MEMOIRS OF A WARTIME INTERPRETER
(Zapiski voennogo perevodchika)
ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
บันทึกที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 จากสมรภูมิในมอสโกสู่บังเกอร์ฮิตเลอร์ในเบอร์ลิน Elena Rzhevskaya เขียน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล
Zapiski voennogo perevodchika ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์ เยเลนา รเชฟสกายา เขียน // นพดล เวชสวัสดิ์ แปล © Estate of Yelena Rzhevskaya, 2018 All Rights Reserved. Copyright Arranged With: Elena Rzhevskaya estate of Pravdi str. 1/2, apt. 132, 125040 Moscow, Russia Through: ELKOST intl.Literary Agency of Londres78, 6-1, 08036 Barcelona, Spain Thai copyright: Legend Books Publishing Free Excerpt Copy ขอขอบคุณ คุณอรวรรณ ราตรี อาจารย์ปานชีวา บุตราช คุณอติภพ ภัทรเดชไพศาล มาดามอธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง คุณอัชฌา รัตนวงศ์นรา January 18-20, 2019
จากผู้แปล
เยเลนา รเชฟสกายา สาวอักษรชาวมอสโก เหมือนคนหนุ่มสาว มอสโกในยุคนัน้ มิได้หนื่ สงคราม แต่อยากออกแนวหน้าเพือ่ ปกป้อง ชาติให้พ้นจากผู้รุกราน (สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เยอรมันรุกราน โซเวียต คนโซเวียตเรียกว่า ‘สงครามรักชาติยิ่งใหญ่’) เธอท�ำงานใน โรงงานยุทธภัณฑ์ ใช้เวลาว่างเรียนวิชาพยาบาล เผื่อจะได้ไปรักษา พยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บในแนวหน้า แต่แล้ว เมื่อเธอทราบ ข่าวว่ากองทัพขาดแคลนล่าม เธอจึงสมัครเข้าเรียนหลักสูตรล่าม โดยใช้เวลาเรียนเพียงเดือนครึ่ง เธอสังกัดช็อกอาร์มี ที่ 3 เดินทางออกไปยังแนวหน้า บรรยายสิง่ ทีพ่ บเห็นในสายตาของสาวอักษร ประทับใจไปกับ ความทรหดของแม่บ้านที่ตกอยู่กลางห่ากระสุนในแนวหน้า กองทัพแดงภายใต้การน�ำของจอมพลชูคอฟ เข้าถึงใจกลาง เบอร์ลินก่อนกองก�ำลังสัมพันธมิตรชาติอื่นๆ สงครามสงบแล้ว ภารกิจที่เหลืออยู่จะเป็นการสืบค้นหาศพ ของผู้น�ำพรรคนาซี ไม่ว่าจะเป็นฮิตเลอร์ เกบเบิลส์ และคนอื่นๆ เธอเป็นประจักษ์พยานในการพบศพผูย้ งิ่ ใหญ่ทงั้ สอง ลายเซ็น ของเธออยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ รายงานการชันสูตรศพ อดอล์ฟ
ฮิตเลอร์ สตาลินหว่านม่านลวงให้ลึกลับ เก็บเรื่องนี้ไม่ให้โลกรู้ จน กระทั่งเธอออกมาเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด หลังจากสตาลินเสียชีวิต ความส�ำคัญของหนังสือเล่มนีจ้ งึ ไม่ได้จำ� กัดเพียง ‘ความจริงเบือ้ ง หลังการพบศพฮิตเลอร์และเกิบเบิลส์’ เธอเป็นนักแปล ที่ท�ำหน้าที่แปลเอกสารที่ยึดมาได้ และเธอ อยู่ในเบอร์ลินวันที่สงครามสงบ เธอเป็น ‘ตา’ แทนคนทั้งโลก เผยให้เห็นความเป็นไปใน กองบัญชาการฮิตเลอร์ห้วงท้ายสงคราม ผ่านอนุทินของเกิบเบิลส์ อนุทินของบอร์มันน์ ผ่านการจดบันทึกข้าวของทุกชิ้นของมักดา เกิบเบิลส์ เรื่องที่ไม่เคยมีใครทราบมาก่อน รายละเอียดฟากฝ่ายเยอรมัน ในห้วงใกล้แพ้สงครามทีไ่ ม่มใี ครรูจ้ ริงพอจะเขียนถึง บันทึกของเธอ แทบจะเป็นการบรรยายนาทีต่อนาที ในชั่วโมงสุดท้ายของมหา อาณาจักรไรช์ที่สาม เธอพาผู้อ่านไปนั่งในฟือห์เรอร์บังเกอร์ ไปนั่งฟังเสียงกรีด ร้องเสียสติของฮิตเลอร์ ไปสัมผัสคณะกรรมการที่พร้อมใจกัน ฆ่าตัวตาย ไปดมกลิ่นอัลมอนด์บาดจมูกของโปแทสเซียมไซยาไนด์ หนังสือเล่มนี้อยู่ในมือท่านแล้ว
ค�ำนิยม
เมือ่ ครัง้ ทีเ่ ยเลนา รเชฟสกายา เข้ากองทัพในฤดูใบไม้รว่ งปี 1941 เธอไม่มวี นั ทราบว่าบทบาทของเธอจะจารึกไว้ในประวัตศิ าสตร์โลก ในศตวรรษที่ 20 สาวน้อยคณะอักษรศาสตร์ ศึกษาในมหาวิทยาลัยมอสโก ท�ำงานรับใช้ชาติแรกสุดในโรงงานยุทธภัณฑ์ จากนั้น เข้ารับการฝึกเป็นพยาบาล ก่อนที่ความรู้ภาษาเยอรมัน จะส่งเธอ เข้าโรงเรียนล่าม หลายเดือนต่อมา เธอเดินทางสู่แนวหน้า ติดอาวุธ ด้วยพจนานุกรมเล่มเล็กกับสมุดบันทึก โลกที่เธอไปเยือน แทบจะเป็นโลกอื่นอย่างแท้จริง...โลก หายนะจากการรบราเข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม ผู้ลี้ภัยสงคราม อดอยาก และซากปรักหักพังไร้ที่สิ้นสุด การรบราฆ่าฟันที่เธอไม่ เฉียดใกล้แม้กระทั่งการฝึกให้ใช้ปืน การเดินทางของเธอ มุ่งหน้าไป ทางตะวันตก ผ่านเมืองรเชฟ ที่รู้จักกันในนาม ‘เครื่องบดเนื้อ’ ทาง ตะวันตก ของมอสโก ซึ่งได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากการรุกราน ของกองทัพเยอรมันในเดือนมีนาคม 1943 เธอเทิดเกียรติเมืองนี้ น�ำมาใช้เป็นนามปากกา ‘รเชฟสกายา’ จากนั้น เธอเคลื่อนผ่าน วอร์ซอเข้าไปยังโพซนัน...เดินทางมาถึงที่นี่ต้นปี 1945
6 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ภารกิจหลักของเธอในสงคราม จะเป็นการสอบปากค�ำเชลย ศึกเยอรมัน ‘คนป้อแป้ปากโป้ง’ ทหารรักษาการณ์ที่หน่วยลาด ตระเวนกองทัพแดงจี้ตัวมาจากกองรักษาด่าน สอบปากค�ำหาข่าว เธอกล่าวว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นแค่ทหารเด็กขลาดกลัว บันทึกของ เธอเต็มไปด้วยข้อมูลร่วมสมัย...จากจดหมายที่ยึดมาได้จากกอง รักษาด่าน ไปจนถึงเอกสารทางการ และบทคัดย่อจากอนุทิน ส่วนตัว เธอเขียนได้งดงาม สะเทือนอารมณ์ ประดับด้วยภาพเล็ก ภาพน้อยของผู้คนที่ตกอยู่กลางห่ากระสุนหรือความโกลาหลที่ ตามมาหลังการสู้รบ ผ่านน�้ำใจงดงามของเธอ ฉายให้เห็นความ เห็นอกเห็นใจต่อชาวบ้านธรรมดาสามัญที่ตกอยู่กลางพายุร้ายของ สงคราม แม้นไม่ได้มีส่วนในเหตุการณ์สะเทือนโลก แต่ความเห็นอก เห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์และฝีมือการเขียนสุกปลั่งของรเชฟสกายา พอจะท�ำให้บนั ทึกความทรงจ�ำของเธอโดดเด่นด้วยตัวเองได้อยูแ่ ล้ว ถึงอย่างนั้น เธอก็อยู่ในเหตุการณ์ส�ำคัญ ในเดือนเมษายน 1945 เธอย้ายไปสังกัด ช็อก อาร์มี* ที่ 3...เคลื่อนพลไปโจมตีเบอร์ลิน * กองทัพภาคสนามของกองทัพแดงในสงครามโลกครั้งที่ 2 จัดโครงสร้าง เฉพาะเจาะจง เพื่อรับมือและท�ำลายกองก�ำลังส�ำคัญของข้าศึก จะมียาน เกราะและปืนใหญ่สนับสนุนมากกว่ากองทัพทั่วไป ในยามจ�ำเป็น จะมีรถ ถัง สายพานล�ำเลียง และทหารม้า ‘ช็อก อาร์มี’ บางกองทัพ มีหน่วยรถไฟ
หลังการสู้รบในย่านชานเมืองทางเหนือของเมืองหลวงเยอรมัน ใน วันที่ 28 เมษายน บางหน่วยของ ช็อก อาร์มี ที่ 3 ข้ามสะพาน โมลต์เคอ ในใจกลางเบอร์ลิน บุกเข้าตี ไรซ์ทาก-รัฐสภาเยอรมัน ตามประกาศิตจากมอสโก พวกเขาต้องท�ำลายสัญลักษณ์อ�ำนาจ นาซีเยอรมัน แต่อ�ำนาจนาซีแท้จริงอยู่ที่ท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี ห่างออกไปไม่ถึง 200 เมตร กองก�ำลังโซเวียตที่มีรเชฟสกายา ร่วมทางมาด้วย มาถึงที่นั่นในวันที่ 2 พฤษภาคม ในกองเถ้าใน สนามของท�ำเนียบ เธอจะเป็นหนึง่ ในจ�ำนวนคนไม่กสี่ บิ คนทีไ่ ด้เห็น ซากศพของโยเซฟ เกิบเบิลส์ และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ประสบการณ์ นิยามชีวิตของเธอ เธอท�ำหน้าที่ล่ามในคณะชันสูตรศพ เพื่อระบุอัตลักษณ์ของ ซากศพเผาไหม้ดำ� เกรียมทีพ่ บในสวนของท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี อย่างน้อยที่สุดในห้วงเวลาแสนสั้นสองสามวัน เธออยู่ในใจกลาง ของเหตุการณ์สำ� คัญ ในระหว่างทีโ่ ลกรอท่าและเสาะหาค�ำตอบต่อ ชะตากรรมของฮิตเลอร์ เธอวุน่ อยูก่ บั การรวบรวมและแปลเอกสาร ที่ได้จากบังเกอร์ของฮิตเลอร์ สัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่ที่นั่นในห้วงท้าย สุดของชีวิตของฮิตเลอร์ เธอถึงขั้นได้รับมอบหมายให้ดูแลฟันของ ฮิตเลอร์...ที่เก็บมาจากกองเถ้า ซึ่งเธอเก็บไว้ในกล่องอัญมณี เชื่อ กันว่าการมอบให้เธอเก็บรักษา น่าจะปลอดภัยกว่าทหารชาย ซึ่ง หุ้มเกราะและรถสกี นพดล เวชสวัสดิ์ 7
8 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
อาจเมามายและหลงลืมวางไม่เป็นที่ ฟันชุดนั้นจะเป็นหลักฐานแน่ชัด ยืนยันว่าซากด�ำเกรียมเป็น ศพของฮิตเลอร์ คนที่มีปัญหาทางทันตกรรมมาตลอดชีวิต ฮิตเลอร์ เหลือฟันแท้ไม่กี่ซี่ และมีประวัติทันตกรรมที่ไม่เหมือนใคร ทั้งฟัน ปลอม สะพานฟัน และครอบฟัน ดังนัน้ ล�ำดับความส�ำคัญสูงสุด จะ เป็นการตามหาตัว ฮูโก บลัชเคอ-หมอฟันประจ�ำตัวของฮิตเลอร์ หรือชุดท�ำงานรักษาฟัน เพื่อน�ำมายืนยันฟันปลอมที่พบในกองเถ้า บลัชเคอหลบหนีไปยังบาวาเรีย แต่ชุดท�ำงานของรเชฟสกายา พบ ตัว เคเทอ ฮอยเซอร์มนั น์ ผูช้ ว่ ยของหมอฟันในเบอร์ลนิ คนทีย่ นื ยัน ว่าเคยท�ำงานรักษาฟันของฮิตเลอร์หลายครั้งหลายครา เธอวาด สะพานฟันและครอบฟันจากความทรงจ�ำ ตรงกับฟันในกล่อง อัญมณีของรเชฟสกายา หลังจากนั้นเมื่อได้เห็นฟันในกล่อง ฮอยเซอร์มันน์ยืนยันหนักแน่น “นั่นคือฟันของฮิตเลอร์!” ในขณะที่รเชฟสกายารอค�ำยืนยันเพิ่มเติมจากการชันสูตร ศพ...มีรายงานข่าวจากสือ่ โซเวียตในมอสโกว่าฮิตเลอร์อาจหลบหนี ไปยังสเปนหรืออเมริกาใต้ เธอกล่าวว่า “ในทันใด กองก�ำลังโซเวียต ทุกนายได้รับการกระตุ้นให้ ‘ไล่ล่าหาฮิตเลอร์’ การหลอกลวงครั้ง ใหญ่กลบข้อเท็จจริงทีว่ า่ พบศพฮิตเลอร์แล้ว” เธอไม่ทราบเรือ่ งเบือ้ ง หลังการปล่อยข่าวลวงในตอนนั้น แต่เธอตกเป็นเหยื่อการโกหก ครั้งใหญ่ของสตาลิน เขาใช้ปิศาจฮิตเลอร์ล่อลวงอดีตพันธมิตร (ที่
เคยจับมือกันสูร้ บกับฮิตเลอร์) ให้หลงทิศ ด้วยค�ำบัญชานัน้ เธอเขียน ไว้ “ฮิตเลอร์มใิ ช่ตวั แทนสงครามอีกต่อไป แต่กลายเป็นตัวแทนแห่ง สันติภาพที่จะตามมา” การสืบเสาะรวบรวมข้อมูลของเธอ ถือเป็น โมฆะ พยานทั้งหลายที่ช่วยยืนยันในเรื่องนี้ รวมทั้งฮอยเซอร์มันน์ ตกเป็นนักโทษของต�ำรวจลับโซเวียต ทุกคนถูกสอบปากค�ำไร้ที่สิ้น สุด ถูกข่มขูแ่ ละคุกคามให้กลับค�ำให้การว่าฮิตเลอร์ยงั มีชวี ติ อยูแ่ ละ หลบหนีไปแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจมหึมาของการปล่อยข่าว ลวงและเล่นเล่ห์จนได้ชื่อของตัวเองว่า ‘ปฏิบัติการโกหก’ (Operation Myth) รเชฟสกายาเดิ น ทางกลั บ สหภาพโซเวี ย ตหลั ง สงคราม ปรับทุกข์ความผิดหวังกับทหารผ่านศึกหลายนาย วาดหวังว่า ชัยชนะน่าจะเป็นเครื่องน�ำทางให้ก�ำปั้นเหล็กของลัทธิสตาลิน คลายออก ละห้อยหวนหาความตืน่ เต้นและความมุง่ หมายของชีวติ ที่มาพร้อมกับการท�ำงานในกองทัพ อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเธอ ความว้าวุ่นใจเพิ่มหลายเท่าจากการถูกบังคับให้ปิดปากให้สนิทใน เรื่องส�ำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ...ล่ามตัวเล็กๆ น่าจะไม่ฉลาดนักที่ จะเปิดปากโต้แย้งกับสหายสตาลิน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเรือ่ งส�ำคัญ ที่สุดว่าด้วยการตายของฮิตเลอร์ เธอปิดปากแน่นจนถึงทศวรรษ 1960 กว่าสิบปีหลังจากสตาลินตายไปแล้ว สองทศวรรษหลังการ ตายของฮิตเลอร์ หนังสือของเธอ Berlin, May 1945 ตีพิมพ์ออก นพดล เวชสวัสดิ์ 9
10 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
มาในภาษารัสเซีย บันทึกความทรงจ�ำของเธอ เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ พิมพ์ซ�้ำใน หลายขวบปีท่ีตามมา แต่ไม่เคยมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ จน กระทั่งวันนี้ นี่คือ Berlin, May 1945 เวอร์ชั่นล่าสุด และมีการเพิ่ม เติมการสนทนากับ จอมพล กีออร์กี ชูคอฟ ในปี 1965 ควรตั้งข้อ สั ง เกตไว้ ว ่ า ในขณะที่ วั ต ถุ พ ยานของรเชฟสกายาในการระบุ อัตลักษณ์ของฮิตเลอร์ถือได้ว่าแน่นหนา ไม่อาจดัดเปลี่ยนเป็นอื่น ได้ แต่บางแง่มุม เช่นการอภิปรายการฆ่าตัวตายของฮิตเลอร์ ถูก แต้มสีเลอะเลือนโดยสื่อโซเวียตในทศวรรษ 1960 ท�ำให้ดูคล้ายว่า เป็นเรื่องเฉพาะกาล ตามมาตรฐานของปราชญ์ยุคใหม่ หากจะให้ ความเป็นธรรมต่อรเชฟสกายา เธอไม่อาจทราบเรื่องนี้ได้ในช่วง เวลานัน้ แต่สาระส�ำคัญและเรือ่ งทีเ่ ธอยืนยันได้เต็มที.่ ..ฮิตเลอร์ตาย ไปแล้ว ในประเด็นนี้ หากท่านผู้อ่านประสงค์จะได้รายละเอียด ควรอ้างอิงไปถึงผลงานเล่มอื่น ดังเช่น ชีวประวัติของฮิตเลอร์ ผลงานเขียนของเอียน เคอร์ชอว์ และ โฟลเคอร์ อุลล์ริช เยเลนา รเชฟสกายา เขียนได้อย่างมีชั้นเชิง และจุดความ สะเทือนใจได้ไม่ใช่น้อย แม้จะพานพบประสบการณ์สยดสยองใน สนามรบ แต่เธอก็เป็นผู้น�ำทางเปี่ยมด้วยความเห็นใจผ่านขุมนรก เธอตาคมมองเห็นแง่มุมพิเศษ และมีความไวความรู้สึก ถ่ายทอด ด้วยท�ำนองฉลาดเฉลียว เตือนผู้อ่านให้หันไปมองพันธะมนุษย์
สายใยผูกพันกันกับทุกคนที่เธอพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นผู้กองกองทัพ แดง เชลยศึกเยอรมันตื่นกลัว หญิงโสเภณีถูกทอดทิ้งให้สิ้นหวัง เธอเป็นคนช่างคิดและหยิบยกแง่มุมให้ผู้อ่านได้ฉุกคิด แง่มุมเชิง ปรัชญาของความเปราะบางและความอ่อนด้อยของมนุษยชาติ มอง เห็นความดีงามที่อาจจะเกิดอาจจะหวังได้ วิสัยทัศน์ที่มีเสน่ห์ดึงดูด ใจเท่าเทียมกับการเผยความจริงให้ปรากฏ งานเขียนงดงาม ภาพเล็กภาพน้อยเรียงประดับและความมี น�้ำใจมนุษย์ ก็พอจะท�ำให้บันทึกความทรงจ�ำของล่ามสาว เยเลนา รเชฟสกายา พอจะขึน้ หน้าหนึง่ ได้แล้ว แม้จะไม่ได้กล่าวถึงเรือ่ งการ ระบุตัวตนของซากศพด�ำเกรียมของฮิตเลอร์ อย่างไรก็ตาม เนื้อหา ที่เพิ่มเติมเข้ามา ท�ำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในบันทึกความทรงจ�ำ ส�ำคัญที่สุดที่ได้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 รอเจอร์ มัวร์เฮาส์
นพดล เวชสวัสดิ์ 11
บทน�ำ เอกสารส่งเสียง
หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวที่ฉันประสบพบเจอเป็นการส่วนตัว ในฐานะล่ามของกองทัพแดง เดินทางร่วมกับหน่วยรบแนวหน้า ของกองทัพ จากมอสโกในปี 1941 ไปจนถึงเบอร์ลินในเดือน พฤษภาคม 1945 ฉันพบว่าตนเองอยู่ในใจกลางของเหตุการณ์ ประวั ติ ศ าสตร์ ซึ่ ง เป็ น ฉากสุ ด ท้ า ยของสงครามโลกครั้ ง ที่ 2 ในฐานะล่ามประจ�ำกองบังคับการทัพบก ฉันเป็นหนึ่งในกลุ่มการ ข่าว ภารกิจหลักจะเป็นการไล่ลา่ หาฮิตเลอร์ ฉันอยูท่ นี่ นั่ ในตอน ที่เราพบซากศพด�ำเกรียม เราเสาะหาความจริงว่าเขา...ฮิตเลอร์ เสียชีวิตอย่างไร และจะระบุตัวตนของเขาได้หรือไม่ ภารกิจของ ฉัน จะเป็นการเสาะส�ำรวจผ่านเอกสารทีเ่ ราพบในกลุม่ อาคารใต้ดนิ ของท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดีและฟือห์เรอร์บังเกอร์ ที่ฮิตเลอร์ใช้ ชีวิตบั้นปลายไม่กี่วันที่นั่น ในท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดีนนั้ ฉันพบเอกสารรายงานของ มาร์ทิน บอร์มันน์ (เลขาธิการพรรคนาซีและเพื่อนของฮิตเลอ ร์) โทรเลขผ่านวิทยุของทหารสารบรรณในโอเบอร์ซัลซ์แบรก-ดร.
เฮลมุต ฟอน ฮุมเมิล (นักบัญชีและผู้ช่วยของบอร์มันน์) และ ส�ำเนาโทรเลขมากหลายทีเ่ ขาส่งออกไป เรือ่ งเหล่านีย้ นื ยันว่ามีการ วางแผนในครึง่ หลังของเดือนเมษายน 1945 จะย้ายกองบัญชาการ ของฮิตเลอร์ไปยังแบร์ชเทสกาเดิน แต่ฮิตเลอร์ไม่ยอมย้าย เขา ตัดสินใจที่จะปักหลักอยู่ในฟือห์เรอร์บังเกอร์ หลังจากการรุกรบ ที่เขาออกค�ำสั่ง...ล้มเหลว แต่ก็เป็นเพราะสัมพันธมิตรยกกองทัพ เข้ามาในมิวนิคแล้ว...ไม่หา่ งจากแบร์ชเทสกาเดินเท่าใดนัก และยัง มีแฟ้มรายงานตรงต่อบอร์มนั น์จาก ไครส์ไลเทอร์-ผูน้ ำ� นาซีมณฑล ในเบอร์ลิน ซึ่งรายงานสถานการณ์วิกฤต ฉันเสาะค้นรายงานของฮิตเลอร์ที่พบในบังเกอร์ใต้ดิน รวม ทัง้ แฟ้มรวมการป่าวประกาศทางวิทยุ เรือ่ งหนึง่ นัน้ กล่าวถึงมุสโสลิ นี หลังจากถูกพลพรรคใต้ดินยิงตาย ศพของเขาถูกผูกขาห้อยหัว แขวนประจานในลานจัตุรัสในมิลาน เคียงข้าง คลารา เปตาสชี เมียเก็บของเขา ฮิตเลอร์ขดี เส้นใต้ทอ่ นนีด้ ว้ ยดินสอสีนำ�้ เงิน ฉันเดา เอาว่า (เดาได้ถกู ต้องเสียด้วย) ค�ำสัง่ สุดท้ายของเขาในแฟ้มนี.้ ..จะ ต้องให้ทำ� ลายร่างของเขาเช่นกัน ฉันพบร่างจดหมาย (เขียนเมือ่ สิบ ปีก่อน) ที่ฮิตเลอร์เขียนถึงน้องสาว ถึงประธานาธิบดีฮินเดนบวก และถึงฟรันซ์ ฟอน พาเพิน ในห้องท�ำงานของเกิบเบิลส์ เราพบเอกสารสองกระเป๋าเดิน ทาง รวมทั้งเรื่องส�ำคัญที่สุดส�ำหรับนักประวัติศาสตร์ในอนาคต นพดล เวชสวัสดิ์ 13
14 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
นัน่ คืออนุทนิ เขียนด้วยลายมือเกิบเบิลส์ราวสิบเล่ม เริม่ บันทึกตัง้ แต่ ก่อนนาซีเถลิงอ�ำนาจ จนถึงการยุติบทบาทของพรรคนาซีในวันที่ 8 กรกฎาคม 1941 มีแฟ้มการติดต่อทางจดหมายเป็นทางการ ของรัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ (โฆษณาชวนเชื่อ) แฟ้มของ มักดา ภรรยาของเกิบเบิลส์ ซึง่ เก็บรายละเอียดของทรัพย์สนิ ของ ครอบครัว มีรูปถ่ายมักดากับลูกๆ รูปถ่ายครอบครัวที่มีเกิบเบิลส์ และรูปถ่ายของมักดาที่ฉันเก็บไว้เป็นที่ระลึก เราเสาะหาฮิตเลอร์กนั อย่างเร่งร้อน...เป็นหรือตาย ฉันมีเวลา เพียงแค่บันทึกเนื้อหา (โดยย่อ) ของเอกสารที่ผ่านมือ เพิ่มเติม ความเห็นลงไปก่อนจะส่งเอกสารเหล่านั้นไปยังกองบัญชาการแนว หน้า บันทึกย่อที่ฉันเขียนไว้มีประโยชน์อย่างยิ่งในตอนที่ฉันเข้าไป ค้นข้อมูลในหอจดหมายเหตุ (ลับ) ของโซเวียต เพียงแค่มองบาง ค�ำ ก็เตือนให้ฉนั นึกถึงต้นฉบับตัวจริงและเนือ้ หาในเอกสารพวกนัน้ ในค�่ำคืนวันที่ 5 พฤษภาคม ซากศพด�ำเกรียมของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์กบั อีฟา บราวน์ เคลือ่ นย้ายจากสวนของท�ำเนียบอัครมหา เสนาบดี มีการชันสูตรศพ และในวันที่ 8 พฤษภาคม ฉันได้รับ มอบหมายให้ถือกล่องอัญมณีสีเบอร์กันดี ในนั้นมีกรามล่างกับฟัน ปลอมของฮิตเลอร์ ซึง่ เป็นหลักฐานส�ำคัญยืนยันตัวตนของเขา ฉัน กลายเป็นคนที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อประวัติศาสตร์เยอรมัน โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ฉันมีส่วนร่วมแล้วในการเสาะหาผู้คนที่จะยืนยันตัวตนของ ฮิตเลอร์ นั่นคือหมอฟันประจ�ำตัวของเขา ลายเซ็นของฉันใน ฐานะล่าม ปรากฏในรายงานการสอบปากค�ำและการระบุยืนยัน ตัวตนฟือห์เรอร์ ตลอดสามเดือนก่อนจะปลดประจ�ำการ กองอ�ำนวยการ ของเราอยู่ในเมืองเล็กที่เรียกว่าชเตินดัล ฉันมีเวลามากพอที่จะ อ่านเอกสารที่ได้จากท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี จากกระทรวง และส�ำนักผู้น�ำพรรคนาซีมณฑลโดยละเอียด แม้ว่าความสนใจต่อ เอกสารเหล่านีจ้ ะเหือดหายไป สงครามยุตแิ ล้ว เรา...ทหารในแนว หน้า กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ไม่มีผู้ใดนอกจากฉัน ที่ยัง สนใจเรื่องราวในเอกสาร ฉันไม่ใช่นักประวัติศาสตร์อาชีพ ไม่ใช่นักวิจัยข้อมูล ฉัน เป็นนักเขียน ฉันไม่อาจวาดภาพตัวเองเสาะค้นข้อมูลเหตุการณ์ ประวัตศิ าสตร์ หรือศึกษาเรือ่ งราวสังคมวิทยาทีไ่ ม่ขอ้ งเกีย่ วกับชีวติ ของฉัน ดังนั้น บันทึกความทรงจ�ำ (ส่วนตัว) เล่มนี้ มีเอกสาร เป็นหลักฐานสนับสนุนยืนยัน ข้อเท็จจริงและเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นความจริง และเรื่องราวทั้งหมดเกาะเกี่ยวกันได้ จากมุมมอง สงครามของฝ่ายโซเวียต การเสาะหาและพบศพฮิตเลอร์ การระบุ ชี้ตัวยืนยัน และสภาวการณ์ที่น�ำไปสู่การฆ่าตัวตายของฮิตเลอร์ได้ รับการตรวจสอบแล้ว ในทุกเรื่องที่กล่าวมา ฉันมีส่วนร่วมอย่าง นพดล เวชสวัสดิ์ 15
16 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
แท้จริง อยู่ที่นั่น ท�ำหน้าที่ล่ามและนักแปล สาระส�ำคัญของหนังสือเล่มนี้ อยู่ที่ความถูกต้อง ข้อมูล แม่นย�ำ เรื่องใหญ่หรือเรื่องหวือหวาที่สุดเป็นเรื่องจริง ข้อเท็จจริง ที่ว่ามีการพบศพฮิตเลอร์และยืนยันอัตลักษณ์ได้แล้วโดยกองทัพ แดงถูกปิดเงียบ ฉันเขียนถึงเรื่องนี้ลงในนิตยสารวรรณกรรมราย เดือน ซนาเมีย ฉบับที่ 2, 1955 แต่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการ พบศพฮิตเลอร์ การสืบสวนและสอบสวน จนถึงขั้นระบุยืนยันตัว ตน...ถูกเซ็นเซอร์ ฉันเปิดเผยความลับของชาติได้ในปี 1961 ใน หนังสือชื่อ Spring in an Army Greatcoat นานแสนนาน หลังจากสตาลินเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด และจัด เรียงเอกสารที่เป็นประจักษ์พยาน ฉันเฝ้ารบเร้าขอเข้าสืบค้นหอ จดหมายเหตุโซเวียต และค�ำตอบก็อยู่ในรูปแบบเดิม “ไม่ เรา ไม่มีข้อยกว้น” ฉันถึงกับโทรศัพท์ไปหาคณะกรรมการกลางพรรค คอมมิวนิสต์ แต่บทสนทนาจืดชืด ไม่ได้ให้ก�ำลังใจแต่อย่างใด ด้วยค�ำแนะน�ำจาก ว. อีลิน ฉันเขียนจดหมายอีกฉบับไปยัง มิฮาอิล ซุสลอฟ สมาชิกคณะกรรมการกลางสภาเปรซิเดียม ฉัน เพิ่งพบส�ำเนาจดหมายฉบับนั้นในกองเอกสาร จดหมายลงวันที่ 6 สิงหาคม 1964 เห็นได้ชัดว่าจดหมายฉบับนี้จัดการจนได้ผล บานประตูหอจดหมายเหตุลับเปิดอ้ารับฉันในปลายเดือนกันยายน
1964 ร้อยเอกในเครือ่ งแบบ เหล่ายานเกราะ ได้รบั มอบหมายให้ ดูแลที่นี่ เขาสังกัด ‘กลุ่มประสบการณ์ศึกษาจากสงครามรักชาติ’ แนะน�ำตัวว่า วลาดิมีร์ อิวาโนวิช เขาถือว่าเป็นหน้าที่เคร่งครัด ของเขาที่จะมอบเอกสารทุกฉบับที่ฉันต้องการ หลายปีหลังจากนั้น วลาดิมีร์ อิวาโนวิชโทรศัพท์มาหา กล่าวชืน่ ชมหนังสือเล่มใหม่ของฉัน (เมืองรเชฟในห้วงสงคราม) “นี่ เป็นสารคดีบทกวีรอ้ ยแก้วชัดๆ!” เขาอุทานออกมา ฉันสอบถามชือ่ หอจดหมายเหตุลบั ทีฉ่ นั เข้าไปค้นเอกสาร ซึง่ ปิดเป็นความลับ เขา ให้ค�ำตอบว่า ‘หอจดหมายเหตุลับสภารัฐมนตรี’ ยืนยันการคาด เดาของจอมพลชูคอฟ ผูก้ องวลาดิมรี ์ อิวาโนวิช แจ้งให้ทราบเช่น กันว่า มีคำ� สัง่ อนุมตั จิ ากคณะกรรมการกลางให้ฉนั เข้าไปค้นเอกสาร ในหอจดหมายเหตุลับได้ วั น แห่ ง ชั ย ชนะครบรอบยี่ สิ บ ปี ท� ำ ให้ ผู ้ ค นหั น ไปนึ ก ถึ ง สงคราม ซึ่งก็รวมวลาดิมีร์ อิวาโนวิชด้วย ฉันพอจะเห็นได้ว่าเขา ไม่คุ้นกับหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านที่ได้รับมอบหมายมา ฉันนั่งท�ำงาน คนเดียวในห้องท�ำงานเรียบๆ มีเพียงรูปของครุชโชฟอยู่บนผนัง ฉันเป็น ‘ข้อยกเว้น’ ขนานแท้! วลาดิมีร์ อิวาโนวิชไม่ได้ปฏิบัติ งานเคร่งครัดตามค�ำสัง่ ให้มอบเอกสารเฉพาะฉบับทีฉ่ นั ร้องขอ เขา ไม่มที างหาเจอในกองเอกสารมหึมา...เขาปล่อยให้เสาะหาเอกสารที่ นพดล เวชสวัสดิ์ 17
18 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ต้องการเสียเอง ทุกวันหลังสิ้นสุดการท�ำงาน ฉันเพียงแค่ยื่นสมุด บันทึกให้เขาตรวจ เนื้อหาที่ฉันคัดลอกและความคิดที่ผุดขึ้นมา ในห้วงการท�ำงาน ฉันไม่มีเทคโนโลยีที่จะน�ำมาช่วยงาน ทุกเช้า สมุดบันทึกได้คนื กลับมา น่าจะผ่านการตรวจสอบอย่างดีแล้ว เมือ่ เขียนเต็มเล่มก็ได้รบั อนุญาตให้ถอื กลับบ้าน...ฉันเติมเนือ้ หาเต็มสมุด บันทึกไปห้าเล่ม ฉันพบเจอเอกสารจากเดือนพฤษภาคม 1945 หลายฉบับ มีลายเซ็นของฉัน เอกสารที่ถูกทิ้งให้ฝุ่นเกาะมานาน 20 ปี นับ เป็นประสบการณ์สุดแสนจะสะเทือนอารมณ์ ในเมื่อมีเอกสารลับสุดยอดหนุนหลัง หนังสือฉบับพิมพ์ครั้ง แรกของฉัน Berlin, May 1945 ซึ่งพิมพ์ในภาษารัสเซียใน ปี 1965 ตามด้วยบทคัดย่อลงตีพมิ พ์ในนิตยสารวรรณกรรม ซนา เมีย ฉบับที่ 5, พฤษภาคม 1965 เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น The End of Hitler, Without Myth or Mystification (จุดจบ ของฮิตเลอร์, ไม่มคี ำ� โกหกหรือการลวงลับ) ผลงานชิน้ นีไ้ ด้รบั การ แปลเป็นภาษาอิตาเลียน เยอรมัน ฮังกาเรียน ฟินนิช ญีป่ นุ่ และ อีกหลายภาษา หลังจากนั้น Berlin, May 1945 พิมพ์ซ�้ำ 12 ครั้ง ในรัสเซีย ยอดจ�ำหน่าย 1,500,000 เล่ม ทุกคราวที่พิมพ์ใหม่ จะมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมเนื้อหา หนังสือที่ท่านถืออยู่ในมือ
เป็นฉบับล่าสุด บรรจุข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว ในยามที่เรามองย้อนอดีตกลับไปหลายปี ประสบการณ์ที่ พบเจอไม่ได้เลือนหายไปจากความทรงจ�ำ ตรงกันข้าม ในบางแง่ มุม ข้อเท็จจริงบางเรื่องกลับเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น ความทรงจ�ำส่งเสียง อุทธรณ์ พาเราย้อนกลับไปหาอดีตช่วงนัน้ ส�ำหรับฉัน เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ในช่วงปลายสงคราม จะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หาก ไม่มีหน้ากระดาษบันทึกวันแรกในกองทัพ การฝึกเพื่อจะเป็นล่าม ทหาร การท�ำงานในหน่วยรบเกือบสี่ปี และเรื่องราวที่ฉันพบเห็น ในห้วงเวลานั้น ฉันเชื่อว่าท่านผู้อ่านจะสนใจ ‘กระเป๋า’ ที่ฉัน ถือติดตัวเข้าเบอร์ลิน ล่ามทหารถือเป็นต�ำแหน่งสุดพิเศษในห้วงการรบดุเดือดใน สงคราม ล่าม...เขาหรือเธอเหล่านัน้ จะพบเจอและสัมผัสความกราด เกรี้ยวจากทั้งสองฝ่ายเอกสารทุกประเภทผ่านมือของฉัน ตั้งแต่ เรือ่ งสุดส�ำคัญ จนถึงคูม่ อื แนะน�ำทหารเยอรมันให้รกั ษาความอบอุน่ ของร่างกาย ค�ำสัง่ หน่วยเหนือและใบปลิวโฆษณาชวนเชือ่ เรือ่ ยไป ถึงจดหมายส่วนตัวเขียนถึงคนทางบ้าน ในขณะที่ฉันแปลเอกสาร พวกนั้น ฉันจะเขียนบันทึกย่นย่อเพื่อเตือนความจ�ำ สมุดบันทึกทีฉ่ นั ถือติดมือกลับบ้านจากแนวหน้านัน้ ถูกเปิด อ่านและเขียนจนรุ่งริ่งไปแล้ว หลายหน้าขาดหาย ไร้ระบบในการ สอดแทรกบันทึก หรือลายมือแทบอ่านไม่ออก เพราะเขียนทีท่ า้ ย นพดล เวชสวัสดิ์ 19
20 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
กระบะกระเด้งกระดอนของรถบรรทุก นี่คือข้อมูลดิบส�ำหรับเรื่อง เล่าในสงคราม แม้แต่ตอนนี้ ฉันยังย้อนกลับไปหาสมุดบันทึกเหล่า นั้น วาดภาพการเดินทางออกจากมอสโกมุ่งหน้าไปยังเบอร์ลิน เมื่อหนังสือได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ข้อมูลหลั่งไหล เพิ่มเติมเหมือนก้อนหิมะไหลลงเนินเขา ขยายขนาดใหญ่โตทุก ขณะ หนึ่งในเรื่องส�ำคัญที่สุด ฉันได้รับการติดต่อจากจอมพล กีออร์กี ชูคอฟ ฉันได้รับจดหมายจากคณะเสาะหาฮิตเลอร์ กลุ่ม คนที่ค้นพบและระบุอัตลักษณ์ หนึ่งนั้นมิใช่ใครอื่น นอกจาก นพ.ฟาอุสต์ ชคาราฟสกี นักพยาธิวิทยา หัวหน้าคณะชันสูตร ศพ พวกเขามอบรายละเอียดในสาขาเฉพาะทางของตน จดหมาย ของท่ า นเหล่ า นี้ รวมกั บ จดหมายของคนอื่ น ๆ กลายเป็ น หอจดหมายเหตุส่วนตัวของฉัน หนังสือฉบับพิมพ์ใหม่ล่าสุดได้รับ ประโยชน์เต็มที่จากข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามา ในท้ายทีส่ ดุ ตัวเอกสารเอง ในการพิมพ์ครัง้ แรกในปี 1965 ฉันเขียนไว้ว่า “เอกสารในบันทึกนี้ (ค�ำให้การ รายงาน อนุทิน จดหมายโต้ตอบ และอืน่ ๆ) น�ำมาตีพมิ พ์เป็นครัง้ แรก โดยผูเ้ ขียน คนนี”้ เพือ่ ให้สอดคล้องกับหลักการนัน้ ฉันเพียงแค่เปรยให้ทราบ ว่ามีพินัยกรรมส่วนตัวและค�ำประกาศทางการเมืองของฮิตเลอร์ เอกสารทีน่ ำ� มารวมไว้ในเล่มนี้ จะเป็นเอกสารทีฉ่ นั จ�ำแนกแยะแยะ ตอนต้นเดือนพฤษภาคม 1945 ในท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี และ
ในเวลาต่อมา ในกองบัญชาการทัพบก รวมทั้งเอกสารที่ขุดคุ้ยมา ได้ในห้วงยี่สิบวันในหอจดหมายเหตุลับ ในเดือนกันยายน 1964 การค้นพบเลอค่า น�ำมารวมไว้ในหนังสือเล่มนีแ้ ล้ว ฉันเปิด เผยเป็นครั้งแรก...บทคัดย่อของค�ำให้การของฮันส์ รัตเทินฮูเบอร์ หัวหน้าองครักษ์ของฮิตเลอร์ บางส่วนของการสอบปากค�ำเป็นครัง้ แรกในกองบัญชาการโซเวียตต่อ ออตโท กึนเชอ, นายทหารคน สนิทของฮิตเลอร์ และไฮนซ์ ลิงเงอ, พลขับประจ�ำตัวฮิตเลอร์ ฉันเปิดเผยเป็นครัง้ แรกเกีย่ วกับรายงานการสอบปากค�ำนาย แพทย์ผทู้ วี่ างยาพิษลูกๆ ของเกิบเบิลส์ เอกสารการพบศพของฮิต เลอร์กบั อีฟา บราวน์ พบศพเกิบเบิลส์กบั ภรรยา และรายงานเป็น ทางการของผลการชันสูตรศพ หอจดหมายเหตุลับของสภารัฐมนตรีมีหลักฐานส�ำคัญ เช่น อนุทินของมาร์ทิน บอร์มันน์ แปลเป็นภาษารัสเซีย (ต้นฉบับ พบกลางถนนในเบอร์ลิน ต้นเดือนพฤษภาคม 1945) และ การบรรยายความโดยละเอียดของฮันส์ รัตเทินฮูเบอร์ หัวหน้า องครักษ์ของฮิตเลอร์ หนึ่งในการเปิดเผยส�ำคัญที่สุดของฉัน จะเป็นบทคัดย่อจาก อนุทนิ ของเกิบเบิลส์ ซึง่ น�ำไปสูก่ ารวิจยั ข้อมูลของนักประวัตศิ าสตร์ เยอรมัน ซึ่งภายหลังตีพิมพ์หนังสือออกมาหลายเล่ม โดยถอด ความจากไมโครฟิล์มของหอจดหมายเหตุลับ นพดล เวชสวัสดิ์ 21
22 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ปัจจุบนั นีข้ อ้ มูลทีฉ่ นั ขุดมาจากหอจดหมายเหตุลบั หลังการ ต่อสูไ้ ม่ลดละ ฝ่าด่านความลับของทางการและการเซ็นเซอร์ ข้อมูล เผยตัวสูส่ ายตาชาวโลกแล้ว มีการแปลหลายภาษา ดังนัน้ ไม่เหลือ ความจ�ำเป็นใดๆ ที่จะยึดหลักการที่ว่าจะตีพิมพ์แต่เฉพาะเอกสาร ทีไ่ ม่เคยเผยแพร่มาก่อน ดูเหมือนว่าสอดคล้องกับหลักสามัญส�ำนึก ที่จะหยิบยกเอกสารที่ทราบกันดีแล้วหรือเอกสารของผู้อื่น น�ำมา ประกอบให้เห็นภาพได้ชัดยิ่งขึ้น เอกสารแท้จริง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่เรามองย้อน กลับไปจากระยะไกล จะเปล่งรังสีเรืองรอง นี่คือเอกสารแท้จริงที่ ควรให้คณ ุ ค่าเต็มจ�ำนวนทีป่ รากฏอยูใ่ นเอกสารฉบับนัน้ และยอมรับ อย่างไม่มีเงื่อนไข เราจ�ำเป็นต้องสะกดใจไม่ให้หลงเพ้อว่าเอกสาร ทุกฉบับถือเป็นข้อเท็จจริง...ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นความจริง และ แม้แต่ขอ้ เท็จจริงทีห่ ลุดออกมานอกบริบท ก็ไม่อาจถือว่าเป็นความ จริง ‘ทั้งมวล’ บริบทมีความส�ำคัญยิ่ง ข้อมูลอาจขัดแย้งกับบริบท อาจโต้ แย้งหรือท�ำให้ข้อมูลนั้นไม่เหลือค่าก็ได้ ในยามที่ เ อกสารขั ด แย้ ง กั น ฉั น จ� ำ เป็ น ต้ อ งเล่ น บท กรรมการ ตัดสินชี้ขาดด้วยเรื่องราวที่ฉันรู้ เรื่องราวฉากหลัง ของข้อมูลเหล่านั้น
บทที่ 1 ดินแดนมืดแปดด้าน มอสโก,1941
ยามทีเ่ รานัง่ ลงเขียนถึงประสบการณ์ในอดีต บ่อยครัง้ ทีเ่ ราบังคับ ความทรงจ�ำให้เรียงร่ายออกมาในเชิงตรรกะ แต่เรื่องเช่นนั้นฝืน ธรรมชาติ ความทรงจ�ำกระโดดโลดเต้นเพียงเสี้ยววินาที ผูกโยง เข้ากับเรือ่ งอืน่ สะท้อนกลับ อวลกลิน่ กลัดติดด้วยความเจ็บปวด จากอนุทินแนวหน้า: ย�ำ่ เย็นฤดูใบไม้รว่ ง ลมหนาวเยือก ท้องฟ้าด�ำมืด แต้มด้วยเกล็ด สีเทาน่าหวาดหวั่นของรุ่งสางที่ใกล้มาถึง ถนนที่พระเจ้าผินหลังให้ น่าจะเรียกว่าล�ำรางโคลน ทหารเดิน แถวเรียงเดี่ยว มุ่งตรงไปยังแนวหน้า ไม่มีใครพูดจา ไม่มีเสียงจิก กัดท้ารบ ไม่มเี สียงออกค�ำสัง่ ไม่มเี สียงสนทนา เสีย้ ววินาทีนนั้ จรวด เยอรมันส่งแสงวาบเจิดจ้าเหนือแนวหน้า ส่องให้เห็นใบหน้าไร้ความ โดดเด่นของบุรษุ ทีไ่ ม่ออ่ นเยาว์แล้ว พวกเขาน่าจะเป็นกองร้อย ‘ก�ำลัง ทดแทน’ รวบรวมมาจากกรม ‘กองหนุน’ ทหารได้รบั บาดเจ็บทีท่ ำ� แผล นพดล เวชสวัสดิ์ 23
แล้วจากโรงพยาบาล หรือกองพันพยาบาล ฉันเดินข้างถนน มุ่งหน้ากลับไปยังกองอ�ำนวยการ เสียงฟ้าลั่นทึมทึบดังแว่วห่างไกล เหมือนเสียงสะท้อนของปืน ใหญ่ที่ระดมยิงอย่างหนักในวันก่อน เสียงเอียดออดของรองเท้าบู๊ต ย�่ำโคลนหนืด “เฮ้!, ซิสเตอร์” ทหารชราเดินออกจากแถว “มียาดูดไหม?” “เสียใจด้วยค่ะ” เขาเดินสืบไป ไม่มีโชค ทหารเก่า เฒ่าชรา ฉันไม่มีวันลืม ความมืดมิดได้รับการปกป้องด้วยท้องฟ้าสีตะกั่ว และสว่าง วาบเป็นครั้งคราวจากพลุส่องสว่างของข้าศึก ทหารเดินโซซัดโซเซ ในค�่ำคืนเปียกแฉะไม่เป็นมิตร มุ่งหน้าไปท�ำศึกที่รอท่าหลังอรุณรุ่ง ฉันไม่อาจหาค�ำอธิบายให้ตัวเองได้ว่าท�ำไม เวลาผ่านมา หลายสิบปีแล้ว และอีกครัง้ ในวันนี้ ค�ำถามนัน้ เกาะกวนใจจนยาก จะหาความสงบได้ ท�ำไมความจ�ำเรือ่ งนัน้ จึงกัดกินหัวใจ และท�ำให้ น�้ำตาของฉันไหลพรากอาบแก้ม “เฮ้!, ซิสเตอร์ มียาดูดไหม?” *** ทหารพา‘สายข่าว’เข้ามา เขาถูกจี้ตัวมาจากสนามเพลาะกอง
รักษาด่าน ร่างของเขาสัน่ สะท้านเจียนตายด้วยความหนาวเย็น ผ้า ขนสัตว์คลุมศีรษะของสตรีห่อหุ้มวงหน้า หมวกแก๊ปบนหัว สวม รองเท้าบู๊ตหนังบางที่ไม่เฉียดใกล้การต้านน�้ำแข็งกัด กล้อมแกล้ม หุ้มรองเท้าด้วยฟางถัก พลลาดตระเวนคุมตัวมา มาดหรูหราจิ้ม ร่างเชลยด้วยปากกระบอกปืนไรเฟิล กระตุน้ ให้เขาตืน่ ตัวมีชวี ติ ชีวา ด้วยรองเท้าหุ้มฟางถัก ทหารเยอรมันแทบจะลากตัวเดินขึ้นเนิน ลื่นถนนเละเป็นหล่มโคลนไม่ได้ ผู้ชมมีทหารโซเวียตสองสามนาย กับชาวบ้านหยิบมือหนึ่ง เดินแห่ตามหลัง อยากรู้ว่าผลจะออกมา อย่างไร คนกลุม่ นัน้ หยุดทีท่ บี่ งั คับการ พลลาดตระเวนทิง้ ทหารให้ เฝ้าเชลย ตัวเองเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อรายงาน ทุกคนยืนห้อมล้อมเชลย ไม่มใี ครพูด ความตึงเครียดมุง่ ร้าย ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงจนถึงเดือนธันวาคม หมู่บ้านนี้ตกอยู่ในการยึด ครองของเยอรมัน ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่จะได้เห็นทหารเยอรมัน ป้อแป้แบบนี้ ทุกคนถลึงตาจ้อง “สงครามสิน้ สุดแล้วส�ำหรับแก ฟริตซ์*” ทหารกร้านศึกคน หนึ่งบอก “แกรอดชีวิต ไอ้เห้-” ทหารเยอรมันพยายามเบิง่ ตามอง ออกแรงต้านน�ำ้ แข็งเกาะ บนขนตา ตาไร้ประกาย ไม่มีการเคลื่อนไหว ราวกับภูตน�้ำ เขา มิใช่ฟริตซ์ผู้มีความสุขและทุกคนไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร แต่ * ชื่อหยามหมิ่นเรียกทหารเยอรมัน นพดล เวชสวัสดิ์ 25
26 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ทหารหนุ่มที่ไม่เคยพบทหารเยอรมันมาก่อน ระเบิดเสียงหัวเราะ ออกมา เชลยเยอรมันมีแท่งน�้ำแข็งห้อยออกจากรูจมูก ห้อยจาก ปากเหนือผ้าคลุมสตรีพันรอบใบหน้า ดูคล้ายเครา ไม่มีใครหื่น โกรธคนที่ดูคล้ายตัวตลก อีกอย่างหนึ่ง นับเป็นเรื่องน่าอิ่มใจยิ่งที่ ได้เห็นข้าศึกปวกเปียกหมดรูป “แค่หุ่นไล่กาแกยังเป็นไม่ได้เลย” ทหารกร้านศึกคนหนึ่ง บอก ตบไหล่ปลอบโยนเชลย ทหารหนุ่มร่วมเล่น เขาด้วยยื่นมือ ไปดึงแท่งน�้ำแข็งออกจากจมูก แต่แท่งน�้ำแข็งไม่หลุดออกมา เขา วางมือที่สวมถุงมือไหมพรมบนบ่าเชลย เชลยเยอรมันรู้ตัวว่าภาพของเขาน่าสังเวชแค่ไหน ร่างคลุม ไปด้วยแท่งน�้ำแข็ง และภาพนี้เองที่อาจช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจะไม่ ถูกฆ่าแล้ว เชลยดึงมือออกมาจากแขนเสื้อโค้ตตัวโคร่ง มือสอง ข้างสวมถุงเท้าหนา เขาได้รางวัลด้วยเสียงหัวเราะกึกก้อง พลลาดตระเวนย้อนกลับมา พาตัวเชลยเยอรมันเข้าไป ในกระท่ อ ม เชลยเร่ ง ถอดถุ ง เท้ า หุ ้ ม มื อ ออก ยั ด เก็ บ ไว้ ใ น กระเป๋าเสื้อโค้ต สลัดฟางถักหุ้มรองเท้าทิ้งไป เดินเข้าไปใน กระท่อม ตบเท้าชิด ยืนระวังตรง สะท้านเฮือกด้วยความร้อน ในกระท่อมอุ่นจัด เขาสังเกตเห็นนายทหาร ผู้บังคับบัญชาที่ นั่น กวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นไปได้หรือไม่ ว่านายทหารกลั้นยิ้ม? ชื่อ? หน่วยรบ? ยศ? เชลยเยอรมันเยือก
แข็งดึงผ้าคลุมพันใบหน้าออกให้พ้นริมฝีปากแช่แข็ง แล้วส่งเสียง ตอบ โดยทีไ่ ม่รตู้ วั ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง เขาอ้าปากกลืนกินความ ร้อนอย่างหิวกระหาย ในทันใด ตาก็เหลือกลานด้วยความกลัว มือ ยกมาตะกุยใบหน้าตัวเอง เขารู้ตัว จึงวางมือแนบตะเข็บกางเกง ยืนระวังตรงอีกครั้ง แท่งน�ำ้ แข็งไหลหลุดจากใบหน้า เลือ่ นผ่านผ้าคลุมและเสือ้ โค้ต ตก เกรียวกราวบนพื้นกระท่อม ทหารโซเวียตกร้านศึกจดจ�ำเรื่องที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้านี้: ผมได้รับค�ำสั่งให้ลากรถถังปลอมไปใกล้เบียลึยและโฮล์ม แซ็ปเปอร์สร้างรถถังปลอมจากไม้อัดและท่อนไม้ ผมลาก สายโยงหกคันตามหลังรถถังของผม ลากจูงไปราวๆ 30-40 กิโลเมตรบนถนนสายหลัก เครื่องบินสังเกตการณ์เยอรมัน โฉบลงมากราดยิง พร้อมกับถ่ายภาพทางอากาศ วันถัดมา ถนนมีใบปลิวโปรยปรายลงมา “ไอ้รัส พวก แกมัวแต่ลากจูงรถถังไม้อัด รถถังของกูแดเรียนไปออกันจ่อ หน้ามอสโกแล้ว” ถนนโคลน เครื่องยนต์ส่งเสียงค�ำรามประท้วง ล้อติดหล่ม รถ ถัง รถบรรทุกเคลื่อน ปืนใหญ่ม้าลาก ต่างมุ่งตรงไปยังแนวหน้า นพดล เวชสวัสดิ์ 27
28 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ทหารราบเดินแถวเรียงเดี่ยว หม้อสนามสีด�ำกวัดแกว่งบน เป้หลังของทหารบางคน วงหน้าทหาร ทั้งแก่และหนุ่ม ล้อมด้วย ผืนขนสัตว์ปิดหูเชือกรัดใต้คางแน่นหนา ม้าตัวสั่นระริกจากการ ออกแรงลาก กระท่อมโผล่มาให้เห็นในทันใด ในยามที่ลมหอบ หิมะขาดหายไป หญิงชาวนา ผ้าคลุมศีรษะดึงต�ำ่ แทบจะปิดดวงตา มองพวกเราเคลื่อนผ่าน สายตาจ้องเขม็ง ครุ่นคิด ฉันสดับความ รู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทุกคนกับทุกอย่าง ในช่วงนั้น ความรู้สึก แปลกพิลึก ยากที่จะบรรยายด้วยถ้อยค�ำ ถนนข้างหน้าแยกเป็นสองแพร่ง หญิงจากเยลเนียห่อหุม้ ด้วย เสื้อโค้ตบุขนแกะตัวโคร่ง ปืนไรเฟิลสะพายเฉียง มือข้างหนึ่งโบก ธง อีกข้างถือตะเกียงลาน เธอหยุดขบวนรถ ตรวจเอกสารและ สิ่งของที่บรรทุกมา เธอจัดการส่งทหารบาดเจ็บที่ต้องไปรักษาตัว ในโรงพยาบาล คนขับบางคนยั่วหยอก บางคนก่นด่า พวกเขา เดินทางมุ่งหน้าสืบไป หิมะตกหนา ไอหมอกขาวขุ่นแผ่คลุมท้องทุ่งและเส้นทาง เสียงปืนดังไม่ไกลนัก แนวหน้าทอดยืดยาวเกินไป แนวป้องกัน ถูกเจาะเข้ามา ใครก็คงคาดได้ว่าจะเห็นทหารเยอรมันโผล่หน้า มา ทหารหญิงยืนประจ�ำการที่จุดตรวจ ความยากล�ำบาก ความ ห้าวหาญ ความหวัง ความชืน่ มืน่ และความเจ็บปวดรวดร้าวของ สงคราม ไหลเคลื่อนผ่านเลยเธอไป
“ทหาร! มอสโกรอท่าอยู่ข้างหน้าท่านแล้ว!” จากอนุ ทิน ของร้ อยโทคู ร ์ ต กรู มั น น์ กรมทหารราบที่ 185 กองพันที่ 87 : กรมของเรารับรุง่ สางของวันที่ 22 มิถนุ ายน ทีแ่ นวหน้า เวลา 0305 ระเบิดมือลูกแรกขว้างข้ามเส้นแบ่งกั้น หลังการศึกครัง้ แรก ตลอดทางไปจนถึงเบียลึยสโตค ฉัน ได้รบั อิสริยาภรณ์ ‘กางเขนเหล็ก’ ชัน้ สอง หลังจากนัน้ เรา อิดโรยอ่อนเปลี้ยในแนวหลัง เราหวนนึกถึงห้วงเวลาแสนสุข ในดินแดนทีเ่ คยเป็นโปแลนด์ ยังจ�ำอาหารโปแลนด์ภาคสนาม เลิศรส ช่วงนั้นเองที่ฉันได้ข่าวร้าย ฮานส์ น้องชายเสียชีวิต เยี่ยงวีรบุรุษ ฉันคุย้ ค้นหอจดหมายเหตุสว่ นตัว รวบรวมเรือ่ งราวสงคราม ฉัน พบอนุทนิ เล่มนี้ ฉันนึกไม่ออกในช่วงนัน้ ว่าท�ำไมฉันถึงได้เก็บอนุทนิ ของทหารเยอรมันไว้ ในเมื่อฉันมีเอกสารกองท่วมหัว พยายาม เก็บแต่เฉพาะสิ่งที่ส�ำคัญที่สุด หลังจากฉันพลิกอ่านอนุทิน ฉัน พบเนื้อหาที่กล่าวถึงรเชฟ เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใด ฉันถึงได้ เก็บอนุทินเล่มนี้ไว้ อนุทนิ ของกรูมนั น์ เริม่ ต้นเมือ่ กองทัพเยอรมันยกมาถึงประตู นพดล เวชสวัสดิ์ 29
30 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
เมืองมอสโก ชะตากรรมร่อแร่ของเมืองหลวง ผูกโยงกับความเจ็บ ปวดขมขื่น การเสียสละใหญ่หลวงของผู้ป้องกันเมืองหลวงที่หัว สะพานรเชฟ...เมืองนี้จะมีบทบาทส�ำคัญต่อชะตาชีวิตของฉัน ห้าเดือนเมื่อการสู้รบนองเลือดสิ้นสุดลง จอมพลชูคอฟมอง ว่าเดือนพฤศจิกายน 1941 เป็นช่วงเวลาวิกฤตที่สุดและคุกคาม มอสโกมากที่สุด ชะตากรรมของเมืองหลวงชี้ขาดกันด้วยผลการ ศึก อนุทินของกรูมันน์เรียงล�ำดับเหตุการณ์จากบุกประชิดมอสโก สถานการณ์พลิกผัน เดือนธันวาคม กองทัพแดงที่ถูกบดขยี้จน แทบไม่เหลือ พลิกกลับเป็นฝ่ายรุกรบ นับเป็นครัง้ แรกในสงคราม ทหารเยอรมันพานพบความพ่ายแพ้หมดรูป กรูมนั น์บรรยายความ งุนงงสับสน อาวุธที่ถูกละทิ้งไว้เบื้องหลัง และความโกลาหลที่ไม่ เคยพบมาก่อน ยกเว้นตอนที่กองทัพฝรั่งเศสถอยร่นไม่เป็นขบวน การบรรยายทุกฉากด้วยความสัตย์จริง มอบโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ช่วยให้เราเห็นภาพสถานการณ์ผ่านสายตาข้าศึก ในยามที่พวก เขา...ทหารเยอรมัน อยู่ใกล้ชัยชนะเพียงแค่ยื่นมือออกไปคว้าไว้ แต่ความหวังนั้นมอดมลาย จบลงด้วยการถอยทัพอย่างรีบด่วน 17 พฤศจิกายน 1941 ฉันอยากย้อนเวลากลับไปหาช่วงที่ มีแต่ความทรงจ�ำดีๆ ช่วงการฝึกหนักจนกร้าวแกร่ง ความ งามของท้องทุ่งในแวรฺซายส์ สุขใจเมื่อได้นึกถึงห้วงย�่ำเย็นใน
สโมสรนายทหาร อาร์มแชร์หนานุ่ม กระดกแก้วแอบแซ็งธ์ พรายฟอง หรือคอนญัคเลือ่ งชือ่ ...มาร์แตล เฮนเนสซี หรือ มงมูสโซ การติดยศนายทหารท�ำให้ฝันวัยหนุ่มเป็นความจริง แล้ว เหตุการณ์สุดพิเศษเช่นการไปเยือนปารีส ปลุกชีวิต ใหม่ของฉัน มหานครแห่งแสง สวยงามชวนให้เมามาย เป็นเอกสิทธิ์ของฉันที่ได้เห็น จากนั้นเสียงรถไฟกึงกังโยก ไหว ฉันพบตัวเองในรถไฟขบวนนั้น นายทหารใหม่หมาด ของกองร้อยจักรยาน เราเข้าสูส่ นามรบ หลังการเดินทางทางรถไฟยาวนาน เรา มาถึงสโมเลนสกา ฉันไม่มวี นั ลืมความขมขืน่ ของการสูศ้ กึ ที่ มีความสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย วันที่ 18 ตุลาคม ผู้บังคับบัญชามอบอิสริยาภรณ์ กางเขนเหล็กชั้นหนึ่งให้ฉัน หลังจากนั้น ฉันต้องทานทน ฤดูกาลแห่งโคลนหนืดที่ไม่มีทางเคลื่อนผ่านได้ ในช่วงเวลา นี้ ฉันเรียนรู้การขี่ม้า ฉันจดจ�ำสนามกีฬาฮลอชเชฟกา จม อยู่ในทะเลโคลนได้ เราข้ามท้องทุ่งโบโรดิโน...ทุ่งที่นโปเลียน ท�ำการรบ ที่นั่นยังเหลืออนุสาวรีย์เสาแหลม ที่ฝังศพทหาร เราลุยข้ามแม่น�้ำมอสโก เดินทัพไปยังวิเชนกี เรายันการรุก ของข้าศึกไว้ได้ การพบกันครั้งแรกของเรากับกองพลไซบีเรีย จุดเริ่มต้นของการรุกคืบไปหามอสโก นพดล เวชสวัสดิ์ 31
32 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ต้นเดือนตุลาคม ฉัน...เยเลนา ยังอยู่ในมอสโก ขบวนอาสา สมัคร อันได้แก่ นักศึกษา คนงานโรงงาน นักวิชาการ เดินแถว ตามเลนินกราด ไฮเวย์ (บัดนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเลนินกราด โพรส เพ็คต์)...มุ่งไปยังแนวหน้า เพื่อป้องกันมอสโก นักศึกษาวิทยาลัย ดนตรีมอสโก...นักดนตรีของเรา เดินผ่านหน้าไป ทุกคนเดินแถว ไปป้องกันมอสโก อีกฟากหนึ่งของทางหลวง รถรางสาย 12 (ปัจจุบันยังใช้เส้นทางเดิม) น�ำทหารได้รับบาดเจ็บจากแนวหน้า กลับมายังสถานีรถรางบนทางหลวงโวโลโคลามสก์...เราอยู่ใกล้ แนวหน้าขนาดนัน้ ถึงตอนนี้ รถไฟทางไกลไปได้ไกลแค่สามสถานี รถไฟขบวนอืน่ ไปถึงแค่ทจี่ อดกลางทุง่ ทีส่ ถานีเบียลารุสเซีย ใกล้ บ้านของฉัน มีกับดักรถถัง ‘เรือใบยักษ์’ และก�ำแพงกั้นบนถนน การ์เด็นริง หน้าต่างร้านค้าก่ออิฐปิด เหลือช่องยิงปืนไว้ มอสโก เตรียมพร้อมส�ำหรับการรบกลางถนน เมือ่ สงครามมาเยือน เราจะป้องกันบ้านเรือนของเรา หน้าที่ ของฉัน จะเป็นการเฝ้าระวังบนยอดตึกสูง และดับระเบิดเพลิง ฉันมีกองทรายอยูใ่ กล้ตวั แต่ไม่มใี ครบอกใครสอนว่าจะใช้ทรายท�ำ อะไร ฉันอยู่ที่นั่น โดดเดี่ยวเฝ้าระวังมหานคร ส่วนหนึ่งของการ ช่วยชาติยามสงคราม เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นจากการทิ้งระเบิดไม่ห่างนัก และ ทันใด ปืนต่อสู้อากาศยานบนหลังคาตึกข้างเคียงเปิดฉากการยิง
เผยต�ำแหน่งที่ตั้งของเรา มหานครพรางไฟ ทุกอย่างกลืนหายไป ในความมืด กระสุนส่องแสงสว่างวาบขึ้นฟ้า แปลกพิลึก ยากจะ หยั่งได้ น่าหวาดหวั่นและสุดสวยจนลมหายใจแทบขาดห้วง ในช่วงต้นของการระดมพลขนานใหญ่ ส�ำนักเกณฑ์ทหาร ท�ำงานมือเป็นระวิง ไม่มีทางแทรกเข้าไปได้ ป่วยการที่ผู้หญิงที่ไม่ แกร่งพอจะเป็นทหาร ไม่มีคุณสมบัติเป็นประโยชน์ใดๆ จะเบียด แทรกเข้าไปในส�ำนักเกณฑ์ทหารได้ ฉั น กั บ วิ ค า มอลต์ ถู ก ส่ ง ไปยั ง โรงงานนาฬิ ก ามอสโก หมายเลข 2 จากแผนการระดมพล เปลี่ยนการผลิตนาฬิกา เป็นการผลิตซองกระสุน แน่อยู่แล้ว ฉันกับวิคา ไม่มีความคิดที่ จะมานั่งจับเจ่าช่วยชาติตลอดห้วงสงครามในโรงงาน ในช่วงกลาง วัน เราช่วยชาติด้วยการผลิตยุทธภัณฑ์ และหลังเลิกงาน เราเข้า เรียนหลักสูตรพยาบาลเร่งรัด เราไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง ย้ายที่พักไปเรื่อยๆ ในอาคาร ร้างบนถนนมาลายา บรอนนายา เพือ่ นเร่รอ่ นคนหนึง่ ของฉันเห็น ภาพบาดตา โครงกระดูกใหญ่ ซีโ่ ครงบานคล้ายจะลัน่ กรอบแกรบ แต่กลับยืนมัน่ บนสองขาและมีปา้ ยหมายเลข 4417 แขวนรอบเอว เขาอพยพย้ายที่ไปพร้อมกับเรา ไปยังห้องอาหารของร้านช�ำ ย้าย ต่อไปยังโรงพละของโรงเรียน แม้แต่กระทั่งหลืบเวทีของโรงละคร ยิวบนถนนมาลายา บรอนนายา “ชู่ว์ มีการซ้อมละครอยู่!” โรง นพดล เวชสวัสดิ์ 33
34 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ละครเตรียมพร้อมส�ำหรับการแสดงฤดูกาลที่จะมาถึง เราได้รับประกาศนียบัตรการศึกษาหลักสูตรพยาบาลเร่งรัด แต่แล้วก็ได้ทราบว่าไม่มีใครพร้อมจะส่งเราออกไปยังแนวหน้า มี การตั้งโรงพยาบาลทางตะวันออกของประเทศ ความคิดของพวก เรามีเพียงอย่างเดียว...เดินทางไปยังแนวหน้า ฉันทราบข่าวมาว่ามี โครงการเร่งด่วน เกณฑ์นักศึกษาเข้าไปเรียนหลักสูตรล่ามทหาร... ล่ามขาดแคลนอย่างหนัก นีไ่ ม่ใช่สงครามโลกครัง้ ที่ 1 ทีน่ ายทหาร พูดภาษาข้าศึกหลายภาษาได้อย่างแตกฉาน สภาวการณ์ตอนนีแ้ ตก ต่างไปจากนั้น ในยุคโน้น ไม่มโี รงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเป็นการพิเศษ แต่โรงเรียนส่วนใหญ่สอนภาษาเยอรมันพื้นฐาน จะสอนอย่างไร เราคิดอย่างไร ประมวลไว้ในบทกวีที่โรงเรียนของเรา เยอรมัน เราไม่เรียน เรียนเยอรมัน ฉันผินหลังให้ ในสหภาพโซเวียตนี่นา? เสียเวลาเปลืองเปล่าไปกับ ไนน์ อุนด์ ยา?* เอาเถอะ การมุง่ สูแ่ นวหน้านัน้ กองทัพขาดแคลนล่าม หาก ไม่มลี า่ ม การรบก็ไม่ได้ผลเต็มที่ ความคิดเหล่านีจ้ มลงในหัว กอง * ทั้งไม่และใช่
บัญชาการออกค�ำสั่งทันใด ก่อตั้งโรงเรียนล่ามทหารในคณะภาษา ตะวันตกของกองทัพ การสอบเข้าอันน่าหัวร่อ เหมาะควรแก่ระดับการศึกษาของ เราอย่างยิง่ พวกเราบางคนรวมทัง้ ฉัน เรียนภาษาเยอรมันมาตัง้ แต่ จ�ำความได้ ฉันเห็นชื่อของฉันอยู่ในกลุ่มที่สอบผ่าน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้น ฉันขึ้นบัญชีรอเป็นแค่ส�ำรอง เพราะมีแต่เด็กหนุ่ม เท่านัน้ ทีไ่ ด้รบั เลือก มีขา่ วลือแพร่มาว่าล่ามต้องผ่านการฝึกโดดร่ม หลายวันผ่านไป การสู้รบเคลื่อนมาใกล้คาลีนิน...โอรโยล แตกแล้ว ในท้ายที่สุด วันที่ 9 ตุลาคม ฉันไปสอบถามว่าฉัน จะได้บรรจุเข้ากองทัพเมื่อใด? ผู้พันให้ค�ำตอบ “คุณต้องเข้าพิธี สาบานตนก่อน...คุณตัดสินใจเอง ศึกษาสถานการณ์ให้ดี ถ้าคุณ ยังไม่เปลี่ยนใจ...” เขาบอกชื่อและสถานที่ให้ฉันไปรายงานตัวใน วันถัดไป การเก็บข้าวของไม่กนิ เวลานาน ฉันซักเสือ้ ผ้าแล้วเสร็จในวัน ก่อน แต่ผ้าปูเตียงและปลอกหมอน ไม่ยอมแห้งในอพาร์ตเมนต์ หนาวเย็น ดังนั้น ฉันตากทิ้งไว้ในห้องครัว ฉันเก็บผ้าห่มเก่าลง กระเป๋าเดินทาง ผ้าผืนนี้รับใช้ฉันมานาน ใช้เป็นผ้ารองรีด มีรอย ไหม้เป็นหย่อม ผ้าห่มทีจ่ ะร่วมทางฉันไปตลอดสงคราม ฉันไม่อาจ ใช้ผ้าลายต่อ เก็บอะไรลงกระเป๋าบ้าง ฉันจ�ำไม่ได้ เพราะฉันลืมแม้แต่ นพดล เวชสวัสดิ์ 35
36 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ผ้าเช็ดตัว เหมือนอาสาสมัครคนอื่นๆ ฉันแน่ใจว่าทางการจะส่ง เราไปยังแนวหน้า ท�ำหน้าที่ป้องกันมอสโก และกองทัพจะจัดหา ข้าวของทุกอย่างที่เราจ�ำเป็นต้องใช้ให้เราเอง แต่ในโลกความเป็น จริงแตกต่างออกไป เรือกลไฟจอดเทียบท่ารอเราอยู่ เรานัง่ เรือไปในคลองมอสโกโวลกา การสูร้ บคืบเคลือ่ นมาใกล้มอสโกแล้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม การเดินทางยาวไกลและเชื่องช้า ทุกข์ทรมาน กระวนกระวายใจ แต่ก็อยากรู้อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรต่อพวกเราหรือเปล่า? เราหิว มีสังหรณ์ลางร้ายในใจ เราไม่รู้ว่าเรือจะพาเราไปที่ใด เพราะการ เดินทางเป็นความลับทางทหาร ในท้ายที่สุด เรือกลไฟเทียบท่า ในเมืองเล็กสตาฟโรโพล ริมฝั่งแม่น�้ำโวลกา ในเวลาต่อมา ที่แนวหน้าเมืองรเชฟ ฉันแปลเอกสารที่ยึด มาได้ เดือนตุลาคม 1941 ถึงทหารแห่งเยอรมนี: ค�ำประกาศ ทหารทั้งหลาย! มอสโกตั้งอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว ในการ ศึกสองปีทผี่ า่ นมา เมืองหลวงนานาประเทศ ค้อมยอมจ�ำนน ต่อพวกท่าน ท่านเดินแถวตบเท้าผ่านท้องถนนของมหานคร งดงามที่สุด เหลือเพียงมอสโก บีบบังคับมันให้ค้อมค�ำนับ อวดแสนยานุภาพของอาวุธของท่าน เดินแถวผ่านลานจัตุรัส ของมันมอสโกคือจุดสิ้นสุดของสงคราม!
กองบัญชาการทหารสูงสุดเวร์มัคต์ จากอนุทินของ คูร์ต กรูมันน์ : 18 พฤศจิกายน 1941 วันนี้มาถึงแล้ว เรามีส่วนร่วม ในการปิดล้อมมอสโก กองพันที่ 3 เจาะแนวป้องกันของข้าศึกทีช่ ายป่า เรามุง่ หน้าไปยังเปโตรโว จากค�ำให้การของเชลย จะมีปราการกลาง ทุ่ง กองพันข้างเราหลงทางถนนกลางป่าหิมะคลุม แผนที่ไม่ แม่นย�ำ แทบใช้งานไม่ได้ 20 พฤศจิกายน มีการยิงถล่มด้วยห่าจรวดเพิ่มขึ้น ทหาร ตั้งชื่อเล่นให้ว่า ออร์แกนของสตาลิน เรายังไม่โดน เขา เล่ากันว่าจรวดระเบิดตูมตามรอบข้าง ท�ำลายขวัญก�ำลังใจยิ่ง ไปกว่าแรงระเบิด 21 พฤศจิกายน กระสุนปืนใหญ่ตกกลางหมู่บ้าน ทุก คนทิง้ ตัวนอนราบบนพืน้ ข้างนอกมีเสียงกรีดร้องเสียงครวญ ครางของผู้ได้รับบาดเจ็บ ปืนต้านรถถังของเราไม่ระคาย ผิวรถถังหนักของโซเวียต เราขอกองหนุน หน่วยปืนต่อสู้ อากาศยาน 22 พฤศจิกายน ข้าศึกเข้าตีกรมที่ 173 เราตอบโต้ อย่างหนัก ข้าศึกแพ้พ่าย ทหารโซเวียตตายเกลื่อนทุ่ง 60 คน ตกเป็นเชลยอีกหนึ่งร้อย นพดล เวชสวัสดิ์ 37
38 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
การรุกคืบของเราเป็นภาพที่จุดความฮึกเหิมให้ทุกคนที่ได้ เห็น ทหารทั้งกรมทะลักออกจากป่า บุกเข้าตีหมู่บ้าน ใน ทันใด รถถัง T-34 แล่นออกจากด้านหลังหมู่บ้าน พ่น กระสุนทั้งใหญ่และเล็ก ปืนต่อต้านรถถังทุกกระบอกและปืน ต่อสู้อากาศยานเบนไปหา เห็นได้ชัดว่าอสุรกายตนนั้นปืน ขัดข้อง ยิงได้เพียงแค่หา่ กระสุนปืนกลหนัก กระสุนปืนใหญ่ ยิงเข้าท่อไอเสีย เครื่องยนต์ลุกไหม้ แต่รถถังแล่นเร็ว ตีน ตะขาบหลุด ในท้ายทีส่ ดุ รถถังหมุนติว้ รอบตัว กระสุนอีกนัด ปลิดตีนตะขาบอีกข้างให้หลุด รถถัง T-34 แน่นิ่งอยู่กับที่ ทีแ่ นวหน้าในฐานะล่าม ฉันได้รบั ค�ำสัง่ ให้สอบปากค�ำนายทหาร ทีถ่ กู จับเป็นเชลยศึกว่า ทหารเยอรมันมองเห็นจุดใดทีเ่ ป็นจุดแกร่ง ของกองทัพแดงของเรา เชลยมักจะบอกว่าเป็นรถถัง T-34 จิต แกร่ง ใบหน้าเรียบเฉยของทหารโซเวียต และจอมพลชูคอฟ...ฉัน บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบ ในตอนที่เราพบหน้ากัน 25-29 พฤศจิกายน 1941 เราล้มเหลว ไม่อาจเจาะแนว ต้านของข้าศึกได้ หน่วยรบ SS และรถถังของเรา ยึด หมูบ่ า้ นอิสตราไว้ได้ และรุกคืบต่อไปทางตะวันออก ถึงตอน นี้ พวกมันสกัดกัน้ ไม่ให้เราได้รบั เกียรติในฐานะหน่วยรบแรก
ที่บุกไปถึงมอสโก เราฝังศพเพื่อนทหารหาญในกรมของเราที่ ซุรมีโน ความหวังของเราฝากไว้ที่รถถังของกูแดเรียน ซึ่ง เจาะแนวข้าศึก มุ่งหน้าไปยังมอสโกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ 5 ธันวาคม 1941 ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีทหารมาผลัด เปลี่ยนเมื่อใด เราเริ่มค�ำนวณแล้วว่า เมื่อใดที่ทหารคน สุดท้ายของกองพลของเราจะหมดขีดความสามารถในการ รบ และไม่เหลือก�ำลังพลที่จะถืออาวุธ มีทหารเหลือน้อย จนไม่มีพลปืนกลหนักและเครื่องยิงลูกระเบิดหนัก ถ้าเราสูญ เสียมากกว่านี้เราจะไม่มีใครใช้อาวุธพวกนั้นอีกแล้ว อาวุธ พวกนั้ น รวมทั้ ง การขนส่ ง อาวุ ธ ถู ก ทิ้ ง ไว้ เ บื้ อ งหลั ง ใน ตอนที่เราเดินเข้าหมู่บ้านรุซา เพราะไม่เหลือทหารมากพอ 7 ธันวาคม 1941 เราตระหนักแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะ ปักหลักในแนวต้านรับ ฉันกับผู้บังคับบัญชา ออกไปส�ำรวจ หาต�ำแหน่งใหม่ เราใช้โรงเลี้ยงเด็กก�ำพร้าเป็นที่พยาบาล ทหารแปดสิบนายเข้ามารักษาตัว สี่สิบคนบาดเจ็บด้วยอาการ น�้ำแข็งกัด ระดับสองและสาม จะเกิดอะไรต่อจากนี้? มีประโยชน์ใดในการศึกครั้งนี้? 11 ธันวาคม 1941 กองระวังหลัง ถอนตัวตามค�ำสั่ง เบื้องบน เผาหมู่บ้านทิ้ง แสงเพลิงเจิดจ้าจุดค�่ำคืนมืดมิดให้ สว่างโร่ นพดล เวชสวัสดิ์ 39
40 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
เวลา 1500 เรารับฟังสุนทรพจน์ของฟือห์เรอร์ ปราศรัย ในไรชตาก เรายิ น ดี ยิ่ ง ที่ เ ยอรมนี ป ระกาศสงครามต่ อ สหรัฐอเมริกา กองทัพเรือของเราจะตอบโต้การท้าทายหยาบ คายจองหองของโรสเวลต์อย่างสาสม 16 ธันวาคม 1941 ฉันเดินทางผ่านหมู่บ้านรุซาที่ถูก ละทิ้ง แทบจะทิ้งร้างว่างเปล่า กระท่อมไม้ไหม้ที่โน่นบ้างที่นี่ บ้าง คบเพลิงจุดเผาทั้งเมืองจนสว่างจ้าเหมือนกลางวัน ใน ยามกลางคืน ค�ำสั่งตกมาถึงว่า ‘เตรียมให้พร้อมส�ำหรับการ ต้านรับ’ ในท้ายทีส่ ดุ ค�ำสัง่ ของฟือห์เรอร์ผปู้ ราดเปรือ่ ง สัง่ ตรงมายังพวกเราแล้ว เราจะต้องไม่ถอยมากไปกว่านี้ เรา ต้องยึดรุซาไว้ให้จงได้ สู้รบจนถึงคนสุดท้าย รุซาจะเป็นหัว สะพานของเรา จอมพลวัลเทอร์ ฟอน เบราคิตช์ ผู้บัญชาการทหารบกมอง เห็นความล้มเหลวของ บลิตซ์ครีก-การรุกสายฟ้าแลบ มองว่าการ ถอยทัพจากมอสโกเป็นภัยพิบตั ิ และส่งสัญญาณบอกว่าเราพ่ายแพ้ การศึกนีแ้ ล้ว เขากับเหล่านายพลกดดันให้ถอนก�ำลังทหารทัง้ หมด กลับเข้ามาในดินแดนไรช์ ฮิตเลอร์ปลดเบราคิตช์ ท่านผู้น�ำเป็น ผู้บัญชาการเหล่าทัพอยู่แล้ว ท่านจึงประกาศแต่งตั้งตนเองเป็นผู้ บัญชาการทหารบก
สงครามยังด�ำเนินต่อไป กองก�ำลังแนวหน้าเยอรมันร้องขอ เสื้อผ้าหนาอุ่นจากฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายหลังเชื่อว่าการรุกรบสายฟ้า แลบจะเผด็จศึกได้ในฤดูรอ้ น ไม่มคี วามจ�ำเป็นต้องใช้เสือ้ ผ้าหนาอุน่ จากแผน ‘บาร์บารอสซา’ การโจมตีโซเวียต ก�ำหนดไว้ใน วันที่ 15 พฤษภาคม 1941 หากเริ่มต้นวันเดือนปีนั้น ทหาร เยอรมันก็คงความได้เปรียบอย่างส�ำคัญก่อนฤดูหนาวมาถึง แต่แผน นีส้ ะดุดไปจากปฏิบตั กิ ารในกรีซ จากข้อมูลในอนุทนิ ของเกิบเบิลส์ ทีไ่ ด้จากหอจดหมายเหตุสภาคณะรัฐมนตรี ฉันพบรายการทีเ่ ขาพูด คุยปรึกษากับฮิตเลอร์ ก่อนจะเปิดฉากสงครามกับสหภาพโซเวียต เขาวาดแผน บลิตซ์ครีก พิชิตโซเวียตได้ในแทบจะทันที ฮิตเลอร์ ยอมรับ “ปฏิบัติการในกรีซท�ำให้ทรัพยากรของเราร่อยหรอ จ�ำ ต้องทดเวลาไปอีกชั่วระยะหนึ่ง โชคยังเข้าข้าง ลมฟ้าอากาศเลว ร้าย การเก็บเกี่ยวยังไม่เกิดขึ้นในยูเครน (16 มิถุนายน 1941)” ในฤดูใบไม้ผลิปี 1941 ฮิตเลอร์ประกาศสงครามกับกรีซ หลังจากกรีซไม่ยอมรับการยื่นค�ำขาดจากอิตาลี ซึ่งเป็นพันธมิตร ของเยอรมนี การศึกไม่เป็นธรรม ระหว่างเกาะเล็กกับกองทัพ นาซีเกรียงไกร ซึ่งถึงช่วงนี้แทบจะผนวกแทบทุกประเทศในภาค พื้นยุโรปไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว การหยัดยืนต้านสู้ห้าวหาญของประเทศ เล็กจ้อย ท�ำนายผลได้สถานเดียว แต่ก็พอจะฉุดขาหลังกองทัพ เยอรมัน จนท�ำให้การศึกในคาบสมุทรบอลข่านสะดุดไป นพดล เวชสวัสดิ์ 41
42 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ในทศวรรษ 1980 ฉันมีโอกาสไปเยือนกรีซใน ‘วันโอกี’ วันฉลองชัยแห่งชาติกรีซ วันที่ 28 ตุลาคม ชาวกรีกเปล่งเสียง ‘Okhi’ หรือ ‘No’ ต่อการยื่นค�ำขาดของอิตาลี ชาวกรีกลุกขึ้น สู้ คนหนุ่มสาวออกมาเดินขบวนเฉลิมฉลองวันหยุด ภาพชวนให้ น�้ำตาคลอ เสื้อเบลาส์สีขาว อกเสื้อแต่ละคนติดธงชาติกรีก ฉันหลั่งน�้ำตาให้กับเรื่องนี้ เมื่อได้คิดว่าวันโอกีของกรีซส่ง ผลกระทบอย่างส�ำคัญต่อคนรัสเซีย...วันสุดพิเศษทีส่ ง่ ผลต่อโฉมหน้า สงคราม 21 ธันวาคม 1941 ระยะแรก ในทุกหมูบ่ า้ นทีเ่ รายึดครอง เราอยากได้อะไรมาปรนเปรอตัวเรา เราคว้าชิงมา บัดนี้ เรา ถอยกลับมายังต�ำบลเดิม และดูเหมือนว่าเราไม่เหลืออะไรให้ หยิบฉวย ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งพาใครได้ 28 ธันวาคม 1941 ทุกคนทุกข์ทรมานไปกับแมลง รบกวน โชคร้าย การปันส่วนขนมปังลดลงฮวบฮาบ ไม่มใี ครมีโอกาสได้เปลีย่ นเสือ้ ผ้านานหลายเดือน ทุกคน สกปรกมอมแมม กางเกงชั้นในอยู่ในเป้หลังตั้งแต่ฤดูร้อน ถ้าอยากท�ำความสะอาด ต้องใช้มากกว่าน�ำ้ และสบู่ และต้อง มีความเชือ่ มัน่ เปีย่ มล้นว่าเสือ้ ผ้าซักแล้ว จะมีเวลาพอทีจ่ ะตาก ให้แห้ง ในภาวการณ์ที่เป็นอยู่ ทหารบาดเจ็บป่วยไข้ทุกคน ต้องอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม
29 ธันวาคม 1941 การขาดแคลนเสือ้ ผ้าฤดูหนาว! จะ ง่ายกว่าถ้ามีการเตรียมไว้ให้พร้อมตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง เป็น ที่ทราบกันดีแล้วว่าจะไม่มีเสื้อผ้าเครื่องแบบส�ำหรับการรุกรบ ในเมื่อไม่ได้ส่งเสื้อผ้าฤดูหนาวมาล่วงหน้าให้ทันการณ์ กองบัญชาการสูงสุดกองทัพแดง อย่าได้หลอกตัวเองว่า จะได้รับชัยชนะงดงามสุกปลั่ง ความส�ำเร็จของพวกแกใน ห้วงเวลานี้ เกิดจากความผิดพลาดของฝ่ายเราทัง้ สิน้ ไม่ตอ้ ง สงสัย พวกบอลเชวิกจะได้รับซับซาบพลังอ�ำนาจกราดเกรี้ยว ของพวกเราในฤดูร้อนที่จะมาถึง ในแอฟริกาเหนือ ดูเหมือนว่าพวกอังกฤษจะรวมพลกันได้ อีกครัง้ เป็นฝ่ายรุกแล้ว ในลิเบีย เราไม่มกี ำ� ลังพลเพียงพอ เพราะเราถอนก�ำลังมารบทางตะวันออก เราฝากความหวังทั้ง มวลไว้กับรอมเมล 30 ธันวาคม 1941 คนท้องถิ่นที่หลบหนีจากหมู่บ้าน เดินทางกลับมาแล้ว เสาะหาอาหาร พวกเราจะต้องไม่มคี วาม ปรานี เราไม่อาจแบ่งปันอาหารน้อยนิดที่เรามีอยู่ ปล่อยให้ ความอดอยากปิดงานที่ลูกตะกั่วท�ำไม่ส�ำเร็จ! วลี นี้ แ ทบจะถอดตามตั ว อั ก ษรค� ำ สั่ ง ของฮิ ต เลอร์ เผย นโยบายการใช้ความอดอยากเป็นอีกหนทางหนึง่ ในการล้างเผ่าพันธุ์ ชนเผ่าสลาฟทีฮ่ ติ เลอร์บรรยายไว้วา่ เป็นสงครามเชือ้ ชาติ นีเ่ ป็นครัง้ นพดล เวชสวัสดิ์ 43
44 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
แรกทีก่ ล่าวถึงในอนุทนิ ของกรูมนั น์...เขามองเห็นคนท้องถิน่ แต่เขา ปล่อยให้ชาวบ้านอดตาย 31 ธันวาคม 1941 ในห้องอุ่น ต้นคริสต์มาสประดับด้วย เทียนไขสว่างไสวเป็นครั้งสุดท้าย ฟ้าโปร่ง ดาวระยิบระยับ พราวเต็มฟ้า อากาศหนาวเยือก 11 มกราคม 1942 รเชฟกับคาลุกา กลายเป็นสนามรบ ดุเดือดในขณะนี.้ ..เราขุดสนามเพลาะ ส�ำหรับกรมทหารราบที่ 185 ไม่มีการถอยทัพ หากรักษาที่มั่นไม่ได้ ก็ต้องตาย 20 มกราคม 1942 ลบ 40 องศา กับดักรถถัง ขดลวดหนาม เตรียมไว้เพื่ออะไร? น่าเสียดายยิ่งที่ต้องทิ้ง ที่นี่ไว้ให้คนสกปรกรุ่งริ่ง ทหารกรมอื่นๆ เกือบทั้งหมดใน กองพลของเรา ถอยทัพไปแล้ว อีกครั้ง ทหารหลายนาย ป่วยน�้ำแข็งกัด ในหลายหมู่บ้าน บ่อน�้ำระเบิดทิ้งไปสิ้นแล้ว ท้องฟ้าย�่ำเย็นแดงฉานในหลายแห่ง หมู่บ้านถูกจ่อคบ เพลิงเผา ไฟไหม้รุนแรง เปลวไฟแลบเลียกลืนกระท่อม ซอมซ่ออย่างตะกละตะกลาม สงครามไร้เมตตาปรานี นั่น หมายถึง ถ้าไม่ใช่พวกมัน ก็เป็นเรา... อนุทินปิดท้ายด้วยวาบความคิดนั้น ในเมืองและหมู่บ้านรอบกรุงมอสโกที่ทหารเยอรมันถอยร่น
หลบหนี ฉันเห็นโปสเตอร์ละลานตา ‘แดร์ รุสเชิน มุสส์ ชแตร์เบิน, ดามิต เวียร์ เลเบิน’ (คนรัสเซียต้องตาย เพือ่ ให้เรามีชีวิตอยู่)
‘อาวุธของเธอในสงครามนี้คือ ภาษาเยอรมัน’ ในเดือนมกราคม ในห้วงที่ผู้หมวดเยอรมันเขียนบันทึกลงใน อนุทนิ พวกเรานักศึกษารุน่ แรก จบการศึกษาหลักสูตรล่ามกองทัพ เดินทางออกจากเมืองสตาฟโรโพลริมฝั่งแม่น�้ำโวลกา ดาวทอง เหลืองนายทหารติดปกเสื้อ เมืองเล็กเงียบสงบ ขนาดใหญ่กว่า หมูบ่ า้ นเล็กน้อย ใช้ชอื่ เดียวกันกับเมืองใหญ่สตาฟโรโพลในคอเคซัส เหนือ หลักสูตรการแปลจัดขึ้นในละแวกกองบังคับการสนับสนุน ซึ่งย้ายจากมอสโกมายังคุยบีเชฟ จากสตาฟโรโพลไปยังคุยบีเชฟ ล่องน�้ำโวลกาลงมา 100 กิโลเมตร ไม่มีรถไฟ ไม่มีถนน และใน ยามทีโ่ วลกากลายเป็นแผ่นน�ำ้ แข็ง เราถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จนกว่าเส้นทางเลื่อนน�้ำแข็งจะขีดเส้นทางในแม่น�้ำได้ ในเมืองที่ไม่อาจจัดเข้าจ�ำพวกใด มีเนินเขาปริศนาเป็นฉาก หลังแม่น�้ำโวลกา แสงไฟวับแวมสาดผ่านช่องหน้าต่างน�้ำแข็งเกาะ เสียงหวีดหวิวของเลือ่ นเคลือ่ นผ่านไปบนหิมะหยุน่ นุม่ ในห้วงเงียบ สงัดชั่วนิรันดร์ ไม่มีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของสายฟ้าสงคราม นพดล เวชสวัสดิ์ 45
46 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ที่นี่ สงครามยังส่งสัญญาณบ่งบอกการด�ำรง อยู่ ผู้ลี้ภัยหนีตายจากต�ำบลที่มีการรบพุ่ง ฉากสะเทือนอารมณ์ ในตลาดนัดที่ความยากจนพบเจอการขูดรีดค้าก�ำไร ในโรงอาหาร บริกรสาวหน้าใหม่ล้วนแต่เป็นหญิงมีครรภ์ผู้หนีภัยสงคราม สภา เมืองออกค�ำสั่งว่าหญิงมีครรภ์สมควรจะได้รับ ‘ความช่วยเหลือ เชิงมนุษยธรรม’ โดยเปิดโอกาสให้ทำ� งานในหน่วยงานจัดหาอาหาร ที่ด�ำเนินการโดยรัฐบาล ในเมื่อเราถูกตัดขาดจากมอสโก ชีวิตที่นี่ด�ำเนินไปอย่างไร? เราตกอยูใ่ นห้วงกระวนกระวายว้าวุน่ ใจ วันหนึง่ ในฤดูหนาว ทหาร ทัง้ กองพลเคลือ่ นผ่าน หรือกล่าวให้ชดั ทหารทีเ่ หลืออยูใ่ นกองพล นั้น เดินแถวไปตามถนนกลางเมือง ผ่านหน้าต่างของส�ำนักงาน ที่ดินที่เรานั่งเรียนหนังสือกันอยู่ พวกเขามาไกล มาจากสงคราม ทหารกองทัพแดงเดินกะเผลก ลากเท้าในรองเท้าบู๊ตและผ้าหุ้ม สวมทับรองเท้า สภาพเยือกแข็งและเหนื่อยล้า บทเรียนวันนั้นจะเป็นบัญญัติของเวร์มัคต์ เราจะต้องจ�ำ ให้ขึ้นใจ ‘จิตวิญญาณแห่งการรุกรบกราดเกรี้ยวของทหารราบ เยอรมัน...’ สายตาบันทึกภาพแถวทหารที่โซซัดโซเซเคลื่อนผ่าน เราไร้เสียงพูดจา ทุกคนต่างมายืนออกันที่ช่องหน้าต่าง ตาเบิก โพลง ไม่อาจละสายตาไปมองทางอืน่ ได้ กองพลกระเซ็นซ่านแตก พ่าย ถูกส่งกลับเข้าใจกลางดินแดนโซเวียตเพื่อรวมพลใหม่อีกครั้ง
ในขบวนทหาร มีสีขาวแทรกกระจาย แขนที่อยู่ในบ่วงคล้องคอ ถูกน�้ำแข็งกัดในเส้นทางที่ผ่านมา ผ้าพันแผลหุ้มทับใบหูใต้หมวก หนีบ ทหารบางคนนอนมาบนเลื่อน แถวทหารไม่มีวี่แววว่าจะขาดหาย ยังทยอยกันมาเป็นสาย ทั้งเหนื่อยล้าและเยือกแข็ง แถวทหารคล้ายไร้ที่สิ้นสุด กระทั่ง ความมืดมาเยือน แต่กด็ เู หมือนว่าทหารจะเคลือ่ นผ่านมาอีกตลอด ทั้งคืน ส�ำนึกแห่งความพ่ายแพ้เย็นวาบไปทั่วสันหลังของเรา และ ช่วงเวลานั้นเองที่เราให้สัตย์สาบาน หัวหน้าภาควิชาทีด่ ำ� เนินการสอนหลักสูตรของเรา เป็นนาย ทหารหน้าตาหล่อเหลา พลโท นิโคไล บิยาซี อดีตทูตทหารใน อิตาลี เดินทางมาถึงโดยเลื่อนน�้ำแข็งขนาดเตี้ยและกว้างซึ่งหยิบ ยืมมาจากโรงพยาบาล เขาเดินย่องในรองเท้าบู๊ตขนสัตว์ที่ยังต้อง รอการปราบพยศให้ชินเท้า เขาเข้ามาในห้องของส�ำนักงานที่ดิน นักศึกษาหมวดแรกตั้งแถวรอรับเพื่อจะให้สัตย์สาบาน เขายื่นมือ ไปอังความร้อนจากเตากลางห้อง กล่าวสั้นๆ เพียงว่า “อนาคต ของมาตุภูมิวางเป็นเค้าเดิมพัน” เราสืบเท้ามาข้างหน้าทีละคน อ่านจากแผ่นบัตรทีไ่ ด้รบั แจก ‘หากข้าพเจ้าตระบัดสัตย์ตอ่ ค�ำสาบานนี้ ข้าพเจ้าจะต้องทัณฑ์รา้ ย แรงของกฎหมายโซเวียต ตกเป็นเป้าแห่งความเกลียดชังและการ หยามหมิ่นของกรรมาชน’ เราลงลายเซ็นก�ำกับ นพดล เวชสวัสดิ์ 47
48 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
การศึกษาของเราด�ำเนินสืบไป เนื้อหาวันนี้จะเป็น ‘ผังองค์กร ของกองทัพเยอรมัน’ ครูสอนยศร้อยเอก ผมดกหนาสีน�้ำตาล แสกผมคมกริบ หน้าตาคมสันช่วงวัยสามสิบ เราไม่ ไ ด้ ทุ ่ ม ความสนใจให้ ม ากพอ ใจลอยแยกไปสอง ที่ วิญญาณของเราติดปีกโบยบินไปแล้ว แม้ซากร่างยังนั่งอยู่ใน ส�ำนักงานทีด่ นิ เหม่อมองออกไปยังถนนสายกลางเมือง ถนนหิมะ ขาวโพลนทอดยาวไปหาแม่นำ�้ โวลกา เลยไกลไปกว่านัน้ ...แนวหน้า มีปนื ใหญ่กกี่ ระบอกในกรมทหารปืนใหญ่เยอรมัน? มีกระสุน ปืนใหญ่มากแค่ไหน? ปืนใหญ่เยอรมันขนาดกีค่ าลิเบอร์? เครือ่ งบิน เยอรมันมีกี่ประเภท? (เฮนเชิล 126, ยุงค์เคอร์ 88, เมสเซอร์ ชมิตต์ 109) เรื่องยากเกินกว่าจะจ�ำได้ เมื่อไปถึงแนวหน้า เรา แยกแยะเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้ว แต่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราไม่ได้ตั้งใจ ท่องและจดจ�ำจริงจัง บทเรียนทีส่ อนโดยเอาเออร์บาค ซึง่ เป็นครูพลเรือน ตืน่ เต้น น่าสนใจกว่า เราเล่นบท ‘เธอเป็นเชลย ฉันเป็นล่าม ฉันเป็นเชลย เธอเป็นล่าม ได้เวลาคุยกันจริงจังเสียที’ สหายพลเรือนเอาเออร์บาค ไม่เหมือนครูคนอื่นๆ ไม่ได้ติด ยศร้อยเอกที่แสกผมได้คมกริบ เอาเออร์บาคชายร่างเล็ก สวมสูท บอสตันสีน�้ำเงินที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนักนอกมอสโก ดูผิดแผกแตก กลุม่ จากเครือ่ งแบบทหารและเสือ้ โค้ตตัวโคร่งสีเทา เขาเกิดในสวิต-
เซอร์แลนด์ แต่ใช้ชวี ติ เกือบทัง้ หมดในรัสเซีย เค้าหน้าท่าทางทุม่ เท ให้กบั งานทีท่ ำ� อาจเป็นได้วา่ งานคือแผ่นดินแม่ของเขาและเขาเป็น ผู้หว่านไถปลูกพืชผล หลักสูตรของพวกเราเพิ่งก่อตั้ง ท�ำนองการ สอนยังไม่มีรูปแบบแน่ชัด ดังนั้น เขาเป็นมหาคุรุ เลือกเส้นทาง ตามใจตนเอง เขาหว่านโปรยพืชพรรณทรงค่ายิ่งให้พวกเรา เพื่อให้คุ้นกับภาษาการทหารของข้าศึก เราทดสอบการ แปลเอกสารที่เพิ่งได้มา ลงวันที่ในเดือนธันวาคมนี้ ส่งมาจากกอง บังคับการสนับสนุน ข้อควรระวังเรื่องความเยือกแข็ง 1. การปกป้องฉุกเฉินจากความเยือกแข็ง รองหมวกเหล็กด้วยผ้าขนสัตว์ ผ้าเช็ดหน้า หมวกหนีบ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ขย�ำให้ยบั พร้อมกับสวมหมวกไหม พรมคลุมหน้า อาจดัดแปลงหมวกคลุมหน้าหรือผ้าพันแขน จากผ้าพันหุ้มแข้ง ผ้าพันแขนอาจใช้ถุงเท้าเก่าได้เช่นกัน จะเป็นการดีถา้ จะสวมเสือ้ เชิต้ ซ้อนสองตัว (แม้จะเนือ้ บาง) แทนการสวมเชิต้ หนาตัวเดียว (ช่องว่างระหว่างเชิต้ บางสองตัว จะเป็นฉนวนเก็บกักความร้อน) ต้องดูแลท่อนล่างเป็นพิเศษ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รอง ซ้อนระหว่างเสื้อตัวในกับตัวนอก หรือใช้เสือ้ ผ้าเก่าพันห่อหุ้ม นพดล เวชสวัสดิ์ 49
50 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ส�ำหรับขาและเข่า: กระดาษหนังสือพิมพ์สอดระหว่างลอง จอห์นกับกางเกง ช่องเปิดของกางเกงในต้องเย็บปิด สวม กางเกงวอร์มก่อนกางเกงขายาว... นี่คือเนื้อหาที่ท�ำให้พวกเราหัวเราะออกมา ข้าศึกหมดรูป เราอารมณ์ดีทันควัน เมื่อนึกถึงว่าไอ้เลวพวกนั้นเหน็บหนาว ต้อง ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พันหุ้มท่อนขา แต่ในขณะเดียวกัน ความ รู้สึกสะใจที่ข้าศึกทุกข์ทรมานไปกับความหนาวเยือก เหมือนพวก เราจะท�ำไม่เหมาะควรนัก ความรู้สึกชวนฉงนดีแท้ ในระหว่างทีเ่ ราคุยกันเรือ่ งปืนใหญ่ เฮนเชิล 126 ยุงค์เคอร์ 88 กฎข้อบังคับของทหาร ทุกอย่างดูคล้ายจะจัดเรียงกันหมดจด แปลกแยกจับต้องไม่ได้ และคุกคาม แต่บันทึกเตือนความทรงจ�ำ ให้ภาพแจ่มชัดในเรื่องราวที่พวกเขาพบเจอ พวกเขาทุกข์ทรมาน กลางความหนาวเยือก พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตขยับได้เคลื่อนไหวได้ แม่น�้ำโวลกาจับตัวเป็นน�้ำแข็ง ตัดขาดพวกเราจากโลก ภายนอก แต่คืนหนึ่ง ข่าวแพร่ไปทั่วท้องถนนหิมะปกคลุมขาว โพลน...เยอรมันถูกไล่ตีถอยร่นไม่เป็นขบวนจากมอสโกแล้ว! เรา ทนนัง่ อยูใ่ ห้องเรียนไม่ได้ เรากลับไปยังทีพ่ กั สวมกอดหนุม่ ๆ ร้อง ร�ำท�ำเพลง จากนั้นฉันได้รับจดหมายจากพี่ชาย พลลาดตระเวน ทหารม้า กรมอาสาสมัครมอสโก: ‘เราอยู่ที่ไหน? เยอรมันวิ่งหนี แตกพ่าย!’ จะมีอะไรดีไปกว่านั้น?
14 ธันวาคม 1941 ข้าศึกเจาะผ่านแนวตั้งรับของเรา ตี โอบมาจากข้างหลัง เราท�ำลายพวกมันไม่ได้ เสีย่ งต่อการถูก ตัดขาด การถอยทัพมีความส�ำคัญเร่งด่วน กรมอื่นถอยทัพ เช่นกัน ท�ำให้เกิดคอขวด หมู่บ้านถัดไป, ลิโฮโว กลาย เป็นความโกลาหล หลายหน่วยถอยร่น เมื่อกองพลล่าทัพ 15 ธันวาคม 1941 บนถนนทีฉ่ นั เดินทาง กล่องกระสุน กระสุนปืนใหญ่ทิ้งอยู่ทุกหนทุกแห่ง สูงเป็นภูเขาเลากา แน่ นิ่ง ไปข้างหน้าไม่ได้ ถอยกลับไปข้างหลังไม่ได้ 16 ธันวาคม 1941 ฉันคิดว่าครัง้ นัน้ ครัง้ เดียวทีฉ่ นั เห็น ภาพแบบนั้น จะเป็นการรุกรบทางตะวันตก เมื่อครั้งที่ทหาร ฝรั่งเศสหนีกระเจิงไม่เป็นขบวน ฉันยังจ�ำได้ ฤดูรอ้ นทีผ่ า่ นมา เราอยูใ่ นสงครามแล้ว เราได้รบั ค�ำ บอกกล่าวว่า ‘คนโซเวียตจะป้องกันมาตุภูมิ เกียรติศักดิ์ และ เสรีภาพ’ และมอสโกในขณะนั้น รถยนต์ที่มีธงต่างชาติแล่นไป มาบนท้องถนน ช่วยเหลือครอบครัวพนักงานสถานทูตให้รอดพ้น จากภัยพิบัติ ฉันยืนอยู่ในฝูงชนเงียบเชียบข้างล�ำโพงใหญ่ที่นิกิตา เกต ผูป้ ระกาศเตือนประชาชนให้ทราบว่าสถานการณ์เลวร้าย อีก ฟากหนึ่งของถนน โรงภาพยนตร์ฉายเรื่อง เมื่อคนตายฟื้นคืนชีพ ฉันจ�ำได้เช่นกัน วันแรกของสงคราม ทางการแจก ‘ม่าน นพดล เวชสวัสดิ์ 51
52 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
พรางไฟ’ให้ทกุ คน ท�ำจากกระดาษเหนียวทีไ่ ม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เราจะน�ำแผ่นม่านไปตอกติดกรอบไม้ ปิดช่องหน้าต่าง บดบังแสง ไฟไม่ให้ลอดออกมา ม่านพรางไฟจะติดไว้ตลอดช่วงสงคราม บัดนี้ ทุกอย่างที่วาดภาพคิดขึ้นมาได้ ทุกอย่างที่เราท�ำ มีหน่วยวัดเวลา คือ ‘ตลอดช่วงสงคราม’ นี่หากฉันรีดกางเกงสักตัว ก็คงพอจะ บอกได้ว่า “เอานี่ไปสวมใส่ สวมไว้ตลอดช่วงสงคราม” แนวคิดเวลาแบบใหม่ มิใช่ปัจจุบัน ไม่ใช่อนาคต แต่เป็น ปัจจุบันกาลที่แผ่ขยายไปในอนาคต ไม่ได้ไปในอนาคตไกลนัก... เพียงแค่อนาคตจุดที่สงครามสิ้นสุด เสียงอุทธรณ์แค่แกนๆ ใช่ แล้ว, พวกเราหงุดหงิด ชะงักงัน และอมยิ้มไปกับวิถีใหม่ “โอ, แค่เรื่องนั้น สงครามคลุมหัวเราอยู่นาน” แต่ทุกคนยังสบายดี ยัง มีชีวิต และไม่ได้รับผลกระทบ บัดนีเ้ ชอร์ชลิ กล่าวว่า “เราจะทิง้ ระเบิดเบอร์ลนิ ทัง้ วันทัง้ คืน” ในตอนนี้ระเบิดลูกแรกตกลงในมอสโก และขณะนี้ บัตรปันส่วนใบแรกแจกจ่ายให้ผู้คน มหานครมีข้อบกพร่อง แต่ก็ยังเผยให้เห็นมิติที่ไม่เคยมีใคร คาดคิด และพื้นผิวที่ไม่มีใครมองเห็นมาก่อน เรายังมีหลังคา คลุมหัว สูงเหนือพื้นดินที่ท�ำงานของเรา เฝ้าระวังระเบิดเพลิง ผู้คนมีห้องใต้ดินเป็นหลุมหลบภัยมีหญิงและชายสุดแกร่งสวม หน้ากากกันแก๊สพิษพาดไหล่ คอยชี้แนะบอกทางประชาชนที่ตื่น
ตระหนก จากจุดที่ระเบิดตก พอจะได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กๆ เสียงสตรีร�่ำไห้กระซิกๆ เจ้าหนูอายุหกขวบ ยืนเกาะไหล่มารดา ผู้นั่งบนพื้นห้อง โยกตัวลูกน้อยมีผ้าห่มห่อหุ้มร่าง กล่อมให้หลับ เด็กน้อยเจ่อปาก ปลอบโยนมารดาเป็นระยะ “พวกมันจัดการ พวกเราไม่ได้” ไม่ ใช่ เรื่ อ งง่ า ยที่ จ ะท� ำ ลายมอสโก ไม่ ง ่ า ยที่ ส งครามจะ บดขยี้เธอให้แหลกลาญ มหานครมีหลายชั้นซ้อนทับกันอยู่ แยก ไม่ออกจากอดีตที่เพิ่งผ่านมา ดังนั้น ทั้งมหานครไม่ได้จมอยู่ ในไฟสงคราม ถึงกระนั้น แง่มุมสุดสามัญผุดโผล่ภาพแปลกตา ให้เห็น กลิ่นดอกต้นยาสูบในสวนหย่อมอาคารของเรา ผีพุ่งไต้ สว่างวาบจากท้องฟ้ามืดสนิท ช่วงนี้เดือนสิงหาคมจะมีดาวตกให้ เห็น ฉันเขียนไว้ในอนุทิน เดือนสิงหาคม 1941 ‘จดจ�ำเรื่องนี้ ไว้ กลิ่นดอกต้นยาสูบ พลังอ�ำนาจโซเวียต ผีพุ่งไต้’ ตู้จดหมาย ทางเข้ า ประตู มี โ ปสการ์ ด แจ้ ง ให้ ท ราบว่ า มหาวิ ท ยาลั ย จะ เปิดเรียนวันที่ 1 กันยายน ตามปกติ เส้นทางและการเดินรถ รางยังคงเหมือนเหมือนเมื่อครั้งที่ฉันเรียนชั้นประถม มีภัตตาคาร เล็กบนถนนทเวียรสกอย บูเลอวาร์ด ที่ฉันเคยไปหลบฝน ได้ยิน เสียงร้องเพลงทุม้ ลึกของยิปซี สงครามไม่ได้หยุดหอนาฬิกาประจ�ำ เมืองที่ลานจัตุรัสพุชกิน จุดนัดพบของพวกเรา เพียงแต่ว่าเราไม่ได้กลับไปเรียนในมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 นพดล เวชสวัสดิ์ 53
54 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
กันยายน เราจะกล่าวค�ำอ�ำลามอสโก และจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เนื่องเพราะในยามที่เราเดินทางกลับบ้านหลังสงคราม มหานคร แห่งนี้เปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิม หลั ก สู ต รและสิ่ ง ที่ ค ล้ า ยการสอบ จะด� ำ เนิ น ต่ อ ไปอี ก หนึ่งสัปดาห์ ในช่วงที่เดินไปโรงอาหาร เราร้องเพลงประจ�ำ หลักสูตร (อย่างไม่เป็นทางการ) เป็นครั้งสุดท้าย เขาเดินผ่านประตู เป็นล่ามทหาร แม้จะพยายามแล้วพยายามอีก ไม่ ได้แม้กระผีกการฝึก ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาว เหมือนเงาทอดยาว... แท้จริงแล้ว เราได้การฝึกส่วนหนึ่ง แต่เพิ่งตระหนัก (เอา เออร์บาคแตกตื่น) ตระหนักว่าเราไม่ได้เรียนรู้ค�ำสบถเยอรมัน ถ้า นายทหารจ�ำต้องสบถก่นด่าเชลย และล่ามไม่มีขุมค�ำศัพท์จะถอด ความออกมาได้เล่า? ความอกสั่นขวัญหาย กองบัญชาการสั่งให้ เอาเออร์บาครวบรวมค�ำด่าภาษาเยอรมัน...ด่วนอย่างยิ่ง เขาจะ โผล่หน้าเข้ามาในห้องโฆษณาชวนเชื่อในตอนเย็น ห้องที่เรามานั่ง อ่านหนังสือเตรียมสอบ ใต้แสงตะเกียงสว่างเป็นพิเศษ ‘ค้างถั่ว’
เป็นค�ำด่าค�ำหนัก (เขารู้ภาษาเยอรมันมากกว่าภาษารัสเซีย) ใน ทันใด เขาตาตกหน้าหมองทุกข์เศร้า จ้องมองสาวน้อยจากสถาบัน ปรัชญาวรรณกรรมและประวัติศาสตร์มอสโก คนที่เขาหลงรัก และเปิดใจบอกเธอตามตรง “เมื่อคุณไปปรากฏตัวที่แนวหน้า จะ ท�ำให้ต่อมศีลธรรมของกองพลบาวาเรียทั้งกองพลแตกกระจาย” เขาสอนบทเรียนสุดท้ายให้เราอย่างเร่งรีบ “พวกคุณจะไป โดดร่มลงหลังแนวข้าศึก พอเท้าแตะพื้น ในทันใด นาซีก็โผล่ พรวดพราดออกมาจากพุ่มไม้ ลองวาดภาพดูซี...” ฉันวาดภาพ นั้นไม่ได้ แต่ก็ผงกศีรษะสนองรับ “คุณอาจตะโกนว่า ‘หยุด!’ แต่นั่นยังไม่เพียงพอ หากจะ ท�ำให้ขวัญก�ำลังใจของข้าศึกเสื่อมทราม คุณจะต้องตะโกนก่นด่า มันหยาบคายร้อนแรงทีส่ ดุ ” เขาเขย่งยืนบนปลายเท้าให้รา่ งสูงใหญ่ ขึ้น แผดเสียงคุกคามสุดชีวิตออกมา “ในนาทีข้างหน้า ฉันจะทุบ หัวแกแรงทีส่ ดุ จนหัวแกไปชนก�ำแพง สมองกระจาย ต้องใช้ชอ้ น ตักมารวมเป็นกอง!” “กีโนสซี* เอาเออร์บาค ไม่มกี ารด่าหมดจดหรือสัน้ ๆ เนือ้ ๆ กว่านี้เลยหรือ?” พจนานุกรมค�ำสบถเยอรมัน ส่งตามหลังพวกเราไปยังแนว หน้า แต่คู่มือค�ำด่าไปไม่ถึงกองอ�ำนวยการ แม้ว่าหนังสืออ้างอิง * สหาย นพดล เวชสวัสดิ์ 55
56 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ของเขา ไม่มคี วามจ�ำเป็นต้องใช้งาน ฉันยังเศร้าทีไ่ ม่ได้เป็นเจ้าของ ผลงานเลอค่าโดดเด่นเฉพาะตัวเล่มนี้ หลังจากทราบเรือ่ งนี้ ผูอ้ า่ น ท่านหนึ่ง...ในทศวรรษ 1990 กรุณาบริจาคหนังสือของเธอให้ฉัน ของขวัญล�้ำค่าเกินไปกว่าผลงานสุดพิเศษ พิจารณาจากถ้อยค�ำที่ เขียนมอบให้ที่ใบรองปก ความสัมพันธ์ล�้ำเกินกว่าครูกับลูกศิษย์ ฉันพลิกอ่าน สังเกตเห็นในทันทีว่า ‘beanpole-ค้างถั่ว’ จะสลับใช้แทนค�ำว่า ‘hatrack-ทีแ่ ขวนหมวก’ ความหมายต่างกัน เล็กน้อย ค�ำสุดโปรดของเอาเออร์บาค ไม่ได้จำ� กัดอยูท่ ปี่ มร่างเล็ก ของเขา ค�ำสบถก่นด่าหลากหลาย เช่น‘swindler-คนหลอกลวง, cunning thief-หัวขโมยเจ้าเล่ห,์ cannibal-คนเถือ่ น, milksopหน้าตัวเมีย, coffee grinder-เครื่องบดกาแฟ, chatterboxคนพูดจ้อ, illegitimate person-ลูกนอกสมรส, cutthroatเชือดคอ, clapped-out nag-ไอ้เฒ่าขีบ้ น่ , obscurantist-คนขีฉ้ อ้ , Hitler dog-หมาของฮิตเลอร์, bumhole-ไอ้รทู วาร เป็นต้น ถ้า พบเจอทหารเหล่า SS ต้องด่าด้วยค�ำว่า ‘lacquered turd มันเปลวขัดเงา’ เอาเออร์บาคเรียบเรียงผลงานได้น่าอัศจรรย์ใจ ลอดหูลอดตาพนักงานเซนเซอร์ หลายค�ำในยุคนั้นไม่อาจตีพิมพ์ ได้ ภายใต้ค�ำอุทิศ เขาประกาศเกียรติคุณตนเองไว้ ‘ผู้ประพันธ์ พจนานุกรมค�ำสบถเล่มเดียวในโลก, ธีโอ เอาเออร์บาค’ ฉันเพิ่งส�ำนึกรู้ ในขณะที่ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ ห้วงเวลา
ของเขา, เอาเออร์บาค ที่สตาฟโรโพล ช่วงรวบรวมถ้อยบริภาษ ด่าทอ น่าจะเป็นช่วงรุง่ โรจน์สกุ ปลัง่ ทีส่ ดุ ในชีวติ ของเขา วาบความ คิดที่ท�ำให้ฉันละห้อยโหยหา
ปีใหม่ 1942 ผูบ้ งั คับบัญชาร่วมกันจัดงานเลีย้ งทีโ่ รงหมักนมม้า ฉลองปีใหม่รวบ ผสมกับการเลีย้ งส่งพวกเราสูแ่ นวหน้า พลโท บิยาซี บอกพวกเรา “อาวุธของพวกคุณในสงครามนี้คือ ภาษาเยอรมัน คุณจะได้รับ การสอนให้ใช้อาวุธปืน เมื่อเดินทางไปถึงแนวหน้าแล้ว” เพียงเท่านั้น เราลาจาก ได้การศึกษาเร่งรัดหลักสูตรภาษา เยอรมันสองเดือนครึ่ง เพราะกองทัพขาดแคลนล่ามในแนวหน้า “กีโนสเซ็น” วันนี้เสียงของครูเอาเออร์บาคค่อนข้างเครียด เป็นงานเป็นการ “นี่จะเป็นบทเรียนท้ายสุดของพวกคุณ” เขา เงียบไป พวกเรารอคอยด้วยความอดทน พยายามไม่ยุกยิก ไม่ หายใจแรงเกินไป เขาเขย่งยืนบนปลายเท้า เอื้อนเสียงเครียดขรึม ไคน์ เวเซิน คันน์ ซู นิชตส์ แซร์ฟัลเลิน! ดัส เอวิเกอ เรกต์ ซิช ฟอร์ต อิน อัลเลิน อัม ไซน์ แอร์ฮัลเทอ ดิช เบกลึคต์ นพดล เวชสวัสดิ์ 57
58 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
สิ่งมีชีวิตไม่ ได้สูญสิ้นไปเสียทั้งหมด! แต่แปรความเป็นนิรันดร์ ในหลากรูปแบบ การมีชีวิตอยู่ก็ควรอยู่อย่างเป็นสุข ในช่วงนั้น เรางุนนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร แต่แปรความ เป็นนิรันดร์ในหลากรูปแบบ เกอเธ่รจนาไว้หมดจด เอาเออร์บาค เงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยเสียงราบเรียบ “ฉันอยาก ให้พวกคุณ กีโนสเซ็นจดจ�ำร�ำลึกว่าผู้ประพันธ์กวีนิพนธ์บทนี้คือ คนเยอรมัน หากเราได้ชัยชนะ ก�ำจัดท�ำลายระบอบฟาสซิสต์ใน เยอรมนีสิ้นไปแล้ว เราจะมีทั้งศักดิ์และสิทธิที่จะบอกตนเองว่า จะไม่มีทาง...แม้แต่ในห้วงเวลาหลายปีของสงครามและความโหด เหี้ยม...ไม่มีวันที่เราจะหยุดรักภาษาแสนสวยภาษานี้” เราถามใจตัวเอง ความสัมพันธ์ของเรากับภาษาเยอรมัน ไม่ ได้ลำ�้ เกินประสบการณ์ในห้องเรียน แต่นนั่ เป็นอีกเรือ่ ง เราซาบซึง้ ใจสะเทือนใจไปกับมาดเครียดขรึมของครูเอาเออร์บาคเมื่อสั่งลา พวกเรา เราได้รับหมวกที่มีแถบปิดหู สาวๆ เปลี่ยนรองเท้าบู๊ต ผ้าใบเป็นรองเท้าบู๊ตหนัง จริงด้วย! ได้เวลาที่เราจะออกเดินทาง กันแล้ว ลาก่อน! สตาฟโรโพล! เราเป็นหน่วยรบล่ามทหารรุน่ แรก เราพักอาศัยอยู่ที่นั่นไม่ถึงสี่เดือน แต่ประกาศนียบัตรจด แจ้งว่าเราผ่านการศึกษาหลักสูตรสี่เดือน (แทนที่จะเป็นสองเดือน ครึ่ง) ความรู้สึกคล้ายเวลาผ่านไปยุคหนึ่งเลย เราใช้ชีวิตในห้วง
หมุนเหวี่ยงเร่งร้อน พร้อมจะลาจาก
การเดินทาง ‘เอ้! เฮ้! มารดาโวลกา!’ เส้นทางโบราณของเลื่อนหิมะ หนึ่งร้อย เวิร์ส* ทอดยาว อยู่ข้างหน้า จากโวลกาไปยังคุยบีเชฟ ชายชราเงียบขรึมสวมเสื้อ โค้ตบุขนแกะ เคราโดนลมเป่าไปฟากหนึ่ง เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ความปลอดภัยของพวกเรา เขาร่วมทางมากับเด็กหนุ่มที่ท�ำหน้าที่ ดูแลม้าท�ำไร่คอมมูน เราเข้าไปนัง่ ประจ�ำทีบ่ นเลือ่ นหิมะ ซุกเท้าจมอยูใ่ นกองฟางปู พืน้ เลือ่ นเคลือ่ นออกจากที่ เด็กหนุม่ , อายุราวสิบห้าเศษ วิง่ เคียง ข้างเลื่อน มือไม่ปล่อยบังเหียน เลื่อนของเราแล่นตามผู้เบิกทาง เลี้ยวโค้งโยกโยนเอียดออด ได้ความเร็วเพิ่มขึ้นทุกขณะในยามที่ แล่นผ่านลานตลาดว่างเปล่ากลางหมู่บ้าน ส่งเศษฟางและก้อน มูลม้าเยือกแข็งปลิวกระจายเหนือผืนหิมะ เลื่อนแล่นลงเนินไปยัง แม่น�้ำโวลกา ไปตามทางกว้างมีร่องรอยการใช้งานเป็นทาง แล่น ไล่ตามเลื่อนหลังอื่นๆ คนขับกระโจนขึ้นเลื่อน แส้สะบัดหวดม้า แผดเสียงตวาด “เฮ้! มารดาโวลกา!” * 1 เวิร์ส = 1.07 กิโลเมตร นพดล เวชสวัสดิ์ 59
60 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
นั่นเองที่เราเริ่มการเดินทางสู่แนวหน้า เส้นทางแห่งความ ทรงจ�ำ กว่าสามสิบปีลว่ งมาแล้ว ฉันเคยบรรยายเส้นทางเลียบแม่ น�้ำโวลกา บัดนี้ ฉันกระวนกระวาย เกรงไปว่าจะกล่าวซ�้ำแล้วซ�้ำ เล่า แต่ในเมือ่ คนเรารอคอย ปีแล้วปีเล่า เขียนเล่าเรือ่ งราวในชีวติ เราก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะยกเรื่องนั้นมาเล่าซ�้ำ (มีความส�ำคัญจริงหรือ?) เล่าเรื่องเดิมซ�้ำและย�้ำอีกครั้ง...ถ้าเราต้องการมุมมองใหม่ท�ำความ เข้าใจชีวิตและตัวเอง ฉันหวังว่าในกรณีของฉัน การร�ำพึงควรมี เหตุผลอันควรอยู่บ้าง เราเดินมุง่ หน้าสืบไป ม้าลากเลือ่ น เลือ่ นส่ายโยกโยน หิมะ โปรยปรายเหมือนห่มคลุมด้วยผ้าห่มสีเทา แม่น�้ำโวลกาเยือกแข็ง ขาวโพลนเคลื่อนหายไปเบื้องหลัง ตลิ่งหิมะคลุมมีกิ่งก้านพงพุ่ม แทงทะลุหิมะออกมา เลยไกลไปจากตลิ่งลาดลงมาหาแม่น�้ำ จะ เป็นท้องทุง่ ขาวโพลน ผืนดินแผ่ไกลไปจรดขอบฟ้า ตลิง่ เคลือ่ นหาย คล้ายโดนทุง่ ขาวโพลนกวักมือลวงล่อให้ลา่ ถอยไปข้างหลัง ในทันใด กระท่อมโผล่ขึ้นมากลางทุ่งหิมะ ใครอยู่อาศัยที่นี่ได้? เราแล่นเร็ว มุง่ ไปข้างหน้า ปลิดขาดจากการท่องและจ�ำบทเรียนเยอรมัน หลุด เข้าไปในโลกลึกลับที่ไม่มีใครเคยเยือนมาก่อน มองย้อนกลับไปในอดีต ฉันกล้าพูดได้ว่า เราไม่เคยปลอด โปร่งโล่งใจอย่างนีม้ าก่อน และจะไม่มีอกี แล้วทีจ่ ะไร้กงั วลเยี่ยงนั้น ย�่ำสนธยา ม้าลากตัวข้ามเนินเข้าไปในหมู่บ้าน เราลงจากเลื่อน
ล้มลุกคลุกคลานจมลงในหิมะหนา หมาเห่าเสียงบาดหู เหนือหลังคากระท่อม ควันบิดม้วน เป็นแท่งตั้งตรง บัดนี้ ไม่มีหิมะใต้ฝ่าเท้า หากแต่เป็นกระดานไม้ ปูพื้น กลิ่นอับอวลไออุ่นของกระท่อม ทารกร้องจ้า เสียงรองเท้า บู๊ต เสียงสวบสาบในลานบ้านอีกฟากหนึ่งของผนังไม้ซุง ตาสีเทา เหลือกมองเงียบเชียบจากผ้าคลุมศีรษะ เฝ้าจับตามองเราเรียงตัว คน สังเกตสังกาคณะผู้มาเยือน มือสว่างเรื่อเรืองจากถ่านแดงที่ ลุกโพลงด้วยเหล็กเขี่ยไฟ น�้ำแข็งเกาะเคราละลายไปแล้ว ข้าวต้มเดือดในหม้อเหล็ก การพูดคุยยามค�่ำคืนกับเจ้านายของบ้าน ข้างซาโมวาร์*ทอง เหลืองบูบี้ ค�่ำคืนการนอนหลับพักผ่อนใต้เสื้อโค้ตตัวโคร่ง บนพื้น กระท่อมที่ปูด้วยฟาง “ลุกขึ้น! ตื่นได้แล้ว เมอร์ซิเออร์เลอก็งพ์ต์ มีงานยิ่งใหญ่ รอท่าให้ทำ� !” นัน่ เป็นเสียงปลุกในหอพักนักศึกษา และนัน่ จะเป็น เสียงคนรับใช้ปลุกแซงต์ซิมง อีกครั้ง เราออกเดินทางบนถนนอีก ครั้ง หิมะบางเบาพัดข้ามถนน เงาร่างเลอะเลือนข้างหน้า เราไล่ ตามจนทัน หญิงผ้าคลุมศีรษะเดินเรียงเดี่ยวข้างถนน รอยทางย�่ำ เป็นเส้นทางเดิน พวกเธอมุ่งหน้าไปที่คุยบีเชฟ ไปกล่าวค�ำอ�ำลา * หม้อต้มน�ำ้ ชงชาของรัสเซีย ใช้ความร้อนจากถ่านหรือถ่านหิน ประดิษฐ์ ขึ้นก่อนศตวรรษที่ 18 นพดล เวชสวัสดิ์ 61
62 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
เป็นครั้งสุดท้ายต่อสามี...ผู้ชายที่ถูกเกณฑ์ไปรบ เราเดินทางต่อไปด้วยเลื่อนหิมะ แล่นไปถึงสตรีอีกกลุ่ม ผู้ หญิงเดินเรียงเดี่ยวไปตลอดความยาวของแม่น�้ำโวลกา หญิงบาง คนจะไม่เก็บปากเก็บค�ำ ถ้าเจอสามีขเี้ มา จะมีคำ� ด่าค�ำไหนทีจ่ ะไม่ ใช้? แต่พวกเธอก็ยังก้าวเดินซวนเซ ร่างงองุ้ม เยือกแข็ง รองเท้า ขนสัตว์จมลึกในหิมะ พวกเธอไม่ได้รบั ค�ำสัง่ ใด ไม่มกี ำ� หนดเวลาที่ ต้องไปถึง ไม่มหี อ่ พัสดุกระดาษไข มีเพียงไออุน่ ในอก บ้างเป็นค�ำ อ�ำลาครั้งสุดท้าย บ้างน�ำความรักจากทางบ้านมาฝาก ข้ารัฐการอย่างพวกเรามีเสื้อผ้าหนานุ่มต้านลมหนาว มี เสบียงมีมา้ พวกเราทีเ่ ป็นข้ารับใช้บา้ นเมือง ก�ำลังพลทีจ่ ะท�ำเรือ่ ง ยิ่งใหญ่ให้ส�ำเร็จ เดินทางต่อไปอย่างเงียบงัน มีเพียงคนเดียวร้อง เพลงไม่เต็มเสียงนัก เฮ้ ปืนกล รอสตอฟชานกา แกเป็นความภาคภูมิและความหรรษาของเรา... พายุหมิ ะฮือโหม เราวิง่ ตามหลังเลือ่ นเพือ่ ให้รา่ งอุน่ ในทันใด หมาตัวหนึง่ ก็ผดุ โผล่กลางพายุหมิ ะ มันนัง่ นิง่ ขนปากมีนำ�้ แข็งเกาะ พราว ชายคนหนึ่งมองเห็นพวกเรา เขาหยุดมือจากการตักหิมะ เหวี่ยงสาดไปทางหนึ่ง ชายแปลกหน้าเสื้อโค้ตตัวยาวสีด�ำโผล่มา จากที่ใดไม่รู้ได้ ใบหน้าไม่แก่ชรา เค้าหน้าคนมีการศึกษา เขา เขม้นจ้องพวกเราด้วยความฉงน เงียบเชียบ แววตามีปัญญา...ใน
ทันใด มีเสียงคนตะโกน “ไปต่อ!” เสียงนัน้ สัง่ พวกเรา “ไม่มอี ะไร ให้ดูที่นี่!” ปากกระบอกไรเฟิลโผล่พ้นเสื้อโค้ตบุขนแกะ ที่ไหนสัก แห่งในละแวกนี้จะเป็นหอคอยรักษาการณ์ เราอึดอัดใจ คาดเดา ได้ไม่ยากว่าเราผ่านมาใกล้ค่ายกักกันแรงงานทาส เรารู้สึกย�่ำแย่ เราเหลียวมองรอบตัว หิมะป่วนปั่นบดบังทัศนวิสัย ไม่มี วีแ่ ววของชายชุดด�ำ หมาตัวนัน้ และปากกระบอกไรเฟิล เราหวน คืนสู่ความร่าเริงมึนเมาหลงเพ้อของทหารใหม่ เฮ้ ปืนกล ปืนกลของเรา ข้าศึกของเราถูกท�ำลายสิ้น...
ทุกคนพร้อม? มีใครอยากถอนตัวไหม? จากคุ ย บี เชฟถึ ง มอสโก กองบั ญ ชาการอยู ่ บ นถนนโกกอล บูเลอวาร์ด พวกเราราวสามสิบคนไปรวมพลกันที่นั่น พันตรีผม บลอนด์หน้าตาน่ามอง เดินตรงมาพวกเรา แฟ้มเอกสารมีพู่ห้อย แนบติดต้นขา เขาแจ้งให้พวกเราทราบว่า โดยค�ำสั่งของสหาย สตาลิน มีการจัดตัง้ กองก�ำลังขนส่งทางอากาศ ก่อกวนโจมตีขา้ ศึก หลังแนวหน้าทีถ่ กู ยึดครองชัว่ คราว “เราต้องการล่าม เราลงความ เห็นแล้วว่าต้องส่งพวกคุณไปให้กองทัพพลร่ม มีคำ� ถามอะไรไหม?” ไม่มีใครมีค�ำถาม แต่หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ผู้พันเพิ่มเติม นพดล เวชสวัสดิ์ 63
64 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
“เอาเถอะ พวกคุณจะย้ายไปร่วมกับพลร่ม เฉพาะคนสมัครใจ เท่านั้น ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม? พูดเสียตอนนี้” เรือ่ งทัง้ หมด ประมวลไว้ในวินาทีนี้ สองคนปฏิเสธ สาวคน หนึง่ แจ้งให้ทราบว่ากลัวความสูง หนุม่ อีกคนขออยูบ่ นพืน้ ดิน พวก เราอับอายแทนคนทั้งสอง เรื่องจบเพียงเท่านั้น แล้วพวกเราที่เหลือ? แฟ้มที่มีพู่ห้อยส่งขึ้นชั้นบน มอบ ประวัติของแต่ละคนให้หน่วยพลร่ม พวกเราไม่มีใครมีปัญหา แท้จริงแล้ว ทุกอย่างสุดวิเศษ มีคนเห็นคุณค่าในตัวพวกเรา แผนกใหม่ของหน่วยพลร่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างต่อหน้าต่อตา พวกเรา พันโทลากเก้าอีท้ ไี่ หนสักแห่ง ถังผงเคลือ่ นออกจากที่ ใคร บางคนท�ำอะไรบางอย่าง วันถัดมา พวกเราอยูใ่ นช่องทางเดินและรอคอย แน่อยูแ่ ล้ว ไม่มีสองคนที่ชิงลาออกไปก่อน พวกเราพยายามหยัดยืน อกผาย ไหล่ผงึ่ แต่เครียดในอก เราถูกเรียกตัวเข้าไปทีละคน ในท้ายทีส่ ดุ คล้ายเสียงแว่วห่างไกล ฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ฉันเข้าไปใน ห้องและรายงานตัว เหมือนที่ได้รับการสอนสั่งมาแล้วจากสตาฟโรโพล พันโทสองนายนั่งปลายโต๊ะตรงข้ามกัน ทั้งสองหันหน้ามา หาประตูมองฉัน “สหายเทคนิค-พลาธิการ ชั้นสอง เล่นกีฬาไหม?” “เคยเล่นวอลเลย์บอล” (ทีมหญิง ม. สอง ได้แชมป์เขต
คราสนายาเพรสเนีย ในเวลาต่อมา ฉันเลิกเล่นวอลเลย์บอล ลืม ไปแล้วว่าท�ำไม) “ดี ดีเลย เล่นสกีได้ดีแค่ไหน?” “ไม่เก่งมาก แต่จะพยายามสุดความสามารถค่ะ” “ดี แต่ว่าดีแค่ไหน สกีได้กี่กิโลเมตร?” ฉันเค้นสมองหาค�ำตอบ ห้า? กล่าวกันว่าไม่น่าจะพอ สามสิบ? บอกไปไม่มีใครเชื่อแน่ๆ “เธอดูแลตัวเองได้” พันโทอีกคนกล่าว ยิม้ ให้ฉนั “เธอจะท�ำ ทุกอย่างที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จ!” ฉันโล่งอกเหลือล้น ประหนึง่ ว่าฉันโดดออกจากเครือ่ ง ห้อย ต่องแต่งใต้รม่ ชูชพี ฉันพอจะมองเห็นแล้ว เราก็เพียงแค่เคลือ่ นตาม ขั้นตอน เรื่องทั้งหมดไม่ยุ่งยากน่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ ต่อค�ำถาม ของผู้พันทั้งสอง ค�ำตอบของฉันไม่ชี้ชัด “แล้วเดินเป็นไง? เดินได้อึดแค่ไหน?” ผู้พันอีกคนถาม “ปีทผี่ า่ นมา ฉันเดินเขาในสวาเนเทีย...ไม่หลุดจากกลุม่ ” ทัง้ สองผงกศีรษะ ดี ดี ท่าทางคล้ายสมคบคิดกัน และแล้ว ผู้พัน สบตากันพร้อมทัง้ หรีต่ า คล้ายจะเป็นการเตือนฉันว่าค�ำถามถัดไป ตรงไปตรงมาอย่างสาหัส ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อม “เธอพร้อม แค่ไหนที่จะกระโดดออกจากเครื่องบิน?” ฉันเตรียมพร้อมมาแล้ว ส�ำหรับค�ำถามนี้ “ท�ำได้ค่ะ น่าจะเป็นการขนส่งอีกวิธี” นพดล เวชสวัสดิ์ 65
66 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พวกเขาให้ก�ำลังใจ จาก นั้นลุกขึ้นยืนสัมผัสมือฉัน ‘ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม?’ หรือว่า ‘ท�ำดีหรือไม่ทำ� ดี?’ ...ไม่มีที่ว่างเหลือให้ความลังเล สิ่งที่เรากลัว มิใช่สิ่งที่จะเกิด หลังการสัมภาษณ์ หลังจากที่เดินออกจากห้องท�ำงานนี้ สิ่งที่เรา กลัวจะอยู่ที่นี่ ในเสี้ยววินาที อาจท�ำให้เสียเรื่องไปหมด เหมือน สองคนนั้นที่ไม่พร้อมจะรับงานนี้ เสื่อมศักดิ์ท�ำให้คนอื่นๆ เสีย เกียรติ เราทุกคนร่วมกันท�ำงานนี้ เรือ่ งเดียวทีเ่ ป็นความจริงในการสัมภาษณ์ครัง้ นี้ ฉันร่วมทาง ไปกับคณะทัวร์ เดินเขาสวาเนเทีย ฉันเดินร่วมทางไปกับคนอื่นๆ ผลงานไม่เลวร้ายไปกว่าเพือ่ นร่วมทาง (เรามีลาบรรทุกเป้หลัง เดิน ผ่านช่องเขา) เรื่องอื่นๆ ที่เหลือ เหลวไหลไร้สาระ การเล่นสกี? งั้นๆ วอลเลย์บอล? ฉันเลิกเล่นตอนอายุสิบสี่ แล้วท�ำไมไม่ตอบ ไปตามตรง? ไม่ซี ไม่ได้เกี่ยวกับความแกร่งของร่างกาย เรื่อง ทัง้ หมดเป็นเรือ่ งสภาพจิต มีใครจะไม่คล้อยตามความห้าวของพวก เขา ‘เธอจะท�ำทุกอย่างทีต่ อ้ งท�ำให้สำ� เร็จ!’ แล้วในเรือ่ งความกลัว ของการโดดออกจากเครื่องบิน หากอยากได้ความรู้สึกนั้น ก็คง ไม่ต่างไปจากการโดดลงจากหอคอยในสวนสาธารณะกอร์กี เอา เถิด ไม่วา่ จะเป็นกรณีไหน ขึน้ เครือ่ ง บินไปกลางฟ้าแล้ว จะเกิด ตระหนกหวาดกลัวในนาทีสุดท้าย ไม่ว่าชอบหรือชัง ก็จะโดนถีบ ออกจากเครื่องอยู่แล้ว และตกออกมาในอากาศบางเบา
ฉันรูแ้ ล้วว่าค�ำถามพวกนัน้ เป็นเพียงแค่พธิ กี าร ทุกคนพร้อม จะให้การสนับสนุน มีเพียงพันตรีท่ีมาพบเราในวันวาน คนที่ตั้ง ค�ำถามถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของเรา ‘ทุกคนพร้อม? มีใครลา ออกไหม?’ ในวันนี้เบื้องบนก็เพียงหาล่ามทหารเพิ่มเติมให้หน่วย พลร่ม ฉันตอบเต็มเสียง ตอบปัญหาเชาวน์ ‘ท�ำได้ค่ะ น่าจะ เป็นการขนส่งอีกวิธี’ ได้บ�ำเหน็จรางวัลด้วยเสียงหัวเราะ แล้ว ท�ำไมฉันถึงยินยอมคล้อยตามพันโททัง้ สองนาย คนทีจ่ ะเปลีย่ นฉัน ให้เป็นทหารอีกคน เป็นอีกชือ่ เติมรายการให้เต็มก�ำลังพลของกอง พลน้อยพลร่ม? ท�ำไม? ในเมื่อฉันยังมีทางเลือกเป็นอื่น ท�ำไมฉัน ไม่ออกแรงต้านแรงดูดฉันให้หล่นเข้าไปในสงคราม? ยูริ ดิคอฟ เพือ่ นสนิทของฉันบอกว่า “จะมีเศษเสีย้ วความ ปรารถนาเสมอ ความพยายามที่จะสะสางตัวตน นิยามตัวตนให้ กระจ่าง แต่คุณไม่มีวันจะจ�ำลองแรงผลักดันที่ท�ำให้คุณกระโจน ลงไปในหล่มนั้น จะมีปริศนามากกว่าที่คุณจะหาค�ำตอบได้” ดูเหมือนว่าเราไม่มวี นั เจาะหาความจริงในตัวของเราได้ แม้วา่ จะใช้เวลาชั่วชีวิต
ทหารใหม่ประจ�ำการ รถไฟมุ่งหน้าไปหาตูลา แล่นผ่านค�่ำคืนมืดสนิท ไม่เปิดไฟหน้า ไม่มไี ฟสัญญาณ รถไฟแล่นตะบึง เสีย่ งดวง แล่นกึงกังบนรางทีเ่ พิง่ นพดล เวชสวัสดิ์ 67
68 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ปะซ่อม สถานีลึกลับ จมอยู่ในความมืด บางคราวหยุดกะทันหัน กลางทุ่งหิมะ ท้องทุ่งขาวโพลนเดือนมกราคม ฉันได้ที่นอนชั้นบน เดิมเป็นที่เก็บสัมภาระ ไม้กระดาน แข็ง หรือหัวโขกเพดานในยามที่เปลี่ยนท่านอน ไม่ได้กวนใจฉัน เช่นเดียวกับควันขาวขุ่นและกลิ่นยาเส้นราคาถูก การเคลื่อนไหว สวบสาบในแสงสลัวข้างล่าง เสียงร�่ำไห้กระซิกๆ เสียงกรน เสียง หัวเราะ เสียงสบถ และเสียงโฉ่งฉางของกาน�้ำกระทบกัน คนที่นอนบนราวไม้เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ ไม่ใช่ตัวฉัน แท้จริง ในวงจ�ำกัดของเปลือกมัดกล้ามเนื้อและข้อต่อที่เคยคุ้น วิญญาณไร้รปู บินลอยล่องมุง่ หน้าไปหาจุดหมายแล้ว...หน่วยพลร่ม ฟังดูอาจคล้ายการเสแสร้ง แต่จะใช้วธิ ใี ดอธิบายภาวะแห่งการไร้นำ�้ หนัก ความเลอะเลือนของเรือนกายทีก่ ำ� หนดไว้แล้ว ให้โดดร่มลงสู่ พืน้ โลกเบือ้ งล่าง โดยไม่มคี วามรูใ้ ดๆ ในการบังคับร่ม ลงพืน้ หลัง แนวข้าศึก สถานที่ที่จะต้องมีการสู้รบดุเดือดเลือดโชก ไม่เคยจับ ปืน ไม่มีความรู้ว่าจะยิงปืนได้อย่างไร รถไฟพาพวกเรามาไกลที่สุดที่ตูลา พวกเราห้าคน ชายสาม กับฉันและหญิงอีกคนชือ่ ลยุดมิลา พักค้างคืนในกระท่อมข้างสถานี ในห้องพักของพนักงานรถไฟ ในห้องนี้มีเตียงเหล็ก อ่างล้างหน้า โลหะ เสียงโฉ่งฉ่างก่อนรุ่งสางในตอนที่พนักงานรถไฟและทหาร พลร่มเข้าแถวล้างหน้าล้างตัว ถอดเสื้อเปลือยอก และมีผ้าเช็ดตัว
พาดไหล่ ในแสงสลัว แผงอกและกล้ามเนื้อท่อนแขนคล้ายจะสลัก เสลามาอย่างดี แข็งแกร่งก�ำย�ำ ฉันชาไปทั่วร่าง เมื่อนึกถึงความ อ่อนแอปวกเปียกของพวกเราที่ไม่อาจสนองความคาดหวังจาก กองทัพ แต่ความรู้สึกนั้นกินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เราเคลื่อนที่ต่อ ไป ทุกอย่างดูคล้ายพอจะทานทนรับได้ ไม่เกินขอบเขตเรี่ยวแรง ที่มีอยู่ในตัวเรา พวกเราทหารล่าม จะไปรายงานตัวต่อกองพลน้อยพลร่ม ที่ 8 ภายใต้การบังคับบัญชาของพลตรี เลียวาชอฟ กองพล น้อยก่อตั้งขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ตามค�ำสั่งของสตาลิน ที่เมือง คาลุกาที่เพิ่งยึดคืนมาได้ และจากค�ำสั่งของสตาลิน ยุทธภัณฑ์ ของกองพลน้อยพลร่มจะขนส่งทางราง ซึ่งได้ล�ำดับความส�ำคัญ สูงสุด อย่างไรก็ตาม รางรถไฟซ่อมแซมแค่บางจุด ที่สถานี ที่หยุดรถไฟและรางแยกที่ได้รับความเสียหายแทบใช้การไม่ได้ ผูก้ ำ� กับการเสียงแหบห้าวท�ำให้ทหารและพลเรือนทีเ่ ฝ้ารอรถไฟหัน มามองเป็นตาเดียว เมือ่ เขาส่งพวกเราขึน้ รถขบวนแรกทีม่ าถึง เรา มาปฏิบัติงานตามค�ำสั่งของเครมลิน ทหารแนวหน้าต้องการพวก เราไปช่วยงานยิ่งใหญ่ รถไฟเคลื่อนออกจากสถานีท่ามกลางเสียง ด่าทอจากทหาร เสียงคร�่ำครวญของแม่บ้านที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แบกหีบห่อเป้หลังและสัมภาระทั้งมวล นพดล เวชสวัสดิ์ 69
70 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
เลยมาจากเพลฮาโนโว เรามาหยุดที่รยูริโคโว จากที่นี่ เรา จะเดินเท้าไปตามรางขาว...ขาวโพลน ท้องทุ่งเยือกแข็งขาวโพลน ทุกทิศ พายุหิมะบดบังสายตาในบางคราว แต่เมื่อฟ้าโปร่ง ท้อง ทุ่งขาวโพลนยังอยู่ที่นั่น ไม่แปรเปลี่ยน หิมะปกคลุมกระท่อมด�ำ เกรียม กระท่อมทั้งหมู่บ้านเหลือเพียงซากไหม้เกรียม เผยให้เห็น ปล่องไฟเหมือนอนุสาวรีย์แท่งแหลมคลุมด้วยหิมะ อะไรรอท่าอยู่ข้างหน้า? การขาดไร้ความกลัวชวนฉงนยิ่ง ธรรมชาติของสรรพสิง่ ทีไ่ ม่เคยพบเจอมาก่อน บีบหัวใจและชวนให้ ท้องขย้อน เราออกเดินทางมาแล้ว ไม่มวี นั ย้อนกลับไป แต่ภาพที่ เห็นรอบข้าง หิมะขาวโพลนปกคลุมทุกอย่าง ซากด�ำเกรียมเหมือน ป่าไม้ถอนรากโค่น ถลันเข้ามาบีบหัวใจ ลากเราเข้าไปในโลกใหม่ ทีไ่ ม่เคยเห็น เราค้อมยอมรับเรือ่ งราวห่างไกล เหมือนว่าเราจมน�ำ้ ร่างสลายละลายเข้าไปในผืนน�้ำกว้างใหญ่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เรารู้สึกเศร้า แต่ก็สะเทือนในอก หนาวเย็นเหลือเกิน ในขณะทีฉ่ นั เขียนบันทึกเรือ่ งนี้ ฉันสอบ ทานกับอนุทินของผู้หมวดเยอรมันของเรา : 14 ธันวาคม 1942 ลบ 21 องศา 20 ธันวาคม 1942 อุณหภูมิลดต�่ำ 40 ใต้ศูนย์ ไม่ อาจบรรยายได้วา่ ใบหน้าเหมือนแผ่นไม้กระดานจากความหนาวเยือก ขนาดนั้น น�้ำค้างแข็งเจาะผ่านเสื้อโค้ตเข้ามา
แต่พวกเราก็ไม่ได้สุขสบายกว่านั้นนัก คงต้องยอมรับ ฉัน มีรองเท้าบู๊ตบุขนสัตว์ ในสตาฟโรโพล หลังจากได้รับเสื้อโค้ตตัว โคร่ง ฉันขายเสื้อโค้ตพลเรือนและน�ำเงินก้อนนั้นมาซื้อรองเท้าบู๊ต ขนสัตว์มือสองจากตลาด ใต้เสื้อโค้ตใหญ่ ฉันมีเสื้อสักหลาดแขน กุดซ้อนข้างใน ใบหน้าของฉันโดนหนักเหมือนทหารเยอรมัน และ มีความเสีย่ งภัยโดนน�ำ้ แข็งกัดทีม่ อื สองข้าง จริงหรือทีเ่ วลาเพิง่ ผ่าน มาสองสามวัน นับตั้งแต่การนั่งเลื่อนหิมะจากสตาฟโรโพลมาตาม แม่น�้ำโวลกาเยือกแข็ง ‘เอ้! เฮ้! มารดาโวลกา!’ ฉันท�ำใจให้เชื่อ ไม่ได้ เราเดินผ่านสะพานที่ถูกระเบิดท�ำลายทิ้ง เดินมาถึงทาง หลวงมอสโก-ตูลา-คาลุกา แทบไม่มีรถราสัญจร รถบรรทุกเปิด หวูดทักทายยามแล่นผ่าน สองฟากข้างทางหลวงมีรถถังทิ้งร้าง อาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึก ทิ้งเกลื่อนให้หิมะคลุม หลายวัน ก่อนหน้านี้ มีการสู้รบดุเดือดบนทางหลวง กองทัพแพนเซอร์ ที่ 2 ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ของกูแดเรียน บิดาแห่งการยุทธ์รถถัง นักอุดมคตินิยม บลิตซ์ครีก ผู้ปราบมาทั้งสิบทิศ เคลื่อนกองทัพ ยานเกราะมุ่งหน้าไปหามอสโก ก่อนจะถูกหยุดให้แน่นิ่งคาที่... และพ่ายแพ้ กองบัญชาการส่งหนังสือของกูแดเรียนที่ยึดมาได้ให้พวกเรา ที่สตาฟโรโพล เพื่อการศึกษาเรียนรู้ศัพท์บัญญัติทหารของข้าศึก นพดล เวชสวัสดิ์ 71
72 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
และรายละเอียดเชิงเทคนิคของรถถังข้าศึก ชือ่ หนังสือ อัคทุง-พัน เซอร์! ค�ำประกาศโอ่อ่าสูงสุด กล่าวถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง จะ บิดกายคร�่ำครวญภายใต้สายพานของรถถังของพวกเขา ผู ้ ห มวดคู ร ์ ต กรู มั น น์ เขี ย นไว้ ใ นอนุ ทิ น ปลายเดื อ น พฤศจิกายน ‘ความหวังของเราฝากไว้ที่รถถังของกูแดเรียน ซึ่ง เจาะแนวข้าศึก มุ่งหน้าไปยังมอสโกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้’ แต่ พลโทกูแดเรียน ผู้กรีธาทัพรถถัง บดขยี้เกือบทุกประเทศในภาค พื้นยุโรป พบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่นี่ ใกล้มอสโก เมือง หลวงที่เขาอยากเคลื่อนกองทัพรถถังบดขยี้เจาะทะลวง ที่นี่เช่น กัน เป็นครั้งแรกเช่นกัน เขาออกค�ำสั่งถอยทัพที่ไม่เคยปรากฏ มาก่อน! ค�ำสัง่ ถอยทัพทีท่ ำ� ให้ฮติ เลอร์เดือดดาลสัง่ ปลดเขา ปล่อย ให้เขาละห้อยโหยเสื่อมศักดิ์ไปนานหลายเดือน เขาพักฟื้นอยู่ถึงปี 1943 เมื่อได้รับค�ำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการใหญ่ของกองก�ำลัง ยานเกราะ รวมพลสร้างขึน้ มาใหม่ หลังการพ่ายแพ้ทสี่ ตาลินกราด และในปี 1944 กูแดเรียนเข้ารับต�ำแหน่งเสนาธิการทัพบกเยอรมัน แต่ก็โดนปลดอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิปี 1944 เมื่อพ่ายแพ้การศึกที่ โอเดอร์ โดยฝีมือของ ช็อกอาร์มีที่ 3 ของรัสเซีย ฮิตเลอร์ไล่กูแดเรียนออกจากทุกต�ำแหน่ง โดนสัง่ ให้ ‘ลาป่วย’ ค�ำสัง่ ทีเ่ ป็นโชค ในคราวเคราะห์ ท�ำให้โทษของเขาเบาบางลงหลังจากสัมพันธมิตร สอบสวนเหล่านายพลเยอรมันในข้อหาอาชญากรสงคราม
แต่นั่นเป็นเรื่องในภายหลัง ในห้วงเวลานั้น บนทางหลวง เราเดินไปบนไหล่ทาง เราอยากปัดหิมะลงจากรถถังที่นอนตะแคง อยู่ หากไม่อยากให้มอื ติดบนผิวโลหะ ก็ตอ้ งใช้มอื ทีส่ วมถุงมือไหม พรมลูบปัดหิมะจากเกราะหนา ในเมืองสตาฟโรโพลไกลโพ้น เรา หวัน่ วิตกเป็นห่วงมอสโก ทราบข่าวแล้วว่ารถถังของกูแดเรียน มุง่ หน้ามาหาเมืองหลวง ความหนาวเยือกขับเราให้เดินต่อ เราลงจากทางหลวง เดินเข้าไปในเส้นทางเลื่อน เลื่อนแล่นช้าตรงมาหาเรา เลื่อน ขนส่ ง ทหารที่ ไ ด้ รั บ บาดเจ็ บ คลุ ม ร่ า งด้ ว ยฟางเพื่ อ ให้ ค วาม อบอุ่น ทหารเก้งก้างวิ่งตามเลื่อน เขาสวมเสื้อโค้ตสั้น ชาย เสื้อปัดป่ายท่อนขาเขาในตอนที่เขาวิ่งผ่าน กดมือที่มีผ้าพันแผล ไว้แนบอก ใต้หมวกเหล็กสีเทา ตาสีฟ้าเยาว์วัยและเหนื่อยล้า จ้องมองเรา เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ เขาวิ่งผ่านหน้า เรามองเห็นเพียง แค่ท่อนขาของเขาที่มีผ้าสีด�ำพันหุ้ม ขาแข็งทื่อเหมือนก้านเข็มทิศ เราเดินกันไปเงียบๆ ไม่มใี ครส่งเสียงพูดคุย ร่างเหน็บหนาว ชาไปหมดแล้ว เรื่องราวที่ฉันเขียนลงในอนุทินในห้วงหลายชั่วโมง ของการเดินทาง แทบจะเป็นการค�ำเพ้อ แทบไม่ตา่ งไปจากบันทึก ของคูรต์ กรูมนั น์ ฉันคัดย่อเรือ่ งราวของเขาลงในอนุทนิ ของตัวเอง มกราคม 1942 จากรยูริโคโวไปถึงอเลกซิโน ราว 12 กิโลเมตร ถนนถูกท�ำลาย ต้องเดินตัดผ่านทุ่งโล่ง เดินย�่ำไปในรอยเท้าของ นพดล เวชสวัสดิ์ 73
74 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
สงคราม ปล่องไฟตายซากแทงพ้นหิมะ ไม่มีใดอื่น ไม่มีที่ให้พัก อาศัย ลมหายใจเป่าเข้าไปในผ้าพันหุ้มใบหน้า แผดเผาใบหน้าด้วย น�ำ้ แข็ง พระเจ้าเถอะ รัสเซียกว้างใหญ่เสียจริง มือปวดเจ็บจากความ หนาวเยือกจนต้องหลัง่ น�ำ้ ตาออกมา จุดเริม่ ต้นทีอ่ เลกซิโน ทีไ่ หนสัก แห่ง รุกรบไปข้างหน้า ไกลกว่านี้อีก... ตกเย็น เรามาถึงที่หมาย ไม่มีควันให้เห็น ไม่ว่าจะมอง ทางทิศไหน มีเพียงปล่องไฟ ไม่มีบ้านเรือนไม่มีกระท่อม เป็นไป ได้อย่างไร? น่าจะมีสถานีที่นี่ ที่ไหนสักแห่ง อาคารสถานี เอา เถอะ ไม่มีสถานี แต่ก็น่าจะมีผู้บังคับการ เราเดินชนปะทะกัน ในความมืด กระจายไปคนละทิศ มีกระท่อมหลังเล็ก ฉันคล�ำหา ประตู ผลักเปิดเข้าไป เปิดจากถนนข้างนอกเข้าไปในห้อง หญิง คนหนึ่งโน้มตัวปกป้องทารกน้อยบนโต๊ะ “ใครไม่มีฟืน อย่าได้ปล่อยเข้ามา!” เธอตะโกนเสียงดัง “ผู้หญิง” ใครบางคนให้ค�ำตอบ เธอหันมา ส่งเทียงทักทาย “เฮลโหล” ฉันแทบขยับริมฝีปากไม่ได้ มือแข็งเป็นแท่งไม้ ดึงผ้าพันหุม้ ใบหน้าออกไม่ได้ “ใครไม่มีฟืน อย่าได้ปล่อยเข้ามา! ฉันมีเด็กไม่สบายในนี้” เธอกล่าวซ�้ำ หน้าต่างกั้นปิดด้วยวัสดุห่อข้าวของเยอรมัน ถุงผ้าใบเนื้อ
หยาบ มีเครื่องหมายสวัสติกะตรงกลาง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็น สวัสติกะ ในเวลาต่อมา หลังจากหาตัวผู้บังคับการพบแล้ว เรากล่าว บอก “เรามองหากองบังคับการ เราจะต้องรายงานตัวต่อพลตรี เลียวาชอฟ” “เอาเถอะ นั่งลง เขาเพิ่งผ่านที่นี่เมื่อวานนี้” ผู้บังคับการจัดให้เราเข้าพักในตู้สินค้าที่มีเตาให้ความร้อน เราทราบในเวลาต่อมาว่าเป็นส่วนหนึง่ ของกองบังคับการ และเป็น ทีบ่ งั คับการกองพัน กองพลไซบีเรียเพิง่ มาถึงแนวหน้า ผูห้ มวดคูรต์ กรูมันน์ เขียนไว้ในอนุทินว่า ‘ท�ำความรู้จักกับกองพลไซบีเรียเป็น ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน’ ส�ำหรับพวกเรานับเป็นเรื่องใหม่ : เสื้อขนสัตว์สีขาวคลุมเอว ปืนกลเบาและสกีสั้น เรานั่งข้างเตา เหล็กกลางตู้สินค้า จิบดื่มข้าวต้ม-บั๊กวีตต้มกับมันหมู ฟังเรื่องเล่า ไซบีเรียและสาวไซบีเรีย ส�ำหรับผู้หมวดรัสเซียและผู้หมวดกรูมันน์ สงครามหมายถึงการแยกพรากจากหวานใจ กรูมนั น์เขียนเรือ่ งนีใ้ น อนุทินเช่นกัน ผูบ้ งั คับกองพัน อายุรนุ่ ราวคราวเดียวกับพวกเรา ออกค�ำสัง่ ทางโทรศัพท์ เสียงของเขาส่งผ่านสายไปตลอดความยาวของรถไฟ เสมียนเลียไส้ดินสอ บันทึกลงในสมุด ประวัติศาสตร์กองพัน จด แจ้งความพร้อมรบ ฉันเองก็เช่นกัน หลังจากที่เตาเหล็กละลาย นพดล เวชสวัสดิ์ 75
76 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
น�้ำแข็งในร่างไปสิ้นแล้ว ฉันหยิบอนุทินออกมาบันทึก เรื่องกอง บังคับการติดล้อ ข้าวต้มกับมันหมู ทหารสวมรองเท้าบู๊ตหุ้มข้อ ใช้ผ้าพันแข้งวิ่งตามหลังเลื่อนหิมะ กดมือข้างที่มีผ้าพันแผลแนบ อก เขียนถึงสวัสติกะสีด�ำขนาดใหญ่ ทุกอย่างอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมในตู้สินค้า แต่ในเวลา เดียวกัน บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นมิตร ประหนึง่ ว่าตูโ้ ดยสาร จอดรอหัวลาก จะเคลื่อนออกจากสถานีตรงเวลาตามตารางการ เดินรถในช่วงสันติ แทนที่จะเป็นขบวนรถไฟที่จะแล่นออกสู่แนว หน้า แต่ทว่าพรุ่งนี้เช้า ผู้หมวดในตู้สินค้านี้อาจจะออกไปสู้รบกับ ทหารเยอรมัน ที่ชุมทางรถไฟ เรากล่าวค�ำอ�ำลา ลงจากตู้สินค้า ความมืด นั้นมืดมิดจนไม่อาจหยั่งได้ เราเดินไปตามรางรถไฟชั่วระยะหนึ่ง และการเดินทางช่วงสุดท้ายก่อนถึงคาลุกา ได้โดยสารรถไฟที่มี ทหารกองทัพแดงอัดแน่น กลางดึกคืนนั้น บานประตูเลื่อนเปิด เสียงกึงกัง ลมเย็นพัดผ่านช่องเปิดเข้ามา จนกระทั่ง แผ่นหลัง ด�ำทะมึนของทหาร บดบังแสงสลัวยามรุ่งสาง “อย่าเยีย่ วต้านลม!” ใครบางคนตะโกนหยอกเย้า อีกครัง้ ที่ ฉันทุกข์ใจไปกับสภาพร่างกายสตรีที่ไม่อาจปรับตัวเชิงกายภาพเข้า กับการเคี่ยวกร�ำของชีวิตทหาร แต่ก็กินเวลาแสนสั้น จิตวิญญาณ ของฉันเร่งเร้า ฉันเร่งความเร็วไร้ตัวตนมุ่งหน้าสืบไป
คาลุกาเป็นเมืองศูนย์กลาง ตั้งอยู่ริมแม่น�้ำโอคา ตกอยู่ใต้ การยึดครองของเยอรมันนานสองเดือนครึง่ ยับเยินเสียหาย ชะตา กรรมของเมืองในแนวหน้า การสู้รบตีชิงเมืองคืนกลับมา รบกัน โชกเลือด ในวันที่ 13 มกราคม กองก�ำลังของเรา บุกมาถึง ชานเมือง แต่ถูกตัดขาด ตกอยู่ในวงล้อม รบกันในท้องถนน วัน ที่ 30 มกราคม เราชิงเมืองคาลุกาคืนกลับมาได้ บันทึกที่ฉันเขียนลงในอนุทิน มีดังนี้ คาลุกา มกราคม 1942 ข้างรางรถไฟ มีป้าย: ลูกศรชี้ ก�ำกับ ด้วยภาษาฝรัง่ เศส อ่านได้วา ่ ‘สุขา’ เขียนด้วยถ่านไม้โดยมือของทหาร เยอรมัน ในสุขาพังทลาย ล�ำรางยาวมีมลู รัสเซียและเยอรมันกองเป็น ภูเขาน�้ำแข็ง รถไฟบนราง เขียนด้วยชอล์ก นัค เพลชาโนโว (ไปยัง เมืองเพลชาโนโว) หากไม่ใช่อักขระรัสเซีย ไม่นับว่ามีความส�ำคัญ ที่ ส ถานี ก ลาง มี พ าหนะข้ า ศึ ก กองพะเนิ น อาคารสถานี พั ง พินาศ รูกระสุนปืนใหญ่ในผนัง เพดานถล่ม สายไฟหลุดออก มา หนาวเย็ น เหลื อ เกิ น ! ไม่ มี ที่ ใ ห้ ไ ออุ ่ น ที่ ชั้ น ล่ า ง ไม่ มี พื้ น ห้ อ ง เหลื อ เพี ย งแผ่ น กระดานปู พื้ น บานประตู ติ ด วงกบด้ ว ย ตะปู ด อกเดี ย ว: ห้ อ งบรรยายการเมื อ ง เราผลั ก เปิ ด ประตู นี่ อะไรกั น ? ห้ อ งพยาบาล? แล้ ว ท� ำ ไมทุ ก คนสวมเสื้ อ ผ้ า สี ข าว? พวกเขาเตรี ย มตั ว พร้ อ มออกเดิ น ทาง คนพวกนี้ เ ป็ น พลร่ ม ใน นพดล เวชสวัสดิ์ 77
78 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ชุดพรางสีขาวล้วน ในห้องนี้มีพื้น แต่ไม่มีที่วางเท้า ไออุ่น! เตาเหล็กอ้วนกลม ปล่องควันท�ำจากท่อโลหะและกระป๋อง ควันไหลออกทางหน้าต่าง ที่ไม่เหลือกระจกอีกแล้ว พวกเขาชี้ให้ฉันกับลยุดมิลาไปซุกใต้โต๊ะ แต่ไม่ให้พวกผู้ชายเข้ามา ไม่มีที่ว่างแล้ว กลุ่มล่ามหนุ่มออกไปตาม หากองบัญชาการกองพลน้อย โต๊ะมหึมา ไม่มีลิ้นชัก พวกเขาลากออกไปเผาให้ความร้อน หมดแล้ว เรานอนใต้โต๊ะ คนอื่นๆ นอนบนกล่องกระสุน หรือ บนพื้นห้อง ทุกคนหลับสนิท บางคนยืนหลับพิงผนัง หรือไม่ก็ ไหลเลื่อนลงไปนอนทับคนที่หลับไปก่อน ในยามตื่นลืมตา ทหาร ผลักไสกัน ดึงไหล่ให้หลุดออกจากกองผู้คน ผลักดันคนข้างเคียง ดึงขาออกจากกองเนื้อมนุษย์ หงุดหงิด ละเมอสบถ ก่อนจะหลับ ไปอีกครั้ง ปูนฉาบผนังได้ไอร้อน ลอกออกมา หล่นโปรยปราย มาบนชุ ด พรางสี ข าว พวกเขาเหนื่ อ ยล้ าหลั ง การเดิ น เท้ าเจ็ ด วั น เต็มๆ ไม่มีโอกาสได้พัก แต่มีค�ำสั่งก�ำกับไว้แล้ว พวกเขาจะขึ้นบิน ไปโดดร่มคืนนี้ หลังจากเขย่าฝุ่นเปื้อนออกจากชุดพราง และดื่มแอลกอฮอล์ที่ ปันส่วนมาให้ในการเดินทางเที่ยวนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ฉันจดบันทึกหลังจากนั้นไม่นาน
ฉันขดตัวนอนใต้โต๊ะ ตัวอุน่ ขึน้ มาบ้างแล้ว ฉันเหลียวมองพลร่ม หมดรูป มีดในซองติดเข็มขัด ขวดว็อดกาที่ได้ปันส่วนมาอยู่ข้างกาย ปากขยับส่งเสียงสบถด่าทอทั้งที่ตาหลับ ฉันท�ำประโยชน์ใดต่อคน พวกนี้ได้บ้าง? พวกเขาไม่รู้จักฉัน ฉันจะเดินทางต่อไป ไม่มีใคร สังเกตเห็นฉัน พวกเขาจะเขี่ยฉันทิ้ง ผู้หมวดหนุ่มเบียดตัวผ่านกองผู้คนตรงมาหาเรา ก้าวข้ามแขน ขาและหัวของลูกน้อง อาจเป็นได้ว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน หรือไม่ก็เล่นบทอวดสายตา ทหารทั่วไปไม่มีประสบการณ์เรื่องเช่น นี้อยู่แล้ว เขากล่าวถึง ‘แอสซิมุธ’ (มุมทิศ) หลังจากที่เราลงพื้น เรา จ�ำเป็นต้องหาต�ำบลที่ปัจจุบัน และเดินทางไปยังจุดรวมพล เราจะ ท�ำเช่นนั้นได้อย่างไร? เราจะพับและฝังร่มชูชีพได้อย่างไร จะได้ไม่ เปิดเผยต�ำแหน่งของเราต่อทหารเยอรมัน? เขาบอกต่อ ในการเดิน ทางกลับ เราจะสกี 300 กิโลเมตร มายังแนวหน้า เสาะหาจุดโหว่ ของแนวข้าศึก จะได้ตัดข้ามมายังฝ่ายของเรา ง่าย ตรงไปตรงมา ท�ำได้ แต่แท้จริงแล้วพิลึกพิลั่นสิ้นดี อะไร คือต�ำบลที่ปัจจุบัน? อะไรคือ 300 กิโลเมตร? ไร้สมองสิ้นดี พวก เราจะแยกจากกัน แต่ละคนเดินทางไปกับกองพัน แต่ละกองพัน ปฏิบัติงานแยกขาดจากกัน เราจะไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือสนับสนุน กันและกัน ซึ่งเป็นจุดส�ำคัญอันจะน�ำมาซึ่งความส�ำเร็จ สมองของฉันบันทึกทุกอย่างไว้อย่างแจ่มชัด ฉันไม่มีความกลัว นพดล เวชสวัสดิ์ 79
80 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ท่วมทับใจ แท้จริงแล้ว ฉันไม่มีอารมณ์ใดเลย ลยุดมิลายังหลับอยู่ ฉันตื่นแล้วใจสงบไม่เหลือการดิ้นรน ฉันเขียนจดหมายถึงบ้านมอส โก เขียนถึงเพื่อน สั่งลา บานประตูแง้มเปิด กลุ่มล่ามหนุ่มย้อนกลับมา ส่งเสียง เรียกให้ฉันกับลยุดมิลาออกมา พวกเขาพบกองบัญชาการกองพล น้อยพลร่มที่ 8 แล้ว ในกระท่อมไม้ที่ยังไม่ถูกท�ำลาย แต่ผู้ บัญชาการ นายพลเลียวาชอฟไม่อยูท่ นี่ นั่ พวกเขารอคอยท่านนาย พลอยู่ ทหารเติมฟืนใส่เตาให้หอ้ งอุน่ หนุม่ คนหนึง่ บอกว่ากระหาย น�้ำ ทหารชี้ไปยังเหยือกเรียงรายและกาน�้ำชา เขารินลงแก้วให้ตัว เอง และได้รู้ว่าในแก้วนั้นเป็นว็อดกา ผู้บัญชาการกองพลน้อยกลับเข้ามา ทุกคนลุกขึ้นยืนระวัง ตรง รายงานตัวพร้อมกับมอบค�ำสั่ง “ฝึกโดดร่มมากี่ครั้ง?” ท่านนายพลถาม เดินตรงมาที่โต๊ะ รับฟังรายงานว่าเราไม่เคยผ่านการฝึกโดดร่ม เขากากบาทขีดฆ่าค�ำ สั่ง ท่าทางเกรี้ยวกราด เพิ่มเติมความเห็นลงไป ‘อย่าได้ส่งทหาร ที่ไม่ผ่านการฝึกมาอีก นี่คือแนวหน้า ฉันไม่มีเวลาฝึกทหาร’ “เราจะขึ้นบินคืนนี้” ท่านนายพลบอก หัวหน้าชุดของเราประท้วง ทหารพวกนั้นไม่เคยโดดร่มมา ก่อน พลร่มชุดพรางสีขาวบอกเราแล้ว นายพลเลียวาชอฟให้ค�ำตอบ “พวกเขาเป็นทหารเลว แต่
ทางการใช้งบประมาณฝึกพวกคุณ” เขาชี้มายังยศนายทหารบน ปกเสื้อ นั่นเองที่สร้างความแตกต่าง เรามีสองดาวทองบนปกเสื้อ เราย้ อ นกลั บ มายั ง กองบั ญ ชาการ ดู เ หมื อ นว่ า มี ค วาม เปลี่ยนแปลงในกองก�ำลังพลร่ม นั่นคือจะต้องส่งล่ามหนึ่งคนไป พร้อมกับหน่วยรบ และข้อโต้แย้งของนายพลเลียวาชอฟเกิดผล ล่ามชายจะเข้าฝึกโดดร่มทีค่ า่ ยกองพลน้อยใกล้มอสโก ฉันกับลยุด มิลาถูกส่งไปยังทหารรราบ ฉันเข้าสังกัดกรมข่าวทหารเป็นการชั่วคราว มีรายงานในเวลาต่อมา พลตรีเลียวาชอฟ เสียชีวิตใน สนามรบ เขาช่วยชีวิตเราให้รอด แต่เขาเสียชีวิต น�ำทหารพลร่ม ที่ไม่ผ่านการศึก ออกปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ฉันย้อนนึกไปในอดีต การนอนหลับใต้โต๊ะในคาลุกานั้น ฉันเพิ่งตระหนักว่ามีความโง่เง่าในสงคราม การท�ำงานในกอง บัญชาการใหญ่มีล่ามมากเกินไป ไม่จ�ำเป็นต้องเพิ่มฉันอีกคน ล่ามแทบไม่มีเอกสารที่ยึดมาได้ให้แปล เพียงความคิดว่าฉันจะนั่ง หง่าวที่นี่วันแล้ววันเล่า ไม่มีงานให้ท�ำ จนสิ้นสุดสงคราม จุดไฟ ให้ฉันเป็นขบถ ฉันไปติดต่อฝ่ายก�ำลังพล ขอย้ายไปยังแนวหน้า พวกเขาไม่รับฟัง สภาวการณ์ชั่วคราวของฉันคล้ายจะปักหลัก ที่นี่เป็นการถาวรไปแล้ว มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น หากแต่เป็น ค�ำสัง่ ของสหายสตาลิน กองก�ำลังทุกเหล่าสังกัดกองบัญชาการใหญ่ นพดล เวชสวัสดิ์ 81
82 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์
ถือเป็นกองก�ำลังหลัก รวมทัง้ กรมข่าวทหารของฉันด้วย ก�ำลังพล จดแจ้งไว้ชัด ชื่อของฉันอยู่ท้ายสุด ท�ำหน้าที่ล่าม ชื่อล่างสุด ถัด ลงไปจากนั้น จะเป็นลายเซ็นสตาลิน อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง พันตรีเดินทางมายังกอง บัญชาการใหญ่ ได้ค�ำสั่งก�ำชับจากนายพลเลลูเชนโก...อย่าได้ กลับหน่วยโดยไม่มีล่ามร่วมทางกลับมาด้วย ไม่มีใครปฏิเสธ นายพล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายพลเลลูเชนโก คนที่สร้างชื่อ ลือเลื่องในการรุกรบเดือนธันวาคม กรมข่าวทหารผลักไสฉันไป สังกัดหน่วยรบของเขา โดยไม่ได้ตระหนักว่านายพลเลลูเชนโก เกลียดผู้หญิง
ภาพเยเรนา รเชฟสกายา ถ่ายที่กองบั ่ ญชาการ วันที่ 29 มกราคม 1942
ภาพในชุดเครื่องแบบของรเชฟสกายาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ถ่ายเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1943
“ฉันปลีกตัวออกจากกองเอกสารเหล่านั้นสักพัก และออกเดินไปรอบๆ เมืองพร้อมกับเซร์เกอิ พลขับของเรา และนายทหารอีกหลายนาย...อาคารไรช์ตากยังไม่สงบ และอวลไปด้วยกรุ่นควันหลังจากโดนระเบิดถล่ม”
ด้านหน้าอนุสรณ์สถานทีก่ องทัพรัสเซียสร้างขึน้ ขึน้ ชัว่ คราว เพือ่ เป็นการเฉลิม ฉลองให้กับชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ประดับประดาด้วยภาพของ ทรูแมน สตาลิน และเชอร์ชิล
เยเรนา รเชฟสกายา ในการประชุมปี 1986
ผังรูปแบบทันตกรรมของฮิตเลอร์ ที่อยู่ในมือของผู้ช่วยทันตแพทย์ เคเทอ ฮอยเซอร์มันน์ เป็นหลักฐานส�ำคัญที่ระบุตัวตน ในภายหลังฮอยเซอร์ มันน์และเอชต์มันน์ถูกสหภาพโซเวียตจับกุม
การชันสูตรศพ โยเซฟ เกิบเบิลส์ ในวัน 9 พฤษภาคม 1945 นายแพทย์ฟาอุสต์ ชคาราฟสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ สังกัดกองก�ำลังเบียโลรัสเซียที่หนึ่ง คือคนที่สามนับจากซ้ายมือ