ประวัติศาสตร์โลก ฉบับประชาชน

Page 1

ประวัตศิาสตร์ โลก มาร์ คซสิต์ ฉบบัสังเขป คริส ฮาร์ แมน แปลสรุ ปโดย ใจ องึ� ภากรณ์

1


คาํนาํ ประวตัิศาสตร์ จากมมุมองมาร์ คซสิต์ ไมใ่ชป่ระวตัศิาสตร์ ของผ้ ใู หญ่ นายพล หรื อกษัตริ ย์ แตเ่ป็ น ประวตัิศาสตร์ ของมวลมนษุย์ในทกุสว่นของโลกทา่มกลางสภาพแวดล้ อมประจําวนัของโลกจริ ง

และมนั

เป็ นประวตัศิาสตร์ ของ “ระบบสงัคม” และ “การเลย�ีงชีพ” ของมนษุย์ โดยสว่นใหญ่แล้ วประวตัศิาสตร์ แบบมาร์ คซสิต์จะเน้ นสง�ิดงัตอ่ไปนค�ี อื 1. ระบบเลย�ีงชีพประจําวนัของมนษุย์ หรื อระบบเศรษฐกิจ ซง�ึประกอบไปด้ วยสภาพแวดล้ อม ธรรมชาติและดนิฟ้ าอากาศของโลก และเคร�ื องไม้ เคร�ื องมอืท�ีมนษุย์คดิค้ นมาใช้ เพ�ือเลย�ีงชีพใน สภาพแวดล้ อมดงักลา่ว รวมถงึผลของการทํางานของมนษุย์ในการดดัแปลงธรรมชาติเดมิ สง�ิ เหลา่นล�ี้ วนแตม่ คีวามสาํคญ ั ในการกําหนดลกัษณะสงัคมมนษุย์ ความเช�ือ และความสมัพนัธ์ ระหวา่งคนในสงัคม น�ีคอืส�ิงทเ�ีราเรี ยกวา่มมุมอง “วตัถนุิยม” 2. ธรรมชาตโิ ลก วธิีเลย�ีงชีพ ระเบียบสงัคม และคา่นิยมกบัความเช�ือของคน เปลย�ีนแปลงเสมอ ไม่ คงท�ี และการเปลย�ีนแปลงดงักลา่วมาจากความขดัแย้ งทางชนชนั � หรื อความขดัแย้ งระหวา่งสง�ิเก่า กบัสง�ิใหม่ หรื อแม้ แตค่วามขดัแย้ งระหวา่งมนษุย์กบัธรรมชาติ 3. ความเจริ ญทางวฒ ั นธรรมและสงัคมในยคุหนง�ึ และความเสอ�ืมของวฒ ั นธรรมหรื ออาณาจกัรอนั ย�ิงใหญ่ภายหลงั สว่นใหญ่ไมใ่ชป่รากฏการณ์ “ธรรมชาต”ิ แตอ่ธิบายได้ จากการศกึษาสภาพ เศรษฐกิจและความขดัแย้ งทางชนชนั � 4. เราต้ องศกึษามนษุย์ทง�ั โลก โดยไมห่ลงคิดวา่เชอ�ืชาติใดมีความสามารถพิเศษ และเราต้ องเข้ าใจวา่ ในประวตัศิาสตร์ โลก มกีารคดิค้ นสง�ิใหมๆ่ ตามจดุตา่งๆ ของโลกพร้ อมๆ กนั หรื ออาจมกีาร เผยแพร่ ความร้ ูจากจดุหนง�ึไปสอู่กีจดุหนง�ึ ท�ีสาํคญ ั คอืการพฒ ั นาความร้ ูหรื อเทคโนโลจีไมส่ามารถ แยกออกจากสภาพสงัคมทน�ีําไปสกู่ารพฒ ั นาดงักลา่วได้ ไมใ่ชว่า่วนัหนง�ึมคีนอจัฉริ ยะนกึอะไรขน�ึ มาแล้ วเปลย�ีนโลกผา่นความคดิท�ีอสิระจากส�ิงแวดล้ อม มนษุย์มีความสร้ างสรรค์และความอสิระ ทางความคดิได้ เสมอ แต่ความสร้ างสรรค์ดงักลา่วเกิดและถกูจํากดัจากสภาพแวดล้ อมของโลกจริ ง 5. ความเชื�อทางศาสนา ท�ีเกิดขน�ึใหมต่ลอดประวตัศิาสตร์ มนษุย์ คือความพยายามของมนษุย์ทจ�ีะ เข้ าใจโลกในลกัษณะที�สอดคล้ องกบัประสบการณ์ ของตนเอง ไมว่า่เราจะมองจากมมุมองสมยัใหม่ วา่ศาสนา “งมงาย” มากน้ อยเพียงใด 2


หนงัสอืเลม่เลก็เลม่น �ี ใช้ ข้ อมลูจากหนงัสอืยกัษ์ ใหญ่ 729 หน้ า ช�ือ “A People’s History of the World” ของ Chris Harman (ซง�ึตพีิมพ์โดยสาํนกัพิมพ์ Bookmarks ขององักฤษในปี 1999) โดยสว่นใหญ่มกีาร แปลสรุ ป แตใ่นตอนท้ ายมบีทเสริ มท�ีเขียนโดย ใจ อง�ึภากรณ์ เพ�ือให้ ทนัสมยัมากขน�ึ Chris Harman เป็ นนกัมาร์ คซสิตอ์งักฤษ และสมาชิกพรรค Socialist Workers Party เขาเป็ นนกัเขียน ท�ีมผีลงานมากมายทงั � ๆ ท�ีเขาไมไ่ด้ ทํางานในมหาวทิยาลยั Harman เป็ นอดตีบรรณาธิการหนงัสอืพิมพ์ของ พรรค เขาเป็ นคนรุ่ น 1968 และเป็ นนกัตอ่ส้ ตู ลอดชีวิต เขาเสยีชีวิตท�ีกรุ งไคโร ประเทศอียิปต์ในปี 2009 ในขณะทไ�ีปร่วมประชมุกบันกัสงัคมนยิมทน�ีน�ั เป็ นท�ีน่าเสยีดายท�ีเขาไมไ่ด้ เหน็การปฏิวตัอิยีิปต์ทร�ีะเบิดขน�ึ สองปี หลงัจากนนั � และการเสียชีวติของเขา ทําให้ เราขาดนกัเขียนมาร์ คซสิต์คนสาํคญ ั

3


สารบญ ั �. จากบุพกาล(จากบพ ุ กาลถงึ 1000 ปี ก่ อน ค.ศ.) •ยคุปฏวิตัิ “หนิใหม”่ •ยคุ “อารยธรรม” หรื อยคุ “บรอนส์สมัฤทธ�ิ” •ชนชน�ั •สตร • “ยคุมืด” ยคุแรก 2. ยคุเหลก็และยคุแห่ งอาณาจกัร (1000 ปี ก่ อน ค.ศ. ถงึ ประมาณ ค.ศ. 500) •อนิเดียโบราณ •ศาสนาพทุธ •อาณาจกัรแรกๆ ของจีน • ระบบเมืองของกรี ซ • “ประชาธิปไตย •อาณาจกัรโรมนั • ศาสนาคริสต์ 3. ยคุกลาง (ค.ศ. 400-1500) •ความเส�ือมของโรม •การรื อ�ฟื น�อาณาจกัรจีน •การปฏวิตัอิสิลาม •อารยะธรรมอฟัริกา •ระบบฟิ วเดลิในยโุรป •อารยะธรรมใหมใ่นคริสตศ์ตวรรษท�ี 13 (ค.ศ.1200 เป็ นต้ นไป) •วกิฤตคริสต์ศตวรรษท�ี 14 (ค.ศ.1300 เป็ นต้ นไป) •การฟื น�ตวัและความขดัแย้ งทางชนชน�ั •กําเนดิของระบบ “ฟิ วเดลิกลไกตลาด” 4. การเปล� ียนแปลงครั ง�ใหญ่ (ค.ศ. 1500-1700) •การปล้ นและยดึครองอเมริกาโดยสเปน •จากยคุ “รี เนซอง” ถงึยคุปฏริูปศาสนาคริสต์ •การคลอดของระบบใหม(่ทนุนยิม) •การปฏวิตัอิงักฤษ •ขาลงของอาณาจกัรในเอเชีย 5. การแพร่ ขยายของ “ระเบียบใหม่ ” (ค.ศ. 1700-1800) •สยู่คุ “แสงสว่าง” •การก้ าวจากยคุงมงายสยู่คุวทิยาศาสตร์ •การแพร่หลายของกลไกตลาด •ระบบทาสกบัการเหยียดสผีวิ •เศรษฐศาสตร์ ของ “แรงงานเสรี” 6. โลกกลับหวักลบัหาง (ค.ศ. 1770- 1900) •การปฏิวตัอิเมริกา •การปฏวิตัฝิร�ังเศส •กระแสปฏวิตัฝิร�ังเศสในต่างประเทศ •การปฏิวตัอิตุสาหกรรม •ขบวนการ “ชาทสิต์” (Chartists) •กําเนดิลทัธมิาร์ คซ์ •กระแสปฏวิตัิ 1848 •สงครามกลางเมืองในอเมริกา •การยดึครองอนิเดีย •การกดข�ีประเทศจีน •อยีปิต์ •ญ�ีป่ นุ – กรณีพเิศษ •ประเทศไทย การเส�ือมสลายของศกัดนิา และการปฏวิตัทินุนิยมของรชักาลท�ี ๕ •คอมมนูปารีส 1871

4


7. ศตวรรษแห่ งความหวังและนรก (1900- ปั จจบุนั) •ประชาธิปไตยทนุนยิม •สงัคมนยิมประชาธิปไตย •จกัรวรรดนิยิม •นกัส้ ู “แนวสหภาพแรงงาน” กบั “นกัปฏวิตั”ิ •ต้ นกําเนดิสงครามโลกครัง�ท�ีหนงึ� •สงครามโลกครัง�ท�ีหนงึ� ค.ศ.1914-1918 •การปฏวิตัริัสเซีย กมุภาพนัธ์ 1917 •การปฏิวตัิเดือนตลุาคม 1917 •การล้ อมปราบการปฏวิตัิ •ยโุรปลกุเป็ นไฟ •การกบฏในอาณานคิม •อนิเดีย •ไอร์ แลนด์ •จีน •อยีปิต์ •การปฏวิตัิเมคซโิก •ทนุนยิม “องค์รวมและต่างระดบั” •“ยคุทอง” แหง่ทศวรรษ 1920 •วกิฤตเศรษฐกจิอนัย�ิงใหญ่ •การทําลายการปฏิวตัใินรัสเซยี •การหนัหลงัให้ กบั “การปฏวิตัโิลก” •“ยคุท�ีสามของการปฏวิตัิรอบใหม”่ •การขน�ึมาของ ฮติเลอร์ ในเยอรมนั •ความหวงัท�ีต้ องพา่ยแพ้ 1934-1936 •วีเอนนา •รัฐบาล “แนวร่วม” ในฝร�ังเศส •การปฏวิตัสิเปน •เท�ียงคืนแหง่ศตวรรษ •วกิฤต “ความฝั นแบบอเมริกนั” •จากวกิฤตเศรษฐกจิสสู่งครามโลกครัง�ท�ีสอง •การล้ างเผา่พนัธ์ •การลกุฮอืตอ่ส้ ู และการหกัหลงัการต่อส้ โู ดยมหาอาํนาจ •สงครามเยน็ •ยคุทองสน�ัๆ ของทนุนยิม •การปลดแอกอาณานคิม •อนิเดีย •จีน •จดุยืนสดุท้ ายของเจ้ าอาณานคิม •นา�ํมนัและเลือด •อกีด้ านหนงึ� ของกระจก – ซกีของรัสเซีย •ค.ศ. 1956 ในยโุรปตะวนัออก •การปฏิวตัคิวิบา •สงครามเวียดนาม •จีน จากการก้ าวกระโดดครัง�ยง�ิใหญ่ สกู่ารนํากลไกตลาดมาใช้ •ยคุใหมแ่หง่ความป�ั นป่ วนวนุ่วาย •1968 เสียงแห่งเสรี ภาพสนน�ัหวน�ัไหว •การตอ่ส้ ทู �ีเดนิหน้ าไมไ่ด้ •ยคุแหง่ความยากลําบาก •วกิฤตในระบบ “ทนุนยิมโดยรัฐ” • อสิลาม ปฏริูปและปฏวิตัิ •จกัรวรรดนิยิมยคุใหม่ 8. บทเสริ ม •ปั ญหาโลกร้ อน •วกิฤตขิองเศรษฐกจิทนุิยมปี 2008 •ความสําคญ ั ของการปฏวิตัใินตะวนัออกกลาง ปี 2011 9. สรุ ป •สงัคมนยิมหรื อความป่ าเถ�ือน •ชนชน�ักรรมาชีพโลก

5


ยุคหนิ

เมโซโปเตเมีย 6


�. จากบพ ุ กาล (จากบพุกาลถงึ 1000 ปี กอ่น ค.ศ.) มนษุย์เร�ิ มต้ นจากการววิฒ ั นาการมาจากลงิในอฟัริ กาเมื�อประมาณ 150,000 ปี มาแล้ ว ตอ่จากนนั � กค็อ่ยๆ กระจายไปตามทวปีตา่งๆ ทว�ัโลก สงัคมมนษุย์ในยคุบพุกาล กอ่นสมยัท�ีมนษุย์ค้ นพบวธิีปลกูพืชหรื อเลย�ีง สตัว์ เป็ นสงัคมของคนทเ�ีกบ็ของป่ าและลา่สตัว์ มนษุย์อยใู่นกลมุ่เลก็ๆ ในลกัษณะเครื อญาติ ในแตล่ะกลมุ่ อาจมปีระมาณ 30-40 คน ทรัพยากรทกุอย่างเป็ นของกลางหมด มกีารแบ่งกนัอย่างเทา่เทยีม มีการร่ วมมอื กนัในกิจกรรมตา่งๆ ถงึแม้ วา่ผ้ ชู ายมกัเป็ นผ้ ทู ล�ีา่สตัว์และนําเนอ�ืสตัว์กลบัมาให้ ทกุคนกิน การลา่สตัว์เป็ นสง�ิ ท�ีไมแ่นน่อน ดงันนั � กลมุ่คนเหลา่นต�ี้ องอาศยัการเกบ็พืช ผกั ผลไม้ และการขดุราก ซง�ึเป็ นงานหลกัของ ผ้ หู ญิง เพราะผ้ หู ญิงต้ องเลย�ีงลกูกบัตวัเอง ไมส่ามารถเดินทางไกลไปลา่สตัว์ได้ ในสงัคมบพุกาล ชีวติมนษุย์มขี้ อดีตรงทไ�ีมม่ีการแบ่งชนชนั � ไมม่ผี้ ปู กครอง และไมม่ีการเลอืกปฏิบตัิ ระหวา่งชายกบัหญิง โดยสว่นใหญ่แล้ วจะไมม่สีงครามระหวา่งเผ่าหรื อกลมุ่ตา่งๆ อาจมชีายหรื อหญิงท�ีทกุ คนในเผา่นบัถือ แตก่ารนบัถอืเคารพเป็ นเพราะคนเหลา่นเ�ี ป็ นผ้ มู ปีระสบการณ์สงู สามารถแนะนําอะไรท�ี เป็ นประโยชน์ได้ อย่างไรกต็ามเขาจะไมเ่ป็ นอภิสทิธ�ิชนท�ีได้ อะไรมากกวา่คนอน�ื ในสงัคมคนลา่สตัว์และเกบ็ ของป่ าท�ียงัหลงเหลืออยทู่กุวนัน �ี เชน่ในกลมุ่ “คงุ” ในอฟัริ กา เขาจะมอีดุมการณ์ หนกัแนน่เพื�อความเท่า เทียม ใครท�ีอวดเก่งหรื อหย�ิงจะโดนสงัคมประณามเสมอ ในพน�ืท�ีท�ีอดุมสมบรูณ์ มนษุย์สามารถอย่อู ย่างสบายพอสมควร

ถงึแม้ วา่จะเป็ นสงัคมบพุกาลกต็าม

เพราะไมต่้ องออกแรงมากเกินไปในการเกบ็ของป่ าหรื อการลา่สตัว์ อาจมีการสร้ างหมบู่้ านถาวรท�ีมเีคร�ื องใช้ ดนิเผาและหนิ มนษุย์อยกู่นัทว�ัโลกในสภาพแบบนป�ีระมาณ 140,000 ปี คอื ประมาณ 90% ของประวตัศิาสตร์ มนษุย์ ข้ อมลูนส�ีาํคญ ั เพราะพวกท�ีสนบัสนนุระบบชนชนั � การขดูรี ด ความเหลื�อมลา�ํ หรื อทนุนิยม มกัพยายามอ้ าง วา่ “ธรรมชาติมนษุย์” เป็ นธรรมชาตขิองการแยง่ชิงและการแขง่ขนั แตถ่้ า 90% ของประวตัศิาสตร์ เป็ นยคุ ของความเทา่เทยีมและการร่ วมมอืกนัระหวา่งมนษุย์ มนัจะเป็ นอยา่งทพ�ีวกนนั � อ้ างไมไ่ด้

7


ยุคปฏวิัติ “หนิใหม่ ” ประมาณ 10,000 ปี มาแล้ ว ในพน�ืท�ีอดุมสมบรูณ์ของตะวนัออกกลาง คอืแถวๆ ปาเลสไตน์ ซเิรี ย เลบานอน ตรุกีทางใต้ และอรีัก การเปลย�ีนแปลงในภมูอิากาศทเ�ีย็นลงและแห้ งแล้ งมากขน�ึ ทาํให้ ความอดุมสมบรูณ์ ของพน�ืท�ีลดลง สง่ผลให้ มนษุย์ต้ องค้ นหาวธิีใหมใ่นการเลย�ีงชีพ เร�ิ มมีการเกบ็เมลด็พืชเพ�ือมาปลกู แทนท�ี จะเกบ็ของป่ า

และเร�ิ มมกีารจบัสตัว์มาเลย�ีงแทนการออกไปลา่สตัว์ป่ า

ในขนั � ตอนแรกอาจเป็ นการทาํ

เกษตรแบบเลอ�ืนลอย คอืพอดนิหมดความอดุมสมบรูณ์ก็ย้ ายไปปลกุพืชทอ�ีน�ื ในขณะเดยีวกนัมกี ารพฒ ั นา เทคโนโลจีในการผลติเคร�ื องมอืทท�ีําจากหิน เพ�ือให้ มนัใช้ งานได้ ดขี น�ึ เช่นขวานทจ�ีะใช้ ตดัต้ นไม้ ดงันนั � จงึ เรี ยกยคุนว�ีา่เป็ น “ยคุปฏิวตัหิ​ินใหม”่ จากข้ อมลูโบราณคดเีราทราบวา่มนษุย์เร�ิ มอยกู่นัเป็ นครอบครัวเลก็ๆ ในหมบู่้ าน แตก่ย็งัไมม่ีการแบ่งชน ชนั � และจนถงึ 6000ปี ก่อนยคุปั จจบุนั เราจะไมพ่บความเหลื�อมลา�ํทางทรัพย์สนิหรื อการเลอืกปฏิบตัิ ระหวา่งชายกบัหญิง ในบางชมุชนมีรูปปั น�เทพีซง�ึชวนให้ เรามองวา่ผ้ หู ญิ งเป็ นที�เคารพของสงัคม เพราะ ผ้ หู ญิงเป็ นผ้ ทู �ีผลติผ้ คู นหรื อกําลงังานสาํหรับอนาคต เวลาเราเข้ าสยู่คุของ “การเกษตร” ลกัษณะความเป็ นอยขู่องคนเปลย�ีนไป มีการสร้ างหมบู่้ านคงท�ีและ การใช้ ท�ีดนิอยา่งเป็ นระบบ แตก่ย็งัร่ วมมือกนัและไมม่ทีรัพย์สนิเอกชน การท�ีคนอยกู่นัเป็ นหมบู่้ านถาวร ทาํ ให้ ไมส่ามารถแยกย้ ายกนัไปได้ ถ้ าเกิดความขดัแย้ งในชมุชน ไมเ่ หมือนในยคุเก็บของป่ า ดงันนั � เร�ิ มมกีารตง�ั กฏระเบียบของสงัคมเพ�ือบริ หารกลมุ่คน และเน�ืองจากมกีารสะสมอาหารสว่นเกินเพ�ือบริ โภคในยามทกุข์ ยาก เร�ิ มมปีั ญหาสงครามและการแย่งชิงสว่นเกินเกิดขน�ึระหวา่งชมุชน เราทราบวา่มนษุย์เปลย�ีนวิถีชวีิตไปสู่ “ยคุเกษตร” ในหลายพน�ืที�ของโลกนอกจากตะวนัออกกลาง เชน่ท�ี อเมริ กาใต้ อนิโดจีน ปาปั วนิวกินนี และจีน ซงึ� พิสจูน์วา่ไมม่เีชอ�ืชาตใิดเหนือกวา่กนัในหมมู่นษุย์ แตใ่นบาง พน�ืทท�ี�ียงัอดุมสมบรูณ์ มากๆ คนเลอืกวิถชี​ีวิตเกบ็ของป่ าและลา่สตัว์แบบเดมิ เพราะสบายกวา่การเกษตร ความสาํเร็ จของการใช้ ระบบเกษตรในบางพน�ืท�ี เชน่ในตะวนัออกกลาง ทําให้ คนท�ีอน�ื เชน่ในลมุ่แมน่า�ํ อนิดสั(อนิเดยีปั จจบุนั) และในยโุรปตะวนัตก เรี ยนร้ ู และทําตาม ในยุคนเ�ี ร�ิ มมี “หวัหน้ าเผา่” เกิดขน�ึ แตส่งัคมมองวา่หวัหน้ าดงักลา่วต้ องรับใช้ คนอน�ื ฐานะในการเป็ น หวัหน้ ามาจากความสามารถในการทําการเกษตรและการแบง่ผลผลิตให้ คนอน�ืในกลมุ่

8


ยุค “อารยธรรม” หรื อยคุ “บรอนส์ สัมฤทธ� ิ” ในยคุ “อารยธรรม” ท�ีเร�ิ มปรากฏตวัเม�ือ 5000 ปี กอ่นยคุปั จจบุนั เราเหน็การก่อสร้ างขนาดใหญ่เกิดขน�ึ เชน่ปิ รามดิในอียปิต์และเมคซโิก วดัในอีรัก ป้ อมและวงัในกรี ซ และเมอืงทส�ีร้ างเป็ นระบบในอนิเดยี นกั ประวตัิศาสตร์ บางคนเรี ยกยคุนว�ีา่ “ยคุแหง่การปฏิวตัิเมือง” เพราะเป็ นครัง�แรกท�ีมนษุย์อยกู่นัเป็ นเมอืงแทน หมบู่้ านชนบท การพฒ ั นาสงัคมมนษุย์ขนั � ตอนนอ�ีาศยัระบบเกษตรทเ�ีกดิขน�ึก่อนหน้ านเ�ี ป็ นพน�ืฐานทางเศรษฐกิจ แตไ่ม่ มอีะไรอตัโนมตัิ

และทกุสงัคมทว�ัโลกไมไ่ด้ พฒ ั นาไปข้ างหน้ า

เพราะในสภาพทว�ีถิีชิวติแบบเกา่เร�ิ ม

ยากลาํบากมากขน�ึ มนษุย์กลมุ่ตา่งๆ ต้ องเลอืกระหวา่งการอยแู่บบเติมโดยใช้ เกษตรพน�ืฐานที�ไมแ่นน่อน และทาํสงครามเพ�ือปล้ นขโมยอาหารจากกลมุ่อน�ื หรื อเลอืกเดินหน้ าพฒ ั นาเทคโนโลจีตา่งๆ กลมุ่ท�ีเลอืก พฒ ั นาเทคโนโลจีเร�ิ มใช้ สตัว์ลากไถ และใช้ ป๋ ยุ จากขส�ีตัว์ เพ�ือเพ�ิมผลผลติ และในจีนมีการใช้ ระบบดาํนาเพ�ือ เพ�ิมประสทิธิภาพของการปลกูข้ าว การเพ�ิมผลผลติทําให้ ชีวิตมคีวามมน�ัคงมากขน�ึ มีการใช้ แรงงานสว่นเกินทไ�ีมจ่ําเป็ นสาํหรับการเกษตร เพ�ือตดัหิน บรรทกุหนิ และแกะสลกั เพ�ือสร้ างสง�ิกอ่สร้ างขนาดใหญ่ มกีารค้ นพบวธิีถลงุทองแดงและดบีุก ซง�ึ เมอ�ืมาผสมกนักจ็ะได้ บรอนสส์มัฤทธ�ิ ความสลบัสบัซ้ อนของสงัคมและการแบง่งานกนัทํามีผลในการเปลย�ีนความสมัพนัธ์ระหวา่งคน การไถนาด้ วยสตัว์เป็ นงานหนกัท�ีชายมกัจะทํา ซงึ� มผีลกระทบตอ่ความสมัพนัธ์ระหวา่งหญิงกบัชาย มี การร่วมมอืกนัระหวา่งคนจาํนวนมากในการสร้ างคลองชลประทาน

มชีา่งฝี มอื

และมคีนประเภทหนง�ึ

ปรากฏตวัขน�ึมา คือพวกท�ีมีหน้ าท�ี “ควบคมุ” ระบบเกบ็อาหารเพ�ือความมน�ัคงของสงัคม พวกนม�ีกัจะเป็ น “พระ” ที�คดิค้ นระบบเขียนเพ�ือบนัทกึผลผลติบนแผน่ดนิเหนยีว และศกึษาดนิฟ้ าอากาศและระบบดวงดาว สง�ิเหลา่นเ�ี กิดขน�ึในตะวนัออกกลางและในทวปีอเมริ กาตอนกลาง

9


ชนชนั � เมอ�ืประมาณ 5000 ปี มาแล้ ว มกีารเร�ิ มเขียนถงึ “ทาส” มคีวามเหล�ือมลา�ํเกิดขน�ึระหวา่งคน และมีการใช้ ชาวบ้ านเพ�ือบงัคบัให้ ทํางานเป็ นบางเวลา (คล้ ายๆ ระบบไพร่ในไทยในยคุศกัดนิา) คําถามท�ีสาํคญ ั คือ “มนษุย์ท�ีเคยเทา่เทียมกนัมาก่อนเป็ นเวลาแสนปี ทนสภาพเช่นนไ�ี ด้ อยา่งไร?” ถ้ าเรา จะเข้ าใจ เราต้ องไปดสูง�ิท�ี มาร์ คซ์ กบั เองเกิลส์ เสนอ... มาร์ คซ์ กบั เองเกลิส์ เสนอวา่ “ความสมัพนัธ์ทางการผลิตระหวา่งคน” เก�ียวโยงอยา่งใกล้ ชดิกบั “พลงั การผลติ”

ถ้ าจะมกีารพฒ ั นาพลงัการผลติให้ มปีระสทิธิภาพมากขน�ึ

ยอ่มมกีารเปลย�ีนแปลงใน

ความสมัพนัธ์ระหวา่งคน กลมุ่ตา่งๆ ต้ องเลือกเอาวา่จะเดนิหน้ าพฒ ั นาในบริ บทของสงัคมยคุนนั � หรื อจะ ถอยหลงั บางกลมุ่ บางชมุชนอาจเลอืกที�จะพฒ ั นาพลงัการผลติ ทง�ั ๆ ทท�ีําให้ เขาขาดอสิรภาพบางอยา่ง แต่ เราไมค่วรลืมวา่การเปลย�ีนแปลงดงักลา่วในสงัคมเตม็ไปด้ วยความขดัแย้ งระหวา่งชนชนั � เสมอ เมื�อมรีะบบชนชนั � และความไมเ่ทา่เทียมเกิดขน�ึ กม็รีะบบ “รัฐ” “กฏหมาย” และ“ความเช�ือ”ท�ีชนชนั � ปกครองกลอ่มเกลาให้ คนสว่นใหญ่เชื�อตาม ในขนั � ตอนแรกไมไ่ด้ มทีรัพย์สนิเอกชน ที�ดนิสว่นใหญ่ยงัเป็ น ของสงัคม

สตรี เองเกิลส์อธิบายวา่กอ่นยคุนส�ีตรี มบีทบาทสาํคญ ั ในการหารากไม้ และผลผลติในป่ า

ตอ่มาก็ยงัมบีทบาท

สาํคญ ั ในการเกษตรพน�ืฐานเพราะสตรี จะใช้ จอบ แตพ่อเร�ิ มมกีารไถนาด้ วยสตัว์ ซง�ึเป็ นงานหนกั งานสําคญ ั ในการผลิตอาหารกลายเป็ นงานผ้ ชู าย

นอกจากนผ�ี้ ูหญิงเสยีเปรี ยบในการเป็ นทหารหรื อแมค่้ าทค�ี้ าขาย

ทางไกล เพราะร่ างกายออ่นแอกว่าผ้ ชู ายหรื อเขาต้ องดแูลให้ นมกบั ลกูเลก็ น�ีคอืต้ นกําเนดิของ “ความพ่าย แพ้ ของสตรี ” และการกดขี�ทางเพศ

10


“ยุคมืด” ยุคแรก สง�ิก่อสร้ างมหศัจรรย์จากยคุอารยธรรมในหลายพน�ืท�ียงัเหลอือยใู่ห้ เราเหน็ แตส่งัคมเหลา่นเ�ี ร�ิ มเสอ�ืม ไมว่า่ จะที�อยีปิต์ เมโซโปเตเมีย เมอืงฮาราพพาและมอเฮนโจ เดโจ (ในอนิเดีย) หรื อเมอืง ทีโอทฮิวันาคาน ของ อารยธรรม “ไมยา” ในอเมริ กากลาง สาเหตขุองความเสอ�ืมมาจากการท�ีระบบชนชนั � เพ�ิมการขดูรี ดเร�ื อยๆ เพ�ือการกอ่สร้ างและการรักษาวิถี ชีวติอนัแสนหรู ของผ้ นู ํา มกีารแชแ่ขง็ความคิดแบบอนรุักษ์ นิยมเพ�ือรักษาอาํนาจของชนชนั � ปกครอง มกี าร กดชวีิตของคนธรรมดาท�ีสร้ างมลูคา่แตแ่รกจนเขากอ่กบฏ และมกีารทําสงครามแยง่ชิงความร�ํ ารวยกนัอกี ด้ วย มนัไมใ่ช่ “กฏเหลก็ของธรรมชาต”ิ ท�ีกาํหนดวา่อารยะธรรมต้ องเส�ือมในทส�ีดุ แตม่นัเป็ นผลจากความ ขดัแย้ งทางชนชนั � ในยุคนม�ีกีารนดัหยดุงานท�ีได้ รับการบนัทกึเป็ นครัง�แรกในประวตัิศาสตร์ โลกท�ีอยีิปต์ 3181 ปี กอ่นการ โคน่ล้ มเผดจ็การมบูารักด้ วยการนดัหยดุงานทว�ัไปในยคุปั จจบุนั ในครัง�นนั � ผ้ ทู น�ีดัหยดุงานคอืชา่งฝี มือชาย และภรรยาของเขาในหมบู่้ านชา่งท�ีตดิกบัปิ รามดิ นอกจากนม�ี​ีการกบฎของเกษตรกรในหลายพน�ืท�ี พดูงา่ยๆ “ความสมัพนัธ์ทางการผลิตแบบเกา่ ท�ีเร�ิ มแรกมพีลงัมหาศาล เร�ิ มกลายเป็ นอปุสรรค์ตอ่ความ เจริ ญก้ าวหน้ าตอ่ไป” อยา่งท�ี คาร์ ล มาร์ คซ์ เคยเสนอใน “บทนําของการมีสว่นในการวิ จารณ์ เศรษฐศาสตร์ การเมื อง” (Preface to the Contribution to the Critique of Political Economy)

11


ยุคเหลก็

พทุธศาสนา

โรมัน

กรีซ

จนี 12


2. ยคุเหลก็และยคุแห่ งอาณาจักร (1000 ปี กอ่น ค.ศ. ถงึ ประมาณ ค.ศ. 500) เน�ืองจากมีการแชแ่ข็งความคดิในสงัคมของเขต “อารยธรรมเก่า” ที�ปกครองโดยพวกพระและกษัตริ ย์ ความ เจริ ญขนั � ตอนตอ่ไปของมนษุย์มกัจะเกิดในพน�ืทน�ีอกเขตอารยธรรมเหลา่น �ี ความเจริ ญดงักลา่วอาศยัเทค โนโลจเีดิมเป็ นพน�ืฐาน แตพ่ฒ ั นาในบรรยากาศความอิสระ และประกอบไปด้ วยการค้ นพบวธิีถลงุและใช้ เหลก็ การใช้ พลงังานนา�ํจากกงัหนันา�ํ การค้ นพบคณิ ตศาสตร์ และการใช้ ระบบเขียนแบบพยญ ั ชนะ(ยกเว้ น ในกรณีจีน) กลมุ่คนใหมท่�ีพฒ ั นาขน�ึมาในยคุนม�ี ทีว�ัโลก เชน่ คนอารยนัจากทะเลแคสเบย�ีน คนฮิตไตตทย�ี้ ายเข้ าไป ในเมโซโปเตเมยี “ชาวทะเล”ท�ีบกุ เข้ าไปยดึอยีิปต์ และราชวงศ์ “โจว” ท�ีล้ มราชวงศ์ “ซาง” ในจีน มี อาณาจกัรใหมเ่กิดขน�ึในซเิรี ย อนิเดยีและจีนตอนเหนือ และในปาเลสไ์ตน์ การถลงุเหลก็ถกูค้ นพบในเทือกเขาแถวๆ อาร์ มเีนีย และแพร่หลายไปทว�ัโลกประมาณ 4000 ปี มาแล้ ว นอกจากแร่ เหลก็มกัจะพบอยทู่ว�ัไปในหลายพน�ืท�ีแล้ ว เหลก็จะแขง็และทนกวา่ทองแดงหรื อบรอนส์สมัฤทธ�ิ เหลก็จงึมีความสาํคญ ั ในการพฒ ั นาเคร�ื องมอืทางเกษตร เชน่ปลายไถเหลก็ และอาวธุสงครามเชน่ดาบและ หวัหอก นอกจากนย�ีคุเหลก็เป็ นยคุท�ีมกีารผลติเหรี ยญสาํหรับการค้ าขาย และเร�ิ มมกีารใช้ ศาสนาใหมๆ่ แบบรวมศนูย์ เพ�ือรักษาความมน�ัคงและความสามคัคขีองอาณาจกัรตา่งๆ ที�เกิดขน�ึ

อนิเดยีโบราณ พวกอารยนัท�ีเข้ ามาในอนิเดยีทางเหนอืเดิมเป็ นนกัรบและนกัต้ อนสตัว์ทก�ีินเนอ�ื

พวกนเ�ี ช�ือในเทพเจ้ าของ

ศาสนาพราหมณ์ พอเขารับเทคโนโลจีการใช้ เหลก็กเ็ร�ิ มเปลย�ีนไปทําการเกษตรและใช้ ชีวติแบบมน�ัคงโดย ไมย่้ ายถ�ิน ในเร�ื องความเชื�อ ในเมอ�ืววักลายเป็ นสตัว์สาํคญ ั ในการไถนาและขนสง่ มกีารประดษิฐ์ กฏทาง ศาสนาใหมท่�ีห้ ามไมใ่ห้ กินเนอ�ืววัหรื อฆา่ววั ในไมช่้ าการแบ่งงานกนัทําตามชนชนั � กลายเป็ นความเช�ือใน “วรรณะ” โดยมี 4 วรรณะหลกัคือ พราหมณ์ นกัรบ เกษตรกร และผ้ ใู ช้ แรงงาน ตอ่มาเมอ�ืสงัคมพฒ ั นามีกลมุ่ชา่งฝี มือและพอ่ค้ าเกิดขน�ึอกีด้ วย

13


และเน�ืองจากการเรี ยนร้ ู ทกัษะการทํางานมกัจะทํากนัในครอบครัว ระบบวรรณะกลายเป็ นสง�ิทส�ีบืทอดกนั ผา่นสายเลือด การค้ าขายในอนิเดยียคุนนั � ค้ าขายกบัทง�ั ตะวนัออกและตะวนัตก พร้ อมกนันนั � มีการแลกเปลย�ีนเผยแพร่ และพฒ ั นาปรัชญา ศาสนา และวทิยาศาสตร์ ในด้ านวทิยาศาสตร์ คนอนิเดยีวนําคณิตศาสตร์ กรี กและ โรมนัมาพฒ ั นา เชน่มกีารคาํนวนมลูคา่ของ π มกีารค้ นพบระบบทศนยิม และการใช้ เลขสญ ู เป็ นครัง�แรก ประมาณปี ค.ศ. 600 (พ.ศ. ๑๑๕๓)

ศาสนาพทุธ ในชว่งแรกๆ รัฐใหมท่เ�ีกิดขน�ึสง่เสริ มการพฒ ั นาเทคโนโลจี มกีารสร้ างสงัคมเมอืง และมอีาชีพหลากหลาย เกิดขน�ึ ซง�ึในทส�ีดุนําไปสกู่ารเปลย�ีนแปลงทางเศรษฐกิจ การเกดิความคิดใหมๆ่ และความขดัแย้ งระหวา่ง ชนชนั � ตา่งๆ มีกลมุ่ศาสนาใหมๆ่ เกิดขน�ึมาท้ าทายศาสนาพราหมณ์ เชน่ศาสนาพทุธ ในตอนแรกศาสนาพทุธเช�ือวา่สงครามท�ีเคยมบี่อยๆ เป็ นเร�ื องสน�ิเปลอืง จงึมกีารปฏิเสธ “ความรุนแรง” มกีารตอ่ต้ านระบบวรรณะและความเช�ือในเทพเจ้ าทร�ีองรับระบบวรรณะ และมกีารเน้ นเหตผุลจนใกล้ เคียง กบัระบบคดิแบบ “วตัถนุยิม” นอกจากนม�ีกีารแลกเปลย�ีนความคดิในวภิาษวิธีกบัปรัชญากรี ก แตใ่นไมช่้ าความก้ าวหน้ าเร�ิ มชะลอตวั เพราะรัฐและระบบการปกครองทางชนชนั � กลายเป็ นสง�ิอนรุักษ์ นิยมท�ีเป็ นอปุสรรค์ตอ่ความสร้ างสรรค์ และระบบขดูรี ดของชนชนั � ปกครองทําลายฐานะของคนธรรมดา ใน ท�ีสดุอาณาจกัรรวมศนูย์ท�ีเคยมี กแ็ตกแยกกระจดักระจาย ศาสนาพทุธเสอ�ืมและไมเ่ป็ นท�ีนยิม เพราะความ หลากหลายของสงัคม ที�แตกแยกเป็ นสว่นเลก็ๆ เหมาะกบัความเช�ือในเทพเจ้ าที�หลากหลายแตกตา่งกนั ของศาสนาฮินดทู�ีววิฒ ั นาการมาจากศาสนาพราหมณ์

อาณาจกัรแรกๆ ของจีน ความเจริ ญทเ�ีกิดขน�ึในจีนชว่งนก�ี้ าวหน้ ากวา่สมยักรี กและโรมนัมาก ในยคุอาณาจกัรฉินเมอ�ื 2232 ปี มาแล้ ว มีการสร้ างถนนหนทางขนาดใหญ่สาํหรับรถม้ า มกีารสร้ างกําแพงเมอืงจีน และมกีารสร้ างหลมุฝั ง ศพจกัรพรรดข�ินาดใหญ่ 14


กอ่นหน้ านป�ีระมาณ 2300 ปี มาแล้ ว มกีารปฏิวตัิระบบการเกษตรด้ วยการค้ นพบวธิีถลงุเหลก็ เพ�ือใช้ เป็ นเคร�ื องมือเกษตร มีการใช้ สตัว์ในการไถนา มีการค้ นพบระบบทาํนาหมนุเวียนและการใช้ ป๋ ุยธรรมชาติ มี กําเนิดสงัคมชนชนั � และมกีารใช้ รถม้ าเพ�ือการส้ รู บในสงครามท�ีขยายไปทว�ัพน�ืท�ี ทน�ีา่สนใจคอืมกีารพฒ ั นาการค้ าขายและกําเนิดของนายทนุ

มโีรงงานอตุสาหกรรมเพ�ือถลงุและทาํ

เคร�ื องมอืเหลก็ และมแีรงงานรับจ้ าง (กรรมาชีพ) ในยคุหนง�ึนายทนุคนสาํคญ ั ขน�ึมาเป็ นรัฐมนตรี คลงัอกี ด้ วย การปกครองใช้ ระบบข้ าราชการพลเรื อนและทหาร

ซง�ึขน�ึมาแทนท�ีพวกขนุนางเกา่ด้ วยการไลฆ่า่และ

กวาดต้ อนครอบครัวขนุนาง ชนชนั � ปกครองใหมน่ส�ีง่เสริ มให้ เกษตรกรมที�ีดนิของตนเอง และสง่เสริ มการ พฒ ั นาการเกษตร ซง�ึเป็ นประโยชน์กบัข้ าราชการชนชนั � ปกครอง เพราะรายได้ รัฐมาจากการเกบ็ภาษี จาก เกษตรกร มกี ารใช้ แรงงานบงัคบัเป็ นบางครัง�บางคราว ถ้ าดผูวิเผินเราจะเหน็วา่จีนตอนนม�ีโีอกาสพฒ ั นาเป็ นระบบทนุนิยมได้ แตน่ายทนุไมส่ามารถล้ มระบบรัฐ ข้ าราชการได้ เพราะรัฐนเ�ี ข้ มแขง็เกินไป1 และคอยกดขี�นายทนุไว้ เพ�ือไมใ่ห้ ขน�ึมามอีํานาจได้ มกีารยดึทรัพย์ และโจมตนีายทนุเป็ นประจํา โดยมกัจะมีการใช้ ข้ ออ้ างวา่ “นายทนุเอาเปรี ยบเกษตรกร” สงัคมรัฐข้ าราชการนเ�ี น้ นระบบคดิทใ�ีห้ ความสาํคญ ั กบักฏหมายและระเบียบ

มกีารกีดกนัความคดิ

กระแสรองผา่นการเผาหนงัสอืและการลงโทษปั ญญาชน เพ�ือพยายามล้ างสมองประชาชน อยา่งไรก็ตาม มี ความคดิของ ขงจอ�ื ท�ีเน้ นทงั � เร�ื อง “ระเบียบ” “หน้ าท�ี” และ “ความซ�ือสตัย์ไมค่อร์ รับชน�ั” เกิดขน�ึ และ เมง่จ�ือ ลกูศษิย์ ขงจื�อ เสนอเพ�ิมวา่ควรมคีวามเท่าเทยีมในสงัคม ในลกัษณะเดยีวกบัอาณาจกัรอน�ืๆ อาณาจกัรฉิน อาณาจกัรแรกของจีน เร�ิ มเสื�อมลงเพราะรองรับระดบั การขดูรี ดประชาชนไมไ่ด้ เกิดการกบฏของเกษตรกรท�ีทําลายชนชนั � ปกครองเกา่ แตเ่น�ืองจากเกษตรกรเป็ น ผ้ ผู ลติรายยอ่ยที�ตดิกบัท�ีดนิของตนเอง

เกษตรกรจงึสร้ างองค์กรทางการเมืองท�ีรวมศนูย์เป็ นปึ กเป็ นแผน่

ไมไ่ด้ ผ้ นู ํามวลชนในการกบฏครัง�นจ�ีงึฉวยโอกาสตง�ั ตวัเองเป็ นจกัรพรรดใ�ิหม่

1

รัฐในองักฤษและฮอลแลนด์ 1900 ปี หลงัจากนน�ัออ่นแอกวา่มาก นายทนุจงึมีโอกาสปฏวิตัไิด้ 15


ระบบเมืองของกรี ซ ระบบเมอืงของกรี ซเมอ�ื 2500 ปี มาแล้ ว เจริ ญเติบโตทา่มกลางการค้ นพบวิธีถลงุและใช้ เหลก็ เหมอืนกรณี จีนและอนิเดีย แตม่ขี้ อแตกตา่งสองอยา่งคือ ท�ีดนิในกรี ซไมอ่ดุมสมบรูณ์เทา่อนิเดยีและจีน จงึมกีารอพยพ ทางทะเลไปครอบครองแหลง่ใหมๆ่ รอบๆ ทะเลเมดเิตอร์ เรเนียน เช่นชายฝ�ั งอิตาล�ี สเปน ฝร�ังเศส และ อยีิปต์ และมีการสอ�ืสารขนสง่ทางทะเลมากมาย ซงึ� ทําให้ เมอืงของกรี ซตดิตอ่กบัอารยธรรมอน�ืๆ มากกวา่ จีนและอนิเดีย ดงันนั � สงัคมกรี ซสามารถรับความเจริ ญจากทอ�ี�ืนอยา่งรวดเร็ ว เชน่อกัษรกรี ซ ยกมาจาก อกัษรเกา่ของอาณาจกัรเฟอร์ นีเซยีน(แถบเลบานอนปั จจบุนั) กรี ซไมไ่ด้ รวมศนูย์เป็ นอาณาจกัร แตเ่ป็ นเมอืงอสิระท�ีมคีวามสมัพนัธ์ กนั รบกนับ้ าง สร้ างแนวร่ วมกนั บ้ าง และใช้ ภาษาและอกัษรเขียนคล้ ายๆ กนั นอกจากนม�ีกีารจดัเทศกาลร่ วมกนั เชน่การแข่งกิฬาโอลมิปิ ก เป็ นต้ น การท�ีพน�ืทน�ีม�ีทีด�ีนิทไ�ีมค่อ่ยอดุมสมบรูณ์ มผีลตอ่ระบบการทาํเกษตรคือ ด้ วยเหตทุ�ีพน�ืที�สว่นใหญ่ไม่ สามารถเลย�ีงครอบครัวเกษตรกรรายยอ่ยได้ มกีารจบัเชลยศกึมาใช้ เป็ นทาสเกษตรกรรมแทน เพราะพวก ทาสเหลา่นไ�ี มม่คีนแกแ่ละเดก็ท�ีต้ องเลย�ีงไปด้ วย และทาสไมไ่ด้ รับคา่จ้ าง แคเ่ลย�ีงอาหารไมใ่ห้ ตายกพ็อ คาดวา่ราคาซอ�ืทาสในยคุนนั � น้ อยกวา่คร�ึงหนง�ึ ของคา่จ้ างชา่งฝี มือหนง�ึปี กรี ซเป็ นตวัอย่างแรกๆ ของสงัคมท�ี ใช้ ทาสอย่างเป็ นระบบ แทนท�ีจะแคใ่ช้ แรงงานบงัคบัเป็ นบางครัง�บางคราว ในภายหลงัอาณาจกัรโรมนัจะ นําระบบนม�ีาใช้ เชน่กนั ระบบทาสในกรี ซไมไ่ด้ สาํคญ ั ทจ�ีํานวนทาส ซง�ึไมไ่ด้ เป็ นคนสว่นใหญ่ของสงัคมเลย และไมไ่ ด้ สาํคญ ั ใน แงข่องปริ มาณการผลติทง�ั หมดของสงัคม แตร่ะบบทาสนส�ีาํคญ ั ในแงข่องการผลิต “สว่นเกิน” สาํหรับชนชนั � อภิสทิธ�ิชนท�ีไมต่้ องทํางาน พวกอภิสทิธ�ิชนเหลา่นจ�ีะเป็ นผ้ ทู ใ�ีช้ เวลาในการแตง่วรรณคดหีรื อศกึษาปรัชญา เชน่คนอยา่งอริ สทอตเตลิทพ�ี ดูวา่ “ในทกุบ้ านต้ องมทีาส” เหมอืนพดูวา่ในทกุบ้ านต้ องมหีม้ อข้ าว นอกจาก สว่นเกินจากทาสจะทําให้ อภิสทิธ�ิชนมชี​ีวิตสะดวกสบายแล้ ว สว่นเกินนถ�ีกูนํามาใช้ สร้ างตกึขนาดใหญ่เชน่ อาครอบโบลสิ บนยอดเขาเหนือเมอืง อาเทนส์ การกบฏของทาสไมไ่ด้ เกิดขน�ึบอ่ยๆ เหมือนการกบฏของเกษตรกรในจีน เพราะทาสเป็ นเชลยศกึท�ีมา จากถิ�นตา่งๆ พดูภาษาตา่งกนั ส�ือสารเพ�ือรวมตวักนัยาก โดยเฉพาะเวลาเจ้ านายจงใจแยกคนจากท�ี เดยีวกนัออกจากกนัในตลาดขายทาส 16


เมือง สปาร์ ตา ซง�ึเป็ นเมอืงคแู่ข่งของ อาเทนส์ เป็ นกรณีพิเศษท�ีไมใ่ช้ ระบบทาส ชนชนั � ปกครองท�ีเป็ น กลมุ่นกัรบของเมอืงน �ี จะใช้ เกษตรกรเสรี แทน โดยมีการเก็บสว่ยเกบ็ภาษี ชนชนั � ปกครอง สปาร์ ตา มกัจะ ภมูใิจในความเรี ยบง่ายของชีวติเขา ซง�ึเป็ นผลมาจากการท�ีสงัคมมสีว่นเกินน้ อยกวา่สงัคมระบบทาส

“ประชาธิปไตย” ในยคุแรกๆ ของระบบเมอืงกรี ซ จะมีกษัตริ ย์และความเช�ือเกา่ตกค้ างจากอดีต แตเ่ม�ือสงัคมเจริ ญขน�ึ จะมี ชนชนั � เจ้ าของท�ีดนิรายใหญ่เกิดขน�ึ ซง�ึพวกนไ�ี มพ่อใจกบัพวกขนุนางเกา่ จงึมกีารล้ มระบบกษัตริ ย์และสร้ าง สาธารณรัฐภายใต้ การปกครองของอภิสทิมธ�ิชนขน�ึมาแทน พวกอภิสทิธ�ิชนเจ้ าของท�ีดนิรายใหญ่ นอกจากจะมทีาสแล้ ว ยงับงัคบัให้ เกษตรกรรายยอ่ยท�ีมที�ีดนิของ ตนเองต้ องจา่ยภาษี เพ�ือบํารุ งรัฐและเลย�ีงดกูองทพัเรื ออกีด้ วย บางครัง�เกษตรกรรายย่อยจะยากลาํบากและ ต้ องขายตวัเป็ นทาสเพ�ือจา่ยหน �ี

สถานการณ์ แบบนน�ีําไปสคู่วามขดัแย้ งทางชนชนั � อยา่งตอ่เน�ืองระหวา่ง

ประชาชนธรรมดากบัอภิสทิธ�ิชน หลายครัง�มกีารยดึอาํนาจโดยบคุคลท�ีตงั � ตวัเป็ น “ทรราช” แล้ วใช้ นโยบาย เอาใจคนจน เพื�อกดขี�อภิสิทธ�ิชนคนอ�ืนทเ�ีป็ นคแู่ข่ง ในกรณีเมือง อาเทนส์ มกีารลกุฮือล้ มอํานาจของอภิสทิธ�ิชน พร้ อมกบัการล้ มอํานาจของ “ทรราช” ซง�ึ นํามาสรู่ะบบท�ีเขาเรี ยกวา่ “ประชาธิปไตย” แตท่ง�ั ๆ ที�ประชาชนธรรมดาขน�ึ มามีอาํนาจ โดยมกีารเลือกผ้ นู ํา และผ้ พู ิพากษา มนัไมใ่ชป่ระชาธิปไตยอยา่งท�ีเราเข้ าใจทกุวนัน �ี เพราะทาส ชา่งฝี มอืกบัพอ่ค้ ารายยอ่ยจาก ตา่งเมอืง และสตรี ไมม่สีทิธิเสรี ภาพอะไรเลย นอกจากน �ี “ประชาธิปไตย” กรี ซไมม่ผีลในการลดความ เหลอ�ืมลา�ํระหวา่งเจ้ าของท�ีดินรายใหญ่กบั ประชาชน

อยา่งไรก็ตามนกัคิดหลายคนทเ�ีป็ นตวั แทนของ

อภิสทิธ�ิชน อย่างเช่น เพลโต และ ซอกคราทีส มกัจะรังเกียจประชาธิปไตยน �ี และเสนอวา่มนัเป็ นระบบ ปกครองของ “มอ็บ” ท�ีขาดการศกึษาซง�ึเปิ ดโอกาสให้ นกัการเมอืงเลวฉวยโอกาสขน�ึมามีอาํนาจ บ่อยครัง� พวกอภิสทิธ�ิชนทเ�ีกลียดคนชนั � ลา่งและระบบประชาธิปไตย มกัจะภวนาวา่ อาเทนส์ จะแพ้ สงครามกบัศตัรู เชน่เมอืง สปาร์ ตา เพ�ือให้ ประชาธิปไตยมนัสน�ิสดุลงและอาํนาจกลบัมาอยใู่นมือของอภิสทิธ�ิชน สาเหตหุนง�ึที�ประชาชนธรรมดาในเมือง อาเทนส์ มอีํานาจ ก็เพราะเมอืงนอ�ีาศยั กําลงัทหารเรื อจํานวน มากในการปกป้ องผลประโยชน์ ซง�ึทหารเรื อเหลา่นนั � คอืประชาชนธรรมดานนั � เอง 17


ความขดัแย้ งทางชนชนั � อยา่งตอ่เนื�อง ในระบบเมืองเสรี ของกรี ซ บวกกบัการทไ�ีมค่อ่ยมีอาํนาจรวมศนูย์ ทางการเมอืงมผีลในการสร้ างบรรยากาศที�สร้ างสรรค์ มีการพฒ ั นาวรรณคดี วทิยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และปรัชญา และมกีารถกเถียงกนัในสงัคมตลอดเวลา เมืองท�ีก้ าวหน้ าทส�ีดุในด้ านความร้ ู ใน ยคุนค�ีอืเมอืง อาเลคซานเดรี ย ซง�ึเป็ นเมอืงเกา่ของอียิปตท์�ีมปีระชากรเป็ นชาวกรี ก เมอืงนม�ีหี้ องสมดุ มหศัจรรย์ท�ีมชี�ือเสยีงในหมนู่กัวชิาการยคุนนั �

อาณาจกัรโรมัน อาณาจกัรโรมเป็ นอาณาจกัรท�ีย�ิงใหญ่ถ้ าพิจารณาจากทงั � พน�ืท�ีและสง�ิก่อสร้ าง อาณาจกัรนค�ีรอบคลมุพน�ืท�ี จากยโุรปตะวนัตกถงึตะวนัออกกลาง และอยไู่ด้ ถงึ 1600 ปี และนกัวชิาการตะวนัตกจํานวนมากก็มองวา่ เป็ น “ยคุทอง” ของอารยธรรม อย่างไรกต็ามอาณาจกัรโรมไมม่บีทบาทสาํคญ ั ในการพฒ ั นาเทคโนโลจีหรื อ ความร้ ูใหมๆ่ เหมอืนอารยธรรม เมโซโปเตเมยี อยีปิต์ กรี ซ อินเดยี หรื อจีน แตก่ารที�อาณาจกัรโรมคิดค้ นวธิี ปกครองประชาชนและการใช้ กฏหมายเพ�ือสร้ างความมน�ัคงในการปกครอง ทาํให้ โรมสามารถเผยแพร่เทค โนโลจแีละความร้ ู เดมิๆ ของกรี ซ เมโซโปเตเมีย และอยีิปต์ไปสยู่โุรปตะวนัตก แม้ แตต่วัอกัษรโรมนั ทห�ีลาย ภาษาในปั จจบุนัยงัใช้ อยู่ ก็ดดัแปลงมาจากอกัษรกรี ก นอกจากนอ�ีารยะธรรมของโรมอาศยัระบบทาสและ สงคราม และมองวา่การจดัให้ คนฆา่กนัเองหรื อการให้ สตัว์ป่ าฆา่นกัโทษเป็ น “กิฬา” ในยุคแรกๆ โรมเดบิโตในลกัษณะคล้ ายๆ กบัระบบเมอืงของกรี ซ เพราะมกีารเน้ นตระกลูหรื อสาย เผา่พนัธ์มากกวา่เร�ื องรัฐ ตอ่มาเหลา่ตระกลูอภิสทิธ�ิชน (พาทริ ซเซยีน) สามารถตง�ั ตวัเป็ นชนชนั � ปกครองของ โรมในระบบสาธารณรัฐได้ โดยทอ�ีภิสทิธ�ิชนจะเลอืกผ้ ปู ระสานการปกครองและผ้ พู ิพากษา (คอนซลุ)จาก ชนชนั � ของตนเองทกุปี เศรษฐกิจพน�ืฐานของโรมคือการเกษตร และมีการขดูรี ดสว่นเกินเพ�ิมจากการควบคมุ การค้ าขายด้ วย อยา่งไรก็ตามความย�ิงใหญ่ของโรมมาจากการทําสงครามเป็ นหลกั ตอนแรกมสีงคราม สาํคญ ั ๆ กบัเมือง คาเทช ชายฝ�ั งอฟัริ กาเหนือ (ตนูีเซยีปั จจบุนั) เพื�อยดึพน�ืท�ีรอบๆทะเลเมดเีตอร์ เรเนยีน ตอ่มากข็ยายอาณาจกัรไปสยู่โุรปตะวนัตกและตะวนัออกกลาง กองทพัโรมประกอบไปด้ วยทหารเกณฑ์ทเ�ีป็ นเกษตรกรรายยอ่ยเสรี (พลปิ เปี ยน) แตท่งั � ๆ ท�ีเกษตรกร รายยอ่ยมบีทบาทสาํคญ ั ในการทาํสงคราม โรมไมไ่ด้ กลายเป็ น “ประชาธิปไตย” แบบเมอืง อาเทนส์ ชนชนั � อภิสทิธ�ิชนในโรมใช้ ระบบผกูขาดอาํนาจในวฒ ุ ิสภา เพ�ือปกป้ องผลประโยชน์ตนเอง โดยท�ีอภิสทิธ�ิชนมี 18


ผ้ แู ทนเกือบคร�ึงหนง�ึของสภา

และการออกเสียงของผ้ แู ทนเหลา่นม�ีนีา�ํหนกัมากกวา่เสยีงของผ้ แู ทน

เกษตรกร และอภิสทิธ�ิชนมอีํานาจ “วีโต้ ” หรื อล้ มมติ ของสภาได้ สว่นผ้ ไู ร้ สมบตัใินเมอืง (พวกโปรเลแตร�ี ) มี ผ้ แู ทนเพียงคนเดยีวในสภา นอกจากการผกูขาดอาํนาจในสภาแล้ ว ตระกลูอภิสิทธ�ิชนเป็ นเจ้ าครองท�ีดนิรายใหญ่ และใช้ ตาํแหนง่ ทางการเมอืงเพ�ือเกบ็ภาษี

และยดึท�ีดนิจากเกษตรกรรายยอ่ยเสมอ

นอกจากนก�ีารท�ีอภิสทิธ�ิชนเป็ นผ้ ู

บญ ั ชาการกองทพัตา่งๆ ทาํให้ เขาสามารถแยง่สว่นแบง่สว่นใหญ่จากการทําสงครามได้ การทาํสงครามมีความสําคญ ั สาํหรับโรมทงั � ในแงข่องการขยายพน�ืท�ีและการปล้ นทรัพย์สมบตัิ

แตใ่น

ด้ านเศรษฐกิจ การทําสงครามมคีวามสาํคญ ั ทส�ีดุจากการยดึเชลยศกึมาเป็ นทาส เพ�ือทํางานในไร่เกษตร ของพวกอภิสทิธ�ิชน ในคริ สต์ศตวรรษแรก คาดวา่โรมมีทาสประมาณสองล้ านคน ในขณะทเ�ีสรี ชน ทงั � ผ้ ใู หญ่ และเดก็ มปีระมาณสามล้ านกวา่และเสรี ชนจํานวนมากถกูเกณฑ์เป็ นทหารด้ วย การใช้ ระบบทาสจํานวนมากในไร่เกษตร

มผีลทําให้ สภาพความเป็ นอยขู่องเกษตรกรรายยอ่ยแยล่ง

เพราะไมม่กีารจ้ างแรงงานเกษตร และราคาท�ีดนิกเ็ พ�ิมขน�ึสงู เกษตรกรรายยอ่ยจํานวนมากจงึถกูกดดนัให้ เสยีที�ดนิไป อย่างไรก็ตาม เกษตรกรรายยอ่ยไมไ่ด้ น�ิงเฉย มกีารตอ่ส้ ทู างชนชนั � และการกบฎของเกษตรกรเป็ นประจํา แตเ่นื�องจากเศรษฐกิจเกษตรของโรม มพีลงัการผลิตตา�ํเกินไปทจ�ีะไมใ่ช้ แรงงานทาส ซง�ึเป็ นแรงงาน “ฟรี ๆ” เกษตรกรจงึไมส่ามารถล้ มระบบอภิสทิธ�ิชนเพ�ือสร้ างสงัคมเทา่เทียมในเมอืงโรมได้ นอกจากนก�ีารรวมตวักนั เป็ นองคก์รของเกษตรกรรายยอ่ยกย็ากลําบาก

แตใ่นบางยคุกระแสการตอ่ส้ สู ามารถทําให้ มกีารแตง่ตงั �

ผ้ แู ทนคนจนขน�ึได้ ซง�ึผ้ แู ทนเหลา่นจ�ีะเจรจากบัฝ่ ายรัฐบาล คล้ ายๆ กบัผ้ แู ทนสหภาพแรงงานในยคุปั จจบุนั การกบฏสว่นใหญ่ของเกษตรกรเกิดขน�ึภายใต้ การนําของ “ผ้ ใู หญ่” จากกลมุ่อภิสทิธ�ิชน ท�ีเสนอวา่ควรมี การปฏิรูปทด�ีนิและลดความเหลอ�ืมลา�ํ บางคนเสนอให้ แจกอาหารฟรี ให้ คนจนในเมอืงด้ วย ตวัอยา่งท�ีดขี อง “ผ้ ใู หญ่ประชานยิม” คือสองพ�ีน้ องตระกลู “กระคสั” ซงึ� พยายามนําขบวนการปฏิรูปสงัคม ผ้ ใู หญ่เหลา่น �ี อาจจริ งใจในความหว่งใยท�ีมีตอ่เกษตรกรรายย่อย แตแ่ผนของเขาเป็ นแผนสร้ างสนัติภาพทางชนชนั � เพ�ือ ความอยรู่อดของอาณาจกัรโรมและชนชนั � ปกครองด้ วย

อยา่งไรก็ตามสองพ�ีน้ องกระคสัก็ถกูฝ่ ายอนรุักษ์

นิยมในชนชนั � อภิสทิธ�ิชนฆา่ทง�ิ แตก่ารปราบกบฏของเกษตรกรไมไ่ด้ สร้ างสนัตภิาพทางชนชนั � แตอ่ยา่งใด

19


นอกจากเกษตรกรแล้ ว มกีารกบฏของทาสด้ วย กรณี “สปาตาคสั” เป็ นกรณีท�ีมชี�ือเสยีงท�ีสดุ คาร์ ล มาร์ คซ์ เคยพดูวา่ สปาตาคสั เป็ นวีรชนคนโปรดของเขา และ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค ตง�ั ช�ือองค์กรปฏิวตัสิงัคม นิยมของเขาวา่ “สนันิบาตสปาตาคสั” สปาตาคสัสามารถสร้ างกองทพัทาสท�ีมกีาํลงัเจด็หมน�ืคนได้ และ เอาชนะกองทพัโรมหลายกองทพั แตแ่ทนท�ีจะไปยดึเมอืงโรมเขาพยายามพาพรรคพวกอพยพไปทอ�ีน�ืจนถกู จบัและฆา่ทง�ิ อยา่งโหดร้ าย เราไมท่ราบวา่ทาํไมสปาตาคสัตดัสนิใจไมย่ดึโรม แตอ่าจเป็ นเพราะเขามองไม่ ออกวา่จะปกครองสงัคมแบบนนั � ในรู ปแบบใหมอ่ยา่งไร และเขาอาจไมอ่ยากขน�ึมาเป็ นทรราชใหมก่ ไ็ด้ การท�ีชนชนั � ปกครองโรมอาศยัการทาํสงครามเพื�อความร�ํ ารวย และการใช้ ทหารปราบกบฏ ทําให้ นาย พลระดบัสงูมีความสาํคญ ั มากขน�ึ ในท�ีสดุนายพลพวกนส�ีามารถนํากองทพัเข้ ามาทาํรัฐประหารและตง�ั ตวั เป็ นจกัรพรรดไ�ิด้ เนื�องจากจกัรพรรดข�ิองโรมมคีวามขดัแย้ งกบัตระกลูอภิสทิธ�ิชน เขามกัจะใช้ นโยบาย ประชานิยมในการเอาใจคนจน เพ�ือคานอาํนาจอภิสทิธ�ิชน ความยง�ิใหญ่ของโรม

มาจากสองสง�ิคือ

การทเ�ีมอื งโรมเป็ นกาฝากท�ีดดูเลอืดชนบทผา่นการขดูรี ด

เกษตรกรรายยอ่ย และการทโ�ีรมทําสงครามเพ�ือปล้ นทรัพย์และยดึทาส ในยคุหลงัๆ โรมต้ องอาศยักองทพั รับจ้ างจากประชาชนตา่งชาตใิ นพน�ืที�หา่งไกลเป็ นสว่นใหญ่

ในทส�ีดุความขดัแย้ งท�ีมาจากความไมพ่อใจ

ทางชนชนั � และการทโ�ีรมไมส่ามารถทําสงครามขยายพน�ืที�ไปเร�ื อยๆ มผีลให้ อาณาจกัรโรมเส�ือมและถกู ทําลาย โครงสร้ างสว่นบนของอาณาจกัรโรมเร�ิ มเป็ นภาระทร�ีะบบการผลติรองรับไมไ่ด้ และการปกครองท�ี เคยรวมศนูย์กแ็ปรตวัไปเป็ นระบบกระจดักระจายที�ปกครองโดยเจ้ าท�ีดนิเลก็ๆ ท�ีหลากหลาย

ศาสนาคริ สต์ เราไมส่ามารถมน�ัใจในรายละเอยีดของคนท�ีช�ือเยซไูด้ โดยแยกนิยายออกจากความจริ ง เพราะไมค่อ่ยมี หลกัฐานทางประวตัศิาสตร์ ท�ีเช�ือถือได้ และสง�ิที�เขียนไว้ ในคมั ภีร์ คริ สเตียนไมใ่ชป่ระวตัศิาสตร์ แตส่�ิงทเ�ีรา สงัเกตได้ จากการอา่นคมัภีร์ ภาคใหมค่ือ มีคาํสอนทข�ีดัแย้ งกนั คาํสอนของ “ลคู” เตม็ ไปด้ วยความเกลยีดชงั ทางชนชนั � ของคนจนท�ีมีตอ่คนรวย มกีารเสนอวา่คนรวยจะตกนรก และ เยซู สอนวา่คนจนขน�ึสวรรคง์่าย กวา่คนรวยด้ วยคาํพดูวา่ “อฐู ผา่นรู เข็มง่ายกวา่คนรวยขน�ึสวรรค”์ แตค่ าํสอนของ “แมตทิว” เสนอการ ประนีประนอมระหวา่งชนชนั �

20


นอกจากนใ�ี นคมัภีร์ มคีําสอนท�ีคล้ ายกบัเสนอให้ กบฏตอ่อาํนาจโรม และคาํสอนท�ีตรงข้ ามกนั คอืเสนอ วา่ควรจงรักภกัดี ถ้ าเราจะเข้ าใจความขดัแย้ งในคมัภีร์ เราต้ องดสูภาพสงัคมแถวๆ

เมืองเจรูซาเลม

ซง�ึอยภู่ายใต้ การ

ปกครองของโรม ในเมืองนแ�ีละพน�ืที�รอบข้ างประชาชนคนธรรมดาซง�ึสว่นใหญ่เป็ นยิว จะเกียดชงัทงั � คนยวิ ชนั � สงูและชนชนั � ปกครองโรมนั เพราะผ้ มู ีอาํนาจในเจรูซาเลมสะสมความร�ํ ารวยจากการขดูรี ดคนจนในตวั เมอืงและในแคว้ นรอบข้ าง ผลคอืการลกุฮือกบฏอยา่งตอ่เนอ�ืง และการกบฏดงักลา่วมกันําโดย “ผ้ ูมบีญ ุ ” ท�ี อ้ างตวัเป็ นศาสดา ที�นา่สนใจคอืคาํวา่ “ศาสดา” ในภาษากรี กทช�ีนชนั � นําใช้ อยใู่นพน�ืทน�ี �ี คือคาํวา่ “คริ สตอส” เมืองเจรูซาเลมเป็ นศนูย์กลางความขดัแย้ งและการคิดค้ นศาสนาแนวใหมๆ่ ตลอดเวลา โดยท�ีมกีาร ดดัแปลงความคิดจากศาสนาเดิมของชาวยิว (ศาสนาจเูดย์) และเนื�องจากเมืองตา่งๆ ทว�ัอาณาจกัรโรม มี พอ่ค้ าและชา่งฝี มือคนยิวอาศยัอยู่

ความป�ั นป่ วนและความขดัแย้ งทางศาสนาระหวา่งนิกายตา่งๆ

ก็

เผยแพร่ ตามเส้ นทางค้ าขายไปสทู่กุมมุของทกุเมอืงในอาณาจกัร ศาสนายิวมขี้ อดสีาํหรับผ้ ทู น�ีบัถือเพราะสร้ างความอบอนุ่ในชมุชนชาวยิวตามเมอืงตา่งๆ ในขณะทเ�ีขา เป็ นคนกลมุ่น้ อย นอกจากนค�ีวามเช�ือในพระเจ้ าองค์เดยีว แทนท�ีจะเช�ือวา่มเีทพเจ้ าหลากหลายทเ�ีกี�ยวโยง กบัธรรมชาติ ศาสนานจ�ีงึเหมาะกบัชีวติในเมอืงมากกว่า เพราะดเูหมอืนวา่สามารถอธิบายประสบการณ์ ร่ วมของคนเมอืงทห�ีลากหลายได้ บอ่ยครัง�แตไ่มใ่ชท่กุครัง� การวิวฒ ั นาการจากระบบความเช�ือในหลายเทพ เจ้ ามาสพู่ระเจ้ าองค์เดยีวหรื อศาสนารวมศนูย์เชน่ศาสนาพทุธ เป็ นสง�ิทเ�ีข้ ากบัการเปลย�ีนแปลงจากสงัคม ชนบทสสู่งั คมเมอืงที�รวมศนูย์ แม้ แตใ่นสงัคมท�ีเช�ือในหลายเทพเจ้ า อยา่งเชน่โรม เร�ิ มมกีารให้ ความสาํคญ ั กบัเทพเจ้ าองค์หนง�ึเหนือองคอ์น�ื ในกรณีโรมจะมกีารคารวะเทพเจ้ าดวงอาทิตย์เป็ นต้ น ศาสนาคริ สต์วิวฒ ั นาการออกมาจากศาสนายิว คมัภีร์ ภาคเกา่ของคริ สต์เป็ นคมัภีร์ ศาสนายิว แตศ่าสนา คริ สต์ได้ เปรี ยบศาสนายิวเพราะไมไ่ด้ บงัคบัให้ คนกินอาหารพิเศษและหลีกเลย�ีงอาหารอน�ื ระเบียบเก�ียวกบัวนัหยดุอย่างเคร่ งครัด

ไมไ่ด้ บงัคบัให้ ผ้ ชู ายต้ องขลบิอวยัวะเพศ

ไมไ่ด้ บงัคบั

และไมไ่ด้ อ้ างเหมอืน

ศาสนายวิวา่ผ้ ทู น�ีบัถือจะเป็ นใหญ่ในแผน่ดนิในไมช่้ า ซง�ึใครๆกเ็ห็นวา่ไมจ่ริ ง แทนที�ศาสนาคริ สต์จะเสนอ อยา่งนนั � มีการเสนอวา่ผ้ ทู �ีเดือดร้ อนในชีวตินจ�ีะขน�ึสวรรค์ในชีวติหน้ า

21


กลมุ่เป้ าหมายสาํคญ ั ของผ้ ทู �ีเผยแพร่ ศาสนาคริ สต์ในยคุแรกๆ คอืคนระดบักลางๆ ในเมอืง คนท�ีอยใู่ต้ ระดบัเศรษฐี หรื ออภิสทิธ�ิชน แตอ่ยเู่หนือระดบัทาส นกั เผยแพร่ ศาสนาคนสําคญ ั คือ “พอล์” นอกจากการ ดดัแปลงศาสนายวิมาใช้ แล้ ว ยงัมีการหยิบยืมความเช�ือเกา่ๆ เร�ื องเทพธิดาผ้ เู ป็ นแม่ “ออซริ​ิ ส” จากศาสนา เกา่ของอียิปต์ มาดดัแปลงเป็ น “แมร�ี แมข่องเยซผู้ เู ป็ นพระเจ้ า” ความสาํเร็จของนกัเผยแพร่ ศาสนาคริ สต์มา จากการทเ�ีขาสามารถเข้ าใจความเดอืดร้ อนของชาวเมืองในอาณาจกัรโรมนัได้ และสามารถพดูปลกุระดม ให้ ประชาชนร้ ู สกึดขีน�ึ คนอย่าง พอล์ สามารถพดูเอาใจคนเมืองระดบักลางๆ ทห�ีลากหลายได้ พร้ อมกบัพดู เอาใจผ้ อู ปุถมัภ์ศาสนาท�ีมาจากกลมุ่คนรวยได้ อกีด้ วย ความขดัแย้ งทเ�ีราเหน็ในคาํสอนของคมัภีร์ ภาคใหม่ มาจากความพยายามทจ�ีะเอาใจทกุฝ่ ายในความขดัแย้ งทางชนชนั � และความขดัแย้ งนไ�ี มใ่ชแ่คเ่ร�ื องชนชนั � เทา่นนั � พอล์ เสนอวา่ “หญิงและชายมฐีานะเทา่เทียมกนัในสายตาพระเจ้ า” แตค่าํสอนอกีภาคเสนอวา่ “ผ้ หู ญิงทกุคนต้ องถกูปกครองโดยผ้ ชู าย” ในท�ีสดุศาสนาคริ สตเ์ผยแพร่ไปสทู่กุ สว่นของอาณาจกัรโรมนัจนกลายเป็ น “เงา” ของอาณาจกัร ตอน แรกผ้ ปู กครองโรมนัพยายามปราบชาวคริ สต์

แตใ่นไมช่้ ามกีารใช้ ศาสนาเพ�ือให้ ความชอบธรรมกบัการ

ปกครองของจกัรพรรด�ิ การขยายตวัของศาสนาคริ สต์นําไปสรู่ะบบราชการภายในสถาบนัศาสนาที�ปกครองโดยพวกพระ และมี การปราบปรามและกําจดัพวกคริ สต์นอกรี ดท�ีคิดตา่ง และในไมช่้ ากลมุ่พระท�ีแยกตวัออกจากประชาชนเพ�ือ ศกึษาคมัภีร์ ตามอารามคริ สต์ โดยมชี​ีวิตทาํงานแบบสว่นรวม กเ็ร�ิ มบงัคบัขดูรี ดให้ เกษตรกรทํางานให้ แทน จนสถาบนัศาสนากลายเป็ นอาํนาจฟิ วเดลิภายใต้ สนัตะปาปาคขู่นานกบัอาํนาจการเมอืงของผ้ ปู กครอง ความมน�ัคงของสถาบนัศาสนาคริ สตท์งั � ทางเศรษฐกิจและในเร�ื องความเชื�อ ทาํให้ สถาบนันอ�ีย่ตู อ่ได้ เมอ�ื อาณาจกัรโรมพงัทะลาย

22


กบฏของเกษตรกรในยุคฟิ วเดลิ

กาํเนดิศาสนาอสิลาม

ซมิบาบวี 23


3. ยคุกลาง (ค.ศ. 400-1500) คริ สต์ศตวรรษทห�ี้ า (ค.ศ. 400 เป็ นต้ นไป) เป็ นยคุแห่งการแตกกระจายและความวนุ่วายในสามอาณาจกัร ใหญ่ทม�ีาก่อนหน้ านนั � คอื โรม จีน และอนิเดยี นกัประวตัศิาสตร์ บางคนเสนอวา่การท�ีสามอาณาจกัรเสอ�ืม ในยคุใกล้ เคยีงกนั

หมายความวา่มปีั ญหาทางดนิฟ้ าอากาศในโลกสมยันนั �

แตค่าํอธิบายท�ีเน้ นปั ญหา

เศรษฐกิจมนี า�ํหนกัมากกว่า และนอกจากนนั � ผลของการเสอ�ืมสลายของอาณาจกัรตา่งๆ ไมเ่หมือนกนัอีก ด้ วย ปั ญหาหลกัของสามอาณาจกัรนเ�ี ป็ นปั ญหาเดยีวกนักบัปั ญหาทน�ีําไปสยู่คุมดืยคุแรกทเ�ีราพดูถงึในบทท�ี หนง�ึคอื ระดบัความเจริ ญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบเกษตร ไมส่ามารถรองรับวถิีชีวิตท�ีฟ่ ุมเฟื อยหรู หรา มากขน�ึทกุวนัของชนชนั � ปกครอง และระดบัการขดูรี ดท�ีจําเป็ นสาํหรับวถิีชีวติดงักลา่วทําให้ ทกุคนจนลง

ความเส� ือมของโรม ความเสอ�ืมของอาณาจกัรโรมร้ ายแรงกวา่ท�ีจีนหรื ออนิเดีย เพราะโรมอาศยัการใช้ แรงงานทาสเป็ นหลกั ซง�ึ หมายความวา่เจ้ าของท�ีดนิไมส่นใจทจ�ีะพฒ ั นาเทคโนโลจีทางการเกษตรเลย ดงันนั � เผา่ตา่งๆ ทบ�ีกุเข้ ามาใน อาณาจกัรโรมจากยโุรปเหนือ ไมส่ามารถหยิบยกระบบเดมิของโรมมาใช้ ได้ ในท�ีสดุพน�ืท�ีนถ�ีกูยดึครองโดย เผา่นกัรบทไ�ีมส่นใจอารยะธรรม ตาํรา หรื อวิทยาศาสตร์ นค�ีือยคุมดืในยคุกลางของยโุรปซง�ึใช้ เวลา 600 ปี ในชว่งนเ�ี มอืงสาํคญ ั ๆ ถกูทง�ิ การค้ าขายลดลงจนเกือบจะไมม่กีารใช้ เงิน และความร้ ู และการใช้ หนงัสือ กระจกุอยู่ท�ีสถาบนัศาสนาไมก่ี�แหง่ในเกาะ ไอร์ แลนด์ ซง�ึใช้ ภาษาลาตนิโบราณท�ีคนธรรมดาไมเ่ข้ าใจ จริ งๆ แล้ วอาณาจกัรโรมแยกเป็ นสองสว่นในยคุ “ขาลง” สว่นทล�ีม่สลายไปก่อนคอืสว่นตะวนัตก ซง�ึ ครอบคลมุยโุรปและเมอืงโรม แตส่ว่นตะวนัออกท�ีมเีมอืงหลวงอยทู่�ี อสิแตมบลุ ยงัรอดตอ่ไปอกีหนง�ึพนัปี (สมยันนั � เรี ยกวา่เมอืง “คอนแสตนทิโนเบิล”) อาณาจกัรโรมสว่นตะวนัออกเรี ยกว่า “ไบแซนเทียม” แตอ่าณาจกัรนอ�ียรู่อดในลกัษณะฟอสซลิแชแ่ข็ง คอืไมม่อีะไรคบืหน้ าในแงข่องความร้ ูหรื อเทคโนโลจเีลย ไมม่กีารพฒ ั นาการเกษตร ยงัใช้ บงัเหียนม้ าแบบ เกา่ท�ีทําให้ ใช้ งานหนกัไมไ่ด้ เพราะมนัจะบีบคอม้ าจนหายใจไมอ่อกถ้ าใช้ งานหนกัเกินไป ไบแซนเทยีม 24


อาศยัความอดุมสมบรูณ์ของพน�ืท�ีโดยเฉพาะอยีิปต์เพ�ืออย่รู อด

แตช่าวบ้ านมสีภาพความเป็ นอย่ทู ย�ีากไร้

ย�ิงกวา่นนั � ชนชนั � ปกครอง ไบแซนเทยีน เชิดชคูวามอนรุักษ์ นิยมจนถงึระดบัคลง�ั มกีารเสนอวา่ความคิด ใหมๆ่ ทกุชนิด “ไร้ คา่” และในด้ านศลีปะวฒ ั นธรรมจะมีการลอกแบบงานท�ีมากอ่นเท่านนั � แม้ แตภ่าษาพดู ทางการของชนชนั � ปกครอง ก็เป็ นภาษากรี กโบราณท�ีคนสว่นใหญ่ไมเ่ข้ าใจ มีการปฏิเสธวทิยาศาสตร์ และ ถอยหลงัไปสคู่วามงมงายโดยอาศยัคมัภีร์ คริ สต์ภาคเก่าเป็ นคมู่ือ พวกนว�ีกกลบัไปเช�ือวา่โลกแบนด้ วย ในท�ีสดุเมอืง คอนแสตนทิโนเบิล ถกูโจมตแีละยดึครองโดยชาวเตริกออตตามนัในปี ค.ศ. 1453

การรื อ�ฟื � นอาณาจกัรจนี หลงัจากการเสื�อมสลายของอาณาจกัรจีนโบราณ ทา่มกลางสงครามและความอดอยาก ชาวบ้ านจํานวน มาก ประมาณหนง�ึล้ านคน อพยพลงมาทางใต้ ในลมุ่แมน่า�ํแยงซเีกียง แตเ่ราเรี ยกยคุนว�ีา่ “ยคุมดื” เหมือน ในยโุรปไมไ่ด้ เพราะมกีารรื อ�ฟื น�ระบบชลประทานและการเกษตร พร้ อมกนันนั � มกีารพฒ ั นาเส้ นทางค้ าขาย ท�ีเช�ือมจีนกบัตะวนัออกกลาง อนิเดีย และเอเชียตะวนัออกเฉียงใต้ นอกจากนพ�ีวกเผา่ตา่งๆ ทบ�ีกุเข้ ามา ทางเหนือของจีน นําเทคโนโลจีใหมม่าเสริ มสงัคมเดมิ เชน่บงัเหียนม้ าแบบใหม่ และอานม้ า ท�ีชว่ยให้ สามารถนําม้ ามาลากไถหรื อใช้ งานหนกัได้ ความร้ ู เก�ียวกบัสมนุไพร และวธิีใหมๆ่ ในการสร้ างถนนกบั สะพาน นอกจากนค�ีวามเสื�อมของอาณาจกัรเก่าเปิ ดโอกาสให้ ความคดิใหมๆ่ เข้ ามา โดยเฉพาะศาสนาพทุธและ ศลีปะจากอนิเดียและกรี ซ ซง�ึเป็ นท�ีนยิมในหมนู่กัค้ าขาย อาณาจกัรใหมข่องจีนเร�ิ มเจริ ญภายใต้ ราชวงศส์ยุ และเจริ ญตอ่ภายใต้ ราชวงศถ์งั มีการพฒ ั นาระบบ ชลประทาน และการปลกูข้ าว การใช้ สงครามเพื�อขยายอาณาจกัร และมกีารสร้ างระบบการค้ าขายไปในทกุ ทิศ ในเมอืงกวางต้ งุ มพี่อค้ าอหิร่าน มาเลย์ อนิเดีย เวียดนาม และเขมร มกีารเผยแพร่ภาษาจีนไปสเู่กาหลี และญ�ีป่ นุ และเทคนิคการทํากระดาษทร�ีิ เร�ิ มในจีน คอ่ยๆ เผยแพร่ ตามเส้ นทางการค้ าขายไปสตู่ะวนัตก ย�ิงกวา่นนั � มกีารนําระบบข้ าราชการมาใช้ เพ�ือบริ หารอาณาจกัร โดยทผ�ี้ ชู ายท�ีอยากเป็ นข้ าราชการต้ องใช้ เวลาเป็ นนกัศกึษาและสอบผา่นข้ อสอบราชการ ระบบข้ าราชการของรัฐแบบนพ�ียายามผกูขาดการค้ าขาย

25


เกลอื สรุา และชา และพยายามปฏิรู ปทด�ีนิเพ�ือให้ มเีกษตรกรรายยอ่ยมากขน�ึ เกษตรกรเหลา่นจ�ีะได้ จา่ย ภาษี ให้ รัฐ แทนทค�ีวามร�ํ ารวยจะกระจกุในมอืของพวกขนุนางเจ้ าของท�ีดินเกา่ ในยุคนจ�ี​ีนนาํหน้ าโลกในด้ านสง�ิประดษิฐ์ ใหม่

มีการพฒ ั นาระบบเพาะปลกูให้ สามารถปลกูข้ าวหลาย

ครัง�ตอ่ปี มกีารสร้ างเมอืงยกัษ์ ใหญ่ท�ีมปีระชากรเป็ นล้ าน มกีารสร้ างโรงงานอตุสาหกรรมเหลก็ เพ�ือสร้ าง อาวธุและเคร�ื องมอื มกีารผลติดนิปื น และสารเคมี โดยใช้ ถ่านหินจากเหมอืงเป็ นเชอ�ืเพลงิแทนถา่นจาก ต้ นไม้ คาดวา่ในค.ศ. 1078 จีนผลติเหลก็มากกว่า 114,000 ตนัในขณะทอ�ีงักฤษสมยัปฏิวตัอิตุสาหกรรมใน ปี ค.ศ. 1788 ผลติได้ แค่ 68,000 ตนั นอกจากนม�ีกีารคดิค้ นสมอเรื อ ผ้ าใบ เข็มทิศ และแผนท�ีเพ�ือการ เดนิเรื อ และมกีารใช้ ระบบพิมพ์หนงัสือเป็ นครัง�แรกในโลก ในขณะทร�ีะบบการศกึษาแพร่หลายไปสคู่น ธรรมดาจํานวนมาก ทา่มกลางการพฒ ั นาดงักลา่ว พ่อค้ ารายใหญ่พฒ ั นาตนเองเป็ นหน่อออ่นของนายทนุ คนเหลา่นม�ีกัจะ สนใจศาสนาพทุธและศาสนาอน�ืๆ แตค่วามคดิความเช�ือหลกัในหมขู่้ าราชการจะเป็ นลทัธิขงจ�ือ ท�ีเน้ น ระเบียบวนิยัและความอนรุักษ์ นิยม

และดถูกูการค้ าขายและชนชนั � ลา่งทงั � หมด

ทส�ีาํคญ ั คอืระบบ

ชลประทาน และการผลติแบบอตุสาหกรรมสว่นใหญ่ยงัอยใู่นมอืของรัฐ พ่อค้ าจงึจําเป็ นต้ องพง�ึพาอํานาจ ของรัฐข้ าราชการ ซง�ึตา่งจากสถานการณ์ของพอ่ค้ าหรื อหนอ่ออ่นนายทนุ ในยโุรปในคริ สต์ศตวรรษท�ี 17 ในท�ีสดุอาณาจกัรจีนภายใต้ ราชวงศ์ถงัเร�ิ มเสอ�ืม โครงสร้ างสว่นบนเร�ิ มเป็ นภาระทร�ีะบบการผลติรองรับ ไมไ่ด้ สภาพความเป็ นอยขู่องเกษตรกรรายย่อยตกตา�ํจนเกือบจะเอาตวัไมร่อดเน�ืองจากระดบัการขดูรี ดพุ่ง สงู ซง�ึมีผลระยะยาวตอ่รายได้ ของรัฐ และเกิดความแตกแยกและสงครามระหวา่ งกลมุ่ชนชนั � ปกครองตา่งๆ พร้ อมกบัการกบฏของเกษตรกร

แตเ่กษตรกรไมเ่คยได้ ประโยชน์จากการโคน่ล้ มชนชนั � ปกครองเก่าเลย

เพราะไมส่ามารถรวมตวักนัเพ�ือสร้ างสงัคมแบบใหมไ่ด้ มแีตก่ารตงั � ความหวงักบันกัฉวยโอกาสท�ีตงั � ตวัเป็ น ใหญ่วา่จะเป็ น “จกั รพรรดใ�ิหมท่�ีดกีวา่จกัรพรรดเ�ิกา่” พ่อค้ าหรื อหนอ่ออ่นนายทนุจีนไมม่โีอกาสทจี� ะฉวยโอกาสล้ มระบบเกา่ได้ ในยคุท้ ายของราชวงศ์ถงั เพราะกองทพั “มองโกล” บกุเข้ ามายดึครองจีนและผ้ นู ําตงั � ตวัเป็ นราชวงศ์หยวน หลงัจากนนั � ไมม่ีการ พฒ ั นาเทคโนโลจีเหมอืนเมอ�ืกอ่น แตก่ารท�ีพวกมองโกลยดึครองพน�ืที�จากยโุรปกลางถงึจีน ทําให้ เทคโนโลจี จีนแพร่หลายไปสสู่งัคมท�ีด้ อยพฒ ั นาทางตะวนัตกในยโุรปได้

26


ราชวงศ์หยวนไมส่ามารถแก้ ปั ญหาพน�ืฐานทางเศรษฐกิจได้ และการกบฏของเกษตรกรก็มเีร�ื อยๆ บอ่ยครัง�ภายใต้ การนาํของ “ผ้ มู บีญ ุ ” หรื อกลมุ่ศาสนาเชน่กลมุ่ “ดอกบวัขาว” “เมฆขาว” หรื อ พวก “ผ้ าพนั หวัสแีดง” เป็ นต้ น ในปี ค.ศ. 1368 ผ้ นู าํกลมุ่ผ้ าพนัหวัสแีดงสามารถยดึเมอืงเป่ ยจิงและตง�ั ตวัเป็ นจกัรพรรด�ิ แหง่ราชวงศห์มิง ในชว่งนจ�ี​ีนฟื น�ตวัไมไ่ด้ ซง�ึทําให้ จีนในคริ สต์ศตวรรษท�ี 16 ล้ าหลงักว่าจีนในคริ สต์ศตวรรษ ท�ี 12 ในขณะเดยีวกนัอารยธรรมใหมๆ่ ที�อาศยัเทคโนโลจีจากจีนกเ็ร�ิ มเจริ ญเตบิโตทางตะวนัตก

การปฏวิัตอิสิลาม ความเสอ�ืมของอาณาจกัรโรมสว่นตะวนัออกท�ีมศีนูย์กลางที�เมอืง คอนแสตนทิโนเบิล นาํไปสคู่วามป�ั นป่ วน และการเปลย�ีนแปลงในตะวนัออกกลาง โดยเฉพาะท�ีเมือง เมกกะ เมกกะเป็ นเมืองค้ าขายในพน�ืท�ีทะเลทรายของแหลมอาราเบีย เป็ นจดุรวมศนูย์ของเผ่าตา่งๆ ท�ีใช้ อฐู ต้ อนสตัว์เลย�ีงไปตามจดุตา่งๆ ท�ีอดุมสมบรูณ์ เม�ือประมาณคริ สตศ์ตวรรษท�ี 7 เร�ิ มมกีารลงรากและอยกู่นั ในเมอืงนอ�ีย่างถาวร แตค่วามเช�ือเกา่ๆ ของพวกเผา่ต้ อนสตัว์เหลา่นเ�ี ป็ นความเชื�อเฉพาะเผา่ทเ�ีน้ นหน้ าท�ีตอ่ เผา่อยา่งเดยีว และเป็ นความเช�ือทส�ีร้ างความแตกแยกระหวา่งกลมุ่ตา่งๆ ไมเ่หมาะสมกบัการอยู่กนัใน เมอืงอยา่งสงบ นอกจากนค�ีนเมอืงประกอบไปด้ วยเกษตรกรรายยอ่ยและนกัค้ าขายท�ีนบัถือศาสนาคริ สต์ และศาสนายิวอีกด้ วย ในสถานการณ์เชน่น �ี มฮุมัมดั ซง�ึมาจากตระกลูพ่อค้ า พยายามสร้ างชดุความเช�ือ ใหมท่ �ีจะสร้ างความสามคัคแีละกฏระเบียบในเมอืง เมกกะ และเมอืงรอบๆ ใกล้ เคยีง เชน่เมอืง มะดนีะ ศาสนาอสิลามท�ี มฮุมัมดั สร้ างขน�ึและถกูรวบรวมเป็ นคมัภีร์ อลักรุอาน เป็ นการผสมความเช�ือเกา่จาก ศาสนายวิและคริ สต์กบัสง�ิที�ประดษิฐ์ ใหม่ และชาวเมอืงจํานวนมากทเ�ีบ�ือหนา่ยกบัความป�ั นป่ วนไมส่งบก็ หนัมาชื�นชม ในเร�ื องสตรี มกีารลอกแบบวฒ ั นธรรมการคลมุหวัจากชาวคริ สตใ์นอาณาจกัร ไบแซนเทียม มี การเสนอว่าผ้ ชู ายต้ องเหนือผ้ หู ญิง แตใ่นมมุกลบัเสนอว่าชายต้ องเคารพสทิธ�ิของผ้ หู ญิงด้ วย มกีารสอนวา่ คนจนต้ องได้ รับการปกป้ องจากการขดูรี ดหนกัเกินไป และคนรวยต้ องเออ�ืเฟื อ�ตอ่คนจน สรุ ปแล้ วคาํสอน ของ มฮุมัมดั เป็ น “แถลงการณ์” ทางการเมืองและความเช�ือ เพ�ือสร้ างความสงบเรี ยบร้ อยในสงัคมเมอืง ใหม่ และในยคุแรกๆ อภิสทิธ�ิชนเกา่ของเมอืงเมกกะ กไ็ มพ่อใจและไลม่ฮุมัมดัออกจากเมือง ตอ่มากองทพัอาหรับสามารถตเีมอืงเกา่ๆ ในตะวนัออกกลางและเผยแพร่ศาสนาอิสลามไปทว�ั ชยัชนะ ของกองทพัอาหรับในตะวนัออกกลางมาจากสองสาเหตหุลกัคอื

ความเช�ียวชาญในการเคลอ�ืนย้ ายกอง 27


กําลงัผ่านทะเลทรายอยา่งรวดเร็ ว

ทไ�ีด้ มาจากวิถีชีวติการต้ อนสตัว์

และการท�ีประชาชนในเมอืงตา่งๆ

เกลยีดชงัชนชนั � ปกครองเดมิในอาณาจกัรเกา่ ดงันนั � ประชากรเมือง ทงั � คนยิว และคนคริ สเตยีน จงึต้ อนรับ และช�ืนชมกบักองทพัอสิลามของชาวอาหรับท�ีเข้ ามาพฒ ั นาสงัคมและปกป้ องเขา ศาสนาอสิลามไมต่า่งจากศาสนาอ�ืนๆ ในแงข่องการกบฏทเ�ีกดิภายหลงั จากการทค�ีนมองวา่อภิสทิธ�ิชน อาหรับเร�ิ มเสอ�ืมทางศลีธรรม หลงัจากท�ีอาณาจกัรอสิลามสถาปนามาประมาณ 100ปี กเ็กิดขบวนการ “ชีอะห์” ทต�ี้ องการกลบัไปสคู่วามบริ สทุธ�ิของยคุ มฮุมัมดั ในไมช่้ านกิาย ชีอะห์ กลายเป็ นความเช�ือของ ประชาชนเมอืงชนั � ลา่งท�ีกบฏตอ่เจ้ านายอสิลามท�ีเขามองวา่โกงกนิและป่ าเถ�ือน การกบฎดงักลา่วเพ�ือล้ ม ชนชนั � นําเกา่ไมส่าํเร็ จในชว่งนนั � แตป่ระมาณห้ าสบิปี ตอ่มาก็มคีวามขดัแย้ งและการกบฏอกี ซงึ� นําโดย อะ บาซทิ ซง�ึฉวยโอกาสใช้ มวลชนชนั � ลา่งในเมือง เพ�ือขน�ึมาเป็ นชนชนั � ปกครองใหม่ (คล้ ายๆ กบัการปฏิวตัขิอง นายทนุในยโุรปตะวนัตกที�อาศยัความไมพ่อใจของคนจน) การปฏิวตัขิอง อะบาซทิ และพรรคพวก สร้ างสงัคมอสิลามใหมท่เ�ีปิ ดกว้ างยอมรับทงั � ชาวอาหรับ ชาว เปอร์ เซยี และคนอ�ืนๆ อยา่งเทา่เทียมกนั นอกจากนแ�ีทนท�ีจะเน้ นการทําสงคราม ชนชนั � ปกครองใหมน่เ�ี น้ น การพฒ ั นาสงัคมและเศรษฐกิจ มรีะเบียบสงัคมใหมท่�ีประกอบไปด้ วย ข้ าราชการ พ่อค้ า นายธนาคาร ครู สอนศาสนา ผ้ พู ิพากษา และครู ในโรงเรี ยน และมกีารย้ ายเมอืงหลวงไปท�ี แบกแดด (ในอริักปั จจบุนั) มกีาร ซอ่ มแซมระบบชลประทานเก่าของเมโซโปเตเมยีทท�ี รุ ดโทรม มกีารนําฝ้ ายมาปลกูจากอนิเดีย มีการสร้ าง เส้ นทางค้ าขายท�ีเช�ือมยโุรปกบัเอเชีย จนในยคุปั จจบุนัเหรี ยญอาหรับถกูค้ นพบในโบราณสถานของสวีเดน และทอ�ีน�ืๆ มีการสร้ างระบบธนาคารขน�ึเป็ นครัง� แรก โดยธนาคารตา่งๆ จะมสีาขาในหลายเมอืง และ วรรณคดยีคุนนั � จะช�ืนชมพวกพอ่ค้ าและชา่งฝี มอืวา่เป็ นตวัอยา่งท�ีดขีองสงัคม เพ�ือสร้ างมาตรฐานทางกฎหมายและความเป็ นธรรม

มกีารเสนอกฎหมายชาเรี ย

ซง�ึถือวา่เป็ นความก้ าวหน้ าในบริ บทของยคุนนั �

(คริ สต์ศตวรรษท�ี 8) อยา่งไรกต็ามความขดัแย้ งทางชนชนั � กไ็มไ่ด้ หายไปไหน และคนชนั � ลา่งจํานวนมากช�ืน ชมนกิาย ชอี ะห์ ทโ�ีจมตีชนชนั � นาํ สงัคมในอาณาจกัรอสิลามเป็ นสงัคมท�ีมชี​ีวิตชีวา นกัวิชาการและนกัปรัชญาจํานวนมากอพยพเข้ ามาใน เมอืงและมกีารแปลตาํราเกา่ของกรี ก เปอร์ เซยี ซเิรี ย และอนิเดยี เป็ นภาษาอาหรับ เพ�ือรื อ�ฟื น�และพฒ ั นา วทิยาศาสตร์ ทกุสาขา มกีารวดัเส้ นผา่ศนูย์กลางของโลกและพฒ ั นาคณิตศาสตร์

28


แตอ่าณาจกัรอสิลามมจีดุออ่นท�ีทําให้ ไมส่ามารถพฒ ั นาเทา่กบัอาณาจกัรจีนในยคุราชวงศ์ถงัได้ คือมนั เป็ นอาณาจกัรท�ีเน้ นการค้ าขายและการเกษตร

แตไ่มม่กีารพฒ ั นาระบบการผลติและอตุสาหกรรมเลย

ดงันนั � จงึไมม่คีวามคบืหน้ าในเทคโนโลจีการผลติ มแีตก่ารรื อ�ฟื น�ความก้ าวหน้ าจากอดตี การปฏิวตัขิองพวก อะบาซทิ สามารถทําให้ พอ่ค้ าและชา่งฝี มอืมีความสาํคญ ั เทา่เจ้ าครองทด�ีินและชนชนั � ปกครองเดิม แตม่นั ไมไ่ด้ เป็ นการล้ มระบบชนชนั � เกา่ ในท�ีสดุผลคอืการขยายตวัของรัฐท�ีเข้ ามาจํากดัพวกพอ่ค้ าไมใ่ห้ เจริ ญเป็ น นายทนุได้ รัฐและชนชนั � ปกครองในอาณาจกัรอสิลามกลายเป็ นสง�ิท�ีสบูเลอืดเกษตรกรรายย่อย เพ�ือสร้ างวิถีชีวติอนั แสนหรู ของพวกข้ างบน และเหลา่พ่อค้ ากพ็ยายามสร้ างความร�ํ ารวยด้ วยการตอ่สายสเู่จ้ าหน้ าท�ีรัฐจนพง�ึพา ซง�ึกนัและกนั ในชนบทมกีารเกบ็ภาษี เพ�ิมขน�ึและนําแรงงานทาสมาใช้ ซง�ึย�ิงทาํให้ เกษตรกรรายยอ่ยลม่จม และศาสนาอสิลาม ซง�ึเดิมกําเนดิจากเมือง แพร่ หลายไปสสู่งัคมหมบู่้ านชนบทและผสมกบัความเชื�องมงาย ของสงัคมนนั � การเรี ยนร้ ู และความสร้ างสรรค์เร�ิ มทดถอยและมกีารตคีวามคมัภีร์ อลักรุอานอยา่งแข็งท�ือเพื�อ ปราบปรามพวกนอกรี ด โครงสร้ างสว่นบนของอาณาจกัรอสิลามเร�ิ มเป็ นภาระท�ีระบบการผลติรองรับไมไ่ด้ เหมือนกรณี โรมและจีน ในคริ สต์ศตวรรษท�ี 12 อาณาจกัรอสิลามแตกเป็ นหลายซกีท�ีอสิระจากกนั มอีาณาจกัรท�ีสเปนและตนูี เซยี อาณาจกัรท�ีอยีิปต์ และอาณาจกัรอน�ืๆ ในตะวนัออกกลาง และเร�ิ มมกีารโจมตจีากกองทพัยโุรปและ มองโกล์ กองทพัยโุรปท�ีเข้ ามาเป็ นพวกโจรปล้ นทรัพย์ภายใต้ การนําของคนคลง�ัศาสนาคริ สต์ที�กอ่สงคราม ครูเซท

อารยะธรรมอัฟริกา นกัประวตัศิาสตร์ ตะวนัตกจํานวนมากในอดีต

ใช้ อคตทิ�ีมาจากลทัธิลา่อาณานิคมและการเหยียดสผีิว

เพ�ือทจ�ีะบิดเบือนประวตัศิาสตร์ อฟัริ กาและเสนอวา่อฟัริ กา “ไมม่อีารยะธรรมอะไร” กอ่นท�ีคนผิวขาวจะมา บกุเบิกรุกราน เราทราบดีวา่ในอยีิปต์ ซง�ึเป็ นสว่นหนง�ึของอฟัริ กาเหนือ มอีารยะธรรมเกา่แกท่�ีรุ่ งเรื อง อาณาจกัรอยีิปต์ เคยถกูรุกรานจากอารยะธรรม “นิวเบีย” จากลมุ่แมน่า�ํไนล์ นอกจากนท�ี�ีอทีิโอเบียมอีารยะธรรม “แอคซมั”

29


เกา่แกท่�ีพวกโรมนัพดูถงึ ซง�ึประดษิฐ์ อกัษรของตนเอง อารยะธรรมนร�ี ับศาสนาคริ สต์มาตง�ั แตย่คุแรกๆ ของ ศาสนานอ�ี กีด้ วย ทางฝ�ั งตะวนัออกของอฟัริ กามีเมอืงท�ีเจริ ญ เชน่เมอืง คลิวา ในแทนซาเนยีปั จจบุนั เมอืงชายฝ�ั งเหลา่น �ี จะค้ าขายกบัเมอืงตา่งๆ ในตะวนัออกกลาง อนิเดยี และจีน กอ่นท�ีชาวตะวนัตกจะร้ ูจกัพน�ืทน�ี �ี ในใจกลางทวปีอฟัริ กาตามแมน่า�ํไนจา มเีมืองสําคญ ั เชน่ ทมิบกัทู (เรี ยกวา่ “แทมโบ” ในยคุอดตี) ซง�ึ เป็ นเมอืงค้ าขายทส�ีําคญ ั พอ่ค้ าจากตา่งแดนบณ ั ทกึวา่เมอืงนม�ีปีระชากรเป็ นพนั มีผ้ พู ิพากษาและแพทย์ และสนิค้ าท�ีมคีา่ท�ีสดุคือหนงัสอื นอกจากนท�ีางใต้ จะมเีมอืง ซิมบาบวี ท�ีมเีหมอืงทองคาํและค้ าขายทองกบั โลกภายนอก ซง�ึกําแพงเมอืงเกา่ ซิมบาบวี ยงัเหลอืให้ เหน็จนทกุวนัน �ี คนในอฟัริ กา โดยเฉพาะทางใต้ ของทะเลทราย ซาฮารา เสยีเปรี ยบคนในยโุรปและเอเชีย เพราะการ ตดิตอ่เดนิทางไปมาระหวา่งสว่นนแ�ีละสว่นอ�ืนของโลกจะยากลาํบาก ถ้ าไมไ่ด้ อยใู่กล้ ชายฝ�ั งทะเล และ แม้ แตฝ่�ั งทะเลตะวนัตกของอฟัริ กา กต็ิดตอ่ลาํบาก ถ้ าต้ องอาศยัเรื อใบพน�ืฐาน เพราะทศิทางลมไมอ่าํนวย ดงันนั � ในการพฒ ั นาเทคโนโลจี เชน่การถลงุและใช้ เหลก็ ชาวอฟั ริ กามกัจะต้ องคิดค้ นเอง เรี ยนร้ ูจากท�ีอน�ื ไมไ่ด้ และในการเกษตร ดินฟ้ าอากาศของอฟัริ กาโซนร้ อน ไมเ่หมาะสมกบัการปลกูข้ าวชนิดตา่งๆ ท�ีมกัจะ ปลกูกนัในยโุรปหรื อเอเชีย ดงันนั � ต้ องมกีารพฒ ั นาพืชพนัธ์เฉพาะถน�ิ

ระบบฟิ วเดิลในยโุรป ถ้ าพอ่ค้ าคนไหนจากเมอืง ไคโร หรื อ คอร์ โดบา ซง�ึเป็ นเมอืงเจริ ญภายใต้ อารยะธรรมอสิลาม เดนิทางไป ค้ าขายในยโุรปตะวนัตกเมอ�ื 1000 ปี มาแล้ ว เขาคงจะตกใจในความป่ าเถ�ือนล้ าหลงั เพราะแถบนจ�ีะอยู่ ภายใต้ ระบบฟิ วเดลิ ในระบบนพ�ีน�ืทเ�ีลก็ๆ น้ อยๆ จะถกูปกครองโดยขนุนางขนุศกึท�ีบงัคบัแรงงานเกษตรกร ไมม่รีัฐรวมศนู ย์ ไมม่กีารเขียนอา่นยกเว้ นแตใ่นโบสถ์ และคณ ุ ภาพชีวติจะยากลาํบาก แม้ แตพ่วกขนุนาง เอง ซง�ึมสีภาพความเป็ นอยู่ดกีวา่เกษตรกร มกัจะเขียนอา่นไมไ่ด้ ใสเ่สอ�ืผ้ าหยาบๆ และพกัอาศยัในป้ อม ปราสาททก�ีอ่สร้ างด้ วยไม้ แตล่ะพน�ืท�ีจะไมค่อ่ยตดิตอ่กบัท�ีอน�ื พง�ึตนเองในการผลติ และขนุนางขนุศกึจะบงัคบัให้ เกษตรกร ซง�ึ เป็ น “ไพร่ ตดิที�ดนิ” (serf) ทํางานฟรี เพ�ือสง่ผลผลิตเกินคร�ึ งหนง�ึให้ ครอบครัวขนุนาง โดยทเ�ีกษตรกรเหลา่นนั � 30


ไมม่สีทิธ�ิย้ ายออกจากพน�ืทเ�ีลย ระบบนม�ีปีระสทิธิภาพสงูกว่าระบบทาสท�ีเคยใช้ ในยคุโรมนั เพราะอยา่ง น้ อยไพร่ ติดท�ีดนิสามารถเกบ็ผลผลติสว่นหนง�ึให้ ตนเอง ซง�ึเป็ นแรงจงูใจให้ ขยนั นอกจากนไ�ี มต่้ องมีการไป หาทาสใหมๆ่ ตลอดเวลา เพราะไพร่ มคีรอบครัวของตนเองได้ ถ้ ามกีารค้ าขายกแ็คผ่ลติภณ ั ฑ์จํากดั เชน่เกลอืหรื อเหลก็สาํหรับคนัไถหรื ออาวธุ ถนนหนทางกไ็มเ่จริ ญ และในฤดทู�ีมฝีนกจ็ะกลายเป็ นโคลน สงัคมนเ�ี ป็ นสงัคมหมบู่้ านชนบท ในพน�ืทท�ี�ีเป็ นองักฤษ หรื อเยอรมนั ปั จจบุนั เกือบจะไมม่เีมอืงเลย ไมว่​่าสงัคมฟิ วเดลิจะล้ าหลงัป่ าเถอ�ืนแคไ่หน แตม่นัไมไ่ด้ แชแ่ขง็ไร้ การเปลย�ีนแปลงไปทง�ั หมด ในแงห่นง�ึ ความล้ าหลงัเป็ นแรงกดดนัให้ คนหาทางพฒ ั นาการผลิตด้ วยการเรี ยนร้ ูจากอารยะธรรมตะวนัออก แตค่วาม เจริ ญขยบัไปข้ างหน้ าด้ วยความเช�ืองช้ าเหมอืนเตา่แก่ มนีกัประวตัศิาสตร์ บางคนคาํนวนวา่เศรษฐกิจยคุนนั � ในปี ทผ�ีลผลติสงูสดุอาจขยายตวัปี ละ 0.5% มีการนําเทคโนโลจีคนัไถหนกัตดิล้ อมาใช้ เพ�ือไถพน�ืทท�ี�ีมดีนิ เหนียว มกีารใช้ บงัเหียนม้ าแบบใหมท่�ีเรี ยนร้ ู จากตะวนัออก เพ�ือใช้ ม้ ากบังานหนกั มกีารใช้ ป๋ ุยธรรมชาตจิ าก ววัและสตัว์เลย�ีง และในท�ีสดุเมอ�ืเวลาผา่นไป 300 ปี มกีารเพ�ิมผลผลติหลายเทา่ตวั การพฒ ั นาการผลิตในยคุนม�ีาจากความกระตอืรื อร้ นของเกษตรกรท�ีเป็ นไพร่ ติดดนิ แตจ่ะต้ องอยภู่ายใต้ เง�ือนไขการยินยอมของขนุนาง อย่างไรกต็ามขนุนางทฉ�ีลาดจะเข้ าใจวา่ถ้ าเกษตรกรพฒ ั นาการผลติเขาจะ ขดูรี ดได้ มากขน�ึ ระบบฟิ วเดลิไมไ่ด้ จํากดัท�ีการปกครองขดูรี ดของขนุนางขนุศกึเทา่นนั � สถาบนัศาสนากป็กครองบางพน�ืท�ี ด้ วยความโหดร้ ายพอๆ กนั แตพ่วกพระคริ สต์อา่นเขียนได้ ซง�ึชว่ยให้ เขาศกึษาเทคโนโลจีจากท�ีอน�ืที�ถกูลืม ไปในยโุรป พวกพระเหลา่นต�ี้ องไปอา่นตาํราอาหรับจากตะวนัออกกลาง ซง�ึ เป็ นแหลง่ข้ อมลูวทิยาศาสตร์ ท�ี เคยบนัทกึความก้ าวหน้ าจากสมยักรี กและโรมนั

อารยะธรรมใหมใ่นคริ สต์ศตวรรษท�ี 13 (ค.ศ.1200 เป็ นต้ นไป) ความเจริ ญในระบบเกษตรท�ีคอ่ยๆ เกิดขน�ึ ทําให้ เร�ิ มมกีารค้ าขายมากขน�ึ และศนูย์กลางการค้ าขาย ดงักลา่วมกัจะเป็ นเมอืง เมืองเหลา่นป�ีระกอบไปด้ วยเสรี ชน เชน่พอ่ค้ าหรื อชา่งฝี มอื และเมอ�ืคนเหลา่น �ี

31


ต้ องการกําลงังานเพ�ิม จะมีการดงึเกษตรกรมาเป็ นลกูจ้ าง นอกจากนม�ีกีารสร้ างกองกําลงัประชาชนเพื�อ ปกป้ องเมือง และในภาษาเยอรมนัมสี ภุาษิ ตวา่ “อากาศเมอืงทําให้ คณ ุ อสิระเสรี ” เมืองกลายเป็ น “เกาะ” เสรี ชนกลางทะเลฟิ วเดลิ แตข่นุนางบางสว่นสนบัสนนุการเปลย�ีนแปลงแบบน �ี ท�ี ให้ สทิธิปกครองตนเองในเมอืง โดยเฉพาะขนุนางท�ีตงั � ตวัเป็ นกษัตริ ย์ครองพน�ืท�ีใหญ่ เพราะเขาสามารถ อาศยัความร�ํ ารวยของเมอืงในเขตของเขาเพ�ือการแข่งขนักบัขนุนางอน�ืๆ ความเจริ ญของเมอืงนาํไปสกู่ารพฒ ั นาทางปั ญญา คนเมืองบางสว่นเร�ิ มเขียนอา่นได้ มากขน�ึ มกีารสร้ าง มหาวิทยาลยัจากรากฐานสถาบนัศาสนา เชน่ท�ีออคซ์ฟอร์ ด ปารี ส และพราก มกีารรื อ�ฟื น�การศกึษาเพ�ือ ค้ นหาเหตผุลของปรากฏการณ์ตา่งๆ โดยอาศยัตําราเกา่ๆ จากตะวนัออกกลาง การพฒ ั นาเทคโนโลจีก็ ตามมา ตวัอย่างท�ีสาํคญ ั คอืกงัหนันา�ํทใ�ีช้ ในโรงเหลก็และการทอผ้ า นอกจากนม�ี รีะบบป�ั นด้ ายใหม่ หางเสอื เรื อถกูนํามาใช้ แทนพาย และอาวธุสงครามใหมๆ่ กเ็กิดขน�ึอกีด้ วย

วกิฤตคริ สตศ์ตวรรษที� 14 (ค.ศ.1300 เป็ นต้ นไป) ในคริ สต์ศตวรรษท�ี 14 สงัคมฟิ วเดลิยโุรปเข้ าสวู่ิกฤตหนกั ต้ นเหตขุองวิกฤตนค�ีล้ ายๆ ทอ�ีน�ืในประวตัศิาสตร์ โลก คือความเจริ ญในระบบการผลติทําให้ ชนชนั � ปกครองมชี​ีวิตที�ดขีน�ึและโลภมากขน�ึ จนระบบเศรษฐกิจ ไมส่ามารถรองรับวถิีชีวิตของเขาได้ มกีารทําสงครามแย่งชิงทรัพยากร และมกีารพยายามขดูรี ดผลผลติ จากเกษตรกรมากขน�ึ สถาบนัศาสนาและพวกสนัตะปาปา พยายามใช้ “ศาสนา” เพ�ือขยายอทิธิพลของตนเองไปทว�ั โดยไกล่ เกลย�ีระหวา่งขนุศกึตา่งๆ ท�ีกําลงัทําสงครามกนั นอกจากนม�ี กีารยใุห้ ขนุนางยกทพัไปปล้ นเมอืงตา่งๆ ใน ตะวนัออกกลางในสงครามป่ าเถ�ือนทเ�ีรี ยกวา่ “ครูเซท” สถาบนัศาสนาใช้ ความเช�ือในไสยศาสตร์ แบบงม งายเพ�ือพยายามควบคมุประชาชนให้ จงรักภกัดตีอ่ขนุนางและพระในระบบฟิ วเดลิ และมกีารลงโทษพวก “นอกรี ด” อยา่งป่ าเถอ�ืน เชน่ด้ วยการเผาทงั � เป็ น สรุปแล้ ว

ในขณะทร�ีะบบการผลติและองค์ความร้ ู กําลงัพฒ ั นาไปข้ างหน้ า

สว่นบนของพวกขนุนางขนุศกึและพวกพระ

โครงสร้ างการปกครอง

กําลงัแชแ่ขง็และเป็ นอปุสรรค์ตอ่ความเจริ ญ

และสภาพ

32


ภมูอิากาศเร�ิ มแยล่งชว�ัคราวโดยมฝีนตกหนกัขน�ึ ชาวบ้ านอดอยาก และร้ ายกวา่นนั � กาฬโรคกร็ะบาดไปทว�ั และคาดวา่คร�ึงหนง�ึของประชากรยโุรปตายจากสาเหตดุงักลา่ว

การฟื น�ตวัและความขดัแย้ งทางชนชนั � ยโุรปยคุนนั � สามารถฟื น�ตวัได้ เร็วกว่าจีนหรื อท�ีอน�ืหลงัการลม่สลายของเศรษฐกิจ ประชากรท�ียงัมชี​ีวติ เร�ิ ม ใช้ ระบบการเกษตรใหมๆ่ กบัท�ีดนิสว่นทอ�ีดุมสมบรูณ์ท�ีสดุ และมกีารเพ�ิมผลผลติอยา่งรวดเร็ ว ย�ิงกวา่นนั � ใน ทกุพน�ืท�ีมปีั ญหาการขาดแคลนแรงงาน

จากการล้ มตายด้ วยกาฬโรค ซง�ึทําให้ เกษตรกรมอีาํนาจตอ่รอง

มากขน�ึทา่มกลางการสะสมความโกรธแค้ นจากอดีต ในปี ค.ศ. 1325 เกษตรกรใน ฟลานเดอร์ ส (ในเบลเย�ียมปั จจบุนั) ชกัดาบไมย่อมสง่สว่ยให้ โบสถ์หรื อขนุ นาง ในปี 1358 เกษตรกรฝร�ังเศสลกุฮือเผาปราสาทขนุนาง และในปี 1381 กองทพัเกษตรกรภายใต้ การนาํ ของนายวดัไทเลอร์ ซง�ึโกรธแค้ นเร�ื องการขน�ึภาษี หวั สามารถยดึลอนดอนและประหารชวีิตขนุนางท�ีเป็ น รัฐมนตรี มหาดไทยได้ นอกจากนม�ี พีระช�ือ จอห์น บอล์ ซง�ึเป็ นทพ�ีง�ึทางความคดิด้ วย โดยมกีารเสนอว่า When Adam delved and Eve span, Who was then the gentleman?(เมือ�อดมัหากิ นและอีฟป�ั นดา้ย ใครคือผดู้ ี?) ซง�ึหมายความว่าเม�ือพระเจ้ าสร้ างโลกแตแ่รกไมไ่ด้ มกีารสร้ างคนรวยมาขดูรี ดคนทํางาน ในการกบฏของชาวเกษตรเหลา่น �ี คนธรรมดาในเมืองตา่งๆ กใ็ห้ การสนบัสนนุ และในบางกรณีพวก พอ่ค้ าและผ้ ปู ระกอบการรายยอ่ยสามารถยดึเมืองอยา่งปารี ส หรื อฟลอเรนส์ ได้ ชว�ัคราว อย่างไรกต็ามการ กบฏทกุครัง�อาจไมไ่ด้ ก้ าวหน้ าเสมอ

หลายครัง�ความไมพ่อใจของคนจนในเมอืงระเบิดออกมาในรู ปแบบ

ศาสนาทง�ีมงาย และมกีารโทษ “คนตา่ง” โดยเฉพาะคนยิวซง�ึกลายเป็ นเหยื�อของความรุ นแรง ความป�ั นป่ วนทางความคิดนําไปสกู่ารตงั � คาํถามกบัศาสนาคริ สต์กระแสหลกั ในโบฮีเมยี (สาธารณะเชค ปั จจบุนั)พระแยน ฮสุ กลายเป็ นหวัหอกนิกายใหมท่�ีไมพ่อใจกบัความเหล�ือมลา�ํ อย่างไรก็ตามการกบฏตา่งๆ ล้ มเหลวในทกุท�ี สาเหตสุําคญ ั มาจากการทพ�ีวกพอ่ค้ าหรื อชา่งฝี มอืในเมือง ยงัไมพ่ร้ อมจะล้ มระบบฟิ วเดลิ พอ่ค้ าระดบัสงูพยายามพฒ ั นาตนเองเป็ นขนุนาง และระดบัลา่งยงัออ่นแอมี จํานวนน้ อยเกินไป สว่นมวลชนเกษตรกรที�ยกกองทพัมาเป็ นพนั อา่นเขียนไมไ่ด้ ไมส่ามารถคิดไกลเกินเลย

33


วถิีชีวติเกษตรกรได้ เขาอาจเรี ยกร้ องความเป็ นธรรม แตเ่ขาไมค่ิดออกแบบสงัคมใหมท่�ีเจริ ญกวา่นโ�ี ดย อาศยัพลงัมวลชนในเมอืง

กําเนิดของระบบ “ฟิ วเดลิกลไกตลาด” การขยายตวัของเมอืงและเครื อขา่ยตลาดการค้ าขายภายใต้ ระบบฟิ วเดลิดาํเนินไปอย่างตอ่เน�ือง ทงั � พวกขนุ นางและสงัคมโดยรวมพง�ึพาอาศยักิจกรรมตา่งๆ ในเมอืงมานานแล้ ว และความต้ องการในสนิค้ าราคาแพง ของขนุนาง ทําให้ เขาต้ องการเงนิ จงึมกีารสง่เสริ มให้ เกษตรกรเพาะปลกูเพื�อตลาดในเมอืงมากขน�ึ ความสมัพนัธ์ทางการผลติเร�ิ มเปลย�ีนแปลงไป

กษัตริ ย์เร�ิ มหาทางสง่เสริ มและควบคมุการค้ าขายเพ�ือ

กําไรของตนเอง พ่อค้ ารายใหญ่กลายเป็ นเศรษฐี ท�ีมอีิทธิพลทางการเมอืง และผ้ ปู ระกอบการระดบักลางเร�ิ ม มอีทิธิพลในเมืองมากขน�ึ

การท�ีเกษตรกรขายผลผลิตให้ พ่อค้ าในเมือง

เกษตรกรผลติสินค้ าทเ�ีขาต้ องการ

แปลวา่ พ่อค้ าสามารถกดดนัให้

เกิดความสมัพนัธ์ในเชิงขดูรี ดแบบใหมร่ะหวา่งชนบทกบัเมอืงภายใต้

กลไกตลาด ซง�ึเข้ ามาแทนท�ีความสมัพนัธ์เกา่ระหวา่งเกษตรกรติดท�ีดนิกบัขนุนางท�ีเคยอยภู่ายใต้ เง�ือนไข การใช้ กองกาํลงัข่มขโู่ดยตรง นอกจากผลผลติทางการเกษตรแล้ ว พ่อค้ าในเมืองเร�ิ มสง่เสริ มระบบ “รับเหมาชว่ง” ให้ เกษตรกรผลติ สง�ิของในบ้ านเรื อนของตนเอง เชน่การป�ั นด้ ายขนแกะ และการทาํผ้ าขนเกาะ เป็ นต้ น ซง�ึทาํให้ พ่อค้ าเหลา่น �ี พฒ ั นาจากผ้ ทู �ีแค่ “ซอ�ืขาย” ไปเป็ นผ้ ทู �ีใสใ่จกบัการผลติด้ วย การเปลย�ีนแปลงทงั � หมดนน�ีําไปสหู่นอ่ออ่นของระบบทนุนิยม แตต่า่งจากกรณีจีนโบราณ เพราะเกิดใน ระบบการปกครองท�ีล้ าหลงัและออ่นแอ โดยทโ�ีครงสร้ างสว่นบนของชนชนั � ปกครองไมค่อ่ยมีอาํนาจควบคมุ กิจกรรมของคนในเมอืง สรุ ปแล้ วความเจริ ญก้ าวหน้ าของยโุรปตะวนัตกท�ีกําลงัจะเกิดขน�ึ มาจากความล้ า หลงัด้ อยพฒ ั นาของระบบ ไมไ่ด้ มาจากความสามารถพิเศษของคนผิวขาว หรื อปรัชญาคริ สตโ์ปรเตสแตนท์ แตอ่ยา่งใด

34


ศลีปะ แอสเทค

ศลีปะ องิคา

รีเนซอง

ประหารชวีติกษัตริย์ ชาร์ ลส์ ในอังกฤษ 35


4. การเปล� ียนแปลงครัง�ใหญ่ (ค.ศ. 1500-1700) การปล้ นและยดึครองอเมริกาโดยสเปน ชาวยโุรปท�ีเหน็เมอืงของอารยะธรรม แอสเทค (ในเมคซโิกปั จจบุนั) และ ของอารยะธรรม อิงคา (ในเปรู ปั จจบุนั) ราวๆ ค.ศ. 1520-1530 จะต้ องทง�ึในความเจริ ญร�ํ ารวยของสงัคมแนน่อน เมือง เชนอชทิทแลน ของ แอสเทค เจริ ญพอๆ กบัเมืองตา่งๆ ในยโุรป และเมอืง คสุโค ของพวกอิงคา ถงึแม้ วา่จะเลก็กวา่ แตเ่ป็ นสว่นหนง�ึของอาณาจกัรใหญ่ท�ีมถีนนสมยัใหมเ่ช�ือมโยงระยะทาง 3000 ไมล์ ยาวกวา่ถนนในยโุรปหรื อในจีนสมยัเมิงในยคุเดยีวกนั

อารยะธธรมเหลา่นข�ีองชาวพน�ืเมืองอเมริ กากลาง

และใต้ อาศยัการพฒ ั นาระบบชลประทาน เพ�ือเพ�ิมผลผลติเกษตร แตภ่ายในไมก่�ีเดือน สองอารยะธรรมอนัย�ิงใหญ่น �ี ถกูรุกรานและทําลาย โดยกองทพัขนาดเลก็ของโจร สามญ ั จากสเปน ผ้ นู ํากองทพัโจรนค�ี ือ เฮร์ แนน คอร์ เทส ซง�ึรุ กรานพวก แอสเทค และทางใต้ ฟรานซสิโก พิ สาโร ก็ยดึอาณาจกัร องิคา พิสาโร เป็ นคนไร้ การศกึษาเขียนอา่นไมไ่ด้ อีกด้ วย กองทพัโจรของสเปน เร�ิ มเดนิทางไปสทู่วปีอเมริ กาในปี ค.ศ. 1492 ภายใต้ การนําของ คริ สโตเฟอร์ คอลลมับสั ซง�ึเป็ นกบัตนัเดินเรื อจากเมอืงเจโนเวอร์ ในอิตาล�ี คอลลมับสัไปขอทนุจากสองกษัตริ ย์สเปน ซง�ึ ตอนนนั � เป็ นกษัตริ ย์ท�ีมีอาํนาจมากทส�ีดุในยโุรป

เพ�ือบกุเบิกเส้ นทางค้ าขายกบัจีน

โดยเดนิเรื อไปทาง

ตะวนัตก แทนทจ�ีะไปทางตะวนัออกผา่นอฟัริ กาและอนิเดยี เขาหวงัวา่เส้ นทางนจ�ีะเร็ วกวา่เส้ นทางเกา่และ สร้ างกําไรให้ ชาวสเปนได้ แตแ่ทนทจ�ีะเดนิเรื อไปถงึจีน คอลลมับสั ไปขน�ึบกท�ีเกาะในทะเลคาริ เบย�ีน เกาะ หลกัที�คอลลมับสัไปถงึคือเกาะเฮตปิั จจบุนั คอลลมับสัไมไ่ด้ “ค้ นพบทวปีอเมริ กา” เพราะมนษุย์เดินทางข้ ามจากทวปีเอเชยีและลงมาถงึอเมริ กา ตอนใต้ นานแล้ ว และสําหรับชาวยโุรป พวกไวกง�ิกเ็คยเดนิเรื อไปถงึอเมริ กาตอนเหนือในอดีต คนพน�ืเมืองท�ีคอลลมับสัค้ นพบทเ�ีกาะคาริ เบียน เป็ นคนใจดี และต้ อนรับคอลลมับสัอยา่งดี แตค่อลลมั บสัตอบแทนบญ ุ คณ ุ ด้ วยการจบัพวกนม�ีาเป็ นทาสหมด และเขาเรี ยกพวกนว�ีา่ “คนอนิเดยีน” ส�ิงท�ีคอลลมับสัและพวกกษัตริ ย์สเปนต้ องการมากทส�ีดุจากภมูภาคนค�ี อืทองคาํและโลหะมคีา่อน�ืๆ 36


ความโหดร้ ายป่ าเถ�ือนของคอลลมับสักบัพรรคพวก ในการนําคนพน�ืเมอืงมาเป็ นทาส บวกกบัการนําเชอ�ื โรคใหมๆ่ จากยโุรปเข้ ามา ท�ีคนพน�ืเมอืงไมม่ภีูมติ้ านทาน เชน่ไข้ ทรพิษ ทําให้ ประชากรในเกาะซง�ึเคยมีกวา่ ล้ านคน ล้ มตายเหลอืแค่ 200 คนภายในเวลาแคห่้ าสบิปี คอลลมับสัเองไมส่ามารถค้ นพบแหลง่ทองคาํหรื อ เงินในทวีปอเมริ กาได้ และจบชีวติอยา่งน่าอบัอายขายหน้ า อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงย�ีสบิปี พวกกองทพัโจรจากสเปน สามารถบกุเข้ าไปยดึและทาํลายอาณาจกัร แอสเทค และ องิคา ได้ และสามารถขโมยเงิน และทองคํา เพ�ือสง่กลบัไปสเปนในจํานวนมาก กองกําลงัโจรของ คอร์ เทส หรื อ พิสาโร ไมใ่ชก่องกําลงัใหญ่ แตใ่นทส�ีดุสามารถเอาชนะอาณาจกัร ย�ิงใหญ่ในอเมริ กาใต้ ได้ วิธีเอาชนะคือด้ วยการโกหก และการหลอกผ้ นู ําพน�ืเมอืง และการฉวยโอกาสอาศยั ความขดัแย้ งระหวา่งผ้ ูนาํเหลา่นนั � ด้ วย มกีารแพร่เชอ�ืโรคใหมๆ่ จากยโุรปโดยไมไ่ด้ เจตนา ซง�ึทาํให้ คน พน�ืเมอืงล้ มตายจํานวนมาก นอกจากนอ�ีาวธุของทหารสเปนเป็ นอาวธุเหลก็ มีเกราะเหลก็ และมปีื นพน�ืฐาน ท�ีไมค่อ่ยแมน่เทา่ไรแตท่ําให้ คนกลวั ในขณะท�ีแอสเทค กบั อิงคา มแีตป่ลายดาบและหอกทท�ีําจากหิน เน�ืองจากอารยะธรรมในทวปีอเมริ กาตอนนนั �

หา่งไกลมากจากแหลง่ท�ีคดิค้ นการถลงุเหลก็ในยโุรปและ

เอเชีย เขาจงึไมไ่ด้ พฒ ั นาจากการใช้ ทองแดงหรื อโลหะอน�ืท�ีออ่นแอกวา่เหลก็ แตม่นัมอีกีสาเหตหุนง�ึท�ีสําคญ ั มากในการอธิบายชยัชนะของสเปนได้ คอืสภาพสงัคม แอสเทค และ อิง คา กาํลงัถงึจดุวกิฤตพอดตีอนนนั � คอืวิถีชีวิตของชนชนั � ปกครอง ท�ีอาศยัการขดูรี ดคนข้ างลา่งอยา่งป่ าเถ�ือน เร�ิ มเปลอืงทรัพยากรจนระบบการผลติท�ีหยดุพฒ ั นา เร�ิ มรองรับไมไ่ด้ และเกิดความขดัแย้ งอยา่งรุ นแรง ภายในสงัคม ในอาณาจกัร องิคา มสีงครามกลางเมอืงเพ�ือยดึบลัลงัก์ สว่นในอาณาจกัร แอสเทค ผ้ นู ําบ้ า เลอืดและความอดอยากทาํให้ เกิดการกบฏ ในอดตี พวก แอสเทค อยภู่ายใต้ อารยะธรรม มายา เกา่ แตเ่จริ ญรุ่งเรื องจากการทําเกษตรบนเกาะท�ี มนษุย์สร้ างขน�ึเองในทะเลสาบ (แถวๆ เมืองเมคซโิกซิทป�ีั จจบุนั) ซง�ึเพ�ิมผลผลติมหาศาล ชนชนั � ขนุนาง แอส เทค พยายามขยายพน�ืท�ีอาณาจกัรของเขาผ่านการทําสงคราม และการทําสงครามนท�ีาํให้ เกิดความเช�ือท�ี บชูาความรุ นแรงขน�ึมารองรับ ความเช�ือนส�ีง่เสริ มการสงัเวยชีวิตมนษุย์ ในกรณีหนง�ึมกีารสงัเวยแปดหมน�ื ชีวติในเวลาแค่ 96 ชว�ัโมง ความป่ าเถ�ือนของการปกครอง บวกกบัภยัแล้ ง ทําให้ เกิดความขดัแย้ งอยา่ง รุ นแรงในสงัคม ซง�ึทําให้ หลายสว่นของสงัคมหนัไปสนบัสนนุทหารสเปน

37


ผลของการยดึอเมริ กากลางและทางใต้ โดยสเปน คือคนพน�ืเมอืงล้ มตายไปเกือบ 75% และท�ีมชี​ีวิตอยไู่ ด้ กถ็ กูใช้ เป็ นแรงงานทาส เพื�อขดุเงินและโลหะมีคา่สง่กลบัไปที�ยโุรป

จากยุค “รี เนซอง” ถงึยุคปฏริู ปศาสนาคริสต์ ในสมยัทค�ี อลลมับสัเร�ิ มการยดึครองทวีปอเมริ กาโดยสเปน มกีารเปลย�ีนแปลงย�ิงใหญ่ทว�ัยโุรป ซง�ึนาํไปสู่ การกาํเนิดของหนอ่อ่นรัฐชาตเิป็ นครัง�แรก ก่อนหน้ านอ�ีาณาจกัรของกษัตริ ย์องักฤษ ฝร�ังเศส และสเปน จะ ครอบคลมุพน�ืท�ีท�ีไมต่ดิตอ่กนัและกระจดักระจาย เชน่กษัตริ ย์สเปนยดึครองพน�ืท�ีฮอลแลนด์ กษัตริ ย์ฝร�ังเศส ครอบครองพน�ืที�ในอติาลแ�ีตค่วบคมุแคว้ นเบอร์ กนัดใีนฝร�ังเศสปั จจบุนัไมไ่ด้ เป็ นต้ น ปลายคริ สต์ศตวรรษท�ี 15 (ค.ศ.1400-1500) เร�ิ มมีการรวมศนูย์การปกครองโดยลดอาํนาจขนุนางฟิ ว เดลิและเพ�ิมอาํนาจกษัตริ ย์สมบรูณาญาสทิธิราชย์ เชน่ในสมยักษัตริ ย์ เฮนร�ี ท�ี 7 และ 8 ในองักฤษ หรื อ ชาร์ สท�ี 7 กบั หลยุส์ท�ี 11 ในฝร�ังเศส2 ระบบการปกครองรวมศนูย์ใหมน่เ�ี ป็ นกง�ึฟิ วเดลิท�ีใช้ กลไกตลาดสมยัใหมม่ากขน�ึ มกีารเน้ นการค้ าขาย ทว�ัโลกมากกวา่การแยง่ชิงท�ีดนิเพ�ือขดูรี ดเกษตรกร นอกจากการโจมตขีนุนางฟิ วเดลิแล้ ว มกีารโจมตีคนจน ท�ีเคยเป็ นทาสตดิทด�ีนิสมยัฟิ วเดลิ โดยออกกฏหมาย “ห้ ามตกงาน ห้ ามเร่ร่ อน” เพ�ือบงัคบัให้ คนไปรับจ้ าง ในเมอืง3 พร้ อมๆ กบัการเข้ ามามากขน�ึของกลไกตลาด และการรวมศนูย์เปลย�ีนแปลงการปกครอง มคีวามคดิ ใหมๆ่ เกิดขน�ึหรื อ “ฟื น�ฟขูน�ึจากเดิม” ท�ีเรี ยกวา่ Renaissance (รี เนซอง) โดยกลบัไปศกึษาความร้ ู จากสมยั กรี ซและอน�ืๆ และพฒ ั นาให้ ทนัสมยั ในเมืองอสิระของอิตาลป�ีั จจบุนั เชน่เมอืงฟลอเรนส์ ตระกลูพอ่ค้ าใหญ่ เมดชี​ี(Medici) มีอาํนาจปกครอง และใช้ ทรัพย์สนิของตนเองเพ�ือขน�ึมามตีาํแหนง่แบบขนุนางฟิ วเดลิหรื อ พระ แตฐ่านเศรษฐกิจเปลย�ีนไป เพราะเน้ นการค้ าขาย ตระกลูนส�ีง่เสริ มศลีปิ นอย่าง ไมเคล แอนเจโล นอกจากนม�ีกีารเปลย�ีนแปลงทางศาสนา โดยคนอย่าง “ลเูทอร์ ” หรื อ “แคลวิน” ตงั � คําถามท้ าทาย สถาบนัแคทอลลคิ 2

แตม่นัไมใ่ช่ระบบสมบรูณาญาสิทธริาชย์แบบท�ีเกดิขน�ึเป็ นครัง�แรกในไทยสมยั ร.๕ เกือบ 400 ปี หลงัจากนน�ัเพราะของ ไทยเป็ นยคุทนุนิยม 3 ดคูาร์ ล มาร์ คซ์ ในหนงัสือ “วา่ด้ วยทนุ” 38


การเปลย�ีนแปลงทงั � หมดนอ�ีาศยัการเปลย�ีนแปลงและการพฒ ั นาในระบบการผลติ

มกีารใช้ กงัหนัลม

เตาหลอมเหลก็กล้ า มีการค้ นพบวธิีตอ่เรื อสมยัใหม่ มกีารผลติอาวธุแบบใหม่ และมกีารสร้ างเคร�ื องพิมพ์ ซง�ึชว่ยให้ ความคดิใหมๆ่ ทางศาสนาและความคดิ อน�ืๆ เผยแพร่อยา่งรวดเร็ว เศรษฐกจิสมยักอ่นหน้ านผ�ีลติสง�ิท�ี อดมั สมิต และ คาร์ มาร์ คซ์ เรี ยกวา่ “มลูคา่ใช้ สอย” เพ�ือการบริ โภค เป็ นหลกั แตใ่นยคุใหมเ่ร�ิ มมีการผลติ “มลูคา่แลกเปลย�ีน” หรื อสนิค้ าเพื�อตลาด มากขน�ึ ระบบเศรษฐกิจยา่ง ไปสยู่คุกง�ึทุนนิยม

พอ่ค้ าในเมอืงเร�ิ มให้ เกษตรกรรับเหมาผลติหตักรรมในบ้ านเรื อนแทนการผลิตโดย

ชา่งฝี มอืในเมอืงท�ีคดิคา่แรงสงู และในบางแห่งเชน่ในเหมอืงแร่ ของยโุรป เร�ิ มมีการจ้ างแรงงาน จะเห็นได้ วา่วิกฤตท�ีเกิดขน�ึกบัยโุรปในปลายศตวรรษท�ี 14 พร้ อมกบัการแพร่ระบาดของกาฬโรค ไมไ่ด้ ทําให้ สงั คมลม่สลายและแตกกระจายเป็ นสว่นยอ่ยๆ เหมอืนสมยัวกิฤตโรม แตม่นันําไปสกู่ารพฒ ั นากลไก ตลาดและการรวมศนูย์การปกครอง การเปลย�ีนแปลงท�ีเกิดขน�ึกบัสงัคมฟิ วเดลิยโุรป เตม็ไปด้ วยความขดัแย้ ง การกบฏ และบางครัง�เดินหน้ า บางครัง�ถอยหลงั กลมุ่พอ่ค้ าในเมืองและเจ้ าครองแคว้ นบางแหง่เร�ิ มไมพ่อใจกบัระบบฟิ วเดลิเกา่ท�ีกดทบัวถิี ชีวติตนเอง สว่นเกษตรกรยากจนกไ็มพ่อใจกบัการขดูรี ดแบบเกา่ในระบบฟิ วเดลิ แตใ่ นขณะเดยีวกนัเขาก็ ยากลาํบากจากการนํากลไกตลาดใหมเ่ข้ ามา เพราะมีการกดคา่แรงและรายได้ จากท�ีเคยขน�ึสงูหลงัวิกฤต กาฬโรค คาดวา่ตอนนม�ีกีารกดคา่แรง 50-75% ทา่มกลางความป�ั นป่ วนในสงัคม ประชาชนหลายระดบัเร�ิ มหนัไปสนใจความคดิใหมๆ่ ทางศาสนาทต�ีงั � คาํถามกบัศาสนาคริ สต์แคทอลลคิ และสถาบนัศาสนาที�คอร์ รับชน�ัและขดูรี ดประชาชน เชน่แนวทางใหม่ ของ “ลเูทอร์ ” (1524) และ “แคลวิน” (1557) ท�ีสง่เสริ มความมธัยสัถ์ และระเบียบวินยั แต่ทงั � ๆ ที�พวกน �ี ก้ าวหน้ าทางศาสนา เขากย็งัมคีวามอนรุักษ์ นิยมทางการเมอืง เพราะสอนให้ คนจงรักภกัดีตอ่ขนุนางเกา่ ในระดบัลา่งของสงัคม เกษตรกรยากจนยดึแนวทางความคดิแบบนเ�ี พ�ือเรี ยกร้ องให้ ยกเลกิระบบฟิ วเดลิ ไปเลย เกิดการกบฏและมกีารทําสงครามกบัชนชนั � ปกครองเกา่รวมถงึพวกแคทอลลิค ซง�ึไมใ่ชว่ตัถปุระสงค์ แตแ่รกของพระสองคนนเ�ี ลย ใน “สงครามเกษตรกร” ท�ีลามไปทว�ัเยอรมนัและฝร�ังเศส พวกพอ่ค้ า คนชนั � กลางในเมือง และ ลเูทอร์ กบั แคลวนิ เกรงกลวักระแสกบฏจนยอมประนปีระนอมกบัอาํนาจเก่า ผลคือใน เยอรมนัทางเหนือและตะวนัออก ซง�ึรับแนวคดินิกายโปรเตสแตนท์มามากพอสมควร มีการหมนุนาฬิกา กลบัสรู่ะบบฟิ วเดลิ สว่นในเยอรมนัทางใต้ และฝร�ังเศส นิกายแคทอลลคิยงัมีอทิธิพลครอบงําสงัคมและ 39


ปกป้ องระบบฟิ วเดลิจากการเปลย�ีนแปลง สรุปแล้ วการประนีประนอมของคนชนั � กลางในเมืองเทา่กบัเป็ น การยอมจํานนตอ่อาํนาจเกา่

การคลอดของระบบใหม่ (ทนุนิยม) แนวคิดโปรเตสแตนท์สาย แคลวนิ สามารถอยรู่อดได้ ในเมอืง เจนวีา (สวสิแลนดป์ั จจบุนั) แตก่ลายเป็ นลทัธิ ท�ีเผดจ็การตอ่ความเชื�ออน�ืๆ ขณะเดยีวกนัมกีารแพร่ ไปสสู่กอ็ตแลนด์ทางเหนือขององักฤษ ผ่านพระช�ือ จอห์น นอคส์ ซง�ึสามารถครองใจพ่อค้ าและขนุนางบางคนทไ�ีมพ่อใจกบัระบบฟิ วเดลิ แตใ่นเนเธอร์ แลนด์ (ซง�ึตอนนนั � ครอบคลมุประเทศ ฮอลแลนด์ กบัเบลเยี�ยม ปั จจบุนั) แนวความคดิน �ี กลายเป็ นธงรบในการกบฏของชาวเมอืงและขนุนางท้ องถ�ินตอ่การปกครองของสเปน ซง�ึเป็ นอาณาจกัรแค ทอลลคิทน�ีําเนเธอร์ แลนด์มาเป็ นเมอืงขน�ึ ตอนนนั � สเปนปกครองเนเธอร์ แลนด์ ในขณะท�ีใจกลางของสเปนเร�ิ มเสอ�ืมทางเศรษฐกิจ เงนิทองทส�ีเปน ขดูรี ดจากลาตนิอเมริ กา ผ่านพระคลงัของกษัตริ ย์สเปน เร�ิ มหลง�ัไหลเข้ ากระเป๋ าพอ่ค้ าเนเธอร์ แลนด์ผา่น การค้ าขายผ้ าและผลผลติอตุสาหกรรมให้ อาณาจกัรสเปน ในปี 1560 มกีารทําสงครามเพ�ือก่อตง�ั “สาธารณรัฐดชั” ในพน�ืท�ีทางเหนือของเนเธอร์ แลนด์ ท�ีใช้ ความคดิโปรเตสแตนท์และมฐีานเศรษฐกิจกลไกตลาดสมยัใหม่ น�ีคอืจดุกําเนิดแรกของระบบทนุนิยม แต่ ยงัอยใู่นพน�ืท�ีเลก็ และสเปนจอ่งไว้ เพ�ือจะทําลาย ประมาณปี 1610 เกิด “สงคราม 30 ปี ” จากการท�ีสเปนต้ องการจะรวมศนูย์การปกครองและสง่เสริ ม นิกายแคทอลลคิเพ�ือหนนุอาํนาจของอาณาจกัรสเปน มีการส้ รู บไปมาทว�ัยโุรป โดยที�ขนุนางสบัเปลย�ีนข้ าง จนมองไมค่อ่ยออกวา่รบกนัเร�ื องอะไร มีการสร้ างแนวร่วมหลากหลายระหวา่งผ้ นู าํโปรเตสแตนท์กบัขนุนาง แคทอลิคเป็ นบางเวลาอีกด้ วย สมยันนั � โปฮีเมยี (ในสาธารณรัฐเชคปั จจบุนั) เป็ นเมอืงก้ าวหน้ าทางเศรษฐกิจ มกีารใช้ กลไกตลาด สมยัใหม่ และมกีารยอมรับหลากหลายนกิายของศาสนาคริ สต์ กองทพัของสเปนบกุเข้ าไปทําลาย โปฮีเมีย แตแ่รก โดยมแีผนจะทําลายสาธารณรัฐดชัหลงัจากนนั � ในท�ีสดุ โปฮีเมยีแพ้ สงคราม และมีการหมนุนาฬิกา

40


กลบัไปสยู่คุฟิ วเดลิในยโุรปสว่นกลาง แตผ่ลของสงครามสามสิบปี คอืสเปนออ่นแอลงและล้ าหลงัมากขน�ึ เยอรมนัจมอยใู่นความล้ าหลงั แตส่าธารณรัฐดชั ท�ีเป็ นทนุนิยมอยู่รอดได้

การปฏวิัตอิังกฤษ ความขดัแย้ งในยโุรประหวา่งระบบใหมก่บัระบบเกา่มผีลมากทส�ีดุในองักฤษ ในปี 1649 กองทพัของหนอ่ ออ่นนายทนุ ภายใต้ การนําของ โอลเิวอร์ ครอมเวล จบักษัตริ ย์ชาร์ ลส์ท�ีหนง�ึมาตดัหวั การปฏิวตัใินองักฤษ ครัง�นส�ีร้ างความกลวัให้ กบัขนุนางเกา่ทว�ัยโุรป เพราะเป็ นการ “จดัการ” อยา่งเบด็เสร็ จกบั “สง�ิศกัดส�ิทิธ�ิ” ของระบบฟิ วเดลิ เศรษฐกจิองักฤษก่อนการปฏิวตัเิร�ิ มรุ่ งเรื องมากขน�ึด้ วยอตุสาหกรรมการทอผ้ า การทาํเหมอืง และการ หลอมเหลก็ เกษตรกรระดบักลาง (พวก “ผ้ ูด”ี ) เร�ิ มมอีิทธิพลมากขน�ึในชนบท และมกีารจ้ างแรงงานภาค เกษตร แตโ่ครงสร้ างรัฐเกา่และระบบฟิ วเดลิเป็ นอปุสรรคตอ่ความเจริ ญก้ าวหน้ า จริ งๆ แล้ วรัฐของกษัตริ ย์ คอ่นข้ างจะออ่นแอ กษัตริ ย์ไมม่ีกองทพัประจําของตนเอง และต้ องพ�ึงพาอาศยัแนวร่ วมกบัขนุนาง พ่อค้ า รายใหญ่ และพวกเกษตรกรผ้ ดู ที�ีมตีวัแทนในรัฐสภา ในไมช่้ าเกิดความขดัแย้ งระหวา่งกษัตริ ย์กบัรัฐสภาเร�ื องการเกบ็ภาษี กษัตริ ย์พยายามทาํรัฐประหารเพื�อ คมุและปราบรัฐสภา แตป่ระชาชนในเมอืงลอนดอนลกุฮือด้ วยอาวธุ จนกษัตริ ย์ชาร์ ลส์ต้ องหนีออกจากเมือง และไปสร้ างกองทพัของฝ่ ายเจ้ าเพ�ือกลบัมารบ กองทพัของฝ่ ายเจ้ าประกอบไปด้ วยขนุนางระดบัสงู พวกปฏิกิริ ยาทงั � หลาย ประกอบกบัทหารรับจ้ าง โจร และทหารเกณฑ์ท�ีไมอ่ยากรบ แตใ่นชว่งแรก กองทพัของฝ่ ายรัฐสภากไ็มค่อ่ยตา่ง เพราะมพีวกขนุนาง และผ้ ดู บีญ ั ชาการอยู่ และเกณฑ์ทหารธรรมดาจากระดบัคนจน ดงันนั � ในการส้ รู บท�ีเกิดขน�ึตอนแรก ฝ่ าย กองทพัรัฐสภาไมค่อ่ยมปีระสทิธิภาพ ย�ิงกวา่นนั � พวกพอ่ค้ ารายใหญ่และขนุนางในฝ่ ายรัฐสภากส็องจิตสอง ใจเร�ื องการปฏิวตัิ อยากให้ มีการประนปีระนอมโดยเร็ ว แตก่องทพัรัฐสภามกีรณีพิเศษคือ ทหารม้ าของ โอลิเวอร์ ครอมเวล ซง�ึสร้ างขน�ึจากอาสาสมคัรในหมู่ เกษตรกรระดบักลางๆ และไมม่ีขนุนางนาํเลย กองทพั นเ�ี ร�ิ มสามารถเอาชนะกองทพัฝ่ ายเจ้ าได้ และคน ระดบักลางๆ เร�ิ มไมไ่ว้ ใจพวกประนีประนอม ดงันนั � โอลเิวอร์ ครอมเวล จงึสร้ าง “กองทพัใหม”่ ตามรูปแบบ 41


ทหารม้ าชดุแรก มอีาสาสมคัรจากชา่งฝี มอืและพอ่ค้ าระดบักลาง มทีหารราบท�ีเกณฑ์จากคนจนอกีด้ วย แต่ สง�ิที�นา่สงัเกตเุก�ียวกบักองทพัใหมน่ค�ีอืมนัมลีกัษณะเป็ น “กองทพัปฏิวตั”ิ ท�ีมแีนวคิดและเป้ าหมายทางการ เมอืงชดัเจน โอลเิวอร์ ครอมเวล เปิ ดโอกาสให้ มกีระแสคดิใหมๆ่ ในกองทพั มกีารสง่เสริ มพระ เชน่ ฮิว ปี เตอร์ ทส�ีอน วา่ต้ องสร้ างสงัคมใหมท่�ีเป็ นธรรม ทด�ีแูลคนป่ วยและคนชรา และต้ องยกเลกิการจําคกุคนจนท�ีตดิหนด�ี้ วย ทา่มกลางกระแสการเมอืงใหมๆ่ มีกลมุ่ เลเวเลอร์ (“ทําให้ เทา่เทียม”) เกิดขน�ึในทหารระดบัลา่ง ทกุ กองพนัมกีารเลอืกผ้ แู ทนสองคน (เรี ยกวา่ “นกัปลกุระดม”) ให้ ไปร่วมประชมุกนั และย�ืนข้ อเรี ยกร้ องให้ พวก นายพล มขี้ อเรี ยกร้ องเร�ื องการขยายสิทธิเลอืกตง�ั และการปฏิรูปศาล มกีารพิมพ์หนงัสอืและใบปลวิเพ�ือการ ปลกุระดม แตไ่มไ่ด้ มขี้ อเรี ยกร้ องให้ ยกเลกิทรัพย์สนิเอกชนและนําระบบการผลติรวมหมมู่าใช้ เพราะพวก เลเวเลอร์ เหลา่นเ�ี ป็ นซกีซ้ ายของผ้ ทู ช�ี�ืนชมระบบทนุนิยมท�ีกาํลงัเกิดขน�ึ ตอนแรก โอลเิวอร์ ครอมเวล อยากจะเจรจากบักษัตริ ย์เพื�อคงไว้ สถาบนัแตใ่นรู ปแบบทไ�ีมม่ีอาํนาจ แต่ กษัตริ ย์ดอ�ืไมย่อม โอลเิวอร์ ครอมเวล จงึต้ องทาํตามคาํแนะนําของซกีก้ าวหน้ าท�ีสดุในกองทพั และจบั กษัตริ ย์มาประหารชวีิต หลงัชยัชนะของพอ่ค้ าและเกษตรกรระดบักลาง(ซง�ึเป็ นชนชนั � นายทนุใหม)่ โอลิเวอร์ ครอมเวล สง�ัปราบ พวก เลเวเลอร์ และพวกก้ าวหน้ าทงั � หลาย เพราะใช้ มวลชนพวกนเ�ี พ�ือบรรลคุวามสาํเร็ จในการปฏิวตัไิปแล้ ว ชยัชนะของชนชนั � นายทนุในองักฤษ เปิ ดทางให้ ทนุนิยมเจริ ญเตบิโตไปทว�ัโลกในท�ีสดุ ตา่งจากผลของ การตอ่ส้ ทู �ี โปฮีเมีย เยอรมนั หรื อฝร�ังเศสในยคุนนั � ซง�ึจบลงด้ วยการปกป้ องระบบฟิ วเดลิ และถงึแม้ วา่ใน องักฤษ หลงัจากท�ี “ประธานาธิบดี” โอลเิวอร์ ครอมเวล เสยีชีวิตไป มกีารนํากษัตริ ย์กลบัมา แตก่ษัตริ ย์ใน รู ปแบบใหมน่อ�ียู่ภายใต้ การปกครองของชนชนั � นายทนุและผ้ มู ทีรพย์สมบตัิ ซง�ึใช้ อาํนาจผา่นรัฐสภาของเขา องักฤษ ซง�ึเคยล้ าหลงักวา่ท�ีอน�ื สามารถขยายตวัเป็ นมหาอาํนาจในโลกได้ ผ่านการพฒ ั นาของระบบทนุ นิยม

42


ขาลงของอาณาจกัรในเอเชยี ในคริ สต์ศตวรรษท�ี 16 และ 17 อาณาจกัรโมกลุในอนิเดยี และอาณาจกัรจีนภายใต้ ราชวงศ์หมงิ มีความ เจริ ญไมแ่พ้ อารยธรรมตะวนัตก ทงั � ในเร�ื องเทคโนโลจี อาวธุ และความร้ ู ในอนิเดยีมสีง�ิกอ่สร้ างมหศัจรรย์ เชน่ทชัมาฮลั และเมอืงลาฮอร์ เดลลี อกักรา เจริ ญพอๆ กบัเมอืงในยโุรป สว่นในจีนมกีารพฒ ั นาเทคโนโลจี การทอผ้ าไหม การทํากระดาษ และเทคโนโลจกีารเกษตร มีโรงงานอตุสาหกรรมท�ีมคีนงานเป็ นหมน�ื ซง�ึ ผลติเคร�ื องใช้ ดนิเผาทค�ี้ าขายผา่นการเดนิเรื อของชาวจีนไปทว�ัโลก ไมว่า่จะเป็ นลาตินอเมริ กา ฟิ ลปิปิ นส์ อฟั ริ กา ตะวนัออกกลาง หรื อยโุรป นอกจากนม�ีกีารพิมพ์หนงัสอืจํานวนมากซง�ึคนระดบักลางในเมืองนิยมอา่น แตล่กัษณะโครงสร้ างสงัคมในจีนและอินเดยี เป็ นโครงสร้ างรัฐเก่าท�ีมคีวามเข้ มแขง็ บงัคบัให้ พอ่ค้ าและ นกัธุรกิจต้ องพง�ึพารัฐและอยภู่ายใต้ การควบคมุของรัฐ

และรัฐดงักลา่วเป็ นรัฐทข�ีดูรี ดสว่นเกินจากภาค

เกษตรและชนบทจนเกษตรกรเกือบจะไมม่เีหลอืจะกิน ลกัษณะเศรษฐกิจและสงัคมไมส่ามารถพฒ ั นาจาก การแลกเปลย�ีนมลูคา่ระหวา่งเมอืงกบัชนบทได้ เหมอืนในยโุรปตะวนัตก

และในกรณีท�ีดนิฟ้ าอากาศไมด่ี

หรื อโรคภยัไข้ เจบ็ระบาด สงัคมกเ็ร�ิ มลม่สลาย น�ีคือสง�ิทเ�ีกิดขน�ึกบัอาณาจกัรจีนและอินเดยีในยคุน �ี แนน่อน มคีวามไมพ่อใจและการกบฏเกิดขน�ึในทงั � สองท�ี มคีวามเช�ือใหมๆ่ เกดิขน�ึด้ วย เชน่ศาสนา “ซิก” ในอนิเดีย หรื อพวก “บวัขาว” ในจีน แตเ่นอ�ืงจากพ่อค้ านกัธรุกิจออ่นแอ ไมอ่สิระ และเน�ืองจากภาคเกษตร เร�ิ มลม่สลาย การกบฏไมไ่ด้ อยู่ในมอืของชนชนั � ท�ีจะผลกัดนัสงัคมไปข้ างหน้ าได้ ในอนิเดียชนชนั � ทท�ีําการ กบฏตอ่พวกโมกลุ คือพวกเจ้ าของท�ีดิน ทต�ี้ องการขดูรี ดเกษตรกรตอ่ แตไ่มอ่ยากแบง่สว่ยกบัพวกราชวงศ์ สว่นในจีนการกบฏตอ่ราชวงศ์หมงิ เพียงแตน่าํไปสกู่ารขน�ึมาของราชวงศแ์มนชู (ชิง) ซง�ึไมส่ามารถ แก้ ปั ญหาการขดูรี ดทเ�ีกินตวัและการทไ�ีมส่ามารถพฒ ั นาชนบทได้ เลย สถานการณ์ ดงักลา่วนําไปสคู่วามออ่นแอของสงัคมที�เปิ ดชอ่งทางให้ จกัรวรรดินยิมตะวนัตกเข้ ามา

43


นิวตนั

ความโหดร้ ายของระบบทาส

44


5. การแพร่ ขยายของ “ระเบยีบใหม่ ” (ค.ศ. 1700-1800) ส่ ูยุค “แสงสว่ าง” การปฏิวตัทินุนิยมในองักฤษและฮอลแลนด์ ไมไ่ด้ นําไปสสู่งัคมอตุสาหกรรมทนุนยิมทท�ีนัสมยัทนัที แตม่ี การพฒ ั นาเทคโนโลจีการผลิตและประสทิธิภาพของภาคเกษตรอย่างตอ่เนื�อง ประชากรทอ�ียใู่นเมอืงเม�ือเทียบกบัชนบทกเ็พ�ิมขน�ึ

พร้ อมกนันนั � สดัสว่น

การเปลย�ีนแปลงเหลา่นถ�ีกูผลกัไปข้ างหน้ าจากการ

แขง่ขนัในระบบการค้ าขายระหวา่งประเทศ ในด้ านการเมอืง ในฮอลแลนด์ และองักฤษ คนระดบักลางๆ ทเ�ีป็ นผ้ ปู ระกอบการหรื อพ่อค้ า เร�ิ มมี อทิธิพลมากขน�ึและเจ้ าครองที�ดนิรายใหญ่ต้ องฟั งพวกน �ี

ในองักฤษกษัตริ ย์อยภู่ายใต้ อาํนาจของคนสอง

กลมุ่ดงักลา่ว แตใ่นสว่นอ�ืนของยโุรปมีการพฒ ั นาช้ าและอาจถอยหลงัด้ วยซา�ํ เชน่ใน โปแลนด์ อติาลต�ีอนใต้ และ สเปน อยา่งไรกต็ามในฝร�ังเศส เยอรมนัทางตะวนัตกเฉียงใต้ อติาลเ�ีหนือ จะเดนิหน้ าบ้ างแตไ่มถ่งึระดบั องักฤษ กบั ฮอลแลนด์

การก้ าวจากยคุงมงายสยู่คุวิทยาศาสตร์ การเปลย�ีนแปลงไมไ่ด้ เกิดขน�ึทนัที และความคิดวิทยาศาสตร์ ก็มมีาแตโ่บราณ แตส่ภาพใหมข่องสงัคม และ ผ้ ทู ผ�ีลกัดนัการเปลย�ีนแปลงในองักฤษกบัฮอลแลนด์ บวกกบัผ้ ทู อ�ียากเหน็สงัคมเปลย�ีนแปลงในสว่นอน�ืของ ยโุรป มสีว่นสาํคญ ั ในการเปิ ดทางให้ ความคดิวทิยาศาสตร์ ได้ รับการยอมรับมากขน�ึ ในยุคนแ�ีม้ แตน่กัวิทยาศาสตร์ ชื�อดงัอย่าง นิวตนั กย็งัผสมความคดิไสยศาสตร์ กบัวทิยาศาสตร์ อยู่ มกีาร ปะทะกนัทางความคดิระหวา่งพวกอนรุักษ์ นยิม อยา่งเชน่ของ ทอมมสั อไควนสั ท�ีใช้ แนวคดิ อริ สทอตเตลิ จากยคุกรี ก ท�ีเสนอวา่ทกุอย่างมลีาํดบัชนชนั � และบทบาทของตนท�ีกําหนดมาโดยธรรมชาติ และเชื�อวา่ดวง อาทิตย์กบัดาวตา่งๆ หมนุรอบโลก กบัแนวความคิดใหมข่อง คอเพอร์ นิคสั กบั เคพเลอร์ ท�ีมองวา่โลก

45


หมนุรอบดวงอาทิตย์ในลกัษณะวงโคจรรูปไข่ อยา่งไรกต็าม เคพเลอร์ ยงัเช�ือในคณิตศาสตร์ ลกึลบัท�ีเสนอ วา่วงโคจรของดวงดาวเกี�ยวข้ องกบัโหราศาสตร์ ศนูย์กลางของความคิดใหมท่น�ีําไปสยู่คุแสงสวา่ง และงานเขียนใหมๆ่ หรื อแม้ แตด่นตรี ของ โมซาสต์ อยู่ ในองักฤษกบัฮอลแลนด์ การปฏิวตัอิงักฤษเร�ิ มคอ่ยๆ ลดความเชื�อของประชาชนในเร�ื องแมม่ด นกัคดิแบบ ฮอบส์ และ ลอค พยายามทําความเข้ าใจกบัสงัคมการเมอืงโดยไมอ่งิความคิดศาสนา นกัเศรษฐศาสตร์ อยา่ง อดมั เฟอร์ กะสนั กบั อดมั สมิท เสนอเร�ื องการวิวฒ ั นาการของการผลติ และนกัชีวะอย่าง บฟูอน เสนอทฤษฏีววิฒ ั นาการของสง�ิมชี​ีวติ ท�ีเกือบจะก้ าวหน้ าเทา่ของ ดาร์ วนิ แตท่ง�ั ๆทน�ีกัปรัชญาเหลา่นจ�ีะ เสนออะไรใหมๆ่ แตบ่างคนอยา่ง ลอค กอ็นรุักษ์ นิยมโดยการเชอ�ืวา่ระบบชนชนั � เป็ นเร�ื อง “ธรรมชาต”ิ และ คนอยา่ง วอลแตร์ กบั รูโซ ก็ยงัไมส่ามารถสละทง�ิ ความคิดทางศาสนาไปได้ หมด ในไมช่้ าความคดิแบบนเ�ี ร�ิ มครองใจนกัคดิและประชาชนทอ�ีา่นเขียนได้ และแม้ แตใ่ นหมผู่ ้ ูมอีาํนาจบาง คนในสว่นอน�ืของยโุรปท�ีอยากเหน็สงัคมพฒ ั นา แตก่ารเผยแพร่ความคิดไมไ่ด้ งา่ยและราบร�ื น นกัคดิหลาย คนถกูโจมตอียา่งหนกั บางคนตดิคกุ บางคนต้ องย้ ายถน�ิ อย่างไรก็ตาม แคก่ารเปลย�ีนแปลงความคิดไมเ่คยเพียงพอในการเปลย�ีนสงัคม เพราะการพลกิสงัคม ยอ่มต้ องอาศยัการปฏิวตัิ

การแพร่ หลายของกลไกตลาด ความคดิ “ยคุแสงสวา่ง” สะท้ อนการเปลย�ีนแปลงและความขดัแย้ งท�ีกาํลงัเกิดขน�ึทางเศรษฐกจิและสงัคม และแม้ แตพ่วกกษัตริ ย์หรื อผ้ นู ําศาสนาท�ีต้ องการปกป้ องระบบเกา่ ต้ องหนัมาใช้ เงนิมากขน�ึ ในขนั � ตอนแรก เงินทข�ีดุและขโมยมาจากเหมอืงแร่ ในทวีปอเมริ กา หลง�ัไหลเข้ าสรู่ะบบค้ าขายทว�ัโลก และมผีลในการเพ�ิม ความสาํคญ ั ของตลาด ในนามธรรม ความสมัพนัธ์ทางตลาดยืนอยบู่นสมมตุิฐานวา่ ผ้ ซู อ�ืและผ้ ขู ายมเีสรี ภาพทจ�ีะซอ�ืหรื อขาย โดยไมค่ํานงึถงึยศศกัดห�ิรื อตําแหนง่ทางสงัคม

ความคดิแบบนเ�ี ร�ิ มทาํลายความเช�ือวา่บางคนมีอภิสิทธ�ิ

พิเศษทศ�ีกัดส�ิ​ิทธ�ิ แนวคิดแสงสวา่งจงึเร�ิ มเน้ นความเทา่เทียมระหวา่งคน แตย่งัไมก่้ าวหน้ าพอท�ีจะเน้ นความ

46


เทา่เทยีมระหวา่งเพศ นอกจากนค�ีวามคิดยคุแสงสวา่งมีชอ่งโหวข่นาดใหญ่ในคริ สต์ศตวรรษท�ี 18 คอื การ ดาํรงอยขู่องระบบทาสโดยตรง และระบบทท�ีําให้ แรงงานเป็ นทาสผา่นการจ้ างงาน

ระบบทาสกับการเหยยีดสีผวิ ความร�ํ ารวยจํานวนมากในคริ สต์ศตวรรษท�ี 18 มาจากระบบทาส ซง�ึเป็ นระบบทข�ีดัแย้ งโดยสน�ิเชิงกบัความ เทา่เทยีมของมนษุย์ นกัปรัชญายคุแสงสวา่งอาจนง�ัดม�ืกาแฟและพดูคยุเร�ื องเสรี ภาพ แตก่าแฟ และนา�ํตาล ท�ีเขาด�ืม หรื อบหุร�ี ทเ�ีขาสบู ล้ วนแตม่าจากแรงงานบงัคบัของทาสทงั � สน�ิ ในศตวรรษท�ี 18 คาดวา่มกีารขนทาสจากอฟัริ กาไปทเ�ีกาะตา่งๆ ในคาริ เบย�ีน 1.6 ล้ านคน แตใ่นยคุ ปลายศตวรรษมทีาสผิวดําอาศยัอยแู่ค่ 6 แสนคน จํานวนท�ีลดลงมาจากการล้ มตายในสภาพป่ าเถ�ือนทส�ีดุ ในไร่ ปลกู อ้ อย และการทค�ีนค้ าทาสมองวา่ถ้ าทาสหนง�ึในสบิล้ มตายขณะทข�ีนสง่มาทางเรื อ “กไ็มข่าดทนุ” ในอเมริ กาแผ่นดินใหญ่สภาพความเป็ นอยขู่ องทาสดกีวา่บ้ าง แตก่ล็้ มตายจํานวนมากเชน่กนั กอ่นศตวรรษท�ี 18 ทาสสว่นใหญ่ในโลกไมใ่ชค่นผวิดาํ และคาํวา่ slave (ทาส) ในภาษาองักฤษมาจาก คาํวา่เชอ�ืชาติ “สลาฟ” ในยโุรปกลาง ในขนั � ตอนแรกของการบกุเบิกทวปีอเมริ กามีการใช้ แรงงานเกษตร พนัธสญ ั ญาจากยโุรป ท�ีต้ องทาํงานฟรี หลายปี เพ�ือคนืเงินคา่เดนิทาง แตร่ะบบนส�ีร้ างแรงงานน้ อยเกินไป จงึมกีารหนัมาใช้ แรงงานทาสผวิดาํท�ีถกูจบัในทวปีอฟัริ กาโดยหวัหน้ าเผา่พน�ืเมอืง เพ�ือขายตอ่ไปยงัพ่อค้ า ทาสจากยโุรป ในอดตีมนษุย์ไมเ่คยให้ ความสําคญ ั กบัสผีิว ในอยีิปต์หรื อโรมคนสผีิวแตกตา่งกนัมีทว�ัไปในทกุระดบัของ สงัคม และในทวปีอเมริ กาชว่งแรกๆ มกีารสามคัคกีนัระหวา่งทาสผิวดาํและแรงงานพนัธสญ ั ญาผิวขาว เพ�ือ กบฏหรื อตอ่รองกบัเจ้ านาย ดงันนั � เร�ิ มมกีารออกกฏไมใ่ห้ คนผวิขาวคบค้ าสมาคมกบัคนผิวดํา แตส่าํคญ ั กวา่ นนั � คือข้ อแก้ ตวัท�ีนกัคดิและนกัธรุกิจใช้ เพ�ือสร้ างความชอบธรรมกบัระบบทาส ข้ อแก้ ตวัอนัแรกคือการมองวา่ทาสเป็ นแคท่รัพย์สมบตัปิั จเจก ดงันนั � คนที�สนบัสนนุสทิธิในทรัพย์สมบตัิ อยา่ง จอห์น ลอค ซงึ� ถือห้ นุ ในบริ ษัท�ีได้ ประโยชน์จากการค้ าทาส จะมองวา่ระบบทาส “ไมผ่ิดศลีธรรม” ข้ อแก้ ตวัท�ีสอง คอืการเสนอวา่คนผิวดาํ “ไมใ่ช่มนษุย์” ดงันนั � อดุมการณ์ ความเทา่เทยีมของมนษุย์ หรื อ ความคดิศาสนาคริ สต์ “ไมข่ดัแย้ ง” กบัระบบทาส นค�ีอืรากฐานกําเนดิของความคิดทเ�ีหยียดสผีิวหรื อเกลยีด 47


ชงัคนผิวคลา�ํ และความคดิแบบนม�ีคีวามสาํคญ ั ในการสร้ างความแตกแยกระหวา่งคนธรรมดาผิวขาวกบั คนผิวดาํ ซง�ึถกูใช้ เป็ นเคร�ื องมอืเพ�ือไมใ่ห้ คนชนั � ลา่งสามคัคแี ละร่ วมตอ่ส้ กู บัคนชนั � บน เพราะมหีลายกรณีท�ี คนผิวขาวธรรมดาพยายามชว่ยทาสที�หนีเจ้ านาย ระบบทาสในทวปีอเมริ กาและเกาะคาริ เบย�ีน

เช�ือมโยงและเสริ มเศรษฐกิจทนุนยิมทก�ีําลงัเตบิโตใน

องักฤษและท�ีอน�ืของยโุรปในลกัษณะ “สามเหลย�ีมของการค้ าขาย” คือ ผลผลิตจากองักฤษ เชน่เคร�ื องมอื เหลก็ อาวธุ และผ้ า ถกูแลกกบัทาสทอ�ีฟัริ กา ทาสเหลา่นนั � จะถกูขนสง่ไปขายในอเมริ กาและคาริ เบย�ีน และ เงินจากการขายทาสจะนําไปซอ�ืนา�ํตาล ยาสบู และฝ้ าย เพ�ือขายในยโุรป สามเหลี�ยมการค้ าขายทาสน �ี มี ผลในการกระต้ นุ อตุสาหกรรมในองักฤษ การเดินเรื อ และการพฒ ั นาเมอืงทา่อยา่ง ลเิวอร์ พลู ปริ สตอล หรื อ กลาสโก ระบบทาสไมไ่ด้ สร้ างทนุนิยม แตร่ะบบทาสสมยัใหมแ่บบนถ�ีกูสร้ างจากทนุนิยม เพ�ือขยายระบบไร่ พืชใน ทวปีอเมริ กา ในขณะเดยีวกนั ในประเทศทนุ นิยมอย่างองักฤษ ระบบทนุนิยมกําลงัพฒ ั นาระบบแรงงาน แบบ “ทาสรับจ้ าง” และการขดูรี ดแรงงานรับจ้ างในองักฤษสร้ างมลูคา่มหาศาล ท�ีทาํให้ ชนชนั � ปกครอง องักฤษรุ กรานสว่นอ�ืนของโลกได้ ในยคุลา่อาณานคิม ระบบทาสทาํลายเศรษฐกิจอฟัริ กา

เพราะการนาํเข้ าสนิค้ าอตุสาหกรรมจากองักฤษ

ทําลาย

อตุสาหกรรมพน�ืเมอืง และการจบัทาสทําให้ ประชากรผ้ ผู ลติในอฟัริ กาลดลงด้ วย ซง�ึทงั � หมดนเ�ี ปิ ดทางให้ ตะวนัตกเข้ ามายดึครองอฟัริ กาเป็ นอาณานคิมได้ ง่ายขน�ึ

เศรษฐศาสตร์ ของ “แรงงานเสรี ” ในปลายคริ สตศ์ตวรรษท�ี 18 (ประมาณ ค.ศ. 1780) มกีารพฒ ั นาเคร�ื องมือตา่งๆ และพลงังานไอนา�ํใน ระบบอตุสาหกรรมองักฤษ ในชว่งน �ี อดมั สมทิ ตพีิมพ์หนงัสอื “The Wealth of Nations” ซง�ึท้ าทายระบบ คดิแบบเกา่ของพวกฟิ วเดลิและอภิสทิธ�ิชนอยา่งมาก เพราะเขาอธิบายวา่มลูคา่มาจากการทํางาน และจะมี การแยง่ชิงมลูคา่จากผ้ ผู ลิต โดยเจ้ าของทด�ีนิและนายทนุ กอ่นหน้ านนั � คนเช�ือกนัวา่มลูคา่มาจากเงนิหรื อ ทอง แต่ สมทิ เสนอวา่การทํางานจะสร้ างผลผลติอยา่งตอ่เนอ�ืง ถ้ าทําไปเพ�ือผลติสนิค้ าท�ีจะแลกเปลย�ีนหรื อ ผลติ เคร�ื องมือทจ�ีะใช้ ผลิตตอ่ไป อยา่งไรก็ตามสมทิเสนอวา่ ถ้ าการทํางานถกูนํามาใช้ เพ�ือการบริ โภคของคน

48


ชนั � สงูเทา่นนั � มนั จะไมเ่สริ มสร้ างมลูคา่ตอ่ไป สมทิ กําลงัโจมตพีวกขนุนางคนรวยและข้ าราชการชนั � สงูท�ีทํา ตวัเป็ นกาฝากและกีดกนัการพฒ ั นาของเศรษฐกิจ สมทิโจมตรีัฐทก�ี​ีดกนัการแขง่ขนัอยา่งเสรี แตใ่ นการโจมตี “รัฐ” ของคนชนั � สงูเหลา่น �ี สมทิ มองข้ าม บทบาทสาํคญ ั ของรัฐองักฤษในการช่วยเหลอืธรุกจิองักฤษจากการแข่งขนัของธรุกจิตา่งชาติ หรื อการท�ีรัฐ ยดึอาณานิคมมาเพ�ือสร้ างตลาด เพราะสมทิไมไ่ด้ คดัค้ านบทบาทอนันข�ีองรัฐเลย สมทิ เสนอวา่ แรงงานรับจ้ าง หรื อทเ�ีขาเรี ยกวา่ “แรงงานเสรี ” มปีระสทิธิภาพมากกวา่แรงงานทาส เพราะระบบทาสกีดกนัความสร้ างสรรคของผ้ ทู ํางาน ทาสต้ องการแตจ่ะกิน นอน และอยรู่อดอยา่งเดยีว ไม่ สนใจการพฒ ั นาระบบการทํางานเลย เพราะขาดแรงจงูใจ สมทิมองไมเ่หน็ปั ญหาของกลไกตลาด

เพราะเขาอยใู่นชว่งเร�ิ มต้ นของทนุนิยม

แตค่นท�ีตามมา

อยา่งเช่น เดวิด ริ คาร์ โด ในหนงัสือ “Principles of Political Economy” เร�ิ มอธิบายวา่การแขง่ขนัในตลาด เสรี นาํไปสกู่ารขยายตวัและการหดตวัของเศรษฐกิจในวกิฤต และการเพ�ิมเคร�ื องจกัรทาํลายมาตรฐานชีวติ ของคนงาน ในท�ีสดุอาวธุทางความคดิ ท�ีนกัเศรษฐศาสตร์ ยคุแสงสวา่งอยา่ง สมิท กบั ริ คาร์ โด สร้ างขน�ึมาเพ�ือ ทําลายระบบเกา่ ก็กลายเป็ นอาวธุใหมเ่พื�อโจมตรีะบบทนุนิยม ผา่นการพฒ ั นาเศรษฐศาสตร์ โดย คาร์ ล มาร์ คซ์

49


ปฏวิัติ ฝร� ังเศส

1848 50


�. โลกกลับหวักลบัหาง (ค.ศ. 1770- 1900) การปฏวิัตอิเมริกา อเมริ กาตอนเหนือถกูบกุเบิกโดยคนผิวขาวจากองักฤษ ตงั � แตต่้ นคริ สต์ศตวรรษท�ี 17 (ค.ศ.1600-1700) โดย ท�ีกลายเป็ นอาณานิคมขององักฤษ แตใ่นแตล่ะพน�ืท�ี อภิสทิธ�ิชน ผ้ คู รองท�ีดนิ และพ่อค้ ารายใหญ่มอีาํนาจ ปกครองตนเอง ในขณะท�ีเกษตรกรรายยอ่ยและคนจนผิวขาวไมม่สีิทธ�ิทางการเมืองเลย และแนน่อนทาสผิว ดาํกไ็มม่สีทิธ�ิเชน่กนั แตอ่เมริ กาไมใ่ชด่นิแดนร้ าง เพราะมคีนพน�ืเมอืงทอ�ียู่มาก่อน (ในสมยักอ่นคนมกัจะเรี ยกคนเหลา่นว�ีา่ “อนิเดียนแดง” แตม่นัเป็ นคาํท�ีไมใ่ห้ ความเคารพกบัชนเผา่พน�ืเมอืงนเ�ี ทา่ไร) ลกัษณะอาณานิคมอเมริ กาเหนอืท�ีมคีวามเหลอ�ืมลา�ํทางเศรษฐกิจและการเมอืง

นาํไปสคู่วามขดัแย้ ง

และการกบฏเป็ นประจํา เชน่ระหวา่งเกษตรกรรายยอ่ยกบัเจ้ าของท�ีดนิรายใหญ่ ระหวา่งผ้ บู กุเบิกกบัคน พน�ืเมอืงเดมิ หรื อการกบฏของทาสตอ่นายทาสเป็ นต้ น การพฒ ั นาของกลไกตลาดและความเจริ ญของเศรษฐกิจ ทงั � ในอเมริ กาเหนือและในองักฤษ นาํไปสู่ ความขดัแย้ งในทางผลประโยชน์ระหวา่งสองฝ�ั งของมหาสมทุร แอตแลนดคิ คือพอ่ค้ า เจ้ าของท�ีดนิ และนกั อตุสาหกรรม ในอเมริ กา ขดัแย้ งกบัพอ่ค้ า เจ้ าของทด�ีนิ และนกัอตุสาหกรรมในองักฤษ ทงั � นเ�ี พราะวา่กลไก ตลาดเสรี ไมไ่ด้ พฒ ั นาในลกัษณะท�ี อดมั สมทิ คดิ เนื�องจากกลมุ่ทนุตา่งๆ ต้ องอาศยัการปกป้ องจากรัฐชาติ ตา่งๆ ท�ีขดัแย้ งกนั ทนุนิยมองักฤษได้ ประโยชน์มหาศาล จากการทร�ีัฐองักฤษทําสงครามเพ�ือขยายอาณานิคมในแถบเกาะ คาริ เบย�ีน อนิเดีย และคานาดา แตม่นัเป็ นสงครามท�ีต้ องใช้ เงนิ ดงันนั � รัฐองักฤษจงึมาเรี ยกเกบ็ภาษี จาก อเมริ กาเหนือในรู ปแบบตา่งๆ เชน่ภาษี นา�ํตาล ภาษี ชา และภาษี โดยตรงเพ�ือเลย�ีงดกูองทพัองักฤษ ใน ขณะเดยีวกนัเศรษฐกจิกําลงัตกตา�ํด้ วย ซง�ึทําให้ คนในอเมริ กาเหนือไมพ่อใจกบัรัฐบาลองักฤษ และย�ิงไม่ พอใจอกี

เพราะคนในอเมริ กาไมม่สีทิธ�ิท�ีจะร่ วมกําหนดนโยบายของรัฐองักฤษด้ วย

ซง�ึไมเ่หมอืนกรณี

นายทนุองักฤษ

51


การเคลอ�ืนไหวและปลกุระดมตอ่ต้ านภาษี ขององักฤษ เกิดขน�ึในหลายสว่นของสงัคมและในหลายชน ชนั � ของอเมริ กาเหนือ ชนชนั � บนของอเมริ กาสว่นหนง�ึทไ�ีด้ ประโยชน์มากท�ีสดุจากการค้ าขายกบัองักฤษ จะ จงรักภกัดตีอ่รัฐบาลองักฤษทม�ีกีษัตริ ย์เป็ นประมขุ อีกสว่นของชนชนั � บนจะตอ่ต้ านภาษี ใหมท่�ีองักฤษบงัคบั เกบ็ ในขณะทย�ีงัอยากอยกู่บัองักฤษ แตช่นชนั � กลางๆ และคนระดบัลา่งอยากจะไปไกลกวา่นนั � คอือยาก ประกาศอสิรภาพจากองักฤษและให้ อเมริ กาเป็ นสาธารณรัฐ ดงันนั � องค์กร “บตุรแหง่เสรี ภาพ” ซง�ึประกอบ ไปด้ วยคนระดบักลางๆ เคล�ือนไหวเหมอืนพรรคการเมอืงเพ�ือเอกราช ทเ�ีมอืง บอสตนั ในปลายปี 1773 กลมุ่คนชนั � ลา่งประท้ วงองักฤษด้ วยการโยนใบชาในเรื อองักฤษลง ทะเล เหตกุารณ์นถ�ีกูเรี ยกภายหลงัวา่ The Boston Tea Party ในชว่งนพ�ีวกชนั � สงูในอเมริ กา คนอยา่ง เบน จามนิ แฟรงคลนิ มองวา่เป็ นการกระทําท�ี “รุ นแรงเกินไป” เม�ือองักฤษปราบปรามขบวนการประท้ วงภาษี หนกัขน�ึ แตล่ะกลมุ่ในอเมริ กาเร�ิ มขดัแย้ งกนัเองอย่างหนกั ระหวา่งฝ่ าย “ปฏิวตั”ิ ท�ีต้ องการล้ มอํานาจองักฤษ และฝ่ าย “ปฏิรูป” ท�ีต้ องการแคใ่ห้ องักฤษเปลย�ีน นโยบายภาษี มาตรการตา่งๆ เชน่เร�ื องการงดซอ�ืขายสินค้ ากบัองักฤษ ในหลายพน�ืท�ีต้ องอาศยัการปลกุ ระดมมวลชนชนั � ลา่ง

และเมอ�ืทหารหรื อผ้ พู ิพากษาท�ียงัจงรักภกัดกีบัองักฤษพยายามขวางการตอ่ส้ ู

ความสาํคญ ั ของการปลกุระดมมวลชนมมีากขน�ึ

ในท�ีสดุทา่มกลางการตอ่ส้ แู ละความขดัแย้ งน �ี

คนท�ี

ต้ องการการ “ปฏิวตั”ิ กลายเป็ นเสยีงสว่นใหญ่และเร�ิ มมีการสร้ างหนอ่ออ่นของรัฐใหม่ คขู่นานกบัรัฐองักฤษ และเร�ิ มมกีารตอ่ส้ กู นัด้ วยอาวธุระหวา่งทงั � สองฝ่ าย การตอ่ส้ ทู างความคิดมคีวามสาํคญ ั ด้ วย เพราะเป็ นการตอ่ส้ เู พ�ือเปลย�ีนใจคน ในปี 1776 คาดวา่มกีาร ผลติหนงัสอืเลม่เลก็ 400 กวา่ชนดิ หนงัสือท�ีมบีทบาทสําคญ ั ท�ีสดุคือ Common Sense (“สามญ ั สาํนกึ”) ของ ทอมมสั เพน เพน เป็ นนกัเขียนท�ีสมัผสัความคดิยคุแสงสวา่ง เขาเขียนในรูปแบบทค�ีนธรรมดาอา่นได้ งา่ย เพนเขียน วา่ “คนสจุริ ตธรรมดาสามญ ั เพี ยงหน�ึงคน มี คา่มากกว่าพวกโจรใส่มงกฎุทกุคนทว�ัโลกทีเ�คยมี มา” หนงัสือ เลม่นข�ีายได้ แสนห้ าหมน�ืกวา่ฉบบั และมสีว่นในการปลกุระดมให้ เกิดสภาผ้ แู ทนที�ประกาศอสิระภาพจาก องักฤษในปี 1776 สงครามอสิระภาพของอเมริ กา มอีทิธิพลสาํคญ ั จากความขดัแย้ งทางชนชนั � แตม่นัสลบัซบัซ้ อน ชนชนั � นําแตกแยกกนัระหวา่งฝ่ ายท�ีสนบัสนนุสงคราม กบัฝ่ ายท�ีสนบัสนนุองักฤษ ในกรณีท�ีคนชนั � สงูในพน�ืทห�ีนง�ึ 52


สนบัสนนุอสิระภาพ คนชนั � ลา่ง คนพน�ืเมอืง หรื อแม้ แตท่าสท�ีเคยถกูพวกนก�ีดข�ี อาจหนัมาเข้ าข้ างองักฤษก็ ได้ แตใ่นหลายสว่นของอเมริ กาเชน่ นวิอิงแลนด์ คนที�ตอ่ส้ เู พ�ืออสิระภาพจะเกลยีดชงัระบบทาส ชยัชนะของอเมริ กาในสงครามกบัองักฤษ ไมใ่ชแ่คช่ยัชนะในสงครามปลดแอกประเทศ แตเ่ป็ นการ ปฏิวตัลิ้ มรู ปแบบโครงสร้ างอํานาจเกา่

มวลชนจํานวนมากรับแนวคิดใหมท่ี�พดูถงึเสรี ภาพและความเทา่

เทียม และในชว่งแรกๆ คนชนั � ลา่งได้ ประโยชน์มากขน�ึ ก่อนท�ีนายทนุจะมารวบอํานาจไป แตอ่ยา่ งไรก็ตาม ผลของการปฏิวตัอิเมริ กาคือการปทูางไปสกู่ารพฒ ั นาของระบบทนุนยิมอย่างรวดเร็ ว ซง�ึนําไปสกู่ารกดขี�ขดู รี ดแบบใหม่

การปฏวิัตฝิร� ั งเศส ในแผน่ดนิใหญ่ของยโุรป การเปลย�ีนแปลงทางเศรษฐกจิและสงัคมทาํให้ สองกลมุ่อาํนาจใหญ่เผชิญหน้ า กนัคือ กลมุ่อาํนาจเกา่อนัประกอบไปด้ วยรัฐและสถาบนัศาสนา ซง�ึเชื�อมน�ัใน “สทิธิอนัศกัดส�ิ​ิทธ�ิ” ท�ีคน จํานวนน้ อยสามารถปกครองคนอ�ืนทง�ั หมดในลกัษณะเผดจ็การ อีกฝ่ ายคอื กลมุ่คนคดิใหมท่ป�ีฏิเสธสิทธิ ผกูขาดของรัฐในการปกครองประชาชน

ถ้ าประชาชนไมไ่ด้ ยินยอมท�ีจะถกูปกครอง

และพวกนม�ี องวา่

ประชาชนสามารถตรวจสอบผ้ ปู กครองได้ เขาประกอบไปด้ วยคนระดบักลางๆ ท�ีไมพ่อใจกบัการผกูขาด อาํนาจโดยขนุนางและพระ และแนวร่วมสาํคญ ั ของเขาคือคนชนั � ลา่ง ในแงห่นง�ึ การปฏิวตัฝิร�ังเศสเชอ�ืมโยงกบัการปฏิวตัอิเมริ กา เพราะรัฐบาลกษัตริ ย์ของฝร�ังเศสได้ ใช้ เงนิ มากพอสมควรในการทาํสงครามกบัองักฤษและในการสนบัสนนุกองทพัท�ีตอ่ส้ เู พ�ืออสิระภาพ เพราะองักฤษ เป็ นคแู่ขง่สาํคญ ั ของฝร�ังเศส ในปี ค.ศ. 1789 กษัตริ ย์หลยุส์ท�ี 16 เรี ยกให้ มกีารประชมุของ “สามสภา” (สภาพระ สภาขนุนาง และ สภาสามญ ั ชน) เพ�ือหาทางเกบ็ภาษี เพ�ิมเพ�ือจา่ยหนข�ีองรัฐบาล แตป่รากฏวา่ผ้ แู ทนของสภาสามญ ั ชน ซง�ึ ประกอบไปด้ วยคนระดบักลางๆ โดยเฉพาะทนายความ ไมย่อมก้ มหวัให้ พวกชนั � สงู และไมย่อมทําตาม คาํสง�ัของกษัตริ ย์ และเมอ�ื กษัตริ ย์สง�ัให้ ปิ ดการประชมุ เขากย็้ ายไปประชมุในสนามเทนนิสและประกาศตงั � เป็ น

“สภาแหง่ชาต”ิ

ตอ่จากนนั � สมาชิกทกุคนในสภาแหง่ชาตสิญ ั ญาวา่จะไมเ่ลิกประชมุจนกวา่จะได้

รัฐธรรมนญ ู การปกครอง หลงัจากนนั � กษัตริ ย์จงึสง�ัขนทหารสองหมน�ืนายเข้ าเมอืง

53


พวกทนายความและคนชนั � กลางท�ีคมุสภาแหง่ชาตอิย่างเบ็ดเสร็จ โดยไมม่เีกษตกรหรื อชา่งฝี มอืหรื อคน จนทม�ีสีว่นร่ วมเลย ในระยะแรกมองวา่ต้ องแค่ “ปฏิรูป” การปกครองโดยคงไว้ ระบบกษัตริ ย์ เขาขดัขวางการ ขยายสทิธิในการเลือกตง�ั ไปสคู่นธรรมดาระดบัลา่งด้ วย คนชนั � กลางเหลา่นเ�ี ร�ิ มกอ่ตง�ั สมาคมตา่งๆ เพ�ือ ถกเถียงแลกเปลย�ีนการเมอืง เชน่สมาคม จคัโคบิน และสมาคม คอร์ โดเลยีร์ เป็ นต้ น ผ้ นู ําสาํคญ ั ของ จคัโค บิน คือทนายความก้ าวหน้ าช�ือ โรบสเบียร์ สว่นสมาคม คอร์ โดเลียร์ ซง�ึเก็บคา่สมาชิกตา�ํกวา่และมสี มาชิก ยากจนมากกวา่ มแีกนนาํสาํคญ ั ชอ�ื แดนตอง ซง�ึเป็ นทนายความเชน่กนั นอกจากสมาคมแบบนท�ี�ีมสีาขา ตามเมอืงตา่งๆ แล้ ว ยงัมนีกัเขียนทผ�ีลิตหนงัสอืเลม่เลก็ หรื อหนงัสอืพิม์ เพื�อปลกุระดมประชาชนอกีด้ วย เชน่ เดสมแูลน ทเ�ีขียนหนงัสือ และ ฉอง พอล์ มารัด ท�ีมหีนงัสอืพิมพ์ชื�อ “มติรของประชาชน” ในกรณี มารัด เขาจะอยซู่กีซ้ ายสดุของการปฏิวตั ิ และใกล้ ชิดคนจนในเมอืง แตท่า่มกลางวิกฤตการเมอืงและความขดัแย้ ง พวกคนจนในเมือง (sans-culottes) กบัเกษตกร ไมไ่ด้ เพิกเฉย มกีารร่ วมตวักนัและปลกุระดมมวลชนระดบัลา่งให้ ออกมาตอ่ส้ ู โดยเฉพาะเมอ�ืมขี่าววา่กษัตริ ย์จะ ทํารัฐประหารเพ�ือปราบปรามสภาแห่งชาติ ในโอกาสนนั � มวลชนชนั � ลา่งบกุเข้ าไปยดึป้ อม บาสเตยีล ท�ีเป็ น คกุและคลงัแสงอาวธุ เพื�อกีดกนัไมใ่ห้ กษัตริ ย์ทํารัฐประหาร ปรากฏวา่มวลชนได้ รับชยัชนะแตก่ล็้ มตายไป 83 คน การยดึ บาสเตยีล ถือวา่เป็ นฉากแรกในการปฏิวตัิ หลงัจากนนั � สภาแหง่ชาตไิด้ กําลงัใจมากขน�ึ และ ประกาศยกเลิกระบบฟิ วเดลิทงั � บวงทว�ัประเทศ และมกีารออกแถลงการณ์ “สทิธิมนษุยชน” ซง�ึมเีหนือหา คล้ ายๆ กบัคาํประกาศอสิระภาพของอเมริ กา เมื�อมขีา่ววา่กษัตริ ย์จะทํารัฐประหารอกีครัง� มวลชนสตรี จากยา่นยากจนในเมืองปารี ส ซง�ึไมพ่อใจกบั ปั ญหาข้ าวของขาดแคลนและราคาแพง ออกมาเดนิขบวนและชกัชวนให้ ผ้ ชู ายติดอาวธุสองหมน�ืคน ร่ วมกนั เดนิไปท�ีวงัแวร์ ไซ เพ�ือจบักษัตริ ย์และลากกลบัมาที�ปารี ส ซง�ึเป็ นท�ีทป�ีระชาชนจบัตาดพูฤตกิรรมของกษัตริ ย์ ได้ ดขีน�ึ อยา่งไรกต็ามคนชนั � ลา่งเหลา่นย�ีงัไว้ ใจการนาํของคนชนั � กลางท�ีไมอ่ยากล้ มกษัตริ ย์ และ “กองกําลงั แหง่ชาติ” อยภู่ายใต้ คนชนั � กลางประเภทนอ�ี กีด้ วย ในปี 1791 ความไมพ่อใจของคนชนั � ลา่งกบัสภาพเศรษฐกิจและสงัคมเพ�ิมขน�ึ และขณะท�ีคนจํานวนมาก เข้ าแถวเพ�ือลงชอ�ืเรี ยกร้ องให้ ตง�ั สาธารณรัฐ “กองกําลงัแหง่ชาต”ิ ภายใต้ การนําของคนชนั � กลางกก็ราดยิง ประชาชนตายไปห้ าสบิ ศพ กอ่นหน้ านนั � เกษตรกรในชนบทกก็อ่การกบฏอย่างตอ่เนอ�ืง 54


การปราบปรามของฝ่ ายชนชนั � กลางท�ีสองจิตสองใจเก�ียวกบัระบบกษัตริ ย์ไมไ่ด้ ผล มกีารลกุฮือรวมตวั กนัของคนจนในเมืองและคนชนั � กลางท�ีต้ องการปฏิวตัิตามเขตตา่งๆ และมีการตงั � กองกําลงัประชาชนของ แตล่ะเขต แกนนาํตอนนก�ีลายเป็ นคนอยา่ง โรบสเบียร์ แดนตอง และ มารัด ในท�ีสดุสภาใหม่ ที�ได้ รับการ เลอืกตงั � จากพลเมอืงชายทกุคน กป็ระชมุในเดอืนกนัยายนปี 1792 และประกาศก่อตง�ั สาธารณรัฐฝร�ังเศส ผา่นการยกเลกิสถาบนักษัตริ ย์ นอกจากการยกเลิกกษัตริ ย์แล้ ว มกีารยกเลกิระบบฟิ วเดลิ ตดัอิทธิพลของพวกพระและสถาบนัศาสนา สง่เสริ มความคิดวทิยาศาสตร์ และความคิดยคุแสงสวา่ง มีการรวมศนูย์ประเทศเพ�ือใช้ กฏหมายและการ เกบ็ภาษี เหมือนกนัในทกุภมูิภาค และในกองทพัปฏิวตัมิกีารเลอืกตงั � ผ้ บู งัคบับญ ั ชาโดยทหารระดบัลา่ง การปฏิวตัฝิร�ังเศสไมไ่ด้ จบลงเร็ วๆ เพราะเป็ นกระบวนการยาวท�ีเตม็ไปด้ วยความขดัแย้ งและการแยกขวั � ในชนชนั � ขนุนางและชนชนั � กลางตลอดเวลา และมกีารเดนิหน้ าบ้ าง ถอยหลงับ้ างอีกด้ วย ในทส�ีดุภาระใน การขบัเคลอ�ืนการปฏิวตัไิปสกู่ารยกเลกิกษัตริ ย์และระบบฟิ วเดลิ ตกอยกู่บัชนชนั � กลางสว่นท�ีกล้ าหาญและ มน�ัใจทส�ีดุ เชน่คนอยา่ง โรบสเบียร์ แดนตอง เดสมแูลน และ มารัด โดยท�ีอาศยัพลงัมวลชนจากคนชนั � ลา่ง ตรงนก�ีารปฏิวตัฝิร�ังเศสมสีว่นคล้ ายกบัการปฏิวตัอิงักฤษและการปฏิวตัิอเมริ กา ทง�ั ๆ ท�ีหวัหอกในการปฏิวตัิ เป็ นคนชนั � กลางๆ อยา่ง โรบสเบียร์ แดนตอง เดสมแูลน และ มารัด ซง�ึเป็ น ทนายความและหมอ ผลของการปฏิวตัใินการกวาดล้ างระบบเกา่ให้ หมดสน�ิไป เปิ ดทางให้ มีการพฒ ั นา ระบบทนุนยิมเตม็ใบ และผ้ ทู ไ�ีด้ รับประโยชน์มากท�ีสดุคือนายทนุใหญ่ซง�ึไมเ่คยมคีวามกล้ าหาญท�ีจะนาํการ ปฏิวตัแิตแ่รก การปฏิวตัฝิร�ังเศสเป็ นการปฏิวตันิองเลอืด ไมต่า่งจากองักฤษหรื ออเมริ กาทม�ีสีงครามนองเลอืด และ ฝ่ ายอาํนาจเกา่ในฝร�ังเศสกไ็มเ่คยปฏิเสธทจ�ีะประหารชีวติฝ่ ายตรงข้ ามจํานวนมากเมอ�ืเขายดึบางสว่นของ ประเทศได้ ในขณะเดียวกนัฝ่ ายปฏิวตักิไ็มม่ีทางเลอืก ต้ องใช้ มาตรการเดด็ขาดในการกําจดัศตัรูด้ วยการ ประหารชวีิตกษัตริ ย์และพวกขนุนางด้ วยกโียตนี

ถ้ าไมท่าํเชน่นนั � อาํนาจเก่าจะกลบัมาฆา่ทง�ิพวกเขาและ

ประชาชนจํานวนมาก อยา่งไรกต็าม โรบสเบียร์ แสดงความเหน็วา่ “ถ้ าไมม่คีณ ุ ธรรม มาตรการเดด็ขาดจะ ไมม่ปีระโยชน์ และถ้ าไมม่มีาตรการเดด็ขาด การมคีณ ุ ธรรมจะไมม่คีวามหมาย” ก่อนหน้ าน �ี โรบสเบียร์ เกือบจะเป็ นคนคนเดยีวทร�ีณรงค์ให้ ยกเลิกโทษประหารในชว่งแรกของการปฏิวตัิ

55


หลงัจากทก�ีษัตริ ย์และระบบฟิ วเดลิถกูกําจดัไป

ยงัมกีารตอ่ส้ แู ละลกุฮือของพวกชนชนั � กลางที�ตอ่ต้ าน

การปฏิวตัิ เชน่พวก นายทนุใหญ่จิรอนดนิ และในชนบท และเศรษฐกิจกอ็ย่ใู นสภาพแย่ โรบสเบียร์ เข้ าใจดี วา่ “ภยัตอ่การปฏิวตัมิาจากพวกชนชนั � กลาง และเราต้ องปลกุระดมคนชนั � ลา่ ง” ในชว่งนเ�ี ขากลายเป็ นผ้ ทู �ีมี อาํนาจมากทส�ีดุในรัฐบาล ผ่าน “กรรมการความปลอดภยัของประชาชน” มกีารควบคมุราคาของส�ิงจําเป็ น มกีารแบ่งท�ีดนิให้ เกษตรกร และบงัคบัเกบ็ภาษี จากคนรวย และรัฐเข้ ามาควบคมุเศรษฐกิจมากขน�ึ แต่ ปั ญหาของ โรบสเบียร์ ในฐานะชนชนั � กลางซกีก้ าวหน้ าท�ีสดุคือ เขากลวัวา่การเคลื�อนไหวตอ่ไปของคนชนั � ลา่งและพวก “หวัรุนแรง” ท�ีต้ องการให้ มคีวามเสมอภาคมากขน�ึและยกเลกิศาสนาไปเลย จะทําให้ ชนชนั � นายทนุและชนชนั � กลางสว่นใหญ่หนัไปตอ่ต้ านการปฏิวตัิ นอกจากนเ�ี พ�ือนใกล้ ชิดเขาอยา่ง แดนตอง กบั พรรคพวก เป็ นคนทจุริ ตคอร์ รับชน�ั ซง�ึจะทําให้ ชอ�ืเสยีงการปฏิวตัเิสอ�ืม รัฐบาลของ โรบสเบียร์ จงึหนัมา ปราบผ้ นู ําของคนชนั � ลา่ง และประหารชีวติ แดนตอง กบั เดสมแูลน สว่น มารัด ถกูฝ่ ายอาํนาจเกา่ฆ่าไป แล้ วกอ่นหน้ าน �ี ผลของนโยบายนท�ีําให้ รัฐบาลของ โรบสเบียร์ ขาดมวลชนและลอยอยรู่ะหว่างนายทนุกบั คนจนชนั � ลา่ง ในทส�ีดุพวกนายทนุกท็ําการยดึอาํนาจและประหารชีวติ โรบสเบียร์ การประหารชีวิต โรบสเบียร์ และการกําจดัฝ่ ายก้ าวหน้ า ทําให้ อาํนาจเกา่ได้ ใจ พยายามก้ าวเข้ ามา แต่ พวกนายทนุไมย่อม จงึหนัไปพง�ึกองทพัภายใต้ การนําของนายทหารหน่มุ ชื�อ นโปเลยีน โบนาพาร์ ท

กระแสปฏิวตัฝิร�ังเศสในตา่งประเทศ กระแสการปฏิวตัฝิร�ังเศส มผีลในการจดุประกายการปฏิวตัติอ่ต้ านสเปนในลาตนิอเมริ กา โดยมี สิมอน โบลิ วาร์ เป็ นหวัหอก มกีารลกุฮือปฏิวตัขิองทาสผิวดาํในเกาะเฮต(ิตอนนนั � ช�ือ Saint Domingue) นาํโดย ทซุอง ลวูทัทวัร์ มกีารพยายามปฏิวตัลิ้ มอํานาจองั กฤษในเกาะไอร์ แลนด์ นําโดย วลูฟ์ โทน และในองักฤษซง�ึ ปฏิวตัทินุนิยมไปแล้ วร้ อยห้ าสบิกวา่ปี ก่อนหน้ าน �ี กม็กีระแสการตอ่ส้ เู พ�ือสทิธิเสรี ภาพของชนชนั � กรรมาชีพ โดยมีการก่อตง�ั สมาคมคนงานในหลายเมือง และมกีารตีพิมพ์หนงัสอืสาํคญ ั ช�ือ The Rights of Man (สิทธิ มนษุยชน) ทเ�ีขียนโดย ทอมมสั เพน นค�ีือสาเหตสุาํคญ ั ท�ีชนชนั � อาํนาจเกา่ในยโุรป และแม้ แตช่นชนั � นายทนุ องักฤษ เกรงกลวัและเกลยีดชงัการปฏิวตัฝิร�ังเศสอยา่งถงึทส�ีดุ

56


นอกจากน �ี ถงึแม้ วา่การขน�ึมาของ นโปเลยีน ถือวา่เป็ นการปฏิวตัซิ้ อนของนายทนุในฝร�ังเศสทย�ีตุิ ความก้ าวหน้ าของการปฏิวตัิ แตก่ารทําสงครามของ นโปเลยีน ทว�ัยโุรป เพ�ือขยายอาณาจกัรของฝร�ังเศส มี ผลในการกวาดล้ างโครงสร้ างอํานาจเกา่ไปจากหลายประเทศของยโุรป ความพา่ยแพ้ ของ นโปเลยีน ตอ่กองทพัองักฤษนําไปสกู่ารรื อ�ฟื น�กษัตริ ย์ในฝร�ังเศส แตเ่ป็ นการรื อ�ฟื น� ตาํแหนง่กษัตริ ย์บนโครงสร้ างเศรษฐกิจและสงัคมท�ีเปลย�ีนไปจากเดมิโดยสน�ิเชิง คอืเปลย�ีนไปเป็ นทนุนิยม ในรอบ 30 ปี แรกของศตวรรษท�ี 19 (ประมาณ1800-1830) ความคิดยคุแสงสวา่งต้ องจางหายไปทา่มกลาง การถอยหลงัลงคลองของความก้ าวหน้ าในหลายประเทศของยโุรปตะวนัตก

การปฏวิัตอิุตสาหกรรม โรเบริ ด โอเวน นกัธุรกิจท�ีเปล�ียนไปเป็ นนกัสงัคมนิยม พดูในปี 1815 วา่ “ในสถานประกอบการของผม พลงัเครื � องจกัรและคนงานสองพนัคน สามารถทํางานเที ยบเทา่กบัการ ทํางานของคนงานทง�ัหมดของประเทศสก็อตแลนด์เมื อ�หกสิ บปี ก่อน” คาํพดูนท�ีาํให้ เราเหน็ภาพการพฒ ั นาเปลย�ีนแปลงของอตุสาหกรรมองักฤษในยคุนไ�ี ด้ ดี ความคบืหน้ าของระบบอตุสาหกรรมน �ี ทเ�ีราเรี ยกวา่ “การปฏิวตัอิตุสาหกรรม” เกิดจาก �. การใช้ เหลก็กล้ าในเคร�ื องจกัรแทนการใช้ ไม้ หรื อโลหะที�ออ่นกวา่ 2. การใช้ ถา่นหินจากเหมือง แทนการใช้ ถา่นท�ีมาจากการเผาไม้ ซง�ึถา่นหินนใ�ี ช้ หลอมเหลก็กล้ า และใช้ ผลติผพลงังานไอ้ นา�ํเพ�ือเดนิเคร�ื องจกัรได้ 3. การพฒ ั นาระบบคมนาคมผา่นการสร้ างทางรถไฟ อตุสาหกรรมแรกๆ ในองักฤษยคุนจ�ี ะเป็ นพวกส�ิงทอ และการทาํเหมอืงถ่านหิน การพฒ ั นาการผลตินน�ีําไปสกู่ารกอ่ตวัของชนชนั � ใหม่ คือ “ชนชนั � กรรมาชีพ” ท�ีเป็ นลกูจ้ างท�ีได้ คา่จ้ าง เป็ นเงนิ และเร�ิ มกระจกุตวัในเมอืงสําคญ ั สองเมืองคือ แมนเชสเตอร์ และกลาสโก คนงานเหลา่นห�ีลงั� ไหล เข้ ามาจากชนบท เพราะสภาพชีวติในเมอืงดีกวา่ชนบท แตน่นั � ไมไ่ด้ หมายความวา่เขาอยอู่ยา่งสะดวกสบาย 57


เลย ตรงกนัข้ าม ชว�ัโมงการทํางานก็ยาวนาน สภาพการทาํงานกล็ําบาก คา่แรงก็ตา�ํ และในกรณีที�เกิด วกิฤตเศรษฐกิจ เขาจะไมม่ีท�ีดนิอนัเป็ นที�พง�ึแบบเดมิเพ�ือกลบัไปปลกูอาหาร คนงานเหลา่นผ�ีลติมลูคา่ให้ สงัคมมหาศาล แตม่ลูคา่นไ�ี ปตกอยกู่บันายทนุไมก่�ีคน ในขณะท�ีชนชนั � นายทนุคมุมลูคา่เพ�ิมขน�ึ คนอย่าง ทอมมสั มลัทสั พระปฏิกิริ ยาฝ่ ายขวา เสนอวา่การ ชว่ยเหลอืคนจน “ไร้ ประโยชน์” เพราะคนจนจะไปมลีกูเพ�ิมขน�ึเทา่นนั � เอง ซง�ึสะท้ อนผลประโยชน์ของพวก นายทนุ เราไมค่วรมองวา่คนงานเป็ นแคเ่หยื�อหรื อผ้ ถู กูกระทํา เพราะการปฏิวตัอิตุสาหกรรมนําไปสกู่ารท�ีคนงาน อา่นเขียนได้ เพ�ิมขน�ึ ซง�ึทําให้ โลกทศัน์กว้ างขน�ึ และคนงานเองเรี ยนร้ ู ส�ือสารงา่ยขน�ึ มหีนงัสอืพิมพ์ของ คนงานเกิดขน�ึ มกีารรวมตวักนัสร้ างสหภาพแรงงานแรกๆ ขน�ึมา เพ�ือนดัหยดุงานและตอ่ส้ กู บันายทนุ และ สหภาพเหลา่นก�ีลายเป็ นพลงัสาํคญ ั ในการเปลย�ีนสงัคม ในเร�ื องสทิธิทางเพศ ผ้ หู ญิงจาํนวนหนง�ึเร�ิ มทํางานในโรงงานสง�ิทอทางตะวนัตกเฉียงเหนือขององักฤษ หรื อแม้ แตใ่นยา่นคนจนของปารี ส และผ้ หู ญิงเหลา่นจ�ีะมรีายได้ ของตนเอง ซง�ึเพ�ิมความมน�ัใจของผ้ หู ญิง และบอ่ยครัง�มกีรณีท�ีเขากล้ าเผชิญหน้ ากบัตาํรวจหรื อทหารทม�ีารังแก

ขบวนการ “ชาทสิต์ ” (Chartists) ขบวนการ “ชาทิสต”์ เป็ นขบวนการกรรมาชีพขบวนการแรกในโลก ซง�ึเป็ นผลมาจากการพฒ ั นาของระบบ ทนุนิยมในองักฤษ พวก ชาทิสต์ ได้ รับช�ือจากแถลงการณ์ข้ อเรี ยกร้ อง(Charter) เพ�ือสทิธิเสรี ภาพและ ประชาธิปไตยท�ีเขาเสนอตอ่สงัคม เชน่เร�ื องสทิธิเลือกตง�ั เพ�ือชายทกุคน และการยบุรัฐสภาทกุปี เพ�ือให้ ประชาชนตรวจสอบได้ เสมอ เป็ นต้ น ขบวนการนเ�ี ป็ นขบวนการรากหญ้ าท�ีมโีครงสร้ างภายในท�ีเป็ นประชาธิปไตย หนงัสอืพิมพ์หลกัของเขา ช�ือ “ดาวเหนือ” ซง�ึกอ่ตงั � ขน�ึในเมอืง ลดีส์ ในปี ค.ศ. 1837 ปรากฏวา่ ยอดตพีิมพ์เทียบเทา่กบัหนงัสอืพิมพ์ ไทมส์ ของชนชนั � ปกครอง นอกจากนส�ีาํหรับคนงานสว่นทย�ีงัอา่นเขียนไมไ่ด้ มกีารตง�ั วงเพ�ืออา่นให้ ฟั งใน โรงงานหรื อในผบัร้ านสรุา

58


ขบวนการ ชาทิสต์ มกีารลกุฮือสามครัง� ซง�ึสร้ างความสะเทือนใจเป็ นอยา่งย�ิงให้ ชนชนั � ปกครอง ระหวา่ง 1838-39 คนงานเป็ นแสนประชมุกนัเพ�ือถกเถียงประเดน็ตา่งๆ ในข้ อเรี ยกร้ อง คนงานเป็ นหมน�ืเร�ิ ม “ฝึ ก” เพ�ือยดึอาํนาจ และรัฐบาลสง่ทหารไปประจําการตามยา่นอตุสาหกรรมตา่งๆ ในปี 1842 มีการนดัหยดุงาน ทว�ัไปเป็ นครัง�แรกในโลกในจงัหวดั แลงคาเชียร์ โดยที�คนงานจากโรงงานตา่งๆ จะสญ ั จรไปปิ ดโรงงานทว�ั พน�ืท�ี และในปี 1848 ทา่มกลางกระแสปฏิวตัทิว�ัยโุรปและวกิฤตเศรษฐกิจในองักฤษ มกีารลกุฮืออกีครัง� รัฐบาลเอาทหารมาคมุ ลอนดอน แตผ่้ นู ําขบวนการใจออ่น ในขณะท�ีรัฐบาลและชนชนั � กลางใจแข็งไมย่อม ประนีประนอม ขบวนการมวลชนอนัย�ิงใหญ่แบบนม�ี​ีหลายแนวทางรวมกนัอยเู่ป็ นธรรมดา แนวหนง�ึเน้ น “พลงัศลีธรรม” เพ�ือชกัชวนให้ ชนชนั � ปกครองเปลย�ีนใจ -แนวปฏิรูปนนั � เอง- อกีแนวหนง�ึเน้ น “พลงักําลงั” เพ�ือโคน่ระบบ แต่ ทงั � สองแนวไมช่ดัเจนเทา่ไรวา่จะบรรลเุป้ าหมายอยา่งไร สง�ิทน�ีา่สนใจเกย�ีวกบัขบวนการนค�ีือ ชนชนั � นายทนุ ยงัไมท่นัรบชนะพวกขนุนางเกา่ ก็มขีบวนการใหมข่องคนชนั � ลา่งเกิดขน�ึ เพ�ือท้ าทายอํานาจนายทนุ และใน ยคุนก�ีารพฒ ั นาอตุสาหกรรมเร�ิ มเกิดขน�ึในฝร�ังเศส เยอรมนัตอนใต้ อติาลท�ีางเหนือ โบฮีเมีย สเปน ตะวนัออกเฉียงเหนอื สหรัฐ รัสเซยีตะวนัตก และในลมุ่แมน่า�ํไนล์ของอยีิปต์ ในปี 1830 มวลชนคนจนในปารี สลกุฮืออกีครัง� หลงัการปฏิวตัิ 1795 และล้ มกษัตริ ย์ชาร์ สท�ีสบิ

กาํเนิดลัทธมิาร์ คซ์ ประโยคแรกของ คาร์ ล มาร์ คซ์ กบั เฟรเดอริ ค เองเกลิส์ ใน “แถลงการณ์พรรคคอมมวินิสต์” ท�ีเขียนในปี ค.ศ. 1847 คอื “ปี ศาจตนหน�ึง ปี ศาจแห่งลทัธิ คอมมิ วนิสต์ กําลงัวนเวียนอยู่ในยโุรป” หมกึยงัไมท่นัแห้ งใน แถลงการณ์น �ี กเ็กิดการปฏิวตัลิกุฮืออนัย�ิงใหญ่ทว�ัยโุรปในปี 1848 ส�ิงที�สร้ างความตน�ืเต้ นสาํหรับผ้ อู า่นในสมยันนั � และในสมยัน �ี คือความสามารถของ มาร์ คซ์ กบั เอง เกิลส์

ในการอธิบายกําเนิดของสงัคมทนุนิยมอตุสาหกรรม

ในบริ บทของประวตัศิาสตร์ มนษุย์ท�ี

เปลย�ีนแปลงตลอดเวลาอย่างตอ่เน�ือง และเขาสามารถอธิบายในหนงัสอืสนั � ๆ ได้ อีกด้ วย มาร์ คซ์ กบั เองเกิลส์ เป็ นสองคนท�ีมคีวามสามารถมหาศาล แตผ่ลกระทบของความคดิของเขามาจาก ความขดัแย้ งและการเปลย�ีนแปลงในสงัคมโลกจริ ง ซง�ึเขาสามาระอธิบายได้ ทงั � สองเป็ นคนจากตระกลูชน 59


ชนั � กลางในเยอรมนั บิดาของมาร์ คซเ์ป็ นเจ้ าหน้ าทร�ีัฐเชอ�ืสายยิวท�ีนบัถอืคริ สต์ สว่นบิดาของเองเกิลสเ์ป็ น นายทนุท�ีมีโรงงานอยทู่�ี ไรน์แลนด์ ในเยอรมนักบั แมนเชสเตอร์ ในองักฤษ ระบบทนุนิยมพฒ ั นามากท�ีสดุท�ีเยอรมนัในเขต ไรน์แลนด์ และถงึแม้ วา่ระบบฟิ วเดลิถกูกวาดล้ างไปโดย กองทพั นโปเลยีน แตย่งัมรีะบบกษัตริ ย์ล้ าหลงัอยู่ ดงันนั � คนชนั � กลางๆ มกัจะต้ องการการเปลย�ีนแปลง ถงึแม้ วา่นกัปรัชญาอย่าง

เฮเกิล

ปรับความคดิเร�ื องการเปลย�ีนแปลงของสงัคมไปเพ�ือสนบัสนนุรัฐ

กษัตริ ย์ แตพ่วกลกูศษิย์หนมุ่ของ เฮเกิล เชน่ บรูโน เบาเอร์ , เดวดิ สตรัวส,์ คาร์ ล กรัน และ ลดุวิค ฟอย เออร์ บคั หนัมาใช้ แนวคดิจากยคุแสงสวา่ง เพ�ือเสนอการปฏิรูประบบ และในกรณี ฟอยเออร์ บคั มกีารเน้ น สภาพวตัถใุนโลกจริ งแทนแคเ่ร�ื องความคดิก้ าวหน้ า มาร์ คซ์ กบั เองเกิลส์ เป็ นคนยคุนท�ีพ�ียายามทําความเข้ าใจกบัสงัคมเยอรมนัท�ีตดิค้ างระหวา่งอดตีกบั อนาคต โดยศกึษานกัคดิพวกน �ี แตเ่ขาไปไกลกวา่มาก โดยท้ าทายระบบอตุสาหกรรมทนุนิยม ทงั � สองเสนอ วา่การเปลย�ีนแปลงทเ�ีกิดขน�ึอยา่งตอ่เน�ือง ตามความคดิวภิาษวธิี ไมใ่ชแ่คเ่ร�ื องของพลงัความคดิใหม่ แต่ ต้ องอาศยัการเปลย�ีนแปลงในสภาพวตัถขุองโลกจริ งด้ วย เชน่การเปลย�ีนแปลงในระบบการผลติเป็ นต้ น เองเกิลส์ถกูสง่ไปทาํงานเป็ นผ้ บู ริ หารในโรงงานท�ี แมนเชสเตอร์ ซง�ึทําให้ เขามีโอกาสสมัผสัขบวนการ แรงงานองักฤษและสภาพชีวิตของเขาโดยตรง งานชน�ิแรกของเขาคอื “สภาพชนชนั � กรรมาชีพในองักฤษ” และเขามโีอกาสพบกบัผ้ นู าํขบวนการ ชาทิสต์ และนกัสงัคมนยิมเพอ�ืฝั นอยา่ง โรเบริ ด โอเวน สว่นคาร์ ล มาร์ คซ์ พอจบวทิยานิพนธ์ปริ ญญาเอกเร�ื องนกัปรัชญากรี ก กไ็ปทาํงานเป็ นบรรณาธิการ นสพ. เสรี นิยมของเยอรมนัช�ือ ไรน์นิช เซตงุ แตเ่ม�ือเขาท้ าทายกลมุ่อภิสทิธ�ิชน กต็้ องย้ ายบ้ านไปอยทู่�ี ฝร�ังเศส การศกึษา เฮเกิล ในเชิงวพิากษ์ นํามาร์ คซ์ไปสขู่้ อสรุ ปวา่ แคร่ัฐธรรมนญ ู เสรี นยิม ไมเ่พียงพอทจ�ีะ สร้ างสิทธิเสรี ภาพเตม็ท�ีได้ ตอ่จากนนั � มาร์ คซ์กไ็ปศกึษาเศรษฐศาสตร์ ของคนอยา่ง สมิท กบั ริ คาร์ โด มาร์ คซ์ อธิบายวา่ระบบทนุนิยมท�ี สมิท กบั ริ คาร์ โด พดูถงึ ทาํให้ ชีวิตมนษุย์ตกอยภู่ายใต้ อาํนาจของ กลไกตลาด สว่น ฟอยเออร์ บคั กเ็คยอธิบายวา่มนษุย์บชูาพระเจ้ า ท�ีมนษุย์สร้ างขน�ึเอง เหมอืนกบัวา่พระ เจ้ าเป็ นพลงัธรรมชาติ และเขาเรี ยกปรากฏการณ์นว�ีา่ “สภาวะแปลกแยก” (Alienation) มาร์ คซ์ จงึเสนอวา่ อาํนาจของกลไกตลาดทนุนิยมเหนือมนษุย์ก็มลีกัษณะแบบนเ�ี หมอืนกนั

เพราะมนษุย์เป็ นผ้ สู ร้ างกลไก

ตลาดแตแ่รก และในระบบทนุนิยมผ้ ทู ท�ีํางานกลายเป็ นทาสของสง�ิของท�ีคนงานเคยผลติในอดีต ข้ อสรุ ป ของมาร์ คซค์อื มนษุย์จะก้ าวพ้ นความเป็ นทาสกต็อ่เมอ�ืร่ วมกนัยดึ และร่วมกนัควบคมุ กระบวนการผลติ 60


เสรี ภาพจะไมเ่กดิขน�ึจากการปฏวิตักิารเมอืงเทา่นนั � อย่างทพ�ีวกเสรี นิยมเสนอ แตต่้ องมกีารปฏิวตัสิงัคม และการผลติ เพ�ือไปสเู่สรี ภาพแท้ ในสงัคม “สว่นร่วม” ของ “คอมมวินิสต์” มาร์ คซ์ กบั เองเกิลส์ ทํางานร่ วมกบันกัสงัคมนิยมอื�นๆ ทว�ัยโุรป และกอ่ตง�ั สนันิบาตคอมมวินิสต์ ซง�ึ นําไปสกู่ารเขียน “แถลงการณ์พรรคคอมมวินิสต์” หนงัสือเลม่เลก็เลม่นม�ีคีวามสาํคญ ั ในการทํานายอนาคต ของระบบโลก และใครท�ีอา่นจะเหน็ภาพชดั ดงันนั � คาํวิจารณ์จากลกูศษิย์ของ อดมั สมทิ ซง�ึมาก่อนยคุ มาร์ คซ์ วา่ลทัธิ มาร์ คซ์ “ล้ าสมยั” ไมค่อ่ยมสีาระ แตง่านหลกัของมาร์ คซต์อ่จากนนั � คือหนงัสอื “วา่ด้ วยทนุ” ท�ีลงรายละเอยีดเร�ื องระบบทนุนิยมโดยตอ่ยอดและวจิารณ์นกัเศรษฐศาสตร์ อยา่ง สมิท กบั ริ คาร์ โด

กระแสปฏวิัติ 1848 อาเลคซ์ เดอร์ ทอกวิล บรรยายภาพการปฏิวตัทิเ�ีขาเหน็ในเมืองปารี ส ในเดอืนกมุภาพนัธ์ปี 1848 วา่เป็ น ปรากฏการณ์ใหมท่ี�นา่ทง�ึ เพราะอาํนาจทงั � หมดอยู่ในมอืของคนท�ีไมไ่ด้ เป็ นเจ้ าของอะไร และคนเหลา่นด�ีู เหมือนไมไ่ด้ มีอารมณ์ โกรธแค้ นแตอ่ยา่งใด แตใ่นขณะเดียวกนั เดอร์ ทอกวิล ซง�ึเป็ นคนชนั � สงู อดเกรงกลวั ไมไ่ด้ ภาพทเ�ีขาบรรยายเป็ นภาพสถานการณ์หลงัจากท�ีคนงานฝร�ังเศสลกุฮือล้ มกษัตริ ย์ หลยุส์ ฟิ ลปิ ทเ�ีคย เข้ ามาแทนท�ีกษัตริ ย์ชาร์ ลส์ซง�ึเคยถกูไลอ่อกเชน่กนั การลกุฮือครัง�นเ�ี ร�ิ มจากการปะทะกนัระหวา่งตํารวจกบั นกัศกึษากบัคนชนั � กลางท�ีต้ องการสาธารณรัฐ แตม่นัลามตอ่ไปสยู่า่นคนจน ตอ่จากนนั � นกัการเมอืงชนชนั � กลางกฉ็วยโอกาสเสนอรัฐบาลใหม่ และดงึนกัสงัคมนิยมอยา่ง หลยุส์ ปลงัค์ เข้ ามร่ วมรัฐบาลพร้ อมกบั ผ้ แู ทนของกรรมาชีพช�ือ อลัเบริ ด การปฏิวตัคิรัง�นใ�ี นฝร�ังเศส กลายเป็ นระเบิดเวลาใต้ บรรลงักษัตริ ย์ทว�ัยโุรป มกีารลกุฮือท�ี สวสิแลนด์ เกาะสสิลิ �ี เมอืงวเิอนนา มลิาน เวนสิ พราก และเบอร์ ลิน ทกุครัง�การประท้ วงชมุนมุโดยคนชนั � กลางๆ ท�ีมี แนวคิดเสรี นิยม นําไปสกู่ารลกุฮือของคนจนและคนงานทเ�ีอาชนะทหารและตํารวจได้ และเข้ าไปยดึสถานท�ี ราชการตา่งๆ พวกอาํมาตย์เผดจ็การต้ องหนีออกนอกประเทศ และขนุนางท�ีไมห่นีออกไป อยไู่ด้ โดยการ แสดงจุดยืนสนบัสนนุรัฐธรรมนญ ู เสรี นิยม มกีารสญ ั ญาวา่จะให้ สทิธิเลอืกตงั � กบัชายทกุคน ให้ เสรี ภาพสอ�ื และสทิธิในการได้ รับการพิพากษาโดยระบบลกูขนุ พร้ อมกบัการยตุอิภิสทิธ�ิของพวกขนุนาง

61


แตใ่นไมช่้ าพวกขนุนางและพวกปฏิกิริ ยา เร�ิ มโจมตีความก้ าวหน้ าและทําการปฏิวตัซิ้ อนเพื�อยดึอาํนาจ กลบัคนืมา และรัฐบาลใหมๆ่ ท�ีเคยมาจากการปฏิวตัิ ซง�ึประกอบไปด้ วยคนชนั � กลางท�ีมฐีานะดี กไ็มย่อมทํา อะไรเลย นอกจากนพ�ีลงัของชนชนั � กรรมาชีพท�ีเร�ิ มปรากฏตวั สร้ างความเกรงกลวัในหมชู่นชนั � นายทนุและ ชนชนั � กลางท�ีมฐีานะ อภิสทิธ�ิเกา่

เพราะขบวนการแรงงานต้ องการไปไกลกวา่แคร่ัฐธรรมนญ ู เสรี นิยมและการยกเลกิ

คนงานต้ องการมาตรฐานในชีวิตท�ีดขีน�ึสาํหรับคนจน

และต้ องการท้ าทายอภิสทิธ�ิในการ

กอบโกยกําไรโดยนายทนุอีกด้ วย สถานการณ์แบบนน�ีําไปสกู่ารสร้ างแนวร่วมระหวา่งพวกชนชนั � กลางเสรี นิยมท�ีมฐีานะดี กบัพวกขนุนางอาํนาจเกา่ ในการร่วมกนัปราบปรามประชาชน มกี ารส้ รู บอยา่งดเุดือดใน ปารี สระหวา่งกองกําลงัของทงั � สองฝ่ าย โดยทฝ�ี่ ายกรรมาชีพมสีตรี ร่วมในการตอ่ส้ ดู ้ วย วรีสตรี คนหนง�ึท�ี กําลงัถือธงแดง ถกูยงิตายขณะท�ีกาํลงัเดนิหน้ าส้ กู บัทหาร และภาพนก�ีลายเป็ นภาพท�ีจดจํากนัถงึทกุวนัน �ี หลงัจากทพ�ีวกชนชนั � กลางเสรี นยิมในฝร�ังเศสปราบชนชนั � กรรมาชีพสาํเร็ จ พวกนค�ี้ นพบวา่ไมม่ใีครมา ปกป้ องเขาจากการก้ าวเข้ ามาของพวกนิยมกษัตริ ย์ แตฝ่​่ ายกษัตริ ย์แตกแยกกนัวา่จะเอาใครขน�ึมา ใน สถานการณ์ท�ีมชีอ่งวา่งแบบน �ี หลยุส์ โบนาพาร์ ท หลานของ นโปเลยีน กก็้ าวเข้ ามาผา่นการทํารัฐประหาร การนองเลือดทา่มกลางการปราบปราม นาํไปสกู่ารกลบัมาของพวกปฏิกริ​ิ ยาทว�ัยโุรป และคาร์ ล มาร์ คซ์ สรุปวา่ในเยอรมนั การปฏิวตัทินุนิยมบริ สทุธ�ิเกิดขน�ึไมไ่ด้ อกีแล้ ว ถ้ าสงัคมจะไมถ่อยหลงัต้ องปฏิวตัไิปสู่ สงัคมนิยมเลย เพราะนายทนุเลกิเป็ นชนชนั � ปฏิวตัไิปแล้ ว มาร์ คซ์เรี ยกการปฏิวตัแิบบนว�ีา่ “การปฏิวตัถิาวร” สสู่งัคมนิยม ทง�ั ๆ ท�ีกลมุ่อาํนาจเกา่กลบัเข้ ามาในยโุรป แตก่ไ็มใ่ชว่า่มีการหมนุนาฬิกากลบัไปทงั � หมด มีการพฒ ั นา ระบบอตุสาหกรรม และมกีารสร้ างชาตสิมยัใหมใ่นเยอรมนั อิตาล�ี และฮงัการ�ี

สงครามกลางเมืองในอเมริกา สงครามกลางเมอืงในอเมริ การะเบิดขน�ึในปี ค.ศ. 1861 ระหวา่งรัฐทางใต้ ท�ีใช้ ระบบทาสผวิดาํในไร่ขนาด ใหญ่ กบัรัฐทางเหนือทใ�ีช้ แรงงานเสรี ในระบบอตุสาหกรรมใหญ่ และการเกษตรเสรี ในไร่นาขนาดยอ่ม ความขดัแย้ งระหวา่งชนชนั � นําในสองระบบน �ี มาจากการแย่งผลประโยชน์กนัในดินแดนบกุเบิกใหมท่ าง ตะวนัตกของอเมริ กา ฝ่ ายเจ้ าทาสต้ องการขยายพน�ืท�ีไร่ ้ฝาย เพ�ือป้ อนโรงงานอตุสาหกรรมในองักฤษ สว่น 62


คนทางเหนือต้ องการขยายพน�ืทส�ีาํหรับเกษตรกรรายยอ่ยท�ีจะมที�ีดนิของตนเอง เกษตรกรเหลา่นจ�ี ะได้ เป็ น ตลาดสําคญ ั ของนายทนุโรงงานอตุสาหกรรมในเมอืงทางเหนอื ต้ องการกําแพงภาษี ท�ีกีดกนัสนิค้ าอตุสาหกรรมจากคแู่ขง่ในองักฤษ

นอกจากนน�ีายทนุอเมริ กาทางเหนือ ในขณะท�ีเจ้ าทาสเจ้ าของไร่ทางใต้

ต้ องการระบบการค้ าเสรี เพ�ือจะได้ สง่ออก ้ฝายสโู่ รงงานขององักฤษ ในขนั � ตอนแรกมกีารประนปีระนอมแบ่งเขตอทิธิพลกนัระหวา่งชนชนั � ปกครองเหนือกบัใต้ แตใ่นทส�ีดุก็ หลกีเลย�ีงการปะทะกนัไมไ่ด้ ในปี 1854 ประธานาธิบดพีรรคเดโมแครท (Democrat) ซงึ� สนบัสนนุระบบ ทาส พร้ อมจะยกรัฐ แคนสสั และพน�ืทท�ีางตะวนัตกให้ ระบบทาสในไร่ขนาดใหญ่ ถ้ าคนในพน�ืท�ีเหน็ด้ วย ซง�ึ ให้ โอกาสกบัเจ้ าทาสร�ํ ารวยในการสร้ างฐานเสียง สถานการณ์นส�ีร้ างความไมพ่อใจมากทางเหนือ

กอ่นที�เกษตรกรขนาดยอ่ยจะเข้ ามาจบัจองพน�ืท�ีได้ และมกีารตงั � พรรคการเมอืงใหมช่ื�อพรรค

รี พบัลแีคน

(Republican) ท�ีสนบัสนนุแรงงานเสรี และนายทนุใหญ่ (แตไ่มไ่ด้ ตอ่ต้ านระบบทาสผิวดาํ) ตอ่มาในปี 1860 อบับราแฮม ลงิคอน จากพรรค รี พบัลแีคน นช�ีนะการเลือกตง�ั เป็ นประธานาธิบดี ในชว่งแรกคนสว่นใหญ่ทางเหนือไมไ่ด้ คดัค้ านระบบทาสในทางอดุมการณ์เลย

และบอ่ยครัง�จะมี

ความคดิเหยียดสผีิวอีกด้ วย ขบวนการรณรงค์ให้ ยกเลกิทาสท�ีนาํโดยคนอยา่ง เวนเดล ฟิ ลปิส,์ เฟรเดอริ ค ดกัลาส และ แอนนา ดกิคินสนั เป็ นเสียงสว่นน้ อย แตเ่มอ�ื 7 รัฐทางใต้ ประกาศแยกตวัออกจากสหรัฐ ตงั � กองทพั และโจมตปี้ อม ซมัท์เนอร์ ในปี 1861 เร�ิ มมกีารลกุฮือและเปลย�ีนความคดิในสงัคมทางเหนือ และ แกนนําขบวนการรณรงค์ให้ ยกเลกิระบบทาสกไ็ด้ รับการสนบัสนนุอยา่งมาก ในขนั � ตอนแรกประธานาธิบดี ลงิคอน ประนีประนอมมาก และผ้ บู ญ ั ชาการกองทพัของฝ่ ายเหนือไมย่อม เตม็ใจตอ่ส้ ใู ห้ ถงึท�ีสดุ เวนเดล ฟิ ลปิส์ ตง�ั ข้ อสงัเกตวา่นายพลคนนท�ีําตวัเหมือนใส้ ศกึ และ วจิารณ์ ลิงคอน วา่เป็ น “ตวัอย่างที ย�อดเยี ย�มของคนทีไ� ม่ไดเ้รื �อง” ผลของการประนีประนอมแบบนค�ีอืฝ่ ายเหนือไมค่บืหน้ า ในสงครามเลย ในทส�ีดุกระแสความคดิก้ าวหน้ าสดุขวั � มอีทิธิพลมากขน�ึ คล้ ายๆ กบัการเปลย�ีนแปลงแกน นําในการปฏิวตัอิงักฤษหรื อฝร�ังเศส นายพล กรานท์ และ เชอร์ มนั เข้ าใจดวีา่ถ้ าจะชนะกองทพัใต้ ต้ องมี การทําลายโครงสร้ างระบบทาส ไมใ่ชแ่คช่นะกองทพั และในท�ีสดุ ลิงคอน เองกเ็ร�ิ มเข้ าใจวา่ต้ องประกาศ เลกิทาส และสร้ างกองทพัคนผวิดาํ เพ�ือเอาชนะรัฐใต้ อยา่งเบด็เสร็จ คาร์ ล มาร์ คซ์ จงึอธิบายว่าคนอย่าง ลงิคอน ท�ีสามญ ั เหลือเกิน และไมม่ีอดุมการณ์ อะไรมากมายนอกจากความหวงัดี ถกูสถานการณ์พาไปจน กลายเป็ นหวัหน้ าขบวนการปฏิวตัสิงัคม

63


หลงัจากชยัชนะของกองทพัเหนอื มกีารคมุพน�ืที�ทางใต้ โดยทหาร ซง�ึเปิ ดโอกาสให้ คนผิวดาํเข้ ามามี บทบาททางการเมอืงและสงัคม เชน่ในการเป็ นผ้ พู ิพากษาหรื อส.ส. แตป่ระมาณกลางๆ ทศวรรษ 1870 หลงัจากท�ีมกีารรื อ�ฟื น�เศรษฐกิจในรู ปแบบทไ�ีมใ่ช้ ทาส และหลงัจากท�ีนายทนุทางเหนือคมุอาํนาจเศรษฐกจิ ทว�ัประเทศได้ มกีารถอนทหารออกไป และปลอ่ยให้ พวกเหยียดผิวรุ นแรงอยา่งกลมุ่ คคูลกัซ์แคลน (Ku Klux Klan) เข้ ามาทําลายสทิธิเสรี ภาพและฐานะของคนผิวดาํ โดยท�ีรัฐบาลกลางไมส่นใจอะไรเลย ในไมช่้ า พรรค รี พบัลแีคน ซงึ� เป็ นพรรคหลกัของนายทนุอตุสาหกรรม กล็มืคาํขวญ ั เกา่ๆ เร�ื องความเทา่เทียมของ มนษุย์

การยดึครองอนิเดีย การยดึครองอนิเดยีโดยองักฤษ ไมไ่ด้ เกิดขน�ึอยา่งรวดเร็ ว ไมไ่ด้ อาศยัการใช้ กองกําลงัทหารอยา่งเดยีว และ ไมไ่ด้ เป็ นการกระทาํของรัฐบาลองักฤษโดยตรงในระยะแรก เพราะตวัแทนของชนชนั � ปกครององักฤษท�ีก้ าว เข้ ามาคือบริ ษัทอินเดยีตะวนัออก (East India Company) อนิเดยีในยคุนนั � ไมไ่ด้ ล้ าหลงัและอยกู่บัที�อยา่งท�ีหลายคนเสนอ แตม่กีารขยายตวัของพวกพอ่ค้ า นาย ธนาคาร และพวกเจ้ าภาษี อยา่งไรก็ตามพน�ื ท�ีนป�ีระกอบไปด้ วยรัฐกษัตริ ย์หลายรัฐทข�ีดัแย้ งและทําสงคราม กนั ซง�ึไมเ่ปิ ดโอกาสให้ หนอ่ออ่นของนายทนุเหลา่นม�ีอีทิธิพลทางการเมือง และย�ิงกวา่นนั � ไมส่ามารถสร้ าง เสถียรภาพทางการเมอืงเพียงพอท�ีจะปกป้ องธรุกิจตา่งๆ ได้ ด้ วย อนันเ�ี ป็ นโอกาสทองสําหรับบริ ษัทอนิเดยี ตะวนัออกขององักฤษท�ีจะแทรกแซง และนกัธรุกจิอนิเดียหลายคนมองว่าบริ ษัทน �ี ทม�ี​ีกองกําลงัทหารของ ตนเอง สามารถปกป้ องธุรกจิของเขาได้ บริ ษัทอนิเดยีตะวนัออกเร�ิ มขยายเครื อข่ายการค้ าขาย โดยรับซอ�ืผลติพนัธ์ส�ิงทอและสนิค้ าอน�ืๆ จาก พอ่ค้ าอนิเดีย เพ�ือขายในองักฤษ ตอ่มาในทศวรรษ 1750 บริ ษัทเลน่การเมอืงทา่มกลางความขดัแย้ ง ระหวา่งชนชนั � ปกครองเบงกอล์

และทาํสงครามกีดกนัฝร�ังเศสออกจากพน�ืท�ี

จนบริ ษัทสามารถเข้ ามา

ควบคมุแคว้ นเบงกอล์ได้ หมดเลย วธิีการของบริ ษัทอนิเดียตะวนัออก คือเข้ ามาเป็ นอาํนาจการปกครองบริ หารแท้ แตม่ีขนุนางหรื อผ้ ใู หญ่ อนิเดียเป็ นประมขุหนุ่เชิด มกีารเกบ็ภาษี จากประชาชนเพ�ือเลย�ีงดเูจ้ าหน้ าท�ีของบริ ษัท และเพ�ือสร้ างและ พฒ ั นากองกําลงัทหารท�ีมาจากคนพน�ืเมอืง นอกจากนเ�ี มอ�ืมีความขดัแย้ งระหวา่งรัฐกษัตริ ย์ตา่งๆ ทาง 64


บริ ษัทจะเข้ าไปสนบัสนนุฝ่ ายหนง�ึเพ�ือสร้ างอิทธิพล ในขณะเดยีวกนัผ้ ปู กครองบางรัฐและพ่อค้ าใหญ่ก็มอง วา่การทํางานร่ วมกบับริ ษัทจะพฒ ั นาผลประโยชน์ของตนเองได้

ดงันนั � ทางบริ ษัทจงึรุกรานยดึครองบาง

พน�ืท�ี และซอ�ืผ้ นู ําในพน�ืท�ีอ�ืนๆ มกีารแตง่ตง�ั พวก ซามนิดาร์ (zamindars) เป็ นเจ้ าของท�ีดินรายใหญ่ท�ี จงรักภกัดตีอ่บริ ษัทอกีด้ วย

อกีวธิีหนง�ึที�บริ ษัทใช้ เพื�อปกป้ องอาํนาจของตนเองคือการ

“แบ่งแยกและ

ปกครอง” โดยทจ�ีะมีการยใุห้ เกิดความแตกแยกระหวา่งคนท�ีมศีาสนาตา่งกนั หรื อคนทม�ีวีรรณะตา่งกนั ซง�ึ มผีลทําให้ ระบบวรรณะเข้ มแขง็ขน�ึ และความขดัแย้ งทางศาสนาทไ�ีมเ่คยมใี นอดตี กเ็ กดิขน�ึได้ หลงัจากท�ีรัฐ องักฤษเข้ ามาปกครองโดยตรงกม็ีการใช้ วธิีการนต�ีอ่ไป

ในท�ีสดุชนชนั � นายทนุองักฤษสามารถยดึครอง

อนิเดียท�ีมพีลเมือง 200 ล้ าน ด้ วยกองกําลงัทหารท�ีเกณฑ์จากคนพน�ืเมอืงแค่ 2 แสนคน โดยท�ีมี ผ้ บู งัคบับญ ั ชาทเ�ีป็ นคนองักฤษไมก่�ีคน นอกจากนม�ีกีองกําลงัทหารท�ีเป็ นคนองักฤษมีอีก 4 หมน�ืคน ความร�ํ ารวยมหาศาลหลง�ัไหลเข้ ากระเป๋ าของบริ ษัทอินเดยีตะวนัออก ผ้ ทู ส�ีร้ างมลูคา่นค�ีอืเกษตรกรราย ยอ่ยอนิเดียทผ�ีลิตสนิค้ า

และมีการเก็บภาษี จากเกษตรกรในลกัษณะทม�ีปีระสทิธิภาพมากขน�ึ

(ประสทิธิภาพในความโหดร้ ายทารุณ) ผลคอืในปี ค.ศ. 1769 ประชาชน 10 ล้ านคนอดตายหรื อตายจาก โรคภยัไข้ เจบ็ แตพ่วกชนชนั � นํา พ่อค้ า หรื อเจ้ าของที�ดนิอนิเดยีไมส่นใจเลย เพราะได้ ประโยชน์จาก ความสมัพนัธ์กบับริ ษัท

แตใ่นไมช่้ าพวกนจ�ีะเรี ยนบทเรี ยนอนัเจ็บปวด

เมอ�ืผ้ ูมอีํานาจองักฤษพิสจูน์ให้

เหน็ชดัวา่มนัเป็ นความสมัพนัธ์ท�ีไมเ่ทา่เทยีมกนั เพราะในต้ นคริ สต์ศตวรรษท�ี 19 (1800 เป็ นต้ นไป) โรงงาน อตุสาหกรรมองักฤษเร�ิ มผลิตผ้ าในราคาถกูกวา่เกษตรกรอินเดยีท�ีเป็ นชา่งหตัถกรรม อตุสาหกรรมส�ิงทอทงั � หมดของอนิเดยี

ผลคือการทําลาย

โดยท�ีนายทนุและพอ่ค้ าอนิเดยีทําอะไรไมไ่ด้ เลย

ตอ่มาใน

อตุสาหกรรมตอ่เรื อและการธนาคาร นายทนุองักฤษกเ็ข้ ามาแย่งกิจกรรมของคนพน�ืเมอืงไปหมด แตค่วามป่ าเถ�ือนของบริ ษัทอนิเดยีตะวนัออก กลายเป็ นเง�ือนไขสาํคญ ั ในการกบฏของทหารอนิเดียในปี 1857 เมอ�ืผ้ บู งัคบับญ ั ชาไมเ่คารพทําเนียมและความเชื�อของทหาร โดยสง�ัให้ ทหารใช้ นา�ํมนัหมแูละนา�ํมนัววั ทากระสนุปื น ภายในไมก่ส�ีปัดาห์คนอนิเดยีตา่งศาสนาสามคัคีกนั และยดึพน�ื ท�ีอนิเดยีเหนือจากองักฤษ พร้ อมกบัจบั เจ้ าหน้ าทอ�ีงักฤษฆ่าทง�ิ อย่างไรก็ตามเน�ืองจากอนิเดยีเป็ นสมบตัอินัมีคา่มหาศาลของชนชนั � นายทนุองักฤษ

มกีารรี บสง่กําลงั

ทหารไปปราบปรามการกบฏ และมกีารเร่ งใช้ มาตรการเพ�ือปฏิรู ปการปกครอง โดยนําอาํนาจการปกครอง โดยตรงของรัฐองักฤษเข้ ามาแทนบริ ษัทอนิเดยีตะวนัออก

กอ่นทผ�ี้ บู ริ หารบริ ษัทจะทําให้ ทกุอยา่งพงัและ

องักฤษเสยีผลประโยชน์ไป มนัเป็ นตวัอยา่งหนง�ึของความไร้ ประสทิธิภาพของเอกชนเมอ�ืเทียบกบัรัฐ 65


การกดข� ปี ระเทศจีน ประเทศจีนไมไ่ด้ ถกูยดึครองโดยตรงเหมอืนอนิเดยี ตะวนัตกต�ืนเต้ นกบัทรัพยากรและผลผลติจีนมานาน จากตะวนัตก

แตส่ภาพชีวติของคนธรรมดากไ็มไ่ด้ ดกีวา่

พอ่ค้ า

แตเ่ขามปีั ญหาเพราะจีนไมต่้ องการซอ�ืผลผลติอะไร

ในการแก้ ปั ญหานบ�ีริ ษัทอนิเดยีตะวนัออกหนัมาใช้ ท�ีดนิจํานวนมากในอินเดยี เพ�ือปลกูฝ�ิ น

แล้ วขนไปขายในจีน สาํหรับบริ ษัทอนิเดยีตะวนัออก ฝ�ิ นมี “ข้ อดี” ตรงทพ�ีอเร�ิ มใช้ แล้ วยากทจ�ีะหยดุซอ�ื คาด วา่ในปี 1810 มกีารนําฝ�ิ นเข้ าเมืองกวางต้ งุ 325,000 กิโลกรัม และในปี 1839 เม�ือเจ้ าหน้ าทจ�ี​ีนพยายาม ยบัยงั � การขายฝ�ิ น องักฤษกส็ง่ทหารไปทาํสงครามเพ�ือ “สิทธิ” ในการขายยาเสพตดิ ชนชนั � ปกครองจีนปกครองพน�ืท�ีท�ีมปีระชากรมากท�ีสดุในโลก ในอดีตไมเ่คยมีอํานาจตา่งประเทศมายดึ ครองได้ นอกจากพวกมองโกลจากทางเหนือ ดงันนั � มีการประเมนิอาํนาจของตะวนัตกตา�ํเกินไป หลงัจากส้ ู รบกนัสามปี รัฐบาลจกัรพรรด�ิ ยอมเซน็สญ ั ญาท�ีให้ องักฤษขายฝ�ิ น และยกเกาะฮ่องกงให้ องักฤษอีกด้ วย ตอ่มาองักฤษต้ องการผลประโยชน์มากขน�ึ จงึทาํสงครามรอบสองในปี 1857 และร่วมมอืกบัฝร�ังเศสเพ�ือบุก เมอืงเปยจิงและเผาวงัจกัรพรรด�ิ นกัวชิาการจีนมกัจะถกเถียงกนัถงึสาเหตขุองความออ่นแอของจีน ฝ่ ายหนง�ึเสนอวา่ระดบัอตุ สาหกรรม ตะวนัตกทําให้ ตะวนัตกสามารถผลติอาวธุที�เหนือกวา่ของจีน

อกีฝ่ ายเถียงว่าระดบัการพฒ ั นาของ

อตุสาหกรรมตอนนนั � ยงัไมต่า่งกนัเทา่ไร แตป่ั ญหามาจากความออ่นแอภายในของรัฐจีนมากกวา่ สญ ั ญาการค้ าตา่งๆ ทจ�ี​ีนต้ องเซน็กบัองักฤษและประเทศตะวนัตกอน�ืๆ ทําให้ ชนชนั � ปกครองไมส่ามารถ ควบคมุการค้ า ควบคมุการหมนุเวยีนของโลหะเงินท�ีใช้ ซอ�ืของนาํเข้ า หรื อเกบ็ภาษี ได้ และในทส�ีดุชาติ ตะวนัตกกส็ร้ างพน�ืท�ีอาณานิคมเลก็ๆ ในเมอืงตามชายฝ�ั งจีน และท�ีแยก่วา่นนั � คือความเสอ�ืมของรัฐจีนทํา ให้ เกษตรกรอดอยากมากขน�ึ ความไมพ่อใจของเกษตรกร คนงาน และปั ญญาชนทางใต้ ของจีน นาํไปสู่ “กบฏไตปิ ง” กลางทศวรรษ 1840 ผ้ นู ํากบฏนช�ี �ือ ฮงั ซยุ ชวน เป็ นครูที�เกิดในตระกลูเกษตรกร มกีารนาํในรู ปแบบ “ผ้ มู บีญ ุ ” โดยทผ�ี้ นู ํา อ้ างวา่ตนเองเป็ นน้ องพระเยซทูไ�ีด้ รับคาํสง�ัจากพระเจ้ า เพ�ือกาํจดัพวกมาร และก่อตงั � สวรรคในโลก มกีาร เสนอความคิดเกี�ยวกบัความเทา่เทยีมระหวา่งมนษุย์และระหว่างเพศ พอถงึปี 1853 ขบวนการนม�ีสีมาชิก สองล้ านคนและสามารถยดึเมอืงนานกิงและควบคมุพ�ืนท�ี 40% ของจีนได้ แตใ่นทส�ีดุการกบฏเสอ�ืมลง 66


เพราะมวลชนสว่นใหญ่เป็ นเกษตรกรที�ไมส่ามารถคมุกองทพัและผ้ นู าํของตนเองได้ ผ้ นู าํจงึแปรธาตไุปเสพ สขุและกดขี�ประชาชนในรู ปแบบเดมิ อยา่งไรกต็าม กระแสหนง�ึในขบวนการนเ�ี ร�ิ มเสนอวา่จีนควรพฒ ั นา อตุสาหกรรม การคมนาคม และวิทยาศาสตร์ เพ�ือให้ เป็ นสงัคมสมยัใหม่ แตก่ระแสนไ�ี มม่เีวลาทจ�ีะนํา นโยบายมาใช้ และไมไ่ด้ รักษาความคดิเร�ื องความเทา่เทียมระหวา่งมนษุย์ด้ วย ในปี 1864 กองทพัของจกัรพรรดจิีน ที�ได้ รับการหนนุหลงัโดยพอ่ค้ าจีน และมหาอาํนาจตะวนัตก สามารถปราบปรามขบวนการ ไตปิ ง ได้ โดยเขน่ฆ่าประชาชนใน นางกิง แสนกวา่คน การท�ีทนุนยิม ตะวนัตกชว่ยสร้ างเสถียรภาพให้ กบัอาํนาจเกา่ในจีน

มผีลทําให้ จีนถอยหลงัในขณะทต�ีะวนัตกพฒ ั นาไป

ข้ างหน้ า

อยีปิต์ ในลกัษณะเดียวกบัจีนและอินเดยี อตุสาหกรรมในอียิปต์ ซง�ึเกิดขน�ึจากการพฒ ั นาภายใต้ รัฐบาลของ มู หมดั อาลี กถ็กูทําลายโดยกองทพัขององักฤษร่ วมกบักองกําลงัจากตรูกีในปี 1840

ญ� ีป่ ุน – กรณีพเิศษ ญ�ีป่ นุ เป็ นกรณีพิเศษในโลกนอกเหนือจากยโุรป

เพราะเป็ นทเ�ีดยีวทส�ีามารถเดนิหน้ าพฒ ั นาเศรษฐกิจทนุ

นิยมได้ ในคริ สต์ศตวรรษท�ี 19 กอ่นหน้ านญ�ี​ีป่ ุนมลีกัษณะสงัคมคล้ ายๆ กบัระบบฟิ วเดลิในยโุรป และได้ รับอทิธิพลของเทคโนโลจี ศาสนา และภาษาเขียนจากจีน ในระบบนจ�ีะมจีกัรพรรดท�ิอ�ีอ่นแอ อาํนาจจริ งอยใู่นมือขนุนางท�ียดึครอง พน�ืทต�ีา่งๆ และอาศยัทหารอภิสทิธ�ิชน “ซามไูร” พวก ซามไูร นจ�ีะเป็ นพวกที�ขดูรี ดเกษตรกรโดยตรงและรบ กบั ซามไูร ของขนุนางอน�ื ต้ นคริ สต์ศตวรรษท�ี 17 (1600 เป็ นต้ นไป) ขนุนางตระกลู โทกกุาวา สามารถรบชนะขนุนางอน�ืและตงั � ตวั เป็ นผ้ มู อีาํนาจสงูสดุท�ีเรี ยกวา่ “โชกนุ” โดยทใ�ีห้ จกัรพรรด�ิอย่ตู อ่ แตไ่มม่ีอาํนาจ มกีารปิ ดประเทศไมย่อมให้ ตา่งชาตมิาค้ าขายยกเว้ นเรื อจีนและฮอลแลนด์ท�ีอนญ ุ าตให้ เข้ ามาในทา่เรื อทเ�ีดียว

มกีารห้ ามใช้ อาวธุปื น

เพ�ือสร้ างสนัตภิาพและความเจริ ญ ในขณะเดียวกนัตระกลูขนุนางอน�ืๆ ถกูบงัคบัให้ มาอยใู่นเมืองหลกัของ 67


ตระกลู โทกกุาวา เพ�ือเป็ นตวัประกนั เมอืงนซ�ีง�ึชอ�ืเมอืง อีโด (โตเกียว ปั จจบุนั) จงึกลายเป็ นเมืองขนาด ใหญ่ทล�ี้ อมรอบไปด้ วยพ่อค้ าและชา่งหตัถกรรม และพฒ ั นาจากการค้ าขาย คาดวา่เมอืง อโีด เป็ นเมอืงท�ี ใหญ่ทส�ีดุในโลกเมืองหนง�ึในสมยันนั � โชกนุ อาจคมุอาํนาจได้ แตไ่มส่ามารถยบัยงั � การเปลย�ีนแปลงท�ีมาจากความเจริ ญของระบบค้ าขาย พวกพ่อค้ าท�ีเคยมีตาํแหนง่ทางสงัคมตา�ํ เร�ิ มมอีทิธิพลมากขน�ึ มกีารพฒ ั นาวรรณคดี และเมอ�ืมกีารอนญ ุ าต ให้ นําหนงัสอืตา่งประเทศเข้ ามาในปี 1720 มกีารก่อตงั � ศนูย์ศกึษาท�ีเผยแพร่ ความร้ ู ทางวิทยาศาสตร์ จาก ฮอลแลนด์ สรุ ปแล้ วมีการพฒ ั นาสงัคมคล้ ายๆ ยคุ Renaissance (รี เนซอง) ในยโุรป แตเ่กษตรกรยากจน ไมไ่ด้ ประโยชน์จากการพฒ ั นาเทา่ไร เพราะอดอาหารตายหลายรอบ เชน่ในปี 1775 และ 1780 ในปี 1853 เรื อรบของอเมริ กา 4 ลาํภายใต้ การบญ ั ชาการของพลเรื อเอก เพร�ี มาขแู่ละเรี ยกร้ องให้ รัฐบาลญ�ีป่ นุ เปิ ดประเทศสรู่ะบบการค้ าเสรี รัฐบาลญ�ีป่ นุ เข้ าใจดวีา่ถ้ าไมป่ระนปีระนอมสถานการณ์จะจบ ลงไมด่แี บบจีน

แตซ่กีหนง�ึของชนชนั � ปกครองไมอ่ยากให้ มกีารเปลย�ีนแปลงเลย

ในขณะเดียวกนักลมุ่

ซามไูร ชนั � ลา่งได้ ตงั � องค์กรขน�ึมาเพ�ือเชิดชจูกัรพรรด์และเพ�ือตอ่ต้ านพวก “ตา่งชาตปิ่ าเถ�ือน” ในด้ านหนง�ึ องค์กรนเ�ี น้ นอดุมการณ์ โบราณ แต่ ซามไูร จํานวนหนง�ึในองค์กรเข้ าใจดวีา่ถ้ าจะตอ่ต้ านพวก “ตา่งชาตปิ่ า เถ�ือน” จะต้ องเร่ งพฒ ั นาเศรษฐกิจ และกองกําลงัของญ�ีป่ นุ และพวกนไ�ี ด้ โอกาสในการ “ปฏิวตัเิมจิ” ในท้ าย ทศวรรษ 1860 เมอ�ืขนุนางสองกลมุ่โจมตแีละเอาชนะ โชกนุ ได้ มีการตง�ั รัฐบาลใหมใ่นนามของจกัพรรด�ิ การ “ปฏิวตัเิมจิ” เป็ นการปฏิวตัจิากเบอ�ืงบน โดยกลมุ่คนท�ีมาจากชนชนั � ปกครองเกา่ แตต่้ องการผลกั สงัคมไปข้ างหน้ าและเปิ ดทางให้ กบัการพฒ ั นาของระบบทนุนิยม พวกผ้ นู ําการปฏิวตันิส�ีร้ างรัฐรวมศนูย์ท�ี เข้ มแขง็ และยกเลิกระบบฟิ วเดลิเกา่ แทนทเ�ีกษตรกรจะจา่ยภาษี ให้ ซามไูร และขนุนาง มกีารจา่ยให้ รัฐ โดยตรงและลดบทบาทของ ซามไูร และขนุนางลง และท�ีสาํคญ ั คอืมกีารใช้ งบประมาณของรัฐในการพฒ ั นา อตุสาหกรรมใหมๆ่ จนเข้ มแขง็ยืนเองได้ หลงัจากนนั � มกีารโอนให้ ครอบครัวนายธนาคารหรื อพอ่ค้ าใหญ่ ท�ี ใกล้ ชิดกบัรัฐ เพ�ือเป็ นเจ้ าของในลกัษณะบริ ษัทเอกชน การ “ปฏิวตัเิมจิ” พิสจูน์วา่การเปลย�ีนแปลงสงัคมเพ�ือเข้ าสยู่คุทนุนิยมในประเทศล้ าหลงั ทําได้ โดยชน ชนั � ปกครองเกา่ทอ�ีาศยัอาํนาจและการลงทนุของรัฐได้ ไมจ่ําเป็ นต้ องอาศยัการปฏิวตัขิองนายทนุอกีตอ่ไป4

4

รูปแบบนค�ีล้ ายๆ การปฏวิตัริะบบศกัดนิาท�ีเกิดขน�ึในยคุรัชกาลท�ี๕ ในประเทศไทย 68


และการใช้ รัฐเป็ นเคร�ื องมือในการพฒ ั นาทนุนิยม

ถกูนํามาใช้ ในประเทศท�ีกําลงัพฒ ั นาทว�ัโลกในศตวรรษ

ตอ่จากนนั � ภายในเวลา 27 ปี ญ�ีป่ นุ พิสจูน์ความสาํเร็จในการพฒ ั นาทนุนยิม โดยการบกุเข้ าไปยดึครองบางสว่น ของจีน และการตงั � ตวัเป็ นจกัรวรรดนิ​ิยมเหมือนตะวนัตก

ประเทศไทย การเส� ือมสลายของศักดนิา และการปฏวิัตทินุนิยมของรั ชกาลท� ี ๕5 การเข้ ามาของระบบทนุนิยมโลกในรู ปแบบการลา่อาณานิคมของตะวนัตก ท�ีเข้ ามาสมัผสักบัเศรษฐกิจการ เมอืงไทย มผีลให้ เกิดการเปลย�ีนแปลงไปสทู่นุนิยม โดยท�ีหวัหอกในการปฏิวตัริะบบซง�ึเกิดขน�ึประมาณ ค.ศ. 1870 (พ.ศ. ๒๔๑๓) คือกษัตริ ย์รัชกาลท�ี ๕ นธิ​ิ เอยีวศรี วงศ์ ได้ เสนอวา่ในต้ นยคุรัตนโกสนิทร์ อทิธิพลของระบบการผลติแบบทนุนิยมได้ เพ�ิมขน�ึ เร�ื อยๆ มีแนวโน้ มทจ�ีะค้ าขายสนิค้ าทอ�ีาศยัแรงงานรับจ้ างในกระบวนการผลิตมากขน�ึ แทนการขายวตัถดุบิ หรื อผลิตภณ ั ฑ์ทเ�ีกบ็จากป่ า

ตอ่มาหลงัจากทร�ีัฐบาลกรุ งเทพฯ ในสมยัรัชกาลท�ี๔ เซน็สญ ั ญาการค้ าเสรี

กบัองักฤษทเ�ีรี ยกวา่ “สญ ั ญาเบาร�ิ ง” ในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ระบบทนุนยิมโลกเร�ิ มทจ�ีะมอีิทธิพลเหนอืเศรษฐกิจ ไทยมากขน�ึทกุที และระบบการค้ าเสรี สร้ างทงั � ปั ญหาและโอกาสกบักษัตริ ย์ศกัดนิา ปั ญหาคอืรายได้ ทเ�ีคย ได้ จากการควบคมุการค้ าอย่างผกูขาดหายไป แตใ่นขณะเดยีวกนัการเช�ือมเศรษฐกิจไทยกบัตลาดโลกให้ ใกล้ ชิดมากขน�ึ มผีลในการสร้ างโอกาสมหาศาลสาํหรับผ้ ปู กครองท�ีสามารถลงทนุในการผลติสนิค้ าเชน่ข้ าว เพ�ือขายในตลาดโลก

ในสภาพเชน่นร�ี ะบบศกัดนิาไทยท�ีอาศยัการเกณฑ์แรงงานในระบบการเมอืงท�ี

กระจายอาํนาจ เป็ นอปุสรรค์ตอ่การพฒ ั นาเศรษฐกจิในรู ปแบบใหมข่องทนุนิยม จากงานการวจิยัของ ไชยนัต์ รัชชกรู เร�ื องระบบสมบรูณาญาสทิธิราชย์ภายใต้ รัชกาลท�ี ๕ เราจะเหน็ได้ วา่การปฏิวตัริัฐท�ีเกิดขน�ึในสมยันนั � มผีลตอ่ความสามารถในการรับภาระหน้ าท�ีทงั � สป�ีระการของรัฐทนุนยิม ดงัตอ่ไปนค�ีอื �. การจดัสรรแรงงานเสรี ท�ีมกี ารศกึษาและฝี มอืเพ�ือเป็ นแรงงานรับจ้ าง �. การจดัสรร กฎหมายธรุกิจ กฎหมายกรรมสทิธ�ิ และระบบเงินตรา ทเ�ีป็ นมาตรฐานทว�ัประเทศ �. การปกป้ องธรุกิจของ

5

สว่นนเ�ี ขียนโดย ใจ อง�ึภากรณ์ 69


นายทนุในประเทศจากการแขง่ขนักบัธรุกจิภายนอก และปั ญหาการล้ มละลาย �.การจดัสรรกองกําลงัตดิ อาวธุถาวรเพ�ือปกป้ องผลประโยชน์นายทนุ จะเห็นได้ วา่รู ปแบบทางการเมอืงของรัฐทเ�ีกิดขน�ึในยคุรัชกาลท�ี ๕ มรีูปแบบรวมศนูย์ทางการเมืองและ เศรษฐกิจท�ีเออ�ือาํนวยให้ ระบบทนุนิยมพฒ ั นาในประเทศไทย และถงึแม้ วา่รัฐของรัชกาลท�ี ๕ จะเป็ นรัฐใน ระบบสมบรูณาญาสทิธิราชย์ทม�ีพีระเจ้ าแผน่ดนิเป็ นผ้ ปู กครองก็ตาม แตผ่้ นู ํารัฐดงักลา่วได้ ปฏิวตัสิถาบนั กษัตริ ย์จากสถาบนัในระบบศกัดนิามาเป็ นสถาบนัการปกครองสมยัใหม่

สรุปแล้ วระบบ

สมบรูณาญาสทิธิราชย์ของไทยคอืระบบการปกครองแบบทนุนยิมภายใต้ พระเจ้ าแผ่นดนิผ้ ซู ง�ึเป็ นนายทนุ คนสาํคญ ั การปฏิวตัทินุนิยมในไทย มขี้ อแตกตา่งจากกรณีญ�ีป่ นุ ในประเดน็สาํคญ ั คอื รัฐสมบรูณาญาสทิธิราชย์ ไทย ไมม่ีการลงทนุพฒ ั นาอตุสาหกรรมเลย ทง�ั นอ�ีาจเป็ นเพราะกลวัวา่บริ ษัทตา่งชาตจิะเข้ ามาแย่งและคมุ กิจการตา่งๆ ได้ เนื�องจากรัฐไทยออ่นแอ ซง�ึจะลดอาํนาจทางการเมอืงของกษัตริ ย์ไทย

คอมมูนปารี ส 1871 เหตกุารณ์ในปารี สในเดอืนมนีาคมค.ศ. 1871 พิสจูน์วา่การเปลย�ีนแปลงและความขดัแย้ งในสงัคม ไมไ่ด้ สน�ิสดุลงเม�ือทนุนิยมถกูสถาปนาขน�ึ และพิสจูน์ความจริ งของข้ อเขียน มาร์ คซ์ กบั เองเกิลส์ ในแถลงการณ์ พรรคคอมมวินิสตว์า่ “ชนชนั � นายทนุสร้ างผ้ ขู ดุหลมุฝั งศพตนเอง” การปกครองของจกัรพรรด�ิ หลยุส์ โบนาพาร์ ท ที�ขน�ึมาบนซากศพการปฏิวตัิ 1848 ไมม่น�ัคงเทา่ทเ�ีขาคดิ เพราะอาศยัการคานอาํนาจระหวา่งซีกตา่งๆ ของชนชนั � ปกครองทแ�ีข่งขนักนั พร้ อมกบัการพยายามทจ�ีะ สร้ างช�ือเสยีงผา่นการแทรกแซงทางการทหารในเมคซิโก และการทําสงครามกบั พรัสเซยี (สว่นหนง�ึของ เยอรมนัปั จจบุนั ท�ีตอนนนั � มผี้ นู าํเผดจ็การชื�อ บิสมาร์ ค) แตท่งั � หมดนไ�ี มส่ามารถปกปิ ดความออ�ืฉาวการคอร์ รับชน�ัในรัฐบาล และความยากจนของพลเมืองได้ กระแสสาธารณรัฐท�ีตอ่ต้ านรัฐบาลจงึเร�ิ มมาแรงในการ เลอืกตงั � ผ้ แู ทนของเมอืงตา่งๆ

70


เม�ือกองทพัฝร�ังเศสพ่ายแพ้ สงครามกบักองทพั พรัสเซีย และพรัสเซยียกทพัมาล้ อมเมอืงปารี ส จกัรพรรดิ� หลยุส์ โบนาพาร์ ท ต้ องลาออกจากตาํแหน่ง และสละอาํนาจให้ ฝ่ ายค้ านท�ีเป็ นพรรคสาธารณรัฐของพวก นายทนุ แตร่ัฐบาลใหมไ่มม่ปีั ญญาจะส้ แู ละแอบไปเจรจากบัผ้ นู ํา พรัสเซยี ชนชนั � กรรมาชีพในปารี สไมพ่อใจเป็ นอยา่งย�ิง และทะยอยตบเท้ าเข้ าไปเป็ นทหารอาสาใน “กองกําลงั แหง่ชาต”ิ เดิมที กองกําลงัแหง่ชาตนิป�ีระกอบไปด้ วยคนชนั � กลาง แตเ่ม�ือกรรมาชีพแหก่นัเข้ าไปเป็ น อาสาสมคัร มนัเปลย�ีนไปเป็ นกองกําลงัของชนชนั � กรรมาชีพโดยตรง พร้ อมกนันนั � กรรมกรมกีารตง�ั “สมาคม แดง” พร้ อมกบัหนงัสอืพิมพ์ เพ�ือผลกั ดนัการปฏิวตัสิงัคมนยิม ในขณะเดียวกนัพวกนายทนุสายสาธารณรัฐ ท�ีเคยเป็ นฝ่ ายค้ านในสมยัจกัรพรรด�ิ กย็ บุสภาและประกาศเลอืกตงั � ใหมภ่ายใน 8 วนั ซง�ึแปลวา่ฝ่ ายกรรมกร และฝ่ ายซ้ ายไมม่เีวลาเตรี ยมตวัในตา่งจงัหวดัเลย ปรากฏวา่ฝ่ ายขวา โดยเฉพาะพวกรักเจ้ าได้ เสียงสว่น ใหญ่นอกเมืองใหญ่ หลงัจากนนั � รัฐบาลใหมข่อง ทีแอร์ หนไีปตง�ั ทท�ีําการทเ�ีมอืง แวร์ ไซ และพยายามขนปื น ใหญ่ออกจากปารี ส แตป่ระชาชนปารี สไมย่อม มกีารยดึอาวธุมาเป็ นของประชาชน และประชาชนยดึ อาํนาจในปารี ส ในชว่งแรกประชาชนกรรมาชีพผ้ ถู ืออาวธุ

ใช้ อาํนาจผา่นการเลือกตง�ั คณะกรรมการกลางของกองทพั

แหง่ชาติ แตผ่้ นู ําเหลา่นไ�ี มต่้ องการให้ การปกครองมรีู ปแบบทจ�ีะนาํไปสเู่ผดจ็การทหารได้ จงึมกีารจดัการ เลอืกตงั � ผ้ บู ริ หารคอมมนูหรื อเทศบาล โดยทป�ีระชาชนชายทกุคนมีสทิธ�ิลงคะแนนเสยีง สภาคอมมนู ปารี สมลีกัษณะท�ีแตกตา่งจากรัฐสภาทนุนิยมโดยสน�ิเชิงคอื ผ้ แู ทนถกูถอดถอนได้ ทกุเมอ�ื และจะต้ องรับเงินเดอืนเทา่กบัเงนิเดอืนปกตขิองคนงาน ในขณะเดยีวกนัสภาคอมมนูเป็ นสภา “ทํางาน” คือ ทงั � ออกกฏหมายและรับผิดชอบในการบริ หารกฏหมายนนั � โดยตรง โดยท�ีไมต่้ องพง�ึข้ าราชการชนั � สงูท�ีอาจ สร้ างอปุสรรค์กบัการเปลย�ีนแปลง คาร์ ล มาร์ คซ์ ในหนงัสอื “สงครามกลางเมอืงในฝร�ังเศส” อธิบายวา่ มวลชนกรรมาชีพติดอาวธุในเมอืงปารี ส ล้ มรัฐเกา่ และสร้ างรัฐใหมท่�ีมีความเป็ นประชาธิปไตยมากขน�ึ หลายเทา่ รัฐใหมข่องกรรมาชพีห้ ามการทาํงานกะตอนกลางคนื ยกสถานท�ีทํางานตา่งๆ ที�ถกูปิ ดให้ กรรมาชีพ บริ หารเอง ตง�ั กองทนุบําเนจ็บํานาญ จดัการศกึษาฟรี ให้ เดก็ทกุคน ยกเลกิหนจ�ีากอดีต และให้ ความมน�ัคง ในท�ีอยอู่าศยัสาํหรับคนจน มกีารทําลายอนสุาวรี ย์จากยคุกอ่น และในอดุมการณ์สากล มีการแตง่ตงั �

71


คนงานเยอรมนัเป็ นรัฐมนตรี แรงงาน

แตค่อมมนูปารี สไมม่เีวลาทจ�ีะนํามาตรการเหลา่นม�ีาปฏิบตัอิยา่ง

ถาวรเพราะถกูปราบปรามโดยรัฐบาลเกา่ทร�ี่ วมมอืกบักองทพั พรัสเซยี จดุออ่นของคอมมนูอยทู่�ีแนวคดิและวธิีการในการตอ่ส้ คู อื มแีนวคิดสําคญ ั สองแนวท�ีแข่งกนั แนวแรก เป็ นแนวของ ออกสัต์ ปลงัค�ี ท�ีเน้ นการลกุฮือของกลมุ่เลก็ๆ ท�ีจดัตง�ั ลบั เพ�ือยดึอาํนาจรัฐ คล้ ายๆ รูปแบบ ของพวก จคัโคบิน ในการปฏิวตัฝิร�ังเศส1789 สว่นกลมุ่ท�ีสองเป็ นแนว พรู ดอง ท�ีเน้ นมวลชนในการสร้ าง สหกรณ์ เพ�ือทํางานร่ วมกนั แตไ่มส่นใจ “การเมอืง” หรื อการยดึอาํนาจรัฐ ทงั � สองแนวคิดในการตอ่ส้ นู ม�ี ี ปั ญหา เพราะจริ งๆ แล้ ว อยา่งท�ี มาร์ คซ์ เข้ าใจ การปฏิวตัสิงัคมนิยมต้ องอาศยัพลงัมวลชนจํานวนมาก และต้ องยดึอาํนาจเพ�ือสร้ างรัฐใหม่ แตใ่นยคุนนั � มาร์ คซ์ ไมค่อ่ยมีอทิธิพลในหมนู่กัเคลอ�ืนไหวที�ปารี สเทา่ไร ข้ อผิดพลาดสําคญ ั ของคอมมนูคอื ไมย่อมออกไปปราบรัฐบาลเกา่ท�ี แวร์ ไซ ก่อนท�ีรัฐบาลนจ�ีะสร้ างกอง กําลงัมาปราบคอมมนู ปลอ่ยให้ ทองคาํของธนาคารชาติอยใู่นมอืรัฐบาลเกา่ และไมก่ระตือรื อร้ นในการ ขยายการปฏิวตัสิเู่มอืงอ�ืนและชนบท เม�ือกองทพัของรัฐบาลเก่าบกุเข้ ามาในปารี สได้ มกีารเขน่ฆา่ประชาชนชนั � ลา่งอยา่งป่ าเถ�ือนท�ีสดุ ใน เพียงหนง�ึวนั มกีารฆา่ประชาชน 1,900 คน ซง�ึมากกวา่การปราบปรามใหญ่ในเวลาหนง�ึปี ในสมยัปฏิวตัิ ฝร�ังเศส ในทส�ีดุชาวคอมมนูถกูฆา่ตายประมาณ 30,000คน และ อกี 5,000 คนถกูเนรเทศไปอยนู่อก ฝร�ังเศส แตท่งั � ๆ ทพ�ี่ายแพ้ คอมมนูปารี ส ได้ สร้ างมาตรฐานใหมแ่ละยกระดบัการตอ่ส้ เู พ�ือสงัคมใหม่ เพ�ือให้ เป็ นจดุเร�ิ มต้ นสาํหรับการปฏิวตัใินอนาคต และถ้ าย้ อนกลบัไปดกูารปฏิวตัใินปี 1789 การลกุฮือปฏิวตัใินปี 1848 และการปฏิวตักิอ่ ตงั � คอมมนูในปี 1871 จะเหน็วา่ประชาชนชนั � ลา่งในฝร�ังเศสได้ สร้ างประวตักิารปฏิวตัทิย�ีาวนาน ซง�ึกลายเป็ นแรงบนัดาลใจ ให้ คนทว�ัโลกและในฝร�ังเศสเองในยคุตอ่มาถงึปั จจบุนั

72


สงครามโลกครัง�ท�หี น� ึง

ปฏวิัตริัสเซยี

นาซี ฆ่ าล้ างเผ่ าพนัธ์

1968 73


�. ศตวรรษแห่ งความหวงัและนรก (1900- ปั จจบุนั) เม�ือถงึ ค.ศ. 1900 (พ.ศ. ๒๔๔๓) ทนุนิยมเข้ ามามอีทิธิพลในทกุสว่นของโลก (รวมถงึประเทศไทยด้ วย) มี แคม่นษุย์ในป่ าแอเมซอน

และในท�ีสงูของเกาะนวิกินนีทย�ีงั ไมไ่ด้ สมัผสัทนุนยิม

อตุสาหกรรมเข้ ามาเปลย�ีนแปลงแคร่ ะบบการผลติสง�ิทอในองักฤษ

ในชว่งก่อน

ระบบ

แตพ่อถงึยคุนท�ีนุนิยมและระบบ

อตุสาหกรรมเข้ ามาทําให้ การผลติทกุสว่นทนัสมยัขน�ึ เชน่ การทําสบู่ การพิมพ์ การย้ อมสี การตอ่เรื อ การ ทํารองเท้ า หรื อการทํากระดาษ และการป�ั นไฟฟ้ า การคดิค้ นหลอดไฟฟ้ า ทาํให้ นายทนุบงัคบัการทํางานทงั � วนัทงั � คนืได้ ในโรงงานตา่งๆ จนในเมอืงมมุบาย อนิเดียมีการนดัหยดุงานของคนงานทอผ้ าประท้ วงการทํางานตอนกลางคนื นอกจากนร�ี ะบบขนสง่และการ สอ�ืสารพฒ ั นาอยา่งรวดเร็ว จนประมาณปลายๆ ทศวรรษ 1880 มกีารคิดค้ นโทรศพัท์และโทรเลข ระบบทนุนิยมทําให้ คนเร�ิ มกระจกุมากขน�ึในเมอืง ในปี 1900 75% ของประชากรองักฤษอาศยัในเมอืง โดยท�ีเกอืบ 30% เป็ นคนทเ�ีกดิในชนบทแตย่้ ายเข้ าเมอืงภายหลงั ในขณะเดยีวกนัมกีารพฒ ั นาระบบ การเกษตรแบบทนุนิยมเพื�อป้ อนอาหารเข้ าเมอืง โดยเฉพาะในทวปีอเมริ กาเหนือ และมกีารพฒ ั นาวธิีผอ่น คลายแบบ “อตุสาหกรรม” อกีด้ วย เช่นการกอ่ตงั � ทีมฟตุบอลป์ระจําทท�ีํางาน ทีม Arsenal ในองักฤษเป็ น ตวัอยา่งท�ีดี เพราะเร�ิ มจากทีมฟตุบอล์ในโรงคลงัแสงของลอนดอน ในท�ีสดุนายทนุองักฤษเข้ าใจดวี า่คนงานใหมๆ่ จะไมแ่หเ่ข้ าเมอืงตอ่ไปอกีแล้ ว เพราะจํานวนประชากรใน ชนบทลดลง นอกจากนค�ีนชนั � กลางและคนรวยเร�ิ มเข้ าใจวา่ถ้ าเกิดโรคระบาดในยา่นคนจนของเมอืง มนัจะ มผีลกระทบตอ่ตวัเขาเอง ท�ีอาศยัในย่านคนรวย จงึมีมาตรการตา่งๆ ทพ�ีฒ ั นาระบบสาธารณสขุ ลดชว�ัโมง การทํางาน และเพ�ิมบทบาทครอบครัวและผ้ หู ญิงในการเลย�ีงดเูดก็ ซง�ึเพ�ิมประสทิธิภาพของคนงานรุ่น ตอ่ไป แตค่ วามคิดท�ีมองวา่สตรี มบีทบาทหลกัในครอบครัวนาํไปสคู่วามเช�ือวา่สตรี ไมค่วรยุ่งการเมอืงและ ไมค่ วรมสีทิธิเลอืกตงั � ทา่มกลางการแข่งขนัในกลไกตลาด นายทนุเร�ิ มคลง�ัเร�ื อง “ประสทิธิภาพการผลติ” มกีาร “วดัเวลา ทํางาน” ในสว่นตา่งๆ ของระบบการผลติโดยคนอยา่ง เฟรดเดอริ ค เทเลอร์ ซง�ึมผีลในการเร่ งการทํางาน และมกีารพฒ ั นาระบบการศกึษาเพ�ือให้ มีคนงานรุ่ นใหมท่ ี�อา่นเขียนได้ 74


กระบวนการเปลย�ีนแปลงของทนุนิยมทําให้ คนเปลย�ีนความคดิ มกีารเห่อ “ความทนัสมยัก้ าวหน้ า” และ วทิยาศาสตร์ โดยเช�ือกนัวา่คงไมม่อีปุสรรคใ์ดๆ มาขวางทางความก้ าวหน้ า ได้ อกีเลย แนวคดินเ�ี รี ยกวา่ “positivism” หรื อแนวคดิมองโลกในแงบ่วก

ประชาธปิไตยทุนนิยม หลายคนเข้ าใจผิดวา่ระบบทนุนยิม กลไกตลาด และ แนวคดิเสรี นยิม นําไปสรู่ะบบประชาธิปไตย แต่ สาํหรับชนชนั � ปกครองในระบบทนุนยิมตะวนัตกในคริ สต์ศตวรรษท�ี 19 คาํวา่ “ประชาธิปไตย” เป็ นคาํ เลวร้ ายท�ีเขาเกลยีดชงั มกีารวจิารณ์ประชาธิปไตยวา่นาํไปสกู่ารปกครองท�ี “มอ็บไร้ การศกึษา” จะเป็ นใหญ่ ซง�ึไมต่า่งจากความคิดของพวกเสอ�ืเหลืองในไทยหลงัการทาํรัฐประหาร ๑๙ กนัยายน ๒๕๔๙

หรื อ

ความคดิของพวกอภิสทิธ�ิชนในกรี ซโบราณ เมื�อมวลชนชนั � ลา่งกดดนัเคลอ�ืนไหวเพ�ือสทิธิในการเลือกตง�ั ชนชนั � บนมกัจะคอ่ยๆ ยอมให้ สิทธิ ทีละนิด ทีละหนอ่ย โดยพยายามตงั � เง�ือนไขแรกวา่ต้ องเป็ นชายผ้ มู ทีรัพย์เท่านนั � ท�ีจะลงคะแนนเสยีงได้ การออก กฏหมายเลอืกตงั � ใหมใ่นองักฤษในปี ค.ศ. 1832 และ1867 ทา่มกลางการเคลอ�ืนไหวเรี ยกร้ องสทิธิอยา่ง คกึคกั ยงักีดกนัชายเกือบคร�ึงหนง�ึ และผ้ หู ญิงทงั � หมด และพรรคอนรุักษ์ นิยมกบัพรรคเสรี นิยมองักฤษ ร่ วมกนัคดัค้ านการขยายสทิธ�ิไปสคู่นอน�ื ในเยอรมนัมีระบบ “สามชนั � ” ท�ีให้ นา�ํหนกัพิเศษกบัคะแนนเสียง ของคนชนั � สงู นอกจากนเ�ี วลามกีารให้ สทิธิเลือกตง�ั ผ้ แู ทนในสภา ชนชนั � ปกครองยอ่มเสนอวา่ “ต้ องม”ี สภา สงูหรื อวฒ ุ ิสภาท�ีไมไ่ด้ มาจากการเลอืกตงั � อกีด้ วย

ทงั � นเ�ี พ�ือกีดกนัมาตรการท�ีรัฐสภาอาจนํามาใช้ เพ�ือ

ประโยชน์ของประชาชนชนั � ลา่ง เม�ือกาลเวลาผา่นไป

ชนชนั � ปกครองในระบบทนุนยิมตะวนัตกเร�ิ มเข้ าใจวา่การให้ สิทธิเลอืกตงั � กบั

ประชาชน ไมจ่ําเป็ นต้ องเป็ นพิษภยัตอ่อาํนาจเขา ถ้ ามกีารกาํหนดกตกิาท�ีจํากดัอํานาจรัฐสภา เชน่ใน เยอรมนัภายใต้ บิสมาร์ ค ท�ีให้ สทิธิชายทกุคน มกีารจํากดัอาํนาจรัฐสภา หรื อ ในปี 1851 เผดจ็การ หลยุส์ โบนาพาร์ ท ในฝร�ังเศส ค้ นพบวา่เขาสามารถบิดเบือนผลการเลอืกตง�ั ได้ เพ�ือสนบัสนนุการทํารัฐประหาร และเผดจ็การของเขา โดยใช้ พวกพระและครู ในโรงเรี ยนชนบทในการหาเสียงให้ สว่ นในองักฤษ การเพ�ิม สทิธิเลือกตง�ั ไมไ่ด้ แปลวา่ประชาชนควบคมุ กองทพั ตาํรวจ ศาล หรื อระบบข้ าราชการได้ แตอ่ยา่งใด

75


ในสภาพเชน่น �ี ประชาธิปไตยรัฐสภากลายเป็ นเคร�ื องมอืในการ “เปิ ดฝากา” เพ�ือลดความไมพ่อใจของ มวลชนชนั � ลา่งได้ โดยให้ ประชาชนคดิวา่ตนเองมสีว่นร่ วมในการปกครอง พร้ อมกนันนั � พรรคการเมอืงของ นายทนุกพ็ยายามดงึคนงานมาเป็ นสมาชิก มกีารใช้ สอ�ืมวลชน ซง�ึอยใู่นมือนายทนุ เพ�ือประโคมข่าว สนบัสนนุพรรค และมกีารปลกุระดมความคิดชาตนิยิมให้ ประชาชนจงรักภกัดตีอ่ชนชนั � ปกครองอกีด้ วย การได้ สิทธิเลอืกตงั � ของประชาชนทง�ั หมดมาจากการตอ่ส้ ขู องคนชนั � ลา่ง ในเบลเยี�ยมได้ มาหลงัการนดั หยดุงานทว�ัไปสองรอบ ในองักฤษใช้ เวลาตอ่ส้ ถู งึปี ค.ศ. 1927 กวา่จะได้ และในเยอรมนัสทิธิเลือกตง�ั เกดิขน�ึ ในปี 1918 หลงัการลกุฮือและกระแสการปฏิวตัิ

สังคมนิยมประชาธปิไตย การขยายตวัของทนุนิยมและอตุสาหกรรมตา่งๆ นาํไปสกู่ารขยายตวัของชนชนั � ใหม่ “ชนชนั � กรรมาชีพ” ท�ี เป็ นลกูจ้ าง ซง�ึคนพวกนพ�ีร้ อมจะเปิ ดกว้ างรับฟั งความคิดสงัคมนิยมท�ีเคยถกูปราบในปี 1848 และ 1871 จนต้ องถอยหลงั

สว่นใหญ่แล้ วองค์กรหรื อพรรคสงัคมนิยมที�เกิดขน�ึในยคุใหมน่ จ�ีะไมค่ิดชนกบัระบบการ

ปกครองผา่นการปฏิวตัิ แตจ่ะอาศยัรู ปแบบการตอ่ส้ ทู เ�ีสนอมาโดยพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยเยอรมนั (SPD) พรรคสงัคมนิยมเยอรมนัประสบผลสาํเร็จมหาศาล ทงั � ๆ ทส�ี.ส.ของพรรค นกัจดัตงั � และนกัหนงัสือพิมพ์ ของพรรคถกูคกุคามจําคกุตลอดเวลา ฐานเสียงพรรคนใ�ี หญ่กวา่พรรคนายทนุหรื อพรรคเจ้ าของท�ีดนิ พรรค มสีมาชิกหนง�ึล้ านคนพร้ อมหนงัสอืพิมพ์รายวนัในท้ องถิ�นตา่งๆ 90 ฉบบั หนว่ยงานยอ่ยของพรรค เชน่ สหภาพแรงงาน สมาคมสวสัดกิาร และชมรมผอ่นคลาย กลายเป็ นสว่นสําคญ ั ในชีวติประจําวนัของ คนทํางาน ในสว่นอน�ืๆ ของยโุรปมีการลอกแบบการจดัตง�ั ของพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยเยอรมนั เชน่การตงั � พรรคแรงงานในฝร�ังเศส พรรค PSOE ในสเปน พรรคสงัคมนิยมในอิตาล�ี และสมาพนัธ์ สงัคมนิยม ประชาธิปไตย (SDF) ในองักฤษเป็ นต้ น แตแ่นวคิดของพรรคสงัคมนยิมประชาธิปไตยเหลา่นม�ีคีวามขดัแย้ งในตวั คือทง�ั ๆ ท�ีเสนอวา่ “ต้ องปฏิวตัิ ล้ มระบบทนุนิยม” ในรู ปธรรมกิจกรรมประจําวนัของพรรคจะเป็ นรู ปแบบการคอ่ยๆ กดดนัให้ มกีารปฏิรู ปทนุ 76


นิยม ไมใ่ชล่้ มระบบ ในทส�ีดุคนอยา่ง เอดวาร์ ด เบิรน์สไตน์ ในพรรคเยอรมนั เสนอวา่ทฤษฏีของมาร์ คซ์ และ เองเกิลส์ “ผิดพลาด” ตรงท�ีมองว่าต้ องปฏิวตัทินุนิยม เพราะ เบิรน์สไตน์ มองวา่ตอนนใ�ี นเยอรมนัสามารถ คอ่ยๆ เปลย�ีนแปลงระบบผา่นการเลอืกตงั � ในรัฐสภาได้ คนท�ีออกมาคดัค้ านแนวคิด “ปฏิรูป” นค�ีอื นกัมาร์ ค ซสิตส์าวอายุ 27 ปี ช�ือ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค แม้ แตค่นอย่าง คาร์ ล เคาท์สกี นกัทฤษฏีคนสาํคญ ั ของพรรค SPD ยงัประนีประนอมกบั เบิรน์สไตน์ ในรูปธรรม ทงั � ๆ ท�ีคดัค้ านในทางทฤษฏี ความก้ าวหน้ าเลก็ๆ น้ อยๆ ท�ี เบิรน์สไตน์ พดูถงึเกิดขน�ึได้ ในช่วงทท�ีนุนิยมมเีสถียรภาพทางเศรษฐกจิ เทา่นนั � และจะหายไปเมอ�ืเกิดวิกฤต และ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค เข้ าใจดวี า่วกิฤตเกิดขน�ึเป็ นประจํา และ ย�ิงกวา่นนั � การขยายตวัของเศรษฐกิจทนุนยิมผกูพนักบัปรากฏการณ์ ทเ�ีรี ยกวา่ “จกัรวรรดนิยิม”

จักรวรรดนิ​ิยม ภายในไมก่�ีปี หลงัการพฒ ั นาระบบทนุนิยม สว่นตา่งๆ ของโลก ในอฟัริ กา และเอเชีย ตกเป็ นอาณานคิมของ มหาอาํนาจทนุนิยม โดยเฉพาะองักฤษ ฝร�ังเศส และเบลเย�ียม สว่นเยอรมนักบัอิตาล�ี ได้ สว่นแบง่น้ อย นอกจากนร�ี ัสเซยี ฮอลแลนด์ สหรัฐอเมริ กา และญ�ีป่ นุ กย็ดึพน�ืท�ีหลายสว่น ในปลายๆ ศตวรรษท�ี 19 (ประมาณปี 1870) การยดึครองอาณานิคมทําได้ ยาก และบอ่ยครัง�กองทพั ยโุรปประสบความพา่ยแพ้ แตส่ิบถงึย�ีสบิกวา่ปี ตอ่มา การพฒ ั นาอตุสาหกรรมในยโุรป ทําให้ มหาอาํนาจ ตะวนัตกมอีาวธุใหมๆ่ ทเ�ีหนือกวา่อาวธุของกองทพัอ�ืนๆ เชน่ปื นยาวท�ีใสก่ระสนุกลางกระบอก เรื อรบห้ มุ เกราะที�ใช้ พลงัไอนา�ํ และปื นกล นอกจากนก�ีารเพ�ิมผลผลติในโรงงานอตุสาหกรรมตะวนัตก เพ�ิมโอกาสใน การซอ�ืตวัผ้ นู ําในพน�ืท�ีตา่งๆ อีกด้ วย ซง�ึหมายความวา่ตะวนัตกสามารถใช้ กองทพัของคนพน�ืเมอืงได้ อกีด้ วย ทง�ั ๆ ท�ีมีการสร้ างนิยายเร�ื อง “การนําอารยะธรรม” มาสพู่น�ืท�ี “ป่ าเถ�ือน” เพ�ือให้ ความชอบธรรมกบัการ ลา่อาณานคิม แตม่หาอํานาจทนุนิยมไมไ่ด้ ลงทนุยดึโลกด้ วยความเมตตาหวงัดแีตอ่ยา่งใด มแีตจ่ะหวงั ปล้ นทรัพย์สนิเงนิทองและกําไรเทา่นนั � เราไมส่ามารถเข้ าใจการยดึครองโลกโดยมหาอํานาจทนุนยิมได้ ถ้ าไมด่สู�ิงท�ีเกิดขน�ึกอ่นหน้ านนั � ชว่ง สองทศวรรษ 1870-1880-1890 เป็ นชว่งท�ีมวีกิฤตเศรษฐกิจทนุนิยม ราคาสนิค้ า และอตัรากาํไรตกตา�ํ จน นายทนุมองวา่มวีธิีเดยีวท�ีจะแก้ ปั ญหานไ�ี ด้ คอื ต้ องไปลงทนุในตา่งประเทศ การลงทนุนอกประเทศของ 77


นายทนุองักฤษเพ�ิมจาก £95ล้ านในปี 1883 เป็ น £393ล้ านในปี 1889 ซง�ึเทา่กบั 8% ของผลติภณ ั ฑ์มวล รวมภายในประเทศ หรื อ 50% ของการออมทรัพย์ขององักฤษ การลงทนุตา่งประเทศสว่นใหญ่เป็ นการลงทนุในท่าเรื อ ทางรถไฟ สะพาน และหนว่ยงานบริ หารของรัฐ มกีารยึดอยีปิต์และขดุคลองซเุอส

ซง�ึการลงทนุแบบนเ�ี พ�ิมความสะดวกในการหากําไรจากอนิเดยี

จี น

ออสเตรเลยี และลาตนิอเมริ กา ผา่นการพฒ ั นาระบบขนสง่ นอกจากนม�ี​ีการยดึเหมอืงเพชร และเหมอืง ทองคาํในอฟัริ กา พร้ อมกนันนั � มกีารขยายฐานทพัทว�ัโลกเพ�ือปกป้ องอาณานิคมและการลงทนุ เยอรมนัเป็ นประเทศอตุสาหกรรมในยโุรปท�ีขยายวัเร็ วท�ีสดุในยคุน �ี แตเ่ยอรมนัเกือบจะไมม่อีาณานิคม เลย เพราะมหาอาํนาจอน�ืเอาไปหมดแล้ ว อตุสาหกรรมทนุนิยมของเยอรมนัเตบิโตมาทีหลงัและอาศยัรัฐใน การสง่เสริ มช่วยเหลือ และในการปกป้ องกลมุ่ทนุจากการแขง่ขนัของทนุตา่งประเทศ สรุปแล้ วการขยายตวัของทนุนยิมหลงัวิกฤต 1870-1890 อาศยัการลา่อาณานคิมของประเทศทนุนิยม ตา่งๆ แตก่ารแย่งพน�ืทโ�ีลกกนัแบบนใ�ี นท�ีสดุนําไปสกู่ารปะทะกนัทางทหาร ก่อนที�สงครามจะระเบิดขน�ึ มี การพฒ ั นากองทพัและสะสมอาวธุ ในเยอรมนั องักฤษ ฝร�ังเศส และรัสเซยี ซง�ึหมายความวา่ ภาพของ เสถียรภาพและความมน�ัคงของทนุนิยม ท�ีคนอยา่ง เบิรน์สไตน์ ใช้ เป็ นข้ ออ้ างในการเสนอแนวปฏิรู ปไปสู่ สงัคมนิยมเป็ นเพียงภาพลวงตา

นักส้ ู “แนวสหภาพแรงงาน” กบั “นักปฏวิัต”ิ ในยคุนก�ีารตอ่ส้ ทู างชนชนั � ไมไ่ด้ หายไปไหน

ทง�ั ๆ

ท�ีอาจมกีารเบ�ียงเบนการตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพไปสกู่าร

เลอืกตงั � ในรัฐสภาบ้ าง ระหวา่ง 1880-1910 มกีารนดัหยดุงานและการตอ่ส้ อู ยา่งดเุดือดในโรงเหลก็ รถไฟ และเหมอืงแร่ของสหรัฐ ในโรงงานไม้ ขีดของลอนดอน ในโรงงานทอผ้ า โรงงานรองเท้ า โรงพิมพ์ และรถไฟ ขององักฤษ และโรงงานตา่งๆ ของฝร�ังเศส และเกือบทกุครัง�รัฐนายทนุใช้ กําลงัทหารและความรุ นแรงใน การปราบปราม การท�ีการตอ่ส้ อู นัดเุดือดนเ�ี กิดขน�ึในขณะท�ีมกีารสง่ออกเงนิทนุเพื�อไปลงทนุในอาณานิคม แสดงให้ เหน็วา่คนงานสว่นใหญ่ในตะวนัตกไมไ่ด้ ประโยชน์อะไรเลยจากการลา่อาณานคิม ซง�ึตรงข้ ามกบั สง�ิท�ีนกัวิชาการบางคนเสนอ

78


แนวคดิ “สงัคมนยิมปฏิรู ป” ของคนอยา่ง เบิรน์สไตน์ ในพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยตา่งๆ เกิดขน�ึได้ เพราะมกีารสร้ างเสถียรภาพชว�ัคราวในระบบเศรษฐกิจ ท�ีมาจากการขยายไปสอู่าณานคิม แนวคดิปฏิรู ปไม่ ได้ มาจากการ “ซอ�ืตวั” กรรมาชีพแตอ่ยา่งใด และในยามที�เศรษฐกจิขยายตวั มกีารปรับรู ปแบบการผลติ เชน่การผลติรถยนต์อยา่งตอ่เนอ�ืงของ เฮนร�ี ฟอร์ ด เป็ นต้ น ซง�ึการปรับโครงสร้ างการผลิตดงักลา่วกน็ําไปสู่ การตอ่ส้ ขู องสหภาพแรงงานในตะวนัตก เวลากรรมาชีพเหลา่นเ�ี ลอืกทจ�ีะส้ จู ริ งๆ เขามองไปท�ีพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตย และเหน็วา่พรรค เหลา่นไ�ี มจ่ริ งใจในการตอ่ส้ กู บัระบบทนุนิยม ดงันนั � เกิดกระแสนกัปฏิวตักิรรมาชีพท�ีเน้ นการเคล�ือนไหวของ สหภาพแรงงานในการล้ มทนุนิยม โดยไมอ่ิงพรรคการเมอืง แนวนเ�ี รี ยกวา่แนว Syndicalist หรื อแนว “สหภาพแรงงาน” ในปี 1905 ในสหรัฐอเมริ กา มกีารกอ่ตงั � องค์กร “กรรมกรอตุสาหกรรมโลก” (Industrial Workers of the World - IWW) ในสหรัฐ ซง�ึเป็ นสหภาพทว�ัไปสาํหรับคนงานทกุประเภท เพ�ือการตอ่ส้ แู ละล้ มระบบทนุนิยม สหภาพ IWW นน�ีาํการตอ่ส้ นู ดัหยดุงานในเหมืองแร่ ทา่ เรื อ โรงเล�ือย และโรงงานทอผ้ า และจดัตงั � คนงาน พน�ืฐานทม�ีฝี​ี มอืน้ อย รวมถงึ ผ้ หู ญิง กบัคนผิวดาํ โดยไมเ่ลอืกปฏิบตัิ ซง�ึคนงานแบบนม�ีกัถกูละเลยโดย สหภาพแรงงานเก่า AFL ในฝร�ังเศส มกีารก่อตง�ั สมาพนัธ์แรงงานทว�ัไป CGT ในสเปนมกีารจดัตง�ั สมาพนัธ์ แรงงานแหง่ชาติ CNT และในไอร์ แลนด์ ผ้ นู ําแรงงานช�ือ จิม ลาร์ คนิ นําการนดัหยดุงานของคนงานขนสง่ ท�ีสามคัคคีนงานแคทอล ลคิกบัโปรเตสแตนท์ได้ ซง�ึจดุประกายให้ ตาํรวจออกมาร่ วมประท้ วงด้ วย และในองักฤษ ทอม แมน คนงาน คมุเคร�ื องจกัรทาํการก่อตงั � สหภาพแนวราบ ท�ีรวมคนงานทกุประเภทในรู ปแบบเดยีวกบั IWW และมีการนดั หยดุงานในทา่เรื อปี 1889 (ในปี นนั � มกีารนดัหยดุงานทว�ัไปของคนงานจีนในทา่เรื อในกรุ งเทพฯ ด้ วย) ความมน�ัใจของนกัตอ่ส้ กู รรมาชีพ ท�ีมองวา่มนัมทีางเลอืกที�ไมใ่ชก่ารปฏิรูปและประนปีระนอมในรัฐสภา เพ�ิมขน�ึเมอ�ืเกิดการนดัหยดุงานทว�ัไป ในปี 1905 ในรัสเซยีและซกีของโปแลนดภ์ายใต้ การปกครองของ กษัตริ ย์ซาร์ ซง�ึถกูบนัทกึและวเิคราะห์โดย โรซา ลคัแซมเบอร์ ค ในหนงัสอื “การนดัหยดุงานทว�ัไป” โดยท�ี เขาอธิบายวา่ การตอ่ส้ เู พ�ือข้ อเรี ยกร้ องเศรษฐกิจปากท้ องสามารถขยายไปสกู่ารเรี ยกร้ องทางการเมืองได้ และการตอ่ส้ แู บบนนั � เป็ นทางเลอืกท�ีไมใ่ช่การประนีประนอมกบัทุนนิยมในรัฐสภา

79


มีการกบฏของทหารเรื อรัสเซยีในเรื อรบ ปอเทมคิน และการลกุฮือปฏิวตัิ และสร้ างสภาโซเวียดเป็ นครัง� แรกท�ี เมืองเซนต์ปิ เตอร์ สเบอร์ ค โดยท�ีนกัสงัคมนิยม ทงั � ฝ่ าย “บอลเชวิค” ของ เลนิน และฝ่ าย “เมนเชวิค” มี สว่นร่วมสาํคญ ั ประธานสภาโซเวียดครัง�นนั � คอื ลอีอน ตรอทสกี ซง�ึอายเุพียง 26 ปี กอ่นหน้ านใ�ี นรัสเซยีนกัสงัคมนยิมสว่นใหญ่

มองข้ ามการขยายตวัของทนุนิยมและจํานวนคนงาน

กรรมาชีพภายใต้ รัฐบาลกษัตริ ย์ซาร์ ซง�ึมฐีานอาํนาจอยู่ในระบบขนุนางเกา่ เขาหลงคิดวา่ รัสเซยีจะปฏิวตัิ ระบบกษัตริ ย์ซาร์ แล้ ววกกลบัมาสร้ าง “สงัคมนิยมชนบทหมบู่้ าน” ได้ โดยไมม่ีการสร้ างทนุนยิมเลย พวกน �ี มชี�ือวา่พวก นารอดนิค (Narodniks “เพ�ือนประชาชน”) การทเ�ีมอืง เซนต์ปิ เตอร์ สเบอร์ ค มกีารกระจกุตวัของกรรมาชีพมาก ทําให้ การลกุฮือปฏิวตัิ ไมไ่ด้ ออกมา ในรู ปแบบการปฏิวตัทินุนยิมของนายทนุ เหมอืนการปฏิวตัอิงักฤษ หรื อฝร�ังเศสกอ่นหน้ านนั � ในสมยันนั � นกั สงัคมนิยมสาย “เมนเชวิค” เข้ าใจวา่ทนุนิยมรัสเซยีกําลงัพฒ ั นาอยา่งรวดเร็ ว แตเ่ขามองวา่กรรมาชีพมี หน้ าท�ี “ชว่ย” นายทนุให้ ล้ มระบบเกา่ แม้ แตพ่รรค “บอลเชวิค” ของ เลนิน ยงัเช�ือตอนนนั � วา่ขนั � ตอนแรกของ การปฏิวตัจิะเป็ นขนั � ตอน “ประชาธิปไตยทนุนิยม” แต่ ลีออน ตรอทสกี เสนอตง�ั แตป่ี 1906 วา่การปฏิวตัิ จะต้ อง “ถาวร” ในลกัษณะท�ีจะไมห่ยดุแคท่�ีขนั � ตอนการปฏิวตัทินุนิยม ตรอทสกี ใช้ คาํวา่ “ถาวร” ในรู ปแบบ เดยีวกบัที�มาร์ คซ์ เคยใช้ ในปี 1848 เวลาเสนอวา่ต้ องมกีารขยบัข้ อเรี ยกร้ องจากการเรี ยกร้ องประชาธิปไตย ทนุนิยม ไปเป็ นการเรี ยกร้ องสงัคมนิยม ทง�ั ๆ ท�ีมีการปราบการปฏิวตัิ 1905 ในรัสเซยี แตอ่งคก์รสงัคมนิยมปฏิวตัไิมไ่ด้ ดบัหายไป มกีารมองวา่ เป็ น “การฝึ กซ้ อมรบ” เพื�อการปฏิวตัใินโอกาสใหมข่้ างหน้ า สว่นในท�ีอน�ืๆ เชน่สหรัฐ องักฤษ ไอร์ แลนด์ เยอรมนั กบั อิตาล�ี มีการลกุฮือนดั หยดุงานครัง�ใหญ่ๆ หลายครัง� โดยแกนนําสาํคญ ั ในสหรัฐประกอบไป ด้ วย เอลซิาเบด เกอร์ ล�ี ฟลนิ และ บิก บิล เฮวดู จาก IWW แม้ แตใ่นรัสเซยีก็มกีารรื อ�ฟื น�การนดัหยดุงานใน ปี 1914 แนวส้ แู บบสหภาพ Syndicalist ทป�ีฏิเสธพรรคการเมืองสงัคมนิยมปฏิรู ป มสีว่นสาํคญ ั ในการสร้ างพรรค ปฏิวตัสิงัคมนิยมหรื อพรรคคอมมวินสิต์หลงัการการปฏิวตัริัสเซยีปี 1917 เมอ�ืมีการเรี ยนบทเรี ยนวา่ต้ องใช้ ยทุธวธิีของการนดัหยดุงาน และการสร้ างพรรคปฏิวตัสิงัคมนยิมพร้ อมกนั .... แตก่​่อนทจ�ีะถงึจดุนนั � ยโุรป ลกุเป็ นไฟทา่มกลางสงครามโลกครัง�ท�ีหนง�ึ ระหวา่งประเทศจกัรวรรดนิ​ิยมตา่งๆ

80


ต้ นกาํเนิดสงครามโลกครั ง�ท� หี น� ึง การทร�ี ะบบจกัรวรรดนิ​ิยมนําไปสกู่ารทาํสงครามเพ�ือยดึครองพน�ืทต�ีา่งๆ

ทว�ัโลก

และในทส�ีดุสงคราม

ระหวา่งมหาอํานาจจกัรวรรดินิยมเอง เร�ิ มชดัเจนตง�ั แต่ 1904 เมอ�ืรัสเซยีพยายามขยายอาณาจกัรไปทาง ตะวนัออกเข้ าสจู่ีน และเผชิญหน้ ากบัญ�ีป่ นุ ทก�ีําลงัขยายไปทางตะวนัตกเข้ าสเู่กาหลี นอกจากนม�ีกีารปะทะ กนัระหวา่งเยอรมนักบัฝร�ังเศสในอฟัริ กาเหนอื แตภ่มูภิาคอนัตรายคอืแถบยโุรปตะวนัออกหรื อ บอลคาน เพราะมหาอาํนาจใหญ่ๆ เข้ ามาแย่งกนั อปุถมัภ์รัฐเลก็ๆ เชน่ เซอร์ เบีย กรี ซ มอนตาเนโกร บลัแกเรี ย ฯลฯ ซง�ึ ทําสงครามแยง่ชิงซากอาณาจกัร ออต ตามนัเตริ ก สถานการณ์อนัตรายแบบน �ี ท�ีมดัความขดัแย้ งในพน�ืทเ�ีข้ ากบัความขดัแย้ งระหวา่งมหาอาํนาจ ใหญ่ เป็ นชะนวนทน�ีําไปสสู่งครามโลกครัง�ที�หนง�ึ บอ่ยครัง�นกัวชิาการที�ไมว่ิเคราะห์อะไรลกึๆ จะให้ ความสาํคญ ั กบัรายละเอยีดเลก็ๆ น้ อยที�จดุไฟของ สงคราม แตร่ากฐานต้ นกําเนดิของสงครามโลกครัง� ที�หนง�ึ มาจากการแย่งชิงพน�ืท�ี อทิธิพล และ อาํนาจ ระหวา่งมหาอํานาจทนุนยิม จนทกุฝ่ ายยอมอะไรไมไ่ด้

สงครามโลกครั ง�ท� หี น� ึง ค.ศ.1914-1918 ในเดอืนสงิหาคม 1914 เมอ�ืสงครามเกดิขน�ึ เกือบทกุคนในยโุรปมองวา่ฝ่ ายของตนเองจะชนะในไมก่�ีเดือน และสงครามนจ�ีะไมย่ืดเยอ�ื ในเมืองตา่งๆ ประชาชนออกมาชมุนมุสนบัสนนุสงครามด้ วยความสนกุสนาน เหมือนกบัจะแหก่นัไปงานวดั หรื อไปดมูวย ในแงส่าํคญ ั บรรยากาศการเฉลิมฉลองสงคราม ไมไ่ด้ เป็ นการคลง�ัชาตไิปทง�ั หมด ทงั � ๆ ท�ีพวกคลง�ัชาติมี จริ ง ลอีอน ตรอทสกี อธิบายวา่บรรยากาศนม�ีาจากการทช�ี​ีวติคนสว่ นใหญ่ในยคุนนั � เตม็ไปด้ วยการทํางาน ซา�ํซากนา่เบ�ือ โดยไร้ ความหวงั สงครามท�ีกําลงัจะเกิดขน�ึเป็ นโอกาสท�ีจะผจญภยัครัง�ใหญ่ คนจํานวนมาก เช�ือวา่การเปลย�ีนแปลงที�จะเกิดขน�ึคงไมท่ําให้ ชีวิตแยล่ง เพราะมนัแย่กวา่นไ�ี มไ่ด้ .... แตใ่นไมช่้ าเขาจะ เรี ยนร้ ู ความจริ ง ทงั � ๆ ที�ผ้ นู าํพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยในยโุรป เคยมจีดุยนืคดัค้ านสงคราม การท�ีเขามองวา่ เป้ าหมายคอืการ “ได้ อาํนาจรัฐ” ผา่นการชนะการเลอืกตงั � ในรัฐสภาทนุนิยม ทาํให้ เขามองวา่ “รัฐ” เป็ นรัฐ 81


ของทกุคน และทกุคนต้ องจงรักภกัดตีอ่รัฐของตนเอง ในทส�ีดุเกือบทกุคนหนัมาสนบัสนนุการทําสงครามท�ี ฆา่กนัเอง อยา่งไรกต็าม นกัสงัคมนิยมบางคนสามารถเคลอ�ืนไหวคดัค้ านสงครามในกลมุ่ผ้ ใู ช้ แรงงานของ องักฤษ เยอรมนั และรัสเซยี แตผ่้ นู าํอยา่ง เคาท์สกี ในเยอรมนั หรื อ เคยีร์ ฮาร์ ดี ในองักฤษ เงียบเฉยทงั � ๆ ท�ี ไมเ่หน็ด้ วยกบัสงคราม สงครามนก�ีลายเป็ นสงครามยืดเยอ�ืทป�ี่ าเถ�ือนทส�ีดุในประวตัศิาสตร์ มนษุย์ยคุนนั �

มกีารใช้ อาวธุและ

ระเบิดท�ีสร้ างในโรงงานอตุสาหกรรมสมยัใหม่ และทหารเป็ นแสนๆ เผชิญหน้ ากนัในสนามเพลาะ คาดวา่ ทหารทกุฝ่ ายตายประมาณ 10 ล้ านคน ในการรบกนัท�ี “เวอร์ ดนั” ทหารสองล้ านคนเผชิญหน้ ากนัและตาย ไปคร�ึงหนง�ึ ภายในห้ าเดอืน ในการรบกนัทล�ีมุ่แมน่า�ํ “ซอม” และในปี 1916 คาดวา่ตายไปอกี หนง�ึล้ าน โดย ท�ีทหารองักฤษตายสองหมน�ืคนในวนัแรก สงครามนม�ีผีลกระทบกบัสงัคมในประเทศตา่งๆ อยา่งมาก ทกุแหง่ขาดแรงงาน ทงั � ในภาคเกษตรและใน โรงงาน เพราะมกีารเกณฑ์ผ้ ูชายไปรบจํานวนมาก มีการดงึผ้ หู ญิงเข้ าไปทาํงานในโรงงานอตุสาหกรรม ซง�ึ ในระยะยาวทําให้ สตรี มคีวามมน�ัใจทจ�ีะเรี ยกร้ องสทิธิสตรี มากขน�ึ เพราะทํางานพง�ึตนเองได้ เร�ิ มมกีารขาด อาหารและสนิค้ าพน�ืฐาน และราคาข้ าวของกพ็ุ่งขน�ึสงู ในไมช่้ าคณ ุ ภาพชีวิตของกรรมกร เกษตรกร และ ผ้ ปู ระกอบการรายยอ่ยแยล่งอยา่งนา่ใจหาย ในเยอรมนัคา่แรงดง�ิลง 50% แต่ผ้ นู ําสหภาพแรงงานใน ประเทศตา่งๆ พยายามยบัยงั � การนดัหยดุงาน เพ�ือสนบัสนนุสงคราม สําหรับเกษตรกรคนจนจากหมบู่้ านหา่ งไกลในชนบททว�ัยโุรป

การท�ีถกูเกณฑ์ไปเป็ นทหารและ

ประสบการณ์ของสงคราม เปิ ดหเูปิ ดตาถงึสภาพสงัคมสมยัใหม่ โดยเฉพาะความคิดทางการเมอืงเร�ื องสทิธิ เสรี ภาพ “สงัคมนิยม” ในท�ีสดุรัฐบาลทนุนยิมของประเทศตา่งๆ ไมว่า่จะเชื�อมน�ัในกลไกตลาดเสรี หรื อไม่ เร�ิ มเข้ าใจวา่จะต้ องใช้ รัฐเข้ ามาควบคมุทกุสว่นของเศรษฐกิจ เพ�ือทาํ “สงครามอยา่งถงึท�ีสดุ” กบัศตัรู และฝ่ ายนายทนุยินยอม เพราะมองวา่ถ้ ารัฐของตนชนะ จะมกีารยดึพน�ืท�ีและทรัพยากรจากฝ่ ายตรงข้ าม พอถงึปลายปี 1915 ต้ นปี 1916 เร�ิ มมกีารตอ่ส้ แู ละการกบฏของคนชนั � ลา่ง สตรี ในเมืองอตุสาหกรรม กลาสโก ทางเหนือขององักฤษ ไมย่อมจา่ยคา่เชา่ และสตรี ในหลายเมอืงของเยอรมนัประท้ วงการขาด แคลนอาหาร ในโรงงานอตุสาหกรรมขององักฤษ เยอรมนั ฮงัการ�ี และออสเตรี ย ช่างฝี มอืชายในโรงเหลก็ ท�ี

82


ไมไ่ด้ ถกูเกณฑ์เป็ นทหาร เพราะเขาเป็ นคนงาน “จําเป็ น” ในอตุ สาหกรรมอาวธุ เร�ิ มนดัหยดุงาน โดยทผ�ี้ นู ํา หลายคนเป็ นนกัสงัคมนิยม ในขณะเดยีวกนัเร�ิ มมนีกัเขียนและศลีปิ นคนชนั � กลางที�ออกมาวจิารณ์สงคราม ในสนามรบ คนท�ีแหก่นัไปรบในยคุแรกๆ เร�ิ มร้ ู วา่สงครามมนัป่ าเถ�ือนและโหดร้ ายแคไ่หน ความตน�ืเต้ น แปรไปเป็ นความเยน็ชาท�ียอมรับสถานการณ์ แตพ่อเวลาผา่นไป และทหารราบธรรมดามปีระสบการณ์ ของ สงคราม และเหน็ว่าสภาพความเป็ นอยขู่องเขา แตกตา่งจากพวกนายพลชนั � สงูทเ�ีสพสขุ กเ็ร�ิ มมกีารกบฏใน กองทพั ตงั � แตว่นัคริ สต์มาสปี 1914 ทหารธรรมดาจากทงั � สองฝ่ าย ประกาศหยดุยิงและออกมาคยุกนั ซง�ึสร้ าง ความไมพ่อใจในระดบัสงูอย่างมาก พอถงึคริ สต์มาสปี 1916 นายพลองักฤษสง�ัให้ ผ้ ูบงัคบับญ ั ชาในสนาม รบยิงทหารเยอรมนัที�ออกมาจากหลมุเพลาะ เพ�ือไมใ่ห้ คยุกบัทหารองักฤษ แตใ่นเดือนเมษายนปี 1917 ทหารฝร�ังเศส 68 กองพล คร�ึงหนง�ึของกองทพัฝร�ังเศส กบฏและไมย่อมออกรบหลงัจากท�ีสหายเขาตายไป 250,000 คนจากการรุ กส้ ู มกีารชกัธงแดงขน�ึ และร้ องเพลงอินเตอร์ นาชอนแนล์ แตร่ัฐบาลฝร�ังเศสปราบ ทหารกบฏอยา่งรุ นแรง โดยประหารชีวติทหารไป 49 นาย ในปี เดยีวกนัมกีารกบฏของทหารอิตาล�ี 50,000 คน และทหารองักฤษ 100,000 คน ในกรณีหลงันายพล องักฤษจดัการกบัการกบฏด้ วยการยอมรับข้ อเรี ยกร้ องบางอย่าง

ตามด้ วยการประหารชีวติผ้ นู าํการกบฏ

และมกีารปกปิ ดเหตกุารณ์ นใ�ี นสอ�ืมวลชน

การปฏวิัตริั สเซีย กุมภาพนัธ์ 1917 ไมม่ใีครสามารถทํานายลว่งหน้ าวา่จะเกิดการปฏิวตัใินรัสเซยีในเดือนกมุภาพนัธ์ 1917 แม้ แต่ เลนิน กพ็ดู เสมอวา่รุ่ นเขา “คงไมเ่หน็การปฏิวตั”ิ ในวนัท�ี 23 กมุภาพนัธ์ 1917 ซงึ� ตามปฏิทนิรัสเซยีสมยันนั � ตรงกบัวนัสตรี สากล คนงานสตรี จากโรงงาน สง�ิทอทว�ัเมอืง เพทโทรกราด (เซนต์ปิ เตอร์ สเบอร์ ค) ออกมาเดนิขบวนแสดงความไมพ่อใจกบัราคาสนิค้ า ความอดอยาก และการขาดแคลนขนมปั ง แม้ แตพ่วกพรรคสงัคมนิยมใต้ ดนิอยา่ง “บอลเชวิค” กบั “เมนเช วคิ” ตอนนนั � ยงัไมก่ล้ าออกมาเรี ยกร้ องให้ คนงานเดนิขบวนเลย แตค่นงานหญิงนําทางและชวนคนงานชาย ในโรงเหลก็ให้ ออกมาร่วมนดัหยดุงานด้ วย 83


ในวนัตอ่มาคนงานคร�ึงหนง�ึในเมือง เพทโทรกราด ออกมาประท้ วง และคาํขวญ ั เปลย�ีนไปเป็ นการ คดัค้ านสงคราม การเรี ยกร้ องขนมปั ง และการตอ่ต้ านรัฐบาลเผดจ็การของกษัตริ ย์ซาร์ ในขนั � ตอนแรก รัฐบาลพยายามใช้ ตาํรวจติดอาวธุเพ�ือปราบคนงาน แตไ่มส่าํเร็จ ตอ่จากนนั � มีการสง�ัทหารให้ เข้ ามาปราบ แตท่หารระดบัลา่งเปลย�ีนข้ างไปอยกู่บัฝ่ ายปฏิวตัหิมด และเมอ�ืมกีารสง�ัให้ สง่ทหารเข้ ามาจากนอกเมอืง กม็ี การกบฏและเปลย�ีนข้ างเชน่กนั

ในวนัที�สค�ีนงานกบัทหารติดอาวธุร่ วมเดนิขบวนโบกธงแดง

และเมอ�ื

กษัตริ ย์ซาร์ พยายามเดินทางกลบัเข้ าเมอืง เพทโทรกราด เพ�ือ “จดัการ” กบัสถานการณ์ คนงานรถไฟกป็ิ ด เส้ นทาง จนรัฐบาลกษัตริ ย์และซาร์ ไมม่ทีางเลอืกอน�ืนอกจากจะลาออก แตเ่มอ�ืกษัตริ ย์และรัฐบาลลาออก ใครจะมาแทนที�? ตอนนนั � มอีงค์กรคขู่นานสององค์กรท�ีมบีทบาท คล้ ายๆ รัฐบาลคอื (1) รัฐสภา Duma ที�ประกอบไปด้ วยส.ส.ฝ่ ายค้ านทเ�ีลือกมาจากระบบเลอืกตง�ั ทใ�ีห้ สิทธ�ิ พิเศษกบัคนมทีรัพย์สิน (2) สภา โซเวยีด ท�ีมผี้ แู ทนของคนงานกบัทหาร และเป็ นสภาท�ีต้ องจดัการ ประสานงานการบริ หารเมอืงและการแจกจา่ยอาหารในชีวติประจําวนั ในเดอืนกมุภาพนัธ์ รัฐสภา Duma สามารถตงั � “รัฐบาลชว�ัคราว” ของคนชนั � กลางได้ เพราะสภาโซเวียด ยินยอม แตพ่อถงึเดือนตลุาคม สภาโซเวียดเป็ นผ้ กู อ่ตง�ั รัฐบาลใหมข่องชนชนั � กรรมาชีพ ในการปฏิวตัอิงักฤษ ฝร�ังเศส และอเมริ กา ชนชนั � นายทนุและผ้ มู ทีรัพย์สนิ มสีว่นในการล้ มอาํนาจเกา่ ทงั � ๆ ทเ�ีร�ิ มลงัเลใจหลงัจากท�ีการปฏิวตัเิร�ิ มก้ าวหน้ าสดุขวั � มากขน�ึ แตใ่นการปฏิวตัิรัสเซยี ชนชนั � นายทนุเข้ า กบัอาํนาจเกา่ของกษัตริ ย์ซาร์ ตลอด เพราะกลวัพลงัของชนชนั � กรรมาชีพ ซง�ึเป็ นชนชนั � ใหมท่�ีเกิดขน�ึในระบบ ทนุนิยม ในเดอืนกมุพาพนัธ์ พรรคสงัคมนิยมสองพรรค คือพรรคบอลเชวคิ กบัพรรคเมนเชวคิ ยงัเช�ือวา่การ ปฏิวตัติ้ องเป็ นเพียงการปฏิวตันิายทนุ โดยท�ี เมนเชวิค มองวา่ชนชนั � กรรมาชีพต้ องช่วยนายทนุ แต่ บอลเช วคิ มองวา่กรรมาชีพต้ องนําการปฏิวตัิ ดงันนั � บอลเชวิค อยา่ง สตาลนิ กบั มอลอทอฟ จาก เมนเชวคิ และ นกัสงัคมนิยมจํานวนมาก เสนอให้ สภาโซเวียดสนบัสนนุรัฐบาลชว�ัคราวของพวกชนชนั � กลาง ในขณะท�ี กรรมกรพน�ืฐานไมพ่อใจและไมไ่ว้ ใจรัฐบาลใหม่ ในชว่งนนั � ทงั � เลนิน และตรอทสกี ซง�ึมคีวามคดิวา่ กรรมาชีพต้ องยดึอาํนาจรัฐและปฏิวตัสิงัคมนิยม ยงัอยนู่อกประเทศ

84


การบริ หารของรัฐบาลชว�ัคราวของคนชนั � กลาง ภายใต้ นกัสงัคมนิยมปฏิรู ปช�ือ คาเรนสก �ี กลายเป็ นท�ีไม่ พอใจของมวลชน ทงั � ในหมทู่หารทเ�ีป็ นลกูหลานเกษตรกร เกษตรกรเอง และคนงานกรรมาชีพ เพราะ รัฐบาลนต�ี้ องการทําสงครามตอ่และไมย่อมแก้ ไขปั ญหาอะไรเลย ในชว่งสงคราม สมาชิกพรรคสงัคมนิยม “เมนเชวิค” สว่นใหญ่สนบัสนนุสงคราม ในขณะท�ีพรรคสงัคม นิยม “บอลเชวิค” ของ เลนิน คดัค้ านสงคราม เลนิน เสนอมาตลอดวา่เป้ าหมายในการเคลอ�ืนไหวของพรรค ไมใ่ชเ่พ�ือไปสนบัสนนุปั ญญาชนฝ่ ายซ้ าย หรื อผ้ นู ําสหภาพแรงงานในระบบรัฐสภาทนุนิยม แตเ่พ�ือทจ�ีะ สร้ างเครื อข่ายนกัปฏิวตัใินชนชนั � กรรมาชีพท�ีจะล้ มระบบทนุนิยม

น�ีคือสาเหตทุ�ีพรรคบอลเชวคิได้ รับการ

สนบัสนนุเป็ นอยา่งมากในหมกู่รรมกรเมอืง เพทโทรกราด ซง�ึเป็ นเมอืงท�ีมอีตุสาหกรรมทนัสมยั และในบาง แหง่มโีรงงานขนาดใหญ่กวา่ในสหรัฐอเมริ กาอีก มอีกีพรรคหนงึ� ท�ีมคีวามสําคญ ั ในยคุนนั � คอื “พรรคปฏิวตัสิงัคม” ซง�ึไมใ่ชพ่รรคมาร์ คซสิต์ แตเ่ตบิโตมา จากแนวลกุฮือของนกัส้ ชู นชนั � กลางกลมุ่เลก็ๆ เดิมพรรคนม�ีฐีานเสียงในชนบทในหมเู่กษตรกรยากจน แต่ เมอ�ืแกนนําพรรคไปสนบัสนนุ สงครามและรัฐบาลชว�ัคราวของคนชนั � กลาง โดยไมแ่ก้ ไขปั ญหาในชนบท เร�ิ ม มสีมาชิกพรรคจํานวนมากแยกตวัออกไปตง�ั “พรรคปฏิวตัสิงัคมซกีซ้ าย” ในตอนแรกพรรคบอลเชวิคเตม็ไปด้ วยความสบัสนที�แกนนํา อยา่ง สตาลิน ไปสนบัสนนุรัฐบาลชว�ัคราว ของคนชนั � กลาง ในขณะที�คนงานรากหญ้ าไมพ่อใจ แตเ่มอ�ื เลนนิ เดนิทางกลบัมาในรัสเซยี และเร�ิ มโจมตี นโยบายเกา่ของแกนนําบอลเชวิค เร�ิ มเรี ยกร้ องให้ โซเวยีดล้ มรัฐบาล และเร�ิ มรณรงค์ตอ่ต้ านสงครามอยา่ง เป็ นระบบ พรรคบอลเชวคิขยายฐานเสยีงในเมอืง เพทโทรกราด อยา่งรวดเร็ ว จากเดมิทพ�ีรรคปฏิวตั สิงัคมมี เสยีงข้ างมากในสภาโซเวียด พอถงึวนัประชมุใหญ่ครัง�ท�ีสองในวนัท�ี 25 ตลุาคม 1917 ปรากฏวา่พรรค บอลเชวิคได้ 53% ของผ้ แู ทน และพรรคปฏิวตัสิงัคมซกีซ้ ายได้ อีก 21% รวมเป็ น 74% ของผ้ ูแทนท�ีต้ องการ ปฏิวตัสิงัคมนิยม กอ่นท�ีจะถงึจดุนนั � มีการเดนิหน้ าถอยหลงั เชน่ชว่งเดอืนกรกฏาคมมีการลกุฮือของทหารและคนงานท�ี ถกูรัฐบาลชว�ัคราวปราบ และแกนนําบอลเชวิคถกูจําคกุหรื อต้ องหลบหนี ตอ่มานายพล คอร์ นิลอฟ พยายามทํารัฐประหารเพ�ือก่อตงั � เผดจ็การทหารฝ่ ายขวา

แตพ่รรคบอลเชวิคออกมาปกป้ องและทําแนว

ร่ วมกบัรัฐบาลชว�ัคราว เพ�ือยบัยงั � รัฐประหารจนสาํเร็ จ ในขณะเดยีวกนั การทบ�ีอลเชวคิเป็ นอาํนาจสาํคญ ั

85


ท�ีสดุในการส้ กู บัรัฐประหารฝ่ ายขวา ทําให้ รัฐบาลชว�ัคราวหมดสภาพไป พร้ อมกนันนั � ในชนบท เกษตรกร ยากจนไมร่อใคร ตดัสนิใจยดึที�ดนิมาแจกจา่ยกนัเอง น�ีคอืสภาพสงัคมทส�ีกุงอมกบัการปฏิวตัสิงัคมนิยม

การปฏวิัตเิดือนตุลาคม 1917 การปฏิวตัเิดือนตลุาคม ตา่งจากการปฏิวตัเิดอืนกมุภาพนัธ์ เมอ�ื 8 เดอืนกอ่น เพราะไมม่ีความวนุ่วาย ยิง กนัน้ อยมาก และไมม่ใีครตาย สาเหตไุมใ่ชเ่พราะ “เป็ นการทํารัฐประหาร” อยา่งท�ีนกัประวตัศิาสตร์ บางคน อ้ าง แตเ่ป็ นเพราะเป็ นการปฏิวตัโิดยมวลชนท�ีมีการประสานกนั ผา่นองค์กรที�ได้ รับการเลอืกตง�ั โดยตรงจาก คนงาน ทหารเกณฑ์ และเกษตรกร องค์กรนช�ี�ือ “คณะกรรมการทหารปฏิวตัขิองโซเวยีดเมอืง เพทโทร กราด” องค์กรปฏิวตันิ �ี ซง�ึมผี้ แู ทนสว่นใหญ่เป็ นสมาชิกพรรคบอลเชวคิ สามารถตดัสนิใจด้ วยความชอบ ธรรม เพราะมวลชนเลอืกเขามาในระบบท�ีถอดถอนผ้ แู ทนได้ เสมอ และเมอ�ืมคีาํสง�ัจากองค์กรน �ี มวลชนทกุ ฝ่ ายกจ็ะทาํตาม เพราะเป็ นองค์กรของมวลชน ซง�ึตา่งจากรัฐบาล “ชว�ัคราว” โดยสน�ิเชิง ส�ิงที�เกิดขน�ึในรัสเซยีในเดอืนตลุาคม 1917 มคีวามสาํคญ ั เป็ นอย่างยง�ิ เพราะท�ีแล้ วมาในการปฏิวตัิ ฝร�ังเศสปี 1789 หรื อในการลกุฮือท�ีฝร�ังเศสปี 1848 และ 1871 คนงานกบัคนจนในปารี สเป็ นพลงัสาํคญ ั แ ต่ ถกูแยง่อํานาจไปโดยชนชนั � นายทนุหรื อถกูปราบปรามอยา่งหนกั ในรัสเซยีครัง�น �ี สภาของชนชนั � กรรมาชีพ ทหาร และเกษตรกรรายย่อย ได้ ยดึ อาํนาจรัฐในประเทศท�ีมปีระชากร 160 ล้ านคน มนัเป็ นการพิสจูน์วา่เรา สามารถสร้ างระบบสงัคมนิยมโลกได้

การล้ อมปราบการปฏวิัติ แกนนําการปฏิวตัสิงัคมนิยม อยา่ง เลนิน หรื อ ตรอทสกี เข้ าใจดวี่าเขาเผชิญหน้ ากบัปั ญหามหาศาล รัสเซยี เป็ นประเทศล้ าหลงัท�ีมคีวามก้ าวหน้ ากระจกุอยทู่ แ�ีคเ่มอืง เพทโทรกราด เกษตรกรจํานวนมากของรัสเซยี ไมไ่ด้ สนบัสนนุการปฏิวตัสิงัคมนยิมเพราะเขาเป็ นนกัสงัคมนิยมเหมอืนชาวเมอืง

แตเ่ ขาสนบัสนนุการ

ปฏิวตัเิพราะมนันาํไปสกู่ารกระจายทด�ีนิไปสเู่กษตรกร ซง�ึไมต่า่งจากสง�ิท�ีเกิดในการปฏิวตัทินุนิยมท�ีฝร�ังเศส ดงันนั � ถ้ าการปฏิวตัสิงัคมนิยมนจ�ีะได้ รับการสนบัสนนุยาวนานถาวรจากเกษตรกร

ต้ องมกีารพฒ ั นา

เศรษฐกิจและอตุสาหกรรม เพ�ือเพ�ิมคณ ุ ภาพชีวิตของเกษตรกร แตส่�ิงนท�ีําไมไ่ด้ ในรัสเซยี โดยเฉพาะในชว่ง 86


ท�ีมคีวามเสยีหายจากสงคราม ถ้ าจะทาํ ต้ องทําผา่นการขยายการปฏิวตัไิปสปู่ระเทศท�ีพฒ ั นาแล้ ว เชน่ เยอรมนั ซง�ึในประเทศตา่งๆ ของยโุรปตะวนัตกกม็กีารลกุฮือกบฏและตอ่ต้ านสงครามมากพอสมควร เลนิน ฟั นธงไปเลยวา่ถ้ าไมม่กีารปฏิวตัิในเยอรมนั การปฏิวตัริัสเซยีจะไปไมร่อด ในต้ นปี 1918 มกีารลกุ ฮือนดัหยดุงานโดยคนงาน ห้ าแสนคน ในอตุสาหกรรมเหลก็ของ ออสเตรี ย และเยอรมนั แตค่นงานเหลา่น �ี ไปหลงไว้ ใจผ้ นู าํพรรคสงัคมนิยมปฏิรู ป SPD และผลคือผ้ นู าํเหลา่นนั � หกัหลงัคนงาน โรซา ลคัแซมเบอร์ ซง�ึ ตอนนนั � ติดคกุอยู่ เพราะต้ านสงคราม เขียนวา่ “ผ้ นู าํพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยเป็ นพวกขข�ีลาดท�ีแย่ ท�ีสดุ เพราะพร้ อมจะน�ิงเฉยปลอ่ยให้ รัสเซยีตาย” การที�แกนนําพรรค SPD เยอรมนัหกัหลงัคนงานและทําลายกระแสนดัหยดุงาน ซง�ึอาจขยายไปเป็ นการ ปฏิวตัไิด้ เขาเปิ ดโอกาสให้ นายพลเยอรมนัสง่ทหารบกุเข้ าไปยดึพน�ืทย�ีเูครน ซง�ึเป็ นแหลง่ผลติอาหารท�ี สาํคญ ั ของรัสเซีย นอกจากนก�ีองทพัขององักฤษ ฝร�ังเศส เชค และญ�ีป่ นุ บกุเข้ าไปยดึสว่นตา่งๆ ของรัสเซยี เชน่กนั และในไมช่้ าพรรคเมนเชวคิ และพรรคปฏิวตัสิงัคม ภายในรัสเซยีเอง กเ็ร�ิ มจบัอาวธุเพ�ือทาํลายการ ปฏิวตัิ ในสภาพเชน่นพ�ีรรคบอลเชวิคต้ องตดัสินใจใช้ มาตรการเดด็ขาด ทงั � ในลกัษณะเผดจ็การและใน ลกัษณะการทหาร เพ�ือเอาชนะศตัรู อย่างไรก็ตาม การปฏิวตัสิงัคมนยิมไมไ่ด้ พา่ยแพ้ ตอ่กองทพัและศตัรู เหลา่น �ี เพราะคนจนสว่นใหญ่ใน รัสเซยีสนบัสนนุการปฏิวตัแิละพร้ อมจะส้ เู พ�ือปกป้ องผลประโยชน์ของเขา ลีออน ตรอทสกี สามารถรวบรวม คนงานและทหารเพ�ือก่อตง�ั “กองทพัแดง” ท�ีเอาชนะ “กองทพัขาว” ทงั � หลายได้ แตช่ยัชนะของนกัปฏิวตัิ รัสเซยีเป็ นชยัชนะราคาแพง การท�ีต้ องระดมพลเพ�ือสร้ างกองทพัแดง

และเพ�ือเอาชนะฝ่ ายตรงข้ าม

ในสภาพท�ีเศรษฐกิจยา�ํแย่

หมายความวา่พลงัการผลิตของชนชนั � กรรมาชีพสญ ู หายไป เพราะโรงงานตา่งๆ ต้ องปิ ด และกองกําลงัแดง กบัพรรคคอมมวินิสต์ (พรรคบอลเชวคิเปลย�ีนช�ือเป็ นพรรคคอมมวินิสต์) กลายเป็ นอาํนาจทล�ีอยอยเู่หนือ สงัคม และตลอดเวลา แกนนาํพรรครอและหวงัวา่จะมกีารปฏิวตัใินประเทศอตุสาหกรรมตะวนัตก เพ�ือมา ชว่ยก้ สู ถานการณ์ ในรัสเซยี

87


ยุโรปลุกเป็ นไฟ กระแสปฏิวตัใินยโุรประเบิดขน�ึแคห่นง�ึปี หลงัจากการปฏวิตัริัสเซยี ในปี 1918 กองทพัเยอรมนัและกองทพั ออสเตรี ยเร�ิ มพา่ยแพ้ สงครามโลก ในแถบ บอลคาน ประเทศเลก็ๆเร�ิ มปลดแอกตนเองจากอาณาจกัร ออสเตรี ยฮงัการ�ี และมกีารทําสงครามภูมภิาคเพ�ือแยง่ชิงพรมแดน เมอ�ืกองทพัเรื อเยอรมนัถกูสง�ัให้ บกุองักฤษ

ทหารเรื อกบฏไมย่อมไปตายฟรี ๆ

มกีารเดนิขบวนของ

ทหารเรื อติดอาวธุร่วมกบัคนงานท่าเรื อทเ�ีมอืง เคยีล์ หลงัจากนนั � มกีารตง�ั กรรมการทหาร ในเมือง บเรเมน, แฮนโนเวอร์ , โคโลน, ไลป์ ซกิ, ดเรสเดน และเมอืงอน�ืๆ อกีมากมาย ทหารกบัคนงานยดึเมอืง ใน มิวนิค มี การประกาศตง�ั สาธารณรัฐโซเวยีดของแคว้ น บาวาเรี ย ซง�ึอยไู่ด้ หลายเดือน สว่นในเมืองหลวง เบอร์ ลนิ ทหารติดอาวธุร่วมกบักรรมาชีพถอืธงแดงในการเดนิขบวน และนกัสงัคมนยิมอยา่ง คาร์ ล ลบีนคิ ปรากฏตวั ท�ีระเบียงพระราชวงัและประกาศวา่มกีารกอ่ตงั � “สาธารณรัฐสงัคมนิยม” และเร�ิ มกระบวนการ “ปฏิวตัโิลก” ซง�ึทําให้ พระเจ้ าไคเซอร์ ต้ องหนีออกนอกประเทศทนัที มกีารตง�ั คณะสภากรรมาชพีและทหาร ซง�ึแตง่ตง�ั รัฐบาลปฏิวตัอินัประกอบไปด้ วยสองพรรคสงัคมนยิม แตพ่รรคเหลา่นนั � นําโดยคนท�ีไมใ่ชน่กัปฏิวตัิ พรรค SPD เดมิสนบัสนนุ สงคราม เพราะเป็ นพรรคปฏิรู ปท�ี ต้ องการปกป้ องรัฐเก่ามาตลอด สว่นพรรค USP ประกอบไปด้ วยผ้ นู ําท�ีคดัค้ านสงครามและเอยีงซ้ าย มากกวา่พวก SPD แตก่ ็ยงัสองจิตสองใจเร�ื องการปฏิวตัิ คอืแกวง่ไปแกวง่มาระหวา่งการปฏิวตักิบัการ ปฏิรูประบบเดมิ มแีต่ “กลมุ่สนันบิาตสบาร์ ตาคสั” ของ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค กบั คาร์ ล ลบีนคิ เทา่นนั � ท�ี ชดัเจนวา่ต้ องปฏิวตัสิงัคมนิยม แตก่ลมุ่นพ�ีง�ึแยกตวัออกจากพวกพรรคปฏิรูปกอ่นหน้ านไ�ี มน่าน นายกรัฐมนตรี คนใหมข่องเยอรมนัชื�อ เอเบอร์ ด จากพรรค SPD จบัมอืทนัทีกบัพวกนายพลเกา่ เพื�อ “สร้ างความสงบเรี ยบร้ อย” และการสร้ างความสงบเรี ยบร้ อยสาํหรับระบบทนุนยิม แปลวา่ต้ องจดัการกบั นกัปฏิวตัิ อยา่ง โรซา ลคัแซมเบอร์ ค กบั คาร์ ล ลบีนคิ ซง�ึมฐีานสนบัสนนุในมวลชนทหารระดบัลา่งและ กรรมาชีพของเมอืง เบอร์ ลนิ ฝ่ ายนายพลและรัฐบาลสร้ างเร�ื องให้ มกีารลกุฮือเพ�ือปราบปรามขบวนการ ปฏิวตัิ ทงั � โรซา ลคัแซมเบอร์ ค กบั คาร์ ล ลบีนิค ถกูทหารตหีวัด้ วยด้ ามปื นแล้ วยิงทง�ิ โยนศพลงแมน่า�ํ หลงัจากนนั � รัฐบาลกโ็กหกวา่ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค ถกูมอ็บฆา่ทง�ิ และ คาร์ ล ลบีนิค ถกูยิงในขณะท�ีกําลงั หลบหนี และพวกคนชนั � กลางกเ็ฉลิมฉลองด้ วยความดใีจและความป่ าเถ�ือนตามเคย

88


ในปลายเดอืนธนัวาคม 1918 รัฐมนตรี มหาดไทย นอสก์ จากพรรค SPD ตดัสนิใจสร้ างกองกําลงัทหาร รับจ้ าง “ไฟรคอพส”์ ทป�ีระกอบไปด้ วยพวกอนรุักษ์ นิยมคลง�ัชาติ เพ�ือตระเวนไปทว�ัเยอรมนัและปราบปราม ทําลายขบวนการแรงงานและนกัสงัคมนยิม

บางหน่วยของกองกําลงันเ�ี ร�ิ มใช้ ธงสวสัตกิะ

ซง�ึกลายเป็ น

สญ ั ญลกัษณ์นาซี พรรคสงัคมนิยม โดยเฉพาะ SPD ใช้ คาํพดู “ซ้ าย” เพ�ือฉวยโอกาสเข้ ากบักระแสมวลชนท�ีต้ องการการ ปฏิวตัเิปลย�ีนแปลงระบบ แตใ่นขณะเดียวกนัในทางปฏิบตัมิกีารทําลายกระบวนการปฏิวตัิ ปั ญหาของนกั ปฏิวตัเิยอรมนัมาจากการท�ีเศรษฐกจิเยอรมนัพฒ ั นาไปไกลกวา่รัสเซีย

ดงันนั � กรรมาชีพจํานวนมากมี

ความคดิท�ีตง�ั ความหวงักบัการปฏิรูปผา่นรัฐสภา ในขณะเดยีวกนัไมไ่ด้ มีการสร้ างพรรคปฏิวตัไิว้ ลว่งหน้ า เพ�ือลองผดิลองถกูและสร้ างประสบการณ์ในการตอ่ส้ ู ปั ญหาของนกัสงั คมนยิมปฏิวตัเิยอรมนัคล้ ายกบัปั ญหาในสว่นอน�ืของยโุรป ทงั � หลาย

เพราะพรรคสงัคมนิยม

ไมเ่คยต้ องเผชิญหน้ ากบัการลกุฮือของมวลชนท�ีตง�ั คาํถามรู ปธรรมในโลกจริ งว่าจะปฏิวตัหิรื อ

ปฏิรูป ในชว่งนน�ีกัปฏิวตัใินรัสเซยีพยายามสร้ างองค์กรสากล เพ�ือตง�ั พรรคปฏิวตัทิ�ีแยกตวัออกจากพรรค ปฏิรูปในทกุประเทศของยโุรปและทอ�ีน�ื

แตม่นัใช้ เวลาและสายเกินไปท�ีจะชว่ยพยงุหรื อหนนุการปฏิวตัใิน

รัสเซยีได้ ในเดอืนเมษายน 1919 กรรมาชีพและคนตกงานพยายามยดึรัฐสภาในประเทศออสเตรี ย และในฮงัการ�ี มกีารยึดอาํนาจโดยฝ่ ายสงัคมนยิมและประกาศตง�ั “รัฐโซเวยีด” แตใ่นทง�ั สองกรณีการลกุฮือถกูหกัหลงัโดย พรรคสงัคมนยิมปฏิรูปทพ�ีดูซ้ ายแตป่ฏิบตัติรงข้ าม ในกองทพัองักฤษ ฝร�ังเศส และสหรัฐ มกีารกบฏตอ่ผ้ ูบงัคบับญ ั ชา และในองักฤษ สหรัฐ คานาดา เกิด กระแสนดัหยดุงานอย่างดเุดอืด แม้ แตต่าํรวจในบางพน�ืท�ีขององักฤษก็ยงัหยดุงาน ในสเปน ซง�ึไมไ่ด้ เกี�ยวข้ องกบัสงครามโลกครัง�ท�ีหนง�ึ แตไ่ด้ รับผลกระทบจากปั ญหาเศรษฐกิจ มกีารนดั หยดุงานและยดึเมืองตา่งๆ แตถ่กูรัฐบาลปราบปรามอยา่งโหดร้ ายป่ าเถ�ือน ในอิตาล�ี ระหวา่งปี 1919 กบั 1920 มกีารนดัหยดุงานทว�ัไปและตง�ั คณะกรรมการโรงงานโดยกรรมาชีพ เพ�ือคมุโรงงาน กระแสนไ�ี ด้ รับการสนบัสนนุโดยนกัมาร์ คซสิต์อยา่ง อนัโตนโิอ กรัมช�ี และหนงัสอืพิมพ์ “ระเบียบใหม”่ ของเขา แตก่ารตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพ ซง�ึมแีนวโน้ มว่าจะขยายไปสกู่ารปฏิวตั ิ ถกูหกัหลงัโดย 89


พรรคสงัคมนยิมทป�ีลกีตวัออกไมส่นบัสนนุ และโดยผ้ นู าํสหภาพแรงงานระดบัสงู ท�ีมองวา่ต้ องส้ แู ตใ่นเร�ื อง ข้ อเรี ยกร้ อง “ปากท้ อง” เทา่นนั � ความล้ มเหลวของการปฏิวตัลิกุฮือในอติาลส�ีร้ างความหดหู่ พร้ อมกนันนั � นายกรัฐมนตรี พรรคเสรี นิยม ตดัสนิใจสนบัสนนุให้ มสุโสลีนี สร้ างขบวนการฟาสซสิต์ขน�ึมาด้ วยทนุจากรัฐและนายทนุใหญ่ เพื�อคานฝ่ าย ซ้ ายและนกัปฏิวตัิ พอถงึปลายปี 1922 มสุโสลนี​ี สามารถยดึอาํนาจและสร้ างรัฐเผดจ็การฟาสซสิตไ์ด้ สาํเร็ จ การท�ีกระบวนการปฏิวตัใินรัสเซยีถกูโดดเดย�ีว เพราะการปฏิวตัใินสว่นอน�ืๆ ของยโุรปไมส่าํเร็ จ มผีล ร้ ายแรงกบัรัสเซยี เพราะความยากลาํบากของชีวิตพลเมอืง และสงครามกลางเมืองท�ีฝ่ ายต้ านสงัคมนิยม กอ่ขน�ึ ทาํให้ ชนชนั � กรรมาชีพเกอืบจะหายไปและพลงัขบัเคลอ�ืนการปฏิวตัอิอ่นแอลงเป็ นอยา่งมาก พรรค คอมมวินิสต์กลายเป็ นอาํนาจทล�ี อยอยเู่หนือสงัคมโดยไมม่ฐีานมวลชน

แทนทจ�ีะเป็ นตวัแทนของมวลชน

พน�ืฐานทเ�ีคล�ือนไหวด้ วยชีวิตชีวา พรรคคอมมวินิสต์แปรสภาพไปคล้ ายๆ กบักลมุ่ “จคัโคบิน” ทค�ีรอง อาํนาจชว่งหนง�ึในการปฏิวตัฝิร�ังเศส และในทส�ีดุกก็ลายเป็ นเผดจ็การท�ีกดขี�ประชาชนภายใต้ ผ้ นู ําใหมช่ื�อ สตาลนิ ในปี 1928

การกบฏในอาณานิคม ประชาชนในอาณานิคมของมหาอํานาจตะวนัตก

ไมเ่คยยินยอมพอใจกบัการถกูปกครอง

มหาอาํนาจตะวนัตกต้ องใช้ ความรุ นแรงและสงครามในการเข้ ายดึพน�ืท�ี

ในอดีต

และหลงัจากนนั � มกีารกบฏเป็ น

ประจํา แตก่ารกบฏในยคุแรกๆ เป็ นการกบฏของคนที�อยากกลบัไปสสู่งัคมโบราณกอ่นยคุอาณานิคม ส�ิงใหมท่�ีเกิดขน�ึในศตวรรษใหมป่ระมาณปี 1900 คือการเกดิขน�ึของขบวนการชาตินยิมสมยัใหม่ และ หนอ่ออ่นของขบวนการแรงงาน ความคดิสมยัใหมเ่ก�ียวกบัการสร้ างชาติ ถกูเผยแพร่ผ่านสถาบนัการศกึษา และในกลมุ่นิสตินกัศกึษา นอกจากนก�ีารเกณฑ์ทหารจากอาณานคิม เชน่อนิเดยี ไปรบในสงครามโลกครัง� ท�ีหนง�ึ และการใช้ แรงงานรับจ้ างในการสนบัสนนุสงคราม หรื อการผลติ ในโรงงานอตุสาหกรรมพน�ืเมอืงท�ี เกิดขน�ึมาเพ�ือทดแทนการนําเข้ าจากตะวนัตกทย�ีตุใินชว่งสงคราม

นาํไปสกู่ารขยายตวัของขบวนการ

แรงงานและความคดิสมยัใหม่

90


ขบวนการก้ ชู าติทเ�ีกดิขน�ึในยคุนป�ีระกอบไปด้ วยสองชนชนั � หลกัท�ีมผีลประโยชน์ขดัแย้ งกนัคือ

ชนชนั �

กลางบวกกบันายทนุพน�ืเมือง ท�ีต้ องการเป็ นนายทนุอสิระจากการปกครองและการควบคมุเอาเปรี ยบของ อาํนาจตะวนัตก และชนชนั � กรรมาชีพ ท�ีต้ องการกบฏตอ่อํานาจตะวนัตกและนายทุนพน�ืเมอืงพร้ อมกนั เพ�ือ พฒ ั นาสภาพชีวติประจําวนั

และบ่อยครัง�ขบวนการของชนชนั � กรรมาชีพจะสนใจแนวคดิสงัคมนยิมมาร์ ค

ซสิตด์ ้ วย

อนิเดีย อนิเดียเป็ นอาณานิคมที�สาํคญ ั ทส�ีดุขององักฤษ ขบวนการก้ ชู าตเิร�ิ มกอ่ตวัในรู ปแบบ “พรรคคองเกรสของ ชาตอิ​ินเดยี” หรื อท�ีเรี ยกสนั � ๆวา่ “คองเกรส” ซง�ึมแีกนนําเป็ นชนชนั � กลางกบันายทนุพน�ืเมอืง ในยคุนนั � ชน ชนั � สงูพน�ืเมอืงแยกเป็ นสองสว่นระหวา่งพวกท�ีต้ องการร่วมมอืกบัองักฤษ และพวกท�ีต้ องการเอกราช มหาตมะคานธี เป็ นทนายความชนชนั � กลางทก�ีลบัมาจากอฟัริ กาใต้ ในปี 1915 และทง�ั ๆ ท�ี มหาตมะ คานธี ขน�ึช�ือภายหลงัวา่ตอ่ต้ านการใช้ ความรุนแรง ตอนนนั � เขาสนบัสนนุการทาํสงครามขององักฤษใน สงครามโลกครัง�ท�ีหนง�ึ และใกล้ ชิดกบันายทนุพน�ืเมอืงอินเดยีท�ีต้ องการให้ พรรคคองเกรส ปกป้ องตลาด ภายในอินเดยีท�ีจะเป็ นอสิระในอนาคต เพ�ือประโยชน์ของนายทนุ ระหวา่ง 1918-1920 มีคลน�ืการนดัหยดุงานของกรรมาชีพ โดยเฉพาะคนงานส�ิงทอในเมอืง มมุบาย และมกี ารประท้ วงความอดอยากในเมืองหลกัๆ อ�ืนๆ ของอนิเดีย รัฐบาลองักฤษโต้ ตอบและปราบปรามการ เคลอ�ืนไหวเหลา่นอ�ียา่งรุ นแรง ซง�ึเพ�ิมความโกรธแค้ นของมวลชน ในปี 1920 มกีารนดัหยดุ งาน 200 ครัง� โดยคนงานทงั � หมด 1.5 ล้ านคน การตอ่ส้ อู ยา่งดเุดือดของกรรมาชีพและคนจนอนิเดยีสร้ างความหวาดกลวัให้ กบันกัชาตนิยิมชนชนั � กลางอยา่ง มหาตมะคานธี ดงันนั � มกีารเสนอวธิี “อหงิสา” เพ�ือควบคมุการตอ่ส้ ขู องคนชนั � ลา่งไมใ่ห้ ลามไปสู่ การตอ่ต้ านนายทนุพน�ืเมอืง ในคณะท�ี คานธี สนบัสนนุการไมร่​่วมมอืกบัองักฤษ เขาคดัค้ านการงดจา่ย ภาษี ทว�ัไป เพราะจะทําให้ เกษตรกรคนจนเลกิจา่ยคา่เชา่ให้ เจ้ าของท�ีดนิรายใหญ่หรื อพวก “ซามนิดาร์ ” มหาตมะคานธี ตกอยใู่นสภาพท�ีขดัแย้ งในตวั เพราะเขาอยากจะระดมมวลชนให้ คดัค้ านองักฤษแบบ “อหงิสา” แตก่ลวัมวลชนชนั � ลา่งและไมส่ามารถควบคมุสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะเมอ�ืองักฤษปราบปราม 91


อยา่งหนกั ดงันนั � ในปี 1922 ทา่มกลางการกบฏและการตอ่ส้ กู บัองักฤษอยา่งดเุดือด ทร�ีัฐบาลองักฤษอาจ ควบคมุ ไมอ่ยู่ คานธี ประกาศยตุกิารตอ่ส้ โู ดยไมป่รึกษาใคร นอกจากขบวนการก้ ชู าตจิะต้ องถอยหลงัไปสบิ ปี แล้ ว ความสบัสนและความหดหทู่เ�ีกิดขน�ึ นําไปสคู่วามแตกแยกเขน่ฆา่กนัระหวา่งคนฮินดู กบัคนมสุลิม ท�ี เคยสามคัคีกนั

ไอร์ แลนด์ ไอร์ แลนด์อาจไมไ่ด้ อยใู่นเอเซยีหรื ออฟัริ กา แตเ่ป็ นอาณานิคมทเ�ีกา่แกท่ส�ีดุขององักฤษ ในปี 1916 มกีารลกุ ฮือจบัอาวธุกบฏตอ่องักฤษในเมือง ดบัลนิ การกบฏครัง�นป�ีระกอบไปด้ วยสององค์กรหลกัคอื “ขบวนการ สาธารณรัฐ” ของคนชนั � กลางนาํโดย พาดเดรก เพียร์ ส และ “กองทพัพลเมอืงไอร์ แลนด์” ซง�ึเป็ นกองกาํลงั กรรมาชีพเพ�ือปกป้ องการนดัหยดุงาน นาํโดยนกัสงัคมนิยมไอร์ แลนดช์ื�อ เจมส์ คอนโนล�ี ท�ีเคยจดัตง�ั กรรมกร IWW ในสหรัฐอเมริ กาในอดีต และถงึแม้ วา่การกบฏนล�ี้ มเลวเพราะมคีวามผิดพลาดในการ วางแผน และผ้ นู ําจํานวนมากถกูประหารชีวติ มนักลายเป็ นประกายไฟทจ�ีดุการตอ่ส้ รู อบใหมใ่นไอร์ แลนด์ และจดุการตอ่ส้ กู บัเจ้ าอาณานคิมทว�ัโลก ระหวา่ง 1918 ถงึ 1921 มสีงครามก้ ชู าตเิกิดขน�ึระหวา่ง “กองทพัสาธารณรัฐไอร์ แลนด์” (IRA) ภายใต้ การนําของ ไมเคลิ คอลลนิส์ กบัรัฐบาลองักฤษ ก่อนหน้ านนั � ในปี 1918 “พรรคชินเฟง” ของพวกก้ ชู าตชินะ การเลอืกตง�ั ในเขตตา่งๆ ทว�ัไอร์ แลนด์ โดยมี เอมอนด์ เดอร์ วาเลรา เป็ นหวัหน้ าพรรค แตอ่งักฤษไมย่อมให้ เอกราช ในทส�ีดุองักฤษเสนอวา่ต้ องแบ่งแยกประเทศเป็ นสองสว่น เหนือกบัใต้ และขวู่า่จะเผาบ้ านเผาเมอืง ถ้ าฝ่ ายก้ ชู าติไมย่อมรับ

พวกนายทนุพน�ืเมืองกลวัการตอ่ส้ แู บบถงึท�ีสดุท�ีอาจเกิดขน�ึ

จงึมีการยอมรับ

ข้ อตกลงโดยซกีหนง�ึของขบวนการ แตต่้ องมกีารรบกนัระหวา่งสองสว่นของขบวนการก้ ชู าติกอ่นท�ีจะมีการ ยอมรับข้ อตกลงน �ี คอืระหวา่งซกีของ คอลลนิส์ ท�ียอมรับข้ อตกลง กบัซกีของ เดอร์ วาเลรา ทป�ีฏิเสธ ผลของการแบ่งไอร์ แลนด์เป็ นสองสว่นคอื ฝ่ ายอนรุักษ์ นิยมแคทอลลิคปกครองรัฐอสิระท�ียากจนทางใต้ โดยมี เดอร์ วาเลรา เป็ นผ้ นู ํา แตอ่งักฤษปกครองทางเหนือ โดยเลอืกปฏิบตักิบัคนแคทอลลคิ การแบง่ ดนิแดนแบบนไ�ี มไ่ด้ นําไปสกู่ารปลดแอกประชาชนที�แท้ จริ ง แตน่ําไปสรู่ะบบล้ าหลงัอนรุักษ์ นยิมสองรู ปแบบ ทางเหนือกบัทางใต้ อยา่งท�ี เจมส์ คอนโนล�ี เคยทํานาย

92


จีน ในปี

1911

มกีารกบฏของทหารตอ่ราชวงศ์ชิง

(แมนช)ู

และการประกาศตง�ั สาธารณรัฐภายใต้

ประธานาธิบดี ซนุยดัเซน แตร่ัฐบาลล้ มภายในหนง�ึเดอืนและนายพลในกลมุ่อาํนาจเก่าขน�ึมาเป็ นเผดจ็การ แทน ประเทศจนีถกูแยกเป็ นเขตตา่งๆ ภายใต้ ขนุศกึหรื ออํานาจต่างชาติ ตอ่มาในวนัท�ี 4 พฤษภาคม 1919 มขีา่วจากการประชมุแวร์ ไซในฝร�ังเศส วา่ฝ่ ายท�ีชนะสงครามโลกได้ ประกาศยกพน�ืท�ีจีนท�ีเคยปกครองโดยเยอรมนัให้ ญ�ีป่ นุ คําประกาศนถ�ีือว่าเป็ นการหกัหลงัโดยรัฐบาลสหรัฐ ท�ีเคยสญ ั ญาวา่ "ทกุชาตจิะต้ องมเีสรี ภาพในการปกครองตนเอง" สว่นอน�ืๆ ของเมอืงใหญ่จีนและเส้ นทาง คมนาคมตา่งๆ ของจีน อยภู่ายใต้ การควบคมุของชาตติ ะวนัตกอยแู่ล้ ว และในเขตตะวนัตกของเมอืง เซย�ีง ไห้ มกีารติดป้ าย “ห้ ามหมาและคนจีนเข้ า” นกัศกึษาเป็ นผ้ จู ดุประกายการปฏิวตัิ โดยมปีั ญญาชนเข้ าร่ วม และคนจํานวนมากได้ รับอทิธิพลจาก “พรรคก๊ กมนิตง�ั” ของ ซนุยดัเซน ในขณะเดยีนวกนัการปฏิวตัริัสเซยีสร่้ างอิทธิพลให้ มวลชนอกีสว่นหนง�ึ สนใจความคิดสงัคมนยิมมาร์ ซสิม์ ซง�ึสอดคล้ องกบัการรุ กส้ ขู องชนชนั � กรรมาชีพจีน ในปี 1922 คนเดนิเรื อ 2,000 คนท�ีฮอ่งกงเร�ิ มนดัหยดุงาน และลามไปสกู่ารนดัหยดุงานทว�ัไปของ คนงานฮอ่งกง 120,000 คน และทง�ั ๆ ท�ีผิดกฏหมาย การนดัหยดุงานครัง�นไ�ี ด้ รับชยั ชนะ มกีารนดัหยดุงาน ของคนงานเหมืองแร่ 50,000 คน และคนงานหญิงในโรงงานผ้ าไหมอีก 20,000 คน แตถ่กูฝ่ ายจีนและ ตะวนัตกปราบปราม ตอ่มาในปี 1924 ซนุยดัเซน ตง�ั รัฐบาลก้ ชู าตทิเ�ี มอืง กวางต้ งุ ซง�ึอาศยัการร่ วมมือกนักบักองกาํลงัคนงาน ของพรรคคอมมวินสิต์จีน ในปี 1925 มีการนดัหยดุงานทว�ัไปท�ีเมอืง เซย�ีงไห้ และฮ่องกง โดยมขี้ อเรี ยกร้ อง ชาตนิยิมและข้ อเรี ยกร้ องปากท้ อง ใน เซย�ีงไห้ กรรมกรกลายเป็ นอาํนาจหลกัในการบริ หารเมอืงชว�ัคราว ในปี 1926 กองกําลงัของ ก๊ กมนิตง�ัและคอมมิวนสิต์ ยกทพั จาก กวางต้ งุ ไปทางเหนอืเพ�ือยดึ ฮเูบ และฮนูนั โดยผ้ นู ํากองทพัคือนายพล เชียงไกเชค ในเดอืนมนีาคมกองทพัของ เชียงไกเชค มาถงึ เซย�ี งไห้ และภายในเมืองมีการลกุฮือของกรรมาชีพและนดัหยดุงานทว�ัไป เชียงไกเชคและพรรคก๊ กมนิตงั ซง�ึเป็ น พวกชนชนั � นายทนุพน�ืเมอืง

พร้ อมจะใช้ ขบวนการแรงงานและพวกคอมมวินสิต์ในการยดึเมอืง

แตพ่อ

กรรมาชีพมอบอาํนาจให้ เชียงไกเชค เรี ยบร้ อยแล้ ว มกีารปลอ่ยอนัธพาลฝ่ ายขวาไปฆา่คอมมวินสิต์และนกั สหภาพแรงงานอยา่งป่ าเถื�อนจนไมเ่หลอืซาก 93


การท�ี เชียงไกเชค ทาํลายคอมมวินิสตแ์ละขบวนการแรงงาน ทําให้ ก๊ กมนิตง�ั ออ่นแอ ขาดมวลชนท�ีมี พลงั

ดงันนั � ไมส่ามารถส้ กู บัตา่งชาติและรวมจีนเป็ นหนง�ึประเทศได้

รัฐบาลของเขาเสอ�ืมลงเร�ื อยๆ

ทา่มกลางการคอร์ รับชน�ัและการใช้ อนัธพาล นเ�ีป็ นอีกบทเรี ยนทพ�ีิสจูน์วา่พวกชาตนิ​ิยมชนชนั � กลางในท�ีสดุ พร้ อมจะหกัหลงัขบวนการก้ ชู าตเิพ�ือจดัการกบัชนชนั � กรรมาชีพ ในขณะเดยีวกนั การที�ผ้ ปู กครองรัสเซยี ภายใต้ อิทธิพล สตาลนิ แนะนําให้ กรรมาชพีและคอมมวินสิต์จีนไว้ ใจ เชียงไกเชค แสดงวา่มกีารหกัหลงัและ ทําลายอดุมการณ์ ปฏิวตัใิ นรัสเซยีเอง

อยีิปต์ การตอ่ส้ ใู นอยีิปต์ออกมาในรู ปแบบเดยีวกนัคอื ในปี 1919 มกีารทาํแนวร่ วมระหวา่งพวกก้ ชู าตชินชนั � กลาง และขบวนการแรงงาน เพื�อตอ่ส้ กู บัองักฤษ และเม�ือองักฤษเสนอการปฏิรูปเลก็ๆ น้ อย “พรรควาฟด์” ของ พวกชนชนั � กลาง กป็ระนีประนอมกบัองักฤษและหกัหลงัขบวนการแรงงาน ตอ่มาพอ “พรรควาฟด์” หา่งเหิน จากมวลชนแรงงาน องักฤษกจ็ดัการปราบปรามจนพรรคหมดสภาพ

การปฏิวตัเิมคซิโก เมคซิโกอสิระจากการปกครองของสเปนมาตงั � แตป่ ี 1820 แตอ่าํนาจในการปกครองอยใู่นมอืของเจ้ าของ ที�ดนิรายใหญ่จากสเปน มปีระธานาธบดเีผดจ็การช�ือ พอฟิ ริ โอ ดิอสั โดยทท�ีนุตา่งชาติ โดยเฉพาะจาก สหรัฐอเมริ กาครอบงําเศรษฐกจิ ในปี 1907 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ท�ีมผีลกระทบอย่างหนกัตอ่ทกุสว่นของสงัคม โดยเฉพาะเกษตรกรราย ยอ่ย มีการสร้ างแนวร่ วมระหวา่งกองกําลงัสามกลมุ่คือ (1) ฟรานซสิโก มาเดโร ซง�ึเป็ นกลมุ่ท�ีได้ รับการ สนบัสนนุโดยชนชนั � กลาง (2) ฟรานซสิโก วยี า อดีตโจรขโมยววั และ (3) เอมลิีโอ ซาบาทา เกษตรกรราย ยอ่ย กองกําลงัแนวร่ วมนส�ีามารถล้ มเผดจ็การได้ แตพ่อได้ รับชยัชนะพวกชนชนั � กลางของ มาเดโร และ สหรัฐอเมริ กา คดัค้ านข้ อเรี ยกร้ องของ ซาบาทา เพ�ือกระจายที�ดนิให้ เกษตรกร เกิดสงครามกลางเมอืงรอบ สองซง�ึจบลงด้ วยชยัชนะของกองทพัเกษตรกรภายใต้ ซาบาทา กบั วยีา

94


แต่ ซาบาทา กบั วยีา ไมม่นีโยบายหรื อแผนท�ีจะปกครองประเทศ พอชนะแล้ วเกษตรกรทงั � หลายกพ็ากนั กลบับ้ านไปทาํไร่ พวกทไ�ีด้ อาํนาจกเ็ลยเป็ นพวกชนชกั � ลางท�ีปกครองประเทศภายใต้ เผดจ็การของ “พรรค สถาบนัการปฏิวตั”ิ (PRI)

ทนุนิยม “องค์รวมและตา่งระดบั” ลอีอน ตรอทสกี ได้ สรุ ปบทเรี ยนจากการตอ่ส้ ใู นอาณานิคมวา่ ทนุนิยมได้ ครอบงําโลกในลกัษณะ “องค์รวม และตา่งระดบั” คอืทกุสว่นกลายเป็ นทนุนยิม แตร่ะดบัการพฒ ั นาของทนุนิยมตา่งกนัมาก ตรอทสกี เสนอ วา่ในสถานการณ์ แบบน �ี ถงึแม้ วา่นายทนุพน�ืเมืองหรื อชนชนั � กลางต้ องการปลดแอกประเทศของตนเอง แต่ ในขณะเดยีวกนั เขาเกรงกลวัพลงัของชนชนั � กรรมาชีพและเกษตรกรคนจน ดงันนั � พวกชนชนั � กลางและ นายทนุจะไมเ่ข้ มแข็งและไมม่ น�ัใจพอท�ีจะปฏิวตัปิลดแอกประเทศจากตา่งชาตหิ รื อความล้ าหลงั ด้ วยเหตนุ �ี ชนชนั � กรรมาชีพจะต้ องนําการ “ปฏิวตัถิาวร” เพ�ือปลดแอกประเทศและสร้ างสงัคมนิยมพร้ อมๆ กนั

“ยุคทอง” แห่ งทศวรรษ 1920 หลงัสงครามโลกครัง�ทห�ีนง�ึสหรัฐอเมริ กาแซงหน้ ามหาอาํนาจอตุสาหกรรมเกา่ อยา่งองักฤษและเยอรมนั ท�ี สน�ิเปลอืงทรัพยากรมากมายในการทาํสงคราม โดยท�ีเศรษฐกิจสหรัฐกลายเป็ นเศรษฐกิจทใ�ีหญ่ทส�ีดุในโลก และระดบัการผลติอตุสาหกรรมในปี 1928 สองเทา่ระดบัในปี 1914 ภายในสหรัฐอเมริ กาชนชนั � ปกครองมน�ัใจเป็ นอยา่งมาก เพราะสามารถปราบปรามขบวนการแรงงาน IWW

และพวกคอมมิวนิสต์

มคีวามเช�ือกนัในแวดวงนกัเศรษฐศาสตร์ และผ้ นู าํประเทศวา่ทนุนิยม

พฒ ั นาขน�ึจน “หมดยคุแหง่วิกฤต” และดเูหมอืนวา่การขยายตวัของเศรษฐกิจทําให้ กรรมาชีพ และแม้ แตค่น ผิวดาํมีฐานะดขีน�ึ มกีารผลิตเคร�ื องใช้ ไฟฟ้ าสาํหรับประชาชน มกีารผลติรถยนต์ “ฟอร์ ด” เพ�ือคนชนั � กลาง และมกีารพฒ ั นาการคมนาคมทางอากาศสาํหรับคนรวย พร้ อมกนันนั � การผลิตเคร�ื องเลน่แผน่เสยีงและวทิยุ ทําให้ เกิดดนตรี “แจส” ขน�ึ ซง�ึเป็ นการผสมผสานดนตรี “พน�ืเมอืง” ของอดีตทาสผิวดําจากอฟัริ กา กบัดนตรี ตะวนัตก เพ�ือเป็ นดนตรี สําหรับมวลชน

95


ในด้ านศลีปะ ศลีปิ นจํานวนหนง�ึ ซง�ึเคยมปีระสบการโดยตรงกบัความป่ าเถ�ือนในสงคราม สร้ างผลงาน ในกระแส Modernism (โมเดอร์ นนสิม์ “ทนัสมยั”) ทส�ีะท้ อนเคร�ื องจกัร ความทนัสมยั และการพฒ ั น า แ ต่ ด้ วยสองจิตสองใจท�ีระแวงความป่ าเถ�ือนของสงัคมด้ วย ในบางครัง�การเสพสขุของพวกปั ญญาชน ศลีปิ น และคนมเีงิน เป็ นไปในลกัษณะทห�ีาความสนกุแตไ่มศ่รัทธาอะไรมาก ในเยอรมนัและองักฤษ การขยายตวัของเศรษฐกิจแบบสหรัฐอเมริ กาใช้ เวลานานกวา่ ก่อนทจ�ีะมาถงึ ใน เยอรมนัต้ องมกีาร “จดัการ” กบัขบวนการปฏิวตัิและรับเงินก้ ูยืมจากธนาคารอเมริ กา เพ�ือฟื น�ฟเูศรษฐกจิ สว่นในองักฤษมกีารปรับคา่เงินปอนด์ขน�ึ ซง�ึทําให้ การสง่ออกตกตา�ํ รัฐบาลและนายจ้ างพยายามกดคา่แรง เพ�ือโยนภาระให้ กรรมาชีพ จนเกิดการนดัหยดุงานทว�ัไปในปี 1926 แตผ่้ นู ําแรงงานระดบัสงูหกัหลงัคนงาน จนพา่ยแพ้ หลงัจากนนั � เศรษฐกจิกเ็ ร�ิ มขยายตวั โดยทท�ีกุคนเช�ือวา่ทนุนิยม “แก้ ปั ญหาวกิฤตเศรษฐกจิอยา่ง ถาวร” ในเยอรมนัและองักฤษมรีัฐบาลพรรคสงัคมนยิมหรื อพรรคแรงงาน ท�ีพยายามสร้ างสนัตภิาพระหวา่ง ชนชนั � เพ�ือเพ�ิมประสทิธิภาพการผลติ และคนอย่าง เบิรน์สไตน์ ก็ออกมาประกาศอกีว่าเขาวิเคราะห์ทนุ นิยม “ถกูต้ อง” ในอดตี โดยเช�ือวา่จะดขีน�ึเร�ื อยๆ โดยไมต่้ องปฏิวตัิ แม้ แตใ่นรัสเซยีเอง สตาลนิ และ บคูาริ น มองวา่ทนุนิยมสามารถสถาปนาความมน�ัคงได้ แล้ ว ดงันนั � ในรัสเซียต้ องสร้ าง “สงัคมนยิมในประเทศเดียว” โดยเลิกคดิสง่ออกการปฏิวตัิ ในเดอืนธนัวาคม 1928 ประธานาธิบดี คลูิช ของสหรัฐ ประกาศวา่อนาคตสดใสกวา่ทกุยคุท�ีผา่นมา.... และไมม่ีใครคดิวา่โลกกาํลงัจะลงแหว....

วกิฤตเศรษฐกจิอนัย� งิ ใหญ่ ความเพ้ อฝั น ความมน�ัใจ และการเสพสขุทงั � หลาย ดบัไปทนัทใีนวนัพฤหสัท�ี 24 ตลุาคม 1929 เม�ือตลาด ห้ นุ ในสหรัฐตกตา�ํลง 33% ภายในหนง�ึวนั พวกท�ีอยากรวยเร็วจากการเลน่ห้ นุ หรื อคนท�ีออมเงินไว้ สาํหรับ วยัชราโดยการซอ�ืห้ นุ ล้ วนแตม่วีกิฤตร้ ายแรงในชีวติ การตกตา�ํของตลาดห้ นุ เป็ นเพียงอาการของวิกฤตทนุนิยมซง�ึเร�ิ มขน�ึกอ่นหน้ านนั �

โดยทส�ีาเหตหุ ลกัคอื

การลดลงของอตัรากําไร

96


ในประเทศอตุสาหกรรมตะวนัตกอตัราการผลติตกอยา่งรวดเร็ ว

จนตา�ํกวา่ชว่งวิกฤตกอ่นหน้ านนั � อีก

และเศรษฐกิจลดลงเร�ื อยๆ ทกุปี ระหวา่ง ปี 1930 กบั 1932 (พ.ศ. ๒๔๗๕6) โดยที�ระดบัการผลติเฉลย�ีใน ตะวนัตกลดลง 33% และในสหรัฐลดลง 46% ในสหรัฐธนาคาร 5,000 แหง่ล้ มละลาย ในเยอรมนัและ ออสเตรี ยธนาคารหลกัล้ มละลายสองแหง่ วกิฤตนท�ีําลายชีวติคนธรรมดาจํานวนมาก โดยทใ�ี นสหรัฐและ เยอรมนั 35% ของแรงงานตกงาน ทงั � คนงานในโรงงานและคนงานปกคอขาว และเกษตรกรท�ีมฟีาร์ มตา่งๆ ล้ มละลายกนัเป็ นแถวเพราะราคาผลผลติดง�ิลง และในยคุโลกาภิวตัน์ที�สงครามระหวา่งประเทศกลายเป็ น “สงครามโลก” วกิฤตนก�ีก็ลายเป็ น “วกิฤต เศรษฐกิจโลก” ในประเทศทเ�ีป็ นอาณานิคมหรื อท�ีกาํลงัพฒ ั นา ราคาผลผลิตและวตัถดุบิลดลงอยา่งรวดเร็ ว ซง�ึทําให้ ประชาชนจํานวนมากยากลาํบาก มวีิกฤตในทุกสว่นของระบบเศรษฐกิจ และแม้ แตน่ายทนุกล็้ มละลายจํานวนมาก พร้ อมกนันนั � การค้ า ขายระหวา่งประเทศหดตวั 33% จงึมกีารพยายามสร้ างกําแพงภาษี เพ�ือปิ ดกนั � สนิค้ าจากท�ีอน�ืและปกป้ อง ธรุกิจของแตล่ะประเทศ แตม่นักลายเป็ นวงจรอบุาทว์ นอกจากนค�ี นจนในยโุรปไมส่ามารถก้ สู ถานการณ์ใน ชีวติโดยการอพยบไปอเมริ กาได้ อยา่งท�ีเคยทําในอดตี ในเมอืง ลอนดอน ชิคาโก เบอร์ ลนิ ปารี ส กลาสโก มาเซย์ บาซาโลนา คลัคตัตา เซย�ีงไห้ รี โอ ดบัลนิ ไคโร และฮาวานา ล้ วนแตม่ีความเจบ็ปวดและความยากจนท�ีอาจเป็ นประกายไฟทจ�ีดุความหวงั ในโลกใหม่ หรื อกลายเป็ นความหดหสู่ดุขวั � ได้ ทศวรรษท�ี 1930 เป็ นชว่งเวลาท�ี “ความหวงั” และ “ความหดห”ู่ รบกนัตามท้ องถนนของทกุเมืองใหญ่ มนัเป็ นยคุของการพยายามปฏิวตัเิพ�ือเปลย�ีนระบบ ที�จบลงด้ วยการปฏิวตัซิ้ อนและการปราบปรามของฝ่ าย อาํนาจเก่า มนันําโลกไปสคู่วามป่ าเถ�ือนอยา่งที�ไมเ่คยเห็น แม้ แตส่ งครามโลกครัง�แรก 1914-1918 ยงัไม่ ร้ ายถงึขนาดน �ี จดุจบเลวร้ ายของการตอ่ส้ คู รัง�น �ี

มาจากการตดัสนิใจทางการเมอืงทผ�ีิดพลาดมหาศาลของพรรค

คอมมวินิสต์ในยโุรป ซง�ึถ้ าจะเข้ าใจ ต้ องศกึษาส�ิงทเ�ีกิดขน�ึในรัสเซยีในชว่งน �ี

6

วกิฤตเศรษฐกิจโลกมผีลในการก่อสถานการณ์ไปสกู่ารปฏวิตัิ ๒๔๗๕ ในไทย 97


การทาํลายการปฏวิัตใิ นรั สเซีย ทศวรรษ 1930 เป็ นยคุทค�ีนจํานวนมากทว�ัโลกหนัมาตงั � ความหวงักบัการเมอืงคอมมวินิสต์ ปั ญญาชนใน ตะวนัตก คนงาน และประชาชนทว�ัโลก แหเ่ข้ าสมคัรเป็ นสมาชิกพรรคคอมมวินิสต์ หรื อไมก่ส็นบัสนนุจาก จดุยนืนอกพรรค

ทงั � นเ�ี พราะระบบทนุนิยมเข้ าสวู่ิกฤตอย่างร้ ายแรงและระบบคอมมวินสิต์ดเูหมือนเป็ น

คาํตอบ ในทกุท�ีนกัเคล�ือนไหวคอมมิวนิสต์เป็ นหวัหอกในการตอ่ส้ ขู องแรงงานและคนจน ทงั � ในประเทศ ตะวนัตก และในอาณานิคมและโลกทส�ีาม อยา่งเชน่ใน อนิเดีย อฟัริ กาใต้ หรื อจีน แตใ่นประเทศ “แมแ่บบ” ของระบบคอมมวินิสต์ ในปี 1930 เกือบจะไมเ่หลอืซากของความก้ าวหน้ า ของระบบคอมมิวนิสต์ หรื ออดุมการณ์ ของพวกบอลเชวิคเลย เพราะพวกข้ าราชการแดงภายใต้ การนําของ สตาลนิ ขน�ึมามอีาํนาจเบด็เสร็ จเรี ยบร้ อยแล้ ว ตงั � แต่ 1924 เลนิน เตือนไว้ แล้ ววา่รัสเซยีกลายเป็ น “รัฐกรรมาชีพทถ�ีกูเปลย�ีนไป” จนพรรคคอมมวินิสต์ ปกครองสงัคมโดยไมม่ฐีานพลงักรรมาชีพเหลอื นค�ีือผลของความออ่นแอของรัสเซยี บวกกบัความเสยีหาย ในสงครามกลางเมอืง และความพา่ยแพ้ ของการปฏิวตัใินเยอรมนัและท�ีอน�ื ท�ีหลายคนเคยตง�ั ความหวงัวา่ จะมาชว่ยหนนุการผลติในรัสเซยีได้ ในปลายทศวรรษ 1920 รัฐบาลสามารถรอดพ้ นวกิฤตหนกัได้ ด้ วยการประนีประนอมกบัทนุนยิมระดบั หนง�ึ โดยเฉพาะ “นโยบายเศรษฐกิจใหม”่ (NEP) ท�ีเปิ ดชอ่งให้ นกัธรุกิจนายทนุน้ อย และเกษตรกรรายใหญ่ ดาํเนินกิจกรรม แตน่โยบายนเ�ี ป็ นนโยบายราคาแพงสาํหรับแนวการปฏิวตัสิงัคมนิยม เพราะในทกุสว่นของ สงัคม พวกข้ าราชการ และนกับริ หาร เร�ิ มเข้ ามาควบคมุสงัคมแทนคนงานกรรมาชีพ และ สตาลนิ เป็ น ตวัแทนทางการเมอืงของพวกน �ี กอ่นท�ี เลนิน จะเสียชีวติ เขาเขียนบทความสดุท้ ายรณรงค์ให้ พรรค คอมมวินิสต์ปลด สตาลิน ออกจากตาํแหน่งเลขาธิการพรรค เพ�ือก้ ูสถานการณ์ แตร่ัฐบาลปกปิ ดบทความน �ี มกีลมุ่คนภายในรัสเซยีท�ีคดัค้ านการเปลย�ีนแปลงที�เกิดขน�ึ โดยเฉพาะกลมุ่แรงงานทก�ีอ่ตงั � “ฝ่ ายค้ าน กรรมาชีพ” ในปี 1920 และตอ่มาในปี 1923 มี “กลมุ่ฝ่ ายค้ านซ้ าย” ท�ีมี ลอีอน ตรอทสกี เป็ นแกนนํา กลมุ่น �ี เสนอวา่ทางออกในการแก้ สถานการณ์คือ (1) ขยายระบบอตุสาหกรรมโดยการลงทนุของรัฐ เพ�ือขยาย จํานวนชนชนั � กรรมาชีพ (2) ขยายความเป็ นประชาธิปไตยภายในพรรคและสงัคม และ(3) ลดอิทธิพลของ ข้ าราชการในพรรค แตฝ่​่ าย สตาลนิ ออกมาโจมตขี้ อเสนอนอ�ียา่งหนกั และในปี 1926 มกีารเสนอแนวทาง “สร้ างสงัคมนยิมในประเทศเดยีว” เป็ นนโยบายแห่งชาติ ซง�ึขดั กบันโยบายสากลนยิม และความจําเป็ นท�ี 98


จะต้ องขยายการปฏิวตัไิปสสู่ว่นอน�ืๆ ของโลกโดยสน�ิเชิง สตาลนิถงึกบัเปลย�ีนข้ อความในหนงัสือของตนเอง ท�ีเก�ียวกบั “เลนินและลทัธิเลนนิ” ท�ีเคยเสนอแนวสากลนิยม มาเสนอแนวชาตนิ​ิยมแทน ในขนั � ตอนแรกของนโยบาย “การสร้ างสงัคมนิยมในประเทศเดยีว” รัฐบาลของ สตาลนิมองวา่มนัเป็ น “การคอ่ยๆ สร้ างสงัคมนิยมด้ วยความเร็ วของหอยทาก” จดุยืนของพวกทส�ีนบัสนนุ สตาลนิ คอืจดุยืนท�ีต้ องการปกป้ องผลประโยชน์ของข้ าราชการ นายทนุน้ อย และเกษตรกรรายใหญ่ และตง�ั แตป่ี 1928 เป็ นต้ นไป รัฐบาลเร�ิ มใช้ มาตรการเผดจ็การในการปราบฝ่ ายค้ าน ท�ีต้ องการปกป้ องอดุมการณ์ เดมิของการปฏิวตัิ มกีารประหารชีวติคนมากขน�ึอยา่งนา่ใจหาย และจํานวน นกัโทษการเมืองในคา่ยกกักนั “กแูลก” (gulag) เพ�ิมขน�ึอยา่งรวดเร็ ว นอกจากนม�ี​ีการประหารชีวติแกนนาํ เกา่ของพรรคบอลเชวิคเกือบทกุคน และ ตรอทสกี ถกูขบัไลอ่อกจากประเทศ และถกูคนของ สตาลนิ ไลฆ่า่ ในเมคซโิก รัฐบาลของ สตาลนิ มปีั ญหา เพราะการดาํรงอยขู่องระบบ ทาํได้ ตอ่เมอ�ืเกษตรกรพร้ อมจะป้ อนผลผลิต เกษตรให้ กบัเมอืง

แตป่รากฏวา่เกษตรกรรายใหญ่เร�ิ มกกัสนิค้ าและเรี ยกร้ องผลประโยชน์เพ�ิม

ใน

ขณะเดยีวกนัอตุสาหกรรมรัสเซยีออ่นแอ ไมส่ามารถพฒ ั นาระบบเกษตรได้ และองักฤษ คคู่้ าขายทส�ีาํคญ ั ท�ีสดุของรัสเซีย เปลย�ีนนโยบายไปและไมย่อมซอ�ืสนิค้ ารัสเซยี ด้ วยเหตนุร�ี ัฐบาลเผดจ็การรัสเซยีจงึตดัสินใจ เปลย�ีนโยบายจาก “การคอ่ยๆ สร้ างสงัคมนิยมด้ วย ความเร็ วของหอยทาก” ไปเป็ นการรี บเร่งการผลติอตุสาหกรรมเพ�ือทนัตะวนัตก แตใ่ช้ รู ปแบบท�ีเพ�ิมอตัรา การทํางานของคนงาน ตดัคา่แรง และใช้ แรงงานนกัโทษ เพ�ือเพ�ิมระดบัการขดูรี ดและสะสมทนุอยา่งรวดเร็ ว มกีารทําลายกิจการของนายทนุน้ อยเอกชน

และในขณะเดยีวกนัมีการใช้ กองกําลงัทหารเข้ ายดึผลผลติ

เกษตร ไลเ่กษตรกรท�ีไมย่อมร่ วมมอืออกจากทด�ีิน และบงัคบัการทาํนารวม นี�คอืการนาํเผดจ็การระบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” มาบงัคบัใช้ ด้ วยความโหดร้ ายทารุ ณ แตส่ตาลนิยงัเรี ยก ระบบนว�ีา่ “สงัคมนิยม”

99


การหนัหลงัให้ กบั “การปฏิวตัโิลก” นกัมาร์ คซสิต์สงัคมนิยมเชื�อมานานแล้ ววา่การปฏิวตัิโลกของทุนนิยม

ต้ องอาศยัการปฏิวตัสิงัคมนิยมท�ี

ขยายจากประเทศหนง�ึไปสรู่ะบบโลก แต่ สตาลนิ กบัพรรคพวกเสนอวา่รัสเซยีสามารถสร้ าง “สงัคมนยิม” ในประเทศเดยีวได้ การสถาปนาความมน�ัคงของการปกครองเผดจ็การ สตาลนิ ในรัสเซยี อาศยัการแสวงหาเพ�ือนและการ ผกูมติรกบัองค์กรและรัฐบาลตา่งๆ ในตา่งประเทศ โดยไมเ่ลอืกหน้ า รัฐบาลสตาลนิพยายามผกูมิตรกบัผ้ นู ําแรงงานระดบัชาตใินสภาแรงงานองักฤษ ทงั � ๆ ท�ีพวกผ้ นู ําเหลา่น �ี หกัหลงัแรงงานในการนดัหยดุงานปี 1926 ในจีนมกีารเสนอให้ พรรคคอมมวินิสต์ “ไว้ ใจ” เชียงไกเชค หวัหน้ าพรรคก๊ กมนิตง�ั ทงั � ๆ ท�ี เชียงไกเชค ปราบปรามกรรมาชีพจีนมารอบหนง�ึแล้ ว การเปลย�ีนนโยบายในรัสเซยีจาก “การคอ่ยๆ สร้ างสงัคมนิยมด้ วยความเร็ วของหอยทาก” ไปเป็ นการ เร่ งรี บพฒ ั นาอตุ สาหกรรม มผีลตอ่นโยบายการตา่งประเทศคอื รัฐบาล สตาลนิ ประกาศกบัพรรค คอมมวินิสต์ทว�ัโลกในปี 1928 วา่ โลกก้ าวสู่ “ยคุทส�ีามของการปฏิวตัิรอบใหม”่ ซง�ึในความเหน็ของ สตาลนิ หมายความวา่พรรคคอมมวินสิต์ทว�ัโลกจะต้ องเปลย�ีนนโยบายจากเดมิ ท�ีมีการประนีประนอมกบัฝ่ ายขวา หรื อพรรคสงัคมนยิมปฏิรูป มาเป็ นการตอ่ต้ านพรรคสงัคมนิยมปฏิรูป โดยมองวา่พรรคกรรมกรและพรรค สงัคมนิยมประชาธิปไตยเป็ นแค่ “ฟาสซสิต์” ชนิดหนง�ึ (Social Fascists) หรื อ “ฟาสซสิต์แดง”

“ยคุทส�ีามของการปฏิวตัิรอบใหม”่ การเสนอว่าโลกอยใู่น “ยคุท�ีสามของการปฏิวตัริอบใหม”่ และการมองวา่พรรคคอมมิวนิสตท์กุแหง่ต้ องโดด เดย�ีวตนเอง ไมร่วมมอืกบัฝ่ ายปฏิรู ป มสีามวตัถปุระสงค์คอื (1) เป็ นการปกปิ ดหรื อแก้ ตวัจากความ ผิดพลาดที�เคยเสนอให้ คอมมวินสิต์ไว้ ใจ เชียงไกเชค หรื อพวกผ้ นู ําแรงงานข้ าราชการในองักฤษ (2) เป็ น การสร้ างบรรยากาศ “ปฏิวตัิ” เพ�ือรณรงค์ให้ คนงานในรัสเซยีทํางานเร็วขน�ึด้ วยความรักชาติ และ (3) เป็ น การตรวจสอบพิสจูน์วา่ผ้ นู ําพรรคคอมมวินิสต์คนไหนในตา่งประเทศพร้ อมจะ “หนัซ้ ายหนัขวา” ตามคาํสง�ั ของ สตาลนิ เพ�ือให้ มีการกําจดัคนทไ�ีมเ่ช�ือฟั ง และในทส�ีดุ สตาลนิ สามารถสร้ างพรรคคอมมวินสิต์ทว�ัโลก ให้ เป็ นเคร�ื องมอืของรัสเซยีได้ อย่างเบด็เสร็ จ 100


นโยบาย “ยคุทส�ีาม” มีผลในการโดดเดย�ีวพรรคคอมมิวนสิต์ในหลายๆ ประเทศ ในขณะท�ีเกิดวิกฤต เศรษฐกิจโลก และถงึแม้ วา่กรรมาชีพและคนจนโกรธแค้ นและเจ็บปวดจากประสบการณ์ของวกิฤตน �ี แต่ ความมน�ัใจในการลกุฮือตอ่ส้ ใู ช้ เวลา 4-5 ปี กวา่จะเกิดขน�ึอยา่งจริ งจงั ซง�ึแปลวา่คนชนั � ลา่งสว่นใหญ่ยงัฝาก ความหวงัไว้ กบัพรรคสงัคมนิยมปฏิรู ป ดงันนั � นโยบายท�ีดา่พรรคเหลา่นว�ีา่ไมต่า่งจากฟาสซสิต์ สร้ างความ แตกแยกที�ไมจ่ําเป็ นในขบวนการกรรมาชีพ ในขณะท�ีพรรคคอมมวินิสต์ตา่งๆ ยงัเลก็เกินไปท�ีจะส้ กู บัรัฐบาล หรื อนายจ้ าง โดยไมท่ําแนวร่วมกบันกัสงัคมนิยมอน�ืๆ ในทส�ีดุมคีนออกจากพรรคคอมมวินิสตใ์นเกือบทกุ ประเทศของยโุ รป

และสมาชิกทเ�ีหลอืบอ่ยครัง�เป็ นคนตกงานทข�ีาดพลงัทางเศรษฐกิจเพราะนดัหยดุงาน

ไมไ่ด้ ในประเทศเยอรมนั นโยบาย “ยคุทส�ีาม” ของสตาลิน มผีลในการชว่ยให้ ฮิตเลอร์ และพวก “นาซี” ยดึ อาํนาจได้ ซง�ึกลายเป็ นโศกนาฏกรรมสําหรับมนษุยชาติ

การขนึ � มาของ ฮติเลอร์ ในเยอรมัน วกิฤตเศรษฐกิจโลกมผีลร้ ายแรงมากในเยอรมนั

และทําให้ คนชนั � กลางจํานวนมากหนัมาสนบัสนนุพรรค

“นาซ”ี ของ ฮติเลอร์ คะแนนเสยีงของพรรคเพ�ิมจาก 8 แสน เป็ น 6 ล้ านในปี 1930 และเพ�ิมอกีเทา่ตวั เป็ น 37.3% ของคะแนนทงั � หมดในปี 1932 แตพ่รรคนาซีมลีกัษณะพิเศษคอื มนัไมใ่ชแ่คพ่รรคในรัฐสภา มนัมี กองกําลงัอนัธพาล (SA) หลายแสนคน ซง�ึถกูใช้ ในการ “จดัการ” กบัองค์กรฝ่ ายซ้ ายทกุซกี องคก์รสหภาพ แรงงาน และคนยิว ชยัชนะของ ฮิตเลอร์ มาจากการท�ีพรรคฝ่ ายซ้ าย ทง�ั พรรคสงัคมนิยมปฏิรู ป (SPD) และพรรค คอมมวินิสต์ ไมย่อมวางแผนตอ่ส้ อู ยา่งจริ งจงั และมาจากการที�ชนชนั � นายทนุเยอรมนัตดัสนิใจยกอํานาจ ให้ ฮิตเลอร์ เพื�อกีดกนัไมใ่ห้ เกิดการปฏิวตัสิงัคมนิยม หวัหน้ าพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตย (SPD) อ้ างตลอดเวลาวา่ต้ อง “เคารพกฏหมายและรัฐธรรมนญ ู ” ทงั � ๆ ทพ�ีรรคนาซไีมเ่คยเคารพสง�ิเหลา่น �ี จงึไมม่ กีารวางแผนส้ กู องกําลงันอกรัฐสภาของนาซี แตม่วลชนราก หญ้ าอยากส้ ู สว่นพรรคคอมมวินสิต์ ได้ แตด่า่พรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตย (SPD) วา่ไมต่า่งอะไรจากฮิต เลอร์ ไมย่อมสร้ างแนวร่ วมกบัคนรากหญ้ าของ SPD ทอียากจะส้ ู และน�ิงนอนใจเช�ือวา่ ฮิตเลอร์ “คงอยไู่ม่ นาน” และหลงัจากนนั � “กจ็ ะเป็ นโอกาสของพวกคอมมิวนิสต์” 101


คะแนนเสียงของพรรคนาซใีนรัฐสภา ไมเ่คยเพียงพอท�ีจะยดึอํานาจได้ คะแนนสงูสดุท�ีพรรคได้ คือ 37% และกรรมาชีพสว่นใหญ่ไมไ่ด้ ลงคะแนนให้ นาซี เพราะกรรมาชพีสนบัสนนุพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยกบั พรรคคอมมวินิสต์ การขน�ึมาของฮิตเลอร์ ต้ องอาศยั การตดัสนิใจสนบัสนนุจากนายทนุใหญ่ เพราะนายทนุ มองวา่ “ไมม่ีทางเลอืกอน�ื” ในขนั � ตอนแรกพวกนายทนุใหญ่มองวา่ ฮิตเลอร์ เหมอืนหมาดเุฝ้ าบ้ านทต�ี้ องถกูควบคมุโดยการลา่มโซ่ ไว้ แต่ ฮิตเลอร์ ไมย่อมถกูควบคมุ ในขณะเดยีวกนั ฮิตเลอร์ ต้ องเอาใจนายทนุโดยการปราบและยบุกอง กําลงัอนัธพาลสว่นหนง�ึของตนเอง กองกําลงัทเ�ี หลอืนนั � มีการรวมเข้ ากบัตาํรวจและกองทหารแห่งชาติ หลงัจากท�ี ฮิตเลอร์ ขน�ึมามีอาํนาจ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์พยายามตอ่ส้ กู บัอาํนาจมืดของเผดจ็การ นาซี ด้ วยความกล้ าหาญ แตม่นัสายเกินไปแล้ ว เพราะพรรคโดดเดย�ีว และผ้ นู ําพรรคสงัคมนิยม ประชาธิปไตยไมย่อมนําการตอ่ส้ ู ในทส�ีดุเผดจ็การ นาซี ทําลายพรรคการเมอืงทกุพรรค รวมถงึพรรคของ นายทนุด้ วย และก่อตง�ั เผดจ็การเบด็เสร็ จฟาสซสิต์

ความหวังท� ตี ้ องพ่ ายแพ้ 1934-1936 วเีอนนา ในเมอืง วีเอนนา ประเทศออสเตรี ย ซง�ึเป็ นฐานอํานาจสาํคญ ั ของพรรคสงัคมนิยมประชาธิปไตยและ ขบวนการแรงงาน ในท�ีสดุมกีารตอ่ส้ อู ยา่งดเุดอืดระหวา่งกองกําลงัรากหญ้ าของฝ่ ายสงัคมนิยม กบักอง กําลงัของพรรคฝ่ ายขวาท�ีสร้ างเผดจ็การหลงัจากท�ี ฮิตเลอร์ ยดึอาํนาจในเยอรมนั ก่อนหน้ านนั � พรรคสงัคม นิยมไมพ่ยายามวางแผนการตอ่ส้ แู ละพยายามเอาใจรัฐบาลฝ่ ายขวามาตลอด ทง�ั ๆ ที�กรรมาชีพสงัคมนิยมในเมือง วเีอนนา พ่ายแพ้ ในท�ีสดุ แตค่นก้ าวหน้ าทว�ัโลกมขี้ อสรุ ปวา่ การตอ่ส้ ู แบบ “วเีอนนา” ดกีวา่การยอมจํานนท�ีเกิดขน�ึใน เบอร์ ลนิ ประเทศเยอรมนั “ส้ แู ล้ วแพ้ ดกีวา่แพ้ แบบทาส โดยไมล่กุขน�ึส้ ”ู ในปี 1938 เยอรมนัสง่ทหารมายดึออสเตรี ย และรวมประเทศเข้ ากบัเยอรมนัทา่มกลางการเฉลิมฉลอง ของพวกชนชนั � กลางท�ีนยิมระบบนาซี

102


รัฐบาล “แนวร่วม” ในฝร�ังเศส ในปี 1934 ปารี สอยใู่นสภาพ “สงครามกลางเมอืง” รัฐบาล “พรรคก้ าวหน้ า” พยายามตดัคา่แรงกรรมาชีพ และมาตรฐานชีวิตของเกษตรกร เพ�ือ “แก้ ” ปั ญหาเศรษฐกิจ เหมือนรัฐบาลอ�ืนๆ ทว�ัโลก พรรคสงัคมนิยม (SFIO)ไมย่อมคดัค้ านนโยบายรัฐบาล

แตก่ รรมาชีพและเกษตรกรรายยอ่ยมีการประท้ วงอยา่งตอ่เน�ือง

สว่นพรรคคอมมิวนสิต์ยงัตดิอยใู่นนโยบายโดดเด�ียวตวัเองและดา่พรรคสงัคมนิยมของ “ยคุท�ีสาม” ในขณะเดยีวกนัพวกชนชนั � กลางฝ่ ายขวา พยายามกอ่สถานการณ์ทจ�ีะยดึอาํนาจในรู ปแบบเดยีวกบั ฮิต เลอร์ มกีารเดนิขบวนใหญ่ของพวกฟาสซสิตฝ์ ร�ังเศส แตค่นงานรากหญ้ าออกมาส้ แู ละปะทะกบัฟาสซสิต์ จนตายไป 15 คน บาดเจบ็หลายพนั ตอ่จากนนั � สภาแรงงาน CGT ประกาศนดัหยดุงานทว�ัไป พรรคสงัคมนิยม กบัพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศวา่จะเดินขบวน แตแ่ยกกนัเดินไมร่​่ วมมือกนั และทงั � ๆ ท�ีหลายคนกลวัวา่จะเกิดการปะทะกนั ระหวา่งสองพรรคน �ี

ในท�ีสดุประชาชนรากหญ้ าในพรรคสงัคมนิยมและพรรคคอมมวินสิต์ตะโกนโหร่้ อง

ทา่มกลางการเดินขบวน เพ�ือเรี ยกร้ อง “ความสามคัค”ี และขบวนของสองพรรคก็เข้ าร่ วมเดินด้ วยกนั การนดัหยดุงานและความสามคัคขีองพรรคฝ่ ายซ้ ายฝร�ังเศส ภายใต้ การกดดนัของคนรากหญ้ า ทาํลาย อทิธิพลของฝ่ ายขวา และนาํไปสกู่ารตง�ั “รัฐบาลแนวร่วม” ของพรรคก้ าวหน้ า และพรรคสงัคมนยิม โดยมี พรรคคอมมวินิสตส์นบัสนนุในสภา หลงัการเลือกตง�ั ในปี 1936 สถานการณ์นพ�ีิสจูน์วา่นโยบาย “ยคุทส�ีาม” ของสตาลนิล้ มเหลวโดยสน�ิเชิง นอกจากน �ี สตาลิน เร�ิ ม ผลกัดนัให้ พรรคคอมมวินิสต์ทว�ัโลกทําแนวร่ วมข้ ามชนชนั � กบัทกุฝ่ าย ไมว่า่จะเป็ นพรรคนายทนุหรื อไม่ ทงั � น �ี เพ�ือผกูมิตรกบัมหาอํานาจตา่งๆ ทว�ัโลกและปกป้ องรัสเซยี นบัวา่พรรคคอมมวินสิต์ หนัขวา หนัซ้ าย และ กลบัมาหนัขวาอกีครัง�ภายในไมก่�ีปี นอกรัฐสภากระแสการเมืองในฝร�ังเศสซ้ ายกวา่ “รัฐบาลแนวร่วม” หลายเทา่ มีการนดัหยดุงานใหญ่และ การยดึโรงงานหลายแห่ง เช่นคนงานประกอบรถยนต์ เรโน 70,000 คนท�ียดึโรงงานในเดอืนพฤษภาคม และ ภายในมกี�ีวนัทางเหนือของฝร�ังเศสมีคนงาน 254,000 คนยดึโรงงานพนักวา่แหง่ ในบรรยากาศแบบน �ี นายจ้ างทเ�ีคยช�ืนชมการยดึอาํนาจโดยฝ่ ายขวา หนัมากราบไหว้ วงิวอนพรรคฝ่ าย ซ้ ายให้ “ควบคมุ” คนงาน ในขณะเดยีวกนัมกีารยอมปรับมาตรฐานการจ้ างงานให้ ดขีน�ึ 103


คนงานจํานวนมากมคีวามร้ ู สกึวา่แคก่ารปรับคา่แรง สวสัดกิาร หรื อชว�ัโมงการทํางาน ไมเ่พียงพอแล้ ว เขาต้ องการเปลย�ีนระบบ แตพ่รรคคอมมิวนิสตฝ์ร�ังเศสออกมาบอกวา่ “เวลายงัไมเ่ หมาะท�ีจะล้ มระบบ” และ “เราต้ องร้ ู จกัยตุกิารนดัหยดุงาน” ในความเป็ นจริ ง อาจยงัไมถ่งึเวลาท�ีพรรคคอมมิวนสิต์และคนงานจะ ยดึอาํนาจได้ แตอ่ยา่งน้ อยนา่จะมกีารวางแผนเตรี ยมตวั อยา่งทพ�ีรรคบอลเชวคิในรัสเซยีเคยทํา แตพ่รรค คอมมวินิสต์ไม่ยอมวางแผนและทําหน้ าท�ีเบ�ียงเบนการต่อส้ จู ากเร�ื องการเมอืงไปสแู่คเ่ร�ื องปากท้ องเทา่นนั � ในชว่งแรกของ “รัฐบาลแนวร่วม” พรรคฝ่ ายซ้ ายและสหภาพแรงงานขยายสมาชิกอยา่งรวดเร็ ว แตพ่อ เวลาผา่นไปรัฐบาลเร�ิ มตดัคา่แรงและสวสัดกิารอีกครัง�โดยอ้ างสภาพเศรษฐกิจ

และพรรคคอมมวินิสตไ์ม่

ยอมนําการตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพ เพราะจะทาํลายแนวร่ วมกบัพรรคก้ าวหน้ า ซง�ึไมใ่ชพ่รรคสงัคมนิยม ดงันนั � คนจํานวนมากเร�ิ มหมดความศรัทธาในพรรคฝ่ ายซ้ าย และฝ่ ายขวากบันายจ้ างเร�ิ มมีอทิธิพลกลบัมา พอสงครามโลกครัง�ทส�ี องเร�ิ มขน�ึ มีการออกกฏหมายปราบปรามพรรคคอมมวินิสต์ และกอ่ตงั � เผดจ็การ ฟาสซสิต์ภายใต้ เพแตน ในตอนเหนือของประเทศที�ถกูกองทพัเยอรมนัยดึครอง ความพา่ยแพ้ ของกระแสปฏิวตัชินชนั � กรรมาชีพฝร�ังเศส มาจากการทพ�ีรรคคอมมิวนิสตใ์ ช้ นโยบายหลดุ โลกใน “ยคุท�ีสาม” และหลงัจากนนั � หนัขวา ไมย่อมเตรี ยมล้ มระบบ และพยายามลดระดบัการตอ่ส้ ู เพ�ือเอา ใจพรรคก้ าวหน้ าในรัฐบาลแนวร่วม มนัไมไ่ด้ เกิดจากการทส�ีถานการณ์ไมส่กุงอมแตอ่ยา่งใด ประเดน็หลกั คอืการประนีประนอม

ไมส่้ อู ย่างถงึทส�ีดุของพรรคฝ่ ายซ้ าย

รวมถงึการโดดเดย�ีวตนเองของพรรค

คอมมวินิสต์ใน “ยคุทส�ีาม” ซง�ึก่อนหน้ านนั � ก็เคยนาํไปสโู่ศกนาฏกรรมในเยอรมนั

การปฏิวตัสิเปน ในปี 1936 นายพล ฝรังโก พยายามทํารัฐประหารฟาสซสิต์เพ�ือล้ มรัฐบาล “สาธารณรัฐ” ของสเปน ซง�ึเป็ น “รัฐบาลแนวร่วม” ระหวา่งพรรคนายทนุและพรรคฝ่ ายซ้ าย ในรู ปแบบเดยีวกบัฝร�ังเศส แตช่นชนั � กรรมาชีพ พรรคฝ่ ายซ้ าย และองค์กรอนาธิปไตยสเปน ลกุฮือจบัอาวธุจากกองทพัเพ�ือตอ่ส้ กู บั ฝรังโก การตอ่ส้ ใู น ขนั � ตอนแรกมรีูปแบบเป็ นการยดึเมอืง ยดึสถานท�ีทาํงาน และยดึทด�ีนิในชนบท มนัเป็ นการพยายามปฏิวตัิ ล้ มระบบทนุนิยมพร้ อมๆ กบัการตอ่ส้ กู บัทหารเผดจ็การ

104


นกัเขียนชื�อ จอร์ ช ออร์ เวล ในหนงัสอื “แดค่าทาโลเนีย” อธิบายจากประสบการณ์ โดยตรงวา่ “มนัเป็ น ครง�ัแรกที ข�า้พเจา้เห็นเมืองที ช�นชน�ักรรมาชี พเป็ นใหญ่ ทกุตึด ทกุสถานทีท�ํ างาน ถกูกรรมาชี พยึดแลว้ เปลี ย�นเป็ นสหกรณ์ การผลิ ต แมแ้ต่คนขดัรองเทา้ขา้งถนนยงัมี สหกรณ์ คนเสริ ฟอาหาร และคนขายของ ตามร้านคา้ ที เ�คยกม้หวัใหลู้กคา้หรื อคนรวย จะยื นตรงและกลา้มองหนา้ทกุคนอย่างเท่าเที ยมกนั มีการเลิ ก ใชภ้าษาของผูน้อ้ยตอ่ผใู้ หญ่ รถยนต์สว่นตวัไม่มี เหลือ กลายเป็ นของสว่นรวมหมด และคนชน�ักลางและคน รวยหายไปจากเมื อง ทกุคนมี ความหวงัในอนาคตอนัสดใสทีม�ี การปลดแอกมนษุย์ มนษุย์ กําลงัพยายามทํา ตวัเป็ นมนษุย์ ที แ�ทจ้ริ ง” ในชว่งนก�ีองกําลงัติดอาวธุท�ีส้ กู บัฝ่ ายฟาสซสิต์ของ ฝรังโก เป็ นกองกําลงัอาสาสมคัรอนัประกอบไปด้ วย หญิงและชายจากสหภาพแรงงาน พรรคฝ่ ายซ้ าย และองค์กรอนาธิปไตย แม้ แตห่ญิงบริ การเพศยงัออกมา ตอ่ส้ ู และในชนบทเกษตรกรรายย่อยลกุขน�ึยดึทด�ีนิ ซง�ึกระแสการปฏิวตันิท�ีาํให้ การตอ่ส้ มู พีลงัและอาจชนะ ได้ เพราะครองใจมวลชนจํานวนมาก ทา่มกลางกระแสการปฏิวตันิ �ี มสีถานการณ์ “อํานาจคขู่นาน” เกิดขน�ึ อยา่งท�ีเคยเกิดในรัซเสยีเม�ือต้ นปี 1917 คอืมรีัฐบาล “พรรคสาธารณรัฐ” ท�ีเป็ น “อาํนาจทางการ” แตอ่าํนาจจริ งอยใู่นมอืของสหภาพแรงงาน องค์กรอนาธิปไตย และพรรคฝ่ ายซ้ ายทล�ีกุฮือส้ กู บัรัฐประหาร ปั ญหาคอืองค์กรการเมอืงสององค์กรหลกั ของกรรมาชีพสเปน ไมย่อมตง�ั สภาคนงาน เพื�อรวมศนูย์อาํนาจกรรมาชีพ และล้ มระบบเกา่เพ�ือสร้ างรัฐใหม่ องค์กรแรก ซง�ึมฐีานเสยีงอยใู่นเมอืง บาซาโลนา คือองค์กรอนาธิปไตย แนวอนาธิปไตยปฏิเสธการรวม ศนูย์อาํนาจ และการสร้ างรัฐกรรมาชีพเพื�อล้ มรัฐเกา่ เพราะมองวา่การรวมศนูย์ทกุชนดิ “ย่อมนําไปสเู่ผดจ็ การ” สว่นพรรคสงัคมนิยม ซง�ึมฐีานเสียงในเมือง มาดริ ด แกรงกลวัและคดัค้ านการปฏิวตัิ และไมย่อมสร้ าง สภาแรงงานเชน่กนั

ผลคอืฝ่ ายต้ านรัฐประหารขาดการรวมศนูย์อาํนาจ

ผา่นสภาคนงานทเ�ีป็ น

ประชาธิปไตย ซง�ึทําให้ ฝ่ ายนม�ีจีดุออ่นมหาศาลเมอ�ืเทียบกบัฝ่ ายฟาสซสิต์ และในท�ีสดุทงั � พวกอนาธิปไตย และพวกพรรคสงัคมนิยมดเูหมอืนมกีารเมืองคล้ ายๆ กนั เพราะทงั � สององค์กรไปสนบัสนนุรัฐบาลทนุนยิม ของ “พรรคสาธารณรัฐ”

105


ฝ่ ายฟาสซสิตไ์ด้ รับการสนบัสนนุจากสถาบนัศาสนาคริ สตน์ิกายแคทอลลคิ และได้ รับการสนบัสนนุด้ วย อาวธุ กบัเคร�ื องบินทง�ิระเบิด จากรัฐบาลนาซีในเยอรมนัและรัฐบาลพรรคฟาสซสิต์ในอติาล�ี แตป่ระเทศ “ประชาธิปไตย” ตะวนัตก อยา่งองักฤษและแม้ แตฝ่ร�ังเศส ประกาศวา่จะเป็ นกลาง อย่างไรก็ตาม มวลชนฝ่ ายซ้ ายจากยโุรปและทวปีอเมริ กาจํานวนมาก เข้ าไปเป็ นอาสาสมคัรในการส้ รู บ กบัฟาสซสิต์ทส�ีเปน ในไมช่้ า สตาลนิ มีคาํสง�ัให้ พรรคคอมมวินิสตส์เปน ช่วยยบัยงั � การปฏิวตัิ และเปลย�ีนการตอ่ส้ ไู ปเป็ น สงครามทางทหารแบบกระแสหลกั “เพ�ือประชาธิปไตย” ทง�ั นเ�ี พราะ สตาลนิ ต้ องการรักษามติรภาพกบั องักฤษและฝร�ังเศส สตาลนิเกรงวา่ถ้ ามีการปฏิวตัสิงัคมนยิมในสเปน องักฤษและฝร�ังเศสจะโทษพรรค คอมมวินิสต์และหนัมาตอ่ต้ านรัสเซีย พรรคคอมมิวนิสต์สเปนจงึมหีน้ าทใ�ีนการสนบัสนนุ “รัฐบาลแนวร่ วม” กบั “พรรคสาธารณรัฐ” และในขณะเดยีวกนัพรรคคอมมวินสิต์ กบัพรรคสงัคมนิยม ตดัสนิใจใช้ กองกําลงั ของรัฐบาลในการปราบพวกอนาธิปไตย (CNT) และพรรค “สามคัคแีรงงานมาร์ คซิสต์” (POUM) ซงึ� เป็ น ฝ่ ายทต�ี้ องการผลกัดนัการปฏิวตัิ และทงั � ๆ ท�ีมีการพดูเสมอวา่ “ต้ องเอาใจองักฤษกบัฝร�ังเศส” สองประเทศ ประชาธิปไตยนไ�ี มย่อมชว่ยเหลอืรัฐบาลประชาธิปไตยของสเปนเลย แม้ แตร่ัฐบาลแนวร่ วมซ้ ายของฝร�ังเศส กเ็ผิกเฉย ลกัษณะพิเศษอย่างหนง�ึของพรรคคอมมวินิสตส์ายสตาลนิ เชน่ในสเปน คอืสมาชิกพรรคเป็ นนกัตอ่ส้ ทู �ี กล้ าหาญ คนเหลา่นเ�ี ช�ือมน�ัวา่ตนเองเป็ นนกัปฏิวตัิ แตไ่ปเช�ือคาํอธิบายของสตาลนิว่าต้ อง “ชะลอการปฏิวตัิ ไว้ กอ่น เพ�ือชนะฝ่ ายฟาสซสิต์ในสงคราม” บอ่ยครัง�เราจะได้ ยินคาํอธิบายแบบน �ี ซง�ึในท�ีสดุ ในกรณีสเปน และทอ�ีน�ื ถกูพิสจูน์วา่เป็ นแนวทางทน�ีําไปสคู่วามหายนะ แนวของพรรคคอมมวินิสตส์เปน นอกจากจะยบัยงั � การปฏิวตัภิายในประเทศแล้ ว ซง�ึ ทําให้ พลงัการตอ่ส้ ู ท�ีต้ านฟาสซสิต์ออ่นแอลง ยงัมนีโยบายผิดพลาดอกีสองข้ อคือ มีการสลายการกบฏของกองทพัเรื อ ซง�ึกาํลงั จะไปปิ ดกนั � เส้ นทางขนสง่ทหารของ ฝรังโก ข้ ามทะเลไปสเปนจากโมรอคโค และไมย่อมประกาศอสิรภาพ ให้ โมรอคโคจากสเปนอกีด้ วย ซง�ึถ้ าประกาศไปจะทาํให้ ทหารโมรอคโคกบฏและไมย่อมรับใช้ ฝรังโก และ ฟาสซสิต์อีกตอ่ไป

106


สรุปแล้ วการจํากดัการตอ่ส้ ู และการยบัยงั � การปฏิวตัิ เพื�อเอาใจรัฐบาลแนวร่ วม และเพ�ือเอาใจองักฤษ กบัฝร�ังเศส

ทพ�ีรรคคอมมวินิสตส์เปนกระทํา

ตามคําสง�ัของสตาลนิ

จบลงด้ วยความพ่ายแพ้ และ

โศกนาฏกรรมอีกครัง� และเผดจ็การฟาสซสิต์ครองอํานาจในสเปนถงึ 40 ปี โศกนาฏกรรมสเปน พิสจูน์ความล้ มเหลวของการเมืองประนีประนอมของคอมมิวนิสตส์ายสตาลนิ กบั พรรคสงัคมนยิม และพิสจูน์ความล้ มเหลวของการเมืองแนวอนาธิปไตยทไ�ีมย่อมรวมศนูย์อาํนาจเพ�ือการ ปฏิวตัิ

เท� ยี งคนืแห่ งศตวรรษ ในปี 1939 แสงเทยีนเปลวสดุท้ ายแหง่ความหวงั “การปฏิวตัสิเปน” กด็บัไป เผดจ็การฟาสซสิต์ครองเมือง ในเยอรมนั ออสเตรี ย อิตาล�ี และสเปน และในรัสเซยี เผดจ็การสตาลนิรวบอาํนาจเบ็ดเสร็จผา่นการทําลาย ความก้ าวหน้ าทกุอยา่งของการปฏิวตับิอลเชวคิ นี�คอื “เท� ยี งคนืแห่ งศตวรรษ” ท�ีนกัเขียนฝ่ ายซ้ ายอยา่ง วคิเตอร์ เสริ ช กลา่วถงึ ในไมช่้ ากเ็กิดสงครามโลกครัง�ท�ีสอง มีความป่ าเถื�อนของสงครามมหาศาล และมี การพยายามฆ่าล้ างเผา่พนัธ์ ชาวยิวหลายล้ านคน แตเ่ราไมค่วรหลงคดิวา่เผดจ็การสตาลนิ กบัเผดจ็การ นาซี ของ ฮิตเลอร์ “ร้ ายพอๆกนั” และแยกออก จากกนัไมไ่ด้ เผดจ็การ นาซี ของ ฮิตเลอร์ เป็ นเผดจ็การทเ�ีกิดขน�ึในประเทศทพ�ีฒ ั นาทางอตุสาหกรรม เป้ าหมายของ เผดจ็การนค�ีือการทําลายสิทธิเสรี ภาพทกุอยา่ง การทําลายขบวนการแรงงาน และการทําลายความเป็ นไป ได้ ในการสร้ างสงัคมท�ีเทา่เทียมกวา่เดมิ ฐานอาํนาจของพวกนาซคีือคนชนั � กลางท�ีเกลยีดคนจน และอาํนาจ หนนุหลงันาซีคอืทนุของนายทนุใหญ่ท�ีต้ องการปราบชนชนั � กรรมาชีพ นอกจากนล�ีทัธิความคดิหลกัของพวก นาซี คอืการเหยยีดเชอ�ืชาตใินลกัษณะบ้ าคลง�ัของคนชนั � กลาง มนัจบลงด้ วยการฆา่ล้ างเผา่พนัธ์ คนเป็ น ล้ าน ด้ วยระบบการฆา่อตุ สาหกรรมของห้ องก๊ าซพิษ และพวกทส�ีนบัสนนุ นาซี หรื อ ฟาสซสิต์ ในเวลานนั � และในปั จจบุนั เป็ นพวกทช�ีื�นชมความป่ าเถื�อนดงักลา่ว สว่นเผดจ็การ สตาลิน เป็ นเผดจ็การ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ทเ�ีกดิขน�ึในประเทศท�ีด้ อยพฒ ั นา วตัถปุระสงค์ และเป้ าหมายคอืการเร่ งสะสมทนุเพื�อให้ พฒ ั นาทนัตะวนัตก ซง�ึแปลวา่รัสเซยีพยายามเร่ งพฒ ั นาเศรษฐกิจ 107


ภายในสิบถงึย�ีสบิปี ให้ ถงึระดบัทป�ีระเทศตะวนัตกใช้ เวลาพฒ ั นาถงึสองร้ อยปี ความโหดร้ ายป่ าเถอ�ืนของ การสะสมทนุในองักฤษสองร้ อยปี จงึกระจกุอยใู่นยคุเดยีวสาํหรับรัสเซยี น�ีคือสาเหตทุ�ีมเีผดจ็การและการ ปราบฝ่ ายค้ าน น�ีคอืสาเหตทุ�ีมคีา่ยกกักนันกัโทษ และน�ีคอืสาเหตทุค�ีนถกูบงัคบัให้ ทาํงานจนตายหลายแสน คน แตม่นัไมไ่ด้ มกีารวางแผนฆา่เผา่พนัธ์คนเป็ นล้ านเหมือน ฮิตเลอร์ และนอกจากนค�ีนธรรมดาทว�ัโลกท�ี เป็ นคอมมวินิสต์ และมองวา่รัสเซยีเป็ น “แมแ่บบ” เป็ นคนท�ีต้ องการสร้ างสงัคมใหมท่�ีเทา่เทียมกนั เขาไมไ่ด้ ชื�นชมความป่ าเถ�ือนแตอ่ย่างใด เขาพยายามหลอกตวัเองหรื อปิ ดหปูิ ดตาถงึเผดจ็การ สตาลนิ มากกวา่

วกิฤต “ความฝั นแบบอเมริกนั” “ความฝั นแบบอเมริ กนั” คอืความเช�ือวา่ในทนุนิยมของสหรัฐ ปั จเจกทกุคนสามารถพฒ ั นาตนเองได้ ให้ หลดุพ้ นจากความอดอยาก แตว่ ิกฤตทศวรรษ 1930 ทําลายความฝั นนไ�ี ปหมด อย่างไรก็ตาม ในปี 1932 ทา่มกลางวกิฤตเศรษฐกิจท�ีร้ ายแรงท�ีสดุในประวตัิศาสตร์ ทนุนิยม พวกเสรี นิยมในสหรัฐมองวา่มปีระกายไฟของแสงสวา่งเกิดขน�ึ เม�ือ ฝรังคลิน ดี โรสเวลท์ จากพรรคเดโมแครท ชนะ การเลอืกตง�ั และขน�ึมาเป็ นประธานาธิบดี ในยุคนนั � และในยคุปั จจบุนัมคีนจํานวนมากสบัสนเกี�ยวกบัธาตแุท้ ของนโยบาย New Deal หรื อ “ข้ อตกลงใหม”่ ของรัฐบาล โรสเวลท์ ในปลายปี 1932 สถานการณ์ในสหรัฐแยจ่นหลายฝ่ ายพร้ อมจะพิจารณามาตรการใหมๆ่ ไมว่า่จะแปลก ประหลาดแคไ่หน ประธานาธิบดี โรสเวลท์ จงึออกกฏหมาย โดยใช้ อํานาจพิเศษในการใช้ รัฐควบคมุระบบ ทนุนิยม มกีารหนนุเงินออมในธนาคารเอกชน ควบคมุราคาสนิค้ า เพ�ิมการผลติโดยใช้ รัฐวสิาหกจิ เร�ิ ม โครงการสร้ างงานให้ คนตกงาน

และมาตรการบางอย่างเพ�ือสนบัสนนุสหภาพแรงงาน

เพ�ือให้ สหภาพ

ตอ่รองกบันายจ้ างให้ ขน�ึคา่จ้ างสะดวกมากขน�ึ ซง�ึทาํให้ กําลงัซอ�ืในสงัคมเพ�ิมขน�ึ โดยมีความหวงัวา่จะ กระต้ นุ เศรษฐกจิ ถ้ าเทียบกบันโยบายของรัฐบาลก่อนๆ ทไ�ีด้ แตป่ราบคนจน มนัดเูหมอืนวา่เป็ นการ เปลย�ีนแปลงอนัย�ิงใหญ่ แต่ โรสเวลท์ ไมใ่ชน่กัสงัคมนิยม และพรรคของเขาเป็ นพรรคนายทนุที�สนบัสนนุพวกเจ้ าของท�ีดนิราย ใหญ่ในภาคใต้ ทก�ี​ีดกนัสิทธิของคนผิวดาํ ท�ีสําคญ ั คือ โรสเวลท์ เช�ือในความสําคญ ั ของ “วนิยัทางการคลงั” 108


ตามสตูรของพวกเสรี นิยมกลไกตลาด คือเขาพยายามจํากดัคา่ใช้ จา่ยและงบประมาณของรัฐให้ มากทส�ี ดุ เทา่ท�ีจะทาํได้ ในระยะแรกดเูหมอืนนโยบายของ โรสเวลท์ ใช้ ได้ ผล มกีารเพ�ิมระดบัการผลิตอย่างรวดเร็ว และจํานวน คนตกงานลดลงจาก 13.7 ล้ านในปี 1933 เป็ น 12 ล้ าน ในปี 1935 แตร่ะดบัการตกงานกย็งัสงูผิดปกติ ตอ่มาในปี 1937 เกิดวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยท�ีการผลติลดลงอยา่งรวดเร็วเป็ นประวตัศิาสตร์ อย่างไรก็ตาม ในชว่งก่อน 1937 ท�ีเศรษฐกิจเร�ิ มดขีน�ึบ้ าง และมมีาตรการบางอยา่งทช�ีว่ยสหภาพ แรงงาน กระแสการตอ่ส้ แู ละความมน�ัใจของแรงงานในการเผชิญหน้ ากบันายจ้ างเพ�ิมขน�ึอยา่งรวดเร็ ว ในปี 1934 นกัเคลอ�ืนไหวฝ่ ายซ้ ายจากพรรคสงัคมนิยมสาย ตรอทสกี และพรรคคอมมวินิสต์ สตาลนิ มบีทบาท สาํคญ ั ในการนาํการตอ่ส้ ขู องแรงงานทไ�ีด้ ชยัชนะ เชน่ในระบบขนสง่ของเมือง มนิ​ิแอปอลสิ ในทา่เรื อเมอืง แซนแฟรนซสิโก และในโรงงานชน�ิสว่นรถยนต์ท�ี โทเลโด กระแสการตอ่ส้ ขู องคนงานนน�ีาํไปสกู่ารจดัตงั � สภาแรงงานใหม่ CIO (Congress of Industrial Unions สภาแรงงานอตุสาหกรรม) และการตอ่ส้ เู พ�ือขยายสมาชิกสหภาพแรงงาน บวกกบัการพฒ ั นาสภาพการจ้ าง งานทว�ัสหรัฐ มกีารใช้ ยทุธวิธีการยดึโรงงาน เช่นในปี 1936 ในโรงงานยางรถยนต์ ไฟร์ สโตน และ กดุเยียร์ และในบริ ษัทประกอบรถยนต์ยกัษ์ ใหญ่ GM มีการยึดโรงงานท�ี เมอืงฟลน�ิท์ รัฐมชิ​ิแกน จนคนงาน 150,000 คนร่ วมยดึโรงงาน GM ตอ่มาหนง�ึเดอืนหลงัจากนนั � คนงานเกือบ 200,000คนในสถานประกอบการ 247 แหง่ ยดึโรงงาน และในปี 1937 คนงานห้ าแสนคนใช้ วิธีการน �ี สรุ ปแล้ วคนงานเกือบสองล้ านคนออกมาตอ่ส้ ู และมกีารขยายจํานวนสมาชิกสหภาพจาก 2 ล้ านเป็ น 7 ล้ านคน การลกุฮือตอ่ส้ ขู องคนงานสหรัฐ มผีลตอ่วฒ ั นธรรมในสงัคม เพราะคนจํานวนมากหนัมาให้ ความสาํคญ ั กบัการร่วมมอืกนัตอ่ส้ แู ละความสมานฉนัท์ แทนการแข่งขนักนัระหวา่งปั จเจก แตส่�ิงท�ีเป็ นอปุสรรคส์ําคญ ั ในการเปลย�ีนสงัคมไปอยา่งถอนรากถอนโคน คอืความคิดทางการเมอืงของผ้ นู าํแรงงาน ผ้ นู าํแรงงานใน CIO ทงั � ท�ีเป็ นสมาชิกพรรคคอมมวินิสต์ และท�ีมกีารเมอืงขวา มองวา่ต้ องไว้ ใจพรรค เด โมแครท และ โรสเวลท์ เพราะ “เป็ นเพื�อนคนงาน” แตถ่งึแม้ วา่ โรสเวลท์ ยนิดทีจ�ีะให้ สหภาพแรงงานหา เสยีงให้ ในวนัเลอืกตงั � เขาไมไ่ด้ มองวา่เขาต้ องตอบแทนบญ ุ คณ ุ แรงงานเลย และพร้ อมจะปราบสหภาพถ้ า จําเป็ น กอ่นหน้ านพ�ีรรคคอมมวินสิต์ ในชว่ง “ยคุทส�ีาม” ได้ แตว่ิจารณ์ โรสเวลท์ วา่หลอกลวงคนงาน แตพ่อ มกีารเปลย�ีนนโยบายมาสร้ างแนวร่ วมข้ ามชนชนั � ตามกระแสในยโุรปชว่ง 1936 พรรคคอมมวินสิต์กลายเป็ น 109


กองเชียร์ ของพรรค เดโมแครท ผลคอืการตอ่ส้ ทู างชนชนั � ในสหรัฐเบาลงในช่วงท�ีเกิดวกิฤตเศรษฐกิจรอบ ใหม่ และในช่วงท�ีโลกกําลงัขยบัเข้ าสสู่งครามโลกรอบสอง และการทพ�ีรรคคอมมวินสิต์เชียร์ พรรคนายทนุ แบบพรรค เดโมแครท ทําให้ แรงงานในสหรัฐหลงตง�ั ความหวงักบัพรรคนเ�ี ป็ นเวลานานจนถงึทกุวนัน �ี

จากวกิฤตเศรษฐกจิส่ ูสงครามโลกครั ง�ท� สี อง ทงั � ๆ ทน�ีกัการเมอืงในตะวนัตกในสมยันนั � และนกัประวตัศิาสตร์ ทม�ีาทีหลงัหลายคน พยายามเสนอวา่ สงครามโลกครัง�ท�ีสอง เป็ นสงครามระหวา่ง “ประชาธิปไตยกบัเผดจ็การฟาสซสิ ต์” ความจริ งไมใ่ชอ่ยา่งนนั � เลย วกิฤตเศรษฐกิจโลกทเ�ีกิดขน�ึสบิปี กอ่นสงคราม เพ�ิมความแตกแยกระหว่างมหาอาํนาจตา่งๆ และนําไปสู่ การแยง่ชิงพน�ืท�ีอทิธิพลมากขน�ึ เพราะวกิฤตเศรษฐกิจกดดนัให้ รัฐบาลตา่งๆ สร้ างกําแพงเพ�ือปกป้ องกลมุ่ ทนุของตนเอง และตลาดของตนเอง จากการแข่งขนักบัตา่งชาติ ในยคุนนั � รัฐบาลตา่งๆ ไมว่า่จะซ้ ายหรื อ ขวา ตา่งใช้ รัฐและรัฐวสิาหกิจในการควบคมุเศรษฐกิจมากขน�ึ โดยเฉพาะในสาธารณปูโภคหรื อการผลติ พลงังาน และในสถานการที�ตา่งฝ่ ายตา่งพยายามขยายพน�ื ทอ�ีทิธิพล กย็อ่มมกีารปะทะกนั โดยเฉพาะใน กรณีทเ�ียอรมนัเกือบจะไมม่ีอาณานิคมเลยและต้ องการขยายพน�ืท�ี รัฐบาล นาซี ในเยอรมนัต้ องการเร่ งพฒ ั นาเศรษฐกิจ แตย่งัเกรงกลวัวา่ถ้ าขดูรี ดแรงงานภายในประเทศ มากเกินไป คนงานเยอรมนัจะลกุขน�ึส้ อู ยา่งท�ีเคยเกิดขน�ึในอดีต ดงันนั � มวีิธีเดียวคอื ต้ องพยายามแย่งพน�ืท�ี จากประเทศอน�ืในยโุรป เช่นพน�ืทเ�ีกษตรในออสเตรี ย และพน�ืทอ�ีตุสาหกรรมในโปแลนด์ โรเมเนยี กบั ดนิแดน “เชค” และมกีารเกณฑ์แรงงานตา่งชาตไิปทํางานในสภาพท�ีย�ําแย่กวา่แรงงานเยอรมนั ในเอเชียตะวนัออก รัฐบาลเผดจ็การของญ�ีป่ นุ กท็ําเช่นกนั โดยยดึพน�ืทใ�ีนแผน่ดนิใหญ่จีน เกาะไต้ หวนั กบัแหลมเกาหลี หลงัจากนนั � กเ็ลงไปท�ีอาณานิคมของฝร�ังเศส องักฤษ ฮอลแลนด์ กบั หมเู่กาะฟิ ลปิปิ นส์ ซง�ึ เป็ นอาณานิคมสหรัฐ ในอิตาล�ี เผดจ็การมสุโสลนี​ี กพ็ยายามยดึพน�ืทใ�ีนอฟัริ กา เชน่ อทีโิอเบีย โซมาเลยี และลบิเบีย เป็ นต้ น

110


องักฤษ ฝร�ังเศส ฮอลแลนด์ เบลเยี�ยม กบัสหรัฐ ไมแ่นใ่จวา่จะรับมอือย่างไร ชนชนั � ปกครองสองจิตสอง ใจวา่ควรจะเผชิญหน้ าปะทะกบัเยอรมนัหรื อไม่ และย�ิงกวา่นนั � ประเทศเหลา่นแ�ีขง่ขนักนัเองอกีด้ วย ฝร�ังเศส กบัองักฤษเป็ นคแู่ขง่กนัมานาน และสหรัฐต้ องการชิงความเป็ นใหญ่จากองักฤษในหลายพน�ืท�ี โดยทว�ัไปแล้ วชนชนั � ปกครอง

องักฤษและฝร�ังเศส

แยกเป็ นสองสว่น

ระหวา่งกลมุ่ทอ�ียากจะ

ประนีประนอมกบั ฮิตเลอร์ และกลมุ่ท�ีมองวา่ต้ องเผชิญหน้ าปะทะกนั นอกจากนท�ีงั � สองซีกมองวา่รัสเซียยงั เป็ นภยัมากกวา่พวกฟาสซสิต์ เพราะอยา่งน้ อยฟาสซสิต์สามารถกีดกนัการปฏิวตัขิองคนชนั � ลา่งได้ ในองักฤษ ซกีของชนชนั � ปกครองท�ีมองวา่ “ยอมไมไ่ด้ ” ต้ องส้ กู บัเยอรมนั มอีทิธิพลมากท�ีสดุ และมผี้ นู ํา ช�ือ วินสตนั เชอร์ ชฮลิ แต่ เชอร์ ชฮิล ไมไ่ด้ ต้ าน ฮิตเลอร์ เพราะคดัค้ านระบบฟาสซสิต์ เขาต้ าน ฮิตเลอร์ เพราะเขาอยากปกป้ องอาณานคิมและความเป็ นใหญ่ขององักฤษตา่งหาก ในไมช่้ ากองทพัของ ฮิตเลอร์ สามารถยดึพน�ืท�ีจํานวนมากในยโุรปตะวนัตก รวมถงึฝร�ังเศส และกองทพั องักฤษต้ องถอยทพักลบัองักฤษ สถานการณ์ย�ําแยข่ององักฤษมาจากการทช�ีนชนั � ปกครองสองจิตสองใจมา นานวา่จะส้ หู รื อประนปีระนอม แตพ่อถงึปี 1940 เชอร์ ชฮิล ตดัสนิใจวา่ต้ องส้ จู นถงึ ทส�ีดุ เชอร์ ชฮิล ซง�ึเป็ นผ้ นู าํพรรคอนรุักษ์ นยิมของนายทนุ เข้ าใจดวีา่ถ้ าจะส้ กู บัเยอรมนัอยา่งถงึทส�ีดุ ต้ องมี การดงึชนชนั � กรรมาชีพ สหภาพแรงงาน และพรรคแรงงานมาเป็ นพวก เลยมกีารตง�ั “รัฐบาลแหง่ชาต”ิ และ มกีารเร�ิ มใช้ วาจาทํานองวา่ต้ อง “ทําสงครามต้ านฟาสซสิต”์ ในกรณีสหรัฐ ตอนแรก โรสเวลท์ หวงัวา่สงครามในยโุรปจะเปิ ดโอกาสให้ สหรัฐเข้ าไปมอีทิธิพลในพน�ืท�ี เกา่ของมหาอาํนาจยโุรป โดยท�ีสหรัฐไมต่้ องร่ วมในสงคราม เพียงแตข่ายอาวธุให้ องักฤษกพ็อ แตพ่อเกิด การปะทะกบัญ�ีป่ ุน สหรัฐตดัสนิใจเข้ าร่ วมสงครามโดยตรง และเร�ิ มใช้ วาจาวา่ เป็ นการ “ทําสงครามต้ าน ฟาสซสิต์” เชน่กนั ในรัสเซยี สตาลนิ ไมอ่ยากทําสงครามกบั ฮิตเลอร์ และพยายามทาํข้ อตกลงสนัตภิาพ แตพ่อ ฮิตเลอร์ ทําลายข้ อตกลงด้ วยการสง่ทหารไปบกุรัสเซยี เขาไมม่ทีางเลอืก และการทาํสงครามของ สตาลนิ ทําในนาม ของ “ความรักชาต”ิ และ “การปกป้ องมาตภุูม”ิ เป็ นหลกั แตส่าํหรับคนธรรมดา ในองักฤษ ฝร�ังเศส สหรัฐ หรื อรัสเซยี เขาร้ ู สกึในใจวา่ทําสงครามกบัระบบ ฟาสซสิต์จริ งๆ ด้ วยความบริ สทุธ�ิใจ อยา่งไรกต็าม การใช้ แนวชาตนิยิมในการทําสงครามของพนัธมติร 111


มหาอาํนาจตะวนัตกและรัสเซยี ซง�ึมองวา่ “คนเยอรมนัทกุคนเป็ นศตัรู” ทาํให้ เอาชนะเยอรมนัยากขน�ึและ ใช้ เวลานานขน�ึ เพราะถ้ าสงครามนป�ีระกาศแตแ่รกวา่ต้ องการล้ มระบบ และปลดปลอ่ยประชาชน คนงาน เยอรมนัอาจพร้ อมท�ีจะกบฏ แตช่นชนั � ปกครองของพนัธมิตรไมต่้ องการให้ คนกบฏ แตล่ะฝ่ ายใช้ เวลารบกนัในสงครามโลกครัง�ท�ีสองห้ าปี คอืระหวา่ง 1940-1945

การล้ างเผา่พนัธ์ ในการพิจารณาวา่ทําไมพวกนาซมี พีฤตกิรรมป่ าเถ�ือนทส�ีดุ จนตง�ั ใจฆา่ล้ างเผา่พนัธ์คนยิว 6 ล้ านคน และ คน “ยิบซ”ี กบัคนพิการอกีจํานวนมาก เราต้ องหาเหตผุล แนน่อนคนอยา่ง ฮิตเลอร์ เป็ นคนหวัรุ นแรงสดุขวั � ท�ีไมม่สีาํนกึถงึความผิดหรื อถกูเลย แตน่นั � เป็ นคาํอธิบายไมเ่พียงพอ เพราะการเร�ิ มโครงการล้ างเผา่พนัธ์นนั � เร�ิ มขน�ึในชว่งท�ีกองทพัเยอรมนัมปีั ญหาในการส้ รู บหลายด้ าน

โดยเฉพาะในการรบกบัรัสเซยี

มนัไม่

สมเหตสุมผลทางเศรษฐกิจหรื อการทหารเลย ในการฆ่าล้ างเผา่พนัธ์น �ี รัฐบาลเยอรมนัต้ องใช้ ทรัพยากรและบคุคลากรจํานวนมาก เชน่ในการขนสง่คน ทางรถไฟไปสคู่า่ยกกักนัท�ีมีห้ องฆ่าก๊ าซพิษ นอกจากจะสน�ิเปลอืงทรัพยากรแล้ ว คนยิวทร�ีัฐบาลฆา่ตาย เป็ นคนงานท�ีมฝี​ี มือซง�ึอาจนํามาใช้ ในการสะสมทนุและสร้ างกําไรได้ ฮิตเลอร์ ทราบดจีากประสบการณ์ในอดตีวา่การปลกุกระแสเกลยีดชงัและทาํร้ ายคนยิว มีผลจํากดัในหมู่ ประชาชนธรรมดาทไ�ีมไ่ด้ บ้ าเลอืด เพราะคนเยอรมนัไมไ่ด้ เกลยีดคนยิว “เป็ นธรรมชาติ” แตก่ารตดัสนิใจฆา่ ล้ างเผา่พนัธ์ กระทําไปเพ�ือตอกยา�ํลทัธินาซใีห้ สมาชิกพรรค โดยเฉพาะวงใน และทาํไปเพ�ือกระต้ นุ แกนนาํ ในพรรค พวกคลง�ัลทัธินาซี ให้ กระตอืรื อร้ นมากขน�ึ โดยเฉพาะในช่วงทเ�ียอรมนักําลงัแพ้ สงคราม ใน ขณะเดยีวกนั กลมุ่ทนุใหญ่อยา่งเชน่ ครุปส์, ไอ จี ฟาร์ เบน และกลมุ่อน่ๆ กร็่ วมมอือย่างเตม็ท�ีกบั ฮิตเลอร์ ส�ิงที�เกิดขน�ึในเยอรมนัในสงครามโลกครัง�ทส�ีอง พิสจูน์คาํพดูของ โรซา ลคัแซมเบอร์ ค ท�ีเคยพดูวา่ “ถ้ า ไมเ่กิดสงัคมนิยม กจ็ะเกิดความป่ าเถ�ือน”

112


การลกุฮือตอ่ส้ ู และการหกัหลงัการตอ่ส้ โู ดยมหาอาํนาจ ทงั � ๆ

ทช�ีนชนั � ปกครองในประเทศมหาอาํนาจอ้ างวา่สงครามนเ�ี ป็ น

“สงครามตอ่ต้ านฟาสซสิต”์

และ

“สงครามปลดแอก” แตพ่ฤติกรรมของผ้ นู าํรัฐบาลตอนท้ ายของสงครามบ่งบอกถงึวตัถปุระสงค์อน�ื ในการประชมุนดัพบกนัระหวา่ง เชอร์ ชฮิล สตาลนิ และ โรสเวลท์ มกีารตกลงกนัเพ�ือแบง่โลกระหวา่งซกี ที�จะอยภู่ายใต้ อิทธิพลของตะวนัตก กบัซกีท�ีจะอยภู่ายใต้ อทิธิพลของรัสเซยี เชน่ เชอร์ ชฮิล เลา่วา่ เคยมเีศษ กระดาษท�ี เชอร์ ชฮิล ย�ืนให้ สตาลนิ ในการประชมุปี 1944 ท�ีเมือง มอสโก ท�ี เชอร์ ชฮิล เขียนไว้ วา่ “โรเมเนีย – รัสเซยีคมุ 90%, กรี ซ – องักฤษคมุ 90% และยโูกสลาเวยี 50:50” สตาลนิอา่นกระดาษเสร็จกก็าด้ วย เคร�ื องหมาย “ถกู” แล้ วสง่กลบั ข้ อตกลงแบบนร�ี ะหวา่งรัสเซยีกบัองักฤษและสหรัฐ มผีลมหาศาลกบัการ ตอ่ส้ ขู องกองกําลงัปลดแอกคอมมวินสิต์ในหลายพน�ืท�ี ในกรี ซ ซง�ึถกูยดึครองโดยอิตาล�ีกบัเยอรมนั โดยมรีัฐบาลเผดจ็การภายใต้ กษัตริ ย์กรี ซร่ วมมอือยู่ด้ วย พรรคคอมมวินิสตม์บีทบาทหลกัในขบวนการก้ ชู าติ EAM-ELAS และในปลายปี 1944 ขบวนการนค�ีมุพน�ืท�ี สว่นใหญ่ของประเทศ แตพ่รรคคอมมวินสิต์ถกูสง�ั โดย สตาลนิ ให้ ยอมจํานนตอ่องักฤษ เพ�ือให้ กองทพั องักฤษยดึเมืองอาเทนส์

หลงัจากนนั � องักฤษพยายามรื อ�ฟื น�เผดจ็การฝ่ ายขวาและกษัตริ ย์

และมีการ

ปราบปรามคอมมวินิสต์ จนในท�ีสดุพรรคคอมมวินิสต์ไมม่ทีางเลือกนอกจากจะส้ ใู นสงครามกลางเมอืง แต่ การยอมตอ่องักฤษในขนั � ตอนแรกทําให้ เสียเปรี ยบ

ฝ่ ายขวาในกรี ซได้ รับอาวธุและการสนบัสนนุทาง

การเมอืงจากสหรัฐด้ วย ซง�ึทําให้ คอมมวิสนิสตแ์พ้ สงครามกลางเมอืงในท�ีสดุ กรี ซตกอยภู่ายใต้ อาํนาจเผดจ็ การและกง�ึเผดจ็การของฝ่ ายขวาเป็ นเวลาเกือบ 30 ปี จนนกัศกึษาจดุประกายลกุขน�ึส้ กู บัเผดจ็การทหาร และในการตอ่ส้ คู รัง�นนั � ของนกัศกึษากรี ซ มีการตะโกน “ประเทศไทย ประเทศไทย” เพราะนกัศกึษาได้ กําลงัใจจากการล้ มเผดจ็การทหารในไทยในวนัที� ๑๔ ตลุาคม ๒๕๑๖ ปี เดยีวกนั ในอิตาล�ี

พรรคคอมมวินิสต์มบีทบาทสาํคญ ั ในขบวนการก้ ชู าตจิากอํานาจฟาสซสิต์เชน่กนั

และ

ขบวนการนป�ีระกอบไปด้ วยสามสว่นคือ นกัรบในชนบท นกัรบในเมือง และขบวนการแรงงาน การตอ่ส้ เู ร�ิ ม ขน�ึในเดือนมนีาคมปี 1943 เมอ�ืมีการนดัหยดุงานของคนงานเป็ นแสนในเมอืง ตรูิ น ทางเหนือของอิตาล�ี พอ ถงึต้ นเดือนกรกฏาคม

ทหารสหรัฐกบัองักฤษเร�ิ มบกุขน�ึมาทางใต้

หลายสว่นของชนชนั � ปกครองอิตาล�ี

ตดัสนิใจเข�ีย มสุโสลนี​ี ออกไป เพ�ือเอาตวัรอด แตก่องทพัเยอรมนัเข้ ามายดึอิตาลท�ีางเหนือแทน และแตง่ตง�ั มสุโสลนี​ี อกีครัง� ในชว่งนก�ีองกําลงัก้ ชู าตติ​ิดอาวธุขยายตวัอยา่งรวดเร็ วจนคาดวา่มกีําลงัทงั � หมด 100,000 113


คน และในต้ นปี 1944 มกีารนดัหยดุงานของคนงานหลายแสนในเมอืงตา่งๆ เพื�อประท้ วงความโหดร้ าย ทารุณของรัฐบาลอดี้ วย ทา่มกลางการลกุส้ เู พ�ือปลดแอกประเทศ คนสว่นใหญ่ในอิตาลม�ีองว่าจะต้ องมีการเปลย�ีนแปลงสงัคม อยา่งถอนรากถอนโคน พรรคคอมมวินสิต์ขยายตวัอยา่งรวดเร็ วจากสมาชิก 5,000 คนในมถินุายน 1943 เป็ น 410,000 คนในเดอืนมนีาคม 1945 แตใ่นเดือนกนัยายน 1944 รัฐมนตรี ตา่งประเทศของ สตาลนิ ชื�อ ลดิวีนอฟ ฟั นธงกบัผ้ แู ทนของรัฐบาลสหรัฐในอติาลว�ีา่ “เราไมต่้ องการเหน็การปฏิวตัใินตะวนัตก” และกอ่น หน้ านนั � ผ้ นู ําพรรคคอมมวินิสตอ์ิตาล�ี ทอกลแีอต �ี ประกาศวา่พรรคจะสนบัสนนุรัฐบาลฝ่ ายขวา หลงัจากสงครามจบลง อิตาลอ�ีาจมีรูปแบบของประชาธิปไตยรัฐสภา แตโ่ครงสร้ างรัฐในหลายสว่น เชน่ ตาํรวจและหนว่ ยราชการลบั ไมไ่ด้ เปลย�ีนจากสมยัฟาสซสิต์ ซง�ึเหน็ชดัเมอ�ืตาํรวจลบัทาํงานร่ วมกบักลมุ่ ฟาสซสิต์ในการวางระเบิดในยคุ 1970 เพ�ือพยายามสร้ างสถานการณ์ให้ มกีารทํารัฐประหาร ในฝร�ังเศส กองกําลงัก้ ชู าตมิสีองซกี คือซกีของนกัการเมอืงทนุนิยมภายใต้ นายพล ชาร์ ลส์ เดอร์ โกล (ซง�ึ ขน�ึมาเป็ นประธานาธิบดภีายหลงัสงคราม) และซกีของพรรคคอมมวินิสต์ซง�ึมาร่ วมส้ กู บัเยอรมนัหลงัจากท�ี ข้ อตกลงสนัตภิาพระหวา่ง ฮิตเลอร์ กบั สตาลนิ กลายเป็ นโมฆะในปี 1941 องักฤษสนบัสนนุกลมุ่ของ เดอร์ โกล แตต่ อนแรกสหรัฐไมย่อมรับ และพยายามหาทางเจรจากบัผ้ นู าํฝ่ ายขวาฝร�ังเศสที�ประนีประนอมกบัฮิต เลอร์ เม�ือกองกําลงัก้ ชู าตฝิร�ังเศสยดึเมอืงปารี สจากเยอรมนัได้ ในปี 1944 ทกุคนทราบดวีา่อทิธพลหลกัในกอง กําลงันค�ีอืพรรคคอมมวินสิต์ฝร�ังเศส

ประเดน็คือพรรคจะใช้ อทิธิพลนใ�ี นการยดึอํานาจหรื อจะ

ประนีประนอมกบัฝ่ ายขวา? ปรากฏวา่ข้ อตกลงของ สตาลนิ ทท�ีําไว้ กบัผ้ นู ําตะวนัตก เป็ นหลกัประกนัวา่ พรรคคอมมวินิสตฝ์ร�ังเศสจะไมย่ดึอาํนาจ และหลายสว่นของเจ้ าหน้ าทร�ีัฐ โดยเฉพาะตาํรวจชนั � สงู ก็ถอื ตาํแหนง่อยา่งตอ่เน�ือง ระหวา่งสมยัรัฐบาลฟาสซสิต์จนถงึรัฐบาลหลงัสงคราม และรัฐฝร�ังเศสกใ็ช้ นโยบาย ทําสงครามในอาณานิคม อยา่งเชน่ อลัจีเรี ย และเวยีดนาม เพ�ือปกป้ องผลประโยชน์เดมิ ในกรณีเวียดนาม กวา่ ประเทศนนั � จะได้ อสิรภาพ ต้ องตอ่ส้ กู บัฝร�ังเศสและสหรัฐเป็ นเวลาอกี 30 ปี ในมาลายู

ตอนท้ ายของสงครามโลกครัง�ทส�ีอง

ขบวนการก้ ชู าตภิายใต้ พรรคคอมมวินสิต์สามารถ

เอาชนะญ�ีป่ ุนและคมุสว่นใหญ่ของประเทศได้ แตน่โยบายการยอมจํานนของพรรคคอมมวินิสต์ เปิ ดโอกาส ให้ องักฤษกลบั มา และในท�ีสดุองักฤษกล็งมอืปราบพรรคคอมมวินิสต์ 114


มนีกัประวตัิศาสตร์ หลายคนตง�ั คาํถามวา่พรรคคอมมิวนิสต์ในพน�ืท�ีตา่งๆ สามารถยดึอํานาจได้ หรื อไม่ คาํตอบคอื พรรคเหลา่นนั � ใน กรี ซ อิตาล�ี ฝร�ังเศส หรื อมาลายู มอีาํนาจเพียงพอทจ�ีะทําการปฏิวตัิ แตเ่ลือกท�ี จะไมท่าํภายใต้ นโยบายของ สตาลนิ โลกในยคุท้ ายสงคราม มบีรรยากาศทเ�ีหมาะสมอยา่งย�ิงกบัการยดึ อาํนาจของฝ่ ายซ้ าย เพราะทหารธรรมดาของตะวนัตก ไมอ่ยากรบตอ่ และมทีศันะท�ีมองคอมมวินสิต์ในแง่ ดดี้ วย ดงันนั � รัฐบาลตะวนัตกจะไมส่ามารถปราบปรามได้ งา่ยๆ ท�ี ยโูกสลาเวยี ท�ีเดียว กองกาํลงัและขบวนการก้ ชู าตขิองพรรคคอมมิวนิสต์ ภายใต้ การนําของ ทีโท สามารถยดึอํานาจและตง�ั ประเทศอสิระได้ โดยทไ�ีมต่กอย่ภู ายใต้ อิทธิพลของตะวนัตก หรื อของรัสเซีย น�ีคือ สาเหตทุ�ี ยโูกสลาเวยี แตกกบัรัสเซยีตงั � แตป่ ี 1948 และสามารถรักษาความเป็ นกลางเป็ นเวลา 40 ปี ในซกีโลกท�ีอยภู่ายใต้ อทิธิพลรัสเซยี ตามข้ อตกลงระหวา่งมหาอาํนาจ กองทพัของสตาลนิสามารถ ปราบปรามผ้ ทู �ีต้ องการก้ ชู าตหิรื อล้ มเผดจ็การในประเทศตา่งๆ ของยโุรปตะวนัออกได้ โดยท�ีมหาอาํนาจ ตะวนัตกไมท่าํอะไร นอกเหนือจากการวจิารณ์ ด้ วยวาจาท�ีไร้ ความหมาย ในญ�ีป่ นุ สหรัฐรี บทง�ิระเบิดนิวเคลยีร์ สองลกู ซงึ� ทําให้ พลเรื อนล้ มตายจํานวนมาก และมผีลร้ ายจนถงึทกุ วนัน �ี ทงั � นเ�ี พื�อยดึญ�ีป่ นุ ก่อนท�ีกองทพัรัสเซยีจะมาถงึ และเพ�ือพิสจูน์แสนยานภุาพของสหรัฐตอ่ชาวโลก ในแหลมเกาหลี ซง�ึเคยเป็ นเมอืงขน�ึของญ�ีป่ นุ สหรัฐกบัรัสเซยี ตกลงกนัเพื�อแบ่งแยกประเทศเป็ นสอง สว่น โดยแตล่ะฝ่ ายแตง่ตง�ั เผดจ็การของตนเองขน�ึมาเป็ นผ้ นู ําคือ คิม อลิ ซุง ทางเหนือ แตง่ตง�ั โดยรัสเซยี และ ซงิแมน รี ทางใต้ ซง�ึถกูแตง่ตง�ั โดยสหรัฐ แตใ่นไมช่้ าแหลมเกาหลกีลายเป็ นสมรภมูใิหญ่ในการรบกนั ระหวา่งอดตีพนัธมติร

สงครามเยน็ หลงัสงครามโลกครัง�ทส�ีอง มหาอาํนาจสามประเทศทไ�ีด้ รับชยัชนะคอื องักฤษ สหรัฐ และรัสเซยี ร่วมกนั กอ่ตง�ั องค์กรสหประชาชาติ โดยอ้ างวา่องคก์รนจ�ีะพาโลกไปสคู่วามเจริ ญและความสงบสขุ แตใ่นความเป็ น จริ ง สหประชาชาติ เป็ นเคร�ื องมือของมหาอาํนาจ ทถ�ีกูควบคมุโดยสมาชิกถาวรของ “คณะมนตรี ความ มน�ัคง” ซง�ึในชว่งแรกประกอบไปด้ วย องักฤษ ฝร�ังเศส สหรัฐ และรัสเซยี และภายในคณะมนตรี นก�ีเ็ร�ิ มมี ความขดัแย้ งทางผลประโยชน์ 115


ในปี แรก

มหาอาํนาจใช้ เวลารื อ�ฟื น�เศรษฐกิจและสร้ างความมน�ัคง

ในองักฤษรัฐบาลต้ องรี บเอาใจ

ประชาชน เพ�ือไมใ่ห้ มกีารลกุขน�ึกบฏ ด้ วยการสร้ างรัฐสวสัดกิาร แม้ แตใ่นสหรัฐกม็กีารให้ สวสัดิการ บางอย่าง เพราะในชว่งนนั � มีกระแสการนดัหยดุงาน ในฝร�ังเศส กบั อติาล�ี รัฐบาลฝ่ ายขวาอาศยัพรรค คอมมวินิสต์ เพ�ือห้ ามปรามการนดัหยดุงานของสหภาพ และในยโุรปตะวนัออก ซง�ึเป็ นพน�ืทข�ีองรัสเซีย มี การจดัระเบียบใหมโ่ดยรัสเซียตงั � รัฐบาลหนุ่ที�ประกอบไปด้ วยหลายฝ่ าย

แตอ่าํนาจอยใู่นมอืของพรรค

คอมมวินิสต์ ในขณะเดยีวกนัรัสเซยีต้ องขยนัในการกําจดัผ้ นู ําคอมมวินิสต์ท�ีคดิเองได้ และอยากอสิระ เชน่ พวกท�ีเคยไปรบในสงครามกลางเมอืงทส�ีเปนเป็ นต้ น การร่วมมือกนัระหวา่ง องักฤษ สหรัฐ และ รัสเซยี เร�ิ มมปีั ญหาตง�ั แตก่ารสน�ิสดุของสงครามโลกครัง�ท�ี สอง ตอนแรก เชอร์ ชฮิล ฝั นวา่จะรื อ�ฟื น�กองทพัเยอรมนั เพ�ือบกุและทําลายรัสเซยี แตพ่วกนายพลองักฤษ มองวา่เป็ นการเพ้ อฝั นที�โงเ่ขลา อยา่งไรกต็ามในปี 1946 เชอร์ ชฮิล ซงึ� ตอนนแ�ีพ้ การเลอืกตงั � ในองักฤษและ กลายเป็ นผ้ นู าํฝ่ ายค้ าน ได้ ปราศยัทส�ีหรัฐ ตอ่ต้ านระบบคอมมวินิสต์ และพดูถงึ “มา่นเหลก็” ท�ีปิ ดกนั � พน�ืท�ี อทิธิพลของรัสเซยีเป็ นครัง�แรก แตค่วามรักใน “เสรี ภาพประชาธิปไตย” ของ เชอร์ ชฮิล ไมไ่ ด้ เป็ นอปุสรรคใ์น การปราบปรามผ้ ูรักประชาธิปไตยและเสรี ภาพในกรี ซ หรื ออนิเดยี แตอ่ ยา่งใด หลงัจากนนั � ไมน่าน สหรัฐประกาศ “แผนมาร์ ชลั” (Marshall Plan) เพ�ือชว่ยเหลอืเศรษฐกิจของยโุรป ตะวนัตก และเสริ มสร้ างอิทธิพลของสหรัฐอเมริ กาในพน�ืท�ี ภายในไมก่�ีสปัดาห์ด้ วยคาํแนะนําจากสหรัฐ รัฐบาลฝ่ ายขวาในอติาลแ�ีละฝร�ังเศส กเ็ข�ียพรรคคอมมวินสิต์ออกจากรัฐบาล หลงัจากทใ�ีช้ งานในการคมุ กระแสนดัหยดุงานไปเรี ยบร้ อยแล้ ว

และในอิตาลส�ีหรัฐทุ่มเทเงนิมหาศาลเพื�อสกดักนั � ไมใ่ห้ พรรค

คอมมวินิสต์และพรรคสงัคมนยิมชนะการเลือกตง�ั ย�ิงกวา่นนั � สหรัฐมแีผนสอง เพ�ือรับมอืกบัชยัชนะของฝ่ าย ซ้ ายดงักลา่วถ้ ามนัเกิดขน�ึ คอืตงั � กองกาํลงัลบัช�ือ “กลาดโิอ” (Gladio) เพ�ือเตรี ยมทาํรัฐประหาร หลงัจากนนั � กองกําลงัลบันถ�ีกูกลนืเข้ าไปเป็ นสว่นหนง�ึของ NATO ในภายหลงั ในกลางปี 1948 เม�ือองักฤษ ฝร�ังเศส และสหรัฐ ประกาศวา่ เยอรมนัทางตะวนัตก ซง�ึอยใู่นอทิธิพลของ สามประเทศน �ี จะใช้ เงนิตราเฉพาะของมนัเอง ซง�ึจะโดดเดย�ีวเยอรมนัสว่นตะวนัออก ซง�ึอยภู่ายใต้ อาํนาจ รัสเซีย รัสเซียกโ็ต้ ตอบด้ วยการปิ ดกนั � เมอืง เบอร์ ลนิ เมอืงหลวงของเยอรมนั เพราะเมืองเบอร์ ลนิถกูแบง่เป็ น สส�ีว่นเชน่กนั แตอ่ยใู่นพน�ืท�ีเยอรมนัทางตะวนัออกทค�ีวบคมุโดยรัสเซยี นค�ี ือฉากแรกของ “สงครามเย็น”

116


สหรัฐและองักฤษ

โต้ ตอบรัสเซยีด้ วยการขนสนิค้ าทกุอย่างเข้ าเบอร์ ลนิตะวนัตกทางอากาศ

ประโคมขา่วสร้ างภาพวา่มนัเป็ นการปกป้ องเสรี ภาพจากเผดจ็การคอมมวินิสต์

และ

การประโคมขา่วแบบนนั �

และการปลกุผคีอมมิวนิสต์ มปีระโยชน์ในการสร้ างกระแสต้ านคอมมวินิสต์ในสหรัฐ และ“ลทัธิแมกคาท”�ี ถกูใช้ เพ�ือลงโทษและปลดคนฝ่ ายซ้ ายออกจากงาน โดยเฉพาะในสอ�ืมวลชน อตุสาหกรรมการตพีิม์หนงัสือ อตุสาหกรรมภาพยนต์ และในโรงเรี ยนและวิทยาลยัตา่งๆ นอกจากนร�ี ัฐบาลสหรัฐออกกฏหมายท�ีบงัคบัให้ สหภาพแรงงานต้ องปลดคอมมวินสิต์ออกจากทกุตําแหน่ง ในฝร�ังเศสกบัอิตาล�ี

มกีารสร้ างความแตกแยกในสภาแรงงาน

และตง�ั สภาแรงงานใหมท่ี�ตอ่ต้ าน

คอมมวินิสต์ขน�ึ สว่นในองักฤษ สหภาพแรงงานบางแห่งพยายามปลดคอมมวินสิต์ออก ผลของสงครามเยน็คอื ทงั � ฝ�ั งตะวนัตก และฝ�ั งตะวนัออก มีการปราบปรามคนที�คดิตา่ง เหมอืนเป็ น กระจกท�ีสะท้ อนภาพเดยีวกนั

และทง�ั สองฝ่ ายกแ็ข่งกนัสะสมระเบิดนิวเคลยีร์ ท�ีสามารถทําลายทงั � โลกได้

จนระดบัการใช้ งบประมาณรัฐทางทหารพงุ่สงูขน�ึเป็ นประวตัศิาสตร์ สําหรับยคุทไ�ี มม่ีสงคราม โดยที�สหรัฐใช้ 20% ของผลติภณ ั ฑ์มวลรวม และรัสเซยีใช้ 40% (แตเ่ศรษฐกิจรัสเซยีเลก็กวา่) สงครามเยน็ กลายเป็ นสงครามร้ อนในบางพน�ืท�ีเท่านนั � ท�ีรุนแรงมากคือในแหลมเกาหลี การขแู่ละการ ปะทะกนัระหวา่งเหนือกบัใต้ นาํไปสกู่ารบกุเกาหลใีต้ โดยกองทพัเกาหลีเหนือในปี 1950 สหรัฐ องักฤษ และจีนสง่ทหารเข้ ามารบโดยตรง และสงครามใช้ เวลาสามปี ในทส�ีดุสงครามจบลงโดยที�ไมม่กีารเปลย�ีน พรมแดนระหวา่งเหนือกบัใต้ เลย แตป่ระชาชนเกาหลลี้ มตายไปสองล้ านคน ทหารของทงั � สองฝ่ ายตายไป 1.5 ล้ าน และเผดจ็การกค็รองทงั � สองซีกตอ่ไป ในเกาหลใีต้ เผดจ็การอยไู่ด้ อีก 40 ปี จนถกูล้ มโดยขบวนการ ประชาชนและสหภาพแรงงาน สงครามเยน็เป็ นการใช้ เทคโนโลจีและอาวธุสมยัใหม่ เพ�ือปลกุระดมโกหกประชาชนทง�ั สองฝ่ ายให้ เช�ือวา่ รัฐบาลของตน “กําลงัส้ เู พ�ือความเจริ ญและเสรี ภาพ”

ยุคทองสัน�ๆ ของทนุนิยม ในปี ค.ศ. 1956 สบิกวา่ปี หลงัสงครามโลกครัง�ทส�ีอง ดเูหมอืนวา่ระบบทนุนยิมขยายตวัอยา่งตอ่เน�ือง จน เป็ นยคุทองของเศรษฐกิจ

และในลกัษณะเดยีวกบัท�ีคนอย่าง

เบิรน์สไตน์

จากพรรคสงัคมนยิม 117


ประชาธิปไตยเยอรมนั เคยพดูเมอ�ืหกสบิปี กอ่น ก็มนีกัการเมอืงพรรคแรงงานองักฤษช�ือ แอนโทน�ี ครอส แลนด์ ประกาศวา่ “ทนุนิยมสามารถแก้ ปั ญหาความยากจนและวกิฤตเศรษฐกิจได้ ” ตวัเลขดเูหมอืนจะสนบัสนนุแนวคดิน �ี เชน่ในปี 1970 สหรัฐอเมริ กาผลิตมลูคา่สามเทา่อตัราการผลติใน ปี 1940 เยอรมนัเพ�ิมอตัราการผลติจากปี 1945 ถงึห้ าเทา่ ฝร�ังเศสเพ�ิมสเ�ีทา่ อติาลแ�ีปรตวัจากประเทศ เกษตรล้ าหลงัไปเป็ นประเทศอตุสาหกรรม และญ�ีป่ นุ แซงประเทศอน�ืไปเป็ นเศรษฐกจิท�ีใหญ่ท�ีสดุอนัดบัสอง ของโลก สภาพความเป็ นอยขู่องกรรมาชีพในประเทศตา่งๆ กด็ีขน�ึเร�ื อยๆ ไมว่า่จะสหรัฐ องักฤษ สแกนดเีนเวยี อิ ตาล�ี หรื อฝร�ังเศส และอตัราการวา่งงานตา�ํเป็ นประวตัศิาสตร์ นอกจากการเพ�ิมคา่แรงแล้ ว มกีารตดัชว�ัโมง การทํางานและเพ�ิมวนัพกัร้ อน พร้ อมกนันนั � มกีารสร้ างรัฐสวสัดกิารในหลายประเทศของยโุรปตะวนัตก มกีารเปลย�ีนแปลงครัง�ใหญ่ในสงัคม มกีารดงึเกษตรกรจากอติาล�ี และยโูกสลาเวยี เข้ าไปทาํงานใน โรงงานตา่งๆ มกีารดงึแรงงานเข้ ามาในองักฤษจากเกาะคาริ เบียนและปากีสถาน และดงึจากแรงงานเตอร์ กี เข้ าสโู่รงงานของเยอรมนัตะวนัตก และผ้ หู ญิงจํานวนมากถกูดงึเข้ ามาในกําลงังาน ซง�ึมผีลกระทบกบัความ มน�ัใจของสตรี และการขยายตวัของขบวนการสทิธิสตรี พร้ อมกนันนั � ทนุนยิมกผ็ลิตเคร�ื องใช้ ไฟฟ้ าในบ้ าน เพ�ือลดภาระงานบ้ าน และเพ�ือเพ�ิมการบนัเทิง และคนงานเร�ิ มซอ�ืรถยนตส์ว่นตวัมากขน�ึ แตใ่นกลางทศวรรษ 1970 โลกทนุนิยมกเ็ร�ิ มกลบัสภู่าวะวกิฤต

การปลดแอกอาณานิคม อนิเดีย ในวนัท�ี 15 สงิหาคม 1947 จาวาฮาร์ ลลั เนรู ชกัธงอินเดยีขน�ึเหนือป้ อมแดงในเมือง เดลี เพ�ือประกาศ อสิรภาพจากองักฤษ มนัเป็ นสญ ั ญลกัษณ์ ของการสน�ิสดุยคุแห่งอาณานิคม แตอ่าณานิคมคนผิวขาวยงั หลงอยถู่งึทศวรรษ 1990 ในบางประเทศ เชน่อฟัริ กาใต้ องักฤษไมไ่ด้ ยอมให้ อนิเดยีเป็ นอสิระงา่ยๆ ต้ องมกีารตอ่ส้ ู การตอ่ส้ เู พ�ืออสิรภาพในอนิเดีย เร�ิ มในชว่ง วกิฤตเศรษฐกิจ 1930 มกีารประท้ วงและนดัหยดุงานของคนงานเป็ นแสน อทิธิพลของ พรรคคองเกรส ขยายตวัในชว่งน �ี ซกีซ้ ายของ พรรคคองเกรส ประกอบไปด้ วยคนอยา่ง จาวาฮาร์ ลลั เนรู และ สบุสั ชนัดรา 118


โบส ซง�ึรณรงค์ให้ มกีารลดคา่เชา่และภาษี กบัคนจน และในการเลอืกตง�ั ท้ องถ�ินปี 1937 แม้ แตค่นมสุลิมก็ เลอืกพรรคนเ�ี ป็ นจํานวนมาก แตอ่าํนาจแท้ ใน พรรคคองเกรส อยใู่นมือของฝ่ ายขวา ซง�ึประกอบไปด้ วยนายทนุท�ีใกล้ ชิดกบั มหาตมะ คานธี และในหลายพน�ืทท�ี�ีพรรคคมุอยู่ มกีารออกกฏหมายห้ ามนดัหยดุงาน ซง�ึกลายเป็ นอปุสรรค์ในการ ตอ่ส้ ทู างชนชนั � ผลคือพวกทอ�ียากจะปลกุกระแสเกลยีดชงัทางศาสนาได้ โอกาส โดยทพ�ีวกมสุล�ิมฝ่ ายขวา ไปโทษคนฮินดทูงั � หมดแทนเจ้ าของทด�ีินรายใหญ่ทเ�ีป็ นฮินดู

และพวกฮินดฝู่ ายขวากไ็ ปโทษคนมสุลิม

ทงั � หมดแทนเจ้ าของที�ดนิรายใหญ่ท�ีเป็ นมสุลิม ฯลฯ ในปี 1942 ทา่มกลางสงครามโลก กระแสต้ านองักฤษเพ�ิมขน�ึอย่างรวดเร็ วในการรณรงค์ “ให้ องักฤษ ออกจากอนิเดีย” มกีารประท้ วง นดัหยดุงาน และการตอ่ส้ ดู ้ วยอาวธุ แตอ่งักฤษสามารถปราบได้ ด้ วยความ โหดร้ าย อยา่งไรกต็ามองักฤษเร�ิ มเข้ าใจวา่การปราบปรามจะคมุสถานการณ์ไมไ่ด้ ในระยะยาว จงึหนัมา สร้ างความแตกแยกทางศาสนา โดยประกาศวา่แกนนาํ “พรรคสนันบิาตมสุลิม” เป็ นตวัแทนแท้ ของมสุลิม ทกุคน และมกีารยกอํานาจปกครองท้ องถ�ินในบางพน�ืทใ�ีห้ สนันบิาตมสุลมิ เพ�ือคานอาํนาจพรรคคองเกรส แม้ แตพ่รรคคอมมวินิสตอ์นิเดยี ซง�ึเคยมนีโยบายตอ่ต้ านการแบ่งแยกทางศาสนาและเชอ�ืชาติ ก็หนัมา สนบั สนนุนโยบายขององักฤษ เพราะตอนนนั � พรรคคอมมวินิสต์ให้ ความสําคญ ั กบัการสนบัสนนุองักฤษใน สงครามโลก ตามคาํสง�ัของสตาลนิ ในเดอืนกมุภาพนัธ์ 1946 หลงัสงครามโลกจบลง ทหารเรื ออินเดยีจากทกุเชอ�ืชาตแิ ละศาสนา ร่ วมกนั กบฏตอ่องักฤษ มกีารยดึเรื อ 78 ลาํ และคา่ยทหาร 20 แหง่ พร้ อมกนันนั � นกัศกึษาและคนงานกอ็อกมา ประท้ วงสนบัสนนุ มกีารชกัธงสามสี คอืธงฮนิด(ู สสี้ ม) ธงมสุลิม(สเีขียว) และธงแดง เพ�ือเป็ นสญ ั ญลกัษณ์ แหง่ความสามคัคี แตก่ารตอ่ส้ อู นั สาํคญ ั น �ี ซง�ึถือวา่เป็ นประกายไฟทท�ีําให้ องักฤษตดัสินใจถอนตวัออกจาก อนิเดีย และเป็ นโอกาสทองท�ีจะสร้ างความสามคัคขี้ ามศาสนาและเชอ�ืชาติ ถกูปฏิเสธอยา่งแรงจากผ้ นู ํา คองเกรส โดยเฉพาะ มหาตมะคานธี และแม้ แต่ เนรู กพ็ยายามลดระดบัการตอ่ส้ ู ผลคอืโศกนาฏกรรมของ การแบง่แยกและฆา่ฟั นกนัระหวา่งฮินดกูบัมสุลิม และเมอ�ืมีการกําหนดพรมแดนประเทศอสิระ “อนิเดีย” กบั “ปากสีถาน” ประชาชนผ้ บู ริ สทุธ�ิ ทง�ั ฮินดู ซคี และมสุลมิ ท�ีอยู่ “ผิดฝ�ั ง” เพราะอยมู่าในพน�ืท�ีเป็ นร้ อยๆ พนัๆ ปี กต็้ องถกูฆา่หรื อต้ องอพยพหนีความรุนแรง คาดวา่อาจมคีนตายถงึหนง�ึล้ านคน

119


การแบ่งแยกอนิเดยีกบัปากีสถาน ตามศาสนา มผีลร้ ายกบัทง�ั สองประเทศ เพราะเป็ นการสนบัสนนุ กระแสเกลยีดชงัทางศาสนา สงครามระหวา่งสองประเทศสน�ิเปลอืงทรัพยากรท�ีควรจะมาใช้ พฒ ั นาความ เป็ นอยขู่องคนจน และในปากีสถาน ซง�ึแบง่เป็ นสองซีกท�ีอยู่หา่งกนัหลายร้ อยกิโลเมตร มนันาํไปสกู่าร ปกครองของเผดจ็การทหารและความล้ าหลงั

จีน ในกลางปี ค.ศ. 1949 กองทพัปลดแอกประชาชนของพรรคคอมมวินสิต์จีนยดึเมือง เปย์จิง และกอ่ตงั � สาธารณรัฐ “ประชาชน” จีน กอ่นหน้ านก�ี องทพัของ เหมาเจอ๋ตงุ เร�ิ มจากการรวมตวักนัของคอมมวินสิต์ท�ี รอดตวัจากการเข่นฆา่ของก๊ กมนิตง�ั บวกกบัทหารทไ�ีมเ่ห็นด้ วยกบัเชียงไกเชค ในทศวรรษ 1920 แต่ต้ องมี การ “เดนิทางไกล” 7,000 ไมล์ในชนบท เพ�ือหลบหนกีารปราบปราม ซง�ึทําให้ สญ ู เสยีกําลงัไปเกือบ 90% อยา่งไรกต็ามเมอ�ืญ�ีป่ นุ โจมตีจีนในสงครามโลกครัง�ท�ีสอง มกีารรื อ�ฟื น�กองกาํลงัคอมมิวนสิต์ เพราะกองทพั ก๊ กมนิตง�ั ของ เชียงไกเชค ขาดประสทิธิภาพ ไมม่ีความมน�ัใจในการตอ่ส้ ู และผ้ นู าํ ก๊ กมนิตง�ั สนใจแตจ่ะ กอบโกยความร�ํ ารวยผา่นการคอร์ รับชน�ัและการปล้ นขดูรี ดชาวบ้ าน

สว่นกองทพัคอมมิวนิสต์มจีิตสาํนกึ

เพ�ือก้ ชู าติ และมคีวามพยายามที�จะชว่ยเหลอืคนจน ผา่นนโยบายการลดคา่เชา่ทด�ีนิเป็ นต้ น เม�ือญ�ีป่ นุ แพ้ สงคราม กเ็ กิดสงครามกลางเมอืงขน�ึระหวา่งกองทพั ก๊ กมนิตง�ั และกองทพัคอมมิวนิสต์ และถงึแม้ วา่ก๊ กมินตง�ัมทีหารมากกวา่ และได้ รับการสนบัสนนุด้ วยเงินและอาวธุจากสหรัฐอเมริ กา และ รัสเซยี แตใ่นท�ีสดุต้ องพ่ายแพ้ (สตาลนิตอนนนั � ไมไ่ด้ สนบัสนนุพรรคคอมมิวนิสต์ให้ ยดึอาํนาจเลย แตพ่รรค คอมมวินิสต์จีนไมฟ่ั ง) ชยัชนะของ เหมาเจอ๋ตงุ ในจีน ทําให้ สหรัฐอเมริ กาเกรงกลวัวา่คอมมวินสิต์จะยดึโลก มกีารมองข้ าม ความแตกแยกระหวา่ง สตาลนิ กบั เหมา และในสงครามเกาหลสีหรัฐดเูหมอืนจะบกุข้ ามพรมแดนเกาหลี เพ�ือไปปราบคอมมวินิสต์ในจีน ซง�ึทําให้ จีนสง่กําลงัทหารไปชว่ยเกาหลเีหนือ การปฏิวตัยิดึอาํนาจของพรรคคอมมวินิสตจ์ีน ทําสาํเร็จได้ เพราะพรรคนายทนุจีน (พรรคก๊ กมนิตง�ั) หมด สภาพ และญ�ีป่ ุนพง�ึแพ้ สงคราม กองกาํลงัของพรรคคอมมวินสิต์จีนเป็ นกองกําลงัเกษตรกรรายย่อย ซงึ� นํา แกนนําพรรคคอมมวินิสตท์ี�เป็ นปั ญญาชนชนชนั � กลาง 120


จดุยนืสดุท้ ายของเจ้ าอาณานคิม ชยัชนะของขบวนการก้ ชู าตใินอนิเดยีและจีน

ให้ กําลงัใจกบัขบวนการก้ ชู าตทิว�ัโลก

เชน่ในอลัจีเรี ย

อนิโดนีเซยี มาลายู เคนยา และในอาณานคิมอาหรับของตะวนัตกในตะวนัออกกลาง ชนชนั � กลางทเ�ีป็ น นายทหารชนั � กลาง เร�ิ มวางแผนยดึอาํนาจ ในตอนแรกสนัดานของเจ้ าอาณานิคมฝร�ังเศส องักฤษ และปอร์ ตเุกส นําไปสกู่ารพยายามปราบปราม ขบวนการก้ ชู าตเิหลา่นด�ี้ วยความรุนแรงป่ าเถ�ือน เชน่ในเวียดนาม มาดากสักา อลัจีเรี ย (ในกรณีฝร�ังเศส) หรื อใน มาลายู เคนยา ไซปรัส เอเดน และโรดเีชีย (ในกรณีองักฤษ) หรื อใน แองโกลา โมแซมบีก และ กีนบีิ เซา (ในกรณีปอร์ ตเุกส) แตม่หาอาํนาจตา่งๆ

เร�ิ มค้ นพบวา่การปราบปรามแบบนย�ี�ิงทาํให้ ประชาชนลกุฮือด้ วยความโกรธแค้ น

มากขน�ึ จงึมกีารดดัแปลงเปลย�ีนแผนโดยองั กฤษและฝร�ังเศส คอืนอกจากจะปราบพวกทก�ีบฏตอ่ตะวนัตก แล้ ว

มกีารหนัมาสนบัสนนุและแตง่ตง�ั ผ้ นู าํพน�ืเมืองฝ่ ายขวาท�ี

“ไว้ ใจได้ ”

วา่จะปกป้ องผลประโยชน์

มหาอาํนาจรัฐอสิระ หลงัจากนนั � ก็มกีารประกาศยกเอกราชให้ เชน่ในตะวนัออกกลาง มาลายู ไซปรัส เคนยา เวยีดนาม และอลัจีเรี ย การประนปีระนอมแบบนข�ี องรัฐบาลฝร�ังเศสในอลัจีเรี ย

สร้ างความไมพ่อใจในหมนู่ายทหารฝ่ ายขวา

บางสว่นทพ�ียายามทํารัฐประหารและกอ่ตงั � หนว่ยก่อการร้ ายลบั OAS แตล่้ มเหลวในท�ีสดุ ปอร์ ตเุกสเป็ นประเทศทพ�ียายามคมุอาณานิคมจนวินาทีสดุท้ าย แตต่้ องยอมจํานนเมอ�ืทหารเกณฑ์ใน ปอร์ ตเุกสกบฏ เพราะไมอ่ยากปราบปรามคนในอาณานิคมตอ่ไป และในทส�ีดุมกีารปฏิวตัลิ้ มระบบเผดจ็ การฟาสซสิตป์อร์ ตเุกสในปี 1974 การถอนตวัออกจากอาณานิคมของมหาอํานาจยโุรป

เป็ นปรากฏการณ์สาํคญ ั สาํหรับประวตัศิาสตร์

เพราะต้ องมกีารยอมรับวา่อํานาจโลกไมไ่ด้ อยใู่นมือของชนชนั � ปกครองยโุรปอีกตอ่ไป

อยา่งไรก็ตามการ

สน�ิสดุของ “ยคุอาณานิคม” ไมไ่ด้ แปลวา่ “จกัรวรรดนิ​ิยม” สน�ิสดุลงแตอ่ยา่งใด

121


นํา�มันและเลือด นา�ํมนัในตะวนัออกกลางเป็ นส�ิงทจ�ีกัรสรรดนิ​ิยมต้ องการควบคมุเป็ นอยา่งย�ิงในปลายศตวรรษท�ี 20 และใน สงครามโลกครัง�ท�ีหนง�ึ องักฤษทําข้ อตกลงกบัผ้ ปู กครองเมอืง เมกกะ ช�ือ ชาริ ฟ ฮเุซน เพ�ือยใุห้ กบฏตอ่ อาณาจกัรเตอร์ กี โดยท�ีองักฤษสญ ั ญาวา่เขาจะได้ ครองพน�ืทอ�ีาหรับทงั � หมด รวมถงึปาเลสไตน์ด้ วย แตใ่น ขณะเดยีวกนัองักฤษสญ ั ญากบัพวก “ไซออนนิสต”์ วา่จะยกปาเลสไตน์ให้ คนยิวจากยโุรป เพราะองักฤษ อยากให้ ไซออนนิสต์ เป็ นตวัป่ วนและสร้ างอปุสรรคก์บัการปลดแอกตนเองของชาวอาหรับ ทงั � นเ�ี พราะ องักฤษกลวัวา่ชาวอาหรับจะยดึคลองซุเอส ซง�ึเป็ นเส้ นทางคมนาคมท�ีสาํคญ ั และจะเอานา�ํมนัในพน�ืทข�ีอง ตนเองมาเป็ นทรัพยากรของชาติ แทนท�ีจะให้ บริ ษัทตา่งชาตคิรอบครอง การใช้ นโยบายหน้ าไหว้ หลงัหลอกขององักฤษ ทําให้ บริ ษัทนา�ํมนัองักฤษยดึนา�ํมนัของอริักและอหิร่ าน ได้

แตใ่นท�ีสดุสร้ างปั ญหาให้ องักฤษเอง

เพราะการท�ีชาวยิวลทัธิไซออนนสิต์เข้ ามากวาดซอ�ืท�ีดนิใน

ปาเลสไตน์ ทําให้ เกษตรกรรายยอ่ยท�ีอาศยัอยเู่ดิมถกูไลอ่อกไป เกิดความไมพ่ อใจอย่างย�ิงในหมคู่นอาหรับ นอกจากนช�ี าวยิวท�ีอพยพเข้ ามาจากยโุรป เพ�ือหนีการกดข�ีเขน่ฆ่าในสงครามโลก ถกูผ้ นู ําทางการเมอืง บงัคบัให้ กดข�ีเขน่ฆา่ชาวปาเลสไตน์ เหมอืนท�ีตวัเองเคยถกูกระทําจากคนอน�ื และเมอ�ืองักฤษเร�ิ มจํากดั จํานวนคนยิวท�ีจะเข้ ามาในปาเลสไตน์ องักฤษกโ็ ดนโจมตจีากทงั � คนอาหรับและคนยวิ รัฐบาลองักฤษแก้ ปั ญหาสาํหรับตนเอง โดยการถอนตวัออกจากปาเลสไตน์ และปลอ่ยให้ กองกําลงัไซ ออนนิสตย์ดึพน�ืทจ�ีํานวนมาก โดยเขน่ฆา่ชาวบ้ านปาเลสไตน์อย่างโหดร้ ายป่ าเถ�ือน ในท�ีสดุมีการสถาปนา “รัฐอสิราเอล” ขน�ึ เพ�ือดแูลผลประโยชน์ตะวนัตก โดยท�ีมหาอาํนาจตา่งๆ รวมถงึรัสเซยีสนบัสนนุ รัสเซยี ตอนนนั � สนบัสนนุอสิราเอล เพราะอยากมสีว่นในการควบคมุตะวนัออกกลางด้ วย การตง�ั รัฐอสิราเอลทําให้ ชาวปาเลสไตนจํานวนมากกลายเป็ นผ้ หู ลภ�ียัทต�ี้ องจากบ้ านเกิดไป สว่นในพน�ืท�ีแหลง่นา�ํมนัของตะวนัออก กลาง องักฤษสนบัสนนุกษัตริ ย์หนุ่เชิด เชน่ใน อริัก จอร์ แดน และอยีิปต์ ให้ ดแูลผลประโยชน์ขององักฤษ ในไมช่้ าอสิราเอลกลายเป็ น “สนุขัเ ้ฝาพน�ืทต�ีะวนัออกกลาง” ให้ ตะวนัตก โดยเฉพาะสหรัฐ แต่ สถานการณ์นไ�ี มไ่ด้ สร้ างความสงบแตอ่ยา่งใด

หลงัจากทก�ีองทพักษัตริ ย์อาหรับพา่ยแพ้ สงครามแรกกบั

อสิราเอลเพราะไร้ ประสทิธิภาพ มกีารกบฏของนายทหารหนมุ่ช�ือ อบัดลุ นสัเซอร์ เพ�ือยดึอาํนาจและล้ ม กษัตริ ย์หนุ่เชิดในอียปิต์ หลงัจากนนั � นสัเซอร์ กป็ระกาศวา่คลองซเุอส ซง�ึอย่ใู นดนิแดนอียิปต์จะต้ องเป็ น 122


ของรัฐอยีิปต์ ไมใ่ชข่องตะวนัตก คาํประกาศนท�ีําให้ องักฤษ ฝร�ังเศส และอสิราเอล บกุอียิปต์ในเดอืน พฤศจิกายน 1956 การบกุอียิปต์ขององักฤษ ฝร�ังเศส และอสิราเอลครัง�น �ี ถกูปฏิเสธโดยสหรัฐด้ วยการขอู่งักฤษวา่จะงดเงนิ ชว่ยเหลอืเศรษฐกิจองักฤษ ซง�ึตอนนนั � องักฤษยงัออ่นแออยหู่ลงัสงครามโลก ดงันนั � การผจญภยัขององักฤษ ฝร�ังเศส และอสิราเอล ล้ มเหลวโดยสน�ิเชิง และเปิ ดโอกาสให้ สหรัฐเข้ ามามอีทิธิพลในพน�ืท�ีตะวนัออกกลาง แทนองักฤษ สหรัฐทาํงานอย่างใกล้ ชิดกบั อสิราเอล โดยให้ เงนิช่วยเหลอืทางทหารมหาศาล ในขณะเดยีวกนัสหรัฐ กลายเป็ นผ้ อู ปุถมัภ์ผ้ นู ําอาหรับ เชน่ กษัตริ ย์ซาอุ กษัตริ ย์ชาร์ ในอหิร่านท�ีล้ มรัฐบาลประชาธิปไตยในปี 1953 และนายทหารช�ือ สะดมั ฮเุ ซน ในอริักที�ยดึอํานาจในปี 1962 สหรัฐประสบผลสาํเร็ จในการควบคมุนา�ํมนัตะวนัออกกลางผ่านการสนบัสนนุผ้ นู ําเหลา่น �ี และผ่านการ ยยุงให้ ประเทศตา่งๆ ทะเลาะกนั เพ�ือแบง่แยกและปกครอง ซงึ� นําไปสสู่งครามระหวา่งอาหรับกบัอสิราเอล ในปี 1967 และ1973 สงครามกลางเมอืงในเลบานอนในปี 1976 สงครามระหวา่งอริักกบัอหิร่านปี 1980 สงครามระหวา่งอสิราเอลกบัเลบานอนปี 1982 และ2006 การถล่มกาซาโดยอสิราเอลปี 2008 และสงคราม ของสหรัฐกบัองักฤษในอริักปี 1991 และ2003

อกีด้ านหน� ึงของกระจก - ซีกของรั สเซีย รู ปแบบเศรษฐกจิ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ในรัสเซยี เป็ นรูปแบบระบบทนุนิยมที�โหดร้ ายทารุณ และกดขี�ขดูรี ด แรงงานเพ�ือสะสมทนุ แตใ่นอกีด้ าน มนัทําให้ เศรษฐกิจรัสเซยีขยายตวัเร็ วกวา่ท�ีอน�ืทกุท�ี ยกเว้ นญ�ีป่ นุ และมี การใช้ รู ปแบบการพฒ ั นาเศรษฐกิจแบบนใ�ี นประเทศอน�ืๆ ของยโุรปตะวนัออก การขยายตวัของเศรษฐกิจในพน�ืทย�ีโุรปตะวนัออกท�ีรัสเซยีควบคมุ เร�ิ มทําให้ ประชาชนบางสว่นพงึพอใจ และมองอนาคตด้ วยความหวงัมากขน�ึ

และการใช้ รัฐเพ�ือระดมทนุและพฒ ั นาประเทศ

แทนทจ�ีะใช้

บริ ษัทเอกชนเลก็ๆ และรอให้ ขยายตวัเป็ นบริ ษัทใหญ่ กลายเป็ นรูปแบบการพฒ ั นาในประเทศด้ อยพฒ ั นา ทว�ัโลก เชน่อินเดยี เกาหลใีต้ จีน อียปิต์ ซเิรี ย อริัก อลัจีเรี ย ไต้ หวนั และหลายประเทศของลาตนิอเมริ กา ประเดน็นส�ีําคญ ั เพราะหลงัการลม่สลายของระบบเผดจ็การคอมมวินสิต์ปลายทศวรรษ

1980

มนีกั 123


เศรษฐศาสตร์ จํานวนมากท�ีต้ องการบิดเบือนประวตัศิาสตร์ เพ�ือ “พิสจูน์” วา่กลไกตลาดเสรี มปีระสทิธิภาพ เหนือการใช้ รัฐเสมอ อย่างไรก็ตาม “ทนุนิยมโดยรัฐ” กม็ีข้ อจํากดัในการพฒ ั นา ไมต่า่งจากทนุนิยมรู ปแบบอน�ืๆ

ค.ศ. 1956 ในยโุรปตะวนัออก สตาลนิ ตายในปี 1953 และการตายของผ้ นู ําเผดจ็การอยา่ง สตาลนิ มกันําไปสกู่ารทบทวนครัง� ย�ิงใหญ่ของ ชนชนั � ปกครอง ในรัสเซียสาเหตสุาํคญ ั มาจากการทช�ีนชนั � ปกครองทราบดวีา่ในสงัคมทว�ัไป มคีวามไมพ่อใจ สะสมอยู่ ซง�ึอาจระเบิดออกมาได้ นอกจากนใ�ี นแวดวงชนชนั � ปกครองมคีวามเกรงกลวัวา่ ใครสกัคนหนง�ึจะ ชิงตาํแหน่งและขน�ึมาเป็ นเผดจ็การเบด็เสร็จใหมแ่ ทน สตาลนิ อนันค�ีอืสาเหตทุห�ีวัหน้ าตาํรวจลบัของ สตา ลนิ โดนประหารชีวิตหลงัการประชมุแกนนําพรรคคอมมวินิสต์ ในเดอืนกมุภาพนัธ์ปี 1956 ในการประชมุครัง�ท�ี 20 ของพรรค เลขาธิการพรรคคอมมวินิสต์ ครุสชอฟ ตดัสนิใจเปิ ดโปงความชว�ัร้ ายหลายอยา่งของ สตาลนิ เพ�ือเพ�ิมอทิธิพลและความน�ัคงของตนเอง และคํา ปราศรัยครัง�น �ี มผีลกระทบไปทว�ัโลก กอ่นหน้ านใ�ี นเดือนมถินุายน 1953 ไมก่�ีวนัหลงัจากท�ี สตาลนิ ตาย มกีารกบฏลกุฮือครัง�ใหญ่ท�ีเยอรมนั ตะวนัออก ซง�ึเร�ิ มจากการประท้ วงนดัหยดุงานของกรรมกรกอ่สร้ าง คนทเ�ีข้ าร่ วมกบฏจํานวนมาก เป็ นอดตี นกัส้ ฝู ่ ายซ้ ายเยอรมนัตงั � แตส่มยัหลงัสงครามโลกครัง�ทห�ีนง�ึ แตใ่นทส�ีดุรัสเซยีสง่ทหารและรถถงัเข้ าไปปราบ หลงัจากนนั � ไมน่าน ในคา่ยแรงงานทาสท�ี วอร์ คตุา ในรัสเซยี มีการนดัหยดุงานโดยนกัโทษ 250,000 คน และทง�ั ๆ ท�ีมกีารประหารชีวติแกนนํา ในสองปี หลงัจากนนั � มกีารปลอ่ยตวันกัโทษที�ถกูใช้ เป็ นแรงงานทาส เกือบหมด แรงงานทาสอาจเหมาะกบัการสะสมทนุในชว่งแรกๆ ของทนุนยิมสหรัฐ หรื อ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ของ รัสเซยี แตม่นักลายเป็ นอปุสรรค์หลงัจากนนั �

124


หลงัคาํปราศยัของ ครุสชอฟ ในปี 1956 เกิดการนดัหยดุงานทว�ัไปในเมอืง พอสแนน ประเทศโปแลนด์ และทง�ั ๆ ทร�ีัฐบาลปราบได้ มนัเกิดการลกุฮือในสว่นอน�ืของประเทศ ในทส�ีดุมกีารนําผ้ นู ําพรรคคอมมวินิสต์ “สายปฏิรูป” ช�ือ กอมลุคา ท�ีเคยตดิคกุ ขน�ึมาเพื�อควบคมุสถานการณ์ ในฮงัการ�ี สถานการณ์ ไปไกลกวา่มาก คนงานและนกัศกึษาจํานวนมากเร�ิ มเดินขบวน และทาํลายรู ปปั น� สตาลนิ ในเมือง บดูาเพช มกีารพยายามยดึสถานีวิทยุ ซง�ึทําให้ เกิดการปะทะกบัตํารวจตดิอาวธุ คนงาน จํานวนมากยดึปื นจากสมาคมเลน่ปื นในโรงงาน และชกัชวนให้ ทหารเกณฑ์เปลย�ีนข้ าง ในไมช่้ าเมอืงตา่งๆ ของฮงัการ�ี อยใู่นมอืของ “คณะกรรมการโรงงาน” และ “คณะกรรมการปฏิวตั”ิ ปิ เตอร์ ฟไรเอร์ นกัขา่วจาก หนงัสอืพิมพ์พรรคคอมมวินสิต์องักฤษ ทไ�ีปสงัเกตการณ์ รายงานวา่ “สภาพไม่ตา่งจากรสัเซี ยสมยัปฏิ วตัิ 1917 เพราะมีสภาคนงานทีเ�ลื อกตง�ัจากสถานทีท�ํางานทว�ัประเทศ” รัฐบาลฮงัการ�ี แตง่ตง�ั ผ้ นู ําสายปฏิรูปช�ือ เนกี เพ�ือพยายามแก้ ปั ญหาตามสตูรโปแลนด์ แตร่ัสเซยีสง่ กองทพัพร้ อมรถถงัเข้ ามาปราบการกบฏ มกีารส้ รู บกนัอยา่งหนกั โดยท�ีรัฐบาลแท้ ของฮงัการี กลายเป็ น “คณะกรรมการกลางกรรมาชีพเมืองบดูาเพช” แตใ่นท�ีสดุกองทพัรัสเซยีได้ ชยัชนะและประหารชีวติแกนนํา กรรมาชีพ 350 คน ในขณะท�ีรัสเซยีทําสงครามกบัคนงานและประชาชนฮงัการ�ี องักฤษ ฝร�ังเศส และอสิราเอลกาํลงัทาํ สงครามกบัอยีปิตเ์พ�ือยดึคลองซเุอส ตา่งฝ่ ายจงึไมค่อ่ยสนใจอยา่งจริ งจงัวา่ใครทําอะไร ทงั � ๆ ท�ีมกีาร ประโคมขา่วที�สอดคล้ องกบัจดุยนืตนเองในสงครามเยน็ ฝ่ ายรัสเซยีบอกวา่คนงานฮงัการ�ี ท�ีลกุฮือเป็ นเพียง “สายลบั” ของตะวนัตก และรัฐบาลตะวนัตกโกหกวา่ คนงานฮงัการ�ี ต้ องการ “ทนุนิยมประชาธิปไตยแบบตะวนัตก” ในความเป็ นจริ ง แกนนําคนงานฮงัการ�ี ใน “คณะกรรมการกลางกรรมาชีพเมืองบดูาเพช” ต้ องการสงัคมนิยมแท้ ที�ปราศจากเผดจ็การแบบสตาลนิ และมกีารออกแถลงการณ์ ตอ่ต้ านการคนือาํนาจให้ นายทนุ เจ้ าของท�ีดิน และนายธนาคาร การปฏิวตัฮิงัการ�ี ซง�ึเป็ นการปฏิวตัขิองคนงานเพ�ือสงัคมนิยมแท้ เปิ ดโปงลกัษณะจริ งของเผดจ็การสตา ลนิ และเปิ ดโปงการโกหกของฝ่ ายตะวนัตกทพ�ียายามเสนอวา่ การตอ่ส้ ขู องคนงานเพ�ือสงัคมนิยม “ย่อม นําไปสเู่ผดจ็การสตาลนิ” และทงั � สองฝ่ ายในสงครามเย็นพยายามปกปิ ดประวตัศิาสตร์ ฉากน �ี

ในฮงัการ�ี

การพดู ถงึการปฏิวตัใินแงด่กีลายเป็ นเร�ื องผิดกฏหมายจนถงึปี 1989

125


การปฏวิัตคิวิบา สหรัฐอเมริ กามปีระเทศบริ วารของตนเอง ไมต่า่งจากรัสเซยี เชน่ในลาตนิอเมริ กา คาริ เบย�ีน และเอเชีย (รวมถงึไทย) ประเทศเหลา่นป�ีกครองโดยชนชนั � นําเผดจ็การคอร์ รับชน�ั บอ่ยครัง�กลมุ่ชนั � นําประกอบไปด้ วย นายทหาร เจ้ าทด�ีนิรายใหญ่ และนกัเลงทางการเมอืง ท�ีไมไ่ด้ มฐีานเสยีงสนบัสนนุจากประชาชนเลย แต่ พร้ อมจะปราบปรามฝ่ ายตรงข้ ามเสมอ

ความเปราะบางและความออ่นแอของชนชนั � นาํประเทศเหลา่น �ี

หมายความวา่เขาต้ องพง�ึพาอาํนาจของสหรัฐและซไีอเอ แตใ่นอกีด้ านหนง�ึ มนัทาํให้ การกบฏเกิดขน�ึง่าย และอาจสาํเร็ จถ้ าสหรัฐไมแ่ทรกแซง ในปี 1959 เกาะควิบาในทะเล คาริ เบย�ีน ปกครองโดยเผดจ็การ บาทิสตา ในสมยันนั � ควิบาเป็ น ศนูย์กลางของพวกมาเฟี ยในทวีปอเมริ กา และขน�ึชื�อวา่เป็ นแหลง่บริ การทางเพศ

รัฐบาลโกงกินของ

บาทสิตา ไมม่ีความสามารถในการพฒ ั นาประเทศเลย ซง�ึทง�ั หมดนท�ีําให้ รัฐบาลหมดความชอบธรรมใน สายตาคนสว่นใหญ่ และแม้ แตใ่นสายตาสหรัฐเอง กอ่นหน้ านใ�ี นปี 1956 กองกําลงัทหารปลดแอกชาตขิอง คสัโตร กบั เช กวุารา ขน�ึบกทเ�ีกาะควิบา แต่ โดนปราบจนเหลอืแค่ 20 คนที�ซอ่นตวัในป่ าเขา ตอ่มาในปี 1958 มกีารเพ�ิมจํานวนนกัส้ เู ป็ น 200 และในวนั ปี ใหมป่ี 1959 สามารถยกทพัมายดึเมอืง ฮาวานา ได้ สาเหตทุก�ีองกําลงัเลก็ ๆ นไ�ี ด้ รับชยัชนะกเ็พราะ เกือบจะไมม่ใีครเหลอือยใู่นคิวบาท�ีสนบัสนนุรัฐบาล สภาพเศรษฐกิจของควิบาหลงัจากการยดึอาํนาจของ คสัโตร กบั เช กวุารา อยใู่นสภาพยา�ํแย่ และ รัฐบาลไมส่ามารถเอาใจทกุฝ่ ายในสงัคมได้ ทงั � ๆ ทต�ีอนแรกเกือบทกุชนชนั � สนบัสนนุรัฐบาลใหม่ หนง�ึปี คร�ึง หลงัการยดึอาํนาจบริ ษัทนา�ํมนัสหรัฐไมย่อมกลน�ันา�ํมนัราคาถกูจากรัสเซียให้ ควิบา คสัโตร จงึยดึบริ ษัท นา�ํมนัมาเป็ นของรัฐ สหรัฐโต้ ตอบด้ วยการเลกิสญ ั ญาซอ�ืนา�ํตาล ซง�ึเป็ นสนิค้ าสง่ออกหลกัของควิบาท�ีสหรัฐ เคยซอ�ืแบบผกูขาด รัฐบาล คสัโตร เลยยดึโรงงานนา�ํตาล โรงไฟฟ้ า และบริ ษัทโทรศพัท์มาเป็ นของรัฐและ หนัมาผกูมติรและพง�ึพารัสเซียแทน ในเมษายน 1961 ประธานาธิบดี เคนนาดี สง�ัให้ องค์กร ซไีอเอ จดัการบกุคิวบา ท�ี “อา่วหม”ู พร้ อมสง่ เคร�ื องบินทง�ิระเบิดไปทาํลายสนามบินตา่งๆ แตป่ระสบความล้ มเหลวโดยสน�ิเชิง เพราะประชาชนควิบา ออกมาตอ่ส้ ปู กป้ องรัฐบาล หลงัจากนนั � สองพ�ีน้ อง เคนนาด �ี กย็งัพยายามทาํลาย คสัโตร ตอ่ แตไ่มเ่คย สาํเร็ จ 126


ตอ่มาในปี 1962 รัสเซยีพยายามนําจรวดตดิหวันิวเคลยีร์ มาประจําบนเกาะ เพ�ือเลงไปทเ�ีมอืงตา่งๆ ของ สหรัฐ เพราะสหรัฐก็มจีรวดนวิเคลยีร์ ในยโุรปท�ีเลงไปทเ�ีมอืงของรัสเซยี แตป่ระธานาธิบดี เคนนาดี ไมย่อม และพร้ อมจะกดป่ มุ เร�ิ มสงครามโลกครัง�ท�ีสาม ซง�ึถ้ าเกิดขน�ึจริ ง จะเป็ นสงครามนิวเคลียร์ ท�ีทําลายสว่นใหญ่ ของโลก ในท�ีสดุ ครุ สชอฟ ยอมจํานน แตม่ตขิองเขาเกอืบไมผ่า่นการประชมุคณะกรรมการการเมอืงของ รัสเซยี ทง�ั ๆ ที�ผ้ นู าํควิบาผิดหวงักบัการยอมจํานนของรัสเซีย เพราะเขาหวงัวา่การมจีรวดนวิเคลยีร์ จะนําไปสู่ การมอี าํนาจตอ่รองกบัสหรัฐ และการพฒ ั นาเศรษฐกิจ แตเ่ขากท็ ําอะไรไมไ่ด้ เพราะเขาพง�ึพารัสเซยี ในระยะแรกๆ หลงั “วิกฤตจรวดควิบา” คนอยา่ง เช กวุารา พยายามเสนอแนวทาง “ปฏิวตัสิากล” ใน คองโก และ โบลเิวยี เพ�ือให้ ควิบาไมต่้ องพง�ึพาใคร แต่ เช กวุารา พยายามใช้ รูปแบบการปฏิวตัขิองควิบา ซง�ึไมไ่ด้ อาศยัมวลชน ในท�ีอ�ืนท�ีขาดสถานการณ์พิเศษของคิวบา ในควิบารัฐบาลเดิมหมดความชอบธรรม ในสายตาทกุฝ่ าย แตท่�ี คองโก และโบลเิวีย มนัไมไ่ด้ เป็ นอยา่งนนั � ในทส�ีดุการตอ่ส้ ขู อง เช กวุารา จบลงด้ วย ความพา่ยแพ้ และความตายในโบลเิวยี

สงครามเวียดนาม เวียดนามถกูแบ่งแยกระหวา่งเหนือกบัใต้ ตามสตูรสงครามเย็น เมอ�ืฝร�ังเศสพา่ยแพ้ สงครามกบัขบวนการก้ ู ชาตเิวียดมนิห์ ท�ี เดียนเบียนฟู ในยคุนนั � สตาลนิ และเหมาเจอตงุ กดดนัพรรคคอมมวินิสตเ์วยีดนามให้ ยอมรับการแบง่ประเทศ ทงั � ๆ ทม�ีอีาํนาจพอท�ีจะยดึประเทศได้ มกีารตกลงกนัวา่จะมกีารเลอืกตง�ั ทว�ั ประเทศเพื�อแก้ ปั ญหาในอนาคต ทางใต้ ของเวยีดนามสหรัฐ ซง�ึเคยเป็ นท่อนา�ํเลย�ีงเงินทนุและอาวธุให้ ฝร�ังเศส กเ็ข้ ามาจดัตง�ั รัฐบาลเผดจ็ การที�ตอ่ต้ านคอมมวินิสต์ แตป่ระชาชนไมพ่อใจกบัเผดจ็การ สว่นหนง�ึเข้ าไปเป็ นกองกําลงั “เวียดกง” ใน ชนบทและในเมอืง และอกีสว่นหนง�ึประท้ วง เช่นพระสงฆ์ศาสนาพทุธท�ีเผาตวัตายเป็ นต้ น ในชว่งแรกสองพ�ีน้ อง เคนนาดี ท�ีคมุรัฐบาลสหรัฐ มน�ัใจวา่จะสกดักนั � ไมใ่ห้ คอมมวินิสตย์ดึอํานาจได้ เพ�ือไมใ่ห้ เวียดนามกลายเป็ น “ควิบาทส�ีอง” ในไมช่้ า“ทหารที�ปรึกษา” 400 นายทเ�ีคยถกูสง่ไปชว่ยเผดจ็การ เวียดนามใต้ ขยายตวัเป็ นทหารหลายแสนนาย และการทง�ิระเบิดอยา่งโหดร้ ายป่ าเถ�ือนโดยกองทพัอากาศ 127


สหรัฐ แตส่งครามเวยีดนามไมเ่หมอืนสงครามเกาหลี ท�ีมีกองทพั “ทางการ” ของรัฐบาลสองฝ่ ายเผชญ ิ หน้ า กนั เพราะในเวียดนาม กองกําลงัหลกัทส�ี้ กู บัสหรัฐเป็ นกองกําลงัอาสาสมคัรของประชาชนเวยีดนามใต้ (ช�ือ “เวียดกง” หรื อแนวร่วมก้ ชู าต)ิ เวียดกงมกัจะใช้ วธิีซมุ่ ยงิแล้ วถอย และรัฐบาลเวยีดนามเหนือไมม่ีทางเลอืก นอกจากจะสนบัสนนุกองกําลงัน �ี กองทพัสหรัฐคมุพน�ืท�ีนอกฐานทพัไมไ่ด้ และในการรุ กส้ ใู นวนัตรุ สเวยีดนามปี 1968 เกือบจะคมุฐานทพั ของตนเองไมไ่ด้ อกีด้ วย คา่ใช้ จา่ยทางทหารของสหรัฐเพ�ิมขน�ึ 30% จนนายทนุสหรัฐเร�ิ มไมพ่อใจ และใน ท�ีสดุสงัคมสหรัฐแตกเป็ นเสย�ีงๆ เมอ�ืคนหนุ่มสาวออกมาประท้ วงตอ่ต้ านสงคราม

จนี จากการก้ าวกระโดดครั ง�ย�งิ ใหญ่ ส่ ูการนาํกลไกตลาดมาใช้ ภาพของประเทศจีนในทศวรรษ 1950 และ1960 จากสายตาสหรัฐ คอืภาพของ “ปี ศาจแดง” ท�ีกาํลงั พยายามเผยแพร่ ลทัธิคอมมิวนิสตส์สู่ว่นอน�ืๆ ของเอเชีย การมองจีนแบบนช�ีว่ยสนบัสนนุการทําสงคราม ของสหรัฐในเวยีดนาม แตม่นัเป็ นภาพท�ีมองข้ ามความขดัแย้ งระหวา่งจนี กบัรัสเซยี ซง�ึรุ นแรงขน�ึทกุวนั สว่นภาพที�ผ้ นู าํพรรคคอมมวินสิต์จีนพยายามวาด เกษตรกรรายยอ่ยที�พงึพอใจกบัสงัคมใหม่

เป็ นภาพของประเทศทเ�ีตม็ไปด้ วยรอยยม�ิของ

แตน่ นั � กเ็ ป็ นภาพจอมปลอมท�ีมองข้ ามความยากจนของ

เกษตรกร และความลาํบากของชีวติคนธรรมดา ทงั � ในเมอืงและชนบท นโยบายของพรรคคอมมวินิสตเ์มอ�ืยดึอาํนาจได้ คอืนโยบายท�ีคงไว้ โครงสร้ างเก่าบางสว่น เชน่การคงไว้ เจ้ าหน้ าท�ีรัฐเกา่ของพรรคก๊ กมนิตง�ั และการยดึอตุสาหกรรมทย�ีงัไมไ่ด้ ถกูก๊ กมนิตง�ัยดึมาเป็ นของรัฐ โดย จา่ยเงินปั นผลให้ นายทนุเดมิ ซง�ึแปลวา่ใน “จีนแดง” ยงัมเีศรษฐี นโยบายดงักลา่วทําให้ เศรษฐกจิขยายตวั ได้ บ้ าง แตถ่้ าจีนจะพฒ ั นาให้ ทนัตะวนัตกหรื อรัสเซยีต้ องมีมาตรการอน�ื ในปี 1958 เหมาเจ๋อตงุ สามารถผลกัดนันโยบาย “ก้ าวกระโดดครัง�ยิ�งใหญ่” เพ�ือเร่ งพฒ ั นาอตุสาหกรรม จีน ทงั � ๆ ท�ี เตง�ิเสย�ีวผิง และหลวิเซา่ฉี คดัค้ าน นโยบายก้ าวกระโดดนอ�ีาศยัการยดึที�ดนิจากเกษตรกรราย ยอ่ย และบงัคบัให้ ย้ ายไปทาํงานในโรงงาน หรื อบงัคบัให้ ไปทํานารวม ในสองปี แรกดเูหมอืนมกีารขยายตวั ทางเศรษฐกิจ 30% แตใ่นปี 1960 ความจริ งกป็รากฏออกมา เพราะคณ ุ ภาพการผลติในโรงงานตา่งๆ แย่ มาก และการบงัคบัทาํนารวม ทําให้ เกษตรกรไมพ่อใจและผลผลติลดลง จนมคีนอดอาหารตายหลายล้ าน 128


คน สรุปแล้ วการพฒ ั นาเศรษฐกิจ ผา่น “พลงัจิตใจ” ของ เหมาเจ๋อตงุ ในการ “ก้ าวกระโดดครัง�ยิ�งใหญ่” ไม่ สามารถแก้ ปั ญหาท�ีมาจากความล้ าหลงัทางวตัถขุองจีน ซง�ึเป็ นมรดกจากจกัรวรรดินิยม แกนนําพรรคคอมมวินิสต์เข�ีย เหมา ออกไปและหนัมาขยายเศรษฐกิจด้ วยความระมดัระวงั แตผ่ลแย่ กวา่เดมิ ในปี 1966 เหมาเจอ๋ตงุ หลินเปี ยว และเชียงชิง(ภรรยาเหมา) สามารถยดึอาํนาจใหมผ่า่นการ ประกาศ “ปฏิวตัวิฒ ั นธรรมโดยชนชนั � กรรมาชีพ” แตก่ารรณรงค์ท�ีเกิดขน�ึไมใ่ชก่ารปฏิวตั ิ และไมไ่ด้ ทําโดย กรรมาชีพเลย มนัเป็ นการพยายามกําจดัคแู่ข่งของ เหมา ในแกนนาํพรรคตา่งหาก โดยใช้ ข้ ออ้ างวา่พวกน �ี ยงัมีความคดิแบบวฒ ั นธรรมเกา่ๆ มกีารผลกั เตง�ิ เส�ียวผิง และหลวิเซา่ฉี ออกไป และใช้ หนมุ่สาวในกอง “การ์ ดแดง” เพ�ือกลน�ัแกล้ งเจ้ าหน้ าทร�ีะดบัลา่ง เชน่ ครู นกัเขียน นกัขา่ว และนกัแสดง โดยเฉพาะคนท�ีถกู กลา่วหาวา่ไมจ่งรักภกัดีตอ่ “ทา่นประธานเหมา” แตท่ ี�นา่สนใจคอื เหมา ออกคาํสง�ัวา่การ์ ดแดงจะต้ องไมไ่ป ยงุ่กบัอาํนาจกองทพัหรื อตาํรวจ ในแงห่นง�ึ เหมา สามารถฉวยโอกาสใช้ ความไมพ่อใจทค�ีนหนุ่มสาว กรรมาชีพ และคนระดบัลา่ง มตีอ่ พวกข้ าราชการพรรคคอมมิวนิสตท์�ีเร�ิ มเสพสขุในขณะท�ีคนอ�ืนยากลาํบาก บางสว่นของกระแสนพ�ียายาม ค้ นหาทางท�ีจะกลบัสู่

“สงัคมนิยมแท้ ”

และคนเหลา่นนั � สามารถสง่ตอ่มรดกไปสกู่ระแส

“กําแพง

ประชาธิปไตย” ในทศวรรษ 1970 เหมา และพรรคพวกปลกุกระแส “การ์ ดแดง” ขน�ึมาแล้ ว แตไ่ มส่ามารถควบคมุมนัได้ เกิดการปะทะกนั ระหวา่งกองกําลงัการ์ ดแดงท�ีเป็ นคแู่ขง่กนั จน เหมา ต้ องสง�ัให้ กองทพัเข้ าไปจดัการปราบปราม ในท�ีสดุมี การสง่คนหนมุ่สาวจํานวนมากไปลงโทษในชนบทด้ วยการทํางานหนกั ในปี 1970 หลนิเปี ยว คหู่ขูอง เหมา พยายามขน�ึเคร�ื องบินหนอ�ีอกนอกประเทศทา่มกลางข่าวลอืเร�ื อง รัฐประหารท�ีล้ มเหลว แตเ่คร�ื องบินตกใกล้ ชายแดนรัสเซยี อาํนาจชว�ัคราวตกอยใู่นมือ โจวเอนิไหล ซง�ึนํา เตง�ิ เส�ียวผิง กลบัมา แตม่กีารแยง่อาํนาจตอ่โดยกลมุ่ “แก๊ งส�ีคน” ภายใต้ การนําของ เชียงชิง อยา่งไรก็ตาม พวกนข�ีาดเสยีงสนบัสนนุ และเสยีอาํนาจไปเม�ือ เหมาเจ๋อตงุ ตายในปี 1976 ในยคุนนั � ฝ่ ายซ้ ายสว่นหนง�ึทว�ัโลก ปลม�ืกบัการปฏิวตัวิฒ ั นธรรมและหนงัสือปกแดงของ เหมาเจ๋อตงุ และมกีารอ้ างประโยคไร้ สาระ ท�ีมาจากความคดิเหมา ในหนงัสือปกแดง ยงักบัวา่มนัเป็ นคมัภีร์ อนัย�ิงใหญ่ ท�ีแนะแนวการตอ่ส้ สู าํหรับนกัสงัคมนยิม แตใ่นความเป็ นจริ ง ในปี 1972 ขณะท�ีสหรัฐกําลงัถลม่เวยีดนาม

129


เหมาเจ๋อตงุ กต็้ อนรับประธานาธบดี นิกสนั สปู่ระเทศจนี และในปี 1977 เตง�ิ เสย�ีวผิง กน็าํกลไกตลาดเข้ า มาใช้ ในจีนด้ วยความกระตอืรื อร้ นย�ิงกวา่อดีตผ้ นู ําคอมมวินิสตใ์นยโุรปตะวนัออกเสยีอีก การวกวนกลบัไปกลบัมาของนโยบายผ้ นู าํจีน ไมใ่ช่อาการของคนบ้ าทไ�ีร้ สติ แตเ่ป็ นอาการของคนท�ี พยายามพฒ ั นาประเทศล้ าหลงั ตามสตูรของการพฒ ั นารัสเซยีภายใต้ สตาลนิ โดยท�ีจนีขาดพน�ืฐานทาง วตัถทุจ�ีะเออ�ืให้ สําเร็ จได้

ยุคใหม่ แห่ งความป� ั นป่ วนว่ ุนวาย ในต้ นทศวรรษ 1960 ปั ญญาชนจํานวนมากในประเทศตะวนัตก หลงเช�ือวา่ชนชนั � ปกครองหาทางแก้ ไข วกิฤตเศรษฐกิจของทนุนยิมไมใ่ห้ มนัเกิดอีกได้ ซง�ึนําไปสขู่ ้ อเสนอเร�ื อง “การสน�ิสดุของความขดัแย้ งทางลทัธิ ความคดิ” ของ แดนเนยีล เบล์ นกัสงัคมศาสตร์ อเมริ กนั ซง�ึเขียนบทความลงในวารสาร Encounter ของ องค์กร ซไีอเอ นอกจากน �ี เฮร์ เบิรด์ มาร์ คสุ อดีตมาร์ คซสิต์เพ�ิมเตมิวา่ “ทงั � กรรมาชีพและนายทนุต้ องการ รักษาเสถียรภาพของทนุนิยม ดงันนั � หมดยคุแห่งความขดัแย้ งทางชนชนั � ในตะวนัตก” มนัเป็ นความคิดท�ีคนอยา่ง ฟรานซสิ ฟกูยูามา เจ้ าหน้ าท�ีกระทรวงตา่งประเทศสหรัฐ จะรื อ�ฟื น�ขน�ึมาอกี ครัง� 30 ปี หลงัจากนนั � โดยไมม่ีการอ้ างองิถงึ เบล์ หรื อ มาร์ คสุ เลย แตป่รากฏวา่ยคุ 1960-1990 เป็ นชว่งเวลาทเ�ีตม็ไปด้ วยการตอ่ส้ ู วกิฤตเศรษฐกิจ การนดัหยดุงาน และ การลม่สลายของอาณาจกัรโซเวียด มนัไมไ่ด้ เป็ นไปตามท�ี เบล์ หรื อ มาร์ คสุ เสนอแตอ่ยา่งใด ในชว่ง 30 ปี ดงักลา่ว มีจดุสาํคญ ั ทางประวตัิศาสตร์ สามจดุคือ 1968, 1973-75 และ1989 ซง�ึมผีลใน การทําลายความคิดและระเบียบเศรษฐกิจของยคุสงครามเยน็

1968 เสียงแหง่เสรี ภาพสนน�ัหวน�ัไหว 1968 ขน�ึช�ือว่าเป็ นปี แหง่การกบฏของนกัศกึษา และนกัศกึษากก็บฎทว�ัโลก ในเมือง เบอร์ ลนิ นิวยอร์ ค วอร์ ซอร์ พราก ลอนดอน ปารี ส เมคซโิกซติ �ี และโรม

130


แตม่นัมากกวา่นนั � มนัเป็ นปี ที�คนผิวดาํลกุขน�ึส้ ใู นสหรัฐ ปี ท�ีกองกําลงัก้ ชู าตเิวียดนามโจมตสีหรัฐจนทกุ คนเข้ าใจวา่สหรัฐกําลงัจะแพ้ สงคราม ปี ที�ประชาชนเชคโกสโลวาเกียขดัขืนทหารรัสเซยี ปี ท�ีมกีารตอ่ส้ เู พื�อ ความเทา่เทียมในไอร์ แลนด์เหนือ และเป็ นปี ทเ�ีกิดการนดัหยดุงานทใ�ีหญ่ทส�ีดุในประวตัศิาสตร์ ในประเทศ ฝร�ังเศส ตามด้ วยการตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพในอิตาล�ี การตอ่ส้ ขู องนกัศกึษาเป็ นอาการของความตงึเครี ยดในสงัคม มนัมผีลในการกระต้ นุ การตอ่ส้ ขู องกลมุ่ อน�ืๆ และในทกุกรณีการตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพเป็ นเร�ื องชข�ีาด การลกุขน�ึส้ ทู ว�ัโลกในปี 1968 ทาํให้ ชนชนั � ปกครองทว�ัโลกตกใจอยา่งถงึท�ีสดุ เพราะพวกนค�ีิดวา่จดัการ ควบคมุสงัคมได้ ผา่นการปราบคอมมวินิสต์ เชน่ในอเมริ กาในยคุ “แมกคาท”�ี หรื อผา่นกง�ึเผดจ็การของ ประธานาธิปดี เดอร์ โกล ในฝร�ังเศส หรื อผา่นการทส�ีถาบนัศาสนาแคทอลลคิคมุการเมอืงในอิตาล�ี หรื อผา่น ความอนรุักษ์ นยิมของผ้ ูนําสหภาพแรงงานระดบัชาตใิ นประเทศตา่งๆ

แตป่ระเดน็สําคญ ั ทส�ีร้ างภาพของ

ความมน�ัคงและความสงบทางสงัคมคอืการขยายตวัของเศรษฐกิจอย่างตอ่เน�ือง อย่างไรกต็ามการขยายตวัทางเศรษฐกิจดงักลา่ว มผีลในด้ านกลบักนัด้ วย เพราะสร้ างสถานการณ์ท�ีเออ�ื กบัการลกุขน�ึส้ ู ในสหรัฐอเมริ กา การขยายตวัของเศรษฐกิจ ทําให้ คนผวิดาํทเ�ีคยทํางานในชนบท ย้ ายเข้ าไปทํางานใน เมอืงอตุสาหกรรมใหญ่ ซง�ึการรวมตวักนัของคนผิวดาํแบบน �ี สร้ างความมน�ัใจเพ�ือเรี ยกร้ องสทิธิเสรี ภาพ จดุ แรกคือปี 1955 มีการเปิ ดประเดน็โดย โรซา พาร์ กส์ สตรี ผิวดาํที�ไมย่อมนง�ัหลงัรถเมล์ ซง�ึเป็ นสว่นของ รถเมล์ท�ีคนผิวดาํเคยถกูบงัคบัให้ นง�ั ตอ่จากนนั � มกีารลกุฮือในเมอืงใหญ่ในปี 1965,66,67 และ68 กรณี หลงัสดุมีการเผาเมืองตา่งๆ เมอ�ื มาร์ ทิน ลเูทอร์ คงิ โดนยิงตาย ตอ่จากนนั � คนผิวดําหนมุ่สาวจํานวนมาก หนัมาสนบัสนนุพรรคเสือดํา (Black Panther Party) ท�ีสง่เสริ มการจบัอาวธุป้ องกนัตนเองและการปฏิวตัิ ในหลายประเทศของยโุรปตะวนัตก เชน่ ฝร�ังเศส อติาล�ี สเปน ปอร์ ตเุกส การขยายตวัของเศรษฐกิจทํา ให้ คนจํานวนมากเปลย�ีนอาชีพจากเกษตรกรรายย่อยในชนบทไปเป็ นกรรมาชีพในเมอืง ใน เชคโกสโลวาเกีย ซง�ึเป็ นประเทศในเขตอิทธิพลของรัสเซยี ระบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ประสบผลสาํเร็ จ ในการขยายเศรษฐกิจและพฒ ั นาชีวติของคนธรรมดาหลงัสงครามเป็ นอยา่งมาก

แตพ่อถงึต้ นทศวรรษ

1960 เร�ิ มมกีารชะลอการขยายตวั ซง�ึสร้ างความตงึเครี ยดและความไมพ่อใจในสงัคม มกีารวพิากษ์ วิจารณ์ 131


รัฐบาลเผดจ็การคอมมวินิสต์มากขน�ึ จนต้ องมกีารเปลย�ีนตวัผ้ นู าํ เพ�ือเอา “สายปฏิรูป” เข้ ามา แตร่ัสเซยีรับ ไมไ่ด้ เลยสง่กองทพัและรถถงัเข้ าไปปราบ ถงึแม้ วา่รัสเซียและชนชนั � ปกครอง เชคโกสโลวาเกยี ปราบขบวนการเสรี ภาพได้ แตม่นัมผีลตอ่ความคิด ขององค์กรสงัคมนิยมทว�ัโลก ซงึ� ออกมาประณาม และเร�ิ มหนัมาพดูถงึความสาํคญ ั ในการตอ่ต้ านจกัรวรรดิ นิยม “ทงั � ของทนุนยิมในตะวนัตกและของคอมมวินิสต์ในตะวนัออก” แม้ แตป่ั ญหาของสหรัฐในสงครามเวยีดนาม กม็าจากการขยายตวัของเศรษฐกิจโลก เพราะท�ีแล้ วมาการ ใช้ งบประมาณทางทหารของสหรัฐในสงครามเกาหลี สามารถกระต้ นุ เศรษฐกิจโลกให้ ขยายอยา่งตอ่เน�ือง ได้ แตพ่อถงึยคุสงครามเวยีดนาม เศรษฐกิจโลกขยายไปแล้ วอยา่งรวดเร็ ว และคา่ใช้ จา่ยมหาศาลท�ีสหรัฐ จา่ยในการทําสงครามเวยีดนาม เม�ือเทียบเป็ นสดัสว่นของเศรษฐกิจโลก ถือวา่น้ อยกวา่คา่ใช้ จา่ยทางทหาร ในสมยัสงครามเกาหลถีงึ 60% มนัจงึมผีลน้ อยลงในการกระต้ นุ เศรษฐกิจ ย�ิงกวา่นนั � ในชว่งท�ีเศรษฐกจิปมู ประเทศอยา่งญ�ีป่ ุนและเยอรมนัสามารถขน�ึมาเป็ นคแู่ข่งทางเศรษฐกจิของสหรัฐได้

เพราะมีการจํากดั

คา่ใช้ จา่ยทางทหาร สหรัฐจงึออ่นแอลงทางเศรษฐกจิ ทว�ัโลก

การขยายตวัของเศรษฐกจินําไปสกู่ารขยายตวัของจํานวนนกัศกึษาในมหาวทิยาลยั

ซง�ึ

มหาวิทยาลยัดงักลา่วเร�ิ มมลีกัษณะเป็ น “โรงผลิตความร้ ู ” คล้ ายๆ โรงงานอตุสาหกรรม แตม่หาวทิยาลยัมี เง�ือนไขหนง�ึท�ีพิเศษคอื เป็ นโรงผลติความร้ ูสาํหรับคนท�ีเรี ยนสายสงัคมศาสตร์ ท�ีเตม็ไปด้ วยข้ อถกเถียงทาง การเมอืง และน�ีคอืสาเหตทุ�ีมกีารระเบิดขน�ึของการประท้ วงในหมนู่กัศกึษา ซง�ึอาจเร�ิ มจากประเดน็ปากท้ อง หรื อประเดน็การเมอืงกไ็ด้ ในฝร�ังเศสในปี 1968 การประท้ วงของนกัศกึษาเร�ื องสภาพหอพกัในมหาวิทยาลยัแหง่หนง�ึในปารี ส ลาม ไปสกู่ารตอ่ส้ ทู ว�ัไปของนกัศกึษากบัตาํรวจติดอาวธุ มนักลายเป็ นการท้ าทายโครงสร้ างอํานาจเกา่ในสงัคม ภายใต้ ประธานาธิบดี

เดอร์ โกล

และในวนัรุ่ งขน�ึกลายเป็ นการนดัหยดุงานทว�ัไปที�ใหญ่ท�ีสดุใน

ประวตัิศาสตร์ ทนุนิยม มกีารเรี ยนแบบการยดึโรงงานจากยคุอดีตปี 1936 แตใ่นปริ มาณท�ีใหญ่กวา่ เชน่การ ยดึโรงงานผลิตเคร�ื องบิน ซดุ เอวิเอชอง ในเมอืง นา่นท์ เป็ นต้ น รัฐบาลฝ่ ายขวาของ เดอร์ โกล อมัพาตเป็ นเวลาสองสปัดาห์ เดอร์ โกล เองหนีไปอยคู่า่ยทหารฝร�ังเศสใน เยอรมนั แตใ่นท�ีสดุมกีารสญ ั ญาวา่จะขน�ึเงนิเดือนคนงานและยบุสภาเพ�ือเลอืกตง�ั ใหม่ ซง�ึมผีลในการยตุิ การประท้ วงทว�ัประเทศ โดยทพ�ีรรคคอมมวินสิต์และผ้ นู ําสหภาพแรงงาน มสีว่นสาํคญ ั ในการเบี�ยงเบนการ 132


ตอ่ส้ ู จากเร�ื องการเมืองไปเป็ นเร�ื องปากท้ องเฉพาะหน้ า สรุ ปแล้ ว ในท�ีสดุพวกนก�ีลวัการปฏิวตัแิละต้ องการ ปกป้ องระบบ การลกุขน�ึส้ หู รื อยตุกิารตอ่ส้ ขู องกรรมาชีพ เป็ นเร�ื องชข�ีาดวา่การกบฏของนกัศกึษาจะประสบผลสาํเร็จ หรื อไม่ และการกลบัมาของการตอ่ส้ ทู างชนชนั � แบบน �ี นําไปสกู่ารรื อ�ฟื น�ความคิดมาร์ คซสิต์ในหมคู่ นรุ่ นใหม่ ทว�ัโลก นอกจากนก�ีระแสการตอ่ส้ ู มผีลในการเปลย�ีนวฒ ั นธรรม ดนตรี และคา่นิยม และมกีารกระต้ นุ การ ตอ่ส้ ขู องกลมุ่อ�ืนๆ ที�ถกูกดขี�ในสงัคมด้ วย เชน่คนพน�ืเมืองอเมริ กา เกย์กะเทยทอมด �ี และสตรี

การตอ่ส้ ทู ี�เดนิหน้ าไมไ่ด้ กระแสส้ ขู องนกัศกึษาไมไ่ด้ ยตุหิลงัปี 1968 เพราะในปี 1970 มกีารประท้ วงของนกัศกึษาสหรัฐทว�ัประเทศ และมกีารยดึมหาวทิยาลยัตา่งๆ หลงัจากท�ีทหารยิงนกัศกึษาตายท�ีมหาวิทยาลยั เคนท์ สเตด ขณะท�ี นกัศกึษาประท้ วงตอ่ต้ านการขยายสงครามเวียดนามสกู่มัพชูา ในประเทศไทยนกัศกึษาเป็ นหวัหอกในการล้ มเผดจ็การทหาร ถนอม ประภาส ณรงค์ ในวนัท�ี 14 ตลุาคม 1973 และในปี เดยีวกนันกัศกึษากรี ซเร�ิ มออกมาส้ ู โดยยดึวิทยาลยั โบลเิทคนิค กลางเมอืงอาเทนส์ ซง�ึนําไปสกู่ารล้ มเผดจ็การทหารกรี ซในทส�ีดุ นอกจากนม�ีกีารเดนิขบวนของนกัศกึษาในอนิโดนเีซีย และใน เยอรมนัตะวนัตก แตห่ลงั 1968 ศนูย์กลางการตอ่ส้ สู ว่นใหญ่ย้ ายไปท�ีขบวนการแรงงาน เชน่ในอติาลป�ี​ี 1969 ในสเปน บทบาทสาํคญ ั ของกรรมาชีพ ตงั � แตป่ี 1970 ทําให้ เผดจ็การ ฝรังโก ออ่นแอลง และในองักฤษการนดัหยดุ งานทําให้ รัฐบาลพรรคอนรุักษ์ นยิมล้ ม ทว�ัโลกชนชนั � ปกครองไมส่ามารถควบคมุสถานการณ์ ได้ เอง แตต่้ องพง�ึพรรคแรงงาน พรรคสงัคมนิยม ประชาธิปไตย พรรคคอมมิวนิสต์ และสภาแรงงาน ซง�ึยอมร่วมมอืเพ�ือช่วยดบัไฟของการปฏิวตัิ โดยใน หลายประเทศมกีารทําข้ อตกลงระหวา่งพรรคฝ่ ายซ้ ายกบัพรรคฝ่ ายขวา ในลาตนิอเมริ กา มกีารลกุขน�ึส้ ขู องนกั ศกึษาและแรงงานเชน่กนั ใน อาเจนทีนา มีการยดึเมือง คอร์ โดบา และใน ชิลี มกีารยดึท�ีดนิของเจ้ าของท�ีดนิรายใหญ่ แตก่ระแสนถ�ีกูต้ อนเข้ าสกู่ ระบวนการเลอืกตง�ั ใน อาเจ

133


นทนีา มกีารรณรงคใ์ห้ อดตีเผดจ็การประชานยิม เพรอน กลบัมาแก้ สถานการณ์ แตแ่ก้ ไมไ่ด้ และเมอ�ื เพ รอน เสยี ชีวติ ทหารฝ่ ายขวากท็าํรัฐประหารป่ าเถื�อน โดยเขน่ฆา่นกักจิกรรมฝ่ ายซ้ ายหลายหมน�ืคน ใน ชิลี กระแสการตอ่ส้ นู ําไปสชู่ยัชนะของ ซลัวาดอร์ อาเยนเดย์ ผ้ แู ทนพรรคสงัคมนยิม ในการเลอืกตงั � ประธานาธิบดี แตฝ่​่ ายขวา นายทนุ ทหาร และสหรัฐอเมริ กาไมพ่อใจ และคอยหาทางล้ มรัฐบาลด้ วยการ ปิ ดกิจกรรมการขนสง่ และการพยายามทํารัฐประหาร ซง�ึถกูคนงานรากหญ้ าต้ านสาํเร็ จผ่านการสร้ าง “สภา คนงาน” (คอร์ ดอนเนย์ Cordones) ในยา่นอตุสาหกรรมตา่งๆ คล้ ายกบัสภาคนงานในรัสเซยีปี 1917 หรื อ “คณะกรรมการกลางคนงานเมอืงบดูาเพช” ในองัการ�ี ปี 1956 อยา่งไรกต็าม พรรคคอมมิวนิสต์และพรรค สงัคมนิยม ชกัชวนให้ กรรมาชีพสลายการตอ่ส้ ู เพ�ือเอาใจทหารและฝ่ ายขวา โดยหลงเช�ือวา่จะทําให้ รัฐบาล อยตู่อ่ได้ ย�ิงกวา่นนั � มีการนาํนายทหารชนั � ผ้ ใู หญ่ อยา่งเช่น ออร์ กสัโต พิโนเช เข้ ามาในคณะรัฐมนตรี แต่ สามเดอืนหลงัจากนนั � ในปี 1973 พิโนเช ยดึอาํนาจ ฆา่ประธานาธิบดี และจบัคมุเขน่ฆา่นกัสงัคมนิยมและ นกัสหภาพแรงงานหลายพนัคน ในขณะท�ีพรรคปฏิรู ปและสภาแรงงานในยโุรปตะวนัตกพยายามกลอ่มขบวนการแรงงานให้ หลบันอน และเลกิส้ ู ฝ่ ายขวาในลาตินอเมริ กายตุิการตอ่ส้ ขู องแรงงาน ผา่นการปราบปรามอยา่งนองเลือด มีทห�ีนง�ึทป�ีระกายไฟจาก 1968 ลกุเป็ นเปลวอกีครัง� คือในประเทศปอร์ ตเุกส ซง�ึมรีัฐบาลเผดจ็การ ฟาสซสิต์มาตง�ั แตย่ คุ 1920 ในกลางทศวรรษ 1970 ปอร์ ตเุกสกาํลงัแพ้ สงครามในอาณานิคมอฟัริ กา และ ทหารระดบัลา่งไมพ่อใจกบัการตอ่ส้ ู ดงันนั � ในเดอืนเมษายน 1974 มีรัฐประหารและนายพลฝ่ ายขวาขน�ึมา แทนเผดจ็การ ไคทาโน มีการนดัหยดุงานตามโรงตอ่เรื อขนาดใหญ่ และพรรคคอมมวินสิต์ ซง�ึเป็ นพรรคฝ่ าย ค้ านใต้ ดินพรรคเดยีวท�ีมีการจดัตงั � อยา่งดี กพ็ยายามตง�ั ตวัเป็ นศนูย์กลางการเจรจาและการถว่งดลุอาํนาจ ระหวา่งผ้ ูนํากองทพัฝ่ ายขวา กบัขบวนการแรงงาน แตท่ําไมไ่ด้ เร�ิ มมกีลมุ่ทหารระดบัลา่งและคนงานฝ่ าย ซ้ ายที�อยากไปไกลกวา่พรรคคอมมวินสิต์ เพ�ือทําการปฏิวตัิ อยา่งไรกต็ามองค์กร ซไีอเอ ของสหรัฐ พรรค สงัคมนิยมประชาธิปไตยในเยอรมนั และนายทหารปฏิรู ปของปอร์ ตเุกส สามารถเปลย�ีนทศิทางการปฏิวตัิ ปอร์ ตเุกสไปสปู่ระชาธิปไตยรัฐสภาทนุนิยมได้ โดยทพ�ีรรคคอมมวินิสตไ์มท่ําอะไรเลย

134


ยคุแหง่ความยากลาํบาก การทําลายการตอ่ส้ ใู นสว่นตา่งๆ ของโลก ไมว่​่าจะโดยพวกพรรคสงัคมนยิมปฏิรู ป พรรคคอมมวินิสต์ และ สภาแรงงาน หรื อโดยการปราบปรามของทหาร ทําให้ ขบวนการแรงงานและคนจนไมพ่ร้ อมท�ีจะรับมอืกบั วกิฤตทนุนยิมรอบตอ่ไป และการรุกส้ ทู างการเมอืงของพวกฝ่ ายขวา “ยคุทอง” ของทนุนยิมโลกจบลงด้ วยวกิฤตเศรษฐกิจปี 1973 ซงึ� ทําให้ รัฐบาลตา่งๆ วติกกงัวลเป็ นอยา่ง มาก เพราะเศรษฐศาสตร์ กระแสหลกัไมเ่คยสามารถอธิบายต้ นเหตขุองวิกฤตเศรษฐกิจ 1930 ได้ มีการ พยายามกระต้ นุ เศรษฐกจิด้ วยการลงทนุของรัฐ ตาม “แนวเคนส์” ของ จอห์น เมนาร์ ด เคนส์ แตไ่มป่ระสบ ความสาํเร็ จ เพราะการกระต้ นุ กําลงัซอ�ื ตามสตูร “แนวเคนส์” ในขณะทน�ีายทนุเอกชนขาดความมน�ัใจใน การลงทนุเพ�ือขยายการผลติ นําไปสกู่ารขน�ึราคาของสนิค้ า หรื อท�ีเรี ยกกนัวา่ “เงินเฟ้ อ” ดงันนั � ภายใน 3 ปี มี การยกเลกินโยบายเคนส์ และวกกลบัมาเสนอวา่ “กลไกตลาดเสรี จะแก้ ปั ญหาวิกฤตได้ ” ซง�ึเป็ นการรื อ�ฟื น� แนวคิดเสรี นิยมกลไกตลาดจากศตวรรษท�ี 19 กอ่นหน้ านค�ีวามคดิเสรี นิยมกลไกตลาดหมดความชอบธรรม เพราะแก้ ปั ญหาวกิฤตเศรษฐกิจ 1930 ไมไ่ด้ และมแีตน่กัเศรษฐศาสตร์ ชายขอบ อย่างเชน่ ฟรี ดริ ก ไฮเยค และ มลิตนั ฟรี ดแมน ท�ีช�ืนชม แตม่าตรการกลไกตลาดเสรี ไมส่ามารถสถานปนาความมน�ัคงของระบบเศรษฐกิจโลกได้ ไมส่ามารถ ยบัยงั � วกิฤตรอบสองในปี 1980-82 และไมส่ามารถแก้ ปั ญหาการตกงาน มนัทําได้ อยา่งเดยีวคอื ทําให้ คน จนจนลงในขณะท�ีคนรวยรวยขน�ึเทา่นนั � นกัเศรษฐศาสตร์ กระแสหลกัพยายาม “อธิบาย” วกิฤตเศรษฐกิจปี 1974-1976 และ 1980-1982 วา่เกิด จากการเพ�ิมขน�ึของราคานา�ํมนั เน�ืองจากสงครามระหว่างประเทศอาหรับกบัอสิาราเอลในปี 1973 และ สงครามระหวา่งอหิร่ านกบัอิรักในปี 1980 แตต่อ่มาในต้ นทศวรรษ 1990 กเ็กิดวิกฤตอกีรอบในขณะที�ราคา นา�ํมนัตกตา�ํ นกัเศรษฐศาสตร์ อกีกลมุ่พยายามอธิบายว่าวกิฤตปี 1974-1976 มาจากการท�ีขบวนการแรงงานตอ่ส้ ู เพ�ือเพ�ิมคา่แรง จนกําไรนายทนุลดลง แตค่าํอธิบายนใ�ี ช้ ไมไ่ด้ สาํหรับวกิฤตท�ีตามมา เพราะในสหรัฐอเมริ กา ซง�ึเป็ นเศรษฐกิจท�ีสาํคญ ั ทส�ีดุของโลก คา่แรงถกูกดลงเร�ื อยๆ ตงั � แตก่ลางทศวรรษ 1970 เป็ นต้ นมา

135


จริ งๆ แล้ วปั ญหาพน�ืฐานของทนุนิยมสมยันนั � คอื นอกจากมแีนวโน้ มในการเกิดวิกฤตเพราะอตัรากําไร ลดลงเป็ นประจําแล้ ว การกระต้ นุ เศรษฐกิจผา่นการผลติอาวธุ ตอนต้ นของสงครามเย็น ท�ีทาํให้ ดเูหมอืนวา่ มี “ยคุทอง” ของทนุนยิม มนัหมดสภาพไปแล้ ว โลกอาจไมไ่ด้ กลบัสวู่ิกฤตร้ ายแรงแบบ 1930 แตอ่ตัราการขยายตวั ของเศรษฐกิจประเทศพฒ ั นาช้ าลง อยา่งตอ่เน�ืองและเรื อ�รัง และอตัราการวา่งงานในหลายประเทศไมเ่คยตกตา�ํกว่าประมาณ 10% นอกจากน �ี เสถียรภาพของชีวิตการทํางานเร�ิ มลดลง และมกีารตดัสวสัดกิาร “เพ�ือประหยดัเงิน” ซงึ� ทงั � หมดทําให้ คณ ุ ภาพชีวติประชาชนแยล่ง การวกกลบัมารื อ�ฟน�ื แนวคดิทางเศรษฐกิจแบบเกา่ ด้ วยการช�ืนชมเสรี นยิมกลไกตลาด (“เสรี นยิมใหม่ Neo-Liberalism”) ทาํให้ นกัการเมอืงฝ่ ายขวาหน้ าเลือดเข้ ามามีอํานาจในหลายประเทศ พวกนเ�ี ป็ นพวก นิยม “แทชเชอร์ ” นายกรัฐมนตรี สตรี เหลก็ขององักฤษ แม้ แตพ่รรคการเมืองฝ่ ายซ้ าย หรื อปั ญญาชนฝ่ ายซ้ าย กแ็หก่นัไปต้ อนรับ “เสรี นยิมใหม”่ สาเหตมุาจาก ความพา่ยแพ้ ในการตอ่ส้ ู และความผิดหวงักบัความโหดร้ ายทารุณของรัฐบาลจีนหรื อรัฐบาลเขมรแดง ซง�ึ เรี ยกตวัเองวา่ “สงัคมนยิม” หรื อ “คอมมวินิสต์” บางคนหมดความหวงัในการปฏิวตัแิละไปฝากความหวงั ในระบบรัฐสภา บางคนสรุ ปวา่การตอ่ส้ ทู างชนชนั � “หมดยคุ” แตใ่นความเป็ นจริ ง ขบวนการแรงงานใน หลายประเทศก็ออกมาส้ เู พ�ือปกป้ องคณ ุ ภาพชีวิต แตก่็มกัจะจบลงด้ วยความพา่ยแพ้ บรรยากาศแบบนท�ีาํให้ ปั ญญาชนบางสว่นหนัไปเหอ่แนวคดิ “โพสธ์โมเดอร์ น” (Post-Modernism) ซง�ึ สรุปวา่ในโลกไมม่คีวามจริ ง ไมม่ีอะไรถกูไมม่อีะไรผิด ไมม่นีิยามทางวทิยาศาสตร์ ท�ีมคีวามหมาย เชน่เร�ื อง ชนชนั � มนัเป็ นแนวคิดหดหทู่�ีมองวา่การตอ่ส้ เู พ�ือเปลย�ีนสงัคม “ยอ่มทําไมไ่ด้ ” และถ้ าทําไป ก็ “ยอ่มนําไปสู่ เผดจ็การ” และแนวนเ�ี กดิขน�ึในหมปู่ั ญญาชนบางสว่นในชว่ งทโ�ีลกก้ าวสคู่วามป�ั นป่ วนและความอนัตราย มากขน�ึ

วกิฤตในระบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” การปราบการตอ่ส้ เู พ�ือเสรี ภาพใน เชคโกสโลวาเกีย ในปี 1968 แคซ่อ�ืเวลาให้ เผดจ็การแนว สตาลนิ ในยโุรป ตะวนัออก ตอ่มาในปี 1970 เกิดการนดัหยดุงานและยดึสถานประกอบการ โดยกรรมาชีพโปแลนด์ในโรง 136


ตอ่เรื อเมอืง กะแดงส์ และ สเตชิน มกีารสง่ตาํรวจเข้ าไปปราบและฆา่กรรมกร แตก่ารนดัหยดุงานหนนุจาก ที�อน�ื ทาํให้ รัฐบาลต้ องเปลย�ีนผ้ นู าํประเทศ หลงัจากนนั � โปแลนดก์้ เู งินจํานวนมากจากธนาคารตะวนัตก เพ�ือ รื อ�ฟื น�เศรษฐกิจ

และสร้ างความชอบธรรมใหมใ่นสงัคม

ซง�ึทําให้ เศรษฐกิจโปแลนด์ผกูพนัและได้ รับ

ผลกระทบจากปั ญหาเศรษฐกิจในยโุรปตะวนัตก ทา่มกลางวิกฤตใหมใ่นโปแลนด์ ปั ญญาชนกลมุ่หนง�ึ ฝ่ าฝื นการเซน็เซอร์ ของรัฐบาล และประกาศกอ่ตง�ั “คณะกรรมการปกป้ องแรงงาน” ซงึ� มหีนงัสือพิมพ์ใต้ ดนิช�ือ “Robotnik” (กรรมกร) ท�ีมคีนอา่ นสองหมน�ืคน ในกลางปี 1980 คนงานตอ่เรื อในเมอืง กะแดงส์ ยดึโรงงาน และก่อตง�ั ขบวนการในรูปแบบท�ีคล้ ายๆ “คณะกรรมการกลางคนงานเมอืงบดูาเพช” ของฮงัการ�ี สมยั 1956 องค์กรนป�ีระกาศวา่จะสร้ างสหภาพ แรงงานท�ีอสิระจากรัฐช�ือ “Solidarnoc” (“โซลีดานอส์ก” - สมานฉนัท์) แตม่นัมากกว่าแคส่หภาพ มกีารจดั สมชัชาใหญ่ที�ประกอบไปด้ วยผ้ แู ทนจาก 3500 โรงงาน และมสีมาชิก 10 ล้ านคน มนัเป็ นพลงัอนัย�ิงใหญ่ท�ี ท้ าทายอาํนาจรัฐเผดจ็การได้ แตผ่้ นู ํา โซลดีานอส์ก ไมย่อมล้ มรัฐบาล โดยตงั � ความหวงัเทจ็ว่าถ้ าไมท่้ าทายอาํนาจรัฐ จะไมถ่กูปราบ ซง�ึเป็ นความเช�ือประเภทเดยีวกบัทพ�ีวกพรรคสงัคมนิยมและพรรคคอมมวินิสต์ในชีลเีคยเช�ือ ตอ่มาในเดือน ธนัวาคม 1981 นายพล จารุ ลเซลส์กี ทํารัฐประหารยดึอาํนาจ ประกาศกฏอยัการศกึ และสง่ทหารเข้ าไป ปราบปรามทําลายขบวนการแรงงาน อย่างไรก็ตาม การปราบการกบฏและการตอ่ส้ เู พ�ือเสรี ภาพในยโุรปตะวนัออก ไมส่ามารถแก้ ปั ญหา พน�ืฐานของระบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ได้ เพราะอตัราการขยายตวัทางเศรษฐกิจเร�ิ มตกตา�ํ และไมต่า่งจาก เศรษฐกิจตะวนัตก การใช้ รัฐเผดจ็การคมุเศรษฐกิจ ทําให้ ขาดการลงทนุ และเทคโนโลจีสมยัใหม่ ทบ�ีริ ษัท ข้ ามชาตเิอกชนของตะวนัตกมอี ยใู่นมอื และการปกปิ ดขา่วทาํให้ การคอรรับชน�ัแพร่ระบาด ย�ิงกวา่นนั � ใน สหรัฐอเมริ กา ประธานาธิบดี เรแกน เร�ิ มลงทนุสะสมอาวธุนวิเคลยีร์ รุ่นตอ่ไป เพ�ือท้ าทายรัสเซยี ในขณะท�ี เศรษฐกิจรัสเซียออ่นแอและลงทนุสร้ างอาวธุด้ วยความยากลาํบาก แกนนําสาํคญ ั ในรัสเซยีแตง่ตงั � ผ้ นู ําใหมช่�ือ มิคไฮล์ กอร์ บอชอฟ ในปี 1985 เพราะเร�ิ มเข้ าใจวา่ต้ องมกีาร แก้ ไขปฏิรูประบบ เพ�ือให้ มคีวามโปร่ งใส (Glasnost – “กลาสนอส”) และ เพ�ือเพ�ิมประสทิธิภาพการผลติ แต่ พวกนไ�ี มต่้ องการให้ มปีระชาธิปไตยหรื อลดอาํนาจเผดจ็การของพรรคคอมมิวนสิต์แตอ่ยา่งใด

137


เมอ�ื กอร์ บอชอฟ ขน�ึมาเป็ นผ้ นู ํา เศรษฐกิจรัสเซียอยใู่นสภาพยํ�าแย่ เร�ิ มมีการนดัหยดุงานและการ ประท้ วง โดยเฉพาะในหมคู่นงานเหมอืงถา่นหิน แต่ กอร์ บอชอฟ ไมส่ามรถปราบได้ และพยายามเสนอการ ปฏิรูปบางอยา่งเพ�ือเอาใจคนงาน นโยบายนย�ี�ิงทําให้ แรงงานมน�ัใจมากขน�ึ ในท�ีสดุฝ่ ายอนรุักษ์ นิยมในชน ชนั � ปกครอง ไมพ่อใจกบัการ “ยอมจํานน” ของ กอร์ บอชอฟ และฝ่ ายประชาชนก็ไมพ่อใจเขาด้ วย เพราะ มองวา่เขาทําไมพ่อ ผลคอือํานาจของรัฐบาลกลางลดลง ในยโุรปตะวนัออก สถานการณ์ในรัสเซยีทาํให้ คนเกิดความมน�ัใจมากขน�ึในการตอ่ส้ ู ในปี 1989 รัฐบาล โปแลนด์ เชิญสหภาพ โซลีดานอส์ก มานง�ัเจรจาเพ�ือแก้ วิกฤต และในฮงัการ�ี ฝ่ ายค้ านถกูเชิญมาร่ วมเจรจา โต้ ะกลม ตอ่มารัฐบาลเยอรมนัตะวนัออกยอมทบุกําแพงเมอืงเบอร์ ลนิ และรัฐบาล เชคโกสโลวาเกีย ถกูล้ ม ทา่มกลางการประท้ วงและการนดัหยดุงาน กระแสล้ มรัฐบาลเผดจ็การคอมมวินสิต์แรงขน�ึเร�ื อยๆ จนทกุรัฐบาลในยโุรปตะวนัออกล้ มหมด รวมถงึ รัฐบาลของ กอร์ บอชอฟ ในรัสเซยี การล้ มรัฐบาลเผดจ็การทว�ัยโุรปตะวนัออก มตี้ นเหตมุ าจากวกิฤตเศรษฐกิจท�ีสะสมมานาน และความไม่ พอใจของประชาชนตอ่ระบบเผดจ็การ มนัมาจากการลกุขน�ึส้ ขู องคนงานและประชาชนชนั � ลา่ง ซง�ึถอืวา่เป็ น การตอ่ส้ ทู างชนชนั � แตม่นัถกูเบ�ียงเบนจากการสร้ างสงัคมใหมท่�ีมปีระชาธิปไตยเตม็ใบ ไปสปู่ระชาธิปไตย รัฐสภาทนุนิยม และการเปลย�ีนระบบเศรษฐกจิ จาก “ทนุนิยมโดยรัฐ” ไปเป็ น “ทนุนิยมตลาดเสรี ” ย�ิงกวา่นนั � การปฏิวตัเิปลย�ีนแปลงท�ีเกิดขน�ึ

เป็ นการปฏิวตัจิากเบอ�ืงบน

เพราะอดตีชนชนั � ปกครอง

คอมมวินิสต์เกา่ แปรรู ปตนเอง ไปเป็ นนกัการเมอืงประชาธิปไตย และนายทนุเอกชน ดงันนั � อาํนาจไมไ่ด้ ตก อยู่ในมอืชนชนั � กรรมาชีพแตอ่ยา่งใด การลม่สลายของระบบเผดจ็การคอมมวินิสต์ ทใ�ีช้ เศรษฐกิจแบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” มผีลไปทว�ัโลก รัฐบาลจีน อยีิปต์ อนิเดีย เวยีดนาม ฯลฯ หนัมาใช้ กลไกตลาดด้ วยความคกึคกั และองคก์ร ไอเอม็เอฟ สามารถกดดนัให้ 76 ประเทศทว�ัโลก “ปรับโครงสร้ างเศรษฐกิจ” เพ�ือเปิ ดรับกลไกตลาดเสรี (Structural Adjustment) ผลของนโยบายกลไกตลาดเสรี ดงักลา่วในประเทศสว่นใหญ่ของโลก คือการถอยหลงัทาง เศรษฐกิจ และการเพ�ิมขน�ึของอตัราความยากจนทว�ัโลก และสบิปี หลงัจากการนํากลไกตลาดเข้ ามาใน ยโุรปตะวนัออก มแีคส่องประเทศเทา่นนั � คือ โปแลนด์ กบั สโลวเีนีย ที�เศรษฐกจิขยายตวั ประเทศอน�ืทกุ ประเทศแยก่ว่าเดิม และในรัสเซยี บลัแกเรี ย และ ลิทเูอนเนยี เศรษฐกิจหดลง 40% 138


ในประเทศ ยโูกสลาเวยี สถานการณ์แยย่�ิงกวา่นนั � เพราะถกูประเทศตะวนั ตกทง�ิ งดปลอ่ยก้ ตู อ่ หลงั สงครามเยน็สน�ิสดุลง เศรษฐกิจหดตวัอยา่งรวดเร็ ว และนกัการเมอืงท้ องถ�ินเร�ิ มสร้ างสถานการณ์ ท�ีนาํไปสู่ การฆา่ฟั นส้ รู บกนัอยา่งป่ าเถ�ือนระหวา่งเชอ�ืชาตติา่งๆ จนมหาอาํนาจตะวนัตกสามารถเข้ ามาแทรกแซงทกุ สว่นได้ ตามใจชอบ ในสว่นหนง�ึของโลก เอเชียตะวนัออก พวกนกัเศรษฐศาสตร์ กระแสหลกับางคนวง�ิเต้ นเพ�ือชมวา่เป็ น “อภินิหารเอเชีย” มกีารสง�ัสอนคนยากคนจนและแรงงานในตะวนัตก วา่วิกฤตในตะวนัตกมาจาก “ความข �ี เกียจ” ของประชาชน ซง�ึตา่งจาก “ความขยนั” ของคนเอเชียตะวนัออก แตใ่นไมช่้ าวิกฤตเศรษฐกิจก็ระเบิด ขน�ึในประเทศไทยในปี 1997 และลามไปสทู่กุสว่นของเอเชียในรูปแบบท�ีร้ ายแรงพอๆ กบัวกิฤต 1930 และ ในปี ตอ่ไปมนัมผีลกระทบกบัรัสเซยีอกีด้ วย มแีตจ่ีนเท่านนั � ท�ีดเู หมือนวา่รอดพ้ นวกิฤตได้ แตถ่้ าตรวจสอบข้ อมลูอยา่งละเอยีด เราจะพบวา่เศรษฐกิจ จีนมคีวามเหลื�อมลา�ํและความไมส่ม�ําเสมอสงูมาก บางสว่น โดยเฉพาะเมืองทางใต้ ท�ีตดิฝ�ั งทะเล ขยายตวั อยา่งรวดเร็ ว แตใ่นชนบทเศรษฐกิจไมข่ยบัหรื อถอยหลงัด้ วยซา�ํ คนชนบทจํานวนมากแหเ่ ข้ าเมอืง แตก่าร ขยายตวัของเศรษฐกิจเมือง ไมพ่อท�ีจะจ้ างคนทงั � หมดได้ รัฐบาลจีนพยายามแก้ ไขด้ วยการเพ�ิมการสง่ออก แตเ่มอ�ืตลาดตา่งประเทศมปีั ญหา กเ็กิดการผลติล้ นเกิน และการกดคา่แรงจีน เพ�ือให้ สนิค้ าสง่ออกราคาถกู ลง

ผลคอืทําให้ กําลงัซอ�ืภายในประเทศออ่นแอ

ในท�ีสดุความขดัแย้ งระเบิดขน�ึ ด้ วยความไมพ่อใจของ

นกัศกึษาที�จตรุัส เทยีนอนัเหมนิ ในปี 1989 ปี เดยีวกบัการลกุฮือในยโุรปตะวนัออก และกรรมกรเร�ิ มเข้ ามา สนบัสนนุนกัศกึษาจีน รัฐบาลเกือบจะคมุสถานการณ์ไมไ่ด้ แตใ่นทส�ีดุสามารถสง่ทหารเข้ าไปปราบอยา่ง ทารุณ ประเทศเผดจ็การอ�ืนๆ ท�ีเคยมลีกัษณะรู ปแบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” ก็หนัมาใช้ กลไกตลาดเสรี อยา่งจีน เช่น อยีิปต์ อลัจีเรี ย และเกาหลใีต้ และในประเทศเหลา่น �ี กเ็กิดความขดัแย้ งและการลกุขน�ึส้ เู ชน่กนั ซง�ึพิสจูน์วา่ ระบบ “ทนุนิยมโดยรัฐ” หรื อการหนัมาใช้ กลไกตลาดเสรี ล้ วนแตส่ร้ างปั ญหาสําหรับประชาชน ในทส�ีดุมนัก็ นําไปสคู่วามขดัแย้ งทางชนชนั � จนได้

139


อสิลาม ปฏิรูปและปฏิวตัิ ในทศวรรษ 1990 นกัขา่วและนกัการเมอืงท�ีขเ�ี กียจคดิ หรื อจงใจบิดเบือนความจริ ง มกัจะเสนอวา่ความ ขดัแย้ งหลกัในโลก เปลย�ีนไปจากความขดัแย้ งระหวา่งระบบคอมมวินสิต์กบัระบบทนุนยิม ไปเป็ นความ ขดัแย้ งระหว่างตะวนั ตกกบัอิสลาม เหมอืนกบัวา่คนมสุลิมทกุคนคดิเหมือนกนัหมด และจมอยใู่นสภาพป่ า เถ�ือนล้ าหลงั แตใ่นความเป็ นจริ ง กลมุ่คนท�ีใช้ ศาสนาอสิลามเป็ นธงนําการตอ่ส้ ู มคีวามหลากหลายทางความคดิเป็ น อยา่งมาก และไมเ่คยโหดร้ ายป่ าเถ�ือนกวา่สงัคมคริ สต์หรื อสงัคมยวิ การปฏิวตัอิ หิร่านปี 1979 มาจากความโกรธแค้ นเจ็บปวดกบัเผดจ็การพระเจ้ าชาร์ และสหรัฐอเมริ กาท�ี คอยหนนุหลงั เกือบทกุสว่นของสงัคมตอ่ต้ านกษัตริ ย์ชาร์ และสามคัคภีายใต้ ธงอสิลาม แตพ่อชาร์ โดนล้ ม ความขดัแย้ งทางชนชนั � ระหวา่งชนชนั � กรรมาชีพ นายทนุน้ อยอนรุักษ์ นิยม ปั ญญาชนชาตนิยิม เกษตกรราย ยอ่ย ชนกลมุ่น้ อย และคนจนในเมือง กร็ะเบิดขน�ึ มกีารแยง่ชิงอํานาจกนั และในทส�ีดุซกีของ อายาโตลาห์ โคเมนี ชนะ และใช้ อาํนาจเผดจ็การปราบปรามฝ่ ายอน�ื ใน อฟักานิสถาน รัสเซยีสง่กาํลงัทหารไปหนนุผ้ นู าํอปุถมัภ์ของตนเอง และเกิดสงครามกลางเมอืง โดยท�ี ฝ่ ายต้ านรัสเซยีใช้ ธงอสิลาม พวกนไ�ี ด้ รับการหนนุจาก ซาอุ และสหรัฐอเมริ กา แตพ่อรัสเซยีแพ้ สงครามและ ถอนตวัออก หลายกลมุ่ท�ีส้ ภู ายใต้ ธงอสิลาม หนัมารบกบัรัฐบาลตา่งๆ ทเ�ีข้ าข้ างสหรัฐอเมริ กา และนาํไปสู่ การถลม่ตกึเวอร์ ลเทรดในนวิยอร์ ค ศาสนาอสิลามไมไ่ด้ นําไปสคู่ วามสามคัคแีตอ่ย่างใด สงครามระหวา่งอหิร่าน กบัอิรัก เป็ นสงครามทน�ีอง เลอืดทส�ีดุในตะวนัออกกลางในทศวรรษ 1980 เป็ นสงครามระหวา่งคนมสุลมิ และได้ รับการหนนุหลงัจาก ประเทศมสุลิมอยา่ง ซาอุ และซดุาน และสหรัฐอเมริ กาอกีด้ วย ในความเป็ นจริ ง คนจํานวนมากท�ีหนัไปใช้ ธงอิสลามในการตอ่ส้ ู เป็ นคนทผ�ีิดหวงักบัขบวนการฝ่ ายซ้ าย ในอดีต และถกูกดข�ีรังแกจากจกัรวรรดินยิมในระบบทนุนยิมโลก คําสอนในคมัภีร์ กรุอาน อาจถกูตคีวาม เพ�ือเข้ าข้ างตนเอง โดยคนประเภทนไ�ี ด้ เพราะมปีระโยคท�ีกลา่วถงึความเป็ นธรรมและการกําจดัการกดข�ี แต่ พอกลมุ่อสิลามเร�ิ มได้ อาํนาจทางการเมอืง เราจะพบวา่อดุมการณ์เร�ื องความเทา่เทยีมเร�ิ มจางหายไป และ นกัการเมืองมสุลิมพร้ อมจะประนปีระนอมและร่ วมมอืกบัตะวนัตกเสมอ

สรุ ปแล้ วในการตอ่ส้ หู รื อความ 140


ขดัแย้ งในแถบทค�ีนมสุลิมอาศยัอยู่ เรามกัจะพบคนมสุลิมท�ีอยู่คนละคา่ยหรื อคนละฝ่ ายเสมอ จะเหมารวม งา่ยๆ ไมไ่ด้

จกัรวรรดินยิมยคุใหม่ ในโลกหลงัการลม่สลายของเผดจ็การคอมมวินิสต์ ความขดัแย้ งและจกัรวรรดินิยมไมไ่ด้ หายไปแตอ่ย่างใด มนัเพียงแตม่กีารเปล�ียนแปลงจากเดิม ที�เคยมีมหาอาํนาจสองขวั � ไปเป็ นมหาอํานาจหลากหลายขวั � ท�ีมี สหรัฐอเมริ กาเป็ นอนัดบัหนง�ึทางทหาร แตม่จีดุออ่นทางเศรษฐกิจ ในยุคหลงัสงครามเย็น มกัจะมปีั ญญาชนบางคน ทป�ีระโคมขา่ววา่ “รัฐในระบบโลกาภิวตัน์กําลงัหายไป หรื อสาํคญ ั น้ อยลง” และพวกนก�ีช็อบเสนอวา่สงครามระหวา่งรัฐกําลงัหายไปด้ วย บางครัง�มนัเป็ นการเสนอ วา่ “รัฐหมดสภาพ” เพ�ือสนบัสนนุแนวเสรี นยิมกลไกตลาดของนกัเศรษฐศาสตร์ ฝ่ ายขวา บางครัง�มนัเป็ น การเสนอความคิดเพ้ อฝั นของปั ญญาชนอนาธิปไตย เชน่ เนกร�ี กบั ฮาร์ ท ท�ีวาดภาพคลมุเครื อเก�ียวกบัรัฐ ยกัษ์ ใหญ่รัฐเดยีว หรื อ “อาณาจกัร” แตม่นัไมต่รงกบัความจริ ง ทกุวนันบ�ีริ ษัทกลมุ่ทนุข้ ามชาติ ยงัพง�ึพาอาํนาจทางทหารของรัฐชาติ เพ�ือผลกัดนัผลประโยชน์ของ ตนเอง ในขณะท�ีรัฐชาตพิ�ึงพาทรัพยากรมหาศาลของบริ ษัทข้ ามชาติ น�ีคอืรู ปแบบจกัรวรรดนิยิมท�ียงัทําให้ เกิดสงคราม และความขดัแย้ งระหวา่งประเทศ เราเหน็ชดัในกรณีสงครามสหรัฐกบัองักฤษในอริัก และ อฟักานิสถาน และสงครามของรัสเซยีในประเทศเลก็ๆ รอบข้ างอย่างเช่น จอร์ เจีย สงครามแบบนก�ีระทาํไป เพ�ือเบง่อาํนาจในสว่นตา่งๆ ของโลก และกดดนัให้ ผ้ ูนําประเทศเลก็ทาํตามความต้ องการของประเทศใหญ่

141


ปฏวิัติ อียปิต์

142


8. บทเสริ ม7 ปั ญหาโลกร้ อน ปั ญหาโลกร้ อนเป็ นวิกฤตทิี�จะมผีลกระทบกบัมนษุย์ทกุคนในโลกและกบัลกูหลานเราอกีด้ วย คนในประเทศ ไทยหนจีากวิกฤตนิไ�ี มไ่ด้ การท�ีโลกเราร้ อนขน�ึสองหรื อสามองศาในอนาคต จะมผีลมหาศาลกบัภมูอิากาศ จะทําให้ ฝนแล้ งในหลายท�ี จนระบบเกษตรหายนะ จะทาํให้ นา�ํทว่มพน�ืท�ีตา�ํๆ เพราะนา�ํแขง็ในขวั � โลกละลาย และจะทําให้ มพีายรุ้ ายแรงทว�ัโลก เพราะมผีลกระทบต่อกระแสนา�ํในทะเลและทศิทางลม เราอาจคดิวา่แค่ การเพ�ิมอณ ุ หภมูสิองหรื อสามองศาจะไมม่ผีลอะไร แตใ่นความเป็ นจริ งมนัจะทาํลายความสมดลุของระบบ นิเวศน์โลก และกอ่ให้ เกิดวงจรร้ ายท�ีเพ�ิมปริ มาณความร้ ายแรงขน�ึเร�ื อยๆ ปั ญหาโลกร้ อนเกิดจากการสะสมก๊ าซในบรรยากาศโลกประเภททป�ีิ ดบงัไมใ่ห้ แสงอาทิตย์ถกูสะท้ อน กลบัออกจากโลกได้ ความร้ อนจงึสะสมมากขน�ึ ก๊ าซหลกัทเ�ีป็ นปั ญหาคอืคาร์ บอนไดออคไซท์ (CO2) แตม่ี ก๊ าซอน�ืๆ ด้ วยทส�ีร้ างปั ญหา นกัวทิยาศาสตร์ คาดวา่กอ่นท�ีจะมกีารปฏิวตัอิตุสาหกรรมในโลก ปริ มาณ CO2 ในบรรยากาศมปีระมาณ 280 ppm (ppm CO2 คอืหนว่ย CO2 ตอ่หนง�ึล้ านหนว่ยของบรรยากาศ) แต่ ปั จจบุนัเพ�ิมเป็ น 385 ppm (เพ�ิมขน�ึ 2.1 ppm ตอ่ปี ) ซง�ึทําให้ อณ ุ หภมูเิฉลย�ีของโลกเพ�ิม 0.8 องศา หรื อ 0.2 องศาทุกสบิปี ก๊ าซ CO2 นถ�ีกูผลติขน�ึเม�ือมีการเผาเชอ�ืเพลงิคาร์ บอน เชน่ถา่นหนิ นา�ํมนั หรื อก๊ าซธรรมชาติ และแหลง่ ผลติ CO2 หลกัๆ คือโรงไฟฟ้ าทเ�ีผาถา่นหิน/นา�ํมนั/ก๊ าซ และระบบขนสง่ท�ีใช้ นา�ํมนั โดยเฉพาะรถยนต์ สว่นตวัและเคร�ื องบิน ถ้ าเราพิจารณาปั ญหาอนัสาํคญ ั นแ�ีล้ ว เราอาจงงวา่ทําไมผ้ นู ําโลกไมร่ี บตกลงกนัเพ�ือแก้ ไขปั ญหาอย่าง เร่ งดว่นและจริ งจงั องค์กรรณรงค์ เอน็จีโอ บางกลมุ่มองวา่ เราต้ องไป “ให้ การศกึษา” กบัผ้ นู ําโลกและผ้ นู ํา ประเทศตา่งๆ แตค่าํตอบวา่ทําไมผ้ นู ําโลกเฉ�ือยชาเร�ื องนค�ีอื ในระบบทนุนยิมมกีารแขง่ขนักนัอยา่งสดุขวั � ใน ระบบกลไกตลาด และมกีารแขง่ขนักนัระหวา่งรัฐชาติตา่งๆ อกีด้ วย กลไกตลาดทําให้ นายทนุพิจารณาแต่ กําไรเฉพาะหน้ าเสมอ

โดยไมพ่ิจารณาผลระยะยาวหรื อผลตอ่โลกและมนษุยชาติ

และการแข่งขนักนั

ระหวา่งรัฐชาตแิละลทัธิชาตินิยมท�ีมาด้ วย ทําให้ การร่วมมอืกนัเป็ นเร�ื องยาก

7

สามบทเสริมนเ�ี ขียนโดย ใจ อง�ึภากรณ์ 143


นกัการเมืองกระแสหลกัมกัอ้ างวา่เราต้ องพฒ ั นาเศรษฐกจิในรูปแบบปั จจบุนัโดยไมต่งั � คาํถามใดๆ กบั ระบบทนุนยิมและกลไกตลาด พวกนม�ีองวา่ “เราต้ องมีตลาด” เหมือนเราต้ องหายใจอากาศ แตม่นัเป็ น ความคดิผิด เพราะกลไกตลาดคอืต้ นเหตขุองวิกฤตเิศรษฐกิจ สงคราม และปั ญหาโลกร้ อน และแถมยงัเป็ น ระบบทแ�ีจกจา่ยสนิค้ าสคู่นสว่นใหญ่ไมไ่ด้ เพราะมองเหน็แตอ่ํานาจเงิน แทนความต้ องการแท้ ของมนษุย์ นกัสงัคมนิยมเข้ าใจวา่ต้ นตอปั ญหาไมไ่ด้ อยทู่ร�ีะบบอตุสาหกรรมหรื อความโลภของมนษุย์สว่นใหญ่ท�ียงั ยากจน ไมว่​่าจะเป็ นคนในประเทศพฒ ั นาหรื อในประเทศยากจน ปั ญหาไมไ่ด้ มาจากการท�ีเราไมม่เีทคโนโล จีท�ีจะผลติพลงังานโดยไมท่ําลายโลก เทคโนโลจีเหลา่นเ�ี รามอียแู่ล้ ว เชน่การป�ั นไฟฟ้ าจากลมหรื อแรงคลน�ื ในทะเล

และการผลติไฟฟ้ าจากแสงแดด

ปั ญหามาจากระบบทนุนิยมกลไกตลาดท�ีตาบอดถงึปั ญหา

สง�ิแวดล้ อม และตาบอดถงึความต้ องการพน�ืฐานของมนษุย์สว่นใหญ่ เพราะมงุ่แตแ่ขง่ขนักนัเพื�อเพ�ิมกําไร อยา่งเดียว คาร์ ล มาร์ คซ์ เคยอธิบายไว้ ในงานเขียนหลายชน�ิ เชน่หนงัสือ “วา่ด้ วยทนุ” วา่ระบบทนุนิยมทําลาย แหลง่ท�ีมาของมลูคา่ คอืโลกและมนษุย์ทท�ีําการผลติ เพราะใช้ ทรัพยากรธรรมชาตโิดยไมค่ิดถงึอนาคต และ ขดูรี ดมนษุย์ผ้ ผู ลติโดยไร้ มนษุยธรรม มาร์ คซ์ อธิบายตอ่ไปวา่การแข่งขนัในระบบตลาดเป็ นท�ีมาของวิกฤติ เศรษฐกิจทเ�ีกดิเป็ นประจํา เพราะการแข่งขนับงัคบัให้ เกิดการผลิตล้ นเกินทา่มกลางความยากจน เนื�องจาก ไมม่กีารวางแผนตามแบบประชาธิปไตยโดยมนษุย์สว่นใหญ่ ทนุนิยมจงึทาํให้ มนษุย์หา่งเหนิแปลกแยกจาก สง�ิท�ีตนเองผลติและจากแหลง่ทรัพยากรพร้ อมๆ กนั เพราะชแูตก่ลไกตลาดขน�ึมาเหนือการวางแผนด้ วย ปั ญญา คนสว่นใหญ่จงึอยใู่นสภาพไร้ อาํนาจทจ�ีะกําหนดอนาคตและชีวิตของตนเอง มาร์ คซ์ สรุ ปวา่เรา ต้ องปฏิวตัยิดึอํานาจรัฐมาเป็ นของประชาชน ถ้ าเราจะแก้ ปั ญหาโลกร้ อน จะต้ องมกีารเปลย�ีนระบบสงัคมในเร�ื องใหญ่ๆ ดงันค�ีอื 1.

ต้ องเปล�ียนการผลติพลงังานจากเชอ�ืเพลงิคาร์ บอน เชน่ถา่นหนิ นา�ํมนัและก๊ าซ มาเป็ นการผลติ

พลงังานจากลม คลน�ื และแสงแดด การผลิตไฟฟ้ าจากโรงไฟฟ้ านิวเคลยีร์ ไมใ่ช่คาํตอบ เพราะอนัตรายและ ทําลายสง�ิแวดล้ อมมากกวา่ถา่นหนิเสยีอกี เราต้ องสร้ างระบบขนสง่มวลชนที�ประหยดัพลงังานด้ วย เชน่ รถไฟ แตใ่ครจะมีอาํนาจในการผลดัดนัให้ เกิดการเปลย�ี นแปลง?

144


2.

เราต้ องนําการวางแผนการผลติโดยประชาชนสว่นใหญ่ มาใช้ แทนกลไกตลาด เพราะการเชิดชู

กําไรดจุพระเจ้ าจะทาํให้ เปลย�ีนวธิีการผลติไมไ่ด้ ซง�ึแปลวา่เราต้ องใช้ อํานาจมวลชนมนษุย์เพ�ือระงบักลไก ตลาด และเพ�ือยดึอํานาจรัฐและบริ ษัทใหญ่จากนายทนุ 3.

เราต้ องยกเลกิกระแสชาตนิ​ิยมท�ีนาํไปสกู่ารแขง่ขนัระหวา่งรัฐชาตติา่งๆ เพ�ือให้ ประเทศร�ํ ารวยช่วย

ประเทศยากจนให้ พฒ ั นาด้ วยวิธีทล�ีดปั ญหาโลกร้ อน ซง�ึแปลวา่เราต้ องคดัค้ านแนวชาตนิ ยิมไทย และเน้ น การสมานฉนัท์กบัประชาชนชาตอิื�น สรุปแล้ วต้ องมกีารกระจายอาํนาจสปู่ระชาชน เพ�ือให้ ทรัพยากรและการผลติเป็ นของสว่นรวม ต้ อง ควบคมุโดยหลกัประชาธิปไตย และต้ องวางแผนเพื�อประโยชน์คนสว่นใหญ่และเพ�ือปกป้ องโลก ถ้ าดเูงอ�ืนไขเหลา่นจ�ีะเหน็วา่เราต้ องปฏิวตัสิงัคมเพ�ือแก้ ปั ญหาโลกร้ อน

แตน่นั � ไมไ่ด้ หมายความวา่เรา

ต้ องรอให้ มกีระแสปฏิวตัิกอ่นท�ีจะทาํอะไรได้ ในชว่งนเ�ี ราต้ องรณรงค์ ผ่านขบวนการเคลอ�ืนไหวทางสงัคม และพรรคการเมืองก้ าวหน้ าให้ มกีารลดการผลิต CO2 ผ่านการใช้ พลงังานทางเลอืก ผา่นการสง่เสริ มการ ขนสง่มวลชนอย่างเชน่รถไฟ และผา่นการประหยดัพลงังาน แตอ่ยา่ไปหวงัวา่ตามลาํพงัผ้ นู ําโลกจะทําในส�ิง เหลา่นเ�ี ลย

วกิฤตขิองเศรษฐกจิทนุิยมปี 2008 ทา่มกลางสถานการณ์ วกิฤติเศรษฐกิจโลกทเ�ีกิดขน�ึลา่สดุในปี ค.ศ. 2008 ทกุคนย้ อนกลบัไปคดิถงึวิกฤติ “วอลสตรี ด” ในปี 1929 ซง�ึเคยลามไปทว�ัโลกและเปิ ดโอกาสให้ ฮิตเลอร์ ขน�ึมามีอาํนาจในเยอรมนั เราต้ องเข้ าใจวา่วกิฤตปิี 2008 ไมใ่ชว่กิฤตขิองระบบธนาคารเทา่นนั � ทงั � ๆ ท�ีมนัระเบิดขน�ึตรงนนั � แตม่นั เป็ นวิกฤตขิองกลไกตลาดทนุนิยมทงั � หมด รากฐานแท้ ของวิกฤตเิกิดจากแนวโน้ มการลดลงของอตัรากําไร ในระบบการผลติของประเทศพฒ ั นา ตง�ั แตป่ ลายทศวรรษ 1960 ปั ญหาการลดลงของอตัรากําไรในสหรัฐในยคุ นถ�ีกูปิ ดบงัโดยการสร้ างเศรษฐกจิฟองสบหู่ลายรอบ รอบ แรกสร้ างในภาคอนิเตอร์ เนด็ “Dot Com” และรอบลา่สดุมีการชกัชวนให้ คนจนก้ เู งินเพ�ือกระต้ นุ เศรษฐกจิ โดยไมข่น�ึคา่แรง แตเ่มอ�ืฟองสบู่เร�ิ มแตก พวกนายทนุบีบบงัคบัให้ คนจนจา่ยหนด�ี้ วยอตัราดอกเบย�ีสงู ใน ท�ีสดุฟองสบู่ “Sub-Prime” น �ี ทําให้ หนเ�ี สียลามไปทว�ัระบบธนาคารทว�ัโลก 145


สภาพนเ�ี กดิขน�ึทว�ัโลก ในสหรัฐ ยโุรป ญ�ีป่ นุ และจีน แตใ่นกรณีจีนมกีารทุ่มเทงบประมาณรัฐมหาศาล เพ�ือพยงุเศรษฐกิจ และมกีารปกปิ ดปั ญหาธนาคารซง�ึล้ วนแตเ่ป็ นของรัฐ การท�ีจนียงัขยายตวัได้ ชว่ย เศรษฐกิจของบางประเทศ เชน่ไทย เยอรมนั และออสเตรเลยี แตม่นัอาจเป็ นสภาพชว�ัคราว เพราะรากฐาน ของปั ญหาเศรษฐกจิโลกมาจาก “แนวโน้ มในการลดลงของอตัรากําไร” และ “การผลติล้ นเกนิ” ของระบบ ทนุนิยม ซงึ� ทําให้ นายทนุพยายามสร้ างฟองสบเู่พ�ือกอบก้ กู าํไรแตแ่รก ประชาชนจํานวนมากในตะวนัตกเข้ าใจวา่วกิฤตนเ�ี ป็ นวกิฤตของกลไกตลาดเสรี และบริ ษัทเอกชน และผ้ ู ท�ีก้ าวเข้ ามาแก้ ปั ญหาคอืภาครัฐ ปรากฏการณ์ นท�ีําลายความเชื�อมน�ัของประชาชนหลายสว่น ในทฤษฏีเสรี นิยมกลไกตลาดทพ�ีวกนกัเศรษฐศาสตร์ กระแสหลกัเสนอมาในรอบสามสบิปี ที�ผา่นมา

เพราะพวกนเ�ี คย

เสนอวา่กลไกตลาดเป็ นสง�ิท�ีมี “ประสทิธิภาพสงูสดุ” ในการขบัเคลอ�ืนเศรษฐกจิ และเคยเสนออีกวา่รัฐควร ถอยออกหา่ง “เพราะขาดประสทิธิภาพ” ความออ่นแอของแนวคิดเสรี นิยมกลไกตลาดเสรี น �ี มสีว่นในการทาํลายความชอบธรรมของนายทนุและ ชนชนั � ปกครองในสายตาประชาชน และมนัชว่ยให้ นกัสหภาพแรงงาน และประชาชนโดยทว�ัไป มน�ัใจมาก ขน�ึในการตอ่ส้ เู พ�ือสงัคมอน�ืท�ีเป็ นธรรม ท�ีไมใ่ชร่ะบบ “มือใครยาวสาวได้ สาวเอา” แตถ่ ้ าในประเทศไหนมี รัฐบาลท�ีอ้ างวา่เป็ น “พรรคสงัคมนิยม” แตย่งัใช้ นโยบายกลไกตลาด หรื อพยายามตดัสวสัดิการ มนักส็ร้ าง ความสบัสนในขบวนการแรงงานหรื อประชาชน การท�ีรัฐตา่งๆ ต้ องเข้ ามาอ้ มุ ธนาคารและบริ ษัทเอกชน และการท�ีคนจํานวนมากตกงานและจา่ยภาษี น้ อยลง มีผลทําให้ รัฐติดหนส�ีงูขน�ึ ซง�ึถ้ าสามารถพยงุและกระต้ นุ เศรษฐกิจได้ กไ็มใ่ชป่ั ญหาร้ ายแรงเทา่ไร แตป่รากฏวา่ปั ญหาเร�ิ มดรู้ ายแรงเมอ�ืเกิดการพนนัในตลาดการเงนิโดยนายทนุ เพราะเมอ�ืมกีารเพ�ิมหน �ี สาธารณะของหลายประเทศ

พวกนกัลงทนุกจ็ะพนนัในความออ่นแอของเศรษฐกจิของประเทศเหลา่นนั �

เพ�ือกนิกําไรเฉพาะหน้ า เชน่ในเร�ื องการซอ�ืขายเงนิตราลว่งหน้ า หรื อการซอ�ืขายพนัธบตัรรัฐบาล หรื อแม้ แต่ ในการซอ�ืขายหนส�ีนิตา่งๆ ผลคอืรัฐบาลขนาดเลก็อย่างรัฐบาลประเทศกรี ซ ปอร์ ตเุกส ไอร์ แลนด์ สเปน หรื อ ไอสแลนด์ ถกูกดดนัมากจากนายทนุ เวลารัฐบาลประเทศเหลา่นจ�ีะก้ เู งนิเพ�ิม กพ็บวา่อตัราดอกเบย�ีพุ่งขน�ึสงู ซง�ึย�ิงทําให้ หนส�ีาธารณะเพ�ิมอีก ในกรณีกรี ซ ประเทศนเ�ี คยก้ เู งินจากธนาคารเยอรมนัและฝร�ังเศส เพ�ือขยายการลงทนุและพฒ ั นาประเทศ แตพ่อวิกฤตเกิดขน�ึทว�ัโลก และธนาคารตา่งๆ เร�ิ มใกล้ จะล้ มละลาย รัฐต้ องเข้ ามาชว่ยจา่ยหนเ�ี สยี กรณี 146


ประเทศปอร์ ตเุกส สเปน และไอร์ แลนด์ ก็คล้ ายกนั ในท�ีสดุพวกนายทนุสากลก็กดดนัให้ รัฐบาลเหลา่นต�ี ดั สวสัดกิาร ตดัการจ้ างงานโดยรัฐ และทําลายมาตรฐานการจ้ างงานทว�ัไป ซง�ึสร้ างความไมพ่อใจในสงัคม เป็ นอยา่งมาก เพราะในยามทเ�ีศรษฐกิจขยายตวั คนทไ�ีด้ ประโยชน์มากทส�ีดุคือนกัธรุกจิและคนรวย แตพ่อ เศรษฐกิจเกิดวิกฤต มกีารกดดนัให้ คนสว่นใหญ่รับภาระแทน นอกจากน �ี ในประเทศอ�ืนๆ เช่น องักฤษ ฝร�ังเศส สหรัฐ ฝ่ ายนายทนุ นายธนาคาร มกีารกดดนัตา่งๆ นาๆ เพ�ือปกป้ องผลประโยชน์ และพรรคการเมอืงของนายทนุทเ�ีป็ นรัฐบาลกห็นนุชว่ย ถ้ าพิจารณาปั ญหาน �ี ตามความยตุธิรรมสามญ ั ถ้ านายธนาคารและผ้ ปู �ั นห้ นุ กอ่วกิฤตแตแ่รก และรัฐต้ องนํางบประมาณมาอ้ มุ เมอ�ืธนาคารพงั ธนาคารและนกัธุรกิจควรจะจา่ยหนค�ีนืให้ รัฐ แตป่รากฏวา่นายธนาคารไมย่อม แถมหน้ า ด้ านเพ�ิมโบนสัให้ ตนเองอีกด้ วย เสร็ จแล้ วก็หนัไปเรี ยกร้ องให้ รัฐบาลยโุรปตดัสวสัดิการและการลงทนุของรัฐ เพ�ือจา่ยหนแ�ีทนธนาคาร ซง�ึการตดังบประมาณและสวสัดกิารของรัฐแบบน �ี ทําลายชีวติของคนจํานวนมาก และเสย�ีงกบัการทําให้ เศรษฐกิจหดลงอีก และเกิดวกิฤตรอบสอง เราต้ องเข้ าใจวา่ นอกจากการบงัคบัให้ ประชาชนจา่ยหนแ�ีทนนายธนาคารแล้ ว มนักลายเป็ นโอกาสทอง สาํหรับพรรคฝ่ ายขวา ทจ�ีะตดัและทําลายรัฐสวสัดกิาร และมาตรฐานการจ้ างงานโดยทว�ัไป เกนิความ จําเป็ นทอ�ีาจมาจากระดบัหนส�ีาธารณะ ทงั � นเ�ี พ�ือเพ�ิมอตัรากาํไรของกลมุ่ทนุ และเปลย�ีนวฒ ั นธรรมของ สงัคมทเ�ีคยสนบัสนนุรัฐสวสัดกิาร

การทร�ีัฐบาลทว�ัยโุรปเปิ ดศกึด้ านกว้ างกบัประชาชนทกุคน

ไมใ่ชแ่ค่

คนงานกลมุ่ใดกลมุ่หนง�ึ เส�ียงกบัการท�ีสหภาพแรงงานตา่งๆ จะจบัมอืร่ วมกนัตอ่ส้ ใู นรู ปแบบการนดัหยดุ งานทว�ัไป และสง�ินก�ีเ็กิดขน�ึ แตเ่ราไมท่ราบวา่จะจบลงอย่างไร วกิฤตเศรษฐกิจรอบนเ�ี ป็ นวกิฤตโลกด้ านกว้ าง มนัมีผลกระทบไปไกลกวา่แคก่รรมาชีพ เพราะวถิีชีวิต ของนกัศกึษาถกูกระทบ มนัมผีลในทกุทวปี และปั ญหาวกิฤตและการตกงาน ไปสมทบความไมพ่อใจของ ประชาชนจํานวนมาก ทม�ี​ีกบัระบบการปกครองเผดจ็การล้ าหลงั ในหลายประเทศของตะวนัออกกลาง จน เกิดการปฏิวตัใิน ตนูเีซยี กบั อยีปิต์ ประเทศไทยเกิดปรากฏการณ์นก�ี่อนวกิฤตรอบปั จจบุนั เมอ�ืเกดิวิกฤตเศรฐกิจ “ต้ มยําก้ ุง” และพรรค ประชาธิปั ตย์โยนภาระในการแก้ วกิฤตให้ คนจน ตอ่มาพรรคไทยรักไทย เปิ ดโอกาสให้ คนสว่นใหญ่พฒ ั นา ตนเองระดบัหนง�ึ และเกิดการฟื น�ตวัของเศรษฐกจิ ซง�ึสร้ างความไมพ่อใจเป็ นอย่างมากกบัชนชนั � ปกครอง หวัโบราณ และนําไปสรู่ัฐประหาร ๑๙ กนัยา และวิกฤตการเมอืงเรื อ�รัง 147


ความสาํคัญของการปฏวิตัใินตะวันออกกลาง ปี 2011 การปฏิวตัทิ�ีลามไปทว�ัตะวนัออกกลาง ซง�ึเร�ิ มใน ตนูเิซยี อยีิปต์ และขยายไปสู่ บาห์เรน เยเมน ซเิรี ย ฯลฯ มี ความสาํคญ ั ทางประวตัิศาสตร์ พอๆ กบัการปฏิวตัใินยโุรปตะวนัออกในปี ค.ศ. 1989 ทน�ีําไปสกู่ารลม่สลาย ของเผดจ็การคอมมวินสิต์สตาลนิ

ครัง�นนั � การปฏิวตัิเร�ิ มต้ นด้ วยการชมุนมุใหญ่และการนดัหยดุงานใน

ประเทศโปแลนด์ ภายในไมก่�ีวนัมกีารลามไปสฮู่งัการ�ี เยอรมนัตะวนัออก บลัแกเรี ย เชคโกสโลวาเกีย โรเม เนีย และจีน นอกจากปี 1989 จะเป็ นปี แหง่การปฏิวตั ลิ้ มเผดจ็การคอมมวินสิต์สตาลนิแล้ ว ผลของการปฏิวตัิ ดงักลา่วกระจายไปสดู่ลุอํานาจของจกัรวรรดนิ​ิยมทว�ัโลก และกระแสลทัธิทางการเมอืง เพราะหลงัการ ปฏิวตันิจ�ีกัรวรรดนิยิมสองขวั � สหรัฐกบัรัสเซยี แปรไปสจู่กัรวรรดนิยิมขวั � เดยีวคอืขวั � สหรัฐ ในด้ านลทัธิ การเมอืง การปฏิวตัใินยโุรปตะวนัออกนําไปสกู่ารหมดกําลงัใจของฝ่ ายซ้ าย เพราะกระแสคิดหลกัทงั � ซ้ าย และขวา มองวา่เผดจ็การคอมมิวนสิต์สตาลนิ เป็ นสง�ิเดยีวกบัแนวมาร์ คซสิต์สงัคมนิยม ซง�ึมนัไมใ่ช่ ดงันนั � การปฏิวตัยิคุนนั � นําไปสกู่ารลม่สลายของพรรคคอมมิวนิสตส์ายสตาลนิทว�ัโลกรวมถงึประเทศไทย การปฏิวตัใินยโุรปตะวนัออก

นําไปสกู่ารเปลย�ีนแปลงความคิดกระแสหลกัในเร�ื องเศรษฐศาสตร์

การเมอืงด้ วย เพราะมนัเป็ นสง�ิท�ีตอกยา�ํความเช�ือผิดๆ วา่ “รัฐจดัการเศรษฐกิจและสวสัดกิารไมไ่ด้ ” และ “เราไมม่ทีางเลอืกนอกจากจะยอมรับกลไกตลาดเสรี ” ความเช�ือนค�ีรอบงําสงัคมโลกจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ในระบบตลาดเสรี ของโลกในปี 2008 แม้ แตใ่นประเทศจีน ท�ีรัฐบาลเผดจ็การสตาลนิ-เหมา สามารถเข่นฆา่ ประชาชนผ้ รู ักประชาธิปไตยจนต้ องยอมจํานนทจ�ีตรุัส เทียนอนัเหมนิ ในปี 1989 กม็ีการเปลย�ีนนโยบาย เศรษฐกิจจาก “ทนุนิยมโดยรัฐ” ไปสู่ “ทนุนิยมตลาดเสรี ” ในเวยีดนามกบัลาวกม็ีการเปลย�ีนนโยบาย เศรษฐกิจเช่นกนั การปฏิวตัใินตะวนัออกกลางต้ นปี 2011 มีความสาํคญ ั พอๆ กบัการปฏิวตัใินยโุรปตะวนัออก เพราะเป็ น ตวัอยา่งสาํคญ ั ของความสามารถของพลงัมวลชน

และการนดัหยดุงานท�ีนาํไปสกู่ารโคน่เผดจ็การ

นอกจากนต�ี ะวนัออกกลางเป็ นแหลง่นา�ํมนัทส�ีาํคญ ั ของโลกอตุสาหกรรม และเป็ นจดุท�ีมกีารเบง่อทิธิพลของ จกัรวรรดินยิมตะวนัตก ทงั � โดยตรงและผา่นสมนุในประเทศอสิราเอล ดงันนั � เมอ�ืมกีารล้ มรัฐบาลเผดจ็การท�ี

148


เคยตามก้ นและสนบัสนนุจกัรวรรดนิ​ิยมตะวนัตก

มผีลสาํคญ ั ตอ่ดลุอาํนาจในตะวนัออกกลางและ

ความสามารถของประชาชนตะวนัออกกลางทจ�ีะกําหนดอนาคตของตนเอง แม้ แตใ่นด้ านลทัธิความคิด การปฏิวตัใินตะวนัออกกลางกม็ผีล เพราะการปฏิวตัิดงักลา่วริ เร�ิ มโดยกลมุ่ “แกนนอน” ที�ประกอบไปด้ วยนกัปฏิวตัสิงัคมนยิม นกัปฏิวตัชิาตนิ​ิยมที�ไมเ่ชื�อในศาสนา และนกัปฏิวตัิ มสุลิม นอกจากนส�ีหภาพแรงงานมีสว่นร่ วมสาํคญ ั คนงานเหลา่นม�ีองวา่การปฏิวตัทิ�ีสร้ างประชาธิปไตย ต้ องสร้ างความเป็ นธรรมทางเศรษฐกิจด้ วย

โดยท�ีต้ องให้ รัฐเข้ ามาจดัการความเป็ นธรรมทางเศรษฐกิจ

แทนท�ีจะปลอ่ยให้ คนตกงานและอภิสทิธ�ิชนกอบโกย ในระบบกลไกตลาดเสรี และท�ีเหน็ชดัคอืพรรคฝ่ าย ค้ านเก่า เชน่พรรคพ�ีน้ องมสุลมิ ไมก่ล้ าออกมานําการปฏิวตัอิยา่งตรงไปตรงมา ดงันนั � กรอบเก่าท�ีเคยมองวา่ ฝ่ ายซ้ ายหมดยคุ และมองวา่ผ้ ปู ลดแอกประชาชนคอืขบวนการมสุลิม กําลงัเปลย�ีนแปลง แตเ่ราไมส่ามารถ ทํานายได้ วา่จะจบอยา่งไร

กระแสตะวนัออกกลางลามไปสยู่โุรป ในยโุรป การเดนิขบวนนดัหยดุงาน เกิดขน�ึในหลายประเทศ เช่นฝร�ังเศส อิตาล�ี และองักฤษ เพ�ือห้ ามไมใ่ห้ รัฐบาลตดัสวสัดกิาร ตดังบประมาณรัฐ และทําให้ คนตกงานเพ�ิมขน�ึ โดยให้ คนจนแบกภาระทเ�ีกดิจากการ เลน่การพนนัของนายธนาคาร แตใ่น 4 ประเทศทางใต้ ของยโุรปคอื ปอร์ ตเุกส ไอร์ แลนด์ กรี ซ และสเปน วิกฤตรุนแรงมาก และเมอ�ืเกิด หนเ�ี สยีในธนาคาร

ก็มกีารกดดนัเรี ยกเกบ็หนจ�ีากประชาชน

ทงั � ๆ

ทป�ีระชาชนไมไ่ด้ สร้ างหนแ�ีตแ่รก

สถานการณ์แบบนท�ีาํให้ รัฐบาลไอร์ แลนด์และปอร์ ตเุกสถกู เพราะล้ มแพ้ การเลอืกตงั � ทา่มกลางการประท้ วง และทาํให้ สเปนกบักรี ซลกุ เป็ นไฟ “คา่ยประท้ วง” ของคนหนมุ่สาวสเปนหลายหมน�ืคน เกิดขน�ึในเดือนมถินุายน 2011 เมอ�ืเยาวชนและคน ตกงานทนไมไ่หวกบัระดบัวา่งงาน คาดวา่ 40% ของคนวา่งงาน 4.5 ล้ านคนในสเปนมอีายตุา�ํกวา่ 25 ปี กอ่นหน้ านร�ี ัฐบาลพรรค “สงัคมนิยม” สเปน ใช้ นโยบายเสรี นิยมของพวกฝ่ ายขวาในการตดังบประมาณ รัฐ ตาํแหนง่งาน และสวสัดิการ มกีารเรี ยกร้ องให้ ประชาชนไปตง�ั คา่ยกลางเมือง แมดริ ด และในเมอืงอ�ืนๆ เชน่ กรานาดา กบั บาซาโลนา ในรู ปแบบคล้ ายๆ ท�ีอยีิปต์ นอกจากนก�ีระแสนล�ีามไปประเทศอน�ืๆ ของยโุรป 149


เชน่ในอติาล�ี ในเมือง โรม ฟลอร์ เรนส์ และมแิลน และในเมอืง อาเทนส์ ของ กรี ซ มกีารสร้ างคา่ยประท้ วง เชน่กนั ในกรณีกรี ซ มกีารนดัหยดุงานทว�ัไปด้ วย ส�ือกระแสหลกัชอบสร้ างนิยายวา่การประท้ วงแบบนใ�ี นสเปน หรื อท�ีตะวนัออกกลาง เกิดจาก ทวติเตอร์ กบัเฟสบกุ แตม่นัมเีครื อขา่ยของนกัเคล�ือนไหวทจ�ีดัตง�ั มากอ่นหน้ านอ�ียแู่ล้ ว ซง�ึเป็ นคนทเ�ีคยพบกนัและร้ ู จกั กนั ไมใ่ช่วา่มาหาเพ�ือนในอนิเตอร์ เน็ท ในปี 2011 มกีระแสนดัหยดุงานทว�ัประเทศในกรี ซ หลายๆ ครัง�ตดิตอ่กนั เพราะกรี ซประสบวกิฤต ร้ ายแรงมากกวา่สเปน ไอร์ แลนด์ หรื อปอร์ ตเุกส และมีการล้ อมรัฐสภา เพ�ือกดดนันกัการเมอื ง จนรัฐบาล สงัคมนิยม ท�ีพยายามตดัสวสัดกิาร และงบประมาณรัฐ ดเูหมือนจะแก้ ปั ญหาวกิฤตตามสตูรกลไกตลาด เสรี ไมไ่ด้ แตไ่มม่อีะไรแนน่อน วกิฤตในเขตสกลุเงินยโูรน �ี

ทําให้ หลายคนตงั � คาํถามวา่ระบบเงินยโูรจะไปรอดได้ หรื อไม่

หรื อบาง

ประเทศจะต้ องถอนตวัออก

150


9. สรุ ป สงัคมนิยมหรื อความป่ าเถื�อน นกัสงัคมนิยมมาร์ คซสิต์ อย่าง โรซา ลคัแซมเบอร์ ก เคยเสนอทา่มกลางสงครามโลกครัง�ท�ีหนง�ึ ในปี 1915 วา่ชาวโลกมทีางเลอืกระหวา่ง สงัคมนิยม หรื อความป่ าเถ�ือน ก่อนหน้ านนั � ในปี 1948 คาร์ ล มาร์ คซ์ กบั เฟ รดเดอริ ค เองเกิลส์ เคยเขียนในหนงัสอื “แถลงการณ์พรรคคอมมวินิสต์” วา่ สงัคมมนษุย์มกัจะเดนิหน้ าสู่ สงัคมใหม่ ผา่นกระบวนการปฏิวตัิ หรื อถอยหลงัและจบลงด้ วยการลม่สลายของคตู่อ่ส้ ทู งั � สองฝ่ าย อยา่งท�ี เราเคยเหน็ในกรณี อาณาจกัรโรมนั หรื ออาณาจกัรจีนโบราณ สรุปแล้ วมนัไมม่หีลกัประกนัวา่สงัคมจะก้ าวหน้ าและพฒ ั นาดขีน�ึโดยอตัโนมตัิ

แตน่ กัมาร์ คซสิต์ชาว

ไอร์ แลนดช์�ือ เจมส์ คอนโนล�ี เคยพดูวา่ “คนท�ีทาํนายอนาคตได้ จริ ง คอืผ้ ทู �ีตอ่ส้ เู พ�ือออกแบบสงัคมใหม”่ ประวตัศิาตร์ มนษุย์ โดยเฉพาะประวตัศิาสตร์ ของยคุทนุนิยม พิสจูน์ให้ เราเห็นวา่ความป่ าเถ�ือนเกิดขน�ึ จริ ง เม�ือการตอ่ส้ เู พ�ือสงัคมนยิมไมส่าํเร็ จ เชน่กรณีการฆา่ล้ างเผา่พนัธ์ของ ฮิตเลอร์ การทําสงครามโลก การสงัหารหมคู่นจีนโดยกองทพัญีป่ ุน หรื อการทง�ิระเบิดนวิเคลยี ร์ ลงบนเกาะญ�ีป่ นุ เอง และปั ญหาร้ ายแรง ยงัเผชญ ิ หน้ าเราอย่ทู กุวนั ไมว่า่จะเป็ นการทาํสงครามในพน�ืท�ีตา่งๆ การอดอาหารตายของประชาชนเป็ น แสนทา่มกลางการผลติล้ นเกิน

การขวู่า่จะใช้ อาวธุนิวเคลยีร์

ประชาธิปไตยโดยเผดจ็การในลาตนิอเมริ กาหรื อเอเชีย

การปราบปรามฝ่ ายซ้ ายและฝ่ าย

หรื อการทําลายโลกผา่นการเพ�ิมขน�ึของอณ ุ หภมูิ

เน�ืองจากอตุสาหกรรมทนุนิยม และระบบทนุนยิมเข้ าสวู่ิกฤตเศรษฐกิจเป็ นประจํา

ซง�ึมผีลในการทําลายมาตรฐานชีวติของประชากร

หลายล้ านล้ านคนทว�ัโลก แตป่ั ญญาชนฝ่ ายทนุ หรื อปั ญญาชนสงัคมนยิมปฏิรู ป เชน่ เบริ น์สไตน์ ครอสแลนด์ ฟกูยูามา หรื อ กดิ เดนส์ กย็งัออกมาพดูขยะเกี�ยวกบัการพฒ ั นาของทนุนิยม ท�ีสามารถ “ก้ าวข้ ามปั ญหาวิกฤตตา่งๆ ได้ จน โลกเข้ าสยู่คุทไ�ีมม่คีวามขดัแย้ งอกีตอ่ไป”

151


ชนชนั � กรรมาชีพโลก พฒ ั นาการของระบบทนุนิยมโลก ทําให้ ชนชนั � กรรมาชีพเปลย�ีนแปลงอยา่งตอ่เน�ือง และขยายจํานวนอยา่ง ตอ่เน�ือง ในศตวรรษท�ี 20 กรรมาชีพในเกาหลใีต้ ประเทศเดยีว มมีากกวา่กรรมาชีพทงั � โลกในสมยั คาร์ ล มาร์ คซ์

และมหีน้ าตากบัวถิีชีวติที�ตา่งกนัด้ วย

กรรมาชีพในยคุเร�ิ มต้ นของทนุนิยมทาํงานในโรงงาน

อตุสาหกรรมเกือบหมด แตใ่นสมยัน �ี ทนุนิยมพฒ ั นามากขน�ึ กรรมาชีพจงึทํางานในอตุสาหกรรมและภาค บริ การเป็ นจํานวนมาก กรรมาชีพภาคบริ การรวมถงึครู บาอาจารย์ พยาบาล คนงานในออฟฟิ สท�ีนง�ัหน้ าจอ คอมพิวเตอร์ พนกังานตา่งๆ ในธนาคาร และพนกังานในระบบคมนาคม แตช่ีวิตเขาถกูควบคมุในรูปแบบท�ี คล้ ายๆ โรงงานอตุสาหกรรม และแนน่อน เขาถกูขดูรี ดมลูคา่สว่นเกนิ และโต้ ตอบด้ วยการสร้ างสหภาพ แรงงาน ปั ญหาในการสร้ างสงัคมนยิม ไมใ่ชป่ั ญหาของ “การสญ ู หายไปของกรรมาชีพ” อยา่งท�ีนิยายจาก นกัวิชาการบางคนชอบอ้ าง แตป่ั ญหาของกรรมาชีพเป็ นปั ญหาเกา่แก่ท�ี คาร์ ล มาร์ คซ์ เคยพดูถงึ มาร์ คซ์ อธิบายวา่การกอ่ตวัของชนชนั � กรรมาชีพ เป็ นสง�ิท�ีเกิดจากการพฒ ั นาของระบบทนุนยิม ไมว่า่คน เหลา่นนั � จะมองวา่ตวัเองวา่เป็ นคนแบบไหนหรื อชนชนั � อะไร มาร์ คซ์ เรี ยกวา่เป็ นการก่อตวัของ “ชนชนั � ในตวั มนัเอง” แตก่ารพฒ ั นาของจิตสาํนกึ ของกรรมาชีพ ให้ ร้ ู วา่ตวัเองคอืชนชนั � กรรมาชีพท�ีมผีลประโยชน์ร่ วมกบั กรรมาชีพอน�ืทว�ัโลก และผลประโยชน์ตา่งจากนายทนุทงั � หลาย เป็ นอีกกระบวนการหนง�ึท�ี มาร์ คซ์ เรี ยกวา่ “พ ฒ ั นาการของชนชนั � เพ�ือผลประโยชน์ของชนชนั � ตนเอง” ในระบบทนุนยิม ชนชนั � ปกครองหรื อชนชนั � นายทนุพยายามทําทกุอยา่งเพ�ือให้ เราขาดจิตสาํนกึทางชน ชนั � ของเราเอง เชน่บงัคบัให้ เราแขง่กนัแย่งกนั ยใุห้ เราดถูกูคนชาตอิน�ื ผิวอน�ื หรื อเพศอน�ื สง่เสริ มแนว ชาตนิยิมให้ เราจงรักภกัดตีอ่เจ้ านายเรา ฯลฯ และฝ่ ายชนชนั � ปกครองมทีรัพยากรในการสอ�ืความคิดของเขา ผา่นโทรทศัน์ วิทยุ หนงัสอืพิมพ์ หรื อโรงเรี ยน แต่ อนัโตนโิอ กรัมช�ี นกัมาร์ คซสิตอ์ิตาล�ี เคยอธิบายวา่มนษุย์ซบัซ้ อน มคีวามคิดจากชนชนั � ปกครอง ผสมกบัความคิดของชนชนั � ตนเอง ในสมองของคนคนเดียวกนั ผ้ ทู �ีอยากจะเปลย�ีนสงัคม จะต้ องรวมตวักนั เพ�ือสร้ างพรรคการเมอืง เพ�ือเสนอความคดิของชนชนั � ตนเอง และชกัชวนให้ คนสว่นใหญ่คดิตาม น�ีคือสง�ิท�ี พวก จกัโคบิน เคยทาํในการปฏิวตัฝิร�ังเศส หรื อทพ�ีรรคบอลเชวคิเคยทาํในการปฏิวตัริัสเซยี เราไมไ่ด้ สร้ าง

152


วกิฤตและความป�ั นป่ วนของระบบ แตเ่มอ�ืคนโกรธแค้ นไมพ่อใจ การมพีรรคจะชว่ยในการนําการตอ่ส้ ขู อง มวลชนสชู่ยัชนะ

153


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.