1
b side
2
b side
CONTENTS
digital contents
j a n u a r y
www.hipthailand.net
2 0 1 7 V o l. 1 3 N o. 1 4 7
Bike Special 04 Bike Route 10 Bike Tips 12 ชอม. เจอนั่นเจอร์นี่ย์ 14 Travel 16 Interview 22 Music 28 Movie Attraction 33 Bike Route
HILIGHT
Travel
04 Bike Special
Bike Special
บก.สมชาย และ จุ๋ย จุ๋ยส์ ขนจักรยานคู่ใจเดินทางไปปั่นกันไกลถึงเมือง นะซึ และ นิกโก้ ประเทศญีป่ นุ่ งานนีเ้ รียกว่าชีวติ เจอครบทุกรสชาติ ทัง้ ปัน่ ไกลไปขึน้ เขา, ออกไปปั่นท่ามกลางอากาศหนาวสุดๆ (แถมบางวันหนักถึงขั้นเป็นพายุหิมะ) และต้องแช่ออนเซ็นกันทุกวันตลอดทริป
16 Travel Interview
Music
การเดินทางไปเยือน ‘อิหร่าน’ ของเภสัชกรสาวไส้แห้งผู้ตกงานเพราะชอบเที่ยว เธอเคยคิดว่าอิหร่านไม่ใช่ที่ที่เธออยากไป จนวันหนึ่งเมื่อความคิดเปลี่ยน และได้ พบเจอกับตัวเองว่า สถานที่ที่ไปโดยไม่รู้ว่าจะได้เจอกับอะไรนั้น มีความประทับใจ หลายอย่างรอให้ไปสัมผัส
22 Interview
การที่ศิลปินเบอร์ไม่ใหญ่ชื่อไม่ดัง แต่ขายตั๋วคอนเสิร์ตของตัวเองหมดเกลี้ยง จนต้องเพิม่ รอบนัน้ ถือว่าไม่ธรรมดา HIP จึงขอสนทนากับ ‘อภิรมย์’ ดูสกั หน่อย เพราะนอกจากจะอยากรู้จักสามหนุ่มจากสกลนครกลุ่มนี้ให้มากขึ้นแล้ว ยังอยากรู้ ด้วยว่า ‘ความนิยม’ ที่พวกเขาได้รับนั้นมาจากอะไร?
BIKE NEWS 21 มกราคม 2560 การแข่งจักรยาน Criterium : PRC Circuit 2017 การแข่งขันจักรยานฉลองครบรอบ 90 ปี ส.น.ป. โรงเรียน ปริน ส์ร อยแยลส์วิท ยาลัย สนใจดู ร ายละเอีย ดเพิ่ม เติม ได้ท่ี www.facebook.com/groups/340481542771551
29 มกราคม 2560 โครงการปั่นสองล้อผ่อเจียงใหม่ ทริปจักรยานปัน่ ชมเขตเมืองเก่าและกาดมัวศิ ่ ลปวัฒนธรรม โดยมูลนิธิ แพทย์นำ�้ เงิน-ขาว และศูนย์วฒั นธรรมเชียงใหม่ ดูรายละเอียดเพิม่ เติม ได้ท่ี www.facebook.com/Blue-White-Medical-ServicesFoundation-1564628327114788
Bike Special
เปิดประสบการณ์ปั่นจักรยานที่ญี่ปุ่น CYCLING IN NASU เรื่อง : Nonchang ภาพ : Nonchang, JuiJuis and Mr.Tetsuya Yamamoto
เมื่อประเทศญี่ปุ่น เปิดให้คนไทยไปเที่ยวได้ 15 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า นั่นจึงท�ำให้นักปั่นจักรยานจากเมืองไทย ใครๆ ก็อยากจะไปปั่น ที่ญี่ปุ่นสักครั้ง (เชื่อเถอะว่าถ้าได้ไปครั้งแรกแล้ว ก็จะต้องอยากไปครั้งที่สอง สาม สี่ ...ตามมาอีก) เพราะที่ญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ ปั่นจักรยานสนุก เส้นทางสวยงามในหลากหลายฤดู และที่ส�ำคัญคือ ความปลอดภัยของนักปั่นบนท้องถนนมีสูงมาก เมืองนะซึ (Nasu) ที่อยู่ในเขตจังหวัดโทะชิง ิ (Tochigi) ภูมภิ าคคันโต (Kanto) ของญีป่ ่ นุ เป็ นอีก หนึ่งเมืองทีป่ ระกาศตัวว่า ‘เป็ นมิตรกับนักปัน่ จักรยาน’ โดยมีคุณเท็ตซุยะ ยามาโมโต นักปัน่ จักรยานเมืองนี้ ผูก้ ่อตัง้ www.cyclistwelcome.jp เป็ นแกนน�ำ โดย ชักชวนให้บรรดาทีพ่ กั ทีน่ ะซึ จัดเตรียมทีจ่ อดจักรยาน ส�ำหรับนักปัน่ ทีน่ ำ� จักรยานไปเอง หรือถ้าหากต้องการ ไปเช่ าจักรยานปัน่ ที่นนั ่ ทางคุณเท็ตซุยะก็ได้จดั หา จักรยานคุณภาพดีไว้ให้เช่า รวมทัง้ เปิ ดบริษทั ขึ้นมา จัดท�ำทัวร์จกั รยานในนะซึอีกด้วย (ดู รายละเอียด ทัวร์จกั รยานนะซึได้ท่ี www.ride-experience.com) และเมือ่ ต้นเดือนพฤศจิกายนทีผ่ ่านมา (2016) ผมและจุย๋ จุย๋ ส์ จาก HIP Magazine ก็มโี อกาสได้ไป 4
b side
เปิ ดประสบการณ์ปนั ่ จักรยานที่นะซึ ประเทศญี่ป่ ุน ซึ่งส�ำหรับเรา (ผมและจุย๋ จุย๋ ส์) ครัง้ นี้เป็ นครัง้ แรก ทีเ่ ราหอบเอาจักรยานเสือหมอบ Road Bike ไปปัน่ ในต่างแดน เพราะทีผ่ า่ นมา เราจะหิ้วไปแต่จกั รยานพับ Fold Bike ผู ส้ นับ สนุ น การเดิน ทางไปญี่ป่ ุนของเราคื อ สายการบิน Thai Air Asia X (www.airasia.com) ทีม่ กั จะมีตวโปรโมชั ั๋ น่ จากดอนเมืองไปญี่ป่ นุ อยู่ตลอด ทัง้ ปี เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืนไปลงทีส่ นามบินนาริตะ ช่วงเช้า (Thai Air Asia X บินไป - กลับนาริตะ วันละ 2 เทีย่ วบิน) ส�ำหรับนักปัน่ ทีต่ อ้ งการหอบหิ้วจักรยาน ของตัว เองไปปัน่ ที่ญ่ีป่ ุน ก็ ส ามารถโหลดจัก รยาน โดยซื้อ น�ำ้ หนัก ล่ว งหน้า เพิ่ม เติ ม เป็ น อุป กรณ์ กี ฬ า
02.
03.
01.
06.
04.
05.
07.
01 เส้นทางขึ้นเขาที่สวยงามที่นะซึ 02 Omamori เครื่องรางส�ำหรับนักปั่นจักรยานจากเมืองนะซึ 03 Air Asia X ล�ำนี้ที่พาเราไปกลับจากดอนเมืองมานาริตะ 04 ทางขึ้นลง Nasu Yuzen-Jinja Shrine 05 วันแรกของการปั่น เราเจอเส้นทางลัดเลาะบนภูเขาแบบนี้ 06 จักรยานและสัมภาระของเราที่หอบหิ้วไปจากเมืองไทย 07 ถ้าขี้เกียจแบกรถไปเอง จักรยานเช่าดีๆ ก็มีให้บริการที่นะซึ
ซึง่ สะดวกอย่างมาก ราคาค่าน�ำ้ หนัก/เทีย่ ว 20 กก. อยูท่ ่ี 900 บาท ถ้า 25 กก. จะอยู่ท่ี 1,150 บาท นะซึ เป็ นเมืองภูเขา อยูท่ างตะวันออกเฉียงเหนือ ของโตเกียว และไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก เมืองทีอ่ ยู่ ใกล ้นะซึทค่ี นไทยเรารูจ้ กั ก็คอื นิกโก (Nikko) ล่ะครับ ภู มิป ระเทศในแถบนะซึ เป็ น แหล่ง ภู เ ขาไฟเก่ า แก่ จึงท�ำให้เกิดน�ำ้ พุรอ้ น อันเป็ นทีม่ าของ ‘ออนเซ็น’ ซึง่ เป็ น จุดขายอันดับต้นๆ ของทีน่ ่ี 5
b side
แลว้ ตอนนี้ท่ีนะซึก็กำ� ลังจะมีจุดขายอีกอย่าง นัน่ คือเป็ นเมืองทีน่ กั ปัน่ ต่างถิน่ อยากจะมาปัน่ จักรยาน ทีน่ ่ี โดยเมือ่ เดือนกันยายน ปี 2016 ทีผ่ ่านมา นะซึ ก็ถูกใช้เ ป็ น สถานที่จ ดั การแข่ง ขัน รายการ Rapha Prestige มาแล ้ว ช่วงที่เราไปปัน่ ที่นะซึ เป็ นช่วงรอยต่อระหว่าง ฤดูใบไม้เปลีย่ นสีก่อนทีจ่ ะเข้าฤดูหนาวในญีป่ ่ นุ แต่ดว้ ย ความที่นะซึเป็ นเมืองภูเขา ดังนัน้ เราจึงไปเจออากาศ ทีเ่ รียกว่าหนาวเลยล่ะครับ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เวลาที่ รถจักรยานลงเขานี่ เรียกได้วา่ หนาวสุดๆ เลยล่ะครับ ตามโปรแกรมที่คุ ณ เท็ต ซุ ย ะวางไว้ใ ห้ก็ คื อ เราจะค้างคืนทีเ่ มืองนะซึ 3 คืน ปัน่ จักรยานกันจริงจัง 2 วันรอบๆ เมืองนะซึ และจะมีอกี 1 วัน ทีจ่ ะปัน่ จาก นะซึไปนิกโก แล ้วจะไปค้างคืนทีน่ ิกโก 2 คืน จากนัน้ จะมีการปัน่ จริงๆ จังๆ ทีน่ ิกโกอีก 1 วันเต็มๆ โดย คุณเท็ตซุยะจะเป็ นผูน้ ำ� การปัน่ แนะน�ำเส้นทางให้กบั เรา ตลอดทริป โดยการปัน่ ทีน่ ะซึจะมีรถเซอร์วสิ จาก Nasu Blasen (www.nasublasen.com) เซอร์วสิ ระดับโปร ดูแลเราในช่วง 3 วันแรก เมือ่ ดูจากโปรแกรมแล ้วเรียกได้วา่ โหดไม่นอ้ ย เลยทีเดียว เพราะมีแต่ข้ นึ เขา ขึ้นเขา ลงเขา ลงเขา เป็ นส่วนใหญ่ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ นะครับ อยู่เชียงใหม่ เราก็เจอภูเขากันตลอดอยู่แล ้ว
07.
10.
สองวันเต็มๆ ของการปัน่ ที่นะซึ เราได้เจอ เส้น ทางขึ้น เขาและลงเขาหลากหลาย อีก ทัง้ ยัง ได้ ทดสอบสมรรถนะตัว เองด้ว ยว่ า สามารถทนต่ อ ความหนาวเย็นของสภาพอากาศได้มากน้อยแค่ไหน ซึง่ ดูเหมือนว่าจุย๋ จุย๋ ส์นนั้ จะไม่ค่อยมีปญั หามากนัก เพราะค่อนข้างทีจ่ ะเตรียมตัวไปดี แต่ตวั ผมยอมรับว่า ขาลงจากเขามีปญั หามากพอสมควร โดยเฉพาะนิ้วมือ ทีเ่ อาถุงมือแบบเต็มนิ้วไป แต่ยงั หนาไม่พอ กับใบหน้า และเท้าที่หนาวเอาเรื่องทีเดียว ส่วนเรื่องขึ้นเขานัน้ ส�ำหรับผม ก็ค่อยๆ ไปได้ สบายๆ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ครับ (ผมเอาเฟื องหลัง 36 ไป) ช่วงเวลาที่เราไปปัน่ ที่นะซึ ในญี่ป่ ุนจะมืดเร็ว ยังไม่ถงึ ห้าโมงเย็นก็มดื แล ้ว อย่างวันแรกคุณเท็ตซุยะ ตัง้ เป้ าว่าจะให้เราปัน่ ราวๆ 100 กม. ส�ำรวจเส้นทาง รอบๆ เมืองนะซึในช่วงเช้า และขึ้นภูเขาต่อในช่วงบ่าย แต่เอาเข้าจริง วันแรกเราก็ปนั ่ กันได้ราว 65 กม. เท่านัน้
11.
เพราะผมค่อยข้างจะไปได้ชา้ แวะถ่ายรูปบ่อย พักเยอะ แลว้ ก็อย่ างที่บอกคือ มืดเร็วกว่าปกติ แต่ ส ำ� หรับ ตัว ผมเอง ก็ ถือ ว่ า เป็ น การปรับ ตัว กับ สภาพถนน และสภาพอากาศไปในตัว รอบๆ เมืองนะซึ รถยนต์ไม่เยอะ ยิ่งออกไป นอกเมือง ขึ้นบนภูเขาด้วยแลว้ ยิ่งไม่ค่อยมีรถวิ่ง เท่าไหร่ เพราะคุณเท็ตซุยะเจ้าของพื้นที่ พาเราไปถนน ทีไ่ ม่ใช่เส้นทางหลักเป็ นส่วนใหญ่ บนภูเขาที่นะซึ ใบไม้เริ่มจะเปลี่ยนสีไปบ้าง แต่ยงั ไม่มาก คุณเท็ตซุยะบอกว่า ถ้านักปัน่ จักรยาน ที่ท นอากาศหนาวไหว หรือ เตรีย มตัว มาให้พ ร้อ ม การมาปัน่ ทีน่ ะซึในช่วงเดือนพฤศจิกายน ก็จะได้เห็น บรรยากาศแบบทีเ่ ราสัมผัส แต่เขาอยากจะให้เราชวน กันไปปัน่ ในเดือนพฤษภาคมมากกว่า เพราะเดือนนัน้ จะอากาศดี ไม่หนาวแล ้ว ต้นไม้ ดอกไม้สวยงาม และ ยังไม่เข้าสูฤ่ ดูรอ้ น ซึง่ เขาคิดว่า เดือนพฤษภาคมทีญ ่ ป่ี ่ นุ 6
b side
08.
12.
อากาศน่ า จะเย็น สบายพอดีส ำ� หรับ นัก ปัน่ คนไทย (แต่ไม่แนะน�ำให้เป็ นสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม เพราะจะตรงกับวันหยุดยาวของคนญีป่ ่ นุ ) เป้ าหมายจริงๆ ทีน่ ะซึ ทีค่ ุณเท็ตซุยะวางเอาไว้ ให้เรา ก็คอื พิชติ ภูเขานะซึ (Mount Nasu) ซึง่ เขาพาเรา ปัน่ ขึ้นไปในวันทีส่ อง ตลอดสองข้างทางขึ้นภูเขานะซึ สวยงามใช้ได้เลยล่ะครับ มีจุดแวะชมวิวเป็ นระยะ ความชันโดยเฉลี่ยก็ถือว่าใช้ได้ (จุย๋ จุย๋ ส์บ อกว่า ความชันเฉลีย่ มากกว่าดอยสุเทพบ้านเฮา) และหลังจาก ค่อยๆ ไต่ข้นึ ไป ผมก็สามารถขึ้นมาถึงจุดเช็คพอยท์ ของ Mount Nasu จนได้ ดูจากหน้าตาในรูปทีถ่ า่ ย ออกมา เหมือนผมจะเหนื่อยใช้ได้ แต่จยุ๋ จุย๋ ส์และ คุณเท็ตซุยะ ยังยิ้มกันได้แบบสบายๆ ส�ำหรับนักปัน่ จักรยานทีช่ น่ื ชอบขึ้นเขาและลงเขา ผมว่าน่าจะสนุกสนานและมีความสุขกับการได้ลองปัน่ ขึ้นภูเขานะซึอย่างแน่นอน
09.
13.
14.
07 จุย๋ จุย๋ ส์ พาเฟรม FOURTEEN ไปลองไกลถึงนะซึ 08 ที่เห็นด้านหลังไกลๆ นั่นแหละครับ Mount Nasu ที่เราไปพิชิตมาแล้ว 09 จุดถ่ายรูปที่ Mount Nasu ว่ามาถึงแล้ว (เหมือนผมจะยิ้มไม่ค่อยออก!) 10 ทางขึ้นเขาตอนปั่นวันแรก 11 แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ กับ The Sesshou-Seki Stone 12 เพิ่งลงมาจาก Mouth Nasu 13 Suda Coffee Cafe ร้านกาแฟส�ำหรับนักปั่น ที่เมืองนะซึ 14 คุณเท็ตซุยะ, ผม และจุ๋ย จุ๋ยส์ 15 ปั่นวันแรกที่นะซึ 16 ปั่นวันที่สองที่นะซึ (ทั้งสองวัน เขาทั้งนั้น!)
15.
16.
7
b side
18.
17.
ส่ ว นคนที่ไ ม่ ใ ช่ ส ายเขา พื้น ที่ร าบของนะซึ ก็มเี ส้นทางให้ปนั ่ จักรยานมากมาย โดยเฉพาะการปัน่ ไปเที่ ย ววัด หรื อ ศาลเจ้า เล็ ก ๆ ปัน่ ผ่ า นท้อ งทุ่ ง ปัน่ ไปเที่ยวฟาร์ม หรือปัน่ ไปกินโซบะร้านยอดนิยม เรียกได้วา่ ถ้าไม่ใช่นกั ปัน่ แบบจริงจัง แต่อยากจะปัน่ เทีย่ วเล่นทีน่ ะซึ สักครึง่ วันหรือหนึ่งวัน ก็สามารถปัน่ ได้ สบายๆ นะครับ และถ้าไม่ตอ้ งหอบจักรยานไปเอง การเดินทางจากโตเกียวไปนะซึดว้ ยรถไฟชินคันเซน ก็ใช้เวลาไม่นานเลย ถ้าใครสนใจอยากจะปัน่ แบบนี้ ลองเข้า ไปดู ร ายละเอี ย ดการปัน่ เที่ ย วนะซึ ไ ด้ท่ี www.ride-experience.com แต่ ถา้ ใครสนใจอยากไปปัน่ แบบจริงๆ จังๆ สนใจพิชติ ภูเขานะซึ อยากไปลองเส้น Rapha Prestige Nasu ผมแนะน�ำให้ติดต่ อโดยตรงกับคุณเท็ตซุยะ ได้เลยครับ ทีอ่ เี มล yamamoto@alliance-factory.com โดยบอกไปเลยว่าทาง HIP แนะน�ำมา แกก็สามารถ ทีจ่ ะเป็ นไกด์นำ� ทางและจัดหาอ�ำนวยความสะดวกอืน่ ๆ ให้ในราคามิตรภาพได้อย่างแน่ นอน (หรือว่าจะลอง ติดต่ อสอบถามมาที่ทาง HIP ก่ อนก็ได้นะครับ ที่ hipthailand.cm@gmail.com หรือ Inbox มาทีเ่ พจ เฟซบุค๊ HIP Thailand) ที่เราวางแพลนเอาไว้ก็คือ เดือนพฤษภาคม ทีจ่ ะถึงนี้ ทาง HIP จะมี HIP Bike Trip ไปทีเ่ มืองนะซึ นะครับ (รายละเอียดโปรดติดตามเร็วๆ นี้) วัน ที่ ส ามของการไปปั น่ จัก รยานเที่ ย วนี้ ตามแผนคือ เราจะปัน่ จากนะซึไปนิกโก ระยะทาง ขึ้นเขาลงเขาประมาณ 80 กม. โดยทีม่ รี ถเซอร์วสิ ตามไป ตลอดทาง แต่พอถึงเช้าวันนัน้ ปรากฎว่าหิมะลงครับ และลมก็ แ รงเป็ น ช่ ว งๆ ด้ว ย เราก็ เ ลยปรับ แผน เอาจักรยานขึ้นรถเซอร์วสิ แล ้วดูสถานการณ์เป็ นระยะๆ ช่วงหนึ่งพวกเรานักปัน่ ทัง้ สามคน ลงมาลองลงเขากัน
19.
20.
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แต่ผมเองปัน่ ไปได้สกั พัก ก็ขอตัว ขึ้นรถเซอร์วสิ ดีกว่า เพราะหนาวจนทนไม่ไหว ในขณะที่ จุย๋ จุย๋ ส์ดูจะสนุกมากมายกับการปัน่ ท่ามกลางหิมะโปรยปราย สรุปแล ้ววันทีส่ ามนี้ ผมปัน่ ลงเขาไปได้ไม่ก่กี โิ ลเมตร ก็ขอพอดีกว่า ส่วนจุย๋ จุย๋ ส์และเท็ตซุยะได้เพียง 2 ช่วง เป็ นเส้นทางลงเขาเป็ นส่วนใหญ่ ช่วงละประมาณ 15 - 16 กม. เท่านัน้ ในที่สุดคุณเท็ตซุยะก็เลยตัดสินใจให้เอาจักรยาน ขึ้นหลังคารถเซอร์วสิ ทัง้ หมด เพราะอากาศยิ่งบ่ายยิ่งหนาว เกินกว่าทีจ่ ะปัน่ สนุก อยากให้ดูภาพทีเ่ ราน�ำมาฝากกันนะครับ ว่าน่าจะสนุก แค่ไหน ถ้าหากว่าไม่หนาวเกินไป น่าจะสนุ กกว่านี้ ยิ่งเห็น เส้นทางระหว่างเมืองจากนะซึไปนิกโก ยิ่งท�ำให้รูว้ ่าท้าทาย และอยากจะกลับไปทดลองอีกสักครัง้ ... บางทีอาจจะเป็ นเดือนพฤษภาคมทีจ่ ะถึงนี้! เรื่องราวการไปปัน่ ทีญ ่ ่ปี ่ นุ ของผมกับจุย๋ จุย๋ ส์ยงั ไม่จบ นะครับ ฉบับหน้าจะมาเล่ากันต่อถึงการไปปัน่ จักรยานทีเ่ มือง นิกโก เมืองทีค่ นไทยส่วนใหญ่รูจ้ กั เมืองซึง่ มีความสวยงาม และเราต้องปัน่ ขึ้นภูเขา บวกกับความหนาว ไม่แพ้เมืองนะซึ เลยล่ะครับ Cyclist in Nikko, Next Issue. 8
b side
17 จุ๋ย จุ๋ยส์สนุกสนานกับการปั่นในขณะที่หิมะก�ำลังโปรยปราย 18 รถเซอร์วิสสุดโปรจาก Nasu Blasen 19 เท็ตซุยะและจุ๋ย จุ๋ยส์จอดจักรยานที่ด่านผ่านทางจะไปนิกโก 20 ก�ำลังไหลลงเขาระหว่างทางไปนิกโก
HIP Magazine ขอขอบคุณ สายการบิน Thai Air Asia X (www.airasia.com) Mr. Tetsuya Yamamoto (www.cyclistwelcome.jp) www.ride-experience.com Nasu Blasen (www.nasublasen.com) Nasu Tourism Association (www.nasukogen.org)
ไ ป N a s u ไ ด้ ไ ป พั ก ที่ ไ ห น บ้ า ง Island Hotel and Resort Nasu
393-1 Yorii, Ota, Nasu-machi, Nasu, Tochigi-ken, 329-3441 Tel: +81-287-74-1010 www.island-hotel-resortnasu.com
วันแรกที่นะซึ เราได้พกั ที่ Island Hotel and Resort Nasu ทีเ่ รียกได้วา่ เป็ นทีพ่ กั อย่างหรู ซึง่ เมือ่ เข้าไปเช็คราคาใน booking.com หรือ hotels.com ก็ถอื ได้วา่ ไม่แพงเลย ทีน่ ่เี ป็ นสนามกอล์ฟด้วย ห้องพักสะอาด กว้างขวาง มีท่จี อดจักรยานในห้องพัก ส�ำหรับคนที่ตงั้ ใจว่าปัน่ จักรยาน แล ้วเอาจักรยานมาเอง และยังมีทท่ี ำ� ความสะอาดจักรยานอยูใ่ นโรงแรมด้วย แน่นอนว่าทีน่ ่มี อี อนเซ็นให้บริการ และจากทีต่ งั้ ของโรงแรม สามารถปัน่ เทีย่ ว ชมบรรยากาศรอบๆ เมืองนะซึได้เป็ นอย่างดี
Sansuikaku
206 Yumoto, Nasu-gun, Nasu-machi, Tochigi Tel: +81-287-76-3180 www.sansuikaku.com/english/
คืนทีส่ อง เราไปนอนที่ Sansuikaku ทีพ่ กั สไตล์ญป่ี ่ นุ แบบดัง้ เดิม เป็ นเรียวกังที่ตกแต่ งสวยงามคลาสสิค ตัง้ แต่ โถงล็อบบี้ ห้องนอนแบบนอนเสื่อ ลอ้ มรอบด้วยธรรมชาติ ทีน่ ่าประทับใจอย่างมากก็คือ ทีน่ ่ีเสิรฟ์ อาหารญี่ป่ นุ แสนอร่อย ทัง้ มื้อ เย็ น และมื้อ เช้า แบบจัด เต็ ม แน่ น อนว่ า ที่น่ี ส ามารถ น�ำจักรยานไปจอดในห้องพักได้ และมีท่ีอาบน�ำ้ แช่ออนเซ็น แสนสบาย หลังจากการปัน่ จักรยานเหนื่อยมาทัง้ วัน
Matsukawaya Nasukogen Hotel 252 Ohaza-yumoto, Nasu Town, Nasu District, Tochigi Tel: +81-287-76-3131 www.matsukawaya.co.jp/en/
ทีพ่ กั คืนทีส่ ามของการไปเยือนนะซึ ชื่อ Matsukawaya อยู่ใกล ้ๆ กับแหล่งท่องเทีย่ วส�ำคัญของนะซึ คือ ศาลเจ้า Nasu Yuzen-Jinja Shrine และ The Sesshou-Seki Stone อีกทัง้ ยังตัง้ อยู่เชิงภูเขานะซึ ทีเ่ ราปัน่ ขึ้นไปพิชติ อีกด้วย เราได้พกั ห้องนอนแบบเรียวกังทีก่ ว้างขวางแสนสบาย (ห้องนอนเรานอน 7 - 8 คนได้สบาย) แถมยังมีแยกห้องนัง่ เล่นที่เป็ น ห้องอาหารเช้าในตัว เพราะที่น่ีเสิรฟ์ อาหารเช้าในห้องพัก ห้องที่เราพัก อยู่ชนั้ 8 จึงได้เห็นวิวสวยงามของรอบๆ ทีพ่ กั อีกด้วย และเราก็ไม่พลาด ออนเซ็นของทีน่ ่ี ทีเ่ รียกความสดชื่นได้เป็ นอย่างดี
ข อ ง ดี เ มื อ ง น ะ ซึ
นอกจากจะบอกว่าเมืองนี้เป็ นเมืองที่ ‘ต้อนรับนักปัน่ จักรยาน’ แล ้ว เรายังค้นพบว่า ทีเ่ มืองนะซึ ยังมี ‘ของดี’ อีกหลายอย่าง ซึง่ เราอยากเลือก มาบอกกันสัก 3 อย่างนะครับ อย่างแรก คือ การอาบและแช่นำ�้ ‘ออนเซ็น’ เรียกได้วา่ ถ้าใครชอบออนเซ็น ทีน่ ่เี มืองนี้เรียกได้วา่ ติด Top 10 ของ ประเทศญีป่ ่ นุ เลยล่ะครับ, อย่างทีส่ องคือ Nasu Beef ครับ เป็ นทีท่ ราบ กันดีว่าที่ญ่ีป่ ุนมี ‘เนื้อ’ ดีๆ อร่อยๆ ให้ล้มิ รสชาติอยู่หลายๆ เมือง แต่ ท่ีผ่านมา แทบไม่เคยได้ยินชื่อ ‘Nasu Beef’ เลย พอได้ชิม (Shabu Shabu) แลว้ ต้องบอกว่า เนื้อที่น่ีไม่เป็ นรองเนื้อที่ไหนๆ ในญีป่ ่ นุ แน่นอน และอีกอย่างทีเ่ รายกให้เป็ น ‘ของดี’ ของเมืองนี้ ก็คอื Nasu Beer เบียร์โลค่อล ทีร่ สชาติยอดเยีย่ ม นุ่ม ลืน่ เป็ น Craft Beer ทีไ่ ด้ชมิ แล ้ว บอกเลยว่า ติดใจ! (เสียดายลงรูปขวดไม่ได้นะครับ) 9
b side
DOWNHILL สายดิ่ง เรื่อง / ภาพ : acidslapper
Bike Route
เอ้า! ฝนหยุดแล้ว ป่าก�ำลังสวยเลย ลุยสิครับรออะไร! ฉบับนี้ผมจะพาไปดิ่งวิบาก Downhill กันครับ คืองี้ ตามความตั้งใจของผมจริงๆ เนี่ย ผมจะอยากเขียนเรื่อง Downhill ตัง้ แต่ฉบับทีแ่ ล้ว (ธันวาคม) แต่เนือ่ งจากพระพิรณ ุ แกดันแผลงฤทธิผ ์ ดิ เวล�ำ่ เวลา ป่าฉ�ำ่ ป่าแฉะไม่แยแสปฏิทนิ ซะงัน้ ! ความจริงแล้วช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมเนี่ย มันเป็นช่วงที่ป่าก�ำลังอุดมสมบูรณ์ สวยงาม ปลายฝนต้นหนาว อากาศเย็นสบาย เหมาะอย่างยิ่งในการควบตะบึงจักรยานเสือภูเขาตะลุยให้หน�ำใจ ตามสไตล์ #สายป่า อย่างเรา เมือ่ ช่วงหนึ่งปี ทผ่ี ่านมา HIP Bike Section ก็มหี ลายๆ บ่อย ที่ บ รรดานัก เขี ย นตัว ฉกาจได้มี โ อกาสแวะเวี ย นพาคุ ณ ผู อ้ ่ า น ไปฉวัดเฉวียนอยู่ในพงไพร แต่แทบทัง้ หมดนัน้ เป็ นเส้นทางจักรยาน เสือภูเขาแนว Cross Country คือทางวิบากลุยทัง้ ขึ้นทัง้ ลงทัง้ เรียบ ผสมกันไป แต่เพือ่ เปลีย่ นบรรยากาศ ฉบับนี้ผมจะพาไปลิ้มรสจักรยาน เสือ ภูเ ขาวิบ าก Downhill หรือ ที่ว ยั สะรุ่ น เรีย กกัน เพลิน ปากว่า #สายดิง่ กัน ซึง่ เราในฐานะนักปัน่ ชาวเชียงใหม่ เหมารวมไปว่าพวกเรา ก็มกั จะปัน่ ขึ้นดอยสุเทพกันเป็ นเนืองนิตย์อยูแ่ ล ้ว แต่ในช่วงสองสามปี ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ลองขึ้นดอยสุเทพแต่ลงในทางที่ไม่ธรรมดา มันจึงเป็ นทีม่ าของคอลัมน์ดง่ิ ดอยนี่แหละครับ ดอยสุเทพ เพือ่ นสนิทของเหล่านักปัน่ จาวเหนีย (โปรดออกเสียง ตามเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน) จริงๆ แลว้ มันมีทางลงมากมาย หลายเส้นเหลือเกิน เอาเป็ นว่าฉบับนี้ผมจะเริ่มแนะน�ำจากเส้นทาง ทีเ่ หมาะส�ำหรับมือใหม่ ก่อนทีจ่ ะค่อยๆ เขยิบไปหาความโหดร้ายระดับ Ultra Violence ในฉบับต่อๆ ไปละกันนะครับ เส้นทางนี้มชี ่อื ตาม จุดเริ่มต้นว่า ‘ศรีเนรู Downhill’ ในอดีตเคยเป็ นเส้นทางทีโ่ หดร้าย
ในระดับหนึ่ง แต่ ปจั จุบนั ทางการได้เริ่มปรับสภาพทางให้เรียบขึ้น เพื่อระบายรถของนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกพญาเสือโคร่งให้ไปลงที่ ทะเลสาบห้วยตึงเฒ่า ดังนัน้ เส้นทางจึงง่ายขึ้น เหมาะส�ำหรับสายดิ่ง Beginner เป็ นเส้นทางเพือ่ ปรับสภาพส�ำหรับมือใหม่ทด่ี คี รับ เส้นทางนี้สามารถเลือกขึ้นได้จากสองด้านครับ หนึ่ง ด้านปกติ เริ่ม ต้น ที่ถ นนห้ว ยแก้ว หน้า สวนสัต ว์เ ชีย งใหม่ ไต่ ข้ ึน ดอยสุ เ ทพ มาเรื่อยๆ แบบปกติจนถึงศรีเนรู ว่าแต่ธรรมดาไปมัง้ ! งัน้ ... สอง ย้อนขึ้นเลย้ ยยย!!! ก็ไต่ข้ นึ มันจากห้วยตึงเฒ่า แลว้ ค่อยมาดิ่งลงที่ เส้นทางเดิมนี่แหละ พิเศษ เร้าใจ รับขวัญปี ใหม่กนั หน่ อยยยยยย แบบนี้สะใจทัง้ สายไต่และสายดิง่ ...อิม่ ทัง้ คู่! เริ่มต้นเส้นทางนี้จากห้วยตึงเฒ่าครับ ทะเลสาบสุดโรมานซ์ ที่นกั ปัน่ #สายเหงา ชอบไปนัง่ ทอดอารมณ์แลว้ ประทับภาพวังเวง เพือ่ หลอนอารมณ์มติ รสหายในสังคมออนไลน์นนั ่ ล่ะครับ โค้งด้านใน ของถนนจะมีทางแยกเป็ นลู กรังเพื่อไปยังด่านตรวจของกรมป่ าไม้ เราจะนับด่านตรวจแห่งนี้เป็ นจุดเริม่ ต้นและจุดสิ้นสุดของทริปวันนี้ครับ เส้นทางเข้าใจง ้ายง่ายเลยข่ะ ไม่มที างแยกให้หลงทาง แต่ความโรคจิต
มันอยู่ ตรงที่การไต่ แบบ... ไต่ ระห�ำ่ นรก! ต้อนรับกันด้วยเนินชัน 20% +++ ไต่ข้นึ ไปเรื่อยๆ แบบไม่ให้พกั ให้ผ่อนเลยว่างัน้ คิดดูละกัน ระยะทางแค่ 9 กิโลเมตร แต่ระยะไต่ (Total Ascent) 1,300 เมตร อุทานดังๆ ออกมาเถอะทีร่ กั ... “ง่าวต๋ายยยย” เส้นทางนี้เต็มไปด้วย มนต์เสน่ หล์ กึ ลับครับ เพราะวิวสวยมาก แต่ ว่าพวกเราจะหน้ามืด มัวแต่กม้ หน้าก้มตาปัน่ จนไม่ได้ชมทิวทัศน์สกั นิด 555 ตัง้ หน้าตัง้ ตาไต่ตามทางกันมาเรื่อยๆ จนถึงขุนช่างเคี่ยน ชุมชน บ้านศรีเนรู พักเหนื่อยกันด้วยร้านกาแฟเกร๋ๆ หรือถ้าหากความเกร๋ มันไม่สนับสนุ นภาพยนตร์แนวบูล๊ า้ งผลาญล่ะก็ แนะน�ำอาวุธหนัก อย่างร้านก๋วยเตีย๋ วทีห่ มู่บา้ นนัน่ เลยครับ อร่อยทีส่ ุดในโลกา (ไม่รูว้ า่ อร่อยจริงๆ หรือเพราะโมโหหิว 555) เสร็จสรรพพิธไี ต่ คราวนี้กม็ าถึงวาระดิง่ กันเลยครับ อย่างทีบ่ อก ตัง้ แต่แรกนัน่ แหละ ไต่ข้นึ มาทางไหนก็ดง่ิ มันลงไปทางเดิมเลยไอ้เสือ! ช่ วงที่ชนั ๆ ตอนไต่ ข้ นึ มาก็จะแพร่ พษิ ร้ายในขาลง ได้วูบวาบหัวใจ ปวดขา ปวดข้อมือ ปวดนิ้วกันถ้วนหน้าล่ะงานนี้ 555 แม้จะปวดลา้ กันถ้วนหน้า แต่พอดูมเิ ตอร์จกั รยาน เอ๊ะ ปัน่ ไปแค่ 20 กว่ากิโลเมตรเอง ถ้าดูจากตัวเลขมันจะแลดู อ๊ออ๊อยยยย แต่คณ ุ ไปลองกันเองเถอะครับ! ฉบับต่อๆ ไปผมจะหาโอกาสมาแนะน�ำเส้นทางสนุกๆ ให้อีกครับ
ค�ำแนะน�ำส�ำหรับมือใหม่สไลด์เหว...
1. รักษาระดับความเร็ว เอาที่ตวั เองรู ส้ กึ ว่าปลอดภัย อย่าเพิ่งห้าว อย่าวูว่ ามเร่งความเร็วตามคนทีเ่ ร็วกว่าข้างหน้า ว่าด้วยเรื่องประเภทของจักรยานเสือภูเขา เจ้าเมาเท่นไบค์ 2. ใช้เบรกหลังเป็ นหลัก และใช้เบรกหน้าเป็ นรอง มิเช่นนัน้ ... ได้หมูแดง ส�ำหรับลุยทางวิบากมีหลายประเภท ยิ่งส�ำหรับสายดิ่งนี่ย่ิงต้องมี กลับบ้านแน่นอน! รถเฉพาะทางแบบเต็มอัตราศึกเลย ต้องมีโช้คหน้าและหลัง (Full 3. ใช้เบรกคุมความเร็วก่อนถึงโค้ง แล ้วปล่อยรถไหลเข้าโค้ง อย่าเบรก Suspension) ที่ มี ช่ ว งยุ บ ที่ ม ากเป็ นพิ เ ศษเพื่ อ ตอบสนอง ในขณะเข้าโค้ง โดยเฉพาะเบรกหน้า! ความสัน่ สะเทือนในความเร็วระดับไฮสปี ด นักปัน่ สายนี้จะต้องมี 4. ควบคุมล ้อหน้าให้ได้ ล ้อหลังปัด... ไม่ล ้ม แต่ถา้ ล ้อหน้าปัด... อันนี้ หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ (Full Face) ถุงมือเต็มนิ้ว เกราะดามคอ รอดยาก! สนับไหล่ สนับศอก สนับเข่า นึกภาพเซนต์เซย่าดูเองเถอะครับ 555 5. ตา... มองใกล ้มองไกลสลับกัน เหมือนเปิ ดเรดาร์ดู สังเกตภูมปิ ระเทศ แต่ เพื่อให้มนุ ษย์เสือภูเขาปุถุชนธรรมดาอย่างเราๆ ที่ใช้รถ อุปสรรคข้างหน้า เมาเท่นไบค์ Hard Tail 29” มีแค่โช้คหน้า (ช่วงยุบมาตรฐาน) มีโอกาส 6. สมอง... ตื่นตัวตลอดเวลา ประเมิน ตัดสินใจ ว่าจะผ่านอุปสรรค ลิ้มรส Downhill กันได้ มันก็ตอ้ งมีการจัดแจงอะไรๆ กันซะหน่อย... ข้างหน้ายังไง 1. ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ 7. ทักษะ... เรียนรูเ้ ทคนิคการควบคุมรถ การใช้เบรก การเลือกทาง 2. ระบบเบรก ผ้าเบรกต้องมี ถ้าเบรกหมดก็หมดสนุก จากจักรยาน เลือกไลน์ ร่องน�ำ้ ดินร่วน ทราย ดินกรวด รากไม้ หินจม หินลอย ดาวน์ฮลิ ล์กลายเป็ นเดินป่ า กร่อยยยย เหล่านี้ลว้ นมีเทคนิควิธีการในการพิชิตที่ต่างกัน เรียนรู ้ และพัฒนา 3. ระบบโช้ค ลมโช้ค ตัง้ ระบบดีด (Rebound) ตัง้ แบบหนืดๆ อย่าให้ จนกลายไปเป็ นสัญชาตญาณในทีส่ ุด ดีดเร็วมาก เพราะจะควบคุมรถยาก 8. ประเมินสถานการณ์ให้ได้ บางที่ เช่น ดินแฉะ ดินกรวดในโค้ง 4. ลมยาง ปล่อยออกสักนิด บีบแลว้ พอหยุ่นๆ มือ หรือถ้าจะวัด ต้องควบคุมไม่ให้เร็วเกิน แต่บางอย่าง เช่น หินลอย ถ้าขีช่ า้ จะเสีย่ ง ก็ประมาณ 25-35 PSI ช่วยเพิม่ ความนิ่มนวล และเพิม่ หน้าสัมผัส หินพลิกรถล ้ม ต้องใช้ความเร็วเพือ่ ผ่านแบบทรงตัวง่าย ส�ำหรับมือใหม่ ระหว่างยางกับเส้นทาง ถ้า รู ส้ ึก ว่ า โจทย์ย ากเกิ น ไป หรื อ อัน ตรายเกิ น ไป ลงจู ง เลยครับ 5. หลักอาน ลดลงสักนิด 10-15 ซม. เพือ่ คุณภาพชีวติ ของ ‘น้องชาย’ หรือไม่กข็ อผูม้ ปี ระสบการณ์ (เจ็บมาเยอะ) แนะน�ำหรือท�ำให้ดูเลย หรือ ‘น้องสาว’ ของเราท่าน 9. ใดใดในยุทธภพล ้วนช่วงชิงตัดสินกันที่ ‘การทรงตัว (Body Balance)’ 6. เช็คแกนปลดลอ้ แน่ นดีหรือยัง อย่าไปแยกร่ างกันกลางป่ านะ ส�ำคัญมาก ฝึ กเท่านัน้ ครับ หืยยยยยย เสียววววววว 10. การถ่ายน�ำ้ หนักขณะทีอ่ ยู่บนรถ เวลาทีเ่ จอทางดิง่ ลงแบบชันมาก 7. ถุงมือ ให้ลุกยืนโน้มตัวไปด้านหลังอาน เรียกว่า ‘โหนเบาะ’ กัน ‘ปักขวิด’ 8. หมวกกันน็อค (ตีลงั กาข้ามแฮนด์) 9. เครื่องป้ องกันทัง้ หลาย สนับเข่า สนับศอก ฯลฯ 11. วางต�ำแหน่งเท้าข้างทีถ่ นัดไว้ดา้ นหน้าเสมอ 10. แว่น แนะน�ำเลนส์สโี ทน เหลือง ส้ม แดง ขยายแสงให้สว่างขึ้น 12. ใครทีใ่ ส่รองเท้าจักรยาน แนะน�ำให้คลายรัดคลีทออก เอาแบบ เพื่อจะได้เห็นก้อนหินมฤตยู ปริศนาที่แอบซ่อนอยู่ในมุมมืดรอจ๊ะเอ๋ ไม่ตอ้ งแน่นมาก จะได้มนใจ ั ่ เผือ่ กรณีตอ้ งกดปุ่มดีดนักบินออกจาก หนุ่มสาววัยคะนอง เครื่อง! (เรื่องนี้แลว้ แต่ประสบการณ์ รสนิยม และความถนัดของ แต่ ล ะคนเลยนะครับ เพราะตัว ผมเองชอบรัด คลีท แน่ น มากๆ เพราะต้องการมันใจว่ ่ ารถจะติดเท้าเรา ไม่หลุดหายไปไหน 555) 13. ถ้ามันจะต้องล ้มจริงๆ ก็ตอ้ งล ้มครับ อย่าฝื น! ใช้สูตรนักผาดโผน เลยครับ ‘เก็บคอ งอเข่า’ 14. คนหลายใครมักบอกว่า “ลม้ เยอะๆ เดีย๋ วก็เก่ ง” ลม้ เพราะ เหตุสุดวิสยั ล ้มเพราะพยายามท�ำอะไรยากๆ ล ้มเพราะพลาดเรือ่ งง่ายๆ สามล ม้ นี้ ต่ า งกัน เยอะนะครับ เก็ บ ประสบการณ์ม าพัฒ นาทัก ษะ ให้คล่องขึ้น จะได้ไปเทีย่ วทีอ่ น่ื ทีย่ ากขึ้นได้อกี ครับ 15. ส�ำคัญทีส่ ุด! อย่าไป Downhill คนเดียวเด็ดขาด! 1. เดีย๋ วโดน ผีหลอก 2. เดีย๋ วกลายเป็ นผีไปหลอกคนอืน่ !
Bike Tips
HISTORY OF THE BICYCLE กว่าจะได้ถีบกัน เรื่อง / ภาพ : Weekend Warrior
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ เดี๋ยวนี้ใครต่อใครก็พากันปั่นจักรยาน กันเต็มบ้านเต็มเมือง เป็นภาพที่น่ารักดีนะครับ ยอมรับกันตามตรงว่า เวลาที่ผมสัญจรไปมาบนถนน มักเห็นจักรยานหน้าตาแปลกๆ โผล่มา ให้เห็นเป็นประจ�ำ ผมอุตส่าห์เรียกตัวเองว่าเป็นนักปั่น แต่ก็ยอมรับ ตามตรงว่ า จั ก รยานบนโลกใบนี้ มั น มี ม ากมายหลายหลากเหลื อ เกิ น เอาเป็นว่าการจะเข้าใจปัจจุบันและเท่าทันอนาคตเนี่ย มันก็จะต้องรู้เรื่อง ประวัตศิ าสตร์กนั ก่อน เพราะทุกสิง่ บนก็โลกล้วนมีววิ ฒ ั นาการสืบเนือ่ ง และพัฒนาต่อกันมาจากอดีตกาล จักรยานก็เช่นกัน กว่าจะมาเป็นรูปร่าง หน้าตาน่ารักแบบที่เราเห็นแล้วอยากถีบในทุกวันนี้ จะมีวิวัฒนาการ อะไร ยังไง มาจากไหน เรามาท�ำความรู้จักกันครับ...
ค.ศ. 1418
พี่ Giovanni Fontana ประดิษฐ์พาหนะที่ใช้พลังงานมนุ ษย์ เป็ นคนแรก มีลกั ษณะเป็ นสีล่ ้อ และใช้เชือกในการส่งก�ำลังไปทีล่ ้อ
1817
อา Karl Drais ชาวเยอรมัน ได้คดิ ค้น เครือ่ งช่วยเดิน (Running Machine) ใช้งานโดยเมือ่ ขึ้นคร่อมแลว้ ก็ใช้เท้า ดันพื้นไปด้านหน้า ซึ่งช่วยผ่อนแรง ได้นิดหน่ อย ต่ อมาก็รูจ้ กั กันในชื่อ Draisienne (ตามชื่อผูค้ ดิ ค้น) หรือ Hobby Horse
ค.ศ. 1493
พบหลัก ฐานเป็ น ภาพสเก็ ต ซ์จ กั รยานของนัก ศึ ก ษากลุ่ม หนึ่ ง (ลึกลับเหมือนหนังสืบสวนสอบสวน)
1791
1863
เกิดการเปลีย่ นแปลง ได้มกี ารเพิม่ บันได (Pedals) ส�ำหรับปัน่ ติดมาทีแ่ กนล ้อหน้า ซึง่ จะส่งแรงไปทีล่ ้อหน้าโดยตรง สมัยนัน้ เรียกกันว่า Velocipede (Fast Foot) แต่ก็มชี ่อื เรียกทัว่ ไป อีกชือ่ ว่า Bone Shaker หรือแปลตรงตัวว่าเครือ่ งเขย่ากระดูก!! อาจเป็ น เพราะท�ำ จากไม้ท งั้ คัน และอีก อย่ า งถนนสมัย นัน้ เป็ นถนนหิน (Cobblestone) เวลาขึ้นปัน่ ทีกส็ นไปทั ั ่ ง้ ร่างไปถึง ดาวอังคารเลย!
ค.ศ. 1791
น้า Comte de Sivrac ชาวฝรัง่ เศส ประดิษ ฐ์พ าหนะคล า้ ยรถจัก รยาน ประกอบด้วยสองลอ้ เชื่อมกันด้วยไม้ ท�ำเป็ นรูปคลา้ ยหลังม้าหรือหลังสัตว์ต่างๆ เคลือ่ นทีไ่ ปข้างหน้าด้วยการไสด้วยเท้า ใช้ช่อื พาหนะนี้วา่ Celerifere (นึกภาพรถ ในการ์ตูนเรื่อง The Flintstones ไปด้วยนะครับ) 12
b side
1870 1890
Safety Bike พัฒนาขีดสุดจนหน้าตาคล ้ายยุคปัจจุบนั ล ้อหน้าและล ้อหลังมีขนาด เท่ากัน มีรูปทรงจักรยานเป็ นทรง Diamond แบบในปัจจุบนั มีครบทุกองค์ประกอบ ทัง้ บันได ระบบขับเคลือ่ น ระบบเฟื อง และล ้อแบบสูบลม เพือ่ ความสบายและรองรับ แรงกระแทก จากต้นตัง้ แต่จูงเพือ่ บรรทุกสิง่ ของ จนคร่อมแล ้วเข็น จนถึงขึ้นปัน่ จวบจน ปัจจุบนั ที่มีการพัฒนาทัง้ รู ปทรง วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อตอบสนองความสวยงาม ตามสมัยนิยม และตอบสนองฟังก์ชนั การใช้งานทีห่ ลากหลาย จนกลายมาเป็ นอะไร น่ารักๆ ทีเ่ กลือ่ นกลาดท้องถนนกันวันนี้ไงครับ และนี่กค็ อื ประวัตศิ าสตร์คร่าวๆ ของวิวฒั นาการของจักรยาน แลว้ จักรยานของคุณล่ะครับ เป็ นแบบไหน? มีท่มี าที่ไปยังไง? ราคาจริง เท่าไหร่? ราคาทีบ่ อกแฟนเท่าไหร่? แฮ่!!
เป็ นยุคของ High Wheeler ‘ไอ้ลอ้ โต’ ในแบบที่พวกเราเห็นในภาพเก่าบ่อยๆ นัน่ แหละ สมัยนัน้ เทคโนโลยีการหล่อโลหะเริ่มพัฒนามาพอสมควรแลว้ สามารถ รีดเหล็กให้มขี นาดเล็กลง และเบาขึ้น แต่ยงั คงความแข็งแรงไว้ ส่วนระบบขับเคลือ่ น ยังคงใช้ระบบเดิมคือบันไดยึดติดกับแกนล ้อหน้า การควงขา 1 รอบล ้อก็สามารถ หมุนได้ 1 รอบเท่ากัน เป็ นสาเหตุให้ล ้อหน้าต้องมีขนาดใหญ่ข้นึ เพราะการหมุน 1 รอบ ท�ำให้ได้ระยะทางทีไ่ กลขึ้น ซึง่ พาหนะยุคนี้เริม่ ใช้คำ� ว่า Bicycle (Two Wheels) แล ้ว และเป็ นทีน่ ิยมแพร่หลายในสมัยนัน้ แต่ในขณะเดียวกันเมือ่ ล ้อหน้าใหญ่ข้นึ เท่าใด ระยะทางมากขึ้นเท่านัน้ แต่กห็ มายความว่าตัวคนปัน่ ก็จะอยู่สูงมากขึ้น และทีส่ ำ� คัญ จุดศูนย์ถว่ งก็สูงขึ้นตามไปด้วย หากล ้อหน้าตกหลุม หรือสะดุดสิง่ กีดขวาง จักรยาน ก็จะสู ญเสียการทรงตัวได้ง่ายขึ้นเป็ นเงาตามตัว จะสังเกตเห็นว่าวัยรุ่นสมัยนัน้ มักจะฟันหลอกันเป็ นแถบๆ เพราะหน้าทิม่ เอาฟันเฉาะพื้นกันเป็ นว่าเล่น!!! ต่อมาเมื่อเกิดอุบตั ิเหตุฟนั หน้าหลอบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จึงมีรา้ นท�ำฟันปลอม เปิ ดขึ้นอย่างแพร่หลาย แฮ่! จึงมีการปรับปรุงเปลีย่ นเอาลอ้ เล็กไปไว้เป็ นลอ้ หน้า เอาล ้อใหญ่ไปไว้ดา้ นหลัง แค่น้ รี ถก็ไม่ล ้มแล ้ว! หลังจากนัน้ จึงเรียกรุ่นใหม่น้ วี า่ เป็ น High Wheel Safety
ค.ศ. 1879
ยุคแห่งความเฟื่ องฟูสุดขีด เมือ่ มีการพัฒนาระบบส่งก�ำลังเป็ นการใช้โซ่ ปัน่ เฟื อง ตัวหนึ่ง ส่งก�ำลังไปทีเ่ ฟื องอีกตัว และมีอตั ราทดเฟื อง ท�ำให้การปัน่ บันได 1 รอบ ลอ้ สามารถหมุนไปได้มากกว่า 1 รอบ ซึ่งส่งผลให้ความเร็วของการปัน่ จักรยาน เพิม่ ขึ้นมาก
ค.ศ. 1888
ยุคของ Pneumatic Tire คิดค้นโดยคุณพ่อนักสัตวแพทย์ทม่ี คี วามรักต่อลูกชาย ของเขา ด้วยถนนหนทางสมัยนัน้ ขรุขระท�ำให้ลูกปัน่ ไม่สบาย เขาต้องการให้ลูกชาย ปัน่ จักรยานสบายๆ จึงคิดค้นระบบสูบลมจักรยานขึ้นมา ซึง่ สัตวแพทย์คนนัน้ ชื่อ John Boyd Dunlop ส่วนจะเป็ นทีม่ าของชื่อยางยีห่ อ้ Dunlop ในปัจจุบนั หรือเปล่า อันนี้ตอ้ งไปหาอ่านกันเอาเองล่ะนะ (ชิ่งไปดื้อๆ) 13
b side
ชฮม.เจอนั่นเจอร์นี่ย์
FOOTPRINTS IN THE SAND (1) เรื่อง / ภาพ : ชาฮาโม
มีโอกาสได้ไปเยือนภูเก็ตอีกครัง้ เป็นครัง้ ที่ 2 ซึง่ ก็หา่ งจาก ครั้งแรก 7 ปี เท้าความก่อน… ครั้ ง แรกคื อ ไปกั บ พ่ อ แม่ เ พื่ อ หาครอบครั ว ของพี่ ช าย ซึง่ ตอนนัน้ ยังอยูภ่ เู ก็ต ไปด้วยความงงๆ แบกกีตาร์ไปด้วยเพราะ ยังแต่งเพลงไม่จบ ไปเจอกับน้องติ๊กที่เป็นเพื่อนกับน้องชล ซึง่ ตอนนัน้ เป็นทีม บก. HIP นีล่ ะ่ น้องติก๊ พาไปนัง่ ดืม่ กินทีร่ า้ นชือ่ เพนนินสุรา กินดืม่ นัง่ คุยกับเจ้าของร้าน เห็นมีดนตรีเล่น เราก็เลย ขึ้นไปแจมกับเขา เล่นเสร็จมานั่งคุยกับพี่ปุ๊กน้องบุ๋มเจ้าของร้าน เขาบอกมาว่ า ช่ ว งนั้ น นั ก ดนตรี ป ระจ� ำ ที่ ร ้ า นอี ก คนลาไปบวช วงเลยขาด ผมบอกว่าผมอยูอ่ กี 2 คืน เอากีตาร์มาด้วย แกเลย ให้มาเล่นเลย ฮ่าๆ ตลกดี ไปเที่ยวอยู่ดีๆ ได้งานท�ำเฉย หลังจาก แลกเฟซบุค๊ กันเรียบร้อยก็เป็นอันว่าเรามีเพือ่ นอยูภ่ เู ก็ตเพิม่ ละนะ ไปครัง้ นี้พช่ี ายไม่ได้อยู่ภูเก็ตแลว้ แต่ดว้ ยความกรุณาจากทาง HIP Magazine มอบตัวเครื ๋ อ่ งบินไปกลับให้ แต่ตามคอนเส็พท์ของเรา ชอบเดินทาง แต่ไม่มงี บเทีย่ ว เอ... เอายังไงดีนะ จากชีวติ ทีผ่ ่านๆ มาก็ได้เพือ่ นฝูงนี่แหละ ทีช่ ่วยเหลือ พอดีมกี ลุม่ พีๆ่ ทางภูเก็ตทีเ่ ขาชื่นชอบเพลงของศิลปิ นเชียงใหม่ เขาก็เลยพอจะรู จ้ กั เราบ้าง แลว้ ก็มีพ่ีท่ีเปิ ดร้านอยู่ ท่ีนนั ่ ซึ่งก่ อนหน้านัน้ วงอภิรมย์ เพือ่ นๆ วิชาก็เพิง่ ไปเล่นมา เออ เอาวะ ลองติดต่อไปทัง้ สามแหล่ง ปรากฏว่าได้รบั การตอบรับอย่างดีจากทุกแหล่ง ไม่ว่าจะเป็ นร้านเพนนินสุรา เจ้าเก่าแต่ยา้ ยทีใ่ หม่, ร้านปลื้ม และร้านพัสเทล ท�ำให้คอนเส็พท์ Work & Travel ของวิชาเป็ นไปได้ดว้ ยดี
หาดสุรินทร์ ตืน่ จากเชียงใหม่เวลาเกือบตี 4 อุณหภูมิ 20 องศานิดๆ หนาวแล ้ว อาบน�ำ้ เย็น ขีม่ อเตอร์ไซค์พะรุงพะรังกัน 2 คน เอาหน้าชนลมหนาวมาถึงสนามบิน เริ่มรูส้ กึ ไม่สบายตัว พอลงเครื่องทีภ่ เู ก็ตเจออากาศ 30 กว่าองศาเท่านัน้ ล่ะ รูส้ กึ ป่ วยทันที พี่โ ยจากร้า นพัส เทลขับ รถมารับ ที่ส นามบิน ซึ่ง ไกลจากตัว เมือ งค่ อ นข้า งมาก รถก็ติดอีก มื้อแรกพีโ่ ยพามาที่บุญรัตน์ต่ิมซ�ำ แกบอกว่าเป็ นเจ้าเก่าแก่ของที่น่ี จบมื้อแรกวิชาจ�ำต้องกินยาก่อนเลยเพราะคืนนี้กจ็ ะมีเล่นดนตรีทร่ี า้ นปลื้ม ทริปนี้ พีโ่ ยดูแลเราดีมาก มีทพ่ี กั ให้ซง่ึ เป็ นโฮสเทลของแกเอง ชื่อพักตา ทีช่ ่อื พักตาเพราะ กิจการจริงๆ ของแกคือร้านตัดแว่น! แต่ข ้างบนแบ่งท�ำเป็ นห้องพัก มีอยูไ่ ม่กห่ี ้องเอง วันแรกช่วงกลางวันเราต้องไปคุยงานแถวหาดสุรนิ ทร์ ซึง่ ก็ดนั คิดไปเองว่า มันไม่ไกลเกินจะขีม่ อเตอร์ไซค์หรอก ซัก 10 นาทีคงถึง ปรากฏว่าไม่ใช่เว้ย ไกล กันหลายสิบกิโลเลย พีโ่ ยก็กรุณาให้ยมื รถยนต์ขบั กันไป ขับไปเสือกโดนต�ำรวจ เรียกอีก ด้วยเพราะเขาคิดว่าเราเป็ นนักท่องเทีย่ วจีนกัน พอบอกว่าคนไทยครับ คิดว่าไม่น่าจะมีปญั หาอะไรแล ้ว ปรากฏว่าต�ำรวจบอกป้ ายวงกลมเราทะเบียนขาด อ้าว ชิบหายแลว้ พีโ่ ยไม่ต่อทะเบียนรถเฉย พีต่ ำ� รวจก็ทำ� ท่าจะเขียนใบสัง่ ให้เรา ไปจ่ายสตางค์ให้ได้ เราบอกยืมรถพีเ่ ขามาแกก็ไม่ฟงั เลยถือวิสาสะเปิ ดเก๊ะรถดู เจอป้ ายวงกลมที่ไปต่อทะเบียนมาแลว้ แต่พ่เี ขายังไม่ได้ติด เลยไปบอกต�ำรวจ แล ้วก็โชว์ให้ดู พีแ่ กคงเซ็ง ฮึ่ยยย รอดจนได้นะมึง อากาศทีภ่ ูเก็ตร้อนมากช่วงเทีย่ งๆ บ่ายๆ หลังเสร็จธุระเลยไปพักดูทะเล แถวหาดดุสติ แป๊ บเดียวก็กลับเข้าเมืองหาพีโ่ ย และทีมงานพัสเทลคือพีแ่ จ๊คกับพีก่ ้ ี เขาพาเราไปทานอาหารแถวๆ ทีพ่ กั นัน่ แหล่ะ พีๆ่ เขาเปิ ดเบียร์กนั แล ้วตัง้ แต่ 4 โมง แต่ผมขอยังก่อนเพราะมีเล่นดนตรีคนื นี้ทร่ี า้ นปลื้ม ของพีเ่ ปี ย๊ ก ซึง่ อยู่ไหนก็ยงั ไม่รู ้ ขอตัวขึ้นมากินยานอนอีกรอบ ก่อนทีค่ ำ� ่ ๆ พีโ่ ยจะยกมอเตอร์ไซค์ให้วชิ าหนึ่งคัน พร้อมกับเขียนแผนที่แบบละเอียด บอกพีช่ าไปเองเลยครับ แลว้ เดีย๋ วพวกพีๆ่ แกจะตามไปเชียร์ อ่ะ ไป ลองงมหาดู 14
b side
ขีม่ อเตอร์ไซค์เข้าเมืองไปหาอาหารก่อน เจอร้านโกปี เ๊ ตีย่ ม ก็มอี าหารท้องถิน่ หลากหลาย แต่ดูจะอัพเกรดปรับปรุงรสชาติให้เข้ากับนักท่องเทีย่ วทีห่ ลากหลาย เช่นกัน ลูกสาวเจ้าของร้านน่ ารักดี ดู ขยันขันแข็งเหมาะจะเป็ นผูน้ ำ� ครอบครัว กินข้าวเสร็จแวะกินกาแฟสักแก้วทีร่ า้ น ‘หนัง(สือ)2521’ แล ้วก็มงุ่ หน้าไปร้านปลื้ม ตามแผนทีท่ พ่ี โ่ี ยเขียนให้ ร้านปลื้ม อยูแ่ ถวหน้า มอ. พีเ่ ปี ย๊ กเจ้าของร้านผู ้เป็ นนักดนตรีประจ�ำร้านด้วย เล่นเปิ ดเวทีก่อนด้วยเพลง Love at Sundown แล ้วก็เพลงอืน่ ๆ ประกอบกับ Loop Station ฝี มอื ฉกาจฉกรรจ์มาก วิชาเดินเข้าห้องน�ำ้ เจอโปสเตอร์หน้าตัวเอง แปะอยู่ เอ่อ ไม่คุน้ ฮ่าๆ ได้ขา่ วว่ามีแปะในห้องน�ำ้ หญิงด้วย พีเ่ ปี ย๊ กดูแลดิบดี เล่นดนตรีอยูย่ งั ลงมาหาเบียร์ให้ดม่ื เปิ ด Loop Station ทิ้งไว้แล ้วแวะทักทายแขก หลากหลายโต๊ะ พอถึงคิววิชา ก็เล่นดนตรีไปแบบไม่หยุดไม่หย่อนเลย ชัว่ โมงครึ่ง ทัง้ เพลงไทยและสากลที่เล่นประจ�ำอยู่แถวเชียงใหม่ แต่ทริปนี้ตงั้ ใจไว้แลว้ ว่า จะเล่นเพลงตัวเองให้มากทีส่ ุด ก็ผ่านไปได้ดว้ ยดีตามดีกรีแอลกอฮอล์ มีลูกค้าในร้านทีเ่ ป็ นศิษย์เก่า มช. ลูกช้างด้วยกัน ทีก่ ็ไม่เคยเจอะเจอกัน ทีเ่ ชียงใหม่ แต่ตอนนี้นอ้ งมาเป็ นครูอยู่ภเู ก็ต เขาก็ยงั อุตส่าห์แวะมาดูมาเชียร์เรา ก็เลยปลื้มสมชื่อร้านไปเลย เราเล่นเสร็จพีเ่ ปี ย๊ กก็กลับขึ้นไปเล่นพร้อมมือกลอง เล่นจนเสร็จอีกรอบ ลงมานัง่ พูดคุยกันสักพัก ชักตึงแล ้วสิ กลับมาทีโ่ ต๊ะพรรคพวก แต่ละท่านเริ่มไม่ปกติกนั แลว้ ด้วยขวดเหลา้ เบียร์บนโต๊ะที่หมดไปไม่นอ้ ยเลย แล ้วก็ทยอยขอตัวกันกลับหมดแม้แต่พโ่ี ย “พีช่ า ผมกลับก่อนนะ พีช่ ากลับได้เนาะ” ชิบหายละกู ตอนมายังงงๆ ทางอยู่เลย ละนี่กเ็ มาไม่เบาเสียด้วยนะ กูจะกลับถูก ไหมเนี่ย ได้แต่ตอบไปว่า “ได้สบายมากครับ” กลับถูกไม่ถูกยังไง มารูต้ วั เองอีกทีก็พบตัวเองนอนอุ่นอยู่บนเตียงที่พกั อย่างสบายใจแล ้ว ก�ำลังจะผ่านคืนแรกทีภ่ เู ก็ตโดยเท้ายังไม่ถกู น�ำ้ ทะเลเลย เขารัง หลังจากกินยาไปเมื่อวาน วันนี้อาการดีข้ นึ มาก ลงมาหาพี่โยบอกวันนี้ ผมขอเห็นทะเลหน่อยนะพี่ แต่จะไปไหนยังไม่รู ้ มัวแต่นวยนาดอยู่ในห้อง กว่าจะ ออกจากทีพ่ กั ก็เกือบเทีย่ งเข้าไปแล ้ว เพราะคิดว่ามันคงใกล ้ๆ ขอไปสักหาดละกัน ไม่กไ็ ปแหลมพรหมเทพทีเ่ คยไปเมือ่ หลายปี ก่อน คิดอะไรยังไม่ออก ตัดสินใจขีม่ อเตอร์ไซค์ข้ นึ เขารังก่อนแลว้ กัน เขารัง เขาเตี้ยๆ กลางเมืองภูเก็ต คราวก่อนก็เคยขึ้นไปแลว้ ก็ไม่ใช่เขาที่จะสู งอะไร มากมาย แต่ไม่รูเ้ ป็ นอะไรเป็ นคนทีไ่ ปไหนก็ชอบขึ้นเขา ขอให้มเี ขาขึ้นเป็ นพอใจ ก็ไปเดินเล่นอ่านประวัตเิ มืองภูเก็ตทีศ่ าลาบนเขา ซักพักมองเวลา รูส้ กึ จะฆ่าเวลา เยอะไปแล ้ว หาอาหารก่อนดีกว่า อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะไปหาผัดหมีฮ่ กเกี้ยน อาหารขึ้นชือ่ กินก็ดนั หาไม่เจอ เลยได้ไปกินเย็นตาโฟแทน เพราะคนลวกก๋วยเตีย๋ ว ดูน่าสนใจ ฮ่าๆ เวลาก็เริ่มบ่ายคล ้อย สรุปวันนี้จะถึงทะเลไหมกู ดูเวลาพบว่าไม่น่าทัน แล ้วจะไปไหนดีวะ เพราะตอนแรกคิดว่าภูเก็ตแคบ ไม่รูไ้ ปเอาความคิดมาจากไหน เลยไปหาร้านกาแฟตัง้ หลักนัง่ เปิ ด Google Map ดู เห็นมีช่อื เกาะสิเหร่ เออ อยู่ใกล ้เมืองดี งัน้ ไปไอ้น่ลี ะกัน หาข้อมูลคร่าวๆ เขาบอก
มีป่าชายเลน มีลงิ มีทะเลอยู่บา้ ง อ่ะ ขอเจอทะเลหน่ อย ไม่งนั้ เดีย๋ วกลับไป จะไม่มเี รื่องเล่านอกจากดนตรีและของมึนเมาซึง่ ไม่ต่างอะไรจากอยู่เชียงใหม่เลย ก็ขไ่ี ปแวะถามทางไป ไม่นานก็มาเจอสะพานข้ามไปยังเกาะ เอาจริงๆ แล ้วเกาะสิเหร่ ไม่น่าจะเรียกว่าเกาะเท่าไหร่ เพราะมันก็อยู่ตดิ กันนัน่ แหละ แต่บริเวณเชื่อมต่อ จะเป็ นป่ าชายเลนและมีลงิ อาศัยหากินอยู่ดว้ ย เพราะเห็นมีรูปปัน้ ลิงบนสะพาน พร้อมป้ ายระวังลิง ข้ามมาถึงเกาะสิเหร่... มีอะไรให้ทำ� วะเนี่ย อ่านป้ ายดูอะไรทีม่ นั น่าจะเป็ น แหล่งท่องเทีย่ วก็ขๆ่ี ไป บอกไปแหลมอะไรสักอย่างก็ลองไป ก็ไปเจอทะเลจ่อยๆ อยู่หน่อยนึง น่าจะลงไปท�ำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่นงั ่ มองดูไปงัน้ คิดในใจไปขีร่ ถเล่น ดีกว่า ไปเจอป้ ายขึ้นเขาบอกว่าเป็ นทางไปวัดเกาะสิเหร่ เออ เข้าวัดก็ได้ เลยตัดสิน ใจขีร่ ถขึ้นไป ก็ไปเจอครอบครัวพุทธศาสนิกชนอยู่จำ� นวนหนึ่ง ก�ำลังพากันเดิน ขึ้นบันไดไปสักการะพระธาตุอนิ แขวนจ�ำลองและพระนอนองค์ใหญ่ สักพักมีอาม่า มาขอซ้อนมอเตอร์ไซค์ลงเขาไปด้วย เราก็ยนิ ดีครับอาม่า กลับมาถึงทีพ่ กั ก็หา้ โมงเย็นเข้าไปแลว้ คงไม่ได้ไปห่งไปหาดแหลมเหลิม อะไรทัง้ นัน้ ล่ะ พอใกลค้ ำ� ่ ก็เออ ไปหาข้าวกินละกัน ไปถนนถลางที่เก่า มองหา ร้านนัน้ ร้านนี้ สุดท้ายก็เดินเข้าโกปี เ๊ ตีย่ มเช่นเคย เท้ามันก้าวเข้าไปเอง ยิ้มให้ลูกสาว เจ้าของร้าน 3 ที อิม่ ปุ๊ บเปิ ดเบียร์ 1 ขวดปั ๊บ แล ้วก็ตรงดิง่ ไปร้านพัสเทล คืนนี้ท่พี สั เทล เจอพี่ๆ ทีมงานมากมายครบแก๊ง มีชาวเหนือมานัง่ ชม อยู่ดว้ ยหลายคน แบ่งเล่นเป็ น 2 รอบ รอบละ 1 ชม. เคยคิดมาเสมอกับการ เล่นดนตรีกลางคืนว่าบางทีเราเบื่อเพลงที่ตวั เองเล่นซ�ำ้ ๆ เหลือเกิน ทางออก ของปัญหานี้ทเ่ี ห็นๆ ก็มี 2 ทาง ไม่แกะเพลงใหม่ไปเล่น ก็ให้นำ� เพลงเดิมไปเล่น ในทีใ่ หม่ๆ การเดินทางทุกครัง้ ของเราจึงมักพบความรูส้ กึ ใหม่ๆ ในเพลงเก่าๆ เสมอ ช่วงท้ายของเบรคที่ 2 มีนกั ดนตรีมาร่วมแจมกันสนุกสนาน ตัง้ แต่พแ่ี จ๊ค เจ้าของร้านมาตีกลอง มีนกั ดนตรีทเ่ี ป็ นอาจารย์สอนกีตาร์มาร่วมสนุกด้วย เราเลย พากันลากยาวไปเพลงทีห่ ลากหลาย ทัง้ ไทยลูกทุง่ , ค�ำเมือง, The Beatles, The Doors เคยคิดเหมือนกันนะว่าเราได้เปรียบเนาะ เราเป็ นคนไทย เราเล่นเพลงสากลได้ แม้อาจจะไม่เหมือนฝรัง่ เล่น แต่ฝรัง่ ส่วนใหญ่กเ็ ล่นเพลงเราไม่ได้ ฮ่าๆ วิชาวางกีตาร์ลง ออกมายืนดื่มเบียร์อยู่หน้าร้าน พูดคุยกับพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งแกมาดูกบั ลูก แกเป็ นคนเชียงใหม่แต่มาอยู่ภูเก็ต 20 กว่าปี แลว้ บอกดีใจ ได้ยนิ เพลงค�ำเมือง เราก็บอกว่าผมก็ไม่ใช่คนเมืองหรอกครับ แต่ก็ไปหลงใหล เชียงใหม่อยู่เกือบ 20 ปี เหมือนกัน พีท่ ่านนี้แกเป็ นผูร้ เิ ริ่มถนนคนเดินทีภ่ เู ก็ตเลย บริเวณร้านพัสเทลที่ส่วนกลางๆ ร้าน เป็ นที่ท่ีพ่แี จ๊คใช้ท ำ� งานส่วนตัว หยิบเบียร์เข้าปากไปเรือ่ ยๆ จากทีเ่ มานิดๆ ชักเริม่ เมามาก เดินทักทายคนนัน้ คนนี้ สักพักพีแ่ จ๊คเดินมาถาม พีช่ าเอาไหมพี่ เอาอะไรวะพีแ่ จ๊ค แกยืน่ บางสิง่ คล ้ายๆ กับ บุหรี่มาให้ โอ้ววว ไม่ว่าทีไ่ หนก็มหี ญ้าน่ารักชนิดนี้ทงั้ นัน้ เลย ให้มนั ได้อย่างนัน้ วิชาเจอเข้าไป 4-5 ทีเท่านัน้ ล่ะ ง่วงขึ้นมาทันใด เลยจ�ำต้องขอตัวทุกคนกลับก่อน ขีม่ อเตอร์ไซค์ย้ มิ หวานให้หอนาฬกิ า จนมาแวะกินก๋วยเตีย๋ ว แลว้ ค่อย ขึ้นไปพักตาพักใจหลับสบายฝันดี สรุปผ่านไปอีกคืนแบบเจอทะเลไม่เต็มตาเต็มใจ พรุ่งนี้เอาใหม่ 15
b side
IRAN IS HAPPY
Travel
จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราไปผจญภัย ในประเทศที่เราไม่รู้ว่าจะเจออะไร
Imamzadeh Saleh
ชาวอิหร่านกินพิซซ่า, Tehran
เรื่อง / ภาพ : ภาณุวัฒน์ สุวรรณ
การเดินทางจากเมืองไทยมาถึงอิหร่าน เราใช้เวลา 2 ชัว่ โมง บินจากกรุงเทพฯ ไปกัวลาลัมเปอร์เพือ่ ต่อเครื่อง และอีก 8 ชัว่ โมงจากกัวลาลัมเปอร์สู่กรุง Tehran เมืองหลวงของประเทศอิหร่ าน ก็ไม่เหนื่อยอะไรมากมายนะ ไวกว่านัง่ รถไฟ เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ เยอะ การท�ำ VISA on arrival ก็งา่ ยกว่าทีค่ ดิ ไว้มาก เพียงแค่ ต่อแถวจ่ายสตางค์ ขีดๆ เขียนๆ อะไรนิดหน่อย ก็ได้ VISA มาสบายๆ ในเวลาไม่ถงึ หนึ่งชัว่ โมงด้วยซ�ำ้ ทีส่ ำ� คัญไม่ดูตวบิ ั ๋ นกลับของเราด้วย แค่มพี าสปอร์ตกับชื่อทีพ่ กั ทีจ่ ะไปพักในคืนแรก แค่นนั้ จบ หลังจากผ่าน ตม.เราก็ตรงไปแลกเงินได้มา 14 ลา้ น Rial (ที่น่ีใช้เงิน สกุล Rial เทียบกับเงินบาทก็จะตกอยู่ราวๆ 1,000 Rial ต่อ 1 บาท) รูส้ กึ รวยมาก สิ่งส�ำคัญที่สุดเวลามาเที่ยวอิหร่ านก็คือต้องเตรียมเงินสดมาให้พอ เนื่องจาก เราจะไม่สามารถกดเงินจากตู เ้ อทีเอ็มได้เหมือนกับเวลาไปเที่ยวประเทศอื่นๆ คือถ้าเทีย่ วๆ อยู่แล ้วเงินหมดก็คอื พังเลยจริงๆ อีกอย่างทีเ่ ป็ นปัญหาของเราไม่นอ้ ย คือหน่วยของเงิน เพราะส่วนใหญ่ทน่ี ่เี ขาจะเคยชินกับหน่วยเดิมทีเ่ รียกว่า Toman ซึง่ 1 Toman จะมีค่าเท่ากับ 10 Rial ป้ ายราคาส่วนใหญ่กจ็ ะเขียนเป็ นหน่วย Toman แรกๆ จะรูส้ กึ งงมากเวลาจ่ายสตางค์ เพราะว่าในแบงค์ใช้หน่วยเป็ น Rial ต้องจูนกัน สักวันสองวันน่ะกว่าจะคล่อง
อิ ห ร่ า น… เราเคยได้ ยิ น ชื่ อ ประเทศนี้ ตั้ ง แต่ เ ด็ ก ๆ เลยนะ ถึงเราจะเกิดไม่ทันยุคสงครามอิรัก - อิหร่าน แต่ก็พอจะได้ยินได้ฟัง มาบ้างว่า ประเทศนี้ไม่มีอะไรนอกจากการเป็นผู้ค้าน�้ ำมันรายใหญ่ เป็นประเทศที่บอบช�้ำจากการท�ำสงครามมาอย่างเนิ่นนาน ท�ำให้คิดว่า ชีวิตนี้คงจะไม่ไปที่นั่นแน่ๆ แต่พอโตขึ้น ความคิดเปลี่ยนไป เราเริ่มโหยหาการท่องเที่ยว ที่แตกต่าง พอกันที สิงค์โปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า ยุโรป อเมริกา ฯลฯ จะดีกว่าไหมถ้าเราจะไปผจญภัยในประเทศที่เราก็ไม่รู้ ว่ามันมีอะไร เราจะไป ‘อิหร่าน’ กัน!!!
16
b side
หลังจากผ่านประตูทางออกด้านหน้าของสนามบิน เราก็ได้กา้ วเท้าออกสู่ โลกตะวัน ออกกลางเป็ น ครัง้ แรก อิหร่ า นกล่า วค�ำต้อ นรับ เราด้วยความหนาว แบบสุดขัว้ เฮ้ย! หนาวว่ะ อิหร่านเป็ นเมืองหนาวหรอกเหรอ เท่าทีอ่ ่านมาก็ไม่คดิ ว่า จะหนาวขนาดนี้ เสื้อกันหนาวก็ดนั เอามาตัวเดียวซะด้วย ก่อนมาอิหร่านเราไม่ได้ ท�ำ การบ้า นอะไรเกี่ ย วกับ ที่น่ี ม ากนัก คิ ด จะมาก็ จ องตัว๋ เครื่ อ งบิน แค่ น ั้น จบ ดู ช่ือเมืองที่เป็ นแหล่งท่องเที่ยวมาบ้างแค่ นนั้ จริงๆ เราพยายามจะไม่อ่านรีวิว ท่องเทีย่ วเลย เพราะรูส้ กึ ว่าบางครัง้ ก็อยากจะเซอร์ไพรส์บา้ งเวลาไปเทีย่ วน่ะ การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตวั เมือง Tehran ซึ่งระยะทางพอๆ กับ จากเชียงใหม่ถงึ จอมทอง มีอยู่วธิ เี ดียวก็คอื แท็กซี่ ประสบการณ์การใช้เงินอิหร่าน ครัง้ แรกของเราเกิดขึ้นแบบมี Impact มาก เราเดินไปจุดขึ้นแท็กซีแ่ ลว้ ถามราคา เป็ นภาษาอังกฤษ คนขับตอบเป็ นภาษาอิหร่ านจ้า งงกันไปเลย พอบอกให้ลุง เขียนราคาในกระดาษก็ดนั เขียนเป็ นภาษาอิหร่ านอีก เวรกรรมมาก แต่ ก็ตอ้ ง ขอบใจลุงนะที่ทำ� ให้เรารีบหัดอ่านตัวเลขภาษาฟาร์ซกี นั ได้สำ� เร็จภายในคืนเดียว ที่น่ี ภ าษาฟาร์ซีห รื อ อีก ชื่ อ หนึ่ ง คื อ ภาษาเปอร์เ ซีย ถือ เป็ น ภาษาที่ใ ช้ก นั ทัว่ ไป เหมือนบ้านเราใช้ภาษาไทย และผูค้ นส่วนใหญ่มกั จะไม่พดู ภาษาอังกฤษกัน คุ ณลุงแท็กซี่ซ่ิงมาส่งเราถึงที่พกั ที่เราอีเมลมาจองไว้ก่อนหน้านี้ไม่ก่ีวนั เพราะต้องใช้เป็ นหลักฐานในการขอ VISA หลังจากนี้กม็ วๆ ั ่ เอา มีเวลาอีก 12 วัน กับการผจญภัยในอิหร่าน ซึง่ เราก็ไม่รูเ้ หมือนกันว่าจะเจออะไรบ้าง แต่เชื่อเราเถอะ “Best Plan Is No Plan” ความที่เราค่อนข้างจะมีเวลาเหลือเฟื อเอามากๆ ส�ำหรับ Tehran เพราะ สุดท้ายก็ตอ้ งกลับมาอีกครัง้ เพือ่ ขึ้นเครือ่ งบินกลับ ช่วงแรกเราจึงเทีย่ วกันแบบสบายๆ ไม่รีบร้อนอะไร ถือว่าเป็ นการปรับตัวเข้ากับความเป็ นอิหร่านไปในตัว แน่นอนว่า อิหร่านแตกต่างจากบ้านเราอย่างมาก โดยเฉพาะในเรือ่ งของสังคม วัฒนธรรม และผู ้คน ผู ห้ ญิงทุกคนจะถูกบังคับให้ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาว และต้องคลุมผม เช่นเดียวกับชาวมุสลิมไม่วา่ จะนับถือศาสนาอะไรหรือมาจากประเทศไหน ส่วนผูช้ าย ก็สบายหน่ อย ใส่เสื้อแขนสัน้ ได้ แต่ดว้ ยอุณหภูมเิ ลขตัวเดียวแบบนี้ แม้จะเป็ น เวลากลางวันก็คงจะไม่มใี ครบ้าใส่เสื้อแขนสัน้ หรอกนะ ความประทับใจแรกของ Tehran ที่เราสัมผัสได้คือ ประเทศเขาสะอาด กว่าที่เราคิดแฮะ ถนนหนทางดู เป็ นระเบียบเรียบร้อย ทางเท้าสะอาดสวยงาม ไร้เสาไฟฟ้ าที่มแี ต่สายไฟฟ้ ารกรุงรังในแบบที่เราคุน้ เคย ต้นไม้ท่ใี บไม้กำ� ลังเป็ น สีเหลืองทองในฤดูใบไม้ร่วง ยิง่ ท�ำให้ Tehran มีเสน่หอ์ ย่างบอกไม่ถกู ตอนเดินๆ อยู่ ก็ มีบ างโมเมนต์น ะที่คิ ด ว่ า เหมือ นเดิน อยู่ ใ นประเทศใดประเทศหนึ่ ง ในยุ โ รป เสี ย อยู่ ห น่ อ ยก็ ต รงที่ ร ถราที่ น่ี ค่ อ นข้า งจะขับ กัน เร็ ว และมัว่ ซัว่ เอามากๆ อยากจะเลี้ยวก็เลี้ยว จะฝ่ าไฟแดงก็ฝ่า ดูไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่เวลาข้ามถนน แต่ถา้ เทียบกับความวุ่นวายของมอเตอร์ไซค์ในเวียดนาม หรือความเละเทะของ สภาพการจราจรทีเ่ หมือนจลาจลในอินเดีย อิหร่านโอเคกว่าหลายสิบเท่า มาวันแรกมาก็เจอแจ็กพอตเลยเพราะเป็ นวันศุกร์ ทีอ่ หิ ร่านวันศุกร์คอื วันหยุด ซึง่ เราไม่เคยรูม้ าก่อน ก็เพิง่ จะมารูเ้ อาก็ตอนมาถึงทีเ่ นี่ยแหละ ทีแรกก็งงๆ ว่าท�ำไม เมืองเขาเงียบจังวะ สรุ ปว่าแทบทุกที่ปิดท�ำการหมดแม้กระทัง่ ตลาด วันแรก ก็เลยไม่ได้ไปไหนมากนอกจาก Tehran Museum of Contemporary Art, สวนสาธารณะ Laleh Park และ Landmark ส�ำคัญของทีน่ ่ที ม่ี ชี อ่ื ว่า Azadi Tower ซึ่งไปแลว้ ก็เฉยๆ นะ ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ หนาวก็หนาว ไม่มอี ะไรนอกจากความ ใหญ่โตมโหฬารของสิ่งปลูกสร้างรู ปทรงสามเหลีย่ มที่สร้างขึ้นเป็ นอนุ สรณ์สถาน ของอะไรสักอย่างทีเ่ ราก็ไม่รูท้ ม่ี า แถมตอนไปถึงก็เริม่ มืดแล ้ว พอมืดมากๆ เขาก็เปิ ด ไฟสีแดงสาดขึ้นไปบนสิง่ ปลูกสร้างชิ้นใหญ่ยกั ษ์ช้ นิ นี้ ซึง่ มันช่างไม่เข้ากันเอาเสียเลย วันแรกนี้จะชอบก็ตรงที่ Laleh Park ทีเ่ ดียว เพราะถนนแถวๆ นัน้ สวยดี ยิง่ มีใบไม้ สีทองๆ แบบนี้ด ้วย ยิง่ ได้อารมณ์ไปใหญ่เลย วันทีส่ องของการตะลุยอิหร่านของเราเริ่มต้นที่ Iran Cinema Museum และก็เป็ นโชคร้ายของเราอีกครัง้ ทีว่ นั นี้ Museum ปิ ด ได้เดินแต่โซนด้านนอก ทัง้ ที่ ตอนเช็คก่อนจะมาเขาบอกว่าเปิ ด ที่น่ีเป็ นสวนเล็กๆ มีอาคารเก่าๆ ซึ่งมองจาก ภายนอกนี่สวยใช้ได้เลยแหละ ด้านในถูกใช้เป็ นพิพธิ ภัณฑ์เกีย่ วกับภาพยนตร์อหิ ร่าน ถือว่าเป็ นสถานที่ชิลล์ท่ดี แี ห่งหนึ่งเลยนะ เราเห็นวัยรุ่นอิหร่านมาเดินเล่นนัง่ เล่น ถ่ายรูปเล่นกันมากมาย ไม่ไกลจาก Cinema Museum นัก เราเห็นหอคอยคู่สูงๆ ตัง้ ตระหง่านอยู่
มันดึงดูดเรามากจนเราต้องเดินตามไปถึงทีน่ นั ่ ซึง่ เป็ นมัสยิดทีม่ โี ดมใหญ่โตสวยงาม ตามสไตล์อหิ ร่าน พอไปถึงเราก็ได้แต่ยนื ชมความงามจากด้านนอกเพราะไม่กลา้ เข้าไป คนอิหร่านมากมายมองมายังพวกเราเปรียบเสมือนตัวประหลาดทีพ่ วกเขา ไม่เคยเจอ แต่ถา้ ยังมัวกล ้าๆ กลัวๆ ก็คงไม่ได้สมั ผัสอะไร ลุยเลยเหอะ เราก้าวขา เดินเข้าไปในเขตมัสยิดทีม่ ารูช้ ่อื ทีหลังว่า Imamzadeh Saleh มันสวยงามมากๆ โดยเฉพาะด้านในทีป่ ระดับตกแต่งด้วยกระจกและแก้วใสแวววาว ชาวมุสลิมมากมาย เข้ามาท�ำพิธีกรรมที่น่ี บ้างก็ลูบไปที่หนิ แปลกๆ ที่สลักค�ำที่เราอ่านไม่ออก แลว้ ก็ หลับตาบ่นพึมพ�ำ บ้างก็ละหมาด บ้างก็ไปเกาะอยู่ทก่ี รงตรงกลางห้องในตัวมัสยิด ลองไปส่องดูบ ้างก็เห็นเป็ นหนังสือ ซึง่ เดาว่าน่าจะเป็ นคัมภีรข์ องเขา ยอมรับนะว่าเราอินมากเลยกับอะไรพวกนี้ เพราะเราชอบดูคน ชอบวัฒนธรรม ทีแ่ ตกต่าง มันท�ำให้เราคิดตามอยู่เสมอว่าพวกเขาก�ำลังท�ำอะไร ท�ำไปท�ำไม ท�ำแล ้ว ได้อะไร ฯลฯ ด้านนอกมัสยิดมีคนแก่มานัง่ ตากแดดรับไออุ่นกันอยู่ วัยรุ่นเซลฟี่ กนั หน้าประตูทางเข้า หญิงอิหร่านก�ำลังคลุมผ้าแบบยาวที่มสั ยิดจัดให้อย่างทุลกั ทุเล ทุกอย่างดูมคี วามเคลือ่ นไหวเต็มไปหมด บางทีถา้ เราหยุดตัวเองอยู่น่ิงๆ แลว้ มอง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายโดยไม่ตอ้ งสนใจเหตุผล มันก็อาจจะท�ำให้เราคิดอะไร ได้มากมายจริงๆ นะ จากมัสยิดเราออกเดินทางกันต่อด้วยรถไฟใต้ดนิ ไปยัง Grand Tehran Bazaar เราชอบรถไฟใต้ดนิ ของทีน่ ่ีในหลายๆ เรื่องนะ ทีช่ อบทีส่ ุดคงจะเป็ นราคา ทีถ่ กู จนน่าใจหาย ไม่วา่ เราจะเดินทางจากไหนไปไหน ก็จะมีแค่ราคาเดียวคือเทีย่ วละ 7,000 Rial หรือไม่เกิน 7 บาท แถมยังมีหลายสาย อยู่ในตัวเมือง Tehran นี่ ไม่จำ� เป็ นต้องนัง่ แท็กซีเ่ ลย รถไฟฟ้ าไปถึงหมดแน่นอน ในระหว่างโดยสารรถไฟใต้ดนิ เรามักจะเจอชายฉกรรณ์หนวดเฟิ้ มหิ้วของพะรุงพะรังมาขาย มีตงั้ แต่ ไฟแช็ค หมากฝรัง่ หูฟงั สายชาร์จแบตเตอรี่ ไฟฉาย ไม้เซลฟี่ ฯลฯ จนถึงสินค้าทีไ่ ม่น่า จะมีใครเอามาขายในรถไฟ เช่น iPod shuffle ปลอม ปื นยิงเตาแก๊ส ประแจขันน็อต กระเป๋ าเดินทาง และแผนที่โลก เราชอบจังหวะที่เขาขายของมาก มันไม่เหมือน ในรถไฟบ้านเราทีเ่ วลาจะขายก็แค่พูดว่า “น�ำ้ มัย้ ครับน�ำ้ ” “ข้าวครับข้าววว” แค่นนั้ แล ้วก็เดินจากไป แต่ทน่ี ่เี ขาจะมีการอธิบายตัวสินค้าแถมโชว์การใช้งานด้วย Grand Tehran Bazaar เป็ นตลาดขายของที่ใหญ่ และมีช่ือเสียงมาก แต่ จากการไปเดินเองก็พบว่ามันไม่ใช่ แนวเราเลย ก็เป็ นที่ขายของปกติแหละ คนอิหร่านจ�ำนวนมหาศาลมาจับจ่ายซื้อของกันวุน่ วายไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็ นพวก ข้าวของเครือ่ งใช้และเครือ่ งประดับ มีอาหารบ้าง ทีช่ อบก็น่าจะเป็ นพิสทาชิโอทีช่ งั ่ ขาย กันเป็ นขีดๆ เดินไปแกะกินไปก็เพลินดีนะ ใกล ้ๆ ตลาดมีมสั ยิดอีกหลายแห่งตัง้ อยู่ เราแวะไป Imam Khomeini Mosque ทีน่ ่ีเราก็เฉยๆ มันก็ดูใหญ่โตดีนะ แต่ก็ ยังไม่ถงึ กับว้าวหรือประทับใจอะไรขนาดนัน้ วันทีส่ ามใน Tehran ของเราเป็ นวันทีโ่ ชคร้ายอีกครัง้ เพราะเป็ นวัน Arba’een ซึง่ เป็ นวันส�ำคัญทางศาสนาของมุสลิมชีอะห์ วันนี้ตงั้ ใจไว้ว่าจะไปเทีย่ วพระราชวัง Golestan ทีเ่ ป็ น Landmark ส�ำคัญของ Tehran ฟี ลเดียวกับวัดพระแก้วทีเ่ วลา ฝรัง่ มากรุงเทพฯ แล ้วต้องไป เป็ นไฮไลท์ของประเทศอะไรประมาณนัน้ ซึง่ แน่นอนว่า พอเป็ นวันส�ำคัญทางศาสนาทุกที่ก็ปิดท�ำการหมด สรุปว่าวันนี้เลยไม่ได้ทำ� อะไร นอกจากไปหาข้าวกิน ตลอดสามวันที่เราอยู่ใน Tehran เราโคตรอยากกินเนื้อ แบบเน้นๆ เลย และด้วยความหิวโหยเนื้อ เราก็ตามหาร้านทีข่ ายอะไรพวกนี้จนเจอ จริงๆ เราก็รูว้ ่าของพวกนี้เรียกว่า Kebab จะมีทงั้ เนื้อและไก่เสียบเหล็กแหลม แท่งยาวๆ แลว้ ย่างไฟจนสุก ของที่น่ีเขาจะเสริฟพร้อมมะเขือเทศย่าง, หัวหอม และใบโหระพา พร้อมกับข้าวสวยทีห่ งุ คล ้ายๆ ข้าวมันอีก 1 จานใหญ่ๆ รับรองว่า กินอิม่ แน่นอนเพราะมันเยอะมาก แถมราคาก็ไม่แพงด้วย จะอยู่ทป่ี ระมาณจานละ 100 บาท หลังจากนี้เราตัง้ ใจว่าจะหาร้าน Kabab กินเท่านัน้ เพราะเราชอบมาก มันอร่อยจริง ๆ เราเดินทางออกจาก Tehran ในช่ วงบ่ายของวัน Arba’een มุ่งลงใต้ สู่เมืองที่มชี ่ือเสียงด้านสถาปัตยกรรมแบบอิหร่านมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ นัน่ คือ Isfahan จริงๆ แล ้วเราไม่ได้ตงั้ ใจจะออกกันเร็วขนาดนี้หรอก แต่พอคิดว่า ยังไงวันนี้กไ็ ม่ได้เทีย่ วแน่นอนเพราะทีไ่ หนก็ปิดกันหมด ก็เลยเดินไป Bus Terminal แล ว้ ก็ ซ้ ือ ตัว๋ เดิน ทางไปเมือ งต่ อ ไปกัน เลยดีก ว่ า ระหว่ า งทางเราตื่น เต้น มาก ทีม่ หี มิ ะตก ตกเยอะมากจริงๆ แต่ในรถไม่หนาวเนื่องจากฮีทเตอร์แรงมาก จนถึงขัน้ ต้องถอดเสื้อกันหนาวออกมาปาดเหงือ่ กันเลยทีเดียว
17
b side
เราเดินทางมาถึง Isfahan ตอน 4 ทุ่มของวันเดียวกัน ทีน่ ่ีไม่มรี ถไฟฟ้ า เพราะฉะนัน้ ต้องเถียงกับแท็กซีก่ นั หน่อยเพือ่ ราคาทีด่ ที ส่ี ุด แต่ถงึ ยังไงนักท่องเทีย่ ว อย่างพวกเราก็คงต้องโดนฟันเละเทะอยูด่ ี เพราะแท็กซีท่ น่ี ่ไี ม่มมี เิ ตอร์แม้แต่คนั เดียว เราเลือกให้ลุงแท็กซี่พาไปส่งแถวๆ Jameh Mosque ซึ่งเราคิดว่าน่ าจะเป็ น แหล่งท่องเที่ยวส�ำคัญของที่น่ี แต่พอไปถึงปรากฏว่าเงียบมากอย่างกับเมืองร้าง เหมือนโลเคชัน่ ถ่ายหนังสงคราม มีรถเก่าๆ พังๆ มีป้ายภาษาฟาร์ซขี าดๆ พื้นดิน เป็ นฝุ่นๆ ก�ำแพงดินแคบๆ หลอนๆ อย่างกับจะไปบุกฐานทัพอะไรสักอย่าง กว่าจะ เดินหาทีพ่ กั ได้กใ็ ช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน วันรุ่งขึ้นกว่าจะได้ออกไปเทีย่ วก็เทีย่ งแลว้ เราเริ่มกันที่ Jameh Mosque ก่อนเลยเพราะใกล ้ทีส่ ุด ภาพแรกทีผ่ ่านประตูเข้าไปคือลวดลายแปลกตาทีส่ วยงาม ภายในโดมหลังซุม้ ประตูมดื ๆ เราหยุดถ่ายรูปสักพักก่อนทีจ่ ะเดินต่อไป ตัวมัสยิด เริม่ ปรากฏกายผ่านแสงสว่างทีป่ ลายอุโมงค์ซมุ ้ ประตูนนั้ เราเดินออกไปเจอลานกว้าง รูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั ล ้อมรอบด้วยอาคารมัสยิด ทีต่ รงกลางของด้านทัง้ สีจ่ ะมีซุม้ ประตู ทีใ่ หญ่มาก และด้านในจะมีลวดลายทีเ่ กิดจากกระเบื้องโมเสคทีง่ ดงามไร้คำ� บรรยาย ซึง่ แน่นอนว่าเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ในเวลาเทีย่ งๆ แบบนี้ มีชาวอิหร่าน จ�ำนวนหนึ่งยังคงเดินเข้ามาในมัสยิดเพื่อละหมาด จริงๆ แลว้ มัสยิดจะเปิ ดให้ นักท่องเที่ยวเข้าชมเฉพาะช่วงเช้าและช่วงบ่าย ส่วนช่วงเที่ยงและค�ำ่ ๆ จะปิ ดโซน จัดแสดงด้านใน และเปิ ดให้ชาวมุสลิมมาประกอบพิธกี รรมกันตามปกติ บ่ายโมงเรากลับมาที่ Jameh Mosque อีกครัง้ พบว่าประตูท่เี ราเข้ามา ตอนเที่ยงถูกล็อคเรียบร้อยแลว้ ต้องไปเข้าประตูหน้าพร้อมกับเสียค่ าตัวเข้ ๋ าชม 200,000 Rial ซึง่ เป็ นราคามาตรฐานของตัวเข้าชมสถานที ๋ ท่ อ่ งเทีย่ วส�ำคัญ โดยเฉพาะ โบราณสถานต่างๆ ทัว่ ประเทศอิหร่าน ถัดจากจุดขายตัวจะมี ๋ ทางเดินน�ำเราเข้าสู่ ภายในตัวอาคารมัสยิด เวลาเงยหน้าขึ้นไปมองเพดาน มันจะเป็ นซุม้ ๆ มีเสาอิฐๆ มากมาย ถึงแม้จะดู เก่ ามาก แต่ ก็ยงั ท�ำให้เรารู ส้ ึกว่ามันสวยจนอธิบายออกมา เป็ นค�ำพูดไม่ได้ จุดพีคทีส่ ุดของทีน่ ่คี อื ตอนทีเ่ ราเข้าไปในโดมทีใ่ หญ่ทส่ี ุด ซึง่ อยู่ใน ซุม้ ประตูของอาคารทีน่ ่าจะเป็ นอาคารหลัก ในนัน้ มันใหญ่มาก ตอนมองขึ้นไปเห็น ลวดลายด้านในโดมสูงๆ คือตะลึงไปเลย สวยงามอลังการมากจริงๆ นอกจาก Jameh Mosque แล ้ว ในตัวเมือง Isfahan ยังมีจดุ ทีน่ กั ท่องเทีย่ ว ทุกคนพลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเยือนเมืองนี้ คือจัตุรสั กลางเมืองที่มชี ่ือว่า Imam Square หรืออีกชือ่ หนึ่งคือ Naqsh-e Jahan Square เป็ นจัตรุ สั กลางเมืองทีส่ วยงาม ประดับตกแต่งด้วยการปลูกต้นไม้เล็กๆ เป็ นสวนหย่อมขนาดใหญ่ท่มี ชี าวเมือง มาเดินเล่นนัง่ เล่นกันมากมาย หากใครอยากชมรอบๆ จัตรุ สั แต่ไม่อยากเดิน ทีน่ ่ี ก็มรี ถม้าให้บริการอยูด่ ว้ ย บรรยากาศออกยุโรปหน่อยๆ ยิง่ หนาวๆ แบบนี้นะ ใช่เลย รอบจัตุรสั มีรา้ นขายของฝากแนวเปอร์เซียเรียงรายอยู่ตลอดแนว ทัง้ พรมแบบ เปอร์เซีย จานชามเซรามิค และภาชนะโลหะทีม่ ลี วดลายวิจติ รบรรจงในแบบอิหร่านๆ รวมถึงของฝากเล็กๆ น้อยๆ เหมาะส�ำหรับซื้อติดไม้ตดิ มือไปฝากเพือ่ นๆ มาก ทีจ่ ตั รุ สั นอกจากจะมีรา้ นขายของฝากมากมาย ยังมีมสั ยิดทีม่ ชี อ่ื เสียงอีก 2 ที่ ซึง่ เรามีโอกาสได้เข้าไปแค่ 1 ที่ ชือ่ ว่า Shah Mosque หรืออีกชือ่ คือ Imam Mosque เป็ นมัสยิดทีใ่ หญ่โตอลังการพอๆ กับ Jameh Mosque แต่จดุ เด่นของทีน่ ่ีก็คือ สีโดยรวมของมัสยิดจะออกโทนสีนำ�้ เงินถึงฟ้ า และลวดลายจากงานกระเบื้องโมเสค ที่ประดับตกแต่ งทัง้ ในและนอกโดมมีความประณี ตกว่ามาก อาจจะเพราะที่น่ี เป็ น Landmark ทีส่ ำ� คัญทีส่ ุดของเมืองนี้ จึงมีการบูรณะให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ อยู่ตลอดเวลา ต่างจาก Jameh Mosque ทีด่ ูออกแนวเก่าๆ หน่อย จากจัตุรสั เราเดินไป Landmark อีกแห่งของทีน่ ่ี เป็ นสะพานข้ามแม่นำ�้ ชื่อว่า Si-o-Seh Pol Bridge แต่ตอนนี้แม่นำ�้ แห้งขอดไม่มนี ำ�้ เลยแม้แต่หยดเดียว สะพานนี้สร้างด้วยอิฐเป็ นซุม้ ทรงโบราณๆ มีชาวเมืองมากมายมานัง่ ชิลล์กนั ถึงแม้ จะค�ำ่ มืดแล ้วก็ตาม ไอ้เราก็อยากจะนัง่ กับเขานะ แต่ดว้ ยอุณหภูมทิ ต่ี ำ� ่ กว่า 5 องศา แถมลมก็แรง ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนก็แล ้วกัน วันทีส่ องใน Isfahan เราตัง้ ใจว่าจะไปโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่ง ซึง่ ดูจากรูปแล ้ว น่าจะสวยงามใช้ได้เลย หลังจากนัน้ จะไปมัสยิดทีอ่ ยูต่ รงจัตรุ สั ซึง่ เราพลาดไปเมือ่ วาน เพราะปิ ดไปก่อน พอถึงตอนเย็นๆ ก็จะไปสถานีรถเพือ่ หารถบัสไปเมืองต่อไปกันเลย เราอาศัยแท็กซีใ่ นการเดินทางจากแถวๆ ทีพ่ กั ไปยังโบสถ์ Vank Cathedral ซึง่ เป็ น โปบสถ์เก่าๆ ทีส่ ะอาดสะอ้านสวยงาม มีสวนเล็กๆ มีเก้าอี้ให้นงั ่ ชิลล์ อากาศหนาวๆ แดดอุ่นๆ เหมาะกับการถ่ายรู ปมาก ไฮไลต์ของโบสถ์น้ ีคือความสวยงามของ จิตรกรรมฝาผนังด้านในโดมใหญ่ของโบสถ์ นอกจากภายในโบสถ์ท่สี วยงามแลว้ ยัง มีพิพิธ ภัณ ฑ์ท่ีบ อกเล่ า เรื่ อ งราวความเป็ น มาของโบสถ์ มีภ าพเขีย นและ
DID YOU KNOW
ประเทศอิหร่าน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran) เป็นประเทศใหญ่อันดับที่ 2 ในตะวันออกกลาง และอันดับที่ 18 ของโลก อิหร่านเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติและศาสนา แต่ทั้งหมดนั้นได้หลอมรวมกันอยู่ภายใต้กรอบของ วัฒนธรรมเปอร์เซีย ซึ่งมีความรุ่งเรืองมายาวนานกว่าสองพันปี
ข้าวของเครื่องใช้โบราณๆ มากมาย ทีเ่ ราชอบทีส่ ุดคือหนังสือเก่าๆ อายุหลายร้อย ถึงหนึ่งพันปี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหนังสืออายุขนาดนี้จะถูกเก็บรักษาเอาไว้ในสภาพ ดีเยีย่ มเช่นนี้ และเป็ นอีกครัง้ หนึ่งทีเ่ ราได้แวะไปยังสะพาน Si-o-Seh Pol Bridge เนื่องจาก ทางต้องผ่านสะพานนี้พอดี วันนี้ได้เห็นสะพานในเวลาบ่ายๆ แดดแรงๆ ก็สวยดีนะ เราไปนัง่ ตากแดดรับไออุ่นกันทีก่ ลางสะพาน มีชาวเมืองเข้ามาคุยกับเรา ชื่อลุงโฮเซ่ แกน่ารักมาก คนอิหร่านนี่เขาน่ารักจริงๆ นะ ค่อนข้างยิ้มแย้มและอัธยาศัยดีทเี ดียว แม้เราเพิง่ จะมาอยู่ในอิหร่านได้เพียงไม่ถงึ สัปดาห์ แต่เราก็สมั ผัสได้เลยว่าคนที่น่ี Nice มากๆ เวลาเดินอยู่บนถนนมักจะมีคนยิ้มแลว้ โบกไม้โบกมือทักทายเรา ด้วยค�ำว่า “Hello” “Hi” หรือ “Welcome to Iran” บางคนก็พยายามเข้ามาคุยด้วย ถึงแม้จะอ่อนภาษาอังกฤษแต่ก็ไม่เป็ นปัญหา เราสามารถรับรูถ้ งึ ไมตรีจติ ทีพ่ วกเขา ส่งผ่านให้เราได้ อาจจะเป็ นเพราะว่าประเทศนี้มนี กั ท่องเที่ยวต่างชาตินอ้ ยมากๆ เวลาพวกเขาเจอก็เลยตืน่ เต้นกัน เรามักจะโดนขอถ่ายรูปและขอ Instagram อยูเ่ สมอ แรกๆ ก็เขินนะ แต่หลังๆ ก็รูส้ กึ ว่ามันสนุกมากเลย จากนัน้ เรารีบไปดูมสั ยิดเพราะเดีย๋ วจะปิ ดซะก่อน มัสยิดนี้มชี ่อื ว่า Sheikh Lotfollah Mosque เป็ นอีกมัสยิดหนึ่งในบริเวณ Imam Square ซึง่ เป็ นมัสยิดเล็กๆ ไม่ใหญ่เท่ากับที่เราเข้าไปชมเมือ่ วาน เดินเข้าไปก็ไม่มอี ะไรมากเพราะเป็ นแค่โดม เพียงโดมเดียว แต่ ลวดลายภายในโดมก็ถือว่าสุดโหดมากจริงๆ ยิ่งตอนที่เรา เดินเข้าไปในโดมนัน้ แลว้ มีแค่เราคนเดียว ความรูส้ กึ มันขนลุกจริงๆ นะ สวยงาม จนแทบลืมหายใจเลยล่ะ และแล ้วก็มาถึงเวลาเดินทาง เป้ าหมายต่อไปของเราคือ Shiraz เมืองใหญ่ ทางใต้ของอิหร่าน เราโชคดีได้ตวมาแบบฉิ ั๋ วเฉียด ถ้าช้าอีกหน่อยคงจะได้นอนทีส่ ถานี เพือ่ รอขึ้นรถตอนเช้าอีกวันแน่นอน และครัง้ นี้ถอื เป็ นการยืนรอรถทีท่ รมานทีส่ ุดเลย ก็วา่ ได้ เพราะว่าอุณหภูมใิ นตอนนัน้ อยู่ท่ี -1 องศาเซลเซียส กว่ารถจะมาถึงก็เล่นเอา ยืนขาแข็งกันไปนานเหมือนกัน เรามาถึง Shiraz เวลาตีหา้ ครึ่งของอีกวันหนึ่ง ที่ Shiraz ก็ไม่มรี ถไฟฟ้ า เราจึงจ้างแท็กซีใ่ ห้ไปส่งเรายังโซนทีพ่ กั ทีเ่ ล็งไว้จาก Lonely Planet ทีพ่ กั เมืองนี้ หาไม่ยากเพราะมีเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ราคาค่ อนข้างสู งทีเดียว ต้องขยันเดิน กันนิดหน่อยกว่าจะได้ราคาทีพ่ อใจ พอถึงห้องก็หลับพักผ่อนกันก่อนเลย กว่าจะได้ ออกเทีย่ วก็บา่ ยสามกว่า ทีแ่ รกในวันแรกของ Shiraz เราไปเยีย่ มชม Eram Garden ซึง่ เป็ นสวนชื่อดังของเมืองนี้ ดูจากรูปมันจะคล ้ายๆ สวนสาธารณะสวยๆ มีตกึ เก่าๆ อยู่ตรงกลางสวน พอไปถึงจริงก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย ดอกไม้กเ็ หีย่ วเฉา อาจจะ เป็ นเพราะใกลฤ้ ดูหนาวแลว้ ทีส่ วนเราเจอวัยรุ่นอิหร่านมากมาย ทัง้ คู่รกั หนุ่มสาว และกลุม่ เพือ่ นทีม่ าเป็ นแก๊ง พวกวัยรุ่นนี่เขาดูจะสนใจชาวต่างชาติแบบเราเป็ นพิเศษ เดินๆ ไปก็มคี นทักทายเราอยู่ตลอด มีแก๊งหนึ่งพีคมาก ชายสองหญิงสอง เราเข้าไป คุยๆ ด้วยสักพัก สาวอิหร่านก็ถามว่ามีเกิรล์ เฟรนด์หรือยัง เราก็บอก โน ๆ ไอแอม ซิงเกิลนะ นางก็บอกไอเลิฟยูเฉยเลย ฮ่าๆ เขินนะเนี่ย โดนสาวอิหร่านบอกรักครัง้ แรก ก่ อนจากกันก็บา๊ ยบายจับมือกับพวกผู ช้ ายเป็ นปกติ แต่ สาวอิหร่ านก็ย่ืนมือมา จะเช็คแฮนด์ดว้ ย เคยอ่านมาว่าเขาห้ามแตะตัวผูห้ ญิงอิหร่านเพราะเขาเคร่งครัด กันมาก แต่น่นี างยืน่ มือมาเองนะ ก็เลยโอเค จับมือสิรออะไร จากที่ได้สมั ผัสกับคนที่น่ี เราพบว่าอิหร่ านไม่ใช่ ประเทศมุสลิม 100% อย่างที่เคยเข้าใจ เท่าที่ได้คุยด้วย บางคนก็บอกว่า “Not Believe In Islam” บางคนก็ ไ ม่ น ับ ถือ ศาสนา แต่ ก็ ต อ้ งท�ำ เหมือ นเป็ น มุส ลิม เพราะกลัว โดนจับ ซึง่ วัยรุ่นส่วนใหญ่เราว่าคงอยู่ในจ�ำพวกนี้แหละ และด้วยเหตุน้ ีเองท�ำให้วยั รุ่นและ กลุม่ คนรุ่นใหม่ค่อนข้างจะแสดงออกถึงการต่อต้านเล็กๆ อย่างเช่นเวลาเราเข้าไป ใน Cafe ซึง่ เปรียบเสมือนสถานที่ Hang Out ของวัยรุ่นอิหร่านแบบไร้แอลกอฮอล์ เรามักจะเจอวัยรุ่นทีแ่ ต่งตัวดูไม่ค่อยจะมิดชิดและพยายามคลุมผ้าแบบเอาแปะไว้ บนหัว เฉยๆ เยอะมาก แฟชัน่ ตะวัน ตกเริ่ม กลืน กิน วัย รุ่ น อิห ร่ า นหัว ทัน สมัย จนแทบไม่เหลือความเป็ นมุสลิม ผูห้ ญิงบางคนตัดผมสัน้ แบบพังก์และมีรอยสักเท่ๆ ผูช้ ายบางคนเริ่มไว้ผมยาว เราว่าอีกไม่นานอิหร่านคงจะเปลีย่ นไป 18
b side
Taxi, Yazd
Isfahan
Shah Mosque, Isfahan
Tehran
Isfahan
โต๊ะปิงปองกลางแจ้ง
Karim Khan Citadel
โรงหนัง Shiraz
19
b side
old city, Yazd
Iran Cinema Museum, Tehran
Jameh Mosque, Isfahan
แมวในอิหร่าน
ในสถานีรถไฟใต้ดิน Tehran
Imam Square, Isfahan
Tas Kabab’e Shotor ลองกินเนื้ออูฐครั้งแรก
Naqsh-e Rustam, Shiraz
20
b side
เราต่อแท็กซีไ่ ป Qur’an Gate ทีน่ นั ่ มีสสุ านชือ่ Khajouye Kermani’s Tomb เป็ นสุสานทีอ่ ยู่ตรงไหล่เขาพร้อมประดับประดาไฟอย่างสวยงาม เรามาถึงตอนเย็นๆ บรรยากาศดีมากเลย ทีน่ ่ีมคี วามเจ๋งอยู่อย่างหนึ่งคือมี Shisha หรือทีว่ ยั รุ่นไทย เรียกติดปากว่าบารากุ ตัง้ โต๊ะบริการอยูต่ รงหน้าทางขึ้นสุสาน หลังจากเดินเล่นทีส่ สุ าน ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไร เราก็เดินลงมาแวะโต๊ะขายบารากุ ว่าจะอุดหนุ นสักหน่ อย แต่คนขายดันพูดอังกฤษไม่ได้ เราเห็นวัยรุ่นอิหร่านสัง่ บารากุมานัง่ ซัดกันริมถนน เต็มเลย เป็ นภาพที่แปลกตาดี เและด้วยความเฟรนด์ลข่ี องเราหรือของวัยรุ่นที่น่ี ก็ไม่รู ้ ท�ำให้ได้นงั ่ ร่วมวงกับวัยรุ่นคนหนึ่งทีม่ านัง่ เหงาๆ คนเดียว วัยรุ่นบอกเราว่า ภาษาเขาเรียกว่า Qelian ลองดูแล ้วก็โอเคนะ หอม ๆ ไม่แสบคอแบบบ้านเรา วันทีส่ องใน Shiraz เป็ นวันทีเ่ ราตื่นเช้าทีส่ ุดในทริป เพราะว่ามีนดั กับแท็กซี่ ทีเ่ ราจ้างให้พาไป Persepolis ซึง่ เคยเป็ นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชัว่ โมงจากตัวเมือง Shiraz ขณะนัน้ สภาพอากาศที่ Persepolis อยู่ในระดับทีห่ นาวมาก ท้องฟ้ ามืดครื้ม ดูเหมือนฝนจะตก Persepolis ในมุม มองของเราคือ ซากปรักหักพังที่จิน ตนาการไม่อ อกว่าแท้จริงแลว้ รู ปร่ าง ในสมัยโบราณเป็ นอย่างไร มีแต่เสาแท่งใหญ่ๆ สูงๆ ซุม้ ประตูหกั ๆ รูปแกะสลักต่างๆ ถ้าคนอินประวัติศาสตร์มากๆ มาก็คงจะชอบ แต่เราเฉยๆ จากนัน้ เราเดินขึ้นไป บนเขาด้านหลัง เพือ่ ไปดูสุสานทีแ่ กะสลักลงไปบนหน้าผา ขณะทีเ่ ดินอยูน่ นั้ ฝนก็เริ่ม ตกลงมา ท�ำให้เราต้องรีบกลับมาทีร่ ถ ซึง่ กว่าจะมาถึงก็เปี ยกไปหมดแล ้ว พีค่ นขับ พาเราไปต่ออีกทีห่ นึ่ง เป็ นรูปสลักบนหินสามก้อนทีไ่ ม่ได้ดงึ ดูดอะไรเลยแม้แต่นอ้ ย จากนัน้ ก็ได้ไปอีกทีห่ นึ่งคือ Naqsh-e Rustam เป็ นซุม้ ๆ ทีส่ ลักลงไปบนหน้าผา คล ้ายสุสานที่ Persepolis อันนี้ดูใหญ่โตอลังการดี แต่กเ็ ดินดูได้ไม่นานเพราะฝน ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และหนาวมาก เราจึงตัดสินใจกลับเข้าที่พกั และการที่ฝนตก แบบไม่มที ที ่าว่าจะหยุด ท�ำให้เราไม่สามารถออกไปไหนได้เลยตลอดวันนัน้ โปรแกรมวันที่สามใน Shiraz เราจะพยายามเก็บสถานที่ในตัวเมืองที่ยงั ไม่ได้ไปให้ได้มากทีส่ ุด ก่อนทีจ่ ะเดินทางไปยังเมือง Yazd ในตอนเย็น เราเริ่มที่ Karim Khan Citadel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พกั ของเรานัก เมือ่ มองจากภายนอก จะเห็นเป็ นก�ำแพงอิฐสูงใหญ่ก่อเป็ นแนวยาวรูปทรงสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั ภายในเป็ นสวน ทีเ่ ต็มไปด้วยต้นส้มและมีร่องน�ำ้ พุตรงกลาง แต่ไม่มนี ำ�้ มีอาคารตลอดแนวก�ำแพง ในอาคารไม่มอี ะไรน่าสนใจนอกจากหน้าต่างใหญ่ๆ ประดับด้วยกระจกสี ทีห่ วั มุม ก�ำแพงด้านหนึ่ง เราพบห้องอาบน�ำ้ ขนาดใหญ่ปูพ้นื ด้วยหินอ่อน ตามผนังและหลังคา มีลวดลายสวยงาม ถือว่าเป็ นห้องอาบน�ำ้ โบราณทีใ่ หญ่โตอลังการ ให้อารมณ์เหมือน อยู่ในฮาเร็มดีๆ นี่เอง สองทีส่ ุดท้ายทีเ่ ราพอจะมีเวลาไปเป็ นสุสานทัง้ คู่ คือ Hafez Tomb และ Tomb of Saadi ซึง่ ก็สวยงามตามสไตล์อหิ ร่าน นอกจากสุสานทัง้ หลาย ทีพ่ บได้มากมายในเมืองนี้แล ้ว Shiraz ยังเป็ นเมืองสตรีทอาร์ทเมืองหนึ่ง ตามผนัง ก�ำแพงต่างๆ มักจะมีการเขียนรูปสวยๆ อยู่แทบจะทุกที่ ก�ำแพงตึกสูงๆ ก็ยงั ไม่เว้น เวลาเดินตามถนนจะเพลินมากๆ รถบัสของเราออกจาก Shiraz ตอนห้าโมงเย็น มาถึง Yazd เกือบๆ จะเทีย่ งคืน ลงรถมาก็เจอเศษหิมะตามพื้นทางเดินและถนนเต็มไปหมด เราโชคดีทเ่ี จอเพือ่ นสาว ชาวสเปนชื่อวิคกี้บนรถบัส เลยได้แชร์แท็กซีก่ นั แลว้ ก็ถอื โอกาสติดสอยห้อยตาม คุณวิคกี้มาจนถึงทีพ่ กั ทีค่ ุณวิคกี้พกั เพราะไม่มอี ารมณ์ออกไปเดินหาทีพ่ กั กันแลว้ สภาพอากาศตอนนี้ควรจะซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ เท่านัน้ โชคดีทท่ี น่ี ่ยี งั มี Dorm ว่างอยู่ และทีส่ ำ� คัญถูกทีส่ ุดตัง้ แต่เทีย่ วอิหร่านมาเลย เช้าวันแรกที่ Yazd อากาศเริ่มอุ่นขึ้นจากเมือ่ คืนแล ้ว หิมะทีก่ องอยู่บนพื้น เริ่ม ละลาย แต่ บ่ อ น�ำ้ เล็ก ๆ ที่อ ยู่ ก ลางสวนซึ่ง แข็ง เป็ น น�ำ้ แข็ง ทัง้ บ่ อ ไม่ มีทีท่ า ว่าจะละลายง่ายๆ ถึงแม้คุณป้ าแม่บา้ นจะพยายามทุบมันด้วยด้ามไม้กวาดก็ตาม เราออกไปเทีย่ วกันตอนเทีย่ งๆ แสงแดดอุ่นๆ สาดส่องจนหิมะละลายไปจนหมด ทีพ่ กั เราอยู่ในโซน Old City ทีถ่ อื เป็ นแหล่งท่องเทีย่ วหลักของ Yazd พอออกจาก ทีพ่ กั แล ้วเลี้ยวซ้าย เราก็เจอกับ Jameh Mosque ชื่อเหมือนที่ Isfahan เด๊ะ ซึง่ ก็ สวยงามไม่แพ้กนั แต่ทน่ี ่จี ะเล็กกว่ามาก จากนัน้ เราก็เดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ของ Old City ซึ่งเชื่อมกันไปมาเหมือนเขาวงกต ผนังบ้านเรือนเป็ นสีนำ�้ ตาลอ่อนๆ ท�ำมาจากดินและหญ้าแห้ง สิง่ เหล่านี้ทำ� ให้เราตกหลุมรัก Yazd เข้าอย่างจัง เรายกให้ Yazd เป็ นเมืองทีเ่ ราชอบมากทีส่ ุดในอิหร่านเลย ความชิลล์ของการเดินเล่นในโซน Old City มันดีมาก ในซอยมีอะไรมากมาย ทัง้ ร้านค้าขายของฝาก คาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรม และบ้านเรือน ทุกอย่างอยู่รวมกันอย่างลงตัว จากนัน้ เราแวะไปที่ Alexander’s Prison เป็ นคุกเก่าทีด่ ดั แปลงให้กลายเป็ น สถานทีต่ งั้ ของร้านขายของฝากมากมาย แลว้ จึงไปที่ Amir Chakhmaq ซึง่ เป็ น
อีกหนึ่ง Landmark ส�ำคัญของเมืองนี้เป็ นทีส่ ุดท้าย ทีน่ ่เี ป็ นตึกเก่าตามสไตล์อหิ ร่าน มีหอคอยสูงสองอันแบบมัสยิดทัว่ ไปทีเ่ ราพบเจอ สวยงามทีเดียว และเหมือนโซนนี้ จะเป็ นตลาดขายของพวกเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้อะไรต่างๆ มากมาย เราตัดสินใจว่าจะอยู่ท่ี Yazd เพิม่ อีกวัน เพราะหลงรักความชิลล์ของเมืองนี้ วัน ที่ส องใน Yazd เราจึง ใช้เ วลาส่ ว นใหญ่ ไ ปกับ การเดิน เล่น ในโซนเมือ งเก่ า และพักผ่อนสบายๆ ในที่พกั วันนี้เรามีโอกาสได้กินเนื้อสัตว์ท่เี ราไม่เคยลิ้มลอง มาก่อน นัน่ ก็คือเนื้ออูฐ โชคดีทร่ี า้ นอาหารของทีพ่ กั มีเมนู น้ ี ซึง่ ก็ไม่ได้หาได้งา่ ยๆ เราไม่ลงั เลทีจ่ ะสังมาลองกิ ่ น และก็ไม่ผดิ หวังเลย เพราะมันอร่อยมาก เมนู น้ มี ชี ่อื ว่า Tas Kabab’e Shotor ลักษณะคล ้ายๆ แกงฮังเล เนื้ออูฐจะติดมันหน่อยๆ เหมือน หมูสามชัน้ และรสชาติของเนื้ออูฐก็คล ้ายเนื้อหมูมาก คือเราคงคิดถึงหมูมากจริงๆ ไม่ได้กนิ มาอาทิตย์กว่าแล ้ว สองวันสองคืนใน Yazd ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขอบคุณ Yazd จริงๆ ทีท่ ำ� ให้เรารูส้ กึ ดีขนาดนี้ สัญญาว่าจะกลับมาทีน่ ่อี กี แน่นอน หลัง จากกลับ มาถึง Tehran เราพบว่า วัน ที่เ รามาถึง ตรงกับ วัน ส�ำ คัญ ทางศาสนาอีกแล ้ว เพราะฉะนัน้ โปรแกรมการเก็บตกพิพธิ ภัณฑ์ต่างๆ ใน Tehran ก็ตอ้ งยกเลิกไป เพราะทุกทีน่ ่าจะปิ ดแน่นอน เราจึงเปลีย่ นโปรแกรมมาเป็ นการเทีย่ ว สวนสาธารณะแทน เพราะอยากรูเ้ หมือนกันว่าในวันหยุดแบบนี้ ชาวเมืองเขาจะออกมา ท�ำอะไรกันบ้าง Tehran มีสวนสาธารณะอยู่หลายแห่ง เราเลือกอันทีไ่ ปง่ายๆ ติดรถไฟฟ้ า ทีแ่ รกคือ Shahr Park สวนนี้มอี าณาเขตกว้างใหญ่พอสมควร มีทางเดินทอดยาว วนไปมา มีสระน�ำ้ พุใหญ่ๆ และทีเ่ ราเซอร์ไพรส์มากๆ คือทีบ่ ริเวณสนามเด็กเล่น จะมีชิงช้าสวรรค์ รถบั ๊มพ์ และเครื่องเล่นต่ างๆ ออกแนวสวนสนุ กขนาดย่อม คอยให้บริการ เราพบชาวเมืองมากมายออกมาท�ำกิจกรรมในวันหยุดกัน ทัง้ เดินเล่น นัง่ รับไออุน่ จากแดด พาลูกมาเล่นทีส่ นามเด็กเล่น ให้อาหารแมวในสวน และทีฮ่ ติ ทีส่ ดุ คงเป็ นการตีปิงปอง โดยโต๊ะปิ งปองทีท่ ำ� ด้วยกระจกจ�ำนวนมากถูกตรึงอยูก่ บั พื้นสวน แน่นอนว่าพอคนอิหร่านเห็นเราก็ชวนเข้าไปเล่นด้วย สวนนี้ทำ� ให้เรารูส้ กึ ว่าจริงๆ แล ้ว ประเทศเขาก็สงบสุขดีนะ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวแบบทีไ่ ด้ยนิ ได้ฟงั มาเลยสักนิด สวนทีส่ องทีเ่ ราไปเยือนเป็ นสวนเดียวกับทีไ่ ปตัง้ แต่วนั แรก คือ Laleh Park มาคราวนี้เราได้เดินมากขึ้น เจออะไรมากกว่าเดิม โดยเฉพาะแมว เราขอเปลีย่ นชือ่ ทีน่ ่ี เป็ นสวนแมวเลยละกัน ที่อิหร่ านจะพบแมวได้ทวั ่ ไปตามถนนหนทางเหมือนที่ บ้านเรามีหมาจรจัด แต่แมวทีน่ ่จี ะไม่เหมือนแมวบ้านเรานะ มันจะขนยาวๆ ดูอว้ นๆ น่ารัก น่าเอากลับประเทศมาก นี่แหละแมวเปอร์เซียของจริงล่ะ วันสุดท้ายในอิหร่ าน เราไปเก็บตกสถานที่สุดท้าย ซึ่งเป็ น Landmark ทีส่ ำ� คัญทีส่ ุดของกรุง Tehran นัน่ ก็คอื พระราชวัง Golestan ค่าเข้าทีน่ ่แี พงทีส่ ุด ในอิหร่าน เพราะนอกจากเก็บค่าเข้าที่ประตูใหญ่แลว้ ยังมีเก็บเป็ นห้องๆ ไปอีก พอจ่ายมากเราก็ตงั้ ความหวังไว้มาก คือโดยรวมก็สวยดีนะ ดูเป็ นพระราชวังทีใ่ หญ่โต และตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการมากเลยทีเดียว แต่ความรูส้ กึ เหมือนว่ามันต้อง ดีกว่านี้สิ ยิง่ มีการห้ามถ่ายรูปด้านใน ก็ยง่ิ ท�ำให้เราคาดหวังว่าในนัน้ จะต้องสวยมากๆ แต่เอาเข้าจริงบางห้องก็เฉยๆ นะ เราก็เลยรูส้ กึ ว่าไม่อนิ เท่าไหร่กบั พระราชวังนี้ สุดท้ายนี้ถงึ แม้บางอย่างจะเฉยๆ แต่เราอยากจะบอกว่าอิหร่านเป็ นประเทศ ทีเ่ ซอร์ไพรส์เราได้หลายอย่างจริงๆ ทัง้ สถาปัตยกรรมทีส่ วยงามของมัสยิดทีเ่ ก่าแก่ หลายร้อยถึงพันปี ท่ไี ม่สามารถพบเห็นที่ไหนได้ในโลก ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมทีแ่ ตกต่างจากทีเ่ ราเคยชิน นิสยั ใจคอของคนอิหร่านทีเ่ ราไม่คดิ เลยว่า จะเป็ นคนน่ารักขนาดนี้ ทุกสิง่ ทุกอย่างมันหลอมรวมกัน จนท�ำให้ความคิดทีว่ า่ อิหร่าน เป็ นประเทศทีไ่ ม่สงบสุขและอันตรายหายไปจากความคิดเราโดยสิ้นเชิง และต่อจากนี้ เราคงไม่เชื่อค�ำพูดของใครเกี่ยวกับสถานทีไ่ หนอีก ตราบใดทีต่ วั เรายังไม่ได้สมั ผัส สถานทีน่ นั้ ๆ ด้วยตัวเอง เหมือนทีเ่ ราได้สมั ผัสอิหร่าน แล ้วได้เจออะไรทีด่ ตี ่อใจแบบนี้ ABOUT ME ภาณุวัฒน์ สุวรรณ (อุ้ย)
เภสัชกรไส้แห้ง ผูต้ กงานเพราะชอบลาออกไปเทีย่ ว การท�ำงานเก็บเงิน 1 ปี แล้วลาออกไปเทีย่ วอีก 1 ปี สลับกันไปเรือ่ ยๆ คือความสุขในช่วงเวลานี้ สามารถ ติดตามการท่องเทีย่ วของผมได้ทเี่ พจ ‘ไปหาป้อ’ www.facebook.com/PIHAPOR 21
b side
Interview
22
b side
APIROM : THE HOBBY งานอดิเรกชื่อ ‘อภิรมย์’ เรื่อง : ระพินทรนาถ ภาพ : ศมนภรณ์
การทีศ่ ลิ ปินรายหนึง่ เปิดการแสดงสด แล้วสามารถขายบัตรเข้าชมงานได้จนหมด ถ้าคิดในแง่บวก ก็หมายความว่าศิลปินรายนัน้ ๆ น่าจะมีชอื่ เสียงโด่งดังและเป็นทีน่ ยิ มชมชอบของแฟนๆ มากพอสมควร ถึงได้มีคนอยากชมการแสดงของพวกเขามากมายขนาดนั้น แต่ถา้ จะเอาเหตุผลข้างต้นมาเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ต่าย – ประกาศิต แสนปากดี (ร้องน�ำ), เมท – เจษฎา เกียรติธาตรี (กีตาร์) และ โฟล์ค – พีระวัฒน์ อุทโท (เพอร์คสั ชัน่ ) สามหนุ่มทีร่ วมกันเป็ นวงดนตรีนาม ‘อภิรมย์’ ซึง่ การแสดง ทัง้ สองรอบที่เชียงใหม่ของพวกเขาเมื่อเร็วๆ นี้ขายบัตรหมดเกลี้ยงทัง้ สองรอบ (แถมยังมีบางคนเรียกร้องขอให้จดั รอบทีส่ ามเลยด้วยซ�ำ้ ) ก็อาจจะไม่ตรงทัง้ หมด เสียทีเดียว เพราะเรื่องเป็ นทีน่ ิยมนัน้ น่าจะใช่ แค่เรื่องโด่งดัง... แม้แต่ทางวงเอง ก็คงไม่คดิ แบบนัน้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จำ� นวนที่นงั ่ ในงานทัง้ สอบรอบจะอยู่เพียงแค่ หลัก สองร้อย แต่การขายบัตรได้จนหมดของศิลปิ นทีม่ าจากต่างถิน่ (สามหนุ่มกลุม่ นี้ อยู่ท่ีสกลนครเป็ นหลัก) ไม่มสี งั กัด ไม่ได้มกี ารโปรโมทใดๆ แถมก่ อนหน้านี้ ก็หายหน้าหายตาไม่ได้เล่นดนตรีกนั แบบครบวงนานเป็ นปี มีเพียงบทเพลงจากฝี มอื ของพวกเขาที่ทำ� หน้าที่แนะน�ำตัวเองให้ผูฟ้ งั ได้รูจ้ กั ผ่านท่วงท�ำนองและเรื่องราว ทีเ่ รียบง่ายแต่ไพเราะน่าฟัง ก็น่าสนใจเป็ นอย่างยิง่ ว่า ‘อะไร’ อะไรคือสิง่ ทีท่ ำ� ให้ผูค้ น มากมายอยากพบเจอกับพวกเขา โดยเฉพาะกับการทีท่ งั้ สามคนบอกว่า การเป็ น ‘อภิรมย์’ นัน้ คือ ‘งานอดิเรก’ ทีซ่ กั วันหนึ่ง พวกเขาก็พร้อมจะละวางบทบาทนี้ไปโดยไม่โหยหาอาวรณ์อะไร
ท�ำได้น่นี า ก็เลยแต่งมาเรื่อยๆ แต่งแล ้วก็อดั ไว้บา้ ง สมัยนัน้ ไม่มเี ครื่องอัด ไม่รูว้ า่ เขา ต้องอัดเสียงกันยังไง ทีน้ ีไปรู จ้ กั ห้องซ้อมดนตรีท่ีหนึ่งที่เขามีเครื่องบันทึกเทป มีโ ปรแกรม Cakewalk ก็ ไ ปลองท�ำ ที่น นั ่ ห้อ งซ้อ มเขาก็ไ ม่รู เ้ รื่อ งว่า ใช้ย งั ไง ก็มวั ่ ๆ กันไปจนได้เป็ นเพลงออกมา เอาให้สาวฟังแลว้ ปรากฏว่าเขาชอบเพลง แต่ไม่ได้ชอบคนแต่ง (หัวเราะ) ก็โอเค ไม่เป็ นไร ท�ำต่อไป จนพอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย ผมเลือกเรียนศิลปะ ไม่ได้เรียนดนตรี ซึง่ จะว่าไปก็เหมือนโชคดีนะ เพราะว่าบางทีเวลาเราท�ำเพลง ความทีม่ นั ไม่ได้รูท้ ฤษฎี อะไรมากมาย มันก็เลยเหมือนไม่มกี รอบมาก�ำหนดเรา
เราพบว่าพวกคุณเป็ นวงดนตรีท่มี ีประวัตปิ รากฏต่อสาธารณะน้อยมาก อยากรูว้ ่า ก่อนที่จะมารวมตัวกัน ความสนใจเรื่องดนตรีของพวกคุณแต่ละคนเป็ นอย่างไร กันบ้าง? เมท : ตอนเด็กๆ ที่ฟงั เยอะก็จะเป็ นเพลงของอาร์เอสซะส่วนใหญ่ แลว้ ก็มที ่ฟี งั กับพ่อแลว้ ก็พช่ี าย พีช่ ายผมเขาจะฟังเพลงเก่าๆ ส่วนพ่อก็จะชอบเปิ ดเพลงสากล พวก The Eagles, Scorpions อะไรพวกนี้ครับ ผมก็เลยได้ฟงั เพลงเยอะ ส่วนทีม่ า หัดเล่นดนตรี ผมเริ่มเล่นกีตาร์ตงั้ แต่ ม.1 จากนัน้ ก็เล่นมาเรื่อยๆ แลว้ ก็เริ่ม มาเล่นดนตรีตามร้านจริงๆ จังๆ น่าจะช่วงประมาณตอนทีเ่ รียนปี 2 โฟล์ค : ของผมก็ฟงั เพลงทัว่ ไปครับ แกรมมี,่ อาร์เอส ซื้อเทป ฟังวิทยุ รายการ เขาเปิ ดอะไรมาก็ฟงั ไป ส่วนเรื่องดนตรี ผมชอบกลองอยู่แล ้ว ตอนเด็กๆ พอดีพช่ี าย มีเพือ่ นเป็ นมือกลอง เขาก็มาพูดให้ฟงั ว่าต้องตีแบบนี้นะ เราฟังแล ้วก็ลองมานัง่ ฝึ กดู ฟังเพลงแลว้ ก็หดั ตีลมตีอะไรไปเรื่อย มาเริ่มจับกลองจริงๆ ประมาณ ม.3 พอดี เห็นเพือ่ นเขาก�ำลังซ้อมดนตรีกนั อยู่ แลว้ มือกลองไม่มา เลยบอกเขาว่าขอตีหน่อย แล ้วก็เข้าไปตีเลย ไม่รอด้วยว่าเพือ่ นจะตกลงไหม (หัวเราะ) จากนัน้ พอขึ้น ม.ปลาย ย้ายมาเรียนโรงเรียนใหม่ เจอเพือ่ นในห้องทีเ่ ล่นดนตรี เหมือนกัน ก็เลยไปขอร่วมวงกับเขาด้วย จนจบ ม.ปลายก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ผมไปเรียนทีร่ ามค�ำแหง ไม่รอด (หัวเราะ) พ่อก็เลยให้มาเรียนทีส่ กลนคร ตอนนัน้ ยังไม่รูว้ า่ จะเรียนอะไร จะไปทางไหนดี เห็นทีม่ หาวิทยาลัยมีสอนดนตรี ก็ลงเรียน ดนตรีกแ็ ล ้วกัน แล ้วก็เลยมารูจ้ กั กับต่ายทีค่ ณะนี่เอง ต่าย : ตอนเด็กๆ ผมฟังเพลงป๊ อปธรรมดานะ จากนัน้ ก็หนั มาฟังเพลงเพือ่ ชีวติ เริ่มด้วยพี่ปู พงษ์สิทธิ์น่ีแหละ แลว้ ก็หดั เล่นดนตรีไปด้วย ชอบเพื่อชีวิตก่ อน พอเพลงอินดี้เริ่มมาก็มาฟังเพลงอินดี้ ก็ชอบเหมือนกัน ทีน้ ีก็เริ่มมีความคิดว่า อยากแต่งเพลงบ้าง อยากมีเพลงเป็ นของตัวเอง ก็เลยลองแต่งเพลงแรกตอนเรียน ปวช. 1 เรื่องของเรื่องคือจะจีบสาวนัน่ แหละ สุดท้ายก็เขียนไม่จบ แต่กร็ ูส้ กึ ว่าเราก็
อ้าว? โฟล์ค : คือก็เล่นแนวอินดี้กนั น่ะครับ แล ้วตอนนัน้ ทีส่ กลนครคนเขายังไม่ค่อยฟัง อะไรแบบนี้กนั คือเขาก็จะฟังประมาณ พาราด็อกซ์, บอดี้สแลม, ซีล, โปเตโต้ แต่พวกเราดันไปเล่นเล่นอีกแนว เป็ นอินดี้ทค่ี นส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยรูจ้ กั ต่าย : ทีร่ า้ นเขาก็แบบ.. พีว่ า่ ลองเปลีย่ นแนวไหมครับ (หัวเราะ) เราก็บอก ไม่ๆๆ ผมเป็ นแบบนี้ (หัวเราะ) โฟล์ค : ลูกค้าก็จะงงๆ ว่าวงมันเล่นเพลงอะไรของมัน คนขอเพลงก็จะมีนอ้ ย หรือขอมาก็ไม่เล่นให้อกี (หัวเราะ) ต่าย : ก็สมควรแล ้วทีเ่ ขาจะไม่จา้ ง (หัวเราะ)
แล้วพวกคุณมารวมตัวกันได้ยงั ไง? ต่าย : เริ่มจากผมกับโฟล์คเรียนทีเ่ ดียวกัน ทีม่ หาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ผมเรียน ศิลปะ โฟล์คเรียนดนตรี แต่ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน ก็เลยรวมตัวเล่นดนตรีกลางคืน ด้วยกัน โฟล์ค : ก็เป็ นก๊วนๆ เดียวกันน่ะครับ เลยชวนๆ กันว่าไปออดิชนั ่ ตามร้านกันไหม เล่นดนตรีกลางคืนกัน ต่าย : เล่นไปเล่นมาร้านเจ๊งหมด (หัวเราะ)
หลังจากนั้นแล้วยังไงต่อ? ต่าย : พอเรียนจบโฟล์คก็กลับบ้านทีม่ กุ ดาหาร ส่วนผมยังเรียนไม่จบก็อยูท่ ส่ี กลนคร เหมือนเดิม (หัวเราะ) ทีน้ ีโฟล์คเริ่มเล่นดนตรีท่ีมกุ ดาหาร แลว้ วงขาดนักร้อง ผมก็เลยไปร่วมวงด้วย จากนัน้ ซักพักขาดมือกีตาร์ ก็เลยได้เมทเข้ามา ซึง่ ปรากฏว่า ก็เป็ นคนสกลนครเหมือนกัน โฟล์ค : คือผมเล่นกับมือกีตาร์ทเ่ี ป็ นเพือ่ นสมัยเรียนมัธยม แล ้วเจ้าของร้านบอกว่า อยากได้นกั ร้องเพิม่ ก็เลยลองโทรถามต่ายว่าว่างไหม ถ้าว่างก็เก็บกระเป๋ ามาเลย เจ้าของร้านก็ถามว่าเพือ่ นที่ไปชวนเนี่ยเป็ นยังไง เราก็บอกว่าถ้าพูดถึงเสียงร้องนี่ ไม่มปี ญั หาเลย เขาก็บอกงัน้ เรียกมาเลย ก็โอเค ตามต่ายมาเล่นด้วยกัน ส่วนเมทนี่ จะเข้ามาทีหลัง ต่าย : ตอนนัน้ คือวงใหญ่ สมาชิกเยอะ เมท : นักร้องประมาณ 3 คน วาไรตี้มาก (หัวเราะ) โฟล์ค : คือเป็ นวงประจ�ำร้าน ทางร้านเขาจ้าง สมาชิกก็เลยจะเยอะหน่อย เมท : ดนตรีท่เี ล่นก็จะกว้างมาก เพราะมีนกั ร้อง 3 คน แต่ละคนก็ชอบเพลง 23
b side
ไม่เหมือนกัน คนนี้แนวนี้ อีกคนแนวนัน้ มันก็เลยต้องเล่นหว่านแหหน่อย ต่ า ย : ทีน้ ี ซ กั พัก ก็ เ ริ่ม อยากกลับ บ้า นละ อยากกลับ สกลนครไปหาอะไรท�ำ แล ้วโฟล์คก็บอกว่าจะเลิกแล ้วเหมือนกัน อยากกลับไปอยู่สกลนคร โฟล์ค : พอดีผมก็มงี านเข้ามา เขาจะให้ไปท�ำงานทีส่ กลนคร ก็เลยตัดสินใจว่า จะย้ายไปสกลนครละ ต่าย : แลว้ เมทก็ลาออกจากวงด้วย ก็เลยแยกย้ายกันไป แลว้ ทีน้ ีไปๆ มาๆ โฟล์คเปิ ดร้านทีส่ กลนคร เมท : ชื่อร้านวันสบาย โฟล์ค : เป็ นร้านเหล ้าแนวนัง่ ชิลล์ๆ พอดีไม่ได้ทำ� งานกลางวันแล ้ว ผิดแผน (หัวเราะ) ต่าย : ก็เลยคุยกันว่า ถ้าอย่างนัน้ เรามารวมตัวกันใหม่ดกี ว่า เล่นกัน 3 คนนี่แหละ แลว้ ก็ตงั้ ชื่อวงโดยการโหวตกันว่าเพื่อนๆ ชอบชื่ออะไร ก็ได้ช่ือเป็ น ‘อภิรมย์’ แล ้วก็เล่นประจ�ำทีร่ า้ นวันสบายนี่ละ่ ช่ ว งที่เ ล่น ดนตรีอ ยู่ ท่ีมุก ดาหาร มี ผ ลอะไรกับ แนวทางหรือ วิธีก ารเล่น ดนตรี ของพวกคุณบ้างไหม? ต่าย : ก็มผี ลเยอะนะ อย่างผมแต่ก่อนก็จะเป็ นชาวร็อคเลย (หัวเราะ) คือตอนอยู่ท่ี มุกดาหาร นอกจากเล่นดนตรีแลว้ เราก็แต่งเพลงไปด้วย ทีน้ ีเพลงที่ได้มนั ก็จะ ออกมาคลา้ ยๆ กับศิลปิ นที่เราฟังงานของเขาอยู่ อย่างเช่ นผมชอบซิลลี่ ฟูลส์ ชอบพาราด็อกซ์ พอแต่ งเพลงออกมา มันก็จะมีกลิ่นอายของศิลปิ นเหล่านี้อยู่ หรืออย่างตอนที่รอ้ งเพลงที่มกุ ดาหารก็มคี นบอกว่า เฮ้ย! เจ๋งว่ะ ร้องเพลงแลว้ เหมือนคนนัน้ คนนี้เลยนะ ซึ่งผมก็รูส้ ึกว่าไม่เจ๋งแลว้ ว่ะแบบนี้ ก็พยายามที่จะ ถอยออกมาจากศิลปิ นทีเ่ ราชอบ ให้กลิน่ อายของเขามันลดลง อีกอย่างตอนทีม่ าอยูก่ บั วงทีม่ กุ ดาหารก็เปลีย่ นมาเล่น Easy Listening ด้วย การร้องเพลงจากที่เป็ นชาวร็อคก็ตอ้ งมาแบบเบาๆ (หัวเราะ) แต่มนั ก็ได้เทคนิค มากขึ้น จากที่เ คยร้อ งแบบปลดปล่อ ย ก็ เ ปลี่ย นมาเป็ น ต้อ งคอนโทรลเสีย ง ซึง่ ก็สนุกดีเหมือนกัน โฟล์ค : อย่างของผม ตอนอยู่ทม่ี กุ ดาหาร ความทีเ่ สียงกลองมันดัง เจ้าของร้าน เขาก็เลยเสนอว่าลองเปลีย่ นเป็ นเล่นเพอร์คสั ชัน่ ที่มนั เบาๆ ไหม ตอนนัน้ ถึงขัน้ ส่ ง ให้ไ ปดู ง านที่ข อนแก่ น กับ จ้า งนัก ดนตรี จ ากขอนแก่ น มาให้ดู ด ว้ ยว่ า เขา เล่นกันแบบนี้ (หัวเราะ) แลว้ ความทีผ่ มมาจากกลองชุด ตอนแรกผมก็ไม่ชอบนะ เฮ้ย! นี่จะให้ตกี ลองกีฬาสีหรือยังไง (หัวเราะ) ตอนแรกก็ตคี องก้าก่อน แล ้วหลังๆ ค่อยให้รา้ นเขาซื้อคาฮองมาให้ ซึง่ พอไปดูจริงๆ ได้ศกึ ษามากขึ้น เออ มันไม่ใช่ตกี ลอง กีฬาสีแล ้วว่ะ ดูจงั หวะแล ้ว โห ยาก ยิง่ ลงลึกยิง่ ยากกว่าทีค่ ดิ ต่าย : ซึง่ สิง่ ต่างๆ เหล่านี้กม็ สี ่วนให้สำ� เนียงของอภิรมย์ออกมาอย่างทีเ่ ป็ นอยู่ดว้ ย
ในตอนนั้นเพลงของอภิรมย์กเ็ ริ่มเป็ นที่รูจ้ กั แล้วก็ตดิ ชาร์ทของ Fat Radio ด้วย สิง่ เหล่านี้ มีผลกับพวกคุณยังไงบ้าง? ต่าย : ส�ำหรับพวกเราทุกอย่างก็เหมือนเดิมนะครับ แต่ถามว่าวางแผนไว้ไหม ก็มวี างแผนรวมๆ ไว้เหมือนกัน คือคุยกันแลว้ ว่าอยากจะอยู่กนั แบบนี้ ไม่อยาก มีสงั กัดหรือว่าต้องมีช่ือเสียงเป็ นที่รูจ้ กั อะไร ท�ำยังไงก็ได้ท่ีการเป็ นเป็ นอภิรมย์ จะไม่กระทบกระเทือนชีวติ ส่วนตัวเยอะ อย่างตอนทีเ่ ริ่มปล่อยเพลงออกมา เราก็ เริ่มจากในยู ทูบก่ อน คือผมคิดว่าไม่จ �ำเป็ น ว่าคนจะต้องจ�ำหน้าตาพวกเราได้ เวลาลงเพลงในยูทูบก็มแี ค่ตวั หนังสือบอกชื่อวงก็พอแล ้ว จริงๆ เราจะเริ่มจากส่งเพลงไปที่ Fat Radio เลยก็ได้ แต่ว่าเราอยากได้ แฟนเพลงที่ฟงั จากยูทูบก่อน คือพอปล่อยเพลงไปพร้อมกันทีเดียวเลย 5 เพลง คนฟังก็จะไม่รูว้ ่าเพลงไหนเป็ นเพลงโปรโมท เขาก็จะได้ฟงั ทุกเพลงพร้อมๆ กัน แรกๆ ยอดวิวมันก็จะขึ้นใกลๆ้ กัน แต่เมือ่ ผ่านไปซักพัก พอเราส่งเพลงเข้าไป ที่ Bedroom Studio ของ Fat Radio มันก็จะมีเพลงทีค่ นรูจ้ กั เยอะกว่าเพลงอืน่ เหมือนว่าเรามีลูก 5 คน ทีน้ ลี ูกคนหนึ่งได้ตดิ ยศ ก็จะเด่นกว่าคนอืน่ หน่อย การส่งเพลงไปที่ Fat Radio ก็มขี อ้ ดีเยอะ ตอนที่นงั ่ ฟัง รอลุน้ ว่าเพลง จะขึ้น อัน ดับ ไหมก็ ส นุ ก ดี อีก อย่ า งคือ พอเพลงติด ชาร์ท ก็ เ ริ่ม มีค นเข้า มาถาม อย่างเวลาเล่นที่รา้ นก็จะมีคนมาถามว่านี่เพลงของพวกพีใ่ ช่หรือเปล่า เพราะปกติ เวลาเล่นทีร่ า้ นเราก็ไม่ได้บอกว่านี่เป็ นเพลงของเรานะ ซึง่ พอมีคนถามถึงเราก็ดใี จ
พอกลายมาเป็ น ‘อภิรมย์’ กันแล้ว พวกคุณท�ำอะไรต่อ? ต่าย : ตอนทีเ่ ริม่ ต้นเป็ นอภิรมย์ ช่วงนัน้ ทีส่ กลนครเรือ่ งดนตรีมนั ยังไม่ค่อยเปิ ดกว้าง มากเท่าไหร่ เมท : ยังไม่ค่อยมีรา้ นเหล ้าอะไร ทีม่ กี เ็ ป็ นร้านเล็กๆ โฟล์ค : ที่มกุ ดาหารร้านค่ อนข้างใหญ่กว่า ส่วนการฟังเพลงของคนก็ค่อนข้าง เปิ ดกว้างกว่า ต่าย : เหมือนเราเอาวิธกี ารเล่นจากมุกดาหารมา ค่อยๆ ล ้างสมองคนฟัง (หัวเราะ) จากที่ฟงั แต่ เพลงฮิตๆ ก็มาฟังแนวนี้ เวลาคนขอเพลงมาก็เล่นบ้างไม่เล่นบ้าง เล่นเพลงอืน่ บ้าง ดื้อไง คนฟังก็แบบมันเล่นเพลงอะไรวะ เจ้าของร้านก็ไม่วา่ ด้วยไง ก็วงตัวเอง (หัวเราะ) ก็ค่อยๆ เปลีย่ นพฤติกรรมการฟังของคนไป เขาก็จะเริ่มรูล้ ะว่า ไม่ตอ้ งมาถามว่าเพลงอะไร ไม่ตอ้ งมาโวยวายหงุดหงิดเวลาขอเพลงแลว้ ไม่ได้ วงนี้มนั ก็เล่นของมันไปตามใจพวกมันนี่แหละ ส่วนเรื่องแต่งเพลงของตัวเอง คือพอมีช่ือวงแลว้ โอเคแลว้ ว่าเราจะมีกนั 3 คนนะ ก็ยึดสเกลนี้ในการท�ำดนตรี แลว้ ก็เริ่มแต่ งเพลงเพิ่ม คือเพลงเนี่ย ก็เขียนไว้เรื่อยๆ อยู่แลว้ บางเพลงก็ทำ� มาตัง้ แต่ตอนอยู่ท่มี กุ ดาหารแลว้ อย่าง ‘วันสบาย’ ‘ไฉไล’ นี่ทำ� มาตัง้ แต่อยู่ทม่ี กุ ดาหารละ แต่ทนี ้ ีพอกลับมาอยู่ทส่ี กลนคร ก็ตงั้ ใจว่าอยากจะท�ำให้ได้ซกั 5 เพลง เมท : ตัง้ ใจว่าจะท�ำเป็ นอีพเี อาไว้แจกในงาน Grand Opening ร้าน วางแผนว่า จะท�ำซัก 50 แผ่น แล ้วก็อพั เพลงลงยูทูบ ต่าย : ปรากฏว่าแจกเกลี้ยงเลย ผมเองยังไม่มเี ลย (หัวเราะ) เมท : ผมมีอยู่แผ่นหนึ่ง แต่เก็บไว้ไม่ให้ใครเลย (หัวเราะ) แถมเปิ ดไม่ได้แลว้ ตอนนี้ (หัวเราะ) แล ้วนี่เป็ นแผ่นแรกทีไ่ รท์ผดิ ด้วย เพลงสุดท้ายดันมาอยู่เพลงแรก (หัวเราะ)
หลังจากมีอพี อี อกมาแล้ว พวกคุณวางแผนจะท�ำอัลบัม้ ต่อเลยหรือเปล่า? โฟล์ค : คุยกันตัง้ นานแลว้ ครับ วางแผนโปรโมทอัลบัม้ เรียบร้อย แต่ก็ไม่เสร็จ กันซักที (หัวเราะ) เมท : 3 ปี ได้มาแผ่นเดียว (หัวเราะ) ต่าย : บอกไว้วา่ ปลายปี 2011 นี่ละ่ แน่นอน ไปๆ มาๆ ก็บอกปลายปี น้ ๆี มาอีก ซะหลายปี เลย เป็ นเพราะพวกคุณงานยุ่งมากๆ หรือว่าเพลงยังไม่ถกู ใจ? ต่าย : ก็หลายๆ อย่างผสมกัน หลักๆ คือพอเราไม่ได้สงั กัดค่าย ก็เหมือนไม่มใี คร มาบังคับ คือมันก็ดที ม่ี อี สิ ระทางความคิด แต่วา่ อีกด้านมันก็จะไม่มกี ารจัดการอะไร ออกแนวขี้เกียจ เหมือนไม่ทำ� ก็ไม่มใี ครว่าอะไร (หัวเราะ) เคยมีค่ายหนึ่งที่เรา เคยเข้าไปคุยกันจริงๆ จังๆ เขาก็บอกเลยว่าท�ำเองเนี่ยมันก็ดี แต่มนั จะไม่ดตี รงที่ เราจะเคลือ่ นตัวช้า แล ้วก็มนั จะเหนื่อย ซึง่ ก็เป็ นเหมือนอย่างทีเ่ ขาบอก จริงๆ ผมอยากเรียนรู เ้ รื่องนี้ดว้ ยแหละว่ามันจะเป็ นยังไงถ้าเราท�ำกันเอง ทุกอย่าง เราจะต้องรูอ้ ะไรบ้าง ต้องคุยกับใคร โดยทีศ่ ูนย์กลางยังเป็ นเราอยู่ ก็เลย กลายเป็ นว่าตอนไปทัวร์ก็ตดิ ต่ออะไรเอง ดีลเอง ไม่มผี ูจ้ ดั การ ซึง่ พอถึงจุดทีง่ าน 24
b side
เริ่มเยอะ ตารางงานก็เริ่มรวนละ สุดท้ายก็เลยต้องมีผูจ้ ดั การ เพือ่ ให้เขาเป็ นคนดีล เรื่องต่างๆ แทนเรา โดยเฉพาะเรื่องเงิน คือบางทีคุยกันไปแลว้ ไปๆ มาๆ มาขอ ต่อราคา ลดแค่น้ กี ไ็ ม่ได้เหรอ (หัวเราะ) เราก็ไม่รูจ้ ะท�ำยังไง โฟล์ค : คือเราเองก็พดู ล�ำบาก หาคนมาคุยแทนเลยดีกว่า
โฟล์ค : ก็อยากออกไปเทีย่ วบ้าง (หัวเราะ) ต่าย : สรุปก็คอื รูแ้ ล ้วว่ากันยายนจะได้ออกทัวร์ ไปกันครบ 3 คน ก็เลยคิดว่าถ้างัน้ ต้องท�ำอัลบัม้ ให้เสร็จทันเดือนกันยายนแล ้วล่ะ จะได้เอาไปขายด้วย เหมือนตอนที่ จะเปิ ดร้าน คือต้องมีสถานการณ์มาบีบบังคับ (หัวเราะ) หลังจากนัน้ ก็ลยุ ท�ำเพลงกัน แต่ว่าไปเสร็จจริงๆ เอาตอนเดือนตุลาคม ถ้าใครมีแผ่นอยู่ จะเห็นที่เขียนไว้ว่า จ�ำหน่ายเดือนกันยายน (หัวเราะ) แต่ได้ขายจริงๆ เนี่ยเดือนตุลาคม ก็เป็ นอัลบัม้ ทีจ่ บั ต้องได้ออกมาจริงๆ เสียที
ในระหว่างนั้นแฟนๆ ก็จะเริ่มเห็นพวกคุณออกไปแสดงตามที่ต่างๆ บรรยากาศ ในตอนนั้นเป็ นยังไงบ้าง? ต่าย : ทีแ่ รกเลยคือทีน่ ครราชสีมา ร้านทีต่ ดิ ต่อมาเขาชอบเพลงของเรา แล ้วเจ้าของ เขาเป็ นดีเจด้วย ก็เอาเพลงของเราไปเปิ ดทางวิทยุ ซึง่ ก็สร้างกระแสได้พอสมควร เมท : วันเล่นจริงนี่งงมาก คนร้องได้หมดทัง้ 5 เพลงเลย ร้องได้ไงวะ (หัวเราะ) ต่าย : หลังจากนัน้ ก็ค่อยๆ มีงานอืน่ ๆ ตามเข้ามา โฟล์ค : ล�ำปางเป็ นที่ท่สี อง ก็คือเจ้าของร้านเขาชอบ เปิ ดฟังในยูทูบแลว้ แบบว่า ไอ้พวกนี้มนั ใครวะ ก็เลยชวนมาเล่น ตอนนัน้ เพลงก็ยงั ไม่ตดิ ชาร์ทอะไร ต่าย : แต่กไ็ ปเล่น คนฟังเขาฟังไม่ฟงั ไม่รูล้ ะ่ เล่นไว้ก่อน (หัวเราะ)
ในการท�ำเพลงของอภิรมย์ พวกคุณแบ่งหน้าที่กนั ยังไง? ต่าย : ผมจะเป็ นตัวหลัก แต่งท�ำนองกับเนื้อร้อง สูตรของผมเวลาแต่งเพลงก็คอื แต่ งเพลงที่ผมอยากฟัง ก็คืออยากให้เพลงออกมาฟังง่ายๆ เปิ ดฟังรอบเดียว แลว้ เข้าใจเลย แต่ความที่พ้ นื ฐานเราฟังเพลงเพือ่ ชีวติ มา ก็ไม่อยากได้เพลงที่มนั ดูงา่ ยเกินไป หรือว่าเนื้อหาเดิมๆ คืออยากให้ฟงั ครัง้ เดียวก็เข้าใจ แต่เนื้อหาก็อยากให้ มันซับซ้อนขึ้นนิดหนึ่ง เหมือนเราเล่าปัญหาชีวติ ด้วยวิธกี ารง่ายๆ เป็ นเรื่องซับซ้อน ทีฟ่ งั รอบเดียวเข้าใจเลย ส่วนดนตรี ผมจะท�ำเป็ นไกด์ข้นึ มา พอจะบันทึกเสียงจริงๆ ก็จะให้เมทมาเล่นให้ได้ก่อน ให้เหมือนกับเวลาเล่นสดจริงๆ เมท : ต้องเล่นจริงให้ได้ก่อน ให้ได้นำ�้ หนักมือของเราจริงๆ แล ้วค่อยมาอัด โฟล์ค : ของผม แรกๆ ก็ทำ� อยู่นะ แต่หลังๆ มานี่ปล่อยให้ต่ายท�ำไปเลย (หัวเราะ) แล ้วค่อยมานัง่ แกะเอาดีกว่า ต่าย : แรกๆ ก็อดั ด้วยกันอยู่ แต่โฟล์คมันต้องดูรา้ นดูอะไร ก็ไม่ค่อยว่าง ผมก็เลย อ่ะ เดีย๋ วอัดให้ (หัวเราะ) โฟล์ค : ส่วนเวลาเข้าห้องอัดจริงๆ ก็แยกกันอัดของใครของมัน เสร็จแล ้วค่อยมา มิกซ์รวมกัน เมท : ในอัลบัม้ ทีอ่ อกมาก็จะเป็ นเพลงทีบ่ นั ทึกเสียงใหม่ ต่าย : ตัวเพลงก็เวอร์ชนั ่ เดียวกัน แต่วา่ มีเพลงใหม่เพิม่ เข้ามา แล ้วก็ความละเอียด จะดีกว่า ซาวด์ดขี ้นึ กว่าในอีพี
พอได้ออกไปแสดงตามที่ต่างๆ เสียงตอบรับที่ได้กลับมาเป็ นอย่างไร? ต่าย : มันก็เป็ นเรื่องดีนะครับ ได้ออกไปเล่นก็โอเคแลว้ คนจะฟังหรือไม่ฟงั ก็ไม่เป็ นไร ถือว่าเป็ นก�ำไรแลว้ ได้ไปร้องเพลงให้คนอืน่ ฟัง ได้ไปจังหวัดอืน่ โดยที่ ไม่ตอ้ งจ่ายค่ารถ เวลาไปไหนก็ได้ไปเปิ ดหูเปิ ดตา โฟล์ค: ตอนแรกก็ซีเรียสอยู่ครับว่าไปแลว้ คนเขาจะฟังเราไหม จะรู จ้ กั เราไหม แต่หลังๆ มาก็ชนิ แล ้ว (หัวเราะ) ต่าย : แรกๆ นี่จดั สคริปต์ไว้เลย มีเพลงคัฟเวอร์ดว้ ย กะว่าแบบนี้คนร้องตาม ได้แน่ๆ
“หลังๆ นี่เขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ช่างละ เราใช้โอกาสนี้ ในการเสนองานของเราดีกว่า มีโอกาสขนาดนี้ก็เล่นเพลง ของตัวเองทั้งหมดสิวะ”
ในอนาคต แฟนๆ จะมีโอกาสได้ฟงั อภิรมย์ในแบบอืน่ ๆ ทีต่ า่ งไปจากทีท่ ำ� กันอยูไ่ หม? ต่าย : ถ้าเป็ นอภิรมย์ ก็คงจะเป็ น 3 คน ดนตรีก็จะประมาณนี้ล่ะ เป็ นสู ตรที่ คิดว่าใช่แล ้ว ปรุงแค่น้ กี พ็ อดีละ โฟล์ค : ถ้ากับการเป็ นอภิรมย์ ดนตรีในแบบทีเ่ ป็ นอยู่น่าจะลงตัวแล ้ว ส่วนถ้าจะเป็ น อะไรอย่างอืน่ ก็ให้เป็ นโปรเจ็คท์ใหม่ๆ ไปดีกว่า
เมท : บางที่ก็แบบว่าเจ้าของร้านชอบอยู่คนเดียว แต่ ลูกค้าไม่ได้ชอบด้วยก็มี จ้างมาเพือ่ สนองตัณหาเจ้าของร้าน (หัวเราะ) ต่าย : หลังๆ นี่เขาจะฟังหรือไม่ฟงั ก็ช่างละ เราใช้โอกาสนี้ในการเสนองานของเรา ดีกว่า มีโอกาสขนาดนี้ก็เล่นเพลงของตัวเองทัง้ หมดสิวะ เขาจะไม่ฟงั ก็ไม่เป็ นไร แต่ ณ นาทีนนั้ เขาก�ำลังฟังอยู่ มันต้องมีซกั คนบ้างล่ะทีจ่ ะชอบเพลงของเรา
ดูเหมือนว่าการที่พวกคุณตัดสินใจกลับมาออกทัวร์แบบครบวงอีกครัง้ จะได้รบั เสียงตอบรับดีทเี ดียว เคยคิดกันไหมว่าท�ำไมถึงมีคนติดตามพวกคุณอยู่ ทัง้ ๆ ที่ พวกคุณก็หายหน้าหายตาไปนาน? ต่าย : ส่วนหนึ่งน่าจะเป็ นเพราะทัง้ วงและเพลง มันต้องใช้เวลาในการท�ำความรูจ้ กั กับคนฟัง คือเพลงมันไม่ได้ถกู โปรโมท ไม่ได้มมี วิ สิควิดโี อหรือว่าอัดสป็ อตโฆษณา กลายเป็ นว่ามันจะไม่ได้โด่งดังเร็วมาก แต่ว่าจะมีคนรูจ้ กั อยู่เรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ยงั มีคนถามอยู่ นะว่านี่เล่นเพลงอะไร วงนี้รอ้ งเพลงอะไรเหรอ ซึ่งผมก็รูส้ ึกดีนะ เหมือนเพลงมันก็ค่อยๆ โต โฟล์ค : อีก อย่ า งคื อ เพลงของพวกเราเป็ น เพลงที่น ัก ดนตรี ช อบเอาไปเล่ น ตามร้านเหล ้าด้วย (หัวเราะ) เพลงถูกใจนักดนตรี ส่วนใหญ่ทม่ี งี านจ้างเนี่ยก็เพราะ พวกนักดนตรีไปบอกเจ้าของร้านนี่แหละ วงนี้พ่ี วงนี้ (หัวเราะ) ต่าย : ก็คือมันก็เล่นแค่ กีตาร์กบั คาฮอง ร้านที่มีดนตรีแบบนี้ผมเรียกว่าเป็ น ตลาดล่างนะะ คือไม่ใช่ผบั ไม่ใช่รา้ นทีม่ ดี นตรีเต็มวง แต่เขาจะเลือกเล่นในสเกล ที่เล็กลงมา ซึ่งตลาดล่างพวกนี้มนั มีเยอะกว่าผับแน่ นอน ก็กลายเป็ นเหมือน ป่ าล ้อมเมืองไปเลย เวลาทีด่ นตรีมนั วิง่ ไป
ตอนนั้นถือว่างานชุกไหม? เมท : ก็ไม่เชิงครับ แต่กม็ มี าตลอด เดือนละประมาณ 4-5 งาน คือยังไงเราก็ตอ้ ง เล่นทีร่ า้ นอยูแ่ ล ้ว หยุดวันอังคารวันเดียว เมือ่ ก่อนก็เล่นทุกวันครับ บางวัน 2 ชัว่ โมง ด้วยซ�ำ้ สบายๆ แต่หลังๆ นี่ชกั จะไม่สบายแล ้ว ไม่ไหว (หัวเราะ) ก็เลยขอพักบ้าง ต่าย : งานหลักคือจะเล่นดนตรีทร่ี า้ น อภิรมย์น่ถี อื เป็ นงานอดิเรก แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่ ง พวกคุณก็หยุดกันไปเลย มันเกิดอะไรขึ้น? ต่าย : เป็ นช่วงปี ก่อนทัง้ ปี เลย สาเหตุทห่ี ยุด หลักๆ เลยก็เพราะโฟล์คมีปญั หาเรื่อง สุขภาพ กระดูกสันหลังมีปญั หา อย่างทีร่ า้ นบางทีกเ็ ล่นบ้างไม่เล่นบ้าง ระหว่างนัน้ ถ้ามีออกไปเล่นทีอ่ น่ื ก็จะไม่ได้ใช้ชอ่ื อภิรมย์ จะใช้ชอ่ื ว่าเจษฎาประกาศิตแทน เพราะ ว่าไม่ครบ 3 คน คือจริงๆ ก็กะว่าจะไม่เล่นแล ้วนะ แต่วา่ ก็ยงั ไปบางงานบ้างถ้าเป็ น งานของทีค่ นรูจ้ กั กันจริงๆ ระหว่างที่หยุดพักกันไป แต่ละคนท�ำอะไรกัน? เมท : ก็เล่นทีร่ า้ นครับ ยังเล่นกันตลอด โฟล์ค : ทีห่ ยุดก็คอื หยุดทัวร์เฉยๆ เมท : มีอดั เพลงบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ต่าย : พอตัดสินใจหยุด ตอนแรกผมคิดว่าจะยุบวงไปเลย แต่ โฟล์คบอกว่า ให้ใช้แบ็คอัพไปก่อน ก็เลยเล่นต่อ แต่มนั ก็ไม่ได้ฟีลเหมือนตอนทีเ่ ล่นกัน 3 คน ก็เลยพัก ระหว่างนัน้ ก็วางแผนว่าจะทยอยเคลียร์ควิ ไปเล่นตามทีต่ ่างๆ ทีย่ งั ค้างอยู่ ให้หมด แต่ว่าจะไปกัน 2 คนแลว้ ก็มแี บ็คอัพนะ ถ้าที่ไหนโอเคก็ไปเล่น แลว้ ก็ จะเคลียร์แค่เดือนเดียว คือเดือนกันยายน พอประกาศออกไปแล ้วก็ถามโฟล์คด้วย เผือ่ มันอยากจะไป ตอนแรกมันก็บอกไม่ไป แล ้วซักพักก็เปลีย่ นใจ บอกไปก็ได้
จนถึงตอนนี้ พวกคุณไปทัวร์มาครบทุกภาคแล้วใช่ไหม? ต่าย : ใช่ครับ แต่ไม่ได้ครบทุกจังหวัดนะ ไม่ขนาดนัน้ อย่างอีสานก็ยงั ขาดอยู่ 2-3 จังหวัดทีย่ งั ไม่ได้ไปเล่น แล้วที่มาเล่นที่เชี ยงใหม่รอบนี้ พวกคุณมาได้ยงั ไง เพราะเหมือนกับว่างานนี้ พวกคุณมากันเอง ไม่ได้มีคนจ้าง? ต่าย : จริงๆ ตอนแรกก็มคี นจ้างให้มานะ แต่วา่ งานนัน้ แคนเซิลไป โฟล์ค : ทีอ่ อกทัวร์กนั รอบนี้น่ยี งั ไม่ได้มาเล่นทีเ่ ชียงใหม่เลย คือใจจริงอยากจะมา ปิ ดทริปทีเ่ ชียงใหม่กนั แต่มนั ไม่มงี าน 25
b side
ต่าย : ก็เลยแบบ... งัน้ ลองหาทีเ่ ล่นกันไหม คือเราสนใจโมเดลแบบไลฟ์ เฮาส์อยู่แล ้ว เหมือนของญี่ป่ ุน หาสถานที่เช่าเล่นอะไรแบบนัน้ ทีน้ ีพองานที่มโี ดนแคนเซิลไป แต่เราอยากเล่นเชียงใหม่ แล ้วก็อยากลองท�ำแบบเป็ นไลฟ์ เฮาส์ดว้ ย ก็เลยให้พช่ี า (วิชา เทศดรุณ) ช่วยจัดการเรื่องหาสถานทีใ่ ห้ ทีน้ ีผมก็ชอบร้านสุดสายแนนด้วย เลยฝากให้พ่ีชาลองถามดู ว่าที่สุดสายแนนเขาจะให้เช่ าสถานที่ไหม สรุ ปว่าได้ ในลักษณะทีใ่ ห้ยมื สถานที่ ไม่ได้ให้เช่า ก็คือเหมือนกับจ้างนัน่ ล่ะครับ แต่ว่าเป็ น ทางเราทีเ่ สนอตัวเข้าไป เราก็เล่นดนตรีไป ร้านเขาก็ขายของไป ก็เลยได้มาเล่น
ฟังดูเหมือนกับว่า ตราบใดที่เป็ นอภิรมย์แล้วมีความสุขดีก็ท�ำไป แต่ถา้ วันไหน เริ่มกระทบกับชีวติ ส่วนตัว ก็ไม่เสียดายที่จะหยุดกันไว้แค่น้ ี ? โฟล์ค : ประมาณนัน้ ครับ คือเหมือนแต่ละคนก็มงี าน มีหน้าทีข่ องตัวเอง ก็ทำ� งาน ของตัวเองกันไป ถ้ามีงานของอภิรมย์มาเมือ่ ไหร่กค็ ่อยมาท�ำงานกัน ต่าย : ใครถามผมก็บอกไม่ทำ� แล ้ว (หัวเราะ) ไม่ให้ความหวังกันเลยเนอะ (หัวเราะ) คือผมไม่ค่อยยึดติดกับดนตรีนะ เพราะผมคิดว่าถ้ามีความคิดอะไรทีอ่ ยาก ระบายออกมา จะระบายผ่ านทางดนตรีก็ได้ หรือจะไประบายในทางอื่นก็ได้ เหมือนกัน อาจจะผ่านงานเขียนก็ได้ หรือผ่านอะไรอย่างอืน่ ก็ได้ ไม่อยากเอาตัวเอง มาผูกติดไว้กบั ดนตรีเพียงอย่างเดียว โอเคว่างานดนตรีมนั พึง่ พาได้ มีรายได้กจ็ ริง แต่ผมรูส้ กึ ว่าถ้าเราคิดอะไรออกก็ทำ� ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็วางไว้ก่อน ซึ่งคนอื่นๆ ในวงก็น่าจะเข้าใจเหมือนกันว่าอย่าไปยึดติดกับชื่ออภิรมย์เลย เพราะจุดประสงค์ ทีเ่ ราตัง้ ใจเอาไว้มนั ก็ได้ทำ� ไปหมดแล ้ว เมท : ก็คอื ไม่ตอ้ งคาดหวังกันมากครับว่าจะมีอลั บัม้ ใหม่ไหม จะรวมตัวกันไปถึง เมือ่ ไหร่ หลังจากนี้จะได้ดูอกี ไหม ถ้าใครอยากเจอพวกเรามากๆ ให้มาทีร่ า้ นวันสบาย ทีส่ กลนครเลยครับ ได้เจอกันแน่ๆ แต่วา่ หยุดวันอังคารนะครับ ถ้าไปวันอังคารนี่ ไม่เจอแน่นอน (หัวเราะ)
สิง่ ที่สร้างความประหลาดใจให้กบั หลายๆ คนก็คอื งานของพวกคุณจัดรอบเดียว ้ ยง? ไม่พอ ต้องจัด 2 รอบ และทัง้ 2 รอบก็ขายตัวหมดเกลี ๋ ต่าย : นี่กง็ งๆ กันอยู่ (หัวเราะ) ไปทีอ่ น่ื ก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ คืออย่างทีบ่ อกว่า เรื่องของเรื่องคือ เออ มาเล่นรอบนี้ไม่มเี ชียงใหม่เลยนี่นา มีใกลๆ้ ก็แค่เชียงดาว อยากมาเล่นทีเ่ ชียงใหม่จงั แล ้วสถานทีท่ ม่ี าเล่น คือร้านสุดสายแนนเนี่ย ผมได้ยนิ ชือ่ มาตัง้ แต่ ย งั เป็ น สุ ด สะแนนละ แต่ ต อนยัง เป็ น สุ ด สะแนนนี่ ไ ม่ เ คยได้ม าซัก ที จนได้มากินข้าวครัง้ หนึ่งทีส่ ุดสายแนน เออ ร้านก็สวยดีนะ น่าท�ำเป็ นไลฟ์ เฮาส์ ก็คุยกับพี่ชาว่าที่น่ีน่าจะจุได้ประมาณ 200 คนมัง้ พอตัดสินใจว่าจะจัดกันที่น่ี คุยเรื่องสถานที่เรียบร้อย ก็เลยท�ำบัตรมาแค่นนั้ คิดว่าท�ำเล็กๆ รอบเดียวก็พอ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีอกี รอบ จนพีช่ ามาบอกว่าพวกมึงต้องเล่นอีกรอบหนึ่งแลว้ ล่ะ (หัวเราะ) ก็ไม่คดิ ว่าจะมีคนมาดูกนั เยอะขนาดนี้ เมท : ไม่รูแ้ กไปขายบัตรยังไงนะ ขายเก่งจัง (หัวเราะ) ต่าย : จริงๆ แลว้ จะเล่น 2 รอบติดกันด้วยนะ แต่วา่ โฟล์คติดธุระ ก็เลยเลือ่ น รอบ 2 ออกไปเป็ นอีกอาทิตย์หนึ่ง
“คนอื่นๆ ในวงก็น่าจะเข้าใจเหมือนกันว่า อย่าไปยึดติดกับชื่ออภิรมย์เลย เพราะจุดประสงค์ที่เรา ตั้งใจเอาไว้มันก็ได้ท�ำไปหมดแล้ว”
ปกติพวกคุณมาเชียงใหม่กนั เรื่อยๆ อยู่แล้วด้วยหรือเปล่า? โฟล์ค : เคยแต่มาท�ำงานครับ ถ้ามาเทีย่ วเองนี่ไม่เคยเลย ต่าย : ส่วนมากถ้ามีงานมาเล่นทีเ่ ชียงใหม่ เราก็จะวางแผนไว้ว่าถ้าไม่มาก่อนหน้า วันงานวันหนึ่ง ก็จะอยู่ต่อหลังจากเสร็จงานแล ้วอีกวันหนึ่ง คือแบบขอไปเทีย่ วบ้าง (หัวเราะ) เมท : วันนี้เล่น พรุ่งนี้พกั หรือไม่กว็ นั นี้พกั พรุ่งนี้เล่น อะไรแบบนี้ แต่ไม่เคยมีเล่น 2 รอบแบบคราวนี้ ต่าย : คือรูส้ กึ ว่าเวลามาเชียงใหม่แลว้ ได้ไอเดียใหม่ๆ ในการเล่นดนตรีกลับไป เยอะเลย เมท : อย่างเวลาไปเล่นทีเ่ ชียงราย บางทีกข็ อมาแวะเชียงใหม่ หรือไปไหนแถวๆ นี้ ถ้ามีโอกาสแวะเชียงใหม่กจ็ ะแวะกัน หลังจากงานที่เชียงใหม่แล้ว พวกคุณมีแผนจะท�ำอะไรต่อไป? ต่าย : จริงๆ ต้องถือว่าเราปิ ดทริปไปแลว้ ครับ หลังจากนี้ก็เหลือเคลียร์งานเก่า ที่ยงั ค้างกันอยู่ ส่วนงานใหม่น่ีไม่รบั แลว้ ถ้าใครจะมาจ้างก็คงต้องติดกันไว้ก่อน (หัวเราะ) เพราะจริงๆ ตามแผนทีต่ งั้ ไว้ เรากะว่าจะออกมาแค่เดือนกันยาเดือนเดียว มาเคลียร์งานทีค่ า้ งเขาไว้แล ้วก็จบ แต่ไปๆ มาๆ ก็เลยมาแล ้ว เตลิดเลย (หัวเราะ) ซึง่ หลังจากนี้กจ็ ะมีงาน Cat Expo 3D เดือนกุมภาพันธ์ ทีเ่ ลือ่ นมาจากเมือ่ เดือน พฤศจิกายนแค่นนั้ จากนัน้ ก็อยากจะไปเทีย่ ว เปิ ดหูเปิ ดตา แล ้วก็เล่นดนตรีทร่ี า้ น อันนี้ตอ้ งเล่น ไปไหนไม่ได้ (หัวเราะ)
การเป็ นส่วนหนึ่ งของ ‘อภิรมย์’ ให้อะไรกับพวกคุณแต่ละคน? เมท : การเป็ นสมาชิกของอภิรมย์ทำ� ให้ผมได้เดินทาง ได้รูจ้ กั คน ได้ท่องเที่ยว ไปตามที่ต่างๆ โดยที่ไม่ตอ้ งจ่ายเงินเอง แค่น้ ีก็เป็ นก�ำไรชีวติ แลว้ ที่ได้ไปที่นู่นที่น่ี ท�ำงานอยู่บา้ นเฉยๆ ก็คงจะไม่มโี อกาสได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ไปหลายๆ จังหวัด แบบนี้ ได้เดินทาง เปลีย่ นทีน่ อนทุกคืน ก็สนุกดี เป็ นรสชาติชวี ติ อีกแบบหนึ่ง โฟล์ค : ของผมที่ได้เยอะก็จะเป็ นเรื่องประสบการณ์ คือโดยส่วนตัวผมเป็ นคน ชอบเรื่องเครื่องเสียง พอได้ไปเล่นกับอภิรมย์ในหลายๆ ที่ ได้เจอสถานการณ์จริงๆ ก็ได้ประสบการณ์เยอะมากๆ คือเราท�ำงานดนตรี แต่ก่อนเราก็จะรูแ้ ค่เรื่องดนตรี อย่างเดียว ส่วนเรื่องเครื่องเสียงนี่ไม่รูเ้ รื่อง แต่พอได้ไปหลายๆ ทีก่ ไ็ ด้ความรูต้ รงนี้ เพิม่ ขึ้นอีกเยอะเลย ส่วนเรื่องได้เทีย่ วนี่กโ็ อเคเหมือนกัน เพราะปกติกไ็ ม่ได้มโี อกาส ออกมาเทีย่ วซักเท่าไหร่ ต่าย : ส�ำหรับผมก็คือได้ไปเที่ยว ได้ประสบการณ์ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้รูจ้ กั คนที่เก่งมากๆ ได้แรงบันดาลใจ แลว้ ก็ได้พสิ ู จน์ว่าสิ่งที่เราตัง้ เป้ าไว้มนั ท�ำได้นะ คือตัง้ แต่เริ่ม เรื่องการท�ำเพลง คนอาจจะมองว่าเราเป็ นศิลปิ นอินดี้ แต่ผมคิดว่า เราเป็ นศิลปิ นนอกระบบนะ เราท�ำกันเองทุกอย่าง ไม่ได้มรี ะบบอะไรเหมือนคนอืน่ อัด เพลงแบบนี้ น ะ เอาลงยู ทู บ แบบนี้ แล ว้ ตัว เพลงมัน ก็ เ ติบ โตของมัน ไปได้ คือเราได้พสิ ูจน์แลว้ ว่าการท�ำด้วยตัวเองนี่มนั ก็ทำ� ได้นะ ถ้าน้องๆ รุ่นหลังอยากท�ำ อะไรแบบนี้บา้ ง ก็อยากบอกเขาว่าไม่จำ� เป็ นต้องวิง่ หาค่ายหรือท�ำอะไรใหญ่ๆ ก็ได้นะ ลองค่อยๆ ท�ำกันไป มันก็ได้ผลเหมือนกัน
มีความคิดเรื่องจะท�ำงานชุดต่อไปบ้างไหม? ต่าย : ยังครับ ยังไม่ได้คดิ ก็ดูสถานการณ์ก่อน ตอนนี้ของเก่ายังขายไม่หมดเลย เหลือเยอะอยู่ (หัวเราะ) นี่กะว่าถ้าได้เงินคืน พอใจกับก�ำไรกันแล ้วเมือ่ ไหร่ ทีเ่ หลือนี่ คงแจกเลย (หัวเราะ) เมท : ก็น่าจะเอาไปขายทีง่ าน Cat Expo ด้วย ต่าย : ผมคิดว่าจะท�ำงานเดีย่ วก่อน คือเหมือนสมองมันเตลิดไปช่วงทีพ่ กั กัน ดนตรี ที่คิดได้มนั เริ่มหนัก มันไม่ชิลล์ ไม่ใช่สไตล์ของอภิรมย์แลว้ ก็เลยจะเอาก้อนนี้ ออกไปท�ำเป็ นงานเดีย่ วก่อน จากนัน้ ก็ค่อยว่ากัน โฟล์ค : ก็อย่างทีต่ ่ายพูดว่าอภิรมย์มนั เป็ นงานอดิเรก ไม่ใช่งานหลัก เพราะแต่ละคน ก็มภี าระหน้าทีข่ องใครของมันอยู่แล ้ว ต่าย : อย่างตอนช่วงทีโ่ ฟล์คป่ วย ตอนนัน้ ก็แบบ... ยุบวงเลยก็ได้นะ ได้ทวั ร์แล ้ว ได้นำ� เสนอดนตรีของเราให้คนได้ฟงั แล ้ว พอใจแล ้วล่ะ เพียงแต่ยงั ติดตรงทีอ่ ยากท�ำ อัลบัม้ ทีจ่ บั ต้องได้ให้จบซะก่อน
มีอะไรที่อยากฝากเพิม่ เติมถึงคนที่อา่ นมาถึงตรงนี้ ไหม? ต่าย : ก็อยากให้ลองฟังเพลงของพวกเราดูครับ ส�ำหรับผมทุกเพลงก็เป็ นเหมือนลูก เรามีลูกอยู่ 9 คน ก็รกั เท่าๆ กันหมด ไม่ได้เน้นว่ารักเพลงไหนเป็ นพิเศษ ส�ำคัญหมด ทุกเพลง เพียงแต่แต่ละเพลงมันก็จะคนละแบบเท่านัน้ เอง ก็ลองเสิรช์ ฟังก่อนก็ได้ เพราะว่าคนเรามันชอบไม่ชอบไม่เหมือนกัน เคมีมนั ไม่ตรงกัน เราก็ทำ� สิง่ ทีเ่ ราชอบ ไว้ก่อน ก็ลองฟังดูครับ เผือ่ ว่าเคมีของเราจะตรงกัน เมท : ฝากขายของละกันครับ (หัวเราะ) เพลงที่ลงไว้ในในยู ทูบตอนนี้กบั ซีดี ที่ทำ� ออกมา มันจะไม่เหมือนกัน ถ้าอยากลองฟังอีกเพลงในอีกแบบหนึ่งก็ซ้ อื ซีดี ไปฟังดู สัง่ ซื้อได้ในเฟซบุค๊ แฟนเพจ อภิรมย์ นะครับ ส่วนถ้าอยากฟังแบบเดิม ก็ฟงั ในยูทูบก็แล ้วกัน โฟล์ค : ฝากผลงานเหมือนกันครับ วงเรามีซดี ขี าย ใครทีอ่ ยากได้แผ่นซีดจี บั ต้องได้ ก็ลองซื้อไปฟังดู ถ้าไม่อยากมีแผ่นก็ไม่เป็ นไรครับ ต่าย : แต่ถา้ จะไปฟังทีร่ า้ นวันสบาย คุยกันก่อนก็ได้ครับ เผือ่ ไม่อยู่ (หัวเราะ) 26
b side
27
b side
Music
SOUND OF 2017 CNX ARTISTS TO WATCH (Part 2) ‘ดนตรีเชียงใหม่’ ที่อยากให้คุณรู้จัก เรื่อง : Mickey Blue
ISRA LIBERAL ORCHESTRA แจ๊ซซ์จัดหนัก
หลังจากมีเหตุให้ต้องเลื่อนกันมาหลายเล่ม ในที่สุดก็ได้วาระที่การแนะน�ำอีกหลายศิลปินเชียงใหม่ ที่เราอยากให้คุณๆ ได้รู้จักกันไว้จะได้ปรากฏใน HIP เสียที แน่นอนว่าทั้ง 7 ศิลปินที่น�ำมาเสนอกันในครั้งนี้ ต่ า งก็ มี บ ทเพลงซึ่ ง เป็ น ผลงานจากฝี มื อ ของตั ว เองออกมาแล้ ว ทั้ ง สิ้ น และเราก็ ห วั ง ว่ า ต่ อ จากนี้ ไ ป พวกเขาทั้งหลายที่อยู่ในลิสต์นี้จะเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เมื่อบทเพลงของพวกเขาถูกพัฒนาและขยายจ�ำนวน เพิ่มขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับฝีมือที่ก้าวหน้าขึ้นตามประสบการณ์ที่ได้สะสมไว้ เพราะยิง่ พวกเขาท�ำงานได้ดมี ากเท่าไหร่ วงการดนตรีเชียงใหม่ในปี 2017 ก็จะยิง่ น่าติดตามมากขึน้ เท่านัน้
การมีช่อื ของ เบน ชมภูวงศ์ มือกีตาร์และนักร้องน�ำของวง KOBE เป็ นหัวหน้าวง อาจท�ำให้คนที่ยงั ไม่รูร้ ายละเอียดเข้าใจว่า Isra Liberal Orchestra นัน้ มาแนวร็อค แต่สง่ิ ทีค่ วรรูเ้ กี่ยวกับวงดนตรีวงนี้กค็ อื 1. พวกเขาเป็ นวงแจ๊ซซ์ และ 2. สมาชิกทีเ่ หลือนัน้ จัดว่า ‘ไม่ธรรมดา’ จะให้ไ ล่ เ รี ย งกัน ว่ า ในวงมีใ ครบ้า งเดี๋ย วจะยาวไป เอาเป็ น ว่ า หนึ่ ง ในนั้น คื อ ปอ – ภราดล พรอ�ำนวย ทีค่ งไม่ตอ้ งอธิบายกันแล ้วว่าเขาเป็ นใคร ส่วนสมาชิกทีเ่ หลือในวง ทีจ่ ะเรียกว่าเป็ น ‘สหประชาชาติ’ (เพราะมีทงั้ ไทยและฝรัง่ ) ก็คงได้นนั้ ลว้ นมีฝีไม้ลายมือ เก่งกาจกันทุกคน ขณะทีเ่ รื่องดนตรี ต้องบอกว่างานของพวกเขาเป็ นคอนเทมโพรารี แจ๊ซซ์ (อย่ า งที่ห วั หน้า วงบอก) ที่ใ ห้อ ารมณ์ใ นแบบงานทดลองอยู่ ไ ม่น อ้ ย และเปิ ด โอกาส ให้เ ครื่อ งดนตรีแ ต่ ล ะชิ้น ได้มีบ ทบาทกัน อย่ า งอิส ระ ความที่เ ป็ น เพลงบรรเลงอาจจะ ไม่ใช่ของฟังง่าย แต่ถา้ ได้ลองแล ้วคุณจะทึง่ ว่าของเขาดีจริงๆ 28
b side
MIKE SRIVIENGPING ฉันชอบดนตรี
ไมค์ ศรีเวียงพิงค์ บอกว่า “ชีวติ เกิดมาครัง้ เดียว ควรฝากงานศิลปะทิ้งไว้จรรโลงโลก ชีวติ จะได้ไม่เกิดมา เสียชาติเกิด” เราไม่รูว้ ่าเพลงของเขาจะจรรโลงโลกได้ มากน้อ ยแค่ ไ หน แต่ ห ลัง จากฟัง บทเพลงของเขาแล ว้ สิง่ ทีเ่ รามันใจก็ ่ คอื เพลงของเขานัน้ จรรโลงใจแน่ๆ การเล่นดนตรีแบบ ‘ข้ามาคนเดียว’ อาจดูเหมือน มีขอ้ จ�ำกัดในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่หนุ่ มคนนี้แก้ไข ปัญหาที่ว่าด้วยการเลือกใช้เทคนิคและอุปกรณ์มากมาย หลายอย่าง ทีช่ ่วยให้ดนตรีอะคูสติกและเสียงกีตาร์ของเขา ไม่เ รีย บนิ่ ง หรือ อยู่ อ ย่ า งเดีย วดาย หากแต่ มีสีส นั จาก สารพัดเสียง ที่ถูกน�ำมาเสริมเติมแต่งในแต่ละบทเพลง ขณะที่เรื่องราวที่ถ่ายทอด แม้ภาษาที่ใช้อาจจะไม่ได้มา ในถ้อยค�ำทีค่ ุน้ เคยเข้าใจง่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้วา่ มันมีทงั้ ‘ความงาม’ และ ‘ความจริงของชีวติ ’ อยู่ภายในนัน้
ผีบ้า พระคงฤษี
ค�ำเมือง & เร็กเก้
ผีบา้ พระคงฤาษี ออกตัวเมือ่ เราสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับเขาว่า ตัวเอง เป็ นแค่นกั ดนตรีสมัครเล่นทีไ่ ม่ได้มฝี ี มอื เก่งกาจอะไร แต่สำ� หรับเรา นอกจาก ฝี มือของเขาจะใช้ได้แลว้ สิ่งที่เขามีอยู่อย่างชัดเจนคือ ‘ตัวตน’ ที่โดดเด่ น และลอกเลียนได้ยากจริงๆ จากพื้นฐานที่เคยเป็ นหนึ่งในสมาชิกของ เชียงใหม่กา้ วงร็อคสเตดี้ ทีห่ ลายคนน่าจะเคยเห็นฝี ไม้ลายมือกันมาแล ้ว เมือ่ หันมาแสดงฝี มอื แบบเดีย่ วๆ จังหวะของเร็กเก้จึงเป็ นสิ่งที่เขาหยิบมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยให้ ความส�ำคัญกับเรื่องอารมณ์ความรูส้ กึ เป็ นหลัก ผสมกับความตัง้ ใจทีจ่ ะน�ำเสนอ เนื้อหาผ่านค�ำเมืองทีเ่ ป็ นรากเหง ้าของตัวเอง ท�ำให้เพลงของผีบา้ พระคงฤาษีนนั้ แตกต่าง และท�ำให้เราเอาใจช่วยให้เขาได้บนั ทึกเสียงบทเพลงตามแผนทีเ่ จ้าตัว คิดเอาไว้เสียที เพือ่ ทีค่ นอีกมากมายจะได้มโี อกาสรูจ้ กั เขากันบ้าง 29
b side
ชนพชน อิสระแห่งการบรรเลง
NATURAL WALKAWAY ไปตามธรรมชาติ
จากชุมพรบ้านเกิด มาสัง่ สมประสบการณ์ทางดนตรีทก่ี รุงเทพฯ จนกระทัง่ วันหนึ่งที่เพื่อนศิ ลปิ นชักชวนให้มาร่ วมเล่นดนตรีดว้ ยกัน ณ ดินแดนล ้านนา ตัง้ แต่นนั้ มา Natural Walkway ก็กลายเป็ นประชากร ของเชียงใหม่ไปแลว้ เรียบร้อย และยังคงถ่ายทอดบทเพลงที่มาจาก การเขียนของตัวเองตามทีต่ งั้ ใจเอาไว้อยู่เสมอ หัวใจหลักในงานของ Natural Walkway คือดนตรีโฟล์ค ที่ค นท�ำ บอกว่า “อยู่ ต รงกลางระหว่า งเพลงป๊ อปกับ เพลงเพื่อ ชีวิต ” กับเนื้อหาทีม่ เี รื่องราวทีว่ า่ ด้วย ‘ชีวติ ’ ในหลากหลายแง่มมุ ซึง่ ทัง้ สองสิง่ ถูกผสมให้กลมกลืนและถ่ายทอดออกมาอย่างเป็ นธรรมชาติมากที่สุด จนได้อ อกมาเป็ นบทเพลงที่ มี ท่ ว งท� ำ นองไพเราะกลมกล่ อ ม และมีเ สน่ ห จ์ ากเรื่อ งราวที่เ ล่า ผ่ า นบทเพลง ซึ่ง ไม่ เ พีย งแต่ จ ะสร้า ง ความประทับใจให้หลายต่อหลายคนได้เป็ นอย่างดีเท่านัน้ หากยังท�ำให้ เรารูส้ กึ ว่าอยากเห็นพัฒนาการในงานของเขาในล�ำดับต่อๆ ไปอีกด้วย
ชื่อ ชนพชน นัน้ ต้องอ่านว่า ชน – พะ – ชน แต่อย่าให้ความแปลกของชื่อท�ำให้เรื่องทีเ่ รา จะพูดถึงพวกเขาเฉไฉไปทางอื่น เพราะสิง่ ทีท่ ำ� ให้เราเลือกพวกเขามาอยู่ในลิสต์น้ ีคงไม่เกี่ยวกับชื่อ ทว่ามาจากการทีบ่ ทเพลของพวกเขามีความน่าสนใจเพียงพอทีจ่ ะจับตามากกว่า ด้ว ยพื้น ฐานของดนตรี โ ฟล์ค ที่ ท างวงบอกว่ า เหตุ ท่ี เ ลือ กน�ำ เสนอผลงานในแนวนี้ ก็เพราะคิดว่าดนตรีโฟล์คเปรียบเสมือน “งานศิลปะทีส่ ามารถสือ่ สารกับผูฟ้ งั ได้งา่ ย คนเข้าใจง่าย และมีอสิ รภาพในการบรรเลง” ดนตรีของพวกเขามีทงั้ ความงามของท่วงท�ำนอง เนื้อหาทีใ่ ห้แง่คิด และความโดดเด่นจากเสียงร้องและเสียงไวโอลินที่สร้างสีสนั ให้บทเพลง และเมื่อบวกกับการที่ ในปี ใหม่น้ ี การมีอลั บัม้ ของตัวเองออกมาให้ได้คือเป้ าหมายส�ำคัญของพวกเขา เราจึงไม่ลงั เล ทีจ่ ะบอกว่าพวกเขาสมควรแก่การติดตามจริงๆ 30
b side
อิสญา
ซึ่งกันและกัน
THE BANDIT BOY ก้าวร้าวแต่สนุก
เพราะมีคนให้ค�ำแนะน�ำว่า “เพลงนัน้ เขียนไม่ยาก แค่อย่าไปคิดซับซ้อน” กลายเป็ นสิง่ ทีท่ ำ� ให้ทัง้ สองสมาชิก ของ อิสญา เริ่มลงมือแต่งเพลง ซึง่ ไม่เพียงแต่จะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็ นการมีบทเพลงของตัวเองให้รอ้ งเท่านัน้ แต่ยงั ส่งผลให้วงดนตรีโฟล์คอีกวงหนึ่งถือก�ำเนิดขึ้นมาในแวดวงดนตรีของเชียงใหม่ดว้ ย ความทีส่ มาชิกทัง้ สองคนต่างก็แต่งเพลงกันทัง้ คู่ กระบวนการท�ำงานของพวกเขาจึงมีลกั ษณะสลับกัน หนุนหลังอีกฝ่ าย ซึง่ หมายถึงเมือ่ ฝ่ ายใดเป็ นเจ้าของบทเพลง อีกฝ่ ายก็จะคอยช่วยเสริมในเรือ่ งของการเล่นดนตรี เพือ่ ให้ตวั เพลงมีความสมบูรณ์มากยิง่ ขึ้น ซึง่ ถ้าพิจารณาจากหลายบทเพลงทีพ่ วกเขาสร้างสรรค์ข้นึ มา ทีล่ ้วนแต่ ไพเราะน่าฟังดีแล ้ว การท�ำงานในสูตรนี้กถ็ อื ว่าให้ผลเป็ นทีน่ ่าพอใจ และก็คงจะดียง่ิ ขึ้น หากพวกเขาจะท�ำแบบนี้ ต่อไปเรื่อยๆ เพราะย่อมหมายถึงจะมีเพลงดีๆ ออกมาให้เราได้ฟงั กันอีกนัน่ เอง
The Bandit Boy ออกตัวว่าพวกเขาเป็ นวงดนตรีรอ็ คทีด่ า้ นหนึ่ง ก็อยากท�ำอะไรอึกทึกตึงตังบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้ซาวด์ดนตรี ของตัว เองดู เท่ ซ่ึงฟังดู อาจจะขัดกันอยู่ สกั หน่ อย แต่ จากสิ่งที่ได้ยิน ในบทเพลงของพวกเขา เรากลับไม่รูส้ กึ ว่ามีอะไรทีข่ ดั แย้งกันตรงไหนเลย สิ่งที่น่าชื่นชมในงานของวงดนตรีกลุ่มนี้ คือความพยายามที่จะ ผสมผสานดนตรี ร็ อ คหลากหลายสไตล์ม าไว้ใ นเพลงของพวกเขา ซึง่ ท�ำให้เราจะได้ฟงั ตัง้ แต่อนิ ดี้ร็อคไปจนถึงสครีโม แต่ในขณะเดียวกัน ทัง้ หมดก็เคลื่อนไหวบนท่วงท�ำนองที่ฟงั ติดหู ดว้ ย ซึ่งหมายความว่า นอกจากความก้าวร้าวหนักหน่วงเข้มข้นของร็อคแลว้ เพลงของพวกเขา ก็ยงั เป็ นอะไรที่สนุ กกันได้โดยง่าย และเมื่อคิดในแง่มุมที่ว่าพวกเขา พยายามสร้าง ‘แนวทาง’ ของตัวเองให้แตกต่าง ก็สมควรที่จะชื่นชม และติดตามพวกเขากันดูบา้ งมิใช่หรือ
31
b side
32
b side
Movie Attraction
HELLO January
เริม่ ปีใหม่กนั ด้วยหนังหลากหลายสไตล์ทจี่ ะมาสร้างความบันเทิงกันไปตลอดทัง้ เดือนแรกของปี ไม่วา่ จะเป็นหนังเพลง โรแมนติกที่นักวิจารณ์ต่างก็เชียร์ว่าเป็นตัวเต็งคว้ารางวัล, เรื่องผีๆ ประจ�ำโรงเรียนที่ก�ำลังจะกลายเป็นเรื่องระทึกขวัญ เมื่อนักเรียนบางคนคิดจะลองของ, การกลับมาอีกครั้งของทริปเปิล เอ็กซ์คนแรก กับภารกิจใหม่ที่โหดยิ่งกว่าเดิม, ศึกสุดท้ายของอลิซและมนุษยชาติกบั เหล่าผีชวี ะ และฮาเต็มทีก่ บั เรือ่ งราวความเฮิรท์ ของมือวางอันดับเจ็บอย่างดอน สีชงั
La La Land
School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า
ท่ า มกลางผู ค้ น มากมายในลอสแองเจลิส เซบาสเตียน นักเปี ยโน แจ๊ซซ์ มีโอกาสได้พบกับ มีอา นักแสดงสาวดาวรุ่ง และหลงรัก กัน และกัน แต่ทงั้ คู่พบว่า การตัง้ ใจ ท�ำงานเพือ่ ตามความฝัน ของแต่ ล ะฝ่ าย ก� ำ ลัง ท�ำ ให้ค วามรัก ของเขา และเธอเริ่ ม สัน่ คลอน และอาจจบลงด้วยการแยกจากกันในทีส่ ุด
เมื่ อ นั ก เรี ย น มัธ ยมปลายซึ่ ง เป็ น สมาชิกของวงโยธวาทิต ทีอ่ ยู่ระหว่างการเก็บตัว เข้า ค่ า ยและค้า งคื น ที่ โรงเรียน ตัดสินใจว่าจะ ลองของ เพราะอยากรู ้ ว่าเรื่องผีทเ่ี ล่าต่อกันมา ในโรงเรี ย นนั้น มีจ ริ ง หรือ เปล่า ด้ว ยเหตุน้ ี เรื่อ งระทึก ขวัญ ต่ า งๆ จึงเกิดขึ้นตามมา
วันที่เข้าฉาย : 12 มกราคม 2560 แนวหนัง : Musical, Romantic, Drama ผู้ก�ำกับ : Damien Chazelle นักแสดง : Emma Stone, Ryan Gosling, J.K. Simmons
วันที่เข้าฉาย : 12 มกราคม 2560 แนวหนัง : Horror ผู้ก�ำกับ : ภาส พัฒนก�ำจร นักแสดง : เสฏฐวุฒิ อนุสทิ ธิ,์ รณิดา เตชสิท, วริษฐา วชิรวงศ์
XXX Return of Xander Cage
Resident Evil : The Final Chapter
Mr.Hurt มือวางอันดับเจ็บ
หลายคนคิดว่า แซนเดอร์ เคจ หรือ ทริ ป เปิ ล เอ็ ก ซ์ นั้น ได้ตายไปแล ้ว แต่ทจ่ี ริง เขาซ่ อ นตัว อยู่ เ งีย บๆ จ น ก ร ะ ทั ่ง ถึ ง เ ว ล า ที่ ต ้อ งหวนกลับ มา แ ส ด ง ฝี มื อ อี ก ค รั้ ง เพราะภารกิจ ทวงคื น อาวุธสุดอันตรายอย่าง Pandora’s Box และ รับมือกับ เซียง ยอดนักรบตัวฉกาจ มีแต่เขาเท่านัน้ ทีจ่ ะท�ำได้
เมื่ อ สงคราม ระหว่ า งมนุ ษยชาติ ผู เ้ หลือ รอดกับ เหล่ า ผี ชี ว ะก� ำ ลัง จะเข้า สู่ ฉากสุดท้าย วิธกี ารทีจ่ ะ รับ ศึ ก ใหญ่ ท่ีก �ำ ลัง จะ เกิดขึ้นคือย้อนกลับไป สูจ่ ดุ เริ่มต้นของหายนะ อลิซ จึงต้องกลับไปที่ Raccoon City อีกครัง้ เพื่ อ หาทางหยุ ด ยั้ง แผนการก�ำจัดมนุษยชาติทย่ี งั เหลือรอดเอาไว้ให้ได้
ซู เ ป อ ร์ ส ต า ร์ นักเทนนิสอย่าง ดอน สีชงั ต้องเจ็บหนักจาก ความรัก เมือ่ แอนนา ดาราสาวสวยคนรัก ของเขาเปลีย่ นใจไปรัก กับร็อกเกอร์หนุ่ มเข้ม จิ ม มี่ เดอะร็ อ กเก็ ต จนกระทัง่ เขาได้พบกับ ดิว เพือ่ นหญิงเมือ่ ครัง้ เยาว์ว ยั ที่ก า้ วเข้า มา ช่วยหาทางพิชติ ความเฮิรท์ ของดอน รวมไปถึงจัดการ ศัตรูหวั ใจอย่างจิมมีด่ ว้ ย
วันที่เข้าฉาย : 19 มกราคม 2560 แนวหนัง : Action ผู้ก�ำกับ : D.J. Caruso นักแสดง : Vin Diesel, Samuel L. Jackson, Donnie Yen
(Imax & 4dx Recommended)
วันที่เข้าฉาย : 26 มกราคม 2560 แนวหนัง : Action, Horror, Sci-Fi ผู้ก�ำกับ : Paul W.S. Anderson นักแสดง : Milla Jovovich, Ruby Rose, Ali Larter
(Imax & 4dx Recommended)
วันที่เข้าฉาย : 26 มกราคม 2560 แนวหนัง : Comedy ผู้ก�ำกับ : อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา นักแสดง : ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, มารี เบิร์นเนอร์, พงศธร จงวิลาส, มชณต สุวรรณมาศ
***หมายเหตุ: โปรแกรมหนังอาจมีการเปลี่ยนแปลง
“Major Movie Plus” App เดียว ครบทุกเรื่องหนังในมือคุณ
โหลดฟรี
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เชียงใหม่ เช็ครอบ จองตั๋ว โทรสายตรง
ชัน้ 4 เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น 5 เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่
โทร.053-283939 โทร.053-288852
www.majorcineplex.com
www.twitter.com/majorgroup
33
b side
www.facebook.com/majorcineplexchiangmai