สรุปองค์ความรู้ด้านการวางผังเมือง ประจำปี ๒๕๖๑

Page 1

องค์ความรู้ด้านการวางผังเมือง 1.1 กฎกระทรวง ผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2560 มีประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ ๑. องค์ประกอบผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี 1.1 ข้อกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดินฯ 1.2 รำยกำรประกอบแผนผังกำหนด 1.3 กำรใช้ประโยชน์ที่ดินตำมที่ได้จำแนกฯ 1.4 บัญชีท้ำยกฎกระทรวงฯ 1.5 แผนที่ท้ำยกฎกระทรวงฯ 1.6 แผนผังกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดินฯ ๒. ได้กำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน ออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้ 2.1 ที่ดินประเภทชุมชน (สีชมพู) 2.2 ที่ดินประเภทอุตสำหกรรมและคลังสินค้ำ (สีม่วง) 2.3 ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) 2.4 ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม( สีขำวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว) 2.5 ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนำกำรและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อม เขตสีเขียวอ่อน) 2.6 ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่ำไม้ (สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขำว) 2.7 ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อกำรรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อม (สีฟ้ำ) ๓. ข้อกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นมำตรกำรวิธีกำรในกำรกำหนดกำรใช้ที่ดินแต่ละประเภทสำมำรถ ใช้ประโยชน์เพื่อประกอบกิจกำรอะไรได้บ้ำง แบ่งออกเป็นกำรใช้ประโยชน์ที่ดินหลัก กำรใช้ที่ดินเพื่อ ประกอบกิจกำรที่สำมำรถดำเนินกำรได้ในที่ดินประเภทนั้น ๆ และกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน ห้ำมใช้กำร ห้ำมใช้ที่ดินเพื่อประกอบกิจกำรใด ๆ ตำมที่กำหนดไว้ในที่ดินประเภทนั้นๆ ๔. กำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินหลัก ที่ ดินประเภทชุม ชน (สีชมพู) ให้ใช้ป ระโยชน์ที่ ดินเพื่ อกำรอยู่ อ ำศั ย พำณิชยกรรม เกษตรกรรม สถำบันกำรศึกษำ สถำบันศำสนำ สถำบันรำชกำร สำธำรณูปโภคและ สำธำรณูปกำร สำหรับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกำรอื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ใน อำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่พิเศษ ๕. กำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินที่ ห้ำมใช้ ที่ ดินประเภทนี้ ห้ำมใช้ป ระโยชน์ที่ ดินเพื่อกิ จ กำรตำมที่ ก ำหนด ดังต่อไปนี้ 5.1 โรงงำนตำมกฎหมำยว่ำด้วยโรงงำนตำมประเภท ชนิด และจำพวกท้ำยกฎกระทรวงนี้ 5.2 คลังน้ำมันและสถำนที่เก็บรักษำน้ำมัน ลักษณะที่สำม ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรควบคุมน้ำมัน เชื้อเพลิง เพื่อกำรจำหน่ำย


-2-

5.3 คลังก๊ำซปิโตรเลียมเหลว สถำนที่บรรจุก๊ำซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงบรรจุ สถำนที่บรรจุ กำ๊ ซ ปิโตรเลียมเหลว ประเภทห้องบรรจุ และสถำนที่เก็บรักษำก๊ำซปิโตรเลียมเหลวประเภทโรงเก็บ ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง 5.4 เลี้ยงม้ำ โค กระบือ สุกร สุนัข แพะ แกะ ห่ำน เป็ด ไก่ งู จระเข้ หรือสัตว์ป่ำ ตำมกฎหมำยว่ำ ด้วย กำรสงวนและ คุ้มครองสัตว์ป่ำ เพื่อกำรค้ำ 5.5 จัดสรรที่ดินเพื่อประกอบอุตสำหกรรม 5.6 ไซโลเก็บผลิตผลทำงกำรเกษตร 5.7 กำจัดมูลฝอย เว้นแต่เป็นกิจกำรที่อยู่ภำยใต้กำรควบคุมดูแลหรือได้รับอนุญำตให้ดำเนินกำร จำกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6. กำรปฏิบัติให้เป็นไปตำมผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี ขั้นตอนกำรตรวจสอบกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน 6.1 ตรวจสอบว่ำที่ตั้งแปลงที่ดินนั้น ตั้งอยู่ในกฎกระทรวง ฉบับใด และสถำนภำพกำรใช้บังคับใน ปัจจุบัน 6.2 ตรวจสอบว่ำแปลงที่ดินตั้งอยู่ในที่ดินประเภทใด บริเวณหมำยเลขใด. 6.3 ตรวจสอบเงื่อนไขในกำรใช้ประโยชน์ที่ดินตำม หมำยเลขนั้น ๆ จำกข้อกำหนด และรำยกำร ประกอบแผนผัง 7. ปัจจัยที่ใช้ในกำรประเมินผลผังเมืองรวมจังหวัด/ชุมชน มีทั้งสิ้น 8 ปัจจัย ได้แก่ 7.1 กำรใช้ประโยชน์ที่ดิน 7.2 ควำมหนำแน่นของประชำกร 7.3 นโยบำยรัฐบำลและโครงกำรพัฒนำในพื้นที่ทั้งของรัฐและเอกชน 7.4 สภำวกำรณ์ด้ำนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 7.5 โครงกำรคมนำคมและขนส่ง 7.6 กำรป้องกันกำรเกิดภัยพิบัติ 7.7 ควำมมั่นคงของประเทศ 7.8 ปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับกำรผังเมือง


-3-

8. ขั้นตอนหลักของกระบวนกำรมีส่วนร่วมงำนประเมินผลผังเมืองรวม การประเมินผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ * และสิ่งแวดล้อมการใช้บังคับผังเมืองรวม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 1. กำรใช้ประโยชน์ที่ดิน 2. ควำมหนำแน่นของประชำกร 3. นโยบำยหรือโครงกำรของรัฐบำล 4. สภำวกำรณ์ด้ำนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 5. กำรคมนำคมและขนส่ง 6. กำรป้องกันกำรเกิดภัยพิบัติ 7. ควำมมั่นคงของประเทศ 8. ปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับกำรผังเมือง

1. การติดตามผัง (Monitoring) 2. การประเมินผลผัง (Evaluation) 3. การมีส่วนร่วม (Public Participation)

4. รายงานการประเมินผลผัง (Evaluation Report)

5. ขั้นตอนการประชุม ประชุมคณะที่ปรึกษำผังเมืองรวม  ประชุมประกอบควำมคิดเห็นด้ำนผังเมือง  ประชุมคณะอนุกรรมกำรผังเมืองเพื่ อติดตำมเร่งรัด และประเมินผลกำรวำงและจัดทำผังเมืองรวม  ประชุมคณะกรรมกำรกำรผังเมือง 

ระเบียบสำนักนำยกรัฐมนตรีว่ำด้วยกำรรับฟังควำมคิดเห็น ของประชำชน พ.ศ.2548 ** อำจใช้วิธีกำรอย่ำงหนึ่งหรือหลำยอย่ำงได้

กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ** กำรประชุมเชิงปฏิบัติกำร (Workshop) กำรประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) กำรประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholgers) 1. ผังเมืองรวมจังหวัด - แบบสอบถำมงำนประชุมเชิงปฏิบัติกำร (Workshop) - แบบสอบถำมงำนประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group)

แบบสอบถำม (Questionnaires)

กำรสัมภำษณ์ (Interview)

2. ผังเมืองรวมเมือง/ชุมชน - แบบสอบถำมงำนประชุมเชิงปฏิบัติกำร (Workshop) - แบบสอบถำมงำนประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group)

9. กฎกระทรวง ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2560มีประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ สมควรกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ และ กำรดำรงรักษำเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้ำนกำรใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน กำรคมนำคมและ กำรขนส่ง กำรสำธำรณูปโภค บริกำรสำธำรณะและสภำพแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกำรผัง เมื อง และโดยที่ มำตรำ ๒๖ วรรคหนึ่งแห่งพระรำชบัญญัติกำรผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่ง แก้ ไขเพิ่มเติมโดย พระรำชบัญ ญัติก ำรผัง เมือ ง (ฉบับ ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญ ญัติว่ำ กำรใช้บัง คับ ผั ง เมื องรวมให้ก ระท ำโดย กฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้


-4-

1) ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดลพบุรี ภำยในแนวเขตตำมแผนที่ท้ำยกฎกระทรวงนี้ เว้น แต่พื้นที่ ที่ อยู่ในแนวเขตดังต่อ ไปนี้ ให้ใช้ป ระโยชน์ตำมวัตถุประสงค์ของที่ดินนั้น ๆ ตำมที่ มี ก ฎหมำย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกำศที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยไม่อยู่ในบังคับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินที่ก ำหนดใน กฎกระทรวงนี้ 2) กำรวำงและจัดทำผังเมืองรวมตำมกฎกระทรวงนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ และกำรดำรงรักษำเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้ำนกำรใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน กำรคมนำคม และกำรขนส่ง กำรสำธำรณูปโภค บริก ำรสำธำรณะ และสภำพแวดล้อมในบริเวณแนวเขตตำมข้อ ๑) ให้ สอดคล้องกับกำรพัฒนำระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตำมแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ 3) ผังเมืองรวมตำมกฎกระทรวงนี้ มีนโยบำยและมำตรกำรเพื่อจัดระบบกำรใช้ประโยชน์ที่ดินและกำร พัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อใช้เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำให้มีประสิทธิภำพต่อกำรจัดระบบชุมชนและกำหนด เขตพื้นที่ส่งเสริมอุตสำหกรรมและคลังสินค้ำ รวมทั้งกำหนดมำตรกำรและวิธีดำเนินกำรเพือ่ ใช้เป็นกรอบในกำร จัดทำแผนงำน โครงกำรพัฒนำพื้นที่และบริกำรสำธำรณะต่ำง ๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผังเมืองรวมจังหวัด ลพบุรี 4) กำรใช้ประโยชน์ที่ดินภำยในเขตผังเมืองรวม ให้เป็นไปตำมแผนผังกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน ตำมที่ได้จำแนกประเภท และรำยกำรประกอบแผนผังท้ำยกฎกระทรวงนี้ 5) กำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินตำมแผนผัง ก ำหนดกำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินตำมที่ ได้ จ ำแนกประเภทท้ ำ ย กฎกระทรวงนี้ 6) ที่ ดินประเภท ช. ๑ เป็นที่ ดินประเภทชุม ชนที่ มี วัตถุป ระสงค์เ พื่อรองรับกำรอยู่อำศัยสถำบัน รำชกำร กำรค้ำ กำรบริกำร และกำรสำธำรณูปโภคและสำธำรณูปกำร สำหรับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกำร อื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ในอำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่ 7) ที่ดินประเภท ช. ๒ เป็นที่ดินประเภทชุมชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับกำรอยู่อำศัย กำรค้ำ กำร บริกำร อุตสำหกรรมกำรผลิตและบริกำร และกำรสำธำรณูปโภคและสำธำรณูปกำร สำหรับกำรใช้ประโยชน์ ที่ดินเพื่อกิจกำรอื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ในอำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่พิเศษ 8) ที่ดินประเภท ช. ๓ เป็นที่ดินประเภทชุมชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับกำรอยู่อำศัยกำรให้บริกำร แก่ชุมชนและส่งเสริมเกษตรกรรม และกำรสำธำรณูปโภคและสำธำรณูปกำร สำหรับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อ กิจกำรอื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ในอำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่ 9) ที่ดินประเภท ช. ๔ เป็นที่ดินประเภทชุมชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับกำรอยู่อำศัยกำรค้ำ กำร บริก ำร ศูนย์ก ระจำยสินค้ำ นันทนำกำร สถำบันกำรศึก ษำ สถำบันรำชกำร และกำรสำธำรณูป โภคและ สำธำรณูปกำร สำหรับกำรใช้ ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกำรอื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ในอำคำรที่ ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่พิเศษ 10) ที่ ดิ น ประเภท อ. เป็ น ที่ ดิน ประเภทอุ ตสำหกรรมและคลัง สินค้ ำที่ มี วั ตถุป ระสงค์เ พื่อรองรับ อุตสำหกรรมหรือเกี่ยวข้องกับอุตสำหกรรม และคลังสินค้ำ 11) ที่ดินประเภท ก. ๑ เป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรรมหรือ เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม และอุตสำหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 12) ที่ดินประเภท ก. ๒ เป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรรมหรือ เกี่ ยวข้องกั บ เกษตรกรรม และกำรรัก ษำสภำพแวดล้อม ส ำหรับ กำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินเพื่อกิ จกำรอื่น ให้ ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำรได้ในอำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่


-5-

13) ที่ดินประเภท ก. ๓ เป็นที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรรมหรือ เกี่ ยวข้องกั บ เกษตรกรรม กำรอยู่อ ำศัย กำรสงวนรัก ษำสภำพทำงธรรมชำติ และกำรส่ง เสริม เศรษฐกิจ กำรเกษตรและพลังงำนสะอำด สำหรับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกำรอื่นให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจกำร ได้ในอำคำรที่ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่ 14) ที่ดินประเภท อก. เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษำพืน้ ที่ เกษตรกรรมชั้นดี พื้ นที่ ต้นน้ำ พื้ นที่ ลุ่ม น้ำ พื้นที่ ชุ่ม น้ำ พื้นที่ รับ น้ำหลำก และกำรอนุรัก ษ์และกำรรัก ษำ สภำพแวดล้อม สำหรับกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจกำรอื่น ให้ดำเนินกำรหรือประกอบกิจ กำรได้ในอำคำรที่ ไม่ใช่อำคำรสูงหรืออำคำรขนำดใหญ่ 15) ที่ดินประเภท ล. เป็นที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนำกำรและกำรรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมเฉพำะที่ ดินซึ่งเป็นของรัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อนันทนำกำร กำรรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมหรือสำธำรณประโยชน์เท่ำนั้น 16) ที่ดินประเภท ป. เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่ำไม้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษำระบบนิเวศน์ สงวนและ คุ้มครอง ดูแลรักษำหรือบำรุงป่ำไม้ สัตว์ป่ำ ต้นน้ำ ลำธำร และทรัพยำกรธรรมชำติอื่น ๆ ตำมมติคณะรัฐมนตรี และกฎหมำยเกี่ยวกับกำรป่ำไม้ กำรสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ำ และกำรส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่ งแวดล้อม แห่งชำติเท่ำนั้น 17) ที่ดินประเภท น. เป็นที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อกำรรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ รักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมหรือเกี่ยวข้องกับกำรรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อม กำรประมงหรือสำธำรณประโยชน์ เท่ำนั้น 18) ที่ ดินในเขตโบรำณสถำน ให้ใช้ป ระโยชน์ที่ ดิ นตำมกฎหมำยว่ำด้ว ยโบรำณสถำนโบรำณวั ต ถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถำนแห่งชำติ 19) ให้โ รงงำนที่ ได้รับ อนุญ ำตให้ป ระกอบกิ จ กำรอยู่ก่ อนวันที่ ก ฎกระทรวงนี้มี ผ ลใช้บัง คับ และยัง ประกอบกิจกำรอยู่ ขยำยพื้นที่โรงงำนได้เฉพำะในที่ดินแปลงเดียวกันหรือติดต่อเป็นแปลงเดียวกันกับแปลง ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงงำนเดิม ซึ่งเจ้ำของโรงงำนเดิมเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครองอยู่ก่อนวันที่ กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ไม่เกินหนึ่งเท่ำของพื้นที่โรงงำนที่ใช้ในกำรผลิตเดิม 20) ให้ผู้มีอำนำจหน้ำที่ในกำรควบคุมกำรก่อสร้ำงอำคำรหรือกำรประกอบกิจกำรในเขตผังเมืองรวม ปฏิบัติกำรให้เป็นไปตำมกฎกระทรวงนี้


-6-

ภำพที่ 1 แผนที่ท้ำยกฎกระทรวง ให้ใช้บงั คับผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2560


-7-

ภำพที่ 2 แผนผังแสดงกำรใช้ประโยชน์ที่ดินในอนำคต ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลพบุรี พ.ศ. 2560


-8-

1.2 พระราชบัญญัติการผังเมือง ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 มีประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ ๑. "กำรผังเมือง" หมำยควำมว่ำ กำรวำง จัดทำและดำเนินกำรให้เป็นไปตำมผังเมืองรวมและผังเมือง เฉพำะในบริเวณเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทเพื่อสร้ำงหรือพัฒนำเมืองหรือส่วนของเมืองขึน้ ใหม่หรือแทนเมืองหรือส่วนของเมืองที่ได้รับควำมเสียหำยเพื่อให้มีหรือทำให้ดียิ่งขึ้นซึ่งสุขลักษณะ ควำมสะดวกสบำย ควำมเป็นระเบียบ ควำมสวยงำม กำรใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน ควำมปลอดภัยของ ประชำชน และสวัสดิภำพของสังคม เพื่อส่งเสริมกำรเศรษฐกิจสังคม และสภำพแวดล้อม เพื่อดำรง รั ก ษำหรื อ บู ร ณะสถำนที่ แ ละวั ต ถุ ที่ มี ป ระโยชน์ ห รื อ คุ ณ ค่ ำ ในทำงศิ ล ปกรรม สถำปั ต ยกรรม ประวัติศำสตร์ หรือโบรำณคดี หรือเพื่อบำรุงรักษำ ทรัพยำกรธรรมชำติ ภูมิประเทศที่งดงำม หรือมี คุณค่ำในทำงธรรมชำติ ๒. "ผังเมืองรวม" หมำยควำมว่ำ แผนผัง นโยบำยและโครงกำรรวมทั้ง มำตรกำรควบคุมโดยทั่วไป หรือใช้ เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ และกำรดำรงรักษำเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้ำนกำรใช้ ประโยชน์ ใ นทรั พ ย์ สิ น กำรคมนำคมและกำรขนส่ ง สำธำรณู ป โภค บริ ก ำรสำธำรณะและ สภำพแวดล้อม เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของกำรวำงผังเมือง ๓. ควำมสำคัญของกำรวำงและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัด คือ 3.1 ใช้เป็นกรอบนโยบำยกำรพัฒนำพื้นที่ของจังหวัด โดยกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีควำม เหมำะสมอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม 3.2 ใช้เป็นกรอบชี้นำ เป็นเครื่องมือในกำรขับเคลื่อนกำรพัฒนำทุกระดับพื้นที่ของจังหวัดแบบองค์ รวม เพื่อเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำรพัฒนำจังหวัดด้ำนต่ำง ๆ กำกับ ควบคุมกำรใช้ที่ดินไม่ให้ กิจกรรมและโครงกำรที่ไม่เหมำะสมเกิดขึ้นรบกวนประชำชน ควบคุมไม่ให้เกิดกำรตั้งถิ่นฐำนใน บริเวณที่ไม่เหมำะสม ควบคุมควำมหนำแน่นให้เหมำะสมกับสำธำรณูปโภค – สำธำรณูปกำร และควบคุมเพื่อให้เกิดกำรพัฒนำที่สมดุลและยั่งยืน 3.3 ใช้เป็นเครื่องมือในกำรขับเคลื่อนกำรพัฒนำทุกระดับพื้นที่ของจังหวัดแบบองค์รวม เพื่อเพิ่มขีด ควำมสำมำรถในกำรพัฒนำจังหวัดด้ำนต่ำง ๆ ๔. ขอบเขตพื้นที่ใช้บังคับผังเมืองรวมเมือง ใช้บังคับในพื้นที่เมืองหรือชุม ชนและส่วนขยำยในอนำคต ผังเมืองรวมจังหวัด ให้ใช้บังคับครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด ๕. องค์ประกอบของแผนผัง (ในปัจจุบัน) ได้แก่ 5.1 ผังเมืองรวมเมือง/ชุมชน คือ แผนผังแสดงกำรใช้ประโยชน์ที่ดินมีกำรใช้ประโยชน์ที่ดินที่ ล ง รำยละเอียดมำกกว่ำ เช่น ที่อยู่อำศัยหนำแน่นน้อย (สีเหลือง) ที่อยู่อำศัยหนำแน่นปำนกลำง (สีส้ม) 5.2 แผนผังแสดงโครงกำรคมนำคมและขนส่ง


-9-

๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑.

๑๒.

๑๓. ๑๔. ๑๕. ๑๖. ๑๗. ๑๘.

5.3 ผังเมืองรวมจังหวัด คือ แผนผังแสดงกำรใช้ประโยชน์ที่ดินมี กำรใช้ประโยชน์ที่ดินแบบกว้ำงๆ เช่น ที่ดินประเภทชุมชน (สีชมพู) ผลต่อ เนื่อ งจำกกำรใช้บัง คับ ผัง เมื องรวมจังหวัด ได้แก่ กฎหมำยว่ำด้วยกำรควบคุม อำคำร และ กฎหมำยว่ำด้วยกำรขุดดินและถมดิน พ.ร.บ. ควบคุมอำคำร พ.ศ. ๒๕๒๒ และ พ.ร.บ. กำรขุดดินและถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ จะมีผลครอบคลุม ทั้งจังหวัด ผังเมืองรวมจังหวัดจะไม่มีผลใช้บังคับในพื้นที่ผังเมืองรวมเมือง/ชุมชนที่ยังมีผลกำรใช้บังคับอยู่เดิม ถ้ำผัง เมื อ งรวมเมือ ง/ชุม ชนใดหมดอำยุ ผัง เมื องรวมจัง หวัดที่ ป ระกำศจะมี ผลครอบคลุม ในพื้นที่ ดังกล่ำว เมื่อกฎกระทรวงผังเมืองรวมจังหวัดประกำศใช้บังคับแล้ ว ห้ำมบุคคลใดใช้ประโยชน์ที่ดินผิดไปจำกที่ กำหนดไว้ในผังเมืองรวมจังหวัดหรือปฏิบัติกำรใดๆ ซึ่งขัดกับข้อกำหนดของ ผังเมืองรวมจังหวัดนั้น กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด ไม่มีผลใช้บังคับย้อนหลังกับเจ้ำของที่ดินหรือผู้ครอบครอง ที่ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินมำก่อนที่จะมีกำรประกำศกฎกระทรวงให้ใช้บังคับ ผังเมืองรวมจังหวัด ทั้งนี้ 11.1 ถ้ำไม่ขัดต่อกฎกระทรวง เจ้ำของที่ดินหรือผู้ครอบครองก็สำมำรถใช้ประโยชน์ในที่ดินต่อไปได้ 11.2 ถ้ ำ ไม่ ขั ด ต่ อ กฎกระทรวง แต่ มิ ใ ช่ เ ป็ น กำรใช้ เ พื่ อ กิ จ กำรหลั ก ตำมประเภทกำรใช้ ที่ ดิ น กำรเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมกำรใช้ประโยชน์ในที่ดิน จะต้องพิจำรณำให้เป็นไปตำมเงื่อนไข ในกฎกระทรวง 11.3 ถ้ำขัดต่อกฎกระทรวง เจ้ำของที่ดินหรือผู้ครอบครองก็สำมำรถใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นต่อไป ได้ แต่จะขยำยเพิ่มเติมให้มำกกว่ำเดิมไม่ได้ และอำจต้องอยู่ภำยใต้หลักเกณฑ์ วิธีกำร และ เงื่อนไข เพื่อมิให้เป็นกำรขัดต่อนโยบำยของผังเมืองรวมในสำระสำคัญเกี่ยวกับ สุขลักษณะ ควำมปลอดภัย หรือสวัสดิภำพของประชำชนและสังคม ผู้ควบคุมให้เป็นไปตำมกฎกระทรวง ผู้มีอำนำจในกำรควบคุมกำรก่อสร้ำงอำคำรหรือกำรประกอบ กิ จ กำร ในเขตผั ง เมื อ งรวมจั ง หวั ด ได้ แ ก่ องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น (เขตเทศบำล ได้ แ ก่ นำยกเทศมนตรี เขตองค์กำรบริหำรส่วนตำบล ได้แก่ นำยกองค์กำรบริหำรส่วนตำบล) เจ้ ำ พนั ก งำนกำรผั ง ตำมที่ ไ ด้ ร ะบุ ไ ว้ ใ นพระรำชกฤษฎี ก ำในกรณี ที่ มี ก ำรใช้ บั ง คั บ ผั ง เมื อ งรวม หมำยควำมว่ำ อธิบดีกรมโยธำธิกำรและผังเมือง ผู้รักษำกำรตำมพระรำชบัญญัตินี้คือ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย ประธำนคณะกรรมกำรผังเมืองคือ ปลัดกระทรวงมหำดไทย คณะกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิทำงกำรผังเมืองหรือสำขำวิชำที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกำรผังเมืองไม่เกินเจ็ดคน ในกรณีที่เป็นกำรวำง จัดทำ หรืออนุมัติผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพำะในเขตกรุงเทพมหำนครให้ปลัด กรุงเทพมหำนครเป็นกรรมกำรร่วมด้วย คณะกรรมกำรผังเมืองมีอำนำจหน้ำที่เกี่ยวกับกำรผังเมืองตำมที่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัตินี้ และให้ มีหน้ำที่แนะนำเรื่องต่ำง ๆ เกี่ยวกับกำรผังเมืองแก่หน่วยงำนที่มีหน้ำที่เกี่ยวข้องกับกำรผังเมือง


-10-

๑๙. กรรมกำรผังเมืองซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวำระอยู่ในตำแหน่งครำวละสองปี ๒๐. ในกำรวำงและจัดทำผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพำะจะตรำพระรำชกฤษฎีกำกำหนดเขตที่ดินที่จะทำ กำรสำรวจ เพื่อกำรวำงและจัดทำผังเมืองรวมหรือผังเมืองเฉพำะ ๒๑. กำหนดเวลำกำรใช้บังคับพระรำชกฤษฎีกำซึ่งต้องไม่เกินห้ำปี ๒๒. พระรำชกฤษฎีกำซึ่งได้ประกำศตำมมำตรำ 14 ให้หมดอำยุกำรใช้บังคับเมื่อได้มีกฎกระทรวงให้ใช้ บังคับผังเมืองรวมหรือเมื่อใช้บังคับพระรำชบัญญัติให้ใช้บังคับผังเมืองเฉพำะ ๒๓. ในกรณีที่ เ ป็นกำรวำงและจัดท ำผังเมื องรวมขึ้นในท้ องที่ คำบเกี่ ยวกั นตั้ง แต่สองจัง หวัดขึ้นไป ให้ คณะกรรมกำรผังเมืองเป็นผู้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษำผังเมืองรวม ๒๔. ในกรณีที่ คณะกรรมกำรผัง เมื อ งเห็นชอบด้วยกั บ คำร้องขอ ให้คณะกรรมกำรผัง เมื องสั่ง ให้ก รม โยธำธิก ำรและผัง เมื อ งหรือ เจ้ำพนัก งำนท้ องถิ่น แล้วแต่ก รณีแก้ ไขหรือเปลี่ยนแปลงหรือ ยกเลิก ข้อกำหนดดังกล่ำวในผังเมืองรวมนั้น ถ้ำไม่เห็นชอบด้วยก็ให้สั่งยกคำร้องขอนั้น ๒๕. ในกรณีที่เจ้ำพนักงำนท้องถิ่นจะวำงและจัดทำเองต้องได้รับอนุมัติจำกคณะกรรมกำรผังเมืองก่อน ๒๖. ในกำรรับ ฟั งข้อ คิดเห็นนี้จ ะก ำหนดเฉพำะ ให้ผู้แทนของประชำชนเข้ำร่ วมกำรประชุมตำมควำม เหมำะสมก็ได้ หลักเกณฑ์ วิธีกำรและเงื่อนไขในกำรโฆษณำ กำรประชุม และกำรแสดงข้อคิดเห็นให้ กำหนดโดยกฎกระทรวง ๒๗. เมื่อเจ้ำพนักงำนท้องถิ่นได้วำงและจัดทำผังเมืองรวมแล้ว ให้ส่งผังเมืองรวมมำให้กรมโยธำธิกำรและผัง เมืองพิจำรณำให้มีสภำพแวดล้อมและคุณภำพชีวิตที่ดีขึ้น มีควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงเศรษฐกิจ มีกำร ดำรงรักษำหรือบูรณะสถำนที่ ประวัติศำสตร์หรือโบรำณคดี หรือกำรบำรุงรักษำทรัพยำกรธรรมชำติ รวมทั้งภูมิประเทศที่งดงำมหรือมีคุณค่ำทำงเศรษฐกิจ ๒๘. กำรใช้บังคับผังเมืองรวม ม. 26 กำรใช้บังคับผังเมืองรวมให้กระทำโดยใช้กฎกระทรวง - ปีผังเมืองรวมให้ใช้บังคับได้ไม่เกิน 5 ปี - ภำยใน 1 ปี ก่ อ นส้ น สุ ด ระยะเวลำกำรใช้ บั งคั บ ให้ ท้ อ งที่ สำรวจและรั บฟัง ควำมคิ ด เห็นเพื่อ ปรับปรุงผังเมืองรวม - หำกสถำนกำรณ์และสิ่งแวดล้อมไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงในสำระสำคัญสำมำรถขยำยเวลำกำรใช้ บังคับออกไปอีกได้ 5 ปี - หำกไม่สำมำรถดำเนินกำรแก้ไขผังเมืองรวมได้ทันอำจขยำยเวลำได้อีก 2 ครั้งครั้งละไม่เกิน 1 ปี ๒๙. กำรใช้บังคับผังเมืองเฉพำะ ม. 41 ผังเมืองเฉพำะจะใช้ในท้องที่ใดให้ตรำเป็นพระรำชบัญญัติ - พ.ร.บ. ผังเมืองเฉพำะอำจขยำยระยะเวลำใช้บังคับต่อไปอีกได้ - ในระหว่ำงกำรใช้บังคับ หำกสถำนกำรณ์และสภำพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงอำจแก้ไขปรับปรุง ข้อกำหนดและรำยละเอียดที่ไม่เกี่ยวกับกำรเวนคืนโดยใช้กฎกระทรวง ม.43 ที่ดินหรืออสังหำริมทรัพย์ของเอกชนให้เวนคืน ถ้ำ


-11-

เพื่อใช้เป็นทำงหลวง - เพื่อใช้ในกำรอันเป็นประโยชน์แก่กำรผังเมืองอย่ำงอื่น ม.45 รัฐมนตรีมีอำนำจออกกฎหมำย - รำยละเอียดของข้อกำหนดต่ำง ๆ - หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตำม ๓๐. ลักษณะของผังเมืองรวม ตำม พ.ร.บ.กำรผังเมือง 2518 คือ 1) วัตถุประสงค์ในกำรวำงและจัดทำผัง เมืองรวม 2) แผนที่แสดงเขตของผังเมืองรวม 3) แผนผัง พร้อมข้อกำหนด ได้แก่ ก. แผนผังกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดิน ข. แผนผังแสดงที่โล่ง ค. แผนผังแสดงโครงกำรคมนำคมขนส่ง ง. แผนผังแสดงโครงกำรกิจกำรสำธำรณูปโภค 4) รำยกำรประกอบแผนผัง 5) นโยบำย มำตรกำร และวิธีดำเนินกำรเพื่อปฏิบัติตำมวัตถุประสงค์ของ ผังเมืองรวม ๓๑. ลักษณะของผังเมืองเฉพำะ ตำม พ.ร.บ. กำรผังเมือง 2518 คือ 1) วัตถุประสงค์ในกำรวำงและจัดทำ ผังเมืองเฉพำะ 2) แผนที่แสดงเขตของผังเมืองเฉพำะ 3) แผนผังเมืองหรือผังบริเวณ ได้แก่ ก. แผนผังแสดงกำรกำหนดกำรใช้ประโยชน์ที่ดินแนวเขตกำรแบ่งที่ดินออกเป็นประเภทและย่ำน ข. แผนผังแสดงโครงกำรคมนำคมและขนส่ง ค. พร้อ มรำยละเอียดแสดงแนว และขนำดทำงสำธำรณูป โภค แผนผัง แสดงรำยละเอียดของ กิจกำรสำธำรณูปโภค ง. แผนผังแสดงที่โล่ง จ. แผนผังแสดงกำรกำหนดระดับพื้นดิน ฉ. แผนผังแสดงที่ตั้งของสถำนที่ที่มีคุณค่ำ ช. ทำงประวัติศำสตร์ฯ ซ. แผนผังแสดงบริเวณที่มีทรัพยำกรธรรมชำติ 4) รำยกำรและคำอธิบำยประกอบแผนผังอำคำรที่อนุญำต/ไม่อนุญำต 5) ข้อกำหนดที่จะให้ปฏิบัติ หรือไม่ให้ปฏิบัติ มีข้อย่อย 9 ข้อ 6) รำยละเอียด อสังหำริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนเพื่อใช้เป็นทำง หลวง 7) รำยละเอี ย ด อสั ง หำริม ทรัพย์ ที่ จ ะต้ อ งเวนคื น เพื่อ ใช้ ป ระโยชน์ แ ก่ ก ำรผัง เมื อ ง 8) รำยละเอียด และแผนที่อสังหำริมทรัพย์ที่เป็นสมบัติของแผ่นดิน 9) แผนที่ แผนผัง หรือรำยละเอียด อื่นตำมควำมจำเป็น ๓๒. วัตถุประสงค์ของกำรประเมินผลผังเมืองรวม มีรำยละเอียด ดังนี้ 32.1 ให้ทรำบว่ำผังที่ได้วำงไว้เป็นไปตำมเป้ำหมำยและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ - เป้ำหมำยจำนวนประชำกรในอนำคต - เป้ำหมำยกำรใช้ประโยชน์ที่ดินและระบบคมนำคมขนส่ง -


-12-

- เป้ำหมำยแนวโน้มและทิศทำงในกำรขยำยตัวของชุมชนในพื้นที่ที่กำหนด 32.2 ตรวจสอบกำรปฏิบัติให้เป็นไปตำมข้อก ำหนดผังเมื องรวมในด้ำนกำรใช้ประโยชน์ที่ดินและ ระบบคมนำคมขนส่ง 32.3 เพื่อให้ทรำบถึงประโยชน์และผลกระทบของผังเมืองรวมที่มีต่อท้องถิ่น รวมถึงนโยบำยกำร พัฒนำโครงกำรทั้งภำครัฐและอกชนที่เกิดขึ้น ตลอดจนควำมสัมฤทธิ์ผลของผังจำกควำมคิดเห็นของ ประชำชน หน่วยงำนรำชกำรและองค์กรเอกชน 32.4 เพื่อประกอบกำรพิจำรณำกำรปรับปรุงผังเมืองรวมให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรของท้องถิ่น ๓๓. กำรใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด เมื่อกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดได้ประกำศให้มีผลใช้บังคับแล้ว จะมีผลทำให้ พระรำชบัญญัติควบคุมอำคำร พ.ศ. ๒๕๒๒ (กฎหมำยว่ำด้วยกำรควบคุมอำคำร) ใช้บังคับครอบคลุม เต็มพื้นที่ทั้งจังหวัด (จะมีเขตควบคุมอำคำรครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัด) (มำตรำ ๒ แห่งพระรำชบัญญัติ ควบคุมอำคำร พ.ศ. ๒๕๒๒) ซึ่งจะหมำยควำมว่ำ กำรจะก่อสร้ำงอำคำรใด ๆ จะต้องยื่นขออนุญำต หรือแจ้ง ต่อเจ้ำพนัก งำนท้อ งถิ่นตำมที่ กฎหมำยก ำหนดไว้ (มำตรำ ๒๑ และมำตรำ ๓๙ ทวิ แห่ง พระรำชบัญญัติควบคุมอำคำร พ.ศ. ๒๕๒๒) เมื่อกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดได้ประกำศให้มีผลใช้บังคับแล้ว จะมีผลทำให้ พระรำชบัญญัติกำรขุดดินและถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ (กฎหมำยว่ำด้วยกำรขุดดินและถมดิน) ใช้บังคับ ครอบคลุมเต็มพื้นที่ทั้งจังหวัด (มำตรำ ๓ แห่งพระรำชบัญญัติกำรขุดดินและถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓) ซึ่งจะหมำยควำมว่ำ กำรจะดำเนินกำรขุดดินหรือถมดินที่มีขนำดพื้นที่ ควำมลึก หรือควำมสูง ตำมที่กฎหมำยกำหนด จะต้องแจ้งต่อเจ้ำพนักงำนท้องถิ่น และเมื่อได้รับใบรับแจ้งจำกเจ้ำพนักงำน ท้องถิ่น จึงจะดำเนินกำรได้ ๓๔. พ.ร.บ.กำรผังเมืองประกอบด้วยบทบัญญัติ 84 มำตรำ แบ่งออกเป็น 11 หมวด คือ ส่วนคำจำกัด ควำม หมวด 1 คณะกรรมการผังเมือง กำหนดส่วนประกอบของคณะกรรมกำร อำนำจ หน้ำที่ วำระกำร ดำรงตำแหน่ง กำรพ้นจำกตำแหน่ง และกำรประชุมคณะกรรมกำร หมวด 2 การสารวจเพื่อวางและจัดทา ผังเมืองหรือผังเฉพำะโดยกำรตรำเป็นพระรำชกฤษฎีก ำ กำหนดวัตถุประสงค์ ขอบเขตกำรวำงผังเจ้ำพนักงำนกำรผังและอำนำจหน้ำที่ หมวด 4 การใช้บังคับผังเมืองรวม กำหนดระยะเวลำกำรใช้บังคับ กำรขยำยเวลำ กำรปรับปรุงและ แก้ไขผังเมืองรวม หมวด 5 การวางและจัดทาผังเฉพาะ ก ำหนดส่วนประกอบพื้นฐำนของผังเมื องเฉพำะ ขั้นตอน วิธีกำรและระยะเวลำในกำรวำงและจัดทำผังเมืองเฉพำะ หมวด 6 การใช้บังคับผังเมืองเฉพาะ กำหนดระยะเวลำกำรใช้บังคับ กำรขยำยเวลำ กำรปรับปรุง และแก้ไขผังเมืองเฉพำะ หมวด 7 คณะกรรมการบริหารการผังเมือง ส่วนท้องถิ่น


-13-

หมวด 8 การรื้อย้ายหรือดัดแปลงอาคาร กำหนดรำยละเอียดกำรดำเนินกำรรื้อ ย้ำยหรือดัดแปลง อำคำรโดยคณะกรรมกำรบริหำรผังเมืองส่วนท้องถิ่น หมวด 9 การอุทธรณ์ สิทธิในกำรอุทธรณ์ ระยะเวลำ 30 วัน คณะกรรมกำรอุทธรณ์ ส่วนประกอบ อำนำจหน้ำที่ วำระกำรดำรงตำแหน่ง กำรพ้นจำกตำแหน่ง หลักเกณฑ์ และวิธีกำรอุทธรณ์ หมวด 10 บทเบ็ดเสร็จ กำหนดรำยละเอียดในกำรปฏิบัติงำนตำมหน้ำที่ของเจ้ำพนักงำน และคณะ กรรมกำรฯ กำรนำผังเมืองไปปฏิบัติโดยกำรใช้กฎหมำยผังเมือง ๓๕. กำรประเมินผลผัง ประเด็นสาคัญ พ.ร.บ. การผังเมือง พ.ศ. 2518 ระยะเวลาการใช้ บั ง คั บ ผั ง เมืองรวม มำตรำ 26 กำรใช้ บั ง คั บ ผั ง เ มื อ ง ร ว ม ใ ห้ ก ร ะ ท ำ โ ด ย กฎกระทรวง และให้ใช้บังคับ ไม่เกิน 5 ปี ภำยใน 1 ปี ก่อนกำรใช้บังคับ กฎกระทรวงจะสิ้น สุด ลง ให้ ประเมิ นผลผัง เมื อ งรวม และ หำกไม่ มี ก ำรเปลี่ย นแปลงใน สำระส ำคั ญ ให้ จั ด ให้ มี ก ำร ประชุมรับฟังควำมคิดเห็นของ ประชำชน หำกไม่มีผู้ใดคัดค้ำน ให้ขยำยระยะเวลำกำรใช้บังคับ กฎกระทรวงได้อีก 5 ปี แต่ถ้ำ มี ก ำ ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น สำระสำคัญ ให้แก้ ไขปรับปรุง ผังเมืองรวมให้เหมำะสม หำก แก้ไขผังเมืองรวมไม่ทันเวลำใช้ บั ง คั บ ( 5 ปี ) ใ ห้ ข ย ำ ย ระยะเวลำกำรใช้บังคับได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละไม่เกิน 1 ปี (5+1+1 = 7 ปี) ทั้ ง นี้ กำรขยำยเวลำ กำรใช้ บังคับจะต้องกระทำโดย กฎกระทรวง

ประเด็นสาคัญ พ.ร.บ. การผังเมือง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มำตรำ 10 มำตรำ 26 กำรใช้ บั ง คั บ ผั ง เมื อ งรวมให้ กระท ำโดยกฎกระทรวง และจะต้ อ งมี สำระสำคัญตำมมำตรำ 17 และไม่มีกำหนด อำยุใช้บังคับ ต้อ งจัดท ำรำยงำนกำรประเมิ นผลผัง เมื อง รวม ตำมระยะเวลำที่คณะกรรมกำรผังเมือง ก ำหนด แต่จ ะต้องไม่ เ กิน 5 ปี นับ แต่วันที่ กฎกระทรวงประกำศใช้บังคับ ทั้งนี้ รำยงำน กำรประเมินผลผังเมืองรวม จะต้องเป็นไป ตำมระเบียบที่คณะกรรมกำรผังเมืองกำหนด และจะต้ อ งแสดงข้ อ เท็ จ จริ ง ให้ป รำกฏ 8 เรื่อง ได้แก่ (1) กำรเปลี่ยนแปลงกำรใช้ป ระโยชน์ ที่ดิน (2) ควำมหนำแน่นของประชำกร (3) นโยบำยหรือโครงกำรของรัฐบำล (4) สภำวกำรณ์ ท ำงเศรษฐกิ จ สั ง คม และสิ่งแวดล้อม (5) กำรคมนำคมและขนส่ง (6) กำรป้องกันกำรเกิดภัยพิบัติ (7) ควำมมั่นคงของประเทศ (8) ปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับกำรผังเมือง ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงกำรมีส่วนร่วมของ ประชำชนด้วย

เจตนารมณ์ / เหตุผล ในการขอแก้ไข เพื่อกำหนดให้กฎกระทรวง ไม่มีระยะเวลำกำรใช้บังคับ และเพื่อให้กำรใช้บังคับ ผัง เ มื อ ง ร ว ม เ ป็ น ไ ป โ ด ย ต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่ำงของ กฎหมำย โดยได้กำหนดให้ กรมโยธำธิกำรและผังเมือง หรื อ เจ้ ำ พนั ก งำนท้ อ งถิ่ น แล้วแต่กรณี จัดทำรำยงำน ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก ำ ร เปลี่ ย นแปลงสภำพกำรณ์ และสิ่ ง แวดล้อ มในกำรใช้ บั ง คั บ ตำมระยะเวลำที่ เ ห ม ำ ะ ส ม ห รื อ เ มื่ อ คณะกรรมกำรผั ง เมื อ ง เห็นสมควร


-14-

1.3 สรุปแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสาหรับผู้มีรายได้น้อย 1.3.1 แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวได้พระรำชทำนแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำกำรพัฒนำประเทศ และกำร พัฒนำชุมชนไว้หลำยแนวทำง เป็นกำรพัฒนำที่ผสมผสำนและต่อเนื่องกันเรียกว่ำ “ทฤษฎีใหม่ของในหลวง” ซึ่งในที่นี้จะกล่ำวถึง “แนวควำมคิดเศรษฐกิจพอเพียง” ที่มีสำระสำคัญ ดังนี้ ในช่วงที่ ป ระเทศไทยประสบภำวะวิก ฤตเศรษฐกิจ ตั้ง แต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมำ รัฐบำลมี กำร ตรวจสอบทำงเลือ กเพื่ อ แก้ ไ ขภำวะวิ ก ฤตเศรษฐกิ จ ด้ ว ยมำตรกำรทำงกำรเงิน กำรคลั ง เงิ น ทุ นส ำรอง ต่ ำ งประเทศ กำรพึ่ ง พิ ง เงิน ตรำต่ ำ งประเทศด้ว ยกำรกู้ ยื ม เงิ นเป็นจ ำนวนมหำศำลมำกู้ วิ ก ฤตเศรษฐกิ จ ภำยในประเทศ แต่ในทำงตรงกั นข้ำมกั บ กลำยเป็นกำรเพิ่ม ภำระหนี้สินให้กั บ ประชำชน และต้องอำศัย ระยะเวลำยำวนำนจึงจะสำมำรถเปลื้องภำระหนี้สินเหล่ำนั้นได้ สังคมไทยอ่อนแอเพรำะสังคมไทยไม่ได้สร้ำง “กระบวนกำรเรียนรู้” คนส่วนใหญ่จึงขำดปัญญำไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำด้วยตนเอง ประกอบกับผู้มีโอกำสทำง สังคมมักขำดคุณธรรม จริยธรรม เกิดปัญหำทุจริตประพฤติมิชอบขึ้นในทุกระดับ ขณะเดียวกับผู้ที่ด้อยโอกำส มักถูกเอำรัดเอำเปรียบ ประกอบกับกำรพัฒนำเศรษฐกิจแบบแยกส่วนโดยใช้เงินเป็นเป้ำหมำย ไม่คำนึงถึง ผลเสียที่ตำมมำ อำทิ ทุนด้ำนดิน -น้ำ-ป่ำไม้ ภูมิปัญญำ และวัฒนธรรม สุดท้ำยส่งผลให้กำรผลิตสูงขึ้นและ เกษตรกรพึ่งตนเองได้น้อยลง ด้วยเหตุต่ำง ๆ ประกอบกับปัญหำภำวะเศรษฐกิจที่ประเทศไทยประสบอยู่ในขณะนั้นพระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัวจึงได้พ ระรำชทำนแนวทำงในกำรแก้ ไขปัญหำ และแนวทำงในกำรพัฒนำประเทศที่เรียกว่ำ “เศรษฐกิจพอเพียง” ให้กับชำวไทยทั้งประเทศ ซึ่งได้มีกำรขำนรับแนวคิดนี้ไปปฏิบัติหลำยหน่วยงำน บำงคน มั ก เข้ำใจว่ำเศรษฐกิ จพอเพี ยงเป็นเรื่อ งของเกษตรกรในชนบทเท่ ำนั้น แต่แท้ ที่ จ ริง ผู้ประกอบอำชีพอื่น ๆ สำมำรถนำแนวพระรำชดำริเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ได้ เพรำะเศรษฐกิจพอเพียงคือกำรวำงรำกฐำนอัน มั่นคงและยั่งยืนของชีวิตเรำนั่นเอง ประเวศ วะสี ได้สรุปควำมหมำยและลักษณะของทฤษฎีใหม่ของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวไว้ว่ำ เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้แปลว่ำไม่เกี่ยวข้องกับใคร ไม่ค้ำขำย ไม่ส่งไม่ผลิตเพื่อคนอื่น ไม่ทำเศรษฐกิจมหภำค แต่เศรษฐกิจพอเพียง หมำยถึง เพียงพอในอย่ำงน้อย 7 ประกำร คือ 1) พอเพียงสำหรับทุกคน ทุกครอบครัว ไม่ใช่เศรษฐกิจแบบทอดทิ้งกัน 2) จิตใจเพียงพอ ทำให้รักและเอื้ออำทรคนอื่นได้ คนที่ไม่พอจะรักคนอื่นไม่เป็นและทำลำยมำก 3) สิ่งแวดล้อมพอเพียง กำรอนุรักษ์และเพิ่มพูนสิ่งแวดล้อม ทำให้ยังชีพและทำมำหำกินได้ เช่น กำรทำเกษตรผสมผสำน ซึ่งได้ทั้งอำหำร ได้ทั้งสิ่งแวดล้อม และได้ทั้งเงิน 4) ชุม ชนเข้ม แข็ง พอเพียง ท ำให้ส ำมำรถแก้ ปัญหำต่ำง ๆ ได้ เช่น ปัญ หำสังคม ปัญ หำคน ยำกจนหรือปัญหำสิ่งแวดล้อม 5) ปัญญำพอเพียง มีกำรเรียนรู้ร่วมกันในกำรปฏิรูปและปรับตัวได้อย่ ำงต่อเนื่อง 6) อยู่บนพื้นฐำนวัฒนธรรมพอเพียง วัฒนธรรม หมำยถึง วิถีชีวิตของกลุ่มชนที่สัมพันธ์อยู่กับ สิ่งแวดล้อมที่หลำกหลำย ดังนั้น เศรษฐกิจควรสัมพันธ์และเติบโตขึ้นมำจำกฐำนทำงวัฒนธรรมจึงจะมั่นคง


-15-

7) มีควำมมั่นคงพอเพียง ไม่ใช่วูบวำบ เดี๋ยวจนเดี๋ยวรวยแบบกระทันหันเดี๋ยวตกงำนไม่มีกินไม่ มีใช้นำมำซึ่งสุขภำพจิตเสียแต่เศรษฐกิจพอเพียงที่มั่นคงจะทำให้สุขภำพจิตดี เมื่อเศรษฐกิจพอเพียงก็เกิดควำมสมดุล คือ ควำมเป็นปกติและยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียงอำจ เรียกได้หลำยชื่อ เช่น เศรษฐกิจพื้นฐำน เศรษฐกิจสมดุล เศรษฐกิจบูรณำกำร เศรษฐกิจ ศีลธรรม

ภำพที่ 3 แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชน ที่มำ http://www.activistpost.com/2012/12/dont-survive-collapse-prevent-it.html ประกอบด้วยเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชน หรือกำรเกษตรทฤษฎีใหม่ มี 3 ขั้นตอน คือ 1) ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ผลิตอำหำรเอง เหลือขำย ทำให้มีกินอิ่ม ไม่ติดหนี้ มีเงินออม 2) ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 2 รวมตัวกั นเป็นองค์ชุม ชน ท ำเศรษฐกิ จ ชุม ชนในรูป แบบต่ำง ๆ เช่น เกษตรหัตถกรรม อุตสำหกรรมแปรรูปอำหำร ทำธุรกิจ ปั๊มน้ำมัน ขำยอำหำร ขำยสมุนไพร ตั้งศูนย์แพทย์แผน ไทย จัดกำรท่องเที่ยวชุมชน มีกองทุนชุมชนหรือธนำคำรหมู่บ้ำน 3) ทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 3 เชื่อ มโยงกั บบริษัททำธุรกิจขนำดใหญ่รวมทั้ง กำรส่งออกฐำนคิดกำร พัฒนำเพื่อควำมพอเพียงในกำนำมำใช้พัฒนำชุมชน (1) ยึดแนวพระรำชดำริในกำรพัฒนำเศรษฐกิจพอเพียงตำมขั้นตอนทฤษฎีใหม่ (2) สร้ำงพลังทำงสังคมโดยกำรประสำนพลังสร้ำงสรรค์ของทุกฝ่ำยในลักษณะพหุภำคี อำทิ ภำครัฐ องค์กรพัฒนำเอกชน นักวิชำกำร ธุรกิจเอกชน สื่อมวลชน ฯลฯ เพื่อใช้ขับเคลื่อนกระบวนกำรพัฒนำ ธุรกิจชุมชน (3) ยึ ด พื้ น ที่ เ ป็ น หลั ก และใช้ อ งค์ ก รชุ ม ชนเป็ น ศู น ย์ ก ลำงกำรพั ฒ นำ ส่ ว นภำคี อื่ น ๆ ทำหน้ำที่ช่วยกระตุ้นอำนวยควำมสะดวก ส่งเสริมและสนับสนุน


-16-

(4) ใช้กิจกรรมของชุมชนเป็นเครื่องมือสร้ำงกำรเรียนรู้และกำรจัดกำรร่วมกัน พร้อมทั้ง พัฒ นำอำชีพที่ ห ลำกหลำยเพื่ อ เป็นทำงเลือกของคนในชุม ชน ซึ่ง มี ควำมแตกต่ำงกั นทั้ ง ทำงด้ำ นเพศวั ย กำรศึกษำ ควำมถนัด ฐำนะเศรษฐกิจ (5) ส่งเสริมกำรรวมกลุ่มและกำรสร้ำงเครือข่ำยองค์กรชุมชน เพื่อสร้ำงคุณธรรม จริยธรรม และกำรเรียนรู้ที่ มี คุณภำพ อย่ำงรอบด้ำนอำทิ กำรศึก ษำ สำธำรณสุข กำรฟื้นฟูวัฒ นธรรมกำรจัดกำร สิ่งแวดล้อม (6) กำรวิจัยและพัฒนำธุรกิจชุมชนครบวงจร (ผลิต - แปรรูป - ขำย - บริโภค ) โดยให้ ควำมสำคัญต่อกำรมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและฐำนทรัพยำกรของท้องถิ่น ควรเริ่มพัฒนำจำกวงจรธุรกิจ ขนำดเล็กในระดับท้องถิ่นไปสู่วงจรธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นระดับประเทศและต่ำงประเทศ (7) พัฒนำเศรษฐกิจชุมชนศักยภำพสูงของแต่ละเครือข่ำยให้เป็นศูนย์กำรเรียนรู้ธุรกิจชุมชน ที่มีข้อมูลข่ำวสำรธุรกิจนั้นๆ อย่ำงครบวงจร พร้อมใช้เป็นสถำนที่ศึกษำ ดูงำน และฝึกอบรม กำรหันกลับมำยึดเส้นทำงสำยกลำง (มัชฌิมำปฏิปทำ) ในกำรดำรงชีวิตโดยใช้หลักกำรพึ่งตนเอง 5 ประกำร คือ 1) พึ่งตนเองทำงจิตใจ คนที่สมบูรณ์พร้อมต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตสำนึกว่ำตนนั้นสำมำรถ พึ่งตนเองได้ ดังนั้นจึงควรจะสร้ำงพลังผลักดันให้มีภำวะจิตใจที่สำมำรถต่อสู้ชีวิตด้วยควำมสุจริต 2) พึ่ ง ตนเองทำงสัง คม ควรสร้ำงให้แต่ละชุม ชนในท้องถิ่นได้ร่วมมื อ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน นำควำมรู้ที่ได้รับมำถ่ำยทอดและเผยแพร่ให้ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน 3) พึ่งตนเองได้ทำงทรัพยำกรธรรมชำติ คือกำรส่งเสริมให้มีกำรนำเอำศักยภำพของผู้คนใน ท้องถิ่น สำมำรถเสำะแสวงหำทรัพยำกรธรรมชำติ หรือวัสดุท้องถิ่นที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีกำร ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญำท้องถิ่นในกำรพัฒนำตนเอง 4) พึ่ ง ตนเองได้ทำงเทคโนโลยี ควรส่ ง เสริม ให้มีกำรศึกษำเพื่อให้ได้มำซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับสภำพภูมิประเทศและสังคมไทย 5) พึ่งตนเองได้ในทำงเศรษฐกิจ หมำยถึง สำมำรถอยู่ได้ด้วยตนเองในระดับเบื้องต้น โดยอำศัย ผลผลิตในท้องถิ่นของตนเองยังชีพได้ และสำมำรถนำไปสู่กำรพัฒนำเศรษฐกิจของประเทศในระดับมหภำค ต่อไป 1.3.2 แนวคิ ด การศึ ก ษาชุ ม ชนแบบมี ส่ ว นร่ ว ม (Concept of Public Participation in Urban Development) กำรศึ ก ษำชุ ม ชนแบบมี ส่ ว นร่ ว มเป็ น กำรใช้ เ ทคนิ ค ของกำรวิ จั ย เชิ ง ปฏิ บั ติ ก ำรแบบมี ส่ ว นร่วม (Participatory Action Research – PAR) นำมำใช้ในกำรวิจัยชุมชนเพื่อทรำบข้อมูลเชิงลึกของชุมชน ในด้ำน ประวัติศำสตร์ภูมิศำสตร์วัฒนธรรมชุมชน ควำมสัมพันธ์ของคนระดับกลุ่มผู้นำอำนำจ อิทธิพล และอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับปัญหำควำมต้องกำรของชุมชนเพื่อร่วมกันเรียนรู้และพัฒนำชุมชนของตนเองด้วยตนเองและเพื่อ ประโยชน์ ข องชุ ม ชนเอง โดยใช้ ทั ก ษะกำรสัง เกต กำรพู ด คุ ย กำรสนทนำกลุ่ ม กำรแฝงตั ว อยู่ ใ นชุม ชน (Community Involvement) ในช่วงระยะเวลำหนึ่ง กำรศึกษำชุมชนแบบมีส่วนร่วมเป็นกำรเปิดโอกำสให้


-17-

ประชำชนมีส่วนร่วมในเวทีเรียนรู้ปัญหำของชุมชน ร่วมกันคิดหำทำงออกของปัญหำ พิจำรณำแนวทำงเลือก ของกำรแก้ปัญหำ ตัดสินใจเลือกแนวทำงแก้ปัญหำ วำงแผนจัดกิจกรรมหรือบริกำรหรือโครงกำร ร่วมมือร่วม ใจกั นท ำงำน ติดตำมและประเมิ นผลงำนอย่ำงต่อเนื่อง แก้ ไขปัญ หำและอุป สรรคที่ เ กิ ดขึ้น และร่วมรับ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นอย่ำงทั่วถึงเป็นธรรม

ภำพที่ 4 ประชำชนมีส่วนร่วมในเวทีเรียนรู้ปญ ั หำของชุมชน ที่มำ http://stelizabethseast.com/community-engagement/ 1.3.2.1 ลักษณะสาคัญของการศึกษาชุมชนแบบมีส่วนร่วม 1) เป็นกำรศึกษำและวิเครำะห์ปัญหำชุมชนที่คนในชุมชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐำนะ และกลุ่มคนที่ด้อยโอกำสเข้ำร่วมในรูปแบบของกระบวนกำรเสวนำกลุ่ม ซึ่งมีบรรยำกำศเรียบง่ำยเป็นกันเอง สะดวกสบำยในกำรเสวนำ 2) ผู้ทำกำรวิจัยต้องไม่เป็นประธำนหรือผู้นำ แต่มีบทบำทเป็นเพียงผู้อำนวยควำมสะดวกใน กระบวนกำรเสวนำเรียนรู้และกระตุ้นให้เกิดกระบวนกำร 3) มี วัตถุป ระสงค์เพื่ อผลประโยชน์ของชุม ชน และให้บุคคลที่เ ข้ำร่วมในกระบวนกำรมี โอกำสในกำรวิเครำะห์กำรตัดสินใจและศักยภำพในกำรแก้ไขปัญหำของชุมชนได้มำกยิ่งขึ้น 4) เริ่ม ต้นจำกสิ่ง ที่ คนในชุม ชนรู้คิด รู้สึก และเชื่อเช่นกั น แล้วค่อย ๆ จัดกระบวนกำร แลกเปลี่ยนข้อมูลข่ำวสำรระหว่ำงกัน เพื่อให้เกิดกำรเรียนรู้ด้วยตนเองขึ้น 5) ในกลุ่ม ร่วมกั นก ำหนดขอบเขตของปัญหำที่จ ะศึก ษำวิเ ครำะห์และวิธีก ำรที่ จะใช้ใน กำรศึกษำให้เหมำะสมกับสภำวะของชุมชน 6) ดำเนินกำรเก็บรวบรวมข้อมูลตำมวิธีกำรที่กำหนดร่วมกัน 7) วิเครำะห์ผลกำรศึกษำร่วมกัน และนำเสนอข้อมูล ต่อคนในชุมชนด้วยวิธีกำรง่ำยๆ แต่มี ประสิทธิภำพ 8) นำควำมคิดเห็นและข้อเสนอแนะมำร่วมกันสรุปและกำหนดแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำของ ชุมชน 9) เป็นวิธีกำรที่ใช้ตัวผู้ดำเนินรำยกำรและคนในชุมชนเป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อให้เกิดกำร เข้ำร่วมในกระบวนกำรให้มำกที่สุด 10) ต้องมีกำรจัดเตรียมควำมพร้อมของคนในชุมชน สถำนที่วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ล่วงหน้ำ


-18-

1.3.2.2 เครื่องมือการศึกษาชุมชนแบบมีส่วนร่วม เป็นเครื่องมือที่ถูกนำมำใช้เพื่อทำให้เกิดควำมสะดวกในกำรทำงำนร่วมกันเป็นกลุ่มทำให้ สำมำรถมองเห็นรำยละเอียด ช่วงเวลำ ปัญหำและควำมต้องกำรของกลุ่มที่ทำกิจกรรมนี้ได้ชัดเจน 1) กำรทำแผนที่ (Mapping) 2) ปฏิทินตำมฤดูกำล (Seasonal Calendar) 3) ตำรำงกิจกรรมประจำวัน (Daily Activity Chart) 4) ต้นไม้ปัญหำ (Problem Tree) 5) กำรจัดลำดับควำมสำคัญโดยอำศัยกำรเปรียบเทียบทีละคู่ (Pair-wise-Ranking) 6) กำรสัมภำษณ์แบบกึ่งทำงกำร (Semi-Structure Interviews) 1.3.2.3 การวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) ถือกำเนิดจำกแนวคิดในกำรพัฒนำชุมชนท้องถิ่นต่ำง ๆ ที่มีกำรปรับปรุงยุทธศำสตร์กำร พัฒ นำหรือกำรดำเนินโครงกำรพั ฒ นำต่ ำง ๆ จำกเดิม ที่ มี ลัก ษณะบัญ ชำกำรจำกเบื้องบน ( Top-down Approach) โดยหน่วยงำนของรัฐต่ำง ๆ มำเป็นแบบที่ ชุม ชนชำวบ้ำนผู้รับ ผลจำกกำรพัฒ นำนั้นเองเป็น ศูนย์กลำงของกำรดำเนินงำน หรือในลักษณะกำรเริ่มงำนจำกล่ ำงขึ้นบน (Bottom-up Approach) ซึ่งชุมชน เหล่ำนั้นกลำยมำเป็นผู้มี บ ทบำทหลัก ในกำรท ำควำมเข้ำใจกั บ ปัญ หำของตนเอง และมี ส่วนร่วมกั บ กำร แก้ปัญหำนั้นอย่ำงจริงจัง กำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรอย่ำงมีส่วนร่วมมีฐำนคิดที่สำคัญที่กำรมุ่งเน้นทั้งงำนพัฒนำและวิจัย มิได้จบแค่กำรศึกษำและวิเครำะห์ปัญหำ แต่ต้องมีกำรวำงแผนดำเนินกำรเพื่อแก้ปัญหำนั้น ๆ ด้วย จำกนั้นต้อง ตรวจสอบว่ำกำรแก้ปัญหำนั้นได้ผลหรือไม่ มีดัชนีชี้วัดผลสำเร็จเป็นไปตำมวัตถุประสงค์หรือไม่ นอกจำกนี้ฐำนคิดส ำคัญ ของกำรวิจัยเชิง ปฏิบัติก ำรอย่ำงมี ส่วนร่วมยังประกอบไปด้วย ประเด็นสำคัญอื่น ๆ อีก ได้แก่ 1) งำนพั ฒ นำที่ ดีต้อ งอำศัย คนที่ เ ป็นสมำชิ ก ขององค์ ก รหรือ ชุม ชนนั้ น ๆ เป็นผู้ศึก ษำ วิเครำะห์ปัญหำ วำงแผน ดำเนินกำร และตรวจสอบกำรพัฒนำด้วยตนเอง นักวิจัยเป็นเพียงผู้กระตุ้นให้คนใน ชุมชนเห็นปัญหำและหำทำงแก้ปัญหำมำกกว่ำที่จะเป็นผู้ดำเนินกำรเองทั้งหมด 2) ที่สุดแล้วกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรอย่ำงมีส่วนร่วมคือ กำรพัฒนำคนในชุมชนเพื่อไปพัฒนำ ชุม ชนของตนเอง กำรกระตุ้นและส่ง เสริม ศัก ยภำพของคนในชุม ชนจึง เป็ นวิ ธีก ำรหนึ่ง ที่ ส ำคัญ ในกำร ดำเนินงำน 3) กำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรอย่ำงมีส่วนร่วมจะต้องเริ่มจำกควำมรู้สึกของคนที่มีต่อปัญหำหรือ ควำมต้องกำรของชุมชน จำกนั้นนำไปสู่กำรสร้ำงควำมเข้ำใจและกำรกระทำที่ก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงใน ตนเองและชุมชน ทั้งในด้ำนมิติแห่งปัญญำ จิตใจ และกำยภำพ 4) กระบวนกำรของกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรอย่ำงมีส่วนร่วม เป็นกระบวนกำรที่ดำเนินกำร อย่ำงต่อเนื่องและไม่สิ้นสุดลงในวงจร แต่เ ป็นกำรเริ่มเพื่อนำไปสู่วงจรใหม่ เป็นวงจรที่ป ระกอบด้วยกำร แสวงหำควำมรู้ กำรกระทำ ตรำบเท่ำที่ชุมชนยังสำมำรถรวมกลุ่มกันได้


-19-

5) เป็นกำรผสมผสำนแนวควำมคิดของกำรจัดกำรชุม ชน (Community Organization) และกำรเรียนรู้ของชุมชนเข้ำด้วยกัน (Problem Base Learning) เทคนิคกำรศึกษำและวิเครำะห์ปัญหำชุมชน โดยกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรอย่ำงมีส่วนร่วมนี้จะ เน้นให้คนในชุมชนสำมำรถรวมตัวกันในรูปขององค์กรที่มีประสิทธิภำพ โดยเพิ่มศักยภำพของคนในชุมชนด้วย ระบบข้อมูล เพรำะข้อมูลจะช่วยให้คนในชุมชนสำมำรถวิเครำะห์ปัญหำของชุมชน และดำเนินกำรพัฒนำชุมชน ต่อไปได้ จึงต้องฝึกอบรมให้คนในชุมชนมีควำมรู้ มีทักษะในด้ำนกำรวิจัย กำรจัดทำแผนและโครงกำรกำร บริหำรและจัดกำรชุมชน บนพื้นฐำนกำรมีส่วนร่วมของคนในชุมชนใน ทุก ๆ ขั้นตอน 1.4 สรุปแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับมาตรฐาน และการพัฒนาชุมชนให้เป็นชุมชนที่น่าอยู่ 1.4.1 แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ก่ อ นเริ่ ม กำรประชุ ม สุ ด ยอดของโลกว่ ำ ด้ ว ยสิ่ง แวดล้อ มและกำรพัฒ นำ ( The United Nations Conference on Environment and Development: UNCED) ซึ่ง จัดขึ้นที่ นครริโ อเดอจำเนโร ประเทศ บรำซิล เมื่อเดือนมิถุนำยน พ.ศ. 2535 นั้น เชื่อกันว่ำคงมีบุคคลเพียงบำงกลุ่มเท่ำนั้นที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับคำ ว่ำ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” จวบจนกระทั่งเมื่อกำรประชุมครั้งประวัติศำสตร์นี้ได้ผ่ำนพ้นไปแล้ว คำดังกล่ำวจึง เริ่ ม เป็ น ที่ รู้ จั ก และได้ แ พร่ ข ยำยออกไปในเวลำอั น รวดเร็ ว แม้ ปั จ จุ บั น ค ำนี้ ยั ง มิ ใ ช่ ค ำทั่ ว ไปที่ ใ ช้ กั น ใน ชีวิตประจำวันก็ตำม แต่ก็กลำยเป็นคำที่มักได้ยินและพบเห็นกันอยู่อย่ำงแพร่หลำยโดยทั่วไป คำว่ำ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” หรือ “Sustainable Development” นั้น นำมำใช้เป็นครั้งแรกเมือ่ ปี พ.ศ. 2515 โดย Donella Meadows ในเอกสำรชื่อ “The Limits to Growth” และ Edward Goldsmith ในเอกสำรชื่อ “Blueprint for Survival” ซึ่งตีพิมพ์ออกเผยแพร่สู่สำธำรณะในปีพ.ศ. 2515 เช่นเดียวกัน (Wheeler, 2004: 19) อย่ำงไรก็ตำม แม้กำรเริ่มต้นดังกล่ำวได้ผ่ำนมำกว่ำสี่ทศวรรษแล้ว แต่กำรถกเถียง โต้แย้งเกี่ยวกับคำนิยำมที่เหมำะสมของ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” นั้นก็ยังคงปรำกฏอยู่อย่ำงต่อเนื่องเรื่อยมำ (Wheeler, 2004: 23) โดยในช่วงเวลำที่ผ่ำนมำนั้น ถึงแม้ได้มีควำมเพียรพยำยำมจำกหลำยฝ่ำยที่เกี่ยวข้อง ในกำรกำหนดและอธิบำยควำมหมำยของคำว่ำ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” เอำไว้อย่ำงมำกมำยและหลำกหลำย ก็ ตำม แต่ควำมหมำยต่ำงๆ เหล่ำนั้นก็ยังคงขำดควำมสมบูรณ์และมีควำมยุ่งยำกในกำรนำไปสู่กำรปฏิบัติ จนกระทั่งมีผู้กล่ำวไว้ว่ำ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” นั้นเป็นวำทกรรมที่ไม่สำมำรถกำหนดและยึดถือควำมหมำย ใดเป็นกำรเฉพำะได้เลย (วศิน อิงคพัฒนำกุล, 2548: 87) สำหรับควำมหมำยของ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน” ที่มักถูกกล่ำวถึงและนำไปใช้อ้ำงอิงกันอย่ำงค่อนข้ำง แพร่หลำยมำกที่สุดในช่วงระยะเวลำที่ผ่ำนมำได้แก่ คำนิยำมซึ่งกำหนดขึ้นโดยคณะกรรมำธิกำรโลกว่ำด้วย สิ่ง แวดล้อมและกำรพั ฒ นำขององค์ ก ำรสหประชำชำติ (The United Nations World Commission on Environment and Development: WCED) ห รื อ ที่ มั ก รู้ จั ก กั น โ ด ย ทั่ ว ไ ป ว่ ำ “ The Brundtland Commission” คำนิยำมของ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน ” ดังกล่ำวได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ในเอกสำรรำยงำนชื่อ “Our Common Future” หรือที่มักเรียกกันว่ำ “The Brundtland Report” เมื่อเดือนเมษำยน พ.ศ.2530 ไว้ว่ำ “กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน หมำยถึง กำรพัฒนำเพื่อบรรลุถึงควำมต้องกำรของมวลมนุษย์ในยุคสมัยปัจจุบัน


-20-

โดยไม่ลดทอนโอกำสในกำรบรรลุควำมต้องกำรของอนุชนรุ่นหลัง (Sustainable development is defined as development that meets the needs of the present without compromising the ability of future generations to meet their own needs)” (สมัย อำภำภิรม, 2537: 86) ถึงแม้กระแสของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนในยุคปัจจุบันได้เริม่ ก่อตัวขึ้นจำกควำมพยำยำมอันมุ่งมั่นในกำร แก้ไขปัญหำกำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติและปัญหำกำรเสื่อมโทรมลงอย่ำงรวดเร็วของสิ่งแวดล้อมอัน เป็นผลพวงมำจำกกำรพัฒนำทำงเศรษฐกิจอย่ำงรีบเร่งในช่วงท้ำยของศตวรรษที่เพิ่งผ่ำนพ้นมำนี้ก็ตำม (กิตติ ภูมิ มีประดิษฐ์,2547: 264)แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ำ ควำมสำเร็ จอย่ำงแท้จริงของกำรพัฒนำอย่ำง ยั่งยืนนั้นมิใช่เป็นเพียงแค่กำรแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อมให้ผ่ำนลุล่วงไปได้เท่ำนั้น หำกแต่จะต้องเป็นผลซึ่งเกิดขึ้น จำกกำรผสมผสำนมิติทำงสิ่งแวดล้อม มิติทำงสังคม และมิติทำงเศรษฐกิจเข้ำด้วยกันโดยตั้งอยู่บนพื้นฐำนของ ควำมสมดุลและกำรพึ่งพำอำศัยซึ่งกันและกันระหว่ำงมิติต่ำงๆ ดังกล่ำว (วศิน อิงคพัฒนำกุล , 2548: 88) โดยในมิติทำงเศรษฐกิจนั้น กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนมุ่งส่งเสริมให้มีกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจอย่ำงเพียงพอ เพื่อตอบสนองควำมต้องกำรขั้นพื้นฐำนของเหล่ำสมำชิกในสังคม โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรลดปัญหำควำมยำกจน ลง และกำรกระจำยรำยได้ที่เป็นธรรมมำกขึ้น และกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจอย่ำงเพียงพอนี้ต้องมำจำก กำรผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับมิติทำงสังคมนั้น กำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนมุ่งเน้นกำรพัฒนำมนุษย์ให้ ปรับตัวรู้เท่ำทันกำรเปลี่ยนแปลงมีจิตสำนึกและวิถีชีวิตที่ เกื้อกูลต่อธรรมชำติ มีสิทธิและโอกำสที่จะได้รับกำร จัดสรรทรัพยำกรและผลประโยชน์จำกกำรพัฒนำอย่ำงเป็นธรรม นอกจำกนี้ กำรพัฒ นำอย่ำงยั่งยืนยังได้ คำนึงถึงมิติด้ำนสิ่งแวดล้อม โดยเสนอให้ใช้ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมในขอบเขตที่คงไว้ซึ่ง ควำม หลำกหลำยทำงชีวภำพ และสำมำรถพลิกฟื้นให้กลับคืนสู่สภำพใกล้เคียงกับสภำพเดิมให้มำกที่สุด เพื่อให้คนรุน่ หลังได้มีโอกำสและมีปัจจัยในกำรดำรงชีพ(สมัย อำภำภิรม, 2537: 86) ถึงแม้แนวคิดของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนดังกล่ำวได้กลำยเป็นที่รู้จักและยอมรับกันอย่ำงกว้ำงขวำงใน ปัจจุบันนี้แล้วก็ตำม แต่ กำรสร้ำงควำมสมดุลระหว่ำงมิติทำงสิ่งแวดล้อม มิติทำงสังคม และมิติทำงเศรษฐกิจ เพื่อให้แนวคิดของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่ำงแท้จริงนั้นยังคงประสบปัญหำยุ่งยำกอยู่เป็น อันมำก (วศิน อิงคพัฒนำกุล, 2548: 87) โดยในปัจจุบันกำรกำหนดเป้ำหมำยของกำรพัฒนำด้ำนสังคม ด้ำน เศรษฐกิจ และด้ำนสิ่งแวดล้อมนั้นยังคงมีลักษณะแยกออกจำกกันเป็นส่วนๆ ซึ่งบ่อยครั้งมักพบว่ำเป้ำหมำย ของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติถูกกำหนดขึ้นโดยปรำศจำกกำรคำนึงถึงเป้ำหมำยของกำรเจริญเติบโตทำง เศรษฐกิจหรือเป้ำหมำยของกำรลดระดับควำมยำกจนลง ดังนั้นผลลัพธ์ที่ ติดตำมมำในท้ำยสุดก็คือ กำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรธรรมชำติดังกล่ำวไม่อำจดำรงอยู่ได้อย่ำงยืนยำวตำมที่ได้มุ่งหวังกันเอำไว้ สำหรับควำมยุ่งยำกในกำรประสำนมิติทำงสังคม มิติทำงเศรษฐกิจ และมิติทำงสิ่งแวดล้อมของกำร พัฒนำที่ยั่งยืนเข้ำด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นก็เป็นผลสืบเนื่องมำจำกลักษณะธรรมชำติของแนวคิดกำรพัฒนำ ที่ยั่งยืนนั่นเอง กล่ำวคือ กำรพัฒนำที่ยั่งยืนนั้นมีลักษณะอันเป็นพลวัต (Dynamism) โดยปัจจัยต่ำงๆ จำนวน มำกมำยที่ เ กี่ ยวข้อ งกับ กำรพั ฒนำที่ยั่ง ยืนนั้นมัก มี กำรเปลี่ยนแปลงอยู่อย่ำงต่อเนื่องและตลอดเวลำ อำทิ แนวโน้มกำรบริโภคทรัพยำกร ทิศทำงกำรลงทุน กำรปรับตัวด้ำนเทคโนโลยี กำรเปลี่ยนแปลงจำนวนประชำกร ควำมผันผวนของสภำพภูมิอำกำศ และกำรปรับเปลี่ยนนโยบำยของรัฐ เป็นต้น ควำมไม่แน่นอนต่ำงๆ เหล่ำนี้


-21-

ไม่เพียงแต่ส่งผลให้กำรค้นหำจุดแห่งควำมสมดุลระหว่ำงมิ ติต่ำงๆ ของกำรพัฒนำที่ยั่งยืนเป็นไป ด้วยควำม ยุ่งยำกเท่ำนั้น หำกแต่ยังทำให้สถำนะของควำมสมดุลที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่มีควำมคงตัวอีกด้วยจำกลักษณะพลวัต ของกำรพัฒนำที่ยั่งยืนดังกล่ำวนี้เองจึงอำจกล่ำวได้ว่ำ กำรประยุกต์หลักกำรพื้นฐำนของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน ไปสู่กำรปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่ำงแท้จริงนั้นมิไ ด้มีสูตรสำเร็จกำหนดเอำไว้แต่ประกำรใด รวมทั้งไม่สำมำรถ นำเอำผลของกำรประยุกต์หลักกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนจำกพื้นที่หนึ่งไปใช้กับอีกพื้นที่หนึ่งได้ในทันที (วศิน อิงค พัฒนำกุล, 2548: 102) ดังนั้นควำมจำเป็นในกำรติดตำมเฝ้ำดูและปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวิธีดำเนินกำรให้มี ควำมเหมำะสมและสอดคล้องกับสภำพกำรณ์ของพื้นที่แต่ละแห่งจึงเป็นประเด็นที่มีควำมสำคัญอย่ำงยิ่งในกำร ประยุกต์แนวคิดของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนไปสู่กำรปฏิบัติได้อย่ำงแท้จริง

ภำพที่ 5 เป้ำหมำยแนวคิดกำรพัฒนำเมืองอย่ำงยั่งยืน ที่มำ : Five perspectives of a sustainable city. จำกเว็บไซต์ www.blog.kpmgafrica.com/on May 27, 2013 in Infra- structure, Invest Africa. วันที่สบื ค้น 12 เมษำยน 2559.


-22-

ภำพที่ 6 จุดแห่งควำมสมดุล (Equilibrium) ของกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืน ที่มำ : Tyler Caine. “Circling Sustainability”. จำกเว็บไซต์ www.sustainablecitiescollective.com. วันที่สืบค้น 12 เมษำยน 2559. 1.4.2 แนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ควำมหมำยของคำว่ำ "เมืองอัจฉริยะ" นั้นมีอยู่ด้วยกันมำกมำยและหลำกหลำยบริบท แต่แนวควำมคิด หลักที่อยู่เบื้องหลังควำมเป็นเมืองอัจฉริยะก็คือ กำรพัฒนำเมืองโดยกำรประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัลหรือข้อมูล สำรสนเทศและกำรสื่อสำรเข้ำมำช่วยเพิ่มประสิทธิภำพและคุณภำพในกำรบริหำรจัดกำรเมือง สิ่งแวดล้อม กำรศึกษำ และกำรบริกำรชุมชน ซึ่งกำรผสมผสำนรวมเทคโนโลยีดิจิทัลในกำรพัฒนำเมืองดังกล่ำวนี้ ทุกภำค ส่วนของเมื องจะได้รับ ประโยชน์อ ย่ำงทั่ วถึง ซึ่ง ไม่ เ พียงแต่ช่วยลดค่ำใช้จ่ำยลดกำรบริโ ภคของประชำกร ประหยัดพลังงำนพื้นฐำน และลดผลกระทบด้ำนสิ่งแวดล้อมเท่ำนั้นหำกแต่ยังเพิ่มประสิทธิภำพและคุณภำพใน กำรดำเนินชีวิตให้กับผู้อยู่อำศัยในเมืองอัจฉริยะนั้น รวมทั้งยังเอื้อต่อกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจของเมืองใน ระยะยำวอีกด้วย ในขณะที่เมืองต่ำงๆ ได้รับกำรพัฒนำให้มีควำมชำญฉลำดและมีควำมอัจฉริยะมำกขึ้นเป็นลำดับนั้น กรอบในกำรพัฒนำเมืองเพื่อควำมเป็นอัจฉริยะก็ยังคงไม่มีควำมชัดเจนและยังไม่สำมำรถกำหนดเป็นมำตรฐำน ได้ อย่ำงไรก็ตำมอำจสรุปประเด็นต่ำงๆ โดยทั่วไปที่มักเกี่ยวข้องกับกำรพัฒนำควำมเป็นอัจฉริยะของเมืองได้ คือ กำรบริหำรจัดกำรพลังงำนและพลังทดแทนกำรขนส่งและยำนยนต์อนำคตกำรรักษำสิ่งแวดล้อมกำรศึกษำ และกำรเรียนรู้กำรบริหำรจัดกำรสำรสนเทศ กำรพัฒนำโครงข่ำยโทรคมนำคม อินเทอร์เน็ตและไฟฟ้ำกำลังกำร สำธำรณสุข กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรชุมชนและกำรส่งเสริมวัฒนธรรมกำรรักษำควำมปลอดภัยทำงไซเบอร์ และกำรเตือนภัย รวมทั้งกำรป้องกันภัยพิบัติ


-23-

1.4.3 แนวคิดการเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth) กำรเติบโตอย่ำงชำญฉลำดเป็นแนวคิดในกำรพัฒนำเมืองที่มุ่งรวมศูนย์ควำมเจริญอยู่เฉพำะภำยในเขต เมืองเท่ำนั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงกำรแพร่ขยำยพื้นที่ของเมืองออกไปอย่ำงไร้ทิศ ทำงและไม่สิ้นสุด แนวคิดดังกล่ำวนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นพัฒนำพื้นที่ในศูนย์กลำงเมือง ซึ่งมีกำรพัฒนำโครงสร้ำงพื้นฐำนอยู่ก่อนแล้ว เท่ำนั้น แต่ยังเน้นกำรใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสำนระหว่ำงที่อยู่อำศัย พำณิชยกรรม และกำรค้ำปลีก และ เน้นกำรส่ง เสริม ระบบขนส่ง มวลชนและกำรเดินเท้ ำที่ เ ชื่อม ต่อระหว่ำงชุม ชนย่ อยภำยในเมื องอี ก ด้ ว ย นอกจำกนี้ แนวคิดกำรเติบโตอย่ำงชำญฉลำดยังคำนึงถึงกำรดำรงไว้ซึ่งที่โล่งว่ำงและสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อสร้ำง ควำมเจริญ สุขภำวะ และคุณภำพชีวิตที่ดีในกำรอยู่อำศัย (วงศิยำ วงศ์พิศำล, 2557: 18) แนวคิดกำรเติบโตอย่ำงชำญฉลำดดังกล่ำวนี้ เป็นที่รู้จักและได้รับกำรเผยแพร่ทั่วไปอย่ำงกว้ำงขวำง รวมทั้งถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลำยพื้นที่ทั่วโลก โดยมีหลักกำร 10 ประกำร เพื่อบรรลุสู่กำรเติบ โตอย่ำงชำญ ฉลำด อันได้แก่ (1) กำรใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสำน (2) กำรใช้ประโยชน์จำกกำรออกแบบอำคำรที่มีควำมกระชับหนำแน่น (3) กำรสร้ำงโอกำสและทำงเลือกเกี่ยวกับที่อยู่อำศัย (4) กำรออกแบบชุมชนที่สำมำรถเดินสัญจรได้ (5) กำรส่งเสริมชุมชนที่มลี ักษณะเฉพำะและน่ำสนใจด้วยกำรสร้ำงควำมผูกพันอย่ำงแนบแน่นกับสถำนที่ (6) กำรสงวนรักษำที่โล่งว่ำง พื้นที่กำรเกษตร พื้นที่ธรรมชำติที่งดงำม และพื้นที่ซึ่งมีควำมเสี่ยงด้ำน สิ่งแวดล้อม (7) กำรมุ่งเน้นพัฒนำพื้นที่ในชุมชน (8) กำรจัดเตรียมทำงเลือกที่หลำกหลำยในกำรคมนำคมขนส่ง (9) กำรตัดสินใจเกี่ยวกับกำรพัฒนำที่สำมำรถคำดกำรณ์ได้ มีควำมยุติธรรม และมีควำมเหมำะสมกับค่ำใช้จ่ำย (10) กำรสนับสนุนควำมร่วมมือระหว่ำงชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียในกำรตัดสินใจในกิจกรรมกำรพัฒนำ ถึงแม้หลักกำรดังกล่ำวนี้จะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วก็ตำม แต่หลักกำรเหล่ำนี้ก็มีควำมยืดหยุ่น สูงซึ่งมิได้มีข้อกำหนดแบบตำยตัวแต่ประกำรใดในกำรนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละสถำนที่ โดยอำจเป็นกำรนำเอำ เฉพำะบำงแนวคิดและเกณฑ์ในกำรปฏิบัติบำงประกำรไปใช้เป็นกรอบแนวคิดและแนวทำงในกำรพัฒนำตำม ควำมเหมำะสม 1.4.4 แนวคิดเมืองน่าอยู่ (Healthy City) เมื่อกล่ำวถึง “เมืองน่ำอยู่” แล้วเชื่อว่ำบุคคลโดยทั่วไปมักจะนึกถึงชุมชนเมืองที่มีควำมสวยงำม ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว ถนนหนทำงสะอำด บ้ำนเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะเน้นไปในบริบทกำยภำพ ของเมืองเป็นหลัก แต่โดยแท้จริงแล้ว เมืองน่ำอยู่ นั้นไม่เพียงแต่หมำยถึงเมืองที่มีสภำพแวดล้อมที่ดีแต่เพียง ประกำรเดียวเท่ำนั้นหำกแต่ยังรวมถึงเมืองที่ประชำชนมีสุข ภำพร่ำงกำยแข็งแรงดีและมีจิตใจมั่นคง กำรมีงำน ทำและรำยได้ที่เพียงพอต่อกำรครองชีพ สภำพสังคมที่สงบสุข รวมทั้งกำรมีระบบเศรษฐกิจและกำรเมืองที่


-24-

มั่ นคง ประชำชนมี ส่วนร่วมและสร้ำงสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ โดยกำรร่วมคิด ร่วมท ำ ร่วมติดตำมควำมสำเร็จ ภำยใต้กำรสนับสนุนอย่ำงจริงจังและต่อเนื่องจำกส่วนรำชกำรและองค์กรต่ำงๆ โดยทั่วไปแล้วเมืองน่ำอยู่นั้นมักมีคุณลักษณะแตกต่ำงกันไปอย่ำงมำกมำยตำมสภำพพื้นฐำนและควำม ต้องกำรของเหล่ำสมำชิกในชุมชนนั้นๆอย่ำงไรก็ตำมสำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติได้รวบรวมและสรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับลักษณะควำมเป็นเมืองน่ำอยู่ดังนี้ (สมำคมสถำปนิกชุมชน เมืองไทย, 2547: 4-5 และ 4-6) 1) เมืองน่ำอยู่มีประชำกรที่ได้รับกำรศึก ษำ มีบริกำรสำธำรณสุขและบริกำรอื่นๆ เพียงพอมีควำม ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มีคดีอำชญำกรรมและยำเสพติดต่ำ สมำชิกมีส่วนร่ วมในกำรพัฒนำเมือง สิทธิ ของประชำชนและควำมยุติธรรมได้รับกำรคุ้มครอง 2) เมืองน่ำอยู่มีบรรยำกำศที่ดีสำหรับกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ ค่ำครองชีพต่ำ ประชำชนมีงำนทำ 3) เมื อ งน่ำอยู่มี ควำมเป็นระเบียบ มี ข้อก ำหนดกำรใช้ป ระโยชน์ที่ ดินชัดเจน มี บ ริก ำรโครงสร้ำง พื้นฐำนพอเพียงต่อควำมต้อ งกำร มีระบบกำรคมนำคมขนส่งที่สะดวก ปลอดภัย และไม่สิ้นเปลือง มีสถำนที่ พักผ่อนหย่อนใจ มีสวนสำธำรณะและที่ว่ำงโล่งอย่ำงเพียงพอ และมีกำรกำจัดของเสียอย่ำงเหมำะสม 4) เมืองน่ำอยู่มีกำรควบคุมมลภำวะทำงสิ่ง แวดล้อม มีจิตวิญญำณและควำมสุนทรีซึ่งประชำชนมี ควำมภำคภูมิใจ ประชำชนมีที่อยู่อำศัยที่ได้มำตรฐำนพอเพียงและค่ำใช้จ่ำยไม่แพง 5) เมืองน่ำอยู่มีกำรบริหำรจัดกำรที่โปร่งใสและยุติธรรม มีประสิทธิภำพ และเปิดโอกำสให้ประชำชน มีส่วนร่วมในกำรพัฒนำ โดยสรุป กำรพั ฒ นำเมื อ งน่ำอยู่เ ป็นพื้นฐำนส ำคัญ ในกำรยกระดับ คุณภำพชีวิตควำมเป็นอยู่ของ ประชำชนทุกระดับในกำรอยู่อำศัยในเมืองด้วยควำมสงบสุข สะดวกสบำยสะอำดถูกสุขอนำมัย และปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน 1.4.5 เกณฑ์มาตรฐานชุมชนและการอยู่อาศัยที่ดี ในกำรศึกษำแนวทำงกำรจัดทำแผนพัฒ นำพื้นที่บริเวณเคหะชุมชน บำงพลีครั้งนี้ นอกเหนือไปจำก กำรประยุก ต์แนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยที่ เ กี่ ยวข้องมำใช้ในกำรจัดท ำแผนพัฒนำและผัง แม่ บท รวมทั้ง โครงกำรนำร่องแล้วยังใช้เกณฑ์และมำตรฐำนกำรวำงและจัดทำผัง ชุมชนเมือง(องค์ก ำรบริหำรส่วนตำบล) จัดทำโดยกรมโยธำธิกำรและผังเมือง กระทรวงมหำดไทยเป็นกรอบในกำรศึกษำเปรียบเทียบเคหะชุมชนบำงพลี กับมำตรฐำนของชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่ดีซึ่งมีรำยละเอียดบำงประเด็นเกี่ยวข้องกับพื้นที่ศึกษำชุมชนเคหะ บำงพลีดังนี้ 1.4.5.1 การใช้ที่ดิน 1) กำรใช้ที่ดินประเภทเพื่อกำรอยู่อำศัย ที่ ดินประเภทที่อ ยู่อำศัยหนำแน่นปำนกลำง (สีส้ม ) ซึ่ง เป็นประเภทที่ พื้นที่ ศึก ษำถูก กำหนดไว้โดยผังเมืองรวมนั้น เป็นกำรใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกำรอยู่อำศัยเป็นหลัก แต่กำรใช้ที่ดินประเภทที่จะมี กำรใช้ที่ดินในลักษณะผสมปะปนซึ่งประกอบด้วยร้ำนค้ำ สำนักงำน โดยใช้พื้นที่ชั้นล่ำงประกอบกิจกำรทำงกำร ค้ำ ชั้นบนใช้เป็นที่อยู่อำศัย วัตถุประสงค์ของกำรวำงผังต้องกำรให้เป็นที่อยู่อำศัยประเภทบ้ำนเดี่ยว บ้ำนแฝด


-25-

บ้ำนแถว อำคำรพำณิชย์ อำคำรเดี่ยว ควำมสูงของอำคำรตั้งแต่ 1-3 ชั้น ควำมหนำแน่น 1-16 คนต่อไร่ FAR (Floor Area Ratio) สูงสุด 0.8-1.0 และ BCR (Building Coverage Ratio) สูงสุด 40%-60% 2) กำรใช้ที่ดินประเภทอนุรักษ์และพักผ่อนหย่อนใจ กำรใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์และพักผ่อนหย่อนใจเป็นรูปแบบใช้ที่ดินที่สำคัญ ต่อดำรงชีวิตและกำรอยู่อำศัย สำหรับเกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมกำรผังเมืองและอำจเกี่ยวข้องกับพื้นที่ศึกษำ ได้แก่ กำรใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนำกำรและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อม และประเภทอนุรักษ์ เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย ส ำหรั บ กำรใช้ ป ระโยชน์ ที่ ดิ น ประเภทที่ โ ล่ ง เพื่ อ นั น ทนำกำรและรั ก ษำคุ ณภำพ สิ่งแวดล้อมนั้น มีกำรกำหนดขนำดดังนี้ - ที่เด็กเล่น (Tot-lot) มีขนำด 200 ตำรำงเมตร ระยะกำรเดิน 300-500 เมตร ให้บริกำรแก่ประชำชน 200-300 คน - สวนสำธำรณะละแวกบ้ำน (Neighborhood Park) มีขนำด 12.5 ไร่ ระยะกำรเดิน 400-800 เมตร ให้บริกำรแก่ประชำชน 800-1,000 คน - สวนสำธำรณะละแวกบ้ำน (Community Park) มีขนำด 12.5 ไร่ขึ้นไป ขอบเขต กำรให้บริกำร 1-2.4 กิโลเมตร ให้บริกำรแก่ประชำชน 1,500 ครอบครัว - สวนระดับเขตหรือย่ำน (District Park) มีขนำด 50 ไร่ขึ้นไป ขอบเขตกำรให้บริกำร 3-6 กิโลเมตร ให้บริกำรแก่ประชำชนจำนวนมำก ส่วนกำรใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยนั้นเป็นกำร อนุรักษ์พื้นที่เพื่อกำรศึกษำค้นคว้ำและกำรท่องเที่ยว ซึ่งกำรใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทดังกล่ำวนี้มิ ได้มี ก ำร กำหนดขนำดพื้นที่ ควำมหนำแน่น FAR หรือ BCR 1.4.5.2 ระบบถนนและการจราจร 1) กำรกำหนดระยะห่ำงของถนน ระยะห่ำงของถนนสำยหลัก 1.5-3.00 กิโลเมตร ระยะห่ำงของถนนสำยรอง 0.5-1.00 กิโลเมตร ระยะห่ำงของถนนสำยย่อย ไม่น้อยกว่ำ 200 เมตร 2) องค์ประกอบของถนนในเขตชุมชน ช่องจรำจร 3.00-3.50 เมตร ทำงเท้ำ 1.50-4.00 เมตร เกำะกลำง 1.00 เมตร หรือมำกกว่ำ ช่องทำงจักรยำน 1.50 หรือมำกกว่ำ 3) องค์ประกอบของถนนนอกเขตชุมชน ช่องจรำจร 3.00-3.50 เมตร ไหล่ทำง 1.50 เมตรหรือมำกกว่ำ


-26-

เกำะกลำง 1.00 เมตรหรือมำกกว่ำ ช่องทำงจักรยำน 1.50 หรือมำกกว่ำ 4) ที่จอดรถ - ในกรณีที่จอดรถขนำนหรือทำมุมน้อยกว่ำ 30 องศำกับทำงเดินรถ ที่จอดรถมีขนำด ควำมกว้ำงไม่น้อยกว่ำ 2.40 เมตร และยำวไม่น้อยกว่ำ 6.00 เมตร - ในกรณีที่จอดรถตั้งฉำกกับทำงเดิน ที่จอดรถมีขนำดควำมกว้ำงไม่น้อยกว่ำ 2.40 เมตร และยำวไม่น้อยกว่ำ 5.00 เมตร - ในกรณีที่จอดรถทำมุมมำกกว่ำ 30 องศำกับทำงเดินรถ ที่จอดรถมีขนำดควำมกว้ำง ไม่น้อยกว่ำ 2.40 เมตร และยำวไม่น้อยกว่ำ 5.50 เมตร


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.