ฉบับที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555
M e d l e u d d a n g
J o u r n a l
(21th February 2012)
ปกหน้า Young Blood
>> “ภาพ” บอกอะไรได้ “มากกว่า” ที่คุณคิด >> รัฐบาลใหม่กับนโยบายยกเลิกกองทุนน�้ำมัน >> การเมื่องเรื่องการเลือกตั้ง: มุมมองจากภูมิศาสตร์ และการค�ำนวณ >> อาหารแปลก แยกวัฒนธรรม
เจาะเลือด >> คุณคิดว่าคุณเหมือนภาพอะไร? ไส้ติ่ง >> ผีเข้า
เติมหัวใจไปรอบโลก เบื้องหลัง บัลลังก์ ผู้น�ำคนใหม่ <<
วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง ข้างหลังภาพ << สิงห์หนังสือ
อะไรคือประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง? <<
สิงห์ลงพุง
ร้าน “บ้านสวนพุด” <<
Editor Talk ภาพนั้นนับว่าเป็นตัวกลางที่ส�ำคัญอย่างหนึ่งของการสื่อสารระหว่างบุคคล หากไร้ซึ่งผู้สร้างสัญญะแห่งภาพและผู้ดูที่เข้าใจสัญญะแห่งภาพก็เท่ากับว่าภาพ นั้นไม่สามารถท�ำหน้าที่ของมันได้จนเสร็จ การจะเป็นนักสร้างภาพที่ดีได้จึงจ�ำต้อง เคยเป็นนักดูที่เข้าใจสัญญะแห่งภาพประเภทต่างๆมาอย่างโชกโชนจนสามารถ น�ำเอาสัญญะเหล่านั้นมาประกอบเป็นภาพของเราเองได้อย่างเหมาะสมตามแต่ สถานการณ์ สารและ ผู้ดูภาพ จงอย่ามุ่งสร้างภาพโดยไม่ได้เข้าใจธรรมชาติและ การท�ำงานของมันหรือสร้างเพียงตามใจตนเข้าใจแต่ผู้เดียวโดยไม่เห็นเงาหัวคนดู ภาพว่าเขาเข้าใจสัญญะที่เราจะสื่อหรือไม่ เพราะภาพที่ดีแค่ไหนถ้าดูไม่รู้เรื่องมันก็ สื่ออะไรไม่ได้ทั้งความหมายและคุณค่าทางศิลปะ กองบรรณาธิการ วารสารเม็ดเลือดแดง
สารบัญ
ฉบับที่ ๒๑ : นัก...สร้าง(ภาพ) (กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔)
Young Blood: รัฐบาลใหม่กับนโยบายยกเลิกกองทุน น�้ำมัน.................................................................3 Young Blood: ภาพบอกอะไรได้ “มากกว่า” ที่ คุณคิด................................................................6 ขีดๆ เขียนๆ.....................................................9 เติมหัวใจไปรอบโลก: เบื้องหลัง บัลลังก์ ผู้น�ำคนใหม่................................................................12 วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง : ข้างหลังภาพ......................................................15 Young Blood: การเมืองเรื่องการเลือกตั้ง: มุมมองจากภูมิศาสตร์และการค�ำนวณ.....................17 เจาะเลือด.......................................................21 Young Blood: อีกด้านหนึ่งของ ความทุกข์.........................................................24 กวีกระวาท......................................................26 ไส้ติ่ง: ผีเข้า.....................................................27 สิงห์ลงพุง: ร้านบ้านสวนพุด................................29 จิบชา: ภาพลวงตา..........................................30 ประกันคุณภาพทางการศึกษา: PDCA เครื่องมือในการจัดการคุณภาพ..............................31 กาลครั้งหนึ่ง....................................................40 Young Blood: อาหารแปลก แยกวัฒนธรรม.................................41 สิงห์หนังสือ: อะไรคือประวัติศาสตร์ที่ เพิ่งสร้าง?..........................................................45
THE PRODUCERS อ�ำนวยการผลิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรณาธิการบริหาร
เทียนธวัช ศรีใจงาม(เทียน)
กองบรรณาธิการ
มารุต ศูนย์ตรง(บาส) วริษา อินทรัตน์(พัศร์)
คอลัมนิสต์
กมลรัตน์ สาครแสง(เก๋) เกรียงไกร ไชยหาญ(หลุยส์) จิรพงษ์ คูณขาว(แชมป์) ชนิดา ใจวิเสน(หนูแดง) ฐพงศ์ สุนทรวรวัฒนา(หยู) ธนิก วิไลลักษณ์(นิก) มารุต ศูนย์ตรง(บาส) รานี ปานเดย์(เดียร์) ลีลา วรวุฒิสุนทร(แคร์) แววตา ศิริพัฒนานันทกูร(แวว) สิริพงศ์ นฤดีสมบัติ(ป๊อก)
ภาพปก
ศิลปกรรม
ชณจง ศานติตานนท์(เพชร)
ชณจง ศานติตานนท์(เพชร) ศุภัสสร อมรปิยพฤกษ์(อิ๋ง)
ติดต่อ
โทรศัพท์: 089-056-4402(เทียน) อีเมล: jc_singhadang@hotmail.com เว็บไซต์: facebook.com/กลุ่มข้อมูลข่าวสารและ วารสารคณะรัฐศาสตร์ มธ. (เม็ดเลือดแดง) rพิมพ์ที่: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Medleuddang
กับ นโยบายยกเลิกกองทุนน�้ำมัน กมลรัตน์ สาครแสง คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2554 เป็นวันปราศรัยหาเสียงใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ที่สนามรา ชมังคลากีฬาสถาน ก่อนจะก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศ นโยบายยกเลิกกองทุนน�ำ้ มัน เพื่อที่จะลดราคาน�้ำมันเบนซิน และดีเซลลง ซึ่งก็มีประชาชน ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางชอบอกชอบใจ ที่ราคาน�้ำมัน จะลดลง โดยไม่ทันได้คิดถึงผลที่จะตามมาในอนาคตข้างหน้าว่า หากยกเลิกกองทุน จะเกิด อะไรขึ้นบ้างกับภาคเศรษฐกิจของไทย กองทุนน�ำ้ มันนั้น อยู่ในความดูแลของส�ำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ถูกใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการควบคุมราคาน�้ำมัน ท�ำให้ราคา น�้ำมันไม่ให้ขึ้นสูงตามราคาตลาดโลก เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเดือด ร้อนของประชาชนน้อยที่สุด โดยเมื่อราคาน�้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลจะน�ำเงิน ในกองทุน ออกมาจ่ายชดเชยแทนประชาชน ผลก็คือ ประชาชนจะได้ใช้น�้ำมันในราคาที่ถูก กว่าราคาที่เป็นจริงในตลาดโลก เช่น ราคาจริงๆของน�้ำมันดีเซลในตลาดโลกเป็น 30 บาท ต่อลิตร แต่รัฐบาลก�ำหนดนโยบายไว้ว่าจะช่วยชดเชยราคาดีเซล 5 บาทต่อลิตร ดังนั้น ประชาชนก็จะเสียค่าน�ำ้ มันในราคาเพียง 25 บาท โดยรายรับของกองทุน ที่จะน�ำมาจ่าย ชดเชยแทนประชาชนนี้ จะมาจากการน�ำเงินส่งเข้ากองทุนเมื่อราคาน�้ำมันในตลาดโลกปรับ ตัวลดลง คือ เวลาน�้ำมันในตลาดโลกมีราคาลดลง รัฐบาลจะไม่ได้ปล่อยราคาให้ประชาชน ได้ซื้อน�้ำมันในราคาที่ถูกลงตามตลาดโลก แต่ประชาชนจะต้องซื้อในราคาปกติตามนโยบาย ของรัฐบาล แล้วที่รัฐบาลจะได้น�ำเงินส่วนเกินนี้ ไปเข้ากองทุน เพื่อน�ำไปช่วยชดเชยราคา ยามที่น�้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนจะเปลี่ยนแปลงไป เรื่อยๆตามที่นโยบายของกระทรวงพลังงานและรัฐบาลก�ำหนด ในปัจจุบัน มีอัตราการเก็บ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
รัฐบาลใหม่
3
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
4
เม็ดเลือดแดง เงินเข้ากองทุนดังนี้ คือ เบนซิน 95 เรียกเก็บ 7.5 บาทต่อลิตร,เบนซิน 91 เรียกเก็บ 6.7 บาทต่อลิตร,ดีเซล เรียกเก็บ 1.80 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95-E10 เรียกเก็บ 2.40 บาท ต่อลิตร,แก๊สโซฮอล์ 91-E10 เรียกเก็บ 10 สตางค์ต่อลิตร ทางด้านรายจ่าย กองทุนก็มีภาระที่จะต้องช่วยชดเชยราคาแก๊ส LPG ,NGV ,โซ ฮอล์ 95-E20 และ 95-E85 เพื่อให้ประชาชนได้จ่ายในราคาที่ถูกลง สาเหตุที่ภาครัฐต้อง ช่วยราคาแก๊สพวกนี้โดยเฉพาะ LPG ก็เพราะ LPG เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า แก๊สหุงต้ม ซึ่งก็คือแก๊สในถังแก๊สที่เราใช้กันอยู่ในทุกๆวันนี้ มันเป็นสิ่งจ�ำเป็นที่ต้องใช้ ทุกครัวเรือน ต้องบริโภคอาหาร ต้องท�ำกับข้าว หากว่าประชาชนต้องเสียเงินไปกับการซื้อแก๊สหุงต้มใน ราคาแพง ย่อมเดือดร้อนแน่นอน อีกก๊าซส�ำคัญที่รัฐบาลต้องช่วยชดเชยราคา คือ NGV มีชื่อสากลว่า CNG เป็น แก๊สธรรมชาติอัด ใช้เป็นเชื้อเพลิงส�ำหรับรถยนต์ ปัจจุบัน รถ ประจ�ำทางของ ขสมก. ได้น�ำก๊าซนี้มาใช้เป็นจ�ำนวนมาก ส่วนก๊าซโซฮอล์ ก็เป็นก๊าซที่ผู้ใช้ มีสัดส่วนถึง 65% ของผู้ใช้รถทั้งหมด มีคุณภาพพอๆกับเบนซิน ซึ่งรัฐบาลก�ำลังส่งเสริม นโยบายการโซฮอล์ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน แทนการใช้น�้ำมันซึ่งเป็นพลังงานที่มีวันหมด เมื่อลอง หักลบกลบหนี้รายรับรายจ่ายแล้ว จะพบว่า เดือนๆนึง เราจะมีเงินไหลเข้ากองทุน ประมาณเดือนละ 1,500 ล้านบาท แต่เงินตรงส่วนนี้อาจจะลดลง ถ้าราคาน�ำ้ มันโลกปรับ ตัวสูงขึ้น และดูเหมือนว่า โอกาสที่ราคาน�้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีสูงมาก เพราะความต้องการใช้นำ�้ มัน(อุปสงค์)มีมากกว่าความต้องการขาย (อุปทาน) และที่ส�ำคัญ ยิ่งคือ น�้ำมันนั้นมีวันหมด ทุกวันนี้ ปริมาณน�้ำมันที่หลงเหลืออยู่ ก็น้อยเต็มที นอกจากนี้ยัง เป็นเรื่องของการผูกขาดตลาดน�้ำมันโลกโดยกลุ่มประเทศ OPEC ที่สามารถควบคุมการ ผลิต เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หาก OPEC จะลดปริมาณการผลิตน�้ำมันให้น้อยลง เพื่อกดดันให้ราคาน�้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตามที่ ต้องการ ดังนั้นนโยบายยกเลิกกองทุนน�้ำมันของรัฐบาลใหม่ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็น อย่างยิ่ง ว่าถ้าหากเราไม่มีกองทุนน�้ำมันคอยท�ำให้เกิดเสถียรภาพทางราคาแล้ว จะเกิด อะไรขึ้น? สิ่งแรกที่ตามมา ก็คงจะเป็นเรื่องการขึ้นราคาของก๊าซ LPG ,NGV เนื่องจาก ในปัจจุบันนี้ กองทุนน�้ำมันมีภาระที่ช่วยชดเชยก๊าซทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ ซึ่งคนที่จะได้รับผลก ระทบมากที่สุดก็คือภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง ที่จะต้องเสียเงินค่าก๊าซหุงต้ม กับ NGVในราคาที่สูงขึ้นมาก ปัจจุบัน กองทุนได้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้มประมาณ 19 บาทต่อ กิโลกรัม หากยกเลิก จะท�ำให้ราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นทันที เท่ากับเราต้องซื้อแก๊สหุงต้ม ถังละ 575 บาท จากราคาปัจจุบันถังละ 290 บาท และแน่นอน เมื่อภาคครัวเรือนได้รับ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
5 Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ความเดือดร้อน ภาคการผลิตอื่นๆ ก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วยกัน เพราะคนท�ำงาน ก็ ต้องบริโภคอาหาร เมื่อก๊าซหุงต้มขึ้นราคา แม่ค้าขายอาหารก็ต้องขายของแพงขึ้น คน ท�ำงานก็ต้องการเงินมากขึ้นในการด�ำรงชีวิต ไหนจะค่าโดยสารที่ต้องเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจาก NGV ก็ขึ้นราคา และอีกปัญหาใหญ่อีกปัญหา คือ ราคาน�้ำมันเบนซินและดีเซลจะลดลงทันที เพราะทุกวันนี้กองทุนเรียกเก็บเงินจากน�้ำมันสองชนิดนี้อยู่ ในขณะที่ราคาก๊าซโซฮอล์ 95-E20 ,95-E85 เพิ่มขึ้น ผลที่จะเกิดขึ้นคือ ราคาก๊าซโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นจะมีราคาใกล้เคียง กับเบนซินดีเซลที่ลดลงมา ประชาชนก็จะพากันหันไปใช้น�้ำมันเบนซิน อย่างไม่บันยะบันยัง น�้ำมันเบนซินซึ่งเป็นพลังงานที่มีวันหมด ก็จะถูกเผาผลาญมากขึ้น ขัดแย้งกับนโยบายส่ง เสริมการใช้พลังงานทดแทน เกิดปัญหาทางด้านพลังงานต่อมา แต่หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ประกาศยกเลิกกองทุนน�้ำมัน ปัญหาก็ได้เกิดขึ้นแล้ว คือ ราคาก๊าซ NGV ได้ปรับขึ้นจากเดิมราคา NGV 8.5 บาท เพิ่มขึ้นเดือนละ 50 ส.ต./กก. และจะทยอยปรับขึ้นสูงสุดเป็น 14.5 บาท/กก.ภายในสิ้นปี 2555 เมื่อรัฐบาลท�ำการปรับ ราคา NGV รวมถึงราคา LPG แล้วสถานะการเงินของกองทุนน�้ำมันคงจะดีขึ้น ดังนั้น รัฐ ควรชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน�้ำมันในส่วนของน�ำ้ มันดีเซล เพื่อชะลอการปรับราคาค่า ขนส่งและค่าโดยสารของผู้ประกอบการในช่วงที่ราคาน�้ำมันโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น และควร ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน�้ำมันในส่วนของแก๊สโซฮอล์ เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลให้ มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและมันส�ำปะหลังได้อีกทาง
นัก...สร้าง(ภาพ)
เม็ดเลือดแดง
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
6
ภาพบอกอะไรได้
“มากกว่า” ที่คุณคิด
ฐพงษ์ สุนทรวรวัฒนา คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ
“ภาพถ่ายคืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก”
Eddie Adams นักข่าวรางวัล Pulitzer Prize
เพราะภาพนั้นสามารถสื่ออะไรได้หลายอย่างมากกว่าค�ำพูดหรือตัวอักษร ใน ขณะเดียวกัน หลายครั้งที่เราดูภาพเราสามารถบอกอะไรได้หลายอย่างจากภาพนั้นด้วย ส�ำหรับนักศึกษารัฐศาสตร์ซึ่งจ�ำเป็นต้องติดตามข่าวสารบ้านเมือง ทุกครั้งที่เราดูข่าว เราก็ มักจะต้องการดูภาพด้วย ในที่นี้ผู้เขียนจึงขอน�ำเสนอภาพถ่ายบางภาพที่สื่อถึงความหมาย ทางสังคมและให้อารมณ์ความรู้สึกได้ดี
Uganda 1980
ผู้ถ่าย : Mike Wells
คาดว่าคงเคยเห็นภาพนี้จาก อินเตอร์เน็ต นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ว่า “ภาพ” บอกอะไรได้มากกว่าที่เรา คิด เป็นภาพมิชชันนารีก�ำลังประคอง มือของเด็กน้อยชาวอูกันดา แสดงออกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างมนุษย์ 2 คน ที่ได้รับทรัพยากรที่แตกต่างกัน ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว และด้อยพัฒนา ช่างภาพ Mike Wells ถ่ายภาพนี้เพื่อแสดงถึงภาวะการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในทวีปแอฟริกา เขาถ่ายภาพนี้เสนอนิตยสาร โดยไม่ได้รับการตีพิมพ์ถึง 5 เดือน ท�ำให้เขาต้องเข้าไปเจรจา กับส�ำนักพิมพ์ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถน�ำภาพเด็กอดอยากภาพนี้ลงใน
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
Flight of Refugees across Wrecked Bridge in Korea
ผู้ถ่าย : Max Desfor
ภาพนี้ถูกถ่ายในช่วงสงครามเกาหลี โดย ในช่วงที่กองทัพจีนบุกเข้าคาบสมุทรเกาหลีเพื่อ ตอบโต้กองทัพสหรัฐอเมริกาจากการเคลื่อนทัพเข้า ใกล้พรมแดนของจีนจนต้องล่าถอยกลับลงไปทาง ใต้ โดยนาย Max Desfor เองก็นั่งรถมุ่งลงไปทางใต้ ด้วย ระหว่างข้ามแม่น�้ำ Taedong ซึ่งเต็มไปด้วยน�้ำ แข็งเนื่องจากใกล้เข้าฤดูหนาว เขาเห็นชาวเกาหลี นับพันคนก�ำลังอพยพไต่ข้ามโครงสะพานที่ถูกท�ำลายลงไปทางฝั่งแม่น�้ำทางใต้อย่างน่า หวาดเสียว ภาพนี้ได้รับรางวัล Pulitzer Prize for Photography ปี 1951 และเมื่อปี 2010 ที่ ผ่านมานี้เอง Max Desfor ได้กลับไปเยือนเกาหลีอีกครั้ง (คาดว่าน่าจะเป็นเกาหลีใต้) เพื่อ ร่วมงานครบรอบ60ปีสงครามเกาหลี เขาได้ให้ความเห็นว่า “ผมอยากถามว่าท�ำไมพากเขา ต้องฉลองการเริ่มต้นของสงคราม แน่นอน มันเป็นเพราะมันไม่เคยจบสิ้นและจะด�ำเนินต่อ ไป” ส่วนเหตุผลที่เลือกภาพนี้ก็ไม่มีอะไรมากคือดูภาพเกี่ยวกับการแบ่งแยกประเทศเกาหลี แล้วนึกถึงบางประเทศ ??? เท่านั้นแหละครับ
Vulture Stalking a Child
ผู้ถ่าย : Kevin Carter
นี่ถือว่าเป็นภาพที่โด่งดังที่สุด ภาพหนึ่ง และภาพนี้ได้รับรางวัลรางวัล Pulitzer Prize for Feature Photography ปี1994 ในภาพ เด็กน้อยชาวซูดานก�ำลัง เดินทางเพื่อหาอาหารและน�้ำจากความช่วยเหลือของ UN ที่ห่างไกลออกไป โดยที่ก�ำลังถูก นกแร้งย่องเข้ามาใกล้เพื่อต้องการกินตัวเด็กเป็นอาหาร (เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงข้าวที่เราเททิ้ง ไป) Kevin Carter ใช้เวลาถึง 20 นาที กว่าจะถ่ายภาพได้แน่นอน แม้ภาพนี้ได้รับรางวัล แต่
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
นิตยสารได้
7
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
8
เม็ดเลือดแดง ก็ย่อมมีค�ำวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเขาช่วยชีวิตเด็กคนนั้นหรือไม่ (ยังหาค�ำตอบได้ไม่ ชัดเจนนัก)และต่อมาหลังจากถ่ายภาพได้ 3 เดือน Kevin Carter ก็ฆ่าตัวตาย คนก็พากัน คาดว่าเพราะเด็กในภาพหลังจากนั้นได้ตายลงโดยที่เขาไม่ได้ช่วย เขาจึงฆ่าตัวตายเพื่อหนี จากฝันร้าย และการที่ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ (ซูดานมีสงครามกลางเมืองยาวนานจน เกิดภาวะอดอยาก ระหว่างที่ปั่นบทความนี้ ประชาชนซูดานใต้ลงประชามติแยกประเทศ เป็นสาธารณรัฐซูดานใต้แล้ว)
The Terror of War
ผู้ถ่าย : HuỳnhCôngÚt(Nick Ut) ภาพนี้ได้รับรางวัล Pulitzer Prize for Spot News Photography ปี 1973
หลายคนคงเคยเห็นแล้ว ถือ เป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาภาพ เกี่ยวกับสงครามเวียดนามและแสดงถึง ความโหดร้ายของสงครามได้ดีในภาพเด็กผู้หญิงชื่อ PhanThị Kim Phúc วิ่งหนีออกจาก หมู่บ้าน Trang Bang ในสภาพเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกเพลิงเผาไหม้จากการทิ้งระเบิด Napalm (ระเบิดเพลิงชนิดหนึ่ง) เธอต้องเข้ารักษาแผลไฟไหม้อยู่นานถึง 14 เดือน หลังจาก โต้เถียงอย่างรุนแรงกับส�ำนักข่าวAPภาพนี้ก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกจนเกิดการตั้งค�ำถามต่อ การท�ำสงครามเวียดนาม หลายปีต่อมาเธอได้พบกับนักบินที่เคยปฏิบัติภารกิจในสงครามเวียดนามซึ่งกลาย เป็นศาสนจารย์ประจ�ำโบสถ์แห่งหนึ่งไปแล้วเขาได้ขอโทษเธอ และเธอก็ให้อภัยเขาเช่น กัน ปัจจุบันเธอยังมีชีวิตอยู่อย่างสงบกับลูก 2 คนที่ออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ทั้งได้รับ ต�ำแหน่งทูตสันติภาพในปี 1997 และถูกเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ อยู่เสมอ น่าเสียดายที่เนื้อที่กระดาษคงไม่พอเสียแล้ว จึงเล่าเรื่องแต่ละภาพได้ไม่ละเอียด นัก และคงต้องจบบทความไว้ตรงนี้ นี่เป็นการเขียนบทความลงเม็ดเลือดแดงครั้งแรก ถ้ามี ข้อบกพร่องต้องขออภัยไว้ด้วย และจะพยายามแก้ไขปรับปรุงต่อไป สุดท้าย ผู้เขียนขอแสดงความยินดีกับพี่บัณฑิตทุกคนซึ่งจบการศึกษาแล้ว ขอให้ นักการเมืองไทยเลิกสร้างภาพหลอกชาวบ้าน ขอให้ภาพที่ผู้เขียนน�ำเสนอข้างต้นไม่เกิดขึ้น อีก วันนี้และวันหน้าขอให้ทุกคนสร้างสรรค์ให้โลกนี้มีแต่ภาพที่สวยงามครับ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
นับแต่นี้ไปผมจะน�ำเสนอแบบฉบับขีดๆ เขียนๆให้อ่านกันครับ เริ่มแรกกับค�ำว่าพลอยหุงก่อน ก.กระดานชนวน ดีกว่า ใครจะรู้บ้างหรือไม่ว่าพลอยแท้ พลอยเทียมนั้นเขาส่องดูกันอย่างไรบ้าง ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบหรอกครับ แต่เท่าที่ สวัสดีท่านผู้อ่านเม็ดเลือดแดง รู้ว่าพลอยแท้ตามธรรมชาตินั้นจะต้องมี ที่รักยิ่งทุกท่าน วันนี้ผมและคุณได้มาพบ ร้อยร้าวอยู่ในตัวเสมอๆ ส่วนส�ำนวนที่ว่า กันบนเส้นทางการสื่อสารที่จ�ำกัดเนื้อที่ พลอยหุงนั้น มีที่มาที่ไปพบได้ในวรรณคดี แต่ไม่จ�ำกัดความคิดและจินตนาการ ด้วย ไทยเรื่องเด่นเรื่องดังชิงรักหักสวาทผสม คอลัมน์นี้เป็นคอลัมน์น้องใหม่ที่เพิ่งจะ ภูตผีโหงพรายตายท้องกลมอย่างเรื่อง ท�ำคลอดออกมาในเม็ดเลือดแดงฉบับ ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ขุนแผนต่อว่านาง “นัก...สร้าง(ภาพ)” นี้ แต่ไม่ได้หมายความ วันทองว่า ว่าชาวคณะเม็ดเลือดแดงจะกลายเป็นคน “เมื่อแรกเชื่อว่าเป็นเนื้อทับทิมแท้ สร้างภาพไปเสียนะ ความจริงแล้วชาวเรา มาแปรเป็นพลอยหุงไปเสียได้ นั้นออกจะเป็นนักสร้างผลงานเขียนดีๆ กาลวงว่าหงส์ให้ปลงใจ ออกมาให้อ่านกันยกเว้นผมก็เป็นได้ ด้วยมิได้ดูหงอนแต่ก่อนมา เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ หลังจาก คิดว่าหงส์จึงได้หลงด้วยลายย้อม แนะน�ำทักทายและเล่นหัวกันไปแล้ว วัน ช่างแปลงปลอมท่วงทีดีนักหนา นี้คอลัมน์ขีดๆ เขียนๆ ก็มีเรื่องราวที่ชวน พอลับถิ่นมุจรินทร์ก็คลาดคลา อ่านมาน�ำเสนอให้อ่านกันบ้าง เดี๋ยวจะ พอลับตาฝูงหงส์ก็ลงโคลน” กลายเป็นไม่มีสาระไป ทั้งนี้ในบทประพันธ์คนโบราณ เริ่มที่ว่าคุณผู้อ่านทั้งหลายเคย ก็ได้กล่าวถึง “พลอยหุง” ไว้ในแง่ของ รู้จัก หรือได้ยิน ได้ฟัง หรือพูดส�ำนวน ที่ไม่สู้จะดีเท่า พลอยแท้ ซึ่งตรงนี้เรา แปลกๆ อย่างเช่น ของย้อมแมว ของโปเก ต้องมาท�ำความเข้าใจกันหน่อยนะครับ หรืออย่างค�ำว่า พลอยหุง และ ก�ำมะลอ ว่าแต่เดิมนั้นพลอยที่เราหากันได้มานั้น บ้างไหมครับ ซึ่งหลายๆคนที่อ่านอาจจะ เป็นพลอยที่มีสีสันสดใสตามธรรมชาติ ก�ำลังนึกว่าอ้อ อันนี้เราเคยพูด หรือได้ยิน มีปริมาณน้อย จนเมื่อภายหลังได้มีการ ที่ไหนมาก่อนแล้วน้า อย่าไปใส่ใจเลยครับ คิดค้นเทคนิคการเผา
9
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
10
เม็ดเลือดแดง ภาษาโบราณ เรียกว่า “หุง” เหมือนกับการหุงกระจก ก็คือการเอา ไปเผาไฟให้มีสีสันสดใสมากขึ้น และอาจ เติมสารเคมีเพิ่มลงไปเพื่อเพิ่มคุณสมบัติ ให้สวยงามอีก ท�ำให้ปริมาณพลอยใน ตลาดนั้นมีมากขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นพลอยเทียมแต่ อย่างใด แต่ในทางตรงข้าม คุณค่าในตัว ของพลอยเองนั้นเล่าที่คนโบราณนับถือ ว่า ทับทิม (พลอยสีแดง) มีค่ามากที่สุด นั้น เทียบกับพลอยที่หุงมานั้นเป็นคนละ ชั้นกันโดยสิ้นเชิง จบเรื่องพลอยหุงแล้วเรามาโม้ กันต่อที่เรื่องของค�ำว่า ก�ำมะลอ อันค�ำ ว่าก�ำมะลอนี้แต่เดิมนั้นใช้เรียกงานวิจิตร ศิลป์แบบหนึ่งที่มีมาแต่สมัยอยุธยา โดย เป็นการรับอิทธิพลจากจีนอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นการผสมสีฝุ่นและน�ำ้ ยางรัก เขียน ลงบนตู้ โต๊ะ ตั่ง ฉากกั้น ประตู หน้าต่าง การผสมสีแบบนี้จะท�ำให้สีที่ ออกมามีลักษณะที่แปลกแตกต่างกว่า งานเขียนสีทั่วไปคือจะมีสีที่ดูซีดจางกว่า และเขียนลงบนพื้นด�ำ แต่พอมาตอน หลังๆกลายเป็นว่าเวลาเราเลือกซื้อดูของ แล้วพบว่าเป็นของเทียม ของท�ำเลียน แบบ อย่างหยาบๆว่าเป็นของก�ำมะลอ หรือใช้กับบุคคลที่ชอบสร้างภาพและ เบิกเนตร(แหกตา)ผู้อื่นๆว่าเป็นผู้ดีมีสกุล ว่า คุณชายก�ำมะลอ หรือจนมาตั้งเป็น ชื่อละครชุดจากเมืองจีนอย่างองค์หญิง ก�ำมะลอ
นัก...สร้าง(ภาพ)
เอาหละครับที่นี้เรามาต่อกันที่ ค�ำว่า โปเก ดีกว่า โปเกนะครับ โปเกเฉยๆ ไม่ใช่ โปเกม่อน ค�ำว่าโปเกนี้ผู้เขียนก็ไป สืบค้นมาจนได้ว่ามันแปลได้หลายความ หมาย ดังนี้คือ ทางท่านราชบัณฑิตแปลว่า เก่าจนใช้การไม่ได้ ส่วนทางพจนานุกรม ฉบับไทย ไทยของอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ได้ให้ความหมายเพิ่มเติมขยายความว่า ไม่ ดี ช�ำรุด เช่น ของโปเก คือ ของไม่ดีของช�ำ รุด ซึ่งแต่เดิมความหมายของค�ำ โปเก ว่า ประกัน รับรองในการเสียหาย เช่น โรง โปเก เป็น ร้านที่ประกันว่าของที่ขายใน ร้านนั้น เจ้าของ ร้านรับรองว่าเป็นของดี แต่มาภายหลังกลายความหมายเป็นชื่อ ร้านที่ขายของช�ำรุดของใช้แล้ว สุดท้ายนี้ก็ต้องมาจบกันที่ย้อม แมว ค�ำว่าย้อมแมวนั้น สมัยนี้ก็ยังพอได้ ยินได้คันหู เอ๊ย คุ้นหู กันบ้างแล้ว แต่ก็ น้อยคนที่จะรู้ว่าส�ำนวนนี้มีทีมาจากอะไร กันบ้าง ผู้เขียนก็ไปเสาะหามาให้ทราบโดย ทั่วกัน แต่ระดับปัญญาผู้เขียนอันน้อยนิด ก็ต้องอ้างว่าปราชญ์ชั้นครูท่านกล่าวไว้ อย่างท่านกาญจนาคพันธ์ที่ท่านอ้างต�ำรา แมวโบราณที่ว่า “ถนอมเลี้ยงดังบุตรสุดสวาทดิ์ อย่าเกรี้ยวกราดรังเกียจคิดเดียดฉันท์ ให้อาบน�ำ้ เช้าเย็นอย่าเว้นวัน เอาแป้งจันทน์หอมฟุ้งบ�ำรุงทา” ซึ่งนอกจากจะทาแป้งแล้ว บางที คงเอาขมิ้นเหลืองมาทาตัวแมวกันบ้าง
Medleuddang
พบกันใหม่ฉบับหน้าและโปรดระวังอย่าให้ใครมา เบิกเนตรคุณได้ สวัสดี
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
เลยกลายมาเป็นส�ำนวนย้อมแมวขาย คือเอาของไม่ดีมาตกแต่งดัดแปลงขายว่าเป็นของใหม่ ถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านเม็ดเลือดแดงก็คงจะคลายหายสงสัยหรือยิ่งสงสัยไปอีกว่า ส�ำนวน เก่าๆพวกนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และท�ำไมถึงได้น�ำมาเสนอในบทความนี้ สิ่งที่ผู้เขียนต้องการ จะแจ้งให้ทราบก็คือ ในสังคมสมัยนี้มีทั้งคนก�ำมะลอ ชอบสร้างภาพ มีทั้งของโปเก ของย้อม แมว อยู่เกลื่อนไปหมด ท�ำให้ต้องระมัดระวังตัวกันแจว่าวันไหนหวยจะออกโดนเข้ากับตัว บ้าง ต้องคอยระวังไม่ให้โดนเบิกเนตรได้นะครับ ซึ่งบางที่ไม่ได้โดนแค่คนเดียวแต่ว่าโดนกัน เป็นคณะหรือที่แย่กว่าอย่างเวทีประกวดนางงามแต่กลับกลายเป็นกรรมการตัดสินถูกย้อม ปู เอ๊ย ย้อมแม้ว เอ๊ย ย้อมแมว ว่าผู้ชนะกลายเป็นชาย โดนหลอกกันทั้งประเทศ! ว่าเป็น หญิงแต่จริงๆแล้วเป็นชาย....
11
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
12
เม็ดเลือดแดง
เ บื้ อ ง ห ลั ง บั ล ลั ง ก ์
ผู ้ น� ำ ค น ใ หม่ อรชุดา ณัทมนวงศา ในรอบปีที่ผ่านมาชาวโลกได้รับรู้ถึงข่าว การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบุคคล ส�ำคัญในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์ ราชินีแห่งการแสดง, แกรี่ สปีด นัก ฟุตบอลเจ้าของสถิติติดทีมชาติเวลล์มากที่สุดอันดับ 2, สตีฟ จ๊อบส์ ร็อคสตาร์ไอทีโลก, โอ ซามา บิน ลาเดน ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 รวมไปถึง การสังหารพลเอกมู ฮัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้น�ำการปฏิวัติลิเบีย และเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ชาวโสมแดงร้องไห้เอาเป็นเอาตาย เมื่อ คิม จอง อิล “ผู้น�ำอันเป็นที่รัก” ของพวกเขาได้ลาโลกไปด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ทั้งนี้ การถึงแก่อสัญกรรมของท่านผู้น�ำคิมถือเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความตกตะลึงกันไปทั่วโลก และสั่นสะเทือนไปทั้งคาบสมุทรเกาหลี นับจากการแยกตัวเป็นอีกประเทศของเกาหลีเหนือ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง เกาหลีเหนือ คือ แผ่นดินของตระกูลคิม ที่ส่งผ่านอ�ำนาจสืบทอดต�ำแหน่งผู้น�ำ โดยสายเลือด หลังจาก คิม อิล ซุง “ผู้น�ำที่ยิ่งใหญ่” ซึ่งเป็นประธานาธิบดีตลอดกาลของ เกาหลีเหนือจบชีวิตลง คิม จอง อิล ขึ้นมาเป็นผู้น�ำต่อจากผู้เป็นพ่อ ในปี 1994 และเขา ได้เสียชีวิตลงในวัย 69 ปี หลังจากปกครองประเทศแบบเผด็จการมาเพียง 17 ปี แผ่นดิน เกาหลีเหนือ ถูกส่งต่อทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลคิม คิม จอง อึน บุตรชายวัย 27 ปี ซึ่งใน ปลายปี 2010 คิม จอง อึน ได้รับต�ำแหน่งเป็นนายทหารระดับ 4 ดาว หรือ ระดับพลเอก
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
อีกทั้งเขายังได้รับต�ำแหน่งรองประธานคณะกรรมการกลางกลาโหมของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างคิม จอง อิล ผู้เป็นพ่อ กับ คิม จอง อึน ผู้เป็นลูก ก็ยังมีอยู่มาก จอง อึน เองเติบโตในพื้นเพครอบครัวที่ต่างจากบิดา โดยขณะที่ คิม จอง อิล ต้อง รับมือกับการสูญเสียมารดาผ่านสงครามเกาหลีและความยากจนในสมัยวัยรุ่น แต่จอง อึน โตมาบนกองเงินกองทอง เข้าศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติในสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เป็นพ่อผ่าน การต่อสู้แย่งชิงอ�ำนาจกับพี่น้อง แต่คิม จอง อึน เพียงอยู่เฉยๆ เมื่อพี่ชายอย่างคิม ยอง นัม พูดชัดว่า ไม่อยากรับไม้ต่อจากพ่อ (หรืออาจเป็นเพราะพฤติกรรมที่ไม่เข้าตาพ่อ ทั้ง ยังวิจารณ์ระบบสืบทอดอ�ำนาจอย่างเปิดเผย) ส่วนพี่ชายอีกคนคือ คิม จอง ชอล ไม่เป็น ที่โปรดปรานเพราะปัญหาบุคลิกภาพของเขา แต่ความแตกต่างกันมากที่สุดของคิมผู้เป็น พ่อกับคนคนลูกคือ ความเคารพศรัทธาจากประชาชน ซึ่งควรเป็นสิ่งแรกที่ ผู้น�ำคนใหม่ อย่าง จอง อึนควรสร้าง ด้วยระบอบการปกครองที่ถูกครอบง�ำ ด้วยบรรดาผู้อาวุโสประกอบกับความเป็นเด็ก เมื่อวานซืนที่ยังอ่อนประสบการณ์ คิม จอง อึน จึงยังไม่สามารถที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้น�ำได้อย่าง เต็มภาคภูมิ และนี่จะเป็นการน�ำเกาหลีเหนือเข้า สู่ยุคการแบ่งสรรอ�ำนาจแทนที่จะมีผู้น�ำสูงสุด เพียงผู้เดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาพสมมติที่น่าจะเป็น ไปได้มากที่สุดหลังยุคคิม จอง อิล ก็คือระบบ ผู้น�ำร่วม โดยหนุ่มคิมจากตระกูลผู้ปกครองแต่ ด้อยประสบการณ์ กับอาเขย จาง ซอง แต็ก วัย 65 ปี รองประธานของคณะกรรมาธิการป้องกัน ประเทศซึ่งเป็นองค์กรทรงอ�ำนาจอย่างยิ่งใน เกาหลีเหนือ ผู้ที่ถูกจับตามองว่าคือ เงาของผู้ สืบทอดที่ยิ่งใหญ่ และจะมี คิม คยอง ฮุย ภรรยา ของเขาซึ่งเป็นน้องสาวของคิม จอง อิลคอยเคียง ข้าง เช่นเดียวกับ รี ยองโฮ นายพลสูงสุดของทัพ ในเวลานี้ ซึ่งมีชื่อเป็นหมายเลข 4 ในรายนาม คณะกรรมการจัดพิธีศพ ต�ำแหน่งของรี ยอง โฮ ในกองทัพ และในโผอื่นๆ หมายความว่า บุคคลผู้
13
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
14
เม็ดเลือดแดง นี้จะอยู่ในสามแกนอ�ำนาจ ได้แก่ กองทัพ คณะกรรมาธิการทหารกลางของพรรคกรรมกร และคณะกรรมการถาวรของกรมการเมือง ยังมีอีกคนที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ คิม ยอง นัม ประธานสภาเปรซิเดียม ที่มักท�ำ หน้าที่ผู้แทนประเทศและเป็นประมุขในนามของเกาหลีเหนือ หลายคนที่เคยพบกับบุคคลผู้ นี้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม และเชื่อว่าความฉลาดและภาวะผู้น�ำ ของเขาในสภาประชาชนสูงสุด จะยังมีความส�ำคัญเช่นกันในการด�ำรงรักษาการสนับสนุน ของชนชั้นน�ำเกาหลีเหนือให้กับ จอง อึน ทั้งนี้มีข้อมูลข่าวกรองของต่างชาติที่ระบุตรงกันว่า มีความเป็นได้ ที่ผู้มีอ�ำนาจใน กรุงเปียงยางทั้งหลาย จะเปิดศึกชิงอ�ำนาจกันเอง อย่างไรก็ดี ผู้น�ำคนใหม่ที่ถูกวางตัวไว้อย่างคิม จอง อึน ผู้ที่อ่อนประสบการณ์ หรือขาดแรงสนับสนุนจากผู้อาวุโส ก็ยังมีโอกาสที่ได้ครองอ�ำนาจในไม่ช้าเช่นกัน นอกจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของเกาหลีเหนือแล้ว ชาวโสมแดงยังคงต้องเผชิญ อยู่กับความแร้นแค้นที่มีมานาน รวมไปถึงความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจท�ำให้ เกาหลีเหนือต้องล่มสลายลงภายในเวลาอีกไม่นานหลังจากการจากไปของคิม จอง อิล
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
อัศวิน รัตติกาล ในสภาวการณ์ที่ประเทศไทย เราต้องประสบพบเจอในแต่ละช่วง ซึ่งมี ทั้งที่เป็นปัญหาและไม่อยู่ในขั้นที่เรียกว่า ปัญหา เมื่อใดก็ตามที่สังคมประเทศไทยนี้ เกิดปัญหา ภาพของประเทศไทยที่จะออก สู่สายตาชาวโลกนั้นก็จะดูมีปัญหาไปด้วย ฉะนั้นภาพลักษณ์จึงมีความส�ำคัญยิ่งกับทุก องค์ประกอบของประเทศไทย ขณะนี้ภาพลักษณ์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ทางการ เมือง เช่น กรณีของเหตุการณ์ช่วงเม.ย. – พ.ค. 2553 แม้เรายังไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่า ฝ่ายใดผิดหรือฝ่ายใดถูก แต่ที่แน่ๆ คือ หลัง จากผ่านสถานการณ์นั้นภาพลักษณ์ของ ประเทศไทยดูแย่มากในสายตาของชาวต่าง ชาติ นั่นจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็น ผลกระทบแบบลูกโซ่ อย่าลืมว่าเศรษฐกิจ ของเรายังต้องพึ่งพาต่างชาติอยู่มาก เมื่อ เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีขึ้นกับประเทศไทย ผู้ ประกอบการวิสาหกิจต่างๆเดือดร้อน การ จ้างงานไม่เกิดขึ้น คนไทยก็ล�ำบาก ผมจึง เน้นย�้ำว่าภาพลักษณ์ของประเทศนั้นเป็นสิ่ง ที่จ�ำเป็น
แต่ถ้าถามว่าจะให้เรายึดติดอยู่กับ ภาพลักษณ์อย่างเดียวนะหรือ?? ต้องบอก ว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งถ้าเรามัวแต่ สนใจภาพลักษณ์ของประเทศมากเกินจน ลืมฉากหลังของภาพไป เพราะถึงแม้ภาพจะ งามเพียงใดถ้าฉากหลังเป็นแค่ฝาผนังที่ผุ พังก็ไม่อาจเติมความงามให้ภาพได้ ฉันใดก็ ฉันนั้น ณ วันนี้เราต้องสนใจให้ครอบคลุม ให้หมดทุกด้าน หลายปัญหาที่เกิดกับ ประเทศไทยทุกวันนี้เป็นเพราะเราไม่ใส่ใจใน การแก้ปัญหาเชิงลึก เราแก้ปัญหากันแค่ ฉาบฉวย แก้ปัญหาเพื่อเอาหน้า สร้างภาพ ให้ตัวเองเก่ง แต่แท้ที่จริงแล้วปัญหาไม่ได้ รับการแก้อย่าจริงจังจึงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ เช่น ในการแก้ปัญหายาเสพติดของเจ้า หน้าที่ซึ่งมักจะกระท�ำกันอย่างจริงจังก็ต่อ เมื่อมีเหตุการณ์ที่มันเร้าจุดสนใจของคน ไทยทั้งประเทศ ถ้าเรายังท�ำกันอยู่แบบนี้ ปัญหาทุกปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขให้ลุล่วง ไปได้ สุดท้ายแล้วภาพลักษณ์กับเนื้อในก็ไม่ สามารถผสานให้กลมกลืนกันได้ เหมือน เช่น น�้ำกับน�้ำมันที่ไม่สามารถรวมตัวเข้ากัน ได้
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ข ้ า ง ห ลั ง ภ า พ
15
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
16
เม็ดเลือดแดง ตราบใดก็ตามที่เราไม่สามารถ ท�ำให้ภาพลักษณ์และฉากหลังมีความงามที่ เท่าเทียมหรืออย่างน้อยก็มีความสมดุลกัน ได้ สิ่งที่เราหวังก็ไม่อาจเป็นจริงได้ ย้อนดู ประเทศไทยของเรา เราอยู่ท่ามกลางความ เชื่อที่ว่าประเทศไทยมีความเพียบพร้อมทั้ง ทางด้านภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ ความเจริญทางด้านวัฒนธรรม แต่ถ้ามอง ย้อนให้ลึกลงในพื้นฐานทางสังคมก็จะพบ ว่าเรายังมีปัญหาสังคมต่างๆอีกมาก เช่น ชุมชนแออัด ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วทุก ภูมิภาคของประเทศ ปัญหายาเสพติดที่ ระบาดไปทั่ว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสะท้อน ให้เห็นถึงการไม่เป็นเนื้อเดียวของภาพและ ฉากหลัง และที่เห็นได้ชัดเจนคือ ท่ามกลาง ความงามของวัดพระแก้ว แต่พอเดินมา ที่สนามหลวงเราก็จะพบการขายบริการ ทางเพศ(ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่หรือ ไม่ เพราะมีการปรับปรุงสนามหลวงใหม่ แล้ว) สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเราก�ำลัง อยู่บนความเน่าเฟะของสังคมที่ถูกปรุงแต่ง ให้ดูสวยงาม หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สังคมมายา”
นัก...สร้าง(ภาพ)
เมื่อสังคมที่มีแต่การสร้างภาพน�ำ มาสู่การใส่หน้ากากเข้าหากันและการไม่ จริงใจต่อกัน แล้วเราจะหาความสงบที่จะ เกิดขึ้นกับสังคมนี้ได้จากที่ไหน และอย่าได้ หวังว่าปัญหาสังคมที่มีอยู่จะทุเลาเบาบาง ผมไม่ได้หวังให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาการ สร้างภาพ เพราะทุกๆ รัฐบาลล้วนแต่สร้าง ภาพให้ตัวเองดูดีอยู่แล้ว แล้วจะหวังอะไร กับประเทศไทย ซึ่งแม้แต่ผู้บริหารประเทศ ยังสร้างภาพ น่าสงสารประชาชนคนไทยที่ อยู่ภายใต้สิ่งที่เป็นภาพลวงหลอกตา ที่ผู้น�ำ สร้างมาให้ประชาชน เมื่อการเมือง เศรษฐกิจ การ ศึกษา การกีฬา และอื่นๆก็ล้วนสร้างภาพ เราผู้เป็นประชาชนก็ต้องอดทน ทางออก ที่ผมจะเสนอให้ประชาชนได้พิจารณาก็คือ เราต้องรู้จักคิด เพื่อให้รู้ทันว่าการสร้าง ภาพที่โหมกระหน�่ำอยู่ในปัจจุบันข้อเท็จจริง เป็นเช่นไร ประชาชนต้องมีความตื่นตัวอยู่ เสมอ เราจึงจะรู้ทันความแตกต่างของภาพ กับฉากหลัง และ ร่วมท�ำให้หน้าภาพและ หลังภาพมีความสวยงามเสมอเหมือนกัน..
Medleuddang
มุมมองจากภูมิศาสตร์และการค�ำนวณ
มารุต ศูนย์ตรง คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง เมื่อการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งส�ำคัญของการเมือง ไทยผ่านพ้นไป ซึ่งผลก็คือพรรคเพื่อไทยได้กลับคืนสู่อ�ำนาจอีกครั้ง และยังท�ำให้นางสาวยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตรเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีที่เป็นสตรีคนแรกของการการเมืองไทย แต่เมื่อลอง มองย้อนกลับไปที่การเลือกตั้งซึ่งถือว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่าง มาก ภาพของการเมืองในช่วงนี้อาจจะเป็นภาพที่มาจากการเคลื่อนไหวของชนชั้นน�ำ กลุ่ม การเมืองและพลังมวลชนที่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับระบบการเมืองเท่านั้น เราในฐานะประชาชน จะมองภาพที่นักการเมืองสร้างให้เราชมอย่างไร โดยจะใช้ภูมิศาสตร์และคณิตศาสตร์ใน การมองภาพของการเมือง โดยจะดูว่าทั้งสองศาสตร์จะอธิบายภาพการเมืองได้ว่าอย่างไร บ้าง ภูมิศาสตร์ : การเมืองเรื่องพื้นที่ เมื่อเราพูดถึงภูมิศาสตร์เรามักจะพูดถึงสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ หรือ ทรัพยากร เป็นต้น โดยเครื่องมือที่ส�ำคัญที่ใช้ในการศึกษาคือ “แผนที่” ค�ำถามที่ส�ำคัญคือ ภูมิศาสตร์และแผนที่ท�ำงานกับการเมืองในช่วงเลือกตั้งอย่างไร แผนที่ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิง “สัญลักษณ์” เพื่อแสดงเขตอิทธิพลของกลุ่ม การเมืองต่าง ๆ ที่มีบทบาทในการเมืองไทย สื่อมวลชนไทยส่วนใหญ่พยายามที่จะใช้แผนที่ ในการอธิบายพื้นที่ที่แต่ละกลุ่มการเมืองมีอิทธิพลหรือได้รับการเลือกตั้งเมื่อผลการเลือก ตั้งออกมาก็จะมีการวาดขอบเขตของแต่ละพรรคการเมืองโดยการลงสี เช่น ภาคเหนือและ อีสานสีแดง กรุงเทพมหานครและภาคใต้สีฟ้า สุพรรณบุรีสีชมพู ท�ำให้เกิดเป็นแผนที่ การเมืองขึ้น เรียกว่า “ภูมิภาคนิยม” (Regionalism) การแบ่งพื้นที่ทางการเมืองผ่านแผนที่ภูมิศาสตร์มีมากขึ้นตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิน วัตรขึ้นสู่อ�ำนาจ เกิดการก�ำหนดลักษณะบางอย่างเพื่อให้มีลักษณะร่วมกับคนในพื้นที่ เช่น “นายกคนเหนือ” การก�ำหนดลักษณะที่มีความชัดเจนมากขึ้นท�ำให้ประชาชนตัดสินใจได้
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
การเมืองเรื่องการเลือกตั้ง:
17
เม็ดเลือดแดง
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
18
แผนที่รายงานผลการเลือกตั้ง วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 25541
ง่ายขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้ท�ำให้พรรคเพื่อไทยครองพื้นที่ภาคเหนือได้อย่าง เหนียวแน่นตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน นอกจากการใช้พื้นที่แทนอัตลักษณ์ของประชาชนแล้ว แผนที่การเมืองที่สื่อมวลชน สร้างขึ้นเพื่อแสดงผลการเลือกตั้งได้แบ่งพื้นที่ภูมิศาสตร์ของประเทศไทยออกเป็น 2 ส่วน คือพื้นที่ชนบทและพื้นที่เมือง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ได้สะท้อนว่าผลประโยชน์ของคนชนบท อยู่ที่พรรคเพื่อไทยที่มุ่งนโยบายไปหาเกษตรกรและผู้ที่มีรายได้น้อย และผลประโยชน์ของ คนเมืองอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการแบ่งพื้นที่แบบนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าสภาพของ “สอง นคราประชาธิปไตย” ยังคงเห็นได้ชัดจากการมองด้วยภูมิศาสตร์ และเมื่อฝ่ายใดได้เป็น รัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลเพื่อรักษาพลังการต่อรองของตน โดยที่แต่ละนครได้เลือก “ตัวแสดง” ของตนในระบบการเมืองแล้ว
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
คณิตศาสตร์: รัฐศาสตร์เชิงปริมาณ เป็นความท้าทายอย่างยิ่งกับการมองภาพการเมืองในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย คณิตศาสตร์ ในช่วงนี้มีการใช้ “คณิตศาสตร์การเมือง” โดยชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งมี ใจความอยู่ที่การจัดจั้งรัฐบาลผสมว่าจะมีสัดส่วนอย่างไร แต่คณิตศาสตร์ที่เราจะใช้อธิบาย เป็นหลักนั้นคือวิธีคิดโดยการใช้วิธีการทางสถิติในการค�ำนวณเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง และการต่อรองทางการเมือง เราจะลองใช้วิธีคิดทั้งสองแบบมองภาพการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไร ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง การก�ำหนดนโยบายต่าง ๆ เพื่อหาเสียงจะต้องมีการ ส�ำรวจความนิยมเพื่อให้ได้นโยบายที่คิดว่าจะท�ำให้คนเลือกได้มากที่สุด เมื่อลองใช้ทฤษฎี Median Voters Model ที่ใช้ในการเปรียบเทียบความนิยมของนโยบายด้านเดียวกัน โดย กราฟจะแสดงให้เห็นโอกาสในการชนะการเลือกตั้งด้วยนโยบายที่ตอบสนองต่อความ ต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าหากความนิยมอยู่ใกล้เส้นจุดสูงสุดของกราฟแสดง ว่าได้รับความนิยมมาก วิธีวางนโยบายนี้ท�ำให้พรรคการเมืองสามารถวางนโยบายเพื่อให้ ชนะการเลือกตั้งได้เพราะรู้ว่าประชาชนชอบนโยบายแบบใด ซึ่งสามารถแยกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้พรรคเพื่อไทยที่ใช้นโยบายที่โดดเด่นและเห็นภาพชัดเจนจึงได้รับเลือก มากกว่าพรรคอื่น ๆ แต่ทั้งนี้ความโดดเด่นก็เป็นภัยได้หากนโยบายไม่สามารถท�ำได้จริงและ ผิดสัญญา เพราะความแจ่มชัดท�ำให้คนจ�ำได้แม่นย�ำเช่นกัน พอผ่านมาถึงช่วงหลังการเลือกตั้ง สูตรคณิตศาสตร์ของชูวิทย์ได้เริ่มท�ำงานเมื่อ พรรคที่ได้รับเสียงข้างมากพยายามหาพรรคร่วมหรือ “ใบเฟิร์น” ด้วยการบวกลบจ�ำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะท�ำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพในการออกนโยบาย การที่พรรค เพื่อไทยรับพรรคร่วมก็เพื่อสร้างเสถียรภาพให้มากขึ้นและอาศัยเครือข่าย และเมื่อมีพรรค ร่วมรัฐบาลก็ต้องมีรัฐบาลผสม ซึ่งเมื่อมองผ่านทฤษฎี Nash Bargaining Solution โดย
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
รูปแบบกราฟที่ใช้ในการอ๓ิบายตามกรอบ Median Voter Theory2
19
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
20
เม็ดเลือดแดง ก�ำหนดสัดส่วนที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันโดยน�ำความต้องการของทุกพรรคมาหาจุดร่วม (Optimal Point) ซึ่งสัดส่วน 7:1 น่าจะเป็นของรัฐบาลผสมที่มาจากทั้งกลุ่มการเมืองในพรรค เพื่อไทยและพรรคร่วม ซึ่งไม่จ�ำเป็นที่จะต้องได้เท่ากัน พรรคที่มีสมาชิกเพียงที่นั่งเดียวอาจ จะไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรีเลย สิ่งที่เราก�ำลังมองคือภาพการเมืองที่นักการเมืองวาดไว้อย่างสวยงาม แต่เมื่อ ลองมองผ่านวิธีคิดเหล่านี้ท�ำให้เราเห็นภาพการเมืองได้ซับซ้อนมากขึ้น และการมองผ่าน ศาสตร์ที่ไม่ใช่รัฐศาสตร์ยิ่งท้าทายมากขึ้นเพราะเราสามารถเข้าใจภาพนั้นได้หลายมุมมอง นอกจากเราจะมองการเมืองได้ซับซ้อนแล้ว เรายังเข้าใจการเมืองได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นด้วย อย่างน้อยที่สุดเราก็สามารถมองภาพออกว่าใครกันที่สร้างภาพเหล่านี้ขึ้น... Reference: 1 Thai Election Infographic จาก The Nation - http://www.nationmultimedia.com/home/special/ election/ 2 http://blogs.warwick.ac.uk/dcstevens/entry/the_hotelling-downs_model/
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
คุณคิดว่าตัวคุณเหมือนภาพอะไร? เพราะอะไร? “ภาพตัวเองหน้าตรง เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวเราได้ดี ที่สุดไม่ตอแหลบิดพริ้วมุมกล้อง” แนททิว ปี 1 สาขาการเมืองการปกครอง “เราคือภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีประดับด้วย ดอกไม้หลากสี เพราะเรานั้นสวยและรวย มาก เป็นคนดีของสังคม” ปอง ปี 2 สาขาบริหารรัฐกิจ
“ภาพลิง เพราะใครๆ ก็บอกว่าผมหน้า เหมือนลิง อิอิ” เต้ย ปี 1 สาขาการระหว่างประเทศ “ภาพลวงตา เพราะสิ่งที่คุณเห็นอาจจะ ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็น” จ๋า ปี 1 BMIR
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
เจาะเลือด!!!
21
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
22
เม็ดเลือดแดง “ภาพร้านกาแฟ เพราะให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่ต้องเร่ง รีบ นั่งได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ อยู่ในบรรยากาศหอมกรุ่นของ กลิ่นกาแฟ” ยีน ปี 2 สาขาการระหว่างประเทศ
“ก็ภาพหน้าตัวเองเนี่ยแหละ ถ้าเราไม่เหมือน ตัวเองมากที่สุดแล้วจะไปเหมือนใครได้อีกหรอ? ไม่มี๊ 55...” ทีชเชอร์ ปี 1 สาขาบริหารรัฐกิจ
“ภาพหัวใจสีแดง เพราะตอนนี้โหยหาความรัก ความเมตตา ฮ่าๆ” มุก ปี 3 สาขาบริหารรัฐกิจ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
23 Information and Journal Group, Faculty of Political Science
“ภาพดวงดาวตอนกลางคืน เพราะบางคืนเราก็ สามารถเห็นมันได้ บางคืนก็อาจจะไม่เห็นมันเลย ..แต่ว่าก็รู้มันยังอยู่กับเรา” กานต์ ปี 3 สาขาบริหารรัฐกิจ
“ภาพจุดๆหนึ่ง . รูปจุดกลมๆเล็กๆที่สามารถสร้างเรื่องราวต่างๆได้เสมอ จุดกลมๆที่เดิน ทางเพื่อเจอสิ่งต่างๆในชีวิต และในแต่ละครั้งที่ผ่านไป จุดกลมๆเล็กๆ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้น ของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมองว่าคนเราทุกคนเป็นแบบนี้ เลือกได้ว่าจะสร้างภาพแบบไหน คิดว่ามันคงดีถ้าเราเป็นหนึ่งในภาพที่ประทับใจของใครหลายๆคนได้” ขิม ปี 4 สาขาการระหว่างประเทศ
นัก...สร้าง(ภาพ)
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
24
เม็ดเลือดแดง
อีกด้านหนึ่งของ ความทุกข์
ชนิดา ใจวิเสน คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ
ในชีวิตหนึ่งไม่สามารถท�ำทุก อย่างที่ต้องการได้ การได้รับบางอย่างที่ ดีที่สุด อาจจะต้องสูญเสียบางอย่างที่รัก ที่สุด มักจะเป็นแบบนี้อยู่ร�่ำไป ดั่งเช่นของ ที่ถืออยู่ล้นมือ แรกๆก็พอถือไหว แต่เมื่อ เดินไปนานๆก็เริ่มจะล้า จนต้องปล่อย ของบางชิ้นทิ้งไป และถ้ายังฝืนไม่ปล่อย มือของเราก็จะหมดแรง จนของทั้งหมด ร่วงลงสู่พื้น...เป็นธรรมดาของทุกคนที่จะ ต้องเกิดความรู้สึกติดลบในหัวใจ หรือที่ เรียกว่าความทุกข์ ความทุกข์เกิดจากการที่เราไม่ ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือได้ในสิ่งที่เราไม่ ต้องการ แต่อยากให้มองว่า สิ่งที่เห็นว่า เป็นความทุกข์นั้น แค่เพียงพลิกอีกด้านก็ กลายเป็นความสุขแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่การ คิดของเราทั้งสิ หากความทุกข์เกิดจาก ความห่างไกล แล้วอีกด้านหนึ่ง เราลืมไป แล้วหรือว่า เราอยู่ใกล้ความคิดถึง ยิ่ง ห่างไกลมากเท่าไหร่ ยิ่งท�ำให้รู้ว่าอีกสิ่ง หนึ่งมีค่าแค่ไหน หากความทุกข์เกิดจาก การรักเขาข้างเดียว แล้วอีกด้านหนึ่ง
นัก...สร้าง(ภาพ)
เราลืมไปแล้วหรือว่า เราได้รู้จัก ความรักเข้าแล้ว ได้รู้จักที่จะท�ำอะไรบาง อย่างเพื่ออีกคน หากความทุกข์เกิดจาก การอยู่คนเดียว แล้วอีกด้านหนึ่งล่ะ เรา ลืมไปแล้วหรือว่า เรามีโอกาสจะได้ท�ำใน สิ่งที่ค้างคา ได้พักผ่อน ได้ใช้ความคิด หากความทุกข์เกิดจากความกลัว แล้วอีกด้านหนึ่ง เราลืมไปแล้ว หรือว่า เราก�ำลังเผชิญหน้ากับมัน อย่างที่ คนอื่นไม่มีโอกาส และหากความทุกข์เกิด จากการท�ำสิ่งที่ต้องการไม่ได้ แล้วอีกด้าน หนึ่ง คืออะไร ?? เราลืมไปแล้วหรือว่า ถึงเราจะไม่ ได้ท�ำในสิ่งที่เราต้องการ แต่เราก็ไม่ได้สูญ เสียสิ่งที่เรามีอยู่ นี่คือสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไป จน ท�ำให้บางครั้งเรามักจะพลาดโอกาสดีๆ หลายอย่าง... จากที่เคยก้มหน้า วันนี้ลอง เงยหน้า คิดถึงใครก็รีบโทรหา แอบรัก ใครก็รีบไปบอก อยู่คนเดียวก็ท�ำอะไรเพื่อ ตัวเองบ้าง กลัวอะไรก็จงเผชิญหน้ากับ มัน และคิดอะไรก็จงรีบท�ำ อย่าปล่อยให้
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ความทุกข์จากความคิดครอบง�ำเราได้นาน นอกจากจะท�ำให้เสียเวลาที่เราจะท�ำสิ่งที่เป็น ประโยชน์ และยังเสียสุขภาพจิตอีกด้วย มีนิทานกล่าวไว้ว่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอก�ำลังนั่งเสียใจกับการที่คนรักของเธอ ต้องไปอยู่ไกล เธอนั่งร้องไห้ทั้งวัน ใครชวนพูดก็ไม่พูด ใครชวนไปไหนก็ไม่ไป เธอนั่งอยู่คน เดียว หลีกเลี่ยงจากการพบปะผู้คน จนวันรุ่งขึ้นเพื่อนของเธอยื่นโทรศัพท์มาให้ บอกให้เธอ โทรหาคนรัก เธอบอกกับเพื่อนว่าเธอรอโทรศัพท์ของเขาอยู่นานแล้ว เพื่อนบอกให้ลองโทร ไปก่อน ในที่สุดเธอก็โทรไป ผ่านไปเพียงอึดใจเดียว ก็มีเสียงจากปลายสายดังมาว่า ที่รัก เรารอเธอนานแล้ว ว่าท�ำไมเธอไม่โทรมาซะที เด็กผู้หญิงแปลกใจ บอกว่าแล้วท�ำไมเธอไม่ โทรมา เขาบอกกับเธอว่า โทรศัพท์เงินหมด เธอจึงเข้าใจ และ รู้แล้วว่าถ้าเรามัวแต่จมอยู่ กับความทุกข์ ก็จะท�ำให้มองไม่เห็นโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเราได้แต่คิด เราก็ไม่มีวันที่จะ ได้ค้นพบสิ่งใหม่วันนั้นเธอจึง... เคยไหมที่ยืนมองท้องฟ้า แล้วเผลอยิ้มออกมา เคยไหมที่สายลมพัดผ่านแล้วจะ เอียงหูฟังว่ามันบอกว่าอะไร ปล่อยจิตใจตัวเองไปกับธรรมชาติดูบ้าง แล้วจะรู้ว่ามันให้อะไร ได้มากกว่าที่คิด อีกด้านหนึ่งของความทุกข์ ก็คือ “ความสุข” และ “การท�ำให้คนอื่นมีความ สุข ท�ำให้เรามีความสุขยิ่งกว่า การที่เรามีความสุขคนเดียวเสียอีก” ...ลองส�ำรวจตัวเองดูว่าตอนนี้เราก�ำลังท�ำอะไรอยู่ จงเลือกท�ำในสิ่งที่พอดีกับตัวเองและคน อื่น แล้วเราจะมีความสุข...
25
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
26
เม็ดเลือดแดง
กวีกระวาท
ศ.ว.ภ. ประพันธ์
“เธอ...สร้างภาพ”
ภาพเธอยิ้มพิมพ์ใจส่งให้ฉัน ถามสุขทุกข์ความเป็นอยู่ดูห่วงใย ฉันก็หลง ฉันเลยรัก ฉันจึงเลือก พอเธอได้อย่างใจหวังตลอดมา ค�ำสัญญาเธอพูดปดลดศักดิ์ศรี หาความสุขให้ตนทุกหนทาง เธอ...พวกนักการเมืองที่ตีสองหน้า ละเลยราษฎร์ขาดคุณธรรมน�ำจิตตน
เธอมาหาเกือบทุกวันฉันจ�ำได้ มอบของขวัญสัญญาใจให้ทุกครา มองแค่เปลือกสวยหรูดูสูงค่า ภาพลวงตาที่หลอกฉันพลันเลือนราง หาหลักพึ่งยามภัยมีเธอหนีห่าง ภาพทุกอย่างประจักษ์ตาประชาชน แย่งเก้าอี้ที่สภาเพื่อหวังผล ชาติมิพ้นหายนะน่าเจ็บใจ
“ภาพเธอ...กับเขา (และรัฐของเรา)”
ภาพ “เธอ” ผู้ปฏิวัติประวัติศาสตร์ โดยมี “เขา” ชักน�ำค�้ำพยุง ภาพ “เธอ” เปี่ยมศักดิ์ศรีสตรีเพศ จงรักษาอย่าลบเลือนแปดเปื้อนไป “เขา” คือลิ่มที่ตอกย�้ำความแตกแยก ดูเอาอย่างอย่าเอาเยี่ยงเพียงพี่ชาย ขอ “เธอ” ท�ำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด “เธอ” “ยิ่งดี” คน “ยิ่งรัก” ภาพ “ยิ่งงาม”
นัก...สร้าง(ภาพ)
เป็นผู้น�ำมีอ�ำนาจพาชาติมุ่ง “เธอ” จึงรุ่งในเรื่องการเมืองไทย น�ำประเทศเหนือบุรุษสุดยิ่งใหญ่ ด้วยการให้เขากลับมาท�ำลาย ผู้ปลดแอกความเหลื่อมล�้ำระส�่ำระส่าย “เราทั้งหลาย” จะเป็นเงาเฝ้าติดตาม อย่าสะดุดทุจริตคิดผลีผลาม “รัฐ” สยามจะสงบพบสุขใจ
Medleuddang
By Hao
ฤดูร้อนอันแสนสดใส ท้องฟ้าสีครามปลอดโปร่ง ไม่มีเมฆ แม้แต่ก้อนเดียวมาบดบังความงามของมันได้ แสงแดดสาดส่องลงสู่พื้น ดิน แม้เวลาจะยังเพิ่งเก้าโมงกว่า ๆ แต่แสงแดดกลับร้อนเสียนี่กระไร การ์ตูนเรื่องโปรดก็จบไปแล้ว เหลือสิ่งที่จะต้องท�ำต่อไป คือ ล้างจาน งานบ้านที่แม่ใช้ให้ท�ำ ซึ่งไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่เพราะแม่มักจะอ้างเหตุผลสารพัด ตลอดจนพูดแกมบังคับ ผมก็เลยตก ปากรับค�ำว่าจะท�ำให้ ทั้ง ๆ ที่ใจอยากจะไปปั่นจักรยานเที่ยวกับเพื่อน ๆ มากกว่า ซึ่งวันนี้มีนัด กันไปตกปลาที่ล�ำห้วยตีนเขา ห่างจากหมู่บ้านไปไม่มากนัก เป็นล�ำห้วยเล็ก ๆ ต้นก�ำเนิดอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติซึ่งมีพื้นที่ติดกับหมู่บ้าน แม้จะเป็นล�ำห้วยเล็ก ๆ แต่ก็มีน�้ำไหลตลอดปี และที่ ส�ำคัญ ปลายังชุมอยู่ ขณะนั่งล้างจานและเครื่องครัวอะไรต่อมิอะไรอยู่ที่ชานบ้าน ในใจก็นึกเสียดายที่ไม่ได้ไป กับเพื่อน ๆ ท�ำให้เรี่ยวแรงและก�ำลังใจในการท�ำงานพลอยถูกบั่นทอนลง การล้างจานจึงด�ำเนิน ไปอย่างเอื่อย ๆ เนือย ๆ ล้างจานไปได้สักครู่ ผมก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบ้านข้าง ๆ แต่ก็คิดไปว่า สงสัยคงจะทะเลาะกันเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ อีกตามเคย ไม่เกินสิบนาที เดี๋ยวก็ เลิกทะเลาะกันไปเอง จึงพยายามที่จะตั้งใจล้างจานต่อไปให้เสร็จ แล้วจะได้ไปเที่ยว เสียงเอะอะโวยวายจากข้างบ้านก็ยังไม่หายไป แม้ว่าจะผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ตาม แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ มีชาวบ้านคนอื่น ๆ เดินไปยังบ้านหลังทีส่งเสียงดังนั้นมากขึ้น หลายคนเดินอย่างรีบร้อน ด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็น จึงถามป้าแดง ที่ก�ำลังเดิน ผ่านลานบ้านผม เพื่อลัดไปยังบ้านหลังนั้น “ป้าแดง เขามีอะไรกันเหรอครับ” ผมตะโกนถามป้าแดงที่ก�ำลังเดินจ�้ำอ้าวอย่าง รวดเร็ว ป้าแดงหยุดเดินกะทันหัน และหันมาตอบผม “ป้าน้อยผีเข้า” แล้วป้าแกก็หันหลังกลับ แล้วเดินต่อไปทันที พอได้ยินดังนั้น มือมันก็วางจานที่ล้างอยู่โดยอัตโนมัติ หยิบขันตักน�้ำล้างฟองน�้ำยาล้าง จานออก หมดบ้างไม่หมดบ้างพอเป็นพิธีแล้วก็รีบวิ่งลงบันได ตรงไปยังบ้านป้าน้อย จุดเกิดเหตุ ในทันที พอไปถึง ผมก็ยืนดูอยู่ใต้ต้นมะม่วง ข้างบ้านบ้านป้าน้อยกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ผมเห็น ป้าน้อยแกถูกญาติ ๆ สองสามคนจับตัวไว้ แต่ป้าแกก็พยายามดิ้น ส่วนปากก็พูดเป็นภาษาอะไร
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ผีเข้า
27
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
28
เม็ดเลือดแดง ฟังไม่รู้เรื่อง มีคนพอฟังได้บอกว่า เป็นภาษาม้ง น้าสม ซึ่งพอรู้ภาษาม้งแบบงู ๆ ปลา ๆ ก็ เข้าไปเจรจา แต่น้าแกพูดอีท่าไหนไม่รู้ ผีม้งตนนั้นเลยโกรธ ไล่เตะน้าแกจนหนีลงบันไดบ้านแทบ ไม่ทัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น (ปนเสือกนิด ๆ ) ผมก็สืบสาวราวเรื่องเอาจากชาวบ้าน แถวนั้นที่เขามาดูก่อน ได้ความว่า ป้าน้อยกับเพื่อนและญาติ ๆ ประมาณสิบกว่าคน พากันไป นอนหาปลาที่ต้นน�้ำของล�ำห้วยในเขตป่าอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านม้งมาก่อน แต่ภาย หลังมีนโยบายปิดป่า รัฐบาลก็ขับชาวม้งเหล่านั้นให้ออกไปอยู่ที่อื่น สงสัยผีม้งคงอยากจะหาญาติ พี่น้องกระมัง เลยตามมาเข้าสิงป้าน้อยแก (คิดเอาเอง) “พ่อ พาตายศมาแล้ว” พี่ชิตตะโกนบอก พลางจูงกึ่งลากชายชราร่างเล็ก ผมเห็น กระดูกซี่โครงแทบทุกซี่ เนื่องจากแกไม่ได้ใส่เสื้อ สวมมาเพียงกางเกงขาสั้นสีด�ำและมีผ้าขาวม้า พาดบ่ามาเท่านั้น “เอ้าตา ท�ำไมไม่ใส่เสื้อมาล่ะ” น้าสมถามตายศ “ก็ไอ้ชิตมันนะสิลากกูมา บอกว่าแม่มันผีเข้า รีบ ๆ ไปหน่อย กูขอใส่เสื้อก่อน มันก็ บอกไม่ทัน คว้าเขี้ยวเสือได้ กูก็มานี่แหละ” ตายศตอบ “เอ้า อีน้อยมันอยู่ไหน ปูเสื่อแล้วจับ มันมานอนข้างล่างนี่ กูขี้เกียจขึ้นบันได” ตายศบอกพลางชี้นิ้วสั่ง ญาติ ๆ ก็พากันจัดแจงท�ำตามตายศบอก จับป้าน้อยคนนอนลงกับเสื่อ แต่ป้าน้อยก็ยา ยามดิ้นบิดไปมา ตายศจึงลงไปนั่งกับพื้นทางด้านหัวป้าน้อย เอามือล้วงเอาเขี้ยวเสืออกมาจาก ถุงผ้าเล็ก ๆ สีแดง จากนั้นแกก็หลับตา ขมุบขมิบปากท่องคาถาสักครู่ แล้วก็ลืมตาก่อนที่จะเอา เป่าคาถาใส่เขี้ยวเสือแล้วเอาจี้ลงไปบนหน้าผากของป้าน้อย เมื่อเขี้ยวเสือจี้ถูกหน้าผากของป้าน้อย ร่างนั้นก็ดิ้นทุรนทุราย กรีดร้องโหยหวน แต่ ญาติ ๆ ก็ยังช่วยกันจับแขนขาคนละข้างไว้ไม่ให้หลุด ตายศยกเขี้ยวเสือขึ้น หลับตาท่องคาถา เหมือนเคย แล้วก็จี้เขี้ยวเสือลงไปบนบ่าซ้าย ท�ำเหมือนเดิมแล้วจี้เขี้ยวเสือลงบนบ่าขวา หน้า ท้อง จากนั้นไม่นาน ร่างของป้าน้อยก็สงบลง “ออกแล้ว” ตายศพูดขึ้นมา พร้อมกับเอาผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อ ส่วนป้าน้อยก็ค่อย ๆ รู้ตัวขึ้น จากนั้นก็มีชาวบ้านเข้าไปไต่ถามความรู้สึก บางส่วนก็ แยกย้ายกันกลับบ้านไป ผมค่อย ๆ ผละตัวออกมาด้วยอารมณ์ที่ยังตื่นเต้นอยู่ เพราะเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ถูกผีเข้า เป็นครั้งแรกในชีวิต พลางคิดในใจ “โชคดีที่ไม่ได้ไปตกปลากับไอ้พวกนั้น ไม่อย่างนั้นพลาดดูผี เข้าป้าน้อยแน่ ๆ” แต่เมื่อเดินขึ้นบันไดบ้านไป สายตาก็พบกับบางสิ่งบางอย่าง พร้อมกับถอน หายใจเฮือกใหญ่ จานยังไม่ได้ล้างอีกครึ่งกะละมัง “เฮ้อ”
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
โดย...เจ้าพระยาส�ำราญเสพสูปะเพียญชนะ (บัญชา ศิลปอาหาร) สิงห์ลงพุงฉบับนี้ ขอเสนอร้านอาหารย่านพุทธมณฑล สายสี่ คือร้าน บ้านสวน พุด ต้องขอชี้แจงว่าเผอิญมีธุระแถวมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา (ที่ซึ่งอาหารการกินดีกว่า ธรรมศาสตร์ นวนครหลายขุม) ร้านนี้คือร้าน “บ้านสวนพุด” ร้านนี้มีทั้งอาหารจีนและอาหาร ไทย เมนูที่จะแนะน�ำ คือ เป็ดปักกิ่ง หนัง กรอบๆวางลงบนแผ่นแป้ง มีต้นหอมกับ แตงกวา ราดด้วยซอสหวานสูตรเฉพาะทาง ร้าน ม้วนแล้วใส่ปาก ขอยืนยันว่าอร่อย มาก ส่วนเนื้อที่เหลือแนะน�ำให้เอาไปผัดพริก ไทยด�ำ ก็อร่อยใช่เล่น เนื้อเป็ดแน่นๆ ผัด กับเครื่องเทศ หอมอร่อยอย่าบอกใครเชียว เมนูต่อมาคือ กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งตัวโตๆ ที่ถูก ทับถมไปด้วยวุ้นเส้น อบพร้อมบรรดาเครื่อง ปรุงทั้งหลายก็ชวนหิวไม่น้อย ต่อมาอาจจะเป็นเมนูพื้นๆ แต่ก็ แนะน�ำ เมนูนั้นคือ ข้าวผัดกุ้ง จานนี้ก็อร่อย ไม่แพ้จานอื่น ต่อมาคือเมนูต้มย�ำ แนะน�ำ ต้มย�ำปลาม้า หอม รสจัดจ้านตามแบบ ความเป็นไทย ช่วยให้โล่งคออย่างมาก และ เมนูสุดท้าย เมื่อร้านอาหารจีนก็ควรที่จะ สั่ง ติ่มซ�ำ ขอแนะ ฝ่านโก๋อ้วนๆ ขาไก่น�้ำแดง และซี่โครงหมูอบเต้าซี่ ไว้ในดวงใจของท่าน ทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ด้วย ปล. ดูเพิ่มเติมที่ http://www.bspfood.com/
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ร้าน “บ้านสวนพุด”
29
เม็ดเลือดแดง
ภาพลวงตา
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
30
By Shintaro Yamakura ส�ำหรับจิบชาฉบับนี้เป็นจิบชาที่มีความพิเศษตรงที่ เราจะ“สร้างภาพ”ลวงตาให้ท่านได้ชมลองทายกันซิว่าภาพ นี้มีรูป “คน” ทั้งหมดกี่รูป
ดูเฉลยหน้า48นะจ๊ะ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
สมประสงค์ เสนารัตน์ นิสิตปริญญาเอก สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บทน�ำ ในรอบสองสามทศวรรษที่ผ่านมาประเด็นเรื่องคุณภาพเป็นสิ่งที่มีการพูดถึงกัน มาก ทั้งในวงการอุตสาหกรรมและวงการการศึกษา ในวงการอุตสาหกรรมนั้นคุณภาพ ของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกิดขึ้นเพราะมีการขยายตัวของการผลิตสินค้าต่างๆ อย่าง กว้างขวางและมีผู้ผลิตสินค้าประเภทเดียวกันหรือคล้ายๆ กันมากขึ้นทั้งในประเทศเดียวกัน และในต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้การแข่งขันกันในตลาดจึงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น บริษัทผู้ ผลิตสินค้าต่างก็คิดหายุทธศาสตร์ในการแข่งขันกันในตลาดด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในแง่ของ ราคาและการให้บริการ แต่ยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญประการหนึ่งที่บริษัทผู้ผลิตน�ำมาใช้คือการ พัฒนาคุณภาพและบริการของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นและดีกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง (อุทัย ดุลย เกษม. 2552: 1) ด้วยเทคนิคและเครื่องมือหลากหลายประเภท Deming Cycle เป็นหนึ่งใน เครื่องมือพื้นฐานที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการน�ำมาใช้ในการปรับปรุงคุณภาพภายใน องค์กรทุกองค์กรด้วย PDSA ที่ประกอบด้วยการวางแผน ปฏิบัติ เรียนรู้ และปฏิบัติตาม ความเหมาะสม หรือ PDCA ที่ประกอบด้วยการวางแผน ปฏิบัติ ตรวจสอบ และปฏิบัติตาม ความเหมาะสม (Carpenter Group LLC. 2009) คุณภาพ (Quality) คุณภาพ หมายถึง สินค้าหรือบริการที่มีความเป็นเลิศในทุกด้าน สินค้าหรือ บริการที่เป็นไปตามข้อก�ำหนดหรือมาตรฐาน สินค้าหรือบริการที่เป็นไปตามความต้องการ ของลูกค้า สินค้าหรือบริการที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า สินค้าหรือบริการที่ ปราศจากการช�ำรุดหรือข้อบกพร่อง ดังนั้น คุณภาพ จึงมีความหมายต่างกันไปตามความ รู้สึกหรือความต้องการของผู้ใช้ หรือลูกค้า ซึ่งมักจะวัดกันด้วย “ความพึงพอใจ” หรือ “ความประทับใจ” ของลูกค้าเป็นส�ำคัญ กรณีตรงตามความต้องการที่เปิดเผยชัดแจ้ง ลูกค้าเกิดความพอใจ แต่ถ้าหากได้มากกว่าความต้องการ (เกินความคาดหวัง) หรือตรง
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
PDCA เครื่องมือในการจัดการคุณภาพ
31
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
32
เม็ดเลือดแดง กับความต้องการที่แฝงเร้น ลูกค้าเกิดความประทับใจ แนวคิดเกี่ยวกับคุณภาพ แบ่งเป็น 4 ประเด็น คือ (วิฑูรย์ สิมะโชคดี. 2542 : 7) 1. ตรงตามมาตรฐาน (Fitness to Standard) คือ ตรงตามที่ออกแบบไว้หรือ ก�ำหนดไว้ หรือตรงตามมาตรฐานที่ยอมรับกัน 2. ตรงกับประโยชน์ใช้สอย (Fitness to Use) คือ ตรงตามที่ลูกค้าต้องการใช้ 3. ราคาเหมาะสมหรือราคาถูก (Fitness to Cost) คือ มีคุณภาพสูงแต่ต้นทุนต�่ำ ทุกคนต้องการ 4. ตรงตามความต้องการที่แฝงเร้น (Fitness to Latent Requirement) คือ ตรง ตามที่ลูกค้าต้องการ รวมทั้งความต้องการที่แฝงเร้นของลูกค้าด้วย เครื่องมือแห่งคุณภาพ (Quality Tools) ในการพัฒนาคุณภาพมีเทคนิคและเครื่องมือต่างๆ หลากหลายประเภทให้เลือก เอาไปใช้ ดังนี้ (วิฑูรย์ สิมะโชคดี. 2542 : 82-83) 1. การบริหารด้วยข้อเท็จจริง (Management by Facts) 2. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) 3. การระดมสมอง (Brainstorming) 4. แผนผัง “ท�ำไม –ท�ำไม” (Why-Why Diagrams) 5. แผนผัง “อย่างไร-อย่างไร” (How – How Diagrams) 6. หลักการ 5W 1H (5W 1H Principles) 7. ผังการเคลื่อนไหล (Work Flow Diagrams) 8. หลักการ ECRS เพื่อปรับปรุงขั้นตอนการท�ำงาน 9. การปรับปรุงงาน (Work Improvement) 10. รายการตรวจสอบเพื่อการปรับปรุงของออสบอร์น (Osborne’s Check List) 11. กระบวนการแก้ปัญหา (Problem – Solving Process) 12. วงจรเดมมิ่ง (Deming Cycle) : PDSA or PDCA Cycle 13. กิจกรรม QCC : กิจกรรมกลุ่มควบคุมคุณภาพ (Quality Control Circle : QCC) 14. เครื่องมือ 7 แบบของ QC (7 QC Tools) 15. เครื่องมือใหม่ 7 แบบของ QC (7 New QC Tools) 16. การปรับปรุงกระบวนการ (Process Improvement) 17. การแปรนโยบายไปสู่การปฏิบัติ (Policy Deployment) จากเครื่องมือที่กล่าวมา 17 ชนิด เครื่องมือชนิดที่ 1-13 เป็นเครื่องมือพื้นฐาน แห่งคุณภาพ ชนิดที่ 14 - 15 เป็น QC Tools ชนิดที่ 16 เป็นเครื่องมือในการปรับปรุง
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
กระบวนการ และชนิดที่ 17 เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแปรนโยบายสู่การปฏิบัติ Deming Cycle or PDSA Cycle or PDCA Cycle William Edwards Deming เกิดวันที่ 14 ตุลาคม 1900 ที่เมือง Sioux รัฐ Iowa ส�ำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Wyoming ปริญญา โททางวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Colorado และปริญญาเอก สาขาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ (Mathematical Physics) จากมหาวิทยาลัย Yale ในปี 1928 ดร.เดมมิ่ง เริ่มงานกับ กระทรวงเกษตร (Department of Agriculture) ในปี 1927 ในต�ำแหน่งนักคณิตศาสตร์และ สถิติศาสตร์ ปี 1939 ดร. เดมมิ่ง ย้ายมาเป็นที่ปรึกษาด้านการสุ่มตัวอย่างของส�ำนักงาน ส�ำมะโนประชากร (Bureau of the Census) ปี 1946 เริ่มสอนหนังสือที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย New York (N.Y.U.) และสอนหนังสือจนถึงปี 1993 ตั้งแต่ปี 1950 ดร.เดมมิ่ง เริ่มรับเชิญเป็นวิทยากรและที่ปรึกษาให้กับอุตสาหกรรม ในประเทศญี่ปุ่น ผ่านสหภาพนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรญี่ปุ่น (Japanese Union of Scientists and Engineers) หรือ JUSE ท�ำให้อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นพัฒนาก้าวหน้าไปอย่าง รวดเร็ว ปี 1951 JUSE เริ่มการมอบรางวัลคุณภาพ Deming (Deming Prize of Quality) ให้ แก่ธุรกิจที่ด�ำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติที่ ธุรกิจต่างๆ ต้องการ และเริ่มต้นก่อนรางวัลคุณภาพ Malcolm Baldrige (Malcolm Baldrige National Quality Award) หรือ MBNQA ในสหรัฐอเมริกาหลายสิบปี จนกระทั้งปี 1980 ดร.เดมมิ่ง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวอเมริกัน หลังร่วมรายการ “ถ้าญี่ปุ่น ท�ำได้ ท�ำไมเราจะท�ำไม่ได้” (If Japan Can, Why Can’t We?) ของสถานีโทรทัศน์ NBC ดร. เดมมิ่งเสนอหลักการส�ำคัญไว้ 14 ข้อ ดังนี้ (ณัฏฐพันธุ์ เขจรนันทน์ และ คณะ. 2546: 72-75) 1. สร้างปณิธานที่มุ่งมั่นในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ (Constancy of Purpose) ผู้บริหารจะต้องมีความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการพัฒนาคุณภาพ โดยก�ำหนด แผนการด�ำเนินงานทั้งระยะสั้นระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งจะพิสูจน์ความตั้งใจ อดทน และไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลว 2. ยอมรับปรัชญาการบริหารคุณภาพใหม่ๆ (Adopt the New Philosophy) ที่ เปลี่ยนแปลง และก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหารต้องสร้าง “วัฒนธรรมคุณภาพและ การเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง” ให้เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคนและในทุกระดับขององค์การ 3. ยุติการควบคุมคุณภาพโดยอาศัยการตรวจสอบเพียงด้านเดียว (Cease Dependence on Mass Inspection) การให้ความส�ำคัญกับการควบคุมกระบวนการผลิตสินค้า และบริการให้ได้ตามมาตรฐาน ไม่ได้เป็นการด�ำเนินงานในเชิงรุกที่จะป้องกันความผิด
33
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
34
เม็ดเลือดแดง พลาด ทั้งนี้การควบคุมและประกันคุณภาพเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุเท่านั้น 4. ยุติการด�ำเนินธุรกิจโดยการตัดสินกันที่ราคาขายเพียงอย่างเดียว (End the Practice of Awarding) เพราะราคาขายจะไม่มีความหมายต่ออนาคตธุรกิจ ถ้าไม่สามารถ พัฒนาคุณภาพให้ก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจที่แข่งขันกันลดราคา ท�ำสงครามราคา จนสุดท้ายต่างจะล้มเหลวในการด�ำเนินงานและไม่สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว 5. ปรับปรุงระบบการผลิตและระบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement) โดยใช้วงล้อ PDCA เป็นเครื่องผลักดันองค์การให้หมุนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าอย่างสม�่ำเสมอ และไม่หยุดยั้ง 6. ท�ำการฝึกอบรมทักษะ (Training for a Skill) ในการท�ำงานและการจัดการ คุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยการท�ำงานให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จัดท�ำการควบคุมคุณภาพ เชิงสถิติ และใช้เครื่องมือการควบคุมคุณภาพต่างๆ เพื่อให้วัฒนธรรมคุณภาพแทรกเข้าสู่ การด�ำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างเป็นธรรมชาติ 7. สร้างภาวะผู้น�ำให้เกิดขึ้น (Leadership) กับสมาชิกทุกคนในองค์การ โดยต่างจะ เป็นผู้น�ำและกล้าที่จะรับผิดชอบในการตัดสินใจ ในการกระท�ำของตนและกลุ่ม 8. ก�ำจัดความกลัวให้หมดไป (Driver Out Fear) เป็นพื้นฐานส�ำคัญในการสร้าง องค์การคุณภาพ โดยส่งเสริมความกล้าถาม กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าปฏิบัติ และกล้าย อมรับในความผิดพลาด ในทุกระดับของธุรกิจ 9. ท�ำลายสิ่งที่กีดขวางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ (Break Down Barriers) โดยส่งเสริมการประสานงาน และช่วยเหลือกันข้ามสายงาน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และบรรลุเป้าหมายในการส่งมอบสินค้า หรือบริการที่มีคุณภาพแก่ลูกค้า 10. ยกเลิกค�ำขวัญ คติพจน์ และเป้าหมายที่ตั้งตามอ�ำเภอใจ (Eliminate Slogans, Exhortations, Arbitrary Targets) โดยเฉพาะที่เขียนขึ้นมาอย่างขอไปที แต่ไม่เกิดขึ้นจาก ความเข้าใจในปรัชญาของคุณภาพ ซึ่งท�ำให้ข้อความที่ก�ำหนดไร้เป้าหมายที่เป็นรูปธรรม ไม่สามารถน�ำไปปฏิบัติได้จริง 11. ยกเลิกการก�ำหนดจ�ำนวนโควตาที่เป็นตัวเลข (Eliminate Numerical Quotas) ในการประเมินผลงานด้านปริมาณเพียงด้านเดียว เพราะพนักงานจะท�ำงานเพื่อเป้าหมาย เท่านั้น แต่จะต้องวัดคุณภาพอย่างชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ 12. ยกเลิกสิ่งที่กีดขวางความภาคภูมิใจของพนักงาน (Remove Barriers to Pride of Workmanship) โดยส่งเสริมให้พนักงานเกิดความภาคภูมิใจในผลงานและความส�ำเร็จ ของตน ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เขาและองค์การประสบความส�ำเร็จร่วมกัน 13. การศึกษาและการเจริญเติบโต (Education and Growth) เพื่อให้ทันต่อการ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
เปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิต เทคโนโลยี สารสนเทศ และเทคนิคการบริหารงานสมัยใหม่ ตลอดจนให้ความส�ำคัญกับทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่เป็นสินทรัพย์ส�ำคัญที่สุดของทุกธุรกิจ 14. ลงมือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุผลส�ำเร็จในการเปลี่ยนแปลง (Take Action to Accomplish the Transformation) ด�ำเนินการให้เห็นผลที่เป็นรูปธรรม และต่อเนื่องในระยะ ยาว ไม่ใช่การด�ำเนินงานเฉพาะหน้าในการแก้ไขปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น โดยผู้บริหารต้อง เป็นส่วนส�ำคัญในการก�ำหนดกลยุทธ์ และผลักดันการด�ำเนินงานด้านคุณภาพ โดยเป็นผู้น�ำ ต้นแบบ และผู้สนับสนุนการด�ำเนินงานคุณภาพอย่างสมบูรณ์ คุณภาพเป็นพื้นฐานที่ส�ำคัญในการด�ำเนินงาน และอนาคตของทุกธุรกิจ โดยที่ ดร.เดมมิ่ง กล่าวถึงปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) ว่าการปรับปรุงคุณภาพจะก่อให้เกิด ผลต่อเนื่อง 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายลดลง เพราะความผิดพลาดลดลง ลดความล่าช้า ไม่ต้องเสียเวลา แก้ไข และของเสีย ลดลง 2. ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เพราะใช้ปัจจัยน�ำเข้าน้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้นกว่าเดิม 3. ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เพราะคุณภาพสูงขึ้น คุณภาพจึงเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ในความส�ำเร็จของทุกองค์การ ที่ผู้บริหารจะ ต้องให้ความสนใจและความส�ำคัญ นอกจากนี้ ระหว่างการสอนและเป็นที่ปรึกษาให้กับ นักธุรกิจและนักอุตสาหกรรมชาวญี่ปุ่น ดร.เดมมิ่ง ได้น�ำวงจรของ Walter A. Shewhart มา ปรับปรุงและอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่ง Walter A. Shewhart เขียนเกี่ยวกับ Shewhart Cycle ไว้ในหนังสือของเขาในปี ค.ศ. 1939 โดยที่เดมมิ่งเรียกวงจรนี้ว่า Shewhart Cycle หรือ PDSA Cycle ส่วนในประเทศญี่ปุ่นรู้จักกันในนาม Deming Cycle และคนทั่วไปนิยม เรียกว่า PDCA Cycle ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้ (SaferPak. 2009) 1. P = Plan หมายถึง การวางแผนเพื่อปรบปรุงคุณภาพ 2. D = Do หมายถึง การลงมือปฏิบัติตามแผน 3. S = Study หมายถึง การประเมินผลย้อนกลับเพื่อยืนยันแผนหรือเพื่อปรับแผน 4. A = Act หมายถึง ท�ำเป็นแผนถาวร หรือศึกษาเพื่อปรับปรุงแผน ส่วน PDCA ที่คนทั่วไปรู้จักประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลักดังนี้ (วีรพล บดีรัฐ. 2543: 7) P = Plan หมายถึง การวางแผน D = Do หมายถึง การปฏิบัติตามแผน
35
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
36
เม็ดเลือดแดง C = Check หมายถึง การตรวจสอบ A = Action หมายถึง การด�ำเนินการให้เหมาะสม Plan การวางแผน (Plan: P) เป็นส่วนประกอบของวงจรที่มีความส�ำคัญ เนื่องจาก การวางแผนจะเป็นจุดเริ่มต้นของงานและเป็นส่วนส�ำคัญที่จะท�ำให้การท�ำงานในส่วนอื่น เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล การวางแผนในวงจรเดมมิ่ง เป็นการหาองค์ประกอบของปัญหา โดยวิธีการระดมความคิด การเลือกปัญหา การหาสาเหตุของปัญหา การหาวิธีการแก้ ปัญหา การจัดท�ำตารางการปฏิบัติงาน การก�ำหนดวิธีด�ำเนินการ การก�ำหนดวิธีการตรวจ สอบและประเมินผล ในขั้นตอนนี้สามารถน�ำเครื่องมือเบื้องต้นแห่งคุณภาพอื่นๆ มาใช้งาน ร่วมด้วย เช่น Flowchart, Why-Why Diagram, How-How Diagram, 5W 2H Principles, Brainstorming ฯลฯ ในขั้นนี้ด�ำเนินการดังนี้ 1. ตระหนักและก�ำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยสมาชิก แต่ละคนร่วมมือ และประสานกันอย่างใกล้ชิดในการระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในการด�ำเนินงาน เพื่อที่จะร่วมกันท�ำการศึกษาและวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขต่อไป 2. เก็บรวบรวมข้อมูล ส�ำหรับการวิเคราะห์และตรวจสอบการด�ำเนินงานหรือหา สาเหตุของปัญหา เพื่อใช้ในการปรับปรุง หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งควรจะวางแผนและ ด�ำเนินการเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ ระเบียบ เข้าใจง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน เช่น ตาราง ตรวจสอบ แผนภูมิ แผนภาพ หรือแบบสอบถาม เป็นต้น 3. อธิบายปัญหาและก�ำหนดทางเลือก วิเคราะห์ปัญหา เพื่อใช้ก�ำหนดสาเหตุ ของความบกพร่อง ตลอดจนแสดงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งนิยมใช้วิธีการเขียนและ วิเคราะห์แผนภูมิหรือแผนภาพ เช่น แผนภูมิก้างปลา แผนภูมิพาเรโต และแผนภูมิการ ควบคุม เป็นต้น เพื่อให้สมาชิกทุกคนในทีมงานคุณภาพเกิดความเข้าใจในสาเหตุและ ปัญหาอย่างชัดเจน แล้วร่วมกันระดมความคิด (Brainstorm) ในการแก้ปัญหา โดยสร้าง ทางเลือกต่างๆ ที่เป็นไปได้ในการตัดสินใจแก้ปัญหา เพื่อมาท�ำการวิเคราะห์และตัดสินใจ เลือกที่เหมาะสมที่สุดมาด�ำเนินงาน 4. เลือกวิธีการแก้ไขปัญหา หรือปรับปรุงการด�ำเนินงาน โดยร่วมกันวิเคราะห์ และวิจารณ์ทางเลือกต่างๆ ผ่านการระดมความคิด และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของ สมาชิก เพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในการด�ำเนินงานให้สามารถ บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะต้องท�ำวิจัยและหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือก�ำหนดทางเลือกใหม่ที่มีความน่าจะเป็นในการแก้ปัญหาได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้เทคนิคการวางแผนที่ดีควรตอบค�ำถามต่อไปนี้ได้ (สถาบันเพิ่มผลผลิต
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
ภาพประกอบ 1 แสดงวงจรย่อยที่อยู่ในขั้นตอนปฏิบัติตามแผน (Do)
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
แห่งชาติ. 2552) • มีอะไรบ้างที่ต้องท�ำ • ใครท�ำ • มีอะไรต้องใช้บ้าง • ระยะเวลาในการท�ำงานแต่ละขั้นตอนเป็นเท่าใด • ล�ำดับการท�ำงานเป็นอย่างไร ควรท�ำอะไรก่อน อะไรหลัง • เป้าหมายในการกระท�ำครั้งนี้คืออะไร เป้าหมายที่ดี ควรยึดหลัก SMART (อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์. 2552) • S- specific ชัดเจน เจาะจง • M- measurable วัดได้ ประเมินผลได้ • A- attainable ต้องมีสิ่งสนับสนุนการบรรลุได้ • R- Relevant ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย และ กลยุทธ์ • T- time frame มีก�ำหนดเวลาให้แล้วเสร็จ DO การปฏิบัติตามแผน (Do: D) เป็นการลงมือปฏิบัติตามแผนที่ก�ำหนดไว้ในตาราง การปฏิบัติงาน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มต้องมีความเข้าใจถึงความส�ำคัญและความจ�ำเป็นในแผน นั้นๆ ความส�ำเร็จของการน�ำแผนมาปฏิบัติต้องอาศัยการท�ำงานด้วยความร่วมมือเป็นอย่าง ดีจากสมาชิก ตลอดจนการจัดการทรัพยากรที่จ�ำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานตามแผนนั้นๆ ในขั้นตอนนี้ขณะที่ลงมือปฏิบัติจะมีการตรวจสอบไปด้วย หากไม่เป็นไปตามแผนอาจจะ ต้องมีการปรับแผนใหม่ และเมื่อแผนนั้นใช้งานได้ก็น�ำไปใช้เป็นแผนและถือปฏิบัติต่อไป (ท�ำ ตามวงจรย่อยที่อยู่ใน Do ในภาพประกอบ 1) เทคนิคขั้นตอนการปฏิบัติ
37
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
38
เม็ดเลือดแดง • ท�ำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องแก้ไขหรือรับผลเสียจากการกระท�ำที่ผิดพลาด • ตรวจสอบทุกขั้นตอน หากพบข้อบกพร่องให้รีบแก้ไขก่อนที่ความเสียหายจะขยาย เป็นวงกว้าง Check การตรวจสอบ (Check: C) หมายถึง การตรวจสอบดูว่าเมื่อปฏิบัติงานตามแผน หรือการแก้ปัญหา งานตามแผนแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไร สภาพปัญหาได้รับการแก้ไขตรงตามเป้าหมายที่กลุ่ม ตั้งใจหรือไม่ การไม่ประสบผลส�ำเร็จอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น ไม่ปฏิบัติ ตามแผน ความไม่เหมาะสมของแผนการเลือกใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น เทคนิคขั้นตอนการตรวจสอบ • ตรวจสอบวิธีการและระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติจริง ว่าท�ำได้ตามแผนหรือ ไม่ • ตรวจสอบผล ที่ได้ว่าได้ตามเป้าหมายหรือไม่ • ตรวจสอบว่ามีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง • รวบรวมและบันทึกข้อมูลที่จ�ำเป็นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และปรับปรุง ให้ดีต่อไป สิ่งที่จะสามารถรู้ได้ว่าผลกับแผนที่ตั้งไว้แตกต่างกันอย่างไร สิ่งส�ำคัญที่สุดคือ การบันทึกข้อมูล ซึ่งเทคนิคการบันทึกข้อมูลมีเครื่องมืออยู่หลายชนิด และหลายเทคนิค วิธี เช่น Check list, test, Questionnaires, Attitude test, Interview, Observation, Fishbone diagram, Pareto ฯลฯ Action การด�ำเนินการให้เหมาะสม (Action : A) เป็นการกระท�ำภายหลังที่กระบวนการ 3 ขั้นตอนตามวงจรได้ด�ำเนินการเสร็จแล้ว ขั้นตอนนี้เป็นการน�ำเอาผลจากขั้นการตรวจ สอบ (C) มาด�ำเนินการให้เหมาะสมต่อไป (วีรพล บดีรัฐ. 2543: 15-16) ภาพประกอบ 2 กระบวนการปรับปรุงงาน อย่างต่อเนื่องด้วยวงจร PDCA
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
ติดตามต่อ...ฉบับหน้า To be Continued... ขอขอบคุณ อาจารย์สมประสงค์ เสนารัตน์ อาจารย์ประจ�ำสาขาพื้นฐานวิชาชีพครู วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ส่งบทความมาลง ในวารสารเม็ดเลือดแดงฉบับนี้ บทความนี้ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์จากเจ้าของบทความแล้ว วารสารเม็ดเลือดแดงจึงขอสงวนลิขสิทธิ์การคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความไปเผย แพร่โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของบทความ
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
เทคนิคขั้นตอนการด�ำเนินการให้เหมาะสม • หลังจากตรวจสอบแล้ว ถ้าเราท�ำได้ตามเป้าหมาย ให้รักษาความดีนี้ไว้ • หากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีข้อผิดพลาดไม่ว่าในขั้นตอนใดๆ ก็ตาม ให้หา สาเหตุและแก้ไขสาเหตุ • หาทางปรับปรุง เพื่อให้การปฏิบัติครั้งต่อไปดีขึ้นกว่าเดิม กรณีที่ผลเกิดขึ้นเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ ให้น�ำวิธีการหรือการปฏิบัตินั้นมาปรับ ใช้ให้เป็นนิสัยหรือเป็นมาตรฐานส่วนตัวส�ำหรับใช้กับแผนอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน เช่น ไม่ว่าการวางแผนส�ำหรับการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก ในโรงเรียนขนาดเล็กกี่โรงเรียน ก็ตาม เราสามารถบริหารได้ดีทุกครั้ง จนเรียกได้ว่าการบริหารโรงเรียนขนาดเล็กไม่ใช่ ปัญหาส�ำหรับเรา เพราะเราใช้วิธีการหรือขั้นตอนในการท�ำงาน และใช้เทคนิคแบบเดิม ที่เคยบริหารประสบความส�ำเร็จมาแล้ว นอกจากนี้เรายังจ�ำเป็นต้องคิดหาทางปรับปรุง กระบวนการหรือวิธรการที่จะท�ำให้แผนประสบความส�ำเร็จมากกว่าที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจจะ หมายถึงประสบผลส�ำเร็จตามแผนเร็วขึ้น หรือใช้ทรัพยากรน้อยลง หรือได้ผลลัพธ์ที่มี คุณภาพมากขึ้น กรณีที่ไม่เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ เมื่อผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ไม่ว่า จะมากหรือหรือให้เอาข้อมูลที่รวบรวมไว้มาวิเคราะห์และให้พิจารณาว่าควรท�ำอย่างไรต่อ ไป เช่น • มองหาทางเลือกใหม่ที่น่าเป็นไปได้ • ใช้ความพยายามให้มากกว่าเดิม • ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในกรณีที่ไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองได้ • เปลี่ยนเป้าหมายใหม่
39
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
40
เม็ดเลือดแดง
กาลครั้งหนึ่ง... By Naru-D กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่อาณาจักรของเหล่าสัตว์ป่า ป่าแห่งหนึ่งเป็น ที่ตั้งของป้อมปราการใหญ่ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์รุ่นเยาว์ทั้งหลาย สถาน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความสุขเป็นอย่างมาก เหล่าสัตว์ทั้งหลายในที่แห่งนี้ต่างอาศัยกัน อย่างมีความสุข พวกมันทั้งหลายเป็นสัตว์ที่มีพลังงานสูงมากอีกทั้งยังมีแรงใจที่สูงเป็น อย่างยิ่ง ในแต่ละปีเหล่าสัตว์วัยเยาว์ทั้งหลายนี้จะจัดกิจกรรมอาสาเพื่อไปพัฒนาในดิน แดนต่างๆ เหล่าสัตว์ทั้งหลายนี้ไปมาแล้วแทบทุกดินแดน ด้วยการสั่งสอนจากรุ่นต่อรุ่น ที่จะพัฒนาให้ทุกดินแดนได้รับการพัฒนา เต็มไปด้วยการตระหนักรู้ในเรื่องของสิทธิและ เสรีภาพ ที่เป็นค�ำสอนหลักของป้อมปราการแห่งนี้ ในป่าแห่งหนึ่งที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆมากมาย ในผืนป่าแห่ง นี้เต็มไปด้วยทรัพยากรที่น่าสนใจมากมาย ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน การพัฒนาต่างๆก็ ล้วนแล้วแต่น่าสนใจมากมาย การรวมกลุ่มของเหล่าสัตว์ทั้งหลายเป็นไปด้วยความเข้มแข็ง แต่พวกมันทั้งหลายก็มีปัญหาที่หนักใจอยู่ประการหนึ่ง นั้นคือไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรม ใดใด การร่วมกลุ่ม การจัดเลือกตั้งท้องถิ่นต่างๆ นั้นคือการที่มีเหล่าสัตว์กลุ่มหนึ่งไม่ค่อย ให้ความร่วมมือใดใด สร้างความหนักใจแก่ป่านี้เป็นอย่างมาก พวกนั้นต่างก็อาศัยอยู่ใน ป้อมปราการที่อยู่ใกล้แต่เหมือนอยู่ไกล มีความสุขอยู่ภายในอย่างดี ป่าแห่งนี้คือที่เดียวกัน!!!! นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “สร้างเสริมในสถานที่ที่ห่างไกลแต่บางครั้งก็ลืม สถานที่ใกล้ของเรา” ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ใดใด อีกทั้งยังเป็นแค่นิทาน
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
ลีลา วรวุฒิสุนทร คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง อาหารเป็นปัจจัยสี่มันจ�ำเป็น ส�ำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทุกเผ่าพันธุ์ แต่ ส�ำหรับสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา(อ่ะ แฮ่มๆ ) เช่น มนุษย์ อาหารไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ หล่อเลี้ยงและให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ยัง เป็นประดิษฐกรรมทางวัฒนธรรมประเภท หนึ่งที่ส่งต่อ สืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น สร้างอัต ตลักษณ์ มอบคุณค่าและให้ความหมายแก่ เผ่าพันธุ์ ชนชั้น หรือกลุ่มของตนเอง หลาย ครั้งที่ตัวเราถูกให้ความจ�ำกัดความจาก การกินและประเภทของอาหารที่เรากิน และบ่อยครั้งที่มันไม่ได้เป็นไปตามเขตแดน สมมติทางรัฐศาสตร์เสมอไป เช่น กลุ่มคน กินมังสวิรัติซึ่งมีอยู่ทุกประเทศ อาหารเป็นหนึ่งในวิถีทางในการ ด�ำรงเส้นแบ่งความเป็นเราเป็นเขาเอาไว้ มัน ท�ำให้เรารู้ว่าใครคือ ‘คนนอก’ (ในสังคมของ ชาวตะวันออกกลาง อาหารมีกฎกติกาที่ ละเอียดยิบย่อย ไม่ใช่เพื่อสุขภาพหรือแม่แต่ บัญญัติทางศาสนา แต่เพื่อเป็นการจ�ำแนก แตกต่างระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในแถบนั้น) คนส่วนใหญ่มักนึกคิดว่าวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมในสังคมของตนเองเป็นเรื่อง
‘ปกติธรรมดา’ ขณะที่ชายตามองไปยัง บ้านใกล้เรือนเคียงของตนเองด้วยสายตา ที่ทั้งทึ่ง พรั่นพรึง ประหลาดใจ ชื่นชมบูชา และบางทีสมเพชเวทนา (ผู้เขียนเคยเข้าไป อ่านบล็อกแห่งหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับอาหาร ประหลาดทั่วโลก และเห็นหลายคอมเม้นต์ ด่าว่า ชาวแอฟริกาที่ล่ากอริล่าหรือช้างป่า มากิน หรือชาวจีนที่กินแมว ว่าท�ำไมไม่กิน หมูไก่แทน สงสารสัตว์–ก็ให้นึกงงว่าตกลง หมูกับไก่นี่ มันไม่ใช่สัตว์หรือวะ?) อาหารคือ ความแตกต่าง หลาก หลาย และน่าอัศจรรย์ มันถูกสร้างขึ้นโดย กลุ่มวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั้งปัจจัย กายภาพ เช่น สภาพทางภูมิศาสตร์ อากาศ และปัจจัยในทางการเมือง เช่น วิถีการผลิต หรือความเชื่อทางศาสนา ซึ่งจะสังเกตได้ จากกรรมวิธีในการปรุง อุปกรณ์ วัตถุดิบ ต่างๆ ตลอดจนถึงวิธีการเปิบ กิน แดก และ พิธีกรรมอื่นๆ ที่ต่างจากความคุ้นชินใน สารบบความคิดเรา คือ ความแปลก ประหลาด อย่างไรก็ตามมันก็น่าสนใจและ มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะแก่การเติม เต็มความหิวกระหายในการเรียนรู้ซึ่งมีอยู่
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
อาหารแปลก แยกวัฒนธรรม
41
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
42
เม็ดเลือดแดง ในตัวมนุษย์ทุกคน *หมายเหตุผู้เขียน* ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและความเข้าใจในความ แตกต่างหลายหลายของวัฒนธรรม และหากพบเจอบางท่อนที่โหดร้าย อ�ำมหิต เหี้ยมหาญ ทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ ผู้เขียนจะจัดเต็มให้ได้เห็นกรรมวิธีอย่างถึงพริกถึงขิง *ส�ำคัญมาก* เครดิตของเจ้าของผลงานอยู่ด้านล่าง ขอขอบคุณจริงๆ Placentophagia–การกินรกเด็ก(Placenta Eating) รก (Placenta) เป็นอวัยวะซึ่งท�ำหน้าที่แลกเปลี่ยนเลือดและสารอาหารระหว่าง แม่และเด็กในครรภ์ นอกจากในมนุษย์แล้วสามารถพบในในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด อื่นๆ(เกี่ยวการเกิดรกหรือฮอร์โมนอื่นๆ ไปหาอ่านเอาเอง นี่ไม่ใช่รายการวิทยาศาสตร์ฮา เฮ!)อาจเพราะด้วยสัญชาตญาณระวังภัยสัตว์นักล่าอื่นที่จะตามกลิ่นพบ หรือเพราะว่ารก เป็นอวัยวะที่อุดมไปด้วยสารอาหาร การกลืนกินรกหลังคลอดจึงเป็นเรื่องปกติในธรรมชาติ ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ แล้วมนุษย์ล่ะ? ในหลายวัฒนธรรมการกินรกเป็นเรื่องปกติ หลายคนเชื่อว่าการกินรกนั้นมี ประโยชน์และเป็นยาบ�ำรุง เพราะรกเต็มไปด้วยสารอาหารและวิตามิน โดยเฉพาะวิตามิน B6 ที่ช่วยต่อสู้กับอาการหดหู่ นอกจากนี้รกยังช่วยชะลอความแก่ชรา บ�ำรุงมดลูก และ ช่วยในการสร้างน�ำ้ นม ในต�ำรับยาของจีนโบราณ รกของเด็กได้รับการขนานนามว่าเป็น ยาอายุวัฒนะ และได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการแพทย์แผนจีน แต่ไม่ใช่รกสดๆ หรอก นะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรกที่ผ่านการตากแห้งแล้ว เราสามารถท�ำเองโดยการอบแห้งด้วย เตาอบ(คุณแม่บางคนก็ใช้วิธีนี้) จากนั้นน�ำใส่ครกต�ำบดให้ละเอียด จากนั้นก็น�ำไปประกอบ อาหารหรือบรรจุใส่แคปซูลยาแล้วกินเลย แม้ว่าในหลายรายงานจะกล่าวว่า รกเด็กจะช่วยลดความเครียดและหดหู่ รวมถึงช่วยบ�ำรุง มดลูกหลังคลอด แต่ในสังคมสมัยใหม่โดยเฉพาะโลกตะวันตกไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับเรื่อง นี้ พวกเขามองว่าการกินรกเป็นกิจกรรมที่ป่าเถื่อน และอาจท�ำให้เกิดการแพร่กระจายของ โรคเอดส์และโรคตับอักเสบ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช่หากเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่มารดาของ เด็กกินเข้าไป และส่วนใหญ่พบว่าสมาชิกที่จะกินรกของเด็กก็คือตัวแม่ของเด็ก แพทย์แผน ตะวันตกส่วนใหญ่ยังปฏิเสธอีกด้วยว่าประโยชน์ของรกไม่ได้รับการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ ว่ามีประโยชน์เสียขนาดนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1998 มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากเมื่อรายการ โทรทัศน์ช่องหนึ่งของสหราชอาณาจักร ถ่ายทอดวิธีการปรุงอาหารด้วยรกของมนุษย์ คณะ กรรมการเกี่ยวกับแพร่ภาพเผยว่ารายการนั้นถูกร้องเรียนว่า ว่าเป็นรายการที่ ‘ท�ำลาย
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
สามัญส�ำนึก’ รายการแสดงการท�ำอาหารฉลองวันเกิดลูกสาวของคุณแม่คนหนึ่งด้วยรก เมนูที่ว่าประกอบด้วย รกมนุษย์ทอดกับหอมและกระเทียม, Flambé(อาหารฝรั่งเศสชนิด หนึ่งที่ใส่เหล้า เสิร์ฟในกระทะร้อนๆ ซึ่งจะท�ำให้ติดไฟ ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออาหาร) , Purée (มัน ผัก หรือถั่วที่บดจนเหนียวข้นเหมือนครีม เป็นอาหารดั้งเดิมของฝรั่งเศส) กินพร้อมกับ ขนมปัง focaccia ( ขนมปังอบแบบอิตาเลียนที่ด้านบนจะโรยหน้าด้วยสมุนไพรและเครื่องปรุ งอื่นๆ) คิดว่ามันน่าจะอร่อยเพราะพ่อของเด็กกล่าวว่าต้องขอเพิ่มถึงสิบเจ็ดครั้ง ขณะที่แข กอื่นๆในรายการไม่ค่อยจะแฮปปี้นัก มีผู้ชมบางคนร้องเรียนว่ามันคือการกินเนื้อคนดีๆนี่เอง นอกจากนี้ยังมีสูตรวิธีการปรุงอาหารจากรกของเด็กอีกหลายรายการถ้า สนใจอยากเอาไปท�ำกินเองที่บ้าน ทั้ง สตูว์ ลาซานญ่า เครื่องดื่มบ�ำรุงพลัง รวมถึงการ กินดิบ(คุณแม่บางคนรายงานมาว่าอย่างนั้น) การกินรกกลายเป็นแฟชั่นในปี 1970 ในหมู่ของพวกที่เรียกตัวเองว่า มารดาแห่ง ผืนโลก (earth mothers) แต่จ�ำนวนสมาชิกในกลุ่มนี้เริ่มลดลงเมื่อคุณแม่บางคนพยายาม ที่จะเอารกของพวกเธอกลับจากโรงพยาบาลด้วย พวกที่เห็นด้วยกับการกินรกกล่าวว่ามัน เป็นเรื่องปกติ ขณะที่พวกที่ไม่คิดเช่นนั้นตั้งค�ำถามว่ารกนั้นมันควรเป็นของแม่หรือทารกกัน แน่? ส�ำหรับพวกที่ไม่เห็นด้วยแล้วการกินรกนี้เท่ากับเป็นการกินเนื้อมนุษย์ (cannibalism) อย่างไรก็ตามมีความสัมพันธ์บางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับชื่อของกลุ่มมารดาแห่ง ผืนดิน ค�ำว่า Earth mother ปรากฏในเทพปกรนัมโบราณอ้างอิงถึงปฐมมารดาแห่งสรรพ สิ่ง เช่น พระแม่ไกอา ของกรีก หรือแม่แต่รูปปั้นวีนัสอ้วนเป็นตุ่มที่ขุดพบตามสถานที่ก่อน ประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบุคลาธิษฐานเพศหญิง แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ การก่อก�ำเนิดและชีวิต ในหนังสือ "In Search of the Miraculous." ของ Ouspensky ได้ พูดถึงความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ ระหว่างโลก สิ่งมีชีวิต และดวงจันทร์ ว่า โลกก็คือมารดาที่ ก�ำลังอุ้มครรภ์ ส่วนดวงจันทร์ก็คือเด็กทารกที่ก�ำลังจะเกิด แล้วพวกเราเล่า? พวกเราก็คือ รก นั้นแหละ! ความคิดของหมอนี้เท่าที่อ่านผ่านตาคร่าวๆ ก็คือ มนุษยชาติเรานั้นคือสาร อาหารแห่งชีวิตส�ำหรับดวงจันทร์ เราเป็นสารอาหารที่เกิดจากโลก(เพราะโลกมีชีวิต) จันทร์ขาดเราไม่ได้ และดวงจันทร์เองก็มีแรงดึงดูดหรือเสน่ห์บางอย่างต่อเราเช่นกัน (ซึ่ง ก็น่าจะจริง เพราะดวงจันทร์มีผลต่อฮอร์โมนและอารมณ์ เป็นที่มาของมนุษย์หมาป่าและ ความบ้า(Lunatic) แถมยังมีประเพณีไหว้พระจันทร์อีกแหน่ะ) ในหนังสือนั้นยังกล่าวอีกว่า สักวันหนึ่งพระจันทร์ดวงใหม่จะปรากฏ ดวงจันทร์กลายเป็นโลก ส่วนโลกจะกลายเป็น พระอาทิตย์(ตรงส่วนนี้ผู้เขียนลองตีความเล่นๆว่า บางสักวันที่ว่านี้อาจเป็นตอนที่ดวง อาทิตย์ขยายใหญ่ขึ้นจนกลืนกินโลก แล้วมนุษย์อพยพไปยังดวงจันทร์กันหมด ดวงจันทร์
43
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
44
เม็ดเลือดแดง จึงถือ’ก�ำเนิด’ และเป็นหญิงเต็มตัว — ปกติในวัฒนธรรมโบราณส่วนใหญ่ก็แทนดวงจันทร์ และโลกด้วยเพศหญิง -- พร้อมที่จะตั้งครรภ์และให้ก�ำเนิดต่อไป –นี่แค่ความคิดเล่นๆแต่ก็ ไม่แน่เพราะตอนนี้มนุษย์เราก็กระสันอยากจะไปตั้งรกรากบนดวงจันทร์กันแล้วนี่นา) ความคิด Ouspensky ถ้าสนใจไปหาอ่านกันเอาเอง ตอนนี้มาว่ากันเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับ รกต่อ ในหลายวัฒนธรรมนอกจากกินแล้วยังถือว่ารกเป็นของที่ศักดิ์สิทธิ์ จนถึงกับต้องมี การเฉลิมฉลอง ในบางวัฒนธรรมเด็กทารกจะถูกปล่อยให้ติดกับรกจนกระทั่งมันแห้งและ หลุดลอกออกมาเอง พวกเขาเรียกการเกิดแบบนี้ว่า การเกิดแบบบัวบาน (Lotus birth) สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการลอกที่เหมือนกลีบบัวบานออก ขณะที่บางวัฒนธรรมจะฝัง รกเด็กลงดินนัยว่าให้กลับคืนสู่ผืนดินเป็นการเฉลิมฉลองให้เด็ก หรือฝังใต้ต้นไม้และพื้นดิน ที่ฝังนี้ในอนาคตจะเป็นที่ดินของเด็กในการท�ำมาหากินหรือตั้งบ้านเรือนต่อไป เป็นที่มาของ ค�ำว่า ‘ตั้งรกราก’ หรือคุณแม่บางคนยังนิยมท�ำศิลปะจากภาพพิมพ์ของรก กดรกสดๆลง บนภาพ โดยมีเลือดต่างสี รอให้แห้ง แล้วใส่กรอบให้สวยงาม นอกจากรกคนแล้ว ผู้เขียนยังนึกถึงเรื่องรกของสัตว์อื่นที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เรื่องคุณวิเศษ แถวบ้านผู้เขียนเชื่อกันว่าหากแมวมาทิ้งรกไว้ให้(ปกติสัตว์จะกินรกหลังค ลอด) เขาว่ามันก�ำลังจะให้โชค(พอรู้อย่างนี้ ห้ามไปแย่งแมวมันนะ! เขาว่าไม่ได้ผลต้องให้ มันให้เอง) ผู้รู้แนะให้น�ำรกแมวไปตากแห้งเจ็ดวัน และอบด้วยของขมิ้นเหลือง แล้วห่อด้วย ผ้าแดงบูชาจะเรียกเงินเรียกทองมาให้ ข้อเท็จจริงเป็นไงสุดจะรู้ แต่ขึ้นเชื่อว่าความเชื่อก็ เท่ากับความจริง หรือไม่จริง? Reference: แปลและดัดแปลงจาก http://pregnancy.about.com/cs/placentas/a/placenta.htm http://www.mothers35plus.co.uk/placenta-recipes.htm ปล. http://cassiopaea.org/forum/index.php?topic=4628.0%3Bwap2 – สนใจความคิด เพี้ยนๆ ของ Ouspenky เชิญช่องนี้
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
By Iki Moonlit ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ สังคมไทยต้องเผชิญกับวาทกรรม สร้างภาพ ค�ำว่าสร้างภาพหมายความว่าอย่างไร? ตาม ความเข้าใจของผู้เขียน สร้างภาพ มองได้ 2 นัยยะ นัยยะแรก สร้างภาพ คือ การตกแต่ง รูปภาพให้เกิดความสวยงาม กับอีกนัยยะหนึ่ง สร้างภาพคือ การกระท�ำใดๆที่ท�ำให้สิ่งที่มีอยู่ดู ดีกว่าความเป็นจริงแต่จริงๆแล้ว สิ่งที่น�ำเสนอ ออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริงที่มีอยู่ ในการ เลือกหนังสือ คนส่วนใหญ่มักจะเลือกหนังสือ ที่หน้าปก เพราะมันสวย ดูดี แต่ เมื่อลองเปิด อ่านข้างใน เนื้อหากลับไม่สวยเท่าหน้าปกก็ มี หนังสือบางเล่มก็ช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้ เรา ตัวอย่างเช่นหนังสือ “ประวัติศาสตร์ที่เพิ่ง สร้าง” ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้างเป็นผล งานเขียนเล่มแรกและเล่มเดียว อาจารย์ สม ศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตแกนน�ำนักศึกษา ธรรมศาสตร์ ช่วง 6 ตุลา และเป็น 1 ใน 18 ผู้ ถูกจับกุมจากการล้อมปราบนักศึกษาประชาชน หัวก้าวหน้าเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 จาก ข้อมูลในสารานุกรมเสรี อาจารย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลมักจะเป็นชื่อแรก ๆ เสมอเมื่อมี วิวาทะในประเด็นปัญญาชน สังคมนิยม ลัทธิ มาร์กซ์ โดยเฉพาะประเด็นการเคลื่อนไหวของ
ขบวนการฝ่ายซ้ายไทย ปัจจุบัน อาจารย์ เป็นอาจารย์ประจ�ำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บทความหลายๆบทความในเล่ม นี้ เป็นการรวบรวมงานเขียนของอาจารย์ ในหลายๆที่มาที่เดียวกัน เนื้อหาภายใน เล่ม เป็นการรวบรวมบทความเกี่ยวกับ กรณี 14 ตุลา และ 6 ตุลา โดยจะมีการแบ่ง เนื้อหาภายในออกเป็น 3 กลุ่มตามล�ำดับ การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ก่อนและหลัง ตามช่วงประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง คือ จาก 2475 ถึง 14 ตุลา,14 ตุลา,และ 6 ตุลา (สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล,ค�ำน�ำผู้ เขียน,ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง)โดยการน�ำ มาอธิบายใหม่ในมุมมองของนักวิชาการ ภาษาที่ใช้ ก็จะเป็นภาษาของนักวิชาการ ซึ่งอาจจะท�ำความเข้าใจยาก เหมือนยา ขมหม้อใหญ่ แต่ถ้าตั้งใจอ่านต่อไปจะพบ กับการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ในอีกมุม มองหนึ่งที่เราไม่เคยได้มองมาก่อน แต่ที่ อาจารย์สมศักดิ์ได้ท�ำไปก็คือ การค่อยๆ กระเทาะเปลือกที่ห้อหุ่มประวัติศาสตร์ที่ เราเห็น เราอ่าน เราเรียน ให้แหลือแต่ความ จริงแท้เพียงอย่างเดียว แล้วน�ำความจริงนั้น มาเรียงต่อกันไปเรื่อยๆเปรียบเสมือนกับว่า
นัก...สร้าง(ภาพ)
Information and Journal Group, Faculty of Political Science
อะไรคือประวัติศาสตร์ ที่เพิ่งสร้าง?
45
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
46
เม็ดเลือดแดง ตัวประวัติศาสตร์ที่เราได้จากการกระเทาะ เปลือก คือชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์แล้วอาจารย์ สมศักดิ์ก็ท�ำหน้าที่น�ำชิ้นส่วนเหล่านั้นมา เรียงต่อเป็นภาพ เหมือนภาพจิ๊กซอว์ เราก็ จะได้ภาพใหม่ ของประวัติศาสตร์ ซึ่งต่าง จากภาพที่เราเคยเห็น เคยเชื่อ กันอยู่ทุกวัน นี้ ภาพจิ๊กซอว์ภาพใหม่ที่ผู้เขียน ได้จาก หนังสือเล่มนี้ คือ ภาพเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จากการรับรู้ของเราคือ มี การบุกเข้าไปจับกุมและสังหาร นักศึกษา และประชาชนที่ก�ำลังชุมนุมต่อต้านการ เข้ามาประเทศของ จอมพลถนอม กิตติ ขจร ในธรรมศาสตร์ เพียงเพราะว่า คน เหล่านั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ อีกความหมายหนึ่งคือ เป็นคอมมิวนิสต์ ตามการปลุกปั่น ของวิทยุยานเกราะ และ หนังสือพิมพ์ดาวสยาม ส�ำหรับภาพจิ๊กซอว์ที่อาจารย์ สมศักดิ์ มอบให้พวกเราก็คือ ท�ำไม ถึงไม่ตัดสินใจสลายการชุมนุม ใน ธรรมศาสตร์ คืนวันที่ 5 ตุลาคม 2519 ใน เมื่อ สถานการณ์ ณ ขณะนั้น ฝ่ายขวาก็ได้
พยายามปลุกเร้า และป้ายสี ให้พวกที่ชุมนุม ในธรรมศาสตร์กลายเป็นฝ่ายซ้ายหมด ถ้า สลายการชุมนุมไปเสียตอนนั้น คงไม่เกิด เหตุการณ์นองเลือด ขึ้น ซึ่งตัวอาจารย์สม ศักดิ์ได้ให้ค�ำตอบแก่เราว่า แม้จะมีการสลาย การชุมนุมในคืนนั้นไปแล้ว ความรุนแรงในเช้า วันที่ 6 ตุลาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเหลี่ยงได้ แต่จะเป็นความรุนแรงที่ต่างจากที่เกิดขึ้นจริง ในขั้นต�่ำที่สุด เป็นไปได้มากที่สุดคือ จะเกิด การเผามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้าเราโชค ร้าย ครอบครัวของนักกิจกรรม หรือตัวนัก กิจกรรมเอง อาจถูกท�ำร้าย ที่แน่นอนคือ เป็น ไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบ ใดรูปแบบหนึ่งในวันที่ 6 ตุลาคม 25191 เมื่อเรามองจากมุมของผ็ทที่ต้องรับ ผิดชอบแล้ว ก็นับว่าน่าเห็นใจไม่น้อย เพราะ ไม่ว่า จะสลายหรือไม่สลาย ทางออกก็คือ ความรุนแรง ต่างกันแค่มากหรือน้อยเท่านั้น เอง จากจิ๊กซอว์ดังกล่าวท�ำให้ตัวผ็เขียนมอง ฝ่ายแกนน�ำด้วยสายตาที่เป็นธรรมมากขึ้น ไม่ มองว่า พวกเขา “พาคนไปตาย” เหมือนดังที่ ประวัติศาสตร์พยายาม สร้างภาพให้เรามอง เช่นนั้น
Reference: 1 สมศํกดิ์ เจียมธีรสกุล, ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง, 159-160
นัก...สร้าง(ภาพ)
Medleuddang
47 Information and Journal Group, Faculty of Political Science
ข้อมูลหนังสือ ชื่อหนังสือ: ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง เขียนโดย: สมศํกดิ์ เจียมธีรสกุล พิมพ์ครั้งที่: 1 ISBN: 974-572-877-2 รายละเอียดรูปเล่ม: ปกอ่อน ราคา: 170 บาท
นัก...สร้าง(ภาพ)
เม็ดเลือดแดง
กลุ่มข้อมูลข่าวสารและวารสาร คณะรัฐศาสตร์
48
เฉลย!!!ภาพลวงตา เชื่อว่าชาคงจะหมดถ้วยแล้ว..หาคนได้ครบรึยังเอ่ย. เรามาดูกันดีกว่าว่าคนมีทั้งหมดกี่คน
1
2
3-4
5
6
7
8
9
หวังว่าคงจะหาเจอกันครบทุกคนนะครับมีใครถูก ภาพลวงตากันบ้างรึเปล่าเอ่ยย..แล้วเจอกันฉบับต่อไปนะครับ
สวัสดี.. นัก...สร้าง(ภาพ)
Special Thanks ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
วิวสวยๆ ทะเล แม่น�้ำ ภูเขา ผู้คน ที่เป็นแบบแห่งภาพ แปรง พู่กัน สี ถ่าน และดินสอ ที่เป็นตัวรังสรรค์ สายตา ลูกตา กระบอกตาที่ช่วยกันดูสังเกตและสร้างภาพขึ้นมา จิตรกร ดีไซน์เนอร์ นักการเมือง นักสังคมสงเคราะห์ ที่ช่วย “สร้าง ภาพ” ในหลายความหมาย คุณนายช่างวิจารณ์ ศิลปินเอก นายช่าง ครูศิลปะ และนักจับผิดที่ช่วยเป็นผู้ดูที่ดี พี่ๆเจ้าหน้าที่และคณะรัฐศาสตร์ที่ช่วยให้เม็ดเลือดแดง “สร้างภาพ” ต่อในเล่มนี้ สต้าฟเม็ดเลือดแดงทุกคนที่ช่วยกัน “สร้างภาพ” ในเล่ม
และสุดท้าย ขอบคุณ...
นักอ่านทุกท่าน ที่คอยเป็นผู้ดูภาพที่ดีเสมอมา
สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง