1
b side
2
a side
C ON T E NTS
A u g u s t
2 0 1 7
V o l. 1 3
N o. 1 5 4
Bike Trip 04 Bike Tips 06 Bike Review 08 Bike Safe 09 Run 10 Report 12 Cover Story 18 Travel 22 Journey & Amazing Dishes 28
HILIGHT
Cover Story
digital contents www.hipthailand.net
10 Run
18 Cover Story
22 Travel
หลายคนรู้ว่าการแข่งขันที่เรียกกันว่า ‘Ironman’ นั้น ประกอบด้วยการว่ายน�้ำ ปัน่ จักรยาน และการวิง่ แต่คงส่ายหัวหากถูก ถามว่าจะไปลงแข่ง Ironman ต้องเตรียมตัว ยังไง Run ฉบับนี้ มาแล้ว จึงขอน�ำวิธีการ เตรียมตัวเพื่อเป็น ‘คนเหล็ก’ ในแบบฉบับ ชาวเชียงใหม่มาฝากกันซะเลย
พูดถึงปีนัง หลายคนคงมีภาพในหัว ไม่ต่างกัน เมืองเก่า ศิลปะ ร้านกาแฟ คาเฟ่ ผูค้ นน่ารัก แต่จากการไปสัมผัสด้วยตัวเอง ของบรรณาธิการผูช้ ว่ ยของเรา เธอบอกว่า ปีนังท�ำให้รู้สึกผ่อนคลาย และได้พบเจอกับ สิง่ ต่างๆ มากมาย ในเมืองเล็กๆ ทีท่ ำ� ให้หวั ใจ พองโต จนอยากให้ทกุ คนได้ลองไปซักครัง้
Travel น�ำคุณไปเยือน 2 เมืองใหญ่ ของแคว้นราชสถาน อย่าง ‘ชัยปุระ’ และ ‘อุทยั ปุระ’ ถ้าภาพอินเดียในความคิดของคุณ ไม่ค่อยจะโสภาซักเท่าไหร่ การท่องเที่ยวใน สองเมืองของแคว้นที่เก่าแก่และมั่งคั่งแห่งนี้ จะท�ำให้คณ ุ ได้เห็นอีกด้านของอินเดียทีห่ รูหรา งดงาม และเพียบพร้อมจริงๆ
เรื่อง /ภาพ : asidslapper
และหรือ
AND OR
B I K E T R I P
ยืดอกยอมรับสารภาพแต่โดยดีกบั คุณผูอ้ า่ นตรงนีเ้ ลยว่า ตลอดหนึง่ ปีทผ ี่ า่ นมา ผมได้แอบ เอาใจออกห่างการปั่นจักรยานบ่อยมาก ก็สิ่งยั่วยุมันรุมเร้าเหลือเกินนี่นา! ไหนจะเริ่มสนุกกับ การวิ่งเอย การว่ายน�้ำเอย และที่ส�ำคัญก็เจ้ามอเตอร์ไซค์คันโบ้ที่เพิ่งถอยมานี่แหละ ตัวร้ายเลย! จากที่เคยใช้ชีวิตแบบที่ปั่นจักรยานทุกวัน แถมยังนับวันรอเพื่อจะได้ไปออกทริปสุดสัปดาห์ ในรูปแบบการท�ำสงครามฆ่ากันเองกับเหล่าสหาย พองานมันยุ่ง เวลามันก็น้อยลง ก็เลยเริ่มหันเห ตัวเองมาวิ่ง ด้วยเหตุผลที่แสนจะง่ายว่ามันเหนื่อยเร็วดี! วิ่งๆ มันซะให้เสร็จ แล้วจะได้ รีบไปท�ำงานต่อ 555 ประจวบเหมาะกับที่งานกิจกรรมวิ่งทั้งหลายก็เริ่มเบ่งบานไปทั่วปฏิทินกีฬา เรียกได้ว่ามีงานวิ่งเกือบทุกอาทิตย์ว่างั้นเหอะ ผมก็เลยเริ่มหวั่นไหว เทใจมาทางวิ่งซะเยอะ พอดีพ๊ อดีกบั ช่ วงปี ท่ีผ่านมา ผมดันสวีทอินเลิฟกับเจ้า มอเตอร์ไซค์คนั บึก พอใกล ้จะสุดสัปดาห์กม็ กั จะเผลอไผลใจลอย ไปว่าเราจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปเทีย่ วทีไ่ หนดี มันก็เลยเริ่มเกิดอาการ รวนเรหนักหน่วงถึงขัน้ จะเป็ นทุกข์เอาน่ะสิ 555 ก็ดนั ต้องมาเลือก ว่าจะบิดหรือจะปัน่ ? โอ๊ยยยย มึนไปหมด ก็มนั ดันชอบทัง้ คู่น่นี า จะไม่ปนั ่ ก็ใช่ท่ี ก็รกั ซะขนาดนี้ จะไม่บดิ เลยก็กระไรอยู่ ก�ำลังเห่อ มอเตอร์ไซค์คนั ใหม่เชียวนะ! จมอยู่กบั เรื่องนี้มาได้สกั ระยะหนึ่ง จนเริ่มกระจ่างตาขึ้นมาว่า เห้! ถ้าชอบทัง้ คู่แลว้ ท�ำไมต้องเลือก ด้วยล่ะ? ก็ทำ� มันทัง้ สองอย่างเลยสิ ไอ้เรื่องจับแพะชนแกะนี่ เก่งอยูแ่ ล ้วนี่นา! แล ้วผมก็พลันพบว่าหลงโง่อยูซ่ ะตัง้ นานกับค�ำถาม ทีว่ า่ บิด หรือ ปัน่ ? ตัง้ ค�ำถามใหม่ดฝี ่ า! เป็ น... จะต้องท�ำยังไงถ้าจะ บิด และ ปัน่ ? แหม และ กับ หรือ นี่มองผิวเผินมันก็ดูจะคล ้าย แต่เอาเข้าจริงๆ นี่มนั ต่างกันเยอะเลยนะ 555 4
a side
หลังจากทีบ่ ง่ึ ฝ่ าละอองเปี ยกมาประมาณเกือบชัว่ โมง ผมมา จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ทีบ่ ริเวณตีนดอยอินทนนท์ ประกอบจักรยาน เสร็จสรรพก็เริ่มปัน่ เลย แพะภูเขาไม่กลัวดอยอยู่แล ้ว! ฉับพลัน! เมฆหมอกก็แหวกออกอย่ างรวดเร็ว เปิ ดโอกาสให้ดวงสุ ริยนั ออกมาโลมเลีย!!! เหนื่อยก็เหนื่อย ก�ำลังเปี ยกๆ หนาวๆ เจอแดด เปรี้ยงลงกลางกบาล เป็ นบรรยากาศที่ช่างอบอุ่นดีเหลือ๊ เกินนน ซิ ป แตกแหกเสื้ อ ปัน่ ! ตอนนี้ แพะภู เ ขาออกจากช่ อ งฟรี ซ มาเข้าเตาอบแล ้วครับคุณผูช้ ม!
ผ่านช่ วงเส้นทางสบายมาถึงที่ทำ� การอุทยาน (กม. 31) เรียบร้อย ใครทีเ่ คยมาปัน่ ขึ้นดอยอินทนนท์คงจะรูก้ นั ดีนะครับว่า เส้นทางจากนี้เรียกได้วา่ ‘นรกส�ำหรับยุงร้าย’ เชียวล่ะ ตอนนี้ฟ้า เริ่มกลับมามืดครึ้มอีกครัง้ เอาเถอะ จะมายังไงก็มาเถอะ ถ้ามี น�ำ้ ป่ าหลากมาตอนนี้ผมคงก็ไม่แปลกใจแลว้ ล่ะครับ นัน่ ไงล่ะ หมอกซัดเข้ามาเฉียบพลัน Winter Is Coming! เรามาถึงเมือง วินเทอร์เฟลแลว้ จอห์น สโนว์เพิง่ ขีม่ อเตอร์ไซค์สวนลงไปนี่เอง แฮ่! จอดสิครับ รูดซิปเสื้อก่อนเลยยย ตอนนี้ทศั นวิสยั แย่สุดๆ เป็ นภาพพร่าๆ ขาวๆ ขมุกขมัวไปหมด ดีทผ่ี มติดไฟหน้า - ไฟท้าย ว่าแล ้วก็เดินวนรอบรถมอเตอร์ไซค์อยูค่ รึง่ วัน ดึงตลับเมตร มาด้วย เวลาถ่ายเซลฟี่ หน้าจะได้ไม่มดื แฮ่! ช่วงกิ่วแม่ปานทีช่ นั ๆ วัดโน่ นวัดนี่ ง่วนส่องหารู ยดึ น็อตอยู่อีกพักใหญ่ ขีดๆ เขียนๆ ต่ อเนื่องยาวๆ นี่ คุณเอ๊ยยยย เรียงอารมณ์ไม่ถูกเลยครับว่า อยู่อีกแป๊ บ จึงได้สเก็ตช์แบบร่างแร็คใส่จกั รยานขึ้นมา ตามหา จะปวดหลังหรือจะหนาวหรือจะปวดขาดี 555 ผ่ า นช่ ว งกิ่ ว แม่ ป านก็ พ อจะได้พ ัก ด้ว ยทางเรี ย บๆ ช่าง Custom Shop ในต�ำนาน ก็ไม่ใช่ใครอืน่ ไกลตัว ก็คุณปอ สิงห์นกั ปัน่ คุน้ หน้าคุน้ ตากันนี่แหละ โทรติดต่อกันไปไม่นานช่างปอ อยู่ช่วงหนึ่ง แลว้ ก็เจอกับอสู รกายตัวสุดท้าย ในวงการนักปัน่ ก็บง่ึ รถกระบะมารับตัวมอเตอร์ไซค์ขบั หายเข้ากลีบเมฆไปประมาณ เราเรียกเนินนี้กนั คุน้ ปากว่า ‘เนิน TOT’ อันนี้ละ่ ครับทรมานสุดๆ สองสัปดาห์ ไลน์กเ็ ด้ง “ตู่ดงุ๊ ” ขึ้นมาบอกว่า “แร็คเสร็จแล ้วครับพี”่ ตอนนี้เริม่ มีเสียงก้องอยูใ่ นหัวตัวเองว่า “ท�ำไมมึงไม่บดิ มอเตอร์ไซค์ พอเอามารวมร่างปุ๊ บก็อย่างทีเ่ ห็นครับ ฝันทีเ่ ป็ นจริงแล ้ว บิดไปไกลๆ ไปหาทีเ่ รียบๆ ปัน่ วะ?” ก้มหน้าก้มตากระหน�ำ่ กดบันไดไปเรื่อยๆ นักท่องเทีย่ วผ่านไปผ่านมาท�ำหน้า “โอ้โห” กันหมดเลย เดาไม่ยาก แล ้วค่อยลงปัน่ หืยยยยย แค่คดิ ก็มนั แล ้ว! ปัญหาคือจะบิดไปปัน่ ที่ไหนดีล่ะ? โจทย์คือห้ามใกลเ้ กิน ว่าในใจพวกเขาคิดอะไรกันนะฮะ ป่ านนี้คงนินทากันในรถว่า เพราะจะไม่ คุ ม้ กับ ที่ถ่ อ ใส่ แ ร็ ค ไป แต่ ถ า้ ไกลเกิ น จะกลับ มา “ไอ้น่ีมนั ท่าจะบ้า!” จนแลว้ จนรอดก็พาตัวเองมาจนถึงจุดหมาย เขียนคอลัมน์ลง HIP ไม่ทนั แฮ่! งัน้ เอางี้ เปิ ดประเดิมเอาฤกษ์ ปลายทางจนได้ สะใจจริงๆ พิชติ ดอยอินทนนท์ในฤดูฝนได้แล ้ว! เอาชัย จัด ดอยอิน ทนนท์ม นั เลยก็ แ ล ว้ กัน ระยะท�ำ การของ แต่ก็เข็ดแลว้ ครับ เพราะว่าขาลงอันตรายมาก เอาเป็ นว่า ผมไม่ มอเตอร์ไซค์กำ� ลังดี แต่ ระยะท�ำการของจักรยานนี่สิ! เอาวะ! แนะน�ำให้มาดอยอินทนนท์ฤดูน้ นี ะครับ ถึ ง แม้ว่ า จะเจอสภาพอากาศที่ เ ลวร้า ยแค่ ไ หนก็ ต าม เป็ นไงเป็ นกัน โพสต์รูปลงเฟสไปแล ้ว ถ้าไม่สำ� เร็จเดีย๋ วกลายเป็ น ช่างมันเถอะ รักชีวติ Outdoor ก็ตอ้ งท�ำใจให้ได้นะ เสน่หข์ อง เหยือ่ สังคมออนไลน์ คืนวันเสาร์ ผมแพ็ครถจักรยานขึ้นแร็ค เตรียมทุกอย่าง ชีวติ กลางแจ้งก็ง้แี หละ แต่อย่างน้อยก็ได้รูว้ ่าตอนนี้ผมสามารถ ให้เ รีย บร้อ ย พร้อ มกับ นัง่ จิบ เบาๆ ชื่น ชมสิ่ง ประดิษ ฐ์สุ ด คู ล เปิ ดโอกาสให้ตวั เองได้สนุกกับทัง้ มอเตอร์ไซค์ และจักรยานภายใน (แหะแหะ) พอเช้าวันอาทิตย์ปบุ๊ ฝนตกคร้าาาา!!! เฮ้อออ ชีวติ หนอ วันหยุดวันเดียว โดยไม่ตอ้ งตัดสินใจล�ำบากอีกต่ อไป แลว้ ก็ ชีวติ กะว่าจะเฉิดฉายกลับกลายเป็ นเฉอะแฉะซะ นัง่ จับเจ่าเอาไม้ เริ่มสนุ กกับการวาดฝันถึงทริปต่อไปว่าวันหยุดครัง้ หน้าจะ บิด เขีย่ หมาเล่นแก้เซ็งรอฝนซา แต่ยงั ไงก็จะไป ชะเง ้อมองไปทางทิศใต้ ไป ปัน่ ทีไ่ หนต่อดี ฉบับนี้ลากันแบบเปี ยกๆ เลยก็แล ้วกันนะครับ ซ่าาาาา ฟ้ าเริ่มเปิ ด เปิ ดให้เมฆด�ำเข้ามาเพิม่ แฮ่! ยังไงก็ลยุ ไปละๆๆ 5
b side
B I K E T I P S
TRAINER อุปกรณ์ช่วยปั่นรักษา ความฟิตในฤดูฝน เรื่อง : Weekend Warrior
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว HIP ทุกท่าน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของฤดูฝนอย่างเต็มตัวแล้ว เพื่อนๆ หลายท่านอาจจะได้เริ่มใช้บริการเทรนเนอร์ และอีกหลายๆ ท่านอาจจะก�ำลังมองหา เทรนเนอร์ดีๆ สักตัวเพื่อใช้ปั่นยามฝนตก ฉบับนี้เรามาท�ำความรู้จัก ‘เทรนเนอร์’ กันครับ ว่าเจ้าอุปกรณ์นี้คืออะไร เทรนเนอร์ (Trainer) คื อ อุ ป กรณ์ ท่ีน�ำ มาฝึ กร่ ว มกับ จัก รยาน เพือ่ เลียนแบบการปัน่ จักรยานบนท้องถนนด้วยการปัน่ อยู่กบั ที่ วัตถุประสงค์ ของการใช้เทรนเนอร์มหี ลากหลาย เช่น รักษาความฟิ ตของร่างกาย เสริมสร้าง ทักษะการปัน่ หรือฝึ กซ้อมเมือ่ สิง่ แวดล ้อมถูกจ�ำกัด เช่นเวลา หรือสภาพอากาศ ไม่เหมาะส�ำหรับการออกไปปัน่ ข้างนอก ส�ำหรับเทรนเนอร์จะมีหลากหลายรู ปแบบ และมีหลายระบบ ดังนัน้ เราจะมาท�ำความรูจ้ กั กันครับ ว่าเทรนเนอร์แต่ละแบบมีขอ้ ดีขอ้ เสียแตกต่างกัน อย่างไร เพือ่ ทีเ่ พือ่ นๆ จะได้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมส�ำหรับแต่ละท่าน
เทรนเนอร์แบบสามลูกกลิ้ง เทรนเนอร์แบบนี้จะจ�ำลองเสมือนการปัน่ จริง โดยผู ้ปัน่ จะต้องวางจักรยาน บนลูกกลิ้ง แลว้ พยุงตนเองให้จกั รยานทรงตัวอยู่บนลูกกลิ้งให้ได้จนกระทัง่ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ขณะปัน่ ข้อดีของเทรนเนอร์ชนิดนี้ก็คือ เหมาะส�ำหรับ ฝึ กการทรงตัว และเหมาะส�ำหรับการปัน่ เพือ่ ฟื้ นฟูกล ้ามเนื้อ (Active Recovery) เพราะแรงต้านของลูกกลิ้งไม่สูงมากนัก ส่วนข้อเสียได้แก่ไม่สามารถปรับแรงต้าน ของการปัน่ หรือการออกแรงได้ และการทรงตัวเพื่อปัน่ บนเทรนเนอร์ชนิดนี้ ค่อนข้างยากส�ำหรับมือใหม่ เสีย่ งต่อการเกิดอุบตั เิ หตุได้งา่ ย 6
a side
เทรนเนอร์แบบจับดุม
เทรนเนอร์ชนิดนี้จะแบ่งเป็ นสองชนิด คือระบบสัมผัส ขอบล ้อ และระบบสัมผัสหน้ายาง ส�ำ หรับ เทรนเนอร์แ บบจับ ดุ ม ระบบสัม ผัส ขอบล้อ นัน้ ไม่เป็ นที่นิยมมากนัก เนื่องจากปัจจุบนั ขอบลอ้ มีหลากหลาย รู ปแบบ และระบบแบบสัมผัสหน้ายางก็พฒั นาไปมาก และให้ ความรูส้ กึ ของการปัน่ ทีด่ กี ว่า ดังนัน้ จึงจะไม่ขอกล่าวถึงเทรนเนอร์ ชนิดดังกล่าวในทีน่ ้ ี ส่ ว น เทรนเนอร์แ บบจับ ดุ ม ระบบสัม ผัส หน้ า ยาง เป็ นเทรนเนอร์ท่พี บเห็นได้ทวั ่ ไปตามท้องตลาด และเป็ นที่นิยม อย่างมากในปัจจุบนั ระบบการท�ำงานจะใช้ลูกกลิ้งเพิ่มแรงกด บนหน้ายางเพือ่ สร้างแรงต้านทาน โดยชุดลูกกลิ้งจะมีชดุ Loader เพื่อ สร้า งแรงต้า นระหว่า งปัน่ ได้ห ลากหลายระดับ ด้ว ย ทัง้ นี้ เทรนเนอร์แบบจับดุมระบบสัมผัสหน้ายาง ยังสามารถแบ่งประเภท ของชุดสร้างแรงต้านได้อกี สองแบบดังนี้ แบบสร้างแรงต้านทานจากของเหลว (Fluid Trainer) โดยใช้ข องเหลวที่มีค วามหนื ด เป็ น กลไกในการสร้า ง แรงต้านทานการหมุน มีข ้อดีคอื ให้ความรูส้ กึ เหมือนปัน่ จริง ยิง่ ปัน่ เร็ว และแรงเท่ า ใด แรงต้า นทานจากตัว เทรนเนอร์ก็จ ะสู ง ขึ้น ตามแรงที่ออกไปเท่านัน้ และเสียงจากการใช้งานค่อนข้างเงียบ เหมาะส�ำหรับผูท้ อ่ี าศัยอยู่ในห้องชุด ไม่รบกวนผูอ้ น่ื และเนื่องจาก ให้ความรูส้ กึ เสมือนปัน่ จริง จึงเหมาะที่จะใช้สำ� หรับการฝึ กซ้อม แบบอินเทอร์วลั (Interval Training) ส่วนข้อเสียก็คอื ราคาค่อน ข้างแพง แบบสร้างแรงต้านทานจากแม่เหล็ก (Magnetic Trainer) โดยใช้แม่เหล็กในการสร้างแรงต้านทาน ซึ่งมีขอ้ ดีคือ สามารปรับแรงต้านเป็ นระดับได้ ท�ำให้เหมาะส�ำหรับการจ�ำลอง การฝึ กปัน่ ขึ้นเขา ปัน่ ทางเรียบ หรือฝึ กซอยรอบขาในรอบที่สูง รวมถึงสามารถจ�ำลองการฝึ กแบบต่างๆ ได้หลากหลาย เนื่องจาก สามารถปรับแรงต้านได้ตามความเหมาะสมของการฝึ กซ้อมแต่ละ ประเภท และราคาโดยรวมจะถูกกว่า Fluid Trainer ส่วนข้อเสีย คือจะมีเสียงดังกว่าแบบ Fluid Trainer
เอาล่ะครับ เพือ่ นๆ น่าจะได้ทราบคร่าวๆ แล ้วว่าเทรนเนอร์ แบ่ง เป็ น กี่ป ระเภท และประเภทไหนเหมาะสมกับ การใช้ง าน ของเราบ้า ง อัน นี้ ค งไม่ ส ามารถฟัน ธงได้ว่ า แบบไหนดีท่ีสุ ด เพราะความจ�ำเป็ นและเหตุผลของแต่ละคนนัน้ ต่างกัน ดังนัน้ ก็ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับเรา และเราสามารถใช้งานได้อย่างคุม้ ค่า นัน่ แหละครับ ถึงจะเรียกได้วา่ เป็ นเทรนเนอร์ทด่ี ที ส่ี ุดส�ำหรับตัวเรา นอกจากนี้แลว้ ยังมีคำ� ถามที่ยงั คงเป็ นปัญหาโลกแตก เถียงกันไม่จบไม่ส้นิ ว่าการน�ำเอาเฟรมคาร์บอนมาขึ้นเทรนเนอร์ จะท�ำให้เฟรมเสียหายหรือไม่ ส�ำหรับประเด็นนี้ผมไม่ขอตอบ นะครับ ว่าเสียหายหรือไม่เสียหายอย่างไร เพียงแต่ผมสามารถ ให้ขอ้ คิดได้อย่างหนึ่งคือ ในปัจจุบนั มีการพัฒนาเทคโนโลยีและ เรซิ่นที่ใช้ในการประสานคาร์บอน ส�ำหรับใช้ในการผลิตเฟรม จักรยาน ซึ่งปัจจุบนั จักรยานแต่ละยี่หอ้ ก็ได้พฒั นา วิจยั และ ทดสอบการใช้งานกันพอสมควร ก่อนทีจ่ ะจ�ำหน่ายตามท้องตลาด ขณะที่มาตรฐานต่ างๆ ก็สูงกว่าสมัยก่ อนเป็ นอย่างมาก ท�ำให้ มีความคงทนในระดับหนึ่งส�ำหรับการใช้งานในลักษณะทีเ่ หมาะสม ดังนัน้ การน�ำเอาจักรยานขึ้นเทรนเนอร์แลว้ ปัน่ อย่างเหมาะสม ไม่โยกหรือสปรินท์จนเฟรมเกิดการบิดงอจนเกินรับไหว ก็จะไม่ น�ำความเสียหายมาสู่เฟรมจักรยานทีท่ ่านรักแน่นอนครับ ขอให้สนุกกับการปัน่ เทรนเนอร์ในฤดูฝนนี้นะครับเพือ่ นๆ แล ้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ
ภาพประกอบจาก
http://images.esellerpro.com/2462/I/112/377/cycleops.png
7
b side
B I K E R E V I E W
INSOLE : INSIDE เรื่อง /ภาพ : acidslapper
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เพราะงานที่ยุ่งเหยิงมาก ท�ำให้ ช่วงปีที่ผ่านมาผมปั่นจักรยานน้อยลง แต่เน้นหนักไปทางวิ่ง และยิ่งน้อยลงอีกในช่วงซัมเมอร์เพราะร้อนเหลือเกิน ก็เลย พาตัวเองไปแช่น�้ำคลอรีนซะเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าอัตราส่วน การปั ่ น จั ก รยานของผมจะรู ด ต�่ ำ ลงอย่ า งน่ า ใจหาย แต่ ก็ ไม่ตอ้ งห่วงนะครับ เพราะมีเรือ่ งจะน�ำมาเขียนให้แฟนานุแฟนชาว Bike Section อย่างไม่รู้จบอยู่แล้วครับ อย่างที่เกริ่นน�ำมานัน่ แหละ เมือ่ ปัน่ จักรยานน้อยลงแลว้ พอมาปัน่ ที มันปวดเท้าเหลือเกิน ราวกับว่าเท้ามันออกอาการประท้วงว่าไม่คุน้ กับรองเท้า จักรยานซะอย่างงัน้ ทัง้ ๆ ทีม่ นั ก็รองเท้าคู่เดิมทีต่ รากตร�ำกร�ำศึกกันมาอย่าง โชนโชกแท้ๆ เป็ นอาการปวดแบบตุบ๊ ๆ บริเวณฝ่ าเท้าทัง้ สองข้างเลย เดชะบุญ! อยู่มาวันหนึ่งนัง่ เล่นเฟซบุค๊ อยู่ดีๆ ก็ดนั มาเจอโพสต์อนั หนึ่งที่ว่าด้วยเรื่อง แผ่นรองรองเท้า (Insole) เห็นโฆษณาก็นงั ่ อ่านไปเพลินๆ ในใจก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง จะบ้าเหรอ แผ่น Insole หลักพันเนี่ยนะ! ก็แค่แผ่นโฟมแผ่นยาง มันจะอะไรกันนักกันหนา แต่อาการปวดฝ่ าเท้าก็บอกผมว่าน่าลองจังเนาะ อ่านไปอ่านมาก็เริ่มอินสิครับ เขาบอกว่าลักษณะเท้าของคนเราแต่ละคน มันไม่เหมือนกัน ต�ำแหน่งทีล่ งน�ำ้ หนักก็ต่างกัน ซึง่ มันก็สมั พันธ์มาจากความโก่ง ของขา นัน่ หมายความว่ามนุษย์เราต่างก็ตอ้ งการแผ่น Insole ทีม่ คี วามพิเศษ เฉพาะแต่ละคน เพือ่ ประสิทธิภาพสูงสุดในการถ่ายแรง และเพือ่ ความปลอดภัย จากผลกระทบทีจ่ ะเกิดกับเท้า ข้อเท้า ลามไปถึงหัวเข่า สะโพก และเอวโน่นเลย โดยเฉพาะกับการออกก�ำลังกาย และกีฬาทีใ่ ช้เท้าเป็ นหลัก เช่น จักรยาน วิง่ 8
a side
ฟุตบอล เป็ นต้น พอ ศึกษาต่อไป เจอเรื่อง การเพิม่ ประสิทธิภาพ ให้กบั นักกีฬาอีกด้วย! ปิ ง๊ งงง ตาเป็ นประกาย สิครับงานนี้ นอกจาก จะหายเจ็บแลว้ นี่ยงั เพิ่ม ความแรงได้อีก ด้วยเหรอเนี่ย มันจะ ซู เ ปอร์ฮี โ ร่ อ ะไรกัน ขนาดนัน้ ! สื บ ไปสื บ มา โอ้ว มันคือผลิตภัณฑ์ จากเยอรมั น ยี่ ห ้อ Currexsole ซึ่ ง ตัวแทนจ�ำหน่ ายของ เชียงใหม่ก็ไม่ใช่ ใครที่ไหนไกลเลย ก็พ่ที อ้ ร้านซ้งจักรยานเรานี่เอง ผมใช้สทิ ธิ์คนรูจ้ กั เป็ นการส่วนตัวโทรหาแกทันทีเลย ก็ได้คำ� ตอบว่า ไม่ใช่แค่ ไปซื้อมาใช้นะ มันต้องวัดโน่ นวัดนี่ก่อน นัดกันเสร็จสรรพ ก็เข้าไปที่รา้ น พี่ทอ้ แกก็ให้ผมถอดรองเท้าขึ้นไปยืนบนเตาแก๊สพลัง แม่เหล็กไฟฟ้ า แฮ่! เพลทวัดแรงกดเท้าฮะ เสร็จปุ๊ บก็จดค่าไว้ แล ้วก็วดั ความโก่งของขาอีก (ค�ำเมืองเรียกวัดขาว้อง! 555) สรุปคือผมต้องใช้ แบบ BIKEPRO MED แลว้ พี่แกก็ทา้ ให้ลองใช้กบั รองเท้าคู่ เดิม ทีใ่ ส่ประจ�ำเลย จะได้รูค้ วามแตกต่างชัดๆ สัมผัสแรกในท่ายืนและเดินไปเดินมาแบบยังไม่ได้ปนั ่ จักรยาน เลยเนี่ย รูส้ กึ ได้ทนั ทีเลยว่านุ่มขึ้น กระชับเข้าอุง้ เท้ามากขึ้น สบายเท้า มากขึ้น Insole แบบนี้เดินจูงจักรยานบนดอยสบายแน่ๆ แฮ่! ว่าแล ้ว ก็ลองมันให้หน�ำใจไปเลย ทัง้ ดอยทัง้ เรียบซัดซะให้หมด ปรากฏว่า... อาการปวดฝ่ าเท้าหายขาดเลยครับ ด้วยความตื่นเต้น กลับมาดูกล่อง อีกที เห้ย เขาติดหราว่า For Road, Mountain Bike and Triathlon อ้าววววว เข้าทางสิครับ! ถอด Currexsole ออกจากรองเท้าเสือหมอบ แล ว้ ย้า ยไปใส่ ร องเท้า เสือ ภู เ ขา ลองกระแทกเมาเทนไบค์เ ข้า ป่ า อะหืยยยย สบายเท้าสุดๆ ใครทีเ่ ป็ นสายป่ าคงนึกออกนะครับ เส้นทาง วิบาก เจอแผ่นรองเท้านุ่ มสบายนี่หนังคนละม้วนเลยครับ แต่อย่า เข้าใจผิดว่าจะนุ่ มจนย้วยยวบยาบนะ เพราะต�ำแหน่ งที่ควรจะแข็ง ก็แข็งมาก แล ้วนิ่มเป็ นบางจุด ซึง่ ถือว่าเจ๋งมากเลย เพราะ Currexsole ผลิตมาจากการซ้อนแผ่นวัสดุชนิดต่างๆ ถึง 3 ชัน้ และมีช้ นิ ส่วนพิเศษ อีก 3 ชิ้นเข้าประกบ เพื่อความสบายเท้าและประสิทธิภาพของการ ออกก�ำลังกาย ลองไปลองมาด้วยความประทับใจมากก็เลยเกิดความคันทีห่ วั ใจ แบบยากทีจ่ ะเกา คืออยากลองอัดขึ้นดอยหนักๆ ให้รูแ้ ลว้ รูร้ อดสักที อยากรูไ้ งครับ เพราะผมเอง (และขอวิสาสะเหมานักปัน่ อีกหลายๆ คน) ก็ เ คยกระหน�ำ่ ขึ้น เขาหนัก ๆ แล ว้ เกิด อากการเหน็ บ ชาที่ป ลายเท้า เคยใช่ มยั้ ตะเองงง? นัน่ แหละ ด้วยความอยากรู ป้ นความคะนอง ส่ ว นตัว ผมเลยตัด สิน ใจพาเจ้า Currexsole ไปลองของกัน ที่ ดอยอิน ทนนท์ซ ะเลยให้ม นั รู แ้ ล ว้ รู ร้ อด! จากที่เ คยกระหน�ำ่ ดอย ไปประมาณ 30 นาทีแล ้วปลายเท้าเริม่ เป็ นเหน็บ พอเปลีย่ นแผ่น Insole ปุ๊ บ ยื้อกันไปเกือบ 2 ชัว่ โมงกว่าทีอ่ าการเหน็บจะมา ร้ายกาจมากนะคะ! ไม่น่าเชื่อว่าแค่ เปลี่ยน Insole นี่ชีวิตจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้ พอเจอของเจ๋งๆ เข้าไป ตอนนี้ผมชักรู ส้ กึ อยากจะได้ Currexsole รุ่น Running ตะหงิดๆ ซะแล ้วสิ! แฮ่!
B I K E S A F E
TAKE A BREAK
พักสมอง พักร่างกาย คือหัวใจของความแข็งแกร่ง เรื่อง : เอ๋หนวด
ในฉบับเดือนมิถุนายน เราได้กล่าวถึงแนวทางในการพักและการท�ำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกก�ำลังกายหนักๆ มาอย่างต่อเนือ่ งไปแล้ว ฉบับนีเ้ ราจึงจะขอกล่าวถึงความอ่อนล้าของจิตใจ หรืออาจจะเรียกได้วา ่ ‘สมองเหนือ่ ยล้า’ กันบ้าง ในขณะที่เ ราออกก�ำ ลัง กาย ไม่เ ฉพาะแต่ ก ล า้ มเนื้ อ เท่ า นัน้ นี่เป็ นแนวทางในการพักผ่อนและฝึ กซ้อม เผื่อนึกกันไม่ออก ที่อ่ อ นแรง สมองก็ อ่ อ นล า้ ด้ว ย ซึ่ง สมองที่อ่ อ นล า้ นี้ จ ะไปจ�ำ กัด เลือกปฏิบตั ติ ามอัธยาศัยเลยนะครับ Performance ของร่างกายด้วย เมือ่ เวลานัน้ มาถึง ก็คงต้องถึงเวลาพัก 1. พัก ใช่แล ้วครับ ‘พัก’ จะนอนอยู่บา้ นเฉยๆ หรือไปเดินเล่นในห้าง แหม่! ค�ำค�ำนี้มนั ช่างน่ากลัวจริงๆ ส�ำหรับใครหลายคน เพราะมันอาจ ดูสง่ิ สวยๆ งามๆ หรือจะไปตากอากาศก็ได้ ท�ำให้ความแข็งแรงลดลง บางคนอาจหงุดหงิด (ทีไ่ ม่ได้ออกก�ำลังกาย) 2. หากีฬาอย่างอื่นเล่นบ้าง เช่น เดินเทรล พายเรือ เล่นเวท ฯลฯ หรือตารางซ้อมทีว่ างไว้อาจจะต้องเลือ่ น แต่ไม่ตอ้ งห่วงครับ ถ้าท่าน เลือกทีเ่ สริมกับการปัน่ จักรยานนะครับ ผูอ้ ่านออกก�ำลังกายวันละชัว่ โมงสองชัว่ โมง เหตุการณ์น้ ีคงไม่เกิดขึ้น 3. หากิจกรรม งานอดิเรก หรือสิง่ ทีต่ งั้ ใจท�ำแต่ยงั ไม่ได้ทำ � เช่น ฝึ กท�ำ กับท่านแน่ โน่นครับ! พวกนักกีฬาทีเ่ ก็บตัวฝึ กซ้อม หรือคนทีต่ กเป็ น อาหารเพือ่ สุขภาพ ทาสการออกก�ำลังกาย ฝึ กซ้อมวันละสีห่ า้ ชัว่ โมง หกเจ็ดวันต่อสัปดาห์ 4. มองไปทีเ่ ป้ าหมายทีว่ างไว้ หรืออาจจะวางเป้ าหมายใหม่ ถ้าท่านอยู่ในกลุม่ นี้ หรือสงสัยว่าอยู่ ก็คงต้องพักกายพักใจกันบ้าง 5. การจะท�ำให้สมองทนทานต่ออาการอ่อนล ้าได้ดี คือ ออกก�ำลังกาย ‘พักสมอง’ ก็คลา้ ยๆ กับการพักร่างกาย คือให้โอกาสตัวเอง ให้นานขึ้น ไกลขึ้น ให้หวั ใจเต้นไม่เกินโซน 3 ถ้าเป็ นโซน 2 ได้จะดี ได้คลายความกดดัน ได้ทบทวนสิง่ ทีก่ ำ� ลังท�ำ ว่าท�ำไมสิง่ นี้มนั ส�ำคัญ 6. ใช้วธิ ี 80/20 คือ 80% ของการซ้อม หัวใจเต้นไม่เกินโซน 3 กับคุณ มันเป็ นเวลาทีค่ ุณจะได้ผ่อนคลายทัง้ ร่างกายและจิตใจ หันมา และอีก 20% หัวใจเต้นอยู่ในโซน 5 สนใจคนรอบข้าง ครอบครัว เพือ่ น หรือแม้แต่สตั ว์เลี้ยงของคุณเอง เมือ่ ซ้อมหนักหรือออกก�ำลังกายอย่างหนัก ร่างกายและจิตใจ และยังได้หนั มาให้ความสนใจมุมอืน่ ของชีวติ นอกจากการฝึ กซ้อมกีฬา ย่อมเหนื่อยลา้ เป็ นธรรมดา ให้โอกาสทัง้ ร่างกายและจิตใจได้พกั บ้าง ปล่อยให้สมอง และจิตใจได้พกั บ้าง มันจะช่วยรีเซ็ตสมองให้ประเมิน และอย่าลืมมุง่ แต่จกั รยาน แบ่งความใส่ใจมาให้คนรอบข้างบ้างนะครับ ตัว เองและเป้ าหมายใหม่ ส่ ว นระยะเวลาในการพักนัน้ บอกไม่ได้ เพราะชีวติ ไม่ได้มแี ต่จกั รยาน แลว้ แต่ คน อาจจะเป็ นวัน สัปดาห์ หรือเดือน ก็คือพักจนรู ส้ ึกว่า ภาพประกอบ ได้พกั เต็มที่ และพร้อมทีจ่ ะกลับมาซ้อมนัน่ แหละ http://ww2.kqed.org/bayareabites/wp-content/uploads/sites/24/2014/04/4coffeeridedeux22.jpg https://indiebusinessnetwork.com/wp-content/uploads/2013/08/take-a-break-600x600.jpg
9
b side
R U N
ROAD TO IRONMAN เส้นทางสู่การเป็นคนเหล็ก ฉบับชาวเชียงใหม่ (ตอนที่1) เรื่อง / ภาพ : อาเหลียง
เคยคิดมั้ยครับ ว่าคนธรรมดา หาเช้ากินค�่ำ เราจะมีแรงและ ก�ำลังมากมายขนาดไหน บ้างก็ว่า วิ่งได้ 5 กิโล 10 กิโล ต่อเนื่องได้ก็เก่งแล้ว บางคน วิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตรได้ นี่ก็ยอดคนแล้ว หรือช่วงนีก้ ำ� ลังฮิตไตรกีฬา ถ้าเล่นไตรกีฬาได้ ก็เท่ระเบิดไปเลย สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผมสงสัยมากมาย ตั้งแต่เริ่มออกก�ำลังกาย ใหม่ๆ ว่าคนเรานั้นจะไปได้ไกลขนาดไหน และลิมิตของคนธรรมดา สามัญชนที่หาเช้ากินค�่ำแบบนี้ จะมีปัญญาท�ำได้แค่ไหนกัน จนกระทั่ง ผมไปเจอกับการแข่งขันที่เรียกว่า Ironman “ชือ่ อย่างกะชุดเกราะสีแดงบินได้ทย่ี งิ แสงออกจากมือเลย” ความคิดแรกทีแ่ ว้บออกมามันเป็ นประมาณนี้ แต่หารูไ้ ม่วา่ มันคือ การแข่งไตรกีฬาทีห่ นิ ทีส่ ุดรายการหนึ่งบนโลกนี้ โดยจะแข่งขันกัน ในกีฬาทัง้ หมด 3 ประเภทในครัง้ เดียว คือ ว่ายน�ำ ้ ปัน่ จักรยาน และวิง่ ทุกอย่างต่อเนื่องกัน ฟังดูก็เป็ นไตรกีฬาธรรมดานะครับ แต่ ท่ีไ ม่ธ รรมดาคือ ระยะทางที่ต อ้ งฝ่ าฟัน ไปนี่ สิ ว่า ยน�ำ ้ 3.8 กิโลเมตร ปัน่ จักรยาน 180 กิโลเมตร และวิง่ ต่ออีก 1 มาราธอน “บ้าไปแล ้วววว” นี่คอื ความคิดแรกทีผ่ มได้รบั รูถ้ งึ การมีอยู่ ของการแข่งขัน Ironman “แค่วง่ิ มาราธอนก็จะแย่แล ้ว นี่มวี า่ ยน�ำ้ กับปัน่ จักรยานอีก ใครมันจะไปแข่งได้ฟระ?” 10
a side
แต่เชื่อเถอะ คนมักจะคิดว่า 99% มันเป็ นไปไม่ได้ แต่อกี 1% มักจะคิดว่าก็น่าจะเป็ นไปได้เสมอ และแน่นอนครับ ผมอยู่ใน 1% นัน้ ปากบอกว่าเป็ นไปไม่ได้ แต่ใจมันคิดไปแลว้ นี่สิ แลว้ ยิ่ง เมือ่ ผมบังเอิญได้ไปแข่งปัน่ จักรยานระยะทางไกล 200 กิโลเมตร ต่อด้วยวิง่ มาราธอนในอีกวันถัดมา และสามารถแข่งจบได้ทงั้ สอง รายการ ยิง่ ท�ำให้ 1% ของผมนัน้ มันยิง่ พองโตขึ้นไปอีก กว่าจะรูต้ วั อี ก ที ผมก็ ส มัค รแข่ ง ขัน ในรายการ Ironman ที่ป ระเทศ ออสเตรเลียไปเรียบร้อยแล ้ว และในวัน นี้ ผมจะขอแนะน�ำ วิธีก ารฝึ ก ซ้อ ม ส�ำ หรับ เตรีย มตัว ไปเป็ น ‘มนุ ษ ย์เ หล็ก ’ ฉบับ ชาวเหนื อ โดยเฉพาะ ชาวเชียงใหม่กนั สักหน่อยนะครับ แน่นอนว่า เมือ่ เราเลือกเส้นทางนี้ไปแล ้ว ตารางชีวติ ก็ตอ้ ง ปรับเปลีย่ นใหม่ทงั้ หมด จากท�ำงานปกติ ก็ตอ้ งมีออกก�ำลังกาย ตอนเย็น ด้ว ย สัก พัก ก็ ล ามมาเช้า อีก กลายเป็ น ซ้อ มเช้า เย็น พักวันเสาร์แล ้ววันอาทิตย์ซอ้ มยาวไป ผมอาศัยเวลาช่วง 6 เดือน ก่ อ นไปแข่ง เพื่อ พัฒ นาร่ า งกายให้พ ร้อ มที่จ ะก้า วไปสู่ ก ารเป็ น มนุษย์เหล็ก โดยก่อนหน้านัน้ ทีเ่ รายังพอมีเวลา เราก็ตอ้ งมองหา จุดเด่นและจุดด้อยของตัวเองให้เจอก่อน ซึง่ ตัวผมเองนัน้ เป็ นคน เชียงใหม่โดยแท้ ไม่มพี ้นื ทีต่ ดิ ทะเลให้ซอ้ มว่ายน�ำ ้ ดังนัน้ ผมมันใจ ่ ทีส่ ุดในทัง้ 3 ชนิดกีฬาเลยว่าผมไม่ถนัดว่ายน�ำ้ ทีส่ ุด แล ้วค�ำถามของผมคือ เราจะไปซ้อมว่ายน�ำ้ ทีไ่ หน? สุ ดท้ายก็ลงเอยที่สระว่ายน�ำ้ มาตรฐาน พยายามเลือก สระว่ายน�ำ้ ทีเ่ ป็ นสระยาวหน่อยจะดีมาก เพราะว่าถ้าเลือกสระสัน้ จะต้องกลับตัวบ่อย อาจจะเกิดความร�ำคาญได้ การเริ่มต้นว่ายน�ำ ้ ผมแนะน�ำให้มคี รูหรือโค้ชสอนว่ายน�ำ้ เสียก่อน เพือ่ ให้การปรับตัว ช่ ว งแรกเป็ น ไปได้ไ ว ขอยกตัว อย่ า งเป็ น ตัว ผมเองก็ แ ล ว้ กัน ครัง้ แรกทีผ่ มจะไปไตรกีฬานัน้ ผมห่างการว่ายน�ำ้ มาเป็ น 10 ปี การลงสระครัง้ แรกนี่ใช้ฟิลลิง่ ล ้วนๆ เลย ว่ายไปก็คุยกับตัวเองไป “เฮ้ย ต้อ งยกแขนอย่ า งงี้ ต้อ งเงยหัว อย่ า งงัน้ ต้อ งก้ม หน้า อย่างนี้.....” สุดท้ายออกมามัวไปหมด ่ กว่าจะปรับตัวได้กใ็ ช้เวลา ไปหลายสัปดาห์ หรือรวมๆ แลว้ ก็หลายสิบชัว่ โมง ถ้าช่วงแรก มีคนมาช่วยจับให้ จะท�ำให้เราไปได้ไวขึ้นครับ
1,500 – 2,000 ได้ทรมานแข้งขาทีเ่ จ็ดพับพอเป็ นพิธี ถ้าซาดิสม์หน่อยก็ไป สะเมิงเหนือ แต่ถ ้าอยากโดนโรลลิง่ ก็ไปทางแป้ นเกล็ด ดอยสามหงก ก็กำ� ลังดี หรืออยากยิงยาวๆ เส้นที่ผมปัน่ ประจ�ำก็คือจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปจอมทองหรือไปดอยเต่า ไปกลับประมาณ 160 กิโลเมตร เป็ นต้น เชียงใหม่มเี ส้นทางปัน่ สวยๆ เยอะแยะมากมาย ขึ้นอยู่กบั ว่าเรา จะไปทางไหน แต่สำ� หรับการซ้อม Ironman ผมจะเน้นให้ออกยาวเป็ นหลัก ถ้าได้เกิน 150 - 160 กิโลเมตรก็ย่งิ ดี ได้ระยะไต่ ประมาณ 1,000 ก็ ก�ำลังดีครับ เพราะถือว่าเป็ นค่าเฉลีย่ ระยะไต่ของสนาม Ironman เกือบทุก สนามเลย (บางสนาม 2,000 ก็มนี ะ) อ้อ! แลว้ ก็อย่าลืมเน้นความเร็ว เพิม่ ด้วยนะครับ เพราะ Ironman การปัน่ จะมี Cutoff เป็ นจุดๆ ไป หากไปไม่ทนั คุณก็ไม่ได้ปนั ่ ต่อ ต้องกลับบ้านไปเลยนะครับ แล ้วทีส่ ำ� คัญ ทีส่ ุด ถ้าเป็ นไปได้ ไม่วา่ จะปัน่ ไกลแค่ไหนก็ตาม เมือ่ ปัน่ เสร็จควรจะลงมา ส่วนความถีใ่ นการซ้อม เพือ่ ทีจ่ ะไป Ironman ก็ตอ้ งเน้นซ้อมยาว วิง่ ต่ออีกสัก 30 นาที หรือเรียกกันว่า Brick เพือ่ ให้ขาของเราชินกับการ เป็ นหลัก การซ้อมยาวคือเน้นระยะ ไม่เน้นเวลา ช่วงแรกๆ ก็ว่ายให้ยาว เปลีย่ นกีฬาจากปัน่ สู่วง่ิ ครับ ถ้าไม่เคยท�ำมาก่อน บอกได้เลยว่าออกมาวิง่ นี่ ไปก่อน สักพักพอเริ่มชินกับระยะค่อยปรับความเร็วให้มากขึ้นตามล�ำดับ เป็ นเป็ ดแน่นอนครับ เพือ่ ทีจ่ ะท�ำเวลา และทีส่ ำ� คัญส�ำหรับการว่ายน�ำ ้ ต้องหัดลง Open Water และสุดท้าย กับการวิง่ ซึง่ เป็ นชนิดกีฬาทีผ่ มมันใจที ่ ส่ ุด ผมไม่เคย หรือลงสระน�ำ้ จริงๆ เพือ่ ทีจ่ ะได้จำ� ลองและเข้าใจสถานการณ์จริงๆ ว่าเวลา กลัวระยะ 42 กิโลเมตรอยู่แล ้ว ยิง่ หลังจากผ่าน 100 กิโลเมตรทีโ่ ป่ งแยง เราว่ายน�ำ้ ในบึงหรือทะเลกว้างๆ จะเป็ นอย่างไร เพราะเวลาแข่งสนามจริง มาได้ (อย่าพูดถึงเวลานะ) ถ้าให้วง่ิ เรื่อยๆ ก็ถงึ ครับ แต่เราจะไม่พูดถึง เราไม่ได้วา่ ยในสระว่ายน�ำ้ แน่นอน ในกรณี ของผมนะ เรามาพูดถึงว่าจะซ้อมมาราธอนยังไงให้วง่ิ ได้หลังจาก การซ้อม Open Water ส�ำหรับชาวเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่นนั้ ลงจากจักรยานดีกว่า แน่ นอนว่าตัวเลือกมีไม่มาก เพราะถ้านึกอะไรไม่ออกเลย ก็คงเป็ นแค่ ทีช่ วั ร์ๆ เลยคือมันไม่เหมือนวิง่ มาราธอนแน่ๆ ล่ะ เพราะร่างกายเรา ห้วยตึงเฒ่าทีเ่ ดียวเท่านัน้ ทีจ่ ะสามารถฝึ ก Open Water ได้ ทีอ่ น่ื อย่างเช่น ระบมจากว่ายน�ำ ้ 4 กิโลเมตร กับปัน่ จักรยานอีก 180 กิโลเมตรมาแลว้ เขื่อ นแม่ ก วง เขื่อ นแม่ ง ดั ก็ ต อ้ งมีผู ต้ ิ ด ตามหรื อ ผู ด้ ู แ ลอย่ า งใกล ช้ ิด ร่างกายมันไม่สดเหมือนมาวิง่ มาราธอนเดีย่ วๆ หรอกครับ ดังนัน้ สิง่ ทีต่ อ้ งท�ำ เพราะผมมองว่าค่อนข้างอันตรายอยู่พอสมควรเลย แต่ถา้ มีโอกาสหรือมา มาตลอดเลยคือ ‘การเก็บแรง’ หากเราไม่เก็บแรง ใส่หมดแม็กตัง้ แต่ปนั ่ ว่ายกันหลายคน มีทมี Support ดูแล ก็น่าสนใจมากครับ เพราะการซ้อม แล ้วล่ะก็ คุณอาจไม่มแี รงเหลือทีจ่ ะวิง่ ได้กเ็ ป็ นได้ ผมเห็นตอนทีผ่ มไปแข่ง Open Water จะต้องอาศัยทักษะบางอย่างทีใ่ นสระน�ำ้ ฝึ กไม่ได้ เช่นการ มาหลายรายแล ้ว ทีเ่ ปิ ดตัวมาอย่างดี ว่ายน�ำ ้ 1.2 ชัว่ โมง ปัน่ AV 33 - 35 มองทาง ถ้าเราว่ายในสระน�ำ ้ ก็จะมีเส้นใต้นำ�้ ให้เรามองตลอดเวลา แต่กบั แต่พอลงมาวิ่งดันวิ่งไม่ไหวซะอย่างนัน้ ค�ำถามคือเพราะอะไร? ค�ำตอบ การว่ายสระเปิ ดแบบนี้จะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากน�ำ้ ขุน่ ๆ เท่านัน้ เราจึงต้อง อาจมีหลายสาเหตุ แต่หลักๆ เลยคือหมดแรงหรือบาดเจ็บ ดังนัน้ การ หัดดึงหัวตัวเองมามองตรงไปข้างหน้าเพือ่ เล็งทางเสมอ ไม่ให้วา่ ยเบี้ยวไปมา ประคองแรงเพือ่ มาวิง่ ให้ได้เป็ นสิง่ ส�ำคัญ ส่วนหลังจากนัน้ ก็ใจล ้วนๆ ครับ และลดอาการการตืน่ กลัวน�ำ ้ (Panic) เพราะการว่ายในทีๆ่ ขาไม่ถงึ พื้นนานๆ เชียงใหม่มที ซ่ี อ้ มวิง่ มากมาย ไม่วา่ จะเป็ นสวนราชพฤกษ์ สนามกีฬา มือใหม่อาจมีอาการกังวลแลว้ เกิดความเครียดสูง ซึง่ อาจท�ำให้เกิดอาการ 700 ปี หรือทีย่ อดฮิตส�ำหรับทุกเพศทุกวัยอย่างห้วยตึงเฒ่า หรือครัวระเบียง Panic ขึ้นได้งา่ ยๆ (ส�ำหรับคนทีไ่ ม่รูว้ า่ อาการ Panic เป็ นอย่างไร ให้นึกถึง พาฝัน สนามธรรมดาแต่เปี่ ยมไปด้วยเทพและจอมยุทธ์ทงั้ หลาย ถึงขนาด สภาพคนกระวนกระวายก�ำลังจมน�ำ้ ละกันครับ) นักกีฬาทีมชาติยงั มาซ้อมกันแถวๆ นี้เลย สิ่งเหล่านี้ นอกจากจะว่ายให้ได้ระยะแลว้ ก็ตอ้ งเตรียมตัวไปอีก หัวใจหลักของการวิง่ มาราธอน คงไม่ตอ้ งบอกว่าต้องหัดซ้อมยาว เพราะวันจริงจะมีตวั แปรอีกมากทีเ่ ราต้องเจอ ไม่วา่ จะเป็ นน�ำ้ เย็น คลืน่ สูง วิง่ ยาวๆ ให้เป็ น ออกยาว 20 - 30 กิโลเมตรให้ได้ และแน่นอนว่าส�ำหรับ มหาชน ปลาตีน มืดตบ (เท้านักว่ายคนข้างหน้า หรือมือของนักว่ายคนข้างๆ มือใหม่นนั้ ไม่ตอ้ งเน้นความเร็ว แต่ควรจะอยู่ในแผนว่าไม่ควรเกินเวลา ทีพ่ ร้อมจะฟาดใส่เราทุกเมือ่ ) นี่คอื สิง่ ทีว่ า่ ที่ Ironman จะต้องเจอครับ Cutoff (เช่น ว่าย + ปัน่ 10 ชัว่ โมง เหลือวิง่ 7 ชัว่ โมง ก็ตอ้ งวิง่ มาราธอน จากเรื่องว่ายน�ำ ้ ก็มาต่อกันด้วยสิง่ ทีผ่ มไม่ถนัดรองลงมา นัน่ คือการ ให้ไม่ตำ� ่ กว่า 7 ชัว่ โมง เป็ นต้น) หากเราเริ่มคุน้ ชินกับระยะแล ้ว ค่อยเพิม่ ปัน่ จักรยาน ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ แต่แค่ไม่ได้เก่งมาก ท�ำความเร็วนิ่งๆ ความเร็วเพือ่ ลดเวลาครับ นานๆ ไม่ค่อยได้เท่านัน้ เอง และคิดว่าท�ำได้ดไี ม่เท่าวิง่ แต่ก็ชอบมากกว่า ทีส่ ำ� คัญไม่แพ้กัน ส�ำหรับระยะ Ironman นัน้ คือการเปลีย่ นถ่ายกีฬา ว่ายน�ำ้ ละกันครับ เพราะเราอยู่บนบกแล ้ว อิอิ พูดถึงจักรยาน ใน Ironman หรือทีเ่ รียกกันว่า Transition จุด Transition คือจุดทีเ่ ราจะเปลีย่ นจาก จะอนุ ญาตให้ใช้รถประเภท Time Trial ได้ เนื่องจากระยะทางไกลถึง กี ฬ าประเภทหนึ่ ง ไปอีก ประเภทหนึ่ ง ซึ่ง ก็ ต อ้ งใช้เ วลาในการเปลี่ย น 180 กิโลเมตร และต้องท�ำความเร็วให้มาก โดยที่ร่างกายต้องไม่เมื่อย เครือ่ งแต่งกาย เช่นจากว่ายไปปัน่ ก็ตอ้ งใส่หมวก ใส่รองเท้าปัน่ จากปัน่ ไปวิง่ จนเกินไป ยังมีแรงพอที่จะไปวิ่งต่ออีก 1 มาราธอนได้ ดังนัน้ จักรยาน ก็ตอ้ งถอดหมวก เปลีย่ นรองเท้าเป็ นรองเท้าวิง่ เป็ นต้น เวลาใน Transition จะถูกเน้นไปที่ดา้ นอุปกรณ์เสียเป็ นส่วนใหญ่ เพราะเป็ นชนิดกีฬาที่จะได้ จะถูก นับ รวมกับ เวลาของกีฬ าประเภทก่ อ นหน้า เสมอ ดัง นัน้ เราต้อ ง ใช้เครื่องทุ่นแรงมากทีส่ ุดแลว้ จักรยานจึงถูกท�ำให้เบาลง มีความต้านลม ค�ำนวณเวลาทีใ่ ช้ให้ดๆี มิเช่นนัน้ อาจจะโดน Cutoff ได้โดยไม่รูต้ วั นะครับ น้อยทีส่ ุด และแน่นอน ราคาก็สูงขึ้นตามความไฮโซของรถ ใครโมดิฟายด์รถ เมื่อน�ำทุกอย่างมาประกอบรวมกัน มันก็จะได้เป็ น 1 กีฬาที่ใช้ ได้ดีก็ ย่ิง ได้เ ปรีย บ แต่ ส ำ� คัญ เหนื อ สิ่ง อื่น ใด หากรถดีแ ต่ ร่ า งกายแย่ ความทรหดอดทนในการแข่งขัน ตลอด 17 ชัว่ โมงที่รายการก�ำหนดไว้ ก็ไม่มปี ระโยชน์นะครับ เพือ่ ทีจ่ ะหล่อหลอมให้ตวั เรานัน้ ถูกเรียกว่า Ironman ไปอีกนานแสนนาน ทีเ่ ชียงใหม่บา้ นเรานัน้ ถนนหนทางเหมาะแก่การซ้อมยาวๆ มากครับ เล่มต่อไป ผมจะมาเล่าประสบการณ์การแข่งขัน Ironman ครัง้ แรก มีทางราบให้ปนั ่ มีโรลลิง่ ให้ลอง และมีดอยให้ไต่กนั เป็ นว่าเล่น ถ้าอยากฝึ ก ของผมให้ท่านผูอ้ ่านได้อ่านกันนะครับ เป็ นการแข่ง Ironman ครัง้ แรก กล ้ามเนื้อต้นขาก็ไปปัน่ ขึ้นดอยสุเทพ จะกี่รอบก็ได้แล ้วแต่พอใจ (เคยเจอ ของผม ทีบ่ อกได้เลยว่า ครบรสมาก และใช้เวลาได้คมุ ้ ค่าสุดๆ มากสุด 13 รอบ) จะไปเส้นยาวหน่อยก็รอบสะเมิง 90 กิโลเมตร ระยะไต่ แล ้วพบกันใน HIP เล่มหน้าครับ 11
b side
R E P O R T
: THE MEMORIES บันทึกความทรงจ�ำ Pai Jazz & Blues Fest 2017 เรื่อง / ภาพ : Pai Jazz & Blues Fest 2017 Team
ก่อนหน้าที่ทีมงาน HIP Magazine จะกลับมาปิดเล่ม HIP ฉบับที่คุณก�ำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ พวกเราพาตัวเองออกจาก เชียงใหม่ไปหลายวัน เพื่อไปด�ำเนินการจัดงาน Pai Jazz & Blues Fest 2017 ที่อ�ำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน งานดังกล่าวซึง่ พวกเราร่วมการท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย (ททท.) ส�ำนักงานแม่ฮ่องสอนจัดขึ้น ตัง้ ใจเอาไว้วา่ อยากจะให้เป็ นเทศกาลดนตรีเล็กๆ น�ำดนตรีแจ๊ซซ์และบลูสโ์ ดยฝี มอื ของศิลปิ นทัง้ จากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ มากระจายเล่นตามร้านต่างๆ ซึ่งจากสิ่งที่ได้พบเจอตลอดระยะเวลา การจัดงานทัง้ 3 วัน ทุกครัง้ ทีน่ กึ ถึงภาพคนมากมายมาชมมาฟังดนตรีทา่ มกลางสายฝน ค�ำชมและค�ำแนะน�ำจากผูช้ มทีม่ ตี ่องาน รวมไปถึงถ้อยค�ำขอบคุณ จากสถานทีต่ ่างๆ ทีเ่ ป็ นส่วนหนึ่งของงานในครัง้ นี้ ก็ทำ� ให้เรารูส้ กึ ว่า ความเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลาทีอ่ ยู่ทป่ี ายนัน้ ‘คุม้ ค่า’ ส�ำหรับพวกเราจริงๆ และต่อจากนี้คอื เรือ่ งราวบางส่วน ทีพ่ วกเราทีมงาน กับนักดนตรีบางส่วนทีม่ าร่วมงาน ได้บนั ทึกและอยากน�ำมาแบ่งปัน... เผือ่ ว่าเรือ่ งราวเหล่านี้ จะท�ำให้คุณๆ อยากไปฟังดนตรีดๆี ทีป่ ายในปี ต่อไปบ้าง
12 12
a side b side
(1) บ่ายวันจันทร์ (24 กรกฎาคม) ระหว่างขับรถจากปายกลับเชียงใหม่, ขณะที่มือ หมุน พวงมาลัย ไปตามทางที่โ ค้ง แล ว้ โค้ง อีก ในหัว ผม ก็นึกถึงเรื่องราวทีเ่ กิดขึ้นในงาน Pai Jazz & Blues Fest 2017 เมือ่ วันศุกร์ – เสาร์ - อาทิตย์ทผ่ี ่านมา เหมือนมันจะมีหลายๆ เรื่องทีผ่ ม อยากจะเขียน แต่ไม่รูว้ า่ จะพูดถึงเรื่องไหนก่อนหลัง แต่แล ้วจู่ๆ ก็มอี ยู่ เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ผ มนึ ก ขึ้น มาได้ แล ว้ อยากเขกกะโหลกตัว เองชะมัด เพราะผมดันลืมเตือนตัวเองเรื่องทีส่ ำ� คัญไปเรื่องหนึ่ง ………. เช้าวันอาทิตย์ (23 กรกฎาคม) ซึง่ เป็ นวันสุดท้ายของ Pai Jazz & Blues Fest 2017 ผมบอกตัวเองตัง้ แต่ต่นื แล ้วว่า วันนี้อยากจะถ่ายรูปรวม ร่วมกับทีมของผมในร้านทีจ่ ดั ร้านไหนก็ได้สกั ร้าน, ‘ทีม’ ของผมในทีน่ ้ ี คือทีม HIP Magazine ซึง่ ตอนนี้นอกจากผมแล ้ว เราเหลือคนท�ำงาน ประจ�ำแค่สามคน คือพีม่ คิ , พีโ่ จ้ (คนเดียวกับ DJ SCBD นัน่ ล่ะครับ) และฝน (งานนี้เธอเป็ นเหมือนกับกับ Fest Manager เลยล่ะครับ) กับ ‘เด็กฝึ กงาน’ อีกสาม คือเนม จูน และตาม บวกกับเจ๊ปูอกี หนึ่ง ทีค่ อย ช่วยดูแลผมทุกเรื่อง เมือ่ งานเริ่มทีร่ า้ นแรกตอนบ่ายโมงไปจนงานเลิก ร้านสุดท้ายตอนห้าทุ่มนิดๆ ผมก็ลมื เรื่องทีผ่ มบอกกับตัวเองตอนเช้า ไปสนิท มานึกได้อกี ทีกต็ อนทีข่ บั รถกลับเชียงใหม่นนั ่ แหละครับ ………. แล ้วเพลง ‘Wind Beneath My Wings’ ก็ลอยเข้ามาในหัว Did you ever know that you’re my hero, and everything I would like to be? I can fly higher than an eagle, ‘cause you are the wind beneath my wings. ………. จริงอยู่ทว่ี า่ งาน Pai Jazz & Blues Fest 2017 ครัง้ นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มี ททท. แม่ฮ่องสอน ทีร่ ่วมจัดกับเรา รวมทัง้ ความช่วยเหลือ สนับสนุนจากเพือ่ นฝูงทัง้ ทีใ่ นปาย ทีเ่ ชียงใหม่ ทีก่ รุงเทพ สปอนเซอร์ ผู ้ประกอบการ เจ้าของสถานทีจ่ ดั งาน เพือ่ นๆ นักดนตรี, แต่บอกตรงนี้ เลยว่า ถ้างานนี้ผมไม่ได้ ‘ทีมของผม’ งานคงไม่เสร็จส�ำเร็จลงได้ และส�ำเร็จแบบได้รบั เสียงชืน่ ชม ทัง้ จากคนทีต่ งั้ ใจมาดู จากนักท่องเทีย่ ว ต่างชาติ รวมทัง้ จากคนเล่นดนตรีอกี ด้วย ………. อยากถ่ า ยรู ป ร่ ว มกัน ในงานก็ ค งท�ำ ไม่ไ ด้แ ล ว้ อย่ า งนัน้ ก็ อ ยากใช้ โอกาสนี้บอกกับ ‘ทีม’ ว่า งานนี้ทกุ คนเป็ นเสมือนกับ ‘สายลมใต้ปีก’ ให้กบั ผมอย่ างแท้จริง เป็ นสายลมพัดแรงที่ท ำ� ให้นก (แก่ ) ตัวนี้ สามารถบินสูงได้เสียดฟ้ า Did I ever tell you you’re my hero? You’re everything, everything I wish I could be. I could fly higher than an eagle, ‘cause you are the wind beneath my wings. ………. หมายเหตุ : นอกจาก HIP Team แล ว้ งานนี้ ค นอีก กลุ่ม หนึ่ ง ที่เ ป็ น เหมือ น ‘สายลมใต้ปี ก ’ ให้ก บั ผม ก็ คื อ ทีม เครื่อ งเสีย งของม้ง และเพื่อ น งานนี้สุดยอดครับ สมชาย ขันอาษา
(2) บรรยากาศสถานที่ดี ทีมงานเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ดี ระบบ เครื่องเสียงทีด่ ี ผูช้ มผูฟ้ งั ทีด่ ี เทศกาลดนตรี Pai Jazz & Blues Fest ครัง้ แรก มีครบทุกอย่าง แถมด้วยความเป็ นกันเอง สวยงามและเรียบง่าย พวกเราวงบางล�ำพู บลูส ์ กัมปะนี รูสึ้ กเป็นเกียติและประทับใจเป็นอย่างยิง่ ทีไ่ ด้มโี อกาสมาร่วมงานในครัง้ นี้ หวังว่าเทศกาลดนตรี Pai Jazz & Blues Fest ครัง้ ที่ 2 พวกเราคงได้มโี อกาสมาร่วมงานอีกครัง้ นะครับ ดุลยสิทธิ์ สระบัว (ป๊ ง) กีตาร์ / หัวหน้าวง บางล�ำพู บลูส ์ กัมปะนี
13
b side
(3) โดยปกติแล ้ววง Foxy เป็ นวงทีไ่ ม่ได้เล่นประจ�ำตามร้าน เราจะ ได้เล่นเฉพาะงานอีเวนต์เล็กๆ งานที่เราจัดกันเอง หรือมีเพื่อนๆ มาช่ วยจัด เพื่อขาย CD โปรโมทอัลบัม้ เป็ นช่ วงๆ ไปตามวาระ และโอกาสจะเอื้ออ�ำนวย แต่ ใ นครัง้ นี้ เ รามีโ อกาสเป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ในเทศกาลดนตรี ท่ี อ�ำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทีม่ ชี ่อื ว่า Pai Jazz & Blues Fest 2017 โดยทางทีมงานให้เกียรติเชิญวงเราไปร่วมกับศิลปิ นและวงดนตรี อีก หลายราย ที่ม าบรรเลงดนตรีท่ า มกลางหุบ เขาของอ�ำ เภอปาย พร้อมทัง้ จัดเตรียมห้องพักอย่างดีให้พวกเราด้วย งานนี้ไม่ได้ตงั้ เวทีแบบเทศกาลดนตรีทวั ่ ๆ ไป แต่ เป็ นการ เล่นดนตรีแบบ ‘ย้ายสถานที่’ ไปตามร้านต่ างๆ ที่เข้าร่ วมเทศกาล ซึง่ เป็ นสิง่ ทีใ่ หม่มากๆ และมีเสน่ห ์ รวมทัง้ มีตารางการแสดงทีต่ รงเวลา และเป๊ ะมากๆ พอโชว์รา้ นนี้เสร็จ เราก็เก็บของเดินไปร้านถัดไป คนดู กับนักดนตรีกเ็ ดินไปด้วยกันในเมืองเล็กๆ แต่ทรงเสน่หอ์ ย่างปาย ผูค้ น ในละแวกเมืองและนักท่องเที่ยวก็ถามตลอดทางว่าไปร้านไหนต่ อ เดินไป คุยกัน อบอุ่นเป็ นกันเองมากๆ ทางทีมผู จ้ ดั เองก็วางแผน มาเป็ นอย่างดี เพราะแต่ละร้าน มีโครงสร้างสถานทีท่ แ่ี ตกต่างกันออกไป ร้านนี้เล็ก ร้านนี้ใหญ่ ร้านนี้อยูร่ มิ น�ำ ้ ซึง่ ก็สามารถจัดการวงแต่ละวงให้โชว์ ในแต่ละสถานที่ได้อย่างลงตัว เหมาะกับสถานที่และช่วงเวลามากๆ วงแนวสมูธเล่นที่รา้ นริมน�ำ้ ตอนหัวค�ำ ่ ส่วนวงฟูลแบนด์เล่นที่รา้ น ทีม่ เี ครื่องขยายเสียงในเวลาสามทุ่ม ผูช้ มก็สนุกสนานตามบรรยากาศ ทีจ่ ดั เตรียมไว้ได้อย่างลงตัว งานนี้พวกเรา Foxy มีความสุขมาก เพราะเหมือนไม่ได้ไปโชว์ แต่เหมือนไปพักผ่อนและสร้างเสียงดนตรีให้เมืองแห่งนี้ ทีน่ ่าอยู่และ สวยงามอยู่แล ้ว ให้มมี นต์เสน่หท์ น่ี ่าจดจ�ำไปอีกนาน... อยากให้มงี านแบบนี้ในปี ต่อไปเรื่อยๆ และอยากไปร่วมบรรเลง ทุกครัง้ ถ้ามีโอกาส... ขอบคุณและกราบสวัสดี Foxy
(4) การเดินทางครัง้ นี้ มีความหมายกับเรามากจริงๆ งาน Pai Jazz & Blues Fest 2017 ทีผ่ ่านมา เป็ นครัง้ แรก ทีพ่ วกเรา PaPaPao ได้เดินทางไปเล่นนอกตัวเมืองเชียงใหม่ หลังจาก ท�ำวงมาได้เพียงแค่ 4 เดือน อัน ที่จ ริง ความตื่น เต้น ดีใ จของพวกเรานัน้ มีม ากพอๆ กับ ความกดดัน แต่ความทุ่มเทของทุกคนในวง ก็ทำ� ให้ตอนทีก่ ำ� ลังเล่น เพลงของพวกเราเองนัน้ มีชวี ติ ชีวามากจริงๆ ท�ำให้พวกเรามันใจมากขึ ่ ้น ในหนทางทีก่ ำ� ลังจะก้าวไปข้างหน้า ขอบคุณทีมงานทุกคนจากใจ ที่ให้โอกาสพวกเราได้เรียนรู ้ และเติบโตขึ้น บรรยากาศหน้าฝนที่ปายสวยจริงๆ ยินดีเหลือเกินกับคนที่ มีโอกาสได้ไปสัมผัส ทัง้ สถานทีท่ ส่ี วยงามตัง้ แต่ทางทีข่ บั ผ่าน บรรยากาศ ที่เป็ นมิตร อากาศที่สะอาด อาหารที่ทงั้ อร่อยและหลากหลาย และ เสียงดนตรีทเ่ี ราได้เป็ นทัง้ ผูฟ้ งั และผูบ้ รรเลง เสียงดนตรีทท่ี ำ� ให้พวกเรา มีแรงบันดาลใจ ท�ำให้พวกเราเพลิดเพลิน หรือแม้แต่ทำ� ให้เรามีกำ� ลังใจ ทัง้ หมดนี้คอื ความประทับใจทีพ่ วกเรา PaPaPao ได้รบั มา และหวังว่า เราจะได้ร่วมเป็ นส่วนหนึ่งในงานกิจกรรมดนตรีดๆี ทีจ่ ะเกิดขึ้นต่อไป PaPaPao 14
a side
(5) ผ่านพ้นไปอย่างดีงาม กับงาน Pai Jazz & Blues Fest 2017 ทีข่ า้ พเจ้าได้รบั การเชื้อเชิญด้วยตนเอง จากบุรุษทีเ่ ราๆ ท่านๆ ค่อนข้าง รูจ้ กั กันอย่างกว้างขวาง เขาคือพีโ่ หน่ง – สมชาย ขันอาษา บรรณาธิการ นิตยสาร HIP ข้าพเจ้ารูส้ กึ ดีใจและเป็ นเกียรติมากทีท่ ราบข่าวว่าจะได้ ร่วมงานเทศกาลดนตรีงานนี้ จึงรับปากด้วยความยินดีเป็ นอย่างยิ่ง ทีจ่ ะน�ำดนตรีของตนเองมาร่วมบรรเลงให้ผูร้ ่วมงานได้รบั ฟัง แต่กแ็ อบ หวัน่ ใจเล็กน้อย เพราะแนวทางดนตรีของข้าพเจ้านัน้ เป็ นแนวเพลง อะคู สติกในแบบที่ยงั ไม่แพร่ หลายในประเทศนี้เท่าใดนัก แต่ ดว้ ย ท่วงท�ำนองและเนื้อหา คงไม่เป็ นอุปสรรคในการรับชมรับฟังเท่าไร ข้าพเจ้าจึงเตรียมตัวซ้อมและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาอย่างดี เท่าที่ นักกีตาร์คนจนคนหนึ่งจะสรรหามาได้ เพือ่ ความเต็มที่ในการแสดง และลดภาระให้กบั ทางทีมงาน HIP เท่าทีข่ า้ พเจ้าจะท�ำได้ หลังจากได้ทำ� การแสดงไปตลอดงานทัง้ สามวัน ข้าพเจ้าได้พบว่า บทเพลงได้รบั ความสนใจจากชาวต่างชาติเป็ นอย่างมาก คนไทยเราเอง ก็มเี ข้ามารับชมบ้าง แต่สดั ส่วนนัน้ จะเป็ นชาวฝรัง่ ผมทองค่อนข้างเยอะ ตลอดสามโชว์ท่ีผ่านมา อาจเป็ นเพราะข้าพเจ้าได้เตรียมเพลงมา ในรู ปแบบภาษาอังกฤษด้วย จึงท�ำให้พอจะสื่อสารเนื้อหาในเพลง ของตนเองต่อผูฟ้ งั ได้บาง จึงไม่เป็ นอุปสรรคมากมาย ข้าพเจ้าได้รบั รอยยิ้มและแววตาทีม่ คี วามสุขของผูฟ้ งั ส่งมาตลอดเวลาทีบ่ รรเลงเพลง ผูฟ้ งั ส่วนใหญ่ค่อนข้างตัง้ ใจฟังมาก ซึง่ ตรงนี้เป็ นสิง่ ทีข่ ้าพเจ้าประทับใจ มากๆ เพราะบทเพลงของข้าพเจ้านัน้ อาจต้องใช้สมาธิในการรับฟัง มากกว่าเพลงทัว่ ไปสักนิด เพราะมีรายละเอียดในแต่ละเพลงค่อนข้าง มาก และอาจจะเยอะเกินไปส�ำหรับคออะคูสติกแบบธรรมดาทัว่ ๆ ไป สรุปโดยรวมเเล ้ว Pai Jazz & Blues Fest 2017 เป็ นงานที่ ให้โอกาสศิลปิ นทีไ่ ร้ชอ่ื เสียงเช่นข้าพเจ้าได้แสดงฝี มอื อย่างเต็มที่ คนฟัง ในงานก็มาเพือ่ ฟังดนตรีทม่ี เี อกลักษณ์ของเหล่าศิลปิ นต่างๆ กันอย่าง เต็ม ที่ ซึ่ง แสดงถึง วิส ยั ทัศ น์ท่ีก ว้า งไกลของผู จ้ ดั งานอย่ า งชัด เจน ในความคิดของข้าพเจ้า นัน่ ถือว่าประสบความส�ำเร็จในการจัดงานตัง้ แต่ เริ่มจัดครัง้ แรก ไม่เพียงเปิ ดตลาดแค่คนไทย แต่เปิ ดตลาดวงกว้าง ให้ชาวต่างชาติได้สมั ผัสอย่างใกล ้ชิดด้วย ข้าพเจ้าขอขอบคุณพีโ่ หน่ง บรรณาธิการนิตยสาร HIP ทีม่ อบ โอกาสให้ศิลปิ นโนเนมเช่นข้าพเจ้าได้แสดงฝี มอื อย่างเต็มที่ ขอบคุณ ทีมงาน HIP ทุกๆ ท่านส�ำหรับความช่วยเหลือต่างๆ ตลอดสามวัน ขอบคุณผูช้ มทุกๆ ท่าน ทุกๆ เชื้อชาติ ทีม่ าชมงานและการแสดงดนตรี ท้ายทีส่ ดุ นี้ ข้าพเจ้าหวังอย่างยิง่ ว่างานเทศการดนตรีดๆี เช่นนี้จะได้จัดอีก ในปี หน้าและปี ถดั ๆ ไป เพือ่ ทีจ่ ะมอบบทเพลงดีๆ แก่ผูค้ นทัง้ หลาย ขอบพระคุณครับ _นักกีตาร์คนจน_ Mike Sriviengping 15
b side
(6) “30 ชุดครับ” ผมบอกพนักงานถ่ายเอกสารเมือ่ ถึงคิวของตัวเอง กระดาษทีก่ ำ� ลังถูกถ่ายเอกสาร คือตารางการแสดงในแต่ละวัน ของ Pai Jazz & Blues Fest 2017 ซึง่ ระบุวนั เวลา สถานที่ และศิลปิ น ทีจ่ ะท�ำการแสดงเอาไว้ครบถ้วน ส่วนเหตุผลทีต่ อ้ งมาถ่ายเอกสารเอาไว้ ก็เพราะตารางการแสดงมีการปรับเปลีย่ น พวกเราทีมงานจึงคิดกันว่า มีตารางทีอ่ พั เดตล่าสุดไว้ตอบค�ำถามคนทีส่ นใจก็คงจะดี ………. ระหว่างทีก่ ารแสดงชุดแรกที่ Puripai Café จบลง และนักดนตรี ก�ำลังจัดเตรียมอุปกรณ์เพือ่ เริ่มการแสดงต่อไป ชาวต่างชาติ 2 - 3 คน เข้ามาสอบถามน้องๆ นักศึกษาฝึ กงานที่ยืนแจกสติก๊ เกอร์ของงาน อยู่หน้าร้าน ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาพวกเขา ระหว่างที่พยายามนึกค�ำในภาษาอังกฤษเพื่อจะตอบค�ำถาม ทีพ่ วกเขาสงสัย ผมก็นกึ ขึ้นได้วา่ ตัวเองมีตารางการแสดงทีถ่ า่ ยเอกสาร เอาไว้ ผมจึง หยิบ เจ้า สิ่ง นี้ อ อกมาแล ว้ ยื่น ให้ช าวต่ า งชาติก ลุ่ม นัน้ พร้อมกับเริ่มอธิบายว่า ตอนนี้เราอยู่ทไ่ี หน การแสดงต่อไปจะจัดทีใ่ ด “ขอบคุณมาก แล ้วเราจะตามไปดูนะ” เป็ นค�ำตอบจากพวกเขา ………. สารภาพว่าหลังจากนัน้ เพราะมีหลายสิง่ ทีต่ อ้ งท�ำ ผมจึงไม่รูเ้ ลยว่า ยังมีตารางการแสดงอยู่กบั ผมอีกจ�ำนวนเท่าไหร่ จนกระทังระหว่ ่ างทีก่ ำ� ลังเก็บของ ผมพบว่าในกระเป๋ าของตัวเอง มีกระดาษอะไรบางอย่างพับเก็บไว้ ซึง่ เมือ่ คลีอ่ อกมาดู ถึงรูว้ ่ามันคือ ตารางการแสดง และมันเป็ นตารางแผ่นเดียวทีผ่ มมีเหลืออยู่กบั ตัว สิง่ ทีเ่ ข้ามาในห้วงความคิดของผม ณ เวลานัน้ ก็คอื กระดาษ A4 ธรรมดาๆ เหล่านี้อาจจะไม่หรู หรา แต่มนั ก็ทำ� หน้าที่พาใครบางคน ไปพบความสุขกับดนตรี ซึง่ ตรงกับสิง่ ทีพ่ วกเราตัง้ ใจอยากให้เกิดขึ้น และมันก็ทำ� ให้ผมรู ส้ ึกว่า การขี่มอเตอร์หาร้านถ่ายเอกสาร และยืนรอต่อคิวในวันนัน้ ไม่ใช่เรื่องสูญเปล่า ระพินทรนาถ (มิค)
(7) Pai Jazz & Blues Fest 2017 เราจัดกันปี น้ ีเป็ นปี แรก แล ้วเป็ นช่วงหน้าฝนซะด้วย เตรียมงานกันมาก็หลายเดือน จนวันทีเ่ รา ออกเดือนทางเพือ่ ไปเตรียมความพร้อม ก่อนทีง่ านจะเริ่มเพียง 1 วัน บอกตามตรงว่าใจไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมีคนมาดูงานนี้เยอะ เพราะเราไม่มสี เตจเหมือนงานทัว่ ๆไป คอนเส็ปท์ของเราคือใน 1 วัน ดนตรีจะเกิดขึ้นตามร้านต่ างๆ เช่ นร้านกาแฟบ้าง ร้านอาหารบ้าง เป็ น งานสเกลเล็ก ๆ เดิน ดู ด นตรีต ามร้า นที่ส ามารถเดิน ถึง กัน ได้ เป็ นดนตรีแจ๊ซซ์และบลูสเ์ บาๆ ชิลล์ๆ แต่ ต อนเช้า ก่ อ นงานเริ่ ม มีป ระกาศเสีย งตามสายแจ้ง ให้ คนแถวนัน้ ทราบว่าจะมีงาน ‘คอนเสิรต์ ’ ผ่านไปซักชัว่ โมงก่อนงานเริ่ม ก็ ‘งานเข้า’ แต่งานจะเริ่มแล ้ว ส่วนหนึ่งไปเคลียร์ อีกส่วนรันงาน หยุด ไม่ได้แล ้ว ผ่านวันแรกไปแบบลุนกั ้ บทุกทีท่ เ่ี ราไปจัด วันทีส่ องฝนตกแต่เช้าเลย แต่เหมือนผลของวันแรกจะเริม่ ท�ำงาน นักท่องเที่ยวฝรัง่ เริ่มทยอยกันมาดู ดนตรีตงั้ แต่ ท่ีแรก จนที่ท่ีสอง ก็เกินคาด คนมาดูถอื ว่าเยอะเลยแหละ โดยที่ฝนก็ยงั ตกอยู่เรื่อยๆ ตกเย็นที่ท่สี าม Pai River Corner นักท่องเที่ยวก็มาจับจองที่นงั ่ เพือ่ ดูดนตรีกนั เต็มพื้นที่ แม้ฝนจะตกหนักบ้างเบาบ้างสลับกันอยู่แบบ นี้ตลอดโชว์ แต่คนก็ยงั ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ และปิ ดทีส่ ุดท้ายของวันที่ Mojo ทีน่ ่ไี ม่ตอ้ งพูดถึง คนเยอะจนล ้นกินถนนไปครึ่งเลน วันที่สาม วันสุดท้ายของงาน เราเริ่มกันตัง้ แต่บ่ายโมงที่รา้ น Puripai Cafe ร้านกาแฟเล็กๆ ตรงถนนคนเดิน แน่นอน คนมารอดู ดนตรีอกี เช่นเคย มาถึงวันนี้เราจ�ำหน้าได้บา้ งแล ้ว มีคนทีต่ ามไปดูทกุ ที่ ทุกวันก็มี คนหน้าใหม่กม็ า ตัง้ แต่ทแ่ี รกจนทีส่ ุดท้าย คนดูเกินกว่าทีค่ ดิ ตัง้ แต่แรกไว้มาก ก่อนมาคิดมาตลอดว่า ฝนตกคนมันจะมีมามัย้ นะ กลัว ไปหมด แต่ ผ่ า นมาทัง้ สามวัน มัน ท�ำ ให้เ รารู เ้ ลยว่า เราต้อ ง “เซือ่ ในสิง่ ทีเ่ ฮ็ด เฮ็ดในสิง่ ทีเ่ ซือ่ ” ถถถถถถถ SCBD. 16
a side
(8) วันสุดท้าย ซึ่งก็คือวันที่ 3 ของงาน วันนี้แดดออกส่งท้าย งานของเรา ฉันยังคงท�ำงาน ประสานงาน และดูภาพรวมจากมุมไกลๆ เหมือนเช่นเคย ด้วยนิสยั ชอบสังเกตคน ฉันจดจ�ำใบหน้าของผูช้ ายคนหนึ่งได้ดี ตอนนี้เขาก�ำลังสัง่ กาแฟทีร่ า้ นเข้าท่า ระหว่างทีไ่ มค์ ศรีเวียงพิงค์กำ� ลัง โซโล่กตี า้ ร์ ผูช้ ายคนนี้เป็ นฝรัง่ มีอายุ ตัวสูง ใส่หมวก ใส่แว่นตาด�ำ และ สวมแจ็คเก็ตสีเขียวขี้มา้ ตลอดเวลา ฉันเห็นเขาตัง้ แต่ท่ี The Jazz House ในวันแรก และทุกๆ ร้านในทุกๆ วันของงาน ถ้าไม่มที ่นี งั ่ เขาก็จะยืนอยูน่ อกร้านเพือ่ ฟังเพลง ถึงแม้ฝนจะตก ยืนตากฝน เขาก็ยงั ตัง้ ใจฟังเพลงตลอดเวลา บางช่วงเขาหลับตาเพือ่ ซึมซับบทเพลงทีก่ ำ� ลัง บรรเลงอยู่ วันนี้ทร่ี า้ นเข้าท่า เขามีทน่ี งั ่ ก�ำลังหลับตาและตัง้ ใจฟังเพลง เหมือนในทุกๆ วันทีเ่ ขาท�ำ ฉัน มีค�ำ ถามกับ ตัว เองส�ำหรับงานที่เราจัด ฉัน กัง วลว่างาน จะออกมาดี ม ยั้ คนฟัง คนดู จ ะชอบหรื อ ไม่ ช อบอะไรหรื อ เปล่ า ฉันต้องการค�ำตอบบางสิง่ บางอย่างทีท่ ำ� ให้ฉนั สบายใจ และอยากจะคุย กับเขา เพือ่ ประเมินงานในมุมมองของคนดู ไม่ได้ตดั สินจากตัวเอง คนจัดงาน หรือนักดนตรี ฉันจึงตัดสินใจเข้าไปทักทายเขา “สวัสดีค่ะ ฉันเป็ นหนึ่งในทีมงงานทีจ่ ดั งานนี้ ขอคุยด้วยได้ไหม” ฉันทักทายเขาเป็ นภาษาอังกฤษทีไ่ ม่ค่อยแข็งแรงของฉัน แต่ก็พอทีจ่ ะ สือ่ สารได้ “ได้สิ สวัส ดี ค รับ ” เขายิ้ ม แย้ม แจ่ ม ใสและตอบรับ ฉั น อย่างเป็ นกันเอง “ฉันเห็นคุณไปตัง้ แต่รา้ นแรก วันแรกที่เราจัดงาน คุณคิดว่า งานของเราเป็ นอย่างไรบ้าง” “ผมรักดนตรี ผมรักปาย ผมชอบงานเล็กๆแบบนี้ ทุกคน มีความสุขที่ได้ดูดนตรี มันดีมาก ถึงแม้สองวันแรกฝนจะตกตลอด แต่ผมก็ไปดู”
“คุณคิดว่าสถานที่ท่ีเราจัดงาน กับศิ ลปิ นที่เราเลือกมาเล่น เป็ นยังไงบ้าง นี่เป็ นปี แรกทีเ่ ราจัดงาน ฉันค่อนข้างกังวล” “ผมคิดว่าคุณท�ำได้ดี ถึงแม่วา่ บางร้านอาจจะเล็กไปหน่อย อย่าง Puripai Cafe แต่ The Jazz House, Pai River Corner และ Mojo ก็โอเคส�ำหรับผม ถึงแม้จะไม่มที น่ี งั ่ ผมก็โอเคทีจ่ ะยืนฟังเพลง” “ผมชอบดนตรีฟิวชัน่ มันอาจจะไม่ได้เป็ นไปตามคอนเส็ปท์งาน แต่ ศิลปิ นที่มาก็เจ๋งมากๆ ผมสนับสนุ นให้มงี านดนตรีเล็กๆแบบนี้ ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเท่าไหร่” “คุณมีอะไรจะแนะน�ำมัย้ ปี หน้าเราอยากจัดอีก ในฤดูฝนแบบนี้” “ผมคิดว่าคุณสามารถหาเงินได้นะ ผมเข้าใจว่าคุณต้องหาเงิน ให้นกั ดนตรี ปี หน้าลองท�ำเป็ นเวทีตอนเย็นสิ หาที่และตัง้ เวทีเล็กๆ คนชอบอยู่แล ้วงานแบบนี้ ลองหาศิลปิ นต่างชาติดู วงจากจีนหรือญีป่ ่ นุ ก็น่าสนใจ คุณอาจจะได้คนดูจากหลายชาติเพิม่ มากขึ้น” “ทีมงานเราตัง้ ใจจะท�ำให้เป็ นงานที่เข้าฟรี แต่ ก็ขอบคุณนะ ทีแ่ นะน�ำ หวังว่าปี หน้าถ้าเราได้จดั งานอีก คุณคงจะมาดูนะ” “ผมไปมาระหว่างเชียงใหม่ - ปาย อยู่แลว้ ผมรักเมืองนี้ งานแบบนี้มนั ท�ำให้นึกถึงปายสมัยก่อนทีย่ งั เป็ นเมืองเล็กๆ ทีม่ ศี ิลปิ น เก่ งๆ มาอยู่รวมตัวกัน นี่คือปาย เราไม่ได้ตอ้ งการเทศกาลดนตรี ทีใ่ หญ่โต และอากาศของปายก็เหมาะกับดนตรีแบบนี้” “ขอบคุณมากค่ะ เดีย๋ วร้านต่อไปคุณจะตามไปมัย้ บางล�ำภู บลูส ์ กัมปะนี จะเล่นที่ Pai River Corner” “ผมไปแน่นอน แล ้วเจอกัน” ศมนภรณ์ (ฝน)
THANK YOU FOR SUPPORT
สามารถติดตามภาพบรรยากาศและคลิปวิดีโองาน PAI JAZZ & BLUES FEST 2017 ได้ที่ www.paijazzandbluesfest.com
17
b side
C O V E R S T O R Y
ALL AROUND GEORGE TOWN
ปี 2008 องค์การ UNESCO World Heritage ได้ประกาศให้เมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนงั ประเทศมาเลเซีย เป็นเมือง มรดกโลก โดยความหมายคือ สถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิง่ ก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึง เมือง ซึง่ คัดเลือกโดยองค์การยูเนสโก เพือ่ เป็นการบ่งบอกถึง คุณค่าของสิง่ ทีม่ นุษยชาติหรือธรรมชาติได้สร้างขึน้ มา และควรจะ ปกป้องสิง่ เหล่านัน้ ได้อย่างไร เพือ่ ให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคต ทริป นี้ เ รามีก นั 3 คน เราใช้วิธี บิน ตรงจากเชีย งใหม่ ล งหาดใหญ่ และนัง่ รถตู ้ 4 ชัว่ โมงจนถึงปี นงั ทริปนี้เราหาข้อมูลและวางแผนหลวมๆ จากการ อ่านรีววิ ในพันทิปและบล็อคเกอร์ต่างๆ สถานทีเ่ ทีย่ วและจุดถ่ายรูปยอดนิยม คงหนีไม่พน้ ภาพบนผนัง ที่แต่ ละคนก็เดินไปตามลายแทงเหมือนเก็บแต้ม เอาเข้าจริงด้วยตารางงานที่รดั ตัวของแต่ละคน เลยไม่ได้หาข้อมูลไว้เท่าไหร่ คิดว่าไปตายเอาดาบหน้า หาโบรชัวร์ทโ่ี ฮสเทลทีพ่ กั หาอะไรกินแล ้วค่อยวางแผน กันทีหลัง (ฮา) หลังจากเดินทาง 4 ชัว่ โมง ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบทุลกั ทุเล เราก็มาถึงปี นงั โดยสวัสดิภาพท่ามกลางฝนพร�ำ รถตูจ้ อดส่งเราถึงหน้าที่พกั ทีเ่ ราจองตามเพือ่ นคนหนึ่งทีเ่ คยมา ชื่อว่า The Frame Guesthouse ให้ 9/10 ส�ำ หรับ ความน่ า รัก ของสตาฟฟ์ แ ละความเก๋ไ ก๋ข องโฮสเทล ที่พ กั ของเรา อยู่ ใ จกลางจอร์จ ทาวน์ บนถนน Lebuh Chulia พอตกกลางคืน เส้น นี้ ของกินเพียบ! ได้กนิ Street Food ในวันแรกและเดินแถวๆ โรงแรม หาร้านชิลล์ นัง่ ฟังเพลงจิบเบียร์ วางแผนว่าอีก 3 วัน 2 คืนทีเ่ หลือจะไปเทีย่ วทีไ่ หนกันบ้าง
เรื่อง / ภาพ : ศมนภรณ์
18
a side
-CAFE-
02
01 05
03
06
04
07 1-3 The Canteen Restaurant, Bar & Live Music พื้นที่เชื่อมต่อกับ CHINAHOUSE Cake & Cafe 4-7 Awesome Canteen 8 ร้านขายของดีไซน์ที่จ�ำชื่อไม่ได้แล้ว แต่เจ้าของน่ารักจนต้องซื้อเสื้อยืดกลับมาตัวหนึ่ง
08
หนึ่งในผูร้ ่วมทริปของเราเป็ นตัวแม่เรื่องคาเฟ่ หรือ Cafe Hunter โชคดี ทีเ่ ธอหาข้อมูลร้านเด็ดร้านดังมาอย่างดี จอร์จทาวน์ดอี ย่างตรงทีเ่ ป็ นเมืองเล็กๆ สามารถเดินไปร้านนู น้ ร้านนี้ได้ไม่ยาก เราเดินเอ้อระเหยถ่ายรูปตึกไปไม่เท่าไหร่ ก็ถงึ ร้านกาแฟทีเ่ พือ่ นเล็งไว้ ร้านนี้ช่อื ว่า Awesome Canteen ภายนอกตัวร้าน เหมือนจะรีโนเวทจากตึกเก่า ดัดแปลงได้สวยทีเดียว ผสมความเป็ น Old Town และคาเฟ่ ได้อย่างลงตัว ราคากาแฟทีน่ ่ีไม่ห่างจากทีเ่ ชียงใหม่ 50 - 100 บาท คุณก็จะได้ล้มิ รสจากเมล็ดกาแฟชัน้ ดีในคาเฟ่ สุดเก๋ ร้านต่อมามีป้ายติดหน้าร้านว่า Longest Cafe In Penang! ด้วยความ อยากรูจ้ งึ ชวนเพือ่ นเดินเข้าไป และพบว่ามันยาวจริง! จากทางเข้าถนนด้านหนึ่ง เดินลึกเข้าไปผ่านคาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงถนนอีกด้านหนึ่ง ร้านนี้มชี ่ือว่า The Canteen Restaurant, Bar & Live Music เชื่อมกับ CHINAHOUSE Cake & Cafe พื้นทีส่ ่วนนี้น่าสนใจ เพราะชัน้ 2 มีหอ้ งจัดแสดงงานศิลปะและ ร้านขายจิวเวลรี่ เฟอร์นิเจอร์ ไม่แปลกใจทีค่ นจะมา Hang Out กันเต็มร้าน 19
b side
-FOOD-
01
02
03
04
05
06
ถ้าคุณเป็ นคนทีก่ นิ ได้ทกุ อย่าง อย่าลืมทีจ่ ะลองอาหารของทีน่ ่ี ด้วยความที่ ปี นงั รวบรวมคนหลากหลายเชื้อชาติไว้ดว้ ยกัน ท�ำให้ทน่ี ่ีมคี วามหลากหลายของ อาหารมาก ระหว่างที่เราเดินกันตามถนนมักจะเจอรถเข็นอาหารจีนเป็ นหลัก บะหมีเ่ หลือง เราติดใจแบบแห้งเพราะใส่ซอสหรือซีอวิ ๊ ซักอย่าง อร่อยแบบขลุกขลิก จนต้องกินสองวันติด! หรือ Lok Lok เสียบไม้ ต้มในน�ำ้ เดือด เอามาจิ้มกับน�ำ้ จิ้ม หลายแบบ (มีนำ�้ จิ้มอันหนึ่งเหมือนน�ำ้ จิ้มหมูสะเต๊ะเลย!) โซน Little India ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่นอ้ ย เหมือนหลุดเข้าไปอีกประเทศ ด้วยความทีช่ อบเครื่องเทศเป็ นทุนอยู่แลว้ พวกเราจึงเข้าร้านทีค่ นอินเดียเขานัง่ กันจริงๆ เมนู ถงึ แม้จะเป็ นภาษาอังกฤษแต่กไ็ ม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจถึงความหมาย และส่วนผสมของมันแต่อย่างใด พวกเราได้แต่จ้ มิ เมนู กนั คนละอย่างสองอย่าง แล ้วมาแชร์กนิ ด้วยกัน กินไปหัวเราะไปว่าตะกี้เราสังอั ่ นนี้เหรอ (ฮา) อาหารและ เครื่องดื่มที่ปีนงั ราคาไม่สูง อาจจะพอๆ กับเชียงใหม่ ที่สำ� คัญได้เยอะมาก!! ใครทีช่ อบสัง่ หลายๆ อย่างมาวางบนโต๊ะระวังจะกินไม่หมด เสียดายของแย่เลย 20
a side
1 ร้านขาย Lok Lok ราคาจะไล่เรียงตามสีที่ด้ามไม้เสียบ ต้มเองจิ้มเอง คิดเงินตามจ�ำนวนไม้ 2-3 Street Food ที่เป็นรถเข็นโดยส่วนมากจะขายโดย ชาวมาเลย์เชือ้ สายจีน บะหมีอ่ ร่อยมาก ชามละ 30 บาทเอง! 4-6 สีสันฉูดฉาดของร้านอาหารใน Little India ท�ำให้นึกถึง ภาพยนตร์ของ Wes Anderson
-WALL-
ต้อ งขอบคุ ณ โบรชัว ร์จ ากโฮสเทลที่ ท �ำ ให้เ ราได้รู ว้ ่ า ภาพฝาผนัง มันโครตจะเยอะเลย! ด้วยความทีไ่ ม่ได้วางแผนสืบข้อมูลมา วันท้ายๆ ทีม่ าถึงรูว้ า่ ทีน่ ่มี รี ถบัสฟรีให้ขึ้นด้วย! CAT Free Shuttle Bus เป็ นบัสทีร่ ฐั จัดให้นักท่องเทีย่ ว และประชาชนขึ้นฟรี จอดรถส่งตามจุดต่างๆ ทีเ่ ป็ นแลนด์มาร์คส�ำคัญของเมือง (บางทีก็นงั ่ กัน 3 รอบติด หลบฝนตากแอร์เล่น) เราสามารถลงตามจุดต่างๆ ทีบ่ สั จอดเพือ่ ไปถ่ายรูปและรอขึ้นบัสเพือ่ ไปอีกจุดหนึ่งก็ได้ Street Art และ Wall Painting ของทีน่ ่มี ชี ่อื เสียงด้วยเอกลักษณ์ทด่ี งึ สิ่งแวดลอ้ มและวัฒนธรรมต่างๆ มาใช้ โดยศิลปิ นถ่ายทอดออกมาด้วยการ วาดบนผนังตึกและเหล็กดัดทีบ่ ง่ บอกเรื่องราวของเมืองจอร์จทาวน์ได้เป็ นอย่างดี ถึงแม้วา่ เราทัง้ สามคนจะเดินดู Street Art ได้ไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ไป ท�ำความรูจ้ กั กับคนในพื้นที่ ตืน่ สาย เดินหลง ขึ้นรถบัสผิดสาย หรือนัง่ ชิลล์ทค่ี าเฟ่ นานไปหน่อย แต่เป็ นทริปทีโ่ ครตสนุกเลย Happiness Is Having No Plans! ยิง่ กับเพือ่ นสนิท แค่มองตากันก็รูใ้ จแล ้ว 21
b side
T R A V E L
JAIPUR UDAIPUR เที่ยวอย่างราชาที่ชัยปุระ - อุทัยปุระ เรื่อง / ภาพ : รัตน์ชฎา วงศ์วสุ
ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวอินเดียเป็นครั้งแรก ในชีวิต ซึ่งได้เพื่อนร่วมเดินทางทั้งหมด 10 คนรวมตัวดิฉันเอง โดยพี่เปิ้ลและดิฉันซึ่งตั้งตัว เป็นหัวหน้าทัวร์ใช้เวลาในการวางแผนเพียงแค่ 1 เดือนก่อนออกเดินทางเท่านั้น สิ่งที่เรากังวล อย่างแรกคือเรื่องวีซ่า เพราะความที่ไม่เคย ไปอินเดียมาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้เวลาในการ เตรียมเอกสารและยืน่ วีซา่ นานแค่ไหน แต่ปรากฏว่าวีซา่ อินเดียเราสามารถยืน่ ออนไลน์ได้ เรียกว่า E - Tourist Visa ดิฉันยื่นและจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านทางอินเตอร์เน็ต ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน ก็ได้เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยทางอีเมล์
22
a side
02
01
หลังจากจัดการเรื่องวีซ่าแลว้ ก็เริ่มจองตัว๋ เครื่องบิน ส�ำหรับทริปนี้ดิฉนั และเพื่อนๆ เลือกที่จะเดินทางไปแคว้น ราชสถาน อันเป็ นแคว้นเก่าแก่ท่มี งั ่ คัง่ แคว้นหนึ่งของอินเดีย ในอดีต โดยเลือกไปแค่ 2 เมือง คือ ชัยปุระ (Jaipur) และ อุทยั ปุระ (Udaipur) เนื่องจากสายการบินไทยสไมล์เพิง่ เปิ ด เส้นทางบินตรง กรุงเทพ - ชัยปุระ เมือ่ ไม่นานนี้ ดิฉนั จึงจองตัว๋ ระหว่างประเทศเป็ นสายการบินไทยสไมล์ และจองตัวภายใน ๋ ประเทศโดยเลือกสายการบินสไปซ์เจ็ต (Spice Jet) อัน ดับ ต่ อ มาคื อ ที่พ กั ด้ว ยความที่โ ดนพู ด กรอกหู อยู่ตลอดเวลาถึงความสกปรกของประเทศอินเดีย บ้างก็บอกว่า ตามถนนหนทางจะเห็นคนนัง่ ถ่ายเป็ นเรื่องปกติ บ้างก็บอกว่า ตามแม่นำ�้ จะมีศพลอยมาให้เห็นทุกวัน บ้างก็บอกว่าระวังขอทาน ส่วนอาหารทีม่ ขี ายตามท้องถนนห้ามกินเด็ดขาด สกปรกมาก! บางคนถึง กับ บอกว่ า น�ำ้ ดื่ม นัน้ ต้อ งเป็ น น�ำ้ ดื่ม จากโรงแรม ห้ามดืม่ น�ำ้ ข้างนอก อาจจะท้องเสียจนตายได้เลย! ด้วยความที่ โดนขู่ไว้เยอะ เมือ่ ปรึกษากันแลว้ เราจึงตัดสินใจว่ายอมทีจ่ ะ เสีย เงิน ค่ า โรงแรมดีๆ อย่ า งน้อ ยถ้า ออกไปด้า นนอกแล ว้ มันแย่จริงๆ ก็จะกลับมานัง่ เล่นนอนเล่นทีโ่ รงแรมดีกว่า ดังนัน้ เราจึงเลือกโรงแรมที่คิดว่าดีท่สี ุด หรืออย่างน้อยก็ขอให้เป็ น โรงแรมระดับห้าดาวไว้ก่อนเพือ่ ความชัวร์ แล ้วอีกอย่างทุกคน ในกลุม่ ก็อยากลองมีประสบการณ์การพักอยู่ในวังเก่าดูบา้ งว่า จะเป็ นอย่างไร เราจึงเลือกโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ (Rambagh Palace) ตอนทีไ่ ปเมืองชัยปุระ ส่วนเมืองอุทยั ปุระ เราเลือก โรงแรมอุไดวิลล่า ดิ โอบิรอย (Udaivilas The Oberoi) ทีไ่ ด้ช่อื ว่าเป็ นหนึ่งในโรงแรมทีห่ รูหราทีส่ ุดของเมืองนี้
03
01 บ่อน�้ำใหญ่ Stemwell 02 ด้านนอกโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 03 อีกมุมหนึ่งของโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 04 โรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 05 ล็อบบี้โรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 04
และในที่สุดก็ถงึ คืนวันเดินทาง ดิฉนั นัดทุกคนตอน หนึ่งทุ่มตรง เพราะเครื่องออกตอนสี่ทุ่ม เราใช้เวลาเดินทาง 4 ชัว่ โมงก็มาถึงเมืองชัยปุระตอนตีหนึ่งครึ่ง หลังจากผ่านด่าน ตรวจคนเข้า เมือ งแล ว้ เราก็ เ ดิน ทางไปโรงแรมโดยรถบัส ทีโ่ รงแรมจัดหาให้ เมือ่ ไปถึงก็มเี จ้าหน้าทีโ่ รงแรมทีห่ น้าตางัวเงีย เหมือนเพิง่ ตื่น ยืนถือร่มที่มหี น้าตาคลา้ ยร่มของพวกเจ้าชาย เจ้าหญิงโบราณ กับพวงมาลัยพร้อมเครื่องดื่มมาคอยต้อนรับ พวกเรา แต่ตอนนัน้ อย่าว่าแต่พนักงานโรงแรมเลย พวกเรา ก็แทบตาจะปิ ดหมดทุกคนแล ้ว เพราะขณะนัน้ ก็น่าจะเป็ นเวลา ตีสามครึง่ ถ้าเป็ นบ้านเราก็จะตีหา้ อยูแ่ ล ้ว ดังนัน้ หลังจากเช็คอิน เรียบร้อย บางคนก็เข้าห้องแลว้ นอนเลยโดยไม่อาบน�ำ ้ เพราะ ไม่สามารถฝื นสังขารได้ ไม่แม้กระทัง่ เดินส�ำรวจความหรูหรา ของห้องทีไ่ ด้ช่อื ว่าเป็ นวังเก่าแต่อย่างใด
05
23
b side
06
หลังจากที่ได้นอนพักผ่อนไปไม่ก่ีชวั ่ โมง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนก็ต่ืนมารับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน และนี่ก็เป็ น ช่ วงเวลาที่ดิฉันเริ่มส�ำรวจและชื่นชมความงามของโรงแรม ซึ่งเคยเป็ นพระราชวังของมหาราชาแห่งเมืองชัยปุระมาก่ อน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็ นโรงแรมทีค่ อยรับนักท่องเทีย่ วจากทัวทุ ่ ก สารทิศ ส�ำหรับโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซแห่งนี้ มีความสวยงาม ตรงตัว อาคารสามชัน้ ที่ต งั้ เด่ น เป็ น สง่า อยู่ ห น้า สนามหญ้า อันกว้างใหญ่ มีนกยู งกว่า 10 ตัวเดินไปมาเสมือนเป็ นบ้าน ของพวกมัน บวกกับบริการของพนักงานทีท่ ำ� ให้รูส้ กึ ว่าตัวเอง เป็ นคนพิเศษ อีกทัง้ อาหารเช้าทีห่ ลากหลาย มีทงั้ บุฟเฟ่ ตนานา ชาติและแบบเป็ นเมนู ให้เราเลือก ดิฉนั สะดุดตากับอาหารแบบ อิน เดีย ที่เ รีย กว่า ทาลิ (Thali) ที่เ ป็ น ถาดกลมๆ มีพ วก แกงต่างๆ เป็ นถ้วยเล็ก เสิรฟ์ พร้อมกับแป้ งนาน (Nan) ดิฉนั จึงขอชิมโน่นนิดนี่หน่อย เพราะคิดว่ามันยังเช้าไปทีจ่ ะเริ่มด้วย อาหารหนักๆ แบบนี้ หลังรับประทานอาหารเรียบร้อย พนักงาน โรงแรมก็ม าสาธิตการพัน ผ้า โผกหัว ให้กบั ผู ช้ ายในกลุ่ม เรา หลัง จากสาธิ ต เสร็ จ เขาก็ จ ะให้ผ า้ ผื น นั้น กับ ลู ก ค้า ไปเลย ซึ่งถือว่าเป็ นอภินนั ทนาการและเป็ นการสร้างความประทับใจ เล็กๆ น้อยๆ ให้กบั แขกของโรงแรม เวลา 9:00 น. ก็มคี ุณลุงคนหนึ่งเดินมาทีด่ ฉิ นั และกล่าว ทักทาย จึงรู ว้ ่าเป็ นมัคคุเทศก์ท่ดี ฉิ นั ติดต่อไว้จากบริษทั ทัวร์ ทีช่ อ่ื ว่า Janu ดิฉนั ติดต่อเขาก่อนเดินทางมา 3 วัน ตอนแรก พวกเราตัดสินใจว่าจะไม่ใช้บริษทั ทัวร์ แต่จะใช้การเรียกรถ ไปโน่นไปนี่แทน แต่ดฉิ นั กลัวว่าทีน่ ่อี าจจะไม่งา่ ยเหมือนโตเกียว ลอนดอน หรือนิวยอร์ค ที่นึกจะเรียกรถไปไหนก็เรียกได้ จึงตัดสินใจหารถเช่า โดยเข้าไปดูใน Trip Advisor พร้อมทัง้
07
09
24
a side
08
10
11
12
06 อีกมุมหนึ่งบริเวณด้านหน้าป้อมปราการแอมเบอร์ 07 เจ้าหน้าที่โรงแรมแรมบาร์ค สาธิตการโพกหัวแบบอินเดีย 08 ระเบียงโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 09 นางแบบรับจ้างที่ป้อมปราการแอมเบอร์ 10 สวนและตัวต�ำหนักภายในป้อมปราการแอมเบอร์ 11 ป้อมปราการแอมเบอร์ ตอนกลางวัน 12 ทางขึ้นไปต�ำหนักในป้อมปราการแอมเบอร์
25
b side
อ่านรีววิ จากนัน้ ก็อเี มล์คุยกับทางบริษทั ทางเขาจึงจัดหารถ มาให้ โดยคิดเงินวันละ 8,000 รูปีอนิ เดีย หรือวันละ 4,000 บาท ซึ่งจะมีรถมินิ บสั พร้อมคนขับและมัค คุ เทศก์หนึ่งคน รวม ค่าน�ำ้ มันและเครือ่ งดืม่ ในรถทัง้ หมดแล ้วถือว่าราคาดีเลยทีเดียว เมือ่ ออกเดินทาง มัคคุเทศก์กแ็ นะน�ำตัวเป็ นภาษาอังกฤษ ส�ำเนียงอินเดียกับพวกเรา และเริม่ แนะน�ำเกีย่ วกับเมือง ‘ชัยปุระ’ หรือ ‘Jaipur’ เขาบอกว่า เมือ งนี้ เ ป็ น เมือ งหลัก ของแคว้น ราชสถาน และยังเป็ นทีร่ ูจ้ กั กันดีในอินเดียว่า ‘นครสีชมพู (Pink City)’ เนื่องจากในอดีตผู ป้ กครองนครชัยปุระในขณะนัน้ ต้องการสร้างความประทับใจให้กับเจ้าชายแห่งเวลส์ ทีจ่ ะเดินทาง มาเยีย่ มชมเมืองชัยปุระ จึงได้มรี บั สังให้ ่ ประชาชนทาสีบ ้านเรือน และสถาปัตยกรรมต่างๆ เป็ นสีชมพูออกโอลด์โรส ตัง้ แต่นนั้ มา สีดงั กล่าวก็กลายเป็ นสีทผ่ี ู ้คนใช้ทาบ้าน ไม่วา่ จะบ้านใหม่บ ้านเก่า เพือ่ คงไว้ซง่ึ ชื่อนครสีชมพู หลังจากนัง่ รถออกจากตัวเมืองมาประมาณ 45 นาที เราก็เดินทางมาถึงสถานทีเ่ ทีย่ วแห่งแรกทีม่ ชี ่อื ว่า ‘ป้ อมปราการ แอมเบอร์ (Amber Fort) ซึง่ ตัง้ ตระหง่านอยูบ่ นยอดเขา ห่างจาก จุดทีจ่ อดรถประมาณ 3 กิโลเมตร จากจุดนี้มคั คุเทศก์ของเรา บอกว่าต้องเปลีย่ นรถเป็ นรถจีป๊ คันเล็ก แล ้วขับผ่านหมูบ่ ้านขึ้นไป บนยอดเขาเพือ่ เยีย่ มชมป้ อมปราการ หรือจะนัง่ ช้างไป ซึง่ การ นัง่ ช้างขึ้นไปก็จะได้อารมณ์เหมือนคนโบราณเวลาสัญจรขึ้นลง แต่ขอ้ เสียคือ ถ้านัง่ ช้างขึ้นไปเราต้องเดินลงมา เราจึงตัดสินใจ นัง่ รถจีป๊ ดีกว่า หลังจากขึ้นรถจีป๊ เราใช้เวลาอีกเกือบ 30 นาที ลัดเลาะไปตามถนนแคบๆ ทีร่ ถไม่สามารถสวนกันได้ บางช่วง ต้องจอดรอรถด้านบนซึง่ คอยรับส่งผูโ้ ดยสาร ท�ำให้ระยะทาง เพียงแค่ 3 กิโลเมตรนัน้ ใช้เวลานานมากกว่าปกติ แต่เมือ่ มาถึง ทางเข้า หน้า ป้ อมปราการแล ว้ ก็รู ส้ ึก คุ ม้ ค่ า เพราะนอกจาก ความอลังการของตัวอาคารแลว้ วิวด้านบนนี้ก็สวยงามมาก คณะของเราจึงเริ่มเดินชมความอลังการของปราการแห่งนี้กนั ป้ อมปราการแอมเบอร์ถื อ เป็ นสถานที่ ท่ อ งเที่ ย ว ที่สำ� คัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองชัยปุระก็ว่าได้ ปราการแห่งนี้ มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งเกิดจากจากการ ผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุต อีกทัง้ ทีน่ ่ี ยังเคยเป็ นทีป่ ระทับของมหาราชาในอดีตด้วยเช่นกัน ทีน่ ่มี พี ้นื ที่ ที่ค่อนข้างใหญ่ มีประตูทางเข้าออกหลายแห่ง นอกจากนัน้ มัคคุเทศก์ยงั บอกกับเราอีกว่า ทีน่ ่ียงั มีทางลับใต้ดนิ ไว้สำ� หรับ เหล่านางในทีอ่ ยู่ทน่ี ่ี หรือแม้กระทัง่ ไว้สำ� หรับหนีขา้ ศึกเมือ่ โดน โจมตีอกี ด้วย และถ้าหากคุณมีโอกาสมาเทีย่ วทีน่ ่ี ขณะทีเ่ ดินเล่น ตามจุดต่างๆ แล ้วพบเห็นผูห้ ญิงอินเดียถือไม้กวาดยืนยิ้มด้วย ใบหน้าที่เป็ นมิตรเหมือนพร้อมจะเป็ นนางแบบให้เราถ่ายภาพ ให้ระวังไว้นิดหนึ่ง เพราะเมื่อไหร่ ก็ตามถ้าคุณเผลอถ่ายรู ป พวกเธอเข้า เธอจะเดินมาตามทวงเงินในทันที ใครไม่จ่ายให้ ก็จะเดินตามทวงเงินจนต้องควักเงินจ่ายให้ในทีส่ ดุ ดังนัน้ ก่อนจะ ถ่ายรูปพวกเธอ ให้เดินเข้าไปขอถ่ายแล ้วยืน่ เงินให้เลยจะดีกว่า หลังจากเดินชมป้ อมปราการแอมเบอร์จนหน�ำใจแลว้ เราเดินทางต่อไปยัง ‘พระราชวังหลวงแห่งชัยปุระ (City Palace of Jaipur)’ ก่ อ นเข้า ไปในพระราชวัง มัค คุ เ ทศก์บ อกว่า มหาราชาแห่งชัยปุระองค์ปจั จุบนั มีพระนามว่า ปัตมานาม ซิงห์ (Padmanabh Singh) มีพระชนม์มายุเพียงแค่ 18 ชันษาเท่านัน้ และพระองค์ก็อาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ พระองค์ชอบทีจ่ ะ ใช้ชีวติ เหมือนคนทัว่ ไป แต่ มกี ฎว่าถ้านักท่องเที่ยวหรือใคร ที่เข้ามาในวังแลว้ เจอพระองค์จะต้องไม่มองหน้า ไม่ทกั ทาย ซึง่ ถือว่าเป็ นการให้เกียรติพระองค์ เมือ่ มัคคุเทศก์อธิบายทุกอย่าง
เรียบร้อยก็พาพวกเราเข้าไปทีป่ ระตูพระราชวัง ซึง่ โดยปกติแล ้ว พื้น ที่ข องพระราชวัง นัน้ จะแบ่ ง เป็ น 2 ส่ ว น คื อ ส่ ว นที่ใ ห้ นักท่องเทีย่ วทัว่ ไปได้เข้าชม กับส่วนทีเ่ ป็ นพื้นทีท่ ม่ี หาราชาและ พระบรมวงศานุวงศ์ประทับอยู่ แต่สำ� หรับส่วนนี้จะต้องจ่ายเงิน เพิม่ เพือ่ เข้าไปชมอีกคนละ 2,500 รูปี ซึง่ เราทุกคนก็ยอมทีจ่ ะจ่าย เพราะก็อยากรูอ้ ยากเห็นว่ากษัตริยท์ น่ี เ่ี ขาอยูก่ นั ยังไง เมือ่ จ่ายเงิน เรียบร้อยเราก็เดินเข้าประตูเล็กๆ มา เมือ่ โผล่พ ้นประตู เราก็เจอ รถเมอร์ซเิ ดส เบนซ์คนั ใหญ่จอดรอใครซักคนอยู่ แล ้วก็มวี ยั รุ่น หนุ่มหน้าตาคมคาย สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์คนหนึ่งก�ำลังยืน บนมินิเซ็กเวย์ม่งุ หน้ามาทางรถ เราทุกคนยืนมองแบบงงๆ แลว้ เกิดความสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็ นใคร มาเล่นอะไรแถวนี้ ไม่มใี ครว่าอะไรเลยเหรอ จากนัน้ ไม่นาน เด็กวัยรุ่นคนเดิมก็เดิน ขึ้น รถหรู ท่ีจ อดรออยู่ แ ล ว้ ออกไป ยัง ไม่ ท นั จะหัน ไปถาม มัคคุเทศก์ของเราก็พดู ขึ้นว่า “He’s our king” (เขาคือกษัตริย ์ ของเรา) ทุ ก คนในคณะรู ส้ ึก ตื่ น เต้น พร้อ มทัง้ ออกอาการ ประหลาดใจถึงการใช้ชีวติ ที่เรียบง่ายของกษัตริยท์ ่ีน่ี ดิฉนั ยังคิดว่าเดีย๋ วกลับไปเมืองไทย จะเอาไปโม้ซกั หน่ อย ว่าเจอ มหาราชาของชัยปุระมาแล ้วนะเธอ!!! จากนัน้ เราเดินส�ำรวจส่วนต่างๆ ของพระราชวัง ส�ำหรับ ทีน่ ่จี ะมีชอ่ื เสียงด้านงานจิตรกรรมฝาผนังทีง่ ดงามมาก บางครัง้ ท�ำให้ดฉิ นั นึกถึงพระราชวังหลายๆ แห่งในอิหร่าน ทีต่ กแต่งด้วย กระจกสีช้ นิ เล็กๆ สะท้อนแสงวิบวับภายในห้อง นอกจากนัน้ พื้นทีภ่ ายในพระราชวังแห่งนี้ก็ยงั มีสวนและพระต�ำหนักต่างๆ มากมาย ดิฉัน ได้มีโ อกาสขึ้น ไปด้า นบนพระต�ำ หนัก หลวง บริเวณทีเ่ ป็ นห้องรับแขกบ้านแขกเมืองของมหาราชาในอดีต ซึง่ ตอนนี้ได้เปิ ดเป็ นห้องแสดงทรัพย์สมบัตแิ ละโบราณวัตถุทไ่ี ด้รบั มาจากอาคันตุกะมากมาย น�ำมาจัดแสดงให้นกั ท่องเทีย่ วได้ชม อันทีจ่ ริงยังมีส่วนอื่นๆ ทีพ่ วกเรายังไม่ได้เข้าชม เนื่องจากเรา ไปถึง ค่ อ นข้า งบ่ า ยแก่ ซ่ึง ใกล เ้ วลาที่พ ระราชวัง จะปิ ด แล ว้
13
15
14
16
26
a side
17 13 พระราชวังลม Hawa Mahal ที่เมืองชัยปุระ 14 เนียนถ่ายรูปกับครอบครัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวใกล้กับ Stepwell 15 ด้านหน้า Alber Hall Museum 16 ภาพมุมสูงของพระราชวังชัยปุระ 17 ร้านอาหารในตลาด เมืองชัยปุระ 18 ด้านหน้าห้องอาหารในโรงแรมแรมบาร์ค พาเลซ 19 เด็กนักเรียนในเมืองชัยปุระ
18
19
27
b side
เลยเข้าไปดูได้อกี แค่บางส่วนเท่านัน้ ดังนัน้ ถ้าใครมีโอกาสได้มา เยีย่ มชมทีน่ ่ี ลองวางแผนจัดสรรเรื่องเวลาให้ดๆี ก่อน ไม่งนั้ อาจจะพลาดแบบพวกเราได้นะคะ หลัง จากจบทริป วัน แรก พวกเราก็ ก ลับ ไปพัก ผ่ อ น ที่โรงแรม อย่างที่ตงั้ ใจไว้ว่าการมาเที่ยวครัง้ นี้เราจะใช้เวลา ในโรงแรมให้คมุ ้ ราคาหน่อย ไม่ใช่แค่เอาไว้ซุกหัวนอน พวกเรา จึงตัดสินใจทานอาหารเย็นที่โรงแรม และไม่พลาดที่จะลอง อาหารอิน เดีย เป็ น มื้อ เย็น ซึ่ง ต้อ งขอบอกว่า อาหารอิน เดีย ทีโ่ รงแรมนี้อร่อยมาก อาจจะเรียกได้วา่ เป็ นอาหารอินเดียทีอ่ ร่อย ทีส่ ุดเท่าทีเ่ คยทานมาในชีวติ ของดิฉนั ก็วา่ ได้ ดิฉนั เคยลองถาม คนอินเดียที่น่ี เขาก็บอกว่าร้านอาหารอินเดียในโรงแรมแรม บาร์คนี้เป็ นไฟน์ไดนิ่งอันดับต้นๆ ของเมืองนี้เลยทีเดียว ดังนัน้ หากใครมาที่ชยั ปุระจะต้องมาลองทานอาหารอินเดียที่น่ีให้ได้ แล ้วคุณจะไม่ผดิ หวังเลยจริงๆ ค่ะ *อ่านต่อฉบับหน้า
J O U R N E Y & A M A Z I N G D I S H E S คอลั ม น์ Journey & Amazing Dishes เกิ ด ขึ้ น มาได้ เ พราะความตื่ น เต้ น ของเราที่ ไ ด้ ไ ปเจอ-ชิ ม -กิ น อาหาร จากการที่ เ ราได้ ไ ปเที่ ย วในต่ า งประเทศหรื อ แม้ แ ต่ ในประเทศเอง อาหารนั้ น ๆอาจจะไม่ ว ้ า วววส� ำ หรั บ หลายคน แต่ อี ก หลายคนว้ า วววแน่ ๆ เพราะไม่ รู ้ จั ก เช่ น เดี ย วกั บ เรา บางที อ าจจะไม่ ใ ช่ อ าหารที่ แ ปลกหรื อ อาจเป็ น อาหาร พื้นบ้านธรรมดา แต่ก็ท�ำให้เราว้าวววได้ จนเราต้องไปค้นหาสูตรเพื่อจะได้ปรุงรสชาติให้เหมือนหรือคล้ายที่สุด และบางทีก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราประยุกต์ขึ้นมาเป็นเมนูใหม่ๆ ซะเลย
PINK BERRY @ VIENNA เรื่อง / ภาพ : Missน�้ำปู๋
Wowww …หอมสดชื่น หายเหนื่อยเลยอ่ะ!!! ณ ร้าน Cafe Do-An, ตลาด Naschmarkt, Vienna, Austria
01 02
ตัง้ ใจไปเทีย่ วเวียนนา เพราะอยากไปดูงาน ของสถาปนิกชาวออสเตรียชื่อดัง Otto Wagner เนือ่ งจากตอนเราท�ำ Thesis ตัวจบภาควิชาออกแบบ ตกแต่ ง ภายในของคณะมัณฑนศิ ล ป์ เราได้ แรงบันดาลใจมาจากงานของเขาซึง่ เป็ นงาน แนว Art Nouveau... นอกจาก Otto Wagner แล ้วยังมีศิลปิ นทีเ่ รา ชอบงานเขาอีกคน คือ Friedensreich Hundertwasser ศิลปิน + สถาปนิก หัวก้าวหน้าแนว Modern Art ในยุคนัน้ และที่แน่ ๆ อีกคนคือ Gustav Klimt จิตรกรชาวออสเตรียที่มภี าพเป็ นที่รูจ้ กั ไปทัว่ โลก ชื่ อ ภาพ The Kiss นัน่ เอง
03 03
Amazing Drink @ Cafe Do-An
28
a side
04 05 06
07
กลางแจ้งทีใ่ หญ่มาก (ประสบการณ์จากการไปตลาดนัดมาแลว้ หลายๆ ที)่ เปิ ดเฉพาะวันเสาร์เช้า ถึงเย็น เดินไปถึงแล ้วเกือบสลบ ของเยอะมากกก ได้มาพอควร (อิอ)ิ พอเมือ่ ยก็เดินไปทีต่ ลาด Naschmarkt ซึง่ อยู่ถดั ไป เป็ นตลาดทีข่ ายของสดและ มีรา้ นอาหารเยอะมาก เราเลือกร้าน Cafe Do-An เพราะตอนนัน้ ยังไม่หวิ อยากนัง่ พักดืม่ ก่อน… และแล ้ว Amazing Drink ของเราก็มาวางบนโต๊ะ (ปกติคอลัมน์น้ ตี อ้ งเป็ น Amazing Dish) …แค่สแี ละฟองในแก้วก็ทำ� ให้เรา ว้าวววแล ้ว พอจิบแค่ นนั้ แหละ Wowww …หอมสดชื่น หายเหนื่อย เลยอ่ ะ!!! เธอชื่อ Pink Berry มีส่วนผสมของ Prosecco, Soda, Watermelon Syrup and Lime ...กินแลว้ ติดใจ กลับมาก็ลองท�ำดู 2 สู ตร ตั้ ง ชื่ อ ว่ า Freshy Pink Melon (Cocktail) และ Melon Delight (Mocktail) รสชาติ อ าจแค่ ค ล า้ ยๆ แต่ ห อมอร่ อ ย เพราะใช้เ มล่ อ นสดนี่ แ หละ ชนะเริ่ดดด!!! Freshy Pink Melon / Melon Delight By ครัว HIP
ดังนัน้ จึงต้องท�ำการบ้านไปก่ อนว่า ต้อ งไปดู ง านของบุค คลทัง้ สามในเวียนนา ที่ไหนบ้าง (โดยเฉพาะสองคนแรก) นอกนัน้ ก็เทีย่ วตามโอกาสและเวลาไม่มตี าราง เช่น พิพธิ ภัณฑ์ ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะ (Kunsthistorisches Museum Wien), Austrian National Library ห้องสมุดทีส่ วยทีส่ ุดในโลก, มหาวิหาร เซนต์สตีเฟน (St. Stephen’s Cathedral), Jesuit Church เป็ น โบสถ์ทม่ี อี อร์แกนแบบบาโรกซึง่ ใหญ่สดุ ในเวียนนา, บ้าน Mozart และ ที่พลาดไม่ได้คือตลาด Naschmarkt Flea Market เป็ นตลาดนัด
09
08
01 อาคาร Majolikahaus ผลงาน Otto Wagner 02 Hundertwasser House 03 Fernwarme Wien ผลงานของ Hundertwasser 04 Austrian Postal Savings Bank ผลงานของ Otto Wagner 05. อาคาร Secession ออกแบบจากความคิด ของ Gustav Klimt 06 Austrian National Library 07 มหาวิหารเซนต์สตีเฟน 08 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ 09 Donaukanal คลองที่แยกมาจากแม่น�้ำ Danube 10 Naschmarkt Flea Market
10
* ดูสูตร Freshy Pink Melon (Cocktail) และ Melon Delight (Mocktail) ได้ท่ี www.hipthailand.net >Food&Place >Recipe >2017 * เข้าไปอ่านเทีย่ วเวียนนาได้ท่ี www.hipthailand.net >Trip >Hip Trip
29
b side