการได้ ะด ก ขึ้น ซึ่งทางโครงการประชา ัมพันธ์กิจกรรมข งโครงการ และด� า เนิ น การเขี ย นบทค ามที่ เ กี่ ย ข้ งกั บ งาน ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้านข งจัง ัดเชียงใ ม่ ทั้งใน ภา าไทยและภา า ังกฤ เนื่ งจากผู้เข้าชมเป็น ลาก ลายทั้งชา ไทย และ ชา ต่างชาติ
44
การจัดเตรียมแบบร่างใบ มัคร เพื่อเตรียมยื่นต่อองค์การ UNESCO เพื่อ มัครเป็นเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
ภาคผน ก
เอก ารที่ได้รับจากการ ึก าดูงาน
69
70
71
16 JAN 2017, New Delhi - พบคุณ Deeti Ray - Humayun’s Tomb - Community like crafts centre school - พบคุณ Ms. Gurmeet Rai - Design Mela
17 JAN 2017, New Delhi - พบคุณ Rita Sethi - พบคุณ Amita Baig - พบคุณ Moo - Heritage management expert - World Monuments Fund in India - Crafts Museum
73
18 JAN 2017, Jaipur -
พบคุณ Dr. Shikha Jain Amber Fort Anokhi City Palace Museum
74
19 JAN 2017, Jaipur - Principal Secretary, Local Self - Mayor, Jaipur - Commissioner and Assistant - Heads of Jaipur Virasat Foundation - Archaeology Survey of India (ASI) - Culture Dot of State Gov of Rajasthan - Director Archaeology who oversees (WH) - Jantar Mantar
20 JAN 2017, Jaipur - Governtor Central Museum (Albert Hall) - งาน รรณกรรม
76
77
โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใ ม่เป็นเครือข่ายเมือง ร้าง รรค์ขององค์การ UNESCO าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Art)
ร .ดร. รลัญจก์ บุณย ุรัตน์ รัตนะ ภู่ า ดิ์ รกัญญา ินทะ งค์ ัชราภรณ์ ช่างเ ล็ก าณัฐพล ชัย รี และคณะผู้ดา� เนินการโครงการขับเคลื่ นเมื งเชียงใ ม่เป็นเครื ข่ายเมื ง ร้าง รรค์ข ง งค์การ UNESCO าขา ัตถกรรมและ ิลปะพื้นบ้าน