การผลิตวัสดุเพาะกลาอินทรีย
คุณภาพสูง
¡ÒüÅÔμÇÑÊ´Øà¾ÒСŌÒÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§ ISBN : ขอมูลทางบรรณานุกรม สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องคการมหาชน) พิมพครั้งที่ 1 กันยายน 2552 จำนวน 500 เลม ผูจัดพิมพ
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องคการมหาชน) 65 หมู 1 ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม 50200 โทรศัพท 0 5332 8496-8 โทรสาร 0 5332 8494 ออกแบบ/พิมพที่ วนิดาการพิมพ 14/2 หมู 5 ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม 50300 โทรศัพท 0 5311 0503-4, 08 1783 8569 โทรสาร 0 5311 0504 ตอ 15
¤Ó¹Ó สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องคการ มหาชน) ไดใหความสนใจศึกษาเกีย่ วกับจุลนิ ทรีย ในดิ น ที่ เ ป น ประโยชน แ ละอาศั ย อยู ใ นระบบ รากพื ช ที่ เ พาะปลู ก บนพื้ น ที่ สู ง เนื่ อ งจากเป น ทรัพยากรดานความหลากหลายทางชีวภาพของ ประเทศ ทีน่ บั ถึงปจจุบนั ยังมีการนำมาใชประโยชน นอยมาก การศึกษาวิจยั ในระยะทีผ่ า นมาสามารถ คัดเลือกชนิดของจุลินทรียที่มีศักยภาพในการ ยอยสลายเศษซากพืชใหเปนปุย และสามารถ ย อ ยสลายหิ น แร เพื่ อ ปลดปล อ ยธาตุ อ าหาร ประเภทฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมใหอยูในรูป ที่รากพืชสามารถนำไปใชประโยชนได ตลอดจน สามารถคั ด แยกชนิ ด ของจุ ลิ น ทรี ย ที่ ส ามารถ ควบคุ ม เชื้ อ โรคในดิ น จุ ลิ น ทรี ย เ หล า นี้ จึ ง มี ประโยชนเมื่อนำมาบมเพาะไวในปุยหมัก และ นำไปใชเปนวัสดุเพาะกลา ซึ่งจะสงผลใหตนกลา แข็งแรง มีโอกาสรอดตายสูงเมื่อยายปลูก และ ต น พื ช จะทนต อ โรคพื ช จากดิ น ทำให ช ว ยลด การใชปยุ เคมีและสารเคมีกำจัดโรคไดดว ย เอกสาร วิชาการนี้จัดพิมพขึ้นเพื่อเผยแพรเทคนิคสำหรับ ใชประโยชนจากความหลากหลายของจุลินทรีย ในดินบนพื้นที่สูง ในลักษณะของการผลิตเปน วัสดุเพาะกลาชีวภาพ
ÊÒúÑÞ บทนำ 1. หลักการผลิตปุยหมักคุณภาพสูง 1.1 คุณสมบัติของปุยหมักที่พึงประสงค 1.2 คุณสมบัติของวัสดุที่ใชในการผลิตปุยหมัก 1.3 กระบวนการยอยสลายวัสดุอินทรีย 2. เทคนิคการผลิตปุยหมักคุณภาพสูง 2.1 การเตรียมสถานที่ 2.2 การเตรียมวัสดุอินทรียเพื่อเปนวัตถุดิบ 2.3 วิธีการกองปุยหมัก 2.4 การปฏิบัติดูแลกองปุยหมัก 2.5 คุณสมบัติของปุยหมักหลังผานการยอยสลาย ที่สมบูรณแลว 3. การผลิตวัสดุเพาะกลาอินทรียคุณภาพสูง จากปุยหมัก 3.1 การเพิ่มปริมาณธาตุอาหาร ในวัสดุเพาะกลาอินทรีย 3.2 การเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุเพาะกลา ดวยเชื้อจุลินทรีย 3.3 การบมหัวเชื้อจุลินทรียที่เปนประโยชน ในปุยหมัก ผลการทดสอบวัสดุเพาะกลาอินทรียคุณภาพสูง ในการเพาะกลากะหล่ำปลี และมะเขือเทศ เอกสารอางอิง
1 2 2 4 5 9 9 9 9 13 16 17 17 18 21 24 27
¡ÒüÅÔμÇÑÊ´Øà¾ÒСŌÒÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§ º·¹Ó วัสดุเพาะกลาคุณภาพสูง เปนปจจัยการผลิต พืน้ ฐานทีค่ วรใหความสำคัญเปนอันดับตนๆ โดยเฉพาะ อยางยิง่ ในระบบการผลิตผักคุณภาพสูงทีม่ งุ เนนความ ปลอดภัยตอผูบ ริโภค ดวยการลดการใชสารเคมีเกษตร หรือในระบบการผลิตผักอินทรีย ที่ไมอนุญาตใหใช ปุยเคมีหรือสารเคมีปองกันกำจัดโรคและแมลงในการ เพาะปลู ก ทั้ ง สองกรณี จ ำเป น ต อ งมุ ง เน น ดู แ ลให ตนกลามีความแข็งแรง มีระบบรากทีส่ มบูรณเปนพิเศษ เพือ่ เพิม่ โอกาสในการรอดตายเมือ่ ยายปลูก ตลอดจน เพิ่มอัตราการเจริญเติบโตและความสามารถในการ ทนทานตอโรคและแมลงได ซึง่ ในกรณีการผลิตผักอินทรีย วัสดุเพาะจำเปนตองเปนวัสดุเพาะอินทรียดวย
การผลิตวัสดุเพาะกลาอินทรียคุณภาพสูง ประกอบดวย การดำเนินงาน 2 ขัน้ ตอน คือ 1) การผลิตปุยหมักคุณภาพสูง จากวัสดุอินทรีย และ 2) การผสมจุลินทรียที่เปนประโยชนลง ในปุย หมัก เชน เชือ้ แบคทีเรียทีส่ ามารถตรึงไนโตรเจน หรือเชือ้ รา ในดินทีส่ ามารถควบคุมจุลนิ ทรียส าเหตุโรคของตนกลา เปนตน
1. ËÅÑ¡¡ÒüÅÔμ»Ø‰ÂËÁÑ¡¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§ 1.1 คุณสมบัติของปุยหมักที่พึงประสงค (1) มีสีคล้ำ (สีน้ำตาลเขม – ดำ) และมีกลิ่นคลายดิน (2) มีอุณหภูมิต่ำใกลเคียงกับอุณหภูมินอกกองปุย (3) มี ป ริ ม าณธาตุ อ าหาร ได แ ก ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรั ส (P 2 O 5 ) และ โพแทสเซี ย ม (K 2 O) ไมต่ำกวา 1.0, 0.5 และ 0.5 เปอรเซ็นตโดยน้ำหนัก ตามลำดับ (4) มีสัดสวนของสารประกอบคารบอนตอไนโตรเจน ไมเกิน 20:1 (5) มีปริมาณอินทรียวัตถุไมต่ำกวา 20 เปอรเซ็นตโดย น้ำหนัก (6) มีความเปนกรดดาง (pH) ประมาณ 5.5 – 8.5 (7) มีคาการนำไฟฟา (Electro Conductivity หรือ E.C.) หรือ คาความเค็มไมเกิน 10 เดซิซีเมน/เมตร (8) มีความชื้นไมเกิน 35 เปอรเซ็นต 2
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
(9) มี ค า ดั ช นี ค วามงอกของเมล็ ด พื ช มากกว า 80 เปอรเซ็นต (Germination Index) (10) ไม มี วั ส ดุ อื่ น เจื อ ปน เช น เศษแก ว พลาสติ ก หิน กรวด และทราย เปนตน
ปุยหมักที่ยอยสลายสมบูรณ มีลักษณะเปอยยุย ออนนุม มีสีน้ำตาลดำ คลายดินดำ และมีกลิ่นดิน
3
1.2 คุณสมบัติของวัสดุที่ใชในการผลิตปุยหมัก คุณสมบัติที่ดีของปุยหมักดังกลาวขางตน จะขึ้นอยูกับ ประเภทของวัสดุที่นำมาผลิตเปนปุยหมักดวย วัสดุที่แตกตางกัน ทำใหระยะเวลาและความยากงายในการยอยสลายตางกัน วัสดุที่มี องคประกอบทางเคมีที่จุลินทรียนำไปใชเปนอาหารไดงายก็จะยอย สลายเร็ ว เช น ฟางข า ว และตอซั ง ถั่ ว ต า งๆ แต วัสดุบางชนิดที่ จุลนิ ทรียน ำไปใชเปนอาหารไดยากก็จะยอยสลายชา เชน ขุยมะพราว และขี้เลื่อย เปนตน เราสามารถแบงกลุมวัสดุเพื่อผลิตปุยหมัก ไดเปนสองกลุมคือ วัสดุอินทรียที่ยอยสลายงาย คือ วัสดุอินทรียที่มี สัดสวนเปอรเซ็นตของสารประกอบคารบอนตอเปอรเซ็นตของ สารประกอบไนโตรเจน (C/N ratio) นอยกวา ~100:1 ดังนี้ ตัวอยางวัสดุอินทรียที่ยอยสลายงาย ÇÑÊ´ØÍÔ¹·ÃÕÂ ตอซังขาวโพด ฟางขาว เปลือกเมล็ดกาแฟ เปลือกถั่วลิสง
4
à»Íà à«ç¹μ à»Íà à«ç¹μ ÊѴʋǹ¤Òà ºÍ¹/ ¤Òà ºÍ¹ ä¹âμÃਹ ä¹âμÃਹ 33.0 0.53 62 48.8 0.55 89 65.1 0.93 70 58.4 0.73 75
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
วัสดุอินทรียที่ยอยสลายยาก คือวัสดุอินทรียที่มีสัดสวน เปอรเซ็นตของสารประกอบคารบอน ตอเปอรเซ็นตของสารประกอบ ไนโตรเจน (C:N ratio) มากกวา ~100:1 ดังนี้ ตัวอยางวัสดุอินทรียที่ยอยสลายยาก ÇÑÊ´ØÍÔ¹·ÃÕÂ แกลบ ขุยมะพราว ขี้เลื่อย
à»Íà à«ç¹μ à»Íà à«ç¹μ ÊѴʋǹ¤Òà ºÍ¹/ ¤Òà ºÍ¹ ä¹âμÃਹ ä¹âμÃਹ 54.7 0.36 152:1 60.1 0.36 167:1 62.7 0.32 196:1
1.3 กระบวนการยอยสลายวัสดุอินทรีย วัสดุอินทรียที่นำมาเปนวัตถุดิบในการผลิตปุยหมักจะถูก ยอยสลายดวยกระบวนการทั้งทางเคมีและทางชีวภาพที่มีความ ซับซอนและคอยเปนคอยไป ซึ่งในระหวางกระบวนการยอยสลาย จะเกิดความรอนสะสมอยูในกองปุยหมัก ซึ่งความรอนนี้จะเปน ประโยชนในการกำจัดจุลนิ ทรียท ป่ี นเปอ นมากับวัตถุดบิ โดยเฉพาะ อยางยิ่งจุลินทรียสาเหตุโรคพืช นอกจากนี้อุณหภูมิสูงยังชวยกำจัด เมล็ ด วั ช พื ช อี ก ด ว ย ผลผลิ ต สุ ด ท า ยเมื่ อ กระบวนการย อ ยสลาย สมบู ร ณ แ ล ว จะได อิ น ทรี ย วั ต ถุ ที่ มี สี น้ ำ ตาลดำและมี ก ลิ่ น ดิ น สารสีคล้ำนี้ บางครั้งเรียกวา ฮิวมัส
5
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายในกองปุยหมักและการเจริญเติบโต ของจุลินทรียในแตละระยะชวงอายุของการกองปุยหมัก
6
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
เราสามารถเรงกระบวนการยอยสลายวัสดุอินทรีย โดย วิธีเติมหัวเชื้อจุลินทรียที่มีคุณสมบัติพิเศษลงในกองปุยหมัก เชน จุลินทรียกลุมรา สามารถยอยสลายวัสดุอินทรียชิ้นใหญ หรือหนาให เล็ ก ลง เชื้ อ รายั ง สามารถย อ ยสลายวั ส ดุ อิ น ทรี ย ที่ ค อ นข า งแห ง เปนกรด หรือมีไนโตรเจนต่ำ ซึ่งก็จะเปดโอกาสใหกลุมแบคทีเรีย ทำหน า ที่ ย อ ยสลายต อ ไปได เ ป น อย า งดี ในระยะที่ ก องปุ ย หมั ก มีอุณหภูมิสูง เชื้อราสวนใหญจะเจริญเติบโตอยูบริเวณรอบนอก กองปุยหมัก จุลินทรียกลุมแบคทีเรีย ในระยะเริม่ แรกของกระบวนการยอยสลายวัสดุอนิ ทรีย ซึ่งอุณหภูมิในกองปุยหมักยังไมสูงมาก (ไมเกิน 40 องศาเซลเซียส) จะมีจุลินทรียกลุม mesophilic bacteria มากและมีบทบาท โดดเดน แบคทีเรียกลุมนี้เปนชนิดที่สามารถพบไดในดินชั้นบน เมื่อ กองปุยหมักมีอุณหภูมิสูงมากกวา 40 องศาเซลเซียส จุลินทรียกลุม Thermophilic bacteria จะทำหนาที่แทน ซึ่งสวนใหญจะเปน แบคทีเรียสกุล Bacillus และ Thermus หลากหลายสายพันธุ โดยเฉพาะอยางยิง่ ในชวงอุณหภูมิ 50 - 60 องศาเซลเซียส แบคทีเรีย กลุม Bacillus นี้จะมีวิธีการอยูรอดในสภาพแวดลอมไมเหมาะสม ดวยการสรางเอนโดสปอร (endospores) ซึง่ เปนสปอรทมี่ ผี นังหนา ทำใหสามารถทนทานตอความรอน ความหนาวเย็น ความแหงแลง
7
หรือสภาพการขาดอาหารไดเปนอยางดี ซึ่งจะสามารถงอกและ เจริญเติบโตไดดีเมื่อสภาพแวดลอมเอื้ออำนวย เมื่ อ อุ ณ หภู มิ ข องกองปุ ย หมั ก ลดลงแบคที เรี ย กลุม mesophilic bacteria ก็จะกลับมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง จุลินทรียกลุมแอคติโนมัยซีท มีบทบาทสำคัญในการยอยสลายสารประกอบ อิ น ทรี ย ที่ โ ครงสร า งทางโมเลกุ ล ซั บ ซ อ น เช น เซลลู โ ลส ลิกนิน ไคติน และโปรตีน ดังนั้นเอนไซมของแอคติโนมัยซีท จึงชวยยอยสลายวัสดุอินทรียที่แข็ง เหนียว เชน กิ่งของไม เนื้อแข็ง และเปลือกไม เปนตน การทำงานของจุลินทรียกลุม แอคติ โ นมั ย ซี ท จะพบทั้ ง ในช ว งที่ ก องปุ ย หมั ก มี อุ ณ หภู มิ สู ง และในชวงสุดทายที่มีอุณหภูมิต่ำลง เชื้อรา
เชื้อแบคทีเรีย
เชื้อแอคติโนมัยซีท ลักษณะสปอร เสนใย หรือโคโลนี ของเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อแอคติโนมัยซีท
8
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
2. à·¤¹Ô¤¡ÒüÅÔμ»Ø‰ÂËÁÑ¡¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§ 2.1 การเตรียมสถานที่ บริเวณตั้งกองปุยหมักควรอยูใกลแหลงวัตถุดิบ มีการ คมนาคมขนสงสะดวก มีนำ้ สะอาดเพียงพอแกการใชรกั ษาความชืน้ ใหกับกองปุยหมัก และเปนพื้นที่เรียบไมขังน้ำ 2.2 การเตรียมวัสดุอินทรียเพื่อเปนวัตถุดิบ วัสดุที่ใชในการผลิตปุยหมัก ประกอบดวย เศษวัสดุอินทรีย เชน เศษพืชแหงตางๆ และเศษพืช ที่ มี ไ นโตรเจนและธาตุ อ าหารสู ง เช น เศษผั ก เศษตนยาสูบ จอกแหน แหนแดง มูลสัตว เชน มูลวัว ซึ่งถือวาเปนทั้งแหลงของ ไนโตรเจน และแหลงของจุลินทรียที่ชวยในการ ยอยสลายเศษวัสดุอินทรียดวย หัวเชื้อจุลินทรีย ประเภทเชื้อรา แบคทีเรีย และ แอคติโนมัยซีท 2.3 วิธีการกองปุยหมัก การกองปุยหมักมีหลากหลายวิธี เชน การกองบนพื้น การกองในคอก การกองในหลุม เปนตน แตในที่นี้ขอแนะนำวิธี การกองปุย หมักอยางงายและสามารถทำไดเองโดยไมตอ งใชอปุ กรณ มากนัก คือ แบบกองบนพื้น ซึ่งแบงไดเปน 2 แบบ ตามขนาดของ วัสดุอินทรีย ไดแก 9
(1) การกองวัสดุอินทรียแบบแยกเปนชั้น วัสดุอินทรีย หลายชนิดมีขนาดใหญ เชน ฟางขาว เศษใบไมแหง และตอซังขาวโพด เปนตน การผสมรวมกับวัสดุอื่น ทั น ที ท ำได ย าก ดั ง นั้ น จึ ง ควรกองเป น ชั้ น ๆ โดย หลั ง จากกองแล ว ขนาดกองทุ ก ชั้ น รวมกั น จะมี ความกว า งประมาณ 2.5 เมตร ยาวประมาณ 3-4 เมตร และสูงประมาณ 1.2-1.5 เมตร โดยมี ขั้นตอนดังนี้ ชั้ น แรกหรื อ ชั้ น ล า งสุ ด กองเศษพื ช ให สู ง ประมาณ 30-35 เซนติ เ มตร ให ก ว า งยาว ตามคำแนะนำ รดน้ ำ ให ชุ ม พอดี ไ ม แ ฉะหรื อ แห ง เกิ น ไป อาจผสมหั ว เชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ที่ มี คุณสมบัติชวยยอยเศษพืช เชน พด.-1 (อัตรา 1 ซองตอเศษพืชหนัก 1,000 กิโลกรัม) ชั้ น ต อ ไปจะเป น ชั้ น ของมู ล สั ต ว เช น มู ล วั ว มูลไก เปนตน โรยมูลสัตวประมาณ 1 บุงกี๋ ต อ พื้ น ที่ 1 ตารางเมตร แล ว รดน้ ำ เพื่ อ เพิ่ ม ความชื้ น โดยปกติ สั ด ส ว นที่ เ หมาะสม คื อ มูลสัตว 100 กิโลกรัมตอเศษพืช 500 กิโลกรัม ชั้ น ต อ ไป เป น การกองเศษพื ช เช น เดี ย วกั บ ชั้นลางสุด และตามดวยการกองชั้นของมูลสัตว ดังทีไ่ ดอธิบายไวขา งตน โดยทำการกองสลับกัน เชนนี้จนไดความสูงกองตามตองการ
10
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
ชั้นบนสุด หลังจากกองเศษพืชทุกชั้นแลว ควรป ด ทั บ กองปุ ย หมั ก ด ว ยดิ น ดำ และ คลุมดานบนกองดวยเศษพืช หรือพลาสติก เพื่อรักษาความชื้นภายในกอง
การกองวัสดุอินทรียชั้นแรกหรือชั้นลางสุด
11
การกองชั้นมูลสัตว
การปดทับกองปุยหมักดวยดินดำ และคลุมดวยเศษพืช
12
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
(2) การกองวัสดุอินทรียแบบผสมรวมกันทั้งหมด วัสดุ อินทรียบางชนิดมีขนาดเล็ก หรือเปนผงละเอียด เชน แกลบ และ ขีเ้ ลือ่ ย สามารถกองรวมกันไดทนั ที โดยไมตองกองเปนชั้น โดยใชสัดสวนของวัสดุ 500 กิโลกรัม ตอมูลสัตว 100 กิโลกรัม เชนเดียวกันแลว คลุกเคลาใหเขากัน พรอมทั้งเพิ่มหัวเชื้อจุลินทรีย และปรับความชื้นโดยรดน้ำใหพอเหมาะ กอนคลุม ดวยเศษพืชหรือพลาสติก เพื่อรักษาความชื้น 2.4 การปฏิบัติดูแลกองปุยหมัก จุ ลิ น ทรี ย ที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ การย อ ยสลายวั ส ดุ อิ น ทรี ย ต อ งการก า ซออกซิ เ จนและความชื้ น สำหรั บ การหายใจและ การเจริญเติบโต ในระหวางกระบวนการยอยสลาย จะทำใหเกิด ก า ซคาร บ อนไดออกไซด และความร อ นสะสมในกองปุ ย หมั ก ซึ่ ง ความร อ นที่ เ กิ ด ขึ้ น บางครั้ ง สู ง ถึ ง 60 – 80 องศาเซลเซี ย ส ซึ่งจะกออันตรายตอจุลินทรียที่เปนประโยชนดวย ดังนั้นจึงควร ปฏิบัติดูแลกองปุยหมัก ดังนี้ กลั บ กองปุ ย หมั ก เป น ครั้ ง คราว เพื่ อ ช ว ยระบาย กาซคารบอนไดออกไซด เพิม่ ปริมาณออกซิเจน และ ลดอุณหภูมิ ทำใหกิจกรรมยอยสลายวัสดุอินทรีย โดยจุลินทรียรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปกติควรกลับกอง ทุก 10 – 20 วัน จำนวน 3 – 4 ครัง้ จนวัสดุอนิ ทรีย ยอยสลายดีและอุณหภูมิของกองปุยหมักลดต่ำลง
13
รักษาระดับความชื้นในกองปุยหมักใหสม่ำเสมอ ควรรดน้ ำ กองปุ ย หมั ก ในเวลาเดี ย วกั บ การ กลับกอง โดยเฉพาะอยางยิ่งการหมักปุยในชวง ฤดูแลง แตในฤดูฝนควรระวังปญหาความชื้นสูง เกินไป
การกลับกองปุยหมักเพื่อระบายอากาศ
14
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
รดน้ำใหมีความชื้นพอเหมาะกรณีที่กองปุยหมักแหงเกินไป
15
16 7.04 6.59 6.71 6.47 6.99 6.11
pH
EC ds/m 0.45 0.76 0.38 0.51 1.04 0.41
OM (%) 11.9 22.5 19.6 30.7 36.6 46.8
Ca (%) 0.97 2.91 1.03 1.27 1.21 1.03
Mg (%) 0.22 0.43 0.25 0.32 0.39 0.26
GI (%) 158.7 168.1 141.4 187.9 172.8 161.4
หมายเหตุ 1 pH = คาความเปนกรดและดาง; EC = คาการนำไฟฟา – Electro Conductivity; OM ปริมาณอินทรียวัตถุ; ปริมาณธาตุอาหารหลัก วิเคราะห 3 ตัวหลักคือ ไนโตรเจนทั้งหมด (N) ฟอสฟอรัสทั้งหมด (P2O5) และโพแทสเซียมทั้งหมด (K2O) และธาตุอาหารรองอีกสองธาตุคือ แคลเซียม ทั้งหมด (Ca) และแมกนีเซียมทั้งหมด (Mg); อัตราสวนคารบอนตอไนโตรเจน (C/N ratio) เปนอัตราสวนที่คำนวณจากคาวิเคราะห เปอรเซ็นต คารบอนทั้งหมด ตอเปอรเซ็นตไนโตรเจนทั้งหมด; คาดัชนีความงอกของเมล็ด (GI = Germination Index)
ฟางขาว ขี้เลื่อยหลังเพาะเห็ด เปลือกถั่วลิสง เปลือกเมล็ดกาแฟ แกลบดิบ ขุยมะพราว
วัสดุอินทรีย
คุณสมบัติของปุยหมัก1 C/N N P2O5 K2O ratio (%) (%) (%) 10.8 0.64 0.20 0.26 11.20 1.26 0.79 0.32 10.8 1.20 0.27 0.24 18.8 0.96 0.41 0.33 16.1 1.32 0.59 0.49 33.94 0.79 0.09 0.24
2.5 คุณสมบัติของปุยหมักหลังผานการยอยสลายที่สมบูรณแลว
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
3. ¡ÒüÅÔμÇÑÊ´Øà¾ÒСŌÒÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§ ¨Ò¡»Ø‰ÂËÁÑ¡ 3.1 การเพิ่มปริมาณธาตุอาหารในวัสดุเพาะกลาอินทรีย โดยปกติปุยหมักมีธาตุอาหารตางๆ ครบทุกชนิด แตมี ปริมาณนอย เมื่อนำมาผลิตเปนวัสดุเพาะกลาควรเพิ่มธาตุอาหาร ใหเพียงพอกับการเจริญเติบโตของตนกลา ทั้งในเชิงปริมาณและ รู ป แบบที่ ร ากของต น กล า สามารถนำไปใช ป ระโยชน ไ ด ทั น ที ซึ่ ง ในกรณี ข องวั ส ดุ เ พาะกล า อิ น ทรี ย ไ ม อ นุ ญ าตให เ ติ ม ปุ ย เคมี จึงควรดำเนินการดังตอไปนี้ 1) การเพิ่มไนโตรเจนดวยจุลินทรียตรึงไนโตรเจน ตัวอยางจุลินทรียในกลุมนี้ ไดแก แบคทีเรียซึ่งมี ทั้งที่สามารถอยูในดินไดโดยอิสระ และตองอยูรวมกับพืช เชน อโซสไปริลลัม ไรโซเบียม แฟรงเคีย ไบเจอรริงเกีย และไซยาโน แบคทีเรีย ทีอ่ ยูร ว มกับแหนแดง เปนตน จุลนิ ทรียเ หลานีส้ ามารถตรึง กาซไนโตรเจนจากอากาศและเปลีย่ นใหอยูใ นรูปทีพ่ ชื ใชประโยชนได 2) การเพิ่มธาตุฟอสฟอรัสโดยใชจุลินทรียยอยสลาย หินฟอสเฟต จุลนิ ทรียห ลายชนิดสามารถสรางเอนไซมฟอสฟาเทส หรื อ กรดอิ น ทรี ย ที่ ย อ ยสลายหิ น ฟอสเฟต และปลดปล อ ยธาตุ ฟอสฟอรัสทีเ่ ปนประโยชนตอ พืช พบทัง้ กลุม จุลนิ ทรียท เ่ี ปนแบคทีเรีย และเชื้อรา เชน เพนิเซลเลียม โดยเชื้อราสามารถยอยสลายหิน ฟอสเฟตไดมากกวาแบคทีเรีย ประมาณ 3-100 เทา
17
3) การเพิม่ ธาตุโพแทสเซียมโดยใชจลุ นิ ทรียย อ ยสลาย หินแรเฟลดสปาร จุลินทรียในกลุมที่ชวยเพิ่มความเปนประโยชนของ ธาตุโพแทสเซียมจากหินแรเฟลดสปาร จะทำหนาที่คลายคลึงกับ กลุมที่ชวยเพิ่มความเปนประโยชนของธาตุฟอสฟอรัส โดยการ ผลิ ต กรดหรื อ เอนไซม ม าย อ ยสลายหิ น แร และปลดปล อ ยธาตุ โพแทสเซียมในรูปที่พืชนำไปใชประโยชนได 3.2 การเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุเพาะกลาดวยเชื้อจุลินทรีย 1) จุ ลิ น ทรี ย ก ลุ ม เอนโดไมคอร ไรซา ซึ่ ง เป น เชื้ อ รา ที่ชวยเพิ่มพื้นที่ผิวบริเวณราก ทำใหรากของตนกลา สามารถดูดตรึงธาตุอาหารไดมากขึ้น โดยเฉพาะ อยางยิ่งธาตุฟอสฟอรัส จึงชวยสงเสริมการเจริญ เติ บ โตของต น กล า และของต น พื ช เมื่ อ ย า ยปลู ก ในแปลง
18
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
เสนใยและสปอรของเชื้อเอนโดไมคอรไรซาที่อาศัยอยู บริเวณรากพืช
19
ผลของการใสเชื้อเอนโดไมคอรไรซาและปุยฟอสฟอรัส ตอปริมาณธาตุอาหารในตนขาวโพด ธาตุอาหาร P K Ca Mg Zn Cu Mn Fe
ไมใสปุยฟอสฟอรัส ใสปุยฟอสฟอรัส 25 ppm P ไมใสเชื้อ 750 6,000 1,200 430 28 7 72 80
ใสเชื้อ 1,340 9,700 1,600 630 95 14 101 147
ไมใสเชื้อ 2,970 17,500 2,700 990 48 12 159 161
ใสเชื้อ 5,910 19,900 3,500 1,750 169 30 238 277
หมายเหตุ: ปริมาณในสวนลำตนและใบ (μg)
2) จุลนิ ทรียก ลุม แบคทีเรียทีส่ ามารถสรางฮอรโมนพืช กลุ ม อ็ อ กซิ น (Auxin) และจิ บ เบอริ ล ลิ ค แอซิ ด (Gibberilic Acid) หรือสารประกอบอื่นๆ ซึ่งทำให พื ช สามารถเจริ ญ เติ บ โตและพั ฒ นาผลผลิ ต ได ดี มากกว า เดิ ม ส ว นใหญ แ ล ว จุ ลิ น ทรี ย ใ นกลุ ม นี้ มักเปนแบคทีเรียที่อาศัยอยูบริเวณรอบรากพืช เชน เชื้ออโซสไปริลลัม และอะโซโตแบคเตอร 3) จุลินทรียกลุมที่สรางสารยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชือ้ สาเหตุโรคพืช จุลนิ ทรียใ นกลุม นีม้ กั จะสราง สารปฏิชีวนะและ/หรือเอนไซมยอยผนังเซลลของ 20
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
เชื้อโรคพืช จึงสามารถควบคุมหรือยับยั้งการเจริญ ของประชากรเชื้ อ โรคพื ช เชื้ อ ในกลุ ม นี้ ได แ ก ไตรโคเดอร ม า และกลุ ม แอคทิ โ นมั ย ซี ท เช น เสตรปโตมัยซีส 3.3 การบมหัวเชื้อจุลินทรียที่เปนประโยชนในปุยหมัก นำหัวจุลนิ ทรียท เี่ ปนประโยชนขา งตน มาผสมกับปุย หมัก ที่ผานการหมักอยางถูกตองและสมบูรณดีแลว โดยผสมรวมกับ หินแรฟอสเฟต และเฟลดสปาร โดยมีอัตราสวนผสม ดังนี้ (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8)
ปุยหมัก 1,000 หินแรฟอสเฟต 150 หินแรเฟลดสปาร 50 หัวเชื้ออะโซแบคเตอร 8 หัวเชื้อไบเจอรริงเกีย 8 หัวเชื้ออโซสไปริลลัม 8 หัวเชื้อบาซิลลัส 8 หัวเชื้อราเพนิซิลเลียม 10
กิโลกรัม กิโลกรัม กิโลกรัม ลิตร (ตรึงไนโตรเจน) ลิตร (ตรึงไนโตรเจน) ลิตร (ตรึงไนโตรเจน) ลิตร (ยอยผงแรเฟลดสปาร) ถุง (ยอยผงแรหินฟอสเฟต)
หมายเหตุ: ปริมาณเชื้อเริ่มตน 107 (cell/g) ปรับความชื้นประมาณ 60% บมไวนาน 1 เดือน
21
การเพาะเลี้ยงหัวเชื้อแบคทีเรีย (บน) และเชื้อรา (ลาง)
22
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
การบมหัวเชื้อจุลินทรียที่เปนประโยชนในกองปุยหมัก
23
¼Å¡Ò÷´ÊͺÇÑÊ´Øà¾ÒСŌÒÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾Ê٧㹡ÒÃà¾ÒСŌҡÐËÅèÓ»ÅÕáÅÐÁÐà¢×Íà·È กะหล่ ำ ปลี จากการทดสอบประสิ ท ธิ ภ าพของวั ส ดุ เพาะกล า อิ น ทรี ย คุ ณ ภาพสู ง เปรี ย บเที ย บกั บ วั ส ดุ เ พาะที่ มี จำหนายในทองตลาด พบวา กลากะหล่ำปลีที่เพาะในวัสดุ เพาะกลาอินทรีย มีนำ้ หนักสด-แหง ความสูงตน ความยาวราก และความหนาแนนราก มากกวากลาที่เพาะในวัสดุเพาะที่มี จำหนายในทองตลาด
กลากะหล่ำปลีที่เพาะในวัสดุเพาะที่มีจำหนายทั่วไปในทองตลาด (ก) และวัสดุเพาะกลาอินทรียคุณภาพสูง (ข)
24
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
มะเขื อ เทศ จากการทดสอบประสิ ท ธิ ภ าพของวั ส ดุ เพาะกลาอินทรียค ณ ุ ภาพสูงเปรียบเทียบกับวัสดุเพาะทีม่ จี ำหนาย ในทองตลาด พบวา กลามะเขือเทศที่เพาะในวัสดุเพาะกลา อินทรียที่ผสมเชื้อจุลินทรียยอยสลายฟอสฟอรัส มีน้ำหนัก สด-แหง ความสูงตน ความยาวราก และความหนาแนนราก มากกวากลาที่เพาะในวัสดุเพาะที่มีจำหนายในทองตลาด
กลากะหล่ำปลีที่เพาะในวัสดุเพาะกลาอินทรียคุณภาพสูงที่ผสมเชื้อจุลินทรีย ยอยสลายฟอสฟอรัส (ก) และวัสดุเพาะที่มีจำหนายทั่วไปในทองตลาด (ข)
25
àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§
26
ธงชั ย มาลา. 2550. ปุ ย อิ น ทรี ย แ ละปุ ย ชี ว ภาพ: เทคนิ ค การผลิตและการใชประโยชน. สำนักพิมพมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร. 300 น. สมพร ชุนหลือชานนท, อรวรรณ ฉัตรสีรุง, ชูชาติ สันธทรัพย และสมศักดิ์ จีรตั น. 2548. เอกสารประกอบการฝกอบรม การผลิตปุย อินทรีย- ชีวภาพ. งานวันชาวสวนลำไยลำพูน ครั้งที่ 2. วันที่ 1-3 กรกฎาคม 2548 ณ ศูนยศึกษาและ พัฒนาลำไยหริภุญชัย ตำบลเหลายาว อำเภอบานโฮง จังหวัดลำพูน. 24 น. สมพร ชุนหลือชานนท, อรวรรณ ฉัตรสีรุง, ชูชาติ สันธทรัพย และสมศักดิ์ จีรัตน. 2549. ผลของปุยอินทรีย-ชีวภาพ ตอการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชเศรษฐกิจบางชนิด. โปสเตอรงานวิชาการ คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัย เชียงใหม. สมพร ชุนหลือชานนท, อรวรรณ ฉัตรสีรุง, สมศักดิ์ จีรัตน, ยุทธศักดิ์ ยืนนอย และมัทนา อภัยมูล. 2550. รายงาน วิจัยฉบับสมบูรณ. โครงการศักยภาพของปุยอินทรีย ตอการเพิ่มผลผลิตขาวโพดฝกออนรุนที่ 2 ในที่ดอน. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจยั สำนักงานเขตภาคเหนือ. 20 น. สมศั ก ดิ์ วั ง ใน. 2541. การตรึ ง ไนโตรเจน: ไรโซเบี ย ม-พื ช ตระกู ล ถั่ ว . สำนั ก พิ ม พ ม หาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร . 252 น.
¡ÒüÅÔμ ÇÑÊ´Øà¾ÒÐ¡ÅŒÒ ÍÔ¹·ÃÕ ¤Ø³ÀÒ¾ÊÙ§
อำนาจ สุวรรณฤทธิ์. 2548. ปุยกับการเกษตรและสิ่งแวดลอม. สำนักพิมพมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร. 156 น. อรวรรณ ฉัตรสีรุง. 2457. รายงานฉบับสมบูรณ. โครงการ ให บ ริ ก ารด า นการผลิ ต หั ว เชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ส ำหรั บ พื ช ตระกูลถั่ว. คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม. 21 น. อรวรรณ ฉัตรสีรุง. 2549. แปงขี้เหยื้อหื้อเปนทุน. เอกสาร ประกอบคำบรรยายการประชุมสัมมนา “โครงการแกไข ปญหาไฟปาดินถลม และน้ำทวมฉับพลันบนดอยสุเทพ เฉลิมพระเกียรติ 60 ป” ณ หองประชุม วัดพระธาตุ ดอยสุเทพราชวรวิหาร วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549. 9 น. อรวรรณ ฉัตรสีรุง. 2550a. อินทรียวัตถุ (Soil organic matter). เอกสารประกอบการสอนวิชาความอุดมสมบูรณของดิน. ภาควิชาปฐพีศาสตรฯ คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัย เชียงใหม. 15 น. อรวรรณ ฉัตรสีรุง. 2550b. ปุยและสารปรับปรุงดิน (Fertilizer and soil amendments). เอกสารประกอบการสอนวิชา ความอุ ด มสมบู ร ณ ข องดิ น . ภาควิ ช าปฐพี ศ าสตร ฯ คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม. 21 น.
27