“....พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ที่บนภูเขานี้เป็นของชาวเขาอยู่มาดั้งเดิม ควรให้เขาดูแลต่อไป ให้เขาอยู่ไปตามวิสัยเขา ให้เขาอยู่อย่างธรรมชาติ เราเพียงมาช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ให้เขาอยู่ได้ ให้หมู่บ้านเล็ก ๆ ค่อยขยายตัวออกไปเอง ไม่ใช่น�ำความเจริญจากภายนอกเข้ามา ให้ท�ำนุบ�ำรุงสิ่งที่ดีที่เหมาะสมกับเขา.....” พระราชด�ำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชด�ำเนินขึ้นไปยังดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2513
องค์การบริหารส่วนจั ง หวั ดเชี ย งใหม่ มี อ�ำ นาจหน้ าที่ ใ นการพั ฒ นาจั งหวั ด เชี ย งใหม่ ใ นหลายด้ า น ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การสาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ สาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ และจารีต ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ให้ด�ำรงอยู่และสืบทอดสู ่ ค นรุ ่ น ต่ อ ไป เพื่ อ ให้ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในท้ องถิ่ น องค์ การบริ ห ารส่ วนจั งหวั ด เชี ย งใหม่ ได้ ว างแนวทางปฏิบัติใน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับทุนทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ใน 3 ข้อ คือ • ส่งเสริมสนับสนุนให้ท้องถิ่นด�ำเนินกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่างๆ ท�ำงานอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิด ความตระหนัก ในการด�ำเนินกิจกรรมในด้านการศาสนา การฟื้นฟูจารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญา ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่และชนเผ่าที่หลากหลาย • ส่งเสริมสถาบันทางการศึกษาและสถาบันทางสังคมต่างๆ ให้มบี ทบาทส�ำคัญในการอนุรกั ษ์ ท�ำนุบำ� รุง รักษา สืบทอด พัฒนา มรดกทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีอันดีงาม ตลอดจนสถาปัตยกรรมโบราณ และแหล่งประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ • สนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรมสู่ท้องถิ่น และศาสนสถาน โดยร่วมกับ องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรที่ท�ำงานเพื่อสังคมในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมพัฒนาเมือง เชียงใหม่สู่เมืองแห่งการสร้างสรรค์ทางศิลปะและวัฒนธรรม (Creative City of Arts and Culture) ซึง่ แนวทางปฏิบตั ขิ ององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 11 ทีใ่ ห้ความส�ำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ (Creative City) ในระดับภูมภิ าคและท้องถิน่ เพือ่ ให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางเครือข่ายการผลิต การค้า และการบริการของ ธุรกิจสร้างสรรค์ของภูมภิ าคอาเซียน (Creative Hub of ASEAN) ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดการศึกษารวบรวมและจัดท�ำข้อมูลเบื้องต้นของเมืองเชียงใหม่ เพื่อ เตรียมการเป็นเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การ UNESCO ซึ่งกระบวนการด�ำเนินงานจ�ำเป็นต้องมีการ ศึกษาทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก รวมถึงต้องมีการปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งส่วนนโยบายและการปฏิบัติการ ในการนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดท�ำโครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ภายใต้ชื่อ “โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การ UNESCO (สาขาหัตถกรรมและศิลปะ พื้นบ้าน)” โดยมุ่งหวังให้เกิดการท�ำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกับองค์กรภาครัฐ เอกชน ชุมชน ภาคการศึกษาและ อาชีพของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่สามารถเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การ UNESCO (สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน) อันจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับสากล จาก ทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหม่ ดินแดนแห่งอารยธรรมอันหลากหลายทั้งทางด้านวัฒนธรรม งานหัตถกรรม และกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีการอาศัยและด�ำรงอยู่ร่วมกันมาอย่างช้านาน โดย ความหลากหลายทั้งหลายเหล่านี้ได้ส่งผลให้ตัวเมืองเชียงใหม่น้ันเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์และ น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้จบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางด้านของวัฒนธรรม ประเพณี และงานหัตถกรรมที่มีความโดดเด่น ที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพของพื้นที่และกลุ่มชน ซึ่งในครั้งนี้ทางโครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ ขององค์การ UNESCO (สาขาหั ต ถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน) ได้น�ำเสนอหนึ่งในงานหัตถกรรมที่ สะท้ อ นถึ ง วิถี ชี วิ ต ของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งบนพื้นที่ดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความโดด เด่นทางด้านการสร้างลวดลายลงบนผืนผ้าจากเทคนิคการเขียนเทียน ที่สืบต่อกันมาอย่าง ช้านานจวบจนปัจจุบัน โดยการเขียนเทียนของชาติพันธุ์ม้งนั้นมีความละเอียดและ ประณีต ลวดลายสะท้อนมาจากวิถีชีวิตของผู้คนในชาติพันธุ์ ซึ่งผู้ที่จะสามารถท�ำออกมาได้ สวยงามนั้นจะต้องอาศัยความอดทนและความช�ำนาญอย่างสูง และสิ่งส�ำคัญที่เป็นสิ่งที่หน้า ชื่นชมกับภูมิปัญญาของชาติพันธุ์ม้งนั้น คือทุกอย่างที่น�ำมาใช้ในการสร้างงานหัตถกรรมนั้น ล้วนมาจากธรรมชาติและสิ่งใกล้ตัวทั้งสิ้น ซึ่งส่งผลให้ผลงานที่ถูกสร้างออกมานั้นควรค่าแก่ การเก็บและรักษาไว้เป็นอย่างยิ่ง
เส้ น สาย ลาย เที ย น H’mong Batik
งานหัตถกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์นับตั้งแต่ อดีตจวบจนปัจจุบันถือเป็นงานที่แสดงและ สะท้อนถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิต และ วัฒนธรรมอันชาญฉลาดทางด้านแนวคิ ด โดยการน� ำ เอาสิ่ ง ที่ มี อ ยู ่ ใ กล้ ตั ว มาสร้ า ง สรรค์ให้เกิดเป็นงานหัตถกรรมขึ้นเพื่อตอบ สนองต่อการด�ำรงชีวิตในหลากหลายด้าน เช่น เครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่มหรือเครื่อง ประดับ ได้อย่างงดงามและลงตัว โดยเกิด จากการหยิบยกวัสดุที่น�ำมาใช้ สีสันจาก ต้นไม้ที่น�ำมาย้อม รูปทรงของลวดลายที่ น�ำมาเป็นแรงบันดาลใจ มาสร้างสรรค์ให้ เกิ ด เป็ น งานหัตถกรรมที่มีงดงามเข้าด้วย กันอย่างละเอียดประณีต ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ที่ อาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้น มีหลากหลาย กว่า 20 กลุ่มชาติพันธุ์ โดยยังคงความเป็น เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตนไว้ ซึ่งหนึ่ง ในกลุ ่ มชาติ พัน ธุ ์ ที่ ยั ง คงมีก ารสืบทอด
และคงความเป็นเอกลักษณ์ของตนไว้มา จนถึงปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดีก็ คื อ กลุ ่ ม ชา ติ พั น ธุ ์ ม ้ ง ที่ ยั ง คงมี ก ารสืบทอดและ รั ก ษาไว้ ซึ่ ง การแต่ ง กายที่ มี ค วามเป็ น เอกลักษณ์ที่สวยงามและโดดเด่น โดย เฉพาะในเรื่ อ งของการเขี ย นเที ย นลงบน ผืนผ้า ซึ่งการท�ำผ้าลายเขียนเทียนนี้ถือเป็น งานหัตถกรรมที่ส�ำคัญของชาติพันธุ์ม้งและ ได้ รั บ การสื บ ทอดกั น มาจากรุ ่ น ลู ก สู ่ รุ ่ น หลานในหลายชั่ว อายุค นและยังคงรักษา ความเป็ น เอกลั ก ษณ์ เ ฉพาะตั ว ได้ เ ป็ น อย่างดี ลักษณะลวดลายของผ้าลายเขียน เที ย นของชาติ พั น ธุ ์ ม ้ ง นั้ น จะมี ลั ก ษณะ ลวดลายการเขี ย นที่ แ ตกต่ า งกั น หลายรู ป แบบ ซึ่งจะน�ำไปสู่การตีความหมายของ ลวดลายซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งรวม ไปถึงการเชื่อมโยงถึงวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาติพันธุ์ม้ง จวบจนปัจจุบัน
การเตรี ย มเส้ น ใย การทอผ้ า ถื อ เป็ น วั ฒ นธรรมที่ อ ยู ่ ค วบคู ่ กั บ ทุ ก กลุ ่ ม ชาติ พั น ธุ ์ ม าอย่ า งช้ า นาน เช่นเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเขาเผ่าม้งที่มีการทอผ้าด้วยกรรมวิธีที่โดดเด่นทั้งตัว วัสดุที่น�ำมาใช้และด้วยเทคนิคในการทอ ซึ่งการทอผ้าของชาติพันธุ์ม้งนั้นจะน�ำต้น ใยกัญชงมาใช้เป็นวัสดุในการถักทอให้เกิดเป็นเครื่องนุ่งห่ม โดยกรรมวิธีในการ ผลิตนั้นจะเริ่มจากการน�ำเปลือกของต้นใยกัญชงที่แห้งสนิทจะถูกน�ำมาฉีกออก เป็นเส้นๆเพื่อที่จะให้ได้เส้นด้ายที่มีขนาดเล็กเหมาะแก่การทอผ้า หลังจากนั้นจะ น�ำเส้นใยไปต�ำในครกกระเดื่องเพื่อให้เปลือกนอกที่หุ้มติดกับเส้นใยหลุดออกไป เหลือแต่เส้นใยแท้ๆ ซึ่งจะมีความอ่อนสะดวกแก่การปั่นและกรอ เส้นใยที่ผ่านการ ต� ำ เอาเปลื อ กออกจะถู ก น� ำเอามาพั น ม้ ว นเป็ น ก้ อ นโดยใช้ เ ครื่ อ งมื อ ที่ เรี ย กว่ า “ตีนดั่ว” โดยในขณะที่น�ำมาม้วนพันแกนไม้จะมีการต่อเส้นใย จะใช้นิ้วมือขยี้ส่วน ปลายให้ติดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นน�ำไปจุ่มน�้ำร้อนให้อ่อนตัวและน�ำไปตีเกลียว โดยน�ำผ่านเข้าเครื่องตีเกลียว “ชั่วดั่ว” เส้นใยที่ผ่านการปั่นเป็นเกลียวแล้วจะกรอ ไว้ในแกนที่เรียกว่า “ฮซาย” เมื่อตีเกลียวใยกัญชงแล้วจึงดึงด้ายจากแกนเข้าเครื่อง ท�ำไจด้ายที่เรียกว่า “โกลิ” เพื่อจัดด้ายให้เป็นไจเก็บไว้ต่อไปส�ำหรับทอเป็นผืนผ้า
ต้นใยกัญชง
เส้นใยกัญชง
ฮซาย
ชั่วดั่ว (เครื่องตีเกลียว)
การทอผ้ า
อัวดู่
กี่ทอผ้าของชาติพันธุ์ม้งจะมีความแตกต่างจากกี่ทอผ้าของชาวชาติพันธุ์อื่นๆและ จะมีความสลับซับซ้อนซึ่งผู้ที่จะใช้กี่ชนิดนี้จะต้องมีการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน โดย เมื่อจะเริ่มทอผ้าจะต้องมีการกะปริมาณเส้นใยที่จะน�ำมาใช้โดยจะทอผ้าที่มีความ ยาวประมาณ 10-16 วา มีหน้ากว้างประมาณ 10-12 นิ้วหรือประมาณ 120 เส้น ด้าย ฉะนั้นการกะปริมาณด้ายจึงต้องใช้วิธีการกะจากความยาวโดยเอาไจฝ้ายคล้อง กับหลัก เรียกขั้นตอนนี้ว่า “ซอจ่อมดอ” การสาวด้ายจะท�ำในบ้านเท่านั้น เพื่อกัน ฝุ่นและสัตว์เลี้ยง โดยจะเริ่มท�ำในช่วงเช้า เพื่อให้เสร็จภายในวันเดียวและเมื่อทอผ้า เสร็จแล้วนั้นจะต้องน�ำผ้าไปต้มกับน�้ำขี้เถ้าอีกครั้งหนึ่งโดยนิยมใส่ผงซักฝอกลงไป ด้วย เพื่อให้ผ้าขาวสะอาด และน�ำไปตากให้แห้ง จากนั้นน�ำมารีดให้เรียบอีกครั้ง โดยวิธีการบดทับด้วยหินกับขอนไม้เพื่อให้ผ้ามีความเรียบและพร้อมส�ำหรับขั้น ตอนในการเขียนลวดลายด้วยขี้ผึ้งเป็นล�ำดับต่อไป
การทอผ้าชาติพันธุ์ม้ง
การรีดผ้าใยกัญชง
การเขี ย นลวดลาย
เซากั๋งเจี่ย
ขั้นตอนในการสร้างลวดลายลงบนผืนผ้าของชาวเขาเผ่าม้งนั้นเริ่มจากการน�ำขี้ผึ้ง มาละลายให้ร้อนและเหลวโดยการควบคุมอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลาด้วยการใส่ถ่าน หรือใช้ขี้เถ้าอังเพื่อคงความร้อน จากนั้นน�ำผ้าที่ทอเรียบร้อยมาสร้างตารางสี่เหลี่ยม จัตุรัส ขนาดของสี่เหลี่ยมประมาณ 2-3 เซนติเมตร โดยตารางทุกช่องจะมีขนาดเท่า กัน จากนั้นน�ำปากกาเขียนขี้ผึ้งที่ชาวชาติพันธุ์ม้งเรียกว่า “อั่วต้า” (Tjanting) โดย น�ำปากกาไปจุ่มขี้ผึ้งแล้วน�ำมาเขียนลงบนผ้าให้เกิดเป็นลวดลายต่างๆซึ่งลักษณะ ของลวดลายบนผ้าเขียนเทียนของ ชาติพันธุ์ม้งนั้น จะมีลักษณะของรูปทรงเป็น เส้น หรือเป็นรูปทรงเหลี่ยมมุมต่างๆ ซึ่งเกิดจากลวดลายพื้นฐานของรูปทรง เรขาคณิต
ละลายขี้ผึ้งให้เหลว
การใช้อั่วต้าวาดลวดลาย
ปากกาเขียนขี้ผึ้งของชาติพันธุ์ม้งนั้นเรียกว่า “อั่วต้า” ซึ่งท�ำจากแผ่นเหล็ก หรือแผ่นทองเหลือง
การย้ อ ม
เจ่าเด๊ะ
หลังจากเขียนลวดลายเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นล�ำดับถัดมาคือ การน�ำผ้าที่ผ่านการ เขียนลายเสร็จเรียบร้อยแล้วไปแช่ในน�ำขี้เถ้าที่ผ่านการกรองมาแล้วเพื่อเป็นการให้ ผ้าท�ำปฏิกิริยาในการติดสีที่ดีขึ้น หลังจากนั้นน�ำผ้ามาแช่ลงในถังสีย้อม ซึ่งสีที่ใช้ ย้อมนั้นได้มาจากการหมักและตีของต้นคราม โดยจะท�ำการแช่ผ้าและน�ำออกมาให้ โดนอากาศเพื่อการเกิดปฏิกิริยาของสี โดยความเข้มของสีจะขึ้นกับระยะเวลาใน การย้อมและหลังจากผ่านการย้อมเพื่อให้ได้สีแล้วจะน�ำมาตากให้แห้งในที่ที่อากาศ ถ่ายเทสะดวก เมื่อผ้าแห้งแล้วจึงน�ำผ้ามาต้มเพื่อท�ำการลอกขี้ผึ้งออกจากผ้า และ เมื่อเสร็จสิ้นครบกระบวนวิธีก็จะได้ผ้าที่มีลวดลายและสีสันที่สวยงาม
ต้นฮ่อม
หม้อย้อมฮ่อม
ผ้าที่ผ่านการย้อมสี
ผ้าที่ผ่านการต้มเพื่อลอกขี้ผึ้งออก
รู ป แบบลวดลายจากผื น ผ้ า ลวดลายที่ปรากฏบนผืนผ้านั้นจะมีลักษณะเป็นรูปเส้น เหลี่ยม มุม ซึ่งมีพื้นฐานที่ เกิดจากรูปทรงเรขาคณิต โดยชาวม้งเชื่อว่ารูปแบบลวดลายนี้มีการเรียนรู้ที่สืบทอด กันต่อๆ มาจากบรรพบุรุษ ซึ่งลวดลายบางลายออกแบบเพื่อใช้ในการตกแต่งมา โดยเฉพาะ หรือมีการเปลี่ยนแปลงลวดลายมาจากถิ่นฐานทางตอนเหนือและทาง ตอนใต้ โดยตัวของลวดลายจะเป็นตัวบ่งบอกถึงประเพณี เรื่องราว สื่อความหมาย ที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าม้ง ซึ่งทุกลวดลายจะมีการตีความหมายไว้
ดอกฟักทอง
เม็ดแตงกวา
ตีนแมว
ดอกแตงกวา
หอยทาก (ทางตรง)
เฟิร์น
เหรียญ
ภูเขา
หอยทาก (ด้านข้าง)
เอกสารประกอบการบรรยายและฝึกอบรม เรื่อง "เส้น สาย ลาย เทียน : H'mong Batik Doi Pui" จัดท�ำโดย : โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ ขององค์การ UNESCO (สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน) ประธานที่ปรึกษาโครงการ : รศ. ดร. วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ ปีที่พิมพ์ : สิงหาคม 2560 พิมพ์ที่ : คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาพประกอบ : อาณัฐพล ชัยศรี โพสต์ทูเดย์ ออนไลน์ ดอทคอม , 16 พฤศจิกายน 2559. เว็บไซต์ chiangmai.bangkok.com ออกแบบปก : อาณัฐพล ชัยศรี ออกแบบรูปเล่ม : ธนกร สุธีรศักดิ์ ติดต่อ FB : www.facebook.com/ChiangmaiCCFA Instagram : Chiangmai_creativecity เว็บไซต์ : www.chiangmai-cityofcrafts.com