2552 รายงานโครงการสร้างเครือข่าย อช.สุรินทร์ (มี.ค.-พ.ค.)

Page 1


สารบัญ หนา 1. บทนํา 1.1 บทนํา

2

ก อยางมีสวนร น วม 1.2 การอนุรักษ

3

2. หองเรีรียนธรรมชาาติ 2.1 มอแกนกักับการอนุรักษทรัพยากรทาางทะเล

5

3. เครือขขายเฝาระวังแหล ง งวางไขขเตาทะเล 3.1 เตาทะเล

11

3.2 เครือขายอนุ ย รักษแหลงวางไข ง เตาทะะเล

12

ย 3.3 แหลงวางงไขเตาทะเล และข แ อมูลลักษณะหาดทรา ษ

14

3.4 การจัดอันดั น บหาดทรายยที่เปนแหลงวางไข ว เตาทะเล

21

3.5 ฤดูวางไขขของเตาทะเลล

23

3.6 วิธีการสํารวจ า คนหาตําแหน า ง ดูแลแและเฝาระวังรังไข ง เตาทะเล

24

3.7 ผลการเฝฝาระวังไขเตาทะเล ท

33

3.8 ทําความสสะอาดหาดทรรายเพิ่มพื้นทีวางไข ว่ เตาทะเเล

40

4. อุปสรรรค และ ขอเสนอแนะ เ 4.1 ตัวชี้วัดความสําเร็จของโครงการ

44

4.2 ปญหาแลละอุปสรรค

47

4.3 ขอเสนอแแนะ

48

5. หองสสมุดความรู

50

6. ภาคผผนวก

51


สาารบัญตารราง ตารางที่ 1 ขนาดเนินทรายแห ท งของหาดทรายเกาาะสตอรค

หนา 15

ตารางที่ 2 ขนาดเนินทรายแห ท งของชายหาดอาวบบอนเล็ก

17

ท งของชายหาดอาวปปอ ตารางที่ 3 ขนาดเนินทรายแห

19

น้ แ่ ละสถิติการเลื า อกขึ้นวางงไข ตารางที่ 4 การจัดอันดับหาดทรายตตามความเหมมาะสมดานพืนที ของแมเตาทะเลบริ ท เวณหหมูเกาะสุรินทรร

21

ตารางที่ 5 ชวงเวลาที่แม แ เตาขึ้นวางไขในแตละหาาดบริเวณหมูเกาะสุ เ รินทร (ขอมูลตั้งแตป 2549 - 25522)

23

ตารางที่ 6 รังไขเตาทะะเลที่อยูภายใตตการดูและขอองเครือขายรวมฯ ว

33

ตารางที่ 7 ตัวชี้วัดผลสสําเร็จของแตละโครงการ ล

44


สารบัญรูปภาพ รูปที่ 1 รวมภาพการทํางานของเครือขายรวมเฝาระวังแหลงวางไขเตาทะเล

หนา 13

รูปที่ 2 อาณาเขตของอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทร

14

รูปที่ 3 รูปจําลองตําแหนงเนินทรายแหงและแปลงทรายของแมเตาทะเล (หาดทรายเกาะสตอรค)

16

รูปที่ 4 รูปจําลองตําแหนงเนินทรายแหงและแปลงทรายของแมเตาทะเล (หาดทรายอาวบอนเล็ก)

18

รูปที่ 5 รูปจําลองตําแหนงเนินทรายแหงและแปลงทรายของแมเตาทะเล (หาดทรายอาวปอ)

20

รูปที่ 6 แผนทีจ่ ัดอันดับชายหาดตามความเหมาะสมดานพื้นที่และสถิตกิ ารเลือกขึ้นวางไขของแมเตา ทะเล บริเวณหมูเกาะสุรินทร

22


1

บทนา ที่มาโครงการ | การอนุรักษ์อยํางมีสํวนรํวม


1.1 บทนา การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม หมายถึง การใช๎ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมอยําง ชาญฉลาด โดยใช๎ให๎น๎อย และกระจายการใช๎อยํางทั่วถึง โดยให๎สามารถใช๎ได๎ในระยะเวลายาวนานเพื่อให๎ เกิดประโยชน์สูงสุด และกํอให๎เกิดผลเสียหายตํอสิ่งแวดล๎อมน๎อยที่สดุ โดยพื้นที่ที่ทาการอนุรักษ์ไมํเพียงแตํ เฉพาะพื้นที่สาธารณประโยชน์ทั่วไปเทํานั้นแตํยังรวมถึงพื้นที่คุ๎มครองด๎วย พื้นที่คุ๎มครอง หมายถึง พื้นที่ดินหรือพื้นที่ทางทะเลที่จัดตั้งขึ้นโดยภาครัฐเพื่อคุ๎มครอง หรือรักษาความ หลากหลายทางชี ว ภาพ ทรั พ ยากรธรรมชาติ วั ฒ นธรรม และคุ ณ คํ า ทางทั ศ นี ย ภาพ การอนุ รั ก ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมจึงเป็นเป้าหมายสาคัญในกลไกการจัดการพื้นที่เพื่อให๎เกิดความยั่งยืน แนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมในพื้นที่คุ๎มครองจึงถูกกาหนดให๎ใช๎แนวทางเชิง ระบบนิเวศ โดยคานึงถึ งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้ นตํอความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตตํ างๆ ในระบบนิเวศเป็ น สาคัญ อยํางไรก็ตาม การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไมํสามารถทาได๎โดยภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว การมีสํวน รํวมของทุกภาคสํวนที่มีสํวนได๎เสียจากทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณชนทั่วไปก็มีความสาคัญเชํนกัน ดังนั้นการอนุรั กษ์ท รัพยากรธรรมชาติในพื้นที่คุ๎มครองจึงกาหนดให๎มีกลไกการจั ดการอยํางมีสํ วนรํว ม เพื่อให๎เกิดประโยชน์ และประสิทธิภาพสูงสุด การสํงเสริมให๎ชุมชนในท๎องถิ่นได๎มีสํวนรํวมในการอนุรกั ษ์พร๎อมกับการพัฒนาคุณภาพชุมชนด๎านการศึกษา เรื่องการอนุรักษ์เป็นแนวทางทีค่ วรปฏิบัติเพื่อให๎ชุมชนเกิดความตระหนักถึงความสาคัญและความจาเป็นใน การอนุรักษ์ เกิดความรักความหวงแหน และให๎ความรํวมมืออยํางจริงจังชํวยกันดูแลรักษาให๎คงสภาพเดิม ไมํให๎เกิดความเสื่อมโทรม โดยหนํวยงานรัฐควรกาหนดและกระตุ๎นให๎ชุมชนมีบทบาทหน๎าที่ในการปกป้อง คุ๎มครอง รํวมคิดวิเคราะห์และวางแผน รวมถึงการติดตามประเมินผลตรวจสอบการดาเนินกิจกรรม โดย คานึงถึงความพร๎อมของชุมชน หลักวิชาการและความเหมาะสมตามลักษณะและรูปแบบของแตํละกิจกรรม เพื่อให๎สามารถบรรลุเป้าหมายทั้งในด๎านการอนุรักษ์ และตอบสนองความต๎องการของ ชุมชนตลอดจนผู๎มีสํวนได๎สํวนเสียอื่นๆ อยํางเป็นธรรมและสมดุล

2

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


1.2 การอนุรักษ์อย่างมีส่วนร่วม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กับ ชุมชนมอแกน อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์เป็นพื้นทีค่ ุ๎มครองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่ยาวนานของชุมชนมอแกน และ ทรัพยากรธรรมชาติทางบก ชายฝั่ง และทางทะเลสมบูรณ์ที่สุดแหํงหนึ่งในจังหวัดพังงา ความสาคัญทาง วัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพดึงดูดนักทํองเที่ยวจากทั่วโลกให๎เข๎ามาสัมผัสจนกลายเป็ น แหลํงทํองเที่ยวทางทะเลที่สาคัญและสร๎างรายได๎มากกวําหลายล๎านบาทตํอปีให๎กับจังหวัด อยํางไรก็ตาม หลังการประกาศพื้นที่ทางธรรมชาติเป็นพื้นที่อนุรักษ์ในปี พ.ศ. 2524 รูปแบบการใช๎ทรัพยากรของชุมชน มอแกน (Territory patterns) ถูกปรับให๎สอดคล๎องกับแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติจากทางอุทยานฯ ที่ผํอนผันให๎ใช๎ทรัพยากรเพื่อการยังชีพเทํานั้น สํงผลให๎เกิดการขัดแย๎งในการใช๎และการเข๎าถึงทรัพยากร ดังจะเห็นตัวอยํางได๎จากผลการสารวจจากเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ที่ชี้วําพฤติกรรมการบริโภคไขํเตําของมอแกน เป็ น สาเหตุ ห นึ่ ง ซึ่ ง สํ ง ผลตํ อ ปริ ม าณการรอดตายของลู ก เตํ า ทะเลนอกเหนื อ จากการคุ ก คามจาก บุคคลภายนอกและสาเหตุทางธรรมชาติ และได๎เสนอวําควรหาแนวทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ของมอแกน และเรํงจัดทาแนวทางอนุรักษ์รํวมกัน จากปัญหาดังกลําวอุทยานฯ ตระหนักได๎วําการสร๎างความเข๎าใจ ความเป็นเจ๎าของ และความตระหนักรํวม รับผิดชอบในพื้นที่ผํานกระบวนการให๎ความรู๎ ปลูกฝังจิตสานึก และกระตุ๎นการมีสํวนรํวมในการอนุรักษ์ เพื่อให๎เกิดเป็นเครือขํายชุมชนที่มีความพร๎อมต๎องเริ่มจากการพัฒนาคุณภาพชุมชน โดยสํงเสริมให๎ชุมชน รํวมกันสารวจหาคุณคําจากทรัพยากรธรรมชาติ และหาแนวทางปกป้องดูแลรักษาด๎วยตนเองเพื่อให๎เกิด การใช๎ประโยชน์อยํางยั่งยืน จากนั้นจึงควรกาหนดรูปแบบ ระดับ ลักษณะ และขั้นตอนการมีสํวนรํวมของ ชุมชนตํอกิจกรรมการอนุรักษ์รํวมกับเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ซึ่งจะชํวยกระตุ๎นให๎เกิดกระบวนการพัฒนาชุมชน และการอนุรักษ์รํวมกันตํอไป

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

3


2

4

ห้องเรียนธรรมชาติ ผํานการให๎ความรู๎ | ปลูกจิตสานึกเรื่องการอนุรักษ์

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


2.1 มอแกนกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล อุท ยานแหํงชาติ ห มูํเกาะสุ รินทร์ต ระหนักถึงความสาคั ญของการสํ งเสริ มให๎ เกิด บทบาทรํ ว มกั นในการ ปกป้องดูแลทรัพยากรทางทะเล เพื่อเพิ่มศักยภาพของแผนการจัดการเชิงบูรณาการ และรักษาไว๎ซึ่งแหลํง ทํองเที่ยวที่สาคัญทางทะเล จึงสร๎าง กิจกรรม “ห๎องเรียนธรรมชาติ สารวจอําวบอน” ขึ้นมา เพื่อให๎ความรู๎ถึง คุณคําของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล แนวทางการอนุรักษ์ วิธีการเฝ้าระวัง และการสารวจทรัพยากร รอบตัว และหาวิธีตั้งรับเมื่อทรัพยากรเกิดการเปลี่ยนแปลงได๎ด๎วยตนเอง โดยมุํงสร๎างความรู๎ความเข๎าใจ เกี่ยวกับระบบนิเวศในแนวปะการัง การใช๎ประโยชน์จากทรัพยากร กิจกรรมที่เป็นภัยคุกคามตํอสถานภาพ ของทรัพยากร ตลอดจนกระตุ๎นให๎เกิดจิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยกระตุ๎นให๎มอแกน รู๎จักคิดด๎วยตนเองและฝึกปฏิบัติจริง และนาสิ่งที่ได๎มานาเสนอแลกเปลี่ยนกัน กิจกรรมถูกแบํงออกเป็น 10 ห๎องเรียน ในชํวงเวลา 3 เดือน โดยเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ลงพื้นที่ให๎ความรู๎เชิง วิชาการ 1 ครั้งตํอสัปดาห์ โดยใช๎เวลาอบรมครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ประกอบกับแลกเปลี่ยนความรู๎ และ ประสบการณ์กับชุมชนมอแกนเรือ่ งทรัพยากรทางทะเล มุํงเน๎นทรัพยากรในแนวชายหาด แนวปะการัง แนว ทางการอนุรักษ์ และการสารวจ รวมถึงความเป็นมาของการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์ และการจัดการพื้นที่ คุ๎มครองทางทะเล  ความเป็นมาของการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์ และการจัดการพื้นที่คุ้มครองทางทะเล อุท ยานจัด อบรมเมื่ อ วันที่ 10 มี นาคม 2552 ณ อํ าวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มี จานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 98 คนแบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยาน 3 คน มอแกน 95 คน โดยเจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่ เพื่อให๎ความรู๎เชิงวิชาการ พร๎อมกับแลกเปลี่ยนความรู๎กับชุมชนมอแกนเรื่องความเป็นมาของการ ประกาศเขตพื้นที่อนุรั กษ์ การแบํงเขตพื้นที่การใช๎ป ระโยชน์ (Zoning) และข๎อควรปฏิบัติในเขต ควบคุมพิเศษ (Special Use Zone) ผํานการฉายภาพวีดีทัศน์ เนื่องจากมอแกนสํวนใหญํไมํสามารถ อํานภาษาไทยได๎ การถํายทอดเรื่องราวตํางๆ จึงนาเสนอผํานรูปภาพเคลื่อนไหวเพื่อเป็นการจูงใจ ให๎มอแกนเข๎าถึงเป้าหมายของการนาเสนอ โดยใช๎ภาษาที่งํายตํอการเข๎าใจในชํวงเวลาสั้นๆ โดย ผู๎ เข๎ ารํ ว มสํ ว นใหญํ ให๎ ความสนใจเรื่ อ งราวของอุ ท ยานผํ านการฉายภาพวี ดี ทั ศน์ และเข๎ าใจใน จุดประสงค์ของการจัดการอบรมดี  ทรัพยากรชายหาด อุทยานฯ จัดอบรมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-20.00 น. มีจานวนผู๎เข๎ารํวม ทั้งหมด 145 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ 14 คน มอแกน 131 คน โดยเจ๎าหน๎าที่จัดการอบรมให๎อยูํใน รูปแบบของการเลํนเกมตอบปัญหาเพื่อให๎ความรู๎เรื่องความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศชายหาด เพื่อให๎ชุมชนมอแกนเห็นความสาคัญของความอุดมสมบูรณ์และการรักษาทรัพยากรชายหาดเพื่อนามา เป็นอาหารยังชีพ นอกจากนั้น ยังมีการแลกเปลี่ยนทางภาษาระหวํางเจ๎าหน๎าที่ อุทยานฯ และมอแกนอีกด๎วย โดยผู๎เข๎ารํวมให๎ความสนใจ และรํวมเลํนเกมตอบ ปัญหาเรื่ องสั ตว์ ชายหาด และแหลํ งที่ พบเป็ นอยํ างดี โดยมี เด็ กมอแกน และ ผู๎หญิงเป็นกลุํมหลักที่เข๎ารํวมเลํนเกม และมีผู๎ใหญํมอแกนเป็นผู๎ตัดสินคาตอบ นอกจากนั้นยังมีคนภายนอกที่ให๎ความสนใจเข๎ารํวมรับฟังการอบรมด๎วย

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

5


 สารวจสถานภาพปะการัง อุท ยานจัด อบรมเมื่ อ วันที่ 29 มี นาคม 2552 ณ อํ าวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มี จานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 107 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าทีอ่ ุทยาน 4 คน มอแกน 97 คน บุคคลทั่วไป 6 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎ าพื้นที่ เพื่อให๎ความรู๎ เชิงวิชาการ ผํ านการดูภาพวีดี ทัศน์ ถาม-ตอบ เรื่อง การสารวจ สถานภาพปะการังเบื้องต๎น โดยให๎มอแกนเรียนรู๎ชนิดของปะการัง รวมถึงฝึกสังเกตปะการังที่มีชีวิต และไมํมีชีวิต สาเหตุที่สํงผลให๎เกิดความเสื่อมโทรม และรํวมเสนอแนวทางการอนุรักษ์และดูแลรักษา แนวปะการัง โดยระหวํางการอบรมได๎สอดแทรกเกมตอบคาถาม ”ปะการังเป็น หรือ ปะการังตาย” โดย มอแกนสํวนใหญํที่เข๎ารับการอบรมแสดงความสนใจ กระตือรือล๎นรํวมตอบคาถาม และได๎แสดงทักษะ ความรู๎เกี่ยวกับปะการังเป็นอยํางดี  การกระจายของสิ่งมีชีวิตในหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานฯ จัดอบรมเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มีจานวนผู๎เข๎ารํวม ทั้งหมด 81 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าทีอ่ ุทยานฯ 8 คน มอแกน 70 คน บุคคลทั่วไป 3 คน โดยเจ๎าหน๎าที่เข๎า พื้นที่เพื่อให๎ความรู๎เชิงวิชาการ ผํานการดูภาพวีดีทัศน์ ถาม-ตอบ เรื่อง การกระจายของสิ่งมีชีวิตในหมูํ เกาะสุรินทร์ จุดประสงค์ 1) เพื่อถอดความรู๎ภูมิปัญญาชาวบ๎านเรื่องการกระจายของสิ่งมีชีวิต 2) เพื่อให๎ มอแกนเข๎ าใจถึงความอุดมสมบู รณ์ของทรั พยากรทางทะเลและ 3) เพื่อ ให๎มอแกนสามารถประมวล ความคิด และแสดงออกในสิ่งที่ตนเองรู๎ออกมาเพื่อให๎คนอื่นเข๎าใจ การอบรมถูกจัดในรูปแบบเกมส์ ชื่อ “เจอ...ได้ที่ไหน” โดยแบํงกลุํมมอแกนผู๎เข๎ารํวมออกเป็น 4 กลุํม ตามการนั่งของมอแกน แตํละกลุํ ม ได๎รับกระดาษบันทึกคาตอบเป็นรูปแผนที่หมูํเกาะสุรินทร์ โดยผู๎เข๎ารํวมลงคาตอบวําสัตว์ทะเลทั้ง 20 ชนิดสามารถเจอได๎ที่บริเวณใดในหมูํเกาะสุรินทร์ ผลจากการเลํนเกมส์พบวํามอแกนผู๎เข๎ารํวมทุกคนให๎ ความสนใจอยากเข๎ารํวมในกิจกรรม นอกจากนั้น ยังมีความตั้งใจ และกระตือรือร๎นที่จะแสดงความรู๎ของ ตนเองออกมา  การเปลี่ยนแปลงจานวนและความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิต ครั้งที่ 1 อุทยานจั ดอบรมเมื่อ วันที่ 19 เมษายน 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มีจานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 100 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยาน 3 คน มอแกน 95 คน บุคคลทั่วไป 2 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่เพื่อให๎ความรูเ๎ ชิงวิชาการ ผํานการดูภาพวีดที ัศน์ ถาม-ตอบ เรื่อง การเปลี่ยนแปลง จานวนและความหนาแนํนของสิ่งมีชีวิต จุดประสงค์ 1) เพื่อให๎มอแกนรู๎จักการสังเกตและจดบันทึก ข๎อมูลเรื่องชนิดและจานวนของสิ่งมีชีวิตที่พบและ 2) เพื่อให๎มอแกนรู๎จักเปรียบเทียบสถานภาพของ ทรัพยากรทางทะเลที่ถูกใช๎ประโยชน์ตํางกัน การอบรมถูกจัดในรูปแบบเกมส์ ชื่อ “มี...เท่าไหร่” โดย แบํงกลุํมมอแกนผู๎เข๎ารํวมออกเป็น 4 กลุํม ตามการนั่งของมอแกน แตํละกลุํมได๎รับกระดาษบันทึก คาตอบ โดยผู๎เข๎ารํวมลงคาตอบวําสัตว์ทะเลที่เห็นในวีดีทัศน์มีกี่ตัว ทั้งหมด 10 ชนิด แบํงเป็น 2 เหตุการณ์ 1) มีการทาประมงทาลายล๎าง 2) ไมํมีการทาประมง ผลจากการเลํนเกมส์ พบวํามอแกน ผู๎เข๎ ารํ วมทุกคนให๎ ความสนใจ และพยายามทาความเข๎ าใจกับคาถาม และวิธี การเลํน พร๎อมกั บ เคารพในกติกาของเกมส์ และให๎ความรํวมมือดีมาก

6

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


 การเปลี่ยนแปลงจานวนและความหนาแน่นของสิ่งมีชีวิต ครั้งที่ 2 อุทยานฯ จัดอบรมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มีจานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 82 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ 10 คน มอแกน 70 คน บุคคลทั่วไป 2 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่เพื่อให๎ความรู๎เชิงวิชาการ ผํานการดูภาพวีดิทัศน์ ถาม-ตอบ เรื่อง การเปลี่ยนแปลง จานวนและความหนาแนํนของสิ่งมีชีวิต ครั้งที่ 2 โดยคงจุดประสงค์เหมือนการอบรมครั้งที่ 5 แตํเพื่ อ แก๎ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการอบรมครั้งที่ 6 เรื่อง การใช๎ชื่อสามัญของสิ่งมีชีวิตสื่อสารในการ เลํนเกมส์ทาให๎เกิดความไมํเข๎าใจ เนื่องจากมอแกนยังคงใช๎ภาษาของตนเอง (ภาษามอแกน) ในการเรียก ชี่อสิ่งมีชีวิตในทะเล และผู๎บันทึกข๎อมูลในแตํละกลุํมสํวนใหญํเป็นเด็กมากกวําผู๎ใหญํ ซึ่งไมํสามารถอําน และเขียนได๎ โดยในการบันทึกข๎อมูล เจ๎าหน๎าที่ฯ ได๎จัดเตรียมกระดาษบันทึกที่มีรูปภาพเป็นสื่อกลาง เพื่อ ชํวยให๎มอแกนเข๎าใจได๎งํายขึ้น นอกจากนั้น ยังพยายามสอดแทรกการเรียกชื่อสามัญของสิ่งมีชีวิตแตํละ ประเภท เพื่อชํวยให๎ตํอไปมอแกนสามารถสื่อสารกับคนภายนอกได๎ ผลจากการเลํนเกมพบวํามอแกน ผู๎เข๎ารํวมทุกคนเข๎าใจจุดประสงค์และวิธีการเลํนมากกวําครั้งกํอน นอกจากนั้น ยั งเกิดการแลกเปลี่ยน ความรู๎เรื่องสัตว์ทะเลระหวํางกลุํมผู๎ใหญํและเด็กอีกด๎วย  ทบทวนบทเรียน เรื่อง ชนิด จานวน และการกระจายของสิ่งมีชีวิต อุทยานจัดอบรมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 17.00-20.00 น. มีจานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 94 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยาน 6 คน มอแกน 87 คน บุคคลทั่วไป 1 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่เพื่อให๎ความรู๎เชิงวิชาการ จุดประสงค์ 1) เพื่อทบทวนบทเรียน เรื่อง ชนิด จานวน ถิ่ นที่ อ ยูํ อาศั ยและการกระจายของสิ่ งมี ชีวิ ต และ 2) เพื่อ กระตุ๎ นให๎ เกิ ดความกล๎ าแสดงออกในที่ สาธารณะ การอบรมถูกจัดในรูปแบบเกมส์ ชื่อ “ทบทวนบทเรียน เรื่อง ชนิด จานวน และการกระจาย ของสิ่งมีชีวิต” โดยแบํงกลุํมมอแกนผู๎เข๎ารํวมออกเป็น 4 กลุํม ตามการนั่งของมอแกน แตํละกลุํ ม ได๎รับแผํนรูปภาพสัตว์ทะเลและสัตว์บก 15 รูป โดยผู๎เข๎ารํวมแตํละกลุํมต๎องปรึกษาหารือกันภายใน กลุํมตนเองวํามีแผํนรู ปภาพของสั ตว์ชนิดใดและแตํละตั วอาศัยอยูํ ที่ใดบ๎าง เมื่อเกมส์เริ่มให๎ทั้ง 4 กลุํม สํงตัวแทนมาด๎านหน๎า กลุํมละ 1 คน (สลับชาย-หญิง) นาแผํนรูปภาพสัตว์ที่เลือก 1 รูปมาติด ลงบนจอใหญํแสดงระบบนิเวศจาลองของ อําวบอน หมูํเกาะสุรินทร์ เลํนวนไปแบบนี้จนแผํนรูปภาพ ของทั้ง 4 กลุํม หมด ผลจากการเลํนเกมส์พบวํามอแกนผู๎เข๎ารํวมทุกคน โดยเฉพาะเด็กโตให๎ความ สนใจ และกล๎าแสดงออกมาก สํวนมอแกนผู๎ใหญํบางคนยังรู๎สึกกลัววําตนเองจะทาไมํได๎ แตํเมื่อได๎ ฟังคาอธิบายและได๎รับการกระตุ๎นจากสมาชิกในกลุํม ก็มีความกล๎ามากขึ้น สิ่งสาคัญที่เห็นได๎เดํนชัด คือ มอแกนผู๎เข๎ารํวมทุกคนเคารพในกติกาของเกมส์ ยอมรับวําสิ่งใด ถูก-ผิด เป็นอยํางดี  การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน อุทยานฯ จั ดอบรมเมื่ อวั นที่ 20 พฤษภาคม 2552 ณ อํ าวบอนใหญํ เวลา 09.30-14.00 น. มี จานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 86 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ 11 คน มอแกน 74 คน บุคคลทั่วไป 1 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎ าพื้นที่เพื่อให๎ความรู๎เชิ งวิชาการ จุดประสงค์เพื่อให๎เข๎าใจวิธีการทาประมงอยํางยั่งยืน และ ผลกระทบจากการใช๎ทรัพยากรล๎างผลาญ การอบรมถูกจัดในรูปแบบเกมส์ ชื่อ “จับปลา...ใส่เรือ”

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

7


เกม “ จับปลา...ใส่เรือ ” วิธีการเล่น แบํงมอแกนผู๎เข๎ารํวมออกเป็นสองกลุํม กลุํมแรก ให๎ชื่อวํา “นักลํา” มีผู๎เลํนทั้งหมด 10 คน แตํละคนผูกเชือกสีเหลืองไว๎ที่หัวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให๎เห็นเดํนชัด ทุกคนยืนอยูํในวงกลมสมมติ เป็นเรือ ขนาดพอดีจานวนคน กลุํมสองให๎ชื่อวํา “ปลาทะเล” มีผู๎เลํนมากได๎ไมํจากัด โดยผู๎เลํนที่เป็น ผู๎ใหญํ ให๎สมมติเป็นปลาโตเต็มที่ ผู๎เลํนที่เป็นเด็ก ให๎สมมติเป็น ลูกปลา และคัด 10 คน สมมติเป็น ปลาท๎อง โดยมีเชือกสีเหลืองผูกไว๎ที่ข๎อมือเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให๎เห็นเดํนชัด ทุกคนยืนอยูํในวงกลม ขนาดใหญํสมมติเป็นท๎องทะเล กติกา คือ เมื่อเกมส์เริ่ม รอบแรก ผู๎เลํนในกลุํมนักลําออกมาจากเรือเพื่อมาจับปลาทะเลกลับเข๎าเรือ โดยจับให๎มากที่สุดเทําที่จะมากได๎ โดยไมํเลือกขนาด ภายใน 10 วินาที โดยนักลําทุกคนต๎องกลับขึ้น เรือให๎ทันเวลา ไมํเชํนนั้นจะถือวําตกเรือ และปลาที่จับมาได๎ทุกตัวต๎องเข๎าไปอยูํภายในเรือให๎ครบ ไมํเชํนนั้นจะถือวํา จับไมํได๎หรือเรือบรรทุกหนักเกินจนจม เมื่อเวลาหมดให๎นับคะแนนที่กลุํมนักลําทา ได๎ โดยปลาแตํละขนาดมีคะแนนดังนี้ ปลาโตเต็มที่ 20 คะแนน ลูกปลา 0 คะแนน และปลาท๎อง 10 คะแนน สํวนในรอบสอง ผู๎เลํนในกลุํมนักลําออกมาจากเรือเพื่อมาจับปลากลับเข๎าเรือเชํนเดิม แตํนักลําแตํละคนจับปลาได๎คนละ 2 ตัวเทํานั้น (ตามจานวนมือของผู๎เลํน) โดยเลือกเฉพาะปลาโต เต็มที่ ภายใน 10 วินาที แล๎วกลับขึ้นเรือ เมื่อเวลาหมดให๎นับคะแนนที่กลุํมนักลําทาได๎ ผลจากการเลํนเกมส์นี้คือ ผู๎เลํนจะเข๎าใจได๎เองวําเมื่อพยายามจับปลาในจานวนที่มากเกินความสามารถของ ตนเองหรือเรือจะทาให๎ไมํได๎รับผลประโยชน์อะไรเลย หรือถ๎าเลือกจับเฉพาะลูกปลาหรือปลาท๎องซึ่งจับได๎งํายก็ จะได๎คะแนนน๎อยหรืออาจไมํได๎เลยเชํนในการเลํนรอบแรก ตํางจากรอบสองที่เลือกจับเฉพาะปลาโตเต็มที่และ จับเทําที่ตนเองจะสามารถพามาได๎และกลับขึ้นเรือทันภายในเวลาที่กาหนดจะทาให๎ได๎รับผลประโยชน์เต็มที่  ขยะทะเลและผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต อุทยานจัดอบรมเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มีจานวนผู๎เข๎ารํวมทั้งหมด 85 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยาน 4 คน มอแกน 80 คน บุคคลทั่วไป 1 คน โดยเจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่เพื่อให๎ความรู๎ เชิงวิชาการ จุดประสงค์ 1) เพื่อให๎มอแกนรู๎จักสาเหตุหรือกิจกรรมที่ทาให๎เกิดขยะและ 2) เพื่อให๎มอแกนรู๎จัก เชื่อมโยงอันตรายที่เกิดจากขยะแตํละประเภทวําสํงผลกระทบตํอสิ่งมีชีวิตชนิดใดและอยํางไรบ๎าง การอบรมถูก จัดในรูปแบบเกมส์ ชื่อ “เก็บขยะ” โดยแบํงกลุํมมอแกนผู๎เข๎ารํวมออกเป็น 4 กลุํม ตามการนั่งของมอแกน แตํละ กลุํมได๎รับถุงอุปกรณ์การเลํนคนละ 1 ถุง ภายในบรรจุอุปกรณ์ ดังนี้ 1) ขยะ 6 ประเภท 2) แผํนกระดาษตัวเลข 1-6 3) แผํนรูปภาพสิ่งมีชวี ิต 10 รูป ด๎านหน๎ากลุํมผู๎เลํนทั้ง 4 กลุํม วางตะกร๎า 6 ใบ สาหรับใสํขยะแยกประเภท ดังนี้ กระป๋องและเหล็ก เครื่องมือประมง ขยะอันตราย กระดาษ ขยะแห๎ง ขยะเปียก และขวดพลาสติก เมื่อเกมส์ เริ่มให๎ทั้ง 4 กลุํม ปรึกษาหารือกันภายในกลุํมตนเองวํามีขยะประเภทใดบ๎าง ประกอบกับดูภาพกิจกรรมตํางๆ ที่ เกิดขึ้นบนเรือสาราญบนจอใหญํด๎านหน๎าวํามีกิจกรรมอะไรบ๎าง จากนั้นให๎ชํวยกันจับคูํกิจกรรมที่คิดวําเป็น สาเหตุให๎เกิดขยะแตํละประเภท เมื่อทาเสร็จแล๎วให๎ลองคิดวําขยะแตํละประเภทเมื่อถูกทิ้งลงสูํทะเลจะมีอันตราย กับสิ่งมีชีวิตประเภทไหน โดยจับคูํขยะแตํละประเภทกับแผํนรูปภาพสิ่งมีชีวิต สุดท๎าย เมื่อเกมจบ สมาชิกทุก คนของทั้ง 4 กลุํม ต๎องนาขยะทีก่ ลุํมตนเองได๎รับทิ้งลงในตะกร๎าที่เตรียมไว๎ให๎ถูกประเภท ผลจากการเลํนเกมส์นี้ คือ มอแกนผู๎ เข๎ ารํ วมทุ กคนรู๎และเข๎าใจผลกระทบจากอันตรายของขยะแตํ ละประเภท รวมถึ งวิ ธี การและ ความสาคัญของการคัดแยกขยะ นอกจากนั้น ยังรู๎สึกสนุกกับการได๎มีสํวนรํวมคิดและเลํนในเกมส์ 8

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


 สรุปกิจกรรมห้องเรียนธรรมชาติ สารวจอ่าวบอน อุท ยานจั ด อบรมเมื่อ วันที่ 31 พฤษภาคม 2552 ณ อําวบอนใหญํ เวลา 18.00-21.00 น. มีจานวน ผู๎เข๎ารํวมทั้ งหมด 95 คน แบํงเป็นเจ๎าหน๎าที่อุทยาน 4 คน มอแกน 90 คน บุคคลทั่วไป 1 คน โดย เจ๎าหน๎าที่เข๎าพื้นที่เพื่อประเมินความพึงพอใจของชุมชนมอแกนตํอการจัดกิจกรรม “ห๎องเรียนธรรมชาติ สารวจอําวบอน” และสารวจความคิดเห็นของชุมชนมอแกนที่มีตํอทรัพยากรธรรมชาติที่อําวบอน หมูํ เกาะสุรินทร์ จุดประสงค์ 1) เพื่อสารวจมุมมองความคิดเห็นของชุมชนมอแกนตํอสิ่งรอบตัว ณ อําวบอน เล็ก ซึ่งสะท๎อนสิ่งที่สร๎างความสุข และสร๎างปัญหา ความเดือนร๎อนหรือราคาญให๎กับชุมชนมอแกนใน ชีวิตประจาวัน 2) เพื่อหาวิธีรํวมกันในการดูแลรักษา และแก๎ปัญหาสิ่งตํางๆ รอบตัว การสารวจความ คิดเห็นทาโดยเด็กๆ มอแกน โดยแบํงออกเป็น 3 กลุํม แตํละกลุํมรับผิดชอบคาถามคนละข๎อ 1) ชอบ อะไรในอําวบอน 2) ไมํชอบอะไรในอําวบอน และ3) ชอบ หรือ ไมํ ชอบ กิจกรรมห๎องเรียนธรรมชาติ ที่ อุทยานจัดขึ้น โดยเด็กๆ มอแกน ที่มีสามารถอําน-เขียนได๎รับผิดชอบคาถามที่ 1 และ 2 สํวนเด็กเล็กที่ ยังไมํสามารถอําน-เขียนได๎รับผิดชอบคาถามที่ 3 เมื่ อแบํงหน๎าที่รับผิดชอบได๎แล๎ว ให๎กระจายไปถาม คาถามที่ตนเองได๎รับกับสมาชิกในชุมชนมอแกน เมื่อครบตามกาหนดแล๎วจึงนาผลการสารวจที่ทุกคน สารวจได๎มารวบรวม และสรุปผลให๎มอแกนผู๎เข๎ารํวมทุกคนทราบโดยทั่วกัน เพื่อรํวมกันหาทางดูแล รักษาและแก๎ปัญหา ผลสารวจมีดังนี้  สิ่งที่สร๎างความสุขให๎กับชุมชนมอแกนมาก 3 อันดับแรก  สิ่งมีชีวิตในทะเล เชํน ปลา ปู กุ๎ง ดาวทะเล หอย ปลา ปะการัง (ร๎อยละ 19)  ภูเขาและทะเล (ร๎อยละ 9)  การทํองเที่ยวไปยังสถานที่ตํางๆ (ร๎อยละ 7)

 ปั ญหาสร๎ างความเดื อนร๎ อนหรื อร าคาญ ให๎กับชุมชนมอแกนมาก 3 อันดับแรก  ของเสีย เชํน ขยะ น้าเสีย (ร๎อยละ 60)  คนดื่มสุราหรือของมึนเมา (ร๎อยละ 5)  มูลหรืออันตรายจากสัตว์มีพิษ (ร๎อยละ 4)

 จานวนมอแกนที่พึงพอใจตํอกิจกรรม ห๎องเรียนธรรมชาติ สารวจอํ าวบอน ที่อุทยานฯ จั ดขึ้ น เทํากับ ร๎อยละ 96.04 ของคนทั้งหมด หมายเหตุ ชุดคาถามที่ 1 จานวน 101 ชุด ชุดคาถามที่ 2 จานวน 73 ชุด และชุดคาถามที่ 3 จานวน 101 ชุด

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

9


3

10

เครือข่ายเฝ้าระวังแหล่งวางไข่เต่าทะเล เตําทะเล | การทางานเครือขํายรํวมฯ | ข๎อมูลลักษณะหาดทราย | คูํมือเฝ้าระวังแหลํงวางไขํเตําทะเล

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


3.1 เต่าทะเล เตําทะเลเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยูํในน้าทะเลทั้งในเขตร๎อนและเขตอบอุํน โดยมีความสาคัญในระบบ นิเวศเนื่องจากเป็นผู๎ผลิตและผู๎ลําสาคัญที่สามารถบํงชี้ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศในพื้นที่นั้น ปัจจุบันทั่ว โลกสามารถพบเตําทะเลทั้งหมด 8 ชนิด สํวนในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่อุทยานแหํงชาติทางทะเลพบ เตําทะเล 4 ชนิดเทํานั้น คือ เตํามะเฟือง เตําตะนุ เตํากระ และเตําหญ๎า เตําทะเลในประเทศไทยได๎รับการคุ๎มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ๎มครองสัตว์ป่า ปี 2535 เนื่องจาก ปัญหาการลดลงอยํางรวดเร็วของประชากรเตําทะเลจากการคุกคามของมนุษย์ ในชํวงเวลาหนึ่ง อยํางไรก็ ตาม ปัจจุบันประชากรเตําทะเลยั งคงมีแนวโน๎มลดลงแม๎ วําจะมีการพยายามใช๎วิธีอนุรักษ์รู ปแบบตํางๆ ทั้งนี้เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งในอดีตที่มีการลําเพื่อนาเนื้อและไขมันมาบริโภค กระดองและซากถูก นามาแปรรูปเป็นเครื่องประดับตกแตํง และในปัจจุบันที่มีการวางอวน การลักลอบขุดไขํเตําทะเล และการ พัฒนาพื้นที่และกิจกรรมบนชายฝั่งท าให๎เกิด การสูญเสียแหลํ งวางไขํ แหลํงที่ อยูํอาศัย และแหลํงหากิ น นอกจากนี้ สภาพท๎องทะเลที่เสื่อมโทรมลงยังสํงผลตํอสุขภาพของเตําทะเลอีกด๎วย ในทะเลแถบอันดามันของไทย อุทยานแหํงชาติห มูํเกาะสุรินทร์เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เป็นแหลํงวางไขํและหา กินที่ สาคั ญของเตํ าทะเล นอกเหนือจากอุท ยานแหํงชาติ ลาปี -ท๎ายเหมื องและอุ ทยานแหํ งชาติสิมิลันใน จังหวัดพังงา และอุทยานแหํงชาติสิรินาถในจังหวัดภูเก็ต จากการบันทึกการพบเห็นตั้งแตํในอดีตจนถึง ปัจจุบัน พบวําสามารถพบเตําทะเลอาศัยอยูํรอบหมูํเกาะสุรินทร์ และสามารถพบได๎ ตลอดทั้งปี ชนิดที่พบ ได๎แกํ เตํากระและเตําตนุ เนื่องมาจากสภาพชายหาดที่เงียบสงบ และแนวปะการังที่สมบูรณ์เหมาะแกํการ เป็นแหลํงวางไขํ และหากินของเตําทะเล ความส าคั ญของเตํ าทะเลไมํ ได๎ จากั ดเพี ย งแคํ ในระบบนิ เวศภายในหมูํ เกาะสุ ริ นทร์ เทํ านั้ น แตํ รวมถึ ง ความสาคัญทางวัฒนธรรมเมื่อถูกนามาใช๎เป็นสัญลักษณ์ของมอแกน เตําทะเลเป็นตัวแทนที่สามารถบํงบอก ถึงวิถีการดารงชีวิตของมอแกนได๎เป็นอยํางดี เพราะเป็นสัตว์ที่เชื่อมระหวํางผืนน้าและแผํนดิน ในสมัยอดีต ชาวมอแกนจึงมักใช๎เตําทะเลเป็นเครื่องเซํนไหว๎ในพิธีกรรมศักดิ์สิ ทธิ์ตํางๆ ปัจจุบันความเชื่ อหลายอยํางที่ เกี่ยวข๎องกับเตําทะเลยังคงถูกถํายทอดตํอมาสูํรุํนลูก รุํนหลาน การบริโภคเนื้อและไขํเตําทะเลของมอแกนจึง ยังสามารถพบเห็นได๎จากความเชื่อที่วําจะทาให๎ผู๎ที่กินสามารถดาน้าได๎ลึกและมีอายุยืนยาว แม๎วําพฤติกรรม เหลํานี้จะขัดแย๎งตํอกฎ-ระเบียบและแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของอุทยานฯ ก็ตาม ภัยคุกคามตํอไขํเตําทะเลไมํได๎มีเพียงแคํมอแกนเทํานั้น แตํยังรวมถึงภัยตามธรรมชาติ เชํน ตะกวด ปู นก และการลักลอบขุดไขํเตําทะเลจากบุคคลภายนอก ดังนั้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหลํานี้ อุทยานฯ จึงมีการ กาหนดแนวทางการอนุรักษ์อยํางตํอเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2550 ได๎จัดให๎มีการรับซื้อไขํเตํา ทะเลจากมอแกนมาเพื่อทาการเพาะฟักและเลี้ยงในบํออนุบาลกํอนปลํอยลงสูํท๎องทะเลเพื่อแก๎ปัญหาการนา ไขํเตําทะเลไปบริโภค ในปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2552 อุทยานฯ ตระหนักถึงความสาคัญตํอการปกป้องระบบนิเวศ แหลํงวางไขํ แหลํงหากินของเตําทะเล รวมถึงการให๎ความรู๎ความเข๎าใจ ความตระหนักรํวม รับผิดชอบกับชุมชนมอแกนวําเป็นแนวทางการอนุรั กษ์เชิงรุกที่ มีความจาเป็น และเป็ น รากฐานที่สาคัญตํอการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอยํางยั่งยืน จึงกาหนดให๎มีการจัดตั้ง เครือขํายรํวมระหวํางชุมชนมอแกนและเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ เพื่อเข๎ารํวมกิจกรรม “เฝ้าระวัง

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

11


แหลํงวางไขํเตําทะเล” โดยจัดให๎มีการอบรมความรู๎พื้นฐานด๎านชีววิทยา ภัยคุกคาม และสถานภาพปัจจุบัน ของเตําทะเล จากนั้นจึงทาการรํวมกันสร๎างระบบเฝ้าระวังรังไขํเตําขึ้นเพื่อดูแลไขํเตําจนกระทั่งลูกเตําฟัก ออกจากไขํและลงสูํทะเล โดยอุทยานฯ เชื่อวําการดาเนินการอนุรักษ์ตามแนวทางนี้จะชํวยสร๎างความเข๎าใจ ในการใช๎ประโยชน์จากไขํเตําทะเลอยํางแท๎จริงให๎กับชุมชนมอแกน และสํงเสริมให๎ชุมชนมอแกนมีสํวนรํวม ในกระบวนการการอนุรั กษ์แหลํ งวางไขํเตํ าทะเล นอกจากนั้น ยังเป็นการสนับสนุนการเพาะฟักโดยวิ ธี ธรรมชาติจากหลุมที่แมํเตําได๎เลือกและวางไขํไว๎ และลูกเตําได๎ออกสูํทะเลทันทีที่ออกจากรัง

3.2 เครือข่ายอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล เพื่อการอนุรักษ์เตําทะเลโดยวิธีธรรมชาติ โดยลูกเตําได๎เกิดจากหลุมที่แมํเตําเลือกและวางไขํไว๎และได๎ลงสูํทะเล ทันทีที่ออกจากรัง เครือขํายรํวมเฝ้าระวังแหลํงวางไขํเตําทะเล ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ และชุมชน มอแกน เพื่อรํวมกันสร๎างระบบเฝ้าระวังรังไขํเตํารอบอุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์ขึ้น โดยดูแลปกป้องไขํเตํา จากภัยคุกคามทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์ ตั้งแตํอยูํในรังจนกระทั่งลูกเตําฟักออกจากไขํและลงสูํทะเล ตลอดระยะเวลา 3 เดือน อุทยานฯ ได๎ทาการประชาสัมพันธ์โครงการกับเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯและชุมชนมอ แกน เพื่อสร๎างเครือรํวมฯ จนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกเครือขํายรํวมฯ รวมทั้งสิ้น 38 คน สมาชิกทุกคน รวมถึง บุคคลที่สนใจได๎รับการอบรมความรู๎พื้นฐานด๎านชีววิทยา ภัยคุกคาม สถานภาพปัจจุบันของเตําทะเล และ แนวทางการอนุรักษ์และการจัดการแหลํงวางไขํเตําทะเลในประเทศไทย โดยวิทยากรจากสถาบันวิจัยและ พัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต การอบรมให๎ความรู๎ มีทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยการอบรมภาคปฏิบัติเน๎นการให๎ความรู๎เรื่อ งวิธีการสารวจชายหาด การติดตามการ เปลี่ยนแปลงและการบันทึกข๎อมูลชายหาดซึ่งเป็นแหลํงวางไขํเตําทะเล รวมถึงการใช๎อุปกรณ์ตํางๆ โดยจัด ให๎มีการออกสารวจพร๎อมฝึกปฏิบัติจริง

“ เกร็ดการออกสารวจ การออกสารวจ ควรสร๎างกิจกรรมขึ้นระหวํางการเดินทาง เชํน การพูดคุยรํวมกัน ระหวํ า งเจ๎ า หน๎า ที่ และมอแกนถึ งความส าคั ญ ที่ มาที่ ไ ปของการอนุ รั ก ษ์ และ รายละเอี ย ดแผนงานเพื่ อ เตรี ย มความพร๎ อ มกํ อ นการปฏิ บั ติ จริ ง และป้ อ งกั น ความรู๎สึกเบื่อหนํายจากการเดินทางระยะทางไกล ” ขั้นตอนการทางานของเครือข่ายร่วมฯ เฝ้าระวังแหล่งวางไข่เต่าทะเล 1. ประชาสัมพันธ์กิจกรรมกับเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ชุมชนมอแกน หนํวยรักษาความปลอดภัยทางทะเล ฝั่ง ทะเลอันดามัน (ทหารเรือ) หนํวยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลอันดามัน (กรมประมง) และตัวแทน ผู๎ประกอบการธุรกิจทํองเที่ยว โดยทาความเข๎าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของกิจกรรม การเข๎ารํวมเป็นสมาชิก เครือขํายรํวมฯ ขั้นตอนการดาเนินงาน และเพื่อหาข๎อตกลงรํวมเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการเฝ้าระวัง 2. ปรึกษาหารือ กั บเจ๎ าหน๎าที่ ฝ่ ายอนุรั กษ์ ท รัพยากร และมอแกนที่ มีประสบการณ์ เรื่ อ งเตํ าทะเลแตํ ละ ครัวเรือน กํอนจัดประชุมรวมกลุํมใหญํเพื่อหาข๎อสรุปรํวมเกี่ยวกับวิธีการป้องกันไขํเตําจากสัตว์อื่น เชํน ตะกวด นก 12

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ใช้วิธีที่รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด 1) ในกรณีที่ล๎อมรัง ควรนาอุปกรณ์ล๎อมรังออก อยํางน๎อย 5 วันสุดท๎ายกํอนลูกเตําฟัก 2) ไมํควรมีการปักไม๎ทิ้งไว๎บนชายหาด เนื่องจากความเชื่อของมอแกนที่วําการปักไม๎จะทาให๎แมํ เตําไมํขึ้นมาวางไขํบนชายหาดนั้นอีกเลย 3) ไมํควรใช๎อวนตาขํายในการล๎อมรังสูงเนื่องจากอาจทาให๎สัตว์อื่น เชํนปู เข๎าไปติดพันได๎ 3. แบํงหน๎าที่ความรับผิดชอบ โดยสมาชิกเครือขํายรํวมฯ ที่เป็นผู๎ใหญํที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเตําทะเลเป็น ผู๎สารวจการขึ้นวางไขํและรอยเตําทะเลบนชายหาด สํวนเด็กมอแกนเป็นผู๎ชํวยสารวจและจดบันทึกข๎อมูล

รูปที่ 1 รวมภาพการทางานของเครือขํายรํวมเฝ้าระวังแหลํงวางไขํเตําทะเล

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

13


3.3 แหล่งวางไข่เต่าทะเล และข้อมูลลักษณะหาดทราย (Beach Profile) อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์คลอบคลุมพื้นที่ประมาณ 141.25 ตารางกิโลเมตร หรือ 88,282 ไรํ (สัดสํวน พื้นที่บก ตํอ พื้นที่ทะเล คิดเป็น ร๎อยละ 23 ตํอ 77) ประกอบด๎วยเกาะขนาดใหญํ 2 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์ เหนือและเกาะสุรินทร์ใต๎ เกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ คือ เกาะกลาง (เกาะมังกร) เกาะรี (เกาะสตอร์ค) และเกาะ ไขํ (เกาะตอริลลา) และกองหิน 3 กอง คือ หินกอง หินราบ และกองหินริเชริล ด๎วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขา สูงคํอยๆ ทอดตัวราบลงในแนวเหนือใต๎และมีเวิ้งอําวจานวนมากทาให๎ด๎านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ของหมูํเกาะสุรินทร์ประกอบด๎วยหาดทรายกว๎างมากกวํา 30 หาด และมากกวําร๎อยละ 50 เป็นหาดทรายที่ มีการพบเห็นเตําทะเลขึ้นมาวางไขํตั้งแตํอดีตจนถึงปัจจุบัน

รูปที่ 2 อาณาเขตของอุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์

ผลการสารวจการขึ้นวางไขํของเตําทะเลย๎อนหลังไป 4 ปี พบวําหาดทรายที่เตําทะเลขึ้นวางไขํมีดังนี้ อําว บอนเล็ก เกาะมังกร หาดไม๎งาม อําวปอ หาดทรายแดง หาดทรายขาว เกาะสตอร์ค หาดแหลมแมํยาย หาด ทรายขาวของแหลมชํองขาด และเกาะตอรินลา อยํางไรก็ตาม ในอดีตมากกวํา 4 ปี หาดทรายโดยรอบหมูํ เกาะสุรินทร์ เชํน หาดแหลมชํองขาด หาดลูกมํวง อําวจาก หาดสุเทพเล็ก และอําวเตําได๎รับการบอกเลําวํา มีการพบเห็นการขึ้นวางไขํของเตําทะเลเชํนกัน โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแสดงถึงจานวนที่ลดลงของ แหลํงวางไขํจากอดีตถึงปัจจุบันซึ่งเป็นเครื่องบํงชี้สาคัญที่บอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพหาด

14

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ทราย อิทธิพลจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยูํตลอดเวลา รวมถึงผลกระทบจากภาวะโลกร๎อน (Global Warming) สํงผลถึงลักษณะคลื่นลมในทะเลทาให๎ลักษณะของหาดทรายเปลี่ยนแปลงไป ดังเชํนการกัดเซาะ ชายฝั่ง และการพัดพาทรายมาทับถมกัน การเริ่มสารวจเก็บข๎อมูลลักษณะหาดทรายเพื่อบันทึกเป็นข๎อมูล ลักษณะหาดทราย (Beach Profile) เพื่อให๎เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนหาดทรายในแตํละชํวงเวลาจึง เป็นขั้นตอนแรกของการสารวจเก็บข๎อมูล โดยข๎อมูลที่ได๎เชํน ความกว๎าง-ยาว ความชัน พิกัดบอกตาแหนํง ของหาดทรายและเนินทราย ระดับน้าขึ้น-ลง (แนวซากเกยหาด) และลักษณะทั่วไปใต๎พื้นทรายสามารถนามา ชํวยในการวางแผนการจัดการแหลํงวางไขํเตําทะเลรอบหมูํเกาะสุรินทร์ตํอไปได๎ในอนาคต 1) ข้อมูลเฉพาะหาดทรายเกาะสตอร์ค 1. หาดทรายมี ความยาว 61 เมตร และมีความกว๎างผันเปลี่ยนไปตามชํวงเวลา โดยมี ความกว้างเฉลี่ย 2.82 2.1 และ 3.07 เมตร ในชํวงต๎นเดือนและปลายเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ตามลาดับ เมื่อทา การวัดในตาแหนํงที่น้าทะเลขึ้นสูงสุด 2. เนินทรายแห้งที่มีสภาพเหมาะแก่การวางไข่1 มีจานวนทั้งหมด 5 4 และ 3 เนินทราย ในชํวงต๎นเดือน และปลายเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ตามลาดับ 3. การเปลี่ยนแปลงของหาดทราย ในชํวงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งใกล๎หน๎ามรสุม หาดทราย ได๎รับอิทธิพลจากคลื่นประกอบกับฝนที่ตกหนักทาให๎บริเวณที่เป็นเนินทรายฝั่งซ๎าย และด๎านหน๎าตลอด แนวหาดคํอยๆ หายไป อิทธิพลจากคลื่นยังสํงผลตํอระดับแนวน้าขึ้นสูงสุด โดยเฉพาะชํวงน้าใหญํ (12-7 ค่า) ที่สูงมากจนสํงผลตํอขนาดพื้นที่ที่เป็นเนินทรายให๎ลดน๎อยลง 4. สภาพใต้พื้นทราย เกือบทุกเนินที่อยูํใกล๎แนวป่ามีรากไม๎ฝอยมากด๎านลํางเป็นดิน สํวนเนินทรายที่อยูํ ถัดออกมามีรากไม๎ฝอยปานกลางถึงน๎อย เม็ดทรายขาวละเอียดด๎านลํางทาให๎คํอนข๎างชื้น และมีอุณหภูมิ เฉลี่ยประมาณ 29 องศาเซลเซียส ตารางที่ 1 ขนาดเนินทรายแห๎งของหาดทรายเกาะสตอร์ค

วันที่สารวจ 10 เม.ย. 2552 แรม 1 ค่า เดือน 5 27 เม.ย. 2552 ขึ้น 4 ค่า เดือน 6 13 พ.ค. 2552 แรม 5 ค่า เดือน 6

1

ความกว้าง x ความยาว ของเนินทรายแห้ง (เมตร) จากซ้ายไปขวา เนินที่ 1

เนินที่ 2

เนินที่ 3

เนินที่ 4

เนินที่ 5

2.20 x 3.50

2.30 x 5.90

3.80 x 14.00

4.40 x 16.5

1.40 x 3.10

-

1.90 x 5.10

2.20 x 9.71

2.50 x 8.47

1.80 x 2.90

-

2.50 x 5.00

2.70 x 5.00

4.00 x 9.00

-

เนินทรายแห๎งที่มีสภาพเหมาะแกํการวางไขํ คือ น้าทะเลทํวมไมํถึง ใต๎พื้นทรายไมํมีรากไม๎ฝอย หิน หรือน้าขัง

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

15


รูปที่ 3 รูปจาลองตาแหนํงเนินทรายแห๎งและแปลงทรายของแมํเตําทะเล (หาดทรายเกาะสตอร์ค) 16

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


2) ข้อมูลเฉพาะหาดทรายอ่าวบอนเล็ก 1. หาดทรายมี ความยาว 84 เมตร และมีความกว๎างผันเปลีย่ นไปตามชํวงเวลา โดยมี ความกว้างเฉลี่ย 4.56 และ 6.02 เมตร ในชํวงเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ตามลาดับ เมื่อทาการวัดในตาแหนํงที่น้า ทะเลขึ้นสูงสุด 2. เนินทรายแห้งที่มีสภาพเหมาะแก่การวางไข่ คือ มีจานวนทั้งหมด 1 เนินทราย ยาวตลอดหาด และมี ความยาวเพิ่มมากขึน้ ในชํวงต๎นเดือนพฤษภาคม ด๎านบนเนินทรายมีต๎นผักบุ๎งทะเลปกคลุม 3. การเปลี่ยนแปลงของหาดทราย เนื่องจากหาดทรายตั้งหลบอยูํในเวิ้งอําวลึกทาให๎ไมํได๎รับอิทธิพลจาก คลื่นและลมมาก ประกอบกับมีพืชคลุมดินปกคลุมตลอดแนวเนินทรายจึงชํวยลดอิทธิพลจากลมที่พัดพาเอา ทรายออกไป 4. สภาพใต้พื้นทราย ไมํมรี ากไม๎ฝอย หรือหิน ทรายด๎านลํางแห๎งและรํวน ตารางที่ 2 ขนาดเนินทรายแห๎งของชายหาดอําวบอนเล็ก

วันที่สารวจ

ความกว้าง x ความยาว ของเนินทรายแห้ง (เมตร) เนินที่ 1

28 เม.ย. 52 (ขึ้น 5 ค่า เดือน 6)

4.56 x 59.30

12 พ.ค. 52 (แรม 4 ค่า เดือน 6)

6.02 X 83.50

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

17


รูปที่ 4 รูปจาลองตาแหนํงเนินทรายแห๎งและแปลงทรายของแมํเตําทะเล (หาดทรายอําวบอนเล็ก) 18

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


3) ข้อมูลเฉพาะหาดทรายอ่าวปอ เนื่องจากอําวปอมีหาดทรายทีย่ าว และสภาพหาดแตํละชํวงแตกตํางกันมาก การสารวจจึงทาเฉพาะพื้นที่ที่ แมํเตําทะเลเคยเลือกขึ้นมาวางไขํเทํานั้น 1. เนินทรายแห้ง ที่มีสภาพเหมาะแกํการวางไขํ มีจานวนทัง้ หมด 2 และ 3 เนินทราย ในเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ตามลาดับ ลักษณะของเนินทรายทั้ง 3 เนินทราย แตกตํางกัน ดังนี้ เนินทรายที่ 1 อยูดํ ๎านหน๎าหาด ทัว่ เนินทรายมีต๎นผักบุ๎งทะเลปกคลุมหนาแนํน เนินทรายที่ 2 อยูํลึกสูงเข๎าไปในแนวป่า มีต๎นไม๎ปกคลุมหนาแนํน จึงมีเศษใบไม๎ปกคลุมอยูดํ ๎านบน และ แสงแดดสํองถึงลาบาก เนินทรายที่ 3 อยูดํ ๎านหน๎าหาดทราย ไมํมีพืชปกคลุม 2. การเปลี่ยนแปลงของหาดทราย ในชํวงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งใกล๎หน๎ามรสุม หาดทราย บางชํวงได๎รับอิทธิพลจากคลื่นประกอบกับฝนที่ตกหนักทาให๎ระดับแนวน้าขึ้นสูงสุด โดยเฉพาะชํวงน้าใหญํ (12-7 ค่า) สูงมากจนน้าทะเลทํวมถึงแนวป่า 3. สภาพใต้พื้นทราย ไมํมีรากไม๎ฝอย หรือหิน ทรายด๎านลํางแห๎ง เม็ดทรายหยาบ ตารางที่ 3 ขนาดเนินทรายแห๎งของชายหาดอําวปอ

วันที่สารวจ

ความกว้าง x ความยาว ของเนินทรายแห้ง (เมตร) จากซ้ายไปขวา เนินที่ 1

เนินที่ 2

เนินที่ 3

2 เม.ย. 2552 ขึ้น 8 ค่า เดือน 5

4.23 x 23.40

6.60 x 21.00

-

14 พ.ค. 2552 แรม 6 ค่า เดือน 6

4.80 x 23.40

7.00 x 21.00

4.20 x 5.80

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

19


รูปที่ 5 รูปจาลองตาแหนํงเนินทรายแห๎งและแปลงทรายของแมํเตําทะเล (หาดทรายอําวปอ) 20

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


3.4 การจัดอันดับหาดทรายที่เป็นแหล่งวางไข่เต่าทะเล เมื่อนาผลการสารวจข๎อมูลลักษณะหาดทราย (ทาการสารวจเฉพาะหาดทรายที่มีแนวโน๎มการขึ้นวางไขํของ เตํ าทะเลสู ง) มาประมวลผลเข๎ ากั บผลการส ารวจการขึ้ นวางไขํ ข องเตํ า ทะเล ในชํว งเดื อ นมี นาคมถึ ง พฤษภาคมทาให๎ได๎ผลข๎อมูลการจัดอันดับหาดทราย (Beach rating) ซึ่งสามารถนามาวางแผนการเฝ้าระวัง หาดทรายที่มีอยูํเป็นจานวนมากให๎เหลือเฉพาะบางสํวน โดยคานวณจากอันดับความเหมาะสมด๎านพื้นที่ และสถิติการเลือกขึ้นวางไขํของแมํเตําทะเล หาดทรายที่ทาการสารวจ ได๎แกํ อําวบอนเล็ก เกาะมังกร หาดไม๎งาม อําวปอ หาดทรายแดง หาดทรายขาว เกาะสตอร์ค และหาดทรายขาวของแหลมชํองขาด โดยผลข๎อมูลการจัดอันดับหาดทรายแสดงอยูํในตาราง 4 และรูป 6 จานวนดาวเรียงจากมากไปหาน๎อย ตารางที่ 4 การจัดอันดับหาดทรายตามความเหมาะสมด๎านพื้นที่และสถิติการเลือกขึ้นวางไขํของแมํเตําทะเลบริเวณหมูํเกาะสุรินทร์

อันดับหาดทรายที่มีความเหมาะสมด้านพื้นที่และสถิติการเลือกขึ้นวางไข่ของแม่เต่าทะเล เกาะสตอร์ค

เกาะมังกร

หาดแหลมชํองขาด

อําวไทรเอน

อําวบอนเล็ก

หาดทรายขาว

อําวสุเทพเล็ก

อําวแมํยาย

อําวปอ (หาดไม๎งามเล็ก)

หาดทรายขาวของแหลมชํองขาด

อําวจาก

อําวชํองขาด

หาดทรายแดง

หาดแหลมแมํยาย

หาดลูกมํวง

อําวกระทิง

หาดไม๎งาม

เกาะตอรินลา

อําวเตํา

อําวบอนใหญํ

อําวผักกาด อําวสัปปะรด อําวสุเทพ ชํอมะด๏ะ ความหมายของสัญลักษณ์

-

ชายหาดที่เป็นแหลํงวางไขํตั้งแตํอดีตถึงปัจจุบัน ชายหาดที่พบการขึ้นวางไขํในระยะ4 ปีที่ผํานมา ชายหาดที่พบการขึ้นวางไขํในอดีตนานมากกวํา 4 ปี ชายหาดที่ไมํพบการขึ้นวางไขํ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

21


ชายหาดที่เป็นแหลํงวางไขํตั้งแตํอดีตถึงปัจจุบัน ชายหาดที่พบการขึ้นวางไขํในระยะ4 ปีที่ผํานมา ชายหาดที่พบการขึ้นวางไขํในอดีตนานมากกวํา 4 ปี

รูปที่ 6 แผนที่จัดอันดับชายหาดตามความเหมาะสมด๎านพื้นที่และสถิติการเลือกขึ้นวางไขํของแมํเตําทะเล บริเวณหมูํเกาะสุรินทร์

22

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


3.5 ฤดูวางไข่ของเต่าทะเล เมื่อเตําทะเลมีอายุครบ 12-16 ปี ซึ่งเป็นชํวงอายุที่พร๎อมผสมพันธุ์ เตําทะเลเพศผู๎และเพศเมียจะวํายน้ามา พบกันเพื่อผสมพันธุ์บริ เวณแหลํงวางไขํ แมํเตําทะเลมักจะเลือ กวางไขํในที่ที่ตัวเองเกิดหรือ ที่เดิมที่เคย วางไขํมากํอน ยกเว๎นในกรณีที่แหลํงวางไขํเดิมมีสภาพเปลี่ยนไปหรือแมํเตําถูกรบกวนขณะวางไขํ ดังนั้น ถ๎าแมํเตําทะเลไมํสามารถวางไขํได๎อาจจะสํงผลตํอการลดจานวนหรือสูญพันธุ์ของเตําทะเลได๎ในอนาคต หลั กเกณฑ์ในการเลื อ กหาดทรายส าหรั บขึ้นวางไขํ ของแมํ เตําตนุ คื อ เป็นหาดทรายที่ เงี ย บสงบ ไมํ มี สิ่งรบกวนและมีเนินทรายแห๎ง โดยเนินทรายอยูํในตาแหนํงที่น้าทะเลทํวมไมํถึง และมักอยูํใต๎รํมไม๎ เชํน ต๎น จิกทะเลหรือปอทะเล ฤดูวางไขํของเตําทะเลหํางกัน 2-4 ปี โดยในแตํละฤดูแมํเตําตนุสามารถวางไขํได๎มากถึง 10 ครั้ง ในขณะที่ แมํ เตํ ากระวางไขํ เพีย งแคํ 4-5 ครั้ งเทํานั้น ฤดู ว างไขํ ข องแมํ เตําในหมูํเกาะสุ ริ นทร์ คื อ ระหวํ างเดื อ น มกราคม (เดือน 2) ถึงเดือนพฤศจิกายน (เดือน 11) โดยเว๎นชํวงเดือนมิถุนายน (เดือน 7) เดือนสิงหาคม (เดือน 9) และเดือนกันยายน (เดือน 10) ตารางที่ 5 ชํวงเวลาที่แมํเตําขึ้นวางไขํในแตํละหาดบริเวณหมูํเกาะสุรินทร์ (ข๎อมูลตั้งแตํปี 2549 - 2552)

ปฏิทินเดือน (พระจันทร์) สถานที่

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 พ.ย.-----ธ.ค.----ม.ค.----ก.พ.---มี.ค.---เม.ย.----พ.ค.----มิ.ย.----ก.ค.---ส.ค.----ก.ย.--- ต.ค.---พ.ย.

เกาะสตอร์ค

  

หาดทรายขาว

อําวทรายแดง

 

อําวปอ หาดไม๎งาม อําวกระทิง







หาดทรายขาวของแหลมชํองขาด



หาดลูกมํวง

หาดแหลมแมํยาย



อําวบอนเล็ก เกาะมังกร

   



ในระหวํางเดือนมกราคม ถึง เดือนพฤษภาคม ปี 2552 พบรอยขึ้นวางไขํของแมํเตําทะเล จานวนทั้งสิ้น 18 รอย แบํงเป็นรอยที่อําวบอนเล็ก 6 รอย และเกาะสตอร์ค 12 รอย โดยสังเกตจาก รอยคลานขึ้น-ลง รอยเนิน ทราย และหลุมแปลงทรายที่แมํเตําทะเลทาไว๎ หลังจากนั้นจึงทาการค๎นหาตาแหนํงรังไขํ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

23


3.6 วิธีการสารวจ ค้นหาตาแหน่ง ดูแลและเฝ้าระวังรังไข่เต่าทะเล ขั้นตอนการสารวจแมํเตําทะเลขึ้นวางไขํภายในเขตพื้นที่อุทยานฯ จัดทาขึ้นโดยเครือขํายเฝ้าระวังแหลํงวาง ไขํเตําทะเล ข๎อมูลที่ได๎รวบรวมจากความรู๎ ประสบการณ์ และภูมิปัญญาของสมาชิกในเครือขํายฯ เกี่ยวกับ เตําตนุ และเตํากระที่พบเห็นบริเวณหมูํเกาะสุรินทร์ตั้งแตํอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งข๎อมูลตํางๆ ได๎ถูกจัดแบํง ออกเป็นข๎อหัวตํางๆ ดังนี้ 1. วิธีการสารวจเบื้องต๎น 2. อุปกรณ์การสารวจ 3. วิธีสังเกตรอยแมํเตําทะเลขึ้นวางไขํ 4. วิธีสังเกตหลุมรังไขํเตําทะเล 5. วิธีล๎อมป้องกัน และบันทึกข๎อมูลรังไขํเตําทะเล 6. วิธีย๎ายรังไขํ 7. วิธีเฝ้าดูไขํฟักเป็นตัว 8. วิธีพิสูจน์รังไขํ 1. วิธีการสารวจเบื้องต้น  ควรวางแผนการสารวจ และเตรียมอุปกรณ์ให๎พร๎อมกํอน ออกสารวจทุกครั้ง  ควรแตํ ง กายในชุ ด เครื่ อ งแบบอุ ท ยาน เพื่ อ ป้ อ งกั น นักทํองเที่ยวหรือบุคคลภายนอกเข๎าใจผิดหรือวํายน้าตาม ขึ้นหาด  ควรเลือกเวลาที่เหมาะสมในการออกส ารวจ โดยคานึงถึ ง สภาพอากาศ คลื่ น ลม และความปลอดภั ย เป็ น หลั ก ชํวงเวลาที่ ดี ในการส ารวจคื อชํวงเช๎าตรูํ กํ อนน้าทะเลขึ้ น เนื่องจากเตําทะเลขึ้นวางไขํในเวลากลางคืน ชํวงที่น้าทะเล ขึ้น และคลานกลับลงทะเลในชํวงที่น้าทะเลลง ถ๎าผู๎สารวจไป ผิ ด ชํ ว งเวลา รํ อ งรอยทั้ ง หมดจะถู ก น้ าทะเลลบหมด โดยเฉพาะชํวงน้าใหญํ (ขึ้น/แรม 12-7 ค่า)  ในกรณีที่คลื่นแรงเรือไมํสามารถเข๎าเทียบหาดได๎ ผู๎สารวจ อาจต๎องวํายน้าเข๎าหาดเพื่อทาการสารวจ ดังนั้นผู๎สารวจ ควรเตรียมเสื้อชูชีพ และสวมใสํตลอดเวลา  ผู๎สารวจควรนัดแนะกับคนขับเรือเกี่ยวกับจุดรับ -สํง กํอน ออกสารวจ  เมื่อผู๎ส ารวจพบรอยแมํเตําทะเลขึ้นวางไขํ ให๎ระมัดระวั ง อยําเหยียบหรือลบรอย ควรบันทึกภาพลักษณะการขึ้น-ลง ของแมํ เ ตํ า พร๎ อ มทั้ ง วาดภาพเพื่ อ บอกทิ ศ ทาง และ ต าแหนํงรอยบนหาดทราย จากนั้นจึ ง ท าการวั ด ขนาด ความกว๎าง เพื่อนาไประบุชนิดของแมํเตําทะเล 24

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


2. อุปกรณ์การสารวจ  สายวัดยาว 50 เมตร  กล๎องถํายรูปกันน้า  กล๎องสํองทางไกล

 สมุดบันทึกกันน้า ดินสอ ยางลบ  เหล็กก๎านยาวปลายแหลม  เครื่องบอกตาแหนํงพิกัดภูมิศาสตร์ (GPS)

3. วิธีสังเกตรอยแม่เต่าทะเลขึ้นวางไข่  รอยดันทรายของครีบคูํหน๎าและหลังเป็นทางยาวไปจนถึ ง ตาแหนํงรังไขํ มีทั้งแนวขึ้นและลงเสมอ  พื้ น ที่ ต รงกลางรอยดั น ทรายของครี บ คูํ ห น๎ า และหลั ง ราบเรียบจากการลากของกระดองสํวนท๎อง  ความกว๎ างของรอยจากริ มซ๎ายสุ ดถึ งริ มขวาสุ ดมี ข นาด กว๎างเทํากันตลอดทาง โดยความกว๎างของเตําตนุมีขนาด กว๎างกวําเตํากระ  สามารถสังเกตความแตกตํางระหวํางรอยขึ้นและลง จาก รอยลากหางยาวตลอดทางซึ่งแสดงลัก ษณะของแมํเตําที่ ปลํอยไขํแล๎วคลานกลับลงทะเล

4. วิธีสังเกตหลุมรังไข่เต่าทะเล ด๎วยลักษณะพฤติกรรมของเตําตนุ และเตํากระที่จะไมํพราง หลุมวางไขํจริงด๎วยการตีแปลงหลุมหลอก จึงแนํใจได๎วําหลุม แปลงทรายที่เกิดขึ้นเป็นหลุมจริง  หาดทรายมีรํองรอยการถูกรบกวน มีหลุมแปลงทราย และ เนินทราย  หลุ มแปลงทรายที่ เกิ ด จากแมํ เตํ าทะเลมี ลักษณะ กว๎ า ง ป้าน (ขนาดประมาณแมํ เตํ าทะเล) ไมํ ลึกลงในแนวตรง และอาจพบรากไม๎โผลํบริเวณนั้น  หลุมรังไขํมักจะอยูํระหวํางแนวเดินลงทะเลและหลุมแปลง ทรายของแมํ เ ตํ าทะเล โดยแมํ เตํ ามั กจะเลื อ กต าแหนํ ง วางไขํบนเนินทรายสูง น้าทะเลทํวมไมํถึง อยูํใต๎รํมไม๎หรือ มีพืชคลุม และแสงแดดสํองถึง  มีเม็ดทรายจากการปัดทรายกลบหลุมของแมํเตําเกาะอยูํตาม ต๎นไม๎หรือกิ่งไม๎บริเวณรอบหลุมรังไขํ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

25


 แมํเตําทะเลมักจะเดินไปข๎างหน๎าเพื่อปัดทรายโดยรอบมา กลบหลุมรังไขํ ดังนั้น อาจมีเนินทรายมากกวํา 1 เนิน ใน บริเวณนั้น วิธีสังเกตเนินทรายจริงที่มีรังไขํอยูํด๎านลําง คือ เนินทรายจริ งจะมี ความสู งมากกวํ าเนินอื่ น และอยูํ หํ าง ออกมาจากหลุ มแปลงทรายเป็นรัศมีโ ดยรอบ ไมํเกิน 1 เมตร  เมื่ อ แนํใจวํ าพบเนินทรายจริ งแล๎ ว ให๎ ผู๎ ส ารวจขุ ด ลงไป ด๎านลํางในแนวตรงเพื่อหาตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํ โดย ขุดลงไปไมํเกิน 40 เซนติเมตร จะพบวําเม็ดทรายบริเวณ นั้นมีสีเข๎มและรํวนกวําทรายด๎านบน หรือพบเศษใบไม๎หรือ กิ่ งไม๎ ถู กทั บ ถมอยูํ รั ง ไขํ จ ะอยูํ ลึก ประมาณไมํ เ กิ น 70 เซนติเมตร ในกรณีที่รังไขํอยูํใกล๎ต๎นไม๎อาจพบรากไม๎ขาด อยูํด๎านลําง ในกรณีที่ขุดลงไปแล๎ว พบวําเม็ดทรายบริเวณ นั้นยั งอั ด ตั วกั นแนํนจากการไมํ ถู กรบกวน คือ ไมํ ใชํ ให๎ เบี่ยงทิศทางไปด๎านข๎าง  ผู๎สารวจควรหลีกเลี่ยงการขุดหารังไขํหลังจากรังไขํมีอายุ มากกวํ า 2 วัน เนื่องจาก อุณหภู มิส ะสมภายในรั งไขํจะ เกิดการเปลี่ยนแปลง และสํงผลตํอเพศของลูกเตําทะเล  เมื่ อ พบต าแหนํงที่ แ นํนอนแล๎ ว ให๎ผู๎ ส ารวจบันทึ กข๎ อ มู ล ระยะหํางของรังไขํถึงแนวป่ าและตาแหนํงที่ 0 ของหาด ทราย สภาพภายในรังไขํ และความลึกจากด๎านบนสุดของ รังไขํ ถึ งด๎ านบน จากนั้น ในกรณีที่ ไมํ ต๎ อ งย๎ ายรั งไขํ ให๎ คํอยๆ โรยทรายกลบกลับลงไป (ใช๎การโรยทราย ห๎ามกด หรื อ อั ด ทราย) โดยใช๎ ท รายเดิ ม จากบริ เ วณที่ ขุ ด ไลํ ตามลาดับเพื่อ รักษาสภาพเดิ มของรั งไขํไว๎ (อุ ณหภู มิ ความชื้น และทรายเป็นปัจจัยสาคัญตํอการฟักไขํที่แมํเตํา ได๎กาหนดไว๎แล๎ว) และห๎ามขุดไขํเตําออกมาเด็ดขาด  ควรใช๎มือ ขุ ด ไมํ ควรใช๎เครื่ อ งมื อ เชํน จอบ เสี ย มหรื อ เครื่องมือขนาดใหญํขุด

5. วิธีล้อมป้องกัน และบันทึกข้อมูลรังไข่เต่าทะเล  เมื่ อผู๎ส ารวจพบต าแหนํงที่ แนํนอนของรั งไขํ แล๎ วให๎ พิจารณาวํ ารั งไขํ อยูํต าแหนํงที่ ปลอดภั ย หรือไมํ (ให๎พิจารณาระดับน้าทะเลที่จะขึ้นสูงสุดในระยะ 2 เดือน และสภาพรากไม๎ฝอยภายในรัง ไขํ) ในกรณีที่ไมํปลอดภัย ให๎ทาการย๎ายรังไขํ (ดูวิธีการย๎ายรังไขํ ข๎อ 6) จากนั้นจึงทาการล๎อมรัง

26

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


วิธีที่ 1 ล้อมสูง อุปกรณ์ 1) ไม๎ตัดปลายแหลม เส๎นผําศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร 4 ทํอน 2) อวนตา 1 นิ้ว ขนาด กว๎างยาว 1 x 1 เมตร 3) มีดพร๎า 1 ด๎าม 4) เชือกไนลํอน (สามารถใช๎เศษเชือกหรืออวนที่อยูํตามชายหาดได๎) 5) ลวดตาขําย (ตาสี่เหลี่ยม) ขนาด กว๎างยาว 1 x 4.5 เมตร 6) เลื่อย 1 อัน 7) กรรไกร 1 อัน 8) คีมตัดลวด 1 อัน 9) ค๎อน และตะปู 2 นิ้ว วิธีการ 1) ขุดรํองหลุมรอบรังไขํ รัศมี 50 เซนติเมตร จากจุดศูนย์กลาง ลึก 60–70 เซนติเมตร 2) ปักไม๎ที่มุมทั้ง 4 มุม ให๎มีสวํ น ที่ฝังลงในทราย 60-70 เซนติเมตร สํวนที่โผลํพ๎น ทราย 40-30 เซนติเมตร 3) ฝังตาขํายลวดให๎มีสํวนทีฝ่ ังลง ในทราย 60-70 เซนติเมตร สํวนที่โผลํพ๎นทราย 40-30 เซนติเมตร โดยขึงแตํละด๎าน ด๎วยตะปู 4) คลุมอวนตาขํายด๎านบน โดย ใช๎เชือกขึงรอบ วิธีที่ 2 ล้อมต่า อุปกรณ์ 1) ไม๎ตัดปลายแหลม เส๎นผําศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร ยาว 20 เซนติเมตร 4 ทํอน 2) ไม๎งํามเล็ก เส๎นผําศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ยาว 20 เซนติเมตร 24 ทํอน 3) อวนตา 1 นิ้ว ขนาด กว๎างยาว 60 x 60 เซนติเมตร (ขนาดเทํากับรังไขํ) 4) กรรไกร 1 อัน 5) ค๎อน 1 อัน 6) มีดพร๎า 1 ด๎าม

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

27


วิธีการ 1) วางอวนคลุมเหนือรังไขํเตํา โดยให๎จดุ ศูนย์กลางของรังไขํอยูตํ รงกลางพอดี 2) จัดอวนให๎คลุมพอดีกับระดับเนินทราย 3) ปักไม๎ที่มุมทั้ง 4 มุม จากนั้นใช๎คอ๎ นตอก ไม๎ลงไปจนมิดพอดีพื้นทรายเพือ่ ยึดอวนไว๎ 4) ปักไม๎งํามเล็กที่ด๎านทั้ง 4 ด๎าน ด๎านละ 3 ทํอน จากนั้นใช๎ค๎อนตอกไม๎ลงไปจนมิด พอดีพื้นทรายเพื่อยึดปลายอวนไว๎ 5) โรยทรายแห๎งบางๆ ทับอวนที่ล๎อมเอาไว๎ เพื่อให๎กลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อลดการสร้างขยะเพิ่ม ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทาจากวัสดุเหลือใช้ หรื อสามารถนากลั บมาใช้ ได้ อีก เช่ น แบบฟอร์ มบั นทึ ก ข้ อมู ล รั ง ไข่ เต่ า ท าจากกระดาษใช้ แ ล้ วหน้ า เดี ย ว โดยบรรจุ อยู่ ในขวดน้ า รีไซเคิ ล ขนาดกลาง และใส่ ไว้ในถุงอวนถัก อีก ชั้ นเพื่ อให้ มีส ภาพ กลมกลืนกับธรรมชาติที่สุด

6. วิธีย้ายรัง เตํ า ทะเลเป็ น สั ต ว์ ดึ ก ด าบรรพ์ ที่ มี ชี วิ ต อยูํ ม าตั้ ง แตํ ยุ ค โบราณกํ อ นมนุ ษ ย์ เ กิ ด โดยคํ อ ยๆ วิวัฒนาการตัวเองให๎สามารถดารงชีวิตผํานการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ และอยูํรอดทํามกลาง ภัยคุกคามรอบด๎าน และแม๎วําลูกเตําทะเลจะถูกปลํอยทิ้งไว๎ในรัง ให๎เผชิญกับภัยร๎ายรอบด๎าน เชํน พายุ ฝน น้าทํวม และสัตว์อื่น ตั้งแตํอยูํในไขํ โดยที่ไมํได๎รับการดูแลปกป้องจากแมํเตํา แตํ เตําทะเลก็ยังคงอยูํมาจนถึงปัจจุบัน แมํเตําทะเลจะวางไขํ 3-8 ครั้ง ในฤดูวางไขํแตํละครั้ง จนกวํา ไขํจะหมดจากท๎อง ซึ่งอาจมีมากถึง 1,000 ฟอง เพื่อเป็นการสร๎างโอกาสรอดให๎กับลูกเตําทะเลให๎ มีมากขึ้น ดังนั้น การย๎ายรังไขํเตําเพื่อทาการเพาะเลี้ยงด๎วยจุดประสงค์เพื่อเพิ่มจานวนประชากร เตํา จึงควรเป็นวิธีการสุดท๎าย หลังจากผํานกระบวนการตัดสินใจเป็นอยํางดีแล๎ว ข้อควรพิจารณาการย้ายรังไข่เต่า  รังไขํเตําอยูํในตาแหนํงที่น้าทะเลทํวมถึงหรือมีรากไม๎ฝอยมาก (พิจารณาในชํวง 2 เดือน เริ่ม จากวันที่แมํเตําปลํอยไขํ)  รังไขํเตําอยูํในตาแหนํงเสี่ยงตํอการพังทลายของหาดทรายจากสาเหตุทางธรรมชาติหรือสิ่ง ปลูกสร๎าง  การย๎ายรังไขํเตําควรดาเนินการภายใน 24 ชั่วโมง (ชํวงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดควรอยูํภายใน 36 ชั่วโมงหลังจากที่แมํเตําปลํอยไขํ) หลังจากแมํเตําปลํอยไขํ เพื่อป้องกันตัวอํอนเสียชีวิตหรือ พิการ เนื่องจากถูกไขํแดงทับหรือทํอเชื่อมตํอระหวํางไขํแดงกับตัวอํอนขาดออกจากกันจาก การเคลื่อนย๎าย 28

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ข้อควรพิจารณาการย้ายรังไข่เต่า (ต่อ)  ความร๎อนจากแสงอาทิตย์ ความชื้นที่เหมาะสมใต๎พื้นทราย และอุณหภูมิในระหวํางการฟัก เป็นตัวกาหนดเพศของลูกเตํา ระยะเวลาในการฟักออกเป็นตัว และอัตราการฟัก ดังนั้นการ เปิดรังไขํเตําเพื่อทาการเคลื่อนย๎ายหลังจากอุณหภูมิภายในรังไขํเตําเริ่มสะสมแล๎วจะสํงผลตํอ พัฒนาการของตัวอํอน  ในกรณีที่ต๎องย๎ายรังไขํเตําหลังผําน 24 ชั่วโมง แรกไปแล๎ว ควรทาภายใต๎การควบคุมดูแลของ ผู๎เชี่ยวชาญ เนื่องจากพัฒนาการตัวอํอนทุกขั้นตอนมีความสาคัญ และเปราะบางมาก วิธีการย้ายรังไข่เต่า  สถานที่สาหรับหลุมใหมํควรอยูใํ นตาแหนํงที่น้าทะเลทํวมไมํถึง โดยมักเลือกที่ที่อยูํสูงถัดขึน้ ไป จากหลุมเกํา ใต๎พื้นทรายไมํมีรากไม๎ฝอย มีรํมไม๎ชํวยกันฝน แสงแดดสํองถึง และปลอดภัย จากการรบกวนของสัตว์อื่น  แบํงผู๎สารวจออกเป็นสองทีม ทีมละ 2-3 คน ทีมแรกขุดหลุมทรายเพื่อย๎ายรังไขํเตําเกํา ทีม สองเตรียมสถานที่สาหรับหลุมใหมํ I. ทีมแรก o วัดความลึกของหลุม โดยวัดระยะจากพื้นทรายถึงด๎ านลํ างสุด ของรังไขํ เตํา และความ กว๎างของหลุม โดยวัดระยะจากขอบด๎านขวาถึงขอบด๎านซ๎ายของรังไขํเตํา เพื่อเตรียม หลุมใหมํให๎มีสภาพเหมือนกัน (ความลึก ความกว๎าง) o เตรี ยมทรายที่ได๎ จากการขุด หลุม โรยลงบนก๎น ตะกร๎ าให๎ มีความหน๎า 2-3 นิ้ว จากนั้น คํอยๆ ย๎ายไขํเตําทีละฟอง อยํางระมัดระวังจากหลุมเกําลงในตะกร๎า ห๎ามหมุน คว่าหรือ กลับทิศทางของไขํเตํา (ไมํควรใช๎ปากกาเคมีหรือสีใดๆทาเครื่องหมายลงบนเปลือกไขํ) โดยเคลื่อ นย๎ ายไขํ เตํ าในต าแหนํงจุ ด บนอยูํต าแหนํงเดิ มตลอดเวลา เพื่อ มิ ให๎ ตั ว อํ อ น กระทบ กระเทือนหรือหลุดจากที่ยึดเกาะและเสียชีวิต o เรีย งไขํเตํ าลงในตะกร๎า ให๎อยูํ ในตาแหนํง เดียวกันกับในหลุมเกํา เชํน มุมซ๎ายของรัง (ไมํจาเป็นต๎องโรยทรายคั่นระหวํางชั้น) o นับจานวนไขํเตําทั้งหมด และจดบันทึกลง ในแบบฟอร์มบันทึกข๎อมูลรังไขํเตํา o โรยทรายชื้นบางๆ ด๎านบนสุด ของไขํเตํ า เพื่อรั กษาความชื้น และป้องกันความร๎อ น จากดวงอาทิตย์ II. ทีมสอง o ขุดหลุมทรายใหมํให๎มีความลึกและความกว๎างเทํากับหลุมเกํา o วางไขํทีละฟอง อยํางระมัดระวังจากตะกร๎าลงในหลุมใหมํ โดยเรียงให๎อยูํในทิศทางเดียว และตาแหนํงเดียวกันกับที่มาจากหลุมเกํา

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

29


o เมื่ อเรี ยงไขํ เตําครบทุกฟองแล๎ ว ให๎ โรยทรายชื้น ด๎านบนไขํเตําเป็นชั้นบางๆ (บางความเชื่อเชื่อวํา ควรใช๎ทรายจากหลุมเกํา) จากนั้นจึงกลบหลุม โดย ใช๎มือตบเบาๆ o ทาที่ล๎อมรังไขํเตํา ในกรณี ย้ายรังไข่เต่าหลังมีอายุมากกว่า 24 ชั่วโมง ในกรณี ที่ พิ จ ารณาแล๎ ว วํ า ต๎ อ งท าการย๎ า ยรั ง ไขํ ห ลั ง 24 ในกรณี ย้ายรังไข่เต่าหลังมีอายุมากกว่า 24 ชั่วโมง ชั่ว โมง เนื่ อ งจากอยูํ ใ นสภาพเสี่ ย ง การพิ สู จ น์ รั ง ไขํ เ ตํ า ในกรณีที่พิจารณาแล๎วจาเป็นต๎องย๎ายรังไขํหลัง 24 ชั่วโมง วิธีการย๎ายทาคล๎ายกับวิธยี ๎ายรังไขํเตําทั่วไปแตํความลึกของ เนื่องจากอยูํในสภาพเสี่ยง วิธีการย๎ายทาคล๎ายกับวิธีย๎ายรังไขํเตําทั่วไปแตํความลึกของหลุมใหมํ ต๎ อ งปรั บใหมํ เ หมาะกับ จ านวนไขํ เตํ า ที่ ต๎ อ งฟั กตํ อ (ความลึ ก 40 เซนิ เมตร ส าหรั บ ไขํ เ ตํ า จานวน 50 ฟอง) เนื่องจากเมื่อครบกาหนดไขํเตําฟักเป็นตัว จานวนลูกเตําที่ลดน๎อยลงจะสํงผลตํอ แรงที่จะเคลื่อนขึ้นมาจากหลุม

7. วิธีเฝ้าดูไข่ฟักเป็นตัว ไขํเตําทะเลจะฟักตัวอยูํประมาณ 50-55 วัน กํอนเกิดเป็นตัว ผู๎สารวจจึงควรรื้อที่ล๎อมรังออกใน วันที่ 48 เพื่อป้ องกั นลู กเตําฟักตั วออกมาติ ดที่ ล๎อมรัง (แสงแดดที่ร๎ อนในบางฤดู กาลสํงผลตํ อ อุณหภูมิใต๎พื้นทรายทาให๎ลูกเตําฟักออกมากํอนกาหนด) และเฝ้าระวังการฟักตัวหลังจากนั้นทุกวัน สัญญาณบํงบอกการฟักตัวมีหลายอยําง ทั้งที่ผํานการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ และตามความ เชื่อและประสบการณ์ สัญญาณที่เกิดขึ้นอาจจะตามมาด๎วยการฟักตัวทันที หรือ 2-7 วัน หลังจาก นั้น เนื่องจากสภาพอากาศ ฝน และอุณหภูมิในชํวงนั้น (อุณหภูมิที่ต่าจะทาให๎การฟักตัวออกจาก หลุมของลูกเตําทั้งรังเกิดขึ้น 1 สัปดาห์ หรือนานกวํานั้น หลังจากเตําตัวแรกฟักตัว)  เมื่อแนบหูเข๎ากับเนินทรายเหนือรังไขํจะได๎ยินเสียง “แครํก แครํก” ภายใน (ต๎องใช๎อุปกรณ์ ชํวยฟังเพื่อให๎ได๎ยินเสียง)  เนินทรายยุบตัวลงเป็นหลุมกว๎างและตื้น เมื่อลูกเตําตัวแรกเกิดเป็นตัวแล๎วจะโผลํขึ้นจากหลุมทรายโดยเจาะเปลือกไขํออกมา ซึ่งลูกเตําแรก เกิดจะมีจงอยปากแหลมไว๎เจาะเปลือกไขํ เมื่อลูกเตําทะเลเจาะเปลือกไขํออกมาแล๎วจะทาการขยับ ตัวพร๎อมกันในหลุมใต๎ทราย โดยการขยับตัวพร๎อมกันของลูกเตําทะเลนี้ จะทาให๎เปลือกไขํถู กกด ยุบตัวลงทาให๎เกิดชํองวํางในหลุมทรายทาให๎ทรายด๎านบนยุบตัวลงมาเป็นหลุม และลูกเตํ าก็จะ ขยับตัวเองเคลื่อนตัวขึ้นสูํ ด๎านบนเรื่อ ยๆ จากนั้นจะรอจนถึงกลางคืนจึงจะคลานขึ้นมาจากหลุ ม พร๎อมๆ กันทั้งหมด  สัตว์อื่น เชํน ตะกวด นกมาดมหรือมาอยูํบริเวณรอบรังไขํ หรือขุดลงไป  มีรํองรอยการเจาะลงตรงกลาง เข๎าไปในรังไขํของปูผี

30

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


 มีกลิ่นหอมออกมาจากรังไขํ เมื่อได๎เวลาลูกเตําฟักออกจากรังแล๎ว ผู๎สารวจต๎องทาการบันทึกข๎อมูล (ดูตารางในห๎วข๎อ 3.7) และ สังเกตพฤติ กรรมลู กเตํ าทะเล อยํางไรก็ ตาม ผู๎ส ารวจควรให๎ การรบกวนเกิ ด ขึ้ นน๎อ ยที่ สุ ด โดย ผู๎สารวจอาจเก็บข๎อมูลหลังจากวันที่ลูกเตําฟักออกจากไขํไปแล๎ว โดยเก็บข๎อมูลจากเปลือกไขํแทน ข้อควรระวังขณะเฝ้าดูลูกเต่าแรกเกิดฟัก 1) ไมํควรให๎มีแสงไฟจากไฟฉายหรือจากการถํายรูปรบกวน เพราะจะทาให๎ลูกเตําเดินผิดทิศทาง ได๎ 2) ไมํควรถํายรูปลูกเตําแรกเกิด โดยใช๎แสงแฟลช ขณะลูกเตําวํายอยูํในน้าทะเล เพราะจะเป็น การบอกตาแหนํงให๎ปลาเข๎ามากิน 3) ไมํสํงเสียงดังรบกวนลูกเตําแรกเกิดขณะฟักออกจากรัง จนกระทั่งเดินลงทะเล 4) จดจาไว๎ วําลั กษณะหาดทราย กลิ่น และเสี ยงเป็ นสิ่ งที่ ลูกเตําแรกเกิด จะจดจาไว๎ และจะ กลับมาใช๎ที่นี้เป็นที่วางไขํตํอไปในอีก 10-20 ปีข๎างหน๎า

8. วิธีการพิสูจน์รังไข่ การพิสูจน์รังไขํจะทาหลังจากลูกเตําฟักออกจากรังแล๎วหรือ เมื่อครบกาหนดฟักไปแล๎วแตํไมํมีการฟักเป็นตัวเกิดขึ้น (รัง ไขํมีอายุมากกวํา 55 วัน) เพื่อเก็บข๎อมูลชนิดและปริมาณการ รอดตายของลูกเตําทะเลเพื่อนาไปประเมินหาอัตราการฟักเป็น ตัว จึงต๎องทาการพิสูจน์ดูสภาพไขํภายในรัง ดังนี้  ผู๎สารวจเตรียมอุปกรณ์สาหรับบันทึกข๎อมูล ดังนี้ 1) เวอร์เนีย 2) กล๎องถํายรูปกันน้า 3) กระดาษจดบันทึกกันน้า 4) ดินสอ ยางลบ 5) ตะกร๎าใสํไขํเตํา 6) ถาดรองใสํไขํเตํา 7) กลํองใสํตัวอยําง 8) สารละลายฟอร์มาลีน 10 เปอร์เซ็นต์  ผู๎สารวจนาเปลือกไขํหรือไขํเตําขึ้นมาจากหลุมทีละฟอง โดยนาไขํเตําขึ้นมาในตาแหนํงเดิม ไมํควรหมุนหรือกลับ ทิศของไขํ  บันทึกภาพลักษณะภายนอกของเปลือกไขํหรือไขํเตําไว๎ โดยเฉพาะเปลือกไขํหรือไขํเตําที่มีตาหนิหรือรอยของเชื้อ ราหรืออื่นๆ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

31


 ทาแบบเดียวกันกับเปลือกไขํหรือไขํเตําทุกฟอง พร๎อมกับ นับจานวนทั้งหมด โดยนับเฉพาะเปลือกไขํที่มีขนาดใหญํ เทํานั้น (ยกเว๎นเปลือกไขํที่มีขนาดเล็กกวําหนึ่งสํวนสี่ของ เปลื อ กไขํ ) และบั นทึ กลงในแบบฟอร์ ม บั น ทึ กข๎ อ มู ลรั ง ไขํเตํา  ในกรณีที่ครบกาหนดแล๎วไขํไมํฟัก ให๎ใช๎ไฟฉายสํองผําน เปลือกไขํของไขํเตําทุกฟองเพื่อดูระยะพัฒนาการของตัว อํอน (ไขํเตําที่มีอายุ 40 วัน จะมีอวัยวะทุกสํวนครบ เมื่ อ ใช๎ไฟสํองดูจะเห็นเป็นก๎อนสีดาอยูํภายในเปลือกไขํ)  สุํมเลือกไขํเตําเพื่อดูภายใน (ไขํเตําทั้งรัง 10 ฟอง สุํมดู 1 ฟอง) โดยคํอยๆ ฉีกเปลือกออกจากสํวนบนของไขํ แล๎วจึง เอาสํวนของไขํขาวออก จากนั้นจึงพิจารณาตาแหนํงและ พัฒนาการของตัว อํอนวําอยูํในระยะใด เพื่อวิเคราะห์ ห า สาเหตุของการไมํฟัก

วิเคราะห์สาเหตุเบื้องต้น 1) กรณีที่ไมํพบตัวอํอน (ไมํมีการแบํงเซลล์หรือกลุํมเส๎นเลือด) แสดงวํา ไมํมีการพัฒนาของ ตัวอํอนหรือไมํมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น 2) กรณีที่พบตัวอํอน (มีกลุํมเส๎นเลือด หรือตัวอํอนเริ่มมีการพัฒนา) แสดงวํา ตัวอํอนหยุดการ พัฒนาการที่ขั้นใดขั้นหนึ่งและตาย 3) กรณีพบลูกเตําแรกเกิด ตายอยูํภ ายใน แสดงวํา ลูกเตําแรกเกิ ด อาจตายด๎ว ยสาเหตุ ใด สาเหตุหนึ่งระหวํางพยายามออกจากเปลือกไขํ 4) กรณีพบจุดสีชมพูภายในไขํที่มีการปฏิสนธิหรือยังไมํมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น แสดงวํา ไขํเตํา ติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย

32

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


3.7 ผลการเฝ้าระวังรังไข่เต่าทะเล รังไขํเตําทะเลที่ได๎รับการเฝ้าระวังโดยเครือขํายรํวมฯ เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์หรือบุคคลภายนอก ลักลอบขุด ตั้งแตํเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ปี 2552 มีทั้งสิ้น 6 รัง ทุกรังมีการเก็บบันทึกข๎อมูลรังไขํเตํา เริ่มตั้งแตํแมํเตําทะเลขึ้นมาวางไขํจนลูกเตําฟักตัวออกสูํทะเล รายละเอียดแตํละรังมีดังตํอไปนี้ ตารางที่ 6 รังไขํเตําทะเลที่อยูํภายใต๎การดูแลของเครือขํายรํวมฯ

รังที่

สถานทีพ่ บ

วันที่เต่าขึ้นวางไข่

1 2 3 4 5 6

อําวบอนเล็ก เกาะสตอร์ค เกาะสตอร์ค เกาะสตอร์ค เกาะสตอร์ค เกาะสตอร์ค

17 ก.พ. 52 26 ก.พ. 52 10 มี.ค. 52 21 มี.ค. 52 2 เม.ย. 52 10-16 เม.ย. 52

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

33


ร ังที่ 1 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง *ย ้ายไข่ไปฝั งที่ อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง *ย ้ายรัง ล ้อมรัง เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ พิสจ ู น์รัง ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

อ่าวบอนเล็ก 107.01 ม. N 9.40933 E 97.86586 81.4 2 ม. อ่าวบอนเล็กเล็ก 28.5c 17 ก.พ. 52 18 ก.พ. 52 18 ก.พ. 52 5 มี.ค. 52 6 เม.ย. 52 9 เม.ย. 52 16 เม.ย. 52

แรม 8 คา่ เดือน 3 มอแกนขุดไข่ขน ึ้ มาให ้อุทยานฯ นาไข่ไปฝั งทีอ ่ า่ วบอนเล็กเล็ก ล ้อมสูง พบไข่ทม ี่ โี อกาสฟั กเป็ นตัว 4 ฟอง จึง ได ้นาไข่ไปฝั งไว ้บริเวณทีน ่ ้ าขึน ้ ไม่ถงึ เช ้า 1 ตัว, เย็น 1 ตัว

68 มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

2 1 65 0

การเดินลงทะเล เดินไปทางเนินทรายในช่วงแรกและหลังจากนัน ้ จึงเดินกลับลงทะเล

หมายเหตุ * ทาการย๎ายรังเนื่องจากมอแกนขุดไขํขึ้นมาให๎ทางอุทยานฯ

รังที่ 1 แมํเตําขึ้นวางไขํวั นที่ 17 ก.พ. 52 ที่ อําวบอนเล็ก โดยนายซาเละ กล๎ าทะเลท าการขุดและนาไขํมาให๎ เจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ซึ่งผิดจากขั้นตอนการเฝ้าระวังที่กาหนดไว๎ แตํเนื่องจากโครงการยังไมํเริ่มทาการประชาสัมพันธ์ เจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ จึงรับซื้อไขํเตําทะเลทั้งหมดไว๎ จากนั้นจึงนากลับไปฝังที่อําวบอนเล็กเล็กที่อยูํใกล๎เคียงกับอําวที่ แมํเตําขึ้นวางไขํเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 52 หลั งจากนั้นจึ งท าการล๎ อมรั งในวันที่ 5 มี .ค. 52 โดยในระหวํางนั้นสมาชิก เครือขํายฯ มีการบันทึกข๎อมูลสภาพรังไขํตลอดเวลา พบวําในชํวงน้าใหญํแนวน้าขึ้นสูงสุดมีระดับสูงเทํากับรังไขํสํงผล ให๎ทรายมีความชื้นสูงมาก เมื่อใกล๎ระยะไขํอายุครบกาหนด 50 วัน เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ได๎เปิด ที่ล๎อมรังออก จากนั้นเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 52 ผู๎เชี่ยวชาญด๎านเตําทะเล และสมาชิกเครือขํายรํวมฯ จานวนหนึ่งทาการเปิด รังไขํเพื่อศึกษาดูพัฒนาการของตัวอํอน พบวํามีไขํเตําจานวน 4 ฟองที่มีโอกาสเจริญตํอไปได๎ สํวนไขํเตําที่เหลือติด เชื้อรา บางฟองมี การพัฒนาของตั วอํ อนเกิ ดขึ้นแตํ หยุดการเจริ ญเติบโตที่ ระยะไมํ เกิ น 10 วั น (เกิ ดจากตั วอํ อน กระทบกระเทือนระหวํางการย๎ายรัง) ผู๎เชี่ยวชาญด๎านเตําทะเล และสมาชิกเครือขํายรํวมฯ จึงทาการเตรียมสภาพหลุม ฟักไขํใหมํให๎ความกว๎างเทํารังเดิม และมีสัดสํวนความลึกสาหรับจานวนไขํ 4 ฟองหลังจากนั้นจึงใช๎ทรายโรยกลบ และ คอยเฝ้าระวังการฟักออกจากไขํตํอไปโดยสมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทุกวัน ในเวลาเช๎า และเย็น และเมื่อเช๎าวันที่ 16 เม.ย. 52 ลูกเตําทะเลตัวที่หนึ่งได๎ฟักออกจากไขํออกสูํทะเลตามด๎วยลูกเตําตัวที่สองในชํวงเย็น สํวนที่เหลืออีกสองฟอง ฟอง หนึ่งลูกเตําตายขณะออกจากเปลือกไขํ อีกฟองไมํฟักตัว 34

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ร ังที่ 2 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง ล ้อมรัง เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ พิสจ ู น์รัง

เกาะสตอร์ค 74.39 ม. N 9.47524 E 97.90516 13 2 ม. 70 ซม. พบรากไม ้ใหญ่ 1 ราก และมีรากฝอยเล็กน ้อย 29.6c 26 ก.พ. 52 8 มี.ค. 52 9 มี.ค. 52 14 เม.ย. 52 18 เม.ย. 52

ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

-

ขึน ้ 3 คา่ เดือน 4 ล ้อมสูง พบว่าไข่ทงั ้ หมดไม่มก ี ารพัฒนาของ ้ ราขึน ตัวอ่อน และบางฟองมีเชือ ้ -

108 มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

108

การเดินลงทะเล -

รังที่ 2 แมํเตําขึ้นวางไขํวันที่ 26 ก.พ. 52 ที่เกาะสตอร์ค โดยนายบาลาเฮง กล๎าทะเลเป็นผู๎พบรอยแล๎วทาการ แจ๎งกับเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 52 จึงไปทาการล๎อมรังและติดตั้งเครื่องมือวัดอุณหภูมิ จากนั้น สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทาการบันทึกข๎อมูลอุณหภูมิ และสภาพรังไขํ พบวําแนวน้าขึ้นสูงสุดมีระดับสูงเกือบถึง รังไขํจากสภาพอากาศแปรปรวนเนื่องจากเข๎าใกล๎ฤดูมรสุม เมื่อใกล๎ระยะไขํอายุครบกาหนด 50 วัน เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมรํวมฯ ได๎เปิดที่ล๎อมรังออก จากนั้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขําย รํวมฯ ท าการเปิดรังไขํเพื่อศึ กษาดูพัฒนาการของตั วอํอน พบวําไขํ เตําทั้งหมดไมํ มีการพัฒนาของตัวอํอน เกิดขึ้น เนื่องจากไขํของตัวเมียได๎รับน้าเชื้อจากตัวผู๎ไมํพอ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

35


ร ังที่ 3 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง ล ้อมรัง เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ พิสจ ู น์รัง

เกาะสตอร์ค 74.39 ม. เครือ ่ งไม่สามารถอ่านค่าได ้ เนื่องจากรังอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ 31 0.6 ม. 60 ซม. มีรากไม ้ฝอยจานวนมากจนทาให ้พันไข่บางฟองติดกัน 10 มี.ค. 52 3 เม.ย. 52 3 เม.ย. 52 20 เม.ย. 52 30 เม.ย. 52

ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

-

ขึน ้ 15 คา่ เดือน 4 ล ้อมสูง พบว่าไข่ทงั ้ หมดไม่มก ี ารพัฒนาของ ตัวอ่อน -

106 มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

106

การเดินลงทะเล -

รังที่ 3 แมํเตําขึ้นวางไขํวันที่ 10 มี.ค. 52 ที่เกาะสตอร์ค โดยสมาชิกเครือขํายรํวมฯ เป็นผู๎พบรอยขณะทาการ ออกสารวจการขึ้นวางไขํของเตําทะเล แตํ ณ ขณะนั้นไมํสามารถระบุตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํได๎ จากนั้น เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ พบตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํจึงไปทาการล๎อมรัง หลังจากนั้น สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทาการบันทึกข๎อมูลสภาพรังไขํจนเมื่อใกล๎ระยะไขํอายุครบกาหนด 50 วัน เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ได๎เปิดที่ล๎อมรังออก จากนั้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายฯ ทาการ เปิดรังไขํเพื่อศึกษาดูพัฒนาการของตัวอํอน พบวําไขํเตําทั้งหมดไมํมีการพัฒนาของตัวอํอนเกิดขึ้น เนื่องจาก ไขํของตัวเมียได๎รับน้าเชื้อจากตัวผู๎ไมํพอ

36

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ร ังที่ 4 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง ล ้อมรัง

เกาะสตอร์ค 74.39 ม. เครือ ่ งไม่สามารถอ่านค่าได ้ เนื่องจากรังอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ 27.45 1 ม. 65 ซม. ้ และมีรากไม ้ฝอยเล็กน ้อยแต่ไม่ถงึ กับขึน ชืน ้ รัดไข่ 21 มี.ค. 52 3 เม.ย. 52 -

เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ *ย ้ายรัง

22 เม.ย. 52

พิสจ ู น์รัง

7 พ.ค. 52

ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

-

แรม 11 คา่ เดือน 4 ไม่ล ้อมรัง เนื่องจากอยูใ่ นเส ้นทางที่ แม่เต่าเดิน ย ้ายไข่ทงั ้ หมดไปฝั งไว ้บริเวณเนิน ทรายใกล ้เคียง โดยทาการฝั งแยก เป็ น 2 หลุม ทีค ่ วามลึกประมาณ 40 ซม. พบว่าไข่ทงั ้ หมดไม่มก ี ารพัฒนาของ ตัวอ่อน -

98 มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

98

การเดินลงทะเล -

หมายเหตุ * ทาการย๎ายรังเนื่องจากในชํวงน้าใหญํน้าทะเลจะทํวมถึงรัง

รังที่ 4 แมํเตําขึ้นวางไขํวั นที่ 21 มี .ค. 52 ที่เกาะสตอร์ค โดยนายบาลาเฮง กล๎ าทะเล หนึ่งในสมาชิก เครือขํายฯ เป็นผู๎พบรอยขณะทาการออกสารวจการขึ้นวางไขํของเตําทะเล แตํ ณ ขณะนั้นไมํสามารถระบุ ตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํได๎ จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายฯ พบตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํ แตํเนื่องจากตาแหนํงของรังไขํอยูํบริเวณทางเดินของแมํ เตําทะเลการล๎อมรังที่สูงขึ้นมาจากพื้นทรายจะเป็น การลดพื้นที่จึงไมํมีการล๎อมรังไขํรังนี้ หลังจากนั้น สมาชิกเครือขํายฯ ทาการบันทึกข๎อมูลสภาพรังไขํ พบวํา แนวน้าขึ้นสูงสุดมีแนวโน๎มที่จะมีระดับสูงถึงรังไขํแนํนอนจากสภาพอากาศแปรปรวนเนื่องจากเข๎าใกล๎ฤดูมรสุม เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ จึงทาการย๎ายไขํเตําไปยังเนินทรายที่อยูํสูงขึ้นไป โดยเตรียม สภาพหลุมฟักไขํใหมํให๎ความกว๎างเทํารังเดิม จานวน 2 รัง และทาการแบํงไขํเตําออกเป็นสองสํวนเทําๆกัน เพื่อนาไปยังหลุมใหมํ หลังจากนั้นจึงใช๎ทรายโรยกลบ และทาการเฝ้าระวังตํอ จากนั้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทาการเปิดรังไขํเพื่อศึกษาดูพัฒนาการของตัวอํอน พบวําไขํเตําทั้งหมดไมํมีการพัฒนา ของตัวอํอนเกิดขึ้น เนื่องจากไขํของตัวเมียได๎รับน้าเชื้อจากตัวผู๎ไมํพอ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

37


ร ังที่ 5 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง ล ้อมรัง เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ พิสจ ู น์รัง

เกาะสตอร์ค 74.39 ม. เครือ ่ งไม่สามารถอ่านค่าได ้ เนื่องจากรังอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ 22.3 0.6 ม. 60 ซม. ้ เล็กน ้อยและมีรากไม ้เล็กน ้อย ชืน 28.65c 2 3 3 7

เม.ย. 52 เม.ย. 52 เม.ย. 52 พ.ค. 52 7 พ.ค. 52

ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

-

ขึน ้ 8 คา่ เดือน 5 ล ้อมตา่ พบว่าไข่ทงั ้ หมดไม่มก ี ารพัฒนาของ ้ ราขึน ตัวอ่อนและไข่สว่ นมากมีเชือ ้ -

108 มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

108

การเดินลงทะเล -

รังที่ 5 แมํเตําขึ้นวางไขํวันที่ 2 เม.ย. 52 ที่เกาะสตอร์ค โดยสมาชิกเครือขํายรํวมฯ เป็นผู๎พบรอยขณะทาการ ออกส ารวจการขึ้ นวางไขํ ของเตํ าทะเล เมื่อวั นที่ 3 เม.ย. 52 สมาชิกเครื อขํ ายฯ จึงไปท าการล๎ อมรั ง แตํ เนื่องจากตาแหนํงของรังไขํอยูํบริเวณทางเดินของแมํเตําทะเลการล๎อมรังที่สูงขึ้นมาจากพื้นทรายจะเป็นการ ลดพื้นที่การวางไขํจึงทาการล๎อมรังไขํด๎วยการใช๎อวนคลุมรังไขํไว๎เทํานั้น และสมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทาการ บันทึกข๎อมูลอุณหภูมิและสภาพรังไขํ และทาการเฝ้าระวังตํอ จากนั้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 52 สมาชิกเครือขําย รํวมฯ ทาการเปิดที่ล๎อมรังและทาการพิสูจน์รังไขํเพื่อศึกษาดูพัฒนาการของตัวอํอน พบวําไขํเตําทั้งหมดไมํมี การพัฒนาของตัวอํอนเกิดขึ้น เนื่องจากไขํของตัวเมียได๎รับน้าเชื้อจากตัวผู๎ไมํพอ

38

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ร ังที่ 6 สถานที่ วางไข่ท ี่ หาดยาว พิกัด GPS ของรัง รังอยูเ่ มตรที่ (จากด ้านขวาของหาด) ระยะห่างของรังไข่กับแนวป่ า ความลึกของรัง สภาพของรัง อุณหภูมเิ ฉลีย ่ ใต ้พืน ้ ทรายทีค ่ วามลึก 60 ซม. ว ันที่ เต่าวางไข่ มอแกนแจ ้ง ล ้อมรัง เอาทีล ่ ้อมรังออก หลุมยุบ พิสจ ู น์รัง ไข่ฟัก จานวนไข่ ไข่ทงั ้ หมด ไข่ฟักเป็ นตัว ไข่ไม่ฟัก

เกาะสตอร์ค 74.39 ม. เครือ ่ งไม่สามารถอ่านค่าได ้ เนื่องจากรังอยูใ่ ต ้ร่มไม ้ 16.8 3.6 ม. 63 ซม. ยังไม่ครบกาหนด 28.33c 10-16 เม.ย. 52 16 เม.ย. 52 18 เม.ย. 52 7 พ.ค. 52 ยังไม่ครบกาหนด ยังไม่ครบกาหนด

แรม 1-7 คา่ เดือน 5 ล ้อมตา่ -

ยังไม่ครบกาหนด มีชวี ต ิ ตาย ตายระหว่างการพัฒนา ไม่ได ้รับการผสม

ยังไม่ครบกาหนด ยังไม่ครบกาหนด ยังไม่ครบกาหนด ยังไม่ครบกาหนด

การเดินลงทะเล ยังไม่ครบกาหนด

รังที่ 6 เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 52 สมาชิกเครือขํายรํวมฯ พบรอยแปลงทรายของแมํเตําขณะทาการออกสารวจ การขึ้นวางไขํของเตําทะเล เมื่อสามารถระบุตาแหนํงที่แนํนอนของรังไขํได๎แล๎วเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 52 สมาชิก เครือขํายรํวมฯ จึงไปทาการล๎อมรัง แตํเนื่องจากตาแหนํงของรังไขํอยูํบริเวณทางเดินของแมํเตําทะเลการล๎อม รังที่สูงขึ้นมาจากพื้นทรายจะเป็นการลดพื้นที่การวางไขํจึงทาการล๎อมรังไขํด๎วยการใช๎อวนคลุมรังไขํไว๎เทํานั้น หลังจากนั้น สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ทาการบันทึกข๎อมูลอุณหภูมิและสภาพรังไขํ และทาการเฝ้าระวังตํอไป

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

39


3.8 ทาความสะอาดหาดทรายเพิ่มพื้นที่วางไข่เต่าทะเล ขยะชายหาด และในทะเลเป็นภัยร๎ายสาคัญ ที่ทาให๎เตําทะเลและสิ่งมีชีวิตอื่นในแนวปะการัง รวมถึงสัตว์บก ที่หากินบริเวณนั้นได๎รับอันตราย ขยะสํวนใหญํ เชํน ขอนไม๎ ลอบ ขวดพลาสติก หลอดไฟ โฟม รองเท๎า แตะ และถํานไฟฉายจากแหลํงตํางๆ มักถูกพัดมาเกยอยูํบริเวณหาดทรายทาให๎หาดทรายที่เคยขาวสะอาด และกว๎างใหญํคับแคบลง สํงผลตํอการขึ้นวางไขํของแมํเตําทะเล เนื่องจากปริมาณขยะจานวนมากทับถม กันในบริเวณที่เหมาะแกํการวางไขํ นอกจากนั้น ขยะที่ลอยอยูํในทะเล เชํน เชือกหรือถุงพลาสติก ยังอาจ ทาให๎สัตว์ทะเลเข๎าใจผิดวําเป็นอาหารของตนเอง และกินเข๎าไป กิจกรรมเก็บขยะจึงถูกจัดขึ้น โดยความ รํวมมือระหวําง อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์ ชุมชนมอแกน หนํวยรักษาความปลอดภัยทางทะเล ฝั่ง ทะเลอันดามัน (ทหารเรือ) และนักทํองเที่ยว เพื่อเก็บและคัดแยกขยะชายหาด โดยใช๎โอกาสที่ดีที่ขยะขึ้นมา เกยบนหาดแตํ ละหาด โดยเฉพาะหาดที่ เป็ นแหลํ งวางไขํเพื่อ เป็ นการเพิ่มพื้นที่ หาดทรายให๎เหมาะสม สาหรับแมํเตําขึ้นมาวางไขํ และเตรียมพื้นที่กํอนลูกเตําฟักออกจากไขํ ผลการเก็บขยะ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์รํวมกับชุมชนมอแกน และหนํวยรักษา ความปลอดภัยทางทะเล ฝั่งทะเลอันดามัน (ทหารเรือ) จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาด ครั้งที่ 1 เพื่อเพิ่มพื้นที่ วางไขํให๎กับเตําทะเล ที่เกาะสตอร์ค อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์ โดยมีผู๎เข๎ารํวมกิจกรรมทั้งสิ้น 14 คน การเก็ บขยะทาโดยแบํ งผู๎ เก็บออกเป็นทีมตามประเภทขยะที่พบมากบนชายหาด คื อ โฟม พลาสติ ก แก๎ ว เครื่องมือประมง และขยะอันตราย โดยแบํงเวลาเก็บออกเป็น 2 ชํวง ชํวงแรกใช๎เวลา 10 นาที เพื่อเก็บขยะ สํวนที่เก็บงําย แล๎วนามารวมกัน จากนั้นทาการประชุมเพื่อวางแผนการเก็บขยะสํวนที่เหลือ ชํวงที่สองใช๎เวลา 50 นาที เพื่อจัดเก็บขยะชิ้นใหญํ ลอบและซากขอนไม๎ ใบไม๎ออกจากเนินทรายที่เป็นแหลํงวางไขํเตําทะเล ผล การเก็บขยะทาให๎สามารถเพิ่มพื้นที่เนินทรายบนเกาะสตอร์คมากขึ้น ร๎อยละ 100 ของพื้นที่เนินทรายที่ถูกขยะ ทับถม และสามารถเก็บขยะกลับฝั่งได๎ทั้งหมด (ยกเว๎นเม็ดโฟมที่แตกออกมาจากโฟมชิ้นใหญํ) ดังนี้ โฟม 20 ถุง, ลอบ 10 ถุง, เชือก เครื่องมือประมง 5 ถุง, แก๎ว 1 ถุง, ขยะอันตราย เชํน หลอดไฟ ถํานไฟฉาย ½ ถุง และ ขวดพลาสติก พลาสติก ¼ ถุง (ถุงขยะมีขนาด 36 นิ้ว x 45 นิ้ว) สัดส่วนขยะชายหาดทีเ่ ก็บได้ 3% 1% 0.5%

14%

54% 27%

40

โฟม ลอบ เครื่องมือประมง แก๎ว ขยะอันตราย ขวดพลาสติก พลาสติก

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2552 อุทยานแหํงชาติหมูํเกาะสุรินทร์รํวมกับชุมชนมอแกน หนํวยรักษาความ ปลอดภัยทางทะเล ฝั่งทะเลอันดามัน (ทหารเรือ) และนักทํองเที่ยวจัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาด ครั้งที่ 2 เพื่อ ทาความสะอาดชายหาดและปลูกจิตสานึกเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ที่อําวเตํา อุทยานแหํงชาติหมูํ เกาะสุรินทร์ โดยมีผู๎เข๎ารํวมกิจกรรมทั้งสิ้น 24 คน การเก็บขยะทาโดยแบํงผู๎เก็บออกเป็นทีมตามประเภทขยะ ที่พบมากบนชายหาด คือ โฟม พลาสติก แก๎ว เครื่องมือประมง และขยะอันตราย โดยแบํงเวลาเก็บออกเป็น 2 ชํวง ชํวงแรกใช๎เวลา 20 นาที เพื่อเก็บขยะทั้งหมดแล๎วนามารวมกัน ชํวงที่สองใช๎เวลา 30 นาที เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดและสรุปกิจกรรมที่ทา โดยแบํงเป็นหัวข๎อ ดังนี้ I. อันดับขยะที่พบมากที่สุด อันดับขยะที่พบมากสุด 3 อันดับ เรียงจากมากสุดไปน๎อยสุด คือ โฟม (19 ถุง) ขวดพลาสติก (8 ถุง) ขวดแก๎ว (5 ถุง) เชือกและเครื่องมือประมง (3 ถุง) และขยะอันตราย (1 ถุง) เชํน หลอดไฟ ไฟแช็ค II. ที่มาของขยะแต่ละประเภท

เรือประมงขนาดใหญ่ เรือประมงพื้นบ้าน เรือท่องเที่ยว เรือบรรทุกสินค้า

เรือประมงขนาดใหญ่ เรือประมงขนาดใหญ่ เรือประมงพื้นบ้าน เรือประมงขนาดใหญ่ เรือประมงพื้นบ้าน เรือประมงพื้นบ้าน ขวดแก้ว

ขยะอันตราย

เครื่องมือประมง

เครื่องดื่มบารุงกาลัง

เรือท่องเที่ยว กิจกรรมบนชายฝั่ง

ขวดพลาสติก

เกร็ดความรู้ “ สีเชือกบอกที่มา ” เชือกไนลํอน สี  จาก เชือกไนลํอน สี  จาก เชือกไนลํอน สี  จาก ตาขําย สี  หรือ  จาก

โฟม

เรือทาประมงลอบหมึก เบ็ดราว ทั่วไป เรืออวนลาก

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

41


III. วิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาเพื่อจัดการกับขยะชายหาด  หลีกเลี่ยงการนาขยะลงเรือโดยสาร  ผู๎มีอานาจสั่งการบนเรือควรควบคุมการทิ้งขยะของเจ๎าหน๎าที่บนเรือให๎ถูกวิธี  ให๎การศึกษาและปลูกฝังจิตสานึกกับเยาวชนและชุมชน เรื่อง โทษของขยะ และวิธีการจัดการกับขยะ อยํางถูกวิธี  สร๎างความรํวมมือระหวํางหนํวยงานเพื่อรํวมกันจัดการกับขยะอยํางถูกวิธี  ประชาสั มพันธ์ ความรู๎ เกี่ยวกั บขยะ และการจั ดการกั บขยะอยํ างถู กวิ ธีในสื่ อประชาสั มพันธ์ ของ อุทยานฯ  จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาดเป็นประจาอยํางตํอเนื่อง

42

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


4

อุปสรรคและข้อเสนอแนะ ตัวชี้วัดความสาเร็จโครงการ|ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

43


4.1 ตัวชี้วัดความสาเร็จของโครงการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การดาเนินงานของโครงการ ได๎มีการกาหนดให๎มีการทาแบบติดตามและประเมินผลโครงการ มุํงเน๎นผลสาเร็จของแตํละกิจกรรมเป็นหลัก โดยทาการประเมินผํานตัวชี้วัดผลสาเร็จ ดังแสดงในตารางที่ 7 ตารางที่ 7 ตัวชี้วัดผลสาเร็จของแตํละโครงการ ประเด็น

กิจกรรม

ตัวชี้วัด

เกณฑ์การวัด

ผลชี้วัดโครงการ

1 . ค ว า ม เ ข๎ า ใ จ ใ น วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย ข อ ง โ ค ร ง ก า ร ร ว ม ถึ ง กิจกรรมทุกกิจกรรม

1.1 1.2

1) ร๎ อ ยละของคะแนนความพึ ง พ อ ใ จ จ า ก ผู๎ เ ข๎ า รํ ว ม แ ล ะ ข๎อเสนอแนะเปรียบเทียบกํอ น และหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม

มากกวําร๎อยละ 50

คะแนนความพึงพอใจจากผู๎เข๎ารํวม คิ ด เ ป็ น ร๎ อ ย ล ะ 9 6 . 0 4 ข อ ง ผู๎ เ ข๎ า รํ ว มทั้ ง หมด และผู๎ เ ข๎ า รํ ว ม อยากให๎ โ ครงการด าเนิ น การตํ อ อยํางตํอเนื่อง รวมถึงอยากให๎มีการ ขยายผลตํอกับทรัพยากรทางทะเล ประเภทอื่นๆ

2 . ก า ร มี สํ ว น รํ ว ม ใ น กิจกรรมของชุมชนมอแกน

1.1 1.2

1) จานวนมอแกนที่เข๎ารํวมในแตํ ละกิจกรรม

จานวนที่เพิ่มขึ้น

จานวนผู๎เข๎ารํวมอยูํระหวําง 80-150 คน

2) จานวนครั้งที่เข๎ารับการอบรมทั้ง จ านวนครั้ ง ที่ เ ข๎ า สมาชิ ก เครื อ ขํ า ยรํ ว มฯ เข๎ า รํ ว ม ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รํ ว มมากกวํ า ร๎ อ ย อบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติทุ ก ละ 80 ครั้งที่จัดกิจกรรมขึ้น นอกจากนี้ยังมี ความพยายามชักจูงคนอื่นๆ ให๎เข๎า รํวมเป็นสมาชิกในเครือขํายด๎วย

3. ความรู๎ เ กี่ ย วกั บ คุ ณ คํ า การใช๎ ประโยชน์ และการ อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล

44

1.1 1.2

3) การสนับสนุนจากชุมชนมอแกน

มี/ไมํมี

ชุ ม ชนมอแกนให๎ ค วามชํ ว ยเหลื อ เจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ทุกครั้งที่จัดการ อบรม เชํ น การเดิ น ทางติ ด ตั้ ง อุปกรณ์ และไฟฟ้า และตั้งใจฟังไมํ สํงเสียงรบกวนขณะอบรม

4) การแสดงความคิดเห็น

มี/ไมํมี

เมื่ อ อยูํ ใ นกลุํ มขนาดเล็ก ของคนที่ คุ๎ น เ คย แ ละ ได๎ รั บก าร กร ะตุ๎ น มอแกนแตํละคนจะมีความกล๎าที่จะ แสดงความคิดเห็น และความรู๎ของ ตนเองออกมา

1) เนื้อหาความรู๎มุํงเน๎น ทรัพยากร ที่ชุมชนใช๎ประโยชน์ หรือได๎รับ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง

ใชํ/ไมํใชํ

เนื้ อหาที่ ใช๎ อบรมเป็ นเรื่ องของ ทรั พยากรทางทะเล ซึ งถื อเป็ น ทรัพยากรพื้นฐานที่ ชุมชนมอแกนใช๎ ประโยชน์เป็นหลัก ประกอบด๎วย การ สารวจสิ่งมีชีวิตทางทะลในระบบนิเวศที่ แตกตํางกัน การกระจายตัวและความ หนาแนํ น ถิ่นที่ อยูํ อาศั ย สถานภาพ ปะการัง และผลกระทบจากกิจกรรมที่ ทาลายล๎าง

2) อยูํบนหลักการทางวิทยาศาสตร์ เข๎าใจงําย และไมํซับซ๎อน

ใชํ/ไมํใชํ

คูํมือ และเนื้อหาการสอนนามาจาก หนังสือทางวิทยาศาสตร์

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ตารางที่ 7 ตัวชี้วัดผลสาเร็จของแตํละโครงการ (ตํอ) ประเด็น

กิจกรรม

ตัวชี้วัด

เกณฑ์การวัด

ผลชี้วัดโครงการ

3. ความรู๎ เ กี่ ย วกั บ คุ ณ คํ า การใช๎ ประโยชน์ และการ อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ตํอ)

1.1 1.2

3) พฤติกรรมการใช๎ประโยชน์จาก ทรั พ ยากรของชุ ม ชนมอแกน เชํนการบริโภคไขํเตํา

เปลี่ยน/ไมํเปลี่ยน

มอแกนที่เป็นสมาชิกเครือขํายรํวมฯ แ ล ะ เ ค รื อ ญ า ติ ทุ ก ค น เ ข๎ า ใ จ ค ว าม ส าคั ญ ข อ ง ก าร อ นุ รั ก ษ์ ทรั พ ยากรทะเล และเลิ ก บริ โ ภค ไขํเตําทะเล

4) ผลสารวจจากการฝึกปฏิบัติการ สารวจสถานภาพทรัพยากร

มี/ไมํมี

มี

5) ความสามารถในการถํายทอด ความรู๎สูํคนอื่นๆ

มี/ไมํมี

คนที่มีความรู๎หรือเข๎าใจมากกวําจะ ถํ า ย ท อดสิ่ ง ที่ ตน เ อ ง รู๎ อ อ ก ม า โดยเฉพาะจากผู๎ใหญํสูํเด็ก

1) ข๎อมู ลสถานภาพทรัพ ยากรใน แนวชายหาด และแนวปะการั ง เพื่อกาหนดแนวทางการจัดการ

มี/ไมํมี

ไมํมี

2) การริเริ่มสร๎างกฎระเบียบ และ บทลงโทษในการใช๎ ทรัพ ยากร ภายในชุมชน

มี/ไมํมี

ไมํมี

3) การมี สํ ว นรํ ว มของสมาชิ ก ใน ชุมชนตํอแผนการจัดการ

มี/ไมํมี

ไมํมี

4. การจัดการทรัพยากรใน แ น ว ช าย ห า ด แ ล ะ แ น ว ปะการัง ณ อําวบอน

5. เครื อ ขํา ยรํ วมเฝ้ าระวั ง แหลํงวางไขํเตําทะเล

6. แผนการเฝ้ า ระวั ง รั ง ไขํเตํา

1.1

1.2

1.2

1) จ านวนสมาชิ กเครื อขํ ายรํ วมฯ ไมํน๎อยกวํา 10 คน รวมถึงจานวนที่เพิ่มขึ้นในแตํละครั้ง

จ านวนสมาชิ ก เครื อ ขํ า ยรํ ว มฯ มี ทั้งสิ้น 38 คน

2) จานวนเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ และ มอแกนที่เข๎ารํวมอบรม

ไมํน๎อยกวํา 10 คน

อบรมครั้ ง ที่ 1 (13 มี . ค. 52) มี จานวนมอแกนเข๎ ารํวมทั้ง สิ้น 108 คน อบรมครั้ ง ที่ 2 (9 เม.ย. 52) มี จานวนเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ เข๎ารํวม ทั้งสิ้น 20 คน

3) ความรํวมมือในการทางาน และ เก็บข๎อมูลรํวมกัน

มี/ไมํมี

มี

4) การแบํงหน๎าที่ ความรับผิดชอบ ในกลุํมสมาชิกฯ

มี/ไมํมี

มี

1) จานวนผู๎ลงทะเบียนเป็นสมาชิก เครือขํายรํวมฯ

ร๎อยละ 80 ของ จานวนการพบเห็น การขึ้นวางไขํของ แมํเตํา

ร๎อยละ 92.86 ของจานวนการพบ เห็นการขึ้นวางไขํของแมํเตํา ลงทะเบียนเป็นสมาชิกเครือขําย รํวมฯ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

45


ตารางที่ 7 ตัวชี้วัดผลสาเร็จของแตํละโครงการ (ตํอ) ประเด็น

กิจกรรม

ตัวชี้วัด

6. แผนการเฝ้ า ระวั ง รั ง ไขํเตํา (ตํอ)

1.2

2) ความสามารถในการบันทึก และ เก็บข๎อมูลด๎วยตนเอง

มี/ไมํมี

เด็ ก มอแกนและผู๎ ใ หญํ บ างสํ ว นที่ สามารถ อํ า น -เ ขี ย นไ ด๎ มี คว าม รั บ ผิ ด ช อ บ ใ น ห น๎ า ที่ ที่ ไ ด๎ รั บ มอบหมาย และสามารถจดบั น ทึ ก ข๎อมูลอยํางงํายได๎ด๎วยตนเอง

3) สภาพแหลํงวางไขํเตํา

ไมํมีการรบกวน จากสิ่งตํางๆ

ไมํมีการรบกวนรั งไขํที่ทาการล๎อ ม รังป้องกันไว๎จากทั้งมนุษย์และสัต ว์ แตํชายหาดที่เป็น แหลํงวางไขํของ เตํ า ทะเลรอบเกาะสุ ริ น ทร์ ยั ง คงมี ความเสี่ยงจากบุคคลภายนอกที่มัก ขึ้นมาลักลอบขุดไขํเตําทะเล

4) ผลข๎อมูลจากการบันทึก

มี/ไมํมี

มี

5) จานวนรังไขํที่ถูกทาลายทั้งจาก สาเหตุ ทางธรรมชาติ และการ บริโภคของมอแกน

น๎อยกวําร๎อยละ 20 ของจานวนรัง ไขํที่ลงทะเบียน

รังไขํเตําทุกรังได๎รับการป้องกัน จาก ภัยธรรมชาติ เชํน การทํวมของน้า ทะล และได๎ รั บ ความรํ ว มมื อ จาก สมาชิ กเครื อ ขํา ยรํ วมฯ ไมํบ ริโ ภค ไขํเตํา

6) ปริมาณการรอดของลูกเตําทะเล

ร๎อยละ 80 ของ จานวนไขํทั้งหมด

1) ดาเนินการตามกระบวนการทาง ธรรมชาติ

ใชํ/ไมํใชํ

จากรังไขํทั้งหมด 6 รัง มีลูกเตํารอด ชีวิต และคลานลงสูํท๎องทะเลทั้งสิ้น 2 ตั ว นอกนั้ น เป็ น ไขํ ที่ ไ มํ มี ก าร พั ฒ นาของตั ว อํ อ น จากสาเหตุ ที่ น้าเชื้อจากเตําเพศผู๎ไมํเพียงพอ รังไขํที่มีลูกเตํารอดชีวิต คือ รั งที่ 1 โดยมีเปอร์เซนต์การรอดของลูกเตํา ทะเล เทํ า กั บ ร๎ อ ยละ 2.9 ของ จานวนไขํทั้งหมด ไขํสํวนที่เหลือไมํ ฟั ก สั น นิ ษ ฐ า น วํ า เ กิ ด ก า ร ก ร ะ ท บ ก ร ะ เ ทื อ น จ า ก ก า ร เคลื่ อน ย๎ า ยท าใ ห๎ ตั วอํ อน หยุ ด พั ฒ นาการที่ ร ะยะไมํ เ กิ น 10 วั น และบางสํวนติดเชื้อรา การอนุรั ก ษ์ แ หลํ ง วางไขํ เ ตํา ทะเล โดยเครือขํายรํวมฯ ดาเนิน การตาม กระบวนการธรรมชาติ โดยลดการ เข๎าไปยุํงเกี่ยวของมนุษย์มากที่สุด

2) การยอมรับจากเครือขํายรํวมฯ

ใชํ/ไมํใชํ

7. ก ารเพ าะฟั ก โดยวิ ธี ธรรมชาติจากหลุมที่แมํเตํา ได๎ เ ลือ กและวางไขํ ไว๎ แ ละ ปลํ อ ยลู ก เตํ า ทั น ที ที่ อ อก จากรัง

46

1.2

เกณฑ์การวัด

ผลชี้วัดโครงการ

สมาชิ ก เครื อ ขํ า ยรํ ว มฯ ยั ง รู๎ สึ ก แปลกใหมํกับวิธีการอนุรักษ์ โดยวิธี ธรรมชาติ จึงมีความจาเป็น อยํางยิ่ง ที่สมาชิกเครือขํายรํวมฯ ควรได๎รับ ความรู๎ แ ละข๎ อ มู ล ขํ า วสารมากขึ้ น และควรมีความตํอเนื่องตํอไปอีกใน ระยะยาวเพื่อให๎ได๎เห็นผลสาเร็จ

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


4.2 ปัญหาและอุปสรรค พื้นที่และสภาพอากาศ 1. การเข๎าถึงชายหาดบางแหํงเนื่องจากพื้นที่หน๎าหาดเป็นแนวปะการังน้าตื้น 2. สภาพอากาศที่แปรปรวน 3. สภาพพื้นที่ข องเกาะสตอร์คมีปัจจัย เสี่ยงตํอการไมํฟักตัวของลูกเตําทะเล เชํน รากไม๎ ฝอย ระดับน้า เนินทราย และการรบกวนจากมนุษย์ การสารวจและเก็บบันทึกข้อมูล 1. ในอดีตอุทยานฯ ขาดการเก็บบันทึกข๎อมูลพื้นฐานอยํางจริงจังและตํอเนื่องเรื่อง ชนิด จานวน ประชากร การกระจายตัว สถานภาพ และแหลํงที่อยูํอาศัยของเตําทะเล รวมถึงลักษณะทาง กายภาพของชายหาดที่มีแนวโน๎มการขึน้ วางไขํของเตําทะเล ทาให๎การระบุจานวน หรือตัวแมํ เตํ าที่ ขึ้ นวางไขํ การระบุ ตั ว แมํ เตํ า ต๎อ งท าโดยการดูชํว งวั นเวลาที่พบรอยขึ้ นวางไขํ อ ยํ า ง ตํอเนื่องกันเทํานั้นซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนได๎ 2. จากการเก็บข๎อมูลตั้งแตํเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมเกาะสตอร์คเป็นพื้นที่ที่มีการขึ้นวางไขํมาก แตํเนื่องจากเป็นพื้นที่ยากตํอการเฝ้าระวัง ทาให๎รังไขํบางรังถูกทาลายทั้งจากการกินของสัตว์ อื่น และการลักลอบขุดของบุคคลภายนอก 3. การแจ๎งการพบรอยขึ้นวางไขํของแมํเตําจากมอแกนมักจะเป็นวันถัดจากวันที่แมํเตําขึ้นวางไขํ 1-3 วัน ทาให๎ การหาจุ ด ที่เป็ นรังไขํ ที่แ นํนอนท าได๎ คํอนข๎ างยาก สํ งผลให๎ จานวนรังไขํ ที่ สามารถล๎อมได๎มีจานวนน๎อยกวําจานวนรอยขึ้นวางไขํ 4. ความสามารถในการบันทึก และเก็บข๎อมูลของมอแกนยังจากัดอยูํเฉพาะคนที่อําน-เขียนได๎ 5. จานวน และอุปกรณ์บางอยํางของโครงการไมํเพียงพอ การปฏิบัติงานทัว่ ไป 6. เจ๎าหน๎าที่อุท ยานฯ ที่ เข๎า รํวมในโครงการมีจานวนน๎อย สํว นใหญํพะวงกั บภารกิจด๎านการ บริการนักทํองเที่ยว 7. จานวนเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ ที่เข๎ารํวมน๎อยสํงผลตํอประสิทธิภาพในการเข๎าถึงมอแกน เนื่องจาก มอแกนยังคงต๎องการการกระตุ๎นและใสํใจ 8. การกาหนดทิ ศทางการปฏิ บัติ งานด๎านการอนุรั กษ์ เตํ าทะเลรํว มกั นระหวํ างอุ ท ยานฯ กั บ หนํวยงานอื่นที่เกี่ยวข๎องไมํบรรลุจุดประสงค์

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

47


4.3 ข้อเสนอแนะ พื้นที่และสภาพอากาศ 1. ควรวางแผนการสารวจชายหาดที่มีพื้นทีห่ น๎าหาดเป็นแนวปะการังน้าตื้นโดยเลือกชํวงเวลาน้า ขึ้น เชํน อําวปอ หาดทรายขาวของแหลมชํองขาด หาดทรายแดง การสารวจและเก็บบันทึกข้อมูล 2. ควรมีการเก็บข๎อมูลพื้นฐานของหาดทรายในระยะยาวเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงในแตํละเดือน เพื่อนาไปวิเคราะห์หาแนวทางการจัดการที่เหมาะสมตํอไป 3. ควรสร๎างระบบการเฝ้าระวัง สารวจ และบั นทึกข๎อมู ลเตํ าทะเลในเขตอุท ยานฯ เพื่อนาผล ข๎อมูลมาวิเคราะห์สถานภาพเตําทะเล และวางแผนการจัดการที่เหมาะสมตํอไป 4. จากการประเมินศักยภาพ และความสนใจของมอแกนในการเฝ้าระวังแหลํงวางไขํเตําทะเล ได๎ผ ลออกมาดี เนื่องจากมอแกนมีพื้นฐานความเชี่ยวชาญเรื่อ งเตําทะเลอยูํ แล๎ ว และสนใจ อยากรู๎ ในสิ่ ง ตํ า งๆ รอบตั ว จึ ง ควรด าเนิน แผนการสร๎ างการมี สํ ว นรํ ว มในการเฝ้ าระวั ง ทรัพยากรทางทะเลตํอไป 5. ควรจัดตารางเวลาเฝ้าระวังการขึน้ วางไขํที่แนํนอนเพื่อจัดสรรบุคคลากร และยานพาหนะ โดย ต๎องคานึงถึงสถานที่ สภาพอากาศ ระดับน้าขึ้น-ลง และความปลอดภัยเป็นหลัก 6. การเฝ้าระวังการขึ้นวางไขํอยํางจริงจังและตํอเนื่องพร๎อมกับการนาเทคโนโลยีการติดตามและ ระบุ ตัวแมํเตํ ามาใช๎ในอนาคต จะสํงผลให๎ข๎ อมูลที่ได๎ รั บมี ความแมํ นย า และสามารถนามา ประยุกต์ใช๎ในการจัดการแหลํงวางไขํเตําทะเลได๎ในอนาคต 7. ควรมีการจัดหาอุปกรณ์สารวจชายหาดที่ได๎มาตรฐาน และมีความแมํนยาสูงเพิ่มเติม การปฏิบัติงานทัว่ ไป 8. ควรชี้แจงเป้าหมายการทางานของอุทยานฯ ให๎ชัดเจนวํางานด๎านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นเป้าหมายหลักที่มีความสาคัญไมํน๎อยไปกวํางานบริการนักทํองเที่ยว เพื่อให๎เจ๎าหน๎าที่ อุทยานฯ ทุกคนเข๎าใจหลักการทางาน 9. มอแกนให๎ความสนใจ และต๎องการเห็นภาพเรื่องราว และวิถีชีวิตของตนเอง อุทยานฯ จึงควร จัดให๎มีการฉายภาพตํางๆเหลํานี้เพิ่มเติม 10. ควรจัดให๎มีการแลกเปลี่ยนความรู๎และประสบการณ์ระหวํางเจ๎าหน๎าที่อุทยานฯ กับหนํวยงาน อื่นๆ ที่มีเป้าหมายหลักเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติอยํางตํอเนื่อง

48

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


5

ห้องสมุดความรู้

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรนิ ทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ์

49


ส่องหาความรู้ได้ที่ มิคมินทร์ จารุจินดา และก๎องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์. 2551. เตําทะเล. สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากร ทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน. 84 หน๎า ฝ่ายบริการและพัฒนา. 2542. เตําทะเล. เอกสารเผยแพรํ. สํวนอุทยานแหํงชาติทางทะเล สานักอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม๎. สุพจน์ จั นทราภรณ์ศิลป์. 2544. ชีววิ ทยาและการอนุรักษ์ เตําทะเลไทย. เอกสารประกอบการสอนวิชา นิเวศวิทยาทางทะเลภาคฤดูร๎อน สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล. สถาบันวิจัยชีววิทยาและ ประมงทะเล. 18 หน๎า U.S. Fish and Wildlife Service Department of the Interior. 2008. ALABAMA Sea Turtle Conservation Manual, Alabama. 45 pages.

50

รายงานฉบับสมบูรณ์ : โครงการสร้างเครือข่ายร่วมระหว่างชุมชนมอแกนและอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุ รกั ษ์


ภาคผนวก ภาพการอบรมกิจกรรมโครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทร เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่อนุรักษ 1. กิจกรรมที่ 1.1 สํารวจทรัพยากรทางทะเลอาวบอน อบรมครั้งที่ 1 และ 2 เรื่อง ความเปนมาของการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ และการจัดการพื้นที่คุมครอง ทางทะเล และทรัพยากรชายหาด

อบรมครั้งที่ 3 เรื่อง สํารวจสถานภาพปะการัง

อบรมครั้งที่ 4 เรื่อง การกระจายของสิ่งมีชีวิตในหมูเกาะสุรินทร

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ

51


อบรมครั้งที่ 4 เรื่อง การกระจายของสิ่งมีชีวิตในหมูเกาะสุรินทร (ตอ)

อบรมครั้งที่ 5 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงจํานวนและความหนาแนนของสัตวทะเล ครั้งที่ 1

อบรมครั้งที่ 6 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงจํานวนและความหนาแนนของสัตวทะเล ครั้งที่ 2

อบรมครั้งที่ 7 ทบทวนบทเรียนเรื่อง ชนิด จํานวน และการกระจายของสิ่งมีชีวิต

52

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นทีอ่ นุรักษ


อบรมครั้งที่ 7 ทบทวนบทเรียนเรื่อง ชนิด จํานวน และการกระจายของสิ่งมีชีวิต (ตอ)

อบรมครั้งที่ 8 เรื่อง การใชทรัพยากรอยางยั่งยืน (เกมสจับปลา)

อบรมครั้งที่ 9 เรื่อง ขยะทะเลและผลกระทบตอสิ่งมีชีวิต

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ

53


อบรมครั้งที่ 10 เรื่อง สรุปกิจกรรมหองเรียนธรรมชาติ สํารวจอาวบอน

2. กิจกรรมที่ 1.2 เครือขายรวมเฝาระวังแหลงวางไขเตาทะเล อบรมภาคทฤษฏีครั้งที่ 1 เรือ่ ง การอนุรักษเตาทะเล

อบรมภาคปฏิบัติครั้งที่ 1 กับเจาหนาที่อุทยานฯ เรื่อง การอนุรักษแหลงวางไขเตาทะเล

อบรมภาคทฤษฏีครั้งที่ 2 เรือ่ ง สถานภาพเตาทะเล และการจัดการแหลงวางไขเตาทะเล

54

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นทีอ่ นุรักษ


อบรมภาคปฏิบัติครั้งที่ 2 กับชุมชนมอแกนเรื่อง การสํารวจแหลงวางไขเตาทะเล

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ

55


ขอขอบคุณ นายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผูวาราชการจังหวัดพังงา นายพิชิต บุญรอด อดีตหัวหนากลุมงานยุทธศาสตรฯ จังหวัดพังงา ดร.กองเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ และคณะ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝงทะเล และปาชายเลน จังหวัดภูเก็ต เจาหนาที่อุทยานแหงชาติหมูเ กาะสุรินทรทุกคน ชุมชนมอแกน ณ อุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทร เจาหนาที่หนวยรักษาความปลอดภัยทางทะเล ฝงทะเลอันดามัน (ทหารเรือ) เจาหนาที่หนวยปองกันและปราบปรามประมงทะเลอันดามัน (กรมประมง) ครูยุทธกับครูโจ บังหงา เจมล และทีมงานซาบีนาทัวร ทีมงานบาราคูดา ทีมงานกรีนวิลล หองพักบุญปยะ Winnie the Math

รายงานฉบับสมบูรณ : โครงการสรางเครือขายรวมระหวางชุมชนมอแกนและอุทยานแหงชาติหมูเกาะสุรินทรเพื่อดูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพืน้ ที่อนุรักษ

51


อ ท ุ ย า น แ ห ง  ช า ต ห ิ ม เ  ู ก า ะ ส ร ุ น ิ ท ร  ต ำ บ ล เ ก า ะ พ ร ะ ท อ งอ ำ เ ภ อ ค ร ุ ะ บ ร ุ ี จ ง ั ห ว ด ั พ ง ั ง า8 2 1 5 0 โ ท ร0 7 6 4 7 2 1 4 5 6โ ท ร ส า ร0 7 6 4 7 2 1 4 7


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.