สำหรับผู้ที่สมัครหรือต่ออายุสมาชิก ตั้งแต่ ๒ ปีขึ้นไป รับหนังสือฟรี ๒ เล่ม (๑๐ ท่านแรกเท่านั้น)
พบกับหนังสือออกใหม่ของพุทธิกาได้แล้วจ้า
สมทบค่าพิมพ์ ๑๕ บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ
สมัครสมาชิก ๒ ปีขึ้นไป รับฟรี ๒ เล่ม คือ สานรักสร้างสุข และ ชีวิตเปี่ยมมิตร จิตเปี่ยมสุข (เฉพาะ ๑๐ ท่านแรก)
ธรรมชาติหรือโลกนี้อยู่ได้เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น แมลงหรือ สัตว์เล็กๆ มีคุณค่ามีความสำคัญต่อชีวิตและโลกนี้ อาจจะมากกว่า สัตว์ที่ผู้คนกำลังเป็นห่วง เช่น ปลาวาฬ ช้าง เสือหรือหมีแพนด้า
ด้ ว ยซ้ ำ สั ต ว์ ก ลุ่ ม หลั ง นั้ น อยู่ ชั้ น ยอดของปิ ร ามิ ด ถึ ง แม้ จ ะมี ค วาม สำคัญแต่ถ้าหายไปก็ไม่ส่งผลกระเทือนต่อระบบนิเวศมาก ตรงข้ามกับ สัตว์เล็กๆ เช่น ผึ้ง แมงมุม มด หรือแม้แต่แบคทีเรีย หากสูญพันธ์ุ
ไปจากโลกนี้ จะเกิดความวุ่นวายกันทั้งโลก ปัจจุบันเกษตรกรในหลาย ประเทศกำลังเดือดร้อน เพราะผึ้งหดหายไปมาก ทั้งเพราะเชื้อโรค และสารพิษจากมนุษย์ ผึ้งนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการผสมเกสร เมื่อขาดผึ้ง ต้นไม้ก็ไม่ออกผล ชาวสวนชาวไร่จำนวนมากมายทั่วโลก ต้องหันมาผสมเกสรกับมือเอง ธรรมชาติราบรื่นกลมกลืนและมีสมดุลก็เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลาย น้อยคนจะทราบว่าออกซิเจนที่เลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งโลกและ มนุษย์ ๗,๐๐๐ ล้านคนนั้น ส่วนใหญ่มาจากแพลงตอน ซึ่งเป็นจุลชีพ ในมหาสมุทรทั่วโลก แพลงตอนมีสองประเภท คือ ที่เป็นสัตว์และพืช ถ้าเป็นพืชเรียกว่าไฟโตแพลงตอน อยู่ตามมหาสมุทร นอกจากเป็น อาหารของปลาวาฬแล้ว ยังเป็นตัวการผลิตออกซิเจนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แม้ว่าจะมีขนาดเล็กมาก แต่มีความสำคัญต่อชีวิตของสัตว์ และคนทั้งโลก หากแพลงตอนสูญพันธ์ุไป ก็วุ่นวายกันทั้งโลก
สิ่งเล็กๆ ไม่ใช่ว่าไร้ค่า และสิ่งที่ดูเหมือนไร้ค่า ที่จริงแล้วมีความ สำคัญมาก ขอให้เราคำนึงถึงความข้อนี้ อย่าดูถูกสิ่งเล็กน้อย และ
อย่าดูถูกตัวเองว่าไม่มีคุณค่า ไร้ความสำคัญ เราแต่ละคนมีความ สำคัญและความสามารถทั้งนั้น อยู่ที่ว่าสำคัญเรื่องไหน สามารถเรื่อง อะไร ในทำนองเดียวกันคนอื่นก็สำคัญเช่นกัน อย่าดูถูกว่าเขาต่ำต้อย ไร้ค่า หากคิดเช่นนั้นเราอาจเสียใจในภายหลังก็ได้ ความดีก็เช่นกัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อย่าประมาทความดี
แม้เพียงเล็กน้อย” การทำความดี หรือทำสิ่งถูกต้องในชีวิตประจำวัน เป็ น สิ่ ง สำคั ญ มาก อย่ า ดู แ คลนว่ า เป็ น เรื่ อ งเล็ ก น้ อ ย การช่ ว ยพา
คนตาบอดจู ง มื อ ข้ า มถนน อาจไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งใหญ่ ส ำหรั บ เรา แต่ มี
ความหมายอย่างมากต่อเขามาก ใช่แต่เท่านั้นมันยังบ่มเพาะจิตใจของ เราให้มีความเมตตากรุณา อ่อนโยน หากทำบ่อยๆ ก็สามารถเปลี่ยน เราให้กลายเป็นคนใหม่ ที่เพียงแค่ทำความดีก็มีความสุขแล้ว หากอยากเป็นคนที่มีความสุขง่าย มีความทุกข์ได้ยาก พึงหมั่น ทำความดี แม้เล็กน้อยก็ไม่ละเว้น จนกลายเป็นวิถีชีวิต
พุ ท ธิ ก า
ฉบับที่ ๕๕ ปีที่ ๑๕ กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗
๑
บ่าวที่ดี นายที่เลว หมดสนุกเมื่อเงินมา
๔ ๑๐
อนาคตข้าวไทย เมื่อโลกร้อนขึ้นสัตว์บริเวณขั้วโลกเริ่มอยู่ไม่ได้ รับปีม้ากับวิกฤตอากาศทั่วโลก
๑๔ ๒๒ ๒๖
ปราชญ์ผู้สันโดษ
๒๙
๓๒ ๓๙ ๔๔
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
“บ่าวที่ดี นายที่เลว” เป็นนิยามหนึ่งของเงิน เงินมี
คุณประโยชน์มากมายหากเรารู้จักใช้มัน นอกจากช่วยให้เรา และครอบครั ว มี ชี วิ ต ที่ ผ าสุ ก แล้ ว เงิ น ยั ง เป็ น ปั จ จั ย สำคั ญ
ในการเกื้อกูลผู้อื่นและสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ส่วนรวม แต่ หากเราปล่อยให้มันเป็นนายเรา ครอบงำชีวิตจิตใจของเรา ความเดือดร้อนก็จะตามมาทั้งกับเราและผู้อื่น คนจำนวน
ไม่น้อยยอมทำชั่วก็เพราะเงิน ไม่ใช่แค่คดโกงเท่านั้น แต่อาจ ถึงขั้นทำร้ายผู้อื่น แม้กระทั่งบุพการีก็ไม่ละเว้นหากมีมรดก ก้อนใหญ่รออยู่ หลายคนแม้จะหักห้ามใจไม่ทำชั่วเพราะเงิน แต่ก็ยอมตายเพื่อมันหากมีใครมาแย่งชิงเอาไป หรือตรอมตรม จนล้ ม ป่ ว ยเมื่ อ สู ญ เสี ย มั น ไป ที่ ฆ่ า ตั ว ตายก็ มี ไ ม่ น้ อ ย เมื่ อ
ยอมให้เงินมาเป็นใหญ่เสียแล้ว เป็นธรรมดาที่ใครๆ ก็ย่อม หวงแหนมันยิ่งกว่าหวงแหนชีวิต 4
แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เงินเท่านั้น ความคิดก็เป็น “บ่าวที่ดี นาย ที่เลว” ด้วยเช่นกัน ความคิดเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราอยู่รอด ปลอดภั ย ไกลจากอั น ตราย เราใช้ ค วามคิ ด เพื่ อ แก้ ปั ญ หาก้ า วข้ า ม อุปสรรคทั้งหลาย ถ้าคิดไม่เป็นหรือคิดไม่ถูก ชีวิตเราย่อมเต็มไปด้วย ความยุ่งยากนานัปการ แต่ถึงจะคิดเป็นหรือคิดเก่ง ถ้าวางความคิด
ไม่ได้ ปล่อยให้มันครอบงำจิตใจ ชีวิตก็เป็นทุกข์เช่นกัน เช่น ฟุ้งซ่าน จนนอนไม่หลับ วิตกกังวลจนป่วย คนที่คลุ้มคลั่งจนเป็นบ้าหรือถึงกับ ฆ่าตัวตายก็เพราะปล่อยให้ความคิดรุมเร้าจิตบงการใจอย่างมิอาจ ควบคุมได้ มิใช่หรือ ความคิดใดความคิดหนึ่งเมื่อกลายมาเป็นนายเรา มันไม่เพียง สร้างปัญหาให้เราเท่านั้น หากยังก่อความทุกข์แก่ผู้อื่นได้ด้วย อาการ ที่เกิดขึ้นบ่อยก็คือ เมื่อรู้ว่าคนอื่นมีความคิดที่แตกต่างจากเรา เราจะ รู้สึกทนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะรู้สึกว่าความคิดของเรากำลังถูกท้าทายหรือ
มีคู่แข่ง เราจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความคิดนั้น เริ่มจากโต้แย้ง
หักล้าง คัดง้าง และโจมตีความคิดของเขา รวมทั้งลดความน่าเชื่อถือ ของมั น ด้ ว ย ทั้ ง ๆ ที่ เ ขายั ง ไม่ ไ ด้ ท ำอะไรเราเลย เพี ย งแค่ แ สดง
ความเห็ น ที่ ต่ า งจากเรา เราก็ รู้ สึ ก ไม่ พ อใจเขาเสี ย แล้ ว นอกจาก
เล่นงานความคิดของเขาแล้ว เรายังอาจโจมตีตัวเขา ด้วยการต่อว่า ด่าทอ หรือใช้ผรุสวาท หากเขาตอบโต้เพื่อปกป้องความคิดของเขา เราก็จะเล่นงานเขาหนักขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นการทะเลาะวิวาท 5
เมื่อความคิดกลายเป็นนายเรา ก็ง่ายมากที่เราจะมองคนอื่นที่ คิ ด ต่ า งจากเราเป็ น ศั ต รู หรื อ ปฏิ บั ติ ต่ อ เขาราวกั บ เป็ น คนละพวก
แม้จะเป็นมิตรสหาย พี่น้อง คู่รัก หรือพ่อแม่ เราก็อาจตัดสัมพันธ์กัน ได้ง่ายๆ เพียงเพราะคิดต่างกัน แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากับการทำร้าย กันถึงชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในประวัติศาสตร์ สงครามระหว่าง ศาสนา สงครามระหว่างอุดมการณ์ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เพราะผู้คน ปล่อยให้ความคิดกลายเป็นนายตน จนพร้อมที่จะฆ่าฟันผู้คนทั้งๆ ที่ ไม่รู้จักเพียงเพื่อปกป้องความคิดที่ตนยึดถืออย่างหัวปักหัวปำ
ผู้คนปล่อยให้ความคิดกลายเป็นนายตนได้อย่างไร คำตอบ
ก็คือ ความยึดติดถือมั่น นี้เป็นสาเหตุเดียวกับที่เงินกลายเป็นนายของ ใครต่อใคร เมื่อใดก็ตามที่เรายึดติดถือมั่นว่าเงินก้อนนี้เป็น “ของกู” เราก็กลายเป็น “ของมัน” ไปทันที ยิ่งยึดติดถือมั่นอย่างแรงกล้า เรา
ก็พร้อมจะตายเพื่อมัน หรือทำร้ายคนอื่นเพื่อมัน ความคิดก็เช่นกัน ทันทีที่เรายึดติดถือมั่นว่าความคิดนี้เป็น “ของกู” อีกทั้งยังเป็นความคิด ที่ประเสริฐและถูกต้อง เราก็กลายเป็น “ของมัน” ไปโดยไม่รู้ตัว
ยอมทำทุ ก อย่ า งเพื่ อ มั น แม้ จ ะต้ อ งตั ด ญาติ ข าดมิ ต รกั บ ผู้ ค น ก็
ไม่ยี่หระ 6
ความยึ ด ติ ด ถื อ มั่ น หากกระทำอย่ า งเหนี ย วแน่ น ก็ ท ำให้ เ รา
หลงตัวลืมตนได้ง่าย จนยอมทำทุกอย่างแม้เป็นความเลวร้ายหรือ
เป็นโทษทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ก็เพื่อสิ่งที่ตนยึดติดถือมั่นนั้น
ผลก็คือ แทนที่มันจะเป็นเครื่องมือของเรา มันกลับมาเป็นนายเรา
แม้ความคิดนั้นจะเป็นสิ่งประเสริฐหรือถูกต้อง แต่หากยึดติดถือมั่น
จนลืมตัวแล้ว เราก็สามารถทำสิ่งต่ำทรามหรือความผิดอันมหันต์ได้ ดังคนจำนวนไม่น้อยที่ยึดติดถือมั่นในศาสนาที่รักสันติ แต่กลับลงเอย ด้วยการประหัตประหารผู้คนเพียงเพราะเขานับถือศาสนาต่างจากตน ถ้าอยากเป็นนายความคิด แทนที่จะให้ความคิดเป็นนายเรา
เราจำต้องมีสติรู้ทันความคิดนั้น เมื่อมันผุดขึ้นมาในใจ ก็รู้ว่ามันเป็น แค่ความคิดไม่ใช่ “ตัวกู” อีกทั้งสามารถวางมันลงได้เมื่อไม่ใช้งาน
ที่ ส ำคั ญ ก็ คื อ หมั่ น ตรวจสอบใคร่ ค รวญมั น อยู่ เ สมอ ประหนึ่ ง หยิ บ
เครื่องประดับมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทำให้เห็นตำหนิหรือข้อจำกัด ของมัน ไม่สำคัญมั่นหมายว่ามันเลอเลิศสมบูรณ์พร้อม 7
มีท่าทีอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราไม่หลงยึดมั่นในความคิดใดความ คิดหนึ่งจนคับแคบมืดบอด พระพุทธเจ้าเรียกว่า “สัจจานุรักษ์” (การ คุ้มครองสัจจะหรือรักความจริง) นั่นคือ การไม่ยืนกรานยึดติดว่าสิ่งที่ ตนรู้ ห รื อ คิ ด เห็ น เท่ า นั้ น ที่ ถู ก ต้ อ งและเป็ น จริ ง ดั ง มี พุ ท ธพจน์ ว่ า
“วิ ญ ญู ช น เมื่ อ จะคุ้ ม ครองสั จ จะ ไม่ ค วรลงความเห็ น ในเรื่ อ งนั้ น
เด็ดขาดลงไปอย่างเดียวว่า อย่างนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นเหลวไหล
(ทั้งนั้น)” ทัศนคติดังกล่าวช่วยให้เราเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของ
ผู้อื่น ไม่ดูถูกคนที่เห็นต่างจากตน หรือด่วนสรุปว่าเขา “โง่” “ผิด” หรือ “ชั่วร้าย” ความคิดที่เรายึดถือนั้น แม้จะไตร่ตรองมาอย่างดี ก็ไม่ควร มั่นใจว่าเป็นความถูกต้องสมบูรณ์ ถ้าไม่อยากให้ความคิดพาเราเข้ารก เข้าพง ควรตรวจสอบหรือทักท้วงความคิดของตนอยู่เสมอ รวมทั้ง
คิดเผื่อไว้บ้างว่า ความคิดนั้นอาจมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดก็ได้ เพราะเราเป็นปุถุชน ย่อมมีการรับรู้ที่จำกัด หากเราตระหนักว่าสิ่งที่ เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมาก และอาจมากกว่าสิ่งที่เรารู้ด้วยซ้ำ เราจะไม่หลง ยึดมั่นความคิดใดจนมืดบอด
8
เป็นธรรมดาที่ผู้ยึดติดถือมั่น ในความคิด ย่อมรู้ตัวได้ยาก เพราะ ถู ก ความคิ ด นั้ น ครอบงำจิ ต ใจจน ลื ม ตั ว แต่ สิ่ ง หนึ่ ง ที่ เ ตื อ นให้ เ รา รู้ ตั ว ว่ า กำลั ง ยึ ด ติ ด ถื อ มั่ น ก็ คื อ เกิ ด ความขุ่ น เคื อ งใจหรื อ ความ โกรธทันทีที่ความคิดที่ตนยึดถือ นั้นถูกวิจารณ์ หรือมีการนำเสนอ ความเห็ น อื่ น มาเที ย บเคี ย ง เสมือนเป็นคู่แข่งขันท้าทาย หากไม่มัวส่งจิตออกนอก หมายตอบโต้
ผู้ที่คิดต่างจากตน แต่กลับมาตามดูรู้ทันอารมณ์ของตน ก็จะรู้ได้ทันที ว่า ที่เราโมโหโกรธาเขาก็เพราะยึดติดถือมั่นในความคิดของตนนั้นเอง นั่นจะช่วยให้เรายับยั้งชั่งใจไม่เผลอทำอะไรที่เลวร้าย แต่ถ้าไม่มีสติ รู้ทันใจของตน หากความคิดสั่งให้ด่า เราก็จะด่าทันที ความคิดสั่งให้ ทำร้ายเขา เราก็จะทำไม่ยั้ง มารู้ตัวอีกทีก็สายเกินแก้แล้ว ผู้คนทุกวันนี้ทำร้ายจิตใจกัน ตัดสายสัมพันธ์กันจนขาดสะบั้น สร้างศัตรูมากมาย อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายกันอย่างน่าสลดใจ ไม่ใช่ เพราะความเห็นที่แตกต่างกัน แต่เป็นเพราะปล่อยให้ความคิดต่างๆ เถลิงอำนาจมาเป็นนายตน ยอมทำตามคำบงการของมัน เพื่อความ เป็ น ใหญ่ ข องมั น หากเราไม่ ส ามารถเป็ น นายของมั น หรื อ นำมั น
กลั บ มาเป็ น บ่ า วได้ ก็ ย ากที่ ชี วิ ต จะราบรื่ น สงบสุ ข ซ้ ำ ยั ง จะทำให้
บ้านเมืองวุ่นวายหนักขึ้นด้วย 9
ภ า วั น
เขาครุ่ น คิ ด อยู่ สั ก พั ก ก็ อ อกไปหาเด็ ก กลุ่ ม นี้ แล้ ว พู ด ว่ า
“พวกหนูเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานร่าเริง ทำให้ลุงรู้สึกเบิกบานใจ มาก อยากให้หนูมาเล่นอีก” ว่าแล้วก็ควักเงิน ๑๐๐ บาทเป็นค่าจ้าง “เอาไปแบ่งกันนะ” เด็กรับเงินด้วยความดีใจ อาทิตย์ต่อมาเด็กๆ ก็มาเล่นฟุตบอลอีก คราวนี้เขาบอกเด็กว่า “ช่วงนี้ลุงมีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อย ให้หนูแค่ ๕๐ บาทก็แล้วกัน อาทิตย์หน้ามาเล่นใหม่นะ” อาทิ ต ย์ ถั ด มาเด็ ก ๆ ก็ ม าตามนั ด หลั ง จากเล่ น เสร็ จ เขาก็
ออกมาหาเด็กแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ลุงไม่ค่อยมีเงินเลย หนูเอาไปเท่านี้
ก็พอนะ” ว่าแล้วก็ควักเงิน ๑๐ บาทให้เด็ก เด็กรับเงินอย่างเสียไม่ได้ ทุ ก คนรู้ สึ ก อย่ า งเดี ย วกั น ว่ า เงิ น แค่ นี้ ไ ม่ คุ้ ม กั บ ความเหน็ ด เหนื่ อ ย อาทิ ต ย์ ต่ อ มาจึ ง ไม่ มี ใ ครมาเล่ น ฟุ ต บอลอี ก เลย แล้ ว ความสงบก็
กลับคืนมาอีกครั้งสมใจชายผู้นั้น
มีเรื่องเล่าว่า พ่อค้าสูงวัยผู้หนึ่งหลังจากผ่านการ อบรมปฏิบัติธรรมอย่างเข้มข้น ได้ตัดสินใจว่านับแต่นี้ไป เขาจะทำสมาธิภาวนาอย่างจริงจังทุกเย็นหลังเลิกงาน แล้วเขาก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ แต่พอถึงวันเสาร์และอาทิตย์ อุปสรรคก็เกิดขึ้น มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นฟุตบอลบนถนน หน้าบ้านเขา ส่งเสียงดังจนเขาทำสมาธิไม่ได้เลย เขา อยากตะเพิดเด็กกลุ่มนี้ให้ไปไกลๆ แต่เขารู้ดีว่า การทำ เช่นนั้นเท่ากับยั่วยุให้เด็กกลุ่มนี้รังควานเขาหนักขึ้น 10
แรกเริ่มเดิมทีเด็กกลุ่มนี้เล่นฟุตบอลด้วยความสนุกสนาน แต่ พอได้เงินเป็นค่าจ้าง ความรู้สึกว่า “คุ้ม” หรือ “ไม่คุ้ม” ก็มาแทนที่ จนลืมความสนุกสนานไปเลย อันที่จริงแม้ได้เงินแค่ ๑๐ บาทพวกเขา น่าจะดีใจ เพราะทีแรกเล่นโดยไม่ได้อะไรเลย แต่เด็กไม่ได้คิดเช่นนั้น กลับมองว่าก่อนหน้านี้ตนเคยได้เงินถึง ๑๐๐ บาท แต่ตอนนี้ได้แค่ ๑๐ บาท ทันทีที่คิดว่าเงิน ๑๐ บาทเป็นค่าจ้าง ความรู้สึกว่า “ไม่คุ้ม” ก็เกิดขึ้นทันที ทำให้ไม่อยากเล่นฟุตบอลต่อไป ความสนุกสนานที่เคย มีกลับไร้ความหมายไปเสียแล้ว 11
เงินนั้นมีอิทธิพลต่อความคิดของเรามาก มันสามารถทำให้สิ่งที่ เราเคยทำอย่างสนุกสนาน กลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและจำใจทำไปได้ทันที อันที่จริงเงินไม่ใช่ตัวปัญหา ปัญหาอยู่ที่ความคิดว่า “ไม่คุ้ม” ต่างหาก ถ้าเด็กคิดว่า ๑๐ บาทเป็นของแถม ไม่ใช่ค่าจ้าง หรือถ้าเด็กมอง
แง่บวกว่าตน “ได้” ๑๐ บาท ไม่ใช่มองแง่ลบว่าตน “เสีย” ๙๐ บาท เด็กก็ยังสนุกกับการเล่นฟุตบอลต่อไป อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่
อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความรู้สึกว่า “ไม่คุ้ม” เข้ามาครอบงำจิตใจเมื่อ เงินที่ได้รับนั้นมีจำนวนน้อย น่าแปลกก็ตรงที่หากไม่มีเงินมาเกี่ยวข้องเลย ผู้คนอาจเต็มใจทำ หรือทำงานอย่างมีความสุขกว่าด้วยซ้ำ จิตอาสาจำนวนมากมีความสุข กับการทำงานเพราะเห็นคุณค่าของงาน อีกทั้งมีความภาคภูมิใจที่ได้ ทำงานนั้น แต่เมื่อใดที่ได้รับค่าจ้างด้วยเงินน้อยนิด เขากลับทำงาน เดียวกันนั้นอย่างไม่มีความสุข ทั้งนี้ก็เพราะความรู้สึกว่า “ไม่คุ้ม” มา แทนที่ จนบดบังคุณค่าของงาน จึงไม่รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำ
นอกจากความสุขแล้ว ผลงานก็อาจแตกต่างกันด้วย คนที่ทำให้ เปล่าๆ อาจมีผลงานดีกว่าคนที่ได้ค่าจ้างด้วยซ้ำ เคยมีการนำอาสาสมัคร สามกลุ่มมาทำกิจกรรมเดียวกัน นั่นคือ ใช้เมาส์ลากวงกลมเข้าไปใน กรอบสี่เหลี่ยมที่ปรากฏในจอคอมพิวเตอร์ เมื่อลากเข้าไปแล้ววงกลม จะหายไปจากจอ แล้วปรากฏขึ้นใหม่ สิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือ ลาก วงกลมเข้าไปในกรอบสี่เหลี่ยมให้ได้มากที่สุดภายใน ๕ นาที กลุ่มแรก ได้เงิน ๕ ดอลลาร์ก่อนทำ กลุ่มที่สองได้ ๕๐ เซ็นต์ กลุ่มที่สามถูก ขอร้องให้มาทำกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่มีการพูดถึงเงินเลย ผลปรากฏว่ากลุ่มแรกลากวงกลมได้เฉลี่ย ๑๕๙ วง ส่วนกลุ่ม
ที่ ส องลากได้ ๑๐๑ วง ซึ่ ง ไม่ น่ า แปลกใจเพราะกลุ่ ม ที่ ส องได้ เ งิ น
น้อยกว่ากลุ่มแรกมาก แต่ที่น่าแปลกใจคือกลุ่มที่สาม ลากได้ ๑๖๘ วง มากกว่ากลุ่มแรกเสียอีก ทั้งๆ ที่ไม่ได้อะไรเลย การทดลองนี้ เหมือนจะบอกเราว่า การไหว้วานขอความช่วยเหลือนั้น ให้ผลดีกว่า การว่าจ้างด้วยเงินเพียงน้อยนิด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ได้เงินเพียงน้อยนิด แต่ถ้าไม่ติดใจว่าเป็น เงินเล็กน้อยหรือเอาแต่คิดว่าไม่คุ้ม เราก็สามารถทำด้วยความตั้งใจ และอย่างมีความสุขได้มิใช่หรือ ขอเพียงแต่เห็นคุณค่าของงานที่ตน ทำ ก็จะได้รับความภาคภูมิใจเป็นรางวัล
12
13
บ ำ เ พ็ ญ ไ ช ย รั ก ษ์
จากกลางกรุ ง มุ่ ง หน้ า สู่ ทุ่ ง ข้ า วริ ม ฝั่ ง ตะวั น ตกของแม่ น้ ำ เจ้าพระยา อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ระหว่างทางยังมี “นาข้าว” อยู่หลังทิวตึก ถนนหลวง และเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังเชื่อม ชานเมืองกับศูนย์กลางกรุงเทพฯ เลาะเลียบลำคลองพระอุดมไปยัง บ้านลุงทวี คุ้มรักษา ชาวนาวัย ๖๘ ปี ผู้สืบทอดอาชีพชาวนาลุ่มน้ำ เจ้าพระยา “นาที่ทำอยู่มี ๕๐ ไร่ เคยเป็นนาปู่ยกให้พ่อ แต่เราต้องเช่านา ตัวเองทำมากว่า ๔๐ ปีแล้ว” ลุงทวีเล่าถึงที่นาที่ทำกินมาตั้งแต่รุ่นปู่ ตกทอดถึงรุ่นพ่อแม่ที่ไม่รู้หนังสือไปกู้เงินพ่อค้าซื้อข้าว จนที่นาหลุด กลายเป็ น ของเจ้ า หนี้ แต่ นั้ น มาต้ อ งเช่ า นาตั ว เองทำกิ น มาตลอด
ขณะที่ราคาที่ดินย่านชานเมืองถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้น่าจะหลัก หลายสิบล้านบาทแล้ว
“กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม”
บางตอนจากเพลง “ชีวิตกสิกร” ประพันธ์คำร้องโดย แก้ว อัจฉริยะกุล มีหลักคิดว่า “กสิกรผู้ผลิตอาหารทำให้ สังคมมีอำนาจ” ปัจจุบัน อุดมการณ์นั้นไม่ได้เปลี่ยน ไทย
ยังหวังให้ “ครัวไทยเป็นครัวโลก” อยากครองตำแหน่ง
ผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่ล่าสุดกลับต้องเสียหน้า หนักเมื่ออินเดีย เวียดนาม แซงหน้าเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ หนึ่งและสอง ขณะที่ไทยตกเป็นอันดับสาม 14
“ทำนาไม่ได้ลำบากกว่าอาชีพอื่น แค่ทำนาให้ดี ปลูกข้าวให้ได้ ข้าวดี ซื่อสัตย์ ไม่เล่นการพนัน ไม่ลังเลเกี่ยงงอนว่าเหนื่อยยาก
ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ชาวนา อาวุโสผู้นี้อธิบายและเสริมว่า ชาวนา เป็นอาชีพอิสระที่สามารถคิดและพัฒนาตัวเองได้ ลองคิดดูว่าหากไป รับจ้างเขาเย็บรังดุม ก็ต้องเย็บรังดุมอยู่ร่ำไป ไม่ได้เรียนรู้ที่จะเย็บเสื้อ
15
ทั้งตัว แต่เป็นชาวนาได้เรียนรู้ตลอด รู้ดิน รู้ข้าว รู้ฟ้า รู้ฝน รู้เรื่อง
โรคแมลง มีโอกาสพัฒนาอาชีพ หาเลี้ยงตัวเอง และส่งลูกเรียน หนังสือได้เหมือนอาชีพอื่นๆ “โอกาสเดียวที่ลุงไม่มีตลอดชีวิตชาวนา คือโอกาสที่จะมีที่ดิน เป็นของตัวเอง” คือ คำพูดจากปากลูกชาวนาที่เคยยากจนต้องซื้อ ข้าวสารกรอกหม้อวันละ ๕ ลิตร ปัจจุบันมีบ้าน รถ รถไถ รถดำนา เงินฝาก และมีข้าวขาย เมื่อถามถึงอนาคตของแปลงนาที่ทำมาตลอด ชีวิต ลุงทวียอมรับว่า ลูกๆ คงไม่สามารถสืบทอดอาชีพการทำนา
ต่อไปได้ หากเจ้าของที่นาไม่ให้เช่า ถึงเวลานั้น คงต้องเปลี่ยนไปใช้ เครื่องจักรรับจ้างทำนา ตั้งแต่ดำนาไปจนถึงเกี่ยวข้าว สำหรับคนที่มี นา แต่ทำนาไม่เป็น หรือไม่มีแรงงาน ภาวะหนี้ สิ น ชาวนากั บ การสู ญ เสี ย ที่ ดิ น และความมั่ น คงทาง อาหารของชุมชนและสังคม ในจังหวัดพระนครอยุธยา ศึกษาโดย
ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า เมืองอู่ข้าวอู่น้ำในลุ่มเจ้าพระยาแห่งนี้ได้กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรม มีรายได้จากภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ ๙๘ ขณะที่
ภาคเกษตรกรรมสร้างรายได้เพียงร้อยละสองของรายได้มวลรวม จังหวัด ชาวนาอยุธยามีอายุเฉลี่ย ๖๒ ปี ส่วนใหญ่ไม่มีลูกหลาน สืบทอดอาชีพ ทำให้ชาวนามากถึงร้อย ๘๔ กำลังเปลี่ยนไปทำอาชีพ อื่นนอกภาคเกษตร แม้ว่าปัจจุบันเนื้อที่ร้อยละ ๖๐ ของจังหวัดยังเป็น นาข้าว แต่ร้อยละ ๗๒ ของชาวนาในปัจจุบันไม่มีที่ดิน ต้องทำนาเช่า มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย การลงทุนในนาเช่าต้องจ่ายค่าเช่าประมาณ ๑,๐๕๒ บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อย ๑๘ ของต้นทุนทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ ๖,๐๐๗ บาทต่อไร่ ชาวนาอยุธยามีหนี้สินเฉลี่ย ๖๓๖,๓๘๗ บาท
ต่อครัวเรือน ในจำนวนนี้เป็นดอกเบี้ยเงินกู้ถึงร้อยละ ๕๘ ของหนี้ ทั้งหมด เรื่ อ งราวชี วิ ต ของลุ ง ทวี แ ละชาวนารุ่ น ราวคราวเดี ย วกั น ใน จังหวัดพระนครอยุธยา หรือที่ราบลุ่มภาคกลาง อาจหมายถึงชาวนา รุ่นสุดท้ายใน “ทุ่งอดีต” หรือ “ทุ่งเจ้าพระยา” ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ที่สุดผืนหนึ่งในประเทศไทย ธัญพืชการเมือง ความพยายามในการหาวิธีสร้างหลักประกันราคาข้าวรูปแบบ ต่างๆ ของฝ่ายการเมือง ทุกรัฐบาล เช่น การประกันราคาข้าว คือ
การที่รัฐบาลรับซื้อข้าวในราคาประกันให้มากที่สุด การแทรกแซงหรือ พยุงราคา คือการที่รัฐบาลรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาดเพื่อ
ดึงราคาในตลาดให้สูงขึ้น และการจำนำข้าว คือการให้ชาวนานำข้าว ไปจำนำกับรัฐบาลในราคาไม่ต่ำกว่าราคาตลาด เมื่อใดที่ราคาในตลาด
16
17
สู ง กว่ า ราคาจำนำ สามารถไถ่ ถ อนไปขายในตลาดได้ การสร้ า ง
หลักประกันราคาข้าวรูปแบบต่างๆ ดังที่กล่าวมา รัฐบาลแต่ละยุคล้วน ผลัดเปลี่ยนใช้กันมาแล้วทั้งสิ้น โครงการรับจำนำข้าวเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพลเอกเปรม ติณสูลา นนท์ เป็ น นายกรั ฐ มนตรี ใ นปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยให้ ธ นาคารเพื่ อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) รับจำนำข้าวเปลือกในอัตรา ดอกเบี้ยต่ำ จูงใจให้ชาวนาชะลอขายข้าวต้นฤดูเก็บเกี่ยว โดย ธกส. จะจ่ายเงินจำนำในราคาร้อยละ ๘๐ ของราคาตลาด หรือจ่ายต่ำกว่า ตลาด ให้ชาวนามีเงินไปใช้ก่อน แต่ยังไม่ขายข้าว เมื่อข้าวราคาดีก็ให้ ชาวนาไถ่ถอนข้าวไปขายได้ แต่ถ้าถึงเวลาชาวนายังไม่มาไถ่ถอน ก็จะ ยึดข้าวมาขายในตลาดเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนให้ ธกส. โครงการรับจำนำข้าวมีพัฒนาการมาเป็นลำดับ จนถึงขนาดทำ ทั่ ว ประเทศในสมั ย รั ฐ บาล พ.ต.ท.ทั ก ษิ ณ ชิ น วั ต ร เริ่ ม ต้ น ในปี
พ.ศ.๒๕๔๗/๔๘ ตั้งเป้ารับจำนำข้าวเปลือก ๙ ล้านตัน โดยรัฐบาลให้ ธกส. เป็นผู้จ่ายเงินจำนำข้าว และให้เก็บรักษาข้าว ๔.๕ ล้านตันไว้ที่ ยุ้งฉางของชาวนา หรือสถาบันเกษตรกร ส่วนอีก ๔.๕ ล้านตันเก็บไว้ ที่ โ รงสี ภ ายใต้ ก ารดู แ ลขององค์ ก ารคลั ง สิ น ค้ า (อคส.) กระทรวง พาณิชย์ โดย อคส. จะออกใบรับจำนำข้าวหรือ “ใบประทวน” ให้ เกษตรกรนำไปแสดงกับ ธกส. เพื่อรับเงินจำนำ แม้โครงการนี้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการบิดเบือนกลไก ตลาด เพราะราคาข้ า วในตลาดสู ง อยู่ แ ล้ ว แต่ ก ลั บ กำหนดราคา
รับจำนำให้สูงขึ้นไปอีก อีกทั้งแนวปฏิบัติที่ไม่โปร่งใส ไม่ยุติธรรมใน 18
การแข่งขันทางการค้า แต่ก็ถูกใจชาวนา ทำให้รัฐบาลสมัยนางสาว
ยิ่ ง ลั ก ษณ์ ชิ น วั ต ร กำหนดให้ น โยบายรั บ จำนำข้ า วเป็ น นโยบาย
เร่งด่วน ประกาศรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าตลาด ถึงร้อยละ ๔๐ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา เพื่อยกระดับรายได้และ
ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา เพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศ แต่แล้วรัฐบาลกลับประสบภาวะขาดทุนจนไม่มีเงินจ่ายค่า จำนำข้าวให้ชาวนา ชาวนาต้องเผชิญกับวิกฤติการเงินในครอบครัว เพราะรัฐบาลจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ (นาปี) ช้ามาร่วม ๖ เดือนแล้ว คือตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖
จนมีใบประทวนที่ยังไม่ได้รับเงินกว่า ๑.๔ ล้านราย การต้องรวบรวมข้าวเพื่อควบคุมราคาในตลาด แต่ควบคุมไม่ได้ เลยขาดทุนกว่า ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ก่อเกิดหนี้สาธารณะไม่ต่ำกว่า ร้อยละ ๔๕ ของรายได้มวลรวมในประเทศ อีกทั้งมีข้าวค้างสต็อกกว่า ๑๘ ล้านตัน ต้องใช้เวลาระบายกว่า ๓-๔ ปี และถ้าขายเป็นข้าวสาร จะได้ราคาเพียงตันละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ขณะที่ซื้อข้าวเปลือกมา
19
ตั น ละ ๑๕,๐๐๐ บาท พอสี เ ป็ น ข้ า วสารเหลื อ ๖๐๐ กิ โ ลกรั ม
การพยายามควบคุ ม ตลาดจึ ง เป็ น การทำลายระบบตลาดข้ า วไป
โดยปริยาย ในแง่หนึ่ง โครงการรับจำนำข้าวมีประโยชน์ต่อชาวนา เหมือน การถ่ายเทเงินที่เคยขูดรีดจากชาวนาในสมัยเก็บค่าพรีเมียมข้าวกลับ ไปให้ชาวนา อย่างไรก็ตาม มีผู้วิเคราะห์ว่าชาวนาที่ได้รับประโยชน์ จากโครงการนี้มีไม่ถึงร้อยละ ๕๐ ของชาวนาทั้งหมด ๓.๔ ล้านครัว เรือน “ปัญหาใหญ่กว่าเรื่องเงินจำนำข้าว คือปัญหาที่ดินและหนี้สิน เพราะไทยมีชาวนาต้องเช่าที่ดินทำนาถึงร้อยละ ๖๐ ของทั้งประเทศ ในพื้ น ที่ ช ลประทานชาวนาไม่ มี ที่ ดิ น สู ง ถึ ง ร้ อ ยละ ๘๐ ถ้ า ใช้ ง บ ประมาณเพียง ๑ ใน ๔ ของโครงการจำนำข้าว ภายใน ๔ ปี จะแก้ ปัญหาชาวนาไร้ที่ดินได้ และถ้ามีกองทุนที่ใช้งบปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ล้าน บาท จะแก้ปัญหาชาวนาไร้ที่ดินได้ภายใน ๔ ปี” วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ จากมูลนิธิชีววิถี ให้ความเห็น ปี พ.ศ.๒๕๕๗ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มของวิกฤติข้าวไทย เพราะ หลังเปิดเสรีการค้าอาเซียน ข้าวจากพม่า กัมพูชา และเวียดนาม จะ เข้าสู่ไทยโดยเสรี ขณะที่ข้าวไทยมีต้นทุนการผลิตสูงมาก ข้าวนาปรังปี พ.ศ.๒๕๕๖ ในไทยลงทุน ๘,๗๑๑ บาทต่อตัน ขณะที่เวียดนาม
อยู่ที่ ๔,๙๖๐ บาท หากเปิดเสรีอาเซียนคาดว่า ราคาข้าวในประเทศ อาจเหลือไม่เกิน ๖,๐๐๐ บาทต่อตัน 20
โครงการรับจำนาข้าวที่มีตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.๒๕๑๖ เป็นหนึ่งใน โครงการ “ประชานิยม” ที่ทุกพรรคการเมืองซึ่งเคยเป็นรัฐบาลล้วน เคยนำมาใช้ เพราะตัวเลขจำนวนชาวนาซึ่งเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนน เลือกตั้งเกือบ ๑๘ ล้านคน หรือ ๑ ใน ๓ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งหมด ทำให้พรรคการเมืองที่ต้องการชนะเลือกตั้งต่างคิดค้นกลยุทธ์ ด้านราคาข้าวมา ชวนให้เชื่อได้ว่าจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ชาวนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาข้าว การอุดหนุนด้วยการให้กู้เงิน หรือ ปัจจัยการผลิต โดยต่างเป้าหมายที่จะโกยคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง เป็นครั้งๆ ไป สิ่ ง ที่ เ ห็ น น้ อ ยหรื อ แทบไม่ มี เ ลยในนโยบายข้ า วที่ ม าจากฝ่ า ย การเมือง อาทิ การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพและ อำนาจต่อรอง การปกป้องสิทธิของชาวนา สวัสดิภาพและความ ปลอดภัยในชีวิตการใช้เคมีเกษตร การคุ้มครองเมล็ดพันธ์ุและพื้นที่ ผลิตอาหารหรือนาข้าว การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพึ่งตนเอง ลดการ พึ่งพาภายนอก ลดต้นทุนการผลิต พัฒนาทักษะและเทคนิคทางการ เกษตร ไปจนถึงการฟื้นฟูประเพณีที่เกี่ยวกับข้าว ทั้งหมดนี้ไม่ปรากฏ ในนโยบายการเมืองเรื่องข้าว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ดูใน NATIONAL GEOGRAPHIC ฉบับภาษาไทย พฤษภาคม ๒๕๕๗
21
รั ต น ศิ ริ กิ ต ติ ก้ อ ง น ภ า ง ค์
ภาพ AMNH/R. Rockwell
ตามธรรมชาติ แ ล้ ว อาหารหลั ก ของหมี ขั้ ว โลกคื อ แมวน้ำ และสัตว์น้ำอื่นๆ โดยเจ้าหมีสีขาวจะรอคอยอยู่ที่ ปลายทะเลน้ำแข็งเพื่อให้เหยื่อปรากฎตัวที่ผิว น้ำ แต่เมื่อ ทะเลน้ำแข็งละลาย เจ้าหมีขั้วโลกจำเป็นต้องว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง และหาอาหารประเภทอื่นกิน ไม่ว่าจะเป็นเห็ด ลูกเบอร์รี
รวมถึงห่านหิมะ และสัตว์ชนิดอื่น เมื่อสภาวะโลกร้อนทำให้ ทะเลน้ ำ แข็ ง ของอาร์ ก ติ ก ละลายมากเป็ น ประวั ติ ก ารณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิที่หมีขั้วโลกจำเป็น ต้องสะสมไขมันจากการกินลูกแมวน้ำก่อนที่จะกลับเข้าฝั่ง 22
ล่ า สุ ด หมี ขั้ ว โลกถู ก พบในบริ เ วณตะวั น ตกของอ่ า วฮั ด สั น
พวกมันจำเป็นต้องกินห่านหิมะ, ไข่ และกวางคาริบู เพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของหมีขั้วโลกที่จะล่าสัตว์บนพื้นดิน เพราะปริมาณ แคลอรีที่ได้ไม่สามารถชดเชยเพียงพอได้ ลินดา กอร์เมซาโน นัก ชีววิทยา สหรัฐอเมริกันชี้ว่า หมีขั้วโลกอาจสามารถปรับตัวกับสภาพ แวดล้อมได้บ้าง แต่ในระยะยาวแล้ว มันไม่สามารถเอาตัวรอดจาก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการที่ทะเลน้ำแข็งหายไปได้ สตีเวน ซี แอมสตรัป นักวิจัยหมีขั้วโลก กล่าวว่า “การปรับตัวนี้
อาจจะช่ ว ยซื้ อ เวลาสำหรั บ หมี ขั้ ว โลกบางตั ว เท่ า นั้ น แต่ ใ นที่ สุ ด
ยังไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า อาหารทางเลือกของหมีขั้วโลกจะสามารถ เพิ่มประชากรหมีขั้วโลกได้” 23
ห่างไกลจากอาร์กติกออกไป นกเพนกวินที่ชายฝั่ง ของอาร์เจนตินาเองก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง สภาพภู มิ อ ากาศเช่ น กั น ภายในหนึ่ ง ทศวรรษที่ ผ่ า นมา
นั บ จากปี พ.ศ.๒๕๒๖-๒๕๕๔ นั ก วิ จั ย มหาวิ ท ยาลั ย วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เฝ้าสังเกตกลุ่มเพนกวินที่ชายฝั่ง ของอาร์ เ จนติ น า หลั ง จากที่ ลู ก นกเพนกวิ น ออกจากไข่ ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคม พบว่าสาเหตุการ คร่ า ชี วิ ต ลู ก นกเพนกวิ น สู ง สุ ด ในแต่ ล ะปี ก็ คื อ สภาวะที่ อุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติ ที่เกิดขึ้นในช่วงพายุฝน รุ น แรง ซึ่ ง ตรงกั บ การเปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศที่
เกิดขึ้นในภูมิภาคนั้น ลูกนกเพนกวินเกิดใหม่ในช่วงอายุ ๙-๒๓ วันนั้น
มี ค วามอ่ อ นไหวต่ อ การเกิ ด สภาวะที่ อุ ณ หภู มิ ใ นร่ า งกาย
ต่ำกว่าปกติสูง เนื่องจากยังเด็กเกินไป ขนที่สามารถกันน้ำ ได้ยังไม่ขึ้น แต่กระนั้นก็โตเกินกว่าจะหลบหาไออุ่นจากพ่อ แม่ของมัน การที่พวกมันไม่มีขนที่สามารถกันน้ำได้นี่เอง จะทำให้พวกลูกนกตายทันทีที่อยู่ในน้ำ
24
ความร้อนของสภาวะโลกร้อน ทวีความเลวร้ายขึ้นตลอดช่วง ทศวรรษที่ผ่านมานั้น ส่งผลกระทบต่อการปรับอุณหภูมิร่างกายของ นกเพนกวิ น และเป็ น สาเหตุ ใ ห้ พ วกมั น เสี ย ชี วิ ต แต่ นั่ น ก็ ไ ม่ เ ท่ า กั บ สาเหตุ จ ากสภาวะที่ อุ ณ หภู มิ ใ นร่ า งกายต่ ำ กว่ า ปกติ กรณี ข อง
ลูกนกเพนกวินมาเจลลัน นอกจากพายุฝนรุนแรงจะสร้างความหนาว เหน็บให้กับลูกนกแล้วยังทำให้น้ำท่วมรังของลูกนกเพนกวินอีกด้วย เวย์น ทริเวลพีซ นักวิจัย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นภัยร้ายแรงต่อเพนกวินทุกสายพันธ์ุทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่สายพันธ์ุนี้ เท่านั้น ไม่ใช่แต่หมีขั้วโลกและนกเพนกวินเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังมีสัตว์อีกมากมายหลายสายพันธ์ุ ทั่วโลกด้วย เราต่างทราบดีถึงสาเหตุของภาวะโลกร้อนมาจากการที่ มนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ ธรรมชาติ เพื่อผลิตพลังงาน เราต่างทราบดีถึงผลกระทบบางอย่าง ของภาวะโลกร้อน เช่น การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ระดับน้ำทะเล
ที่สูงขึ้น ความแห้งแล้งอย่างรุนแรง และ การเกิดพายุรุนแรงฉับพลัน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะหันมาใช้พลังงานสะอาดแทนการ พึ่งพาพลังงาน สกปรก เร่งลดวิกฤตโลกร้อน เพื่อสัตว์ที่สวยงาม
อย่างหมีขั้วโลก นกเพนกวิน และทุกสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกัน
บนโลกใบนี้
25
“ม้า” เป็นสัตว์มงคล เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง
ปี ๒๕๕๗ ถือเป็นปี “ม้าทอง” สำหรับผู้คนในหลายประเทศ ใน การเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็กลับเป็นปี “ม้าพยศ” ด้วย จากการเกิดภัยธรรมชาติตั้งแต่ต้นปีในแทบทุกทวีปทั่วโลก
สภาพอากาศที่ร้อนจัด แห้งแล้ง และลมพัดแรง ส่งผลให้รัฐ วิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ต้องเผชิญกับเหตุไฟป่ารุนแรง ที่ สุ ด ในรอบ ๕ ปี เกิ ด ไฟไหม้ ก ว่ า ๑๐๐ จุ ด ทั่ ว พื้ น ที่ ข องรั ฐ
บ้านเรือนจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหาย นักผจญเพลิงต่อสู้กับ
ไฟป่าตลอด ๒๔ ชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ นับเป็น ครั้งที่มีความรุนแรงมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีไฟป่ากว่า ๕๐ จุด
ในรัฐนิวเซาท์เวลส์และเซาท์ออสเตรเลีย จนต้องมีการปิดทางหลวง
ฐ ที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงของรั
ญี่ปุ่นเผชิญกับภัยหิมะตกหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ กรุงโตเกียวมีหิมะตกสะสมหนาถึง ๒๗ เซนติเมตร นับว่า รุนแรงที่สุดในรอบ ๔๖ ปี เช่น ที่เมืองเซนไดมีหิมะหนา
๓๕ เซนติเมตร หนักที่สุดในรอบ ๗๘ ปี เมืองคูมากายะ
หิ ม ะหนาถึ ง ๔๓ เซนติ เ มตร หนั ก ที่ สุ ด ในรอบ ๖๐ ปี
ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบคมนาคมในกรุงโตเกียวและ พื้นที่โดยรอบ รถไฟหลายเที่ยวถูกยกเลิก เที่ยวบินในประเทศ หลายร้ อ ยเที่ ย วบิ น ต้ อ งถู ก ยกเลิ ก หิ ม ะทำให้ เ กิ ด อุ บั ติ เ หตุ ถนนลื่ น ถึ ง ขั้ น มี ผู้ เ สี ย ชี วิ ต ๑๑ ราย และบาดเจ็ บ กว่ า ๑,๒๐๐ คน บ้านเรือนกว่า ๒๐,๐๐๐ หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ 26
อังกฤษเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่หลังเกิดเหตุฝนตก
ลงมาอย่างหนักต่อเนื่อง ถือเป็นฤดูหนาวที่มีฝนตกหนักที่สุด ในรอบ ๒๔๘ ปี ภาคตะวั น ตกเฉี ย งใต้ ข องอั ง กฤษได้ รั บ
ผลกระทบหนั ก ที่ สุ ด โดยต้ อ งหยุ ด เดิ น รถไฟ เนื่ อ งจาก
รางรถไฟเลี ย บชายฝั่ ง ทะเลถู ก กระแสน้ ำ พั ด ได้ รั บ ความ
เสียหาย บางพื้นที่ก็จมอยู่ใต้น้ำมานานกว่า ๑ เดือน แม้ นายกรัฐมนตรีอนุมัติงบบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ก็ยังได้การตำหนิว่า เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะพื้นที่เพาะปลูกถูกน้ำท่วมขังเป็น เวลานาน และชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก 27
พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล
อเมริ ก าเผชิ ญ กั บ พายุ หิ ม ะและอากาศหนาวเย็ น จั ด ในหลาย พื้นที่ทั่วประเทศ หิมะได้ปกคลุมถนนหนทางจนทำให้ทัศนวิสัยในการ ขับขี่ย่ำแย่ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มากมาย มีรายงานอุบัติเหตุบน ท้องถนนรวมกันนับพันครั้ง พายุหิมะที่พัดถล่มยังทำให้หลายพื้นที่ใน หลายรัฐไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนนับล้านชีวิต โรงเรียน และหน่วยงานรัฐต่างๆ ต้องประกาศปิดทำการ และทั่วประเทศได้มี การยกเลิกเที่ยวบินหลายพันเที่ยว รัฐนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ประสบ กับภาวะขาดแคลนเกลือที่ใช้โรยเพื่อละลายหิมะและน้ำแข็งที่เกาะ ถนน นิวยอร์กใช้งบกำจัดหิมะไปแล้วถึง ๕๗.๓ ล้านดอลลาร์ ส่วน
นิวเจอร์ซีย์ใช้ไปกว่า ๖๐ ล้ านดอลลาร์
28
อิหร่านเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นจัดและหิมะตก ภาคเหนือถูกพายุหิมะถล่มหนักที่สุดในรอบ ๕๐ ปี อุณหภูมิ ดิ่งลงต่ำสุด -๑๘ องศาเซลเซียส บางพื้นที่มีหิมะทับถมสูง ถึง ๒ เมตร หลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า แก๊ส และน้ำประปาใช้ ทำให้ประชาชนกว่าครึ่งล้านได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เมืองหลวงกรุงเตหะรานมีหิมะปกคลุม อุณหภูมิลดถึง -๘ องศาเซลเซียส โรงเรียนต้องปิด รถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้เพราะ ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ บ้านเรือนไฟฟ้าดับ แต่กลับพบว่า ประชาชนตื่ น เต้ น สนุ ก สนานกั บ การเล่ น หิ ม ะ เพราะเป็ น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) เป็นพระมหาเถระ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนา ไทยในปัจจุบัน ว่าจำเพาะสมณศักดิ์ของท่านก็จัดว่าสูงมาก คือเป็นพระราชาคณะขั้นรองสมเด็จ แต่ท่านมีความเป็นอยู่ อย่ า งสมถะมาก พึ ง พอใจในการอยู่ อ ย่ า งเรี ย บง่ า ย และ
เสมอต้ น เสมอปลายในเรื่ อ งนี้ ม าโดยตลอด ตั้ ง แต่ เ ป็ น
พระชั้นผู้น้อยจวบจนถึงปัจจุบัน เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ แม้ได้รับ สมณศักดิ์เป็นพระราชวรมุนี และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อหนังสือพุทธธรรม ฉบับขยายความ ได้ตีพิมพ์ เผยแพร่ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของท่านแทบไม่ได้แตกต่างไป จากตอนเป็นพระหนุ่มเมื่อ ๒๐ ปีก่อนหน้านั้นเลย กุฏิของ ท่านมีหนังสือกับอุปกรณ์ที่ใช้เขียนหนังสือเป็นหลัก ดูโล่ง และเป็นระเบียบ 29
ท่านเป็นพระเถระที่ไม่สะสม ทั้งๆ ที่ได้รับอติเรกลาภใน โอกาสต่างๆ เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลามีญาติโยมมาจัดงาน ทำบุญถวายท่าน เนื่องในวันคล้ายวันเกิดบ้าง ในวันสำคัญทาง ศาสนาบ้ า ง หรื อ แสดงมุ ทิ ต าจิ ต ที่ ไ ด้ รั บ พระราชทานเลื่ อ น
สมณศักดิ์บ้าง ของที่นำมาถวายนั้นเป็นสิ่งของเครื่องใช้มากมาย แต่เมื่อเสร็จงานแล้ว ท่านจะเก็บแต่เฉพาะหนังสือไว้ ส่วนของ อื่นๆ ท่านจะแจกต่อให้แก่พระเณรในวัด
คราวหนึ่งมีญาติโยมขออนุญาตติดเครื่องปรับอากาศให้ ท่าน เนื่องจากรอบวัดเป็นย่านชุมชน มีมลภาวะมาก มิหนำซ้ำ ข้างวัดยังเป็นร้านทำทอง กลิ่นน้ำประสานทองโชยมาที่กุฏิของ ท่านทุกวัน ทำให้ท่านมีอาการภูมิแพ้ หอบ เหนื่อย แต่ท่าน
ก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง แต่ญาติโยมก็ไม่ละความพยายาม ในที่สุด
ก็สามารถพาช่างมาติดเครื่องปรับอากาศให้ท่านจนได้ แต่ท่าน ก็ได้ใช้น้อยมาก เพราะไม่นาน ก็ย้ายออกไป เมื่อท่านไปยัง
วัดญาณเวศกวัน ท่านก็ยังไม่ยอมติดเครื่องปรับอากาศเช่นเดิม คงใช้ แ ต่ พั ด ลมช่ ว ยระบายความร้ อ น เหมื อ นเมื่ อ ครั้ ง อยู่ วั ด
พระพิเรนทร์ 30
ของถวายบางอย่ า งบรรจุ ใ ส่ ก ล่ อ งสวยงาม บางกล่ อ ง
ก็ห่อเป็นของขวัญ ท่านก็ไม่เปิดดูด้วยซ้ำว่าข้างในเป็นอะไร วิธี การแจกของท่ า นก็ คื อ ติ ด หมายเลขที่ ก ล่ อ งเหล่ า นั้ น แล้ ว
ทำสลากให้ พ ระเณรแต่ ล ะรู ป มาจั บ ใครได้ ส ลากตรงกั บ
ของกล่องใด ก็รับของกล่องนั้นไป ว่ากันว่า การแจกแบบนี้ สามเณรในวัดชอบมาก เพราะอาจได้ของใช้ดีๆ ซึ่งตามปกติไม่มี โอกาสได้รับ นอกจากของขวั ญ ค่ า ลิ ข สิ ท ธิ์ ห รื อ ค่ า ตอบแทนจาก
งานเขียน ท่านก็ไม่เคยรับ หากแต่บริจาคให้แก่สถาบัน มูลนิธิ หรือสาธารณกุศลต่างๆ ทั้งนี้เพราะท่านถือว่างานเขียนเหล่านั้น เป็นการบำเพ็ญธรรมทาน อันเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของบรรพชิต งานบรรยายก็เช่นกัน ไม่ว่าที่ไหน เมื่อเจ้าภาพถวายซองปัจจัย
แก่ ท่ า น ท่ า นก็ จ ะมอบคื น เพื่ อ เป็ น ทุ น ดำเนิ น งานขององค์ ก ร
เหล่านั้นต่อไป โดยไม่เคยเปิดดูเลยว่าในซองนั้นมีเงินเท่าไร หาก มีผู้มาถวายปัจจัยให้แก่ท่านที่วัด ท่านก็จะมอบให้เป็นสมบัติของ สงฆ์ ไม่เก็บไว้แม้แต่บาทเดียว 31
สังคมไทยจะก้าวข้าม ความเกลียดชังได้อย่างไร ปุจฉา : สังคมไทยจะก้าวข้ามความเกลียดชังได้อย่างไร ครับ ทุกวันนี้เรายังไม่เคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน เรามักจะสะใจ ดูถูก ฝ่ายตรงกันข้ามกันเสมอ ไม่เว้นผู้ที่เข้าวัด เข้ า วาศึ ก ษาธรรมะ พุ ท ธธรรมจะสามารถเป็ น ระฆั ง แห่ ง สติ ปลุกสังคมของเราให้ตื่น ให้ตระหนักได้อย่างไรครับ” พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : พฤติกรรมหรือท่าทีที่คุณ กล่าวถึงนั้น ล้วนสวนทางกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะ พระองค์ทรงสอนให้เรามีเมตตาต่อกัน ยอมรับความเห็นต่าง ไม่ผูกขาดความจริง ไม่ปล่อยให้ความโกรธเกลียดครอบงำ จิตใจ อีกทั้งพยายามเอาชนะความชั่วด้วยความดี แต่ถึงแม้
คำสอนของพระองค์จะงดงามเพียงใดก็ตาม หากผู้คนแม้กระทั่ง
ผู้ที่เรียกตนว่าชาวพุทธ ไม่นำไปปฏิบัติแล้ว ก็ยากที่สังคมจะมี ความสงบสุขได้
32
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรสิ้นหวัง เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีคุณงาม ความดีอยู่ในตัว และสามารถเอาชนะความเกลียดชังภายในใจตนได้ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ผู้ใฝ่ธรรมและเข้าถึงธรรม ไม่ควรนิ่งเฉย แต่ควร กระตุ้นเตือนให้ผู้คนมีสติ ตระหนักถึงโทษของความเกลียดชัง และ เห็นความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น พระภิกษุสงฆ์ควรเป็นหลักในด้านนี้ ขณะเดียวกันก็ควรชักชวนญาติโยมผู้ใฝ่ธรรมให้มาเป็นกำลังในด้านนี้ ด้วย รวมทั้งเป็นสะพานเชื่อมโยงให้คนทุกฝ่ายมารู้จักกันในฐานะ มนุษย์ต่อมนุษย์ แทนที่จะเห็นผ่านสื่อหรือผ่านฉลากที่ต่างฝ่ายต่างติด ให้แก่กันและกัน จนมองไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ลืมว่า สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนอื่นใดก็คือ การทำกับ ตนเอง หรือทำตนให้เป็นแบบอย่างก่อน หาไม่แล้ว ไม่ว่าจะพูดหรือ
ทำอะไร ก็ไร้น้ำหนักและไม่เกิดผล
จะตามใจลูกปล่อยให้ “ผิดเป็นครู” จะดีไหม
ปุจฉา : เราควรให้ลูกเรียนรู้ธรรมะตั้งแต่ยังเยาว์ หรือปล่อยให้ ผจญกับความทุกข์ก่อน จึงหันหน้าเข้าหาธรรมะเอง โดยปล่อยให้ผิด เป็นครู เหมือนผมเองเพราะอนิจจัง และโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตาม เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ยั่วยุจากเพื่อนนานาประเภท 33
ผมถูกตามใจจากบิดามารดาเป็นอย่างมาก เพราะความรักที่ ท่านมีให้ ผมมักจะติดนิสัยตามใจผู้อื่นและรักผู้คนง่าย ถ้าเห็นว่าเขาดี โดยปราศจากอุเบกขา แต่ไม่ตามใจท่าน ในบางเรื่อง (ผิดศีล เนื่องจาก การค้าขาย) และอดีตได้ทำบาปกรรมมากมายก่อนจะสำนึกตัวได้
หั น หน้ า เข้ า หาธรรมะเองโดยไม่ มี ใ ครบอกกล่ า วมาก่ อ น ผมมี ประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน จึงไม่รังเกียจความไม่ดีของเด็กที่ไม่ดีด้วย เพราะเข้าใจน่ะครับ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : ธรรมะนั้นเป็นของดีมีประโยชน์ กับมนุษย์ทุกคน โดยไม่จำกัดวัย ดังนั้นการปลูกฝังธรรมะให้แก่ลูก
ตั้งแต่ยังเล็ก จึงเป็นสิ่งสมควรทำ ปัญหาอยู่ตรงที่จะใช้วิธีใด การ
ปลูกฝังรู้ธรรมะนั้นไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสั่งสอนเทศนาก็ได้ แต่อาศัยการ เรียนรู้จากประสบการณ์ โดยพ่อแม่เป็นผู้ชี้แนะหรือกระตุ้นให้เขาได้ คิด เวลาเขามีความทุกข์ เช่น ของหาย สัตว์เลี้ยงตาย ก็ใช้เป็นโอกาส สอนเขาเรื่องความไม่เที่ยงแท้แน่นอน เวลาดูโทรทัศน์ฟังข่าว ก็ใช้เป็น โอกาสสอนเขาเรื่องโทษของการผิดศีลและความประมาท การปล่อยให้เขาเจอทุกข์ก่อนแล้วค่อยนำเขาเข้าหาธรรมะนั้น แม้จะฟังดูดี แต่ก็มีความเสี่ยงตรงที่ว่า พอเขาทุกข์แล้วอาจชักนำ เข้าหาธรรมได้ลำบาก โดยเฉพาะในกรณีที่พ่อแม่ไม่มีกุศโลบายพอ
ยิ่งกว่านั้นก็คือถ้าพ่อแม่รู้ช้าไป ไม่ทันจะชักนำเขาเข้าหาธรรม ปรากฏ ว่าเขาหันไปพึ่งสิ่งอื่นแทนแล้ว เช่น อบายมุข หรือมิตรที่ไม่ดี ถึง
ตอนนั้นก็จะแก้ยาก 34
อย่างไรก็ตาม หากช่วยให้เขามีพื้นฐานในทางธรรม เช่น มี ความซื่อสัตย์ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และรู้จักคิด คือคิดเป็นเห็นชอบ เวลา
มีปัญหาหรือเกิดความทุกข์ เขาก็จะมีต้นทุนในการแก้ปัญหานั้นดีขึ้น หรือไม่ก็เห็นคุณค่าของธรรมมากขึ้น
ถือศีล ๘ ใช้ internet ได้ไหม ปุจฉา : การถือศีลแปดนั้น มีข้อห้ามในการเข้าสืบค้น หาข้อมูลและรูปภาพทางอินเตอร์เนตหรือไม่ การเข้ามาอ่าน ข้อความใน Facebook หรือเข้ามาอ่านการถามตอบกระทู้ ต่างๆ ใน web borad นั้น ถือเป็นข้อห้ามหรือไม่คะ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : ศีล ๘ ไม่มีข้อใดห้าม การค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตหรือใช้ Facebook มีแต่ห้าม การเสพความบันเทิง เช่น ฟ้อนรำ ร้องเพลง เล่นดนตรี
และดู “การเล่นชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศล” ถ้าใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อความบันเทิงจึงจะผิดศีลข้อที่ ๗ แต่ถ้าใช้เพื่อการศึกษา หาความรู้หรือหาข้อมูล ก็ไม่เข้าข่าย 35
ทำคุณคนไม่ขึ้น ปุจฉา : คิดเห็นยังไงคะ กับคำพูดที่ว่า ‘ทำคุณคน ไม่ขึ้น’ ส่วนดิฉันเห็นว่ามันมีความผิดหวังซ่อนอยู่ นิมนต์ ท่านช่วยบรรยายเป็นธรรมทาน คนที่พูดว่า “ทำคุณคน
ไม่ขึ้น” มักเป็นเพราะเขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะทำดีกับใครหรือ ช่วยเหลือใครก็ตาม คนเหล่านั้นไม่เคยสำนึกในบุญคุญ ของเขา เลยรู้สึกว่าความดีที่ตนทำไปนั้นสูญเปล่า พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : ปัญหาอย่างนี้มักเกิด กับคนที่เมื่อช่วยเหลือใครไปแล้ว คาดหวังให้เขาตอบแทน ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ความคาดหวังดังกล่าวมักนำ
ไปสู่ความทุกข์ของทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ ในด้านหนึ่งผู้ที่ ช่ ว ยเหลื อ มั ก เรี ย กร้ อ งจากฝ่ า ยที่ ไ ด้ รั บ ความช่ ว ยเหลื อ (หรืออาจถึงกับ “ทวง/ลำเลิกบุญคุณ”) ทำให้ฝ่ายนั้นรู้สึก ถูกคาดคั้นรบเร้า เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา (บางคน
ถึงกับเกลียดชังไปเลย) ในกรณีที่ฝ่ายนั้นทำการตอบแทน แล้ ว แต่ ห ากไม่ ม ากเท่ า กั บ ที่ ผู้ ช่ ว ยเหลื อ คาดหวั ง เอาไว้ ฝ่ายหลังก็ย่อมเกิดความไม่พอใจ
36
ถ้ า ไม่ อ ยากให้ เ กิ ด ปั ญ หานี้ เวลาจะช่ ว ยเหลื อ ใคร ก็ อ ย่ า ไป
คาดหวังว่าเขาจะสำนึกในบุญคุณของเราหรือตอบแทนเรากลับคืน ถ้ า มี ค วามคาดหวั ง อย่ า งนี้ จะไม่ มี ค วามสุ ข เลย อี ก ทั้ ง ยั ง บั่ น ทอน
ความสัมพันธ์ด้วย ถ้าจะช่วยใครก็ควรช่วยเพราะความปรารถนาดี ล้วนๆ หรือช่วยเพราะศรัทธาในคุณงามความดี ไม่ได้หวังผลตอบแทน ใดๆ หาไม่ก็จะลงเอยเหมือนคนที่ทำดีแล้วเป็นทุกข์เพราะคนอื่นไม่เห็น ความดีของตน จึงเอาแต่ตัดพ้อว่า “ทำดีแล้วไม่ได้ดี” จนถึงกับเสื่อม ศรัทธาในความดีก็มี สรุปก็คือ “ขอให้ลืมเมื่อทำดีกับผู้อื่น แต่ขอให้จดจำเมื่อผู้อื่น
ทำดีกับเรา”
อยากให้แม่มีความสุข กนกวรรณ ทะสวัสดิ์ ปุจฉา : ดิฉัน อายุ ๔๘ ปี ยัง อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ฐานะไม่เป็นภาระของสังคม เห็น
แม่ไปวัดทุกวันพระก็จัดหาอาหารและปัจจัยให้คะ (แม่เป็น ชาวนาที่ ยั ง ทำงานได้ อายุ ๗๒ ปี ) วั น นี้ เ พิ่ ง เห็ น จิ ต แม่
ไม่ ส งบ สำหรั บ ตั ว เองที่ ส งบได้ ที่ ผ่ า นมาไม่ ไ ด้ ส นใจแม่
เท่าที่ควร หาแต่อาหารทางร่างกายให้ แต่อาหารทางใจ ท่านได้รับน้อย ตามแบบสังคมชนบทที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่อง
การปฎิบัติตนให้มีสุขจากธรรมะได้อย่างไร 37
๑. จะใช้ ค ำพู ด แบบไหนที่ จ ะพู ด กั บ ท่ า นให้ ใ จของท่ า นสงบ
ไม่ เ อาแต่ ค วามคิ ด ของตนเองที่ ไ ม่ เ ป็ น การสอนท่ า นเพราะท่ า นคง
ไม่ยอม ท่านไม่อ่านหนังสือนะคะ นอกจากตรวจล็อตเตอรี่ ๒. ความทุกข์ของท่านนั้นมีมาก ยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่ ทำให้ ท่านฉุนเฉียวง่าย ดิฉันอยากให้แม่มีความสุขมากกว่านี้ เป็นห่วงแม่คะ พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา : คุณน่าจะเริ่มต้นด้วยการหาเวลา สนทนาพูดคุยกับท่านบ่อยๆ ในบรรยากาศที่สบายๆ จะได้รู้ว่าท่าน
มีปัญหาอะไรในจิตใจ มองจากภายนอกหรือพูดจากันแบบประเดี๋ยว ประด๋าว ย่อมเป็นการยากที่จะรู้ว่าอะไรทำให้ใจท่านไม่สงบ อันที่จริง เวลาที่ท่านใจไม่สงบ แค่ฟังท่านระบายหรือบ่นออกมา ก็ช่วยได้มากแล้ว ปัญหาของคนแก่เดี๋ยวนี้โดยเฉพาะในเมืองก็คือ ไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่ค่อยมีคนฟัง เพราะลูกๆ ต่างก็ทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ อีกทั้งเพื่อนบ้านก็ไม่ค่อยสนิทสนมด้วย หากคุณมีเวลาฟังท่านบ่อยๆ และรู้ว่าท่านมีปัญหาอะไรในจิตใจ เวลาคุณให้คำแนะนำ ท่านก็จะรับ ได้ง่ายขึ้น เพราะมีความสนิทสนมใกล้ชิดมากขึ้นจากการที่คุณมีเวลา ให้ท่านสม่ำเสมอ นอกจากนั้นคุณควรหาโอกาสพาท่านไปเที่ยวบ้าง ระหว่างเที่ยว ก็หาโอกาสคุยกับท่านบ้าง เวลาที่ลูกให้กับแม่ด้วยความใส่ใจนั้นเป็น ความสุขอย่างหนึ่งที่หาได้ยากในสังคมทุกวันนี้
38
กรมสุขภาพจิตแถลงพบข้อมูลสถิติการให้บริการปรึกษาสายด่วนเลิกพนัน ๑๓๒๓ ของกรมสุ ข ภาพจิ ต ในช่ ว งเดื อ นตุ ล าคม ๒๕๕๖-พฤษภาคม ๒๕๕๗
จำนวน ๒๖๙ ครั้ง พบว่า ร้อยละ ๓๐ เป็นปัญหาพนันบอล ผู้รับบริการอยู่ในช่วง
วั ย รุ่ น ถึ ง วั ย ทำงาน เกื อ บครึ่ ง ของผู้ รั บ บริ ก ารระบุ ว่ า มี ผ ลกระทบต่ อ ครอบครั ว
(ร้อยละ ๔๙.๑๕) รองลงมามีปัญหาหนี้สิน (ร้อยละ ๒๗.๑๑) และส่งผลกระทบต่อ สภาพจิตใจ (ร้อยละ ๒๒.๐๓) ทั้งนี้ ผู้มีปัญหาพนันบอลจะมีความเสี่ยงต่อการเกิด ความเครียด ภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และใช้สารเสพติดสูงกว่าคนทั่วไป ๒-๕ เท่า ยิ่งช่วงแข่งขันฟุตบอลโลกเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ จะยิ่งมีการพนันบอลพุ่งสูงมาก สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า โรคติดพนัน เป็นโรคทางจิต เวชชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยไม่สามารถต่อต้านแรงกระตุ้นหรือความอยากของตนเองที่จะ หมกมุ่นเหมือนกับผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ จนส่งผลเสียต่อชีวิตในด้านต่างๆ ตามมา
โดยสังเกต ๕ พฤติกรรมเสี่ยงของการติดพนันบอล ได้แก่ ๑. เชียร์ทุกคู่แม้ไม่รู้จัก ๒. สุขภาพย่ำแย่ ตั้งตารอคอยจนไม่หลับไม่นอน ๓. รวยผิดปกติ หรือเงินขาดมือ พนันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบทุ่มสุดตัว และไม่สามารถหยุดเล่นได้แม้จะพยายามหยุด
ละ เลิก แล้วก็ตาม ทั้งนี้ อาจทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อหาเงินมาเล่นต่อหรือนำไป
ใช้หนี้ ๔. ฉุนเฉียวง่าย พูดปด ปกปิดเพื่อนหรือครอบครัวเกี่ยวกับการเล่นพนัน หรือ ขอยืมเงินผู้อื่นไปจ่ายหนี้ เกิดปัญหาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ๕. ไม่สนใจการเรียน และการงาน หมกมุ่นอยู่กับการพนันตลอดเวลา เคร่งเครียด พกโพยบอล
39
สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยปี ๒๕๕๔ คนไทยเริ่มใช้เทคโนโลยีตั้งแต่อายุ
๖ ปีขึ้นไป โดยเยาวชนอายุ ๑๕-๒๔ ปีใช้อินเตอร์เน็ตร้อยละ ๕๑.๙ และร้อยละ ๔๒.๒ ใช้โทรศัพท์มือถือเล่นเกม และที่น่าสนใจเยาวชนไทยใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน คอมพิวเตอร์และมือถือสูงถึง ๓.๑ ชั่วโมงต่อวันครองแชมป์อันดับ ๑ ในเอเชีย
การติดอินเตอร์เน็ตติดทั้งสังคมออนไลน์ เกม พนันออนไลน์ ติดเว็บลามก จากการ วิ จั ย เยาวชนที่ ติ ด อิ น เตอร์ เ น็ ต มี ข นาดสมองส่ ว นหน้ า เล็ ก และมี ก ารเชื่ อ มโยงของ
เซลล์ประสาทของสมองส่วนหน้าลดลง ขาดทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ท่าอากาศยานอุบลราชธานีกำลังประสบปัญหาการจุดบั้งไฟเพิ่มขึ้นมากจน
ส่งผลกระทบต่อการบิน เมื่อช่วงวันที่ ๑ ม.ค. - ๑๕ พ.ค.ที่ผ่านมา มีการจุดบั้งไฟ รวม ๙ จังหวัดในภาคอีสาน อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม หนองคาย และบุรีรัมย์ มีถึง ๓๑๔ ครั้ง หรือมีบั้งไฟกว่า ๑๐,๐๕๖ ต้น “สาเหตุที่ปีนี้จุดบั้งไฟเพิ่มมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาแล้งในหลาย พื้นที่ ทำให้ประชาชนทำบังไฟเพื่อขอฝนตามประเพณีความเชื่อโบราณ รวมถึง เป็นการละเล่นประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญ” กรมการบินได้มีการแจ้งข้อมูลข่าวสารอย่าง ต่ อ เนื่ อ ง เพื่ อ หลบเลี่ ย ง ป้ อ งกั น การเกิ ด อุ บั ติ เ หตุ เนื่ อ งในขณะนี้ บั้ ง ไฟพั ฒ นา เทคโนโลยีไปมาก มีขนาดใหญ่ขึ้น พุ่งสูงมากถึง ๙,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ฟุต อาจก่อให้ เกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหายมาก” ยิ่งช่วงใกล้เข้าพรรษา จะยิ่งมีมากขึ้น จึง
เน้นย้ำก่อนยิงทุกครั้งต้องประสานอำเภอ อบต.แจ้งไปยังสนามบินให้รู้ล่วงหน้าอย่างน้อย ๓ วัน มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษตามกฎหมาย 40
เกิ ด คลื่ น อากาศร้ อ นจั ด เป็ น ประวั ติ ก ารณ์ ทั่ ว ทางภาคเหนื อ ของอิ น เดี ย
รัฐอุตตรประเทศ ชาวพื้นเมืองนับพันคนบุกเข้าไปยังโรงจ่ายไฟฟ้าย่อยหลายแห่ง
จับเจ้าหน้าที่หลายคนเป็นตัวประกัน และในที่อื่นๆ พากันวางเพลิงโรงไฟฟ้าย่อยใน เมืองกอนดา และเมืองโคราฆ-บุระ ในรัฐอุตตรประเทศมีสภาพความเป็นอยู่แร้นแค้น ชาวอินเดียพื้นเมืองกว่า ๒๐๐ ล้านคนในแถบนี้ไม่เคยมีไฟฟ้าพอใช้ ตามปกติแล้ว บางพื้นที่มีไฟฟ้าใช้วันละไม่กี่ชั่วโมง แต่อุณหภูมิอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ถึง ๔๗ องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทางการ ต้องตัดการจ่ายไฟโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ซึ่งทำให้พัดลม ปั๊มน้ำ และเครื่อง
ปรับอากาศต้องหยุดทำงาน แพทยสภาของไทยเผยว่า มีผู้ป่วยร้องเรียนแพทย์ในรอบ ๒๐ ปี พุ่ง ๔.๔ พันราย เกินครึ่งเป็นเรื่องรักษาไม่ได้มาตรฐาน ส่วนที่รับการรักษานั้นผู้ป่วยต้องแบกรับ ค่าใช้จ่ายมาก โดยไม่คำนึงทรัพย์สินผู้ป่วย ๒๔๗ ราย แต่เอาผิดแพทย์จริงพัก
ใบอนุญาตแค่ ๑๔ ราย หรือไม่ถึง ๑๐% ชี้มาจากการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่
ผู้ป่วยไม่ทราบค่าใช้จ่าย และแพทย์เองมีการรักษาเกินความจำเป็น ผลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๕ โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ให้เห็นถึงปัญหาโภชนาการของเด็กในประเทศไทยว่า มีเด็ก อายุต่ำกว่า ๕ ขวบถึงร้อยละ ๑๖ ขาดสารอาหารเรื้อรัง คือ มีภาวะเตี้ยแคระแกร็น (ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์) อัตรานี้พบมากที่สุดในภาคอีสาน (๑๘.๙%) รองลงมาคือ
ภาคใต้ (๑๖.๗%) และยังพบด้วยว่าเด็กที่แม่ไม่มีการศึกษาจะประสบปัญหานี้มากกว่า เด็กที่แม่มีการศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงภาวะการขาดโภชนาการที่ดีของเด็กเป็นปัญหา ที่น่าเป็นห่วงยิ่ง เพราะทำให้สมองของเด็กไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ 41
สานรัก สร้างสุข พระไพศาล วิสาโล ๕๖ หน้า ๓๙ บาท
จิตใส ใจสุข โดย พระไพศาล วิสาโล ๘๕ บาท
สุขสุดท้ายที่ปลายทาง ระลึกถึงความตายสบายนัก กรรณจริยา สุขรุ่ง เขียน พระไพศาล วิสาโล ๒๓๖ หน้า ๑๙๐ บาท เขียน/เรียบเรียง ๙๑ หน้า ๔๐ บาท รักษาใจ ให้ไกลทุกข์ (ฉบับปรับปรุง) พระไพศาล วิสาโล เขียน ๒๐ บาท บทเรียนจากผู้จากไป น.พ.เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี และ อโนทัย เจียรสถาวงศ์ บรรณาธิการ น้ำใส ใจเย็น ๑๐๐ หน้า ๑๐๐ บาท พระไพศาล วิสาโล และ ภาวัน ๗๙ บาท
เป็นไทย เป็นพุทธ และเป็นสุข พระไพศาล วิสาโล เขียน ๑๕๒ หน้า ๗๕ บาท
ฝ่าพ้นวิกฤตศีลธรรมด้วยทัศนะใหม่ พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ๘๘ หน้า ๘๐ บาท
ฉลาดทำใจ พระไพศาล วิสาโล เรียบเรียง ๒๐๘ หน้า ๙๙ บาท
- ๓๐ วิธีทำบุญ - สอนลูกทำบุญ - ฉลาดทำใจ - สุขสวนกระแส - ใส่บาตรให้ได้บุญ - ธรรมะในงาน ธรรมะในใจ - คู่มือ การช่วยเหลือผู้ป่วย ระยะสุดท้ายด้วยวิธีแบบพุทธ - เติมเต็มชีวิตด้วยจิตอาสา - ความสุขที่ปลายจมูก - ความสุขที่แท้ - พรวันใหม่ ชีวิตใหม่ - เจอทุกข์ ใจไม่ทุกข์ - อยู่ทุกที่ก็...มีสุข - สังฆทานการเจือจานสังคม
ฉลาดทำบุญ พระชาย วรธมฺโม และ พระไพศาล วิสาโล เรียบเรียง ๑๑๒ หน้า ๖๐ บาท คู่มือสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ฉบับสวนโมกขพลาราม ๘๐ หน้า ๓๕ บาท เผชิญความตายอย่างสงบ เล่ม ๑ : ข้อคิดจากประสบการณ์ พระไพศาล วิสาโล และคณะ เขียน ๒๑๖ หน้า ราคา ๑๒๐ บาท
42
เผชิญความตายอย่างสงบ เล่ม ๒ : ข้อคิดจากประสบการณ์ พระไพศาล วิสาโล และคณะ เขียน ๑๖๐ หน้า ๙๙ บาท เหนือความตาย : จากวิกฤตสู่โอกาส พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ๑๗๖ หน้า ๑๒๐ บาท ความตายในทัศนะของพุทธทาสภิกขุ พระดุษฎี เมธังกุโร, สันต์ หัตถีรัตน์ และคณะ ๙๗ หน้า ๗๐ บาท ธรรมะสำหรับผู้ป่วย พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ๑๒๘ หน้า ๑๐๐ บาท จิตเบิกบานงานสัมฤทธิ์ พระไพศาล วิสาโล เขียน/เรียบเรียง ๘๐ หน้า ๕๙ บาท
เล่มละ ๑๕ บาท (จัดส่งฟรี) ซีดี MP3 ชุดเผชิญความตายอย่างสงบ ชุดที่ ๑ ดีวีดี เรื่องสู่ความสงบที่ปลายทาง แผ่นละ ๕๐ บาท (มี ๖ แผ่น) แผ่นละ ๒๐ บาท
พิเศษ เฉพาะสมาชิกพุทธิกา จะได้ลด ๓๐% ยกเว้นหนังสือฉบับพกพา และซีดี / ดีวีดี (การสมัครเป็นสมาชิก ดูในหน้าใบสมัคร) สั่งซื้อโดยโอนเงินเข้าบัญชี เครือข่ายชาวพุทธเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาอรุณอมรินทร์ เลขที่ ๑๕๗-๑-๑๗๐๗๔-๓ ประเภทออมทรัพ43 ย์ ส่งหลักฐานไปที่เครือข่ายพุทธิกา หรือสั่งจ่ายธนาณัติในนาม น.ส.มณี ศรีเพียงจันทร์ ปณ.ศิริราช ๑๐๗๐๒
ใบสมัคร/ต่ออายุสมาชิกพุทธิกา
หรือดาวโหลดใบสมัครได้ที่ www.budnet.org
เครือข่ายพุทธิกา
เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม ชื่อผู้สมัคร................................................................................. นามสกุล............................................................................................. เพศ................................................................. อายุ.................. อาชีพ..................................................................................................... ที่อยู่จัดส่ง.......................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
รหัสไปรษณีย์..........................................
โทรศัพท์....................................................... โทรสาร....................................................... อีเมล...................................................... ระยะเวลา...............ปี (ปีละ ๑๐๐ บาท จำนวน ๔ เล่ม) เริ่มตั้งแต่ฉบับที่........................................ ประเภทสมาชิก
สมัครใหม่
สมาชิกเก่า (หมายเลขสมาชิก...........................)
หรือ อุปถัมภ์พระ/แม่ชี/โรงเรียน ระยะเวลา...............ปี สถานที่จัดส่ง..................................................... รหัสไปรษณีย.์ ........................................
.........................................................................................................................................................
โทรศัพท์................................................................................ รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น............................................บาท โดย ธนาณัติ ตั๋วแลกเงิน เช็ค เงินสด โอนเข้าบัญชีธนาคาร สั่งจ่ายในนาม นางสาวนงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์ (ปณ.ศิริราช ๑๐๗๐๒) เช็คต่างจังหวัดเพิ่มอีก ๑๐ บาท หรือโอนเข้าบัญชี นางสาวนงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เลขที่ ๔๖๓-๑-๒๓๑๑๒-๑ ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช เลขที่ ๐๑๖-๔๓๓๙๖๙-๒ ประเภทออมทรัพย์ โปรดส่งหลักฐานการโอนพร้อมใบสมัครและจ่าหน้าซอง สมาชิกพุทธิกา ๔๕/๔ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๙ (เหล่าลดา) ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ หรือโทรสาร ๐-๒๘๘๒-๕๐๔๓ ติดต่อโทร : ๐-๒๘๘๒-๔๓๘๗, ๐-๒๘๘๒-๔๙๕๒, ๐-๒๘๘๖-๐๘๖๓ 44
การรักษาพระศาสนาให้ยั่งยืนนั้นมิใช่เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่งหรือบุคคล กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งมิใช่เป็นความรับผิดชอบที่จำกัดอยู่กับพระสงฆ์หรือ รัฐบาลเท่านั้น หากเป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคนและเป็นความรับผิดชอบที่พระ-
พุ ท ธองค์ ท รงมอบให้ แ ก่ พุ ท ธบริ ษั ท ทั้ ง หลาย ดั ง นั้ น เมื่ อ ถึ ง คราวที่ พุ ท ธศาสนา ประสบวิกฤต จึงควรที่ชาวพุทธทุกคนจะร่วมมืออย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อ ฟื้นฟูพุทธศาสนาให้เจริญงอกงามและกลับมามีความหมายต่อสังคมไทย รวมทั้ง ยังประโยชน์แก่สังคมโลก ด้วยเหตุนี้ “เครือข่ายพุทธิกา” จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการมีองค์กร ประสานงานในภาคประชาชน สำหรับการเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการฟื้นฟูพุทธศาสนา อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เครือข่ายพุทธิกา ประกอบด้วยองค์กรสมาชิก ๙ องค์กร ได้แก่ มูลนิธิ โกมลคีมทอง, มูลนิธิเด็ก, มูลนิธิพุทธธรรม, มูลนิธิสุขภาพไทย, มูลนิธิสานแสงอรุณ, มูลนิธิสายใยแผ่นดิน, เสมสิกขาลัย, มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ และเสขิยธรรม แนวทางการดำเนินงาน ที่สำคัญคือการส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งในระดับ บุคคล และสังคม หลักธรรมสำคัญเรื่องหนึ่งคือ “บุญ” บ่อยครั้งการทำบุญใน ปัจจุบันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ทั้งๆ ที่หลักธรรมข้อนี้นำมาใช้ในการ สร้างสรรค์ชีวิตและสังคมที่ดีงาม จึงผลิตโครงการฉลาดทำบุญ และโครงการ เผชิญความตายอย่างสงบ จัดเป็นกิจกรรมและมีงานเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง สถานที่ติดต่อ เครือข่ายพุทธิกา ๔๕/๔ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๙ (เหล่าลดา) ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๘๘๒-๔๓๘๗, ๐-๒๘๘๒-๔๙๕๒, ๐-๒๘๘๖-๐๘๖๓ โทรสาร ๐-๒๘๘๒-๕๐๔๓ อีเมล์ b_netmail@yahoo.com • http://www.budnet.org . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ก า ร ฟื้ น ฟู พุ ท ธ ศ า ส น า ป ร ะ ช า ช น ต้ อ ง มี ส่ ว น ร่ ว ม 45
จดหมายข่าวพุทธิกา ๔๕/๔ ซ.อรุณอมรินทร์ ๓๙ (เหล่าลดา) ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๘๘๒-๔๓๘๗, ๐-๒๘๘๒-๔๙๕๒, ๐-๒๘๘๖-๐๘๖๓
จดหมายข่าวฉบับ พุทธิกา ๏ จัดทำโดย เครือข่ายพุทธิกา ๏ สาราณียกร พระไพศาล วิสาโล ๏ กองสาราณียกร นงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์, มณี ศรีเพียงจันทร์, พรทิพย์ ฝนหว่านไฟ, ณพร นัยสันทัด, อมรรัตน์ พุฒเจริญ ๏ ปก สรรค์ภพ ตรงศีลสัตย์ : รูปเล่ม น้ำมนต์ ๏ อัตราค่าสมาชิก ปีละ ๑๐๐ บาท จำนวน ๔ ฉบับ วิธีสั่งจ่ายหรือโอนเงินดูในใบสมัครภายในเล่ม
กรุณาส่ง
สิ่งตีพิมพ์
๏ บุคคลหรือองค์กรใดสนใจจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ “ฉลาดทำบุญ” เพื่อแจกจ่ายแก่วัด ห้องสมุด
โรงเรียน เด็กและเยาวชน หรือในงานสาธารณกุศลอื่นๆ ผู้จัดพิมพ์ยินดีดำเนินการจัดพิมพ์ ให้ ใน
ราคาทุน หรือกรณีสั่งซื้อจำนวนมากตั้งแต่ ๑๐๐ เล่มขึ้นไปลด ๓๐% ๒๐๐ เล่มขึ้นไปลด ๓๕%
โปรดติดต่อเครือข่ายพุทธิกา ๏ เครือข่ายพุทธิกามีโครงการที่น่าสนใจ : ฉลาดทำบุญด้วยจิตอาสา, เผชิญความตายอย่างสงบ, ศิลปเพื่อชีวิตและอิสรภาพของคนรุ่นใหม่ (ป่วน), สายด่วน ๐๘๖-๐๐๒๒-๓๐๒ ให้คำปรึกษาทางใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย ฯลฯ ๏ สมัครสมาชิกพุทธิกา ๑๐๐ บาท ได้รับ • จดหมายข่าวพุทธิกา รายสามเดือน ๑ ปี ๔ ฉบับ • ซือ้ หนังสือเครือข่ายพุทธิกาลดทันที ๓๐ % • ซื้อหนังสือสำนักพิมพ์อื่น ลด ๑๐ % (เฉพาะที่เครือข่ายพุทธิกา) • พิเศษ สมัครสมาชิก ๒ ปี รับฟรีหนังสือ ๒ เล่ม เขียนโดยพระไพศาล