moon1

Page 1


บ ท น� ำ

บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ชักจะตึงเครียด ขึน้ มา เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุ ดขึน้ ตามไรผมของชายหนุ่ม วัย 28 ปี หมาดๆ ถ้าไม่ได้สวมแว่นสายตาหนาหนักนั้นไว้ ดวงตาที่ดูกลมโตนั่นคงขยาย ออกจนแทบหลุดจากเบ้าตา เมื่อพบว่ากระดาษสี่เหลี่ยมบนโต๊ะที่เพิ่งพลิก ขึ้นมานั้นเป็นภาพโครงกระดูกในชุดเกราะสีด�ำถือธงที่มีรูปดอกไม้ขาวๆ แบบในงานศพ ตีตราด้วยเลขอาถรรพณ์หมายเลข 13 ตัวหนังสือใหญ่โต ด้านล่างที่ท�ำเอาหัวใจของชายหนุ่มถึงกับเหี่ยวฟีบบบบ...ลงทันตา ‘DEATH’ ฉิบหายละ ไอ้คะน้า ไพ่ยิปซีมันมีเป็นสิบๆ ใบ ท�ำไมต้องซวยหยิบได้ ไพ่ใบนี้ด้วยล่ะเนี่ย! “แหงะ มันพาดขึ้นมาใบนี้จะไหวไหมเนี่ยคุณป้า” หนุ่มวัยยี่สิบตอน ปลายถึงกับโอดครวญ แม่หมอขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าแสดงความวิตกไม่แพ้กัน -4-


“อ้าว ไหงไม่ตอบล่ะคุณป้า ซวยเลยใช่ไหมเนี่ย ว่าแล้วเชียว” แม่หมอถอนหายใจหนักๆ แล้วเอือ้ มมือไปพลิกไพ่ยปิ ซีอกี ใบทีว่ างอยู่ ด้านล่างแล้วจับหงายขึ้น รอยยิ้มโล่งใจค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหญิงสาววัย สี่สิบกลางๆ “พ่อหนุ่มอย่าเพิ่งตกใจ ดูนี่ก่อน” ว่าแล้วก็ค่อยๆ วางไพ่อีกใบ ลงตรงหน้า คะน้าจ้องมองไปในกระดาษที่เหลี่ยมผืน ผ้านั้น พระอาทิตย์ดวงโต แล้วมีเด็กชายขี่ม้าขาวอยู่ด้านล่าง เด็กน้อยกางแขนหน้ายิ้มแป้น แถมมีดอก ทานตะวันชูไสว มันก็ดูโอเคนะแต่มันแปลว่าอะไรเล่า สมองบื้อๆ อย่างเขา มันจะแปลออกไหมเนี่ย “แล้วมันคืออะไรล่ะครับคุณป้า” เขามองอย่างขยาด ไอ้ไพ่ Death นี่ มันหลอกหลอนชะมัดเหอะ “รอเดี๋ยวสิ ขอเปิดไพ่ให้หมดสิบใบก่อน” ว่าแล้วก็พลิกไพ่ใบอื่นๆ ขึ้น ไล่เรียงไปเรื่อยๆ ไพ่ยิปซีหน้าตาแปลกๆ ถูกหงายขึ้นใบแล้วใบเล่า คะน้า ไม่รู้ความหมายแต่บางใบก็ท�ำเอาอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย อย่างเช่นภาพ ชายหนุ่มกองดาบปักอกสลบตายคาที่ ฟ้าผ่าตึกถล่มอะไรก็ไม่รู้ “ใบนี้อะไรน่ะ สยองชะมัดเลย” เขายังไม่เลิกครวญกับดวงชะตาบน ไพ่กระดาษเหล่านั้น เรื่องแบบนี้ ไม่เกิดกับตัวเองคงไม่รู้ คนแบบเขา ยอด ชายนายคะน้า ชายหนุ่มผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเกิดมาพร้อมกับความซวย จะเรื่อง งาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก ไม่ว่าเรื่องไหนๆ เขาก็ห่วยทุกเรื่อง เรื่องงาน ยิ่ง ท�ำก็ดูเหมือนยิ่งตกต�่ำ จากพนักงานออฟฟิศดีๆ ก็โดนเด้งเพราะพิษน้องน�้ำ ปลายปีที่แล้วซะงั้น ส่วนเงินทองน่ะก็พอหาได้ แต่พ่อเจ้าประคุณก็ดันมีโรค ประจ�ำตัวคือเอ๋อ เบลอ มึน แล้วก็ท�ำหายเป็นประจ�ำ ความรักคงไม่ต้องพูด ถึง ถึงหน้าตาพอไปวัดไปวาตอนบ่ายสามได้แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันสั้นสุด โต่ง ไม่พ้นต้องสวมแว่นหนาเตอะ จะว่าไปคะน้าก็แต่งตัวทันสมัยอยู่หรอก แต่ทันสมัยเมื่อสักสิบปีที่แล้วได้ เอาเป็นว่าเรียกว่าเกาะกระแสแฟชั่นรุ่นคุณ พ่อคุณแม่ก็แล้วกัน ไม่นับกับค�ำว่า ‘โชค’ โชคเหรอ...เกิดมาชายหนุ่มไม่เคยได้รู้จักเอาเสีย เลย เดินอยู่ดีๆ นกก็ขี้ใส่หัว ไม่ก็โดนน�้ำกระเด็นใส่ตอนรถขับผ่านประจ�ำ ล่าสุดเจอเหรียญสิบไม่มีเจ้าของบนพื้น พอเอื้อมมือจะเก็บ กางเกงตัวเก่งที่ -5-


ทั้งรักทั้งหวงก็ดันขาดดังแคว่กกก!! นอกจากจะท�ำให้คนใส่ต้องขายหน้าแล้ว ยังต้องเสียค่าซ่อมกางเกงอีกห้าสิบ!!! ก็เอาเป็นว่าซวยซ�้ำซวยซาก ซวยมา ตลอดชีวิตก็แล้วกัน คราวนี้จะอะไรอีกล่ะ คะน้าครุ่นคิดพร้อมก�ำลังใจที่ห่อเหี่ยวไปกว่า ครึ่ง ชายหนุ่มเงยหน้ามองแม่หมอที่ ‘เจ๊เป็ด’ แม่ค้าขายผักแผงข้างๆ ใน ตลาดแนะน�ำให้มาดู “คะน้า เอ็งต้องไปเลย คุณแม่อ้อยเนี่ยแม่นมาก! เจ๊เตียงร้านทองหน้า ตลาดหรือนังล�ำไยทีข่ ายปลาทูกบ็ อกว่าเด็ดสะระตีเ่ ลยเอ็งเอ๋ย คราวก่อนบอก ว่าแกจะมีดวงนะ ไงล่ะ ถูกหวยรวยอื้อเลยไอ้คะน้า” ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เด่นดูดีแบบใครๆ เขาหรอก ถ้าคิดว่ายอดชายนายคะน้าจะหล่อเหลาเอาการแบบเดินไปไหน ใครก็มอง แบบเหลียวหลังเนี่ยคงไม่มีเสียล่ะ เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาหน้าตาบ้านๆ แบบ หาได้ตามร้านอาหารตามสัง่ ทัว่ ไปนัน่ แหละ อันทีจ่ ริงต้องบอกว่าตามตลาดสด ทั่วไปเสียมากกว่าละ ส่วนงานเนี่ยเหรอก็อย่างที่เกริ่นๆ ไป อย่าคิดว่าจะดี เด่อะไรแบบใครเขาเชียว ก็แค่พ่อค้าแผงไข่ในตลาดสดเนี่ยล่ะ ใช่! ฟังไม่ผิด หรอก ขายไข่ไก่สดๆ ที่ซื้อไปท�ำอาหารทานกันเนี่ยละ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ขายแต่ไข่ หรอก มีขายมะพร้าวกับผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวพ่วงด้วย จะว่าไปมันก็ไม่ได้ แย่อะไรนักหนานะเพราะบ้านเขาก็พอมีฐานะอยู่บ้าง คุณพ่อของคะน้าเป็น เจ้าของตลาดสดแห่งนี้ ประกอบกับที่บ้านเป็นเจ้าของสวนมะพร้าวกับฟาร์ม ไก่ไข่ ด้วยความที่ท�ำอะไรก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวแบบพี่คนอื่นๆ ลูกคนเล็ก แบบคะน้าเลยโดนส่งมาเฝ้าตลาดไปกลายๆ ด้วยการขายไข่ไก่กับมะพร้าว แล้วก็เฝ้าตลาดไปในตัวอยู่กลางตลาดเนี่ย “อืม...มันดูแปลกๆ นะ” เสียงคุณป้าหมอดูท�ำเอาชายหนุ่มหลุดจาก ภวังค์ความคิด “ยังไงครับ เพราะไอ้ไพ่โครงกระดูกนี่หรือเปล่า” หมอดูวัยกลางคน ส่ายหน้า -6-


Lucea

“ไพ่เราน่ะเป็นไพ่ทเี่ กีย่ วกับความรักเยอะ ทีแ่ ปลกก็คอื หน้าไพ่มนั ไม่มี ไพ่ผู้หญิงโผล่ขึ้นมาสักใบ ดันมีแต่ไพ่ผู้ชายโผล่ขึ้นมาเยอะจัง” “เฮ้ย! ป้า ผมมาดูเรื่องงานนะป้า อยากถามว่ามันจะขยับขยายได้ ไหม ไม่อยากมานั่งท�ำงานแบบนี้อีกแล้ว คือมันไม่ไหวเลยน่ะ เครียดมาก จริงๆ ไอ้เรื่องอื่นเนี่ย ผมปลงไปนานแล้วครับป้า” “พ่อหนุ่ม งานเราน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้เราแค่เบื่อไปตาม เรือ่ ง แต่อกี หน่อยมันจะดีขนึ้ ดีมากๆ เลยละ ไม่ตอ้ งห่วง ไพ่บอกว่าเราโชคดี มากนะ ทุกๆ เรื่องเลย The Sun ที่เป็นต�ำแหน่งตัวเราเนี่ย มันเป็นไพ่ที่ดี ที่สุดในส�ำรับเลยนะ” “เอ้ย! จริงสิป้า แต่นี่...โครงกระดูกอะไรเนี่ย น่ากลัวจะตาย ผมกลัวผี นะป้า!!!” “ผีที่ไหนล่ะ Death ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น มันแปลว่าการสิ้นสุดของ สิ่งหนึ่งและเป็นการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจจะดีหรืออาจจะไม่ดีก็ได้ แต่ ไพ่ประจ�ำตัวเราน่ะดี ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ” “ใช่เรอะ?” ชายหนุ่มร�ำพึงแบบไม่เชื่อหูตัวเอง “แล้วนี่...” เขาชี้ไปที่ไพ่ คนตายเพราะโดนดาบเสียบกับไพ่ฟ้าฟาดหอคอยถล่ม “นัน่ มันไพ่อดีตไง ทีผ่ า่ นมาดวงเราไม่ดนี กั น่ะ แต่นบั จากนีจ้ ะดีเลยละ โดยเฉพาะเรื่องความรัก เรามีไพ่เกี่ยวกับความรักขึ้นมาเยอะ” “ฮ่ะๆๆ มันถึงได้เป็นไพ่ Death นี่ไง” คะน้าหัวเราะแทรกขึ้นมาอย่าง ปลงๆ คุณป้าหมอดูถอนหายใจด้วยความหน่าย พูดอะไรก็ไม่ฟังให้จบเอา ซะที “นั่นแปลว่าเราจะพบรักแบบกะทันหันต่างหาก และคราวนี้ดูเหมือน จะสละโสดด้วยซ�้ำ รักมากเลยละ ประเด็นคือท�ำไมมันไม่มีไพ่ผู้หญิงขึ้นมา ให้เลยสักใบ มีแต่ไพ่ผู้ชาย” “นั่นไง ก็บอกแล้วว่าอาภัพ คุณป้าก็ไม่เชื่อ ฮ่าๆๆๆ ดูสารรูปผมก่อน ป้า หล่อหลบในขนาดนี้ อย่าว่าแต่สาวๆ เลย หมามันยังเมินเลย” เขาคุ้น เคยความจริงที่แสนเจ็บปวดนี้มานานแล้ว รักใคร ชอบใคร ก็มีแต่ผิดหวัง เรียกว่าสาวคนไหนที่เขาแอบชอบก็เหมือนมีเวรมีกรรม กรรมหนักเสียด้วย -7-


เพราะไม่แคล้วจะโดนล้อหมดคณะก็แล้วกัน ไม่ใช่เขาไม่อยากหล่อไม่อยาก มีความรักนะ แต่ท�ำไงได้ พยายามแล้ว แต่มันได้แค่นี้จริงๆ “ใครจะมาสน ใจพ้มมม...” คะน้าลากเสียงสูงอย่างปลงๆ “Chariot หรือไพ่นักรบหมายถึงคนที่มีนิสัยเป็นคนจริง พูดจาขวาน ผ่าซาก หมายถึงคนท�ำงานประมาณพวกต�ำรวจ ทหาร วิศวกร มีอาชีพ เกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่เรื่อยๆ ส่วนนี่ราชาถ้วย เป็นคนอ่อนไหว จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น สายงานน่าจะเกี่ยวกับอาชีพที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น ประเภทหมออะไรแบบนี้” “แล้วยังไงล่ะครับ” เขาเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ผู้หญิงด้วยนะ เป็นผู้ชาย ไพ่ทายว่าเร็วๆ นี้ ชายหนุ่มสองคนนี้ จะก้าวเข้ามาในชีวิตพ่อหนุ่มให้ปวดหัว” คุณป้าค่อยๆ เก็บไพ่ทั้งหมดคืนสู่ ส�ำรับพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ที่ท�ำเอาคะน้าคิดไม่ตก “ท�ำไมล่ะครับ” คุณป้าหมอดูไม่ได้ตอบอะไร เธอหยิบไพ่ใบสุดท้ายที่ เป็นต�ำแหน่งของบทสรุปขึ้นมาวางตรงหน้าของชายหนุ่ม พร้อมรอยยิ้มที่ คะน้าไม่ค่อยชอบสักเท่าไร ชายหนุ่มเอี้ยวตัวมองอย่างสงสัย ยกมือขึ้นขยี้หัว ด้วยความงงจนผมสีด�ำสนิทนั้นยุ่งเหยิง ...ผู้ชาย...ผู้หญิง The Lover คู่รักอย่างนั้นหรือ?

-8-


ตอนที่ หนึ่ง

พจมานแห่งบ้านทรายทองยังต้องตีไฟเลี้ยวให้ กับชีวิตของกระทาชายนายคะน้าเถอะ บ่ายแก่ๆ แทนที่ จะได้ใส่เชิ้ตผู กไทเท่ๆ หล่อๆ หน้าคอมฯ หรือไม่ก็ได้ นอนพักเอนหลังยามบ่าย ไหงกลับต้องมานัง่ เรียงไข่ แยกขนาดอยู ่ในตลาดสด ...ครับ ตลาดสด แล้วเมษาฯ หน้าร้อนแบบนี้ ตับม้ามแทบจะปลิ้น ออกมาเอาเสียให้ได้ ไม่คุ้น ไม่ชอบ และไม่ถูกโฉลกอย่างแรงจริงๆ ว่าแล้ว ก็ตักไอติมมะพร้าวมานั่งย้อมใจสักถ้วยดีกว่า ก็ไม่อยากจะคุยหรอกนะ แต่ ไอติมมะพร้าวสูตรเจ้าคุณแม่เนีย่ แหม้...มันช่างหอมเย็นชืน่ ใจจริงจริง๊ งงงงง... “ไอ ติ อิ หนึ ถ้วะ รัว เป ห้า ถ้วะ” ส�ำเนียงไทยผสมพม่าดังขึ้นใกล้ๆ ตัว คะน้าหันไปมองเขม่นต้นเสียงแต่เจ้าของแก้มตอบหาได้สนใจไม่ หญิงสาว เอื้อมมือพิเศษไปกดเร่งพัดลมขึ้นอีกเบอร์ “คุ ผุ หยี ให้ โจะ ไว้” -9-


“จันทู จะกดพัดลมก็กดดีๆ อย่าเอาเท้ากด” คะน้าพูดอย่างอ่อนใจ แม่สาวพม่าคนนี้ ครอบครัวของเขาเป็นคนส่งมาให้ช่วยเหลือดูแลแผงไข่กับ มะพร้าว แต่วันทั้งวันคะน้าไม่เห็นสาวร่างเล็กแกร็นแต่ดันมีหน้าท้องห้อยๆ นีจ่ ะท�ำอะไรนอกจากนัง่ ดูทวี อี ะไรไปเรือ่ ยเปือ่ ย แล้วก็ผดั แป้งจนหน้าขาววอก เป็นลิง สาบานได้เลยว่าครั้งแรกที่เห็นจันทู คะน้าคิดว่านี่มันผีจูออนชัดๆ ชายหนุ่มตักไอติมกินแบบหมดอร่อย ว่าแล้วจูออน เอ้ย! จันทูก็หันมา ถลนตาเหลือกๆ ใส่ เล่นเอาเขาสะดุ้ง...มาจ้องอะไรแบบนี้ กูกลัวนะเว้ย! “ชะ...ช่วยเรียงไข่หน่อยสิจันทู” สาวพม่าหน้าสก๊อยซ์หันมามองแบบ ขัดใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไข่ที่เรียงบนแผงเก็บเข้าไปในตะกร้าใหม่ ตา จ้องมองจอทีวีเล็กๆ ที่ฉายละครน�้ำเน่าอย่างอินสุดขีด คะน้าถึงกับฉุนกึก “ให้เอาจากตะกร้าขึ้นมาเรียงไม่ใช่เอาไข่เก็บ แล้วจันทูจะเอาไข่ที่ไหน ขาย เอ่อ...ล่ะครับ” ปลายเสียงอ่อนลงเมือ่ เจอสายตาแฝงแววอาฆาตของจันทู “เก๊าะ และ ทะ ไม คุ คะน้า มะ พุ ให้ มา ชะ ชะ” สรุปมันเป็นผู้ช่วย หรือมันเป็นนายกูกนั แน่เนีย่ ทีส่ ำ� คัญตัวแกเองพูดชัดมากเลยจันทู คะน้าวาง ถ้วยไอติมลงพื้นแล้วลุกขึ้นมาเรียงไข่เอง “เหอะ เดี๋ยวผมเรียงเอง” จันทูกระถดตัวหนีพร้อมกับทีวเี ครือ่ งเล็กในมือ หญิงสาวนัง่ ลง อีกครัง้ ทีเ่ อามือพิเศษกดปรับพัดลมให้แรงขึน้ คะน้าหันไปมองอย่างอ่อนใจ เมือ่ เจอ มองแบบนั้น หญิงสาวก็สลดลงหน่อย ขยับตัวมาใกล้ๆ เหมือนจะพยายาม ช่วยเหลือ แต่ก็เงอะๆ เงิ่นๆ เหลือเกิน “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมท�ำเอง” จันทูถลนตา สะบัดหน้ารัวๆ แกจะถลน ตาท�ำม้ายยยย...มันน่ากลัวนะเฟ้ย “จันทู แคะ จะ เบาะ ว่า คุ คะน้า กิ ไอติ เสะ ให้ เอา ปะ ทิ๊ ดั้วะ โสะ โปะ” สาวพม่าสะบัดหน้าพรืดแล้วชักสีหน้าเหนื่อย ป๊าดดดดดดดดด...ดู๊...ดูมันพูด! อีจันทู! อีผีจูออน!!! คะน้าแทบจะหยิบ ไข่ยกแผงเขวีย้ งใส่รวั ๆ แต่กค็ งจะมีแต่เขาคนเดียวแหละทีไ่ ม่ถกู ชะตากับจันทู เพราะใครๆ ในตลาดก็เอ็นดูหญิงสาวเสียมากมาย ไม่เว้นแต่เจ๊เป็ดแม่คา้ ขาย ผักแผงข้างๆ ก็คงใช่แหละ เห็นคุยเรื่องละครน�้ำเน่ากันถูกปากซะขนาดนั้น -10-


Lucea

“วันก่อนเอ็งไปดูหมอมาว่าไงบ้าง” เจ๊เป็ดตะโกนถามเสียงใส ถ้าเขา ตาไม่ฝาด คะน้าคิดว่าเห็นหูของจันทูกระดิกนิดๆ นะ “ก็ดีนะ แต่อะไรก็ไม่รู้ งงๆ” “เอ๊า! เอ็งงงอะไรวะไอ้คะน้า” เจ๊เป็ดท�ำหน้าสงสัย “ก็มันงงๆ นะ ไปถามเรื่องงาน ไหงมาดูเรื่องความรักให้ก็ไม่รู้ มีบอก ด้วยนะว่าจะมีคนเข้ามาสองคนอะไรเนี่ย แล้ว...” ยังไม่ทันสิ้นค�ำเจ๊เป็ดก็ตบ ฝ่ามือลงตักดังฉาด จันทูเองก็หนั ควับกลับมาจ้องอย่างไม่ปดิ บังอะไรต่อไปแล้ว “เอาละเว้ย! เอ็งจะเสียหนุม่ ให้กบั สาวๆ ทีไ่ หนวะ นังจันทู เอ็งไปบอก คุณๆ เลยนะเว้ย ได้มีซะไพรส์สะใภ้แน่ละคราวนี้” เจ๊เป็ดหัวเราะเสียงดัง จันทูหันมารับค�ำมั่นเหมาะ แหม...เข้ากันดีเหลือเกินนะ ยายผีตองเหลืองนี่ “หมายถึงเซอร์ไพรส์หรือเปล่าครับเจ๊” คะน้าส่งเสียงเบาๆ อย่าง อ่อนใจ เจ๊เป็ดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดหมาดๆ ท�ำหน้า เครียดๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ภาพในวันนั้นยังจ�ำได้ดี “มันแปลว่าอะไรน่ะครับ The Lover?” “ก็แปลตรงตัวนั่นแหละพ่อหนุ่ม” แม่อ้อยที่ถูกขนานนามว่าเป็นเดี่ยว มือหนึง่ ในการท�ำนายดวงจากคนทัง้ ตลาดตอบกลับยิม้ ๆ “ระวังไว้นะ เผลอๆ เราน่ะ จะได้แฟนเป็นผู้ชายเอา” คะน้าสะบัดหัวท�ำหน้าสยดสยอง เขาเอามือลูบแขนขึ้นลงไปมา นี่ สินะ ค�ำจ�ำกัดความของค�ำว่า ‘ขนลุกเกรียว’ “โทษนะครับ ไอติมขายยังไง” เสียงเรียกจากลูกค้าฉุดร่างชายหนุ่มให้หยุดคิดอะไรไร้สาระ คะน้ารีบ ลุกขึ้นพร้อมกับตอบกลับไป “สิบ สิบห้า ยี่สิบครับ เอาเท่าไรดี” “เอามาห้าสิบเลยครับ ร้อนตับจะแล่บแล้ว” เจ้าของเสียงพูดพลางควัก ธนบัตรสีแดงวางลงบนถังไอศกรีม แล้วเอามือดึงเสือ้ เชิต้ สีขาวตรงอกเข้าออก ไวๆ ไล่ความร้อนจากกาย -11-


คะน้าเงยหน้าขึ้นมองอย่างพิจารณา หน้าตา รูปร่าง ท่าทางและการ แต่งตัวของเขาดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด คงไม่แปลกถ้าเห็นคนแบบนี้เดินอยู่ ในห้างสรรพสินค้าหรูๆ แต่ที่นี่...ตลาดสด! “มีแต่ถ้วยยี่สิบ ห้าสิบไม่รู้จะขายยังไงน่ะสิครับ” แม้ลูกค้าหนุ่มตรง หน้าจะสวมแว่นกันแดดเข้มจัด แต่แวบหนึ่งคะน้าคิดว่าเห็นแววตาของความ ไม่สบอารมณ์ฉายผ่านออกมาอย่างชัดเจน “ไม่ใช่ไม่อยากขายนะครับ แต่ผมไม่รู้จะขายยังไง” เขาพูดเสียงอ่อน แต่ไหนแต่ไร เขาไม่ถนัดรับมือกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไร เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ยอมได้ก็ยอม ให้มันจบๆ ไป “ก็ตักๆ มาสิ ร้อนจะตายแล้ว อยากกินอะไรเย็นๆ” ถ้ามองไม่ผิด ลูกจ้างพม่าของเขามายืนสะบัดพัดส่งตายิ้มหวานให้เนี่ยนะ โอ้ย เห็นแล้ว อยากจะบ้าตาย แทนที่จะช่วยขายนะ ไอ้หมอนั่น ก็หันไปส่งยิ้มให้ซะงั้น “ยี่สิบบาทครับ ทอนแปดสิบ” ส่งถ้วยไอศกรีมให้พร้อมเงินทอน หัน ไปเจอจันทูก็สะดุ้ง เอ่อ...กะพริบตาเข้า เดี๋ยวขี้ตาแกก็ร่วงหรอก คะน้าหัน กลับมาส่งถ้วยไอศกรีมพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ แทนค�ำขอโทษ “ไม่มีมือ กินแป๊บ” สั้นๆ กุดๆ ง่ายๆ แบบนั้น แล้วลูกค้าหนุ่มตรง หน้าก็ถอดแว่นกันแดดออกแล้วลงมือจ้วงไอศกรีมกะทิอย่างตายอดตาย อยาก ทันทีที่ค�ำแรกเข้าปาก รอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่ดูถมึงทึงนั้น ดูดีว่ะ...มากๆด้วย “เฮ้ย! นี่มันอร่อยมากๆ เหอะ!” เขาอุทานขึ้นมาแล้วจ้วงไอศกรีมต่อ อย่างไม่ปรานีปราศรัย พ่อค้าหนุม่ ยิม้ แป้นอย่างภูมใิ จ...ไงล่ะ ไอติมสูตรคุณแม่ บอกแล้วว่าเด็ด! ไม่ถึงนาทีไอศกรีมกะทิถ้วยใหม่ก็ถูกส่งจากมือคะน้าไปให้กับลูกค้า หนุ่มที่ตอนนี้ทานไปยิ้มไปจนตาแทบจะเป็นสระอิเอา คะน้าจ้องมองท่าที ของเขาอย่างมีความสุข รู้สึกดีที่มีคนชื่นชอบไอศกรีมของคุณแม่ จะว่าไปแล้ผชู้ ายทีย่ นื อยูต่ รงหน้านีจ้ ดั เป็นคนทีห่ น้าตาดีมากๆ คนหนึง่ เลยทีเดียว ผิวขาวถึงแม้ว่าจะไม่ขาวจัดแบบเขาแต่ก็ละเอียดและดูสุขภาพดี รูปร่างสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อดูน่ามอง ผมตัดสั้นดูสะอาดสะอ้านรับกับใบหน้า -12-


Lucea

ที่ตอนนี้ระเรื่อเป็นสีแดงฝาดด้วยแดดที่ร้อนจัด คิ้วเข้ม ตาโต และจมูกคม เป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่ม หล่อขนาดนี้ไปเป็นดาราก็น่าจะพอถูไถ ดูดีกว่า พระเอกละครที่จันทูดูอยู่ทุกวันเอาเสียอีก ไม่ๆๆ เอาใหม่ เล่นบทตัวร้ายน่าจะเวิร์กกว่า เพราะดวงตาที่ดูเจ้า เล่ห์นิดๆ นั่นกับนิสัยเอาแต่ใจนี่น่าจะเอาเรื่องพอสมควรอยู่พอตัว แต่ก็จัด ว่าหล่อเอาการเลยละ แม้แต่ในสายตาผูช้ ายด้วยกันอย่างเขาก็ยงั ต้องยอมรับ เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้านี่หล่อไม่ธรรมดา ตายแล้วเกิดใหม่จะได้เท่าไอ้หมอนีไ่ หมนะ? คะน้าขยับแว่นหนาเตอะ ของตัวเองพลางร�ำพึงในใจ มองไปทีจ่ นั ทูทสี่ ง่ ตาหวานเชือ่ มให้หนุม่ หล่ออย่าง ไม่เก็บอาการ ถึงใจจะไม่ได้ชอบแรงงานพม่าคนนี้เอาเสียเลย แต่คะน้าก็อด น้อยใจไม่ได้เหมือนกัน...ทีกูนะ ไม่เคยแลเหอะ! “ท�ำเองเหรอ” ค�ำถามจากไอ้หล่อดึงสติของคะน้ากลับมาอีกครั้ง “สูตรคุณแม่ครับ แต่ผมท�ำเอง” คิดแล้วก็ปลงชีวิต อนาถจิตกลับบ้าน ไปก็ปั่นมะพร้าวแช่ กว่าจะได้หลับได้นอนก็ดึกดื่นหลังขดหลังแข็ง “ชอบแฮะ” สบตายิ้มซะแพรวพราว 1...2...3...4...5... 5 วินาที! ชะงักไป 5 วินาที!!! ไอ้หมอนี่มันไม่ธรรมดาเลยวุ้ย!!! “พรุ่งนี้จะมาไหม” “ขายทุกวันครับ” คะน้าขยับตัวแบบเก้ๆ กังๆ เขาพยักหน้าแล้วหยิบ แว่นตาขึ้นสวม ก่อนจะเดินออกไปแบบไม่ให้ใครตั้งตัว กว่าที่เต่าคลานแบบ คะน้าจะเอะใจว่ายังไม่ได้คืนเงินทอนลูกค้าหน้าใหม่ ร่างสูงก็ทะยานไปไกล เสียแล้ว “เดี๋ยวคุณๆๆๆ เงินทอน” คะน้าโบกมือหยอยๆ วิ่งกระหืดกระหอบ ตามมา จู่ๆ ร่างสูงตรงหน้าก็หยุดแล้วหันกลับมาจนคนที่วิ่งตามมายั้งไม่ทัน ปะทะกับบ่ากว้างนั้นอย่างไม่เจตนา ซ�้ำไปกว่านั้นแทนที่คนที่โดนชนจะเป็น อะไร กลับเป็นตัวคะน้าเองที่กระดอนไปซะงั้น “เอ๊า! เป็นอะไรไหม” สองมือคว้าเข้ามายึดไม่ให้เสียจังหวะ -13-


“ขะ...ขอโทษครับ คะ...คือ...คือคุณลืมเงินทอน” แฮ่ก...แฮ่ก...คะน้าหอบ จนตัวโยน ขาก็ไม่ได้สั้นหรอกนะ แต่ปั่นสปีดตามนี่ก็เอาเรื่องอยู่ คนอะไร เดินเร็วชะมัด “เอ่อ...” คะน้ายืนเก้ๆ กังๆ ใบหน้ากระอักกระอ่วนเขาท�ำเอาร่างสูง ตรงหน้าเริ่มรู้สึก เขายกมือทั้งสองข้างชูขึ้นระดับศีรษะแบบคนยอมแพ้ ไม่มี ค�ำพูดใดๆ จากปากมีแต่รอยยิ้มอารมณ์ดี “หกสิบบาทครับ เงินทอน” คะน้าก�ำธนบัตรยี่สิบบาทในมือยื่นกลับ ให้เขา “...ครับ” อันหลังนี่ ไม่รู้จะพูดไปท�ำไม “เก็บไว้ พรุ่งนี้จะมาใหม่” ชายคนนั้นเดินจากไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว อะไรทั้งสิ้น “เดี๋ยวๆๆๆ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณ ไม่คุ้นเลย ผมเก็บไว้ไม่ได้หรอก” พ่อค้าหนุ่มแย้ง “มาคุมงานแถวนี้ อยู่อีกนาน” ร่างสูงนั้นหยิบแว่นกันแดดขึ้นสวม... โหย แม่งเท่นะ ยอมรับเลย “คุมงาน?” “เป็นวิศวะ มาคุมงานก่อสร้างคอนโดเยื้องๆ ไปเนี่ย เก็ตยัง?” คะน้า พยักหน้ารัวๆ เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น มิน่าล่ะ เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไอ้เท่ท�ำหน้าระอาเล็กๆ เออ...มึงเท่ จุดนี้กูเก็ตละ แต่... “แต่ผมก็ไม่รู้จักคุณอยู่ดี รับเงินไว้ไม่ได้หรอก ถ้าพรุ่งนี้คุณมาก็ค่อย จ่ายใหม่ก็ได้นี่ รับไว้เถอะ ผมก็วิ่งมาแล้วเนี่ย” “ชื่ออะไร” “ห๊ะ?” คะน้าฉงนในค�ำถาม “ถามว่าชื่ออะไร” “คะน้า ถามไปท�ำไม” “คะน้า? ผักคะน้าน่ะนะ” พ่อค้าหนุ่มพยักหน้างงๆ “Chinese Kale เนี่ยนะ” เออสิวะ! เซ้าซี้จริง แล้วล่อภาษาอังกฤษเลย วุ้ย! เจ้าของชื่อพยักหน้ากลับ ก็พ่อตั้งให้แบบนี้นี่หว่า จู่ๆ ไอ้เท่ตรงหน้าก็ ระเบิดเสียงหัวเราะซะดังลั่น เชรดดดดดดดดด...ข�ำอะไรกับชื่อกูล่ะเนี่ย -14-


Lucea

“ทิม” “ห๊ะ?” ทิ่ม! ก็แล้วจู่ๆ มันนึกจะทิ่มอะไรหว่า ไม่เข้าใจแฮะ “ชื่อ...ทิม” เออ...ก็กูงง แล้วแม่งหัวเราะอะไรหน้าด�ำหน้าแดง ตาเป็น สระอิเลยนะมึง “อ้อ” คะน้าพยักหน้า “รู้จักกันแล้ว เก็บเงินไว้ จบนะ” แล้วก็ก้าวฉับๆ ออกไปแบบไม่เห็น ฝุ่นเลย “เดี๋ยวๆ เอาเงินคืนไป” สิ้นค�ำก็หันมาท�ำหน้าหงุดหงิดทันที “อย่าเถียงได้ไหม? มันจะอะไรนักหนา จะไปท�ำงาน จบนะ!” น�้ำเสียง กึ่งตะคอกนิดๆ และสายตาแบบไม่สบอารมณ์ของคนที่วิ่งไปท�ำเอาคะน้า ชะงัก สุดท้ายก็ยอมถอดใจ คะน้าพยักหน้าแสดงถึงการตกลง ทันใดนัน้ ไอ้เท่ ก็ส่งยิ้มกลับซะงั้น คะน้าได้แต่ยืนงงมองชายหนุ่มที่วิ่งจากไป แน่นอนว่ามัน ก็ยังเท่เหมือนเดิม “เขาเป็นดาราหรือเปล่าวะ ไอ้คะน้า” นี่คือค�ำถามแรกจากปากเจ๊เป็ด เมื่อเขากลับมาที่แผงโดยมีจันทูยืนสมทบ ไม่ใช่แค่ไม่ปิดบัง แต่ออกหน้าออก ตาว่าอยากรู้มาก “เป็นวิศวกรน่ะป้า มาคุมงานก่อสร้างคอนโดใหม่ตรงเนี้ย” “แล้ววิศวกรวิศวกรรมมันท�ำอะไรวะไอ้คะน้า กูก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง” เจ๊เป็ดท�ำหน้างงๆ จันทูก็เช่นกัน “ก็คมุ พวกคนงานก่อสร้างอะไรพวกนีม้ ง้ั ผมก็ไม่คอ่ ยรูเ้ รือ่ งเหมือนกัน” คะน้าพูดไปก็งงไป หยิบเงินหกสิบใส่กระป๋องแล้วนั่งเรียงไข่ต่อ เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวๆๆๆๆๆ อะไรนะ วิศวะเหรอ!!!!!!!!!!!! รถกระบะสมบุกสมบันสีมอซอเลี้ยวเข้าในคอนโดสูงตระหง่านย่าน สุขุมวิท เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกดยกที่กั้นตรงทางเข้า ยกมือตะเบ๊ะ พร้อมเอ่ยทักทายอย่างใกล้ชิด -15-


“สวัสดีครับคุณคะน้า ไม่ได้เห็นตั้งนานเลยนะครับ” “พี่เม่น สวัสดีครับ สบายดีไหมครับพี่” คะน้าเอื้อมมือไปหยิบถุง มะพร้าวอ่อนข้างเบาะคนขับแล้วยื่นส่งให้ “ผมรบกวนฝากไปแบ่งกับพี่ๆ คน อื่นๆ ด้วยพอจะได้ไหมครับพี่ โวะ! หนักแฮะ!!” สองมือที่พยายามแบกไว้ ทรุดลงด้วยน�้ำหนัก พี่เม่น พนักงานรักษาความปลอดภัยกุลีกุจอรีบมาช่วย ยก พร้อมกล่าวขอบคุณเสียมากมาย ถึงจะไม่หล่อไม่เหลาแบบใครๆ แต่หนุ่มแว่นหนา แต่งตัวมอซอ แถม หัวกระเซอะกระเซิงอย่างคะน้าก็เป็นขวัญใจของทุกๆ คนทีไ่ ด้รจู้ กั และใกล้ชดิ เสมอ...แน่นอนว่าเป็นเรือ่ งทีเ่ จ้าตัวไม่เคยรับรูเ้ ลย ทุกๆ วันศุกร์ คะน้าจะแวะมานอนที่บ้านนี้ เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนกับ ‘ผักกาด’ พี่สาวแท้ๆ ของเขาที่ท�ำงานสถานฑูตแล้วหยุดพักผ่อนในทุกสุด สัปดาห์ เดิมที่เดียวที่นี่ หมายถึงที่คอนโดนี่ เป็นที่พักเดิมสมัยที่เขายังท�ำงาน ออฟฟิศ ก่อนจะโดนเด้งเพราะพิษน้องน�้ำ แล้วชีวิตของชายหนุ่มก็ตกต�่ำลง เรื่อยๆ จนกลายไปเป็นพ่อค้าในตลาดสดอย่างที่เห็น เมื่อไอ้แก่สี่ล้อจอด สนิท หนุ่มแว่นก็งกๆ เงิ่นๆ กับสารพัดผลิตภัณฑ์จากฟาร์มไก่ไข่และสวน มะพร้าว คนใส่เสื้อยืดเก่าๆ หอบหิ้วข้าวของจนเกินตัว สองมือพะรุงพะรัง ไปด้วยของฝากที่เจ้าตัวมักหอบหิ้วมาจนชิน ใครจะคิดว่าคะน้าจะแบกของ น�้ำหนักอย่างกับกระสอบข้าวสาร สบายๆ ฉันยืนอยู่คนเดียว ตรงนี้ มานานแสนนาน ไม่เคยจะเจอและพบใคร ที่เข้าใจฉัน ไม่มีสักคน เสียงทุ้มที่ก�ำลังร้องเพลงและเสียงกีตาร์โปร่งแผ่วๆ ท�ำให้ชายหนุ่ม ชะงักเท้า แม้ว่าของในมือจะหนักแค่ไหนก็ตาม อยู่คนเดียวมันช่างอ้างว้าง และว่างเปล่า มันว่างเปล่าเปลี่ยวเหงาใจ อยากจะมีใครไว้ คอยให้ไออุ่น ให้หนุนตัก ให้พักใจ -16-


Lucea

เพราะว่ะ! คะน้าจ้องมองชายหนุ่มสูงโปร่งก�ำลังร้องเพลงอยู่ในสวน ด้านล่างของคอนโด แสงแดดยามเย็นสะท้อนเหลี่ยมมุมให้เห็นโครงหน้าที่ คมคายของเจ้าของเสียงทุ้ม สายลมอ่อนๆ ที่พัดหยอกล้อกับเส้นผมสีเข้มดู น่ามอง คะน้าค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว ขอ...แค่ใครสักคน ที่รักจริง ขอ...แค่เพียงที่พิง พักใจ ไม่รู้...ต้องทนต้องรอสักเท่าไร จะได้พบใครที่หัวใจนั้นตามหา ปลายนิ้วสะบัดพลิ้วลงบนสายกีต้าร์ดูคล่องแคล่ว นักดนตรีเหรอนั่น? คะน้าตั้งค�ำถามใจในตัวเองเบาๆ ไอ้หมอนี่สาวๆ ต้องติดเพียบแหงแก๋ เสียง โค-ตะ-ระเพราะ ร้องเพลงแล้วมีเสน่ห์โพด แต่เดี๋ยวก่อน! ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ หรอกว่าพระเจ้าจะประทานพรมาให้ใครสักคนจนเพียบพร้อมไปทุกอย่าง แบบนี้ ขอหน่อยเหอะ...ขอดูหน้าหน่อยเห้ออออ...หนุ่มแว่นเจ้าปัญหาค่อย ขยับเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น...และใกล้ขึ้น จนคนที่ร้องเพลงอยู่รู้สึกตัวแล้วเงยหน้า ขึน้ มาสบตา...เชรดดดดดด...สวรรค์กลัน่ แกล้งกูชดั ๆ! มะ...แม่ง....แม่ง...กูอยาก ฆ่าตัวตาย!!!! ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน ช่วยปลดปล่อยความเหงา ไปจากหัวใจ หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืม ความเหงาเสียที... “ครับ?” เจ้าของเสียงทุ้มตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูง “ค...ครับ” คะน้ารับค�ำอย่างตะกุกตะกัก รู้สึกเสียมารยาทชอบกล คน ที่ถือกีตาร์เอียงคอมองด้วยความสงสัย เมื่อไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับจากชาย หนุ่มที่หอบสมบัติราวกับขายสวนทิ้งข้างหน้า เจ้าตัวก็หัวเราะขึ้นเบาๆ เอา มือขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความขวยเขิน “นั่นสินะ ฮะๆๆๆ” -17-


นั่นสินะอะไรของมัน ไอ้นี่ท่าจะบ้า คะน้าได้แต่จ้องมองด้วยความ งงงวย โดยไม่ทันตั้งตัว...ทันใดนั้นเอง โวะ!!! นะ..นั่น!!! ค...ใครสั่งใครสอนให้ มึงยิ้มแบบน้านนนนนนนน... “ขอโทษครับ ผมคงร้องเสียงดังเกินไป คืนนี้คุณคงจะฝันร้ายแน่ๆ แหะๆ” นี่...นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเฟ้ย ทั้งหล่อ ทั้งร้องเพลงเพราะ มึงยัง มารยาทดีอีกเหรอฟะ? คนอะไรวะเนี่ย คืนนี้...คืนนี้เลยนะ กูจะไปผูกคอตาย ใต้ต้นผักชี! อากัปกิริยากระฟัดกระเฟียดและสีหน้าแปลกๆ ของคะน้า ท�ำเอา เจ้าของกีตาร์นกึ สงสัย คิว้ เข้มขมวดขึน้ ด้วยความไม่เข้าใจ พูดอะไร ถามอะไร ก็ไม่มีค�ำตอบ “ครับ?” “...ค...ครับ” คะน้ารับค�ำแบบไม่รู้จะพูดอะไร “ครับ” รอยยิ้มน้อยๆ ก็กระจ่างขึ้นบนใบหน้านั้นอีกครั้ง “...ครับ” เอ๊ะ...ไอ้นี่! อย่าสิฟะ “คร้าบบบ...” แววตาขีเ้ ล่นหันมาจ้องมองชายหนุม่ อีกคนอย่างล้อเลียน รอยยิ้มนั้นเปิดเผยถึงความสุขอย่างเต็มที่...แกล้งกูซะงั้นนะมึง คะน้าถลึงตา ใส่ เริ่มหงุดหงิด “อย่า ครับ สิครับ!” “คุณก็อย่า ครับ สิครับ” “คุณ!” คะน้าหงุดงิดคันมือยิบๆ ขึ้นมาทันที “คร้าบบบ” และแล้วคนแปลกหน้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เอ่อ...” สนุกใหญ่นะเอ็ง พ่อเขวี้ยงมะพร้าวใส่ซะดีไหม “ท�ำไมแบกอะไรมาเยอะแยะเลยล่ะครับ ไม่หนักเหรอครับ” “อ้อ...เอามาฝากพี่ๆ ในนี้น่ะครับ เขาช่วยดูแลเรา ก็แบ่งๆ กันไป ถามว่าหนักไหม ก็โอเคนะ ผมชินแล้วครับ ไม่อะไร” คะน้าจ้อไม่หยุด เงย หน้าไปมองก็เห็นรอยยิ้มนั้นอีกแล้ว...กูเซ็ง!!! -18-


Lucea

“แปลว่าเฉยๆ” “ครับ ชินแล้ว” “งั้นฝากถือนี่ด้วยได้ไหมครับ” ชายแปลกหน้ายื่นกีต้าร์มาตรงหน้า ถ้ามือว่างๆ สาบานได้ว่าคะน้าจะรับกีต้าร์มาแล้วเอาไปฟาดหัวเจ้าของล้าง แค้นให้สาแก่ใจ “เอ่อ...” ได้แต่คิดละครับ เอาเข้าจริงก็ตอบได้แค่นี้แหละ แหะๆ “นั่นสินะ...มือไม่ว่างนี่” พูดจบก็เอื้อมมือมาดึงทะลายมะพร้าวที่แบก อยู่ในมือไปถือซะเอง “ให้ผมช่วยนะครับ คงหนักล่ะสิ หน้าคุณดูแดงไปหมด แล้ว” แดง? คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า...มันใช่ที่ไหนเล่า ไอ้เปรตนี่! “ช่วยผมถือกีตาร์แล้วกันครับจะได้หายกัน ไม่มตี ดิ ค้าง” เป็นอันตกลง คะน้าเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์มาถือแม้ติดจะแบบงงๆ ก็ตาม คนๆ นี้เป็นคน อัธยาศัยดีอะไรแบบนี้นะ “เดินน�ำไปเลยครับ” อีกแล้ว...ยิ้มนั่นอีกแล้ว คะน้าตัดสินใจไม่พูด อะไร เขาเดินน�ำไปข้างหน้าพร้อมกีต้าร์ในมือสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าว ตามมาด้านหลัง “เอ่อ...ขอบคุณครับ” ประตูลิฟต์เปิดออก คะน้าเดินก้าวน�ำออกมา มีนักดนตรีแปลกหน้า เดินตามมาด้านหลัง หันไปมองก็เห็นสีหน้าแปลกๆ ดูเหรอหราๆ ของเขา คะน้าไม่รู้ว่ามันจะดีไหมกับเรื่องความปลอดภัย แต่คิดว่าคนๆ นี้ไม่น่ามี นิสัยอะไรน่ากลัว...จะน่ากลัวก็ตรงรอยยิ้มนั่นแหละ! “แต่งไม่เหมือนกับชั้นที่ คุณอยู่เหรอครับ” คะน้าถามพร้อมเดินน�ำไปข้างหน้า “อ้อ...เปล่าครับ เหมือนเด๊ะ” เขาตอบกลับพร้อมหัวเราะน้อยๆ “ถึงแล้วครับ ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ นี่ครับ กีต้าร์คุณ” ส่งกีต้าร์ คืนให้ เขาเอื้อมมือมารับกลับไปพร้อมเอ่ยถาม “จริงสิ ผมไม่เคยเห็นคุณเลยครับ พักที่นี่มานานแล้วเหรอ” “นานแล้วครับ แต่จะมาเฉพาะวันเย็นศุกร์นะ่ ครับ” เขาพยักหน้าเข้าใจ “แปลกดีนะครับ ผมไม่เคยเห็นคุณเลย” -19-


“นั่นสิครับ ผมก็ไม่เคยเห็นคุณเลยเหมือนกัน” คะน้าหยิบคีย์การ์ดขึ้น รูดประตูก่อนจะสะดุดหูกับค�ำพูดต่อมา “...ทั้งๆ ที่ใกล้กันแค่นี้เอง” คะน้ายืน นิ่ง ชายหนุ่มแปลกหน้าส่งยิ้มให้ “ผมขอตัวก่อนละครับ” “ด...เดี๋ยว...เดี๋ยวครับ” คะน้าชะงักเก้อเขิน “เอามะพร้าวไปทานสักลูก สองลูกสิครับ” “ไว้วันหลังก็ได้ครับ เดี๋ยวแวะมาปล้น อยู่แค่นี้เอง” เขายิ้มให้ คะน้า หัวเราะ อดคิดในใจไม่ได้ว่าคนๆ นี้ดูแปลกๆ ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูก แต่ รู้สึกถูกอัธยาศัยเหลือเกิน “เดี๋ยวสิครับๆ ว่าแต่คุณอยู่ไหนน่ะ” “ผมเหรอ?” เจ้าของกีต้าร์หยิบคีย์การ์ดขึ้นมา เดินไปรูดประตูห้องที่ อยูถ่ ดั ไปแล้วหันกลับมายิม้ ...เป็นรอยยิม้ ทีท่ ำ� ให้คะน้ารูส้ กึ ชาอย่างบอกไม่ถกู “อยู่แค่นี้น่ะครับ...ใกล้ๆ กับคุณ” ประตูหอ้ งเปิดออกแล้วชายแปลกหน้าทีอ่ ยูห่ อ้ งข้างๆ ก็ผลุบตัวหายไป คะน้ายังคงยืนอึ้งๆ อยู่กับที่ แค่นี้...ข้างๆ ห้องเราเองเหรอ? ท�ำไมไม่เคยเห็น หน้าเลย? ก�ำลังคิดอยู่เพลินๆ เจ้าตัวปริศนาก็โผล่หัวออกมาอีกครั้ง “จริงสิครับ” พร้อมกับเสียงหัวเราะร่าและแววตาขี้เล่น แล้วก็ผลุบ หายไปใหม่ประหนึ่งนินจา “คืนนี้ ฝันร้ายนะครับ” 1...2...3...4...5... 5 วินาที! อึ้งไป 5 วินาที!!! อีกแล้ว!!! วันนี้มันอะไรนักหนาเนี่ย! สะบัดหัวแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเองแบบงงๆ และทันทีที่บิดประตู เข้าห้อง ร่างของชายหนุม่ ก็เซด้วยแรงโถมปะทะ แว่นตากระเด็นกระดอนไป จนมองไม่เห็น “โวะ! โวะ! เฮ้ย!!! อะไรเนี่ย!!!!” เสียงห้าวผิดกับลักษณะ ภายนอกจนน่าข�ำ “ต่ายน้อยของพี่” เสียงฟอดดังขึ้นซ�้ำๆ ที่ข้างแก้มของชายหนุ่ม “เจ้!!! บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเรียกว่ากระต่าย ใครได้ยินอายเขาแย่ ผมยี่สิบแปดแล้วนะ เจ้ก็สามสิบแล้ว ท�ำ...” โพละ!!! สิ้นเสียงคะน้าก็ยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ -20-


Lucea

“ต่ายน้อย ใครสั่งใครสอนให้พูดเรื่องอายุกับผู้หญิง” ป๊าบบบบ!! เสียงกระโหลกร้าวใช่ไหมนั่น ใครบอกว่าโลกจะแตกปีนี้ปีหน้า ทาย ผิดแล้ว มันหัวกบาลผมนี่แหละที่จะแตกเพราะฝีมือผักกาดยักษ์นี่ “แว่นผมกระเด็นไปไหนเนี่ยเจ้ หาไม่เจอ” คะน้ากวาดมือควานหาทั่ว พื้นแต่ก็ไม่เห็นร่องรอย “นะๆๆๆ ไปท�ำเลสิกกัน นะๆ อุซากิซัง” อย่าเพิง่ ตกใจคิดว่าผมเป็นพวกพิสดารมีชอื่ แปลกประหลาดเยอะแยะ นะครับ ย�้ำอีกครั้งว่าผมชื่อ ‘คะน้า’ ชื่อจริงๆ ว่า “มัยมนัส” ครับ ส่วนคนที่นั่ง คร่อมผมอยูเ่ นีย่ คือพีส่ าวแท้ๆ ของผมเองชือ่ ว่า ‘ผักกาด’ ชือ่ จริงก็คอื ‘มิณฑิตา’ กระต่ายที่พี่สาวผมเรียกเนี่ยมาจากฟันกระต่ายของตอนเด็กๆ ของผมเอง ครับ พอโตขึ้นก็จัดฟัน ฟันกระต่ายก็หายไปละ ส่วนอุซากิเนี่ย ก็คือค�ำว่า กระต่ายในภาษาญี่ปุ่นน่ะครับ ท�ำไงได้ ก็พี่สาวผมเรียนจบโทด้านภาษาจาก ที่ญี่ปุ่น แถมยังท�ำงานสถานฑูตญี่ปุ่นเข้าไปอีก วันดีคืนดีก็ไทยค�ำญี่ปุ่นค�ำ แบบนี้แหละ ผมแปลออกซะที่ไหน แล้วที่ผักกาดชวนผมเหย็งๆ ให้ไปท�ำ เลสิกหรือการผ่าตัดรักษาสายตาสั้นแบบถาวร ก็เพราะครอบครัวเราเหมือน โดนค�ำสาปแปลกๆ อย่างหนึง่ ครับคือสายตาสัน้ มากๆ โดยกรรมพันธุ์ ทัง้ ผม รวมถึงผักกาดพี่สาวต่างก็ต้องสวมแว่นหนาเตอะหนักๆ นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว “ฉันจะสามสิบแล้วนะแก เดี๋ยวก็ขายไม่ออกกันพอดี” นี่ละมั้งครับ เหตุผลที่แท้จริง “แล้วมันมีโปรโมชั่นไง ท�ำสองคนราคาครึ่งนึงเลยนะต่าย น้อย” เอ่อ...ขอถอนค�ำพูดเมื่อสักครู่ครับ! ผมมั่นใจว่านี่คือเหตุผลที่แท้จริง ครับ!!! “แพง! ใส่แว่นก็ได้” พลิกตัวแล้วดันผักกาดขึ้น นั่งทับมาได้ แบนกัน พอดี แต่... กร๊อบ!!! เอ๊ะ! มันเสียงอะไรนะ รู้สึกสังหรณ์ใจพิกล ในความเลือนราง ไม่รู้ว่า ผมตาฝาดไปหรือเปล่า ผมเห็นเจ้ก�ำลังยิ้มน�้ำตาไหลพรากๆ ฉิบหายละ! แว่นตรู!!!! -21-


“ลุกๆๆๆ ลุกเลย แว่นๆๆ” ไหนกันล่ะที่ว่าแม่นนักแม่นหนา ไหน บอกว่าผมดวงดีแล้วไง ดูสิ แว่นสายตาโย้ไปข้างแล้วนั่น แถมโดนบังคับไป ท�ำเลสิกอีกนะ เอาเงินเก็บมาใช้อีกทั้งปี “จะฟูมฟายอะไรนักหนา ท�ำตัวเป็นยามาดะ ทาโร่กลับชาติมาเกิดใหม่ ไปได้” “รู้จักแต่ทาโร่ปลาเส้น อย่างอื่นไม่รู้จัก” ผลัวะ!!! ท�ำไมมันดังขึ้นบนหัวผมอีกแล้วล่ะครับเนี่ย “พี่จองคิวไว้แล้ว ไว้ไปคุยกับหมอกัน” “แต่ผมไม่มีเงิน” “เจ้ให้กู้ ดอกร้อยละ 20 กันเอง!” “งั้นมีละ เดี๋ยวเอาเงินเก็บมาใช้ก็ได้” “ก็เท่านั้น” ว่าแล้วพี่ผักกาดก็เดินไปเอนตัวดูรายการทีวีภาษาญี่ปุ่นที่ โซฟาอย่างสบายอารมณ์ “ว่าแต่ขนมะพร้าวขึ้นมาท�ำไม ไม่แจกพี่ๆ ข้างล่าง เขาให้หมดล่ะ” เออ! นั่นสิ! แล้วขนขึ้นมาท�ำไมเนี่ย! ผักกาดส่ายหน้าอย่างเอ็นดู จะกี่ปี น้องชายเธอคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เอ๋อๆ เบลอๆ สมาธิสั้นเป็นประจ�ำ “จริงสิเจ้ เจ้รู้จักคนที่อยู่ข้างห้องปะ” “คนไหนล่ะ” “ที่ชอบนั่งเล่นกีต้าร์ที่สวนด้านล่างน่ะ” “อ้อๆๆ รู้จักสิ คนที่นี่รู้จักเขาหมดแหละ คงมีแต่แกละที่ไม่รู้จัก” เอ๊า...ไหงว่าน้องตัวเองแบบนี้ “เขาเป็นนักร้องออกแผ่นใช่ไหม” “ที่ไหนล่ะ เห็นแบบนั้นตุลมันเป็นหมอนะ” “ห๊ะ? เป็นหมอเนี่ยนะ” “เออ หมอคนเนี่ยละ แกคิดว่ามันเป็นหมอหมา หมอนวดหรือไง” -22-


Lucea

คะน้าสะบัดตัวแบบมึนๆ คนๆ นั้น ดูเหมือนว่าจะชื่อ ‘ตุล’ ต่างกับ ภาพลักษณ์ของคนเป็นหมอในความรูส้ กึ ของเขาโดยสิน้ เชิง แค่ทา่ ทางทีด่ ขู เี้ ล่น แล้วก็พรสวรรค์ทางดนตรีนั่นก็จัดว่าห่างไกลแล้ว ไหนจะรูปร่างหน้าตาที่ดู ยังไงก็น่าจะเหมาะกับการท�ำงานวงการบันเทิงเสียมากกว่า ...พระเอก? จริงสิ หน้าตาแบบนี้เหมาะจะเป็นพระเอกละครน�้ำเน่าที่จันทูดูตอน กลางวันสุดๆ แล้วจะให้ดีก็ให้ไอ้เท่ที่ชื่อ ‘ทิม’ เป็นตัวร้าย แบบนี้แหละเหมาะ ดีแท้ ขาดก็แต่นางเอก หาได้อีกคน ‘มัยมนัสโปรดักชั่น’ ก็ผลิตละครน�้ำเน่า เรตติ้งถล่มทลายได้แน่ๆ แล้วตูจะไปหานางเอกที่ไหนดีล่ะนั่น “คะน้า...” “หื้ม เจ้ ว่าไง” ผักกาดท�ำหน้าพิกล “เปล่า เห็นแกท�ำหน้าตาแบบตัวร้ายอะไรสักอย่าง วางแผนท�ำอะไร พิเรนทร์ๆ อยู่ไหมเนี่ย” “เปล๊า...ไม่มี้” ผักกาดท�ำสีหน้าอ่อนใจ “แกอย่าให้ฉันจับได้นะ แกได้ตายหมกถังไอติมแน่ๆ” “เจ้กพ็ ดู ไป” คะน้าหัวเราะแล้วโผเข้าไปกอดพีส่ าวตัวเองประจบเต็มที่ “ต่อให้แกไปให้หมอข้างห้องรักษา ตุลมันก็รักษาแกไม่ได้หรอก” “หมอ?!” จู่ๆ คะน้าก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก วิศวกร...แล้วก็...หมอ คะน้ายอมรับว่าชักจะรู้สึกขนลุกแปลกๆ ขึ้นมากับค�ำท�ำนายของไพ่ ทาโร่เจ๊อ้อยอย่างบอกไม่ถูกแล้วสิ มันบังเอิญมากไปหรือว่า....เอาเถอะ ไม่ อยากจะคิดให้ปวดหัว “อะไรอีกล่ะเนี่ย” “หนุนตักหน่อยดิ” ไม่พดู เปล่า คะน้าล้มตัวลงนอนบนตักพีส่ าวทันที... คิดมากก็เยี่ยวเหลืองเนอะ “แก่ป่านนี้แล้ว ท�ำอะไรเป็นเด็กๆ” “แก่ป่านนี้นี่เจ้ใช่ไหม” ผลัวะ!!!! ฉับพลันทันใด ไม่ต้องเสียเวลารอ “แกคงได้รับค�ำตอบที่น่าพอใจแล้วใช่ไหม” -23-


“พอใจมากคร้าบบบบ...” คะน้าเอามือกุมหัวตัวเองแล้วท�ำท่าส�ำออย “ต่ายเอ๊ย ขี้อ้อนไม่เลิกเลยจริงๆ นะเรา” ผักกาดเอามือขย�ำหัวคะน้า ด้วยความเอ็นดู “คิดถึงแม่เนอะเจ้” ยังไงครอบครัวก็สำ� คัญเสมอส�ำหรับคะน้า ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงแต่คิดถึงผักกาด หากแต่เขาก็อยากจะช่วยดูแลพี่สาวคนเดียวของ เขาด้วย เพราะลึกๆ แล้ว คะน้ารู้ดีว่าพี่สาวคนนี้ก็คิดถึงเขาเช่นกัน...ที่นี่ ก็มี กันแค่สองคนนี่เนอะ ป๋ากับแม่ก็อยู่ไกลกันซะขนาดนั้น “ไว้ว่างๆ เรากลับไปบ้านโน้นกัน” “อืม” คะน้ า รั บ ค� ำ แล้ ว นอนดู ร ายการที วี ที่ ไ ม่ เ ข้ า ใจสั ก นิ ด บนตั ก พี่ ส าว ดวงตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง พระจันทร์ดวงกลมโตทอแสงสว่าง นวลตา ลึกๆ แล้วคะน้ารู้ดีว่าที่ผักกาดเรียกเขาว่า ‘กระต่าย’ นั้น ไม่ใช่เพราะ ว่าฟันที่เหมือนกระต่ายตอนเด็กๆ เท่านั้นแต่เพราะพี่สาวติดเรียกตามแม่ที่ แซวเขาจากความฝันแบบเด็กๆ นั่นต่างหาก “...อยากไปดวงจันทร์” “คะน้าจะไปยังไงล่ะคะ?” คุณแม่ถามลูกชายตัวเองด้วยความเอ็นดู “ขอป๊าไป” “คะน้าจะไปท�ำไมคะลูก?” “อยากเห็นป๊า เห็นแม่ เห็นพี่ผักกาดจากดวงจันทร์” “แบบนี้คะน้าก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ” “ไม่...ไม่อยากอยู่คนเดียว” “มีแต่กระต่ายที่อยู่บนดวงจันทร์นะ” “คะน้าจะแปลงเป็นกระต่าย” เด็กน้อยพูดอย่างมุ่งมั่น ยี่สิบปีผ่านไปเด็กชายตัวน้อยคนนั้นยังคงจ้องมองไปที่พระจันทร์ดวง เดิมด้วยความฝันแบบเดิมๆ ที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังแม้แต่ผู้เป็นพี่สาว และถึง -24-


Lucea

แม้นวันหนึ่งต่อให้ท�ำงานที่นาซ่าและได้ไปเหยียบดวงจันทร์ เขาก็ไม่คิดจะ อยู่อะไรที่นั่นหรอก รู้ดีว่าต้องคิดถึงป๊า แม่ พี่ผักกาด เจ๊เป็ด จันทู คิดถึง ตลาด และก็คงคิดถึงใครต่อใครอีกตั้งมากมาย...ด้วยสาเหตุที่บอกไม่ได้ จู่ๆ ชายหนุ่มก็นึกถึงค�ำถามของลูกค้าที่ช่างเอาแต่ใจเมื่อตอนบ่ายขึ้นมา “...พรุ่งนี้จะมาไหม” สายตาเจ้าเล่ห์ที่ดูฉายแววเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจนั่น...ดูน่าสนใจ ดีนะ ไม่รู้แฮะ อืม...ไม่รู้สิ พรุ่งนี้จะมาไหมนะ คะน้าพลิกตัวขึ้นมา ดวงตาจับ จ้องไปที่ท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์สว่างสดใส บทเพลงที่ติดหูเมื่อยามเย็นถูกฮัม ขึ้นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน ช่วยปลดปล่อยความเหงา ไปจากหัวใจ หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืม ความเหงาเสียที... “น้องฉันเพี้ยนไปแล้วเหรอ จู่ๆ ก็ฮัมเพลงขึ้นมา มองพระจันทร์มาก ไปเหรอไงต่าย” “เจ้ๆ” “อะไร” “เจ้เคยคิดไหม อาจไม่ได้มีกระต่ายตัวเดียวอยู่บนดวงจันทร์ก็ได้นะ” คะน้าจ้องมองไปที่สีเหลืองนวลบนท้องฟ้าแล้วค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นสูง “คือ หมายถึงมันก็น่าจะมีคนอื่นที่อยากไปพระจันทร์เหมือนกันรึป่าว” “จะมีคนไหนเขาเพี้ยนแบบแกอีกเหรอ” ผักกาดตอบแบบระอาใจ “คนที่บ้าๆ แบบเรา อาจจะนะ...น่าจะ...” คะน้ายิ้ม...ยิ้มอย่างไม่มี สาเหตุ “...คิดแบบนั้นจริงๆ นะ”

-25-


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.