ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร
ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดํารัส เกี่ยวกับความสุขในการดําเนินชีวิต
“...พระพุทธเจาทานไดสอนวา สิ่งที่สําคัญที่สุด ถึงเรียกวาเปนอริยสัจ ๔ อยาง ที่เปนสิ่งสําคัญ ถาเราทําบุญดวยประการทั้งปวง คือทําดีดวยความตั้งใจดี แลวก็มีปติ ขึ้นมา ไดรับผลของบุญแลว เราทําสูงขึ้นไป ทําตอไป คิดใหดี ๆ จะเกิดที่เรียกวาปญญา หรือความรู ปญญานี้ ไมไดหมายความวา ใครไปเรียนกลับมาได ดอคตงดอคเตอร ไม ใช นั่นก็เปนปญญาอยางหนึ่ง เปนความรู ความรูที่ทางโลกเขาใช แตปญญาจริง ๆ เห็น อะไรจริง ๆ ที่ ใจจริง ๆ ถาเราทําบุญไปก็จะคอย ๆ เห็นความจริง เปนปญญา เราจะสามารถที่จะควบคุมการเกิดของทุกขที่ ใจ...”
พระราชดํารัส ในโอกาสที่คณะชาวหวยขวาง พญาไท เฝา ฯ ทูลเกลา ฯ ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศล และตนเทียนพรรษา ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันพุธ ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๒๑
“...การใชจายโดยประหยัดนั้น จะเปนหลักประกันความสมบูรณพูนสุข ของผูประหยัดเองและครอบครัว ชวยปองกันความขาดแคลนในวันขางหนา การประหยัด ดังกลาวนี้จะมีผลดีไมเฉพาะแกผูประหยัดเทานั้น ยังจะเปนประโยชนแกประเทศชาติดวย...”
กระแสพระราชดํารัส พระราชทานแกประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปใหม ๒๕๐๓ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๒
“...การศึกษาดานศิลปะวัฒนธรรม เปนการศึกษาที่สําคัญ และควรจะดําเนินควบคู กันไปกับการศึกษาดานวิทยาศาสตร เพราะความเจริญของบุคคล ตลอดจนถึงความเจริญ ของประเทศและของโลกโดยสวนรวมดวยนั้น มีทั้งทางวัตถุและจิตใจ ความเจริญทั้งสอง ทางนี้จะตองมีประกอบกัน เกื้อกูลและสงเสริมกันพรอมมูล จึงจะเกิดความเจริญทีแ่ ทจริงได ประเทศทั้งหลายจึงตางพยายามสงเสริมการศึกษาดานศิลปะวัฒนธรรมนี้ พรอมกันไป กับการศึกษาดานวิทยาศาสตร...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ทองพระโรงวังทาพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร วันพฤหัสบดี ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๐
“...ศาสนานั้นเปนสิ่งที่ทราบกันอยูแลววาตองมี และถึงวาศาสนามีความหมายได หลายอยาง ก็ไมจําเปนที่จะตองเปนศาสนาที่มีชอหรือที่ตองเครงครัดตามแนวทาง การสั่งสอนอยางหนึ่งอยางใด เปนแตตองมีแนวความคิดที่แนวแน ที่ดี และไมเบียดเบียน อยางนี้ ก็ถือเปนศาสนาไดทั้งนั้น ในเมืองไทยนี้ ใครจะถือปฏิบั ติตามศาสนาใดก็ไดทั้งนั้น เคยชี้แจงอยูเสมอวาเมืองไทยนี้ที่อยูไดก็เพราะไมมีการกีดกันวาคนโนนศาสนาโนน คนนี้ศาสนานี้ แตวาเปนที่ทราบกันดีวาทุกคนปฏิบั ติศาสนกิจของตน ๆ ดวยความมุงดี หวังดี ตั้งใจที่จะใหเกิดประโยชนตนและประโยชนสวนรวม ศาสนาทุกศาสนาจึงใชไดทั้งนั้น ขอแตเพียงอยาใหเบียดเบียนซึ่งกันและกัน...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกผูแทนองคการศาสนาและผูแทนสถาบันการศึกษาตาง ๆ ที่เขาเฝา ฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนองในการเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาผกาภิรมย วันพฤหัสบดี ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๑๒
“...ในบานเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไมดี ไมมีใครจะทําใหคนทุกคนเปนคนดีไดทั้งหมด การทําใหบานเมืองมีความปรกติสุขเรียบรอยจึงมิใชการทําใหทุกคนเปนคนดี หากแตอยูที่ การสงเสริมคนดี ใหคนดีไดปกครองบานเมือง และควบคุมคนไมดีไม ใหมีอํานาจ ไม ใหกอ ความเดือดรอนวุนวายได...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีเปดงานชุมนุมลูกเสือแหงชาติ ครั้งที่ ๖ ณ คายลูกเสือวชิราวุธ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๒
“...การมีเสรีภาพนั้นเปนของดีอยางยิ่ง แตเมอจะใช จําเปนจะตองใช ดวยความระมัดระวังและความรับผิดชอบ มิใหลวงละเมิดเสรีภาพของผูอน ที่เขาก็มีอยูเทาเทียมกัน ทั้งมิใหกระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพและความเปน ปรกติสุขของสวนรวมดวย...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกผูบังคับบัญชาลูกเสือ ในโอกาสเขาเฝาทูลละอองธุลีพระบาทและรับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต วันศุกร ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔
“...การลมลางของเกาเพอสรางขึ้นใหมนั้น อาจทําใหสิ่งดีที่มีอยูแลวตองทําลาย ไปดวย และทําใหความเจริญตาง ๆ ตองหยุดชะงักลง การสรางสรรคควรจะกระทําได ดวยวิธีการที่แยบคายกวานั้น โดยรวมกันคิดแกไขปรับปรุงสิ่งที่มีอยูแลวใหดีขึ้น และสรางสิ่งที่ยังขาดอยู ใหสมบูรณขึ้นมา...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร วันศุกร ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๑๕
“...ความสามัคคีนั้นอาจหมายความถึงเห็นชอบเห็นพองกันโดยไมแยงกัน ความจริง งานทุกอยางหรือการอยูเปนสังคมยอมตองมีความแยงกัน ความคิดตางกันซึ่งไมเสียหาย แตอยูที่จิตใจของเรา ถาเราใชหลักวิชาและความปรองดองดวยการใชปญ ญา การแยงตาง ๆ ยอมเปนประโยชน ถามีรากฐานของความคิดอยางเดียวกัน รากฐานของความคิดนั้นคือ แตละคนจะตองทําใหบานเมืองมีความสุขมีความปกแผน...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกผูเขาเฝา ฯ รับพระราชทานเครองราชอิสริยาภรณชั้นสายสะพาย ณ ศาลาดุสิดาลัย วันอังคาร ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๗
“...ความเพียรนั้นคือไมทอถอยในการฝกตนเอง ไมทอถอยในการแผความรู ไมทอถอยในการชวยผูอน วินัยก็คือระเบียบที่มีอยู ในใจของตัวเอง เพอที่จะเลือกเฟน วิชาการมาใชในที่ ๆ เหมาะสม ที่ถูกตอง และวินัยคือควบคุมตัวเองใหอยู ในรองในรอย ไมทําใหเกิดความเสียหายตอตนเอง...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแกคณะครูฝกตํารวจตระเวนชายแดน ณ ศาลาเริง พระราชวังไกลกังวล วันพุธ ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๑๘
“...คําที่ชอบมากในพระพุทธศาสนาคือ “วิริยะ” วิริยะนี้ออกมาในรูป ภาษาพูดธรรมดาก็หมายถึงความอุตสาหะ เพราะเขาใชคําวาวิริยะอุตสาหะ คนนั้นมีความวิริยะมาก หมายความวามีความอุตสาหะมาก มีความขยัน มีความอดทนมาก แตวิริยะกลายมาเปนคนที่มีวีระ เปนคนที่กลา อยางเชน คําวาวีรบุรุษ วีรชน คนที่กลาก็วิริยะนี้ ความอุตสาหะหรือความกลา ก็เปนคําที่สําคัญ ตองกลาที่เผชิญตัวเอง เมอกลาเผชิญตัวเอง กลาทีจ่ ะ ลบลางความขี้เกียจ เกียจครานในตัว หันมาพยายามอุตสาหะก็ไดเปนวิริยะ อุตสาหะ วิริยะในทางที่กลาที่จะคานตัวเองในความคิดพิเรนทร ก็เปนคนที่มี เหตุผล เปนคนที่ละอคติตาง ๆ ก็หมายความวาเปนคนที่คิดดีที่ฉลาด วิรยิ ะ ในทางที่ ไมยอมแมแตความเจ็บปวด ความกลัว จะมาคุกคามก็ทาํ สิง่ ทีถ่ กู ตอง ก็เปนคนกลา ถึงชอบคําวาวิริยะ...”
พระราชดํารัส ในโอกาสที่พระครูวิบูลสารธรรม เจาอาวาสวัดคลอง ๑๘ และคณะ เฝา ฯ ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันศุกร ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๘
“...กายที่มีสุขภาพดีก็หมายความวากายที่แข็งแรง ที่เดินได ยืนได นั่งได มีกําลัง มีทกุ อยาง รวมทัง้ มีความคิดทีด่ ี ถามีสขุ ภาพจิตทีด่ กี ม็ กี าํ ลัง เปนกําลังที่จะแผความเมตตา ใหแกคนอน มีกาํ ลังทีจ่ ะคิดในสิง่ ทีถ่ กู ตอง ทีจ่ ะทําใหมคี วามเจริญรุง เรืองแกตวั และความเจริญ รุงเรืองในสังคม...”
พระราชดํารัส ในโอกาสที่คณะจิตแพทย นักวิชาการสุขภาพจิต อาจารยจากมหาวิทยาลัย และผูทรงคุณวุฒิจากสถาบันตาง ๆ เขาเฝาทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตําหนักภูพิงคราชนิเวศน วันอังคาร ที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๒๐
“...ความรูส กึ ระลึกไดวา อะไรเปนอะไร หรือเรียกสัน้ ๆ วา “สติ” นัน้ เปนสิง่ สําคัญ ทีส่ ดุ อยางหนึ่งที่จะทําใหบุคคลหยุดคิดพิจารณากอนที่จะทํา จะพูด และแมแตจะคิดสิ่งใด สิ่งหนึ่งวาสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณมีประโยชนหรือเสียหาย ควรกระทําหรือควรงดเวน อยางไร เม อยั้งคิดได ก็จะชวยใหพิจารณาทุกสิ่งทุกอยางอยางละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ ไมเปนสาระไมเปนประโยชนออกไดหมด คงเหลือแตเนื้อแท ที่ถูกตองและเปนธรรม ซึ่งเปนของควรคิดควรพูดควรทําแท ๆ...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแกสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ เพอเชิญไปอานในการประชุมสามัญประจําป ระหวางวันที่ ๑๖ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐
“...ชาตินั้นเปรียบไดกับชีวิตคน. กลาวตามหลักความจริง คนเราประกอบดวย รางกายสวนหนึ่ง จิตใจสวนหนึ่ง ทั้งสองสวนคุมกันอยูบริบูรณชีวิตก็คงอยู. สวนใด สวนหนึง่ ทําลายไป ชีวติ ก็แตกดับ เพราะอีกสวนหนึง่ จะตองแตกทําลายไปดวย. ชาติของเรานัน้ มีผนื แผนดินและประชากรอันรวมกันอยูเ ปนสวนรางกาย มีศลิ ปวิทยา มีธรรมเนียมประเพณี มีความเชอถือและความคิดจิตใจที่จะสามัคคีกันอยูเปนปกแผน ซึง่ รวมเรียกวา “ความเปนไทย” เปนสวนจิตใจ. ชาติไทยเราดํารงมั่งคงอยูก็เพราะยังมีทั้งบานเมืองและความเปนไทยพรอม บริบูรณ. แตถาความเปนไทยของเรามีอันเปนตองเสอมสลายไปดวยประการใดแลว ชาติก็ตองสิ้นสูญ เพราะถึงหากบานเมืองและผูคนจะยังอยู ก็ไมมีสิ่งใดประสานยึดเหนี่ยว ใหรวมกันอยูได จะตองแตกแยกจากกันไปในที่สุด เหมือนสวนตาง ๆ ของรางกาย ที่ตองแตกจากกันเมอสิ้นชีวิต...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแกผูสําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร วิทยาเขตปตตานี วันศุกร ที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๒๑
“...รากฐานที่นับวาสําคัญ คือรากฐานทางจิตใจ อันไดแกความหนักแนนมั่นคง ในสุจริตธรรมอยางหนึง่ ในความมุง มัน่ ทีจ่ ะประกอบกิจการงานใหดจี นสําเร็จอีกอยางหนึง่ เหตุใดจึงตองมีความสุจริตและความมุงมั่น ก็เพราะความสุจริตนั้นยอมกีดกั้นบุคคล ออกจากความชั่วและความเสอมเสียทั้งหมดได จึงชวยใหบุคคลมีโอกาสใชความรู ความสามารถแต ในทางที่ถูกที่เจริญแตเพียงทางเดียว...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยรามคําแหง ณ อาคารใหม สวนอัมพร วันพุธ ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๔
“...คนเราถาทอใจแลวเปนคนอันตราย เพราะวาถาเปนคนที่มีความรูแลวทอใจ ความทอใจนั้นทําใหการควบคุมจิตใจสติของตัวนอยลง เพราะวามันทอ ความทอใจนี้ เปนสิง่ กีดขวางความดีไปไดมาก เพราะวาไมระวังตัว เวลาทอใจก็เกิดนอยใจ นอยใจก็เกิดประชด เปดโอกาสใหจิตใจรับสิ่งที่ ไมดีเขามาในจิตใจได เพราะวามีความฟุงซาน คนไหนถาทอใจ สังเกตดี ๆ พวกเพอน ๆ ที่ทอใจ บางทีคนนั้นพูดฟุงซาน พูดอะไรไมไดเรอง แลวถาใคร มาชักชวนใหทําอะไรก็อาจจะเปนผูรายไปก็ได ทําใหขาดการพิจารณา คือขาดสตินั่นเอง...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกบัณฑิตอาสาสมัคร รุนที่ ๑๓ และคณะกรรมการประจําสํานักบัณฑิตอาสาสมัคร ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันอังคาร ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๔
“...คนที่มีระเบียบมีวินัยนั้นเปนผูที่เขมแข็ง เปนผูที่หวังดีตอตัวเอง เปนผูที่จะมี ความสําเร็จในอนาคต อันนี้เปนระเบียบอยางหนึ่ง เปนวินัยอยางหนึ่ง คือวาถาคนใด มีระเบียบมีวนิ ยั ในรางกาย คือหมายถึงการปฏิบั ติของตัวในกิรยิ ามารยาท ทําใหไมมอี ปุ สรรค ตอการขวนขวายหา จะหาความรูก็ได หาอะไรก็มีความสําเร็จ คือหาสิ่งที่ตัวกําลังมุง ที่จะปฏิบั ติ การปฏิบั ติดวยความมีระเบียบมีวินัย การปฏิบั ตินน้ั สําเร็จ อันนีเ้ ปนระเบียบวินยั ชนิดหนึง่ ระเบียบวินยั อีกชนิดทีก่ ลาวเมอตะกี้ ก็คอื ระเบียบในใจ ในใจนัน้ ก็คอื การกระทําอะไร เราตองคิด เมอมีระเบียบในความคิด คือมีเหตุผล สิง่ ใดทีค่ ดิ ก็คิดออก สมมุตวิ า เราคิด เรองหนึง่ แลวก็ไปคิดถึงอีกเรองหนึง่ ที่ไมเกีย่ วของ แลวไปคิดถึงเรองที่สาม เรองที่สี่ เรองทั้งสามสี่เรองนี้ก็ไมมีความสําเร็จแนนอน เพราะวามันฟุงซาน ฉะนั้นตองมีระเบียบ ในความคิด ที่เรียกวาระเบียบในใจหรือวินัยในความคิด...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกนักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตภาคใต จังหวัดสงขลา ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดสงขลา วันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๔
ความกตัญูกตเวทีคือสภาพจิตที่รับรูความดี และยินดีที่จะกระทําความดี โดยศรัทธามั่นใจ. คนมีกตัญูจึงไมลบลางทําลายความดี และไมลบหลูผูที่ ไดทําความดี มากอน หากเพียรพยายามรักษาความดีทั้งปวงไวใหเปนพื้นฐานในความประพฤติปฏิบั ติ ทุกอยางของตนเอง. เมอเต็มใจและจงใจกระทําทุกสิ่งทุกอยางดวยความดีดังนี้ ก็ยอมมีแตความเจริญมั่นคงและรุงเรืองกาวหนายิ่ง ๆ ขึ้น. จึงอาจกลาวไดวา ความกตัญูกตเวทีเปนคุณสมบติ ั อันสําคัญยิ่งสําหรับนักพัฒนา และผูปรารถนา ความเจริญกาวหนาทุกคน.
พระบรมราโชวาท พระราชทานแกคณะกรรมการวันกตัญูกตเวที สภาสังคมสงเคราะหแหงประเทศไทย เพอเชิญลงพิมพในหนังสือที่ระลึกวันกตัญูกตเวที และ เชิญออกเผยแพรแกประชาชนเปนแนวทางปฏิบั ติ ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๖
“...การที่จะใหปราศจากอคตินี้เปนสิ่งที่ยาก เพราะจะตองบังคับจิตใจของตัวเอง อยูตลอดเวลา ทั้งในขณะที่ปฏิบั ติงาน ทั้งนอกเวลาปฏิบั ติงาน เพราะวาจิตใจที่ปราศจาก อคตินั้น ตองฝกฝนและมีอยูตลอดเวลา เพอที่จะใหปราศจากอคติก็จะตองอบรมจิตใจ ของตัวใหดี ใหมคี วามยุตธิ รรมทุกเมอ การอบรมจิตใจของตัวใหมคี วามยุตธิ รรมทุกเมอนัน้ จะตองรักษาสติใหมั่น ตองมีความรูทุกอยาง ไดประสบสิ่งใดจะตองรูวานี่คืออะไร นี่คือ สิง่ ทีค่ วร และอาจจะเห็นดวยวาสิง่ ที่ไมควรมีอะไรบาง ตองเลือกสิง่ ทีค่ วรและละสิง่ ที่ไมควร...”
พระราชดํารัส พระราชทานในโอกาสที่คณะผูพิพากษาประจํากระทรวงเฝา ฯ ถวายสัตยปฏิญาณกอนเขารับหนาที่ ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันพุธ ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๖
“...การทําความดีนั้น โดยมากเปนการเดินทวนกระแสความพอใจและความตองการ ของมนุษย จึงทําไดยาก และเห็นผลชา แตก็จําเปนตองทํา เพราะหาไม ความชั่ว ซึ่งทําไดงาย จะเขามาแทนที่ แลวจะพอกพูนขึ้นอยางรวดเร็วโดยไมทันรูสึกตัว...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแกวาที่รอยตํารวจตรี ที่สําเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดจากโรงเรียนนายรอยตํารวจ ประจําปการศึกษา ๒๕๒๘ พระราชทานประกาศนียบัตรกับเข็มพิทักษชนาธิปตยแกผูสําเร็จการศึกษา อบรมหลักสูตรการบริหารงานตํารวจชั้นสูง รุนที่ ๒ พระราชทานประกาศนียบัตรกับเข็มสันติพิทักษแกผูสําเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตร ผูกํากับการ รุนที่ ๗ และพระราชทานประกาศนียบัตรกับเข็มพิทักษาธิปตย แกผูสําเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรฝายอํานวยการตํารวจ ชุดที่ ๘ ณ อาคารใหม สวนอัมพร วันจันทร ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๙
“...ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีทรัพยากรพรอมมูล ทั้งทรัพยากร ธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล ซึ่งเราสามารถนํามาใช้เสริมสร้าง ความอุดมสมบูรณและเสถียรภาพอันถาวรของบานเมืองไดเปนอยางดี. ขอสําคัญเราจะตองรูจ กั ใชทรัพยากรทัง้ นัน้ อยางฉลาด คือไมนาํ มาทุม เทใช ใหสิ้นเปลืองไปโดยไรประโยชน หรือไดประโยชนไมคุมคา หากแตระมัดระวัง ใชดว ยความประหยัดรอบคอบ ประกอบดวยความคิดพิจารณาตามหลักวิชา เหตุผล และความถูกตองเหมาะสม โดยมุงถึงประโยชนแทจริงที่จะเกิดแก ประเทศชาติ ทั้งในปจจุบันและอนาคตอันยืนยาว...”
พระราชดํารัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๒๙ วันศุกร ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๙
“...เมอมีโอกาสและมีงานทํา ก็ควรเต็มใจทํา โดยไมจําตองตั้งขอแมหรือเงอนไข อันใดไวใหเปนเครองกีดขวาง. ขอใหคิดกันเสียใหมวา คนที่ทํางานไดจริง ๆ นั้น ไมวาจะจับงานสิ่งใด ยอมทําไดเสมอ. ถายิ่งมีความเอาใจใส มีความขยัน มีความสังเกต จดจําดี ก็ยิ่งจะชวยใหประสบผลสําเร็จในงานที่ทําสูงขึ้น...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแกผูสําเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ณ อาคารใหม สวนอัมพร วันพุธ ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐
“...การที่ ไดอุตสาหะศึกษาวิชาความรูตาง ๆ มาเปนอันมาก ทั้งในหลักสูตร และนอกหลักสูตร แทจริงคือการสะสมรวบรวมอุปกรณ และความชํานิชํานาญในการใช อุปกรณนานาชนิดนั้น ๆ ไว สําหรับนําออกใชปฏิบั ติงานเมอสําเร็จการศึกษาแลวนั่นเอง...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแกผูสําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแกน ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยขอนแกน วันพฤหัสบดี ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๓๔
“...ประเทศของเรา ไมใชประเทศของหนึ่งคนสองคน เปนประเทศ ของทุกคน ตองเขาหากัน ไมเผชิญหนากัน แกปญ หา เพราะวาอันตรายมีอยู เวลาคนเราเกิดความบาเลือด ปฏิบั ติการรุนแรงตอกัน มันลืมตัว ลงทาย ก็ ไมรูวาตีกันเพราะอะไร แลวก็จะแกปญหาอะไร เพียงแตวา จะตองเอาชนะ แลวก็ ใครจะชนะ ไมมีทางชนะ อันตรายทั้งนั้น มีแตแพ คือตางคนตางแพ ผูที่เผชิญหนาก็แพ แลวก็ที่แพที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเปน ประชาชนทั้งประเทศ ไมใชประชาชนเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถาสมมติวา กรุงเทพมหานครเสียหาย ประเทศก็เสียหายไปทัง้ หมด แลวก็จะมีประโยชนอะไร ที่จะทะนงตัววาชนะ เวลาอยูบนกองสิ่งปรักหักพัง...”
พระราชดํารัส ในโอกาสที่นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และ พลเอก เปรม ติณสูลานนท องคมนตรี นําพลเอก สุจินดา คราประยูร และพลตรี จําลอง ศรีเมือง เฝาทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน วันพุธ ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ เวลา ๒๑.๓๐ น.
“...ประเทศไทยเราอาจไมเปนประเทศที่รุงเรืองที่สุดในโลก หรือรวยที่สุดในโลก หรือฟูฟาที่สุดในโลก แตก็ขอใหเมืองไทยเปนประเทศที่มีความมั่งคง มีความสงบได เพราะวาในโลกนี้หายากแลว. เราทําเปนประเทศที่สงบ ประเทศที่มีคนที่ชวยเหลือ ซึ่งกันและกันจริง ๆ เราจะเปนที่หนึ่งในโลกในขอนี้. แลวรูสึกวาที่หนึ่งในโลกในขอนี้ จะดีกวาผูอน จะดีกวาคนที่รวยที่สุดในโลก จะดีกวาคนที่เกงในทางอะไรก็ตามที่สุดในโลก. ถาเรามีความสงบ แลวมีความสบาย ความมั่นคงที่สุดในโลกนั้น รูส กึ จะไมมีใครสูเ ราได...”
พระราชดํารัส ในโอกาสที่ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห ในพระบรมราชูปถัมภ นําคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ ฯ และนักเรียนทุนพระราชทาน เขาเฝา ฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ป ณ ศาลาดุสิดาลัย วันจันทร ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙
“...ความคิดนั้นสําคัญมาก ถือไดวาเปนแมบทใหญของคําพูดและการกระทําทั้งปวง. กลาวคือ ถาคนเราคิดดี คิดถูกตอง ทั้งตามหลักวิชาและคุณธรรม คําพูดและการกระทํา ก็เปนไปในทางที่ดีที่เจริญ. แตถาคิดไมดีไมถูกตอง คําพูดและการกระทําก็อาจกอใหเกิด ความเสอมเสียหาย ทั้งแกตัวเองและสวนรวมได. ดวยเหตุนี้ กอนที่บุคคลจะพูดจะทําสิ่งใด จําเปนตองหยุดคิดเสียกอนวา กิจที่จะทํา คําที่จะพูดนั้น ผิดหรือถูก เปนคุณประโยชน หรือเปนโทษเสียหาย เปนสิ่งที่ควรพูด ควรกระทํา หรือควรงดเวน. เมอคิดพิจารณา ไดดังนี้ ก็จะสามารถยับยั้งคําพูดที่ ไมสมควร หยุดยั้งการกระทําที่ ไมถูกตอง พูดและทํา แตสิ่งที่จะสัมฤทธิ์ผลเปนคุณ เปนประโยชน และเปนความเจริญ...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย วันพุธ ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๐
“...คนเราถาพอในความตองการ ก็มีความโลภนอย เมอมีความโลภนอย ก็เบียดเบียนคนอนนอย. ถาทุกประเทศมีความคิด - อันนี้ ไม ใชเศรษฐกิจ - มีความคิดวา ทําอะไรตองพอเพียง หมายความวา พอประมาณ ไมสุดโตง ไมโลภอยางมาก คนเราก็อยูเปนสุข. พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได แตวาตอง ไมไปเบียดเบียนคนอน. ตองใหพอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง ทําอะไรก็พอเพียง ปฏิบั ติตนก็พอเพียง...”
พระราชดํารัส พระราชทานแกคณะบุคคลตาง ๆ ที่เขาเฝา ฯ ถวายชัยมงคล เนองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ฯ พระราชวังดุสิต วันศุกร ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑
“...การทํางานรวมกับผูอื1นนั้น ที่จะใหเปนไปโดยราบรื1น ปราศจากปญหาขอขัดแยง ยอมเปนไปไดยาก เพราะคนจํานวนมากยอมมีความคิดความตองการที่แตกตางกันไป มากบาง นอยบาง. ทานจะตองรูจักอดทนและอดกลั้น ใชปญญา ไมใชอารมณ ปรึกษากัน และโอนออนผอนตามกันดวยเหตุผล โดยถือวาความคิดที่แตกตางกันนั้น มิใชเหตุที่จะทําให เปนขอขัดแยงโตเถียงเพื1อเอาแพเอาชนะกัน แตเปนเหตุสําคัญที่จะชวยใหเกิดความกระจางแจง ทั้งในวิถีทางและวิธีการปฏิบัติงาน...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแกน ณ มหาวิทยาลัยขอนแกน วันพฤหัสบดี ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๑
“...ความพรอมเพรียงเปนน้ําหนึ่งใจเดียวกันที่ทุกคนทุกฝายแสดงใหเห็น ทําให ขาพเจาระลึกถึงคุณธรรมขอหนึ่ง ที่อุปถัมภและผูกพันคนไทยใหรวมกันเปนเอกภาพ สามารถธํารงชาติบานเมืองใหมั่งคงเปนอิสระยั่งยืนมาชานาน. คุณธรรมขอนั้นก็คือไมตรี ความมีเมตตาหวังดีในกันและกัน. คนที่มีไมตรีตอกัน จะคิดอะไรก็คิดแต ในทางสรางสรรค ที่เปนประโยชนเกื้อกูลกัน. จะพูดอะไรก็ ใชเหตุผลเจรจากัน ดวยความเขาอกเขาใจกัน. จะทําอะไรก็ชวยเหลือรวมมือกัน ดวยความมุงดีมุงเจริญตอกัน...”
พระราชดํารัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม วันอาทิตย ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒
“...ในชีวิตการงานนั้นทุกคนมีภาระอันหนักที่จะตองกระทํามากมาย ประการแรกคือหนาที่ ในงานอาชีพ ซึ่งควรจะตองปฏิบั ติใหสําเร็จลุลวง ไปดวยดีทุก ๆ อยาง ประการตอไป ไดแกหนาที่ที่จะตองทําประโยชนใหแก สังคมในฐานะทีเ่ ปนสวนหนึง่ ของสังคม และเปนผูไ ดรบั ความเกือ้ กูลจากสังคม ทัง้ โดยทางตรงและทางออมอยูต ลอดเวลา นอกจากนัน้ ยังมีหนาทีท่ จ่ี ะตอง ปฏิบั ติรับใชชาติบานเมืองในฐานะที่เปนพลเมืองไทยอีกประการหนึ่งดวย ทานทั้งหลายไดเริ่มตนชีวิตมาดวยดีแลว ขอใหกระทําดีตอไปใหตลอด จงตั้งใจและมั่นใจที่จะทําความเพียรพยายาม ใชความรูความสามารถ พรอมทัง้ กําลังกายกําลังใจและความคิดพิจารณาทีร่ อบคอบ สรางคุณงาม ความดี ประกอบการงานใหบังเกิดประโยชนอันแทจริงและยั่งยืนทั้งแกตน ทั้งแกสวนรวมใหสมกับที่ ไดชอวาบัณฑิต และใหไดประสบความสําเร็จในชีวิต โดยสมบูรณ...” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร ณ ทองพระโรงวังทาพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร วันอังคาร ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๒
ขอขอบพระคุณ
สํานักราชเลขาธิการที่ไดใหความอนุเคราะหและสนับสนุนการจัดทําหนังสือนี้อยางดียิ่ง พระบรมฉายาลักษณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากหอจดหมายเหตุแหงชาติ อางอิงบทความพระบรมราโชวาทและพระราชดํารัส จากหนังสือ คําพอสอน สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ และมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ.--กรุงเทพฯ :
CONTACT CENTRE
King Power Group of Companies 3rd Floor, King Power Downtown Complex, 8 Rangnam Road, Thanon-Phayathai, Ratchathewi, Bangkok 10400 Tel: 0 2677 8888 Fax: 0 2677 8900 www.kingpower.com