สมัยผมอยู่ป.1 รักคือความรู้สึกอยากแบ่งขนมให้ แล้วเอาสีไม้ของผมไปใส่แทน ในกล่องของ คนคนนั้นซึ่งมีบางสีหายไป รักแรกของผมจึงเป็นเพื่อนร่วมห้อง คนที่ผมยกช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดให้เขาทั้งกล่อง คนที่ผม ยอมให้สไี ม้ของตัวเองซึง่ เรียงกันสวยงามมีชอ่ งโหว่ เพราะแท่งสีแดงของผมไปนอนแอ้งแม้งอยูใ่ นกล่อง สีไม้ของเขา แทนแท่งเก่าซึ่งเจ้าตัวทำ�หาย เด็กคนนัน้ เป็นผูช้ าย ให้ตายเถอะ ผมแก่แดดใช้ได้ ปิง๊ คนอืน่ คราวแรกก็ผชู้ ายเลย เขาตัวเล็กน่า รัก ตากลมโต คิว้ ตกนิดหน่อย แก้มแดงและมีกลิน่ แป้งเด็กลอยฟุง้ รักครัง้ นัน้ จบลงอย่างไรผมจำ�ไม่คอ่ ย ได้ ความจริงเหมือนยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยมากกว่า มันนานมากแล้ว ชื่อเขายังนึกไม่ออกด้วยซ้ำ� คุ้นๆ ว่านำ�หน้าด้วย ม.ม้าหรือเปล่านะ? สมัยประถมปลาย รักของผมคือคนที่อยากไปนั่งทำ�การบ้านด้วย รักครั้งที่สองนั้นเป็นพี่สาวโรงเรียนเดียวกันสมัย ป.5 ผิวขาว ตาโตอีกแล้ว ขนตาเธอเป็นแพ เวลายิม้ แล้วน่ารักมาก เรียนเก่งอีกต่างหาก ทว่าผมอกหักตัง้ แต่ยงั ไม่เริม่ เพราะมีพช่ี ายซึง่ มักซื้อขนมมา ฝากเธอบ่อยๆ ไปนั่งทำ�การบ้านกับเธอทุกวัน ไม่เหลือเก้าอี้ว่างตรงนั้นไว้สำ�หรับผม เมือ่ โตมาถึงระดับมัธยมต้น เริม่ เป็นวัยรุน่ กับเขาแล้ว อยากได้รบั การยอมรับจากคนรอบตัว รัก ของผมกลายเป็นคนที่อยากจูงมือ แล้วประกาศกับใครๆ ว่าคนนี้เป็นแฟนเรา รักครั้งที่สามก็เลยเป็นเพื่อนร่วมห้องนั่นละ หน้าตาแนวเดิมเลย ผมคงชอบแบบนี้ เธอคือคน แรกที่ได้ลองคบกันจริงๆ กินระยะเวลาราวสามเดือน และเป็นสามเดือนที่สอนให้ผมรู้ว่าผู้หญิงเรียก ร้องเยอะ ผมอกหักด้วยสาเหตุว่าไม่ค่อยเอาใจใส่เธอมากพอ แม้ช่วงเวลาที่คบกันนั้น ผมเล่นเกมเพล ย์ฯ น้อยลงอย่างมีนัยสำ�คัญจนพ่อแปลกใจ มัธยมปลาย รักของผมคือความเชื่อใจและ...จะว่าไงดี...คงเป็นการเปลี่ยนแปลง ความรักครั้งที่สี่ คราวนี้จึงเปลี่ยนจากผู้หญิง กลับมาเป็นผู้ชายอีกรอบ และผมก็เชื่อใจอีกฝ่าย เอามากๆ เลยด้วย เขาเป็นรุ่นน้อง หน้าตาน่ารัก ช่างเอาใจ แต่เราคบกันอย่างกระท่อนกระแท่นได้แค่เกือบปี มัน คงสั้นกว่านี้หากผมเอะใจสักหน่อย เพราะสุดท้ายเขากลับโดนคนอื่นคว้าไปดื้อๆ ผมตาสว่างในภาย หลังว่าน้องแกคบซ้อนมาตัง้ นานแล้ว ทีเ่ อาอกเอาใจนัน้ ไม่ใช่แค่กบั ผมคนเดียว เขาผมงอกยาวถึงเพดาน กินหญ้าเป็นอาหารตั้งนานไม่ได้รู้เรื่องเลย จบไปอีกหนึ่งหนแบบช้ำ�ๆ ครัน้ เติบโตขึน้ ถึงระดับอุดมศึกษา ความรักของผมคือความแน่นอน ราบเรียบ และไร้ความเสีย่ ง 4
รักครัง้ ทีห่ า้ นัน้ จึงเว้นช่วงไปนานทีเดียว กว่าจะยอมตกลงปลงใจอีกครัง้ ก็ปาเข้าไปปีสดุ ท้ายของ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยโน่น คนที่คบเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักแนวเดิม ทว่าอย่างที่บอก ประสบการณ์ความรักของผมไม่ ค่อยสวยหรูนัก เพียงห้าหรือหกเดือนมันก็สิ้นสุดลง คราวนี้เป็นเพราะความราบเรียบเกินไป ไม่มีอะไร ในตัวผมที่น่าสนใจสำ�หรับเขาอีก แต่มันไม่แย่นักที่เราจากกันด้วยดี ต่างเข้าใจว่าถึงจุดอิ่มตัวในความ สัมพันธ์แล้ว หลังจากกลับเป็นโสดคราวนั้น ผมเหมือนยังไม่เข็ด แม้เว้นระยะไปนานกว่าเก่า กระทั่งมาเจอ น้องเจ ความรักครั้งที่หก... ความรักในวัยทำ�งานของผมคืออะไรไม่รู้ แต่ผมว่ามันคล้ายกับกาแฟ หอม...แต่ก็ขม ผมชอบกาแฟขมๆ แต่เขาชอบหวานๆ ไม่สิ...เขาไม่ชอบดื่มกาแฟต่างหาก คำ�พูดของน้องเจทำ�ให้ผมต้องกลับมาคิด ว่าเหตุใดจึงคบใครได้ไม่ยืดสักที {มันเริ่มจาก...อกหัก} ผม สายฟ้า นันทดิฐ กำ�ลังยืนทอดสายตาอาลัย วางโทรศัพท์มือถือซึ่งเปิดทวิตเตอร์แอปพลิ เคชั่นค้างไว้ ข้างกันกับต้นกระบองเพชรง่อยๆ ริมหน้าต่าง ไอ้ก้อนพืชกลมๆ นั่น ขนาดมันประมาณเกือบเท่ากำ�ปั้น หนามแหลมซึ่งปกติดูเย่อหยิ่งกลาย เป็นแห้งเหี่ยว ลำ�ต้นเคยเขียวสดกลับถูกแทนที่ด้วยสีน้ำ�ตาลเป็นหย่อม กระถางเล็กๆ ซึ่งพยายามโอบ อุ้มชีวิตร่อแร่นั้นมีตัวหนังสือเขียนไว้ด้วยลายมือแบบวัยรุ่นว่า ‘บอลลูน’ นั่นละชื่อมัน ไอ้กระบองเพชรต้นนี้มีชื่อเรียกแสนน่าเอ็นดูว่าบอลลูน บรรทัดต่อมา มีลายมือเดิมเขียนไว้ว่า ‘พี่ฟ้า’ ตามด้วยสัญลักษณ์ห่วยๆ รูปหัวใจสีชมพู แล้ว ปิดท้ายว่า ‘น้องเจ’ เป็นการประกาศว่าบอลลูนมีหนามนี้เสมือนหนึ่งเป็นพยานรักของเราสอง พี่ฟ้ากับ น้องเจมีลกู ชายชือ่ บอลลูนเป็นพืชต้นกระปุกหลุก พืน้ ผิวเต็มไปด้วยหนาม ไม่เคยออกดอกอีกหลังดอก แรกที่ติดมาตอนซื้อร่วงโรยไป นึกสงสัยว่าแม่ค้าเอาดอกอย่างอื่นเสียบไม้จิ้มฟันหลอกขายหรือเปล่า แล้วตอนนี้บอลลูนยังทำ�ท่าจะตายแหล่มิตายแหล่อย่างน่าสังเวช สุดท้ายกลายเป็นพืชภาระ หนามทิ่ม มือ ต้นทิ่มลูกตา จะเตะทิ้งคงเจ็บเท้าอีก ผมไม่รมู้ นั เปลีย่ นสภาพไปถึงเพียงนีต้ งั้ แต่เมือ่ ไร ตอนวางไว้บนโต๊ะทำ�งานทีบ่ า้ นยังเคยเห็นแข็ง แรงดีอยู่ แต่หลังจากหนามของมันทิ่มนิ้วผมครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รักดี บอลลูนจึงได้ถูกเนรเทศมา ประจำ�ข้างหน้าต่างเป็นการถาวร แถมด้วยชื่อใหม่อย่างลับๆ เป็นไอ้ปักเป้า เพราะหนามทิ่มฉิบหาย วายป่วงอยู่นั่น เคยกระทั่งจิ้มค้างอยู่ในนิ้วหัวแม่มือจนกลัดหนอง นับเป็นลูกเนรคุณโดยแท้ 5
เหตุผลเรื่องแสงแดดที่เพียงพอถูกยกมาอ้าง เมื่อน้องเจถามถึงสาเหตุการย้ายถิ่นฐานของ ปักเป้า....หมายถึงบอลลูนน่ะ นอกนัน้ น้องเจก็ไม่ได้เซ้าซีอ้ ะไรอีก ซึง่ นับว่าผิดปกติวสิ ยั แต่ตวั ผมในตอน นั้นกลับไม่ได้สนใจนัก..อย่างทุกทีนั่นละ ใครจะรู้ว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายของเรา สำ�หรับการพูดคุยกันใน ฐานะแฟน ครั้นแล้วก็ก้มลงนับนิ้วตัวเอง คราวนี้ได้หก ความรักครั้งที่หกหลุดลอยไปแล้ว “...แย่ว่ะ” ผมคิดว่าผมกำ�ลังพยายามทำ�ตัวโศกกว่าทีเ่ ป็นจริง บอกตัวเองว่านีเ่ ศร้ามากเชียวนะ เกือบทรุด ตัวลงไปนัง่ น้�ำ ตานองกับพืน้ อยูแ่ ล้วเชียว แต่ได้แค่ครูเ่ ดียวก็ตอ้ งถอนหายใจยาว ความพยายามจะเศร้า เหมือนพระเอกมิวสิกวิดีโอล้มเหลวสิ้นท่า มีแค่ไอ้งั่งหนึ่งคนยืนทำ�สีหน้าว่างเปล่าอยู่ข้างหน้าต่าง ผมเบื่อแล้วหรือเปล่า? เขางอแง ต้องการความรัก ส่วนผมถูกบอกว่าเฉยชา ไม่ค่อยใส่ใจ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา ระหอง ระแหงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกือบกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำ�วัน ลึกๆ แล้วผมอาจโหยหาการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ใครจะไปนึกกันเล่า ว่าไอ้เรื่องที่เปลี่ยน นั้นจะเป็นการถูกหักอก วันเดียวกับที่ได้เลื่อนตำ�แหน่งสูงขึ้นอย่างเป็นทางการ กลายเป็นผู้จัดการฝ่าย การตลาด ในบริษัทจำ�เกิดรักที่ผมทุ่มเทกำ�ลังกาย กำ�ลังใจ และพลังสมองมาตลอดสี่ปี จะหัวเราะหรือ ร้องไห้ยังนึกไม่ออกเลย ชื่อบริษัทกับชีวิตจริงขัดกันอย่างตลกร้าย ผมไม่ได้คร่ำ�ครวญอย่างเพื่อนคนอื่นเป็นเวลาอกหัก แต่มันเหมือนถูกอะไรหนักๆ ฟาดใส่หน้า ตูมเดียวจบ ในตอนที่โดนน้องเจตบแก้มซ้ายเข้าเต็มรักแล้วประกาศตัดความสัมพันธ์ ก่อนเจ้าตัวจะ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร จากนัน้ เก็บข้าวของตัวเองออกจากบ้านผม เหลือไอ้ปกั เป้าทีไ่ ม่รวู้ า่ ลืมหรือจงใจ ทิ้งไว้เป็นของดูต่างหน้า ลูกชายหนามเหี่ยวๆ ที่แม่ทิ้ง และพ่อก็ไม่รู้จะทำ�อย่างไรกับมันดี จึงได้แต่ยืน ทอดหุ่ย ดูวาระสุดท้ายของมันคืบคลานเข้ามาเงียบเชียบ ตอนนี้เส้นกราฟชีวิตที่ผมคาดหวังอย่างลับๆ ว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงได้กลายเป็นเส้น ขยุกขยุย ไม่รู้จะขึ้นหรือลง หน้าที่การงานก้าวหน้าตั้งแต่อายุยี่สิบปลายๆ แต่ชีวิตรักคอยถ่วงให้กราฟ ร่วงนิดหน่อย อารมณ์ที่เกิดกับผมตอนนี้ ตัวเองยังบอกได้ไม่ชัดเลย ผมลองยกมือขึ้นแตะขอบตาครู่หนึ่ง ค้างไว้จนแน่ใจ มันแห้งผาก ไร้วี่แววว่าจะมีอะไรไหลลงมา จนต้องตั้งคำ�ถามว่าควรฟูมฟายให้มากกว่านี้ไหม กับน้องเจซึ่งเพิ่งกลายเป็นอดีตไปสดๆ ร้อนๆ นั้นคบกันมาเกือบสองปี ถึงขั้นเปิดตัวกับที่บ้าน แล้วด้วยซ้�ำ หมายมัน่ ปัน้ มือไว้วา่ จะใช้ชวี ติ คูก่ บั คนนีแ้ น่นอน แต่บทจะลาก็ลากันง่ายดาย บอกเลิกแล้ว ชิ่งเลย ไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อนสักแอะ หรืออาจมีแต่ผมไม่ละเอียดอ่อนพอจะสังเกต ‘พี่ฟ้าไม่ค่อยเอาใจใส่เจเลย’ น้องเจเคยเปรยเรือ่ งนัน้ กับผมด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจบ่อยๆ แม้บางครัง้ เจ้าตัวทำ�นิสยั อย่าง กับเด็กผู้หญิง แต่น้องเจเป็นผู้ชาย 6
และใช่...ตอนนีผ้ มรักผูช้ าย เรียกว่าเป็นเกย์ได้เต็มปาก ถึงเคยคบผูห้ ญิง แล้วลังเลว่าเป็นไบหรือ เปล่า แต่ระยะหลังมาไม่ได้สนใจพวกเธอในเชิงชู้สาวแล้ว ทางบ้านรับรู้เรื่องนั้นเป็นที่เรียบร้อย บ่นพอ เป็นพิธี จากนั้นก็โอ๋น้องเจอย่างกับเป็นลูกรักตัวเอง แม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ�ว่าเลิกกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้น้องเจหายวับไปจากชีวิตผม ไม่รับโทรศัพท์ ไปหาไม่เจอ หากทุ่มเทเพื่อ รั้งตัวเอาไว้ให้มากกว่านี้อาจพอทำ�ได้ ทว่าไม่ได้ทำ� ตระหนักว่าความสัมพันธ์มันเกินเยียวยาแล้วทั้งที่ ยังใจหาย หน่วงอยู่ในอก แต่ตัดสินใจละเลยความรู้สึกนั้นไป หรือว่าเสียใจไม่มากพอเป็นแรงผลักดันให้ ลงมือทำ�อะไรสักอย่างก็ไม่รู้ ผมอาจไม่มีคุณสมบัติจะรักใครอย่างน้องเจปรามาสไว้ก่อนจากก็เป็นได้ ‘พี่ฟ้าน่ะสนแต่งานเท่านั้นละ พี่ฟ้ารักเจจริงๆ หรือเปล่า’ เสียงน้องเจลอยขึ้นมาอีกแล้ว ผมพ่นลมหายใจหนึ่งเฮือกยาวๆ มองเหม่อสุดสายตาแล้วไปติดอยู่กับกำ�แพงเก่าๆ ของบ้าน ใกล้เรือนเคียง มุมหนึง่ ทางหางตายังเห็นไอ้ปกั เป้าทีม่ หี นามเหีย่ วๆ รอบตัว ไม่ทมิ่ นิว้ แล้วแต่ยงั คอยทิม่ แทงให้แปลบอยู่ในอก ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เจ็บแสบอะไรนักหรอก ว่ากันตามตรงแล้ว ผมคงไม่เสียใจเท่าไร...จริงๆ นะ “หม่ามี้แกนี่ ช่างทิ้งพวกเราได้ลงคอ” ผมเปรยแผ่วเบา แวบหนึง่ ซึง่ คิดจะขว้างกระถางกระบองเพชรออกนอกหน้าต่างให้พน้ หูพน้ ตา เสีย แต่แล้วมือกลับชะงักไป ค้างอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ราวกับทุกสิ่งรอบกายได้หยุดนิ่ง โลกหยุดหมุน เรื่องเมื่อสองวันก่อนย้อนกลับขึ้นมาใหม่ เอ่อ ล้นขึ้นจากก้นบึ้งของจิตใจ จากนั้นมาออกฤทธิ์รุนแรงที่ตรงขอบตา “...อา...” เมื่อครู่มันยังแห้งอยู่เลย ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวในที่สุด เมื่อหยดน้ำ�ผุดขึ้นจากรูเปิดท่อน้ำ�ตา จากนั้นร่วงผล็อยลงใส่ กระบองเพชรเหี่ยวๆ อย่างทุเรศทุรัง หล่นลงพร้อมกราฟความรู้สึกซึ่งทิ้งดิ่งโหม่งพื้นแบบไร้สัญญาณ เตือน ผมโคตรเสียใจอยู่เลยนี่หว่า ‘พี่ฟ้าความรู้สึกช้า ไม่ไหวเลย’ คำ�พูดน้องเจหลอกหลอนผมอีกแล้ว และมันก็คงจริงอย่างเจ้าตัวว่าเสียด้วย ผมมันความรู้สึกช้า เพิ่งรู้ตัวว่าปวดใจฉิบหาย แค่ความรู้สึกนั้นมาถึงแบบดีเลย์ไปสองวันเต็มๆ {และผมกำ�ลังเครื่องรวนได้ที่...} 7
สภาพอากาศอบอ้าวมาตลอดบ่าย เสียงฟ้าคำ�รามดังแว่วๆ สุดท้ายฟ้าก็อุ้มน้ำ�ไม่ไหว เสียงซ่า ของเม็ดฝนดังขึ้นจากนอกตัวอาคารจนได้ ผมสาวเท้าเร็วๆ ไปยังที่จอดรถตัวเอง แต่เดินผิดทางเพราะ ลืมไปว่ามีช่องจอดประจำ�ตำ�แหน่งแล้ว ใจลอยได้อีกสิ ท้องผมร้องคลอเสียงฝน หิวจนไส้กวิ่ แต่อาการอกหักซึง่ ยังส่งผลกระทบค้างคา กลับยิง่ กระทุง้ หัวใจทันทีที่สมองหยุดประมวลแผนการตลาดเดือนนี้ อุตส่าห์ทำ�เหมือนลืมๆ ไปได้เกือบทั้งวัน แต่พอ เว้นว่างจากงานก็กลับมาหมกมุ่นเรื่องเดิมจนน่ารำ�คาญอีกแล้ว ผมพยายามบังคับตัวเองให้คิดอย่างอื่นบ้าง หมูหมากาไก่อะไรก็ได้ ว่าแต่จะหันเหความสนใจ ไปทางไหนดีเล่า เรื่องที่คุยกับไอ้ปักเป้าจนดึกดื่นดีไหม ชีวิตอีกมุมของผมซึ่งคนอื่นไม่ค่อยรู้ ตั้งแต่เกิด จนอายุเกือบยี่สิบแปดปีเข้าไปแล้ว ผมชะลอฝีเท้า เริ่มต้นระงับประเด็นซึ่งเกี่ยวกับความรักง่อยๆ ด้วยการเบนความคิดไปยังเรื่อง อื่ น เหมื อ นที่ ทำ � เมื่ อ คื น ย้ า ยความฟุ้ ง ซ่ า นเรื่ อ งเก่ า ไปไว้ เ รื่ อ งใหม่ ไปๆ มาๆ ก็ มี แ ต่ อ ะไรไม่ รู้ กระจัดกระจายไร้ระเบียบอยู่เต็มหัว พอลองขุดคุย้ อะไรหลายอย่างทีเ่ คยผ่านมาทบทวน จึงพบว่ามันก็ตลกดี บางอย่างเลยเถิดกลาย เป็นตลกร้ายด้วยซ้ำ� หลายคนมองว่าผมเป็นผู้ชายเพียบพร้อม ประวัติไร้รอยด่างพร้อย แต่ความจริง ไม่ใช่หรอก มีอะไรงี่เง่าอีกเยอะซึ่งไม่เคยปริปาก เรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตผมคือฉี่ราดในห้องเรียนตอน ป.1 เปียกเต็มกางเกง โดนล้อจนอยาก ตัดขาดกับเพื่อนร่วมชั้นให้รู้แล้วรู้รอด โดยเฉพาะกับไอ้เด็กตัวโตคิ้วตกคนหนึ่งซึ่งจะตีกันตาย แต่หลัง เหตุการณ์นั้นเพียงไม่นาน ผมก็ย้ายโรงเรียนตามแม่ซึ่งย้ายที่ทำ�งาน ถึงตอนนี้จึงแทบลืมหน้าไปหมด วัยเด็กผมเคยพยายามหนีออกจากบ้านสามครั้ง (ไม่สำ�เร็จทั้งสามครั้ง) และทั้งหมดมีสาเหตุ มาจากทะเลาะกับพ่อ ที่ตลกคือหนึ่งในสามนั้น เราเถียงกันเรื่องพ่อไม่เข้าใจว่าทำ�ไมผมชอบไป กะหนุงกะหนิงกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก เมื่อก่อนผมก็ไม่เข้าใจตัวเองหรอก แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว พ่อ ด้วย หรืออาจต้องเรียกว่าพ่อปลงแล้วจะเหมาะกว่า ต่อจากข้างต้นนั่น สรุปว่าผมชอบผู้ชาย โดยเฉพาะพวกที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอม เคยมองผู้หญิง บ้างเหมือนกัน แต่ตอนนี้พูดตรงๆ ก็เป็นเกย์แน่แล้วละ เรื่องรสนิยมทางเพศนี้ไม่มีใครในบริษัทล่วงรู้ จะว่าปกปิดก็ไม่เชิง ผมแค่ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องงานจึงไม่คิดประกาศตัว แต่บางที...นั่นอาจเป็นแค่ข้ออ้างก็ได้...ไม่รู้สิ เมือ่ โตขึน้ มาทำ�งานทำ�การ คนในบริษทั เข้าใจตรงกัน—ซึง่ ไม่คอ่ ยตรงกับทีผ่ มเข้าใจตัวเองเท่าไร ว่าผมเป็นมนุษย์เพียบพร้อม ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ความจริงแล้วมีอีกหลายสิ่งที่ทำ�ให้ผมหวาดผวา หนึ่งในนั้นคือผี... อย่าขำ� ขอร้อง ใช่...ผมกลัวผี ไม่เคยเจอหรอก แต่กลัว อย่างคนกลัวตายยังไม่เห็นต้องเคยตายจริงไหมล่ะ ถึง อย่างนั้นผมก็อยู่บ้านคนเดียวได้ ดีกว่าอยู่บ้านสวนที่สระบุรีซึ่งพ่อแม่ไปใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่ตอนนี้ ที่ โน่นน่ากลัวกว่าเยอะ ไม่อยากนึกถึงสวนกล้วยข้างบ้านตอนกลางคืนทีม่ องเห็นจากหน้าต่างห้องผมเลย 8
อีกมุมซึ่งคนไม่ค่อยเห็น แต่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของผมในอดีต คือเวลาเขินจัดแล้วมักซุ่มซ่าม อะไรอยู่ใกล้มือพร้อมจะปัดหล่นพังพินาศได้ทุกเมื่อ แต่โชคดีมีอยู่บ้างตรงที่ปกติไม่ค่อยเขินง่ายเท่าไร มีที่เกินทนจริงๆ นับครั้งได้เลยตอนยังเด็กและวัยรุ่น พอโตมาก็คล้ายว่าจะตรากตรำ�กับชีวิตจนหน้า หนาขึ้น คนรอบข้างจึงไม่ค่อยได้เห็นโหมดนั้นมานานแล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าเจ็บใจ แต่คนทั่วไปกลับมองว่าพิเศษ คือผมเกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ปีอธิกสุรทิน ซึ่งสี่ปีจะมีสักครั้ง ตอนเด็กๆ เลยรอคอยวันเกิดของตัวเองมาก เคยมีน้อยใจอยู่บ้าง แต่โตมาแล้วกลับ กัน คือมักลืมว่ามันวนมาถึงแล้ว ถึงตรงนี้ ผมเดินมาถึงข้างรถตัวเอง มือจับรีโมตไว้แต่ยงั ไม่ได้ปลดล็อค มัวแต่เหม่ออยูน่ นั่ ทอด สายตาเลยหลังคารถไปอย่างไร้จุดหมาย คิดต่ออีกว่านอกจากเรื่องพวกนั้นแล้ว มีอะไรอีกนะที่ไม่ค่อย เข้าท่า สงสัยว่าทั้งหมดนั้นคงรวมๆ กันแล้วกลายเป็นสาเหตุให้ความรักล่มจมอยู่เรื่อย อ้อใช่...เรื่องอารมณ์ขันนี่อีกอย่าง ความพยายามปล่อยมุกตลกกลางวงสนทนาของผม มีอัตราส่วนที่เรียกเสียงฮา : แป้ก อยู่ราว 1 : 100 ไม่ค่อยมีใครขำ�กับผมเท่าไร ยิ่งหากทำ�หน้าตายไปด้วยนี่เพื่อนไม่ค่อยรู้ด้วยซ้ำ�ว่าเล่นมุก กลับ มองมาด้วยสายตาแปลกๆ แทนเสียฉิบ ไหนจะฝีมือทำ�อาหารของผมซึ่งเข้าขั้นย่ำ�แย่ เลยใช้วิธีซื้อกลับมากินบ้านบ้าง แวะกินข้างนอก บ้าง หรือบางครั้งก็ทำ�อะไรที่มันง่ายๆ ถือคติว่าอาหารที่สุกแล้วคือกินได้ทั้งหมด น้องเจเคยทำ�ให้บ้าง เพราะเจ้าตัวมักมาค้างช่วงต้นสัปดาห์ แต่รสชาติไม่เป็นมิตรกับลิ้นพอกัน ...น้องเจ... ทำ�ไมวกกลับมาเรื่องน้องเจอีกแล้วล่ะ!? “คุณฟ้าครับ?” {ส่วนไอ้พนักงานที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็นะ...} ผมชะงัก เกือบสะดุ้งออกมาแล้ว กำ�ลังฟุ้งซ่านอยู่เชียว เหลียวหลังกลับไปมองต้นเสียง ก็พบ พนักงานใหม่ยืนอ้ำ�อึ้งอยู่ตรงนั้น ส่วนสูงค้ำ�หัว คิ้วตกน้อยๆ และตาใสแจ๋ว คราบกาแฟยังเป็นดวงสี น้ำ�ตาลเด่นบนอกเสื้อ แล้วเขาก็ช่างสวมมันไว้อยู่ได้ทั้งวัน ว่าแต่เขาชื่ออะไรนะ... “อ้าว?” ผมทักเสียงเรียบ ประหนึง่ ว่าเมือ่ กีไ้ ม่ได้ตกใจอะไรเลยสักนิด นึกชือ่ เขาไปด้วย..ปกป้อง? ใช่แล้ว ปกป้อง... “คุณปกป้องมีอะไรหรือเปล่าครับ” “เรียกป้องเฉยๆ ก็ได้ครับ” “ป้องเฉยๆ” เขาเบิกตากว้างกับมุกตลกฝืด จากนั้นหัวเราะเสียงใส ทำ�ผมผงะไปนิดหน่อยเลยเชียว ให้ตาย เถอะ เส้นตื้นไปไหม 9
“ขำ�อะไรครับ” “เปล่าครับ” ยังมีหน้ามาบอกว่าเปล่าอีก “ตลกหรือครับ” ผมถามอย่างมีความหวัง แต่นัยน์ตาดุๆ ที่แม่ให้มาของตัวเองคงทำ�เขาเข้าใจ ผิดว่าขุ่นเคือง เจ้าตัวจึงได้รีบอธิบายต่อละล่ำ�ละลัก “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่ไม่คิดว่าคุณฟ้าจะเล่นอะไรแบบนี้ด้วย” เขากลั้นหัวเราะ อย่างน้อย ก็ดูมีความพยายามใช้ได้ ก่อนจะพูดต่อ “น่ารักครับ” ผมถึงกับใบ้กินไปหนึ่งอึดใจ คนเราอะไรมันจะบ้าจี้แล้วยังบอกว่าผู้ชายอกสามศอกขนาดนี้น่า รักได้ง่ายๆ แถมไอ้ตลอดหนึ่งอึดใจที่ผมอึ้งไปนั้น ปกป้องก็ยังยืนอยู่จุดเดิมเหมือนรอให้ผมส่งเสียงได้ อีกรอบ “พูดแบบนี้ เบื่องานแล้วหรือครับ อยากเปลี่ยนที่ทำ�งานอีกรอบไหม” “เอ๋...ขอโทษครับ ผมไม่ได้หมายความในเชิงไม่ดี” “อยู่การตลาดหรือการตลกครับ” ปกป้องหลุดหัวเราะอีกแล้ว เอ้อ...เกิดมาไม่คอ่ ยมีใครขำ�กับคำ�พูดหน้าตายพวกนีข้ องผมมาก่อนนะ “แล้วนี่มืดแล้ว มาทำ�อะไรแถวนี้ครับ” ผมถามต่อ สำ�เหนียกได้ว่าดูแลพนักงานใหม่ของแผนก ก็เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบ แม้ผมเพิ่งอกหักและต้องการกลับไปดูแลปากท้องตลอดจนสภาพจิตใจ ตัวเองบ้างก็เถอะ “ผมลืมของน่ะครับ เลยกลับมาเอา” “ของสำ�คัญหรือครับ ป่านนี้แล้วแท้ ๆ” “กุญแจห้องพักครับ” ผมพยักหน้า แม้แปลกใจนิดหน่อย ว่าเขากลับมาเอากุญแจ แล้วทำ�ไมผมซึง่ ยังอยูอ่ อฟฟิศทีช่ นั้ สี่เกือบตลอดจึงไม่เห็น แต่นึกขึ้นมาว่าบางทีเขาอาจลืมไว้ตรงส่วนอื่นของอาคารก็ได้ “...อ้อ” ผมพึมพำ�ลอยๆ ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ระดับสายตาอยู่ใกล้เคียงคราบกาแฟบนอกเสื้อเขา เห็นมันทิ่มลูกตาเข้าจังๆ แล้วให้รู้สึกผิด เจ้าตัวใส่เสื้อผ้าแบบนี้ทั้งวันไม่อายบ้างหรืออย่างไร “ทีนี้ติดฝนเข้าพอดี” ปกป้องอธิบายต่อ ผมพยักหน้าอีกครั้ง ตายังจับจ้องอยู่กับคราบกาแฟ “แล้วกลับยังไงล่ะครับ?” เพราะผมดันถามออกไปอย่างนั้นนั่นละ {...ดันกลายเป็นออริเก่า! } 10
เขายิ้มละมุน “คุณฟ้าตลกอีกแล้ว” “ไม่ตลกครับ” ปกป้องหันมามองผมเต็มตา จ้องเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “คุณฟ้าไม่ ทำ�เรื่องอย่างนั้นหรอกครับ ผมรู้” ผมฟังแล้วถอนหายใจเฮือก “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันครับ” “เพราะคุณเหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งเลย” “หือ?” “เพื่อนคนนั้นน่ะ...” เขายิ้มกับอากาศ “คิดว่าตอนที่โตแล้ว คงจะเหมือนคุณฟ้านี่ละ” ไม่รู้จะตอบอะไรดี จึงได้แต่พยักหน้าเงียบๆ กลายเป็นเปิดโอกาสให้เขาพูดต่อ “รู้จักกันตั้งแต่ ป.1 แน่ะ” “นานมาแล้วนะครับ” “แต่พอขึ้น ป.2 เขาก็ย้ายตามพ่อแม่” ผมพยักหน้าตามอีกครั้ง เรื่องคุ้นดีจริง อย่างกับชีวิตผมเลย ย้ายโรงเรียนตอนขึ้น ป.2 เพราะ แม่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกันย้ายที่ทำ�งานพร้อมกับเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ด้วย “จริงๆ คงเป็นเพราะแม่เขาที่เป็นคุณครูย้ายนั่นละครับ” เดี๋ยวนะ...คุ้นเกินไปแล้ว ผมหันไปมองหน้าปกป้อง ถามอีกครั้งให้แน่ใจ “หมายถึงว่าแม่เขาเป็นครู แล้วก็ย้ายโรงเรียน สอน เขาเลยย้ายไปด้วยหรือครับ” เขาผงกศีรษะรับ ส่วนผมทำ�เป็นเลิกคิว้ เหมือนว่าเพิง่ เข้าใจ แม้ในสมองเริม่ ขุดคุย้ หาภาพเพือ่ น เก่าในความทรงจำ�เลือนรางขึ้นมาเทียบแล้ว “อ้อ...” ผมพึมพำ� ถามต่อลอยๆ โดยหันหน้าไปทางจอโทรทัศน์ ประหนึ่งว่าไม่ได้สนใจอยากรู้ เรื่องนั้นนักหรอก “แล้วจำ�ชื่อเขาได้หรือเปล่าครับ” ปกป้องเงียบไปครู่หนึ่ง เป็นระยะเวลาสั้นๆ ที่ผมรู้สึกเหมือนโดนเพ่งจากด้านข้างตลอดเวลา ทว่าเมื่อหันไปหา อีกฝ่ายก็เสมองไปทางอื่น “จำ�ไม่ได้แล้วครับ” “แต่พูดเหมือนจะสนิทกันระดับหนึ่งเลยนะครับ?” เขาหัวเราะ โบกมือไปมา “เรียกอย่างนั้นคงไม่เชิง แถมมีช่วงที่เหมือนจะผิดใจกันด้วยครับ ว่า ยังไงดีล่ะ...” เขาทำ�ท่าลังเล ส่วนผมตั้งใจฟังสุดๆ อย่างกับกำ�ลังอยู่ในที่ประชุมใหญ่ของบริษัท “...คือ...ครั้งหนึ่งเขาฉี่รดกางเกง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่คุยกับผมอีกเลย” นี่มันเรื่องอะไรกัน!? 11
ผมอยากแหกปากว่าอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงกลับได้แต่อ้าปากหวอ หัวใจเต้นเร็วยิ่งกว่าตอนผี สาวโผล่ขึ้นมาในจอเมื่อครู่นี้เสียอีก ทั้งแก้มและใบหูร้อนฉ่าไปหมด ต้องแกล้งทำ�เป็นยกผ้าขนหนูขึ้น เช็ดผมเพื่อปิดบังพิรุธ เพื่อนซึ่งปกป้องเล่านั่นคือผมเองแน่นอน กล้าฟันธงฉับๆ เอาเก้าอี้ผู้จัดการที่เพิ่งได้นั่งแค่หนึ่ง วันเป็นเดิมพันเลย ว่าแต่ปกป้องที่นั่งอยู่นี่เป็นเพื่อนคนไหนกันจากตอนนั้น? ผมพยายามเค้นความจำ�เกี่ยวกับเพื่อนสมัย ป.1 เต็มสูบ ใครกันที่คิ้วตกๆ ตัวโตๆ ใครกันที่ หลังจากเหตุอุทกภัยถล่มใส่กางเกงผมแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย หรือว่าจะ... ผมเบิกตากว้างเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ หันขวับไปมองปกป้องทั้งที่ยังอ้าปากค้าง หมอนั่นแน่ๆ ไอ้คนที่มันล้อผมเรื่องฉี่ราดจนต่อยกันปากแตก จากนั้นผมก็เลิกเสวนาด้วยจน ย้ายโรงเรียน เพือ่ นตัวใหญ่อนั ธพาลคนนัน้ เด็กประถมหัวโจกจอมเกเรผูเ้ ป็นพยานความอับอายอันหนักหนา สาหัส สร้างบาดแผลครั้งใหญ่ให้ชีวิตวัยเยาว์ของผม ตอนนี้เจ้าตัวกำ�ลังนั่งเหมือนเป็นลูกหมาเชื่องๆ อยู่ข้างกันนี่เอง แม้บุคลิกเปลี่ยนไปบ้าง แต่ยังคิ้วตกและตัวโตเหมือนเดิม ก็ถึงว่าทำ�ไมผมจึงได้รู้สึก คุ้นๆ กับนัยน์ตาเขานัก “ดูความสัมพันธ์กับเพื่อนคนนั้นจะไม่ค่อยดีนะครับ” ผมพยายามพูดโดยไม่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไม่รู้สึกผิดอะไรบ้างหรือ” “เอ๋?” “เปล่าหรอกครับ” ผมบอกปัด “แค่เห็นพูดเหมือนทะเลาะกัน” ว่าพลางทำ�เป็นใจเย็น เก็บความปรีด๊ เป็นเด็กๆ เอาไว้กอ่ น ขืนไปกระชากคอเสือ้ แล้วชวนตี เขา คงจับได้กันพอดีว่าผมนี่แหละไอ้เด็กที่ฉี่ราดตอนนั้น และผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่านั่นมันเรื่องน่าอาย อันดับหนึ่งสำ�หรับผมเลย “ผมอยากขอโทษสักครั้งเหมือนกันนะครับ” ปกป้องพึมพำ� พูดจบก็จ้องผมนิ่ง เล่นเอาระแวง ขึ้นมาทันทีจนต้องขยับตัวหยุกหยิก ผมแสดงความสนใจโจ่งแจ้งเกินไปหรือเปล่า หรือว่าเขาจะจับพิรุธ ได้ในคำ�พูดผมเมื่อครู่ “...ถึงผมจะยังไม่รู้เลย ว่าทำ�ผิดอะไรเขาถึงไม่พูดด้วยอีก” แต่พอได้ยินเท่านั้นละ ปรี๊ดอีกรอบเลย ไม่รู้ได้ไงวะ! ตอนนั้นจะตีกันตายกันอยู่แล้ว “เอาละ!” ผมลุกพรวดพราด ตัดบทลงดื้อๆ ผายมือไปทางห้องนอนเก่าของน้องเจ “ดึกแล้ว นอนเถอะ คุณป้องนอนห้องโน้นนะครับ ว่างอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกเช้าหน่อย ได้แวะไปส่งคุณที่อพาร์ต เม้นต์ก่อน ผมไม่มีชุดทำ�งานไซส์คุณให้ยืม” ว่าจบแล้วจึงหันหลัง เตรียมจ้ำ�เข้าห้องตัวเอง แต่เกือบหัวทิ่มเพราะโดนดึงแขนเอาไว้ 12
“คุณฟ้าครับ” “ครับ?” เขาอ้ำ�อึ้งอยู่อึดใจ จากนั้นถามขึ้นมาเบาๆ “โกรธอะไรผมหรือครับ?” {แล้วยังเจอกับผู้ชายที่เป็นรักแรก (ซึ่งเขาจำ�ผมไม่ได้แล้ว) อีกต่างหาก...} “เป็นอะไรไหมครับ” “ไม่เป็นไร” เจ้าตัวพึมพำ� เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ผมหรี่ตามองขณะเขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง แต่ถึงกระนั้นก็ยังเตี้ยกว่าผม...อาจจะเกือบสิบ เซนติเมตรได้ ตัวเล็กจริง ๆ “ขอบคุณครับ” แก้มใส ตาโต ปากจิม้ ลิม้ แล้วก็คว้ิ ตกนิดๆ คุน้ เหลือเกิน เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่านะ อีกฝ่ายมองผมเต็มตา ก่อนจะมองเลยไปยังปกป้อง หันกลับมามองผมอีกที มองปกป้องอีกหน จากนั้นก็แทบตีปีกพั่บๆ ส่งเสียงอุทานจนลิ้นพันกัน “เฮ้ยๆๆ!” เขาทำ�ตาโต จากที่โตอยู่แล้วเลยยิ่งลุกวาวเข้าไปใหญ่ กระดิกนิ้วชี้ไปทางปกป้อง อ้า ปากพะงาบเหมือนจะเอ่ยอะไรสักอย่างแต่นึกคำ�พูดไม่ออก ตะกุกตะกักอยู่พักหนึ่งจึงโพล่งขึ้นมา “ป้อง! ไอ้ป้องปะวะ!” “หือ?” “ฉันหมิงไง!” “...หมิง” “เออ หมิง” อีกฝ่ายย้ำ� “สมัยประถมอะ” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินคำ�ว่าสมัยประถม มนุษย์คิ้วตกโผล่มาอีกคนแล้ว คนนี้ประถมไหนอีกล่ะ ประถมแบบรวมช่วง ป.1 อันแสนอัปยศของผมเข้าไปด้วยหรือเปล่า ใครกันนะที่ผิวขาว ตัวเล็ก ตาโตใสแจ๋ว จมูกปากจิ้มลิ้ม และคิ้วตกนิดหน่อย พอนึกไล่เรียงอย่างนีก้ เ็ ริม่ คุน้ ขึน้ มา หมิง...หมิงอย่างนัน้ หรือ...ผมว่าผมเคยมีเหมือนกันนะ เพือ่ น ที่หน้าตาน่ารักแบบนั้น และชื่อสะกดด้วย ม.ม้า คุ้นๆ เหมือนกับ... ...เพื่อนร่วมห้องที่ผมยกช็อกโกแลตให้เขาทั้งกล่อง คนที่ผมยอมให้สีไม้ของตัวเองกับเขา แทน แท่งที่เจ้าตัวทำ�หายไป... “เฮ้ย!?” 13
{คนปกติในวัยทำ�งาน เขาจำ�เรื่องสมัยประถมได้แค่ไหน?} มนุษย์คิ้วตกสองคนจากสมัย ป.1 โผล่เข้ามาในชีวิตผมตอนที่การงานกำ�ลังรุ่ง แต่ดวงความรัก กำ�ลังร่วง ทว่าเหมือนฟ้าว่างจัดเลยมาแกล้งให้หัวปั่น เพราะหนึ่งในนั้นคืออริเก่า กับอีกหนึ่งคือรักแรก ชีวติ ผมทีผ่ า่ นความผิดหวังในรักมาหนึง่ ...สอง...สาม...สี.่ ..ห้า...และ... เอาละ อย่านับครัง้ เลย คล้าย จะเจอปัญหาหัวใจอีกครั้ง เมื่อหนึ่งศัตรู และหนึ่งรักเก่า ตบเท้ากันเข้ามาทำ�ตัวมีลับลมคมในอย่างไม่ เกรงใจความจำ�ปลาทองของผม เรื่องงานผมไม่ถอยแน่ แต่เรื่องหัวใจนี่...เอ้อ...มีลาพักร้อนไหมครับ? ผมทำ�งานในบริษัทซึ่งมีคำ�ว่า ‘รัก’ อยู่ในชื่อ แต่ประสบการณ์ความรักของผมไม่ค่อยเข้าท่านักหรอก [ทวีตน่ารันทดของผมเอง]
14
ว่ากันว่า เดือนหน้าหนาวเป็นฤดูที่เห็นดวงดาวได้ชัดที่สุดโดยเฉพาะในช่วงหัวค่ำ� เสียดายที่ กรุงเทพอาจไม่ได้สมั ผัสความรูส้ กึ แบบนัน้ เท่าไรเพราะแสงจากตัวเมืองสว่างจ้าพอให้เห็นเพียงแสงสว่าง ของดาราเพียงรำ�ไร ผมยืนเท้าแขนอยูท่ รี่ ะเบียงห้องทำ�งาน กระชับเสือ้ คลุมทีส่ วมทับชุดนอนอีกทีให้ชดิ ผิวเนื้อเมื่อลมหนาวพัดผ่าน “ดื่มนมสักหน่อยก่อนไหมภาค” เสียงทีด่ งั มาจากด้านในทำ�ให้ผมผละกายมาจากลูกกรงปูนสีขาว แม่ยนื พิงกรอบประตูบานใหญ่ ในมือถือแก้วนมอุ่นๆ มาด้วย ผมรับไว้แล้วขอบคุณอีกฝ่ายในลำ�คอ “พักผ่อนบ้างก็ดีนะ ทำ�แต่งานจนดึกจนดื่น” “ต้องเคลียร์งานที่ค้างให้มากที่สุดน่ะครับ ตอนสอนปอมจะได้ไม่มีปัญหามาก” “เราโอเคนะที่จะต้องถ่ายงานให้น้อง...” “ครับ” ผมยิ้มกว้าง “ที่จริงทุกอย่างก็เป็นของปอมมาตั้งแต่ต้น ผมต้องขอบคุณคุณไกรสิทธิ์เสีย อีกที่เมตตายกร้านของพ่อให้” “ป๊าเขาก็มองภาคเป็นลูกคนหนึ่งเหมือนกันนั่นแหละ เหมือนที่แม่มองน้องปอมเป็นลูกชายอีก คนนั่นไง” ผมพยักหน้า ยกนมอุ่นๆ ขึ้นจิบ อุณหภูมิที่แตกต่างกันชัดเจนของอากาศและเครื่องดื่มทำ�ให้ เกิดฝ้าบางๆ ที่กรอบแว่นสายตาสำ�หรับใส่ทำ�งานของผมจนเป็นสีขาวมัวไปหมด “ภาคเข้ากับน้องได้หรือเปล่าจ๊ะ” “พักนี้ไม่ค่อยได้คุยน่ะครับ แต่ถ้าเจอก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน คุณไกรสิทธิ์กับน้องปอมล่ะครับ” “ก็ยังห่างๆ เหมือนเดิมแหละจ้ะ” แม่พูดพลางถอนใจ “ภาคก็ช่วยพ่อลูกเขาดีกันหน่อยแล้วกัน เราอายุไล่เลี่ยกับน้องที่สุดในบ้าน แม่เองก็เป็นแค่แม่เลี้ยง คงพูดอะไรมากไม่ได้” “หลังจากวันที่คุณไกรสิทธิ์พาปอมไปช็อปปิ้งก็น่าจะดีขึ้นแล้วนี่ครับ” ผมย้อนนึกไปถึงวันทีเ่ ข้าไปคุยกับเจ้าเด็กตัวขาวถึงในห้อง ถึงจะเถียงกันตามประสาพีน่ อ้ งบ้าง แต่ปอมก็ทำ�ตามที่ผมแนะนำ�จริง บนโต๊ะอาหารปรินทรก็ขอบคุณบิดาอย่างขอไปที ถึงแม้จะดูไม่ได้ เต็มใจนักแต่ผมก็คิดว่านั่นเป็นการพัฒนาไปในทางที่ดีพอสมควร มารดาถอนหายใจยาว เรื่องต่อจากนั้นแม่จะเป็นคนเห็นปฏิกิริยาของสองพ่อลูกมากกว่าผม “ก็ตามประสาแหละจ้ะ ดีบา้ งไม่ดบี า้ ง หลังจากงานเปิดตัวคงสนิทสนมกันมากกว่านี้ ว่าแต่เรือ่ งงานวัน เกิดไปถึงไหนแล้วล่ะจ๊ะ”
15
ผมเท้าแขนไปกับขอบรั้วทรงเตี้ย หลังจากตกลงกับคุณปกป้องวันก่อนก็ประสานงานต่อกับน นทัชนิดหน่อย ยังไม่ได้คุยเรื่องรายละเอียดมากเนื่องจากยังยุ่งๆ กับงานที่บริษัทอยู่ จวบกับข้อมูลของ ปอมตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักเพิ่มเติมจากวันก่อนเลยเลื่อนนัดที่จะคุยกับมันไว้ ถอนหายใจแผ่วพลางนึกว่า ต้องทำ�อะไรมากกว่านี้สักที “หลังจากกลับจากเชียงใหม่รอบหน้าคงต้องเข้าไปคุยจริงๆ จังๆ แล้วล่ะครับ” “ประชุมสมาคมโรงแรมในภาคเหนือน่ะหรือ ไปเมื่อไรล่ะ” “วันอังคารครับ ถึงต้องรีบเคลียร์งานทางนี้ให้เรียบร้อย ผมว่าจะพาน้องปอมไปด้วยนะครับแต่ ยังไม่ได้บอกคุณไกรสิทธิ์เลย ประชุมเสร็จว่าจะพาน้องเที่ยวต่อสักสัปดาห์” “อย่างนั้นก็ดีนะ น้องปอมจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่บ้านคงเบื่อแย่” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ดื่มนมจนหมดก็เดินกลับมาวางที่โต๊ะแล้วกอดแม่จากด้านหลัง เรามอง ขึ้นไปบนท้องฟ้าผืนเดียวกัน “ถ้าภูมิอยู่คงอายุไล่ๆ กับปอม” “นั่นสินะครับ” เกิดความเงียบขึน้ มาพักใหญ่ ผมเลือ่ นสายตาไปมองแม่ทนี่ �้ำ ตารืน้ มองไปทีเ่ ดียวกันแล้วจับมือ นุ่มเอาไว้มั่น “ภาคว่าแม่เข้านอนเถอะ ดึกมากแล้ว อากาศเย็นด้วยเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” แม่พยักหน้าแล้วพลิกตัวกลับมาลูบหัว ไม่ว่าเมื่อไร สำ�หรับท่านแล้วผมก็เหมือนเป็นเด็กเล็กๆ อยู่เสมอ “ภาคก็รีบเข้านอนนะจ๊ะ อย่าดึกมาก” “ดื่มนมไปก็ง่วงขึ้นมาเลยล่ะครับ เดี๋ยวภาคเอาแก้วลงไปเก็บในครัวก็ขึ้นนอนแล้ว แม่เข้านอน ก่อนเลยครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” “ฝันดีจ้ะ” ผมส่งยิ้มให้จนแม่หายไปกับประตูหลัก ห้องทำ�งานของบ้านเต็มไปด้วยตู้หนังสือและแฟ้ม เอกสาร มีคอมพิวเตอร์พีซีวางอยู่บนโต๊ะ ฝั่งตรงกันข้ามจะเป็นโต๊ะทำ�งานโล่งที่มีกรอบรูปของคุณไกร สิทธิ์กับปอมตั้งไว้ ผมเดินผ่านทีไรก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมาดู รอยยิ้มของเด็กน้อยเมื่อครั้งที่ผู้เป็นพ่อยัง หนุ่มสดใสราวกับทั้งโลกไม่มีความโหดร้ายใดๆ รออยู่ ผมหยิบแก้วแล้วเดินออกจากห้องทำ�งานตามแม่ไปเก็บในครัว พอกลับขึ้นมาอีกครั้งเห็นไฟยัง ลอดออกมาจากห้องนอนที่อยู่ใกล้กันก็ลองเคาะประตูเรียก ปอมสวมกางเกงบอลตัวเดียว คาดผมโชว์ หน้าผากขาวเปิดประตูรับ “ยังไม่นอนอีกเหรอเรา” “สไกป์คุยกับเพื่อนที่ต่างประเทศอยู่ พี่ภาคอะ” “เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ” ผมตอบก่อนเงียบไปพักหนึ่ง ปอมมองหน้าผมแล้วหันกลับไปดูโน้ตบุค ที่เปิดทิ้งไว้ “เข้ามาก่อนปะ” 16
“อืม” ภายในห้องขนาดพอดีของเด็กหนุ่มรกกว่าครั้งก่อนที่ผมเข้ามาส่งอย่างเห็นได้ชัด ปอมไม่ค่อย ให้ใครเข้ามาทำ�ความสะอาดเพราะหวงของใช้ส่วนตัวเป็นพิเศษ ผมนั่งลงบนปลายเตียงข้างๆ กับ คอมพิวเตอร์ทเี่ จ้าของห้องเปิดทิง้ ไว้ เด็กสาวหน้าหมวยจัดมองทีจ่ อก่อนทักปอมเป็นภาษาฝรัง่ เศส ผม แปลไม่ออก ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ แต่เห็นสีหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์นักก็ได้แต่เลิกคิ้วถาม “พี่รบกวนหรือเปล่า” “เปล่า คุยเสร็จพอดี” พูดพลางปิดจอโปรแกรมลงโดยไม่แยแสฝ่ายตรงข้ามแล้วยกคอมไปเก็บ บนโต๊ะ เปิดทีวีที่มีถ่ายทอดสดฟุตบอลแทน “อาทิตย์หน้าไปเชียงใหม่กันไหม พี่ไปประชุม จะชวนเราไปเที่ยวเล่นด้วย หน้าหนาวดอกพญา เสือโคร่งกำ�ลังบาน” “ไปกี่วันน่ะ” “หนึ่งสัปดาห์ ทำ�ไม มีธุระเหรอ” “ก็เปล่าหรอก” เด็กหนุ่มหัวทองพูดพลางโคลงหัว “เจน คนที่คุยด้วยเมื่อกี้จะกลับไทยน่ะ ถ้า ไม่ว่างไปรับจะได้บอกไว้แต่เนิ่น ๆ” “แฟนเหรอ” ผมถามพลางมองตามเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ปิดลงแล้วไปด้วย ปอมทิ้งตัวลงบน เตียงแต่ยังผงกหัวขึ้นมาดูทีวีที่ปลายเท้า “เคยคบกันแป๊บๆ แต่เลิกมานานแล้ว พี่ภาคอย่าบังดิ มานั่งนี่” ผมพยักหน้าก่อนขยับตัวขึ้นไปพิงหัวเตียงข้างๆ ปรินทร ตากลมใสจับจ้องจอโทรทัศน์ไม่ละไป ไหน ผมควรจะกลับห้องนอนเมือ่ เห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้ใยดีเท่าไรแต่กลับนัง่ นิง่ อยูอ่ ย่างนัน้ พักใหญ่ๆ “พี่ภาคมีแฟนปะ” “ตอนนี้เหรอ ไม่มี” “ก็วา่ อยู่ เห็นทำ�แต่งาน” ผมไม่พดู อะไรต่อแต่นงั่ เงียบๆ ข้างๆกัน พักใหญ่ปอมก็เป็นฝ่ายทำ�ลาย ความเงียบเสียเอง “เจนมันเห็นพี่เมื่อกี้แล้วชอบ...” “ที่ทำ�ท่าหงุดหงิดน่ะเหรอ” “ไม่ได้หงุดหงิด” “หึงเขาหรือไง” ปอมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เหลือบตามองผมค้อน “ไม่ได้หึง แค่ไม่ชอบ” “โอเค ไม่ชอบก็ไม่ชอบ” พอยอมแพ้กห็ ยุดเถียง ปอมกอดอกเข้าหากันมองจอโทรทัศน์ตอ่ ปกติแล้วผมไมได้ดบู อลหรอก อย่างที่ปอมบอก ทำ�แต่งาน วันๆ เรื่องรื่นเริงบันเทิงใจอะไรไม่เคยมี ส่วนเรื่องออกกำ�ลังกายเช้าๆ ก็ ไปจ๊อกกิง้ รอบหมูบ่ า้ นก่อนพระอาทิตย์ขนึ้ เท่านัน้ ส่วนอีกฝ่ายน่าจะชืน่ ชอบเอาการ เห็นตราสัญลักษณ์ ทีมโปรดห้อยอยู่กับกุญแจบ้านเมื่อวันก่อน ไม่รู้ว่าไปซื้อมาตอนไหน 17
ผมปล่อยให้ปอมนั่งดูบอลไปพักใหญ่ คู่วันนี้ออกจะน่าเบื่อเพราะตลอดเกมไม่มีใครบุกไปชิง ประตูได้สักทีม ปอมเองก็คงคิดคล้ายกันเผลอแวบเดียวก็เอนคอซบบ่าหลับสนิทเข้าให้แล้ว ผมขยับตัว ปรับท่านอนให้อกี ฝ่ายเอนตัวสบายๆ ลุกขึน้ ปิดทีวกี อ่ นเดินไปปิดไฟแล้วเตรียมออกจากห้อง ทว่าเสียง ทุ้มต่ำ�ของเด็กหนุ่มที่พูดยานคางกลับทำ�ให้ขาทั้งสองข้างชะงักทันที “พี่ภาค...” “นอนได้แล้วปอม” “นอนเป็นเพื่อนผมหน่อยดิ” ผมเลิกคิ้วขึ้น ก่อนเดินกลับไปหา นั่งลงข้างเตียงภายในห้องที่มืดสนิท “วันนี้เป็นอะไรอีกครับ” “เปล่า แค่อยากให้นอนเป็นเพื่อน” ผมยิ้มก่อนเอนตัวลงข้างๆ ชอบเวลาที่ปอมอ้อนแบบนี้ชะมัด เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ซื่อตรงกับ ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่สุด “ทำ�ไมทำ�แต่งานวะ” “หืม” “ก็หลังจากวันนั้น ก็เห็นกลับบ้านเร็วแค่วันเดียว ทีเหลือก็กลับมาดึกๆ ดื่นๆ ตลอด โกรธอะไร ผมหรือเปล่า” “ไม่ได้โกรธนี่ ทำ�ไมคิดแบบนั้นล่ะ” “ก็เปล่า...” ปรินทรพูดเสียงแผ่ว หลุบสายตาลงท่ามกลางความมืด “เหงาเหรอ” ผมถามตามที่สามารถจับความรู้สึกได้ ปอมไม่ตอบแต่หลับตาลง ผมยกมือขึ้นปัด ผมเส้นเล็กออกจากหน้าผากก่อนยืดตัวไปจูบบนผิวเนื้อผะแผ่ว ดึงตัวปอมเข้ามากอดไว้ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ ปฏิเสธแต่อย่างใด “ห้องปอมมีดาวเรืองแสงเต็มไปหมดเลยแฮะ” คนในอ้อมแขนไม่ตอบ ผมเลยโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงต่ำ� “แข่งกันนับดาวจนกว่าจะหลับดี ไหม” เหมือนที่คุณไกรสิทธิ์ชอบทำ�เวลาที่ปอมยังเด็กไงล่ะ จริงอย่างทีป่ อมบอกทุกประการทีผ่ มกลับบ้านดึกบ่อยๆ และไม่แปลกเลยสักนิดทีป่ อมจะรูส้ กึ โดดเดี่ยวแบบนั้น สุดสัปดาห์เดียวกันเมื่อสบโอกาสว่างก็ไปตลาดกับป้าพินแต่เช้า ซื้อวัตถุดิบไว้ทำ� กับข้าวสำ�หรับมื้อเย็น วันก่อนเห็นเด็กหนุ่มร่ำ�ๆ ว่าอยากกินต้มข่ากุ้งใส่เห็ดเข็มทอง โชคดีที่วันนี้ได้กุ้ง ตัวใหญ่แถมยังสดจากแม่ค้าเจ้าประจำ�เลยคิดว่าจะทำ�เอาใจเสียหน่อย ผมไม่ได้เข้าครัวบ่อย แต่ถ้ามีโอกาสก็จะไปช่วยแม่กับป้าพินบ้าง พ่อผมชอบทำ�กับข้าว ตั้งแต่ เล็กเวลาที่ใช้ร่วมกันส่วนใหญ่จึงเป็นในครัวเสียมาก ผิดกับปรินทรที่โตมาจากบ้านที่มีพ่อครัวคอยทำ� อาหารให้ตั้งแต่เล็กเลยทำ�อะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง 18
ความจริงแล้วปอมก็มีเรื่องที่ถนัด เขาชอบออกไปปั่นจักรยานตอนเย็น หรือว่ายน้ำ�ที่สระหลัง บ้าน ผมเห็นรูปถ่ายในห้องหลายรูปเป็นตอนรับถ้วยรางวัลจากกีฬาหลายๆ อย่าง น่าแปลกที่ยังคงตัว เล็กได้ขนาดนีแ้ ม้เจ้าตัวจะเฝ้าฝึกฝนร่างกายมาเป็นนิสยั กระนัน้ กล้ามเนือ้ บนหน้าท้องกับแผ่นอกเมือ่ เปลือยกายก็เรียกได้ว่าสมแล้วกับที่ปอมเป็นนักกีฬาตั้งแต่ยังเด็ก “กลางวันนี้ป้าจะทำ�ข้าวผัดแฮมนะคะ ตอนเย็นค่อยลุยทำ�อาหารไทยกัน กินเก่งขนาดนี้สงสัย ได้อ้วนกันหมดทั้งบ้านแน่ ๆ” ป้าพินบ่นพลางเปิดน้ำ�ใส่กะละมังล้างผัก ผมแยกเนื้อบางส่วนเก็บเข้า กล่องพลาสติกกันอากาศแล้วแช่เข้าช่องฟรีซไปด้วย “ตั้งแต่มาอยู่น้องปอมเคยขอให้ทำ�อาหารอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” “ไม่มีนะคะ เคยได้ยินก็แต่ต้มข่ากุ้งนี่ล่ะค่ะ แต่ท่าทางเธอชอบอาหารไทยนะคะ วันไหนทำ� อาหารไทยกินข้าวหมดหม้อ ดึกๆ เข้าก็ลงมาว่ายน้ำ�ลดพุงแทน สักสาม–สี่ทุ่ม วันไหนคุณภาคกลับมา แล้วก็ลองชะโงกไปดูที่สระเถอะค่ะ ว่ายไปกลับๆ อยู่คนเดียวเป็นชั่วโมง” ผมพยักหน้ารับคำ�พลางเก็บข้อมูลไปด้วย เหลือบตามองขึ้นชั้นบนยังไม่เห็นคนถูกกล่าวถึงมี ทีทา่ ว่าจะลงมาก็ถามต่อ “ปกติตนื่ กีโ่ มงน่ะครับ สัปดาห์กอ่ นผมก็เอาแต่เคลียร์งานไม่ได้สนใจน้องเลย” “สักเกือบๆ เที่ยงก็ลงมาแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าตื่นกี่โมงเหมือนกัน เธอไม่ให้ป้าเข้าไปปลุก ทำ�ความ สะอาดอะไรก็หา้ ม ท่าทางเป็นเด็กขีห้ วงไม่กม็ พี นื้ ทีส่ ว่ นตัวสูงเลยทีเดียว ไม่รวู้ า่ ห้องรกหรือเปล่า อยูไ่ ป ได้ยังไงนะ น่าตีจริง ๆ” “ก็ไม่รกเท่าไรหรอกครับ แต่มีฝุ่นบ้าง ยังไงผมจะช่วยคุยกับปอมเรื่องอนุญาตให้ป้าพินไป ทำ�ความสะอาดในห้องอีกทีนะครับ” แม่บ้านคนเก่งยิ้มรับ สักพักปรินทรก็เดินอาดๆ ลงมาจากชั้นสองในชุดนอน ขยี้ตาเหมือนคน ไม่อยากจะตื่นเต็มแก่ “อ้าว พี่ภาค ไม่ทำ�งานเหรอ” “วันเสาร์อาทิตย์ ขอพี่พักบ้างเถอะ” “ปกติก็เห็นทำ�ตลอด” พูดพลางหาวไปด้วย ปอมเลี่ยงมาเปิดตู้เย็นหาน้ำ�ดื่มอย่างไม่ใส่ใจคำ� ตอบนักก่อนเหลือบตามองผม “วันนี้ไปไหนปะ” “ว่าจะอยู่บ้าน เราอยากไปไหนหรือ” “จะชวนเล่นเกมเฉยๆ เมื่อวานได้เกมมาใหม่ โคตรมันอะ” ผมหัวเราะก่อนไล่เด็กหนุ่มไปอาบน้ำ�อาบท่า ปอมอิดออดนิดหน่อยกระทั่งผมรับปากว่าหลัง จากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วจะขึ้นไปเล่นด้วยก็ยอมถอยทัพแต่โดยดี ป้าพินที่ยืนสังเกตการณ์อยู่สักพัก หลังจากบุคคลที่สามเดินกลับห้องไปแล้วก็หัวเราะแผ่ว “สนิทกันไวดีนะคะ คุณภาคกับน้องปอมน่ะค่ะ” “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอครับ” 19
“เมื่อก่อนน้องปอมตั้งแง่กับคุณภาคไว้โขเลย ป้ายังคิดเลยว่ากลับมารอบนี้ได้มีอาละวาดกัน ใหญ่โตแน่ ที่ไหนได้ กลับงอแงอย่างกับติดพี่ชายเสียอย่างนั้น” ผมยิ้มพลางส่ายหัว มองไปในทิศเดียว กับแม่บ้านคนสนิท “โตแล้วน่ะครับ คุยกันด้วยเหตุผลง่ายขึน้ อีกอย่าง ตอนนีน้ อ้ งกำ�ลังรูส้ กึ เหมือนไม่มใี ครอยูด่ ว้ ย” “คุณภาคอย่าทำ�ให้เธอเสียใจนะคะ น้องปอมบอบช้ำ�มามากพอแล้วล่ะค่ะ” ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้รับปาก กระนั้น ก็ไม่มีสักวินาทีที่อยากทำ�ลายรอยยิ้มแสนเสน่ห์นั่นลงคอ “ไอ้เชี่ยพี่ภาคคคคคคคคคคคคค” นัน่ เป็นเสียงโวยวายของปอมหลังจากแพ้เกมผมไปสามตารวด เด็กหนุม่ โยนจอยลงก่อน ทิง้ ตัว ลงนอนบนพืน้ ผมนัง่ อยูบ่ นโซฟาห้องนัง่ เล่น ตอนแรกจะพากันขึน้ ไปข้างบนอยูห่ รอกแต่อยากให้ปา้ พิน ช่วยทำ�ความสะอาดให้สกั หน่อยเลยลากเจ้าตัวดีลงมาข้างล่าง คุณไกรสิทธิน์ งั่ อ่านหนังสืออยูท่ มี่ มุ หนึง่ โดยมีแม่ถักผ้าพันคอไหมพรมอยู่ข้างๆ พอเสียงโวยวายดังขึ้นมาทุกคนก็เงยหน้ามาสนใจ ผมหัวเราะ หึแล้วกดเริ่มเกมใหม่พลางใช้เท้าเขี่ยน้องชายคนเล็กไปด้วย “ให้ล้างตาๆ เร็วๆ เลย” ปอมหันมองค้อนขวัก พอเริ่มเกมไปสักพักก็เห็นท่าว่าจะเสียเปรียบอีกก็เริ่มสบถเป็นภาษา แปลกๆ ผมอมยิ้ม ก่อนจะแกล้งพลาดท่าให้ปอมทำ�คะแนนตีตื้นขึ้นบ้าง เล่นกันสูสีพักใหญ่ก่อนจะทำ� เป็นแพ้ในที่สุด ปอมหัวเราะคิกคักถูกใจเมื่อเห็นว่าเฉือนชนะในรอบที่ 4 มาได้ด้วยคะแนนสูสี หันมา ยิ้มอวดเขี้ยวคมให้ผมแล้วเอนศีรษะมาถูหัวเข่า “อ่อนว่ะพี่ภาค” “ต่อให้เฉยๆ หรอก” “ปากดี เอาใหม่อีกตาๆ” ผมกดเริ่มเกมซ้ำ�ๆ หลังจากนั้น ตลอดช่วงบ่ายผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะบ้างไม่ให้เด็กหนุ่ม อารมณ์เสีย จากทีน่ งั่ พืน้ ก็เลือ้ ยขึน้ มาบนโซฟา เล่นจนหนำ�ใจก็ปรับท่ามานอนตักจนหลับคาจอยไปนัน่ แหละ คุณไกรสิทธิ์หัวเราะต่ำ� เดินมาลูบหัวลูกชายคนเดียวบนตักผมด้วยความเอ็นดู “พออยู่กับภาคก็เหมือนเด็กเล็กๆ เลยเนอะ อยู่กับป๊านี่ดื้อตลอด” “ก็มีดื้อบ้างเหมือนกันล่ะครับ” ตอบพลางทอดสายตาลงมอง เจ้าเด็กขี้เซาเคี้ยวน้ำ�ลายแจ๊บๆ ในปาก ยกมือขึ้นปัดมือหยาบของบิดาออกด้วยความรำ�คาญก่อนพลิกตัวเข้ามุดหน้าท้องผม คุณไกร สิทธิ์หัวเราะร่วนพอดีกันกับป้าพินที่ลงมาจากชั้นสองพร้อมอุปกรณ์ทำ�ความสะอาดพร้อมมือ “ห้องเรียบร้อยแล้วนะคะ” “ภาคพาน้องไปนอนดีๆ เถอะ เดี๋ยวจะปวดเมื่อยเอาได้” ผมพยักหน้าก่อนสะกิดคนตัวเล็กกว่าให้ลกุ ปอมขยับตัวยืดแขนบิดขีเ้ กียจแล้วเอนตัวพิงผมอีก ครั้งเหมือนพวกไม่มีกระดูก 20
“ไม่งอแงน่า ขึ้นไปนอนบนห้องดีๆ” “พี่ภาคไปด้วย” พูดจบก็กอดแขนแน่น แม่กับคุณภาคถึงกับพากันหัวเราะในท่าทางของเด็กติด พี่ ปรินทรเหลือบตามองพ่อตัวเองค้อนแต่ก็ไม่ยอมปล่อยแขน “พาน้องไปเถอะ เมื่อคืนก็นอนกันดึกทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ” ผมพยักหน้าก่อนจูงมือเล็กเดินขึ้นห้องไป เย็นวันเดียวกัน ผมตื่นก่อนเด็กหนุ่มหลังจากพากันนอนกลางวันอุตุ ลงมาช่วยแม่กับป้าพินทำ� กับข้าวในครัว ส่วนพ่อออกไปดูกล้วยไม้ในเรือนเพาะชำ�กับพี่โอมลูกชายของป้าพินที่อายุมากกว่าผม ไม่กี่ปี เราเตรียมเครื่องกับเมนูสำ�หรับทำ�กับข้าวสองสามอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเมนูตามคำ�เรียกร้อง ของปรินทรด้วย ผมผ่ากุง้ เอาเส้นดำ�หลังตัวกุง้ ออกแล้วพักไว้ไปเตรียมเครือ่ งปรุงอืน่ ๆ สักพักเสียงลาก เท้าของเด็กหนุ่มที่เพิ่งตื่นตามมาก็ดังขึ้นแล้วลากเก้าอี้บาร์มานั่งกับเคาท์เตอร์ครัว “ทำ�ไรอะ” “แกงเลีียง ต้มข่ากุ้งใส่เห็ดเข็มทองกับผัดบล็อคโคลี่ อยากกินอะไรอีกหรือเปล่า” “มีตม้ ข่ากุง้ ด้วยเหรอ พีภ่ าคทำ�เองเหรอ” ผมพยักหน้าพลางหัน่ ผักไปด้วย ปอมเบิกเปลือกตาโต ทำ�ปากจู๋ “อยากทำ�บ้าง สอนหน่อยสิ” “จะไหวเหรอเรา” “ไหวเด้ สอนหน่อยๆ นะ” “มาเป็นลูกมือก่อนแล้วกัน ไว้วันหลังถ้าทำ�อีกจะเรียกมาช่วยกันตั้งแต่เริ่ม” ปอมพยักหน้าหงึกหงักแล้วกระโจนลงจากเก้าอี้ ห้องครัวโล่งกว้างดูอดึ อัดทันตาเมือ่ บุคคลที่ 4 แทรกตัวมายืนด้วย “ภาคว่าแม่ไปนัง่ รอหรือไปเดินเล่นกับคุณไกรสิทธิด์ กี ว่าครับ จะได้ไม่เหนือ่ ย นีค่ นเต็มครัวเลย” “ป้าพินไปด้วยเลยก็ได้ ปอมจัดการตรงนี้กับพี่ภาคเอง” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างหมายมาดขณะที่ ผู้ใหญ่ทั้งสองหัวเราะร่วน ป้าพินพยักหน้ายิ้มๆ แล้วไปหยิบจานชาม “งั้นป้าตั้งโต๊ะรอนะคะ” “ภาคดูแลน้องดีๆ ด้วยล่ะ อย่าพากันเล่น เดี๋ยวจะได้แผลกันพอดี” ผมรับปากก่อนภายในครัวจะเหลือแค่ตวั เองกับเด็กหนุม่ หัวทอง ปรินทรทำ�ท่าตืน่ ตาตืน่ ใจมอง ผมตาแป๋ว “เริ่มจากอะไร” “ล้างมือก่อนเลยเรา แล้วมานี่” ปอมยิม้ โชว์เขีย้ วขาว กุลกี จุ อไปล้างมือแล้วกลับมาหา ผมยืน่ เขียงกับมีดให้อกี ฝ่ายก่อนสัง่ “หัน่ ให้หมด” แต่สุดท้ายก็ได้แผล ผมถอนหายใจยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มนั่งหน้ามุ่ยให้แม่ทายาให้หลังจากโดนมีดบาด ปอมนั่น หน้าซีดไม่มองแผลที่นิ้วตัวเองเลยสักนิด เม้มปากเข้าหากันแน่นสนิททั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก 21
“แม่บอกแล้วใช่ไหมให้ภาคดูน้องดีๆ ทำ�ไมยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้” คนบ่นพูดจบก็ถอนหายใจยาว เก็บอุปกรณ์ลงกล่องเครือ่ งมือปฐมพยาบาล ผมไม่เถียง ยอมรับ แต่โดยดีเพราะมัวแต่สนใจต้มทีก่ �ำ ลังเดือดปุด หันมาเห็นอีกทีกต็ อนเด็กหนุม่ อุทานแล้วเอนตัวแทบล้ม ลงกับพื้น ปรินทรไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งเงียบไม่ต่างกัน “เอาล่ะ ทำ�แผลเสร็จแล้วก็ไปทานข้าวทานยา น้องปอม ถ้าพรุ่งนี้แผลบวม อักเสบรีบบอกนะ จ๊ะ อย่าให้เรื้อรัง” ลูกชายคนโปรดพยักหน้ารับ แม่ลูบหัวสองสามทีก่อนพยุงน้องไปที่โต๊ะกับข้าว ผมเดินตามไป ห่างๆ โดยไม่ดุน้องซ้ำ� กระนั้นปอมก็ทานข้าวได้ไม่เยอะอย่างที่คิดไว้ นั่งปากคว่ำ�หน้างอเหมือนเด็กๆ ส่วนคุณไกรสิทธิ์ก็พยายามสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นด้วยการชมเปาะว่าอาหารอร่อยถูกปากแม้ว่าจะไม่ ช่วยให้สีหน้าบิดเบี้ยวของลูกชายแท้ๆ ตัวเองดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย “เอ่อ... คุณไกรสิทธิ์ครับ ประชุมที่เชียงใหม่สัปดาห์หน้าผมจะขออนุญาตพาปอมไปด้วย” “วันอังคารใช่ไหม เอาสิ เจ้าปอมจะได้เปิดหูเปิดตาหน่อย” “ครับ คงขึ้นเครื่องกันตั้งแต่เย็นวันจันทร์เพราะอังคารประชุมตั้งแต่เช้า กลับอีกทีวันอาทิตย์นะ ครับ ตั้งใจจะพาขึ้นดอยด้วย” “ดีเลย อยู่กรุงเทพเบื่อแย่แล้วมั้ง” ผู้เป็นพ่อกระเซ้า แต่ปอมก็ยังคงเอาแต่เงียบ ทานข้าวได้ไม่ ถึงครึ่งจานก็วางช้อนกลับขึ้นไปข้างบน แม่มองผมดุ สุดท้ายเลยต้องวางมือตามเด็กหนุ่มไปที่ห้องอีกที “กินไปแค่นั้นอิ่มเหรอ” ประตูหอ้ งทีท่ �ำ จากไม้โอ๊คสีน�้ำ ตาลเข้มยังปิดไม่ทนั สนิทผมก็ใช้มอื ยันไว้ ปอมเม้มปากเข้าหากัน พอสูแ้ รงไม่ไหวก็ปล่อยให้ผมเดินเข้ามา เด็กหนุม่ ทิง้ ตัวลงบนเตียง พยายามแกะพลาสเตอร์ยาทีแ่ ปะไว้ บนนิ้วออกด้วยมือข้างเดียว “แกะทำ�ไม เลือดหยุดไหลแล้วหรือ” ปอมไม่พูดเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดึงแผลตัวเอง พอพลาสเตอร์หลุดสักพักเลือดที่หยุดไหลแล้วก็ ซึมออกมาใหม่ คนตัวขาวหน้าซีดจัด ทำ�หน้าผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วกกึ่งๆ อยากร้องไห้ ผมเลยรีบ ไปหยิบทิชชู่มาซับแผลไว้ก่อนลากกลับไปที่ห้องส่วนตัว “กลัวเลือดแล้วยังจะดื้อไม่เข้าเรื่อง!” “มันจะไม่หยุดไหล...อ..อึก...มันจะ...ไม่หยุดไหล...” “ถ้าปอมไม่ดื้อมันก็หยุด หลับตาซะเดี๋ยวพี่ทำ�แผลให้!” “ทำ�ไมต้องว่าวะ!” “ก็สมควรไหมล่ะ! เรานีม่ นั จริงๆ เลย สามขวบหรือไง ทำ�อะไรไม่รเู้ รือ่ ง พีบ่ อกให้หลับตาไง อย่าดือ้ ” “รำ�คาญก็อย่ามายุ่งเด้!” 22
ผมขึงตามองหน้าเด็กหนุ่ม ไม่ชอบให้ดุแต่ก็ขยันสร้างเรื่องอยู่ได้ ตัวเองกลัวเลือดแล้วยังอวดดี ไม่เข้าท่า ปอมยื้อมือออกจากการเกาะกุมของผมแต่ก็เงียบไปเมื่อถูกชี้หน้าดุ ไม่ได้อยากใจร้ายหรอก แต่ทำ�แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ผมเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลส่วนตัวมาวางบนเตียงแล้วก้มหน้าทำ�แผล ให้โดยไม่พูดอะไรอีก ปรินทรเบือนหน้าหนีไปทางอื่น สักพักก็ร้องไห้ “เป็นอะไร จะร้องทำ�ไม” “เกลียดพี่ภาค” “เอ้า คนเขาเป็นห่วงยังจะมาเกลียดอีก แล้วอย่าแกะอีกนะ ที่ดึงเมื่อกี้แผลมันฉีกมากกว่าเดิม รู้หรือเปล่า อยากนิ้วกุดหรือไง” คนถูกขู่ทำ�หน้ายู่ ใช้หลังมือเช็ดน้ำ�ตาตัวเองป้อย แต่ไม่คร่ำ�ครวญออกมาสักแอะ ผมมองตาม สายตาสีด�ำ ขลับของเด็กหนุม่ ไปเมือ่ เห็นว่าเหม่ออยูพ่ กั ใหญ่ สุดท้ายมันไปหยุดอยูท่ กี่ ตี าร์โปร่งของผมที่ มุมห้อง ปลายลิ้นอ่อนตวัดเลียริมฝีปากตัวเองแล้วหันหน้ากลับมามองผม “หยุดร้องแล้วจะเล่นให้ฟัง” ปรินทรพยักหน้าหงึกหงัก ผมลุกไปจับก่อนปรับสายใหม่เพราะไม่ได้แตะมานาน ดีดไล่โน้ตสัก พักก็หันมาถามคนตัวเล็กกว่า “ชอบเพลงแนวไหน” “เพลงไทย” “ชอบเพลงของใครล่ะ เผื่อเล่นได้” “บอย โกสิยพงศ์” ผมพยักหน้ารับ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าแสบจะถูกจริตกับเพลงสไตล์นี้ นุ่มๆ เบาๆ ชวนฝันหน่อยๆ เมื่อหลายปีก่อนโด่งดังเปรี้ยงปร้างเลยทีเดียว และแน่นอนว่าผมก็รู้จักอยู่หลายเพลง เช่นกัน ปอมนั่งตาแป๋ว มองผมนิ่ง พอเริ่มดีดคอร์ดก็ร้องเพลงประจำ�ที่ตัวเองชอบพลางมองหน้าอีก ฝ่ายแล้วฮัมออกมาเบา ๆ ...แม้ว่าใจอยากบอก ความจริงสักเพียงไหน แต่ก็พูดไม่ออก เมื่อเจอเธอทุกครั้งไป พยายามสักเพียงไหน พยายามสักเท่าไร ก็ได้แต่เก็บเอาไว้อยู่อย่างนี้... ใบหน้าขาวของเด็กหนุ่มขึ้นเลือดฝาดเล็กน้อยก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ผมหลุบสายตาลง มองสายกีตาร์ราวกับจำ�เส้นเสียงไล่โน๊ตไม่เป็นกระทั่งจบเพลง เราไม่ได้สบตากันเลยนับจากนั้น แต่ หัวใจผมกลับเต้นรุนแรงราวกับรักแรกรุน่ ปรินทรกำ�มือแน่นบนหน้าตัก จนสุดท้ายผมก็ยกกีตาร์ไปเก็บ ในที่ของมัน “ไว้วันหลังจะสอนเล่นแล้วกัน รอนิ้วหายก่อน” ผมพูดราวกับคนไม่คิดอะไร ปอมพยักหน้าชิดอกผมเลยลูบหัวเบาๆ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นหลัง จากสัมผัสอบอุ่นเกิดขึ้นบนเรือนผมสีทอง ดวงตารีเล็กตามประสาลูกคนจีนมองผมด้วยความเคลือบ แคลงสงสัยแต่ปากกระจับกลับเม้มเข้าหากันแน่น 23
“นี่...” “หืม?” “วันนี้ขอโทษ ที่ทำ�ให้โดนแม่ดุ” ผมเลิกคิ้วขึ้น มองปอมที่ก้มหน้าลงมองปลายนิ้วตัวเองใหม่อีกครั้งแล้วคุกเข่าลงที่พื้น ทำ�ให้ ระดับสายตาอยู่ตรงกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงพอดิบพอดี “ที่เงียบๆ เพราะรู้สึกผิดหรอกหรือ” “ก็...พี่ภาคไม่ได้ทำ�อะไร ผมทำ�ตัวเองแต่พี่ภาคกลับโดนดุ มันเลย...รู้สึกไม่ค่อยดีว่ะ” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะอดใจไม่ไหวหยิกแก้มขาวด้วยความมันเขี้ยว ปรินทรไม่ได้โวยวายแต่ สะบัดหน้าหนีเคืองๆ ยิ่งเห็นท่าทางแบบนั้นก็อยากจะแกล้งเข้าไปใหญ่ “ไถ่โทษด้วยการลงไปกินข้าวเป็นเพือ่ นกันก่อนได้ไหม ป่านนีป้ า๊ กับแม่ขนึ้ ห้องนอนกันหมดแล้ว ล่ะ พี่ยังไม่อิ่มเลยต้องขึ้นมาดูเด็กงอแงเสียก่อน” “ไม่ได้งอแงสักหน่อย ตามขึ้นมาเองแท้ๆ แค่อยากอยู่คนเดียวเฉยๆ” ผมยิ้มแต่ไม่คาดคั้นอะไรอีก จับมือขาวไว้แล้วออกแรงดึงอีกฝ่ายให้ลุกตามขึ้นมาเบาๆ ปอมก็ ยอมขยับตัวทำ�ตามคำ�สัง่ แต่โดยดี “ถึงงัน้ ก็เถอะ ไปกินข้าวเป็นเพือ่ นกีห่ น่อยนะครับคนดี” ขอร้องพลางส่งตาหวานเชื่อมไปให้ ปอมรีบดึงมือออกจากผมมากอดอกทำ�ปากคว่ำ�ใส่ “ไม่ต้องมาทำ�ตาเจ้าชู้ใส่เลย ผมไม่ใช่ผู้หญิง” แล้วใครบอกเราว่าพี่ชอบผู้หญิงล่ะ เจ้าเด็กโง่...
24
ในชีวิตคนเรา คงได้สัมผัสความรักกันไม่มากก็น้อย แต่มีบ้างรึเปล่า ที่เมื่อได้รักแล้ว...กลับรู้สึก ว่า ไม่น่าเลย... ท้องฟ้าสีส้ม ลมพัดโกรกจนใบไม้ปลิว คืนนี้ฝนคงตกเพราะแมลงปอบินให้ว่อน เขาอยู่ในอ้อม กอดที่อบอุ่น รู้สึกสงบ...มีความสุข...ความรักอบอวลจนไม่สามารถเก็บมันไว้คนเดียวได้.. ‘มนต์รักพี่เมฆ’ อ้อมกอดกระชับแนบขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนหน้าผากของเขา เขาซุกหน้าลงกับ อ้อมอก สูดกลิ่นกายเข้าเต็มปอด รับรู้ได้ว่าอีกคนกำ�ลังยิ้มอยู่ พี่เมฆจับมือของเขาเอาไว้ กอบกุมไว้อย่างนุ่มนวล ยกขึ้นจรดริมฝีปาก เขินไม่ใช่น้อย แต่ก็อด ยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตาของพี่เมฆมองตรงมาที่เขา สบตาเขาไว้ แล้วหลังจากนั้น พี่เมฆก็ค่อยๆ เผยอ ริมฝีปาก แล้ว... งั่ม!!! “แอ๊ววว!!!” เฮือก! ธมนต์ลืมตาขึ้น ดึงมือที่รู้สึกแสบเข้าหาตัวโดยสัญชาตญาณ ...ฝัน... “แอ๊ว” เสียงเล็กร้องเรียกความสนใจอีกครั้งฉุดสติของเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริง ก้มหน้า ลงมองเห็นเจ้าแมวสีขาวหน้าบี้กำ�ลังทำ�ตาโตจ้องมองมาที่เขา “แอ๋ว! เฮ้อ! โทษที เผลอหลับไป” มองหลังมือ เห็นรอยเขี้ยวกัดเป็นวง ท่าทางคงจะเริ่มจากขบ เล่นๆ แต่เจ้านายไม่ตื่นสักที มันเลยงับเข้าไปซะเต็มแรง ธมนต์เอื้อมมือลงเพื่อรับเอาเจ้าแมวที่ยืนสอง ขาตะกายหาเจ้านายมาอุ้มไว้แนบอก มองไปรอบกาย...เขายังคงนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง คอนโดชั้นที่สิบเก้า ลมพัดเย็นสบายทำ�ให้เครื่องปรับอากาศไม่จำ�เป็นเท่าไรนัก ธมนต์เปิด หน้าต่างบานใหญ่เอาไว้ ด้านหน้าเขามีกระดานสำ�หรับวาดรูป โต๊ะเล็กสำ�หรับวางอุปกรณ์วาดเขียน และปึกกระดาษที่ปลิวเป็นจังหวะตามแรงลม สงสัยฝนจะตก ท้องฟ้ายามเย็นเป็นสีส้มหม่น ลมพัดเข้ามาในห้องจนผ้าม่านที่ปล่อยชายไว้ ปลิวสะบัด ด้วยกลัวว่าข้าวของในห้องจะกระจัดกระจายจากแรงลม เขาจึงลุกขึน้ เพือ่ เดินไปปิดหน้าต่าง อุ้มเจ้าแมวน้อยไว้ในอ้อมกอด มันก็ซุกหัวเข้ากับอกเขาอย่างออดอ้อน 25
มองนาฬิกา พบว่าเผลอหลับไปชัว่ โมงกว่าทีเดียว สงสัยว่าช่วงนีง้ านจะหนักเกินกว่าร่างกายจะ รับไหว ถึงได้วูบคากระดานวาดรูปอย่างนี้ น่าเสียดาย สีส้มที่ผสมเอาไว้ในถาดเคยเหลวกำ�ลังดี ตอนนี้ เกือบแห้งสนิทเพราะน้ำ�ที่เป็นส่วนผสมก็ระเหยไปตามเวลา เขาถอนหายใจ ...สีส้ม... ท้องฟ้าวันนั้นก็สีส้ม...วันนี้ก็สีส้ม มองเหม่อออกไปยังนอกหน้าต่าง สายฝนเริ่มโรยริน และท่าทางคงจะกลายเป็นพายุในอีกไม่ ช้า “จะมีอะไรที่ทำ�ให้ผมไม่คิดถึงพี่ได้บ้างนะ พี่เมฆ” ...ความรัก...ทำ�ให้คนมีความสุข...แต่ยามใดทีเ่ สียความรักไป กลับทำ�ให้ทกุ ข์เจียนตายเพราะความ คิดถึง...จนบางครั้งก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า รู้อย่างนี้ ไม่รู้จักความรักซะยังจะดีกว่า “แอ๊ว” เจ้าแมวในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลัก มันร้องเรียกเจ้าของให้กลับมาสนใจมัน “แอ๋ว...หิวแล้วล่ะสิ” ธมนต์ยิ้มบาง วางเจ้าก้อนขาวฟูลงกับพื้น เดินเข้าไปยังส่วนของห้องครัว เพือ่ เตรียมอาหารให้กบั ทัง้ สัตว์เลีย้ งและตัวเอง แอ๋วก็เดินตามคลอเคลียออดอ้อนอยูก่ บั ขาของเขา...แต่ เขารู้สึกว่ามันกำ�ลังออกคำ�สั่งให้ทำ�อาหารให้มันกินเสียมากกว่า ระหว่างรอน้ำ�เดือด ข้าวคลุกปลาของแอ๋วก็เสร็จก่อน เขาวางจานข้าวลงกับพื้น นั่งยองๆ คอย ลูบขนยาวๆ ระหว่างที่มันก้มหน้ากินข้าวอยู่ จวบจนเส้นบะหมี่สำ�เร็จรูปนิ่มดี มาม่าใส่ลูกชิ้นสูตรประจำ�ของธมนต์ก็วางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ อาหาร เขานั่งลงคีบเส้นสีเหลืองหยัก เป่าจนเย็นพอแล้วก็ส่งเข้าปาก แอ๋วก็ใช่ย่อย จัดการอาหารตัว เองเสร็จก็มาขอกินลูกชิ้นในชามต่อ จนธมนต์ชักสงสัยว่า อยู่กับเจ้าแมวนี่ เขาได้กินอาหารครบห้าหมู่ หรือเปล่านะ ฝนภายนอกเทกระหน่ำ� ในห้องของเขามืดสลัวเพราะเปิดไฟแค่บริเวณห้องครัว เขาเหม่อมอง ไปยังหน้าต่างบานเดิม เห็นเงาเก้าอีท้ เี่ ขานัง่ หลับเมือ่ กี้ และเลยออกไปหน่อย...เป็นกระดาษทีแ่ ต้มสีสม้ ไว้ประปราย วาดรูปเล่นทีไร เผลอวาดแต่รูปคล้ายๆ เดิมทุกที...อดีต ที่คิดถึง... คิดถึงขนาดหลับยังเก็บไปฝัน “แอ๋ว” แมวน้อยกระโดดขึ้นบนโต๊ะ นอนราบเกยคาง ทักท้วงให้ธมนต์เกาหูให้ เขายื่นมือเกา เจ้าแมวขาวเอียงคอหลับตาพริ้ม ปลายหนวดของมันเปื้อนสีส้มเป็นหย่อม “ฮะๆ เล่นซนอีกแล้วนะ” เขาหัวเราะเบา จับเจ้าตัวยุ่งขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ� ไม่สนใจต่อแรงดิ้น รุนแรงที่พยายามจะกระโดดออกจากอ้อมแขน “ยังไงวันนี้ก็ต้องอาบน้ำ�แล้วล่ะ ถ้าอยากนอนด้วยกัน น่ะนะ!” 26
เจ็ดโมงสี่สิบนาที ธมนต์ตอกบัตรเข้าทำ�งาน เร็วกว่าเวลาเข้างานตั้งยี่สิบนาที พนักงานจึงมีให้เห็นเพียงไม่กี่คน เขาชอบที่จะมาในเวลานี้เพราะไม่ต้องเข้าแถว ไม่ต้องลุ้นว่าจะตอกบัตรทันเวลาหรือไม่ และ...ไม่ต้อง พบปะผู้คนมากมายให้วุ่นวายใจ ไม่ต้องคอยยิ้มทักทาย หาเรื่องคุย หรือฟังเรื่องอื่นที่ตนเองไม่ได้รู้สึกสนใจ แต่จำ�เป็นต้องฟัง เพราะเป็นมารยาทของสังคม เดิมธมนต์เป็นคนแบบนี้หรือเปล่า ก็บอกได้ว่าใกล้เคียง แต่หลังจากพบพี่เมฆ เขาก็เปลี่ยนไป เล็กน้อย เหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี ...แต่การเปลี่ยนไปนี้...ทำ�ให้เสียพี่เมฆไป และสุดท้าย ก็กลับมา อยู่คนเดียวเหมือนเดิม กาแฟร้อนในคาเฟทีเรียยังคงเข้มจนขมเหมือนเดิม เขาเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่มุมสุดของห้องอาหาร ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ที่ทางบริษัทมีบริการวางไว้ให้ทุกเช้าอย่างเงียบๆ ธมนต์ท�ำ งานทีบ่ ริษทั จำ�เกิดรักมาสามปี...จนถึงขณะนีม้ คี นทีค่ ยุ ด้วยไม่ถงึ สิบคน...และในจำ�นวน น้อยนิดนี้ล้วนคุยด้วยเรื่องงาน ...ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเดือดร้อนอะไร กลับสบายใจเสียอีกที่เป็นอย่างนี้... เจ็ดโมงห้าสิบห้านาที กาแฟหมดแก้ว อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์จบหนึ่งเรื่อง ถือว่าการวอร์มอัพ ยามเช้าก่อนเข้าทำ�งานสิ้นสุดลง เขาทิ้งแก้วกาแฟลงในที่ที่ทางโรงอาหารจัดไว้ให้ เดินออกประตูข้าง หลบหลีกพนักงานคนอื่นที่เริ่มหนาตา เข้าไปยังลิฟท์ด้านหลังเพื่อกดไปยังชั้นที่เป็นแผนกของตนเอง “พีม่ นต์ สวัสดีคะ่ ” เปิดประตูเข้าไปในแผนกของตัวเอง เดินสวนกับหญิงสาวรุน่ น้องทีอ่ ยูแ่ ผนก เดียวกัน เจ้าหล่อนก็ทักทายรุ่นพี่อย่างกล้าๆ กลัวๆ ธมนต์พยักหน้าเพียงเบาๆ เท่านั้น ไม่แม้แต่จะทักตอบด้วยซ้ำ� แต่นั่นก็เป็นปฏิกิริยาที่หล่อน คาดว่าจะเจอล่ะนะ เมื่อเขานั่งลงกับโต๊ะประจำ�ของตัวเอง เสียงเพื่อนร่วมแผนกอีกคนก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่คนพูด เหมือนจะคุยกับคนอื่น แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจให้เขาได้ยินหรือเปล่า “ยัยหญิง ไปทักมันทำ�ไม ไม่เห็นว่ามันจะทักตอบสักวัน!” “โธ่! พี่มั่นคะ พี่มนต์เขาเป็นรุ่นพี่ หญิงก็ต้องทักสิคะ” “เฮอะ! คนไม่มีสังคม วันๆ ทำ�แต่งานตัวเอง มีอะไรให้น่านับถือเป็นรุ่นพี่วะ พี่ว่า....” หลังจากนั้น โสตประสาทของธมนต์ก็มีแต่เสียงบรรเลงจากเพลงที่เปิดฟังผ่านหูฟัง ทิ้งโลก ภายนอกเอาไว้ข้างหลัง ตั้งใจทำ�งานแบบไม่สนใครเหมือนเดิม …ไม่มีสังคม... ที่จริงก็เคยมี...แต่มีแล้วไม่เห็นจะดีตรงไหน...เพราะสังคมของมนต์...พรากพี่เมฆไป… ตลอดเช้าจนบ่าย ชายหนุม่ ได้ลกุ ออกจากโต๊ะทำ�งานแค่สองครัง้ ครัง้ หนึง่ คือเข้าห้องน้�ำ อีกครัง้ คือดื่มน้ำ� รู้ตัวอีกทีบ่าขวาก็ร้อนวูบ เขาถอดหูฟังออก กำ�กำ�ปั้นซ้ายทุบบ่าไปเพื่อคลายความเมื่อยล้า 27
บ่ายสอง ธมนต์ถอนหายใจ คลิ้กปุ่มส่งอีเมลเพื่อส่งงาน เมื่อหน้าจอแสดงผลว่าการส่งสำ�เร็จไปด้วยดี ก็ ถือว่าจบงานที่โหมมานานเสียที แผนกกราฟฟิกดีไซน์…แผนกของธมนต์ ทำ�หน้าที่ออกแบบฉากประดับตกแต่ง ออกแบบการ จัดสถานที่ ออกแบบบัตรเชิญ และอีกมากมายจิปาถะ ตามแต่ฝ่ายเออีจะประสานมาให้ ออกแบบทุก อย่างเพื่อให้เจ้าของวันเกิดถูกใจที่สุด งานรอบนี้ค่อนข้างหิน ด้วยเจ้าภาพวันเกิดมีดีกรีเป็นถึงลูกสาว คนเดียวของสส.ชื่อดัง และเจ้าหญิงคนนี้ก็ขึ้นชื่อด้านความเอาแต่ใจเสียด้วย ธมนต์เริ่มจ็อบนี้เมื่อเดือน ที่แล้ว ใช้เวลาเกือบเต็มกำ�หนดกว่าลูกค้าจะพอใจ แก้แล้วแก้อีกจนปัฐน์ที่เป็นฝ่ายเออีเริ่มอารมณ์เสีย แทน นั่งทำ�รายงานสรุปต่ออีกประมาณสิบนาที โทรศัพท์สายในบนโต๊ะทำ�งานก็ดังขึ้น “พี่มนต์ครับ ปัฐน์นะครับ” “ครับ คุณปัฐน์” “งานผ่านเรียบร้อยดีแล้วครับ ขอบคุณพี่มนต์มากๆ เลยครับ งานนี้ยากจริงๆ ถ้าไม่ได้พี่มนต์ ปัฐน์คงแย่แน่... ถ้ายังไงพี่มนต์ไปกินมื้อเย็นกันมั้ยครับ ถือว่าฉลองที่ปิดจ็อบได้” ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำ�ไมต้องถึงกับโทรมาขอบคุณอย่างนี้ ในเมื่อมันก็เป็นงานในความรับ ผิดชอบอยูแ่ ล้ว เป็นหน้าทีอ่ ยูแ่ ล้ว...แถมเขาก็ไม่ถกู โรคกับงานสังสรรค์เป็นทุนเดิมด้วย “ขอโทษครับคุณ ปัฐน์ แต่เย็นนี้ผมไม่สะดวก” “เฮ้อ น่าเสียดายนะครับ เอาเถอะครับ ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบคุณพี่มนต์อีกครั้งนะครับ” ธมนต์ตอบรับ เพื่อนร่วมงานต่างแผนกพูดต่ออีกไม่นานก็ขอตัววางสาย กดปุ่มตัดสัญญาณโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ กลับรู้สึกว่าตาลายจนต้อง นวดคลึงหัวตา วันนี้คงจะหักโหมเกินไป เขาเร่งทำ�งานให้เสร็จจนไม่ทันได้กินมื้อเที่ยง แล้วก็จ้องหน้า จอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง คิดได้อย่างนั้นธมนต์จึงตัดสินใจจะพักเบรกเสียหน่อย ซึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้น พนักงานในแผนกก็หายตัวไปหมดแล้ว คาดว่าคงจะอยู่ในห้องพักพนักงานเช่นกัน กำ�ลังจะเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงคุยออกมาจากในห้อง เป็นเสียงของมาดมั่นกับน้องหญิง “พีว่ า่ นะ มันเอารูปจากในอินเตอร์เน็ตมาดัดแปลงแหงๆ เลยว่ะ คิดดูสิ งานทีแ่ ล้วธีมชมพูหวาน แหววขนาดนั้น ไอ้ ‘มืดมน’ มันออกแบบเองไม่ได้หรอก” ก็ไม่นะ...ก็แค่ใส่สีที่ลูกค้าชอบ ไม่เห็นจะยากอะไรนี่นา “แต่ว่า ได้ข่าวว่าตอนเรียน พี่มนต์ได้เกียรตินิยมเชียวนะคะ” ก็แค่เกียรตินิยมเอง...ถ้าตั้งใจเรียนหน่อยก็ทำ�ได้... “เชอะ ก็แค่ข่าวลือ จริงรึเปล่ายังไม่รู้เลย อย่างไอ้นั่นมันจะทำ�งานกลุ่มกับชาวบ้านเค้าได้เหรอ จะฝึกงานได้คะแนนดีได้ยังไง!” งานกลุ่ม...ก็เคยทำ�อยู่นะ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเพื่อน... 28
ก็แค่ตอบในใจ แต่ไม่มีความจำ�เป็นจะต้องตอบให้มาดมั่นรู้... ธมนต์ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำ�ไมเพื่อร่วมงานคนนี้ถึงได้คอยแต่จะพูดให้ร้ายเขาอยู่เรื่อย จะว่า เคยมีเรื่องกันก็ไม่ใช่ แต่สุดท้ายลักษณะการทำ�งานของแผนกกราฟฟิกดีไซน์ ก็เป็นการทำ�งานแบบตัว ใครตัวมัน ทำ�งานแยกกันอยูแ่ ล้ว เลยไม่เห็นว่าจะมีความจำ�เป็นอะไรทีจ่ ะต้องทำ�ให้อกี ฝ่ายเปลีย่ นจาก เกลียดมาชอบเขานี่นา ...แต่จะว่าไป ไม่ได้เดินมาที่นี่เพื่อฟังเรื่องของตัวเองซะหน่อย เขามาหากาแฟดื่มต่างหาก คิดแล้วก็ตัดสินใจยกหลังมือขึ้นเคาะประตู ก๊อกๆ หนึ่งชายหนึ่งหญิงในห้องสะดุ้งเฮือก และยิ่งร้อนรนหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่าบุคคลที่สามในการ สนทนาเมื่อกี้ ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แขกไม่ได้รับเชิญเดินไปยังซุ้มตักกาแฟ จัดการชงรสที่ตัวเองชอบอย่างเงียบๆ เมื่อชงจนเสร็จก็ ทำ�ท่าจะเดินออกจากห้อง ไม่มีคำ�พูดให้กับเพื่อนร่วมงานตนที่นั่งกระวนกระวายเลยสักคำ� “อ้าว อยู่นี่กันหมดเอง!” ยังไม่ทันได้เดินออก กรเกียรติผู้เป็นหัวหน้าแผนกก็เข้ามาสมทบเสีย ก่อน “แปลกดี นานๆ จะเห็นมนต์ลุกจากโต๊ะทำ�งาน สงสัยจ็อบจะเสร็จแล้วสินะ?” ธมนต์พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ อาจเป็นมารยาทที่ไม่ดีนักในการคุยกับผู้มีอายุมากกว่า แต่กร เกียรติที่รู้จักกับธมนต์มานานและเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันก็ไม่ได้ถือสาอะไร “พอดีเลย ช่วงนี้อาจจะหนัก หน่อยนะ พี่มีจ็อบใหม่มาให้ ขอโทษทีที่ไม่ให้เวลานายพัก แต่งานนี้ค่อนข้างสำ�คัญ” “ไม่เป็นไรครับ ขอรายละเอียดงานด้วยครับ” เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน ค่อยง้างปากธมนต์ได้ หน่อย กรเกียรติส่งจดหมายอธิบายงานที่เพิ่งได้รับจากฝ่ายเออีมาสดๆ ร้อนๆ ให้ธมนต์ ดวงตาดำ� สนิทกวาดอ่านรายละเอียดที่มีไม่มากนักอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นกรเกียรติก็พูดอธิบายไปด้วย “งานวันเกิดน้องชายบอสน่ะ วันทีห่ า้ เดือนหน้า ครัง้ นีอ้ ยากให้จดั ใหญ่หน่อยเพราะเรียนมหา’ลัย ปีสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้น้องปัฐน์ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมให้นายละกันนะ” “เดี๋ยวสิครับพี่กร! ตามคิวงานนี้ต้องแจกให้ผมไม่ใช่เหรอครับ ทำ�ไม...” มาดมั่นผู้อยู่ในห้องพัก ด้วย ทักท้วงขึ้นมา ตามคิวควรจะเป็นงานของมาดมั่นจริงๆ แต่งานนี้มีเหตุผลที่กรเกียรติยังบอกไม่ได้ ได้แต่หา เลี่ยงบอกเหตุผลอื่นไป “พี่เห็นว่างานเก่าที่แจกไป ยังไม่ปิดจ็อบเลยนี่นามั่น คุณฟ้าฝ่ายเออีมาขอร้อง พี่ให้ช่วยเร่งนายหน่อยน่ะ ลูกค้าเริ่มจะทวงงานแล้ว พี่กลัวว่าถ้าแจกงานนี้ไป นายจะไม่มีเวลาทำ�งาน เก่าจนเสร็จดีน่ะสิ” เพียงเท่านีก้ ห็ มดคำ�โต้เถียงจากผูใ้ ต้บงั คับบัญชา มาดมัน่ ทำ�ได้แค่กม้ หน้ากัดฟันด้วยความริษยา งานวันเกิดน้องชายบอสเชียวนะ แขกเยอะแยะ รวยๆ ไฮโซๆ ทั้งนั้น ถ้าทำ�งานออกมาได้ดีสะดุดตา งานต่อๆ ไปจะหนีไปไหนได้ 29
ธมนต์เห็นว่าธุระของกรเกียรติกับตนเองจบแล้ว ก็เบี่ยงตัวเดินถือแก้วกาแฟออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นขอบประตู แก้วกาแฟร้อนๆ ที่ถืออยู่ก็ชนกับแผ่นอกในเสื้อเชิ้ตขาวเสียก่อน ส่ง ผลให้กาแฟร้อนๆ หกรดมือของเขาเข้าอย่างจัง “โอ๊ย!” แก้วกาแฟหล่นลงกระทบพื้นเสียงดังเปรื่อง พร้อมๆ กับเสียงอุทาน ธมนต์สะบัดมือ ตามสัญชาตญาณ “ขอโทษครับ! เป็นอะไรรึเปล่า!? ต้องรีบล้างน้�ำ !” เหตุการณ์เกิดอย่างรวดเร็ว ตัวต้นเหตุทที่ �ำ ให้ กาแฟหกรดมือเขาจับข้อมือของธมนต์เอาไว้ ลากให้เดินย้อนกลับเข้าไปในห้องพัก ไปยังอ่างล้างภาชนะ และก็สุดท้ายก็จบลงที่น้ำ�เย็นๆ ที่ไหลผ่านมือของเขาอย่างงงๆ ผูม้ าใหม่เป็นเด็กหนุม่ ตัวสูง ผมตัดสัน้ ปัดขึน้ เป็นทรงตัง้ ๆ ตามสมัยนิยม ใส่เครือ่ งแบบนักศึกษา เมือ่ สังเกตจากหัวเข็มขัด ก็พบว่าเป็นตรามหาวิทยาลัยเดียวกับทีเ่ ขา พีเ่ มฆ และพีก่ รเกียรติจบมานัน่ เอง สูงใกล้เคียงพี่เมฆเลย...ตอนนั้นพี่เมฆก็ใส่ชุดแบบนี้...ผมทรงนี้... ด้วยความที่เผลอนึกไปไกล กว่าจะรู้ตัวว่ามือของตัวเองกำ�ลังถูกจับถูกคลึงอยู่ ก็ผ่านไปนาน พอดู ธมนต์ดึงมือออก คว้าผ้าเช็ดมือซับน้ำ�จนแห้ง “เป็นยังไงบ้างครับ?” มองลงไปเห็นหลังมือตัวเองโดนลวกเป็นรอยแดงกว้างใช้ได้ทีเดียว ก็น่า อยู่หรอก...ตอนชนเมื่อกี้ก็ชนซะแรง น้ำ�ร้อนทั้งแก้วราดลงมาจังๆ ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้รู้สึกเจ็บมาก เท่าไร แต่พนันได้เลยว่าต้องกลายเป็นแผลพุพองภายในคืนนี้หรือพรุ่งนี้แน่ๆ “มือ...” ธมนต์พึมพำ�เบาๆ พลางมองไปทางกรเกียรติอย่างขอความเห็น “พี่กรครับ งานน้อง ชายบอสที่แจกมา อาจจะทำ�ได้ไม่เร็วเท่าที่ควร ถ้ายังไง...” “พอดีเลยพี่กร จริงๆ จ็อบเก่าผมก็ใกล้เสร็จแล้วล่ะครับ ถ้ายังไงงานน้องชายบอส ให้ผม...” “แฮ่ม!” กรเกียรติกระแอมไอเล็กน้อย หยุดการพูดของมาดมั่นไว้ก่อน “ก็อย่างที่ว่าไป งานเดิม ของมั่น ลูกค้าเริ่มจะซีเรียสแล้ว พี่ไม่อยากให้จับงานสองงานพร้อมกัน ถ้ายังไงงานของน้องชายบอส ให้มนต์รับไปก็ได้ งานนี้ไม่เร่งมาก ยังมีเวลาอยู่ แล้วก็....เด็กฝึกงานรอบนี้มาพอดี พี่จะให้คอยช่วยงาน มนต์ในช่วงที่มือเจ็บละกัน พอหายเจ็บก็ค่อยไปฝึกงานกับมั่นต่อ” กรเกียรติพยักหน้าไปทางเด็กฝึกงาน เจ้าหนุม่ ตัวสูงในชุดนักศึกษาก็เดินจากข้างกายธมนต์ไป ยืนอยู่ข้างๆ กรเกียรติแทน “นีเ่ ด็กฝึกงานใหม่รอบนี้ ชือ่ บูม จะอยูก่ บั เราหนึง่ เดือน คอยช่วยงานด้านกราฟฟิกดีไซน์ พีอ่ า่ น แฟ้มประวัติของบูมคร่าวๆ แล้ว เรื่องการออกแบบและใช้โปรแกรมกราฟฟิกถือว่าทำ�ได้ดีทีเดียว ถ้ายัง ไงระหว่างที่มนต์ยังเจ็บมืออยู่ มนต์ก็ใช้บูมทำ�งานแทนได้เต็มที่นะ ส่วนครึ่งเดือนหลังก็ไปช่วยงานมั่น ต่อ” กรเกียรติรา่ ยยาวอย่างไม่ปล่อยจังหวะให้ใครขัด เด็กบูมทีย่ นื อยูข่ า้ งๆ ยิม้ แฉ่งยกมือขวาขึน้ ตะเบ๊ะ “บัญญวัตครับผม ชื่อเล่นชื่อบูม อายุ 21 ปี ปีสุดท้ายแล้วครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย” ธมนต์นั่งมองผ้าก็อซสีขาวที่พันรอบมือขวาของตนเองแล้วก็ถอนหายใจ...ก็ยังดีท่ีโดนลวกหลัง จากงานเร่งด่วนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่อย่างนั้นคงยุ่งหัวปั่นแน่ๆ...ส่วนงานน้องชายบอส ช่วงแรกๆ คง 30
ยังไม่มอี ะไรมาก เป็นการศึกษารายละเอียด รสนิยมของเจ้าภาพทีฝ่ า่ ยเออีเป็นคนสอบถามและสรุปมา ให้เท่านั้น “พีม่ นต์ครับ เอกสารนีใ่ ห้วางไว้ไหนดี” เสียงของบูมเรียกความสนใจให้หนั ไปหา โต๊ะข้างๆ โต๊ะ ทำ�งานของธมนต์เป็นโต๊ะไม่มีเจ้าของ เมื่อก่อนเป็นที่นั่งของมาดมั่น แต่เจ้าตัวบอกว่าแดดส่องบ้างล่ะ แอร์ลงบ้างล่ะ แล้วก็เลยย้ายที่นั่งไปอยู่โต๊ะด้านหลังแทน ดังนั้นโต๊ะตัวนี้จึงกลายเป็นที่สำ�หรับกอง เอกสารของเหล่าพนักงานไปโดยปริยาย “วางบนหลังตู้ก็ได้” ธมนต์ยกมือขึ้นจะชี้ไปทางตู้เอกสารด้านหลัง ลืมไปว่ามือขวาข้างถนัดเพิ่ง ถูกลวกมาหมาดๆ และตอนนี้ก็เริ่มปวดระบมแล้ว ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกเจ็บ เอาไว้ แต่ก็ไม่รอดสายตาของบูมอยู่ดี “เจ็บมือเหรอครับ” บูมรีบวางกองเอกสารกลับที่เดิม เดินไปกุมมือใต้ผ้าก๊อซไว้ ธมนต์ทำ�ตัวไม่ถูก...เขาไม่ได้ถูกกุมมืออย่างนี้มานานเท่าไรแล้วนะ “มือของพี่มนต์ร้อนจังครับ..สงสัยจะอักเสบ” ‘มือของมนต์อุ่นดีจัง’ เฮือก! ไม่คิดว่าเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ นี้จะทำ�ให้ธมนต์หวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตได้ ด้วยความ ตกใจ เขาชักมือกลับและเพิง่ รูต้ วั ภายหลังว่า เจ็บระบมมากขึน้ กว่าเดิมอีก เจ็บจนต้องใช้มอื ซ้ายบีบเอา ไว้แน่นๆ “ขะ...ขอโทษ เดี๋ยวผมไปหายาแก้ปวดมาให้นะ พี่มนต์” เด็กหนุ่มหายไปสักพักก็กลับมาพร้อม กับยาสองเม็ดและน้ำ�อุ่นๆ อีกแก้วหนึ่ง ระหว่างที่รอดูคนเจ็บกินยาที่ตัวเองหามาให้ บูมก็ถามขึ้นมา “พี่มนต์ กลับบ้านยังไง ขับรถกลับรึเปล่า มือเจ็บน่าจะขับไม่ไหว ผมไปส่งเอามั้ย” “ไม่เป็นไร พี่มารถเมล์ ไม่น่ามีปัญหา” ตลกดี พนักงานกินเงินเดือนไม่มีรถส่วนตัว แต่เด็กฝึกงานกลับขับรถมา... “ได้ไงล่ะพี่! ขึ้นรถเมล์ยิ่งมีปัญหาน่ะสิ! ไหนจะโน้ตบุ้ค ไหนจะกระเป๋าเอกสาร จะหิ้วกลับไหว ได้ยังไง!” ธมนต์อึ้งไม่ใช่น้อย ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็โวยวายขึ้นมา “พี่...กลับแท็กซี่ก็ได้” แล้วทำ�ไมต้องทำ�เสียง อ่อยด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน “ให้ผมไปส่งเหอะพี่ นะครับ” “แต่...” บูมก้มหน้าช้อนสายตามอง ออดอ้อนจนแทบจะเห็นหูหมาแปะอยู่บนหัวเกรียนๆ “พี่กรสั่งให้ ผมดูแลพี่ ถ้าผมปล่อยพี่กลับไปมีหวังผมไม่ผ่านฝึกงานแหงๆ เลย ถือว่าขอร้องนะครับ ให้ผมไปส่งพี่ เถอะนะ” ยกมือท่วมหัวแบบที่ถ้าลงไปกอดขาร้องไห้ได้บูมคงทำ�ไปแล้ว 31
แล้วธมนต์จะทำ�อย่างไรได้ เมื่อคนที่เคร่งครัดเรื่องงานอย่างเขาถูกเด็กฝึกงานเอาเรื่องงานมา อ้างเป็นเหตุผลอย่างนี้... ‘มนต์นี่ท่าทางจะไม่ชอบพูดเอาซะเลยนะ’ พี่เมฆที่ขับรถมาส่งเขาถึงหน้าบ้านเอ่ยขึ้นหลังจาก รถจอดสนิท ‘ผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมชอบฟังมากกว่า’ กับรุ่นพี่ที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งสองครั้งในงานเลี้ยงรับ น้อง เขาไม่รู้จะคุยด้วยยังไงจริงๆ หลังจากที่นั่งอัดกันมาในรถพี่เมฆ ตระเวนส่งเพื่อนๆ กลับบ้านไปทีละคน ธมนต์ซึ่งบ้านอยู่ ไกลสุดก็จำ�ต้องย้ายมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เมฆซะแล้ว ทั้งเกร็งทั้งตื่นเต้นเสียจนนั่งหลังแข็งทีเดียว รุ่นพี่ร่างใหญ่ยื่นหน้าเข้าใกล้ เกลี่ยปอยผมทัดหูให้เขา เร็วเสียจนไม่ทันตั้งตัว ‘ถ้ามนต์หัดคุยมากกว่านี้ มนต์จะมีสเน่ห์ยิ่งกว่านี้อีกนะ...’ “พี่มนต์ครับ ถึงแล้ว” เสียงของคนที่นั่งด้านข้างปลุกธมนต์ขึ้นจากนิทรา ด้วยความที่โหมงานมานาน ทั้งยังกินยาแก้ ปวดเข้าไป บวกกับเครือ่ งปรับอากาศในรถช่างเย็นสดชืน่ ตรงข้ามกับอากาศร้อนอบอ้าวภายนอก ทำ�ให้ เขาเผลอหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้ หลับลึกเสียจนยังรู้สึกถึงสัมผัสของปลายนิ้วอุ่นร้อนของพี่เมมฆที่เกลี่ย ปอยผมเขาอยู่เลย “...อือ...” ธมนต์ถอดแว่นออก หมายจะยกมือขยีต้ า กลับพบว่ามือขวายังมีผา้ ก๊อซห่อหุม้ อยู่ บูม เห็นอย่างนัน้ ก็แอบหัวเราะนิดหน่อยแล้วรับแว่นมาช่วยถือ จนคนเจ็บสติกลับมาเต็มร้อย แบมือขอแว่น คืน เจ้าเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายสวมคืนให้เอง แถมยังเกลี่ยปอยผมที่พันกับขาแว่นทัดหูให้ซะด้วย “มือเดียวคงลำ�บาก ถ้ายังไงผมช่วยถือของขึน้ ไปส่งบนห้องเลยนะ” ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำ�ไม ต้องมองหน้ามองตาเขาเสียนานก่อนจะกระซิบด้วย “ไม่เป็นไร พีข่ นึ้ ไปเองได้” แม้จะทุลกั ทุเลหน่อยก็เหอะ ธมนต์หลบสายตา เปิดประตู เอือ้ มหยิบ บรรดาข้าวของของตนเองแล้วก็ใช้ข้อศอกดันประตูรถปิดให้ “ไม่ดีอะ พี่มนต์” ก็เป็นบูมอีกนั่นแหละ ที่แย่งกระเป๋าโน้ตบุ๊คมาครองไว้กับตัว ขีค้ ร้านจะยือ้ ของกลับให้มอื เจ็บไปยิง่ กว่าเดิม ธมนต์ถอนหายใจ แล้วก็เดินนำ�หน้าเด็กฝึกงานไป ถือว่าดีแล้วทีบ่ มู ถือของขึน้ มาส่งถึงห้อง ธมนต์ลมื คิดไปเลยว่าของพะรุงพะรังขนาดนีจ้ ะกดลิฟท์ ยังไง จะล้วงกุญแจห้องออกมาไขก็ลำ�บากลำ�บน “พีอ่ ยูห่ อ้ งคนเดียวเหรอ?” บูมถามระหว่างรอเปิดประตู ดวงตาก็สอดส่ายสำ�รวจสภาพแวดล้อม รอบกาย “...อือ” คำ�ตอบมีแค่นี้ ธมนต์ไม่ได้พูดอะไร แต่ระหว่างที่มือกำ�ลังไขกุญแจห้อง ก็แอบชำ�เลือง ตามองคนข้างกายไปด้วย 32
ชุดนักศึกษาที่แสนคุ้นเคย ธมนต์จะได้เห็นอีกหนึ่งเดือนจากนี้เป็นต้นไป เมื่อได้เห็น ก็ได้รู้ตัว เองว่า...สามปี ไม่มีความหมายอะไรเลย...เวลา...ไม่ได้ช่วยลบเลือนความเจ็บปวดในใจไปได้เลย... บางที ได้มองย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่าไม่น่ามีความรักเลย ไม่มีความรัก ก็ไม่มีความทุกข์ ‘มนต์อยู่ห้องคนเดียวเหรอ?’ ‘ครับ’ ‘แล้วพ่อแม่ล่ะ?’ ‘..พ่อทำ�งานต่างประเทศ แม่ย้ายไปอยู่กับพ่อ’ ‘แล้วไม่เหงาเหรอ’ ‘ก็...ไม่...’ มือสัน่ กระวนกระวาย หาสาเหตุไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำ�ไมบูมพูดอะไรก็ดจู ะทำ�ให้นกึ ถึงอีกคนใน ความทรงจำ�เสียเรื่อยไป บิดลูกกุญแจอยู่นานก็เปิดประตูไม่ได้สักที ธมนต์เริ่มหงุดหงิดตัวเอง กะแค่ เด็กฝึกงานคนเดียว ทำ�ไมมีอิทธิพลกับอารมณ์เขาได้มากขนาดนี้ มือซ้ายที่ไม่ถนัดอยู่แล้วยิ่งเงอะงะไป หมด เป็นการเปิดประตูห้องที่นานจนบูมสังเกตความผิดปกติได้ “พี่ไม่ถนัดรึเปล่า มา ผมช่วย” ไวเท่าปากพูด อุ้งมือใหญ่ของบูมวางทับลงบนมือซ้ายของธมนต์ จับกุมรอบมือเอาไว้ แล้วค่อยๆ บิดกุญแจจนเกิดเสียงกริ๊ก ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับการใกล้ชิดกับใครมานาน ธมนต์สะดุ้งเล็กน้อย ถอยหลังออก ปล่อย ให้บูมเป็นคนถอดแม่กุญแจ ทำ�หน้าที่เปิดประตูให้ต่อไป กุญแจถูกไขออกในเวลาไม่นาน เมื่อเปิดออกแล้วเด็กหนุ่มก็คิดว่าตัวเองควรจะเดินนำ�เข้าไป เพื่อเปิดไฟให้เจ้าของห้องก่อน ...ไม่...ไม่ดีแน่ ให้บูมเดินเข้าไปก่อนอย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ ยกแขนขึ้น ตั้งใจจะท้วง แต่ก็ไม่ทันเพราะ เปิดประตูเดินเข้าไปแล้ว“ดะ...” ...แอ๊ด... “แอ๊ววว!!” “เหว้ยยยยย!!!” ก้าวแรกทีข่ าแตะพืน้ ห้อง กลุม่ ขนฟูๆ ก็กระโดดจากตูเ้ ย็นทีว่ างไว้ขา้ งประตู ขย้�ำ ลงบนหัวพอดิบพอดี เล่นซะตกใจร้องเสียงหลง ก้มตัวหลบก็แล้ว พยายามเอามือจับออกจากหัวก็แล้ว ก็ไม่ได้ผล ซ้ำ�ยังเจ็บจี๊ดๆ จากกรงเล็บที่ข่วนเข้าที่แก้มอีกต่างหาก จวบจนธมนต์เดินตามเข้ามา เปิดไฟกลางห้อง รีบวางของและปิดประตู และก็เข้ามาห้ามทัพ “แอ๋ว!!” เพียงเสียงเรียกชื่อสั้นๆ แต่ดูมีอำ�นาจเหนือมัน เจ้าแมวน้อยก็เข้าใจสาเหตุแล้วว่าทำ�ไมวันนี้ ปฏิกริ ยิ าของเจ้านายมันถึงได้แปลกไปอย่างนี้ ทัง้ ๆ ทีโ่ ดดใส่อยูท่ กุ วันไม่เห็นว่าอะไร วันนีจ้ ะดึงมันออก เฉยเลย...ที่แท้ก็ไม่ใช่เจ้านายของมันนั่นเอง 33
“แอ๊วว” จวบจนรูว้ า่ ทักผิดคนเท่านัน้ แหละ เจ้าขนขาวทีต่ กใจจนหางฟูกค็ อ่ ยสงบลงได้ ร้องออก มาเสียงอ่อย “ขอโทษทีบูม พี่เตือนไม่ทัน” ธมนต์อุ้มเจ้าแอ๋วออกจากหัวเด็กฝึกงานที่ตอนนี้ลงไปนั่งยองๆ ก้มหน้าหลบกรงเล็บอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคราวนี้กรงเล็บคมๆ ก็ยอมปล่อยออกจากเสื้อแต่โดยดี “มะ...ไม่เป็นไร...” บูมยังคงไม่ยอมเงยหน้า “เป็นอะไรรึเปล่า? โดนข่วนตารึเปล่า” ธมนต์อดห่วงไม่ได้ ถึงจะคอยตัดเล็บให้แอ๋ว แต่ก็ไม่ได้ ตัดบ่อย อีกทั้งมันยังชอบแอบลับเล็บระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้านด้วย ไม่รู้ว่าจะได้แผลมากน้อยขนาดไหน เขาอุ้มแอ๋วเอาไว้กับอก แล้วก็พยายามก้มหน้าลงเพื่อสำ�รวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบูม “ไม่ครับ...แต่...” เสียงสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ ก้มหน้าก้มตายิ่งกว่าเดิม ยิ่งทำ�ให้ธมนต์รู้สึกใจ ไม่ดีมากขึ้น “เป็นอะไรมากมัย้ ?” เอาไงดีละ่ ขืนเด็กนีเ่ ป็นอะไรไป จะเอาทีไ่ หนมาคืนพ่อแม่มนั ล่ะเนีย่ แล้วสุดท้าย ไอ้ตัวโตที่นั่งคุดคู้สั่นระริกก็ยอมเผยออกมา “ผม..กลัวแมว...” ว่าแล้วก็ไม่แค่เหมือนจะร้องไห้ เพราะบูมร้องไห้ออกมาจริงๆ แกรกๆๆ “แอ๊วว” เป็นเสียงเล็บขูดประตูและร้องเรียกเจ้านายของแอ๋ว มันพยายามร้องเรียกอย่างนี้มาเกือบสิบ นาทีแล้ว แอ๋วเป็นแมวติดเจ้านาย มันคงไม่ชอบใจที่อยู่ๆ เจ้านายที่เคยกลับบ้านมาอุ้มมันทุกวัน วันนี้ กลับทิ้งมันไว้ แล้วก็พาใครก็ไม่รู้เข้าไปปิดประตูเงียบอยู่ในห้องนอน ห้องนอนที่ธมนต์ไม่เคยให้ใครเข้ามาก่อน...ยกเว้นพี่เมฆ ไม่ได้พิเศษเกินใคร ก็แค่บูมกลัวแมวขวัญเสียซะจนธมนต์จำ�ยอมต้องพาเข้าพื้นที่ส่วนตัว ห้อง นอนเป็นห้องเดียวทีม่ ปี ระตูกนั ไม่ให้แอ๋วเดินเข้ามาได้ ซึง่ ในเวลาปกติแทบไม่ได้ใช้ เพราะปกติธมนต์อยู่ ไหนแอ๋วก็อยู่นั่น สำ�ลีชบุ แอลกอฮอล์แตะลงบนรอยข่วนทีแ่ ก้ม พร้อมกับเสียงสูดปากซีด้ ยาว...เล็บคมสมเป็นแมว จริงๆ เมื่อกี้บูมแอบมองกระจก เห็นรอยลากยาวสามรอยบนแก้มเนียนๆ แล้วอยากร้องไห้ “แสบหน่อยนะ แต่แผลแบบนี้ต้องฆ่าเชื้อให้สะอาด” หลังจากที่ทายาจนเสร็จเรียบร้อย บูมก็ช่วยเก็บชุดปฐมพยาบาลเข้าที่เก็บ แอบสำ�รวจรอบๆ ห้องนอน... ช่างเรียบง่าย และมีของส่วนตัวน้อยเหลือเกิน มุมที่ดูจะมีของวางเยอะที่สุดเห็นจะเป็นโต๊ะ ทำ�งานที่วางกองดินสอไม้กับถาดสีไว้จนดูรกตา บนหัวเตียงมีกล่องขนาดเล็กอยู่สองใบ กล่องหนึ่งเป็นกล่องสีน้ำ�เงิน ในขณะที่อีกกล่องสะดุด ตากว่า เพราะมันถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญเอาไว้ มีรบิ บิน้ ผูกหุม้ อยู่ ดูแล้วกล่องนีไ้ ม่นา่ จะเพิง่ ถูก ห่อ เพราะลวดลายดูจางตามกาลเวลา 34
เห็นแขกมองเหมือนสำ�รวจอยู่สักพักแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเอะใจว่าทำ�ไมถึงมองไปทาง เดียวนานกว่าปกติ เมื่อมองตามสายตา ก็เห็นว่าบูมกำ�ลังมองไปที่กล่องสองกล่องบนหัวเตียง ...กล่องของขวัญ ที่ไม่มีผู้รับมาสามปี... ไม่คอ่ ยชอบใจกับนิสยั อยากรูอ้ ยากเห็นอย่างนีเ้ ท่าไหร่ ความเป้นส่วนตัวของเขากำ�ลังถูกรุกล้�ำ ธมนต์ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณที่ขึ้นมาส่งนะ เย็นแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะ” ละสายตาจากจุดสนใจมามองเจ้าของห้อง แล้วก็แอบสงสัยในใจว่าทำ�ไมพี่มนต์ที่ดูเงียบ แต่ก็ ไม่น่าจะคิดอะไรมาก ตอนนี้กลับทำ�หน้าตาบูด...สงสัยจะเจ็บมือแน่ๆ “แต่พี่อยู่คนเดียว มือเจ็บอย่างนี้ จะดูแลตัวเองได้ยังไงครับ ให้ผมอยู่ช่วยอีกหน่อยเถอะนะ” จากที่เห็นสภาพนั่งยองๆ กุมหัวร้องไห้ของบูมเมื่อกี้ ธมนต์ก็พอจะคิดได้แล้ว ว่าจะไล่รุ่นน้อง คนนี้ออกจากห้องโดยไม่เสียมารยาทยังไง “พี่จะให้อาหารแมว บูมจะให้แทนได้รึเปล่า” แมว...ไอ้แมวหน้าแบนเสียงดังเล็บแหลมตัวเมื่อกี้น่ะนะ ไอ้แมวที่ข่วนหน้าจนเป็นรอย...จิกหัว จนรู้สึกเจ็บ แล้วก็เอาหางมาแหย่จมูกจนจามไปหลายทีนั่นน่ะนะ... “........” เกิดเดธแอร์ขึ้น บูมรู้สึกว่าเหงื่อไหลระลงมาที่ขมับ ทั้งๆ ที่พี่มนต์ก็เปิดแอร์ในห้องนอน เอาไว้แล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้กลัวแมวนะ ไม่ได้กลัวเลยจริงๆ ก็แค่ตอนเด็กๆ ไปอุม้ ลูกแมวแล้วโดนแม่มนั ข่วน หน้าเละมาเท่านั้น ก็แค่จับหางแมวข้างบ้านแล้วโดนกัดจนนิ้วบวมเท่านั้นเอง ไม่ได้กลัวเลย... ก็แค่เกรง เท่านั้นเอง แต่พ่ีมนต์โกรธอยู่ โกรธเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ยังต้องทำ�งานด้วยกันอีกตั้งนาน อีกอย่าง เขาก็เป็น สาเหตุที่ทำ�ให้พี่มนต์มือเจ็บด้วย มือเป็นอย่างนี้มาให้อาหารแมวคงจะลำ�บากน่าดูเลย...แล้วสุดท้าย... บูมยังอยากรู้จักพี่มนต์มากกว่านี้... แสยะยิ้มแบบเสแสร้งสุดๆ “ผม...เดี๋ยวผมให้เอง...ผมรักแมว” นี่พูดจริง? แล้วปากสั่นๆ นั่นมันอะไร? แล้วคนที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องเมื่อกี้มันใคร?ธมนต์คิด กับตัวเอง ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้าไอ้เด็กมหาลัยตอนนี้แล้วมันขำ�เกินทน จนเผลอยิ้ม ออกมาได้ยังไงก็ไม่รู้ และบูมก็สังเกตเห็นได้ พี่มนต์ที่ใครๆ บอกว่าไม่น่าคบ ไร้มนุษยสัมพันธ์ เวลาหัวเราะ ใบหน้า กลับดูอ่อนโยนแล้วก็อ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองไม่วางตา...เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “พี่ยิ้มแล้วดูดีนะ” ‘มนต์ยิ้มแล้วดูดีนะ’ “.....” เกิดเดธแอร์รอบที่สอง ธมนต์หุบยิ้มฉับ ใบหน้าร้อนผ่าว ลืมตัวพูดออกไป เพิ่งนึกได้ว่ามันดูเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่ มนต์จะยิ่งไม่พอใจกว่าเดิมรึเปล่า เพราะมุมปากที่ยังยิ้มๆ เมื่อกี้ ตอนนี้มันกลายเป็นบึ้งแทน ...รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี... 35
“เดี๋ยวพี่อาบน้ำ�ก่อนเลยนะ ผมจะแกะข้าวรอ แล้วก็ให้อาหารแมวให้ด้วย” ว่าแล้วก็เปิดประตู วิ่งออกจากห้องไป ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งเงียบอยู่คนเดียว หันซ้าย...หันขวา ก้มลงมองมือตัวเอง ...มือเป็นอย่างนี้ จะอาบน้ำ�ยังไงล่ะ? เกิดมาก็เพิ่งเข้าใจสำ�นวนไทยว่าหนีเสือปะจระเข้อย่างลึกซึ้งวันนี้เอง หนีพี่มนต์ที่หน้าดุอย่าง กับยักษ์ มาเจอแมวหน้าแบนกับเล็บเพชฌฆาตนอกห้องแทน “แอ๊ว!” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นทันทีที่บูมเปิดประตูห้องนอน “แอ๊ยยย!!” และบูมก็รอ้ งตาม เสียแต่วา่ เสียงร้องไม่แหลมเล็กน่ารักเหมือนเสียงของแอ๋วเท่านัน้ เอง เจ้าแมวน้อยสะดุ้งกับเสียงร้องเหมือนควายถูกเชือดจนขนลุกฟูชี้โด่เด่ทั้งตัว มันกระโดดจนทั้ง สีข่ าลอยขึน้ จากพืน้ หลังจากนัน้ ก็ถอยหลังหลบปรูด๊ ชนกับขาโซฟาจนกระเด็นทีหนึง่ แล้วก็กลับตัวมุด เข้าไปหลบใต้โซฟา ส่งออกมาแต่ตาวาวๆ ที่สะท้อนแสงไฟบนเพดาน ดูแล้วน่าสยองกว่าเดิมซะอีก ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่กระโดดออกมาจูโ่ จมในตอนนี้ พยายามเดินเลียบกำ�แพง มุง่ หน้าไปยัง ส่วนของครัว เขาเปิดตู้เก็บของวุ่นวาย เปิดไปสองสามตู้ก็ยังไม่เห็นสิ่งที่ต้องการเลย “อยู่ไหนว้า อยู่ไหน ลืมถามพี่มนต์ งือออ อย่าเข้ามาน้าาา หาข้าวให้กินอยู่เนี่ย!” “เงี้ยวว!” แอ๋วเองก็กล้าๆ กลัวๆ มันระแวงมนุษย์ตัวสูงเสียงดังคนนี้ แต่มันเป็นเจ้าของที่ มัน ก็ต้องคอยเฝ้าเขตแดนให้เจ้านายของมันสิ มันแอบเดินย่องเข้ามาแล้วก็เห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของ อาคันตุกะ ก็ขอขู่นำ�หน้าไว้ก่อนละกัน “แง้วววว อย่าเพิ่งเข้ามาดิ๊ หาข้าวให้กินอยู่นี่ไง โมโหหิวใช่มั้ยล่ะ งั้นก็อยู่นิ่งๆ ก่อนนะ นะแอ๋ วนะ” บูมเองก็ขยาดสิ่งมีชีวิตขนฟูตัวนี้ไม่น้อย เขาเอาแผ่นหลังแนบตู้ สองแขนยกขึ้นราวกับจะเตรียม ตัวป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ว่ากันว่าสัตว์มสี ญ ั ชาติญาณพิเศษ มันรับรูไ้ ด้วา่ ใครอยูใ่ นจุดไหนของห่วงโซ่อาหาร และในสายตา ของแอ๋ว ท่าทางกลัวมันจนเยี่ยวเล็ดของบูม ก็ทำ�ให้มันจัดให้มนุษย์คนนี้อยู่แทบเท้ามันอย่างไม่ต้อง สงสัย และตอนนี้มันก็หิวเต็มทีแล้ว แกรกๆ เดินส่ายอาดๆ เข้าไปใกล้ ชำ�เลืองตามองแบบดูถูกหน่อยหนึ่ง เอาหางฟูๆ สะบัดไปมาจนไอ้ มนุษย์ทาสเกือบจะร้องไห้ แล้วแอ๋วก็ใช้ขาหน้าเขี่ยประตูตู้เคาน์เตอร์ เขี่ยจนเปิดออกดังแอ๊ด หลังจาก นั้นก็ถอยออกมานั่งเลียขาแต่งตัว ทำ�ทีเป็นไม่สนใจ และบูมก็ได้พบว่า อาหารแมวอยู่ในตู้ใบนี้นี่เอง เด็กหนุ่มคว้าจานข้าวแมว เทอาหารลงไป แล้ว ก็หลบฉากออกห่างจากบริเวณนั้น แอบเฝ้ามองแมวขาวที่เดิน ไปกินข้าวของตัวเองเงียบๆ หง่ำ�ๆๆๆ 36
ใช้เวลาไม่นาน อาหารเม็ดในจานก็เกลี้ยงฉาด แอ๋วใช้ขาหน้าเช็ดปากอีกเล็กน้อย หลังจากนั้น ก็เดินไปนั่งคุมเชิงอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัวเงียบๆ ปล่อยให้เด็กฝึกงานตัวโตย่องเข้ามาเปิดตู้กับข้าว เตรียมจานชามเพื่อเทอาหารที่ซื้อมาจากนอกบ้าน รอพี่มนต์อาบน้ำ�เสร็จออกมากิน บูมนั่งรออยู่ตรงโต๊ะอาหาร หันหน้าไปทางกลุ่มขนที่นั่งนิ่งส่งตากลมๆ จ้องมองมาทางเขา แมวเป็นสิง่ มีชวี ติ ทีบ่ มู ไม่คอ่ ยอยากเข้าใกล้เท่าไรนัก หลังเกิดเหตุไม่พงึ ประสงค์ในวัยเด็กถึงสอง ครัง้ สองครา เข้าโรงพยาบาลทำ�แผล โดนฉีดทัง้ วัคซีนบาดทะยัก ทัง้ วัคซีนป้องกันพิษสุนขั บ้า บูมก็ศกึ ษา วิธตี อ่ กรกับแมวอย่างละเอียด และได้หมาหนึง่ ตัวมาเลีย้ งทีบ่ า้ น เผือ่ เวลาทีม่ แี มวบุกเข้ามาในบ้าน เจ้า หมาตัวนี้มันจะได้คอยต่อสู้เพื่อเจ้านายมัน บูมลืมไปเลยว่า หมาก็เลี้ยงอยู่แค่ในบ้าน เอาออกมาเป็นบอดี้การ์ดข้างนอกไม่ได้ แต่จะว่าไป แอ๋วดูตัวไม่ใหญ่เท่าแมวยักษ์ในความทรงจำ�ของบูม แถมขนก็ดูท่าจะนุ่มดีด้วย ติด แต่ว่าตาวาวๆ ที่ดูน่าหวาดผวาเท่านั้นเอง “แอ๊ว” ไหนๆ ก็ไหนๆ มันก็ดูน่ารักใช่ย่อย อีกทั้งเขาก็ตัวโตขนาดนี้แล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว เขาเลียนเสียงแมว ลองทักมันดู แอ๋วเงยหน้าแบนๆ ของมันขึน้ ส่งสายตากลมโตทีร่ าวกับจะยิงลำ�แสงได้มาให้ แล้วก็สะบัดหน้า หนีอย่างผู้เหนือกว่า ...แมวเมิน... ในชีวิตของบูม จะมีอะไรน่าอายกว่านี้อีกไหมนะ “ฮึ่มม! จำ�ไว้เลย” แต่ก็ทำ�ได้แค่คาดโทษเสียงหงิมเท่านั้น นั่งรอเจ้าของห้องอาบน้ำ�แต่งตัวอยู่ก็พักใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของพี่มนต์เลย บูมมองเข็ม นาฬิกา จนเข็มยาววนไปได้ครึ่งรอบก็เพิ่งระลึกได้ “พี่มนต์มือเป็นอย่างนั้น แล้วอาบน้ำ�ยังไงวะ?” ตัดสินใจหาจานสะอาดมาปิดบนจานชามที่ใส่กับข้าว แล้วก็เดินเลี่ยงบริเวณเคาน์เตอร์ไปทาง ห้องนอนแทน ซึ่งแอ๋วก็กระโดดลงแล้วเดินตามหลังไปด้วย หันหลังมา ทำ�ทีสะบัดเท้าใส่ เป็นนัยว่าไม่ ต้องเข้ามาใกล้นะเว้ย ซึง่ แอ๋วก็เบือ่ ทีจ่ ะทะเลาะกับมนุษย์ปญ ั ญาอ่อนคนนีแ้ ล้ว มันถึงได้นงั่ ลงหน้าประตู อย่างสงบ ก๊อกๆ “พี่มนต์ เป็นยังไงบ้าง อาบน้ำ�ได้หรือเปล่าครับ?” เคาะประตูส่งเสียง ก็ต้องขมวดคิ้วเพราะไร้ สัญญาณตอบกลับ ด้วยความเป็นห่วง บูมถือวิสาสะบิดลูกบิด เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน มองไปกลางเตียง ก็ถอนหายใจออกมา พีม่ นต์...ในเสือ้ พนักงานบริษทั ตัวเดิม นัง่ หย่อนขาอยูท่ เี่ ตียง แต่ล�ำ ตัวท่อนบนกลับตะแคง แนบ แก้มไปบนหมอนนุม่ แทน เนกไททีเ่ คยผูกอย่างเรียบร้อย ตอนนีถ้ อดวางอยูท่ ปี่ ลายเตียง กระดุมคอเสือ้ ถูกปลดออกให้รู้สึกสบายตัว ส่วนชายเสื้อ ตอนนี้ก็ออกมานอกกางเกงเรียบร้อยแล้ว... 37
น้ำ�ก็ไม่ยอมอาบ ข้าวก็ไม่ยอมออกมากิน แถมยังหลับทั้งๆ ที่มีคนที่เพิ่งรู้จักกันวันเดียวอยู่ใน ห้องอีกต่างหาก บูมนั่งยองๆ ลงข้างเตียง ต่างกับแอ๋วที่กระโดดขึ้นเตียง ซุกตัวเข้ากับใบหน้าของเจ้านาย ซึ่ง ธมนต์ก็รวบตัวมันเข้ามากอดด้วยความเคยชิน “พี่มนต์...อาบน้ามม” กระซิบเสียงเบา แล้วก็ต้องถอยกรูดจนก้นจ้ำ�เบ้า เพราะกรงเล็บคมๆ ใต้ ขนฟูๆ มันตั้งวงสวิงมาที่แก้มอย่างเร็ว ดวงตากลมโตยิงลำ�แสงใส่บูม ราวกับต้องการจะสื่อสารว่า อย่า มารบกวนเจ้านายระหว่างพักผ่อนเชียว!! ฮือ...แล้วจะให้บูมทำ�ไงล่ะกั๊บ... พยายามจะจับแขนพี่มนต์ แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ ยื่นมือออกไป แล้วก็หดกลับอย่างรวดเร็ว ทันที ที่เจ้าแมวหวงนายเงื้อกรงเล็บ เป็นอย่างนี้อยู่สองสามรอบ ก็ตัดสินใจยอมแพ้ บูมนั่งขัดสมาธิลงข้างเตียง จ้องมองใบหน้าที่แสนสงบของธมนต์ “เฮ้อ ใจคอจะหลับไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอครับ แล้วจะให้บูมทำ�ยังไงดีล่ะ จะให้ปล่อยไว้อย่างนี้ ได้ยังไง ถ้าบูมไม่อยู่ พี่มนต์จะอาบน้ำ�ได้เหรอ ขนาดเมื่อกี้อาบไม่ได้ยังไม่ยอมเรียกกันเลย อยู่คนเดียว จะทำ�ยังไงล่ะพี่มนต์” บ่นงุ้งงิ้งเหมือนคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียว คนหลับสนิทก็ไม่มีท่าทีจะตื่น ส่วนแอ๋วก็ผละออกจาก อ้อมกอดของเจ้านาย เดินออกไปนอกห้องนอนแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ หลับท่านี้ตื่นมาคงจะปวดหลังแน่ๆ อย่างน้อย จัดท่านอนให้พี่มนต์ได้หลับ สบายก็ยงั ดี...บูมจับเท้าของรุน่ พี่ บรรจงถอดถุงเท้าให้ทลี ะข้าง จับสองขาทีย่ งั ห้อยลงข้างเตียงขึน้ ไปนอน บนเตียงดีๆ ท่าทางพี่มนต์จะติดหมอนข้าง เมื่อกี้พอแอ๋วเข้าใกล้ก็คว้ามากอดหมับ คราวนี้ก็ทำ�มือก่ายหา อะไรบางอย่าง บูมเดาว่าน่าจะเป็นหมอนข้างที่วางอยู่อีกฟากของเตียงล่ะมั้ง พยายามยืดตัวข้ามคนหลับไป ตั้งใจจะคว้าหมอนข้างมาบริการถึงที่ ทันใดนั้นมือขาวๆ พี่ พยายามก่ายไปมาก็คว้าได้ตัวเขาเข้าพอดิบพอดี รู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นหมอนข้างจำ�เป็นซะแล้ว “อะ...พะ...พี่...” พูดลำ�บาก ให้พูดก็ไม่กล้าพูด เพราะตอนนี้ใบหน้าทั้งใบถูกดึงให้ซุกเข้ากับอก เรียบร้อยแล้ว หอม... ขาว... ถึงจะหายใจลำ�บาก แต่ก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมจากความใกล้ชิด กลิ่นพี่มนต์ หอมเย็นๆ เหมือ นมิน้ ต์เลย เมือ่ ชำ�เลืองตาไปมองว่าคนละเมอรูส้ กึ ตัวบ้างรึยงั ก็เจอะเข้ากับหน้าอกขาวๆ ใต้เสื้อเชิ้ตปลด กระดุม...ผิวของพี่มนต์ไม่ได้ขาวซีดเหมือนพนักงานออฟฟิศ ไม่ได้ขาวอมชมพูเหมือนพวกผู้หญิงหรือ ผู้ชายเจ้าสำ�อาง แต่ผิวของพี่มนต์ขาวสะอาด...ขาวเหมือนน้ำ�นม... 38
หัวใจเต้นรัว เวียนหัว ไม่รู้จะทำ�ยังไง พี่มนต์...คนหน้าตาย คนหน้านิ่ง คนที่มีคนเรียกลับหลังว่าคุณมืดมน ...ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลย... พี่มนต์ตอนนี้ดูสงบ ดูไร้เกราะป้องกัน ดูแล้ว...อยากจะคอยดูแลให้รู้สึกสบาย เมื่ออ้อมกอดคลายแรงลง บูมก็ค่อยๆ จับแขนพี่มนต์ยกขึ้น ลอดตัวออกจากอ้อมกอดทั้งๆ ที่ ยังเสียดาย แล้วก็เอื้อมตัวหยิบหมอนข้างมาจัดท่านอนให้หลับสบาย ห่มผ้าห่มขึ้นมาถึงบ่า แก้มขาวเหมือนจะมีแรงดึงดูดอย่างประหลาดให้คนมองอดไม่ได้ที่จะต้องยกหลังมือ เกลีย่ เบาๆ... “...อือ...” พี่มนต์ครางออกมานิดหน่อย ซุกใบหน้าเข้ากับหมอน ริมฝีปากยิ้ม แล้วก็เผยอออกเล็กน้อย ฟืดดด!!! แย่ละสิ ดันเผลอหายใจแรงเกินไป...บูมรีบยกมือขึ้นปิดจมูกปิดปาก รู้สึกว่าโพรงจมูกมันร้อน เหมือนเลือดกำ�เดาจะไหลยังไงยังงั้นเลย “เม...” ระหว่างที่กำ�ลังชกหน้าตัวเองให้สงบจิตใจ ริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ นั้นก็เปล่งเสียงออกมา “หือ อะไรนะพี่มนต์?” พยายามเงี่ยหูฟัง ได้ยินไม่ถนัด เพราะคนหลับออกเสียงแค่ในลำ�คอ “...พี่เมฆ...” เรียกชื่อใครก็ไม่รู้ออกมา ใบหน้าของพี่มนต์ดูผ่อนคลาย แล้วรอยยิ้มก็คลี่ออกมากกว่าเดิม ...พี่เมฆ... ใครก็ไม่รู้ ในตอนนี้บูมรู้อยู่อย่างเดียว...อิจฉาคนที่พี่มนต์ละเมอถึงจังเลย... นัง่ ลงกับพืน้ ตรงข้างเตียง เท้าคางมองใบหน้าของรุน่ พีห่ น้านิง่ ทีเ่ พิง่ ได้ใกล้กนั แค่วนั เดียวแต่กลับ รูส้ กึ ดีๆ ด้วยอย่างไม่นา่ เชือ่ ยกมือขึน้ หมายจะปัดเส้นผม แต่ความรูส้ กึ เจ็บจีด๊ ทีส่ น้ เท้าก็เข้ามาขัดขวาง ให้ต้องชักมือกลับทันใด ดีเท่าไรที่ยังมีสติพอไม่ร้องโวยวายออกมาให้คนที่หลับอยู่ต้องตกใจตื่น มองลงไป...อา...ต้นเหตุคือเธอนี่เอง... เจ้าแอ๋วเดินกลับเข้ามาในห้องแล้ว แถมยังจ้องเขาตาวาวอีกต่างหาก... “จ้าๆ ไปก็ได้ ไม่กวนแล้วก็ได้” ยกสองมือขึน้ เสมออกเป็นปางห้ามญาติ ถอยห่างออกนิดหน่อย เพราะความทรงจำ�เลวร้ายเกี่ยวกับแมวยังไม่ลบหายไป แล้วก็แอบมองใบหน้าที่หลับอย่างสงบอีกนิด หนึ่งพลางยิ้มบาง “ฝันดีนะครับ พี่มนต์” ว่าแล้วก็ยอมเดินออกจากห้องนอนของเจ้านายของแอ๋วแต่โดยดี ตัวเองปิดประตูหอ้ งได้กเ็ หมือน กับได้ผ่านการตัดสินใจอย่างแน่วแน่เรื่องหนึ่งแล้ว! 39
บูมจะจีบพี่มนต์!! จะจีบจริงๆ ด้วย!! ไม่ได้ล้อเล่น!! ยกสองมือขึ้นตบแก้มตัวเอง ในใจเริ่มมองหาวิธี...แอ๋วนี่แหละเว้ย! ภาษิตว่าไว้ love me love my cat ถูกรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ... คืนนี้บูมจะเปิดแฟนเพจ เปิดยูทูปแมวๆ ดูทั้งคืนเลย จะได้หายกลัวแมวซะที! ‘เหลาดินสอยังไงให้มันบาดมือได้เนี่ย’ มือซ้ายของธมนต์เจ็บ มีเลือดไหล แต่ตอนนี้...รู้สึกอุ่น ‘ก็...มีดเพิ่งซื้อมาใหม่ มันเคลือบน้ำ�มันไว้ แล้วมันก็ลื่น’ ‘เฮ้อ! ให้ตายสิ’ พี่เมฆยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ปรกแก้มของเขาให้ แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์จนเขาใจเต้น รัว ‘เอาเถอะ...อุตส่าห์มาเหลาดินสอให้พี่จนมือเจ็บ งั้นพี่จะดูแลมนต์ไถ่โทษก็แล้วกันนะ เริ่มจากช่วย อาบน้ำ�ให้ก่อนเป็นอย่างแรกเลยดีมั้ย’ ครืนน! เสียงลมภายนอกคำ�รามดัง ปลุกธมนต์ให้รู้สึกตัว เขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ กว่าจะนึกได้ว่าทำ�ไม ถึงเจ็บที่มือขวา แทนที่จะเป็นมือซ้าย แถมมองลงไปก็มีผ้าก็อซพันอยู่ที่มือขวาเสียด้วย...ที่แท้ ก็ฝันถึง เรื่องเก่าๆ... ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เหลียวมองไปรอบๆ แอ๋วนอนอยู่ข้างหมอนที่เดิมที่มันนอนทุกคืน ไฟกลางห้องปิดสนิท เครื่องนอนถูกจัดพร้อมสรรพ ผ้าคลุมเตียงถูกพับไว้ที่ปลายเตียงอย่าง เรียบร้อย ผ้าห่มคลี่คลุมอย่างดี และหมอนข้างที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ก็ย้ายที่มาได้ ก้มมองตัวเอง...ยังไม่ได้อาบน้ำ�เลย...เผลอหลับไปทั้งๆ อย่างนี้ ขนาดน้ำ�ยังไม่ได้อาบ แล้วจะมี สติพอจะจัดที่นอนซะเรียบร้อยได้ยังไง? ไม่ต้องสงสัย บูมคงจะเป็นคนจัดการให้ เมื่อหัวค่ำ� หลังจากที่กำ�ลังคิดว่าจะทำ�ยังไงกับแผลที่มือดี จะอาบน้ำ�ยังไงไม่ให้แผลเปียกดี ระหว่างทีก่ �ำ ลังถอดเครือ่ งแต่งกายอย่างทุลกั ทุเล ก็เกิดรูส้ กึ อ่อนเพลียขึน้ มา คิดแค่วา่ ขอนอนพักสายตา นิดหน่อยแล้วจะตื่นขึ้นมาอาบน้ำ� รู้สึกตัวอีกทีก็หลับไปหลายชั่วโมงทีเดียว แล้วบูมล่ะ?... ลุกขึ้นนั่ง วางเท้าลงบนพื้นกระเบื้องเย็นๆ แล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจ...นี่ถึงขนาดถอดถุงเท้าให้กัน ด้วยเหรอเนี่ย จะดูแลคนที่เพิ่งเคยเจอกันวันเดียวดีเกินไปรึเปล่า? เปิดประตูห้องนอน ออกมาข้างนอกก็เงียบสงัด มีแต่เสียงลมกระโชกแรงที่พัดกระทบประตู หน้าต่างบานใหญ่จนสั่นกึก ในบริเวณครัวเปิดไฟทิ้งไว้หนึ่งดวง เมื่อเดินไปถึงโต๊ะทานอาหารก็พบ กระดาษแผ่นเล็กแปะอยู่ด้านบน ‘ดึกแล้ว บูมกลับก่อน พี่มนต์ตื่นแล้วอุ่นโจ๊กในตู้เย็นนะครับ แล้วก็กินยาหลังอาหารด้วย’ จ๊อก 40
เหมือนบูมจะรูเ้ ลย ว่าเขาตืน่ มาจะต้องหาอะไรกินแน่ๆ เมือ่ เปิดตูเ้ ย็นก็พบโจ๊กทีแ่ กะใส่ชามปิด ฝาเรียบร้อยวางเอาไว้ให้ และยังมีแก้วใส่นมอีกใบวางอยู่ข้างๆ กัน กระเพาะที่ไม่ได้มีอาหารตกลงตั้งแต่เช้าเรียกร้องเจ้าของมากทีเดียว ธมนต์เริ่มรู้สึกแสบท้อง จนคิดว่าคงต้องกินยาเคลือบกระเพาะก่อนนอนซะด้วย “แอ๊ว” แอ๋วตื่นตามเจ้านาย มันไถขนนุ่มๆ เข้ากับขาของธมนต์ แล้วก็เดินไปดมจานอาหารของตัวเอง “ฮะๆ หิวกันทั้งคู่” ธมนต์ยิ้มให้แอ๋ว สงสัยว่าเด็กฝึกงานมือใหม่จะให้อาหารแมวน้อยเกินกว่า ที่มันต้องการ แกะห่ออาหารแมวใส่จานเล็กน้อย แล้วก็ลงมืออุ่นอาหารของตัวเอง นั่งกินโจ๊กหนึ่งชาม นมหนึ่งแก้วจนหมด กินยาที่บูมวางไว้บนโต๊ะ ตัดสินใจทิ้งชามข้าวเอาไว้ ล้างวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ร่างกายเรียกร้องการพักผ่อนอีกแล้ว ถอดเสื้อผ้า หาถุงพลาสติกมาหุ้มมือขวาเอาไว้ อาบน้ำ� แล้วก็แต่งตัวอย่างทุลักทุเล กว่าทุก อย่างจะเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยมานานจนเข้าช่วงเข้ามืดทีเดียว ฝนข้างนอกเริ่มตกหนักขึ้น กระทบ กระจกจนเกิดเสียงถี่รัว วันนีไ้ ม่อยากได้ยนิ เสียงฝน...ไม่อยากได้ยนิ หลังจากทีฝ่ นั ถึงพีเ่ มฆมาสองคืนติด ธมนต์ไม่อยาก ได้ยินเสียงเหมือนคืนที่เสียพี่เมฆไป... ตัดสินใจนอนทั้งที่ปิดประตูหน้าต่างสนิท เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบไว้ตามเดิม เหมือน ตอนทีบ่ มู จัดการเปิดให้ ถึงแม้จะหนาวเพราะอุณหภูมภิ ายนอกลดลงต่�ำ แต่กไ็ ม่ได้ให้ความสำ�คัญอะไร กับร่างกายตัวเองเท่าไร ให้รู้สึกหนาวก็ดี จะได้รู้ตัว...ว่าอยู่คนเดียว ...สมน้ำ�หน้าตัวเอง... ล้มตัวนอนบนเตียง ยกมือขวาที่พันผ้าก๊อซขึ้นมอง เป็นตุ้มใหญ่ ดูประหลาด ขยับก็ไม่สะดวก แล้วก็ยกมือซ้ายขึ้นมอง แหวนเงินเกลี้ยงในนิ้วนางสะท้อนแสงแวบวับ แหวนที่พี่เมฆให้มา...วันที่ได้รับมันมา...เป็นวันสุดท้ายที่ได้คุยกับพี่เมฆ... ปกติใส่ไว้ที่นิ้วนางมือขวา แต่เนื่องด้วยมือขวาต้องพันผ้าพันแผล จะถอดใส่กระเป๋าก็กลัวหาย เลยต้องย้ายมาใส่นิ้วที่ใส่ได้พอดีที่สุด...นิ้วนางข้างซ้าย พอดีกว่านิว้ นางข้างขวาเสียอีก เพราะแต่เดิม คนทีใ่ ห้มนั มาก็เลือกขนาดให้พอดีกบั นิว้ นางซ้าย ของเขา เพียงแต่...เขาทำ�ใจใส่มันในที่ที่พี่เมฆต้องการไม่ได้เสียที แม้แต่ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกผิด... คนอย่างธมนต์ไม่คู่ควรกับความรักของใครทั้งนั้น เพราะแม้แต่ความรักของพี่เมฆที่ให้มา...ยัง รักษาไว้ไม่ได้...ยังเป็นคนที่ทำ�ลายมันด้วยฝีมือตัวเองเลย ไม่กล้าใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายหรอก เพราะมนต์ ไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้พี่เมฆจะยังอยากให้มนต์ใส่อยู่รึเปล่า 41
ธมนต์ใช้นวิ้ โป้งกับนิว้ ก้อยค่อยๆ ถอดแหวนออก ลำ�บากพอสมควร แต่สดุ ท้ายก็หลุดออกจาก นิ้วจนได้ เขาเปิดฝากล่องใบเล็กบนหัวเตียง หย่อนแหวนวางลงไปในที่ของมัน ทีท่ เ่ี มือ่ สามปีกอ่ นธมนต์หยิบแหวนออกมา แล้วก็อยูท่ น่ี ว้ิ นางข้างขวาตลอดเวลา ไม่เคยใส่คนื ลง ไปในกล่องอีกเลย เหลือบมองไปยังกล่องอีกใบที่ตั้งอยู่เคียงข้างกัน กล่องที่มีกระดาษห่อของขวัญที่สี เริม่ ซีดไปตามเวลาหุม้ อยู่ ดูแลอย่างดี ไม่เคยให้มฝี นุ่ เกาะ...กล่องทีม่ นต์ตง้ั ใจจะให้พเ่ี มฆ...แต่ไม่มโี อกาสให้ “ถ้ามือหายเจ็บ มนต์ค่อยกลับมาใส่นะพี่เมฆ” ฝนภายนอกเริม่ ซาลง แต่ไม่มที า่ ว่าจะหยุดตกง่ายๆ เม็ดฝนโปรยกระทบหน้าต่างเกิดเป็นเสียง เปาะแปะ ฝนตกนอกห้องซาลง แต่แก้มของธมนต์กลับเปียกชื้น
42
อิงฟ้าทำ�งานพิเศษนอกเวลาเป็นนักดนตรีทรี่ า้ นอาหารกึง่ ผับแห่งหนึง่ ใช่ทมี่ นั เป็นงานกลางคืน แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กๆ ที่จะดูแลตัวเองไม่ได้ จะยี่สิบแปดอยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว อิงฟ้ารู้สึกว่าตัวเองช่างเหมือน เด็กมีปัญหา ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียว เช้าไปทำ�งานที่บริษัทพ่อ ตกเย็นเข้าผับ กลับก็ดึก ชีวิต เขาก็วนเวียนอยูเ่ ท่านีจ้ ะเอาอะไรมากมาย กลับจากทำ�งานมาก็ดกึ ดืน่ ทำ�ให้ชายหนุม่ หลับเป็นตายแทบ ทุกวัน พรุง่ นีเ้ ป็นวันหยุดทำ�ให้เขานอนอย่างเต็มที่ จนตะวันสายโด่งก็ยงั ไม่คดิ จะตืน่ เสียงกริง่ หน้าห้อง ดังน่าหนวกหู ชายหนุ่มเอาหมอนปิดหูไม่ยอมลุกไปเปิดให้ สักพักเสียงก็เงียบไป เขาถอนใจอย่างโล่ง อกเมือ่ ได้นอนต่อไร้สงิ่ รบกวนใจ แต่กลับรูส้ กึ เช่นนัน้ ได้ครูเ่ ดียวเมือ่ อยูๆ ่ ก็มวี ตั ถุบางอย่างกดทับร่างกาย ชายหนุ่มจะดีดตัวลุกขึ้นเมื่อคิดว่าถูกผีอำ� แต่มันกลับลุกไม่ขึ้นเสียนี่ แขนก็ถูกกดเอาไว้ด้วย แบบนี้ท่า จะไม่ใช่ผี แต่เป็นไอ้โจรห้าร้อย!! แต่เดีย๋ วก่อน... อิงฟ้าหยุดความฟุง้ ซ่านของตัวเอง นีม่ นั ตึกสูงทีม่ คี วามปลอดภัยเป็นเลิศนะ โจร มันขึน้ มากระทำ�การอุกอาจขนาดนีไ้ ด้มนั หลอกลวงผูบ้ ริโภคชัดๆ เขาจะฟ้องสคบ! สปช! สลน! จะฟ้อง แม่งให้หมด บ้าเอ๊ย!! “อื้อๆๆ” อิงฟ้าได้แต่ร้องอู้อี้ในลำ�คอเพราะไอ้โจรห้าร้อยมันกดหัวเขา ห่าเอ๊ย อย่าให้กูหลุดไป ได้นะมึง ไอ้โจรเฮงซวย!! “อยู่เฉยๆ!” เสียงเจ้าโจรห้าร้อยมันคำ�รามขู่ แต่เรื่องอะไรที่เขาต้องเชื่อฟังมัน ขาที่ยังคงเป็นอิสระถูกใช้ ประโยชน์เมื่อเขาไม่สามารถมองเห็นมันได้ก็ต้องลองเสี่ยงดูล่ะ พลั่ก!! โดนเสียด้วย อิงฟ้ายิม้ มุมปาก ดีดตัวลุกขึน้ มาดูผลงานของตนเอง ก่อนจะชะงักค้างเมือ่ เจ้าโจร นั่นมัน... “มึง... ไอ้ตะวัน...” เจ้าเด็กโย่งที่เขาไปรับจากสนามบินเมื่อวานนี้ ตอนนี้กลับกลายมาเป็นโจรห้าร้อยบุกเข้าห้อง เขาเสียแล้วหรือ แก่นตะวันขยับลุกขึ้นยืน อิงฟ้าก็ลุกขึ้นยืนบนเตียงอย่างระแวดระวังตัวเช่นกัน ตัวเขา กับมันคงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ถ้ามันนึกจะเอาคืนเขาก็ไม่ยอมล่ะ สีหน้าแก่นตะวันดูหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะผูกเป็นปม มันจะเครียดอะไรของมันหนัก หนา เพราะเขาตื่นขึ้นมาก่อนที่มันจะทันได้ปล้นแล้วฆ่าเขาทิ้งหรือ ไม่มั้ง... 44
“พี่นอนทั้งอย่างนี้เหรอ?” มันเอ่ยถามเสียงเครียด คราวนี้ถึงคราที่อิงฟ้าจะขมวดคิ้วบ้าง นอนแบบนี้แล้วมันยังไง นอน แบบนี้แล้วมันเครียดอะไร? “ห้องนีพ้ อ่ี ยูค่ นเดียวใช่ไหม?” แก่นตะวันยังถามต่อ มองไปรอบๆ ราวกำ�ลังสำ�รวจหาสิง่ ผิดปรกติ “มีเพือ่ นอยูด่ ว้ ย” เขาเสยผมทีม่ นั ไม่เป็นทรง รูส้ กึ หงุดหงิดหน่อยๆ ทีม่ คี นมาซักประวัตติ ง้ั แต่เช้า “ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เจ้าเด็กนั่นรีบถามทันทีที่เขาบอกว่ามีเพื่อนอยู่ด้วย “จะถามหาอะไรวะ” เสียงอิงฟ้าเริ่มห้วน ก้าวลงจากเตียงที่ตนเองยืนอยู่ เดินผ่านหน้าน้องชาย ไปค้นผ้าขนหนูในตู้แล้วเข้าห้องน้ำ� เดี๋ยวค่อยมาจัดการกับไอ้เด็กไร้มารยาท บุกรุกห้องเขาตั้งแต่ยังไม่ แหกตาตื่น แก่นตะวันมองแผ่นหลังเปลือยของพี่ชาย เพิ่งรู้ว่าเวลานอนไม่ใส่เสื้อ แล้วไอ้เพื่อนที่อยู่ด้วยไม่ แทะเล็มพี่เขาจนสึกแล้วหรือป่านนี้ เพียงไม่นานอิงฟ้าก็ออกมาจากห้องน้ำ� ผ้าขนหนูพันเอวมันชวนให้อยากกระชากเป็นบ้า แก่น ตะวันมองพี่ชายเดินไปเดินมาทั้งที่ยังไม่สวมเสื้อผ้าแล้วลอบกลืนน้ำ�ลาย นี่มันคงเป็นเรื่องปรกติของพี่ แต่สำ�หรับเขา... มันไม่ปรกติเท่าไร ตุ้บ! ขวดโลชั่นถูกปามาใส่ เด็กหนุ่มรีบรับก่อนที่มันจะโดนหัวตัวเอง อิงฟ้าเท้าสะเอวข้างหนึ่ง มอง มาด้วยหน้าตาหาเรื่อง “มองอะไร ตั้งแต่ฉันเดินออกจากห้องน้ำ�มานี่ไม่วางตาเลยนะ” แก่นตะวันหัวเราะในลำ�คอ ทำ�หน้าเจ้าเล่หม์ องพีช่ ายตัง้ แต่หวั จรดเท้าก่อนลูบปากท่าทางโรคจิต “พี่นี่น่ากินเป็นบ้า...” โป๊ก! “โอ๊ย!!” แม่นยิง่ กว่าจับวางเมือ่ คราวนีเ้ ป็นกระปุกเจลใส่ผมพุง่ มาโดนหน้าผากเด็กโรคจิตเต็มเปา อิงฟ้า ส่ายหน้าหน่าย ปลดเสื้อในตู้มาสวม ก่อนถือกางเกงเข้าห้องน้ำ�ไป “โห ไม่แน่จริงนี่หว่า” เด็กโย่งว่าแล้วหัวเราะ ก่อนจะสูดปากเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บหน้าผากขึ้นมา อีก สงสัยโนแหง สายตาคมมองรอบห้องนอนของพี่ ดูเรียบๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ บางทีมันก็ดูเรียบร้อยจนเกิน ไป ไม่รกเหมือนห้องเขาสักนิด สายตาสะดุดเข้ากับกรอบรูปที่มุมมันโผล่มาจากใต้หมอน เพ่งมองมัน อย่างสงสัยก่อนตัวสูงๆ จะขยับลุกเดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือไปหยิบมัน “ทำ�อะไร!?” ยังไม่ทนั จะได้เห็นว่ามันคือรูปอะไรก็ถกู แย่งไปเสียก่อน สายตาเคืองขุน่ จากอิงฟ้าจ้องเขาเขม็ง แก่นตะวันเองก็มองพี่ชายนิ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา 45
“ไม่มีอะไรสักหน่อย ผมเห็นมันจะตกเลยจะเก็บเข้าไปไว้ที่เดิม อย่าทำ�หน้าแบบนั้นน่าพี่ชาย” “ออกไป” เด็กหนุ่มหุบยิ้มกับคำ�ไล่ พี่ชายของเขาเอากรอบรูปนั่นเบี่ยงไปซ่อนข้างหลัง สีหน้าเด็กหนุ่มดู น้อยใจที่ถูกไล่ด้วยน้ำ�เสียงห้วนสั้น ขายาวจะก้าวออกจากห้อง แต่เมื่อก้าวผ่านเจ้าของห้องสายตาก็ เหลือบมองกรอบรูปในมือที่ถูกซ่อนไว้ เขาคว้ามันหมับ อิงฟ้าตกใจยื้อแขนกลับทำ�ให้เกิดการยื้อแย่ง “ตะวัน ปล่อยมือ ฉันบอกให้ปล่อย” ทั้งดึงทั้งถองให้น้องชายปล่อยมือจากกรอบรูปนั้น ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ�กลัวน้องจะเห็นมัน แต่ อีกคนกลับมือเหนียวยิง่ กว่าติดกาว ชายหนุม่ เตะขาน้องชายแต่กลับเป็นฝ่ายเสียหลักเสียเอง รูปถูกแย่ง ไปในขณะทีเ่ ขาถลาลงไปนัง่ แหมะบนพืน้ อย่างไม่เป็นท่า ตวัดสายตากลับไปมองเด็กไร้มารยาททีม่ ายือ้ แย่งของเขาไปแล้วกลับต้องชะงักกึกเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่มองรูปนั้น “เอา...คืนมา” ละสายตาจากแผ่นหลังกว้างที่ลับหายดวงตาเรียวก็ก้มมองรูปในมือ กัดปากตนเองจนเจ็บเมื่อ ความรู้สึกบางอย่างมันพุ่งชนหัวใจ ลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงถูกเปิด รูปดังกล่าวถูกยัดเข้าไปในนั้นแล้วปิดลิ้น ชักใส่กุญแจไว้...ปิดเอาไว้...ปิดเอาไว้อย่าให้ใครเห็นถึงความอ่อนแอที่มี... “ตะวัน!” อิงฟ้าตะโกนเรียกน้องชายที่เดินคอตกอยู่หน้าคอนโดมิเนียม ฝ่ายนั้นแค่ชะงักแล้วเดินต่อ ชาย หนุ่มยืนอึ้ง เขาอุตส่าห์วิ่งลงมาตามยังมาเดินหนีเขาอีก ไอ้เด็กนี่ “ตะวัน ถ้าแกไม่หยุด ต่อไปก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีกเลยนะ!” ตะโกนออกไปเช่นนั้นอีกฝ่ายก็ ยืนแน่นิ่งไม่ไหวติง ให้มันได้อย่างนี้ อิงฟ้ายกยิ้มมุมปาก ก้าวไปหาเด็กโย่งที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ มือเรียวคว้า แขนอีกฝ่ายแล้วลากกลับเข้าตัวอาคารไป “กินอะไรมาหรือยัง หรืออยากไปกินข้างนอก?” เมือ่ กลับขึน้ มาบนห้องอิงฟ้าก็ปล่อยแขนน้องชาย เอ่ยถามไถ่ขณะทีเ่ ดินเข้าพืน้ ทีส่ �ำ หรับทำ�ครัว เปิดตู้เย็นหาของที่พอจะทำ�อะไรทานได้ อยู่นอกบ้านแบบนี้เขาต้องช่วยเหลือตัวเองหลายอย่าง ไม่ จำ�เป็นก็ไม่อยากออกไปทานข้าวข้างนอกที่มีคนเยอะแยะยั้วเยี้ยสักเท่าไรนัก หลังจากทิ้งคำ�ถามเอาไว้ แล้วเข้าครัวมาคนเป็นน้องก็ยงั คงยืนนิง่ ไม่หอื ไม่ออื อิงฟ้ารูส้ กึ เอะใจกับความเงียบจึงชะเง้อมามอง เดาะ ลิ้นเบาๆ ก่อนเดินกลับออกมาหา “เป็นอะไร?” แก่นตะวันเหลือบสายตาขึ้นมองพี่ชายที่ท่าทางจะไม่สบอารมณ์กับท่าทีของตนสักเท่าไร เด็ก หนุ่มถอนใจยาวก่อนที่จะเงยขึ้นมามองพี่เต็มตา มือเอื้อมมาแตะข้างแก้ม ผู้เป็นพี่ชะงัก คล้ายจะผงะ ถอยหนีแต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำ� “ลืมเขาเถอะพี่ฟ้า ลืมเขาสักที” คำ�พูดของน้องชายราวเข็มทิ่มแทงใจให้แผลเก่าที่ไม่เคยหายมันเจ็บปวดขึ้นมาอีก อิงฟ้าเบือน สายตาไปทางอื่น เขารู้ดีว่าน้องหมายถึงเรื่องอะไร แต่นั่นมันคือสิ่งที่เขาทำ�ไม่ได้ ทำ�ไม่เคยได้ แม้มันจะ ผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม 46
“ถ้าทำ�ได้คิดว่าฉันไม่อยากทำ�หรือไง...” “เขาทำ�ร้ายพี่ตั้งเท่าไร ทำ�ไมยังลืมไม่ได้อีก ทำ�ไม!?” เด็กหนุ่มจับต้นแขนพี่ชายแล้วเขย่าตัวพี่ ตามแรงอารมณ์ สีหน้าของเขามันไม่ได้แสดงให้พี่เห็นหรือว่าเจ็บปวด หันมามองเขาสิ หันมา! “ตะวัน มันเจ็บ...!” อิงฟ้าตวาด ก่อนจะชะงักกึกกับแววตาที่เขาไม่ได้เห็นมาหลายปี แววตาที่ เต็มไปด้วยการตัดพ้อและความเจ็บปวด “ทำ�ไมล่ะพี่ฟ้า ทำ�ไมไม่มองผมบ้าง ก่อนนี้พี่เคยบอกว่าผมยังเด็ก ความรักที่ผมมีให้พี่มันคือ ความรู้สึกแสนโง่เง่า ผมพยายามอย่างมากที่จะเป็นผู้ใหญ่แบบที่พี่ต้องการ ผมพยายามตั้งเท่าไร ต้อง พยายามอีกมากแค่ไหนพี่ถึงจะลืมเขา” มองดวงตาแดงก่ำ�นั่นแล้วอิงฟ้าก็พูดไม่ออก แก่นตะวันเคยพร่ำ�บอกว่ารัก แต่นั่นเขาคิดเพียง ว่ามันเป็นคำ�พูดของเด็ก เขาโตกว่าตั้งกี่ปี แม้แต่คนที่เขาเคยคิดว่าจะรักกันตลอดไปยังหักหลัง ยังทอด ทิ้งให้เขาเดียวดาย แล้วจะเอาอะไรมายืนยันให้เขามั่นใจว่าคนอื่นจะไม่ซ้ำ�รอยเดิมนั้น โดยเฉพาะคน ตรงหน้าเขาตอนนี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของเขา ชายหนุ่มรั้งตัวแก่นตะวันมากอด ถอนหายใจเบาๆ กับความรู้สึกของตนเองในขณะนี้ ในวันที่ เขาไร้แม้เรีย่ วแรงจะยืนหยัดคนๆ นีค้ อยช่วยเยียวยา เด็กผูช้ ายทีก่ า้ วเข้ามาหาพร้อมร่มในมือวันนัน้ คน ทีเ่ ช็ดน้�ำ ตาทีม่ นั ไหลลงมาโดยไม่ตงั้ ใจ คนทีค่ อยบอกว่าจะปกป้องแม้ตวั เองยังเป็นเด็กตัวกะเปีย๊ กเดียว “ขอบใจ สำ�หรับตลอดเวลาที่ผ่านมา แกเป็นน้องชายที่น่ารัก” “...........” น้องชายที่น่ารักอย่างนั้นหรือ เขาไม่อยากเป็นสักหน่อย ไม่อยากเป็น เด็กหนุ่มดันตัวพี่ชายออกห่าง มือยังจับแขนพี่แน่นขณะที่ใบหน้าก้มต่ำ� เสียงสูดจมูกเบาๆ ดัง มาให้ได้ยิน ตัวสูงโย่งนั้นหมุนกลับก่อนเดินออกจากห้องนี้ไปอีกครั้ง อิงฟ้ามองตามแล้วได้แต่กำ�หมัดแน่น ดีแล้ว แบบนี้ก็ดีแล้ว ให้เขาจมปลักอยู่กับความเจ็บปวด จมอยูก่ บั อดีตทีไ่ ม่นา่ จดจำ�แค่คนเดียวก็พอ อย่าก้าวลงมาหาเขาเลย อยูต่ รงนัน้ ... ช่วยอยูใ่ ห้หา่ งเขาแล้ว มีความสุขให้มากๆ เถอะแก่นตะวัน “ฟ้า ครอบครัวเราไม่ได้ทานข้าวกันพร้อมหน้านานแล้วนะ เย็นนีว้ า่ งหรือเปล่า กลับมาทานข้าว ที่บ้านสักมื้อสิลูก” อิงฟ้ากดฟังเสียงคุณแม่เลีย้ งทีฝ่ ากข้อความเอาไว้ตอนเขาไม่อยูห่ อ้ ง ตัง้ แต่ทนี่ อ้ งชายตัวแสบมา บุกห้องเขาวันนั้นมันก็ไม่เคยโผล่มาอีกเลย เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านเลยเหมือนกัน ปกติก็ไม่ค่อยได้ไป ยิ่งมีปัญหากับแก่นตะวันเขายิ่งไม่อยากไป อิงฟ้ากดฟังเสียงฝากข้อความซ้�ำ อีกหน เขาเองก็ตอ้ งเตรียมตัวกลับบ้านแล้วเหมือนกัน ระบาย ลมหายใจออกมายาวยืด ก่อนปลอบใจตนเองว่ามันไม่เป็นไรหรอกน่า... ...เสียที่ไหนกันล่ะ... คนที่มายืนรอรับอยู่ตรงหน้านี่พาให้เขาอยากย้อนกลับห้องพักเสียเดี๋ยวนี้ ดวงตาเรียวบ่ายไป ทางอื่น ไม่สบตาเด็กตรงหน้าที่จ้องเขม็ง เสียงคุณแม่เลี้ยงเอ่ยเรียกทั้งเขาและแก่นตะวันให้เข้าบ้าน ตัว 47
สูงโย่งนัน่ ถึงได้ยอมละสายตาแล้วก้าวเข้าบ้านไป อิงฟ้าถึงกับถอนใจเฮือก เล่นเอาหายใจไม่ทวั่ ท้องเลย จริงๆ อาหารเย็นมื้อนี้ดูท่าพ่อของเขากับคุณแม่เลี้ยงจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ ท่าทางอิ่มอกอิ่มใจที่ ลูกๆ อยูก่ นั พร้อมหน้าจนอิงฟ้าไม่กล้าทีจ่ ะเอ่ยปากขอตัวกลับ และนัน่ มันเป็นสิง่ ผิดมหันต์ เมือ่ คุณพ่อ ที่เคารพเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน “คืนนีน้ อนทีบ่ า้ นนะฟ้า ห้องแกคุณจีเขาทำ�ความสะอาดให้ทกุ วัน รอแต่แกกลับมานอนบ้านบ้าง” เล่นเอาเขาพูดไม่ออก ชายหนุม่ หันไปมองคุณแม่เลีย้ งศจีทยี่ มิ้ ใจดีมาให้ ความรูส้ กึ ทีอ่ ยากกลับ ห้องของเขายิง่ ดิง่ ลงเหว ไม่สามารถขุดมันขึน้ มาทานแรงปรารถนาของทัง้ พ่อและคุณแม่เลีย้ งทีแ่ สนดีได้ “ค้างที่นี่นะฟ้า พรุ่งนี้แม่จะรีดชุดทำ�งานไว้ให้ จะได้ออกไปทำ�งานพร้อมพ่อเขาเลย” “เอ่อ...” ชายหนุ่มได้แต่อ้ำ�อึ้ง สายตาเผลอสบเข้ากับน้องชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม อิงฟ้าชะงัก กระ แอมเบาๆ ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ ฝากด้วยครับ” รอยยิม้ ชายหนุม่ จืดเจือ่ น ไม่สามารถต้านทานรอยยิม้ ยินดีของผูม้ พี ระคุณ ได้ ไม่น่าเลยอิงฟ้า เฮ้อ... เมื่อพ่อถูกพาขึ้นบ้านไปแล้วอิงฟ้าก็ขอตัวบ้าง แม่บ้านมาช่วยเก็บกวาดเขาจึงผละมาชั้นบน ว่า จะอาบน้ำ�ให้สดชื่นสักหน่อยก่อนค่อยนอน แต่กลับต้องร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่บนเตียง “ไอ้ตะวัน ไอ้เด็กบ้า! มานั่งทำ�อะไรมืดๆวะ!?” อิงฟ้าลูบอกตนเองเรียกขวัญที่มันบินหนีไปเมื่อครู่กลับมา เมื่อเปิดไฟในห้องแล้วเห็นว่าเงาที่ นั่งอยู่ปลายเตียงนั่นคือน้องชายของเขาเอง “แกนี่ชอบเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตลอดเลยนะ” เดินบ่นขณะไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยน เวลาอาบน้ำ� ของในตู้ดูสะอาดเรียบร้อย คุณแม่เลี้ยงดูแลให้เขาดีจริงอย่างที่พ่อบอก มืออุ่นๆ เอื้อมมาแตะสะโพกทำ�ให้อิงฟ้าสะดุ้งโหยง ป่ายแขนมาด้านหลังโดยอัตโนมัติ ข้อมือ เขาจึงถูกจับยึด เมื่อเหลียวกลับมามองก็เห็นว่าสีหน้าคนจับดูแปลกไปจากเดิมจนเขาเริ่มกลัวใจ “ทำ�อะไร?” อิงฟ้าพยายามใช้เสียงดุเข้าข่มน้องชายที่ขยับเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีคุกคาม แรงบีบที่ข้อมือมีมาก ขึน้ จนเขาต้องนิว่ หน้า แก่นตะวันกระชากเขาเข้าไปหา แผ่นอกชนกับอีกฝ่ายจนเจ็บ แววตาไร้ความรูส้ กึ มองจ้องมาน่าหวาดหวั่น “ผมจะไม่ถามพี่แล้วว่าเมื่อไรจะลืมเขา เพราะผม...จะเป็นคนทำ�ให้พี่ลืมเขาเอง” แสงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปลุกคนบนเตียงให้รู้สึกตัวตื่น แก่นตะวันหรี่ตาขึ้นมา ท่ามกลางแสงเหล่านั้น ผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วมองหาคนข้างกาย มีเพียงความว่างเปล่าที่คงอยู่กับผ้าปู เตียงย่นยับและ...รอยเลือด ก๊อก ก๊อก ก๊อก 48
เสียงเคาะประตูท�ำ ให้แก่นตะวันสะดุ้งสุดตัว หัวใจเด็กหนุ่มเต้นระรัวแรงด้วยความหวาดหวั่น กับความผิดทีต่ นเองได้กระทำ� มือเผลอกำ�ผ้าปูเตียงทีเ่ ปือ้ นเปรอะ กว่าหัวใจทีเ่ ต้นระรัวจะสงบลงได้สกั นิดก็กินเวลาอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มตัดสินใจลุกจากเตียง แต่ผ้าห่มที่ร่นลงพ้นช่วงเอวทำ�ให้เขาต้องชะงัก เสียงเปิดประตูห้องน้ำ�ดังขึ้นเรียกความสนใจ ขณะที่เขายังคงนิ่งค้างอยู่ท่าเดิม อิงฟ้าออกจากห้องน้ำ�มาเพราะแว่วเสียงเคาะประตู ปรายสายตามองน้องชายที่นั่งอึ้งอยู่บน เตียงแล้วจึงเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูหอ้ งเอง เป็นคุณแม่เลีย้ งทีม่ าปลุกเพราะเห็นว่ามันสายแล้วแต่เขา ยังไม่ตื่น “สีหน้าไม่ดีเลยลูก วันนี้หยุดดีไหมจ๊ะ?” อิงฟ้ายิ้มบางกับท่าทีห่วงใยของคนถาม ก่อนบอกว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่คงเข้างาน สายสักหน่อยเพราะนี่ก็เพิ่งอาบน้ำ�เสร็จ คุณแม่เลี้ยงเลยว่าจะลงไปเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วส่งชุดที่ ตนเองรีดเสร็จแล้วให้เขาไปแต่งตัว จะได้ลงไปทานข้าวได้เลยทันที “ขอบคุณมากครับ” ชายหนุม่ บอกกับท่านแล้วจึงค่อยปิดประตูลง ถือชุดทำ�งานเดินไปแต่งตัวจนเสร็จแล้วจึงได้เอ่ย ปากกับเด็กที่นั่งเอ๋ออยู่บนเตียง “จะนั่งอยู่อีกนานไหม กลับห้องไปสักทีสิ” “พี่ฟ้า...” ทางด้านเด็กหนุ่มที่กลับเข้าห้องตนเองมาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนอย่างหมดแรง อิงฟ้ายังคง เป็นอิงฟ้า แม้แต่ถูกเขากระทำ�ให้เจ็บช้ำ�ก็ยังไม่แสดงท่าทีอื่นใดนอกจากความเฉยชา เขามันไร้ความ สำ�คัญแม้กระทั่งหางตาพี่ก็ยังไม่หันมามอง “พี่ตะวัน” น้ำ�ฝน น้องสาวคนเล็กของบ้านโผล่หน้าเข้ามาในห้อง เด็กหนุ่มวางของในมือไว้ที่เดิมก่อนหัน มามองแล้วเลิกคิ้วเชิงถาม ทางนั้นก็ยิ้มระรื่นเข้ามาหา ท่าทางจะมีเรื่องมาอ้อนขอ “ฝนจะไปข้างนอก ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” เด็กหนุ่มยิ้มบางแล้วพยักหน้าให้เพราะเขาก็ไม่อยากหมกตัวอยู่แต่ในบ้านแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อ คืนให้ปวดใจ น้องสาวร้องเย้ ก่อนบอกจะไปเอากระเป๋า ให้พี่ชายรีบอาบน้ำ�เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย แก่นตะวันส่ายหน้า ตกลงนี่คือคำ�สั่งมากกว่าคำ�ขอร้องสินะ สองพี่น้องออกมาซื้อของข้างนอกหลังจากน้องสาวสุดที่รักเร่งให้พี่ชายรีบแต่งตัวออกมาด้วย กัน แก่นตะวันแค่มาเดินเป็นเพื่อนน้องซื้อของ บวกกับทำ�หน้าที่คนถือของให้อีกหนึ่งตำ�แหน่ง ใช้เขา เสียคุ้มเลยยายเด็กแสบ “พี่อย่าบ่นนักเลยน่า ตัวก็โต ช่วยถือหน่อยไม่ได้หรือไง” นัน่ ยังมีหน้ามาตัดพ้อต่อว่าเขาอีก เด็กหนุม่ เขกหัวน้องสาวไปที ก่อนกอดคอพาเข้าร้านไอศกรีม ที่น้องชอบ 49
“แหม วันนี้ป๋าตะวันใจป้ำ�จัง” น้ำ�ฝนเอ่ยแซวพี่ชายเมื่อพากันมานั่งในร้านไอศกรีมของโปรด ตนเองแล้ว “จะกินไม่กิน?” แย่งเมนูในมือน้องมาแล้วแกล้งทำ�เสียงดุใส่ “อ๋า กินสิกิน แซวนิดเดียวก็ไม่ได้” คนเป็นน้องทำ�ปากยื่น แก่นตะวันจะบิดมันด้วยความหมั่น ไส้แต่น้องสาวเอนตัวหนีแล้วหัวเราะ เขาเลยหัวเราะในลำ�คอตาม พอเรียกพนักงานมารับรายการที่จะสั่งแก่นตะวันถึงเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่พาน้องมาเลี้ยง น้�ำ ฝนเล่นสัง่ นัน่ สัง่ นีไ่ ม่เกรงใจกันเลย มีสงั่ แบบกล่องกลับไปทานทีบ่ า้ นด้วย ค่าขนมเขาทัง้ เดือนจะหมด ก็เพราะยายน้องสาวตัวแสบนี่ล่ะ ไอศกรีมเย็นฉ่ำ�มาเสิร์ฟในเวลาเพียงไม่นาน น้ำ�ฝนตบมือเบาๆ อย่างถูกใจก่อนจัดการตัก ไอศกรีมในถ้วยเข้าปากอย่างมีความสุข แก่นตะวันได้แต่มองน้องกิน ตนเองสั่งน้ำ�แก้วเดียวมาดื่มเพื่อ ไม่ให้ดนู า่ เกลียดหากจะมานัง่ เฉยๆ สายตาเด็กหนุม่ มองไปรอบๆ ขณะรอน้องสาวทานให้หมด สะดุด เข้ากับคนคุ้นตาที่เดินเคียงคู่มากับใครคนหนึ่ง เด็กหนุม่ ผุดลุกพรวดจนน้องสาวตกใจ บอกน้องให้รออยูท่ นี่ เี่ ดีย๋ วตนเองกลับมาก่อนจะวิง่ ออก จากร้านไป น้ำ�ฝนได้แต่งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แก่นตะวันวิ่งมาทันคนที่ตนเองเห็นตอนอยู่ในร้านไอศกรีม มือคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะ ได้เดินไปไหนไกล ขณะที่สายตาปรายมองหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่เป็นมิตร ส่วนคนที่ถูกเขา คว้าแขนก็หันมามองเขาด้วยความมึนงงปนตกใจ อิงฟ้าเพิง่ กลับจากไปพบลูกค้ามา เวลามันเลยเทีย่ งมาแล้วเขาจึงได้แวะห้างสรรพสินค้าเพือ่ หา อะไรทานกับลูกน้องก่อนเข้าบริษัทในช่วงบ่ายนี้ ขณะที่กำ�ลังเดินไปร้านอาหารก็มีคนมาดึงแขนเอาไว้ เขาหันกลับมามองด้วยความตกใจ พอเห็นว่าคนๆ นั้นเป็นใครก็มุ่นคิ้วด้วยความมึนงง “มาทำ�อะไรที่นี่?” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องชายตนที่อยู่ๆ ก็มาดึงแขนตน นอกจากจะไม่ตอบคำ�ถามแล้วสายตาของแก่นตะวันกลับมองชายหนุ่มอีกคนเขม็ง ก่อนค่อย เลื่อนมามองคนถามแล้วถามกลับเสียอย่างนั้น “แล้วพี่มาทำ�อะไร?” เสียงถามออกจะห้วนไปสักนิดจนคนเป็นพี่คิ้วขมวด “มากินข้าว... อะไรของแก?” มองสีหน้ายุ่งเหยิงของอีกฝ่ายแล้วอิงฟ้าก็ชักจะหงุดหงิดตาม “...............” แก่นตะวันไม่พูดพร่ำ� รั้งแขนพี่ชายให้เดินตามตนเองมา ไม่มีการตอบคำ�ถามใดๆ นอกจากความมึนตึงที่มีให้ “ตะวัน ฉันจะไปกินข้าว” อิงฟ้ายื้อแขนทั้งขืนตัวทานแรงดึงรั้ง “ก็กำ�ลังจะพาไปกินอยู่นี่ไง” คนเป็นน้องยังคงลากถูลู่ถูกังอย่างไม่ฟังเสียง ชายหนุ่มกัดกรามกรอด ชักจะหมดความอดทน กับการกระทำ�ไร้เหตุผลของน้องชาย “เลิกลากแขนฉันเดี๋ยวนี้!” กระแทกเสียงอย่างหัวเสียทำ�ให้น้องชายหยุดเดิน “ปล่อยมือด้วย” 50
“........” คำ�สั่งยังไร้ผลเมื่อคนจับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ “อย่าให้ต้องพูดซ้ำ�” เด็กหนุ่มหันมาหาพี่ชาย มองพี่อย่างน้อยใจที่ไม่ว่าจะทำ�อะไรก็โดนว่าตลอด เห็นสีหน้าแบบ นั้นของไอ้เด็กไม่รู้จักโตแล้วอิงฟ้าก็ถอนใจ “หัดมีมารยาทเสียบ้าง ไม่เห็นหรือไงว่าฉันมากับคนอื่น อยู่ๆ มาดึงแขนลากออกมาเดี๋ยวเขา ได้หาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน” “เขาเป็นใคร?” “อะไร?” อิงฟ้ารูส้ กึ ได้เลยว่าคิว้ ของตนคงขมวดจนจะเป็นปมแล้ว นีไ่ ม่ฟงั เขาพูดเลยหรืออย่างไร “ทำ�ไมต้องมากินข้าวกับเขา เขาเป็นใคร?” คนเป็นน้องยังเร้าหรือ “อย่ามางี่เง่า” อิงฟ้าจะผละไปเมื่อดูท่าจะพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่แขนเขาก็ถูกกระชากกลับ “เขาเป็นใคร!?” ดวงตาเรียวมองหน้าน้องชายที่ทำ�ตัวไม่น่ารักสักนิดในสายตาของเขาตอนนี้ มันมีแววตำ�หนิ อย่างชัดเจน “นี่หรือที่บอกว่าพยายามจะเป็นผู้ใหญ่?” “........” แก่นตะวันสะอึก เมื่อพี่นำ�คำ�ที่ตนเองเคยพูดมาย้อนเข้าให้ “กลับบ้านไปเลยไป” สะบัดแขนทิง้ อย่างไม่ไยดีแล้วอิงฟ้าก็เดินกลับไปหาลูกน้องทีย่ งั คงยืนรอเขาอยูท่ เี่ ดิมด้วยความ หงุดหงิดที่น้องมาพาลใส่ บ้าอะไรกัน! “..............” แก่นตะวันกลับมาที่ร้านไอศกรีมอีกครั้ง น้องสาวของเขาบอกว่าเอาเงินจากกระเป๋าเขาจ่ายค่า ไอศกรีมกับน้ำ�ไปแล้ว เด็กหนุ่มจึงคว้ากระเป๋าเป้กับถือถุงข้าวของแล้วเดินนำ�หน้าน้องออกมาไม่พูดไม่ จา น้ำ�ฝนรีบวิ่งตามพี่แบบงงๆ เมื่อครู่นี้พี่ชายของเธอไปไหนและเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ แต่ท่าทางพี่จะ อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ อยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้น แก่นตะวันได้แต่หงุดหงิดคับข้องใจ เรือ่ งเมือ่ คืนมันเป็นเรือ่ งปกติส�ำ หรับพีห่ รืออย่างไร พีถ่ งึ ทำ� เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำ�เหมือนไม่ใส่ใจ แม้แต่เจอหน้ากันยังมีทีท่ารำ�คาญเขา จะต้องทำ�แบบไหน ถึงจะถูกใจพี่ จะให้ทำ�แบบไหนถึงจะอยู่ในสายตาพี่สักที... อิงฟ้า
to be continued...
51
52
53
เขาไม่แปลกใจเลยที่เห็นประโยคแรกจากแดนเทพเป็นคำ�ด่าก่อนจะตามมาด้วยประโยคที่ร่าย ยาวทั้งถามไถ่ถึงเหตุการณ์และลงท้ายด้วยความห่วงใย ดูเหมือนว่าเจ้าเพื่อนตัวโตจะรู้แล้วว่าเขาเจอ กับพวกของเชน แต่การสนทนาผ่านทางโปรแกรมไลน์จะไม่สะใจ แดนเทพเปลี่ยนมาใช้เฟสไทม์เพื่อที่ จะได้เห็นหน้าค่าตากันง่ายขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งจะได้ด่าเขาได้ถนัดถนี่ง่ายนั่นเอง “มึงไม่ตอ้ งทำ�เป็นหน้าหมาหงอยใส่กเู ลยนะ ไอ้เปีย๊ กเอ๊ย! ถ้าไอ้ไทม์ไปไม่ทนั มึงหาผัวไม่ได้แน่” “ปากหรือนัน่ น่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยแค่ถลอกนิดหน่อยเอง แล้วก็เจ็บก้น” คริษฐ์ชูแผลที่ อาโยทำ�ให้เพื่อนดู พลางเลื่อนอีกมือไปคลำ�สะโพก ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยคิดว่าคงจะระบม “เจ็บก้น! พวกมันทำ�อะไรมึง” “แล้วคิดว่าทำ�อะไรล่ะ” เจ้าเปีย๊ กของแดนเทพยิม้ มีเลศนัย ก่อนจะหัวเราะก๊ากเมือ่ อีกฝ่ายตะเบ็ง เสียงลั่นกลับมา “ไอ้บ้า! อย่ามาพูดอย่างนี้นะโว้ย คนยิ่งเป็นห่วงอยู่” คริษฐ์เบ้หน้าเพราะเสียงของลำ�โพงมันดังแสบแก้วหู แต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พวกมันไม่ได้ทำ�อะไรเราหรอก เราล้มก้นเลยกระแทกกับพื้นน่ะ” “อย่างนั้นก็แล้วไป” แดนเทพยังคงทำ�หน้ายุ่งแต่คิ้วคลายตัวจากกันบ้างแล้ว “พรุ่งนี้กูจะไปส่ง มึงกลับบ้านเอง มึงจะอยู่ชมรมถึงสี่ทุ่มกูก็จะอยู่เป็นเพื่อน นี่กูให้ไอ้น้ำ�หนึ่งไปจัดการอริมันแล้ว” “เออ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้ำ�หนึ่งไปมีอะไรกับพวกนั้นท่าทางมันโกรธมากเลยนะ” “เรื่องมันยาวเอาไว้พรุ่งนี้กูจะเล่าให้ฟัง แค่นี้ก่อน กูต้องไปทำ�งานแล้ว ฝันดีนะไอ้ตัวเล็ก” “อือ นายก็เหมือนกันนะยักษ์วัดแจ้ง” เขายิ้มให้เพื่อนรัก รอให้โปรแกรมปิดทำ�งาน แล้วค่อย เงยหน้าขึน้ เพือ่ ไล่อาการเมือ่ ยขบตามลำ�คอ ตอนนัน้ เองเขาถึงได้เห็นว่าใครบางคนยืนอยูห่ า่ งออกไปถึง กี่เมตร “เอ่อ..อาภีมอาบน้ำ�เสร็จแล้วหรือฮะ” ผู้ใหญ่ตัวสูงไม่ตอบ ใบหน้าเรียบเฉยจนน่าหวาดหวั่น คริษฐ์รีบยันกายขึ้นกลับมานั่ง มือไม้มัน เกะกะไปหมดไม่รวู้ า่ จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ไม่รทู้ �ำ ไมถึงได้รสู้ กึ ผิดทัง้ ทีไ่ ม่ได้ท�ำ อะไร เด็กหนุม่ ขยับกาย ไปจนสุดปลายเตียงหลังติดกำ�แพงคว้าเอาตุ๊กตาหมีลิลัคคุมะอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นมากอดไว้ เพราะไม่รู้ ว่าจะทำ�อะไรดีกว่านี้อีกแล้ว “ทำ�ไมถึงล้ม แล้วล้อเล่นกับเพื่อนแบบนั้นไม่ดีนะรู้ไหม” 54
“ผมโดนดึงไม่ทนั ตัง้ ตัวก็เลยล้ม” เขาตอบคำ�ถามแรก พยายามมองหน้าอีกฝ่ายแม้ใจจะสัน่ มาก ขึ้นเรื่อยๆ ถึงภูมิธราจะไม่มีอาวุธเหมือนพวกนั้นแต่แค่สายตาก็แทบจะฆ่าเขาได้อยู่แล้ว “ส่วนแดนเขา เป็นเพื่อนสนิทของผม เราคุยเล่นกันอย่างนี้อยู่แล้ว” “คุยเล่น?” คิว้ หน้าขมวดเล็กน้อย ความไม่พอใจเริม่ ปรากฏบนใบหน้าคมเข้ม “รูไ้ หมการคุยเล่น ระหว่างพวกเธอมันทำ�ให้ผู้ใหญ่รู้สึกไม่ดี” “มันเรื่องของอา ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมฮะผมจะนอนแล้ว ง่วง” เขาตัดบทอีกครั้งล้มตัวลองนอนตรงนั้นติดกำ�แพงซุกหน้ามองผนังสีเทาแทนความหล่อเหลา ของอีกฝ่าย “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคริส” เขาไม่ฟงั ใช้ตกุ๊ ตาหมีนา่ รักยกขึน้ ปิดหูแต่มนั ช่วยได้แค่ชวั่ วินาทีเท่านัน้ เพราะมันหลุดไปจากมือ อย่างง่ายดายเมื่อโดนผู้ที่มีแรงมากกว่าชิงไป “จะทำ�อะไรน่ะ เอาคืนมานะ” “อย่างเราน่ะ เคยเอาอะไรคืนได้ด้วยหรือ” ตุ๊กตาหมีน่ารักชูไว้เหนือศีรษะของอีกฝ่าย คริษฐ์เม้มปากตาขวาง ลุกขึ้นหมายจะยื้อเอาคืนแต่เพราะสรีระที่แตกกันทำ�ให้เขาไม่อาจทำ� อะไรนอกจากปัดมือไปมาอยูก่ ลางอากาศเท่านัน้ ไม่วา่ จะพยายามแค่ไหนเขาอย่างดีทสี่ ดุ ก็แค่ปลายนิว้ เท่านั้นที่เฉี่ยวถึงตัวเจ้าลิลัคคุมะ เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นก่อนจะกระโจนใส่คนที่แย่งตุ๊กตาไป มือเอื้อมจับ ส่วนขาได้สำ�เร็จ คริษฐ์เงยหน้ามองคนที่ปรามาสว่าเขาไม่อาจเอาสิ่งใดคืนได้ กำ�ลังจะคลี่ยิ้มในชัยชนะ ของตัวเองแต่ก็ต้องหน้าเสียเพราะใบหน้าหล่อเหลาที่ยังชื้นด้วยหยาดน้ำ�อยู่ห่างไม่ถึงนิ้วดี ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน เขาเห็นภาพตัวเองสะท้อนอยูใ่ นนัยน์ตาคมกริบสีด�ำ สนิทคู่นั้น หน้าผากของเขาห่างจากปลายจมูกโด่งเพียงแค่นิดเดียว คริษฐ์ถอยกายออกห่างปล่อยมือ จากตุ๊กตาเจ้าปัญหาทันที แต่มันช้าไปเสียแล้ว มือแกร่งก็ปล่อยจากตุ๊กตาเช่นกันแล้วเปลี่ยนเป็นรวบ เอวเขาเอาไว้แทน “อ๊ะ” เสียงใสร้องประท้วงเมือ่ ทัง้ ร่างถูกรวบไว้ในอ้อมแขนแกร่ง แผ่นอกอุน่ ติดกับอกบางทีซ่ อ่ นหัวใจ เต้นระรัวเอาไว้ ภูมิธรายังดูดีแม้ผมจะเปียกและเสยไปไว้ด้านหลังเปิดใบหน้าเรียว ลมหายใจร้อนผ่าว รดรินแถวผิวแก้ม คริษฐ์ดันหัวไหล่แกร่งให้ออกห่างทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางสำ�เร็จแต่ก็ยังดีกว่ายอมให้อีก ฝ่ายกอดได้หน้าตาเฉยเช่นนี้ “ปล่อยผมนะ” “หึ เธอบอกกับฉันอย่างนีม้ ากีห่ นกันแล้วล่ะ” ชายหนุม่ ถาม พลางกระชับท่อนแขนแน่นกว่าเดิม กลิ่นเนื้ออ่อนปนกับแป้งเด็กกระตุ้นเลือดในกายให้ร้อนได้เป็นอย่างดี “ก็ปล่อยผมสิ ผมจะนอน” ใบหน้านวลซับสีเลือด เมื่อรู้สึกถึงเนื้อตัวที่แนบชิดกันมากเกินไปถึง จะมีเนื้อผ้ากางกั้นแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรได้มากนัก 55
ผิวกายเลื่อนอุดมด้วยมัดกล้ามอยู่ใต้อาภรณ์ของบิดา มันดูคับและสั้นเต่อเกินไปสำ�หรับคนที่ ตัวใหญ่ไม่ต่างจากพวกตะวันตกเสื้อยืดสีตุ่นรัดกล้ามอกแน่นมองเห็นกล้ามเนื้อนูน แม้จะไม่ได้ใหญ่โต มากมายแต่ก็แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ คริษฐ์อดเทียบกับอกของตัวเองไม่ได้ถ้าหากถ้าวัดเป็น ศอกของเขาคงแต่ครึง่ ศอกขณะทีข่ องอีกคนสามศอกครึง่ มือน้อยยังยันหัวไหล่ไว้เต็มกำ�ลังแม้จะไม่เคย ได้ผลก็ตามที “เรามีเรื่องต้องตกลงกันนะคริส” “ผมไม่มี ปล่อยผมนะ” เป็นอีกครั้งที่เขาออกคำ�สั่ง ซึ่งมันไม่เคยได้รับการปฏิบัติตาม หน้าเห่อ ร้อนมากขึน้ ทุกที ขยับท่อนขาให้ออกห่างจากหน้าขาแข็งแรง แต่ฝา่ มือทีร่ ดั รอบเอวกลับเลือ่ นกดสะโพก ให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม “แต่อามี” คนอายุมากกว่าบอกเสียงเข้ม ระยะห่างของใบหน้าเหลือน้อยลงทุกที “ถ้าหากอยาก ได้สร้อยข้อมือคืนก็อย่าคุยแบบเมื่อกี้กับใครอีก” “อาไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม” “ทำ�ไมจะไม่มีล่ะ” ภูมิธราถามกลับ ดวงตาคมใหญ่ส่องประกายไม่พอใจ “ลืมไปแล้วหรือไงว่า เรามีสัญญาที่ทำ�ร่วมกันอยู่ หรือว่าเราอยากทำ�ให้อาโยเสียใจอีก” “นัน่ มันไม่ใช่ความผิดของผม!” คริษฐ์แหวหน้าแดงทัง้ โกรธทัง้ อายระคนกันไปหมด “อาเองต่าง หากที่นอกจากอาโยแล้วก็บังคับให้ผมทำ�เรื่องบ้าๆ เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไรรังแกเด็ก อื้อ!” สิ้นประโยคต่อว่าริมฝีปากรูปกระจับสีสวยก็ถูกครอบครอง เด็กหนุ่มหลับตาแน่นนี่มันคือจูบ แรกในชีวติ ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กสาวทีถ่ วิลหาจูบครัง้ แรกจากชายคนรักแต่กไ็ ม่ได้หมายความว่าเขาจะต้อง เสียมันให้กับผู้ชายที่ชื่อภูมิธราคนนี้ ร่างน้อยที่อยู่ด้านบนดิ้นขลุกขลัก อากาศในปอดลดน้อยลงเรื่อยๆ เขาไม่รู้จักวิธีผ่อนลมหายใจ ไม่รู้ว่าต้องทำ�อย่างไร วิธีที่ดี ที่สุดในตอนนี้คือทำ�ให้ริมฝีปากให้เป็นอิสระ ทว่าทุกอย่างไม่เคยเป็นดังใจปรารถนา ภูมิธราไม่ยอมให้เขาหนีไปไหนได้สองมือยกประคอง ท้ายทอยบีบบังคับให้อยูใ่ นองศาทีร่ องรับจุมพิตไร้ความหวานอย่างไม่อาจเลีย่ งหนี ลมหายใจเริม่ ตัดขัด คริษฐ์ยกกำ�ปัน้ ทุบไปทีบ่ า่ แข็งเต็มแรง คนโตกว่ายอมปล่อยให้เขาได้โกยเอาอากาศเพือ่ ใช้หายใจแต่เพียง ประเดี๋ยวมันก็กลับลงมาอีก แล้วครั้งนี้ทั้งร่างของเขาก็ตกลงไปเบื้องล่างด้วยเช่นกัน ภูมิธราลงมาชั้นล่างตอนเกือบหกโมงครึ่ง เขาได้ยินเสียงสองอาหลานคุยกันอยู่ในห้องครัว พอ เดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นว่าคริษฐ์อยู่ในชุดนักเรียนพร้อมที่จะไปเรียนแล้ว ส่วนคนรักของเขายังอยู่ในชุด เดิมทีเ่ ห็นเมือ่ คืน ผมยาวถูกรวบง่ายๆ เป็นหางม้ากลางหลัง กำ�ลังช่วยคริษฐ์ท�ำ อะไรบางอย่างเขาอมยิม้ กับท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ในการจับมีดของเธอ ดูรู้ทันทีเลยว่าโยษิตาไม่ค่อยได้เข้าครัวเท่าไรนัก ผิดกับเด็ก หนุ่มอีกคนที่หยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปเสียหมด “อ้าว! ตื่นแล้วหรือคะ นั่งก่อนเลยค่ะอีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” เขาไม่ได้ถามหรอกว่าอะไรจะเสร็จเพราะกลิน่ ของทูนา่ และไข่ทอดมันบอกได้เป็นอย่างดี โยษิตา ขมีขมันอยู่กับการจัดเรียงผักลงบนขนมปังก่อนจะเอาปลาทูนาคลุกเคล้ามอยองเนสแล้วทาทับ แต่ดู 56
เหมือนมันจะยากเกินไปสำ�หรับแอร์โฮสเตสคนสวย เพราะทันทีที่ประกบกันแล้วเอามีดจ่อเพื่อจะหั่น ให้เป็นชิ้นพอดีคำ�ไส้ก็ทะลักออกมา เขาชักสงสัยแล้วว่าตอนทำ�หน้าที่บนเครื่องบินเธอทำ�อะไรกันแน่ เพราะขนาดแซนด์วิชง่ายๆ โยษิตาทำ�มันกลายเป็นเรื่องยากไปเลย “อาโยใส่เครื่องเยอะเกินไปครับ แล้วมีดอันนี้มันหั่นขนมปังไม่ได้ ต้องใช้อีกอัน” มือเล็กจัดเรียงแซนด์วิชใหม่ มันสวยและเป็นระเบียบมากกว่าที่โยษิตาทำ� คริษฐ์หั่นแซนด์วิช ด้วยมีดใบหยักไม่ถึงสามนาทีก็เสร็จเรียบร้อย แซนด์วิชทูน่าวางสองชิ้นในจานใบยาวพร้อมกับกาแฟ หอมกรุ่นจากฝีมือของเจ้าของบ้านและเป็นสิ่งเดียวที่โยษิตาทำ�ได้ดี “ผมไปก่อนนะฮะ เดี๋ยวสาย” “เฮ้ย! ไม่ได้นะ เดี๋ยวอาไปส่ง ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด” โยษิตาทีค่ าบแซนด์วชิ ไว้เต็มปากร้องห้ามพลางลุกขึน้ จากเก้าอีต้ งั้ ท่าจะไปส่งหลานชายทัง้ ทีย่ งั อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม “ไม่เป็นหรอกฮะตอนเช้าพวกนั้นไม่มาหรอก ป่านนี้ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ�” “ไม่ได้! จะตอนไหนก็ห้ามประมาท รอแป๊บเดี๋ยวอาไปส่งเอง” “โยไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมไปส่งเอง ยังไงผมก็ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดอยู่แล้ว” เขาเอ่ยแทรกระหว่างสองอาหลาน โยษิตากะพริบตารัวแล้วรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอ ของเขาส่วนเด็กดื้อทำ�หน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาไมมีผิด “ดีเลยค่ะ โยฝากคริสด้วยนะคะ อุ้ย! ปวดท้อง” โยษิตาไม่ปล่อยเวลาให้หลานชายได้ตอ่ รองอีก ร่างระหงทีย่ งั อยูใ่ นชุดนอนวิง่ พรวดพราดไปด้าน บน ทิ้งให้สอง หนุ่มอยู่ด้วยกันตามลำ�พัง “เดีย๋ วไปทีค่ อนโดฉันก่อนแล้วค่อยไปโรงเรียน” ผูอ้ าสาเอ่ยขึน้ พลางยกแก้วกาแฟขึน้ จิบไม่สนใจ ทีท่ารีบร้อนแกมลำ�บากใจของอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรฮะ ผมไปรถเมล์ได้หรือถ้าอาภีมกลัวโดนอาโยว่าก็ไปส่งผมแค่หน้าปากซอยก็พอเดีย๋ ว ผมให้แดนมารับ” “ไม่ได้!” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม วางแก้วกาแฟลง “ไปด้วยกันนี่แหละ รับรองว่าฉันไม่ทำ�ให้เธอ ไปเรียนสายแน่นอน” เพราะรู้ว่าดึงดันไปก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งหลีกหนีก็ยิ่งพบเจอดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าทางภูมิธราไป หมดไม่วา่ เขาคิดหรือจะทำ�อะไรมันมีปญ ั หาและอุปสรรคตลอด หรือว่านีค่ อื ผลกรรมทีเ่ ขาโกหกอาของ ตัวเอง… คอนโดของภูมธิ ราอยูไ่ ม่หา่ งจากโรงเรียนมากนัก รวมทัง้ ทีท่ �ำ งานด้วยเพราะย่านนัน้ คือใจกลาง เมืองเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง ดีหน่อยที่โรงเรียนของเขายังไม่ถูกตึกอาคารกลืนกินพื้นที่เกือบร้อยไร่ยัง คงเป็นมีสว่ นสีเขียวและสงบเงียบ แต่หลุดออกมาไม่ถงึ กิโลเมตรดีกจ็ ะพบกับความวุน่ วายของเมืองใหญ่ 57
ทีต่ งั้ คอนโดของภูมธิ ราก็ไม่ตา่ งจากสถานทีอ่ าศัยแบบคนเมืองทัว่ ไปนักเพียงแต่หรูหราและเป็นส่วนตัว มากกว่า เขาได้รับอนุญาตให้ขึ้นตามเจ้าของไปทั้งที่พยายามบ่ายเบี่ยงและขอที่จะรออยู่ที่รถหรือไม่ก็ที่ ตู้ยาม แต่ทุกครั้งที่ปฏิเสธมันไม่เคยได้ผล ภูมิธราลากเขาขึ้นมาบนห้องจนได้ ภายในห้องขนาดกว้าง ขวางน้องๆ บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกตกแต่งตามสไตล์ของผู้อยู่ เรียบๆ แต่หรูหราอยู่ในที ข้าวของเครื่อง ใช้เฟอร์นิเจอร์นำ�เข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด เว้นเสียแต่ตู้ไม้สักขนาดใหญ่ที่แม้แต่เด็กอายุสิบ หกยังดูออกว่าเป็นฝีมือของช่างไทย เพราะลวดลายวิจิตรเกินกว่าต่างชาติจะเทียบเคียง ในตู้มีขวดไวน์ เรียงรายแต่ละขวดบอกปีที่ผลิตบางขวดอายุเกินร้อยปีด้วยซ้ำ� คนที่ไม่ถนัดเรื่องเครื่องดื่มมึนเมาถอย ห่างออกมา เขาไม่อยากเข้าใกล้ของพวกนี้อีกเลยนับตั้งแต่วันเกิดของตัวเอง เจ้าของห้องหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัวพักใหญ่แล้ว เขาก้มดูนาฬิกาข้อมืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว อีกฝ่ายใจเย็นเพราะเข้าทำ�งานเก้าโมงขณะที่เขาต้องเรียนคาบแรกตอนแปดโมง ครึ่ง คริษฐ์หันรีหันขวางด้วยความกระวนกระวายเขาไม่เคยไปโรงเรียนสายนี่มันเลยเวลาเข้าแถวแล้ว ด้วยซ้ำ� แดนเทพส่งข้อความมาเตือนเกือบสิบครั้งแล้ว “อาภีมฮะ เสร็จหรือยัง ผมจะสายแล้ว” ทันทีที่เอ่ยประโยคเร่งเร้าประตูห้องก็เปิดออกมา ร่างสูงสง่าดูภูมิฐานกว่าเดิมเมื่ออยู่ในชุดสูท สีเทาตัดเย็นประณีต ที่จริงมันไม่ใช่การแต่งกายที่ยุ่งยากอะไรแต่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนสวมทับด้วยเสื้อสูทสี เดียวกับกางเกงรองเท้าหนังสีด�ำ มันปลาบ แต่มนั เสริมให้ผใู้ ส่ดดู ี หรือคิดอีกทีเป็นเพราะผูส้ วมหล่อเหลา อยูแ่ ล้วเสือ้ ผ้าเป็นแค่สว่ นประกอบเท่านัน้ ใบหน้าคมสันเกลีย้ งเกลาไม่มไี รหนวดเครา เส้นผมสีด�ำ สนิท หวีเสยไปด้านหลังมันเรียบกริบเข้ากับบุคลิกเงียบขรึมและเย็นชา “ก็ไปซิ” มือใหญ่ถือวิสาสะแตะที่หลังของเขาโดยไม่ได้ขออนุญาต ไออุ่นจากปลายนิ้วแตะลงบนเนื้อผ้า ผ่านมาถึงผิวกายได้อย่างไม่อยากเย็น คริษฐ์ตวั สัน่ เล็กน้อยจูๆ ่ ภาพเหตุการณ์เมือ่ คืนก็ผดุ ขึน้ เป็นฉากๆ หน้าร้อนผ่าวราวกับโดนอังด้วยถุงร้อน หัวใจเต้นโครมคราวจนน่ากลัวว่าคนตัวสูงกว่าหลายเซนจะได้ยนิ ผู้ชายคนนี้สอนให้เขารู้จักความสุขจากการปลดปล่อยแค่คิดก็อับอายเหลือเกิน ตลอดทางจากห้องพักสูด่ า้ นล่าง ภูมธิ ราไม่เคลือ่ นมือไปไหนเลยมันคอยเกาะเกีย่ วอยูท่ เี่ อวแม้วา่ จะดึงออกหลายครั้งแต่มันก็กลับมาที่เดิมจนได้ กระทั่งในลิฟต์ภูมิธราก็ตามประกบไม่ห่างกลิ่นกาย คล้ายลูกอมรสมิน้ ท์ลอยวนรอบกายเขาเผลอสูดดมไปหลายต่อหลายครัง้ ท้องไส้เริม่ ปัน่ ป่วน เขากำ�ลัง เสียการควบคุมตัวเอง “อ้าว! คุณภีมสวัสดีค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักทาย ระหว่างที่ทั้งคู่กำ�ลังจะออกจากลิฟต์และ หล่อนยืนรอยู่หน้าประตู “ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยเรื่องคดีเมื่อคราวก่อน ถ้าว่างเมื่อไรรีบบอกเลย นะคะฉันอยากจะเลี้ยงตอบแทนคุณจริงๆ” “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ แล้วคุณทรายก็จ่ายเงินผมแล้วนี่นา” ทนายความหนุ่มพูด ติดตลก หญิงสาวสูงวัยกว่าหัวเราะเบาๆ 58
“ถ้าไม่ใช่คุณภีมฉันไม่มีทางชนะคดีผู้ชายเลวคนนั้นได้หรอกค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ” “ด้วยความยินดี ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับเดี๋ยวเด็กของผมจะไปโรงเรียนสาย” “เออจริงซิ ฉันว่าจะทักว่าเด็กคนนี้เป็นใคร หน้าตาน่ารักเชียว” หล่อนส่งยิ้มมาให้เขา “คนพิเศษของผมน่ะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” คริษฐ์ยิ้มแหยๆ ให้ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะโดนเกี่ยวเอวลากตามกันไป นึกอยากจะต่อว่ากับการ แนะนำ�แบบประหลาดของเขานัก แต่เพราะสายตาของคนที่มองมาทำ�ให้ต้องเก็บปากสงบคำ�ไว้ก่อน คนบ้าคนนี้ถนัดเรื่องทำ�ให้เขาอายเป็นที่หนึ่งเลย ประตูรถกำ�ลังจะเปิดออกทว่าข้อมือขวากลับโดนคว้าเอาไว้ก่อน “เย็นนี้ห้ามหนีไปไหน เราจะไปเลือกชุดกัน” “ชุดอะไร” คิ้วเรียวเรียงตัวสวยยกสูง “ชุดไปงานเลี้ยง คิดว่าเธอต้องไปงานด้วยเพราะโยคงไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวในสถานการณ์ อย่างนี้แน่” “ผมไม่ไปหรอก แล้วผมจะบอกกับอาโยเอง” คริษฐ์แย้งอย่างดื้อรั้น เขาเกลียดการโดนบังคับ เป็นทีส่ ดุ โดยเฉพาะกับผูช้ ายคนนี้ ข้อมือเล็กพยายามบิดให้หลุดจากการเกาะกุมแต่มนั ไร้ผลเพราะพละ กำ�ลังของเขามันน้อยนักเมื่อเทียบกับคนที่ตัวใหญ่ราวกับยักษ์ เด็กหน้าหน้าเสียตอนที่ถูกรั้งร่างเข้าไปใกล้ จมูกโด่งห่างแก้มนวลเพียงนิดเดียวเท่านั้น กำ�ลัง จะเบี่ยงหน้าหนีแต่แก้มก็นวลก็โดนรุกรานเสียแล้ว “อย่าดื้อให้มากนัก เย็นนี้เจอกัน” รถคันใหญ่สีเทาแล่นห่างออกไปตอนแปดโมงยี่สิบห้า ร่างเล็กรีบวิ่งเข้ารั้วประตูโรงเรียนก่อนที่ มันจะปิดนี่มันเป็นวันแรกที่เขามาเรียนสายขนาดนี้ คริษฐ์หยุดชะงักหางตาสะดุดกับร่างโปร่งของใคร บางคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นจำ�ปี ‘ภาณรินทร์’ “วันนี้มาสายนะ ปกตินายไม่เคยสายขนาดนี้นี่นา หรือว่าเพราะน้าของฉันมาส่ง” ตากลมเบิกกว้าง เขารู้ตัวว่าหน้าคงแดงไปแล้วเพราะร้อนเห่อ ภาวนาขอให้รุ่นพี่หนุ่มเห็นแค่ รถยนต์ของภูมธิ ราเท่านัน้ ไม่ได้เห็นพฤติกรรมไม่สมควร แต่สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างเขาเลยสักครัง้ เมือ่ ภาณ รินทร์เอ่ยต่อ “แถมยังหอมแก้มกันด้วย นายนี่เสน่ห์แรงกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ” “มะ..ไม่ใช่นะ เขาไม่ได้” “ช่างเถอะๆ” ประธานชมรมศิลปะโบกมือในอากาศ สีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจคำ�แก้ตัว “นายรีบ ไปเรียนดีกว่าไอ้เพื่อนตัวใหญ่ของนายมันงุ่นง่านหยั่งกับพวกติดสัตว์แล้ว” “ครับ” 59
คริษฐ์รบั คำ�เบาๆ เขาไม่อาจอยูส่ หู้ น้ารุน่ พีห่ นุม่ ได้อกี ร่างเล็กรีบวิง่ ไปยังอาคารเรียนของตัวเอง โดยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเย็นชาจากคนที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับถ้อยคำ�พึมพำ�ที่ได้ยินเพียงแค่คนเดียว เท่านั้น “นายเผลอไปยุ่งกับไฟเข้าแล้วล่ะ” ทุกอย่างเป็นอย่างที่คิดทันทีที่มาถึงห้องเขาก็ถูกแดนเทพซักไซ้ไล่เรียงจนเสียงแห้ง ตั้งแต่เรื่อง โดนพวกของเชนทำ�ร้าย ไปจนถึงสาเหตุทที่ �ำ ให้ตอ้ งมาสาย ประเด็นแรกเขาตอบได้หมดชนิดทีช่ ดั ยิง่ กว่า หนังสี่มิติ ส่วนคำ�ถามที่สองต้องโกหกไปว่าให้อามาส่งเลยมาสาย “ทีนี้ตานายบ้างแล้ว” คริษฐ์ส่งสายตามองหาเพื่อนอีกคนที่สร้างศัตรูเอาไว้ทว่าเขายังไม่เห็น แม้แต่เงา “ทำ�ไมพวกนั้นถึงได้แค้นน้ำ�หนึ่งล่ะ น้ำ�หนึ่งมันไปทำ�อะไรพวกมัน” “กูบอกแล้วว่าเรือ่ งมันยาว มึงจะฟังตอนนีเ้ ลยไหม” แดนเทพถามขณะทีต่ กั ไข่พะโล้ลกู ใหญ่เข้า ปาก รอจนเพื่อนตัวเล็กพยักหน้าถึงได้เล่าทั้งหมดให้ฟัง คริษฐ์พยักหน้าเชื่องช้า เขาได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำ�ให้เชนและน้ำ�หนึ่งบาดหมางกันที่จริงมันไม่ได้มี อะไรมากกว่าการหมัน่ ไส้ ไม่ชอบขีห้ น้า จะว่าไปมันก็ไม่ตา่ งจากเด็กทะเลาะกันเพียงแต่ยกเรือ่ งสถาบัน ขึ้นมาอ้าง พาพรรคพวกมาอวดว่าใครจะเก่งหรือมากกว่ากัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็มีชื่อเสียงถึงน้ำ�หนึ่งจะ เรียนโรงเรียนมัธยมปลายแต่ก็มีพี่ชายที่มีเส้นสายรวมไปถึงเพื่อนที่เรียนอาชีวะ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะ ต่อกรกับเชนทีเ่ ส้นใหญ่พอกัน จากแค่ไม่ชอบหน้ากันในตอนทีเ่ จอกันครัง้ แรก จีบผูห้ ญิงคนเดียวกันและ ลงท้ายด้วยการพาพวกมาทำ�ร้าย ฝ่ายไหนเสียเปรียบก็เจ็บตัวไป หายเมือ่ ไรก็ตามไปเอาคืนเป็นวัฏจักร ที่น่าปวดหัวสิ้นดี “นั่นแหละไอ้เชนมันเลยไปดักเล่นไอ้ไทม์ที่นั่น” แดนเทพย้อนปูมหลังไล่จนมาถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นเมื่อวาน “ทำ�ไมถึงเป็นแถวบ้านของฉันล่ะ ไทม์มีบ้านอยู่ซอยเดียวกับฉันหรือ” หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหา กันด้วยความสงสัย ลืมก๋วยเตี๋ยวของตัวเองไปเสียสนิท โดนเพื่อนตัวใหญ่ยักษ์ขโมยลูกชิ้นไปจนหมด ชามแล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ� “เปล่า” แดนเทพสั่นหัว “บ้านน้ามันน่ะ เห็นว่าน้ามันเพิ่งซื้อบ้านใหม่ไอ้ไทม์มันบ้านแตกมัน ชอบอยู่กับน้ามากว่าพ่อกับแม่อีก มึงไม่สงสัยอะไรแล้วใช่ไหม” คริษฐ์สั่นหน้าไม่ใช่ว่าไม่สงสัย แต่เขาไม่อยากรับรู้อะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ลำ�พังที่มีอยู่ใน สมองก็เยอะเสียจนแก้ไม่ตก “ดี” เพื่อนสนิทตัวใหญ่เห็นด้วย “เออ แล้วเย็นนี้มึงจะเข้าชมรมหรือเปล่า” “คงเข้ามั้ง ทำ�ไมล่ะ” “เปล่า” แดนเทพปฏิเสธ “กูแค่อยากเห็นมึงวาดรูปอีก” “แค่นั้นเองหรือ?” 60
“ทำ�หน้าอย่างนัน้ หมายความว่ายังไง” ปากทีก่ �ำ ลังเคีย้ วลูกชิน้ จากชามของเพือ่ นหยุดลง หรีต่ าม องอีกคนคล้ายจะเอาเรือ่ งกัน ก่อนจะเปลีย่ นเป็นตวัดมือรัดรอบลำ�คอเล็กรัง้ มาชิดกับอกตัวเองกะทันหัน ชอบใจกับท่าหายใจไม่ออกพร้อมกับแรงมดทีพ่ ยายามจะแกะมือของเขาออก “กูแค่อยากเห็นฝีมอื เพือ่ น ไม่ได้หรือไงวะ” “อื้อ แดน เราหายใจไม่ออก” มือใหญ่คลายออก จังหวะเดียวกับที่หางตาเหลือบเห็นใครบางคนที่สุดทางเดินเข้าโรงอาหาร ร่างโปรงหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นแต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หมุนตัวเดินกลับออกไป ริมฝีปากหนาแต่สวยได้รูปยก ยิ้มไม่ใช่แค่อยากเห็นฝีมือการวาดรูปของไอ้ตัวเล็กหรอก แต่ยังมีบางอย่างที่เขาอยากเห็นเพิ่งรู้ชมรม ศิลปะมันน่าสนใจแค่ไหน... แต่แล้วความฝันของคริษฐ์และเพือ่ นก็ตดิ ขัดเพราะประตูหอ้ งชมรมศิลปะทีป่ า้ ยแขวนตัวเบ่อเริม่ บอกว่าวันนี้ปิดทำ�การ “ปิดได้ไงวะ” แดนเทพโวยวาย ตัง้ แต่เข้าเรียนมาเขาไม่เคยเห็นชมรมไหนปิดทำ�การมาก่อน โดย เฉพาะไอ้ชมรมทีม่ สี มาชิกไม่ถงึ สิบคน แถมท่านประธานชมรมก็มาเรียนจะอ้างว่าปิดเพราะประธานไม่ มาก็ไม่น่าจะใช่ คลุมเครือจนน่า หงุดหงิด “มึงลองโทรถามเพื่อนๆ ในชมรมมึงซิว่าเขาปิดทำ�ไม” คริษฐ์สั่นหัว “เราไม่มีเบอร์ใครสักคน” “อ้าว! อะไรวะ เซ็งว่ะ” เด็กหนุ่มตัวโตโวยวาย เขาอุตส่าห์โดดซ้อมฟุตบอลเพื่อที่จะได้มาผล งานการวาดรูปของเพือ่ นรักแต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างเป็นหมันอย่างน่าเสียดาย “แล้วเบอร์ไอ้พเี่ พลง อะไรนั่นล่ะ ไม่มีเลยหรือไง” “ไม่มี” คริษฐ์ปฏิเสธอีกครั้ง เขาน่าจะรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวเล็กคนนี้มันสนิทกับคนยากแค่ไหน คบกันมาสี่ปีมันมีเขาเป็นเพื่อน สนิทแค่คนเดียว “เออ ถ้าปิดก็กลับบ้าน กูก็ขี้เกียจซ้อมเหมือนกัน” “ไม่เอาอ่ะ แดนไปซ้อมฟุตบอลซิเดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน” คิว้ หนาใหญ่สเี ข้มเลิกสูง เอียงคอมองเพือ่ นตัวสูงเลยหัวไหล่มาไม่กเี่ ซนด้วยความสงสัย “ทำ�ไม ล่ะ มึงไม่ชอบอากาศร้อนไม่ใช่หรือ” “เราอยากเปลี่ยนบรรยากาศมั่งไง ไปซิ อย่าโดนซ้อมบ่อยเดี๋ยวโดนตัดสิทธิ์นะ” มือบางขาวเกีย่ วทีท่ อ่ นแขนกำ�ยำ�พลางลากดึงและรัง้ ให้กลับไปยังสนามฟุตบอล แดนเทพกลอก ตาเบื่อหน่ายเขาไม่อยากซ้อมฟุตบอลแต่เพราะไม่อยากชัดใจเพื่อนตัวน้อยเลยจำ�ต้องฝืนความขี้เกียจ แล้วก้าวเท้าเอื่อยๆ ตามไป แต่ขยับได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเสียงทุ้มคุ้นหูก็เรียกเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวคริส นั่นนายจะไปไหน” 61
เจ้าของชื่อหันขวับทันที เขารับรู้ถึงแรงบีบของฝ่ามือบางที่มีมากขึ้น เสี้ยวหน้าขาวดูเหมือนจะ ซีดลงไปเล็กน้อย “เอ่อ พี่เพลง...ก็ วันนี้ชมรมปิดไม่ใช่หรือครับ ผมก็เลย...” “ใช่ พอดีวันนี้ฉันมีธุระน่ะก็เลยต้องปิดชมรม ว่าแต่นายจะไปไหนได้ข่าวว่ามีธุระสำ�คัญนี่นา” “ธุระ? พี่เพลงรู้..” รุ่นพี่หนุ่มระบายยิ้ม แต่แดนเทพกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ขนลุกพิกล ทั้งเย็นชาและ มีบางอย่างเคลือบแฝงราวกับว่ามีแค่ผหู้ ญิงและเพือ่ นของเขาเท่านัน้ ทีร่ วู้ า่ ในรอยยิม้ นัน้ มันมีความหมาย ว่าอะไร “อาของนายฝากให้ฉันมาบอกว่า ตอนนี้รออยู่ที่ประตูหน้าถ้าภายในห้านาทีนี้ยังไปไม่ถึงนาย จะโดนเหมือนเมื่อเช้า” “ฮ๊ะ! พี่เพลงว่าอะไรนะ!” “ก็อย่างทีบ่ อก” ภาณรินทร์ยกั ไหล่ “รีบไปเถอะ ฉันไม่อยากรับโทรศัพท์จากอาของนายอีก...น่า รำ�คาญชะมัด” คนทีไ่ ด้ฟงั การสนทนาโดยไม่ได้พดู แทรกอะไรได้แต่เก็บงำ�ความสงสัยเอาไว้มากมาย แล้วก็ยงิ่ งงงวยมากกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของคริษฐ์ “แดนเราไปก่อนนะเดี๋ยวอาเราจะรอนาน ขอโทษด้วยนายต้องไปซ้อมฟุตบอลคนเดียวแล้วล่ะ เราไปก่อนนะ” ร่างเล็กวิ่งผลุนผันไปโดยไม่รอให้เขาซักไซ้อะไรได้ แผ่นหลังบางหายไปจากสายตาภายในเวลา ไม่กี่นาที เด็กหนุ่มตัวสูงถอนหายใจด้วยความสงสัยแกมหงุดหงิด ก่อนจะปรายตามองรุ่นพี่ประธาน ชมรมศิลปะที่กำ�ลังจะผละจากไปเช่นกัน “เดีย๋ วก่อน” ไม่มกี ารร้องถามหาเหตุผลทีเ่ ขาเรียกรัง้ ไว้ มีเพียงแต่เสีย้ วหน้าทีเ่ บนมาทางเขาเล็ก น้อยเท่านั้น “พี่รู้จักกับอาโยได้ยังไง แล้วทำ�ไมอาโยไม่โทรหาคริสเอง” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย รู้แค่ว่าอย่าใกล้ชิดคริสมากเกินไปก็พอถ้าไม่อยากเดือดร้อน” “เฮ้ย! เดี๋ยวซิ พูดอะไรวะไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เขาร้องเรียกไว้อีกครั้งแต่คราวนี้ร่างโปร่งบางไม่ ได้หยุดหรือหันมา อีกทิ้งให้เขาจมอยู่กับความสงสัยที่สูงจนเกือบจะล้นอกอยู่แล้ว...
to be continued...
62