การผสมผสานอย่างลงตัว ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่
1
วารสารทิศไท มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑ ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๖๒๙-๙๔๗๖ โทรสาร : ๐-๒๒๘๒-๕๓๒๒ website : nif-tidthai.org
๑
ทีมงานนวัตกรรม...สร้างสรรค์ นักดาราศาสตร์และฟิสิกส์ ดาราศาสตร์โอลิมปิก แชมป์เยาวชนโลกเรือใบออพติมิสต์หญิงคนแรกของไทย
สารบั-
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๔ เดือนเมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๔
๔
หนึ่งในใจชน
๑๐
ยอดเยาวชน
๑๗
๒๑
๔
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ รูปธรรมของเศรษฐกิจพอเพียง เอกภพ กุลโชครังสรรค์ ว่าที่นักดาราศาสตร์คนต่อไปของเมืองไทย
Sport Hero
นพเก้า พูนพัฒน์ แชมป์เยาวชนโลกเรือใบออพติมิสต์หญิง คนแรกของไทย
ตำราเล่มใหญ่
จรรโลงใจ ณ หอศิลป์กลางกรุง ‘หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร’
๑๐ ๕๗ บันทึก..หัวใจไทย
๒๕ กว่าจะเป็นประเทศไทย
๒๙ กาละ เทศะ
กรุงศรีอยุธยาราชธานีไทย
๓๒
เรื่องของพัศกับแพร ตอน “ดูดีถูกที่ไหม”
นวัตกรรม...สร้างสรรค์
หุ่นยนต์เพื่อเกษตรกรรมความแม่นยำสูง
๓๒
๖๓
ทอดด์ ทองดี สานต่อ ‘เทศกาลจังหวะแผ่นดิน’ เพื่อประเทศไทย ผู้ใช้ดนตรีไทยในการเดินทางเผยแพร่ไปทั่วโลก
แบบอย่างประชาธิปไตย
ประยงค์ รณรงค์ ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง
๖๗ รักษ์โลก
ขยะ (ท่วม) ทะเล
๓๗ นวัตกรรมต้นแบบ
๗๑
๗๔ News for Youth
๔๑
คลินิกเทคโนโลยี และหมู่บ้านแม่ข่าย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้จัก
รายงานพิเศษ
มหันตภัยสึนามิ
ช้างจูเนียร์ โครงการสร้างสรรค์สังคมดี กมล ทัศนาญชลี ผู้ผลักดันโครงการเยาวชน ๗๖ วิทยาศาสตร์การกีฬา สร้างสรรค์ผลงานศิลปะกับศิลปินแห่งชาติ ว่ายน้ำ ๔๗ ชวนเที่ยว กีฬาที่ดีกับทุกส่วนของร่างกาย เที่ยวหนึ่งวันไปสุพรรณ ๗๘ สุขภาพน่ารู้ ศัลยกรรมเสริมความงามกับ กันดีกว่า ๕๓ ภูมิปัญญาไทย วัยรุ่นไทย น้ำสมุนไพรไทย อร่อย ๘๑ โลกดิจิตอล CHOBi CAM ONE ไม่แพง ครบคุณค่า กล้อง DSLR ซูเปอร์จิ๋ว แรงบันดาลใจ
๘๓ เกร็ดต่างแดน ๘๗ บอกเล่าข่าวเยาวชน
๑๗
๔๑
บทบรรณาธิการ
ส
วัสดีค่ะน้องๆเยาวชน และคุณผู้อ่านทุกท่าน ทิศไท เปิดประตูสู่ความสำเร็จที่น่าชื่นใจของเยาวชนคน เก่งในหลากด้านหลายสาขา เป็นการต้อนรับเปิดเทอมปีการ ศึกษาใหม่ในบรรยากาศน่ารืน่ รมย์ ด้วยแบบอย่างของนักเรียน นักศึกษาหลายคนที่น่ารับไว้เป็นไอดอล เรื่องนวัตกรรมฉบับนี้ มีทั้งที่เป็นงานสร้างสรรค์ของ นักศึกษา และนวัตกรรมต้นแบบที่น่าสนใจให้เยาวชนได้เก็บ เกี่ยวประโยชน์ เพื่ออนาคตอันสดใสของตัวเอง แล้วประยุกต์ ความสมบูรณ์ของธรรมขาติ ส่งต่อสู่สังคมใกล้ชิดต่อไป และพืชพรรณไม้ที่เขาหินซ้อน เมืองไทยและความเป็นไทยมีสิ่งที่ดีงามมากมาย ความ จ.ฉะเชิงเทรา น่าทึ่งในความเป็นไทยในสายตาคนต่างชาติจึงนำความภาค ภูมิใจมาให้เราคนไทยได้เสมอมา อย่างเช่น คุณทอดด์ ทองดี พิธีกรรายการคุณพระช่วย และอีกหลายบทบาทที่ทำหน้าที่นำเสนอเรื่องราวของคนไทย ให้เกียรติทิศไท มาเล่าเรื่อง ต่างๆได้อย่างน่าสนใจ เป็นบันทึกของฝรั่งหัวใจไทยที่พูดได้ถึงแก่นแท้ โดยเฉพาะความรู้สึก ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยประโยคสั้นๆ ลึกซึ้ง แต่ชัดเจนในความหมาย น้องๆหาโอกาสอ่านทิศไทให้ครบทุกคอลัมน์นะคะ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ อธิบายถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่างชัดแจ้งทีส่ ดุ ในคอลัมน์ หนึ่งในใจชน และเรามีคอลัมน์ใหม่ “แรงบันดาลใจ” เป็นเรื่องราวของโครงการเยาวชนสร้างสรรค์ งานศิลปะกับศิลปินแห่งชาติของ อ.กมล ทัศนาญชลี และ อ.ถวัลย์ ดัชนี หากน้องๆมีแวว ศิลปิน ฝันจะได้ไปสัมผัสงานศิลปะโลก ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วละค่ะ น้องๆและคุณผูอ้ า่ นมีความคิดเห็นอย่างไร อยากให้ทศิ ไทเป็นสะพานเชือ่ มโยงเรือ่ งราวใดๆ ในทิศทางไหน ติดต่อบอกกล่าวกันมานะคะที่ การผสมผสานอยางลงตัว ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม
1
website : www.nif-tidthai.org
พิมพ์ที่ โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (๑๙๘๗) จำกัด เลขที่ ๑๘ ซอยประชาอุทิศ ๓๓ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐
ห้ามจำหน่าย เผยแพร่เป็นอภินันทนาการสำหรับ โรงเรียน สถานศึกษา และประชาชนทั่วไป จากมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ๓
หนึ่งในใจชน
เรื่อง...วิณีนารถ ภาพ...สิงหรา
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เศรษฐกิจพอเพียง
รูปธรรมของ ๔
พ
ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นในแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในทุกๆด้าน ทีส่ ำคัญ ทรงมีตัวอย่างของการปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จให้ เห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมา จากพระราชดำริกว่าสี่พันโครงการ ซึ่งล้วนก่อกำเนิด ขึ้นเพื่อประโยชน์ของพสกนิกรเป็นสำคัญ เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่ เป็นการดำเนินชีวิตอย่างชาญฉลาด และสามารถอยู่ ได้ แม้ในสภาพที่มีการแข่งขันและการไหลบ่าของ โลกาภิวัตน์ นำไปสู่ความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ของชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ได้รับการเชิดชูสูง สุดจากองค์การสหประชาชาติ โดยนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล The Human Development Lifetime Achievement Award แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙ และได้มีปาฐกถา ถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นปรัชญาที่สามารถ เริ่มได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง สู่หมู่บ้าน และสู่เศรษฐกิจในวงกว้างขึ้นในที่สุด เป็นปรัชญาที่มี ประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ โดยที่ องค์การสหประชาชาติได้สนับสนุนให้ประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิก ๑๖๖ ประเทศ ยึดเป็นแนวทางสู่การ พัฒนาประเทศแบบยั่งยืน หากจะมีการยกตัวอย่างโครงการอันเนื่องมา จากพระราชดำริที่นำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปปฏิบตั จิ นเป็นผลสำเร็จ หนึง่ ในจำนวนนัน้ คือ ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ทำความรู้จักกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ในอดีตพืน้ ทีบ่ ริเวณเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของ “เศรษฐกิจพอเพียง” (Sufficiency Economy) ประเทศไทย มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเขาหินเล็ก ใหญ่ทบั ซ้อนกันอยูท่ วั่ ๆไป เพียงชัว่ ระยะเวลา ๓๐ กว่า เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีต่อมา การคมนาคมสะดวกทำให้ผู้คนเดินทางเข้า พระราชทานให้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตแก่ ไปในพื้นที่ได้ง่ายขึ้น ผลที่ตามมาคือมีการทำลายป่า พสกนิกรชาวไทย รวมถึงการพัฒนาและบริหาร เพือ่ นำพืน้ ทีม่ าใช้เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก จนทำให้ ประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้าง ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม และ ภูมิคุ้มกันที่ดี ในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ มีปญั หาการชะล้างพังทลายของดินสูง จนกระทัง่ เมื่อ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ ๕ และการกระทำใดๆ ก็ตามในชีวิต
นายโคฟี อันนัน ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล The Human Development Lifetime Achievement Award แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรพื้นที่ดังกล่าว และทรงคิดหาแนวทางใน การแก้ไขเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรโดยใช้วิชาการในหลายๆด้านประกอบกัน เป็นการดำเนินการแก้ไขในลักษณะผสมผสานของหลายหน่วยงาน จึงมีพระราชดำริให้หน่วยงานจากกรม กองต่างๆ มาร่วมกันพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์ศึกษาตัวอย่าง สามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้เป็น สองทาง คือหนึ่ง ต้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ฝึกหัดการทำงานร่วมกัน ได้ความรู้ในการพัฒนา และสอง ปลายทาง คือราษฎรได้รับความช่วยเหลือในการพัฒนาที่ดินทำกินให้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น และเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงก่อตั้งศูนย์ศึกษาการ พัฒนาเขาหินซ้อน ในเนือ้ ทีก่ ว้างใหญ่ประมาณ ๑,๘๙๕ ไร่ ทรงพัฒนาพืน้ ทีส่ ภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ บริเวณศูนย์ฯ ทั้งพัฒนาแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า พัฒนาดิน วางแผนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์จนพื้นที่ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนมีโอกาสพึ่งพา ตนเองได้ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ ถือเป็นต้นแบบ แนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่น อีกทั้งอาศัยความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ และเอกชน ดังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๓๑ ที่ว่า “เมื่อพัฒนาน้ำขึ้นมาบ้างแล้ว ก็เริ่มปลูกพืชและเลี้ยงปลาในที่ลุ่ม ส่วนที่อยู่บนเนินก็เลี้ยงปศุสัตว์ ปลูก หญ้าและต้นไม้ผลและป่า การเลี้ยงปศุสัตว์ ปลูก หญ้าและต้นไม้นี้ จะทำให้ดินมีคุณภาพดีขึ้น ใน ที่สุดจะใช้ดินได้ทั้งหมด กรรมวิธีนี้อาจจะต้องใช้ เวลานาน จะสามารถเปลี่ยนจากกระบวนการที่ไป ในทางเสือ่ มมาเป็นทางพัฒนาให้เป็นพืน้ ทีส่ มบูรณ์” ศูนย์แห่งนี้มีหลักการดำเนินงานเพื่อมุ่งที่จะ เป็นพิพธิ ภัณฑ์ธรรมชาติทมี่ ชี วี ติ หวังให้เป็นแหล่ง ๖
ศึกษาวิชาการในการพัฒนาเพือ่ การเกษตรและเพือ่ ถ่ายทอดให้เกษตรกร นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ โดยการดำเนินงานนั้นจะเน้นในแบบ บูรณาการ ภายใต้ความร่วมมือของหลายๆฝ่าย รวมทั้งรักษาสมดุล ของธรรมชาติที่มีอยู่อย่างเป็นระบบ โดยการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ น้ำ ป่าไม้ และดิน เพื่อใช้ ทำการเพาะปลูกพืชต่างๆ ได้ พื้นที่เพื่อทำการสาธิตและทดลองงานต่างๆ ภายในศูนย์ ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครอบคลุมงานส่วนต่างๆ ดังนี้ งานพัฒนาที่ดิน นับเป็นงานหลักที่จะต้องประสานงานกับ หน่วยงานต่างๆ ภายในศูนย์ฯ โดยเฉพาะเมื่อมีสภาพปัญหาการ เสื่อมโทรมของดินในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกพืชอย่างได้ ผลดี นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ทำการสำรวจที่ดิน จำแนกการถือครองดิน วางแบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน สำรวจ สภาวะเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกร สาธิตวิธกี ารอนุรกั ษ์ดนิ และน้ำ และการปรับปรุงดินเพือ่ เพิม่ ผลผลิต วางมาตรการการอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน สาธิตและส่งเสริมการปลูกหญ้า แฝก ผลิตเมล็ดพันธุพ์ ชื เพือ่ การอนุรกั ษ์ดนิ และบำรุงดินบริการ แก่เกษตรกร พร้อมกับอบรมส่งเสริม แนะนำช่วยเหลือ เกษตรกรในการอนุรกั ษ์ดนิ ควบคูไ่ ปกับ การบำรุงดิน กระตุน้ ให้ เกษตรกรรูถ้ งึ คุณประโยชน์ของปุย๋ หมัก และผลิตปุย๋ หมักขึน้ ใช้เอง ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน โดยการ สาธิตฝึกอบรมและบริการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา ที่ดินทั้งภายในศูนย์ฯ หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ และเกษตรกรผู้ สนใจทั่วไป งานปศุสตั ว์ ส่งเสริมการเลีย้ งสัตว์โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ และนักวิชาการดำเนินงานด้านการเลี้ยงสัตว์ การสุขาภิบาล ตลอดจนการป้องกันโรคแก่เกษตรกร สาธิตการเลี้ยงสัตว์ จัดฝึกอบรมเกษตรกรเพื่อเผยแพร่ แนะนำการเพิ่มผลผลิต ปศุสัตว์ และพัฒนาสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร งานวิชาการเกษตร เน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเกษตรแผนใหม่สู่ เกษตรกร เช่น การใช้ปุ๋ยและวิธีการเก็บเกี่ยว การใช้สารเคมีป้องกันและ กำจัดแมลง และการใช้เครื่องมือทาง การเกษตรในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น การปลูกหม่อนเพือ่ การแปรรูป การ เพาะเห็ดเศรษฐกิจ และการปลูกไม้ผล
.
.
. .
งานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตร เน้นถ่ายทอดวิชาการแผน
ใหม่ด้านไม้ผล ส่งเสริมการปลูกไม้ผล เป็ น แหล่ ง ผลิ ต และขยายพั น ธุ์ ไ ม้ ผ ล ฝึกอบรมการปลูกและการดูแลรักษา ไม้ผลต่างๆ
๗
. ์ ศูนย์ฯ จะเน้นให้บริการ สีขา้ วแก่เกษตรกรทัว่ ไป โดยคิดอัตราค่าบริการในราคา งานส่งเสริมสหกรณ
ถูก โดยมีโรงสีข้าวพระราชทานซึ่งเป็นโรงสีข้าวสมัย ใหม่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้นกำลัง มีเจ้าหน้าที่คอย ควบคุมแนะนำ ชีแ้ จงและเผยแพร่หลักการสหกรณ์ งานประมง ฝึกอบรมให้ความรูด้ า้ นการประมง และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่ประชาชนทั่วไป โดย งานด้านประมงของศูนย์ฯ จะครอบคลุมกิจกรรมโรง เพาะฟักและแสดงพันธุส์ ตั ว์นำ้ โรงเพาะพันธุก์ บ การ เพาะเลี้ยงไรแดง และการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม งานชลประทาน จัดหาแหล่งน้ำและพัฒนา แหล่งน้ำให้เกิดประโยชน์ เพือ่ ใช้ในการอุปโภคและ บริโภคด้านการเกษตรของราษฎรในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำโจนทั้งหมด งานโยธาธิการ ทำหน้าที่ผลิตน้ำประปาสะอาดเพื่อให้บริการแก่หน่วยงานต่างๆ ภายในศูนย์ฯ และ หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ ตลอดจนให้บริการประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ภายนอกศูนย์ฯ ในกรณีขาดแคลน น้ำกินน้ำใช้ งานสวนพฤกษศาสตร์ ดำเนินการบำรุงรักษา ไม้เดิมและปลูกเพิ่มเติมในพื้นที่ประมาณ ๔๐๐ ไร่ โดย ปลูกไม้วงศ์ อาทิ วงศ์สัตบรรณ วงศ์สัก วงศ์ปาล์ม วงศ์ยางนา วงศ์ไม้แค และวงศ์กล้วยไม้ มีการทำสวน สมุนไพรขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ และในปี ๒๕๔๐ เปิด บริการอบสมุนไพรแก่บุคคลทั่วไป รวบรวมพืชสมุนไพร ไว้ในสวนมากกว่า ๔๖๐ ชนิด เพื่อสาธิตให้ผู้เข้าชม ทราบถึงลักษณะทางพฤกษศาสตร์และสรรพคุณต่างๆ ตลอดจนรวบรวมพันธุไ์ ม้ปา่ หายากในภาคตะวันออก สำรวจ เก็บพันธุ์ไม้และเห็ดรา ๓๐๐ ตัวอย่าง ทำการผลิต ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เช่น แชมพู ครีมนวดผม สบู่ หอม ยากันยุงตะไคร้หอม รวมถึงการขยายพันธุ์กล้าไม้สมุนไพร เพื่อแจกจ่ายและจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่สนใจ งานเพาะชำกล้าไม้ งานในส่วนนี้จะแบ่งเป็นงานป่าไม้และ งานเพาะชำกล้าไม้ โดยงานแรกจะมุ่งพัฒนาให้เป็นศูนย์รวบรวม ข้อมูลด้านป่าไม้ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ ส่วนงานหลังจะ ดำเนินการผลิตกล้าไม้เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานราชการต่างๆ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ได้แก่ มะฮอกกานี กระถินยักษ์ มะขาม ประดู่ คูน สะเดา และยางนา เป็นต้น งานพัฒนาชุมชน ศูนย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมให้ชุมชน ในการรองรับผลจากการพัฒนาของหน่วยงานต่างๆ ผ่านการฝึก อบรมกิจกรรมในด้านต่างๆ เช่น การสาธิตจักสานหญ้าแฝก ทอผ้า ทอเสื่อกก และการตีเหล็ก ส่วนใหญ่จะเป็นงานเกี่ยวกับ การจัดการฝึกอบรมด้านอาชีพระยะสัน้ การจัดตัง้ กลุม่ อาชีพ กลุม่ ออมทรัพย์เพือ่ การผลิต การจัดกิจกรรมวันสำคัญต่างๆ การดำเนิน
. . .
.
.
.
๘
การส่งเสริมอาชีพเพือ่ ให้เกษตรกรดำเนินการในช่วงทีว่ า่ งเว้นจากอาชีพการเกษตร เช่นสาธิตการทำปลา อบรมการ ประกอบอาหาร การถนอมอาหาร อบรมการทำงานหัตกรรมต่างๆ งานอาชีวศึกษา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา จัดตั้งขึ้นภายในศูนย์ฯเพื่อทำหน้าที่ ให้ความรู้ ด้านอาชีวศึกษาแก่บุตรหลานเกษตรกรและเกษตรกรทั่วไป โดยจัดการเรียนการสอนใน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงและวิชาชีพพิเศษ ให้การศึกษานอกระบบ เป็นการฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นและหลักสูตรเคลื่อนที่ ศึกษาเรื่องของเกษตรด้านสัตว์ เช่น โคนม สุกร ขุน ไก่ เกษตรด้านพืช เช่น ผักปลอดสารพิษ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยไม้ป่า ด้านช่างยนต์ และ คอมพิวเตอร์ โครงการสวนป่าสมุนไพร มีแปลงทดลองปลูกพืชนานาชนิด อาทิ พันธุ์หวายที่มีในประเทศไทย อโวคาโด มะม่วงทุกพันธุ์ทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยจัดตั้งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก เพื่อ ดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่างๆ ภายในศูนย์ฯยังมีบริการด้านทีพ่ กั ใน อาคารศิลารมณีย์ สำหรับหมูค่ ณะทีม่ าศึกษาดูงานหรือทัศนศึกษา และ มีอาคารศูนย์ประสานงาน ซึง่ มีหอ้ งฉายสไลด์มลั ติมเี ดียขนาดความจุ ๑๒๐ คน เพื่อแนะนำความเป็นมาของศูนย์ฯ หรือถ้าต้องการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ฯ และข้อมูลการเกษตร ตลอดจนแนวทางการพัฒนาของโครงการ ที่นี่ยังมีห้องสมุดไว้ให้หมู่คณะ ที่มาทัศนศึกษาด้วย ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ ได้รบั รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ วประจำปี ๒๕๔๕ รางวัลดีเด่นประเภทแหล่ง ท่องเทีย่ วเชิงเกษตร และรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ ว ประจำปี ๒๕๔๗ นอกจากนีย้ งั ได้รบั ความสนใจจากประเทศเพือ่ นบ้าน ทั้งใกล้และไกล เข้ามาศึกษาดูงาน เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาด้าน การเกษตรอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่สนใจจะเข้าชมศูนย์ฯ เป็นหมู่คณะและต้องการ เจ้าหน้าที่นำชม สามารถทำจดหมายติดต่อล่วงหน้าไป ยังผูอ้ ำนวยการศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนือ่ ง มาจากพระราชดำริ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐-๓๘๕๙-๙๑๐๕-๖ ในวันและเวลาราชการ
. .
๙
ยอดเยาวชน
เรือ่ ง...อิระวดี ภาพ...พิมพ์ณฐั
เอกภพ กุลโชครังสรรค์
ว่าที่นักดาราศาสตร์คนต่อไปของเมืองไทย
เป็นปีแรกที่โอลิมปิกวิชาการ สาขาดาราศาสตร์ จะได้รับ ทุนไปเรียนต่อเช่นเดียวกับ สาขาอื่นๆ นับเป็นข่าวดี ของเด็กไทย โดยเฉพาะ เอกภพ กุลโชครังสรรค์ หรือ กอล์ฟ หนึ่งในผู้คว้า เหรียญทองจากการแข่งขัน ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ ดาราศาสตร์โอลิมปิก ครั้งที่ ๔ ณ กรุงปักกิ่ง
เ
อกภพ กุลโชครังสรรค์ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย เป็นผูแ้ ทนประเทศไทยในการแข่งขัน ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ ดาราศาสตร์โอลิมปิก 4th International Astrophysics and Astronomy Olympiad ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมือ่ เดือนกันยายนปีทแี่ ล้ว เขามี โอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนจะเดินทางไปแข่ง ขัน ณ ประเทศจีน เอกภพได้ให้สัมภาษณ์ ว่า เขายังจดจำพระราชกระแสรับสัง่ ในวัน นั้นได้เป็นอย่างดี
๑๐
ตอนเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าอย่างไรบ้างคะ พระองค์ทรงให้กำลังใจก่อนที่พวกเราจะไปแข่งขันครับ ท่านยังตรัสถามกับคณะอาจารย์ถึง เรื่องค่าใช้จ่ายและทุนสำหรับการเรียนต่อ เพราะเพิ่งเป็นปีแรกที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้แทน ดาราศาสตร์โอลิมปิกวิชาการไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยปีที่ผ่านมาจะต้องรอทุนเหลือจากสาขา อื่นๆ แต่ด้วยพระกรุณา ทำให้ปีนี้รวมถึงปีที่ผ่านมา และปีต่อๆไป ผู้แทนโอลิมปิกวิชาการทางด้าน ดาราศาสตร์จะได้รับทุนเสมอกับสาขาอื่นๆ พระองค์ตรัสไว้หลายอย่าง ที่ผมจำขึ้นใจคือ การทีพ่ วกเราเป็นตัวแทนของประเทศไทยนัน้ อยาก ให้ทำให้ดีที่สุด เวลาไปแข่งควรทำความรู้จักกับผู้ เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ไปแข่งอย่างเดียว เพราะพวกเราล้วนมีการศึกษาสนใจในด้านเดียวกัน เมื่อจบการศึกษาแล้ว เราจะได้มีเครือข่าย เมื่อได้ ทุนศึกษาต่อจนสำเร็จวิชาแล้วก็อยากให้กลับมา พัฒนาประเทศครับ ความตั้งใจของน้องกอล์ฟจะกลับมาพัฒนา ประเทศไทยทางด้านดาราศาสตร์ใช่ไหมคะ คิดว่าเมื่อเราได้ทุนจาก มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ (สอวน.) แล้ว จะกลับมาพัฒนาต่อทีเ่ มืองไทย เพือ่ นของผมบางคนกลัวว่ากลับมาแล้วประเทศไทย อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการพัฒนาด้านนี้ แต่สำหรับผมคิดว่าถ้าพวกเรายังคิดกันแบบนี้ วงการ ดาราศาสตร์ไทยก็อาจจะไปไม่ถึงไหน เลยคิดว่า พวกเราควรรับทุนแล้วกลับมาช่วยกัน ถ้าเราไม่ คิดที่จะก้าวนำ ก็จะไม่มีใครก้าวตาม และเราก็จะไม่เจริญ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรุ่นพี่ไปเรียนก่อนอยู่ แล้วประมาณห้าคน เริ่มมีความสนใจในเรื่องดาราศาสตร์ตั้งแต่เมื่อใดคะ ตอนแรกผมสนใจคณิตศาสตร์ก่อนครับ พอได้ลองมาศึกษาทางด้านดาราศาสตร์ดูแล้วก็ชอบ เพราะได้ศึกษาความเป็นไปของดวงดาว คุณพ่อเคยพาไปนอนอยู่ในป่าที่เขื่อนภูมิพล กลางคืนเรา ออกมาเดินดูฟ้า มองฟ้าแล้วสวยมากๆ เพราะมีดวงดาวเต็มไปหมด ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ เราจะไม่ เห็นความสวยงามแบบนั้น เชื่อว่าใครเห็นแล้วจะต้องหลง บรรยากาศก็สวยมาก ถ้าเราได้เรียน เราก็จะไม่เพียงแค่ได้ชื่นชม แต่จะสามารถเรียกกลุ่มดาวต่างๆ ได้ถูกด้วยครับ ตอนดูท้องฟ้าผมก็ อยากรู้ว่า ดวงดาวนั้นเหมือนโลกมั้ย เป็นอย่างไรบ้าง ทำให้อยากศึกษาต่อ ซึ่งผมว่าเสน่ห์ของ ดาราศาสตร์อยู่ตรงนี้ครับ คือความน่าค้นหา เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่รู้ อันที่จริงดาราศาสตร์ไม่ใช่แค่การดูดาวนะครับ มันเป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุที่อยู่บนท้องฟ้า ทำให้เราต้องเรียนรู้หลักของฟิสิกส์เป็นพื้นฐาน ต้องใช้หลักฟิสิกส์ของคณิตศาสตร์มาคำนวณกัน อย่างวิชาฟิสิกส์เราจะศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุซึ่งทั่วไปก็เป็นหิน แต่ดวงดาวยิ่งกว่าหินครับ มัน มีความสวยงามกว่าหินมาก เลยอยากให้ทกุ คนหันมาสนใจเรียนทางด้านนีก้ นั มากๆ ผมได้มโี อกาส ไปเข้ากลุ่มสมาคมดาราศาสตร์ของไทย ซึ่งอาจารย์ทุกท่านใจดีและเป็นกันเอง ๑๑
เส้นทางสู่การแข่งขันโอลิมปิกวิชาการของ น้องกอล์ฟเป็นอย่างไรคะ ยอมรับครับว่าเครียดมาก เนือ้ หามันยาก เพราะ ดาราศาสตร์ต้องอาศัยการคำนวณของทั้งสองวิชาคือ คณิตศาสตร์และฟิสิกส์ แต่ โชคดีที่ โรงเรียนสวน กุหลาบวิทยาลัยมีห้องกุหลาบเพชร เป็นศูนย์รวมทุก วิชา ทัง้ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์จากศิษย์เก่า ซึง่ จะมาติวว่าการแข่งขันเป็นอย่างไร เป็นทีมติวจากรุ่น พี่สู่รุ่นน้อง และผมก็ต้องทำหน้าที่ติวน้องต่อ เป็น ข้อดีของโรงเรียนที่หาไม่ได้จากโรงเรียนอื่นๆ ครับ ตอนแรกที่เข้ามาสวนกุหลาบตอนมัธยมศึกษา ปีที่ ๑ ผมก็ยังไม่รู้จักห้องกุหลาบเพชรนะครับ พอ ขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีอาจารย์ดรุณี กิตติวิริยะ ผู้ ดูแลงานส่งเสริมศักยภาพนักเรียนให้ลองไปสอบของ สอวน. ดู พอลองไปสอบโดยไม่ได้อ่านหนังสือ เราก็ สอบติด พอได้ไปเข้าค่ายสอวน.ก็จะเริม่ งง ไม่มคี วาม รู้เลย ตอนสอบเลยทำได้นิดหน่อย พอเปิดเทอมมาก็เลยเข้าห้องกุหลาบเพชรเพื่อ ติวครับ ช่วงนั้นเป็นปีแรกที่ สอวน. ศูนย์สามเสน ตั้งเป็นปีแรก โดยมีวิชาดาราศาสตร์ทั้งมัธยมต้นและ มัธยมปลาย พอเราได้สิทธิ์สอบ ก็หันกลับมาดูว่า เราขาดความชำนาญทางด้านอะไร เช่น คณิตศาสตร์ ตอนแรกจะเลือกเข้าค่ายคณิตศาสตร์ แต่เราเรียนแล้ว ไม่รู้เรื่อง เลยคิดว่า น่าจะลองเข้าค่ายดาราศาสตร์ที่ ตัวเองได้สทิ ธิด์ ู ตอนนัน้ ยอมรับว่า ตัวเองไม่ฟติ เพราะ หลงตัวเอง มีเหลวไหลนิดหน่อย พอขึ้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๔ เริ่มกลับเข้าการติวอย่างจริงจัง เสาร์อาทิตย์ ก็มาโรงเรียน ความรู้เริ่มแน่น เพราะได้ทบทวนตอน ที่ได้ติวน้องๆ เราก็มีความมั่นใจเต็มที่ พอไปแข่งก็ มั่นใจ แต่เมื่อประกาศผลเราได้ตัวสำรอง ตอนนั้นก็ เสียใจมากครับ เพราะคิดว่า เราพยายามเต็มที่แล้ว
๑๒
คุณพ่อให้กำลังใจบอกให้เอาใหม่ ปีต่อมาก็ทำ เหมือนเดิมทุกอย่าง หาความรูค้ รอบคลุมหลากหลาย มากขึ้น ดาราศาสตร์ก็มาจากการประยุกต์วิชาฟิสิกส์ เริ่มหาข้อสอบฟิสิกส์โอลิมปิกมาทำ เพิ่มความรู้ให้ แน่นขึ้นด้วยการอ่านหนังสือคณิตศาสตร์จากห้อง กุหลาบเพชร พอเราเอาสองวิชามารวมกัน ตอนนี้ เราก็เริ่มมั่นใจว่า เราเก่งทุกด้านแล้ว จนปีนี้ก็ได้เป็น ตัวแทนครับ เล่าถึงบรรยากาศการแข่งขันที่จีนหน่อยค่ะ ไปถึงก็เจอปัญหาเรื่องการสื่อสารครับ เจ้าภาพ เป็นจีนเขาไม่พดู อังกฤษเลย คนทีม่ าแข่งมีอายุตงั้ แต่ ๑๓-๒๐ ปี คือเด็กจนถึงระดับเข้ามหาวิทยาลัย ช่วง แข่งขันแบ่งเป็นสามรอบคือ ทฤษฎี การวิเคราะห์ ข้อมูลตามโจทย์สั่งมา และภาคสังเกตการณ์ซึ่งเป็น ส่วนที่ผมไม่ถนัดที่สุด ต้องจำว่า ดาวดวงนี้ชื่ออะไร อยู่กลุ่มไหน และผมจำไม่เก่ง ตอนแข่งภาคทฤษฎีอาจารย์ที่คุมสอบรีบแปล เป็นภาษาไทยให้ แต่เราอ่านแล้วรูส้ กึ ว่าโจทย์แปลกๆ เลยกลับไปอ่านภาษาอังกฤษ ปรากฏว่า โจทย์ที่ทำ
นั้ น ง่ า ยกว่ า ที่ เ รา เคยทำใน า ยอี ก เคยทำในค่ เพราะที่เราติวกันมาเป็น ฟิสิกส์แบบยาก ตอนเข้าค่ายก็ แอบกังวลว่า พอลงสนามจริงจะ ทำได้มั้ย ปรากฏว่าข้อสอบง่ายมาก ทุกคนทำได้ และประเทศอื่นเขาก็ทำได้เหมือนกับเรา พอตอนเย็นอาจารย์บอกว่า เห็นกระดาษคำตอบ แล้ว และถามเราว่า ทำไมทำไม่ค่อยดีกันเลย เพราะ อาจารย์เห็นข้อสอบและพยายามจะไปขอคะแนนให้ แต่ขอไม่ได้เลยสักคะแนน ตอนนั้นพวกเราก็เครียด ว่าเราจะได้รางวัลมั้ย เพราะส่วนทฤษฎีเป็นตัวแบ่ง คะแนนมากที่สุด ที่เหลือคือปฏิบัติกับสังเกตการณ์ ซึ่งไม่ถนัดอยู่แล้ว คืนนั้นก็ทบทวนวิเคราะห์ข้อมูล กันใหญ่ ก่อนวันแข่งจริงที่จีนฟ้าเปิดด้วย ดวงดาวจะ เปลี่ยนตามละติจูดอยู่แล้วครับ เห็นได้ชัดว่าจีนได้ เปรียบเพราะอยู่บ้านเขา เขาก็รู้ละติจูดอยู่แล้ว ตอน นั้นเห็นเขาชี้ๆ ทำท่ารู้หมดเลย แต่วันนั้นไม่ได้สอบ เราก็ยังไม่ซีเรียสอะไรมาก พอวันต่อไปจะสอบภาค วิเคราะห์ข้อมูล ทำแล้วเหนื่อยมากครับ ผมพักอยู่ ห้องเดียวกันกับผู้แทนจากฟิลิปปินส์และโปแลนด์ ซึ่งฟิลิปปินส์เพิ่งเข้ามาแข่งปีแรก เขาบอกว่าทำได้ นิดหน่อย ส่วนผู้แทนจากโปแลนด์เขาบอกง่ายมาก ตอนนั้นฟังแล้วก็ยิ่งเครียด และพอถึงวันสอบสังเกตการณ์ จะว่าเป็นความ โชคดีก็ได้เพราะพายุเข้า ฝนตกปรอยๆ ทำให้ต้อง ไปสอบที่ท้องฟ้าจำลอง โดยคืนก่อนพวกเราก็ใช้ คอมพิวเตอร์ซึ่งมีโปรแกรมดูดาวอยู่แล้ว ก็ลองท่อง ตามนั้น ตอนท่องเราต้องแบ่งตัวแทนออกเป็นสอง กลุ่ม คือแบ่งเป็นจำส่วนยาก ต้องท่องชื่อกลุ่มดาว
และจำส่วนง่ายซึ่งผมเลือกส่วนนี้ เพราะคิดว่าถ้าเขา ถามง่ายๆ แต่เราทำไม่ได้ คะแนนจะยิง่ ทิง้ ห่าง ปรากฏ ว่าเข้าทางเราอีกแล้ว เพราะเขามีชื่อกลุ่มดาวไว้ให้ ทำให้เราสะกดชือ่ ได้ไม่ผดิ วิธที ำก็ตอ้ งมองหาจากดาว ทีเ่ ป็นตัวเริม่ ถ้าเจอจากนัน้ ก็สามารถไล่ไปกลุม่ อืน่ ได้ ซึ่งคะแนนจากส่วนนี้มี ๒๐ เปอร์เซ็นต์ เราทำได้เต็ม ทำให้ดึงส่วนอื่นๆ ขึ้นมาให้ได้เหรียญทองพอดีครับ เห็นว่าได้รางวัล The Best Team ด้วย รางวัลนี้ ได้มาอย่างไรคะ วันสุดท้ายซึ่งเป็นวันประกาศผล ส่วนใหญ่จะรู้ คะแนนและรางวัลกันบ้างแล้ว แต่ประเทศไทยเป็น ประเทศเดียวทีอ่ าจารย์ไม่ยอมบอกคะแนนครับ พวก เราจึงเป็นโต๊ะเดียวที่นั่งลุ้นกัน แถมยังต้องตั้งใจนั่ง ฟังเพราะชาวจีนพูดชื่อเราไม่ชัด ทุกคนเลยค่อนข้าง เครียดตัวสั่น พอประกาศมาเหรียญทองเป็นชื่อเรา ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกครับ จนอาจารย์ต้องสะกิดให้ ออกไปรับเหรียญ บรรยากาศเหมือนฝันไป จากนั้นเหลือรางวัล The Best Team ซึ่งเป็น รางวัลทีม่ เี พียงรางวัลเดียว ดังนัน้ การจะได้ทสี่ องหรือ ที่สุดท้าย ก็มีค่าไม่ต่างกัน เราต้องได้ที่หนึ่งเท่านั้น ครับ เราไม่รู้ว่าต้องสอบอะไร แต่ก็ลองแข่งจับเวลา ตั้งกล้องดูดาวกันเอง แล้วพอสอบจริง ก็ปรากฏว่า แข่งตั้งกล้องดูดาวจริงๆ ด้วย พวกเราก็จัดการแบ่ง คนไปประกอบส่วนนั้นส่วนนี้ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ กันไป ใช้เวลาตั้งประมาณ ๓-๔ นาที ตอนนั้นห้อง ทีส่ อบมีประเทศอืน่ ร่วมอยูด่ ว้ ยคือฟิลปิ ปินส์ โปแลนด์ และอินเดีย ตอนเราทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ เสร็จ เรารู้ว่าเราเป็นที่หนึ่งในห้องนี้ แต่ห้องอื่นยัง ไม่รู้ พอออกจากห้องสอบไปคุยกัน ประเทศอืน่ ๆ ทุก คนต่างบอกว่าประเทศตัวเองทำได้เร็วสุด เราก็เลย
๑๓
ไม่ได้หวังอะไรมาก แล้วพอประกาศคะแนนในที่สุดไทยก็ได้ที่หนึ่ง ครับ รางวัลที่ได้คือโล่ห์กับใบประกาศซึ่งตอนนี้ตั้งอยู่ ที่สอวน. ครับ อยากให้น้องกอล์ฟพูดถึงประโยชน์ของวิชา ดาราศาสตร์หน่อยค่ะ เอาอย่างง่ายๆ นะครับ ที่ทุกคนสงสัยกันว่า ข่าวลือเรื่องโลกจะแตก เท่าที่ผมเรียนมา คิดว่าไม่ น่าเป็นไปได้ครับ ที่เขาบอกสนามแม่เหล็กโลกจะ กลับทิศ ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก หรือเรื่องที่จะมีดาวมา พุ่งชนโลก โอกาสการเกิดก็น้อยมาก เรียกว่าแทบ ไม่น่าเป็นไปได้ หรือที่เคยมีนักดาราศาสตร์ออกมาพูดว่า โลก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง หากมีกลุ่มดาวที่เรียงกัน ถึงจะเกิดเหตุการณ์นั้นจริงก็ไม่เกี่ยวกับโลก เพราะ อย่างดวงจันทร์ซึ่งอยู่ใกล้กับโลกที่สุด สิ่งที่ดวงจันทร์ ทำปฏิ กิ ริ ย ากั บ โลกก็ คื อ ปรากฏการณ์ น้ ำ ขึ้ น น้ ำ ลง เท่านั้น ตอนทีห่ าข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เจอข้อสอบของ มหาวิทยาลัยที่สหรัฐฯ เป็นการโต้เถียงโหราศาสตร์ ในเรือ่ งทีด่ วงดาวมีอทิ ธิพลต่อคน เขายกตัวอย่างง่ายๆ ว่า หมอที่ทำคลอดยังมีผลกระทบต่อเด็กที่เกิดมาก กว่า ผมก็ลองคำนวณทางฟิสิกส์ดู พบว่าแรงที่หมอ ทำคลอดทำต่อเด็กนั้นมีผลมากกว่าดวงดาวที่อยู่ห่าง จากโลก สรุปง่ายๆ ว่าโหราศาสตร์คือความเชื่อ วัตถุ ที่อยู่ใกล้กันถึงจะมีผลต่อกันครับ
๑๔
ตอนนี้น้องกอล์ฟพร้อมจะไปเรียนต่อที่ไหนคะ ตอนนี้ผมเตรียมตัวทางด้านภาษาอยู่ครับ ดูไว้ ว่าจะเข้าที่ Massachusetts Institute of Technology (MIT) ที่สหรัฐฯ เพราะอาจารย์ในค่าย สอวน. ก็จบ จากที่นี่ ซึ่งเด่นเรื่องวิศวะและฟิสิกส์ ส่วนรุ่นพี่ศิษย์ เก่าที่มาสอนก็จบจาก University of California เห็น ว่าทีน่ นั่ มีงานวิจยั ด้านดาราศาสตร์ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องไปเข้าเตรียมอุดมหนึ่งปี จากนั้นต้องเขียน บทความเพือ่ สมัคร แล้วต้องรอดูผลตอบรับจากมหาวิทยาลัยว่าจะรับหรือไม่รับ ส่วนอนาคตเมื่อกลับมา แล้ว ผมคงจะเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่สถาบันวิจัย ดาราศาสตร์ อยากทำงานวิจยั เพือ่ พัฒนาให้ทนั ประเทศ อื่น สุดท้ายแล้ว อยากให้น้องกอล์ฟฝากถึงเพื่อนๆ เยาวชนค่ะ อยากบอกว่า วิชาดาราศาสตร์ไม่ใช่แค่ดดู าวนะ ครับ มันคือการศึกษาดวงดาว เป็นวิชาที่มีมานาน หลายพันปี แต่คนสมัยก่อนเขาไม่มคี วามรูเ้ รือ่ งฟิสกิ ส์ ทำได้แค่สงั เกต ถึงตอนนีม้ วี ชิ าฟิสกิ ส์สามารถคำนวณ เพือ่ ศึกษาดวงดาว การกำเนิดของจักรวาล โครงสร้าง ของจักรวาลซึ่งล้วนมีผลต่อการดำรงชีพ นาซ่ายังมี โครงการที่เกี่ยวกับมนุษย์ ด้วยการออกไปสำรวจ อวกาศ เพือ่ หาดาวดวงใหม่ทมี่ สี งิ่ มีชวี ติ อาศัยอยู่ โดย เป้าหมายระยะยาวคือการย้ายมนุษย์ไปที่อื่น เพราะ โลกและดวงอาทิตย์ก็ต่างมีอายุขัย ส่วนเคล็ดลับการเรียนดี อยากให้เพื่อนๆตั้งใจ เรียน เวลาเรียนก็มีสมาธิ ทบทวนบ่อยๆ และควร หาความรูเ้ พิม่ ด้วยตัวเอง เราต้องพัฒนาหาความรู้ใส่ ตัวเองตลอดครับ
การอบรบสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นสิ่ง สำคัญ คุณพ่ออรรถพงษ์ กุลโชครังสรรค์ ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ และคุณแม่ทิภาพร กุลโชครังสรรค์ นิตกิ รชำนาญการ ศาลอาญา กรุงเทพฯ ใต้ ได้ถ่ายทอดข้อคิดให้กับน้องกอล์ฟมาอย่างดี คุณพ่ออรรถพงษ์ : ครอบครัวผมเป็นข้าราชการ ดังนัน้ สิง่ ทีเ่ ราจะบอกกับกอล์ฟตลอดเวลาคือ เราไม่มี เงินทองมากองให้ สิง่ ทีเ่ ป็นสมบัตทิ ดี่ สี ดุ คือ การเรียน ลูกจงตั้งใจเรียนหนังสือ และผมทำงานทางด้านศาล ด้วย ความซื่อสัตย์สุจริตถือเป็นเรื่องสำคัญ ผมสอน ให้เขามีจติ ใจรับใช้สงั คม ทำประโยชน์เพือ่ สังคม เวลา ที่เราเห็นคนไปนั่งไหว้ขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เราจะสอน เขาว่า ถ้าคิดแต่ว่าขอแล้วจะได้ ประเทศไทยจะไม่มี คนจน คนป่วยเลย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นทุก อย่างอยู่ที่เราต้องทำเองหมด ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี เพราะไม่มขี องฟรีในโลก การตัง้ ใจเรียนคือการลงทุน ที่เราจะได้ผลตอบแทนมา และบอกเขาว่าก่อนแข่ง ทุกครั้ง ควรนั่งสมาธิก่อน เพียงหนึ่งนาทีก็ยังดี เพื่อ เป็นการเตรียมสมองให้มีสมาธิครับ คุณแม่ทภิ าพร : จะเน้นความเป็นอยูช่ วี ติ ประจำ วันค่ะ ยอมรับว่า ในการแข่งขันย่อมทำให้เขาเครียด เราจะคอยปลอบว่า ท้อได้แต่อย่าถอย เวลาที่เขา เหนื่อยก็จะบอกเขาให้หยุด แล้วลองตั้งใจใหม่ โชคดีว่าอาจารย์ในค่าย สอวน.เป็นเพื่อนกันมา ตั้งแต่ประถมฯ แต่เรามาทราบตอนหลัง ได้มีโอกาส คุยกัน เขาก็ชื่นชมกอล์ฟว่า เป็นคนมีพัฒนาการ รู้จักถ่อมตัว ก่อนไปแข่งอาจารย์ท่านบอกว่า เชื่อว่า กอล์ฟต้องทำได้ เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมา น้องมี พัฒนาการทีด่ ขี นึ้ เรือ่ ยๆ ก่อนแข่งขันทุกครัง้ แม่จะคอย บอกเขาว่า ไม่ต้องแข่งกับใครนอกจากตัวเอง แล้ว คอยดูจังหวะว่า ถ้าเขาเครียดเกินไป ก็จะหาเรื่อง ชวนผ่อนคลาย แต่เขาเป็นเด็กมีวินัย พอเล่นเสร็จ ให้พอหายเครียดก็กลับมาท่องหนังสือต่อ
กอล์ฟกับคุณพ่อและคุณแม่
ความภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่ คุณแม่ทิภาพร : เมื่อเร็วๆ นี้อาจารย์ที่ประจำ ห้องกุหลาบเพชรเล่าว่า กอล์ฟเขาเป็นไอดอลของน้องๆ เวลาทีต่ วิ หนังสือ เขามักจะสอดแทรกคุณธรรมไปด้วย ซึง่ เราคิดว่า น่าจะเป็นสิง่ ทีซ่ มึ ซับจากทีเ่ ราสองคนอยู่ ในวิถีกระบวนการยุติธรรม การมีคุณธรรม และ ความรับผิดชอบตัวเองและสังคม เราภูมิใจที่เขามี ความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมค่ะ คุณพ่ออรรถพงษ์ : แน่นอนครับ ผมภูมิใจที่ ลูกจะกลับมารับราชการเพือ่ พัฒนาประเทศ วันทีเ่ ซ็น สัญญารับทุนบอกเขาว่า ตักตวงความรู้ให้มากที่สุด นะลูก และผมมั่นใจว่า อย่างไรเขาต้องกลับมารับใช้ ชาติ เหนือสิ่งอื่นใดผมและครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งใน พระมหากรุณาธิคณ ุ ของสมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงเป็นองค์ผู้ก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ สอวน. และทรง เป็นประธานมูลนิธิพระองค์แรก และสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทีท่ รงมีพระกรุณา รับงานนีต้ อ่ มา ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิง่ ยืนนาน ครับ ๑๕
เจ้าภาพแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระดับชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ศูนย์เจ้าภาพ
วิชา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๘ (The Eighth Thailand Mathematical Olympiad – 8th TMO) ระหว่างวันที่ ๒ - ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๗ (The Seventh Thailand Olympiad in Informatics – 7th TOI) ระหว่างวันที่ ๒ - ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การแข่งขันเคมีโอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๗ (The Seventh Thailand Chemistry Olympiad – 7th TChO) ระหว่างวันที่ ๕ - ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๘ (The Eighth Thailand Biology Olympiad – 8th TBO) ระหว่างวันที่ ๒๖ เมษายน - ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐ (The Tenth Thailand Physics Olympiad – 10th TPhO) ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ การแข่งขันดาราศาสตร์โอลิมปิกระดับชาติ ครั้งที่ ๘ (The Eighth Thailand Astronomy Olympiad – 8th TAO) ระหว่างวันที่ ๑ - ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔
ผูท้ ไี่ ด้รบั คัดเลือกเป็นผูแ้ ทนประเทศไทยไปแข่งขันฟิสกิ ส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย ประจำปีพทุ ธศักราช ๒๕๕๔
จำนวน ๘ คน เข้าแข่งขัน ณ เมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ระหว่างวันที่ ๑ - ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ชื่อ - สกุล โรงเรียน จังหวัด ๑. นายกำพล อัครวราวงศ์ มหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม ๒. นายจิรัฎฐ์ จิระวิชิตชัย เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ๓. นายธิปก รักอำนวยกิจ สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๔. นายปภพ สวัสดี เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ๕. นายพงศภัค สวัสดิรักษ์ เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ๖. นายภคพล ศุภนิรัติศัย เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ๗. นายวาริท อัศวานนท์ จิตรลดา กรุงเทพมหานคร ๘. นายยศนัย ชนัศรุติพันธุ์ สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ๑๖
Sport Hero
เรื่อง...เพลิน ภาพ : พิมพ์ณัฐ
นพเก้า พูนพัฒน์
แชมป์เยาวชนโลกเรือใบออพติมิสต์หญิง คนแรกของไทย นพเก้า พูนพัฒน์ หรือน้องนาย สาวน้อยที่ก้าวขึ้นรับตำแหน่งแชมป์โลก จากการแข่งขันแชมป์เยาวชนโลกเรือใบออพติมิสต์บุคคลหญิง ที่ประเทศบราซิล รวมถึงเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาเรือใบ ในเอเชียนเกมส์ที่กวางโจวในปีที่ผ่านมา การเจริญรอยตามคุณพ่อและพี่สาว ที่ต่างก็เป็นทีมชาติในกีฬาประเภทเดียวกัน รวมถึงความมานะอดทน ที่มีมากเกินตัว ทำให้สาวเล็กพริกขี้หนูคนนี้กลายเป็นนักกีฬาเรือใบ ที่ชาวต่างชาติทึ่งและชื่นชม ๑๗
ลู
กไม้หล่นไม่ไกลต้น คุณพ่อ (ร.ต.สมเกียรติ พูนพัฒน์) ซึง่ ทำหน้าที ่ เป็นโค้ชเรือใบทีมชาติไทย และพีส่ าว (เบญจมาศ พูนพัฒน์) ผูซ้ งึ่ เคยคว้าเหรียญทองแดงเอเชีย่ นเกมส์ มาก่อน ถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่พาให้น้องนาย ก้าวเข้าสูก่ ารเล่นเรือใบ โดยเริม่ เล่นเมือ่ อายุ ๗ ขวบ น้องนายบอกกับเราว่า ตอนนัน้ เป็นการเล่นแบบชิลๆ ยังไม่ได้คาดหวังอะไรมาก มาลงคอร์สเล่นเพื่อความ สนุก แต่พอเล่นไปสักพัก ก็เห็นว่า พี่สาวและคุณ พ่อต้องเดินทางไปแข่งต่างประเทศ น้องนายจึงคิด ว่าอยากมีโอกาสได้ไปบ้าง จึงทำให้เธอก้าวเข้าสู่การ เล่นเรือใบอย่างจริงจัง และเริ่มติดทีมชาติในขณะที่ มีอายุได้เพียง ๑๑ ปี โดยครอบครัวของเธอได้ตดั สิน ใจย้ายมายังอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี บ้านเกิด ของ ร.ต.สมเกียรติ ตั้งแต่เธออยู่ชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๔ หนูน้อยวัย ๖ ขวบ ฉายแววนักกีฬาเรือใบ ร.ต.สมเกียรติ เล่าให้ฟังว่า เห็นแววของน้อง นายเมื่ออายุเพียง ๖ ขวบ ตอนที่เธอมีโอกาสลงเรือ ที่สโมสรเรือใบวิจิตราธานี ในตอนนั้นน้องนายไม่มี ความกลัวแต่อย่างใด ทำให้เขายิง่ รูส้ กึ มัน่ ใจว่า ลูกสาว คนนี้คงจะเจริญรอยตามทางด้านกีฬาเช่นกัน ๑๘
ทำความรูจ้ กั กีฬาเรือใบ Optimist ประเภทใบเดีย่ ว ผู้เล่นต้องเป็นเยาวชน ชาย/หญิง เล่นคนเดียว อายุไม่เกิน ๑๕ ปี ขนาดของตัวเรือต้องมีความกว้าง ประมาณ ๑.๑๖ เมตร ความยาวของตัวเรือประมาณ ๒.๓๐ เมตร ความสูงของตัวเรือ ๐.๓๖ เมตร และ น้ำหนัก ๓๕ กิโลกรัม เข้าสู่การแข่งขันอันยิ่งใหญ่ สำหรับการแข่งขันในต่างประเทศรายการแรก ในวัย ๙ ขวบ น้องนายไปร่วมการแข่งขันชิงแชมป์ที่ ประเทศมาเลเซีย ตอนนัน้ เธอได้ที่ ๑ ใน Division C ซึ่งเป็นรุ่นที่กำหนดอายุต่ำกว่า ๑๐ปี เมื่ออายุ ๑๑ ปี เธอได้เข้าแข่งขันที่ประเทศสิงคโปร์ในการชิงแชมป์ เอเชียและชิงแชมป์อาเซียน แต่ตอนนัน้ ถือว่าเป็นการ ลองประสบการณ์ จึงยังไม่ได้เหรียญรางวัลกลับมา แต่พออายุ ๑๒ ปี เธอเข้าแข่งขันกีฬาซีเกมส์ดว้ ยอายุ ทีน่ อ้ ยกว่าคูแ่ ข่งมาก โดยมีผเู้ ข้าแข่งขันจากมาเลเซีย ซึ่งอายุ ๑๕ ปี และสิงคโปร์อายุ ๑๔ ปี ตอนแรกน้องนายยอมรับว่า ไม่คดิ ว่าจะสูก้ บั เขา ได้เลย แต่ผลก็ปรากฏว่า เธอสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ จึงบอกกับตัวเองว่า คู่แข่งล้วนแต่เป็นคนที่เธอ เคยซ้อมมาด้วย เธอก็จะเอาชนะให้ได้ และเมือ่ ได้ฝกึ ซ้อมมาอย่างดีสม่ำเสมอ ทำให้เธอคว้าชัยได้ในที่สุด
สุดประทับใจในการคว้าแชมป์โลกเรือใบออพติมิสต์ หญิงที่บราซิล ระหว่างวันที่ ๔-๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ สมาคม แข่งเรือใบแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. สำรวจ และ ผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) น้องนายคือหนึ่งใน นักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบชิงแชมป์โลก ประ เภทออพติมิสต์ จากทั้งหมดจำนวน ๕ ลำ คือ ลง ทำการแข่งขันทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม ใน รายการ Ioda World Sailing Championships รายการดังกล่าวมีเรือใบเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน ๒๑๑ ลำ จาก ๔๗ ประเทศทั่วโลก โดยทำการแข่ง ขันจำนวน ๑๒ เที่ยว ผลการแข่งขันปรากฏว่า น้องนายที่ขณะนั้นมี อายุเพียง ๑๔ ปี สามารถคว้าแชมป์โลกในประเภท ออพติมิสต์บุคคลหญิงมาครองได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่ง ในการแข่งขันถือว่าเป็น Queen of World Optimist 2009 โดยอันดับ ๒ เป็นของนักกีฬาจากประเทศ โปแลนด์ และอันดับ ๓ เป็นของนักกีฬาจากประเทศ เยอรมนี ส่วนในประเภททีม ซึ่งทำการแข่งขันแบบ นำคะแนนของนักกีฬาทั้ง ๕ คนมารวมกัน ผล ปรากฏว่า นักกีฬาแข่งเรือใบทีมชาติไทย ชนะการ แข่งขันเป็นอันดับ ๓ ของโลก คว้ารางวัลผลคะแนน รวมมาครอง โดยอันดับ ๑ เป็นของมาเลเซีย และ อันดับ ๒ เป็นของบราซิล
“เหนื่อยตอนซ้อม สบายตอนแข่ง” ปีที่แล้วกว่าจะคว้าแชมป์เอเชียนเกมส์ และชิง แชมป์โลกได้ น้องนายต้องเก็บตัวตัง้ แต่เดือนมีนาคม ถึงพฤศจิกายน สิ่งที่เธอต้องทำทุกวันคือ ออกกำลัง กายตั้งแต่เช้าโดยการวิ่ง โชคดีที่โรงเรียนสิงห์สมุทร ที่เธอศึกษาอยู่ให้การสนับสนุน เธอจึงได้รับการงด เว้นไม่ต้องเข้าแถวตอนเช้า เพื่อเอาช่วงเวลานั้นไป ออกกำลังกาย หลังจากนั้นจะเรียนครึ่งวัน เดินทาง มาที่สมาคมสโมสรราชวรุณในพระบรมราชูปถัมภ์ เพือ่ ซ้อมเรือต่อตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆ โดยมีวันหยุดแค่ วันจันทร์วนั เดียว โดยคำทีค่ ณุ พ่อสอนจนเธอจำขึน้ ใจ คือ “เหนื่อยตอนซ้อม สบายตอนแข่ง” เทคนิคพิชิตชัย การเรียนกีฬาเรือใบจะต้องเรียนรู้เทคนิคราว ๑ เดือน จากนั้นจะเป็นเรื่องของการหมั่นฝึกซ้อมอย่าง หนัก เพราะการได้ซอ้ มมากๆจะยิง่ พบเห็นข้อผิดพลาด และรู้จักการแก้ไข เทคนิคเวลาที่อยู่ในทะเลจะต้องดู ทิศทางลมกับกระแสน้ำ หากลมกับกระแสน้ำมาทาง เดียวกัน ให้ทวนน้ำไปก่อน แต่หากมาคนละทางกัน ต้องแล่นตามน้ำไป ซึง่ กระแสลมและกระแสน้ำในแต่ ละประเทศทีเ่ ข้าแข่งขันก็จะต่างกัน ดังนัน้ เมือ่ เดินทาง ไปถึงควรเริม่ ฝึกซ้อมเพือ่ จับจังหวะทะเลว่า ลมเข้าทาง ไหน เข้ากี่ทาง กระแสน้ำเป็นอย่างไร ยิ่งเวลาแข่ง ต่างประเทศ ต้องฝึกเรือของประเทศนัน้ ๆ ด้วย เพือ่ จับ จุดเรือ เนือ่ งจากเรือแต่ละลำเองก็มคี วามแตกต่างกัน
๑๙
สบายใจในทะเล สำหรับเสน่ห์ของกีฬาเรือใบ น้องนายให้ความ เห็นว่า เป็นกีฬาที่สนุก ได้มาเล่นก็ทำให้มีเพื่อนมาก ขึ้น แถมยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทุกครั้งที่ เธอมีเรื่องเครียด เวลาที่ได้ไปอยู่ในทะเล แล้วเล่น เรือใบ มีทั้งสายลมและสายน้ำ จะทำให้เธอกลับรู้สึก ดีขึ้นมาทันที กำลังใจจากบุพการี น้องนายบอกว่า ก่อนการแข่งขัน แม้คุณแม่ (ภรภัทร พูนพัฒน์) จะไม่ได้เดินทางไปด้วย แต่มัก จะส่งกำลังใจมาให้เสมอพร้อมคำอวยพรให้โชคดี ส่วน คุณพ่อทีเ่ ดินทางไปด้วยทุกครัง้ มักจะให้กำลังใจแบบ เป็นนัยๆ และเธอก็รสู้ กึ ขอบคุณทีต่ อนอยูใ่ นทะเลด้วยกัน คุณพ่อจะไม่เคยกดดันเธอเลยสักนิด สิ่งที่คุณพ่อคุณ แม่มักจะพร่ำสอนก็คือ เมื่อเป็นแชมป์แล้วอย่าหยิ่ง ให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทุกวันพุธน้องนายจะ ต้องนั่งสมาธิ บางครั้งก็ไปบวชชีพราหมณ์กับคุณแม่ ทั้งหมดนี้จึงทำให้น้องนายเป็นที่รักแก่ผู้พบเห็น ‘นักธุรกิจหญิง’ อีกหนึ่งอาชีพที่ฝันถึง ปัจจุบันเธอกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสิงห์สมุทร ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเลือกเรียนสาย วิทย์-คณิต เมื่อถามถึงอาชีพในฝันนอกจากการเล่น กีฬาเรือใบแล้ว น้องนายอยากเป็นนักธุรกิจหญิง ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเรือหรืออาจจะไม่เกี่ยว ก็ได้ และหลังจากเรียนจบแล้ว เธอก็อยากจะศึกษา ต่อทางด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้มีพระคุณของแชมป์โลก การก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก น้องนายบอกว่า มีผู้ เป็นแรงสนับสนุนให้กับเธอมากมาย อาทิ สมาคม แข่งเรือใบแห่งประเทศไทยฯ สมาคมสโมสรราชวรุณ ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณอนิรุทธิ์ โปษะกฤษณะ คุณมาลี วิฟคร็าฟผู้เปรียบเสมือนคุณแม่คนที่สอง ลุงไก่ และที่เธอรักมากที่สุดคือคุณพ่อ-คุณแม่ รวม ทั้งพี่สาวที่เธอเดินตามเส้นทางมาตลอด
๒๐
มุ่งมั่นสู่แชมป์โอลิมปิก กีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่จะจัดขึ้นในปีหน้า อาจจะ ยังไม่มชี อื่ ของน้องนายเข้าแข่งขัน เนือ่ งจากน้องนาย ต้องการให้เวลากับการซ้อมมากกว่านี้ เพราะเป็น การแข่งขันที่ไม่จำกัดอายุ จึงทำให้มีแต่นักกีฬาที่ มากประสบการณ์ แต่สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกอีก สีป่ ถี ดั ไป เราเชือ่ ว่าน้องนายจะสามารถคว้าแชมป์มาให้ เราคนไทยได้ร่วมกันแสดงความยินดีอีกแน่นอน ชักชวนเพื่อนเยาวชนให้มาสนใจกีฬาเรือใบ น้องนายทิง้ ท้ายถึงเพือ่ นๆ ที่ไม่มกี จิ กรรมใดทำ ระหว่างปิดเทอม อยากให้ลองมาเล่นกีฬาเรือใบดู ถ้า ได้มาลองเล่นแล้วจะรูว้ า่ เป็นกีฬาทีส่ นุก สร้างมิตรภาพ และพบเจอเพือ่ นมากมาย เกิดความผูกพันจนไม่อยาก จะจากกันเลย โค้ชตัวจิ๋วบินสู่ออสเตรเลีย นับตั้งแต่ได้แชมป์โลก ก็มีหลายชาติทาบทาม ให้นอ้ งนายไปเป็นโค้ชสอนเด็กในประเทศนัน้ ๆ โดยล่าสุด น้องนายใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมใหญ่บนิ สูอ่ อสเตรเลีย เพือ่ ไปเรียนภาษาวันละสามชัว่ โมง จากนัน้ เป็นคิวสอน เรือใบให้กับสโมสรที่โน่น นี่คืออีกหนึ่งความภูมิ ใจที่ดีกรีแชมป์ โลกของ น้องนาย ทำให้เรารู้ว่า ชาติไทยเรายิ่งใหญ่มากแค่ ไหนในสายตาชาวโลก
ตำราเล่มใหญ่
เรื่อง..สีฟ้า ภาพ : พิมพ์ณัฐ
จรรโลงใจ ณ หอศิลป์กลางกรุง
‘หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร’ ท่ามกลางศูนย์การค้ามากมายที่ เปิดขึ้นมาเพื่อเอาใจคนกรุง เราจึงรู้สึกยินดีมิใช่น้อย ที่กลางสี่แยกปทุมวัน มีหอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กรุงเทพมหานครแทรกตัวขึ้น ที่นี่จึงเป็นดั่งโอเอซิสกลางเมือง ที่ชวนให้เราละทิ้งจากความ วุ่นวายภายนอกเดินทาง เข้าสู่ความงดงามทางจิตใจ
อ
าคารสีขาวหลังมหึมา ดูจากภายนอกเราจะไม่รู้ เลยว่า ด้านในนั้นจุความสูงของตึก ๙ ชั้นเอา ไว้ ทั้งด้านล่างยังทำเป็นชั้นใต้ดินอีก ๒ ชั้น เพียง เดินเข้าไปสำรวจภายใน เราพบว่าตัวอาคารได้รบั การ ออกแบบมาให้เป็นทรงกลม ซึ่งสามารถเชื่อมต่อ ระหว่างชั้นได้ด้วยทางเดินวนลักษณะคล้ายก้นหอย เวลาที่มองขึ้นไปจากชั้นล่าง เราจะสามารถมองเห็น ทุกชั้นได้ชัดเจน เป็นการออกแบบที่งดงามน่าทึ่งตั้ง แต่แรกสัมผัส ด้วยความที่พื้นเป็นแนวเอียงขึ้นเชื่อมต่อไป แต่ละชั้น ทำให้ผู้ที่เข้ามาชมผลงานสามารถเดินชม ได้ต่อเนื่องจากชั้นหนึ่งไปยังอีกชั้น รู้สึกประทับใจใน ไอเดียนี้ เพราะผู้ที่ต้องใช้รถเข็นก็สามารถชมงานได้ ง่ายเช่นกัน ๒๑
แสงสุกสว่างส่องลอดผ่านจากหลังคาโปร่งด้านบน แต่นักออกแบบก็คิดไว้แล้ว ว่าแสงนั้นจะต้องไม่รุนแรงถึงขั้นทำลายผลงานศิลปะที่แสดงอยู่ข้างใน นอกจากห้อง นิทรรศการทีม่ อี ยูห่ ลายส่วนแล้ว ภายในยังมีสว่ นทีเ่ ป็นห้องสมุดประชาชน ห้องปฏิบตั ิ การศิลปะ ห้องอเนกประสงค์ ๓๐๐ ที่นั่ง ร้านค้า รวมไปถึงโรงภาพยนตร์ โรงละคร ขนาด ๒๒๒ ที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ ดังนี้ ชั้น L รวบรวมหนังสือและสื่อความรู้ด้านศิลปะพร้อมบริการอินเตอร์เน็ตและมุม เด็กเล็ก เปิดบริการ ๑๐.๐๐ – ๑๘๐๐ น. ชั้น ๑ พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมในหลายรูปแบบ มีขนาดความจุได้ ๒๕๐ ที่นั่ง ชั้น ๒-๓ ส่วนร้านค้า เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปีที่ผ่านมา มีทั้งร้านกาแฟ อาหาร หนังสือ ซีดี การตกแต่งของแต่ละร้านล้วนแต่ตอบโจทย์ของผูท้ ชี่ นื่ ชอบงานศิลปะทัง้ สิน้ มีศลิ ปินไทยมาแสดงงานภาพตามผนัง ผู้ให้ความสนใจมีทงั้ ชาวไทยและเทศ หรือ ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ของตัวเองไปประดับบ้าน ทีน่ กี่ ม็ บี ริการวาดภาพคนเหมือน เรา สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาไม่เกิน ๓๐๐ บาท ถ้าค่อยๆ เดินไปดูทีละภาพก็จะพบ ความงามในการตวัดปลายแปรงของศิลปินแต่ละคน ซึง่ ล้วนแต่เป็นศิลปินหน้าใหม่ทงั้ สิน้ เราได้แวะเข้าไปดูในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ ทำให้ได้เรียนรู้เบื้องหลังการ พากย์สมัยก่อน มีสายเทปมากมายไว้ทำเสียงฝน กะลามะพร้าวประกอบเสียงกุบกับ ของม้า มีไมโครโฟนรุ่นดึกที่ยังเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ก็ใจดีมาก ยินดีให้เราถ่ายรูปได้ทุกมุม ใครที่ สนใจงานพากย์สมัยก่อนว่าเขามีวธิ พี ากย์กนั อย่างไร ก็สามารถแวะเวียนไปเยีย่ มชมได้ ระหว่างนั้นเพื่อนๆ ก็จะได้ยินเสียงเพลงสมัยก่อน ซึ่งถ้าพาคุณพ่อคุณแม่มาด้วย ท่าน คงรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปหาอดีตอันแสนหวาน ๒๒
ชั้น ๔ เป็นห้องสตูดิโออเนกประสงค์สำหรับการแสดงละคร กิจกรรมต่างๆ ด้าน ศิลปะบนพื้นที่ ๓๕๐ เมตร ชัน้ ๕ ห้องออดิทอเรียม บรรจุทนี่ งั่ ๒๒๒ ทีน่ งั่ สำหรับการประชุม ฉายภาพยนตร์ และการแสดงต่างๆ ชัน้ ๖ เป็นสถานทีฝ่ ากสัมภาระและสอบถามข้อมูล โดยจะไม่อนุญาตให้เอากระเป๋า เข้าไป สิ่งที่นำติดตัวไปได้มีเพียงของมีค่าเท่านั้น บันไดเลื่อนนำสู่ส่วนชั้น ๗-๙ มีพื้นที่แต่ละชั้นขนาด ๓,๐๐๐ เมตร สำหรับจัด แสดงงานทัศนศิลป์ ชั้นนี้มีป้ายบอกห้ามถ่ายรูป ซึ่งเราก็ยอมรับโดยดี เพราะต้องการ ให้เกียรติแก่ศลิ ปิน โดยการแสดงงานนัน้ จะมีการปรับหมุนเวียนไปครัง้ ละประมาณ ๓-๔ เดือน ช่วงที่เราไปนั้น บนชั้น ๗ มีการจัดแสดงงาน “จังหวะก้าว...อาเซียน ๑๐ + ๑ ยุทธศาสตร์ ศิลปะวิธี” เป็นงานจากศิลปินเอเชียที่นำไอเดียแปลกๆ มานำเสนอในรูป แบบหลากหลาย อาทิ มัลติมีเดีย และงานประติมากรรม ส่วนชั้น ๘ เป็นงานภาพถ่ายของช่างภาพแฟชั่นชั้นแนวหน้าของประเทศไทย และทั่วโลก นำเสนอโดยงานเทศกาลวัฒนธรรม La Fete ซึ่งเป็นความร่วมมือของ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยและสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพฯ ในส่วนนี้ทำได้ออกมาน่าประทับใจมาก แบ่งเป็นสามส่วน คือ Fashion Story พาเราท่องสู่โลกแห่งความงามผ่านผลงานของช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง ๔ คนได้แก่ ฌอง มารี เปรีเย่ร์ เฌอราด์ อูเฟร่าด์ ฟรองซัว อุ๊กกีเย่ และดีเรก ฮัดสัน
๒๓
Moonlight คือการแสดงให้เห็นโฉมหน้าใหม่ของวงการ แฟชั่นโดยช่างภาพฌอง ฟรองซัว เลอปาจ ซึ่งได้ร่วมงานกับ ห้องเสื้อแฟชั่นชั้นนำ เช่น คริสเตียน ดิออร์ กอม เดซ์ การ์ซง ห้างสรรพสินค้าแพรงตองส์และชู อูเอมูระ ซึง่ เลอปาจนัน้ มีความ สามารถพิเศษสร้างงานศิลปะแบบ Plastic Arts เปิดมุมมองให้ เราได้รู้จักภาพถ่ายแนวใหม่ และ Samsara เป็นการจัดแสดงงานภาพถ่ายโดยช่างภาพ แฟชั่นชาวไทย อาทิ ศักดิ์ชัย กาย ณัฐ ประกอบสันติสุข ธาดา วาริช เป็นต้น หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ Bangkok Art and Culture Centre (bacc) มีชื่อย่อเรียกกันง่ายๆ ว่า “หอศิลป์กรุงเทพ” อยู่ในความดูแลของมูลนิธหิ อศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ก่อนจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๕๕๑ ส่วนวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้น หอศิลป์กรุงเทพตั้งใจให้ สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมแก่ชุมชน และประชาชน ทำพืน้ ที่ให้เป็นการเชือ่ มโยงทุนเดิมจากมรดกทาง วัฒนธรรมเข้ากับศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ก่อเกิดองค์ความรู้ อันหลากหลาย ทั้งยังใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเครือ ข่ายและระดมทรัพยากรในการดำเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรม และเป็นองค์กรส่งเสริม สร้างโอกาส ประสานการดำเนินงานของ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรส่วนท้องถิน่ เพือ่ สร้างและ พัฒนาระบบการบริหารจัดการหอศิลป์ฯสู่ระดับมาตรฐานสากล รวมถึงเป็นเวทีในการนำเสนอและบริหารการจัดการ การ แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศ เป็นส่วนเสริมสร้าง ศักดิ์ศรีแก่กรุงเทพมหานคร สู่ความเป็นมหานครแห่งศิลป วัฒนธรรมโลก สำหรับเพื่อนๆที่เป็นศิลปินหน้าใหม่และต้องการนำเสนอ ผลงานนั้น ก็สามารถติดต่อไปที่ หอศิลป์กรุงเทพ หากได้ผ่าน ขบวนการพิจารณา ก็จะมีที่โชว์งานสุดเท่ใจกลางกรุงเช่นกัน ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ได้ให้ความหมายของศิลปะไว้ว่า “ศิลปะ หมายถึง งานอันเป็นความพากเพียรของมนุษย์ ซึง่ จะต้องใช้ความพยายามด้วยมือและด้วยความ คิด” เช่นเดียวกับหอศิลป์แห่งนี้ที่กว่าจะได้มาต้องผ่านความพากเพียรของกลุ่มชนผู้รัก ในงานศิลปะเช่นกัน เช่นนัน้ แล้ว ถ้าเราจะบอกว่า หอศิลป์กรุงเทพนีเ้ ปรียบได้กบั งานศิลป์ชนิ้ เอกของ เมืองไทย ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง...ใช่ไหมคะ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ตัง้ อยูบ่ ริเวณสีแ่ ยกปทุมวัน ถนนพระราม ๑ เปิดให้บริการในวันอังคาร - วันอาทิตย์ ในเวลา ๑๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. สอบถามรายละเอียด ได้ที่ โทร.๐-๒๒๑๔-๖๖๓๘ www.bacc.or.th
๒๔
กว่าจะเป็นประเทศไทย
เรื่อง..คุณหญิงคณิตา เลขะกุล
กรุงศรีอยุธยา ราชธานีไทย
ภู
เหตุที่มาตั้งกรุงศรีอยุธยานั้น มันมีอยู่อย่างหนึ่งไม่ ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องของการตั้งประเทศแข่งเมืองสุโขทัย จับตรงที่สามแพร่งเพื่อจะ บีบจมูกกรุงสุโขทัยทีเดียว
มิสถานบ้านเมือง เมื่อพุทธศักราช ๑๘๙๓ สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ ๑ (พระเจ้าอูท่ อง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา ขึ้นที่ตำบลหนองโสน คือ เมื่อ ๖๖๑ ปีมาแล้ว เป็น ราชธานีของไทยอยู่ ๔๑๗ ปี มีพระมหากษัตริยป์ กครอง สืบต่อกันมา ๕ ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์ลพบุรี ราชวงศ์ สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สโุ ขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง รวม ๓๓ พระองค์ กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดี มั่นคงทั้งทาง ยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็น บริเวณที่มีลำน้ำใหญ่ ๓ สาย ล้อมรอบ คือ แม่น้ำ เจ้าพระยาไหลจากทิศตะวันตกของเมืองมาทางตะวัน ออก แล้ววกลงมาทิศใต้สายหนึง่ เชือ่ มกับแม่นำ้ ป่าสัก
ซึ่งไหลมาจากทางเหนือลงมาทางทิศตะวันออก และ แม่น้ำลพบุรีไหลผ่านทางทิศเหนือ เมื่อสมเด็จพระ รามาธิบดีที่ ๑ โปรดให้ขดุ คูขอื่ หน้า เชือ่ มระหว่างแม่นำ้ ลพบุรีกับแม่น้ำป่าสัก ทำให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็น เกาะ มีสัณฐานคล้ายสำเภานาวา ลอยลำสง่างามอยู่ ท่ามกลางแม่น้ำสามสายและคูขุดใหม่ ในสมัยต่อมา สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้ขดุ คูขอื่ หน้าให้กว้าง และลึกเพื่อป้องกันข้าศึก จึงเป็นผลให้แม่น้ำป่าสัก เปลีย่ นทางเดิน กลายเป็นแม่นำ้ ใหญ่ไหลผ่านพระนครศรีอยุธยาทางตะวันออก ไปบรรจบกับแม่นำ้ เจ้าพระยาที่ บางกระจะ ส่วนแม่น้ำลพบุรีเดิมที่ไหลผ่านพระนครศรีอยุธยาทางทิศเหนือตื้นเขินกลายเป็นคลอง เรียก ว่า คลองเมือง ดังปรากฏทุกวันนี้ ๒๕
สมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงใช้ลำน้ำทั้งสามสาย เป็นคูเมืองธรรมชาติไว้ป้องกันข้าศึกศัตรู และโปรด ให้สร้างกำแพงพระนครเป็นไม้ระเนียดปักบนเชิง เทินดิน แนวกำแพงด้านเหนือ ด้านตะวันตก และ ด้านใต้ ตั้งกำแพงถึงริมแม่น้ำทั้งสามด้าน แต่ด้าน ตะวันออก ลำน้ำป่าสักอยู่ห่างมาก แนวกำแพงอยู่ หลังเพนียดคล้องช้างเข้าไป ครั้นถึงแผ่นดินสมเด็จ พระมหาจักรพรรดิ โปรดให้เปลีย่ นเชิงเทินดินกำแพง รอบพระนครเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน เมือ่ พ.ศ. ๒๐๙๒ และย้ายเพนียดคล้องช้างตรงวัดซองออกไปที่ตำบล ทะเลหญ้านอกเกาะเมือง เพื่อขยายกำแพงพระนคร ออกไปให้ถึงริมน้ำ แต่บังเอิญติดการทัพเสียก่อน ในพระนครศรีอยุธยามีการขุดคลองหลายสาย ขนานไปกับคูขอื่ หน้า เพือ่ ให้ราษฎรใช้เป็นทางสัญจร ภายในเมือง มีน้ำไว้ใช้สอย และระบายสิ่งโสโครกลง ลำน้ำใหญ่ เนือ่ งจากมีลำคลองมากนีเ่ อง จึงมีสะพาน ข้ามคลองหลายสิบแห่ง บ้างก็เป็นสะพานอิฐรูปโค้ง เพื่อให้เรือแล่นลอดไปมาได้ บ้างก็เป็นสะพานไม้ มี สะพานอยู่แห่งหนึ่งสร้างด้วยศิลาแลงเพื่อให้ช้างข้าม ส่วนสองข้างคลองมีถนนพูนดินขึ้นสูงเพื่อกันน้ำท่วม กว้างราว ๒ - ๓ วา เลียบขนานไปกับลำคลอง กลาง ถนนปูอิฐตะแคง สองฟากถนนปลูกต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น และสวยงาม ใช้เป็นทางสัญจรไปมา ถนนในกรุงศรีอยุธยามีมากมายหลายสายตัด กันเป็นตาตาราง มีถนนหลวงเป็นถนนกว้างใหญ่ ตรงไปจากหน้าพระบรมมหาราชวังถึงประตูชยั ซึง่ อยู่ ริมน้ำด้านใต้สำหรับมีงานใหญ่ เช่น แห่พยุหยาตรา กฐินหลวง สระสนานช้างม้า แห่รบั พระราชสาส์น ฯลฯ ตรงทีถ่ นนขวางและถนนสายรีตดั กันเป็นทาง ๔ แพร่ง ๒๖
กลางพระนคร เรียกว่า ตะแลงแกง ริมถนนตะแลงแกง ด้านเหนือมี หอกลอง ห่างจากหอกลองไปด้านหลัง มีวัดเกศ ต่อจากวัดเกศไปเป็นคุก ข้ามฟากถนน ตะแลงแกงทางใต้ ด้านตะวันตกมีศาลพระกาฬ ศาล พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง ตาม ถนนในพระนครศรีอยุธยาใช้แต่พาหนะ ช้าง ม้า ไม่มี รถ หรือ เกวียน จะมีกแ็ ต่รถหลวงใช้ในการแห่เท่านัน้ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งผังบริเวณพระนครออก เป็นย่าน หรือบริเวณต่างๆ เพื่อความเป็นระเบียบ สวยงาม สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของบ้านเมืองอย่างชัดเจน นับ แต่บริเวณทีเ่ ป็นพระบรมมหาราชวัง อันเป็นทีป่ ระทับ และบริหารราชการแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ วัดวา อาราม ทั้งที่เป็นวัดหลวงและวัดราษฎร์ ย่านตลาด ร้านค้า ย่านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ไปจนถึง ย่านที่อยู่อาศัย และสถานที่พักสินค้า ห้าง โกดังเก็บ สินค้าของชาวต่างประเทศที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งใน พระนครศรีอยุธยาอีกด้วย ตำบลที่เรียกว่าป่าในพระนครศรีอยุธยา เป็น ตลาดปสานที่ประชุมคน ย่านใดมีสินค้าสิ่งใดขายก็ เรียกว่าป่าของสิ่งนั้นๆ เช่น ป่าตะกั่ว เป็นตลาดขาย ลูกแหและเครือ่ งตะกัว่ ย่านป่ามะพร้าว เป็นตลาดขาย มะพร้าว ป่าผ้าเหลือง ก็คือย่านตลาดขายผ้าไตรจีวร ป่าตอง เป็นทีส่ วนกล้วย มีใบตองขายในย่านนัน้ เป็นต้น แม่น้ำรอบกรุงศรีอยุธยาทั้งสี่ด้าน มีท่าเรือจ้าง ๒๒ ตำบล มีตลาดเรือ (ตลาดน้ำ) รอบกรุง ๔ ตลาด ตลาดบกนอกกรุงศรีอยุธยา ๓๐ ตลาด มีพ่อค้า ประชาชนทำการค้าขายหนาแน่น ตามแม่น้ำเข้ากรุง ทั้งสี่ทิศมีด่านคอยเหตุสำหรับตรวจคนแปลกปลอม
กับสิง่ ของต้องห้ามทีจ่ ะเข้ามาหรือออกไปจากพระนคร มีขนอนสี่ทิศเป็นที่ตั้งเก็บภาษี เป็นต้นว่า ขนอนบาง ตะนาวศรี ซึ่งเป็นด่านภาษีใหญ่กว่าทุกแห่งเรียกว่า ขนอนหลวง สำหรับตรวจผู้คนและเรือลูกค้า กับเก็บ ภาษีสินค้าที่เข้าออกทางหัวเมืองชายทะเล และต่าง ประเทศ จากอโยธยามาสู่อยุธยา การที่พระเจ้าอู่ทองมาสร้างกรุงศรีอยุธยานั้น ผูร้ ยู้ งั ถกเถียงกันมากมายว่า เป็นเพราะกรุงศรีอยุธยา เป็นทำเลทีม่ อี าหารการกินอุดม สมบูรณ์ และเพราะเกิดโรคห่า ขึน้ ทีเ่ มืองอูท่ องเดิมหรืออย่างไร แล้วพระเจ้าอู่ทองมาจากไหน กันแน่ ก่อนมาพักพลอยูท่ เี่ วียง เล็กหรือเวียงเหล็ก ๓ ปี แล้ว จึงมาสร้างกรุงศรีอยุธยาขึ้นที่ หนองโสน สมเด็จฯ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ มีบันทึกรับสั่ง “เรื่ อ งสร้ า งกรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา” ประทานหม่อมราชวงศ์สมุ นชาติ สวัสดิกุล ความตอนหนึ่งว่า “...เหตุที่มาตั้งกรุงศรีอยุธยานั้น มันมีอยู่อย่าง หนึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องของการตั้งประเทศ แข่งเมืองสุโขทัย จับตรงที่สามแพร่งเพื่อจะบีบจมูก กรุงสุโขทัยทีเดียว การมาตัง้ ก็เพียรมาเป็นเวลาถึงสามสี่ ปีไม่ใช่ของเร็ว ดูไม่ใช่เรือ่ งห่า เพราะเหตุไรคิดดูไม่ใช่ ของง่าย แต่ก็ไม่เกินปัญญาคนนัก พอจะเห็นได้ เมือ่ ก่อนกรุงสุโขทัยตัง้ เป็นอิสระนัน้ เป็นเมืองของพวกขอม อยู่ตลอดไป ขอมตั้งเมืองละโว้เป็นราชธานีๆ ของ ขอมอยู่ใกล้ๆ กับกรุงศรีอยุธยา และข้อสำคัญอยู่ที่ ว่า ผูแ้ ต่งพงศาวดารไม่ได้สงั เกตตรงทีเ่ มืองอยุธยานัน้ ว่าเป็นประตูบา้ นของกรุงสุโขทัย การตัง้ เมืองทีอ่ ยุธยา นั้นเป็นการจับประตูบ้านทีเดียว ฉะนั้นจึงไม่เป็นการ เล็กน้อยเลย และไม่ใช่เป็นการทีท่ ำได้เร็ว” บันทึกรับสั่ง ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ยังทรงเล่า อีกว่า “อยุธยาเดิมเรียกว่า อโยธยา พิจารณาดูให้ ละเอียดจะเห็นได้วา่ เมืองเดิมนีต้ งั้ ก่อนเมืองอูท่ องมา
ถึงหลายสิบปี คงเป็นที่ลุ่มเป็นทำเลเรือ คงสังเกตได้ ในพงศาวดารหลวงประเสริฐขึน้ ต้นปูมวันสร้างพระเจ้า พนัญเชิง ก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยาหลายปี การสร้าง พระโตเช่นนั้นคิดดูง่ายๆ ก็จะเห็นว่าต้องสร้างในที่ที่ มีคนมาก ในพงศาวดารก็รบั อยูแ่ ล้วา่ เป็นเมืองอยู่ และ ว่าพระเจ้าอูท่ องมาอยูท่ เี่ วียงเหล็กวัดพุทไธสวรรย์กอ่ น “...ในพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวว่า พระเจ้าอู่ทองนี้ไม่ใช่เชื้อวงศ์อู่ทอง แต่ เป็นเขย ในพงศาวดารเหนือว่าเป็นลูกเศรษฐีนั้นไม่ จริง เข้าใจว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นเชื้อทางละโว้ ไปเป็น เขยเมื อ งอู่ ท องและคบคิ ด กั บ พระยาอู่ ท องตั้ ง เป็ น อิสระ ไม่ช้าทางกรุงสุโขทัยพระยาเลอไทยก็สวรรคต พระยาลือไทยมหาธรรมราชาได้ราชสมบัติจะปราบก็ ปราบไม่ลง กำลังไม่พอจะปราบกรุงศรีอยุธยา จึงขอ ไมตรีกบั พระเจ้าอูท่ องเป็นการเสมอกัน ไมตรีนนั้ เป็น มาตลอดสมัยพระเจ้าอู่ทอง...” เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ทรงทำพิธีบรม ราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา แล้ว ทรงตัง้ พระราเมศวรราชโอรสไปครองเมืองลพบุรี ซึ่งเป็นเมืองด่านต่อแดนสุโขทัยทางเหนือ และต่อ แดนเขมรทางตะวันออก ทรงตัง้ พระเชษฐาพระมเหสี ทรงพระนามว่า “พงั่ว” เป็นพระบรมราชาไปครอง เมืองสุพรรณบุรี สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ได้ทรงวางรากฐาน การปกครองราชอาณาจักรอยุธยาไว้เป็นปึกแผ่นมัน่ คง มีการตรากฎหมายไทย เป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นเป็น ครัง้ แรก และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเป็นประโยชน์ ต่อชาติไทยเป็นอเนกประการ เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๑๙๑๒ เมือ่ พระชนมายุ ๕๕ พรรษา ในกรุงศรีอยุธยา ได้สร้างพระบรมรูปของพระองค์ขึ้น ขานพระนามว่า พระเชษฐบิดร เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนใน ฐานะเทพารักษ์ประจำพระนคร เมื่อถึงเวลาถือน้ำ พระพิพฒั น์สตั ยาประจำปี ข้าราชการจะเข้าไปสักการะ พระบรมรูปพระเชษฐบิดรก่อนไปกราบพระรัตนตรัย แล้วจึงเข้าไปรับน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เป็นประเพณี ปฏิบัติกันเช่นนี้ตลอดมา จนเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๓๒๘ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้อัญเชิญ พระบรมรูปพระเชษฐบิดรมาไว้ ณ กรุงเทพมหานคร และโปรดให้แปลงเป็นพระพุทธรุปหุ้มเงิน ๒๗
พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ยุคสมัย ราชวงศ์ พระนาม อยุธยายุคต้น ราชวงศ์ลพบุรี ๑. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒. สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ ๑) ๑๙๕๒ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ๓. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (พงั่ว) ๔. พระเจ้าทองลัน (ถูกปลงพระชนม์) ราชวงศ์ลพบุรี สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ ๒) ๕. สมเด็จพระรามราชา (ถูกถอดจากราชสมบัติ) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ๖. สมเด็จพระอินทราธิราช (เจ้านครอินทร์) ๗. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ๘. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ๙. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ อยุธยายุคกลาง ๑๐. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ พ.ศ. ๑๙๕๒ - ๑๑. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (หน่อพุทธางกูร) ๒๑๑๒ ๑๒. พระรัษฎาธิราช (ถูกปลงพระชนม์) ๑๓. สมเด็จพระชัยราชาธิราช ๑๔. พระยอดฟ้าหรือพระแก้วฟ้า ๑๕. สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ๑๖. สมเด็จพระมหินทราธิราช ราชวงศ์สุโขทัย ๑๗. สมเด็จพระมหาธรรมราชา ๑๘. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๑๙. สมเด็จพระเอกาทศรถ ๒๐. พระศรีเสาวภาคย์ (ถูกปลงพระชนม์) ๒๑. สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ๒๒. สมเด็จพระเชษฐาธิราช (ถูกปลงพระชนม์) ๒๓. พระอาทิตยวงศ์ (ถูกถอดจากราชสมบัติและถูก ปลงพระชนม์ภายหลัง) อยุธยายุคปลาย ราชวงศ์ปราสาททอง ๒๔. สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๑๒ - ๒๕. สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (ถูกปลงพระชนม์) ๒๓๑๐ ๒๖. สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา (ถูกปลงพระชนม์) ๒๗. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ๒๘. สมเด็จพระเพทราชา ๒๙. สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ๓๐. สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ๓๑. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ๓๒. สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (สละราชสมบัติออกผนวช) ๓๓. สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ๒๘
รัชสมัย พ.ศ. ๑๘๙๓-๑๙๑๒ พ.ศ. ๑๙๑๒-๑๙๑๓ พ.ศ. ๑๙๑๓-๑๙๓๑ พ.ศ. ๑๙๓๑-๑๙๓๑ พ.ศ. ๑๙๓๑-๑๙๓๘ พ.ศ. ๑๙๓๘-๑๙๕๒ พ.ศ. ๑๙๕๒-๑๙๖๗ พ.ศ. ๑๙๖๗-๑๙๙๑ พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๐๓๑ พ.ศ. ๒๐๓๑-๒๐๓๔ พ.ศ. ๒๐๓๔-๒๐๗๒ พ.ศ. ๒๐๗๒-๒๐๗๖ พ.ศ. ๒๐๗๖-๒๐๗๗ พ.ศ. ๒๐๗๗-๒๐๘๙ พ.ศ. ๒๐๘๙-๒๐๙๑ พ.ศ. ๒๐๙๑-๒๑๑๑ พ.ศ. ๒๑๑๑-๒๑๑๒ พ.ศ. ๒๑๑๒-๒๑๓๓ พ.ศ. ๒๑๓๓-๒๑๔๘ พ.ศ. ๒๑๔๘-๒๑๕๓ พ.ศ. ๒๑๕๓-๒๑๕๓ พ.ศ. ๒๑๕๓-๒๑๗๑ พ.ศ. ๒๑๗๑-๒๑๗๒ พ.ศ. ๒๑๗๒-๒๑๗๒ พ.ศ. ๒๑๗๒-๒๑๙๙ พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๑๙๙ พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๑๙๙ พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑ พ.ศ. ๒๒๓๑-๒๒๔๖ พ.ศ. ๒๒๔๖-๒๒๕๑ พ.ศ. ๒๒๕๑-๒๒๗๕ พ.ศ. ๒๒๗๕-๒๓๐๑ พ.ศ. ๒๓๐๑-๒๓๐๑ พ.ศ. ๒๓๐๑-๒๓๑๐
กาละ เทศะ เรื่อง..สุวิชา
“พี ่ “ดูดีถูกที่ไหม” เรื่องของพัศกับแพร ตอน
“วันนี้เป็นงานวันเกิด ของผู้ ใหญ่ หนูต้องเข้าไปในงาน ต้องไปกราบท่านก่อน ต้องให้เกียรติท่าน หนูลองไปดู คนอื่นๆ ที่ไปในงานซิ เขาจะแต่งตัวกันเรียบร้อย ทั้งนั้นเลย”
พัศ คุณปู่ คุณย่าจะพาเราไปงานวันเกิดคุณปู่ ชัชวาลย์ ปูข่ องเพือ่ นแพรน่ะค่ะ ขึน้ ไปแต่งตัวซิ” “ทำไมต้องแต่งละ พี่จะไปอย่างนี้แหละ เดี๋ยว กลับมาค่อยอาบน้ำเปลีย่ นเสือ้ นอนเลย” พัศพูดพลาง ดึงเสื้อยืดคอกลมสีฟ้าอ่อนที่ใส่อยู่กับกางเกงยีนส์ตัว โปรด “ก็ตามใจพีพ่ ศั นะ แพรจะไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ” แพรพูดจบก็รีบเดินไปห้องนอน หยิบเสื้อยืดสีชมพู อ่อนคอกลมแขนเป็นพวงเล็กน้อย ตรงหน้าอกมีเลือ่ ม สีทองปักเป็นรูปโบว์สวยงามน่ารัก แพรใส่กางเกงขาสัน้ สีขาวตามสมัยนิยม เมือ่ คุณปู่ คุณย่าแต่งตัวเสร็จออกมาก็เห็นหลาน ทั้งสองนั่งรออยู่แล้ว “ดีจริงๆ พัศกับแพรตรงเวลาดีมาก มานั่งรอปู่ กับย่าอยู่แล้ว” คุณปู่ชมหลานทั้งสองผู้ได้รับการตัก เตือนให้ตรงต่อเวลาจนชินเป็นนิสยั ส่วนผูเ้ ป็นย่าเอียง ๒๙
คอไปมาสำรวจหลานทั้งสอง “แต่ย่าว่าหนูสองคนแต่งตัวไม่ค่อยเหมาะสม กับกาลเทศะเท่าไหร่นะจ๊ะ” “คุณย่าขา หนูก็แต่งตัวเรียบร้อยนี่คะ เวลาไป บ้านเพือ่ นๆ ก็แต่งแบบนีแ้ หละค่ะ เพือ่ นยังชมว่าเสือ้ หนูสวยเลยค่ะ” แพรพูดพลางจับชายเสื้อหมุนตัวไป มาให้คุณย่าดู “ตอนนั้นลูกไปหาเพื่อน ไปเล่นกับเพื่อน ก็ไม่ เป็นไรสิจ๊ะ แต่งอย่างนี้ก็ไปได้ แต่งแบบเด็กๆ ก็สวย ดีอย่างที่หนูว่านั่นแหละ แต่จะไปกับปู่ย่าวันนี้ ไป งานวันเกิดคุณปูข่ องเพือ่ นหลาน เป็นงานวันเกิดของ ผู้ใหญ่ หนูก็ต้องแต่งตัวให้เกียรติท่าน” “คุณย่าครับ พัศกับแพรไม่ได้ไปหาเพื่อนของ คุณปู่ คุณย่านี่ครับ เราจะไปหาเพื่อนต่างหากครับ” “แต่วันนี้เป็นงานวันเกิดของผู้ใหญ่ หนูต้อง เข้าไปในงาน ต้องไปกราบท่านก่อน ต้องให้เกียรติ ท่าน หนูลองไปดูคนอื่นๆ ที่ไปในงานซิ เขาจะแต่ง ตัวกันเรียบร้อยทั้งนั้นเลย” “พัศกับแพรก็แต่งตัวเรียบร้อยนีค่ ะคุณย่า” แพรยัง เถียงอีก แต่เสียงอ่อนลง “หนูคิดว่าเรียบร้อย แต่ว่ามันไม่ถูกกาลเทศะนี่ จ๊ะ เวลาเราไปงานผู้ใหญ่ เราก็ต้องแต่งให้เรียบร้อย มากกว่าไปกับเพื่อนๆ ไปเปลี่ยนเถอะจ้ะ ปู่ย่าจะรอ” ในทีส่ ดุ ทัง้ พัศและแพรก็ยอมจำนนคุณปู่ คุณย่า ต่างก็เข้าห้องของตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พัศไปเปลี่ยน เป็นกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ส่วนแพรนั้น เปลีย่ นเป็นชุดกระโปรงติดกันผ้ายืดสีขาวมีหวั ใจสีชมพู เต็มตัว แล้วรีบกลับออกมาหาคุณปู่ คุณย่า “ใช้ได้ไหมครับคุณย่า” พัศถาม “หนูล่ะคะคุณย่าขา” แพรหมุนตัวให้คุณย่าดู “ของพัศใช่ได้แล้วลูก แต่ของแพรนี่ ย่าว่ามันก็ น่ารักดีนะ สวยน่ารักมาก แต่ว่าคนเขาอาจจะคิดว่า หนูใส่เสื้อนอนมางานก็ได้นะจ๊ะ” “เพื่อนๆ หนูเขาก็ใส่ออกไปข้างนอกกันนะคะ คุณย่า” แพรแย้ง “นัน่ แหละจ้ะ สมัยนีค้ นเขาถึงได้วา่ กันว่าเด็กสมัย นี้แต่งตัวชุดเดียวตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน อยู่ ได้ในชุดเดียวเลย ก็ชุดอย่างหนูนี่แหละ” “พัศเห็นผู้ใหญ่บางคนเขาก็แต่งอย่างนี้แหละ ครับคุณย่า” พี่ชายช่วยน้องสาว ๓๐
“ถ้าเขาแต่งชุดสายเดีย่ วผ้ายืดอยูบ่ า้ นก็ไม่เป็นไร หรอกจ้ะ เขาอยู่บ้านเขา เขาจะแต่งอย่างไรไม่มีใคร ว่าอะไร แต่เวลาออกไปข้างนอกเขาก็จะต้องดูกาลเทศะ ไม่ใช่เอาชุดนอนไปใส่เดินถนน หรือว่าใส่ไปงาน มัน ไม่ถูกใช่ไหมจ๊ะ” “แล้วคุณย่าจะให้แพรแต่งอย่างไรเล่าคะ แพร รีบ ก็เลยหยิบเสื้อที่มันไม่ยับตัวนี้มาใส่ ความจริง เสื้อตัวสีชมพูเมื่อกี้นี้แพรชอบมาก คุณย่าก็ไม่ให้ แพรใส่” “ย่าไม่ได้บอกไม่ให้หนูใส่เสื้อตัวนั้นนะจ๊ะ เสื้อ ตัวนั้นก็สวยดี ถ้าหนูเปลี่ยนจากกางเกงขาสั้นเป็น กระโปรงสีชมพูหรือสีขาวก็จะน่ารักและไปงานได้เลย หนู ลองซิจ๊ะ ไปใส่กระโปรงมาแทนกางเกงขาสัน้ นอกจาก จะสวยน่ารักแล้วยังเรียบร้อยด้วย” แพรเชือ่ คุณย่า ไปเปลีย่ นใส่กระโปรงสีขาวพอง บานสมวัย เข้ากันดีกับเสื้อสีชมพูอ่อนหวาน หลัง จากนั้น ปู่ ย่า และหลานๆ ก็ขึ้นรถออกจากบ้านไป ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของเด็กทั้งสองนัดไปพบกันที่บ้าน เจ้าของวันเกิด พร้อมกับแจกันดอกไม้เป็นของขวัญ ระหว่างนัง่ ไปในรถ แพรยังสงสัยเรือ่ งการแต่งกายอยู่ จึงถามคุณย่าว่า “คุณย่าคะ แพรเห็นเพื่อนคุณแม่คนหนึ่งชื่อ คุณน้าราตรีเธอชอบแต่งตัวชุดสีดำๆ ตลอดเวลาเลย คุณน้าชอบสีดำมาก บอกว่าใส่สีดำแล้วโก้ดี”
“อย่างนั้นเขาไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีหรอกนะจ๊ะ คือเขาอาจจะว่าโก้เก๋ก็จริงถ้าหากเขาไปซื้อของหรือ ไปงานศพ แต่ถ้าเขาใส่สีดำไปงานมงคล ถึงแม้ว่า จะไม่ได้ดำทั้งตัว ก็ไม่ค่อยดีแล้ว ถ้าเผื่อว่าเป็นดำทั้ง ตัวก็ยงิ่ ไม่สมควรอย่างยิง่ เป็นการไม่รกู้ าลเทศะ เพราะ ฉะนั้นเราจะแต่งตัวอย่างไรเราจะต้องดูด้วยว่าเราไป ที่ไหน ไปงานอะไร ถ้าเราไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงก็ไม่ จำเป็นทีจ่ ะต้องพิถพี ถิ นั มากมาย แต่กค็ วรจะให้สภุ าพ เรียบร้อย ไม่ใช่ใส่กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ ทั้งๆ ที่ขาอ้วนดำ มันก็ไม่สวยใช่ไหมจ๊ะ เราแต่งตัวอย่างไรจะต้องดูตัว เองด้วยว่า ใส่อย่างนี้สวยหรือเปล่า ถ้าขาไม่สวยก็ ต้องใส่กระโปรงยาวๆ อย่าให้เห็นขามากนัก ถ้าเผื่อ ว่าขาสวยก็ไม่จำเป็นจะต้องโชว์เสียจนดูโป๊ หนูเข้าใจ ใช่ไหมจ๊ะ เพราะว่าสมัยนีก้ ารทีแ่ ต่งตัวโป๊มนั อันตราย กับตัวเองด้วย เราเป็นผูห้ ญิงต้องระมัดระวังตัวให้มากจ้ะ” “ผมเป็นผู้ชายแต่งอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ” พัศ ถามพลางยักคิ้วกับแพร “เป็นผูช้ ายก็ตอ้ งดูกาลเทศะเหมือนกันจ้ะ อย่าง เมื่อกี้นี้หนูจะนุ่งกางเกงยีนส์ไป ถ้าหนูไปดูหนัง ไป บ้านเพื่อน ไปเที่ยวอะไรนี่ ย่าก็ไม่ว่าเลย แต่ถ้าเรา ไปงานวันเกิดผู้ใหญ่ งานตอนกลางคืนรับประทาน อาหารค่ำเราก็ควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อย เหมือน อย่างทีพ่ ศั แต่งอย่างนีแ้ หละ หรือเวลาเราไปงานแต่งงาน เราอาจจะผูกเน็คไทด้วยก็ได้นะ หรือจะใส่เสือ้ นอกด้วย เลยยิ่งดี แต่สำหรับเด็กๆ แต่งอย่างหนูพัศก็ถือว่า เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ” เมือ่ มาถึงบ้านงาน ทัง้ สีก่ ล็ งจากรถพร้อมๆ กับหญิงชายคูห่ นึง่ ผูช้ ายแต่งสูทเรียบร้อย ผูห้ ญิงแต่งกระโปรงยาวคลุมเข่า เสือ้ คอกว้ า งประดั บ ลู ก ไม้ ส วยงาม สวมสร้อยคอ ต่างหูไข่มุกเข้า ชุดกัน “คุณย่าคะ ดูคนนั้น ซิคะ เขาแต่งตัวสวยหรือ เปล่าคะ” “นี่ไง เป็นตัวอย่าง ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย ว่าเขาแต่งตัวสวยดูโก้ แต่ ว่าเขามาผิดงาน เขามางาน วันเกิดแล้วใส่สที มี่ องแล้วเกือบ
จะเป็นสีดำเลย เขาอาจจะบอกว่าเป็นสีกรมท่า แต่ มองไกลๆ อย่างนี้เหมือนสีดำเลย อันนี้ล่ะที่ย่าบอก ว่ามันผิดกาลเทศะ เจอเจ้าของงานเขาจะคิดอย่างไร ที่งานวันเกิดของเขา แต่แขกแต่งตัวเหมือนกับไว้ ทุกข์ แบบนี้จะเรียกว่าแต่งตัวถูกต้องได้อย่างไรเล่า จ๊ะ” “ตกลงคุณย่าคิดว่า กาละกับเทศะนี่สำคัญที่สุด ใช่ไหมครับ กาละก็แปลว่าเวลาใช่ไหมครับ แล้ว เทศะละครับคุณย่า” “เทศะก็คือสถานที่ อย่างเรามางานวันเกิดเขา ก็ควรจะใส่สีให้เห็นว่าไม่ใช่สีดำอย่างชัดเจน เพราะสี ดำเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ สีกรมท่าเข้มจนเกือบจะดำ ก็ควรจะหลีกเลีย่ งเหมือนกัน ถ้าไปงานศพใส่สดี ำหรือ เทาเข้มจึงจะถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามงานศพก็ไม่ ควรจะใส่เสื้อคอกว้างแบบนี้ แบบที่เธอคนนั้นแต่งนี่ ควรจะไปงานอย่างเช่น ไปดูคอนเสิร์ต หรือไปงาน เต้นรำ หรือไปงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรพวกนั้น ก็จัด ว่าถูกกาลเทศะ แต่อย่างวันนี้ไม่ถูกแน่ๆ จ้ะ” คุณย่าพูดจบก็นำหลานเข้าไปในงาน ซึ่งเป็น งานฉลองครบรอบ ๗๒ ปีของเพื่อนคุณปู่ เป็นงานที่ ลูกหลานจัดให้ มีดนตรีบรรเลงในงานด้วย ผู้คนส่วน ใหญ่ก็แต่งกายสุภาพ แต่ไม่ถึงกับหรูหรามาก เพราะ เป็นงานในบ้าน หรือที่สมัยนี้เรียกว่า การแต่งกาย แบบลำลองแต่สุภาพนั่นเอง
นวัตกรรม...สร้างสรรค์
เรื่อง...คะริน ภาพ : บอมบ์
Robo Farming เพื่อเกษตรกรรมความแม่นยำสูง หุ่นยนต์
หุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อเกษตรกรรมความแม่นยำสูง
“ในอนาคตหุ่นยนต์จะต้องเดินเข้าไปสำรวจภายในไร่ด้วยตัวของมันเอง สามารถตรวจสอบและกำจัดวัชพืชต่างๆได้ โดยจะเป็นการบูรณาการโดย การนำเทคโนโลยีขั้นสูงด้านวิศวกรรมและเกษตรกรรมมาพัฒนาร่วมกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรของคนไทย
๓๒
ก
ารเกษตรในประเทศที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ว่าเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศแถบยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ สามารถลดต้นทุนและเพิ่ม ผลผลิตต่อไร่ได้สูงกว่ามาก ไม่ทำให้หน้าดินเสื่อมสภาพเร็ว และใช้ต้นทุนที่ถูกกว่า ในระยะยาว ระบบแบบนี้เหมาะสำหรับทำการเกษตรแบบ “เกษตรอุตสาหกรรม” ที่ไม่ ทำลายสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากการเร่งผลผลิตเหมือนเกษตรกรบ้านเรา ซึ่งยิ่ง ทำก็ยิ่งจนลงเพราะขาดความรู้ ไร้ทิศทาง และไม่ได้ใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรม การเกษตรเลย อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่เสื่อมถอยลงจากการเกษตรที่ไม่สามารถเจาะจงเชื่อม โยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้ราคาผลผลิตผันแปรไปตามปริมาณที่ได้ เกษตรกร จึงไม่สามารถคาดการณ์ลว่ งหน้าได้เลย นอกจากนีส้ ภาวะการกระจายตัวและพฤติกรรม ของประชากรที่เปลี่ยนไป ทำให้แรงงานเกษตรขาดแคลน หรือขาดคุณภาพ และที่ สำคัญคือสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนไป จน ภูมิปัญญาชาวบ้านทางการเกษตรเริ่มต่อสู้กับสภาพแวดล้อมได้ยากลำบากเป็น ทวีคูณ แถมยังมีความเสี่ยงมากขึ้นจนเกษตกรบางรายไม่อาจทนแบกรับภาระที่ ขาดความแน่นอนเหล่านี้ไหว เหตุผลเหล่านี้เองจึงเป็นที่มาของการคิดค้นโครงการ Robo Farming หุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อเกษตรกรรมความ แม่นยำสูง ซึ่งน้องๆ จากชุมนุมโรบอท ภาควิชาวิศวกรรม ไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สามารถคว้ารางวัลระดับประเทศ อย่างรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ในโครงการ Brandsgen อาจารย์ปัญญา ฉลาดคิดแบบคนรุน่ ใหม่ ปี ๓ เหล่าอนันต์ธนา รับโล่รางวัลพร้อมทุนการศึกษา ที่ปรึกษาโครงการฯ ๕๐,๐๐๐ บาท น้องๆ คนเก่งทั้ง ๖ คนประกอบไปด้วย นายรัตตนนท์ ปานซาง นายณรงค์ชัย ลิมป์ปิยา ภิรมย์ นายกิจจา กรรเชียง นายศุภกร ทิพย์ภักดี นายณัฐพงศ์ ใจกล้า นายเจษฎา มาชม และ นายดเณศ บำรุงธนกิจ ทั้งหมดเป็นนิสิตชั้นปีที่ ๓ โดยมีอาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา ผู้ช่วย อธิการบดี เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
๓๓
ใช้เวลาแค่เดือนเดียว เริ่มจากศูนย์ จุดเริ่มต้นมาจากที่ว่า จะทำอะไรไปส่งเข้าประกวดดี ที่อาจจะต้องเน้นความ เป็นเรื่องใหม่ เกี่ยวกับหุ่นยนต์ เพราะชมรมของเกษตรส่วนใหญ่จะทำเรื่องหุ่นยนต์ เป็นงานหลัก ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็เลยมาจับเรื่องหุ่นยนต์ กับการเกษตร เมือ่ ต้องไปค้นคว้าข้อมูล ก็ไปเจอแนวคิดเรือ่ งเกษตรกรรมความแม่นยำสูง ประกอบกับงานวิจัยของคณะเกษตรที่โดดเด่น และได้คำแนะนำว่า ด้านการเกษตร ต้องเริ่มที่เรื่องดินก่อน เพราะดินเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดสำหรับการเกษตร ใน ดินเราจะต้องดูเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารต่าง ๆ และเราต้องพูดถึงการ ให้ปุ๋ย เพื่อชดเชยธาตุอาหารที่ขาดบางอย่างของดินสำหรับการปลูกพืชชนิดต่างๆ โครงการวิจัยนั้นก็คือ ปุ๋ยสั่งตัด จากนั้นก็นำความรู้มารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Precision Farming ด้าน Robotics กับเรื่องปุ๋ยสั่งตัด ก็เลยเกิดโครงการนี้ขึ้นมา และได้เข้ารอบลึกมาเรื่อยๆ จนสุดท้าย ก็ได้งบประมาณจากแบรนด์ ให้มา ๕,๐๐๐ บาท เมื่อเข้ารอบ ๒๐ ทีม สุดท้าย ซึ่งจะต้องเตรียมนำผลงานไปแสดง ซึ่งมีเวลาทำแค่ ๑ เดือน ทางชมรมก็ เลยต้องควักกระเป๋าเพิม่ เข้าไปอีกร่วม ๖๐,๐๐๐-๗๐,๐๐๐ บาท โดยใช้วธิ หี าเงินจาก การเป็นวิทยากรฝึกอบรมด้านไอทีให้กับนิสิต เก็บเงินสะสมกันมาหลายเดือนก่อน หน้านั้นแล้ว จากนัน้ ก็แบ่งงานกันไปทำ ได้แก่ ทำ Mechanic ของหุน่ ยนต์ ทำถึง ๒ ตัวคือ หุ่นยนต์ปฐพี (สำรวจดิน) กับ หุ่นยนต์วารี (ให้ปุ๋ยแบบน้ำ) ทำวงจร อิเลคทรอนิกส์ ในส่วนภาคควบคุมอัตโนมัตแิ ละขับมอเตอร์ตา่ งๆ ทำส่วนทีเ่ ป็นการใช้ รีโมท คอนโทรล ผ่านระบบเครือข่ายไร้สาย ติดตั้งกล้องที่หุ่นยนต์ เพื่อจับภาพมาประมวลผลภาพ (Image Processing) และถ่ายทอดสดภาพมายัง สถานีกลาง ติดตัง้ ระบบ GPS ทีน่ ำร่องจากดาวเทียม แต่ต้องใช้ร่วมกับกล้องด้วย ในส่วนสถานีกลาง มี การใช้กล้องมาจับภาพปฏิกริ ยิ าทางเคมี จากการใช้ ชุดตรวจคุณภาพของดิน รายงานเป็นแถบสี ก็ใช้ กล้องวิเคราะห์ประมวลภาพหาเปอร์เซ็นต์คา่ สีตา่ งๆ
๓๔
หุ่นยนต์ปฐพี
ปฐพี และ วารี หุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อการเกษตรในอนาคต เบื้องหน้าเรา หุ่นยนต์ปฐพี กำลังออกสำรวจพื้นดินอย่างขะมักเขม้น ภายใต้ การบังคับผ่านรีโมทคอนโทรลของน้องๆ ในทีม ในขณะที่ หุ่นยนต์วารี ปักหลักอยู่ กับที่อย่างสงบเสงี่ยม รอตัวอย่างดินจากปฐพีมาวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจว่าพื้นดินตรง นั้นต้องให้สารอาหารชนิดใดเพิ่มเติม จึงจะกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการ ปลูกพืชบางชนิดได้อีก “เริม่ จากหุน่ ยนต์ปฐพีจะเข้าไปเก็บตัวอย่างดินในไร่ โดยมีพกิ ดั แผนที่ Soil-Mapping การเคลื่อนที่อาศัยการ ควบคุมระยะไกลไร้สายผ่านทางจอคอมพิวเตอร์โดย ใช้โปรแกรมทีเ่ กิดจากการพัฒนาด้วยโปรแกรม Delphi ดูเส้นทางผ่านระบบ GPS และควบคุมส่วนต่างๆ ของ หุ่นยนต์ จากนั้นนำไปส่งที่ห้องทดสอบชุดตรวจสภาพ ดิน ปุ๋ยสั่งตัด เพื่อทำการทดสอบตัวอย่างดิน แล้ว เชื่อมโยงฐานข้อมูลธาตุอาหาร พื้นฐานของพืช (NPK) กับระบบสาระสนเทศภูมศิ าสตร์ (GIS : Geographic Information System) โดยข้อมูลจากห้องทดสอบจะ บอกถึงค่า NPK ของดินแต่ละแปลง และจะถูกส่ง ข้อมูลไร้สายไปสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของหุ่นยนต์ตัว ที่ ๒ คือหุ่นยนต์วารี เมื่อหุ่นยนต์วารีได้รับข้อมูลก็จะ มีหน้าที่เดินเข้าไปฉีดปุ๋ย ตามข้อมูลที่ถูกส่งมาว่าดิน แปลงนี้ต้องการค่า NPK เท่าไหร่” พูดง่ายๆ คือหุ่นยนต์วารี จะทำการซ่อมแซม หน้าดิน เติมค่าธาตุอาหารให้เหมาะสมตามพิกัดต่างๆ นำทางโดยระบบ GPS โดย ชดเชยซ่อมแซมตามค่าทีร่ ายงานจากหุน่ ยนต์ปฐพี ให้ปยุ๋ ค่าธาตุอาหารแต่ละตำแหน่ง ที่แตกต่างกัน
หุ่นยนต์วารี
๓๕
การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ ทั้ง ๒ ตัวนี้ในอนาคต น้องๆบอกว่า มุ่งมั่นที่จะทำให้ หุ่นยนต์มีสมองที่เป็นอัจฉริยะ (AI) สามารถให้ปุ๋ยที่ เป็นการผสมส่วนกันของปุ๋ยชนิดน้ำ ซึ่งอนาคตต้อง พัฒนาให้เป็นปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งมีราคาถูกกว่าและไม่ถกู ชะล้างได้งา่ ยด้วยน้ำฝน นอกจากนีย้ งั สามารถผสมปุย๋ เองได้ตามค่าธาตุอาหารที่ต้องการแบบหลากหลายใน แต่ละพิกัดของพื้นที่เพาะปลูก “ในอนาคตหุ่ น ยนต์ จ ะต้ อ งเดิ น เข้ า ไปสำรวจ ภายในไร่ด้วยตัวของมันเอง สามารถตรวจสอบและ กำจัดวัชพืชต่างๆได้ โดยจะเป็นการบูรณาการโดยการนำเทคโนโลยีขนั้ สูงด้านวิศวกรรม และเกษตรกรรมมาพัฒนาร่วมกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีทเี่ ป็นสิทธิบตั รของ คนไทย และสามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาชาวไร่ผู้เป็นกำลัง สำคัญในการผลิตข้าวปลาอาหารเลี้ยงคนได้อย่างภาคภูมิใจอีกด้วย” โครงการเล็กๆ แต่มคี วามสำคัญอย่างยิง่ ยวดต่อการพัฒนาด้านการเกษตรของ ประเทศกำลังพัฒนา ทั้งด้าน Mechanic และระบบควบคุมอัตโนมัติ และจะเพิ่มหุ่น ยนต์ด้านการเก็บเกี่ยวผลผลิตและหุ่นยนต์ด้านการเพาะปลูก ซึ่งอาจารย์ปัญญาเล่า ว่าจะให้ชื่อ หุ่นยนต์อัคนี และ หุ่นยนต์วายุ เพื่อให้ครบถ้วนทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ หุ่น ยนต์ที่เรียกว่าเวอร์ชั่นสองนี้กำลังลงมือพัฒนาอย่างตั้งอกตั้งใจในช่วงปิดเทอมใหญ่ ๒๕๕๔ และคาดว่าน่าจะได้เห็นรูปโฉมและความสามารถที่เหนือกว่าเวอร์ชั่นเดิมอีก ไม่นานเกินอดใจรอ “โครงการนี้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความรู้ทางวิศวกรรมกับการเกษตรนั้นไปด้วยกัน ได้ เราจะได้เห็นเด็กวิศวะ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หันมาทำการเกษตรทีใ่ ช้เทคโนโลยีชนั้ สูงมากขึน้ เหมือน กับประเทศอิสราเอล อเมริกาและประเทศแถบยุโรป” อาจารย์ปัญญาตั้งความหวังไว้ อนาคตเกษตรกรไทย ในประเทศทีท่ ำเกษตรกรรม เป็นอาชีพหลัก ดูจะมองเห็นแสงสว่างทีป่ ลายทางอุโมงค์ ยิ่งกว่าทุกคราว
๓๖
นวัตกรรมต้นแบบ
เรื่อง...สีฟ้า
คลินิกเทคโนโลยี
และหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้จัก
แต่กอ่ นคนเรียนวิทยาศาสตร์ อาจจะต้องอยูแ่ ค่ในห้องทดลอง และห้องเรียน แต่ตอนนีเ้ ราขยายไปสูก่ ารเรียนภาคสนาม เช่นทีก่ ำลังดำเนินการสร้างคือ หอดูดาวแห่งชาติ ทีด่ อยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
นั
บเป็นโอกาสทีน่ า่ ยินดีทคี่ อลัมน์ “นวัตกรรมต้นแบบ” ครัง้ นีเ้ ราได้มโี อกาศพูดคุยกับคุณก้องศักดิ์ ยอดมณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ผูจ้ ะมาแนะนำให้เยาวชนไทยได้รจู้ กั คุณค่า ของการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รวมถึงโครงการดีๆ อย่าง คลินกิ เทคโนโลยี และหมูบ่ า้ นแม่ขา่ ยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ซึ่งล้วนแต่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน อย่างมากมาย
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีนโยบาย หลักอะไรบ้างคะ ผมก้าวเข้ามารับตำแหน่งนีป้ ระมาณปีเศษ หน้าที่ รับผิดชอบคือ ให้คำปรึกษาและปฏิบัติภารกิจตามที่ รัฐมนตรีมอบหมาย ซึ่งท่านได้วางนโยบายหลักมา ๔ เรื่อง คือ หนึ่ง ดำเนินการส่งเสริมตามโครงการ ในพระราชดำริทเี่ กีย่ วข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะโครงการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึง่ โครงการในพระบรมราชูปถัมภ์ของทั้ง ๒ พระองค์ มีมาก และล้วนเป็นประโยชน์ตอ่ สังคมและประชาชน สอง เอาวิทยาศาสตร์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม ทางการ เกษตร อาหาร และ SME เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตให้ดียิ่งขึ้น สาม ทางด้านเยาวชน ซึ่งเป็นสิ่ง ทีเ่ ราสนใจเป็นพิเศษ จะต้องสร้างแรงจูงใจให้เด็กและ เยาวชนหันมาสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓๗
มากขึน้ โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ใน เชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้เด็กสนใจและเรียนรู้อย่างสนุก ข้อสุดท้าย คือการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลง ไปยังพื้นที่ของชุมชน เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ และสร้างรายได้ให้กับพวกเขา ช่วยเล่าถึงนโยบายสำคัญทีเ่ กีย่ วกับเยาวชนหน่อยค่ะ เราจะเน้นให้มีการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยการ ทำกิจกรรมนอกห้องเรียน และทำให้เด็กและเยาวชน รูส้ กึ ว่าไม่ใช่เรือ่ งน่าเบือ่ แต่กอ่ นคนเรียนวิทยาศาสตร์ อาจจะต้องอยู่แค่ในห้องทดลอง และห้องเรียน แต่ ตอนนี้เราขยายไปสู่การเรียนภาคสนาม เช่นที่กำลัง ดำเนินการสร้างคือ หอดูดาวแห่งชาติ ทีด่ อยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ น่าจะเสร็จราวปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คิด ว่าเด็กๆ ที่ชอบท้องฟ้าจำลองน่าจะรู้สึกสนุกไปด้วย นอกจากนั้ น เราก็ มี แ ผนที่ จ ะทำการสร้ า งหอดู ดาว ภูมิภาคทั่วทุกภาคทั้งเหนือ กลาง อีสาน รวมถึง ศูนย์เรียนรู้อื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ รวม ถึงวิชาดาราศาสตร์ฟิสิกส์ และเคมี ความสนุกนั้นจะ แฝงอยู่ในแต่ละวิชา ให้เด็กๆได้เรียนอย่างสนุกและ ง่ายขึ้น ที่โดดเด่นเลยก็คอื คาราวานวิทยาศาสตร์ น้องๆ หลายคนคงรู้จักบ้างแล้ว มันคือห้องทดลองเคลื่อนที่ มีทงั้ ส่วนเกมที่ให้ความรูแ้ ฝง เช่น การเรียนรูเ้ รือ่ งการ หักเหของแสง โดยคาราวานวิทยาศาสตร์จะเคลื่อน ที่ไปตามต่างจังหวัด เป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่สมัย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ยังดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันมี ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล เข้ารับตำแหน่ง ต่อ ท่านก็ให้ความสำคัญเช่นกัน โครงการนี้มีการ วางแผนทำกิจกรรมร่วมกันกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งเรา วางแผนไว้วา่ อาทิตย์หนึง่ คาราวานวิทยาศาสตร์ตอ้ ง เคลือ่ นทีไ่ ปยังทีใ่ ดทีห่ นึง่ และจะเดินทางไปทัว่ ประเทศ ครับ
คุณก้องศักดิ์ ยอดมณี กับกำลังสำคัญที่ร่วมโครงการ ยังมีสถานทีเ่ รียนรูท้ างด้านวิทยาศาสตร์นอกสถานที่ คลินิกเทคโนโลยี และหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และ ทีน่ า่ สนใจอีกใช่ไหมคะ เทคโนโลยี ใช่ครับ อย่างสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ๓๘
แหล่งสงวนชีวมณฑลของโลก จังหวัดนครราชสีมา ซึง่ เป็นหน่วยงานภายใต้สงั กัดของ สถาบันวิจยั วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ทีไ่ ด้รบั การรับรอง จาก UNESCO (องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ภายใต้โครงการ MAB (Man and Biosphere Programme) ให้เป็นแหล่ง สงวนชีวมณฑลแห่งหนึง่ ของโลก ซึง่ เป็นแห่งแรกของ ประเทศไทย เป็นสถานีที่ได้รบั ความนิยมจากเยาวชน ค่อนข้างมาก เรียกได้ว่า ต้องจองกันเป็นปี เพราะ ที่นี่มีการเรียนรู้ที่สนุก มีบ้านพัก และกิจกรรมทั้ง เดินป่า ดูนก ดูดาว เราพยายามผนวกสิ่งเหล่านี้เข้า ด้วยกัน
สำหรับหมูบ่ า้ นแม่ขา่ ยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อยากให้อธิบายให้เยาวชนได้เห็นถึงประโยชน์ของ โครงการนีค้ ะ่ ตัวหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นี้เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของชุมชน โดย เราตั้งเป้าไว้เหมือนกับโครงการ OTOP คืออยากให้ ๑ อำเภอมี ๑ หมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เป็นการสร้างงานสร้างอาชีพ โดยต้อง ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และทำงานร่วมกันใน เครือข่าย ๖๐ กว่าสถาบัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบัน การศึกษา นอกจากนัน้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำ ความตกลงกับกระทรวงมหาดไทย โดยกำหนดให้ รองผูว้ า่ ราชการจังหวัดเป็นผูบ้ ริหารวิทยาศาสตร์ระดับ สูงของจังหวัด ให้แต่ละจังหวัดสามารถนำวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้เพื่อพัฒนาจังหวัดและชุมชนใน จังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างหมูบ่ า้ นทีป่ ระสบความสำเร็จจากโครงการ ของเราคือ หมู่บ้านกระเทียม จ.พะเยา ก่อนหน้านี้ เขามีปญั หาเรือ่ งราคากระเทียมตกต่ำ เพราะได้รบั ความ เสียหายจากสภาพอากาศ ผลผลิตเลยไม่แน่นอน เรา จึงใช้วิทยาศาสตร์เข้าไปช่วยด้วยการสอนการแปรรูป นำมาทำเป็นกระเทียมอบแห้ง เนือ่ งจากกระทรวงเรา มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยเยอะ นักวิจัยเหล่านี้ก็ จะนำงานวิจยั ทีเ่ คยทำมาต่อยอด เช่น การทำกระเทียม เจียวไร้ไขมัน ที่มีจำหน่ายในร้าน “ภัทรพัฒน์” นอกจากนี้เรายังดูแลส่วนวัตถุดิบที่เหลือใช้อื่นๆ ของ หมู่บ้านให้ครบวงจร เรียกว่า เป็นการพัฒนาแบบยั่ง ยืนครับ หลักเกณฑ์การคัดเลือกของหมูบ่ า้ นแม่ขา่ ย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอย่างไรคะ เราจะดูความพร้อมของผูน้ ำและชุมชนว่ามีความ สามัคคีกนั ไหม เพราะเป็นโครงการของหมูบ่ า้ น ดังนัน้ ทุกคนต้องร่วมใจกัน การใช้เวลาพัฒนาจะแบ่งเป็น สามปี ช่วงปีแรกเราจะนำทีมไปเสริมความรูแ้ ละสร้าง เครือข่ายกับมหาวิทยาลัยใกล้เคียง พอปีที่สองเริ่ม ทดลองดูองค์ประกอบให้ครบวงจร เช่น ทางด้านการ เกษตรก็ตอ้ งส่งเสริมให้มกี ารใช้ปยุ๋ อินทรียแ์ ทนปุย๋ เคมี เพือ่ รักษาหน้าดินอย่างยัง่ ยืน มีการบูรณาการและหา พลังงานทดแทน เช่น ขยะและน้ำ เป็นต้น ส่วนปี ๓๙
ทีส่ ามเป็นขั้นตอนวางแผนบริหารจัดการ สร้างความ มั่นคงให้ทั้งหมู่บ้าน เป็นการวางแผนระยะยาว และ สร้างความพร้อมในการเป็นศูนย์เรียนรูแ้ ละเป็นแม่แบบ ให้กับหมู่บ้านอื่นๆ ดังนั้นต้องใช้การวางแผนสามปี เป็นอย่างต่ำ เมือ่ หมูบ่ า้ นใดสามารถพึง่ ตนเองได้แล้ว เขาก็มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ไปยังเครือข่ายอื่นๆ อีก ซึ่งปี ๒๕๕๓ เราพัฒนาไปได้ ๑๖๐ แห่งแล้วครับ มาในปีนี้เราก็หวังว่าจะได้เท่าเดิม หากจะให้ครบทั่ว ประเทศคิดว่า น่าจะทำได้ครบ ๘๐๐ กว่าแห่ง มาถึงคลินกิ เทคโนโลยีละ่ คะ มีความแตกต่างกับ หมูบ่ า้ นแม่ขา่ ยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างไร ต่างกันในแง่ของกลุ่มผู้ที่เราเข้าไปช่วยเหลือ โครงการคลินิกเทคโนโลยีจะเน้นที่วิสาหกิจในชุมชน โดยมีพันธมิตรเป็นสถาบันการศึกษา ๖๗ แห่งทั่ว ประเทศ มาเป็นเครือข่ายให้เรา อย่างเช่น กรณีที่ โรงฆ่าสัตว์ตา่ งๆ ก่อความเดือนร้อนให้แก่ชาวบ้านใน เรือ่ งกลิน่ เหม็น เราจะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหานี้ เพือ่ ให้ โรงงานมีกำไรมากขึน้ และชาวบ้านทีอ่ าศัยอยูใ่ กล้เคียงก็ มีความสบายใจ นักวิทยาศาตร์ต้องเข้าไปวางระบบ น้ำ ทำระบบปิดไม่ให้เกิดกลิ่นเหม็น ผลิตก๊าซหุงต้ม ในครัวเรือน ช่วยชาวบ้านประหยัดไปได้ถึง ๓,๖๐๐ บาทต่อปี ต่อครัวเรือน
๔๐
พูดถึงโครงการใหม่ทคี่ ณ ุ ก้องศักดิร์ เิ ริม่ เองมีอะไร บ้างคะ เนื่องจากวิทยาศาสตร์มีหลายด้าน ผมมองว่า เรือ่ งสุขภาพเป็นสิง่ สำคัญ จึงริเริม่ คลินกิ วิทยาศาสตร์ การกีฬาเคลือ่ นที่ ดึงมหาวิทยาลัยทีม่ คี ณะวิทยาศาสตร์ การกีฬาเข้ามาอยู่ในเครือข่าย ออกรถเคลื่อนที่เพื่อ ไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัย ชรา มีการอบรมให้แก่อาสาสมัครที่เราคัดเลือกมา ราว ๕๐ คน ให้พวกเขาเป็นวิทยากร คอยดูแลให้จัด กิจกรรมต่อเนื่อง อย่างน้อยต้องทุกสองเดือน กลุ่มที่ นักกายภาพและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาจะต้องดูแล เป็นพิเศษคือ กลุ่มผู้สุงอายุ ที่มีปัญหาเรื่องการเสื่อม ของเข่า ข้อ และกล้ามเนื้อ รวมไปถึงการดูแลเรื่อง อาหารด้วย ประโยชน์ของวิทยาศาสตร์มมี ากมายจริงๆ อยาก ให้คณ ุ ก้องศักดิฝ ์ ากข้อความถึงเยาวชนกันบ้างค่ะ ผมไม่อยากให้เด็กไทยมองว่าวิทยาศาสตร์เป็น วิชาที่น่าเบื่อ ในชีวิตประจำวันนั้นเราเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ตั้งแต่ตื่นนอน เป็นเรื่องง่ายใกล้ตัวมาก จึงอยากให้ลองเปิดใจรับ วิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นพื้น ฐานของวิชาอืน่ ๆ ถ้าไม่สนใจเราจะเสียเปรียบ เมือ่ โตขึน้ งานทีจ่ ะมารองรับก็มมี ากขึน้ อย่างภาคเอกชนจำนวน มากก็ต้องการนักวิทยาศาสตร์มาช่วยทำการค้นคว้า วิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และลดต้นทุนการผลิต ของเขา อยากให้เด็กไทยหันมาสนใจวิชาวิทยาศาสตร์ และสนุกกับการเรียนมากขึ้นครับ
แรงบันดาลใจ
กมล ทัศนาญชลี
เรื่อง...คะริน ภาพ : สิงหรา
ผู้ผลักดันโครงการเยาวชนสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะกับศิลปินแห่งชาติ
โครงการคัดเลือกเยาวชนสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกับศิลปินแห่งชาติ ดำเนินมาถึงรุ่นที่ ๗ แล้ว เพื่อให้เด็กๆที่มี ใจรักด้านศิลปะมีโอกาสไปดูงาน ทำเวิร์คชอป เรียนรู้ระบบการบริหารจัดการด้านพิพิธภัณฑ์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคัดตัวแทนอย่างเข้มข้นจากทุกภาคทั่ว ประเทศไทย เพื่อให้วันหนึ่งได้กลับมาถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านี้สู่น้องๆ รุ่นหลัง สืบสานวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจของเราต่อไป ๔๑
เยาวชนไทยได้ไปสร้างสรรค์งานศิลปะท่ามกลางสิ่งมหัศจรรย์ของโลก...แกรนด์แคนย่อน
ผู้
ริเริม่ และอยูเ่ บือ้ งหลังโครงการทีน่ า่ ชืน่ ชมนี้ คือ อาจารย์กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติสาขา ทัศนศิลป์ ประจำปี ๒๕๔๐ ซึ่งเดินทางไป มาระหว่างไทยและอเมริกาจนได้รับฉายาว่า ศิลปิน สองซีกโลก และเมื่อทิศไท ทราบว่าอาจารย์กมลมา เมืองไทย เราจึงนัดสัมภาษณ์ขณะท่านเตรียมงาน นิทรรศการทิศไทอยากให้อาจารย์กมลมาสร้างแรง บันดาลใจให้เยาวชนผู้รักศิลปะได้เดินไปในทิศทางที่ ถูกต้องค่ะ จุดเริ่มต้นของโครงการศิลปะเพื่อเยาวชน ผมเป็นคนชอบทำกิจกรรมมาโดยตลอดตั้งแต่ สมัยเรียนเพาะช่าง ก็เลยมีความคิดทีจ่ ะพาคณะอาจารย์ ด้านศิลปะไปเยี่ยมชมงานที่สหรัฐอเมริกาเพื่อเปิด โอกาส เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ดำเนินการมาก็ ๓๕ ปีแล้ว พอได้เป็นศิลปินแห่งชาติปี ๒๕๔๐ ก็เลย คิดทำโครงการกับ สสวช. (ในขณะนั้น) โดยมีคุณ ปริศนา พงษ์ทดั ศิรกิ ลุ ผูอ้ ำนวยการสำนักงานศิลป วัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม (ตำแหน่ง ในปัจจุบัน) ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ นำ นักเรียนศิลปะของไทยไปทำเวิร์คชอปที่โน่น เปิด โอกาสให้นักศึกษาทุกมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการ สอนศิลปะโดยตรงส่งนักเรียนมาเข้าค่ายชือ่ “ค่าย เยาวชนกับศิลปินแห่งชาติ” ที่หออัครศิลปิน รังสิต ๔๒
คลอง ๕ ในปีแรกๆ เราคัดนักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ ถึง ๕ สมัครมาเข้าค่าย ตอนนัน้ มีอาจารย์ประหยัด พงษ์ดำ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี มาพูดคุยให้ฟัง ร่วมกันทำ เวิร์คชอป แต่ผมมาคิดว่าทำแล้วก็จบแค่นี้ ไม่มีอะไร ต่อ เด็กๆอุตส่าห์มากันทั่วประเทศแล้ว ทำไมไม่คัด ตัวแทนทั่วประเทศต่อเพื่อเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา เพราะผมอยู่ที่โน่นมีรถ ๗ ที่นั่งไม่ต้องเช่า ถ้าเขามา ๕ คน ๕ ภาค ก็นั่งกันได้พอดี เลยตัดสิน ใจว่าจะคัดไป ๕ คน โดยผมเสริมเงินทุนส่วนตัวเข้าไป เราคัด ๑๐ คนก่อน แล้วค่อยเหลือ ๕ คน ก็ลุ้นกัน มาก แต่ละคนก็ใจตูมตาม จากเด็ก ๗๐-๘๐ คน เหลือ ๑๐ คน พอรู้ว่าจะไปอเมริกาก็ยิ่งตื่นเต้น
ระหว่างสัมภาษณ์ผมก็มาคิดว่าสงสัยต้องพาไป ทั้ง ๑๐ คนแล้วล่ะ พอคุณปริศนารู้ข่าวก็ตั้งโครงการ ทำงบเข้ากระทรวงวัฒนธรรมเพิ่ม เลยได้ไปทั้งหมด ที่ผมอยากให้ไปอเมริกาเพราะผมอยู่ที่โน่นมานาน รู้จักคนมาก รู้จักพิพิธภัณฑ์ และกลุ่มศิลปินที่สหรัฐอเมริกาก็ให้การสนับสนุน สื่อมวลชนก็มาสัมภาษณ์ กันมากมาย พอทำไปได้ ๔ รุ่น คุณปริศนาก็หมดวาระ เมื่อ เปลี่ยนผู้บริหาร คนใหม่ก็ไม่อยากทำ ผมก็ใช้เงิน ส่วนตัวใช้ทำโครงการต่อเนือ่ ง จนกระทัง่ คุณปริศนากลับ มาเป็นผูอ้ ำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ก็เลยนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง รุ่นที่ ๗ นี้เราเริ่มคัดเลือกจากทั่วประเทศนับ พันคนในเดือนมีนาคมให้เหลือ ๗๐-๘๐ คน โดยรุ่น นี้เราเพิ่มปริญญาโทเข้ามา แล้วตัดปี ๑-๒ ออกไป คุณปริศนาจะเช่ารถบัสให้นั่งไปบ้านอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ที่บ้านดำ จังหวัดเชียงราย พาไปเข้าค่ายกัน ๗ วัน แล้วคัดออกให้เหลือ ๑๐ คน ปริญญาโท ๓ คน ปริญญาตรี ๗ คน คัดภาคละ ๒ คนเท่ากัน พยายาม ให้ครอบคลุมทุกภาค เพราะนักเรียนเหล่านี้จะกลับ ไปเป็นอาจารย์รับใช้ภาคของเขา แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ จะพาไปเวนิสและมิลาน ประเทศอิตาลี จะสลับกับ สหรัฐอเมริกา เพราะทีผ่ า่ นมาไปแต่อเมริกาตลอด พอดี คุณปริศนามีภารกิจต้องไปเวนิสอยูแ่ ล้ว จากนัน้ ก็เดิน ทางไปอิตาลีเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งคงไปแค่ ๘-๙ วัน เพราะค่าใช้จ่ายแพงมาก และคงทำไม่ได้ ทุกปี เราจะสอนเขาทุกอย่างเหมือนกัน ทัง้ เรือ่ งหยูกยา การแพ็คของ การทำอาหารกินกันเอง ต้องเป็นทีม เวิร์ค ผลัดเวรกันล้างจาน แต่ต้องฝ่าด่านแรก ด่าน สองเสียก่อน เกณฑ์การคัดเลือกเยาวชนทำงานศิลปะ แค่เก่งยังไม่พอ เขาต้องทำประวัติการแสดง ประวัติที่เคยได้ รางวัล ผลงานล่าสุดสัก ๑๐-๒๐ ชิ้น ใส่ลงแผ่นซีดี เราจะนำมาฉายแล้วคัดเลือก เราจะพยายามให้ทุก มหาวิทยาลัยมีโอกาสเข้ามา เราจะคัดเลือกจากพอร์ต โฟลิโอ เป็นเบื้องต้น พอเหลือ ๗๐-๘๐ คนมาเข้า ค่ายด้วยกันแล้ว เราจะดูจากพฤติกรรม คือรุ่นที่ ๑ เราทำภาพประกอบเรื่อง พอรุ่นที่ ๒ ผมเพิ่มให้
ทำงานอิสระอีกหนึ่งชิ้น แล้วมาดู เพราะตอนเข้า ค่ายเราสามารถเห็นขัน้ ตอนการทำงานของเขาทัง้ หมด คนที่ได้ไปเข้าค่ายที่บ้านอาจารย์ถวัลย์ก็ถือว่าโชคดี มากแล้ว เราพยายามทำเวิร์คชอปหลายๆ ที่ แต่ บ้านอาจารย์ถวัลย์พร้อมเพราะมีบริเวณ เขาจะได้ไป เห็นวัฒนธรรมท้องถิน่ ภูมปิ ญั ญาต่างๆ เราสนับสนุน เตรียมอุปกรณ์ทำงานให้ทกุ อย่าง พอเข้าค่ายปับ๊ เขาก็ จะไปหามุมซุ่มทำงานแข่งกัน เราก็คอยดูชีวิตของ เขาเรื่อยๆ แล้วมาตัดสินวันสุดท้าย พอได้จำนวนก็ ทำหนังสือเดินทาง วีซ่า ทำเรื่องทุกอย่างให้ แล้วก็ ไปอยูบ่ า้ นผมทีโ่ น่น ส่วนผูบ้ ริหารก็ไปอยูโ่ รงแรมใกล้ๆ มีพเี่ ลีย้ งซึง่ เราทำเป็นประเพณี คือคัดจากรุน่ ๑ รุน่ ๒ ว่าใครจะมีโอกาสได้ไปดูแลน้อง ก็จะคัดอย่างนี้ไป เรือ่ ย คือเราไม่ทงิ้ เด็กทีเ่ รามีเลย เด็กๆรุน่ พีท่ เี่ คยเข้า ค่ายกับเราก็มาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องๆเข้าค่ายกันต่อไป โครงการนี้ เ หมื อ นเราให้ ศิ ล ปิ น แห่ ง ชาติ ม า เจียระไนเพชรให้ส่องประกายออกมา เรามีมุสลิมติด ทุกรุ่นนะ และมีงานของเขามาแสดงทุกครั้ง พอเรา
อ.กมล พาเยาวชนท่องสหรัฐอเมริการ่วมกับศิลปินเอก
๔๓
เดินสายไปภาคไหนอย่างภาคอีสาน ลูกศิษย์ที่เราปั้น ก็จะพาเยาวชนเหล่านี้ไปทำเวิร์คชอป ไปดูงาน มา ต้อนรับ ภาคอื่นๆก็เหมือนกัน ตอนนี้เราดึงลูกศิษย์ รุ่น ๑ รุ่น ๒ ที่ไปเป็นอาจารย์มาร่วมกับเราด้วย คือ เราส่งเขาต่อ ใครที่เก่งๆ ก็มาลงสนามอินเตอร์ ทำ กับนานาชาติ เราสนับสนุนเต็มที่ คอยดูแลอยู่ห่างๆ โดยหลักๆคนทีด่ แู ลคือผมกับอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และ มีศิลปินแห่งชาติรุ่นใหม่ๆ อายุ ๖๓-๖๔ ปี มาช่วย ดูแลด้วย โอกาสในโลกกว้าง เยาวชนจะอยู่กับผมประมาณสามอาทิตย์ โดย อาทิตย์แรกต้องไปเตรียมงานจัดแสดง เราสอนเรื่อง การติดตั้งงาน การเตรียมนิทรรศการ การจัดสถานที่ ดอกไม้ ออเดิร์ฟ การทำพิธีเปิด การเชิญแขก ส่งข่าว สอนเขาหมดเลย พอเปิดแสดงหมดก็ไปดู พิพธิ ภัณฑ์ แล้วก็เดินทางไกล ไปดูการบริหารจัดการ สตูดโิ อ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยต่างๆ กลับ มาสร้างงานใหญ่ๆ ในกระทรวงวัฒนธรรม ก็จะจัดหาที่ แสดงให้สอื่ ในอเมริกาโดยเฉพาะในแอลเอมีหนังสือพิมพ์ ๗ ฉบับ มีทีวี ๒ ช่อง ข่าวเยาวชนของเราลงหน้า หนึ่งให้ตลอด ผมมีเครือข่ายที่ดีซึ่งให้การสนับสนุน ในทุกๆทาง ปิดท้ายด้วยการไปดูโรงถ่ายยูนเิ วอร์แซล ได้ เห็นการถ่ายทำครบ ข้อดีคือเด็กๆได้เห็นของจริงที่ยิ่งใหญ่ ได้เห็น ชีวติ ความเป็นอยูข่ องศิลปิน ได้เห็นการบริหารจัดการ
๔๔
ของพิพิธภัณฑ์ซึ่งดีมาก ได้คลุกคลีกับศิลปินรุ่นใหญ่ ได้พบปะกับเพื่อนศิลปินต่างชาติ วิสัยทัศน์ของเขา เปิดกว้างมาก คือจากคนที่ทำส่วนตัว ก็เปลี่ยนมา เป็นจิตสาธารณะ อย่างเราทำ เราไม่ได้หวังเงินทอง อะไร เขาก็ได้เรียนรู้ว่าผมก็ให้ อาจารย์ถวัลย์ก็ให้ เรียนรู้การเป็นผู้ให้ โจทย์ที่ให้เขาทำคือหนึ่ง บันทึกการทำงาน บันทึกการเดินทาง บันทึกชีวิตในมิวเซียม ชีวิตเวลา ทำงาน ให้เขาทำการบ้านมา ไปไหนก็สเก็ตช์แล้วกลับ มาสร้างสรรค์งานชุดใหม่ ทางกระทรวงวัฒนธรรมก็ ตีพิมพ์หนังสือ เปิดนิทรรศการให้ คือเขาต้องกลับ มาเผยแพร่งาน จากคนทีเ่ คยไปเข้าค่ายทีบ่ า้ นอาจารย์ ถวัลย์ แล้วไม่กล้ามองหน้าใคร พอได้ไปอบรมกลับ มากลายเป็นพิธกี รก็มี เปลีย่ นตัวเองไปหมด อาจารย์ ถวัลย์ ก็จะฝึกให้พูด ฝึกทุกเรื่อง
ศิลปะสื่อสัมพันธ์ไร้พรมแดน
ติดตามและส่งเสริมทุกรุ่นอย่างใกล้ชิด เราจะคอยดูงานของเยาวชนทุกรุน่ และส่งเสริม ให้มีการแสดงงานร่วมกับศิลปินนานาชาติทั่วโลก มี จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย รัสเซีย อเมริกา คือเขา พิสูจน์ตัวเอง ได้เห็นงานหลากหลายทั้งภาพพิมพ์ จิตรกรรม สื่อผสม เขาก็อัพเกรดตัวเองเวลาไปอยู่ ร่วมกับรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียง คือเราดูต้นทาง ดูงาน ระหว่างทาง และดูอนาคตให้เขาด้วย อย่างเขาประสบ ความสำเร็จในงานระดับชาติก็จะให้เขาขยับขึ้นไปอีก เราดันเต็มที่ เพราะเรามีสนาม มีเพื่อน มีคนรู้จักที่ โน่น เราส่งพวดเขาเต็มที่ เป็นการสร้างเสริมศิลปินไทยให้นานาชาติยอมรับ ได้ทำงานกับคนทั่วโลก ผมจะดูเขาและให้โอกาสเขา ไปแสดงงานที่สถานกงศุลไทยในอเมริกา พอกลับมา งานของเขาพัฒนามาก ได้เห็นตัวอย่างดีๆ ก้าวหน้า บางคนกลับมาก็ตอ่ ปริญญาโทบ้าง ไปเป็นอาจารย์บา้ ง อยูใ่ นมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นต้น โครงการนีผ้ มทำไปไม่มเี กษียณ ก็ตอ้ งดูภาครัฐ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป นี่ผมก็เริ่มแก่ลงเรื่อยๆ ก็ ต้องหาคนมาช่วยขับรถ ตอนนี้ก็มีบ้าง เพราะคัน เดียวเอาไม่อยู่ เราต้องเช่ารถ ๑๕ ที่นั่งสองคัน การ จองโรงแรมในต่างจังหวัดซึง่ ก็ตอ้ งแบ่งหญิงชาย เพราะ ผมจะพยายามคัดให้มีผู้หญิงอย่างน้อยสองคนใน แต่ละรุ่น บางรุ่นมี ๔ คนนะ ก็จะไปนอนด้วยกัน แล้วก็มพี เี่ ลีย้ งผูห้ ญิงจากทางกระทรวงหนึง่ คน ผูช้ าย หนึ่งคนไปช่วยดูแล และมีพี่เลี้ยงทาง สวช.อีกคนมา ช่วยดูด้วย
บรมครูศิลปะของไทย
ต้นแบบของเยาวชนที่ดี เด็กๆเห็นศิลปินอย่างพวกเราก็อยากเจริญรอย ตาม เขาก็รู้สึกว่าพวกเราเป็นต้นแบบได้ แล้วศิลปิน แห่งชาติที่มาร่วมด้วยก็ประสบความสำเร็จทุกคน ทุก คนไม่สบู บุหรี่ ไม่กินเหล้า มีปรัชญาเหมือนกันหมด เลย เวลาเข้าค่าย เราเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นอย่าง ชัดเจน ฝากถึงเยาวชนที่อยากมาเป็นศิลปิน ความตัง้ ใจคือต้องอดทน ต้องรูว้ า่ เราอยากเรียน อะไร ต้องมีแก่นแท้ที่รักในงานนี้จริงๆ เราถึงจะผลัก ดันไปได้ เวลามาเข้าค่ายเราก็จะรูว้ า่ ใครคือตัวจริง และ ต้องมีใจเป็นผู้ให้ด้วยจิตสาธารณะจริงๆ น้องๆที่เรียนสายศิลปะในชั้นปีหนึ่งและปีสองรู้ อย่างนี้แล้วคงพอใจชื้นขึ้นบ้าง เพราะยังมีเวลาตระ เตรียมสร้างผลงานดีๆไว้ส่งเข้าร่วมรับการคัดเลือก ในโครงการที่น่าทึ่งแบบนี้ในปีหน้านะคะ ๔๕
๖๗
ปี กมล ทัศนาญชลี ศิลปินสองซีกโลก กมล ทัศนาญชลี เกิดและเติบโตจากตระกูลช่างศิลปะ ครอบครัว “ช่างสิบหมู่” ได้เรียนรู้วิชาเขียน ปั้น แกะสลัก มาตั้งแต่เยาว์วัย เขามีคุณตาเป็นช่าง ศิลป์ ได้คลุกคลีฝึกฝนทำงานศิลปะกับศิลปินชั้นครูอยู่จนถึงอายุ ๑๖ ปี จากโรงเรียนเพาะช่าง อาจารย์กมล ได้เข้าเรียนต่อทีม่ หาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตลอดเวลาเขาทำงานศิลปะอย่างหนักและต่อเนือ่ งแบบทุม่ เทอุทศิ ให้กบั งาน เป็นอาจารย์ สอนศิลปะให้กบั ชาวต่างชาติถงึ ๕ ปี เปิดแสดงงานศิลปะแบบแสดงเดีย่ วในกรุงเทพฯ ทุกปี และได้รับรางวัลจากการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ อาจารย์กมลได้รับทุนจาก Mr.William (Bill) Alexander สถาปนิก ศิลปิน นักสะสมศิลปะไปจัดนิทรรศการศิลปะ ที่หอศิลป์ในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา พร้อมกับศึกษาเพิม่ เติมจนจบสถาบันศิลปะโอทิส (Otis Art Institute) และเป็นคนไทย คนแรกที่ได้วีซ่าถาวรในฐานะ “ศิลปินผู้มีความสามารถ” อาจารย์กมลได้รบั เชิญให้เป็นอาจารย์สอนศิลปะในมหาวิทยาลัยสำคัญๆหลายแห่ง ทั้งในสหรัฐอเมริกาและในประเทศไทย ความมุ่งมั่น การต่อสู้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมออยู่ ตลอดเวลาทำให้สามารถทำงานได้ทกุ ชนิดโดยไม่เกีย่ งสถานที่ ไม่วา่ จะระหว่างการเดิน ทางบนเครือ่ งบิน หรือเดินทางไปตามสถานทีต่ า่ งๆ ทำงานในความเงียบ หรือท่ามกลาง ผูค้ นมากมายได้อย่างมีสมาธิ ไม่วา่ ฝนจะตกแดดจะออก ร้อนจัดหนาวมากกระทัง่ หิมะ โปรยปรายก็ไม่เป็นปัญหา มีอปุ กรณ์อะไรสามารถหยิบฉวยมาทำงานได้ทกุ สิง่ สามารถ อ.กมล กับ สร้างงานประติมากรรมสูงเท่าตึก ๔-๕ ชั้น หรืองานจิตรกรรม ภาพพิมพ์ขนาดใหญ่ คุณนวลศรี คู่ชีวิต มากๆได้อย่างน่าทึ่ง ล่าสุดกับการจัดงานนิทรรศการศิลปะครัง้ ยิง่ ใหญ่แบบแสดงเดีย่ วของ กมล ทัศนาญชลี อีกครัง้ หนึง่ ในประเทศไทย ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ริ์ ะหว่างเดือนกุมภาพันธ์และ มีนาคม ที่ผ่านมา ประกอบด้วยงานจิตรกรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม ประติมากรรม เครื่องปั้นดินเผา ผลงานวาดเส้น และสีน้ำ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็น องค์ประธานในการเปิดงานแสดงครั้งนี้
๔๖
ชวนเที่ยว
เรือ่ ง...น้ำดอกไม้ ภาพ : สิงหรา
เที่ยวหนึ่งวัน
ไปสุพรรณกันดีกว่า
ปี ๒๕๔๘ ตลาดสามชุกได้รับการคัดเลือกจาก สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ได้รับพระราชทานรางวัล “อนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทองค์กร” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เที่ยวหนึ่งวัน ไปสุพรรณกันดีกว่า สุพรรณบุรีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว ไปมาจากจังหวัดอื่นก็ไม่ยาก ถนน หนทางวิ่งลื่นเรียบ ของกินอร่อย ที่เที่ยวหลายรูปแบบแล้วแต่รสนิยม แต่เมื่อไป เที่ยวกับ ‘ทิศไท’ เราย่อมเลือกสรรแหล่งพิเศษที่เพื่อนๆมาสุพรรณแล้วต้องประทับ ใจ แม้อากาศโดยเฉลี่ยบนดินแดนนี้จะร้อนสักหน่อย แค่หยิบหมวกสักใบ กล้องสัก ตัว สะพายกระเป๋ามหาสมบัติพร้อม อ้อ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ ก็ ออกเดินทางกันได้เลย! ๔๗
สามชุก ตลาดเก่าร้อยปี เข้มแข็งด้วยพลังของชุมชน ตลาดสามเพ็ง หรือตลาดสามชุกเป็นเสมือน อวัยวะสำคัญของชุมชนชาวอำเภอสามชุก มีความ เป็นอยู่ ในลักษณะผสมผสานระหว่างชาวไทยและ ชาวจีน ตัวตลาดส่วนใหญ่เป็นอาคารแบบห้องแถว ไม้ มีทางเดินเป็นซอยอยู่ระหว่างแถวอาคาร มี ทั้งหมด ๔ ซอย หัวซอยด้านริมแม่น้ำสุพรรณจะมี ห้องแถวปลูกหันหลังให้แม่น้ำ มีซอยคั่นและมีช่อง ว่างเว้นเป็นทางลงไปยังแพท่าเทียบเรือเป็นระยะๆ ปี ๒๕๔๘ ตลาดสามชุกได้รับการคัดเลือกจาก สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ได้ รับพระราชทานรางวัล “อนุรักษ์ ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภท องค์กร” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สองปีตอ่ มา กรมศิลปากรให้พนื้ ที่ และอาคารในตลาดสามชุกเป็น “โบราณสถานทีม่ คี วามสำคัญย่าน ประวัติศาสตร์ชุมชน” อนุรักษ์ ไว้เป็นแหล่งเรียนรูต้ อ่ ไป รวมถึง ๔๘
รางวัลที่น่าภาคภูมิใจยิ่งเมื่อองค์การยูเนสโกประกาศ ให้สามชุกตลาดร้อยปี “เป็นองค์กรภาคประชาชนที่ อนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมประเภท “ดี” ในเขต ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ที่ชุมชนเข้มแข็งจนสามารถ พลิกฟื้นคืนชีวิตให้แก่วิถีชีวิตและเศรษฐกิจจนกลับ คืนมาได้สำเร็จในปี ๒๕๕๒ สามชุก : ของดีประจำซอย ตลาดสามชุกมีซอยหลักอยู่ ๔ ซอย แต่มีซอย ย่อยนับได้อกี เป็นสิบ ทางเข้าตลาดมีหลายทาง แนะนำ ให้เข้าด้านหน้าตรงป้ายขนาดใหญ่ติดแม่น้ำท่าจีน ถ้ามาสัก ๑๑ โมง จะได้กลิ่นเป็ดย่างเป็ดพะโล้ หอมหวนลอยแตะจมูกตั้งแต่ทางเข้า เชิญชวนให้ไป จับจองทีน่ งั่ ในร้านก๋วยเตีย๋ วด้านหลังรถเข็นเป็ด แล้ว สัง่ “เป็ดจ่าเฉิด” มากินเรียกน้ำย่อยในกระเพาะ เคียง ด้วยซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง เข้าข้างตัวเองว่ากินแล้วจะ ได้มีเรี่ยวแรงฝ่าลมร้อนไปเดินในตลาดได้แบบแรง ไม่ตก บุญช่วยหัตถกิจ ร้านนาฬิกาโบราณ ซอย ๑ ณ ซอย ๑ เป็นแหล่งรวมร้านขายนาฬิกาหลายเจ้า
ไม่ว่าจะเป็นบุญช่วยหัตถกิจ และร้านรัชพร ล้วนเป็น ร้านเก่าแก่ทงั้ นัน้ หลายคนทีช่ อบนาฬิกาคลาสสิกลอง แวะเวียนมาหาซื้อได้ในราคาไม่แพง ทั้งนาฬิกาแบบ เก่าและแบบใหม่ อย่างร้านบุญช่วยหัตถกิจแห่งนีเ้ ปิด ขายมานาน หลายสิบปี ป้าเจ้าของร้านใจดีเล่าว่า ที่ ขายดีก็เพราะ ป้ายชื่อร้าน “บุญช่วยหัตถกิจ” ความ ภูมใิ จของเจ้าของร้านนาฬิกาในตลาดสามชุกอีกอย่างคือ สามารถประกอบอาชีพขายนาฬิกาส่งลูกๆ เรียนหนังสือ จนจบการศึกษา มีงานทำดีกันทุกคน พิพิธภัณฑ์ขุนจำนงจีนารักษ์ ซอย ๒ ค่าเข้า ชม ๓๐ บาท ขุนจำนงจีนารักษ์ นามเดิมว่า หุย แซ่ เฮง เป็นคนจีนเกิดในประเทศไทย ท่านเป็นคนดีมี เมตตา ช่วยเหลือผูต้ กทุกข์ได้ยากจึงได้เป็นผูน้ ำชุมชน คุณงามความดีของท่านทำให้ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น
สมัยนั้นยังไม่มีที่พัก จึงมีการดัดแปลงบ้าน ห้อง แถวเปิดเป็นโรงแรม มี “โรงแรมสำราญรมย์” ของ ลุงสำราญ กลิ่นหอมหวล เป็น โรงแรมแห่งแรกของ ตลาดสามชุก ต่อมาก็มี “โรงแรมอุดมโชค” เป็นแห่ง ที่สอง ลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้น กั้นห้องออก เป็น ๑๒ ห้อง เปิดใช้อยู่ ๖ ห้อง เนื่องจากบางห้อง ไม่มีห้องน้ำในตัว ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เปิด บริการแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นร้านกาแฟ มีงานศิลปะให้ ชมกัน นอกจากตัวอย่างเบาะๆ แต่ละซอยในตลาดยัง มีเหลี่ยมมุมน่าสนใจให้สืบเสาะด้วยสายตา แล้วรีบ บันทึกเป็นความทรงจำ อย่าง “บ้านโค้ก” (ค่าเข้า ชม ๒๐ บาท) ข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์สองชั้นเก็บ สะสมทุกอย่างเกี่ยวกับเครื่องดื่มโค้กตั้งแต่รุ่นเก่าแก่
ขุนจำนงจีนารักษ์ ตำแหน่งกรรมการพิเศษจังหวัด สุพรรณบุรี นายอากรสุรา-ฝิ่น ศักดินา ๔๐๐ ไร่ จาก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อรัฐบาล ประกาศยกเลิกการสูบฝิ่น ท่านจึงหันมาทำสวนทำไร่ และเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ รวมอายุได้ ๘๓ ปี บ้านของท่านอนุญาตให้คณะกรรมการพัฒนาตลาด สามชุกปรับปรุงเป็นพิพธิ ภัณฑ์ โดยใช้ชอื่ พิพธิ ภัณฑ์ บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ซึง่ เป็นสถานทีเ่ ก็บของโบราณ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมเพื่อศึกษาหาความรู้มาจนถึง ปัจจุบันนี้ โรงแรมอุดมโชค โรงแรมเก่าแก่แห่งตลาดสามชุก ซอย ๒ ในสมัยก่อนแต่ละวันจะมีเรือสินค้ามาจอด เทียบท่าตลาดสามชุกจำนวนมาก การค้าคึกคัก แต่ ๔๙
ถ่ายรูปได้ทกุ มุม มีของทีร่ ะลึกให้ซอื้ กลับไปสะสมเอง ด้วย หน้าร้านมีมุมให้นั่งเขียนโปสการ์ดติดแสตมป์ พร้อมส่งให้ตัวเองหรือเพื่อนๆที่ไม่ได้มา วันหลังจะ ได้ชวนกันมาเที่ยวสามชุกอีกไง ใกล้ๆ กับโรงแรมอุดมโชคมีร้านขายของเล่น “มหาสนุก” เข้าไปแล้วคนรุน่ คุณพ่อคุณแม่ตอ้ งคิดถึง วัยหวานแน่นอน ส่วนเพื่อนๆ คงมีคำถามมากมาย ว่าแต่ละชิ้นเล่นกันอย่างไร แล้วก็ซื้อติดไม้ติดมือกัน มาคนละหนุบหนับเพราะของทุกชิ้นน่ารักน่าซื้อมาก
เดินทางไปสามชุก : รถยนต์ ผ่าน อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี ไปจนถึงตัว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ระยะ ทางประมาณ ๑๐๗ กม. จากนั้นไปตามทางหลวง หมายเลข ๓๔๐ ผ่าน อ.ศรีประจันต์ (ห่างจาก อ.เมือง ประมาณ ๒๐ กม.) ไปต่อจะถึงแยกเข้าตลาดสามชุก ซึ่งบริเวณแยกเข้าตลาดจะเห็นห้างโลตัส ตัวตลาดอยู่ ริมแม่น้ำท่าจีนติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก รถตูจ้ ากกรุงเทพฯ ท่ารถตูอ้ ยูต่ รงสีแ่ ยกคอกวัวฝัง่ ตรงข้ามกับกองสลาก ซอยที่ ๒ เลยป้ายรถเมล์มา (ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์) แถวนั้นจะมีท่ารถตู้ไป กาญจนบุรีและไปนครปฐมด้วย ที่ท่ารถตู้จะเขียนป้าย ไปสามชุกตลาดร้อยปี เมือ่ มาถึงสามชุกแล้ว จากท่ารถตู้ เดินมาไม่ไกลก็สามารถเดินเข้าเยีย่ มชมตลาดร้อยปีได้
ควายยิ้มได้ ที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เชือ่ สิวา่ มาแล้วเพือ่ นๆ จะรักควาย ทีน่ เี่ ป็นสถานที่ รวบรวมวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านภาคกลาง มีพื้นที่กว่า ๗๐ ไร่ แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ เช่น หมู่บ้านชาวนา แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีลานนวด ข้าว คอกควาย โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ บ้าน เรือนไทยภาคกลาง เรือนแต่ละหลังมีกจิ กรรมสำหรับ ผู้สนใจ เช่น เรือนแพทย์แผนไทย การนวดแผนไทย และการใช้สมุนไพร เรือนโหราศาสตร์ มีลานแสดง ควายทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ เก้าโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท ถ้าชมการแสดงควายเก็บคนละ ๒๐ บาท แรกเริ่มบ้านควายมีควายแค่ ๘ ตัว ต่อมามีผู้ ไถ่จากโรงฆ่าสัตว์และบริจาคมาให้เรื่อยๆ จนปัจจุบัน มีประมาณ ๓๒๐ ตัว ควายแต่ละตัวแข็งแรง สะอาด สะอ้าน หน้าตาอิม่ สุข เห็นแล้วจะรักเอ็นดูควายอย่าง บอกไม่ถกู อาจจะด้วยดวงตาใสแจ๋วและท่าทีออ่ นน้อม เด็กๆที่มาเที่ยวตื่นเต้นกับควายมาก ถามผู้ฝึกสอน กันใหญ่ บางรายใจกล้าขึ้นไปนั่งหลัง “พญาควาย” ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือหน้าแดง ขาด่าง ใครมีไว้ใน ครอบครองห้ามซื้อ ห้ามฆ่า ห้ามขายเป็นอันขาด ในลานแสดงควายก็สนุกสนานทีเดียว นอกจาก เด็กๆ ชาวสุพรรณจะมาแสดงการละเล่นพื้นบ้านให้ ๕๐
ชมเพลินๆ ไฮไลท์คอื การแสดงท่าทางต่างๆ จากควาย นานาพันธุ์ หลากหลายขนาดเรียกรอยยิ้มและเสียง หัวเราะได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้คลานเข่า สวัสดี เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา กระทั่งยิ้มยิงฟัน (จริงๆ) ให้คนดู พร้อมกับสอดแทรกเกร็ดความรู้การทำขวัญ ข้าว ทำขวัญควาย การทำนา ไถนา การสนตะพาย ควาย และความจริงน่าใจหายที่ว่า ปัจจุบันควายใน เมืองไทยค่อยๆ ลดจำนวนลงทุกที สอบถามรายละเอียดรอบแสดงเพิม่ เติมทีส่ ำนักงาน กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๒๗๐-๐๓๙๕-๗ สำนักงานสุพรรณบุรี โทร ๐๓๕ ๕๘๒ ๕๙๑ หรือ www.buffalovillages.com เดินทางไปบ้านควาย หมูบ่ า้ นอนุรกั ษ์ควายไทย ตัง้ อยูร่ มิ ทางหลวง หมายเลข ๓๔๐ (สุพรรณบุรี-ศรีประจันต์) กิโลเมตรที่ ๑๑๕-๑๑๖ มีปา้ ยบอกอยูด่ า้ นขวามือ
อุทยานมังกรสวรรค์ พิพธิ ภัณฑ์ลกู หลานพันธุม์ งั กร มังกรทองขนาดมหึมาที่นอนม้วนตัวอยู่เบื้อง หน้าภายใต้ท้องฟ้าสีครามสดใส เห็นชัดเจนตั้งแต่ ระยะ ๕๐๐ เมตร ดูเป็นความมหัศจรรย์ที่แทบไม่น่า เชือ่ ว่าจะกลายเป็นภาพจริง อุทยานมังกรสวรรค์แห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ก่อตั้งขึ้นเพื่อเฉลิม ฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐ ประชาชนจีน มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ ๒๐ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ตัวอุทยานฯ เป็นลานกว้าง ปลูกสิ่งก่อสร้าง เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน เดินเลยเข้ามาอีกหน่อยคือน้ำพุขนาดใหญ่สวยงาม แต่จุดเด่นที่อยากให้เพื่อนๆ ห้ามพลาดชมก็คือตัว พิพธิ ภัณฑ์ลกู หลานพันธุม์ งั กร ซึง่ อยู่ในตัวมังกรใหญ่ ยักษ์นแี่ หละ มีวทิ ยากรนำชมเป็นรอบๆ นำเสนอเรือ่ ง ราวประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีนอายุ ๕,๐๐๐ ปี ๕๑
ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สิ่ ง ที่ ท ำให้ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ แ ห่ ง นี้ น่ า สนใจและตรึ ง สายตาของคนดู ก็คือวิธีการนำเสนอที่มิได้ยัดเยียด ให้อ่านบอร์ดนิทรรศการยาวเป็นหางว่าว แต่ทำให้ เห็นและเข้าใจในทันทีด้วยเทคนิคแสงสี การเล่าเรื่อง ด้วยหุ่นจำลองและฉายภาพยนตร์สั้น อีกทั้งหุ่นที่นำ มาจัดแสดงก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เช่น ท่าน เปาหน้าดำซึ่งคัดแบบจากนักแสดงชาวฮ่องกงที่เรา คุ้นเคยในโทรทัศน์ หรือกระทั่ง “ขงเบ้ง” แห่งสามก๊ก ก็ตั้งใจปั้นหุ่นให้เป็นทาเคชิ คาเนชิโร่ ผู้รับบทขงเบ้ง ในภาพยนตร์สามก๊กภาคที่เราได้รับชมกันตอนล่าสุด หรือฉากพระราชวังต้องห้ามที่ยืนมุมดีๆ ถ่ายภาพจะ เสมือนเราได้ไปยืนอยู่ในสถานที่จริง ณ กรุงปักกิ่ง กันเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกร สวรรค์) “เปิดทุกวันจันทร์ และวันพุธ – วันอาทิตย์ หยุดทุกวันอังคาร” รอบแรก เวลา ๑๐.๐๐ น. รอบ สุดท้ายเวลา ๑๖.๐๐ น. ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ ๒๙๙ บาท เด็ก ๑๔๙ บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ ๔๙๙ บาท เด็ก ๒๙๙ บาท โทร. ๐๓๕ ๕๒๖ ๒๑๑ นทางไปดูมังกร เดิ วเมืองสุพรรณบุรี เลี้ยวซ้ายทางหลวง จากตั หมายเลข ๓๒๑ ข้ามแม่น้ำสุพรรณบุรี แล้วแยก ขวาสู่ศาลหลักเมือง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี โทร. ๐-๓๕๕๓-๖๐๓๐, ๐-๓๕๕๓-๕๗๘๙
พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ แวะสักการะสักนิดเพื่อความเป็นสิริมงคล ที่นี่ เป็นลานยุทธหัตถีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง มี ชั ย ชนะต่ อ พระมหาอุ ป ราชาแห่ ง พม่ า เมื่ อ เดื อ น มกราคม ปี พ.ศ. ๒๑๓๕ และในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ กองทัพบกได้บูรณะปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์ขึ้นใหม่ โดย สร้างเป็นเจดียแ์ บบลังกาทรงกลมใหญ่ครอบเจดียอ์ งค์ เดิมไว้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เสด็จฯไปประกอบ พิธีบวงสรวงและเปิดพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๐๒ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนด ให้วันที่ ๒๕ มกราคม ของทุกปี เป็นวันถวายราช สักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์และถือเป็น วันกองทัพไทย พร้อมกันนัน้ ทางจังหวัดได้จดั ให้มงี าน เฉลิมฉลองพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ ทุกปี เลยจากเจดีย์ไปประมาณ ๑๐๐ เมตร เป็นที่ ตั้งของพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาย ในมีรูปปั้นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระ สุพรรณกัลยา มีผู้นิยมไปสักการะบูชาอยู่เสมอ เดิน
เดินทางไปดอนเจดีย์ อยูห่ า่ งจากจังหวัดประมาณ ๓๑ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๒ (สุพรรณบุรีดอนเจดีย์) ประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระคชาธารออก ศึก และ องค์เจดีย์ยุทธหัตถี สมเด็จพระนเรศวร มหาราชทรงสร้างเจดียข์ นึ้ เพือ่ เฉลิมฉลองชัยชนะ ในสงคราม ๕๒
ภูมิปัญญาไทย
น้ำสมุนไพรไทย
เรื่อง...แพรชมพู ภาพ : สิงหรา
อย ไม่แพง อร่ ครบคุณค่า
๕๓
น้ำมะตูม
ถ้
าจะกล่าวว่า พืชสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยก็คงไม่แปลก เพราะทั้งอาหารที่บริโภคก็มีส่วน ประกอบของพืชสมุนไพร ทั้งอร่อยและบำบัดโรค รวมถึงน้ำดื่มดับกระหายคลายร้อนหรือชาสมุนไพรที่ เคยดืม่ เคยจิบกันมาตัง้ แต่เล็กแต่นอ้ ยมีทงั้ เก็กฮวย ตะไคร้ กระเจีย๊ บ โดยไม่รู้ว่านอกจากรสชาติที่อร่อยชื่นใจ แล้ว ยังกำนัลด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ แม้วันและเวลารวมถึงวัฒนธรรมต่างชาติอาจจะเข้ามาเปลีย่ นแปลง วิถกี ารดืม่ น้ำสมุนไพรของเราไปบ้าง แต่ในที่สุดแล้ว คุณค่าที่มาอย่างครบครันก็ทำให้น้ำสมุนไพรไทยยังยืน หยัดได้รับความนิยมในปัจจุบันท่ามกลางคู่แข่งสารพัดรูปแบบ น้ำสมุนไพรไทย มีมาแต่หนใด สมุนไพร เป็นทรัพยากรธรรมชาติ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงส่วนของพืชที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรค แต่ ความจริงคือส่วนประกอบที่ได้จากพืช สัตว์ แร่ธาตุต่างๆ ที่นำมาใช้สำหรับทำเครื่องยา ตัวอย่างเช่น สมุนไพรจากพืช ได้แก่ ผัก ผลไม้ต่างๆ เช่น ขิง ตะไคร้ ใบเตย ดอกอัญชัญ กะเพรา ว่านหางจระเข้ ผักคะน้า ผักตำลึงส้ม แตงโม มะตูม ใบบัวบก กระเจี๊ยบ เป็นต้น สุมนไพรจากสัตว์ ได้แก่ เขากวาง ดีหมี ดีงู จิ้งจก ตุ๊กแก เป็นต้น แร่ธาตุที่ใช้เป็นสมุนไพร ได้แก่ น้ำปูนใส เกลือแกง ดีเกลือ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีบางส่วนของสมุนไพรที่กินไม่ได้แต่สามารถใช้ทำยาภายนอกได้ เช่น ช่วยป้องกันยุง กัด รักษาบาดแผล เป็นต้น ดังนั้นน้ำสมุนไพรจึงเป็นน้ำดื่มที่ได้จากการใช้ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช เช่น ผลไม้ ผัก/ธัญพืชต่างๆ นำมาแปรรูปให้เหมาะสมตามฤดูกาล การเตรียมน้ำสมุนไพรไว้ดื่มเองนั้น ราคาจะ ย่อมเยา สะอาด ปราศจากสารพิษ รสชาติจะถูกปากของแต่ละบุคคล ได้ทั้งกลิ่นและรสตามธรรมชาติของ สมุนไพรนั้นๆ ประโยชน์และรสชาติล้วนมากมี
๕๔
น้ำสมุนไพรมีรสชาติที่อร่อยตามธรรมชาติ ให้คุณค่าและประโยชน์ต่อ ร่างกายโดยตรง มีผลต่อระบบการย่อยอาหาร เจริญอาหาร ให้พลังงาน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ร่างกายกระชุ่มกระชวย และอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ นอกจากผิวพรรณแล้ว ยังช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยควบคุมไขมันส่วน ที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสารอาหารในน้ำสมุนไพรช่วยควบคุมระบบการทำงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากสารอาหารชนิดอื่น เตรียมน้ำสมุนไพรอย่างไรดี มีเรื่องที่ควรคำนึงดังนี้ค่ะ ๑. การเลือกสมุนไพร เลือกสมุนไพรสดทีส่ ดุ เก็บมาจากต้นใหม่ตามฤดูกาล สีสนั เป็นธรรมชาติ ตามชนิดของสมุนไพร ไม่มีรอยช้ำเน่าเสีย ความสดทำให้มีรสชาติดี มี คุณค่ามากกว่า ๒. ความสะอาดของภาชนะและสมุนไพร ภาชนะทีใ่ ช้เตรียมจะต้องสะอาด เลือกใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของสมุนไพร เช่น มะขาม มะม่วง สับปะรด เชอรี่ มะเฟือง ฯลฯ มีรสเปรี้ยว ควรใช้ ภาชนะเคลือบ เนื่องจากกรดที่มีอยู่ในสมุนไพรจะทำปฏิกิริยากับภาชนะ อะลูมิเนียม ทองเหลือง ทำให้รสชาติของน้ำดื่มสมุนไพรเปลี่ยนไป แล้วยัง จะได้โลหะหนักปนอีกด้วย ภาชนะที่ใช้บรรจุหลังปรุงเสร็จควรเป็นภาชนะแก้ว เมื่อบรรจุน้ำสมุน ไพรแล้วต้องนึ่งฆ่าเชื้ออีกไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที เย็นแล้วจึงเก็บเข้าตู้เย็น จะ ทำให้น้ำสมุนไพรเก็บได้นาน อีกทั้งทำให้ดูน่ารับประทาน และยืดเวลาการ เน่าเสียเพราะไม่ได้ใส่สารกันบูด ความสะอาดของตัวสมุนไพร ควรล้างให้ถูกวิธี ถ้าเป็นสมุนไพรแห้ง เช่น มะตูมแห้ง กระเจี๊ยบแห้ง จะต้องล้างอย่างน้อย ๑-๒ ครั้ง ถ้าเป็นสมุน ไพรสด ควรล้างอย่างน้อย ๒-๓ ครั้ง เพื่อป้องกันสารเคมีที่ติดมา ซึ่ง สามารถลดปริมาณสารพิษในผักและผลไม้ได้ การล้างผักและผลไม้เพื่อลด ปริมาณสารพิษ ทำได้ดังนี้ - แช่น้ำสะอาด ๑๕ นาที ลดปริมาณสารพิษได้ ร้อยละ ๗-๘ - ล้างด้วยน้ำโซดา ๑ เปอร์เซ็นต์ ลดปริมาณสารพิษได้ ร้อยละ ๒๓-๖๑ - ให้น้ำก๊อกไหลผ่าน ๒ นาที ลดปริมาณสารพิษได้ ร้อยละ ๕๔-๖๓ - แช่ด้วยน้ำส้มสายชู ๕ เปอร์เซ็นต์ ลดปริมาณสารพิษได้ ร้อยละ ๖๐-๘๔ ๓. น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ร่างกายควรได้รับไม่เกินวันละ ๒ ช้อนโต๊ะ (หนัก ๓๐ กรัมหรือ ประมาณ ๒ ช้อนคาว หรือ ๖ ช้อนชา) ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารใน มื้อต่างๆ ด้วย
น้ำใบเตย
น้ำตะไคร้
น้ำใบบัวบก
๕๕
๔. การชั่ง ตวง วัด น้ำสมุนไพร การชั่ง ตวง วัด มีประโยชน์ คือ ทำให้น้ำ สมุนไพรที่ปรุงมีรสชาติอร่อยเหมือนกันทุกครั้ง ถ้าการตวง วัดนั้นถูกต้องได้มาตรฐาน ดังนั้นก่อน ทำน้ำสมุนไพรควรทราบอัตราส่วนของการชัง่ ตวง วัด ก่อนที่จะปรุงน้ำสมุนไพรดังนี้ ๑ ถ้วยแก้ว มีปริมาตรเท่ากับ ๒๕๐ มิลลิลติ ร ๑ ถ้วยชา มีปริมาตรเท่ากับ ๗๕ มิลลิลิตร ๑ ช้อนโต๊ะหรือช้อนคาว มีปริมาตรเท่ากับ ๑๕ มิลลิลิตร น้ำดอกอัญชัญ ๑ ช้อนตวง มีปริมาตรเท่ากับ ๘ มิลลิลิตร ๑ ช้อนชา มีปริมาตรเท่ากับ ๕ มิลลิลิตร ๑๖ ช้อนโต๊ะ มีปริมาตรเท่ากับ ๑ ถ้วยตวง ๑ กำมือ มีปริมาตรเท่ากับ ๔ หยิบมือ (หรือหมายถึงปริมาตรที่ได้จากการใช้ มือเพียงข้างเดียวทำโดยใช้ปลายนิ้วจรด เข้าไปในอุ้งมือโหย่งๆ) ๕. อุปกรณ์การทำน้ำสมุนไพร - ควรใช้ครกตำ หรือขูดให้เป็นฝอยแล้วคั้น ด้วยผ้าขาวบาง เพือ่ แยกน้ำสมุนไพรออกจากกาก หรือใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ หรือเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ชนิดแยกกาก น้ำกระเจี๊ยบ - ช้อนตวง - ภาชนะสำหรับใส่นำ้ สมุนไพร เช่น แก้วน้ำ หรือ ขวดแก้ว ต้องสะอาด ดื่มให้อร่อย ได้ประโยชน์ ปัจจุบนั ได้มผี คู้ ดิ ค้นหาวิธกี ารรักษาโรคต่างๆ โดยใช้นำ้ ทีท่ ำจากผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ น้ำสมุนไพร บางชนิดจะดื่มลำบาก ในช่วงแรกของการดื่มอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัด เนื่องจากรสชาติไม่ค่อยตรงกับ รสนิยมของผู้ดื่ม แต่จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น วิธีการดื่มที่ดี ควรดื่มแบบจิบช้าๆ และควรดื่มทันที ที่ปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและทางยา มากกว่าปล่อยทิ้งไว้นานแล้วดื่ม เนื่องจากจะทำให้ คุณค่าลดลง นอกจากนี้ยังสามารถทำดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นตามความชอบของแต่ละคน อย่างไรก็ดี เตือนกันสักนิดว่าการดื่มน้ำสมุนไพรชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิด การสะสมสารบางชนิดที่มีฤทธิ์ต่อร่างกายได้ การดื่มน้ำสมุนไพรร้อนๆ ที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไปทำให้ เยือ่ บุผวิ หลอดอาหารเสียสภาพภูมคิ มุ้ กันเฉพาะที่ และอาจทำให้มกี ารดูดซึมสารก่อมะเร็ง จุลนิ ทรีย์ ฯลฯ ได้ง่าย ดังนัน้ ดืม่ น้ำสมุนไพรให้อร่อยและได้ประโยชน์ ก็ไม่ตา่ งจากอาหาร คือเลือกรับประทานให้ครบ หมู่ หลากหลาย ไม่ยึดติดกับประเภทใดประเภทหนึ่งนั่นเองค่ะ สนใจข้อมูลน่ารู้เรื่องสมุนไพรไทย คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สมุนไพรดอทคอม นะคะ ๕๖
บันทึกหัวใจไทย
เรื่อง...สีฟ้า ภาพ : สิงหรา
ทอดด์ ทองดี สานต่อ ‘เทศกาลจังหวะแผ่นดิน’ เพื่อประเทศไทย ผู้ใช้ดนตรีไทยในการเดินทางเผยแพร่ไปทั่วโลก
ผมคิดว่า ดนตรีไทยทำอะไรได้ เยอะมาก เยาวชนที่มาเล่นใน เทศกาลจังหวะแผ่นดิน เขาสามารถเอาขิมมาเล่นเพลง ไทยสากล เพลงฝรั่ง บ่งบอก ว่าเครื่องดนตรีไทยนั้นกว้าง ทำอะไรไดมากมาย
๕๗
ช
ายหนุม่ ตาสีฟา้ ผูม้ สี ายเลือดอเมริกนั มีชอื่ จริงว่า โทมัส เจมส์ ลาเวลล์ (Thomas James Lavelle) เขาเดินทางมาอยูป่ ระเทศไทยตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ด้วยการได้รบั ทุนฟูลไบรท์เข้าศึกษาต่อทีจ่ ฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพร จนต่อ มาได้มโี อกาสเล่นดนตรี และได้รบั การชักชวนให้รว่ ม เดินทางไปแสดงคอนเสิรต์ กับวงคาราวานทีป่ ระเทศ ญี่ปุ่น โดยร่วมงานกับวงซูซู หงา คาราวานและ แอ๊ด คาราบาว และล่าสุดกับงานพิธีกรในรายการ คุณพระช่วย รายการวาไรตีท้ สี่ ง่ เสริมวัฒนธรรมเต็ม รูปแบบ ที่บอกเล่าเรื่องราวของความเป็นไทย ทำไมถึงสอบชิงทุนมาประเทศไทย ตอนนั้นผมเรียนประวัติศาสตร์ รู้จักประเทศ ไทยจากการอ่านประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ อ่าน แล้วก็รสู้ กึ สนใจ เพราะช่วงเวลานัน้ ผมคิดว่า เมือง ไทยเปรียบแล้วก็เหมือนเด็กที่กำลังจะกระโดดน้ำ คือ โยนตัวเองเข้าไปสู่เศรษฐกิจโลก คิดดูแล้วมัน น่าสนใจมาก เลยอยากลองเข้ามาเรียนรู้ประเทศ นี้ดูครับ ๕๘
นับแต่วันนั้นมา มีความประทับใจอะไร จึงทำให้ อยู่เมืองไทยจนถึงทุกวันนี้ ผมติดใจความเป็น ‘ไท’ คือ ความเปิดเสรี การที่อยากจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ผม เองเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งบ้านเมืองเรามีความเป็น อิสระเสรีเช่นเดียวกันกับประเทศนี้ เลยคิดว่า นั่น น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมชาวอเมริกันส่วนใหญ่ จึงชอบเมืองไทย เพราะเรามีความคล้ายกันนัน่ เอง แต่ต่างกันตรงที่ชาวอเมริกันจะมีความมั่นใจว่า ตัวเราทำได้ สำหรับคนไทยอาจจะเหมือนกันในแง่ ของการเปิดรับ แต่จะไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ออกไปเท่ากับที่ชาวอเมริกันเป็น คนไทยเปิดรับ และพร้อมเข้าใจ นัน่ คือนิสยั แบบเอาใจเขามาใส่ใจ เรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบครับ
มีช่วงหนึ่งที่คุณทอดด์ได้รับทุนฟูลไบรท์ ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย ทำไมถึงเลือกไปที่นั่น ผมเลือกเชียงใหม่ เพราะผมเองเป็นคนทีเ่ ติบโต มาในเมืองเล็กทีส่ แครนตัน รัฐเพนซิลวาเนีย ดังนั้น ผมจึงมีความเชื่อมันในเรื่องทรัพยากรของมนุษย์ ในเมืองเล็ก และเชียงใหม่ก็มีคนหลากหลาย มี ชาวเขา และมีสีของตัวเองชัดเจน เป็นสีสันของ มนุษย์ที่น่าสนใจมาก เริ่มหัดพูดภาษาไทยกับใคร ได้มีโอกาสไปทำงานกับชาวเขา จากตรงนั้น ก็เลยทำให้ต้องฝึกพูดภาษาไทย ผมได้เรียนด้วย การอยูก่ บั พ่อหมอสมุนไพรซึง่ เขาพาเราไปทัว่ ชนบท ในตอนนั้นเองก็ได้ซึมซับภาษาไทยจากเขามาด้วย ครับ ถึงตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า พูดไทยชัดบ้าง ก็ ยังมีพลาดอยู่ แต่คิดว่าตัวเองสื่อสารได้กับคนทุก ระดับ แล้วเข้ามาทำรายการคุณพระช่วยได้อย่างไร คิดว่า ทีมงานคงได้เห็นและติดตามผลงาน ของผมซึ่งมีมาต่อเนื่อง ผมมีผลงานเพลง ๑๐ กว่าชุด โดยเป็นงานทีใ่ ช้เพลงพืน้ บ้านเข้ามาประกอบ ทั้งยังเขียนหนังสือด้วย งานเพลงของผมจะเป็น การนำเพลงพื้นบ้านมาผสมกับสากล พอรายการ
ในบทบาทพิธีกรรายการ “คุณพระช่วย”
มาชวนก็เลยคิดว่าน่าจะเข้าทาง แต่งานของผม เรียกว่า เป็นลักษณะไทย – โลก คือไม่ได้ไทยจ๋า แรกๆ ก็อาจจะต้องปรับความเข้าใจกัน เพราะ รายการมีความเป็นไทยค่อนข้างชัดเจน แต่สำหรับ ผมอยากอวดความเป็นเจ้าภาพของไทยทีม่ วี ฒั นธรรม อื่นมาผสม อาทิ ปี่พาทย์ที่ได้อิทธิพลมาจากเขมร กลองยาวที่รับมาจากพม่า และการแสดงมโนห์รา ซึ่งได้รับมาจากสเปน บางคนอาจจะไม่รู้ว่า การ แสดงของไทยบางอย่างเราได้รับอิทธิพลมาจากที่ อื่น ซึ่งอยากให้คนไทยภูมิใจว่า เราได้เป็นเจ้าของ การแสดงเหล่านี้ ด้วยความที่คุณทอดด์เป็นนักดนตรี คิดว่าดนตรีไทยมีเสน่ห์อย่างไร ผมคิดว่า ดนตรีไทยทำอะไรได้เยอะมาก เยาวชนที่มาเล่นในเทศกาลจังหวะแผ่นดิน เขา สามารถเอาขิมมาเล่นเพลงไทยสากล เพลงฝรั่ง บ่งบอกว่าเครื่องดนตรีไทยนั้นกว้าง ทำอะไรได้ มากมาย ส่วนตัวแล้วผมเล่นดนตรีประเภทเครื่อง เคาะไทยได้เกือบทั้งหมดครับ เทศกาลจังหวะแผ่นดิน ซึ่งร่วมกับ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีที่มาอย่างไร ผมริเริม่ เทศกาลนีม้ าตัง้ แต่หกปีทแี่ ล้ว จัดขึน้ มาทุกปีครับ ผมตั้งใจให้เป็น เวิลด์มิวสิก (World Music) ซึง่ มีความหมายถึง เพลงท้องถิน่ หรือเพลง โฟล์กในวัฒนธรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์และเล่นโดย นักดนตรีทอ้ งถิน่ โดยงานนีม้ สี ปอนเซอร์เป็นบริษทั สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แรกๆ เราจัดเพื่อความ สนุก เพราะเห็นกระแส World Music ที่อื่นแล้ว คิดว่า ดนตรีเมืองไทยเป็น ‘world’ ได้นะ แต่ยัง ไม่มีใครมาเรียกว่า World Music รูปแบบงานใน ตอนแรกยังไม่มีคนเห็นด้วย เพราะคิดว่าถ้าไม่ได้ เชิญศิลปินดังของประเทศแล้วจะไม่มีคนมาดู แต่ บริษัท สิงห์ ฯ กลับเห็นสิ่งที่เราพยายามจะสื่อสาร จนสนับสนุนทางด้านการเงิน และในทีส่ ดุ เราก็กลาย มาเป็นเพื่อนกัน งานแต่ละครั้งผมจะพยายามดึง คนในท้องถิน่ ให้เข้ามามีสว่ นร่วม เช่น จากจังหวัด อุดรธานี และตอนนีผ้ มก็วางแผนทีจ่ ะดึงดนตรีจาก ๗๖ จังหวัดมาร่วมด้วย
๕๙
ดังนั้นถ้าจะให้คุณทอดด์คิดถึงเพลงที่แต่งขึ้น เพื่อ ๗๖ จังหวัด คุณทอดด์สามารถทำได้หมด ใช่ไหมคะ ใช่ครับ มีอยู่ในหัวหมดแล้ว เพราะผมเดิน ทางด้วยตัวเอง และเดินทางผ่านตัวหนังสือ ได้ยิน เรื่องราวต่างๆ จากเพื่อนรอบตัว คุณลองพูด จังหวัดใดมาก็ได้ แล้วผมจะลองพูดให้ฟังว่า เพลง ของจังหวัดนั้นน่าจะเป็นเช่นไร ถ้าอย่างนั้นลองพูดถึงจังหวัดเพชรบูรณ์สักนิด เพชรบูรณ์เป็นชุมทางโลกครับ มีชนกลุ่ม น้อย มีภาษาหล่มสัก มีเรือ่ งพืชพันธุท์ ดี่ งั เช่น มะขาม เคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปฏิวัติ สิ่งเหล่านี้นำมา เชื่อมโยงทางดนตรีได้หมดครับ ผมอยากเห็นคน เดินเล่นในศรีเทพ หรือภาพคนนั่งสวดมนต์ น่าจะ จัดงานเทศกาลที่เป็นความศรัทธาอะไรแบบนี้ ถ้า ผมจะชวนประเทศอืน่ ๆ มาร่วมแจมก็จะมองประเทศ ที่มีผลไม้ซึ่งมีประโยชน์เดียวกับมะขามมาสร้าง ความสนุกครับ ๖๐
เล่าถึงงานเทศกาลดนตรีเวิลด์มิวสิคล่าสุดที่ คุณทอดด์ได้จัดขึ้นหน่อยคะ ผมได้รว่ มกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวง วัฒนธรรม องค์การบริหารจังหวัดพัทลุง จัดเทศกาล “เมืองลุงโลก” (Phatthalung World Music & Shadow Festival) ซึ่งรวมสุดยอดหนังตะลุงของ เมืองลุงจากทั่วไทย และทั่วโลก มีการแสดงดนตรี และวัฒนธรรมอย่างไร้พรมแดนพร้อมพบกับศิลปิน ทั้งไทยและเทศ อาทิ วงไคโจ บราเธอร์ ศิลปิน เร้กเก้ชื่อดัง หลวงไก่ เท่ง เถิดเทิง และคณะ โปงลางสะออน โดยได้รับความร่วมมือจากศิลปิน ต่างประเทศ อาทิ Sri Lanka จากประเทศศรีลังกา Buttero จากประเทศสเปน Lee Boys จาก สหรัฐอเมริกา ซึ่งงานลักษณะแบบนี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัว ถึงหนึ่งปีเต็ม ปีๆหนึ่ง ผมเดินทางไปยี่สิบประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนการแสดงไทยไทยด้วยตัวเอง งาน ของผมชือ่ ว่า หิมพานต์ เป็นทัง้ เพลงชุดและหนังสือ ในป่าหิมพานต์มีสัตว์หลากหลาย จึงสามารถเอา นักดนตรีจากชาติอื่น เช่นอินเดียและแอฟริกันมา ร่วมกันได้ แต่งานลักษณะนี้ต้องบอกก่อนว่า งบ ประมาณน้อย ดังนั้นนักดนตรีที่ผมเชิญมา พวก เขาจึงมาด้วยความศรัทธา ได้รบั เกียรติจากคน ๖๐๗๐ ประเทศมาร่วมงานกัน เวลาที่ผมไปที่ไหนก็ จะใช้ชื่อประเทศไทยเสมอ เพื่อเป็นการให้เกียรติ แผ่นดินที่ให้โอกาสกับผมครับ
พูดถึงวัฒนธรรมไทยที่คุณทอดด์ชอบล่ะคะ แน่นอนครับ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อ สร้างอะไรที่ดีด้วยกัน และวัฒนธรรมที่ให้เกียรติ ผู้ใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่สวยงามจริงๆ และมีนิสัยใดของคนไทยที่ชื่นชอบ การหัวเราะง่ายครับ เพราะคนไทยมีความ สนุกสนานอยูใ่ นตัว ไม่อยากให้เสียฝีมอื เรือ่ งหัวเราะ นีห้ ายไป แล้วก็อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น หลักการทำงานทุกวันนี้เป็นอย่างไร มีความเป็นไทยแทรกเป็นเสาหลักครับ แต่ หลักการทำงานของผมมีนายอยูท่ า่ นหนึง่ ซึง่ เรียกว่า “ความรัก” ถ้าความรักมาบอกผมว่า สิ่งนั้นสวย จงทำซะ หากต้องลำบากก็ไม่เกี่ยง แต่ถ้าเจตนาที่ จะทำนัน้ ไม่สวยงามแล้ว ความรักจะมาจับเราทันที ยิ่งอยู่ในวงการบันเทิง การเสนอทางลัด ทำแบบ ฉาบฉวยเพือ่ ให้ได้เงินมาแค่นกี้ ม็ คี รับ แต่ถา้ คิดแบบ นั้นความรักจะมาฟ้องเรา ซึ่งสิ่งที่ทำอาจจะไม่ได้ เป็นสิ่งที่คนอื่นชอบร้อยเปอร์เซ็นต์ คนดูอาจจะไม่
รักไม่ชอบ แต่ถ้าเราเชื่อว่า เราได้ทำสิ่งดีและสิ่งที่ ควรกระทำแล้ว ผมก็จะทำต่อ อยากฟังมุมมองความรักที่มีต่อประเทศไทยบ้าง ต้องบอกว่าแผ่นดินนี้ให้โอกาสผมมาก ผม เลยติดหนีบ้ ญุ คุณของประเทศไทยไว้เยอะ ดังนัน้ สิง่ ทีจ่ ะทำได้คอื การตัง้ ใจคืนสิง่ ทีด่ ีให้กบั คนในประเทศ นี้ แต่พอได้เจอคนไทยมากมายที่ดีกับเรามากๆ ก็ เลยเหมือนการติดหนี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้บัญชีติดลบ ครับ (หัวเราะ) ถ้าถามว่าจะอยู่เมืองไทยอีกนาน แค่ไหน คงบอกไม่ได้ เพราะผมอาศัยอยู่กับความ เป็นปัจจุบัน ตอนนี้ก็ยังจมอยู่กับปัจจุบัน และมี ความสุขแบบลึกมาก เพราะว่าชีวิตนี้ได้เผชิญหน้ากับความตายมา แล้ว ได้จ้องหน้ากัน มองแล้วบอกกับเค้าว่าความ รักใหญ่กว่าคุณ ดังนั้นคุณแพ้ ผมว่า ความสุขของ ชีวติ มาจากแก่นแท้ เรามีความสุขจนล้น นักแสดง นักดนตรีและทีมงานที่มาร่วมในงานเวิลด์มิวสิค นั้น ผมรับรู้ถึงความรู้สึกพิเศษที่ได้มาจากความรัก ของทุกคน เพราะทุกคนมีไอรักระเหยออกจากตัว เรามีศรัทธาที่มีคล้ายกัน
๖๑
ตอนนี้กระแสสังคมออนไลน์กำลังมาแรง คุณทอดด์คิดเห็นอย่างไร คิดในแง่บวก ผมคิดว่า กำลังมีชาติทางเลือก ใหม่ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในเฟซบุค เป็นชาติที่เยาวชน สามารถเลือกให้ใครมาอยู่ในวงของเราก็ได้ ทุกคน ได้สอื่ สีสนั ความเป็นตัวเองออกไป เราสามารถเป็น เพือ่ นเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นโลกทีบ่ ริสทุ ธิแ์ ละ ค่อนข้างเท่ คิดว่า เป็นกระแสที่แรงมาก ไม่มีใคร สามารถสร้างเขื่อนต่อต้านกระแสนี้ได้ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ที่อายุมากขึ้น ผมแนะนำว่า ควรจะหาเรือ ของตัวเองแล้วพายตามกระแสไปด้วยกัน ผมมอง ว่า ภายใน ๒๐ ปีนี้ ความเป็นชาติจะกลายเป็น เรื่องตลก จะไม่มีการบังคับให้คนต้องทำแบบนั้น แบบนี้ หากแต่การรวมกลุ่มของคนจะเป็นไปด้วย เจตนาและความตั้งใจ ลองจินตนาการว่า ถ้าเรา เกิดมาแล้วมีบุฟเฟ่ต์ให้เลือกหลายอย่าง เราอยาก จะเลือกว่า เป็นญาติกับใครก็ได้ มันน่าสนุกนะ และสังคมแบบนี้แหละที่เหมาะกับความเป็นไทย คือการเปิดรับมิตรภาพจากผู้คน มีสิ่งใดไหมคะ ที่คุณทอดด์รู้สึกเป็นห่วงเยาวชน ไทย ผมกลัวว่าเยาวชนไทยที่เก่งจะไม่มีจริยธรรม คือทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี โดยลืม
นึกถึงขบวนการและขัน้ ตอนทีก่ ว่าจะได้มา ผมมอง ว่า ความงามของชีวติ เราอยูท่ กี่ ระบวนการมากกว่า ผลลัพธ์ อย่างเช่น การจีบกัน ก็อยากให้รู้จักเรียน รู้ซึ่งกันและกัน นั่นคือความสวยงามแบบหนึ่ง ผม อยากให้เด็กไทยนิยมกระบวนการตรงนั้นมากกว่า ครับ อยากให้พูดถึงความประทับใจต่อองค์พระ ประมุขของคนไทย ผมอยากพูดสั้นๆ ว่า ในหลวงท่านเป็นคนดี แค่นนั้ พอแล้วครับ ท่านรักประเทศนี้ รักครอบครัว จะหาต้นแบบที่ไหนดีขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว สุดท้ายแล้วมีสิ่งใดที่อยากบอกคนไทย เหนืออื่นใดแล้วอยากขอบคุณคนไทยครับ ส่วนอีกเรื่องคือ การแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ผมไม่บังอาจจะไปสอนคนไทยได้ แต่การแสดง ความเป็นสีของตัวเองนัน้ ไม่วา่ จะเป็นสีเหลือง หรือ สีแดง เราสามารถแสดงออกได้ เมื่อคิดกลับกันว่า เราลองเอาสีแดงกับสีเหลืองมาผสมกัน เราก็จะได้ สีส้มที่สวยงามเช่นกัน ดังนั้นอยากให้ลองเปิดใจ ให้คนอื่นเช่นกัน สุดท้ายอยากจะบอกว่า รักเมือง ไทยครับ
๖๒
แบบอย่างประชาธิปไตย
เรื่อง...ดร.อัญชลี เกษสุริยงค์
ประยงค์ รณรงค์
ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ลุงประยงค์ ปลูกฝังให้ทกุ คนใน ครอบครัวเห็นความสำคัญของ สถาบันครอบครัว และการอยู่ ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ ในกรอบ ศีลธรรมอันดี มีวิถีการดำเนิน ชีวิตที่ดีงาม เป็นแบบอย่างที่ดี ให้ กับชาวบ้านและชุมชน โดยอนุรักษ์ ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่ สำคัญและดีงามของไทย
ส
ถาบันครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญในการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศชาติ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาครอบครัว ประชาธิปไตยตัวอย่างที่มีคุณสมบัติเป็นครอบครัว ทีม่ กี ารดำเนินชีวติ ตามวิถปี ระชาธิปไตย สนใจและ ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นครอบครัวที่ ประสบความสำเร็จในหน้าทีก่ ารงาน รวมทัง้ การศึกษา ของบุตรธิดา มีความรักความสามัคคีในครอบครัว ที่เป็นตัวอย่างได้ และมีกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ซึ่งในปี ๒๕๕๔ มี ๓๗ ครอบครัวที่ได้รับการเสนอ ให้เป็นครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ทุกครอบครัว มีเอกลักษณ์ความเป็นประชาธิปไตยที่โดดเด่น เช่น “ครอบครัวรณรงค์”
๖๓
ประยงค์ รณรงค์ : เจ้าของรางวัลแมกไซไซที่ เป็นครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ๒๕๕๔ คุณประยงค์ รณรงค์ เป็นเจ้าของรางวัล แมกไซไซ สาขาพัฒนาชุมชนปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึง่ ปรากฏข่าวทางสือ่ มวลชนทีท่ ำให้คนไทยทัง้ ประเทศ มีความสุขใจมากข่าวหนี่ง เพราะการที่คนไทยใน ชนบทคนหนึ่งจะได้รับรางวัลแมกไซไซ ไม่ใช่เป็น เรือ่ งง่าย จึงนับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของ คนไทยทุกคน รวมทัง้ เป็นความภูมใิ จของคุณประยงค์ ทีส่ ง่ ผลให้เจ้าตัวพลิกผันชีวติ จากบุคคลธรรมดาเป็น บุคคลที่มีชื่อเสียงของสังคม และเป็นที่ยอมรับว่า บุคคลผูน้ สี้ ามารถใช้สติปญั ญาทีม่ ี พัฒนาชุมชนให้ มีความยั่งยืนและเข้มแข็งได้ คุณประยงค์ หรือที่ทุกคนเรียกว่าลุงประยงค์ ปัจจุบนั อายุ ๗๔ ปี เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช จบชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 และนักธรรมชัน้ โท ภรรยา ชื่อคุณแนบ มีบุตรธิดา รวม ๕ คน อาชีพของ ครอบครัวคือทำการเกษตร ได้แก่ทำสวนยางพารา แต่ก็ทำสวนพื้นบ้านที่เรียกว่าสวนสมรมคือมีทั้ง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง สะตอ สละ ขนุน จำปาดะ ซึ่งปลูกตามร่องยางพาราและแยกพื้นที่ ปลูกคละกันไปแทบทุกชนิด นอกจากนัน้ ยังมีอาชีพ เลี้ยงสัตว์คือเลี้ยงไก่พื้นเมือง และปลาน้ำจืด ลุงประยงค์ปลูกฝังให้ทุกคนในครอบครัวเห็น ความสำคัญของสถาบันครอบครัว และการอยูร่ ว่ ม กันในสังคมอย่างมีความสุข ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ ในกรอบศีลธรรมอันดี มีวิถีการดำเนินชีวิตที่ดีงาม เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชาวบ้านและชุมชน โดย อนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญและ ดีงามของไทย นอกจากนี้ยังเป็นแกนนำในการ พัฒนาชุมชนไม้เรียงในเรือ่ งเศรษฐกิจชุมชน สร้าง สังคมให้เป็นองค์รวม เน้นการพึ่งพาตนเอง ยึด หลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยการนำแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เรือ่ งทฤษฎีใหม่ และเศรษฐกิจพอเพียง คือพึ่งตนเองได้ ดำรงชีวิต อย่างพอประมาณ ไม่เกียจคร้าน ใช้จ่ายอย่าง ประหยัด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือ สังคมตามโอกาสอันควร มาปรับประยุกต์ใช้กบั ตนเอง ครอบครัวและชุมชนได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสม จากการเน้นเรือ่ งเศรษฐกิจชุมชนทัง้ ระบบของ ๖๔
ลุงประยงค์ รับรางวัลแมกไซไซ
ถ่ายภาพร่วมกับผู้ได้รบั รางวัลแมกไซไซชาติอนื่ ๆ
ลุงประยงค์ ทำให้ชุมชนไม้เรียง มีความเข้มแข็ง อย่างน่าพอใจ แม้วา่ ผูค้ นในชุมชนจะไม่ถงึ กับร่ำรวย แต่อยู่ในสภาพพออยู่พอกิน มีความสงบสุข และ ได้กลายเป็นต้นแบบที่ชุมชนต่างๆ ได้นำไปเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติจำนวนมาก ดังตัวอย่างคือชุมชนไม้เรียงได้จดั ทำหลักสูตร ในการพัฒนาอาชีพหลัก สร้างอาชีพรอง มีอาชีพ เสริม ซึ่งเป็นเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระ ราชดำริ เช่น หลักสูตรการปลูกพืชผักปลอดสารพิษ หลักสูตรการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด หลักสูตรการ เพาะเลี้ยงไก่พื้นบ้าน หลักสูตรการเพาะเลี้ยงเห็ด ด้วยขี้เลื่อยไม้ยางพารา หลักสูตรการเพาะเลี้ยง
สุกร หลักสูตรการผลิตอาหารสัตว์ หลักสูตรการ แปรรูปข้าว หลักสูตรการแพทย์แผนไทยและสมุน ไพรเพื่อสุขภาพ ครอบครัวลุงประยงค์ ปลูกฝังให้ทุกคนใน ครอบครัว เห็นความสำคัญของสถาบันครอบครัว มีความกตัญญูกตเวทีตอ่ บุพการี ญาติผใู้ หญ่ ครูบา อาจารย์และผูม้ พี ระคุณ โดยการวางรากฐานให้ทกุ คนในครอบครัวมีการวางแผนเพือ่ อนาคตทีด่ ี ดำเนิน ชีวติ ด้วยความไม่ประมาท มีความซือ่ สัตย์สจุ ริต และ อบรมสั่งสอนลูกหลานให้รู้จักความพอดี ภูมิใจที่ ได้ทำหน้าทีข่ องตนให้สมบูรณ์ดว้ ยการตอบแทนคุณ ของครอบครัว ชุมชนและแผ่นดินในทุกโอกาสที่
สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ การประพฤติปฏิบตั ิ ตนเป็นคนดี มีศีลธรรม รู้จักหน้าที่ของตนเอง เคารพสิทธิเสรีภาพของผูอ้ นื่ ไม่ซอื้ สิทธิไม่ขายเสียง และไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ลุงประยงค์เล่าว่า ชีวิตคนภาคใต้ผูกพันกับ ยางพารามานานนับร้อยปี แต่ไม่มีความมั่นคงใน อาชีพหลักนีเ้ ลย เพราะผลผลิตขึน้ อยูก่ บั ดินฟ้าอากาศ ราคาที่ขึ้นอยู่กับตลาดโลก ความมั่นคงที่ขึ้นอยู่กับ นโยบายรัฐบาล เกษตรกรชาวสวนยางไม่มสี ว่ นร่วม ในการกำหนดทิศทางอนาคตของตนเองเลย นี่จึง เป็นจุดเริม่ ต้นของลุงประยงค์ในการมีบทบาทในฐานะ ผู้นำทางความคิด และผู้นำชุมชนเพื่อแก้ปัญหาดัง กล่าว โดยได้ขอความร่วมมือกับผูน้ ำเกษตรกรชาว สวนยางในจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดทำแผนพัฒนา ยางพาราไทยขึน้ ด้วยการรวมกลุม่ สร้างความสัมพันธ์ เป็นเครือข่ายช่วยเหลือกัน เรียนรู้ร่วมกัน กำหนด ทิศทางเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายทีเ่ รียกว่า แผนแม่บท การพัฒนายางพาราไทยฉบับประชาชนขึน้ และนำไป สูก่ ารตัง้ เครือข่ายยางพารานครศรีธรรมราชขึน้ โดย ได้เริ่มต้นจากชุมชนไม้เรียงบ้านเกิดนั่นเอง เครือข่ายยางพาราไม้เรียง ถือเป็นชุมชน ต้นแบบการพัฒนายางพาราจนเป็นที่ยอมรับอย่าง มาก มีโรงงานแปรรูปยางขนาดเล็กของชุมชนถึง ๑๑ โรง เหล่านี้ทำให้สามารถแก้ปัญหาเรื่องราคา และอื่นๆได้ นอกจากนี้ลุงประยงค์เห็นว่าเกษตรกร ในภาคใต้ไม่ควรฝากความหวังไว้กบั ยางพาราเพียง อย่างเดียว เพราะยางพารากินแทนข้าวไม่ได้ จะ ต้องทำยางให้เป็นเงิน แล้วเอาเงินไปแลกทุกอย่าง ทีต่ อ้ งกินต้องใช้ซงึ่ เป็นทางอ้อม จึงได้วางโครงการ สร้างการเรียนรู้ในชุมชนขึ้น เพื่อที่จะทำให้คนใน ชุมชนค้นพบตัวเอง ค้นพบความจริงจากวัฒนธรรม ท้องถิน่ ซึง่ เหล่านีไ้ ด้กลายเป็นทีม่ าของแผน “แม่บท ชุมชน” ในเวลาต่อมา ลุงประยงค์มคี วามตัง้ ใจและมุง่ มัน่ ในการถ่ายทอด ความรู้และประสบการณ์ออกสู่สาธารณชนให้มาก ที่สุด ต่อเนื่องกันมายาวนาน จึงทำให้เกิดความ สัมพันธ์เชือ่ มโยงกันเป็นเครือข่ายทัง้ ในระดับชุมชน อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับชาติ และระดับนานาชาติ เกิดเป็นกิจกรรมความร่วมมือระหว่างองค์กรขึน้ หลาย กิจกรรมโดยเฉพาะ “เครือข่ายยมนา” อันเป็นเครือ ๖๕
ข่ายความร่วมมือระหว่าง ๓ กลุ่มอาชีพ คือ ยาง พารา จำนวน ๒๒ กลุ่มใน ๑๐ อำเภอ ไม้ผล จำนวน ๓ ชมรมใน ๘ อำเภอ และกลุ่มทำนา จำนวน ๖ กลุ่มใน ๕ อำเภอ มาร่วมมือกัน จึงมี อักษรย่อของเครือข่ายว่า “ยมนา” ขณะนี้ได้มี กิจกรรมร่วมกันทีส่ ำคัญคือ โรงงานผลิตแป้งขนมจีน ในนาม บริษัท เครือข่ายผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด นำข้าวคุณภาพต่ำราคาถูกจากชาวนาในลุม่ น้ำปากพนัง มาแปรรูปเป็นแป้งขนมจีน จำหน่ายให้กับผู้ผลิต เส้นขนมจีนรายทัว่ ไป ซึง่ ปัจจุบนั สามารถผลิตแป้ง ขนมจีนได้วันละ ๑๐ ตัน และขยายตลาดไปอีกถึง ๗ จังหวัด นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ เรือ่ งการจัดการทรัพยากรทีเ่ ป็นผลผลิตทางการเกษตร ของเกษตรกรให้คุ้มค่า และเป็นต้นแบบวิสาหกิจ ชุมชนอีกด้วย ก่อนทีจ่ ะได้รบั รางวัลแม็กไซไซนัน้ ลุงประยงค์ ได้รบั รางวัลและการยกย่องประกาศเกียรติคณุ มากมาย อาทิ ป ระกาศเกี ย รติ คุ ณ ผู้ น ำอาชี พ ก้ า วหน้ า โดย คณะกรรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปี ๒๕๓๗ ประกาศเกียรติคุณคนดีศรีสังคม โดยคณะ กรรมการคัดเลือกคนดี ปี ๒๕๔๐ ประกาศเกียรติคณุ ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม โดยสำนักงาน คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ปี ๒๕๔๔ ประกาศ เกียรติคณุ ครูภมู ปิ ญั ญาไทย รุน่ ที่ ๑ โดยสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
๖๖
ปี ๒๕๔๖ ลุงประยงค์ได้รบั ปริญญาศิลปศาสตร มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (รัฐศาสตร์) จากมหาวิทยาลัย รามคำแหง ขณะทีบ่ ทบาทและหน้าทีข่ องลุงประยงค์ ในปัจจุบัน เป็นคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อ สังคม (SIF) ธนาคารออมสิน เป็นคณะกรรมการ บริหารโครงการเกษตรกรรมยัง่ ยืน เป็นคณะกรรมการ พัฒนาผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ อนุ กรรมการประสานงานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ประธานคณะกรรมการบริษัทเครือข่าย ผลิตภัณฑ์อาหารจำกัด (ธุรกิจชุมชน) ประธานศูนย์ ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง วิทยากรกลางด้าน การพัฒนาชุมชน แผนแม่บทชุมชน ธุรกิจอุตสาหกรรมชุมชนวิสาหกิจ กรรมการบริหารสถาบันส่ง เสริมวิสาหกิจชุมชน กรรมการวิทยาลัยการจัดการ ทางสังคม ฯลฯ ลุงประยงค์ รณรงค์ จึงไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง สำหรับสังคมไทย
ลุงประยงค์ให้การต้อนรับคณะทีม่ าศึกษาดูงานจากทัว่ ประเทศอยูเ่ ป็นประจำ
รักษ์โลก
เรื่องและภาพ... ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ขยะ(ท่วม) ทะเล ทะเลและมหาสมุทรคือถังขยะใบใหญ่ ที่สุดในโลก ข้อความนี้ไม่เกินจริง เพราะทะเลมีพื้นที่ร้อยละ ๗๐ ของโลก ขยะในแม่น้ำลำคลองเกือบทั้งหมดมุ่ง หน้าตรงสู่ทะเล พวกเรายังช่วยเพิ่มขยะ ให้ทะเลด้วยการออกไปทำการประมงจับ ปลา สร้างแหล่งชุมชนและแหล่ง อุตสาหกรรมริมทะเล ออกไปท่องเที่ยว ตามชายหาดและหมู่เกาะห่างไกล เราไปที่ไหนเราทิ้งขยะ จึงไม่น่าแปลกใจ ว่า บางครั้งวิมานใต้ผืนน้ำดังเช่น แนวปะการัง จะมีภาพคล้ายถังขยะใบ ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเศษสิ่งของที่มนุษย์ ไม่ต้องการใช้จากทั่วสารทิศ หากคุณไม่เชื่อ ลองดูตัวเลขเหล่านี้
๖๗
ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า จากกิจกรรมเก็บขยะทะเลในรอบสิบเดือน (กรกฎาคม ๒๕๕๒-เมษายน ๒๕๕๓) อาสาสมัคร เก็บถุงพลาสติก ๒๐,๗๗๒ ใบ เชือก ๑๖,๓๘๑ เส้น ถ้วยชาม ๘,๓๕๖ ใบ เสื้อผ้าและรองเท้า ๓,๑๐๓ ชิน้ และนัน่ เป็นเพียงการเก็บขยะจากพืน้ ที่ ไม่ถึงร้อยละ ๐.๐๐๑ ของทะเลไทย ในช่วงเวลา สั้นๆ เพียงไม่กี่วัน เรายังมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่มีขยะทับถมกันอีกมหาศาล ขยะทำอะไร ? นอกจากขยะจะเป็นสิ่งแปลก ปลอมในระบบนิเวศ สร้างความอุจาดตาแก่ทุกคน ที่พบเห็น ทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว แบบเฉียบพลัน ขยะยังส่งผลแสนสาหัสต่อสัตว์น้ำ โลมากินขยะเข้าไปเต็มท้อง นกนางนวลถูกเชือก รัดคอจนตาย เศษอวนทับปะการังทำให้โตไม่ได้ สั ตว์ ท ะเลเหล่ า นั้ นมี วิ วั ฒ นาการมาหลายล้ า นปี สามารถเอาตัวรอดในธรรมชาติที่เต็มไปด้วยการ ๖๘
ต่อสู้แข่งขัน แต่พวกเธอต่างมาตายๆ และตาย เมือ่ เผชิญกับสิง่ ทีไ่ ม่เคยมีในทะเล เต่าทะเลตัวใหญ่ไม่ เคยกลัวฉลาม แต่กลับต้องตายเพราะถุงพลาสติก ที่ถูกทิ้งจากมือของเด็กสาวผิวขาวอมชมพูตาแป๋ว ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ (หรือรู้แล้วไม่สนใจ มัวแต่เอา เวลาไปหาวิธีให้ผิวขาวอมชมพูมากยิ่งขึ้น) ในแต่ละปีมีสัตว์ทะเลนับพันนับหมื่นที่ต้อง ตายเพราะขยะ ที่น่าเจ็บใจคือเราไม่ได้ประโยชน์ ใดๆ จากการตายของชีวิตเหล่านั้น เราไม่ได้นำ เขามากิน นำเขามาเลี้ยง นำเขามาขาย หรือนำ มาทำอะไรเลย การตายเพราะขยะเป็นการตายที่ น่าสงสารและน่าสมเพชที่สุด ตายอย่างปราศจาก ความหมาย ร่างกายเน่าเปื่อยไปโดยไม่ก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อสิ่งใด แม้ตอนที่วิญญาณจะหลุดจาก ร่าง สัตว์เหล่านัน้ ยังไม่ทราบเลยว่าทำไมเขาถึงตาย ? และที่น่าแค้นไปกว่านั้นคือคนที่ฆ่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าวันนี้ฉันฆ่าเต่าอายุ ๔๐ ปีไป ๑ ตัว หากเต่าไม่
ตายอย่างไร้สาระในวันนี้ ตลอดชีวิตเธอจะออกลูก ได้อีก ๒,๐๐๐ ตัว (เต่าไม่รู้ เราไม่รู้ แต่ฟ้าดินมีตา กฎแห่งกรรมบันทึกไว้เรียบร้อย รอเวลาเต่าชำระ แค้น) นอกจากสัตว์ต้องบาดเจ็บและตายจากขยะ มนุษย์ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยังเจอกับเหตุการณ์เหล่า นี้ โดยเฉพาะเด็กน้อยที่คุณพ่อคุณแม่พาไปทะเล หวังให้ลูกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เด็กน้อยวิ่งไล่ปู ลมไปสามก้าวก็โดนไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มเท้า เด็กอีก คนกำลังเล่นน้ำข้างกองเศษอวนที่เต็มไปด้วยปลา เน่า คุณแม่วงิ่ มาห้าม คุณแม่เจอขวดแตกบาดเท้า ระหว่ า งที่ คุ ณ พ่ อ กำลั ง โอดโอยเพราะเดิ น เหม่ อ คิดถึงกิ๊กสาวแล้วก้าวเท้าไปเตะเศษอิฐปูนที่เกิด จากการก่อสร้างริมหาด ทุกคนมีสิทธิซวยได้เสมอ ภาคกัน ตราบใดที่ชายหาดยังเต็มไปด้วยขยะ เราอาจไม่ซวยโดยตรง แต่เจอผลกระทบทาง อ้อม นักท่องเที่ยวที่บินข้ามฟ้ามาพักผ่อนในหาด
อุดมคติ กลับเจอภาพที่ไม่มีอยู่ในความฝันแม้แต่ น้อย เศษขยะที่กองเต็มหาด เศษอวนที่ติดตรึง อยู่ตามปะการังและกัลปังหา ลองจินตนาการดูว่า นักเทีย่ วเหล่านีจ้ ะอีเมล์สง่ ไปบอกเพือ่ นว่าอย่างไร ? ‘ไอหวังอยากเจอพาราไดส์ แต่ไอเจอขยะ ช่างน่า อะเมซซิ่งจริงหนอ’ แล้วผู้คนที่ทำมาหากินกับการ ท่องเที่ยวทางทะเลหลายล้านคน อุตสาหกรรมที่ ทำรายได้สงู สุดในประเทศ จะได้รบั ผลกระทบอย่างไร บ้าง (นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เดินทางมา ประเทศไทยเพื่อเที่ยวทางทะเล) ขยะไม่ดี แล้วเราทำอะไรได้บา้ ง ? ตลอดเวลา สองสามปีที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝั่ง (ทช.) ได้ร่วมมือกับหน่วยงานและอาสา สมัครจากทั่วสารทิศ เช่น นิสิตจากภาควิชา วิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จัดกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะในแนว ปะการังอย่างต่อเนื่อง ยังรวมถึงกิจกรรมเก็บขยะ ๖๙
ตามชายหาดที่จัดกันนับร้อยครั้งต่อปีโดยชุมชน และหน่วยงานต่างๆ เราเก็บขยะจากทะเลไทยได้ปี ละหลายสิบตัน แต่นั่น...เป็นเสมือนการเก็บขยะ หนึ่งชิ้นจากกองภูเขาขยะสูงเท่าภูเขาทอง เรามี ขยะอีกมหาศาลอยู่ในทะเล และมีมากขึ้นทุกวี่วัน การเก็บขยะจึงเป็นแค่ทางออกเล็กๆ เรายังมีทางออก ที่ใหญ่กว่านี้ ได้ผลมากกว่านี้ รอคอยให้คนมีใจไป ช่วยทะเล คนมีใจเหล่านั้นไม่ต้องลงทุนลงแรงไปดำน้ำ หรือเดินตากแดดตัวดำตามชายหาด ขอเพียงทุก ครั้งก่อนทิ้งขยะ คิดคำนึงถึงภาพเต่ากำลังเขมือบ ถุงพลาสติกในมือเรา คิดถึงเด็กน้อยที่อาจเป็นลูก หลานเราวิง่ มาเหยียบขยะ คิดถึงนักท่องเทีย่ วทีร่ อ้ ง ยี้แล้วเบือนหน้าหนีประเทศไทย คิดถึงปะการังที่ บอบช้ำจากภาวะโลกร้อน ยังต้องมาโดนเข่นฆ่า เพราะขยะตกลงไปทับ ลองคิดทุกอย่างให้รอบคอบ จากนั้น...คุณค่อยทิ้ง ทิ้งลงถังขยะ จากนั้นคุณก็ยิ้ม ไม่มีทางอื่น ใดจะช่วยทะเลไทยได้ดีกว่านี้แล้วครับ...
๗๐
ขยะทะเลที่พบเป็นประจำ แยกตามแหล่งที่มา จากชุมชนและชายหาด ถุงพลาสติก ขวดเครื่องดื่ม กระป๋องและภาชนะโฟมต่างๆ ฝาและจุกขวด เสื้อผ้าและรองเท้า ถ้วยชาม หลอดไฟ ขยะจากสิ่งก่อสร้าง จากการประมงและการท่องเที่ยวในทะเล เศษอวน เอ็นตกปลา หลอดไฟ ทุ่นลอย เศษลอบและเครื่องมืออื่นๆ ขวดน้ำมันเครื่อง เชือกพลาสติก เหยื่อปลอม
Ô ÒÁ
µ À ¹ Ñ ÂÑ Ê¹Ö Ë Á
รายงานพิเศษ
เรื่อง...สึบากิ
ภ
คลื่นสึนามิ (tsunami ในภาษาญี่ปุ่นคือ คลื่นที่ชายฝั่ง หรือคลื่นที่ท่าเรือ) คือคลื่นหรือกลุ่มคลื่นที่มีจุดกำเนิดอยู่ ในเขตทะเลลึก มักปรากฏหลัง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แผ่นดินไหวใต้ทะเล ภูเขาไฟระเบิด ดินถล่ม แผ่นดินทรุด หรืออุกกาบาตขนาดใหญ่ตกลงในทะเล คลื่นสึนามิสามารถ เข้าทำลายพื้นที่ชายฝั่ง ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
าพของคลืน่ ยักษ์สนึ ามิสงู ราว ๑๐ เมตรทีพ่ งุ่ ถาโถมเข้ า ใส่ ช ายฝั่ ง ภาคตะวั น ออกเฉี ย ง เหนือของญี่ปุ่นที่จังหวัดมิยาหงิ หลังการเกิดแผ่น ดินไหว ๙ ริกเตอร์ เมื่อบ่ายวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ดูราวกับฉากหนึ่งของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ๒๐๑๒ วันสิ้นโลก ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นจริง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วและช็อกโลกด้วยการขึ้น แท่นอันดับ 5 สึนามิร้ายแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นใน โลก ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างยากจะประเมิน ผลกระทบกินวงกว้างไปถึงโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในจังหวัดฟุกุชิมะที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ส่ง ผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นราวค่อนเกาะ ฮอนชูก็ว่าได้ คลืน่ สึนามิ (tsunami ในภาษาญีป่ นุ่ คือ คลืน่ ทีช่ ายฝัง่ หรือคลืน่ ทีท่ า่ เรือ) คือคลืน่ หรือกลุม่ คลืน่ ที่มีจุดกำเนิดอยู่ในเขตทะเลลึก มักปรากฏหลัง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แผ่นดินไหวใต้ทะเล ภูเขาไฟ ระเบิด ดินถล่ม แผ่นดินทรุด หรืออุกกาบาตขนาด ใหญ่ตกลงในทะเล คลื่นสึนามิสามารถเข้าทำลาย
พืน้ ทีช่ ายฝัง่ ทำให้เกิดการสูญเสียทัง้ ชีวติ และทรัพย์สนิ คลื่นสึนามิแตกต่างจากคลื่นน้ำธรรมดามาก ตัวคลืน่ นัน้ สามารถเดินทางได้เป็นระยะทางไกล โดย ไม่สูญเสียพลังงาน และสามารถเข้าทำลายชายฝั่ง ที่อยู่ห่างไกลจากจุดกำเนิดหลายพันกิโลเมตรได้ โดยทั่วไปแล้วคลื่นสึนามิซึ่งเป็นคลื่นในน้ำ จะเดิน ทางได้ช้ากว่าการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ เป็นคลื่นที่เดินทางในพื้นดิน ดังนั้น คลื่นอาจเข้า กระทบฝั่งภายหลังจากที่ผู้คนบริเวณนั้นรู้สึกว่า เกิดแผ่นดินไหวเป็นเวลาหลายชั่วโมง คลื่นโดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติสำคัญที่วัดได้ อยู่สองประการคือ คาบ ซึ่งจะเป็นเวลาระหว่างลูก คลื่นสองลูก และ ความยาวคลื่น ซึ่งเป็นระยะห่าง ระหว่างลูกคลื่นสองลูก ในทะเลเปิด คลื่นสึนามิมี คาบทีน่ านมาก โดยเริม่ จากไม่กนี่ าทีไปจนเป็นชัว่ โมง ในขณะเดียวกันก็มีความยาวคลื่นที่ยาวมาก โดย อาจยาวถึงหลายร้อยกิโลเมตร ในขณะทีค่ ลืน่ ทัว่ ไปที่ เกิดจากลมทีช่ ายฝัง่ นัน้ มีคาบประมาณ ๑๐ วินาที และมีความยาวคลื่นประมาณ ๑๕๐ เมตรเท่านั้น ๗๑
ความสูงของคลืน่ ในทะเลเปิดมักน้อยกว่าหนึง่ เมตร ซึง่ ทำให้ไม่เป็นทีส่ งั เกตของผูค้ นบนเรือ คลืน่ สึนามิ จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตั้งแต่ ๕๐๐ ถึง ๑,๐๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ชายฝั่ง ทีม่ คี วามลึกลดลง คลืน่ จะมีความเร็วลดลงและเริม่ ก่อตัวเป็นคลื่นสูง โดยอาจมีความสูงมากกว่า ๓๐ เมตร สัญญาณเกิดเหตุและระบบเตือนภัย ขณะ ที่จุดต่ำสุดของคลื่นเคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง ระดับน้ำทะเล จะลดลงและทำให้ขอบทะเลร่นถอยออกจากชายฝัง่ ถ้าชายฝั่งนั้นมีความลาดชันน้อย ระยะการร่นถอย นี้อาจมากถึง ๘๐๐ เมตร ผู้ที่ไม่ทราบถึงอันตราย ที่ จ ะเกิ ด ขึ้ น อาจยั ง คงรออยู่ ที่ ช ายฝั่ ง ด้ ว ยความ สนใจ นอกจากนีบ้ ริเวณทีต่ ำ่ อาจเกิดน้ำท่วมได้กอ่ น ที่ยอดคลื่นจะเข้าปะทะฝั่ง น้ำที่ท่วมนี้อาจลดลงได้ ก่อนทีย่ อดคลืน่ ถัดไปจะเคลือ่ นทีต่ ามเข้ามา ดังนัน้ การทราบข้อมูลเกีย่ วกับคลืน่ สึนามิจงึ เป็นสิง่ ทีส่ ำคัญ ที่จะทำให้ตระหนักถึงอันตราย ตัวอย่างเช่น ใน กรณีที่ระดับน้ำในครั้งแรกลดลงไปนั้น อาจมีคลื่น ลูกใหญ่ตามมาอีกได้ แม้การป้องกันไม่ให้คลื่นสึนามิเกิดขึ้นจะยัง ทำไม่ได้ ในบางประเทศได้มกี ารสร้างเครือ่ งป้องกัน และลดความเสียหายในกรณีที่คลื่นสึนามิจะเข้า กระทบฝั่ง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นได้มีการ สร้างกำแพงป้องกันสึนามิทมี่ คี วามสูงกว่า ๔.๕ เมตร ด้านหน้าของชายฝั่งบริเวณที่มีประชากรหนาแน่น
๗๒
บางที่มีการสร้างกำแพงกันน้ำท่วมและทางระบาย น้ำเพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของคลื่น และลดแรง กระแทกของคลื่น ถึงแม้ว่าในกรณีของคลื่นสึนามิ ทีเ่ ข้ากระทบเกาะฮอกไกโด ทีม่ กั มีความสูงมากกว่า เครือ่ งกีดขวางที่ได้สร้างขึน้ กำแพงเหล่านีอ้ าจช่วย ลดความเร็วหรือความสูงของคลื่น แต่ไม่สามารถ ป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้ สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ หลังจากที่คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่น ดินไหวใต้นำ้ เข้ากระทบชายฝัง่ ทางใต้ กรมอุตนุ ยิ มวิทยา ได้ออกมาตรการป้องกันจากคลืน่ สึนามิ เพือ่ เตือนประชาชนให้ปอ้ งกันตัวโดยไม่ตอ้ งรอประกาศ จากทางราชการ สำนักข่าวเอเอฟพีได้รวบรวมเหตุแผ่นดิน ไหว และสึนามิครัง้ ใหญ่จากทัว่ โลก นับตัง้ แต่สนึ ามิ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๗ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป มากกว่า ๒๒๐,๐๐๐ ราย ดังนี้ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - แผ่นดินไหว ๙.๓ ริกเตอร์ นอกชายฝั่ง เกาะสุมาตรา พรากชีวิตผู้เคราะห์ร้ายไปมากกว่า ๒๒๐,๐๐๐ ชีวิต ในประเทศรอบมหาสมุทรอินเดีย เฉพาะในอินโดนีเซียมีผเู้ สียชีวติ ราว ๑๖๘,๐๐๐ ราย ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ อินโดนีเซีย - แผ่นดิวไหวใต้ทะเล ๗.๗ ริกเตอร์ โจมตี เกาะชวาของอินโดนีเซีย ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ ซึ่ง มีผู้เสียชีวิต ๖๕๔ ราย
๒ เมษายน ๒๕๕๐ หมู่เกาะโซโลมอน - เกิดคลื่นสึนามิจากเหตุแผ่นดินไหว ๘.๐ ริกเตอร์ คร่าชีวิตผู้ประสบภัยไป ๕๒ ราย ๒๙ กันยายน ๒๕๕๒ ซามัว - สึนามิเข้าถล่มหมู่บ้านและรีสอร์ตในซามัว และหมู่เกาะใกล้เคียงในมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้ง อเมริกันซามัว และทางตอนเหนือของตองกา มีผู้ เสียชีวิตมากกว่า ๑๙๐ ราย หลังเกิดแผ่นดินไหว ๘.๐ ริกเตอร์ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ชิลี - ประเทศละตินอเมริกาแห่งนีเ้ กิดแผ่นดินไหว ขนาด ๘.๘ ริกเตอร์ มีผู้เสียชีวิต ๕๒๑ ราย สูญหายอีก ๕๖ ราย ๒๕-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓ อินโดนีเซีย - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๑๑๒ คน และ สูญหายมากกว่า ๕๐๐ คน หลังเกิดแผ่นดินไหว ๗.๗ ริกเตอร์ ซึ่งตามมาด้วยคลื่นสึนามิบริเวณ เกาะสุมาตรา ประเทศญีป่ นุ่ ตัง้ อยูใ่ นบริเวณทีเ่ รียกว่า วงแหวน แห่งไฟ (Ring of Fire) อันถือเป็นศูนย์กลางของ ภูเขาไฟและแผ่นดินไหว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ จะเผชิญกับเหตุการณ์ทำนองนี้มากกว่าประเทศ อื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะที่กรุงโตเกียว ซึ่งได้ ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด เนือ่ งจากตัง้ อยูบ่ นจุดทีม่ กี ารบรรจบกันของรอยเลือ่ น ๓ แห่งคือ ยูเรเซีย แปซิฟิก และฟิลิปปินส์ จากความเสี่ยงดังกล่าวทำให้ญี่ปุ่นจัดเป็น
ประเทศทีม่ มี าตรการและระบบการป้องกันภัยพิบตั ิ อันดับต้นๆ ของโลก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึง เหนือความคาดหมายพอสมควร อย่างที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บ่อยครั้ง และก็มีการศึกษาค่อนข้างมาก ทำให้มี การวางระบบการป้องกัน และระบบเฝ้าระวังที่มี ประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพียง ๒ นาทีก็ สามารถกระจายข่าวถึงคนทั้งหมดได้แล้ว อีกทั้ง ประชาชนก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้อยู่ แต่ถึงอย่าง นั้นก็ยังมีคนเสียชีวิตและความเสียหายขยายเป็น วงกว้าง ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับประเทศอืน่ ๆ เกีย่ ว กับระบบเตือนภัย และการจัดการภัยพิบัติด้วย สำหรับประเทศไทยเองทีค่ า่ ความรุนแรงของ แผ่นดินไหวสุงสุดอยู่ที่ ๗.๐ ริกเตอร์ และมีเพียง รอยเลื่อนบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ทีค่ วรจะระวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนใจได้ ในทางกลับกัน นี่ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญถึงการ ดูแลระบบเตือนภัย หรือระบบการจัดการภัยพิบัติ ภายในประเทศให้มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้ดี อยู่เสมอ ไม่มีใครอยากให้ภัยพิบัติใดๆเกิด เราต้องไม่ ตัง้ อยู่ในความประมาท อย่าคิดว่าไม่มวี นั เกิดขึน้ กับ ประเทศของเราได้ การรับรูข้ อ้ มูลข่าวสารและเข้าใจ ถึงวิธกี ารป้องกันทีถ่ กู ต้อง รวมทัง้ มีสติในการกระทำ ทุกรูปแบบ จะช่วยให้การรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาด ฝันเป็นไปอย่างถูกต้อง ๗๓
News for Youth
เรื่อง...กอง บ.ก.
ช้โครงการสร้ างจูเนีายงสรรค์ ร์ สังคมดี น่าชืน่ ใจทีก่ ฬี าฟุตบอลยังได้รบั การสนับสนุน ส่งเสริมอย่างมากในประเทศไทย มีกลุ่ม เยาวชนที่รักการเล่นฟุตบอลรวมตัวกัน จำนวนมาก อีกทั้งมีผู้ ใหญ่ ใจดีเล็งเห็นหัวใจ สำคัญของฟุตบอล นั่นคือเป็นกีฬาที่เล่นคน เดียวไม่ได้ ต้องรวมใจกันเป็นทีมเวิร์ค ความรักความสามัคคีเท่านั้นถึงจะทำให้ ทีมมีชัยชนะ
ฟุ
ตบอล นับเป็นกีฬาอันดับต้นๆ ที่คนไทย โดย เฉพาะเยาวชนไทยให้ความสนใจใช้สนามฟุตบอล เป็นสถานทีพ่ บปะเจอเพือ่ นคอเดียวกัน กระทัง่ ไต่เต้า ขึ้นไปเป็นนักกีฬามืออาชีพ เพราะพื้นที่ในการเล่น ฟุตบอลขอให้มีเพียงสนามหญ้าโล่งๆ ก็พร้อมจะมี กลุม่ จับจองร่วมเล่น แถมบางคนไม่เคยรูจ้ กั กัน แต่ ด้วยความที่ต้องใช้ผู้เล่นฝ่ายละเป็นสิบคน จึงมีเพื่อน ใหม่เข้ามาทำความคุน้ เคย กลายเป็นเวทีของคนหัวใจ เดียวกัน ทัง้ ยังไม่ตอ้ งใช้เงินไปกับอุปกรณ์อะไรมากมาย แค่มีลูกบอลกลมๆหนึ่งลูก กับรองเท้าผ้าใบอีกหนึ่งคู่ ก็ร่วมกิจกรรมได้แล้ว น่าชื่นใจที่กีฬาฟุตบอลยังได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมอย่างมากในประเทศไทย มีกลุ่มเยาวชนที่รัก
๗๔
การเล่นฟุตบอลรวมตัวกันจำนวนมาก อีกทัง้ มีผู้ใหญ่ ใจดีเล็งเห็นหัวใจสำคัญของฟุตบอล นั่นคือเป็นกีฬา ทีเ่ ล่นคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมใจกันเป็นทีมเวิรค์ ความ รักความสามัคคีเท่านั้นถึงจะทำให้ทีมมีชัยชนะ เช่นเดียวกับกลุ่มนักฟุตบอลที่ได้ชื่อว่า “ช้าง จูเนียร์” มีที่มาจากโครงการ ThaiBev Football Academy หรือชือ่ ย่อว่า TBFA ซึง่ ได้รบั การสนับสนุน งบประมาณดำเนินการจาก บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ หรือ ที่รู้จักกันดีในนามเครื่องดื่มตราช้าง โครงการนี้มีการ ฝึกซ้อมทีม่ งุ่ เน้นทักษะฟุตบอลเพือ่ สร้างเทคนิคให้กบั เยาวชนทีส่ นใจกีฬาฟุตบอล และสามารถนำทักษะทีไ่ ด้ รับการฝึกมานัน้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนือ่ ง ไม่วา่ จะเพือ่ การออกกำลังกายหรือเตรียมตัวเป็นนักบอลอาชีพ จริงๆแล้วจุดประสงค์หลักๆในการตั้งโครงการ TBFA ของช้าง นอกจากเพือ่ เป็นส่วนหนึง่ ในการแสดง ความรับผิดชอบต่อสังคม ยังสร้างลานกีฬาฟุตบอล สำหรับเยาวชน หรือทีเ่ รียกว่า Football Community ที่ไม่ได้มีความหมายแค่เป็นที่เล่นกีฬาฟุตบอล หาก เป็นทีร่ วมพลของการสนับสนุนและส่งเสริมการทำความ ดีสำหรับกลุม่ ผูป้ กครองของน้องๆทีม่ ารอบุ ต ร หลานระหว่างการฝึกซ้อม จนเกิดเป็น ชมรมผู้ปกครอง RSA (Relation Social Attention) ซึ่งช่วยกันสร้าง สรรค์กิจกรรมน่าชื่นชมและเป็น ประโยชน์ต่อโครงการมากมาย อาทิ สร้างโปรแกรมลงทะเบียน สร้างระบบฝากกระเป๋าสัมภาระ
ของน้องๆ ช่วยเติมน้ำเติมน้ำแข็งให้น้องๆได้ดื่ม ระหว่างฝึกซ้อม โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า ๕๐ คน ล้วนมาทำงานด้วยใจรัก ไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น นอกเหนือจากนี้ ช้าง ยังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ที่สนใจการทำความดีร่วมกัน จัดกิจกรรมต่างๆให้กับ TBFA เป็นระยะอีกด้วย ปัจจุบนั โครงการ TBFA แบ่งกลุม่ ฝึกซ้อมออก เป็นรุ่นอายุ และความสามารถในกีฬาฟุตบอล โดย รูปแบบการฝึกซ้อมและสร้างสรรค์โครงการมาจาก มันสมองของโค้ชจุ่น จตุพร ประมลบาล ซึ่งได้รับ การสนับสนุนจากทางช้างให้ไปเรียนรู้และดูงานจาก สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตนั ถึงสองปีตดิ ต่อกัน เทคนิค และการฝึกซ้อมทั้งหมดของโครงการจึงอยู่ภายใต้ แนวคิด เอฟเวอร์ตนั เวย์ (Everton Way) อันประกอบ ด้วย โค้ช ผู้ปกครอง และที่สำคัญ ตัวเยาวชนหรือ นักฟุตบอล นอกจากนั้น โค้ชที่ฝึกซ้อมให้กับน้องๆ ในโครงการ จะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรฟุตบอล C License เป็นอย่างต่ำ และทีน่ า่ ทึง่ คือ โค้ชทัง้ หมดนั้น ก็ล้วนผ่านการอบรม C และ B จากโค้ชจุ่นด้วยกัน ทั้งสิ้น
น้องๆทีส่ นใจอยากเป็น “ช้างจูเนียร์” และเข้าร่วม กิจกรรมดีๆ แบบนี้ ขอเพียงมีคุณสมบัติสองอย่าง เท่านั้น คือ อายุตั้งแต่ ๖-๑๖ ปี และมีความสนใจ กีฬาฟุตบอล แค่นี้ก็สามารถลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิก โครงการ TFBA ได้แล้วโดยไม่มีเงื่อนไขและค่าใช้ จ่ายใดๆทั้งสิ้น สมัครได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้ง แต่เวลา ๗.๑๕ น. ที่โต๊ะรับสมัคร บริเวณจุดลง ทะเบียนฝึกซ้อมตอนเช้า ณ สำนักงานที่ทำการ สนามไทยเบฟ เหม่งจ๋าย โดยจะมีผู้ปกครองชมรม RSA นั่งอำนวยความสะดวก ทั้งรับลงทะเบียนและ รับฝากกระเป๋าสัมภาระให้กับน้องๆ แล้วก็อย่าลืมสิ่งที่ต้องเตรียมนำมาลงทะเบียน ด้วย คือ ๑. รูปถ่ายปัจจุบัน (สี) ๒. สำเนาทะเบียนบ้าน หรือ สำเนาสูติบัตร ๓. แต่งกายในชุดที่พร้อมลงฝึกซ้อม เท่านีน้ อ้ งๆก็จะได้เข้าร่วมโครงการดีๆ ทีจ่ ะทำให้ หัวใจแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่ ชื่นชอบกีฬาประเภทเดียวกัน และได้ใช้เวลาว่างให้ เป็นประโยชน์โดยไม่ต้องเสียสตางค์เลยค่ะ หรือคลิก ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.tbfa.igetweb.com
๗๕
วิทยาศาสตร์การกีฬา
เรื่อง...กอง บ.ก.
ว่กีฬาาทียน้ ำ ่ดีกับทุกส่วนของร่างกาย ถ้
าพูดถึงกีฬาทีอ่ อกกำลังกายได้ทกุ เพศทุกวัย ทัง้ ได้ทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ ของครอบครัว เล่นทีไรสดชื่นทั้งตัวทั้งใจ เพื่อนๆต้องนึกถึงกีฬาว่ายน้ำแน่ๆ ใช่ไหมครับ แล้วว่ายน้ำเกีย่ วข้องกับเรือ่ งของวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างไร เกีย่ วแน่ๆ เพราะเรา ต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายมากกว่าการวิ่ง แต่โอกาสได้รับบาดเจ็บจะน้อย กว่าเพราะมีนำ้ ช่วยพยุงร่างกายไว้ ยิง่ คนทีม่ นี ำ้ หนักตัวมากยิง่ ควรออกกำลังกายด้วยการ ว่ายน้ำ แต่กต็ อ้ งออกกำลังกายด้วยวิธอี นื่ ไปพร้อมๆ กับเลือกโภชนาการให้เหมาะสม เพราะการว่ายน้ำไม่ทำให้ไขมันลดน้อยลง แต่จะทำให้หัวใจและปอดอยู่ในสภาพที่ สมบูรณ์ ช่วยให้กล้ามเนื้อขาและแขนแข็งแรงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้น้ำยังมีคุณสมบัติพิเศษซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติคือ ต้านทานต่อการ เคลื่อนไหวของแขน ขาได้มากน้อยตามต้องการ เช่น ถ้าออกแรงมากก็จะมีความ ต้านทานมาก ถ้าออกแรงน้อย แรงต้านทานก็จะลดลง แต่การว่ายน้ำก็มีข้อควร ระวังอยู่เหมือนกัน ถ้ามีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคลมชัก หรือลมบ้าหมูนั้น ห้ามว่ายน้ำคนเดียวเด็ดขาด หรือในรายที่มีอาการปวดหลัง ปวดต้นคอ ก็ต้องหลีก เลี่ยงท่าว่ายน้ำที่ต้องแอ่นหลัง หรือแหงนคอมากๆ เพราะจะทำให้ปวดมากขึ้น ทาง ที่ดีควรว่ายในท่ากรรเชียงนะครับ ส่วนข้อควรปฏิบัติของผู้ที่ออกกำลังกายว่ายน้ำ ก็คือ ควรดื่มน้ำ ๑-๒ แก้ว ก่อนลงสระ และดื่มอีกครั้งหลังขึ้นจากสระประมาณ ๒๐-๓๐ นาที เพราะการว่าย น้ำจะทำให้เสียน้ำมากโดยที่เราไม่รู้สึกตัว เนื่องจากเหงื่อที่ออกมาขณะออกกำลัง กายจะถูกน้ำชะล้างอยู่ตลอดเวลานั่นเอง สำหรับนักกีฬาว่ายน้ำ มีเรื่องของสมรรถภาพทางกายน่ารู้มาฝากกันครับ สมรรถภาพทางกายสำหรับนักกีฬาว่ายน้ำ ๑. ความอดทนแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Endurance) เป็นสมรรถภาพพื้น ฐานของนักกีฬาทุกประเภท เพราะจะทำให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เป็นระยะ เวลานาน นอกจากนีย้ งั ทำให้มปี ระสิทธิภาพในการฟืน้ สภาพร่างกายหรือหายเหนือ่ ย ได้อย่างรวดเร็ว โดยแหล่งพลังงานที่ใช้มาจากระบบแอโรบิก (Aerobic System) ซึง่
๗๖
ว่ายน้ำเกีย่ วข้อง กับเรือ่ งของ วิทยาศาสตร์การ กีฬาอย่างไร เกีย่ วแน่ๆ เพราะ เราต้องใช้กล้าม เนื้อทุกส่วนของ ร่างกายมาก กว่าการวิ่ง แต่โอกาส ได้รับบาดเจ็บจะ น้อยกว่าเพราะมี น้ำช่วยพยุง ร่างกายไว้
มีความสำคัญอย่างมากสำหรับนักกีฬาว่ายน้ำระยะทางไกล รูปแบบการฝึก ได้แก่ - การวิ่งระยะทางไกล ๕-๑๐ กิโลเมตร - การวิ่งอย่างต่อเนื่อง ความเร็วต่ำ ๓๐ นาทีขึ้นไป - การว่ายน้ำระยะทางไกลหรือ ๑ - ๕ กิโลเมตร ๒. ความอดทนแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Endurance) มีความสำคัญ มากกับนักกีฬาว่ายน้ำระยะสั้นและระยะกลาง คือ ระบบพลังงานแอนแอโรบิก อแลคติก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับนักว่ายน้ำระยะสั้น (๕๐ เมตร) รูปแบบการฝึก ได้แก่ - การวิง่ เร็วเต็มที่ ๖๐ เมตร จำนวน ๑๕ เทีย่ ว เวลาพักระหว่างเทีย่ ว ๖๐ วินาที - การวิง่ กลับตัว ๒๐ เมตร จำนวน ๒๐ เทีย่ ว เวลาพักระหว่างเทีย่ ว ๔๕ วินาที - การว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงสุด เป็นเวลา ๑๐ วินาที การพักระหว่างเที่ยว ควรพักจนกว่าจะหายเหนื่อยหรือฟื้นสภาพอย่างสมบูรณ์ แล้วจึงจะทำการฝึกต่อไป - การว่ายน้ำด้วยความเร็วเกือบสูงสุด ใช้เวลาตั้งแต่ ๓๐ วินาทีถึง ๒ นาที พักจนเกือบฟื้นสภาพอย่างสมบูรณ์ แล้วจึงจะทำการฝึกต่อไป ๓. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscular Strength) ความแข็งแรงของ กล้ามเนือ้ เป็นองค์ประกอบทีส่ ำคัญสำหรับนักกีฬาทุกประเภท การพัฒนาความแข็งแรง อดทนของกล้ามเนือ้ แขน จะเพิม่ ความสามารถในการปฏิบตั ทิ กั ษะในการว่ายน้ำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดการแข่งขัน นอกจากนี้กล้ามเนื้อที่มีความแข็งแรงที่ดีจะช่วย ป้องกันการบาดเจ็บ และสามารถรับแรงกระแทกได้มากขึ้น รูปแบบการฝึก ได้แก่ - การฝึกความแข็งแรงพื้นฐานโดยใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้าน เช่น ดันพื้น ลุกนัง่ ฯลฯ - การฝึกโดยใช้น้ำหนัก โดยมีจุดมุ่งหมายพัฒนาความแข็งแรงสูงสุด และ ความแข็งแรงอดทนของกล้ามเนื้อ 4. พลังกล้ามเนื้อ (Power) รูปแบบของพลังกล้ามเนื้อที่ใช้ในกีฬาว่ายน้ำ คือ พลังกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเริ่มต้นเคลื่อนที่(Starting Power) ผู้ที่มีพลังกล้ามเนื้อที่ดี กว่าจะออกตัวได้เร็วกว่า 5. ความอ่อนตัว (Flexibility) การพัฒนาความอ่อนตัวจะเพิ่มมุมของการ เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อนั้นๆ ทำให้ลดการเสี่ยงการบาดเจ็บจากการฉีกขาดของ กล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มความสามารถทางการกีฬา โดยเฉพาะความอ่อนตัวของ กล้ามเนื้อแขนและหัวไหล่จะมีความสำคัญมากสำหรับนักกีฬาว่ายน้ำ รูปแบบการฝึก ได้แก่ - การพัฒนาความอ่อนตัวโดยใช้วิธีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อในท่าที่เกี่ยวข้อง กับกีฬาว่ายน้ำ น้องๆลองพิจารณาข้อแนะนำของการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายดังกล่าว ข้างต้นนี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบนะครับ
๗๗
สุขภาพน่ารู้
เรื่อง...นพ.อนันต์ โลหะพัฒนะบำรุง
ศัลยกรรมเสริมความงาม
กับวัยรุ่นไทย ปัจจุบันศัลยกรรมเสริมความงาม (ตกแต่งพลาสติก Plastic Surgery) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในหมู่วัยรุ่นไทย โดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาและเริ่มลุกลามมาสู่ระดับมัธยม แล้ว ตั้งแต่ศัลยกรรมลบรอยสิว แผลเป็น เสริมจมูก เสริมคาง กรีดตา ทำหน้าใส (ขาวเนียน) จนไปถึงการดูดไขมัน เพิ่มขนาดทรวงอก
ด้
วยความแรงของแฟชัน่ เกาหลี ซึง่ หนุม่ สาวดาราเกาหลีลว้ นผ่านการทำศัลยกรรม แทบทุกคน ค่านิยมคางแหลม จมูกโด่ง ตาโต ผมทรงเกาหลี จึงดูดีในสายตา วัยรุ่นไทย ส่งเสริมให้กระแสอยากทำศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มขึ้น
แล้วปัญหาแทรกซ้อนที่มีมากมาย ไม่สนใจหรือหวาดกลัวกันบ้างเลยหรือ? สมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ ได้ทำการสำรวจแนวโน้มการทำ ศัลยกรรมเสริมความงามใน ๒๕ ประเทศ พบว่าประเทศที่มีการศัลยกรรมมากที่สุด ในโลกเรียงตามลำดับ ได้แก่ ๑. สหรัฐอเมริกา ๒. บราซิล ๓. จีน ๔. อินเดีย ๕. เม็กซิโก ๖. ญี่ปุ่น ๗. เกาหลีใต้ ๘. เยอรมนี ๙. อิตาลี ๑๐. รัสเซีย ๑๑. ตุรกี ๑๒. สเปน ๑๓. อาร์เจนติน่า ๑๔. ฝรั่งเศส ๑๕. ฮังการี ๑๖. แคนาดา ๑๗. โคลัมเบีย ๑๘. อังกฤษ ๑๙. ไต้หวัน ๒๐. เวเนซูเอล่า ๒๑. ไทย ๒๒. ออสเตรเลีย ๒๓. โปรตุเกส ๒๔. เบลเยี่ยม ๒๕. ซาอุดิอาระเบีย จากผลการสำรวจดังกล่าว จะเห็นได้ว่าประเทศไทย ติดอันดับที่ ๒๑ จาก ๒๕ ประเทศด้วยเช่นกัน ส่วน ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำศัลยกรรมอย่างเกาหลีใต้ไม่ น่าเชื่อติดเพียงอันดับที่ ๗ เท่านั้น สำหรับความนิยม ในการทำศัลยกรรม จากการสำรวจพบว่าประเภท ของการทำศัลยกรรมยอดนิยม ๕ อันดับแรก (แบบ ที่ต้องใช้การผ่าตัด) ได้แก่ ๑. การดูดไขมัน ๒. การ เสริมหน้าอก ๓. การศัลยกรรมเปลือกตา ๔. การเสริมจมูก ๕. การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง ความนิยมจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ หากเป็นแถบ เอเชียมักนิยมทำจมูกและตาสองชั้น ส่วนการทำศัลยกรรมแบบ ไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ๑. ฉีดโบท็อกซ์ ๒. ฉีด กรดไฮยาลูนิค ๓. เลเซอร์กำจัดขน ๔. ย้ายไขมันจากจุดหนึ่งไป ฉีดอีกจุดหนึ่ง ๕. เลเซอร์รักษาผิวหน้า ๗๘
“ศัลยกรรมพลาสติก” รางวัลสอบติดวัยรุ่นเกาหลี ชาวเกาหลีใต้ต่างให้ความสำคัญกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลของรัฐบาลระบุวา่ พ่อแม่ชาวโสมขาวได้ทมุ่ เงินเกือบ ๒๐,๐๐๐ ล้านเหรียญ สหรัฐ (ประมาณ ๖ แสนล้านบาทต่อปี) หรือคิดเป็นร้อยละ ๒ ของผลิตภัณฑ์มวล รวมในประเทศ (จีดพี )ี เพือ่ ใช้จา่ ยเป็นค่าเรียนพิเศษสำหรับลูกๆ แต่หลังจากเหน็ด เหนือ่ ยอย่างยาวนานกับการเตรียมตัวและการสอบเข้ามหาวิทยาลัย วัยรุ่นเกาหลีใต้ จำนวนมากก็หาทางผ่อนคลายตัวเอง ด้วยการขอรางวัลจากพ่อแม่ผปู้ กครองเป็นเงิน ค่าทำ “ศัลยกรรมพลาสติก” โรงพยาบาลที่รับทำศัลยกรรมพลาสติกหลายแห่งในประเทศเกาหลีใต้ต่างมี รายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากเทรนด์ความนิยมดังกล่าว บางแห่งจัดโปรโมชั่นลด ราคาค่าทำศัลยกรรมตาและจมูก ผูจ้ ดั การของโรงพยาบาลแห่งหนึง่ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ ท้องถิ่นในเกาหลีใต้ว่า ทางโรงพยาบาลของเขามีบัญชีรายชื่อเด็กนักเรียนผู้มาจอง คิวผ่าตัดทำศัลยกรรมยาวเหยียดเป็นหางว่าว ตั้งแต่ช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขณะที่โรงพยาบาลอีกแห่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นบรรดาคุณแม่ทั้งหลาย ที่ต้องลำบาก ตรากตรำในการอยู่เคียงข้างและดูแลลูกๆ ระหว่างการเตรียมตัวสอบ ด้วยการจัด โปรโมชัน่ ซือ้ ๑ แถม ๑ นัน่ ก็คอื หากคุณแม่พาลูกมาทำตาหรือจมูก ทางโรงพยาบาลจะ แถมการฉีดโบท็อกซ์ให้กับคุณแม่ไปเลย ปัญหาหลังจากการทำผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงามที่ควรรู้ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนของประเทศอังกฤษ รายงานว่าประเทศไทยติด ๑ ใน ๕ ประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการทำศัลยกรรมแล้วมีปัญหาตามมา ต้องบินกลับ ประเทศอังกฤษ ต้องผ่าตัดแก้ไข การผ่าตัดดังกล่าวมีตั้งแต่ ผ่าตัดหน้าท้องเพื่อเอา ไขมันออก ลดขนาดหน้าท้องของชายและหญิง โดยเฉพาะผู้ชายจำนวนมากขึ้นถึง ๑,๐๐๐% ในรอบปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ๑ ใน ๕ ของผู้ได้รับการผ่าตัดมีปัญหาของแผลไม่สมานติดกัน และยังพบอีกว่า การผ่าตัดเสริมทรวงอกมีความเสี่ยง ๑๐ % เป็นแผลถาวรและ หมดความรู้สึก เป็นต้น ๗๙
หลายบริษทั ใช้รปู แบบโฆษณาทางเว็บไซต์ทำเป็นแพ็คเกจ แต่ไม่บอกรายละเอียด ความเสี่ยง ข้อแทรกซ้อนต่างๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามคำประกาศสิทธิผู้ป่วย ปัญหาดังกล่าว จึงต้องแจ้งให้วัยรุ่นทราบถึงความเสี่ยง และข้อแทรกซ้อนดัง กล่าว มิฉะนั้นอาจเป็นอย่างน้องนุ่นที่เชียงใหม่ ไปผ่าตัดดูดไขมันหน้าท้องแล้ว ต้องเสียชีวติ บนเตียงผ่าตัด เนือ่ งจากเกิดภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือดทีห่ วั ใจและปอด (Fat Embolism) เป็นต้น ในขณะที่ พญ.พิมลพรรณ หล่อตระกูล ผอ.สถาบันราชานุกลู กรมสุขภาพจิต ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แสดงความห่วงใยต่อปัญหาดังกล่าว แม้ว่าจะไม่คัดค้าน ประเด็นของการเปิดกว้างในครอบครัวที่ลูกวัยรุ่นอยากทำศัลยกรรม รวมไปถึงการที่ พ่อแม่เข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจและหาข้อมูลเพือ่ ความเชีย่ วชาญและปลอดภัย ก็ตาม หากพ่อแม่คิดอยากให้ลูกไปทำศัลยกรรมก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ต้องไม่ลมื ทีจ่ ะให้ ความสำคัญกับการอบรมบ่มเพาะ ต้องสอน แนะนำให้ทำในสิง่ ทีถ่ กู ต้องเหมาะสม ที่ห่วงคือบางครั้งพ่อแม่ก็อาจจะหลงลืมความสำคัญของความงดงามภายใน ไป และมัวแต่คดิ จะเสริมเติมแต่ง เก่งอะไร มีความสามารถด้านไหน มีศกั ยภาพอะไร ทีน่ า่ ส่งเสริมบ้าง แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือ ทุกคนไม่ทราบว่าตัวเองเก่งอะไร เพราะไม่รู้ จักตัวเอง? ทางออกของปัญหา ปัจจุบันวัยรุ่นไทยเกิดปัญหาไม่สนใจในตัวเอง หาเอกลักษณ์ หรือ อัตลักษณ์ของตัวเองไม่เจอ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ ประกอบ กับกระแสโฆษณาแบบบริโภคนิยมมุง่ เน้นแต่คณุ ค่าเทียม สือ่ ออนไลน์ วัยรุ่น อยากสวย อยากหล่อตามแบบบรรดาดาราวัยรุ่นพริตตี้ทั้ง หลายก็น่าเป็นห่วงมาก เรื่องนี้ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เคยกล่าวไว้ใน งานสัมมนาครัง้ หนึง่ ว่า อยากให้เ่ ยาวชนได้ไปวัดกันบ่อยๆ เพราะ อาจารย์เกษมเองก็โตมากับวัด ทุกครัง้ ทีไ่ ปวัดจะได้ความสบายใจ เห็นสมควรทีค่ รอบครัวไทยจะมีกจิ กรรมร่วมกันทุกเช้าวันอาทิตย์ เพื่อปลูกฝังคุณค่าของศาสนา ค่านิยมความเป็นไทย ซึ่งจะทำให้ เรียนรู้ถึงคุณค่า ประโยชน์แห่งตัวตนที่แท้จริงของความเป็นไทย ยังคงไว้ซงึ่ ความเป็นไทย มาช่วยกันรักษาคุณค่าทีแ่ ท้จริงจากภายใน ก่อนจะสูญเสียวัยรุ่นไปให้กับกระแสบริโภคนิยม ฉะนั้น มีสิ่งดีอยู่กับตัวแล้วก็มองให้เห็น มองให้เป็น จึงจะถือว่า “มีดี” อย่างแท้จริง โดยไม่ตอ้ งไปเสียเงินเปล่าประโยชน์กบั ของปลอมแปลงทัง้ หลาย เลย คุณพ่อ คุณแม่เองนั่นแหละสำคัญที่สุด ควรจะเป็นต้นแบบสอนลูกให้ เห็นถึงความดีงามจริงแท้อันเป็นสากล และยั่งยืน มิใช่สิ่งตบแต่งภายนอก ที่ถ้าหากไม่มีความ ดีงามภายในเป็นเครื่องรองรับแล้ว ก็จะไม่มีคุณค่า อันใดเลย
๘๐
โลกดิจิตอล
เรื่อง...ไซเบอร์เกิร์ล
CHOBi CAM ONE กล้อง DSLR ซูเปอร์จิ๋ว กล้องที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกล้อง DSLR ย่อส่วน ด้วยตัวกล้องมีขนาดเพียงแค่ ๒.๕ x ๒.๕ x ๒.๖ ซม. และมีน้ำหนักเพียง ๑๒ กรัม ซึ่งทำเอาทุกคนทึ่งว่า มันสามารถทำงานได้จริงหรือ ?
การบันทึกภาพถ่ายคือการเก็บความทรงจำได้ดีที่สุด เมื่อใดที่เรา อยากจะหวนวันเวลาไปสู่ช่วงความประทับใจ เราก็มักจะหยิบอัลบั้มเก่าๆ มาเปิด เพื่อเรียกความทรงจำในวันวานกลับมา เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า ประเภทของกล้องดิจิตอลที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีอยู่ด้วยกัน ๓ ระดับ คือ ๑. กล้องถ่ายภาพดิจิตอลระดับต่ำ มักมีขนาดเล็ก ราคาไม่แพง มี ระบบการทำงานอัตโนมัติและตายตัว และความละเอียดของภาพที่ได้ก็จะ น้อยมาก สามารถแสดงเป็นภาพถ่ายขนาดเพียงประมาณ ๔ x ๖ นิ้ว หรือขนาดโปสการ์ดที่เพื่อนๆ มักอัดเก็บไว้ดูเล่นนั่นแหละค่ะ ๒. กล้องถ่ายภาพดิจิตอลระดับปานกลาง เหมาะกับช่างภาพสมัคร เล่น ตัวกล้องยังคงมีลักษณะของกล้องถ่ายภาพประเภท Compact แต่มี ระบบการทำงานบางอย่างที่สามารถเลือกปรับได้ ที่สำคัญคือมีความ ละเอียดสูงขึ้น คืออยู่ในระดับมากกว่าหนึ่งล้านพิกเซล ซึ่งสามารถแสดง เป็นภาพถ่ายขนาด ๘ x ๑๐ นิ้วได้ ๓. กล้องถ่ายภาพดิจิตอลระดับสูง หรือกล้องถ่ายภาพสำหรับมือ อาชีพ (กล้อง DSLR) สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ตามต้องการได้ ส่วน สำคัญคือเซนเซอร์รับภาพซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากล้องดิจิตอลทั่วไปประมาณ หนึ่งเท่า ซึ่งข้อดีก็คือสามารถถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในเวลากลางคืน ๘๑
และพระเอกทีเ่ ราจะพูดถึงในวันนีค้ อื กล้องดิจติ อล DSLR ขนาดจิ๋วที่สุดในโลก! ผลิตโดยบริษัท JTT ประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อ CHOBi CAM ONE กล้องที่มี รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกล้อง DSLR ย่อส่วน ด้วยตัวกล้องมี ขนาดเพียงแค่ ๒.๕ x ๒.๕ x ๒.๖ ซม. และมีน้ำหนักเพียง ๑๒ กรัม ซึ่งทำเอาทุกคนทึ่งว่า มันสามารถทำงานได้จริงๆ หรือนี่ CHOBi CAM ONE มาพร้อนเลนส์จิ๋วโดยสามารถถอดเปลี่ยน ได้จริงๆ จะว่าไปแล้วถ้าเทียบกับคุณภาพ คงต้องบอกว่า กล้อง CHOBi CAM ONE นั้น ภายนอกมีลักษณะที่เหมือนกล้อง DSLR ทุกประการ แต่ระบบปฏิบัติการภายในก็ยังไม่สามารถพูดเต็มปากได้ว่าเป็นกล้อง DSLR ทีส่ มบูรณ์แบบ เพราะคุณสมบัตขิ อง CHOBi Cam สามารถถ่ายภาพ นิง่ ได้ทคี่ วามละเอียด ๑,๖๐๐ x ๑,๒๐๐ ถ่าย VDO ระดับ VGA ๖๔๐ x ๔๘๐ ที่ ๓๐ เฟรมต่อวินาที ใช้สอื่ บันทึกข้อมูลแบบ microSDHC และเพิม่ ความ จุได้มากถึง ๓๒ กิ๊ก ส่วนเลนส์นั้นมีเลนส์มุมกว้างที่สามารถประกอบเข้ากับตัวกล้องให้ เลือกใช้ คือ “เลนส์ไวด์” ขนาดเล็กที่ช่วยเพิ่มมุมมองของการถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอได้กว้างยิ่งขึ้น CHOBi CAM ONE มีวางขายเฉพาะใน ญี่ปุ่น สนนราคาประมาณ ๑๐,๐๐๐ เยน หรือ ๓,๗๐๐ บาทค่ะ แต่ก็ สามารถสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน แม้ว่าคุณสมบัติของตัวกล้องจะเทียบไม่ได้กับกล้อง DSLR อย่างที่ ทุกคนวาดหวัง แต่เมื่อเทียบขนาดพกพาที่แสนสะดวกสบาย ขนาดใส่ กระเป๋าเสื้อก็ยังได้ จึงคิดว่าเหมาะมากกับหนุ่มสาววัยทีนเฉกเช่นพวกเรา เพื่อนๆ ที่สนใจดูคุณภาพจากการถ่ายด้วยกล้องนี้ ก็สามารถเสิร์ชดูจาก คลิปใน youtube ได้เลย เรือ่ งกล้องจิว๋ นัน้ ถือว่า เป็นงานถนัดของบริษทั JTT เพราะก่อนหน้านี้ ก็มี Chobi Mini Digital Camera กล้องดิจิตอลตัวจิ๋วมาให้เราได้ตื่นเต้น กันไปแล้ว ลักษณะเป็นกล้องคอมแพคทีถ่ กู ย่อส่วนให้เล็กเหลือแค่ ๑.๗๓” x ๑.๑๔ x ๐.๔๗ หรือประมาณก้อนยางลบดินสอที่เราใช้ๆ กันอยู่ แถมน้ำ หนักยังเบามาก แค่ ๑๔ กรัมเท่านั้น รวมถึงสามารถถ่ายภาพที่ความ ละเอียดสูงสุดได้ที่ ๒,๐๔๘ x ๑,๕๓๖ พิกเซล หรือประมาณ ๓ ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวิดีโอ AVI ขนาด ๑๒๘๐ x ๙๖๐ พิกเซลที่ ๓๐ เฟรมต่อ วินาที ราคาขายอยู่ที่ ๑๓,๘๕๐ เยน หรือประมาณ ๔,๘๐๐ บาท ใครที่ชอบเรื่องแก็ดเจ็ท หรือสนใจข้อมูลเพิ่มเติม และอยากสั่งซื้อก็ คลิกที่เว็บนี้ได้เลย www.geekstuff4u.com
๘๒
เกร็ดต่างแดน
เรื่อง...พิมพ์
น้ำผึ้งพระจันทร์ของเจ้าชายวิลเลียม
ประเดิมด้วยข่าวงานวิวาห์แห่งปีของเจ้าฟ้าชายวิลเลียม และเคท มิดเดิลตันที่กำหนดจัดในวันที่ ๒๙ เมษายน ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน เชื่อว่าสาวๆ (ทั้ง โสดและไม่โสด) หลายคนคงเฝ้ารอดูงานพิธีด้วยสายตา ชื่นชมปนอิจฉาเล็กๆ เลยขออัพเดทสถานที่ดื่มน้ำผึ้ง พระจันทร์ขององค์รชั ทายาท ลำดับ ๒ แห่งราชวงศ์องั กฤษ และพระชายา ให้ตาร้อนเพิ่มขึ้น สำนักพระราชวังเซนต์เจมส์แถลงการณ์วา่ คูส่ มรส ใหม่เลือกเสด็จประพาสแคนาดาเป็นชาติแรก หลังพระ ราชพิธีอภิเษกสมรส โดยมีกำหนดเสด็จเยือนระหว่าง วันที่ ๓๐ มิถุนายน ถึง ๘ กรกฎาคมนี้ โดยหมาย กำหนดการเยือนจะประกอบด้วยการเสด็จประพาสท่อง เที่ยวรัฐแอลเบอร์ตา ดินแดนนอร์ทเวสต์แทร์ริทอรีส์ รัฐปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ ได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับเจ้าชายรูปงาม ที่ไหนก็ คงหวานทัง้ นัน้ จริงหรือไม่ตอ้ งไปถามเจ้าหญิงพระองค์ ใหม่ดู
อีก ๙๐ ปี เมืองชายฝั่งสหรัฐ อาจจมทะเล
ผลวิจยั ล่าสุดชีว้ า่ การเปลีย่ นแปลง สภาพอากาศโลก ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำ ทะเลสูงขึ้น อาจทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเล ของสหรัฐกว่า ๑๘๐ เมืองจมลงในทะเล ภายในปี ๒๑๐๐ ผลวิจยั ซึง่ ตีพมิ พ์ในวารสารไคลเมต เชนจ์ เล็ตเตอร์ส เมือ่ ช่วงต้นปีทผี่ า่ นมา ระบุว่า ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นราว ๑ เมตร ในปี ๒๑๐๐ จะทำให้เมืองบริเวณชายฝั่ง มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้และอ่าวเม็กซิโก ได้รับความเสียหายรุนแรง โดยจุดที่จะได้รับผล กระทบรุนแรงที่สุด ได้แก่ ไมอามี นิวออร์ลีนส์ และ เวอร์จิเนีย บีช ระดับน้ำทีส่ งู ขึน้ เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้นำ้ แข็งบนผืนแผ่นดินละลายลงสูม่ หาสมุทร ต่างๆ มากขึ้น จะว่าไปก็เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์เรานี่เอง ยังมีเวลาอีก ๙๐ ปีที่จะแก้ไข ถ้าเริ่มต้นเสียแต่วันนี้ อาจไม่สายเกินไป ๘๓
หยุดล่า ‘ปลาวาฬ’ เสียทีเถิด
นีไ่ ม่ใช่เสียงร้องของจากองค์กรเพือ่ สิง่ แวดล้อม เท่านั้น แต่เป็นคำร้องระดับ ‘ประเทศสู่ประเทศ’ จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ออกมาเรียกร้อง ให้ประเทศญีป่ นุ่ ยุตปิ ระเพณีลา่ ปลาวาฬทีม่ มี ายาว นานลงเสียที หลังจากที่ฤดูล่าปลาวาฬของญี่ปุ่นใน ปีนี้ต้องจบลงก่อนกำหนด เพราะถูกกลุ่มอนุรักษ์ ขัดขวาง นายโทนี เบิรก์ รัฐมนตรีกระทรวงสิง่ แวดล้อม ของออสเตรเลียให้สมั ภาษณ์วา่ “ผมรูส้ กึ ยินดีอย่างยิง่ ทีฤ่ ดูลา่ วาฬของญีป่ นุ่ จบสิน้ ลงโดยเร็ว และออสเตรเลีย ก็หวังว่าจะไม่มีการล่าปลาวาฬเกิดขึ้นอีกในปีหน้า” ด้านนายเมอร์เรย์ แม็คคัลลี รัฐมนตรีกระทรวง การต่างประเทศนิวซีแลนด์เองก็มคี วามเห็นคล้ายคลึง กัน “รัฐบาลและประชาชนนิวซีแลนด์ไม่เห็นด้วยกับการล่าปลาวาฬในมหาสมุทรตอนใต้ เราจึงรูส้ กึ ยินดีอย่างยิ่งที่กองเรือญี่ปุ่นยอมล่าถอย” นอกจากนีเ้ ขายังเสนอให้มกี ารพูดคุยเพือ่ หาทางแก้ปญั หาการล่าวาฬในระยะยาว เพราะปัญหา นี้กระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับนิวซีแลนด์อยู่เนืองๆ ความจริงมีกฎหมาย นานาชาติ ปี ค.ศ. ๑๙๘๖ ห้ามทุกประเทศล่าวาฬเพื่อการค้า แต่กฎหมายฉบับเดียวกันนี้กลับเปิด โอกาสให้ญี่ปุ่นสังหารปลาวาฬปีละหลายร้อยตัวโดยอ้างจุดประสงค์ทางการศึกษา “เราต้องการบรรลุกรอบความคิดซึ่งจะช่วยยุติการล่าวาฬในมหาสมุทรตอนใต้อย่างถาวร และหวังว่าจะมีโอกาสพูดคุยกับรัฐบาลญี่ปุ่นในเรื่องนี้” นายแม็คคัลลีสรุป
บ้านร้อนน - นอนไม่พอ สาเหตุโรคอ้วน
ขอรายงานผลเรื่องโลกร้อนอีกสักเรื่อง แต่ข่าวนี้เป็น เรื่องสุขภาพ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตูรินในประเทศ อิตาลี ซึง่ ทำการศึกษาจากลุม่ ตัวอย่างกว่า ๑.๐๐๐ คน เป็น เวลา ๖ ปี พบว่า พฤติกรรมการนอนเกี่ยวข้องกับความ เสี่ยงโรคอ้วน หากนอนหลับให้เพียงพอในตอนกลางคืน จะ ทำให้แนวโน้มโรคอ้วนลดลงถึง ๓๐% นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า คนอยู่ในบ้านที่มี อุณหภูมิสูงกว่า ๒๐ องศาเซลเซียส มีแนวโน้มเป็นโรค อ้วนมากกว่าคนที่อยู่ในบ้านที่อุณหภูมิต่ำกว่าถึงสองเท่า เดวิด อัลลิสัน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย โรคอ้วนจากโภชนาการ มหาวิทยาลัยแอละแบมา อธิบายว่า สาเหตุที่อุณหภูมิภายในบ้านมีผล ต่อโรคอ้วนอาจจะเป็นเพราะร่างกายคนเราจะเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าเมื่อต้องทำงานเพื่อรักษา อุณหภูมใิ ห้อยูใ่ นระดับทีค่ งที่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของความเกีย่ วข้องนีจ้ ะต้องพิจารณาปัจจัยอืน่ ๆ เช่น ระดับการออกกำลังกาย และการดูทีวี ประกอบด้วย ๘๔
ถึงร่างกายจะแก่ แต่ใจหนูยังสู ้
ใครที่กำลังคิดว่าตัวเองอ่อนกำลัง ไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นสู้ ลองฟังเรื่องของหนูน้อย อชานติดู เด็กหญิงอชานติ สมิธ ควรจะมีร่างกายที่สดใสแข็งแรงเหมือนเด็ก ๘ ขวบทั่วไป หากเธอไม่ได้ป่วยเป็นโรคชราในเด็ก (Hutchinson-Gilford Progeria Syndrome -HGP) โรค ทางพันธุกรรมซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง ๑ ใน ๘ ล้านคน ทำให้เธอมีร่างกายลักษณะเดียวกับ คนอายุ ๘๐ ปี อชานติเกิดมาพร้อมร่างกายที่ผอมบาง ศีรษะโตผิดปกติ น้ำหนักเบากว่า มาตรฐาน ด้วยน้ำหนักตัวเพียง ๗ กิโลกรัม หนูน้อยเดินไม่ได้เหมือนคนปกติทั่วไป และ เมื่อโตขึ้น โรคร้ายนี้อาจส่งผลให้ข้อต่อบริเวณขาและ แขนเสือ่ มลง และจะเพิม่ ความเจ็บทรมานมากทุกย่าง ก้าว นอกจากนี้การที่ไม่มีกล้ามเนื้อที่เกิดจากการ ออกกำลัง จะส่งผลโดยตรงกับระบบการหมุนเวียน โลหิต และระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจถี่และ อ่อนเพลียได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเจ็บป่วยแต่หนูนอ้ ยอชานติ ก็ยงั ใช้ชวี ติ อยูก่ บั คุณแม่และน้องสาวอย่างเข้มแข็งและ สดใส ชอบไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่สนามเด็กเล่น แม้ ร่างกายจะแตกต่าง แต่แรงใจของเด็กหญิงตัวน้อยก็ เต็มเปี่ยม โฟลบี สมิธ คุณแม่ผู้ยอมเสียสละทิ้งงาน ประจำมาดูแลลูกสาว ให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้ว่าลูกสาวต้องเจ็บปวดตามร่างกายอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ยงั ได้เห็นรอยยิม้ อยูเ่ สมอ ส่วนตัวอชานติเองให้สมั ภาษณ์วา่ “หนูหวังแค่ให้ทกุ วินาที ที่มี จะทำให้แม่ภาคภูมิใจ” เข้มแข็งขนาดนี้ ให้ดาวเด็กดี ๑๐๐ ดวงก็ยังไม่พอ”
วัยรุ่นอียิปต์ช่วยนำรูปปั้นฟาโรห์คืนทางการ
การประท้วงในอียิปต์ที่ปะทุขึ้นทั่วประเทศในช่วงต้นปี นอกจาก จะทำให้ระบบการปกครองของประธานาธิปดีฮอสนี มูบารัคล่มสลายลง สังเวยชีวติ ของผูบ้ ริสทุ ธิอ์ ย่างน้อย ๓๖๕ ราย มีผบู้ าดเจ็บและผูถ้ กู คุมขัง อีกจำนวนมากแล้ว ยังทำให้สมบัตขิ องชาติหลายชิน้ สูญหายไประหว่างที่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ถูกบุกรุก ท่ามกลางเหตุการณ์ความวุ่นวาย วัยรุ่นอายุ ๑๖ ปีคนหนึ่งพบรูป สลักของฟาโรห์อเคนาเตน (พระราชบิดาของกษัตริยต์ ตุ นั คามุน ฟาโรห์ที่ มีชอื่ เสียงไปทัว่ โลกจากการค้นพบซากมัมมีข่ องพระองค์) อยู่ใกล้ถงั ขยะ ในจัตุรัสทาห์รีร์ ซึ่งเป็นจุดชุมนุมประท้วงใหญ่ วัยรุ่นคนดังกล่าวได้นำ รูปปัน้ กลับมาทีบ่ า้ น ลุงของเขาซึง่ เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย อเมริกันในกรุงไคโร จำได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ จึงช่วยนำกลับ มาคืนให้ทางการได้ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายและนำกลับไปจัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์อีกครั้ง เรียกว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายก็พอจะได้นะเนี่ย ๘๕
ดิสคัฟเวอรี ทะยานฟ้าเที่ยวสุดท้าย ส่ง “อาร์ทู” ฮิวแมนนอยด์ตัวแรกขึ้นสู่อวกาศ
ข่าวสุดท้าย มาร่วมโบกมือลา ‘ดิสคัฟเวอรี่’ กระสวยอวกาศซึ่งปฏิบัติภารกิจมา นานถึง ๒๗ ปี และมีเที่ยวบินมากที่สุดขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) กระสวยอวกาศลำนีเ้ พิง่ จะสิ้นสุดเที่ยวบินที่ ๑๓๓ ซึ่ง เป็นเที่ยวบินสุดท้าย เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ทผี่ า่ นมา ภารกิจ สุดท้ายคือ การนำลูกเรือทั้ง ๖ คนขึ้ น ไปส่ ง ยั ง สถานี อ วกาศ นานาชาติ (International Space Station: ISS) พร้อมกันนี้ ดิสคัฟเวอรียงั ได้นำ ‘โรโบนอท ๒’ (Robonaut 2) หรือ ‘อาร์ท’ู (R2) ซึง่ เป็นหุน่ ยนต์ฮวิ แมนนอยด์ตัว แรกที่ขึ้นสู่อวกาศในเที่ยวบินนี้ ด้วย “อาร์ทู” เป็นหุ่นยนต์ ฮิ ว แมนนอยด์ ซึ่ ง จะทำหน้ า ที่ เคียงข้างมนุษย์ในอวกาศ รับภารกิจเสี่ยงต่างๆ เช่น งานต่อเติมโครงสร้าง และการ สำรวจต่างๆ
๘๖
บอกเล่าข่าวเยาวชน
เรื่อง...พิมพ์
“เดรสตีนจก” ชุดลำลอง ประยุกต์ฝีมือเด็กไทย
ดี ไ ซเนอร์ รุ่ น ใหม่ เ ข้ า ร่ ว มประชั น ไอเดียกว่า ๑๐๐ ชีวติ ขนไอเดียมาประชัน ในการประกวดชุดแต่งกายประจำชาติไทย ร่วมสมัย Thailand Creative National Costume Design ซึง่ จัดโดยศูนย์สง่ เสริม ศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. งานนี้ได้ผู้ชนะเลิศ ๔ คน จากการประกวด ๔ ประเภท ได้แก่ ชุดลำลองสำหรับสุภาพสตรี โดย มณีรัตน์ นพศรี ชุดลำลองสำหรับสุภาพบุรุษ โดย เกรียงศักดิ์ ลือเกียรติอนันต์ ชุด ทำงานสำหรับสุภาพสตรี โดย อภิรกั ษ์ ทองปิยะภูมิ และชุดทำงานสำหรับสุภาพบุรษุ โดย ภาณุพงษ์ อินทะมน มณีรตั น์ นพศรี เจ้าของรางวัลชนะเลิศประเภทชุดลำลองสุภาพสตรีในผลงาน ชื่อ “เดรสตีนจก” ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้รับรางวัลในการประกวดครั้งนี้ ประเทศเรามีผ้าไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะผ้าไหมไทย ที่มีความสวยงามและ เป็นทีย่ อมรับของชาวต่างชาติ ในอนาคตเธออยากนำผ้าไทยเหล่านีม้ าออกแบบและ ประยุกต์ ผลิตส่งออกขายในตลาดโลก
หนุ่ม ม.บูรพา คว้าชัย “MADD Awards 2011”
ผ่านพ้นไปแล้วกับการประกวดผลงานโฆษณาระดับอุดมศึกษา MADD AWARDS 2011 โดยภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ทั่ว ประเทศได้แสดงความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ ส่งผลงานในรูป แบบสื่อสิ่งพิมพ์เข้าประกวดเพื่อชิงทุนการศึกษารวม 1 แสนบาท และ สิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีการประกวดโฆษณาระดับโลก คานส์ ไลออนส์ งานนี้ได้รบั ความสนใจจากบรรดานักโฆษณาหน้าใหม่ ทีส่ ง่ ผลงาน เข้าร่วมประกวดมากถึง ๕๗๘ ทีม ปรากฎว่าผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ รางวัล Gold Awards ได้แก่ กิตติ ชาวพรอน นักศึกษาคณะ นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จากผลงาน “ลบให้หายไป” รองชนะ เลิศ Silver Awards ได้แก่ ธมลภัค โชติชัยพิทักษ์กุล นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง Bronze Awards ได้แก่ พรพิมล บ่างสมบูรณ์ และ ธเรศ เมธยาภิรมย์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพเช่นเดียวกัน ๘๗
(ว่าที่) นักพัฒนาเกม ม.รังสิต โชว์กึ๋น ซิวแชมป์ “ซิป้า เกม คอนเทสต์ 2010”
เวทีการแข่งขันสุดยอดนักพัฒนาเกมแห่ง ประเทศไทย “ซิป้า เกม คอนเทสต์ 2010” ซึ่งจัด ขึ้นเพื่อค้นหานักพัฒนาเกมหน้าใหม่และผลักดัน อุตสาหกรรมเกมของไทยให้เทียบเท่าสากล ผู้ ชนะเลิศประเภทโซเชียล เน็ตเวิร์ก และรางวัล GCA Star ประเภทนักเรียนนักศึกษา ได้แก่ เกม It’s me (ทีม สีสัน) ผลงานของอธิพร รัตนไกรศรี และฐากณิษฐ์ ฉายาเกียรติพงษ์ นักศึกษาสาขา วิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ชนะทั้งสอง ได้กล่าวถึงผลงานของตนว่า เป็นเกมวางแผนชีวิต ผู้เล่น จะเริ่มต้นจากคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนให้ดีขึ้นและมี ความสุข ด้วยปัจจัย ๔ อย่าง คือ การงาน การเงิน สุขภาพ และสังคม “ตอนนี้เกมพัฒนาไปได้ ๕๐ เปอร์เซ็นแล้ว คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เร็วๆนี้ และสามารถอัพโหลดให้ผู้ที่สนใจนำไปเล่นได้” ทั้งคู่กล่าวปิด ท้าย
นักศึกษาแม่โจ้ ครองถ้วยพระราชทาน DAIRY BUSINESS PLAN
การแข่งขัน DAIRY BUSINESS PLAN ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานเทศกาลโคนมแห่งชาติประจำปี ๒๕๕๔ ณ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปีนี้มาใน หัวข้อ “นมไทย แข่งขันได้ ด้วยใจเดียวกัน” ทางคณะกรรมการได้คัดเลือกผลงาน ๖ ชิ้นจาก ๔๒ ชิ้นของ ๑๒ สถาบันทั่ว ประเทศเข้าชิงชนะเลิศ ผลปรากฏว่า ผูท้ ี่ได้รบั รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีมมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีสมาชิก ๓ คน คือ สุทธิมา ทับทิมไสย์ ศิขรินทร์ อินทรทัศน์ และเฉลิมชัย ดวงจินดา นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชาสัตวศาสตร์ (โคนม-โคเนื้อ) คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สุทธิมา ทับทิมไสย์ หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของ ทีม เผยว่า ปีนี้ทีมงานตั้งใจจะทำให้ดที สี่ ดุ จึงเตรียมตัว ฝึกซ้อมและคิดวิธกี ารนำเสนอ ซึง่ ลงตัวทีร่ ปู แบบละครสัน้ ถ่ายทอดข้อมูลบนฉลากกล่องนม พร้อมเสนอแผนการ ส่งเสริมการตลาดนมไทย ผ่านตัวละครทั้ง ๓ จนชนะใจ กรรมการ คว้าถ้วยรางวัลชนะเลิศมาได้
๘๘
นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี สอยรางวัลชนะเลิศ แต่งหน้าเค้ก เวทีไทยแลนด์ เบเกอรี่
กันต์ อรุณประพันธ์ และนิตินันท์ มังคล จากรั้ว วิทยาลัยดุสิตธานี ร่วมกันคว้ารางวัลชนะเลิศ แต่งหน้าเค้กใน การประกวด Thailand Bakery Decoration Championship ซึ่งจัดขึ้นในนิทรรศการประจำปี “Thailand Coffee, Tea & Drinks 2011 - Thailand Bakery & Ice Cream 2011” สองว่าทีเ่ ชฟมือโปรเปิดเผยเคล็ดลับว่า ได้เรียนรูเ้ ทคนิค จากการเรียน แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคจากนอกห้องเรียน คือ การฝึกงานด้วย ดังนั้นจึงนำ ทักษะพื้นฐานจากในห้องเรียนมาปรับ และประยุกต์ไอเดียจากหนังสือหลายๆ เล่ม นอกจากนี้ยังสั่งสมประสบการณ์จากการฝึกทำเค้กวันเกิดให้เพื่อนๆ ทุกเดือนจนประสบ ความสำเร็จ คว้ารางวัลในครั้งนี้
ค่ายเยาวชนศิลปการถ่ายภาพ รุ่นที่ ๘
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ต้อนรับปิดเทอมภาคฤดูร้อน เตรียมจัดกิจกรรมค่าย เยาวชนศิลปการถ่ายภาพ รุ่นที่ ๘ ตามรอยเบื้องยุคลบาท เยาวชนของชาติรักการถ่าย ภาพ ระหว่างวันที่ ๒-๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีอายุระหว่าง ๑๑๑๗ ปีเข้าร่วมอบรมการถ่ายภาพ ณ ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิม่ เติมได้ที่ ศูนย์สง่ เสริมและฝึกอบรมการเกษตร แห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โทร: ๐๓๔ ๒๘๑ ๖๕๐-๑ หรือ www.naetc.eto.kps.ku.ac.th
สาวไทยหัวใจญี่ปุ่น สร้างชื่อคว้ารองชนะเลิศ Asian Beat Cosplay Idol 2010
ภควดี บัวอุไร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษา ญี่ปุ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนสุนันทา พกพาความสามารถ ทั้งภาษา และ วัฒนธรรม คว้ารางวัลรองแชมป์ Asian Beat Cosplay Idol 2010 ณ จังหวัด ฟุคุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น งานนี้เป็นการประกวดแต่งชุดคอสเพลย์และแสดง ความสามารถด้านการแสดง การร้องและการเต้น มีผู้เข้า แข่งขันจาก ๔ ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น ใต้หวัน และไทย ภควดีเปิดเผยว่า แต่เดิมตน เป็นเด็กที่ไม่สนใจการเรียน ชอบโดดเรียนไปเล่นเกม อ่านการ์ตูน แต่ด้วยความชื่นชอบ ภาษาญี่ปุ่น ทำให้เธอหันกลับมามุ่งมั่นตั้งใจเรียน และทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ จนมี โอกาสคว้ารางวัลระดับประเทศ สาวไทยหัวใจญี่ปุ่นปิดท้ายว่า เป้าหมายของชีวิตอยากเรียนต่อทางด้านภาษาที่ ประเทศญี่ปุ่น และต่อปริญญาโทด้านครุศาสตร์ เพื่อจะได้กลับมาสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับ เด็กๆ รุ่นหลังต่อไป
๘๙
มหกรรมประกวดหนังสั้น Bangkok Post 9FilmFest 2011
โพสต์ พับลิชชิ่ง ผู้ผลิตหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และหนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ จัด มหกรรมประกวดหนังสั้น Bangkok Post 9FilmFest 2011 ภายใต้คอนเซปป์ “จากนี้ไป... เลข ๙ จะเปลี่ยนชีวิตคุณ” (From now on... number 9 will change your life) ชิงรางวัลรวมกว่า ๓๐๐,๐๐๐ บาท ผู้สนใจสามารถส่งหนังสั้นความยาวไม่เกิน ๙ นาที เข้าร่วมประกวด ได้ โดยไม่จำกัดอายุ หรือวุฒิการศึกษา ดูรายละเอียดเพิม่ เติมและดาวน์โหลด ใบสมัครได้ที่ www.9filmfest.com
ประกวด Animation ขนาดสั้นสำหรับเยาวชน Shortie Awards
Shortie Awards เวทีระดับนานาชาติ จัดประกวดภาพยนตร์ และ Animation สำหรับเด็กและเยาวชน อายุ ๗-๑๘ ปี เปิดรับผลงานความยาวไม่เกิน ๑๐ นาที เข้า ประกวดดังต่อไปนี้ Live Action: (หนังสั้น) จะเป็นแบบเล่าเรื่องมีเสียง บรรยาย สารคดี หนังทดลอง Music Video หรือ ข่าว ประกาศสู่สาธารณชนก็ได้ Animation: stop-motion, drawings, claymation และ computer animation Daily News Program (รายการข่าว) ดูรายละเอียดเพิ่ม เติมได้ที่ www.shortie.org
โครงการ “อนุชนชาวนาไทย: ความอยู่รอดของข้าวไทย” ปี ๒๕๕๔
มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดโครงการ “อนุชนชาวนาไทย: ความอยู่ รอดของข้าวไทย” คัดเลือกอนุชนชาวนาไทยจากทั่วประเทศเข้าร่วม “ค่ายข้าว” เพื่อ อบรมความรู้และประสบการณ์ ในเรื่องงานวิจัยและพัฒนาข้าว รวมทั้ง เทคโนโลยีสมัยใหม่ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่า เพิ่มไปจนถึงการค้าข้าว ผู้เข้าร่วมทุกคนมีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็น “อนุชนดีเด่น”เพื่อรับทุน การศึกษาจากมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสิทธิ์ชิงทุนไปเข้า ค่ายข้าวในต่างประเทศหรือเข้าค่ายข้าวนานาชาติต่อไป ผู้สมัครจะต้องมีอายุระหว่าง ๑๕-๑๘ ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับมัธยมปี ที่ ๓-๕ หรือระดับปวช.-ปวส. และต้องเป็นลูกหลานของชาวนาที่มีอาชีพ ทำนาจริง สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.thairice.org เปิดรับ สมัครตั้งแต่วันนี้ – ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔
๙๐
รายนามคณะกรรมการจัดทำวารสารทิศไท ร้อยโท ดร.สุวิทย์ คุณหญิงคณิตา นายพลภัทร นายจิรุตถ์ นางเฉิดโฉม ดร.ดามพ์ ดร.นนชัย นายพงศธร นางเพ็ญศรี นางเยาวลักษณ์ รศ.เย็นใจ นางวิณีนารถ นายอุดม ดร.อัญชลี นางสุมาลี นางสาวปองภัทร นางกมลวรรณ
ยอดมณี เลขะกุล สุวรรณศร อิศรางกูร ณ อยุธยา ศรีวรรธนะ คิบรับ สุคนธทรัพย์ ศานติบุตร เกษสำลี เคียงศิริ แพ่งสภา สมวิเชียร พันธุ์วุฒิ จะโนภาษ เกษสุริยงค์ เกตุแก้ว ทองดารา ทองแก้ว
คณะที่ปรึกษากองบรรณาธิการ
พลเอก พิจิตร ร้อยโท ดร.สุวิทย์ คุณหญิงคณิตา คุณหญิงทรงสุดา รศ.เย็นใจ นางเพ็ญศรี ดร.นนชัย นายพงศธร นายจิรุตถ์ บรรณาธิการ
กุลละวณิชย์ ยอดมณี เลขะกุล ยอดมณี สมวิเชียร เคียงศิริ ศานติบุตร เกษสำลี อิศรางกูร ณ อยุธยา พันธุ์วุฒิ
นางทัศนีย์
เอื้อวิทยา
นายสมชาย
หงวนเสงี่ยม
ศิลปกรรม
ผู้อุปถัมภ์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
นางวิณีนารถ
ผู้ช่วยบรรณาธิการ
ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด
ทิศไท เปิดสู่ทุกทิศ และ เปิดรับทุกทิศ