สารบัญสถาบันการศึกษา หน้า หนั ง สื อ พิ เ ศษที่ อ ยู่ ใ นมื อ ท่ า นขณะนี้ เป็ น ความพยายามที่ จ ะ รวบรวมข้อมูลสถาบันการศึกษาจากผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ ผู้ที่เกี่ยวข้อง จั ด การแนะแนวการศึ ก ษาต่ อ ต่ า งประเทศ ให้ ส ำหรั บ ผู้ ส นใจที่ จ ะ เดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ขอขอบคุณสมาคมไทยแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ และ ข้ อ มู ล จากคู่ มื อ ศึ ก ษาต่ อ สหราชอาณาจั ก ร คู่ มื อ ศึ ก ษาต่ อในสหรั ฐ อเมริกา คู่มือศึกษาต่อต่างประเทศออสเตรเลีย คู่มือศึกษาต่อประเทศ นิวซีแลนด์ ข้อมูลจาก www.google.com พร้อมทั้งข้อมูลจากทางตรงและทางอ้อม เรื่อง คำนำ ออสเตรเลีย บทสัมภาษณ์ จาก ซีพี เอ็ดดูเคชั่น บทสัมภาษณ์ จาก มหาวิทยาลัยวูลองกอง บทสัมภาษณ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด RMIT การอยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายของออสเตรเลีย คำแนะนำจาก เมนทอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อังกฤษ หลักสูตรของประเทศอังกฤษ เคล็ดลับการสอบ IELTS จากสถาบัน IDP บทสัมภาษณ์ จาก EF Education วีซ่าไปเรียนอังกฤษ วีซ่าไปเรียนออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา คำถามควรรู้ ก่อนเข้า TOP 10 ของสหรัฐ นิวซีแลนด์ The New World Class “มนุษย์พันธ์ใหม่” การอยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายของนิวซีแลนด์ 3 คำ จำให้แม่น เกร็ดควรรู้ในต่างแดน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา จีน
6 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
หน้า 8 14 16-17 18 20 22 24 26 28 32 34 38 39 40 41 45 48 49 52 53 54 56 58 60 64
Assumption University 4-5 , 66 - 67 OEC Global Education 7 XY Zolution 9 RMIT English Worldwide Bangkok Campus 10 - 11 CP Education and Migration Service Co., Ltd. 13 The University of Sydney 19 Australian Catholic University 21 University of Ballarat 23 University of South Australia 25 Southbank Institute of Technology 31 IDP Education 33 EF Education First 36 - 37 Box Hill Institute 43 Think Education Group 47 Further Education 51 University of New South Wales 55 Ekthana Hospitality Education Services 59 University of Wollongong 68 Study Overseas Centre 69 Hoco Info Abroad 70 Stanford Consulting Group 71
คลิก คลิปเด็ดและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.marketatnation.com
คณะผู ้จัดทำ
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโฆษณา ณัฐวรา แสงวารินทร์ ฝ่ายการตลาด กัญญารัตน์ อึ่งสกุล ฝ่ายโฆษณา วิจิตรา ศิริวรากุล จารุวรรณ วรบัณฑูร โทร. 0-2338-3333 ต่อ 3034, 3035, 3037, 3056 โทรสาร 0-2338-3904 กองบรรณาธิการพิเศษ ชุมชนเมือง-คุณภาพชีวิต กราฟิก ธนัท สุพิชญางกูล ณัฐกร ทวีศักดิ์ สำนักงาน เลขที่ 1854 ถ.บางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กทม. 10260 พิมพ์ที่ บริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด
นักเรียนไทยตื่นตัว
ไปนอกต้องพร้อม GPA, TOEFL, IELTS, GMAT ทุน/ค่าใช้จ่าย, สุขภาพ ขณะนี้ กระแสเด็กนักเรียนไทยตื่นตัวมากในการหาความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวไปศึกษาต่อต่างประเทศ เด็กๆ ที่เตรียม ข้อมูลวันนี้ มีจำนวนมากที่หาข้อมูลก่อน เพื่อที่จะเดินทางในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่จะให้ความสนใจไปศึกษาต่อระดับ ปริญญาโทในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เป็นตลาดการศึกษาใหญ่ของนักเรียนไทย บางประเทศ มีระบบการศึกษาที่เหมาะกับนักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยม ปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก หรือหลักสูตร โปรแกรมระยะสั้นๆ ในการหาประสบการณ์กับโรงเรียนภาษาที่เดินทางมาให้ข้อมูลถึงกรุงเทพฯ มากมายเกือบทุกประเทศ นอกเหนือจากประเทศหลักอย่าง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย จีน และในยุโรป เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ก็มี ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตามในอนาคต นักเรียนต่างชาติทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบพื้นความรู้ภาษาอังกฤษ หากจะ เข้าศึกษาต่อจะต้องผ่านหลักเกณฑ์ในระดับที่กำหนดไว้แตกต่างกันไปตามระดับของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา หลัก เบื้องต้นต้องสอบผ่าน TOEFL หรือ IELTS หรือต้องปรับพื้นภาษาอังกฤษก่อนที่จะไปศึกษาในต่างประเทศได้ ปัจจัยหลักที่ทำให้นักเรียนสนใจไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้นมาจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีความหลากหลายมากขึ้น จึงต้องการแสวงหาไปสัมผัสความทันสมัย ความแปลกใหม่ เรียนรู้ประเพณีประเทศนั้นๆ เรียกได้ว่าการไปเรียนต่างประเทศถือ เป็นความฝันของเด็กไทยที่ต้องไปเรียนนอก อยากแนะนำ ก่อนจะเดินทางต้องหาข้อมูลและหาที่ปรึกษาว่าเตรียมตัวอะไรบ้าง ทั้งทางด้านวิชาการ ภาษา และ งบประมาณที่มีอยู่ว่าสามารถเรียนจบได้หรือไม่ หรือถ้าต้องการศึกษาในระดับสูงก็ต้องทดสอบพื้นฐานให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจ สำหรับผู้ที่ตั้งใจไปเป็น “นักเรียนนอก” ต้องพร้อมทั้ง ผู้ปกครอง นักเรียน อุดม ดิษฐสำเริง นายกสมาคม ไทยแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ
8 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ A$12,000-24,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ A$7,000-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ A$12,000-24,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ A$8,000-25,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ A$12,000-24,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ A$12,000-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ A$12,000-24,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ A$14,000-30,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ A$12,000-24,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ A$14,000-30,000
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
ปริญญาตรี
บัณฑิตศึกษา
ปริญญาเอก
ออสเตรเลีย
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ C$9,000-13,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ C$5,500-27,500
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ C$9,000-13,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ C$4,000-27,500
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ C$9,000-13,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ C$6,500-15,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ C$9,000-13,000 ค่าเล่าเรียน ปีละ C$5,500-11,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ C$9,000-12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ C$7,000-12,500
แคนาดา
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ NZ$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ NZ$4,000-5,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ NZ$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ NZ$15,000-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ NZ$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ NZ$12,000-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ NZ$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ NZ$19,000-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ NZ$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ NZ$12,000-25,000
นิวซีแลนด์
เช็กค่าเทอม ตรวจค่าใช้จ่าย ให้มั่นใจว่า
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ $7,500-10,000 และค่าเล่าเรียนปีละ ศิลปศาสตร์ $8,500-9,500, วิทยาศาสตร์ $8,500-11,000, แพทย์ศาสตร์ $17,500-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ $7,500-10,000 และค่าเล่าเรียนปีละ ศิลปศาสตร์ $7,500-9,000, วิทยาศาสตร์ $7,000-11,000, แพทย์ศาสตร์ $6,500-19,500, MBA $8,500-20,000.
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ $7,500-10,000 และค่าเล่าเรียนปีละ ศิลปศาสตร์ $7,000-8,500, วิทยาศาสตร์ $7,000-10,500, แพทย์ศาสตร์ $7,500-20,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ $7,500-10,000 และค่าเล่าเรียน ปีละ ศิลปศาสตร์ $8,500-9,500, วิทยาศาสตร์ $8,500-11,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าเล่าเรียน ปีละ $23,000
สหราชอาณาจักร
“เรียนจบ”
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ US$9,000-14,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ US$10,000-27,500
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ US$9,000-14,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ US$10,000-27,500
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ US$9,000-14,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ US$6,500-33,000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ US$9,000-14,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ US$6,500-16,500
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ปีละ US$12,500 ค่าเล่าเรียน ปีละ US$31,000
สหรัฐอเมริกา
อสเตรเลี ย ...ไปเรี ย นได้ ตั้ ง แต่ ร ะดั บ มั ธ ยม ถ้าพ่อแม่สามารถ “ส่งได้” อยากให้ไปตั้งต้นเรียนที่ออสเตรเลียตั้งแต่ระดับมัธยมต้น มากกว่าที่จะรับระดับปริญญา ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่นักเรียน นักศึกษาอยากเดินทางมาศึกษาต่อมากที่สุดแห่ง หนึ่ง นักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่จะสนใจหลักสูตรทางด้านวิทยาการสารสนเทศ, การบริหาร จัดการ, วิศวกรรมศาสตร์ และด้านสิ่งแวดล้อม ออสเตรเลีย จัดรูปแบบการศึกษาที่รองรับระบบการศึกษานานาชาติ มีรูปแบบการเรียนการ สอน มาตรฐานทางการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและได้รับการกำกับดูแลอย่างดี มาตรฐานการศึกษา ของออสเตรเลี ยได้ รั บ การจั ด อั น ดั บให้ อ ยู่ ใ นกลุ่ ม สู ง สุ ด ของโลก มีการควบคุมอย่างใกล้ชิดใน คุณภาพของสถาบันการศึกษาต่างๆ ในทุกระดับ หากส่งนักเรียนไปเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมแล้ว ผู้ปกครองมีความอุ่นใจได้ในเรื่องของความ ปลอดภัย ความสะดวกสบาย อาหารและที่พักซึ่งไม่แตกต่างจากประเทศในแถบเอเชียทั่วไป สามารถอยู่ได้ อากาศไม่หนาวจนโหดร้ายเกินไป ระบบการศึกษา แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ อนุบาลศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และ อุดมศึกษา ซึ่งประกอบด้วยวิทยาลัยเทคนิค การศึกษาต่อเนื่อง (TAFE) และมหาวิทยาลัย นักเรียนส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอีก 2 ปี เพื่อเตรียมตัวเข้า มหาวิ ท ยาลั ย และวิ ท ยาลั ย เทคนิ คในระดั บ อุ ด มศึ ก ษา การศึ ก ษาระดั บ มั ธ ยม (Secondary Education) การจัดการศึกษาระดับประถมและมัธยมในประเทศออสเตรเลียอยู่ในความดูแล รับผิดชอบ ของแต่ละรัฐ โดยทั่วไปจะเริ่มรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนต่อทั้งโรงเรียนของรัฐ และ เอกชน ตั้งแต่ชั้นปีที่ 7 (Year 7-ม.1) จนถึงปริญญาเอก ระดับมัธยมศึกษาแบ่งออกเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น (Year 7-10 หรือเทียบเท่า ม.1-ม.4 ของไทย) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (Year 11-12 หรือเทียบเท่า ม.5-ม.6 ของไทย) ในการจัด หลักสูตร หน่วยการศึกษาของแต่ละรัฐจะมีการจัดหลักสูตรและการประเมินผลเป็นของตนเอง โรงเรียนมีอิสระในการจัดหลักสูตรหรือเพิ่มเติมวิชาเรียน
14 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
หลั ก สู ต รเตรี ย มเข้ า มหาวิ ท ยาลั ย (Foundation Studies) เป็นหลักสูตรเตรียม ความพร้อมในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ใน ออสเตรเลียให้แก่นักเรียนต่างชาติ ใช้เวลาในการ เรียน 1 ปี เนื้อหาของหลักสูตรมาจาก Year 11-12 บวกวิ ช าพื้ น ฐานในสาขาที่ นั ก ศึ ก ษาจะ ศึ ก ษาในระดั บ ปริ ญ ญาตรี เช่ น คณิ ต ศาสตร์ ภาษาอั ง กฤษ ฟิ สิ ก ส์ เคมี ชี ว ะ คอมพิ ว เตอร์ ธุรกิจ บัญชี สังคม และประวัติศาสตร์ เป็นต้น หลักสูตร Foundation แบ่งออกเป็นสายวิทย์ สายศิลป์ และธุรกิจ ก่อนเข้าเรียนนักศึกษาจาก ประเทศไทยจะต้องจบชั้นปีที่ 11 หรือ ม.6 หรือ ปวช. มีผล IELTS ประมาณ 5.0 หรือ TOEFL ประมาณ 500 ขึ้นไป GPA ไม่ควรต่ำกว่า 2.5 ถ้าสอบ ผ่านทุกวิชาของหลักสูตร Foundation ตามที่ ม หาวิ ท ยาลั ย กำหนด ก็ ส ามารถจะเรี ย น ต่ อ ในระดั บ ปริ ญ ญาตรี ในประเทศไทยแล้ ว สามารถสมัครเรียนระดับปริญญาตรีได้โดยไม่ต้อง เรียนหลักสูตร Foundation หลักสูตร นี้เปิด สอน ทั้ ง ในมหาวิ ท ยาลั ย วิ ท ยาลั ย เทคนิ ค
(TAFE) และในโรงเรียนมัธยมศึกษา ค่าใช้จ่าย สำหรับนักเรียนทุนส่วนตัว ค่าเล่าเรียนประมาณ ปีละ 9,000-12,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
นักเรียนไทย 500 เรียนได้เลย
หากนักเรียนไทยมีคะแนนภาษาอังกฤษดี มี ผลสอบ IELTS (5.5) หรือ TOEFL (500)และ ผลการเรียนดีก็สามารถต่อชั้นได้เลย เช่น จบ ม.3 ของไทย สามารถไปต่อ Year 10 (ม.4) ได้ เลย หากผลการเรียนไม่ดี ทางสถาบันอาจจะให้ เรียนซ้ำชั้นประมาณครึ่งปีหรือหนึ่งปี ถ้าไม่มีผล สอบภาษาอังกฤษหรือคะแนนภาษาอังกฤษไม่ดี พอ อาจจะต้ อ งไปเรี ย นภาษาอั ง กฤษที่ เ รี ยกว่ า English for Secondary Studies ระยะหนึ่ง ก่ อ นเข้ า เรี ย นระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา ค่ า เล่ า เรี ย น ประมาณ 8,00-12,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ค่า กิ น อยู่ ป ระมาณเดื อ นละ 1,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย สำหรับโรงเรียนประจำรวมค่าเรียน ค่ า กิ น อยู่ ประมาณปี ล ะ 15,000 - 22,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ค่าใช้จ่ายส่วนตัว นม 1 ลิตร ขนมปัง 1 แถว ไข่ไก่สด 1 โหล น้ำผลไม้ 2 ลิตร ค่าตัดผม (ผู้หญิง) ค่ารถเมล์ / รถไฟ ค่าบัตรภาพยนตร์
1.30 2.00 2.50 4.50 28.00 2.50 12.00
ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ข้อมูลจาก สมาคมไทยแนะแนวการศีกษาต่อต่างประเทศ
ปีการศึกษา ในออสเตรเลียเริ่มจาก ปลายเดือนมกราคม ถึงต้นเดือนธันวาคม จะเปิดรับสมัครนักเรียนเข้า เรียนในมหาวิทยาลัยใน เดือนตุลาคมของทุกปี
ออสเตรเลีย...หลากหลายแต่กลมกลืน ประเทศออสเตรเลียตั้งอยู่ในเขตซีกโลก ระยะเวลาของการศึกษาในแต่ละหลักสูตร สันทนาการร่วมกับเพื่อนร่วมหอคนอื่นๆ หอพัก ใต้ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของไทย มี จะแตกต่างกันไป เริ่มตั้งแต่ 4 สัปดาห์สำหรับ ส่ ว นใหญ่ จ ะมี อ าหารจำหน่ า ยและมี ค รั ว ให้ สภาพแวดล้ อ มที่ ป ลอดภั ย ความเป็ น มิ ต ร หลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษแบบเร่งรัด ไปจนถึง นักเรียนทำอาหารรับประทานเอง นักเรียนเป็น และสังคมที่มีหลากหลายวัฒนธรรม แต่ผู้คน 3-6 ปี สำหรั บ การเรี ย นเต็ ม เวลาเพื่ อให้ ไ ด้ จำนวนมากจะเช่าอพาร์ทเมนท์หรือบ้านอยู่ร่วม ก็ ส ามารถอยู่ ร่ ว มกั น ได้ อ ย่ า งกลมกลื น ปริญญาตรี และ 1-2 ปี สำหรับปริญญาโท กันกับเพื่อนนักเรียน นักเรียนนานาชาติสามารถ นั ก เรี ย นสามารถเดิ น ทาง และเรี ย นรู้ ใ น นักเรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้เร็วกว่าหาก อยู่กับครอบครัวชาวออสเตรเลียที่มีบ้านอยู่ใกล้ กับสถานศึกษาในช่วงปีการศึกษา สังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษ ศึกษาในประเทศออสเตรเลีย เวลา คนไทยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นใน ที่พัก มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยการศึกษาด้าน เวลาในประเทศออสเตรเลี ย จะเร็ ว กว่ า ออสเตรเลีย เทคนิ ค และวิ ช าชี พ หลายแห่ ง ล้ ว นมี ห อพั ก ประเทศไทยประมาณ 1-3 ชั่วโมง ในช่วงเดือน ปีการศึกษา ปีการศึกษาในออสเตรเลียเริ่มจากปลาย นักเรียนจะมีห้องเป็นของตัวเอง โดยใช้ห้องน้ำ ตุลาคมถึงเดือนมีนาคม จะหมุนนาฬิกาขึ้นอีก 1 เดือนมกราคม ถึงต้นเดือนธันวาคม โดยจะ เครื่ อ งซั ก ผ้ า และสิ่ ง อำนวยความสะดวกด้ า น ชั่วโมงในเกือบทุกรัฐ เปิดรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ในเดือนตุลาคมของทุกปี งบประมาณการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยและค่าเล่าเรียน สภาพอากาศในประเทศออสเตรเลีย แตกต่างกันไปตามฤดูกาลและสภาพภูมิประเทศ ในออสเตรเลียถูกกว่าในอังกฤษและสหรัฐฯ อุณหภูมิต่ำสุดที่ Tasmania ประมาณ 11-12 องศาเซลเซียส ร้อนสุดในแถบ Northern มาก โดยเฉลี่ ย แล้ ว จะต้ อ งจ่ า ยประมาณ Territory ประมาณ 34 องศาเซลเซียส ออสเตรเลียมี 4 ฤดู คือ 161,000-276,000 บาท สำหรับการอยู่อาศัย ฤดูใบไม้ผลิ กันยายน-พฤศจิกายน อากาศดี ดอกไม้บานสวยงาม นักเรียนที่สมรสแล้วต้องใช้เงินอีกประมาณ ฤดูร้อน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศร้อนแห้งแล้ง บางแห่งร้อนจัด อาจมีไฟป่า 115,000 บาท สำหรั บ คู่ ส มรสและอี ก ฤดูใบไม้ร่วง มีนาคม-พฤษภาคม อากาศเริ่มเย็นลง ตามเมืองชายฝั่งตอนใต้และเขตป่า ประมาณ 69,000 บาท สำหรับบุตรแต่ละคน ฝนอาจมี น้ำท่วม **ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ ฤดูหนาว มิถุนายน-สิงหาคม อากาศเย็นจัด มีหิมะตก ฟ้าใสแดดแรง โดยเฉพาะเมือง ระยะเวลาของการศึกษา แถบทะเลทราย จึงควรใส่หมวกปีกกว้างและทาครีมกันแดดเสมอ
สภาพภูมิอากาศและฤดูกาล
22 2
ส่งลูกเรียนนอก 00
8
จะไปเรียนนอก ต้องคิดไกลถึง 10 ปี ว่าจะเป็นอะไร จอห์น เคลลี Director Mentor International บริษัทที่ปรึกษาแนะแนวเรียนต่อต่างประเทศ www.mentor.ac โทร 0-2255-5157-9 ต่อ 902 สังคมเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น ความหลากหลาย
ทางวัฒนธรรม และเชื้อชาติ การเดินทางระหว่างประเทศ การย้ายถิ่นที่อยู่ การแต่งงานระหว่างเชื้อชาติต่างๆ มีเพิ่ม มากขึ้น ผลก็คือเด็กๆ นักเรียนต้องเดินทางไปเรียนใน หลายๆ ประเทศ จนไม่สามารถที่จะ “เข้าใจตัวเอง” ว่า อยู่ที่ไหน เป็นคนประเทศไหนกันแน่ ไม่มีความชัดเจนใน “ความเป็นชาติใดชาติหนึ่ง” โดยเฉพาะ ไม่ใช่ไทย 100% ไม่ใช่ฝรั่ง 100% และไม่ใช่จีน 100% การศึ ก ษาก็ ผ่ า นมาหลายสถาบั น หลายรู ป แบบการสอนอาจจะเคยเรี ย น โรงเรียนนานาชาติสไตล์อเมริกัน, สไตล์ญี่ปุ่น, สไตล์ยุโรป, สไตล์อังกฤษ, จนทำให้ สับสน นี่เป็นแนวโน้มใหม่ของสังคม “นานาชาติ” พร้อมๆ กับคนยุคใหม่ในสังคม ใหม่ ส่วนประเทศไทยนั้น ที่มาปรึกษาส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรี แล้วต้องการเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทในต่างประเทศ ซึ่งคิด ว่า น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเด็กนักเรียน เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไป ศึกษาต่อต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็กๆ เนื่องจากมีสถาบันและมหาวิทยาลัยหลายแหล่ง ให้เลือกเรียนอย่างหลากหลายภายในประเทศไทย ดังนั้นการไปศึกษาต่อเมื่อสำเร็จ การศึกษาน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะโต และคิดเองได้แล้วไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ แต่สิ่งสำคัญที่อยากจะแนะนำสำหรับนักเรียน และนักศึกษาก่อนที่จะเลือก เดินทางไปศึกษาต่อนั้น ควรจะได้ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนด้วยคำถามเริ่มต้นว่า “ถ้าจะไปอังกฤษ ต้องคิดอีก 10 ปีข้างหน้าว่าจะเป็นอะไร” จากนั้น ก็เริ่มหา คำตอบ เพื่อที่จะไม่ต้องถามว่า “ไปเรียนอะไรดี” ดังนั้น จึงขอให้เตรียมตัวเข้าใจตัว เองว่า จะทำอะไรในอีก 10 ปี จึงจะตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ จากนั้น จึงจะ เลือกเรียนสาขาธุรกิจ, ภาษา, หรืออื่นๆ ต่อไป หรือหากมีประสบการณ์ทำงานด้วย ก็น่าจะดี ดีกว่าเรียน เรียน และเรียน สำหรับการเรียน และการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไปนี้ ควรเน้นการเรียนแบบ “เฉพาะด้าน” ให้แตกต่างจากการเรียนพื้นฐานแบบปริญญาตรี ต้องเลือกสาขาให้ ชัดเจนส่วนภาษาอังกฤษอย่ากังวลมาก เพราะภาษาอังกฤษเป็นเหมือนอยากขับ รถยนต์เป็นก็ต้องหัดขับรถ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ปัญหา ถ้ า จะให้ แ นะนำวิ ช าที่ เ รี ย นนั้ น คิ ด ว่ า ขณะนี้ นั ก ศึ ก ษาไทยเรี ย น “MBA” จำนวนมากเกินไป ควรเลือกเรียนและศึกษาด้านอื่นด้วย เพราะประเทศไม่ได้มีการ พัฒนาเพียงด้านธุรกิจด้านเดียวจึงคิดว่า หากจะไปอังกฤษ ควรเลือกเรียน art and design เพราะเมืองไทยยังไม่มี “บุคลากร” ด้านนี้ อีกด้านหนึ่งที่ควรจะเรียนและ ศึกษาก็คือ เมื่อมองไปข้างหน้าจะพบว่า “พลังงานทางเลือก” เป็นทางเลือกที่น่า สนใจที่สุด
24 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
สิ่งที่มีอิทธิพลต่อนาฬิกาชีวภาพ ของมนุษย์ - แสงสว่างและความมืด - อาหาร (โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน) - กิจกรรมทางด้านกายภาพและ การใช้ความคิด - เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน - ยา (ยาลดความดัน ยาระงับ ประสาท ยานอนหลับ)
คู่มือก่อนการเดินทาง...
นักเรียนไทยไปศึกษาต่อประเทศอังกฤษ 1.การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง 1.1 เอกสารและสิ่งของที่ควรพกติดตัวขณะเดินทาง - หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มี Visa เข้าประเทศอังกฤษ - จดหมายรับรองจากสถานศึกษา - หลักฐานทางการเงิน เช่น จดหมาย Sponsorship หรือ Bank Statement - เอกสารประกันภัย, ใบรับรองการปลอดเชื้อวัณโรค (TB) หรือ IOM - เอกสารทางการแพทย์ เช่น เอกสารกำกับยา เอกสารแจ้งโรคประจำตัว หรือยาแก้แพ้ - เสื้อคลุมหรือเสื้อแจ็กเก็ตหนาๆ 1.2 การนำเงินติดตัวไประหว่างเดินทาง ท่านควรมีเงินสดติดตัวไปอย่างน้อย $400-$500 สำหรับค่าเดินทางไปยัง ที่พักค่า อาหาร และอื่นๆ ส่วนที่เหลือควรแลกเป็น Travel หรือ Bank Draft ในสกุลเงินปอนด์สั่งจ่ายถึงตัวท่านเองเพื่อสะดวกในการเปิดบัญชีและถอนเงินที่ ธนาคาร 1.3 การนำกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด สามารถนำสัมภาระติดตัวได้ไม่เกิน 30 กิโลกรัม ทั้งนี้ท่านสามารถติดต่อกับสายการบินหรือตัวแทนสายการบิน ในกรณี ที่สัมภาระของท่านมีน้ำหนักเกิน สำหรับหนังสือเดินทาง วีซ่า ตั๋วเครื่องบิน เงินสด หลักฐานสำคัญและสิ่งของมีค่าควรเก็บไว้ในกระเป๋าที่ท่านนำติดตัวขึ้น เครื่องบิน
26 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
**ควรล็อกกระเป๋าเดินทางทุกใบของท่านพร้อมทั้งติดป้ายชื่อ ที่อยู่และเบอร์ โทรศัพท์ที่ปลายทาง** 2.เมื่อท่านเดินทางถึงประเทศอังกฤษ 2.1 เมื่อถึงสนามบิน Heathrow ท่ า นต้ อ งแสดงหนั ง สื อ เดิ น ทางและวี ซ่ า หรื อ เอกสารการเข้ า ประเทศ นอกจากนั้นต้องแสดงจดหมายรับรองของสถาบันการศึกษาที่ตอบรับท่านเข้า เรียน เอกสารยื่นเรื่องที่พักและใบรับรองการปลอดเชื้อวัณโรค (TB) หรือ IOM ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอาจถามคำถาม เช่น - เหตุผลในการเดินทางมาประเทศอังกฤษ - มีญาติหรือเพื่อนพักอาศัยอยู่ในอังกฤษหรือไม่ ถ้ามี ให้แจ้งชื่อและที่อยู่ - ที่อยู่ในระหว่างที่ท่านพักในประเทศอังกฤษ - หลังจากเรียนจบจะทำอะไร ถ้าไม่เข้าใจคำถามหรือฟังไม่ทัน ให้บอกเจ้าหน้าที่อย่างสุภาพและเป็นมิตร ในการทวนคำถามให้ อี ก ครั้ ง หากเจ้ า หน้ า ที่ ย อมรั บในเอกสารหรื อ การตอบ คำถาม ก็จะประทับตราลงในหนังสือเดินทางและระบุเวลาที่ท่านสามารถพำนัก อยู่ในประเทศอังกฤษได้ หลังจากนั้นท่านต้อ งไปยังด่านศุลกากร (Custom) ถ้ามีสิ่ งของที่ต้อ ง สำแดง ท่านจะต้องเข้าไปทางช่องสีแดง ถ้าไม่มีสิ่งของที่ต้องสำแดง (Declare) ท่านสามารถไปทางช่องสีเขียวได้เลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าท่านจะผ่านเข้าไปทาง ช่องสีเขียวแล้ว เจ้าหน้าที่มีสิทธิที่จะขอตรวจสัมภาระของท่านได้ โดยส่วนมากแล้วการเดินทางจากประเทศในแถบเอเชียไปยังสนามบิน
**คำเตือน**
Heathrow เครื่องบินจะลงจอดที่ Terminal 3 หรือ 4 ของสนามบิน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่เมนเทอร์จะประสาน ควรจดที่อยู่พร้อม งานกับมหาวิทยาลัยของคุณเพื่อจัดรถรับส่งให้แก่ท่านก่อนการเดินทาง อย่างไรก็ตาม กรุณาตรวจสอบราย หมายเลขโทรศัพท์ของ ละเอียดของการจัดรถรับส่งกับเจ้าหน้าที่ก่อนการเดินทาง และหากท่านมีญาติหรือมีเพื่อนมารับกรุณาแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ทราบ หากต้องการความช่วยเหลืออื่นใด เช่น การตรวจคนเข้าเมือง การหาสัมภาระ หรือเรื่องของ มหาวิทยาลัยและที่อยู่ที่ต้องไป การเดินทางเมื่อไปถึงสนามบินแล้ว ท่านสามารถสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ (Reception) จะมี รายงานตัวติดตัวไปด้วยพร้อม โทรศัพท์และเครื่องโทรสารไว้ให้บริการ ตั้งแต่ 05.30-20.00 น. หากไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่โต๊ะและท่าน ทั้งถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางและ ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ท่านควรไปที่โต๊ะ Courtesy และยกหูโทรศัพท์เพื่อฟังบันทึกคำแนะนำ วีซ่าเก็บแยกไว้ต่างหากเผื่อกรณี 2.2 รายงานตัวที่สถานีตำรวจ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และระยะเวลาเรียนนานกว่า 6 เดือน ต้องตรวจในหนังสือเดินทางว่าตอนที่ ฉุกเฉิน ระหว่างที่คุณอาศัยอยู่ใน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ประทับตราเข้าประเทศไว้นั้น ได้ระบุถึงการรายงานตัวหรือไม่ หากว่าระบุไว้ให้รีบ ประเทศอังกฤษ ท่านควรเก็บ ติดต่อ International Office ของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันที่ท่านเรียน เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการรายงาน หนังสือเดินทางไว้ที่บ้านหรือ ตัวหรือให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจท้องถิ่นในเขตที่ท่านอยู่อาศัย และต้องรีบดำเนินการให้เรียบร้อยภายใน 7 หอพักและพกบัตรนักศึกษา วัน นับจากวันที่ท่านไปถึง โดยใช้รูปถ่าย 2 ใบ และเงินค่าธรรมเนียมประมาณ $34 ติดตัวไว้เสมอ ปรับตัวให้เข้ากับ “ผู้ดี” อังกฤษ วั ฒ นธรรมของชาวอั ง กฤษ นั้ น ขึ้ น ชื่ อ ว่ า เป็ น “ผู้ดี” คือ มีบุคลิกที่เป็นทางการและไม่เปิดเผยในที่ สาธารณะเมื่อทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรกจะแค่จับมือ กันแทนที่จะสวมกอดเหมือนในบางวัฒนธรรม หากท่ า นได้ รั บ คำเชิ ญไปทานข้ า วที่ บ้ า นของคน อังกฤษนั้นถือเป็นการนัดหมายที่แน่นอนและถือเป็น มารยาทที่ไม่ดีหากไม่ไปตามนัด ถ้าจำเป็นต้องยกเลิก การนัดหมายนั้น ควรบอกให้เจ้าของบ้านทราบทันที ถือเป็นธรรมเนียมที่ต้องนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากเจ้าของบ้าน เช่น ดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือไวน์ ถ้ า พั ก อาศั ย กั บ ครอบครั ว ชาวอั ง กฤษควรจะร่ ว มโต๊ ะ อาหารให้ตรงเวลา และหากคุณติดธุระมาร่วมทาน อาหารไม่ได้ก็ควรจะแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบก่อนเขา จะได้ไม่เป็นห่วง ดูแลความสะอาดเรียบร้อยภายในห้องของท่าน และควรเสนอความช่วยเหลือที่จะทำงานบ้าน ปกติคน อังกฤษรับประทานอาหารกันวันละ 3 มื้อ คือ ตอน เช้า เรียกว่า “Breakfast” ตอนกลางวันอาจจะเรียก ว่า “Lunch” หรือ “Dinner” ขึ้นอยู่กับท้องถิ่น ซึ่ง โดยปกติ จ ะเป็ น อาหารเบาๆ และตอนเย็ น ซึ่ ง เป็ น อาหารมื้ อ หลั ก ของวั น นั้ น เรี ย กได้ 2 แบบ คื อ “Dinner” และ “Tea” ดังนั้นหากได้รับคำเชิญไปทาน “Tea” ที่บ้าน หัวใจ อาจใช้เวลา 5-6 วันที่จะกลับมาเต้นเป็นปกติ ของใครสักคน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีแต่เพียงน้ำชามาเลี้ยง ประกันสุขภาพ เท่านั้น แต่รวมถึงอาหารมื้อใหญ่ด้วย นักเรียนต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนเป็นเวลาตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จะได้รับ Jet lag National Health Service โดยจะได้รับการคุ้มครองในทันที ซึ่งบริการดังกล่าว อาการอ่อนล้าผิดปกติอันเกิดจากการโดยสารเครื่องบินและอาจมีผล จะครอบคลุมค่ารักษา ค่ายา อาหารและที่พัก หากต้องการมีการพักรักษาตัวที่ กระทบต่อร่างกาย เช่น ทำให้เกิดอาการมึนงงเกี่ยวกับเวลา สถานที่ NHS แต่จะไม่ครอบคลุมค่ายาบางชนิดที่ไม่มีที่ NHS และจะต้องซื้อจากสถาน การ สำรวจความคิด การจดจำและการแสดงออก อาการ Jet lag พยาบาลอื่นหรือร้านขายยา เช่น Booth เป็นต้น จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเดินทางข้าม Time Zone มากกว่า 5 Time Zone เพื่อรับการรักษาภายใต้การคุ้มครองค่าใช้จ่ายของ NHS นักเรียนจะต้อง อาการ Jet lag เกิดขึ้นจากการที่ระบบชีวภาพในร่างกายมนุษย์ ลงทะเบียนกับหมอหรือ General Practitioner (GP) คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถูกรบกวนวงจรชีวภาพที่ได้รับผลกระทบจากการเดินทางโดยเครื่องบิน การวินิจฉัยโรคหลายด้านทันทีเมื่อมีที่อยู่ที่ติดต่อได้แล้ว ควรรีบลงทะเบียนกับ ถ้าคุณข้าม Time Zone มากเท่าไร ระบบชีวภาพของคุณก็จะถูก แพทย์หรือ GP ทันที ไม่ควรรอให้ป่วยก่อน หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถาม รบกวนมากขึ้นเท่านั้น แต่ร่างกายมนุษย์ก็สามารถปรับสภาพได้เร็ว ได้ที่ International Office ของมหาวิทยาลัย โดยใช้เวลาประมาณ 2 วัน ถึง 2 สัปดาห์ ส่วนอัตราการเต้นของ
27
ส่งลูกเรียนนอก
2008
หลักสูตร...การเรียนการสอน และเงือ่ นไขการรับสมัคร หลักสูตรปริญญาโทของอังกฤษ กำลังได้รับความสนใจมากที่สุด ในขณะนี้ เหตุผลเดียวคือเรียนเพียง 1 ปี ด้วยงบประมาณที่ใช้ ประมาณ 1 ล้านบาท ก็สำเร็จการศึกษา หากสนใจสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรปริญญาโท หรือการทำวิจัย ในสหราชอาณาจักร ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี หรือ ในสายวิชาชีพที่เที่ยบเท่าจากสหราชอาณาจักร บางหลักสูตรยังกำหนดให้ต้องมีประสบการณ์การทำงานอย่าง น้อยหนึ่ง หรือสองปีในช่วงระยะเวลาระหว่างการเรียนปริญญาตรี และปริญญาโท หากไม่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถเข้าเรียนใน หลักสูตร conversation หรือหลักสูตรปูพนื้ ฐานก่อนเข้าปริญญาโทได้ โดยทัว่ ไป ต้องสำเร็จปริญญาโทก่อน แล้วจึงศึกษาต่อปริญญาเอก ได้ แต่อาจเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาเอกได้เลย หากมีผลการเรียนใน ระดั บ เกี ย รติ นิ ย ม หรื อ มี ป ระสบการณ์ ใ นการทำงานในสาขาที่ เกี่ยวข้องมากพอสมควร MBAs และการจัดการ หลักสูตรยอดฮิต วิชาที่นักเรียนไทยไปเรียนปริญญาโทมากได้แก่ การบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะสาขาการตลาด, บัญชี, การจัดการ, MBA, และเทคโนโลยี สารสนเทศ เพราะมองว่าเป็นสาขาวิชาที่มีอนาคต จึงนิยมไปศึกษา ต่อมาก ที่อังกฤษ หลักสูตร MBA เปิดรับสมัครนักศึกษาปริญญาตรีหรือ เทียบเท่า หรือวุฒิวิชาชีพ แต่มักจะมีเงื่อนไขให้นักศึกษาแสดงถึง ประสบการณ์การทำงานสอง หรือสามปีในระดับบริหาร ด้วยเหตุนี้ นักศึกษามักจะมีอายุมากกว่าอายุโดยเฉลี่ย อย่างน้อยช่วงอายุ 20 ปี ปลายๆ และอาจมีอายุถึง 30 ปี หรือ 40 ปี นั ก ศึ ก ษาอาจต้ อ งผ่ า นการสอบเข้ า เรี ย นปริ ญ ญาโทสาขาการ จัดการก่อน
28 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
เงื่อนไขในการเข้าเรียน หลักสูตรภาษาอังกฤษ หากวางแผนเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กับหลักสูตรทางวิชาการหรือวิชาชีพ จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง ปกติ สถาบันการศึกษากำหนดให้ ต้องได้ IELTS ประมาณ 5.0 หลักสูตรอุดมศึกษาต้องได้ 6.0 หลักสูตรสูงกว่าปริญญาตรี ต้องได้ 7.0
2
Nantariga Pukasemvarangkoon นันทริกา ภู่เกษมวรางกรู (เจน) Bsc Business Management - ประถม โรงเรียนนานาชาติ ที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย - มัธยมจบหลักสูตรนานาชาติ International Baccalaureate Diploma โรงเรียนบางกอกพัฒนา อินเตอร์เนชั่นแนล
นักศึกษาไทยเรียนอังกฤษ
ที่ King’s College London มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเมืองผู้ดี
“เจน”
“ปูนิ่ม” ผู้คว้าทุนปริญญาเอกจาก University of Edinburgh ประเทศอังกฤษ กระแส “โลกร้อน” ก็ดูจะเป็นประเด็นร้อน “อิน” เกาะติดกระแส ถึงกับต้อง เลิกใช้ถุงพลากสติก หันมาคว้าถุงผ้า ถุงย่ามเดินช็อปปิ้งทำตัวให้ดู “กรีน” เข้าไว้ มีเด็กสาวคนหนึ่ง มองเห็นว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ และพลังงานทดแทน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทยในอนาคต เธอคนนี้คือ “ปูนิ่ม” นักศึกษาไทยคน เก่งที่สามารถคว้าทุนจาก Engineering and Physical Sciences Research Council (EPSRC) หน่วยงานของรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรที่เป็นผู้นำในการ สนับสนุนงานวิจัย และการพัฒนาทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ ซึ่งเป็น จำนวนเงินกว่า 17,000 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวหนึ่งล้านบาททีเดียว “ปูนิ่ม” เจ้าของเรื่องราวคนเก่งที่ทำเอาทึ่งนี้ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก SIIT สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทยัง University of Edinburgh ในสาขา Sustainable Energy Systems เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่อง พลังงานทดแทน “ดีใจมากค่ะ คือ ที่ได้ทุนเพราะทำ Dissertation ได้คะแนนดี คือ ได้ 75 อาจารย์ที่ปรึกษาก็เลยชวนสมัคร คืออาจารย์ก็บอกว่าจะได้ทุนเป็นจำนวนเท่าไร แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง คือ จริงๆ แล้วจำนวนเงินทุนที่ได้รับได้เท่ากับนักเรียนจาก สหราชอาณาจักรและกลุ่มสหภาพยุโรป แต่พอดีว่าค่าเทอมของนักเรียนต่างชาติที่ไม่ ได้อยู่ในสองกลุ่มแรกนั้นจะเสียเยอะกว่าพวกนั้นอีก เพราะฉะนั้นเงินที่ได้มาก็เลย เป็น Partial Fund ค่ะ”
29 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
เชื่อว่า King’s College London จะมอบการศึกษาที่มี คุ ณ ค่ า ซึ่ ง จะเป็ น ประตู ไ ปสู่ อ าชี พในอนาคตเพราะว่ า King’s College London ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 6 ของการจัดอันดับ มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษ “UK top University” และอันดับที่ 24 ของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก “Top Universities of the world” ประการที่สองก็คือ King’s College London ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอน ดอน ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางในการทำธุรกิจที่เต็มไปด้วยโอกาสในด้านการงาน และอาชีพระดับโลก จะมีที่ไหนในโลกที่นักศึกษาที่เรียนด้านบริหารธุรกิจ
(business) จะสามารถสร้างเครือข่ายได้ดีกว่าที่นี่ ประการสุดท้าย เจนชอบที่ King’s College London ส่งเสริมเรื่อง การใช้ชีวิตที่สมดุลของนักศึกษา ถึงแม้ว่าเจนจะให้ความสำคัญกับการศึกษา เป็นอันดับแรก แต่เจนก็เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมเช่นกันค่ะ เจนชอบที่จะมี ส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬา เจนเป็นสมาชิกในสมาคมและชมรมต่างๆ เพื่อ แลกเปลี่ ย นสิ่ ง ที่ เ จนสนใจกั บ เพื่ อ นๆ และท้ า ทายตั ว เองในด้ า นอื่ น ๆ นอกเหนือจากการศึกษา อีกทั้ง King’s College London มีกิจกรรมด้าน กี ฬ า เช่ น วอลเลย์ บ อล แบดมิ น ตั น และสมาคมนั ก ศึ ก ษาไทย “Thai Society” ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่เจนสนใจเป็นพิเศษ ความประทับใจแรกเมื่อไปถึง มีการจัดปฐมนิเทศใหแก่นักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะ จัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้ ที่เจนชอบมากที่สุดก็คืองานรับน้องใหม่ หรือ “Fresher’s Fair” เพราะว่ามีสมาคม, ชมรม, และผู้สนับสนุนที่ หลากหลายต่างพากันมาจัดกิจกรรมอยู่ทั่วทั้งสามชั้น มีการแจกของขวัญและ เชิ ญ ชวนนั ก ศึ ก ษาเข้ า ร่ ว มชมรม หรื อ สมาคมนั้ น ๆ บรรยากาศที่ อึ ก ทึ ก ครึกโครม และการส่งเสียงแห่งความตื่นเต้นเป็นสิ่งที่หนวกหู แต่ก็ทำให้เจน รู้สึกตื่นเต้น มันทำให้เจนรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ลอนดอนเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา คุณจะไม่มีทางเบื่อเลย บางทีเจนรู้สึก เหมือนกับอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่มีความวุ่นวาย ต่างกันก็เพียงแค่อากาศที่ลอนดอน เย็นกว่ากรุงเทพฯ เท่านั้นเอง เจนเรียนโรงเรียนนานาชาติมาตลอด ตั้งแต่ เด็กจนโต จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของความแตกต่างด้านวัฒนธรรม (culture clash) ในช่วงที่เดินทางไปถึงอังกฤษ ที่ King’s College London มีสมาคมนักศึกษาไทย (Thai Society) ใน King’s College London สมาคมนี้เป็นที่ปรึกษาใหแก่นักศึกษาไทยทุก คน จัดกิจกรรมอยู่เป็นประจำทำให้นักศึกษาไม่มีอาการคิดถึงบ้าน
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการสมัคร
ออสเตรเลีย
ระดับมัธยมศึกษา 1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากโรงเรียน 4.หนังสือรับรองฐานะ การเงินจากธนาคาร ระดับปริญญา 1.ใบสมัครของ - ปริญญาตรี สถานศึกษา - ปริญญาโท 2.หลักฐานการศึกษา - ปริญญาเอก ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากอาจารย์ 4.เรียงความ 5.ผลสอบ IELTS 6.0-6.5 หรือ TOEFL 213-230 ผลสอบ GMAT (เฉพาะ MBA) 6.ใบผ่านงาน (เฉพาะ MBA) 7.ค่าสมัคร (บางมหาวิทยาลัย) หมายเหตุ เมื่อมหาวิทยาลัย รับเข้าเรียนจะให้ชำระเงินค่า เล่าเรียน (บางส่วน) และค่าประกันสุขภาพ เมื่อชำระเงินแล้วจึงจะ ออกหนังสือยืนยันการ ตอบรับของสถานศึกษา (CoE) เพื่อไปขอวีซ่า
แคนาดา
นิวซีแลนด์
สหราชอาณาจักร
สหรัฐอเมริกา
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากโรงเรียน
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากโรงเรียน
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากอาจารย์ 4.หนังสือรับรองฐานะ การเงินจากธนาคาร 5.รูปถ่าย
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษฉบับจริง GPA 2.00 ขึ้นไป 3.หนังสือรับรองจากอาจารย์ 3 อาจารย์คณิตศาสตร์ อาจารย์ภาษาอังกฤษ และอาจารย์ใหญ่ หรือ อาจารย์แนะแนว เพื่อรับรองความประพฤติ 4.หลักฐานการเงินของผู้ปกครอง 5.ผลสอบ SSAT (Secondary School Admission Test) 6.เรียงความตามหัวข้อที่กำหนด 7.รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 6 รูป 8.หลักฐานการฉีดวัคซีน 9.ผลการตรวจสุขภาพ 10.ค่าธรรมเนียมสมัครสถานศึกษา
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากอาจารย์ 4.หลักฐานการเงิน ของผู้ปกครอง 5.เรียงความ 6.TOEFL (213-230), IELTS สำหรับ GRE และ GMAT ใช้เฉพาะ บางแห่งเท่านั้น 7.ค่าธรรมเนียมสมัคร สถานศึกษา
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา 3.ผลสอบ IELTS 6.0-6.5 หรือ TOEFL 213-230 4.รูปถ่ายของนักเรียน
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษ 3.หนังสือรับรอง จากอาจารย์ 2 ท่าน 4.หลักฐานการเงิน 5.เรียงความเกี่ยวกับประวัติ ส่วนตัว, การศึกษาที่ผ่านมา ประสบการณ์ในการทำงาน และโครงการศึกษาต่อ 6.ผลสอบ IELTS 6.0-6.5 หรือ TOEFL 550-580 หรือ TOEFL Computer Based 213-230 7.ค่าธรรมเนียมสมัครสถาน ศึกษา (เฉพาะบางแห่ง) 8.สำหรับ MBA สถานศึกษา บางแห่งต้องการ GMAT และ ประสบการณ์ในการทำงาน 9.สำหรับปริญญาเอก ต้อง เขียนหัวข้อวิจัย หรือ proposal หมายเหตุ ผู้สมัครปริญญาตรี ต้องยื่นใบสมัครผ่านองค์กร กลาง UCAS (Universities Central Admission System)
1.ใบสมัครของ สถานศึกษา 2.หลักฐานการศึกษา ภาษาอังกฤษฉบับจริง 2.00 ขึ้นไป 3.หนังสือรับรองของอาจารย์ ผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา 2-3 ท่าน และหัวหน้างาน (ถ้ามี) 4.หลักฐานการเงินของผู้ปกครอง 5.เรียงความประวัติส่วนตัว การศึกษาที่ผ่านมา ประสบการณ์ ในการทำงาน และโครงการ ศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา 6.สำเนาผลสอบ TOEFL, GRE, GMAT, SAT อย่างละ 1 ฉบับ แล้วแจ้งให้ Education Testing Service (ETS) ส่งผลสอบจริงไปยัง สถานศึกษา 7.ค่าธรรมเนียมสมัคร 8.ใบรับรองสุขภาพจากแพทย์ (กรณีที่สถานศึกษาแนบมากับ ใบสมัคร)
30
ส่งลูกเรียนนอก
2008
Tel: (617) 3244 5100
Fax: (617) 3244 5588
Email: sbit.international@deta.qld.gov.au
IELTS IDP Education Services.Co.,Ltd. Mr.DAVID PARK ส่ ว นใหญ่ ที่ ส อบ IELTS ไม่ ผ่ า น เพราะ ตื่นเต้น, ประหม่า, อ่านไม่เข้าใจคำถาม เมื่อต้อง พูดกับอาจารย์ฝรั่ง จึงขาดการลื่นไหลในการพูด เรื่ อ งไวยกรณ์ และการออกเสี ย งภาษา อังกฤษ เด็กไทยไม่แพ้ชาติอื่น จากประสบการณ์ ก ารสอน และการสอบ IELTS “DAVID PARK แห่ง IDP Education” พบว่า ปัญหาหลักที่ทำให้การสอบวัดระดับภาษา อังกฤษของเด็กไทยไม่ผ่านในเรื่องของการเขียน อีกเรื่องคือ ขาดการวางแผน เวลาการสอบ มี 1 ชั่วโมง ต้องทำ 2 ส่วน ควรใช้เวลาตรงนี้ 20 นาที ในส่วนแรก และ ส่วนที่ 2 เป็นการเขียนแสดงความคิดเห็น เด็ก ควรจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ที่ผ่านมา เด็กส่วนใหญ่จะไม่วางแผนล่วงหน้า อ่านเสร็จก็ เขียนเลย พอเขียนแล้วก็เริ่มนอกเรื่อง ควรใช้ เวลาสัก 10 นาที เพื่อวางแผนจะเป็นตัวช่วย ทำให้เขียนได้ตรงคำถามมากกว่า เพราะเขียน มากแต่ตอบไม่ตรงคำถามก็ไม่ได้คะแนน ส่วนการพูดนั้น ต้องมีความคล่องของการ ไหลลื่นในการพูดไวยกรณ์, การใช้คำศัพท์, และ การออกเสี ย งในเรื่ อ งของการใช้ ไ วยกรณ์ หรื อ คำศั พ ท์ เ ด็ ก ไทยเรี ย นรู้ ม าได้ ค่ อ นข้ า งดี ติ ด อยู่ ที่
32 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
ความคล่องหรือไหลลื่นในการพูด เพราะเมื่อมี อาจารย์ฝรั่งสัมภาษณ์เด็กจะตื่นเต้น ขณะที่พูดถ้า อาจารย์ไม่มองหน้าเพราะต้องดูคู่มือ เด็กก็จะยิ่ง ขาดความมัน่ ใจ และคิดว่าพูดผิด เลยเครียด พูด สะดุด ทัง้ ที่ ความคล่องในการพูดนั้น เป็นตัวแปร สำคัญที่จะทำให้ได้คะแนน “ขอแนะนำว่ า อย่ า เครี ย ด อย่ า ประหม่ า การสอบ IELTS เป็นเรื่องของการวัดระดับใน การใช้ภาษา ต้องมีความสามารถ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นความมั่นใจ 30 ซึ่งเป็น เรื่องสำคัญ ถ้าเก่ง แล้วไม่มนั่ ใจก็อาจจจะสอบไม่ ผ่านได้เหมือนกัน”
การสอบ IELTS มี 2 แบบ คือ แบบ academic กับ แบบ general training academic เหมาะสำหรับคนที่เอาไป เรียนต่อ แนวข้อสอบจะเป็นเชิงวิชาการ มากกว่า แต่ general training เน้น การใช้ชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับคนที่เอา ไปทำงาน ซึ่งทั้ง 2 แบบ ในส่วนของ การฟัง และการพูด จะเหมือนกัน เป็น ข้อสอบชุดเดียวกัน ต่างกันตรงการอ่าน และการเขียน สอบการอ่าน แบบ academic จะ เน้นวิชาการมากกว่า เนื่องจากเป็นการเอา ไปใช้ในด้านการศึกษา ซึ่งต้องอ่านหัวข้อ ข้อมูลวิชาการ งานวิจัยได้ ดังนั้น ข้อสอบก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนข้อสอบการอ่าน แบบ general training หัวข้ออาจจะเกี่ยวกับการใช้ ชีวิตประจำวันทั่วไป เช่นการเขียนเมมโม ในที่ทำงาน หรือประกาศเช่าบ้าน สำหรับความต่างการสอบข้อเขียน แบบ academic จะมีการเขียนบรรยาย กราฟ หรือตาราง เพราะถ้าไปเรียนต่อ เวลาทำรายงานก็ต้องมีการทำกราฟ ตารางพวกนี้ แต่ว่าถ้าเป็นแบบ general training อาจจะเป็นการเขียนจดหมาย ซึ่งต่างกันตรงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน กับ วิชาการ
คุณพรทิพย์ แซ่เจ็ง IELTS Co-ordinator “อยากให้กำลังใจแก่ผู้ที่มีปัญหาในการสอบ IELTS ว่า การสอบประเภทนี้ เป็น เพียงการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัว เพราะไม่มีการตก เพียงแต่ ว่า ผลที่สอบได้อยู่ในระดับที่เท่าไหร่ เพราะมีตั้งแต่ 1-9 ระดับ และตรงกับที่ต้องการ จะเอาไปใช้หรือไม่ ส่วนใหญ่ในการเรียนปริญญาโท จะต้องการ IELTS 6.5 ขึ้นไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้น อยู่กับสาขาวิชาที่จะเรียน และมหาวิทยาลัยด้วย
คิดจะเรียนอังกฤษ
ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป EF Education First มีหลักสูตรมากมายที่ช่วยเตรียมความ พร้อมให้นักเรียนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ การ เลือกสถานที่ศึกษาต่อขึ้นอยู่กับพื้นฐานการศึกษา และจุดมุ่งหมายใน การเรียนของคุณหลักสูตรของเรารับประกัน 100% การเข้าศึกษาต่อใน มหาวิทยาลัยพันธมิตร EF Brittin College ได้พัฒนาหลักสูตรเพื่อรับรองว่าคุณจะได้รับ คั ดเลื อ กเข้า ศึ กษาต่อในมหาวิทยาลัยอย่างแน่น อน เจ้ า หน้ า ที่ จั ด หา มหาวิทยาลัยของเรามีความชำนาญในการทำให้ขั้นตอนการสมัครง่าย แต่ได้ผล โรงเรียนทุกแห่งจะมีเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาที่มีประสบการณ์ คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเองในการดำเนินการทุกขั้นตอนอาทิ ทดสอบภาษาอังกฤษ, สมัครมหาวิทยาลัย, และสมัครสอบ IELTS ผล สำเร็จของเราคือ นักศึกษา EF Brittin College ทุกคนได้รับคัดเลือก เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติของโลกทุกปี หลักสูตรของ EF ในประเทศ อังกฤษ มีตั้งแต่หลักสูตรเรียนภาษาทั้งหลักสูตรระยะสั้น และระยะยาว สำหรับนักเรียนทุกระดับตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป สำหรับนักเรียนที่จบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 หรือ 6 ที่สนใจเข้า ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในต่างประเทศ • A-Level (2 ปี) • International University Foundation Year (9 เดือน) • Diploma in Business and Management (11 เดือน) • International Baccalaureate Diploma (2 ปี)
34 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
โรงเรียนของ EF ตั้ง อยู่ที่เมืองที่น่าสนใจอาทิ Bournemouth Brighton Cambridge Hasting London Manchester Oxford Torquay สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ EF Education First (สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์) Tel : 02-664-9966 E-Mail : ilsth@ef.com Website : www.ef.com, www.brittin.com
สำหรับนักเรียนที่จบระดับปริญญาตรีและสนใจจะศึกษาต่อ ในระดับปริญญาโท Pre-Masters/MBA Program (6-9 เดือน) นั ก เรี ย นที่ จ บหลั ก สู ต รของ EF ได้ เ ข้ า ศึ ก ษาใน มหาวิ ท ยาลั ย ชั้ น นำของอั ง กฤษ อาทิ University of Oxford, University of Cambridge, Imperial College, London School of Economics, Loughborough University, University of Bristol, University of Warwick, University of Bath , University of Durham, University of Edinburgh, Royal Hollway, Aston University, University of Nottingham และอี ก หลากหลายมหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับ Top 30 ของอังกฤษ
“EF - the official Language Training Services Supplier of the Beijing 2008” Olympic Game
เรียนให้มั่นใจ ไม่มีจับผิดไวยกรณ์
การเรียนปริญญาโท-เอกในประเทศอังกฤษ จะมีโอกาสได้เรียนในชั้นเรียน สัมมนา(Seminar) คือ การอภิปรายกลุ่มย่อยที่ประกอบด้วยอาจารย์ผู้สอนและ นักเรียนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหัวข้อที่กำหนด ไม่ควรกลัวที่จะแสดง ความคิดเห็นเพียงเพราะไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษ ควรเชื่อมั่นว่านักเรียนคนอื่น ต้องการฟังความคิดเห็นมากกว่าจะคอยจับผิดเรื่องไวยากรณ์ ในการเรียนระดับปริญญาโท อาจารย์มักจะให้นักเรียนเรียนด้วยตนเอง ซึ่ง หมายความว่าท่านต้องจัดเวลาเรียนของตัวเองให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามบางคณะ หรือบางวิชาอาจมีการกำหนดเวลาที่ต้องเข้าชั้นเรียน กรุณาตรวจสอบรายละเอียด กับคณะนั้นๆ อาจารย์มักจะไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่จะให้แนวทาง และวิธีการหาคำ ตอบแทน ท่านไม่จำเป็นต้องหาคำตอบผิดถูกตายตัวต่อทุกคำถาม แต่ท่านควรร่วม แสดงความคิดเห็น และฟังความคิดเห็นของคนอื่น บรรยากาศในห้องเรียนจะมีลักษณะค่อนข้างเป็นกันเองมาก ท่านต้องมีความ กระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม ต้องหัดซักถาม, อภิปราย, และแสดงข้อคิดเห็นกับ อาจารย์ บางครั้งนักเรียนอาจได้รับมอบหมายให้ทำรายงานล่วงหน้า และทำการนำ เสนอหน้าชั้นเพื่อให้นักเรียนคนอื่นๆ อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์ การเรียนเช่นนี้อาจ เป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่ของทุกๆ คน ดังนั้นควรจำไว้ว่าท่านไม่ได้เป็นคน เดียวที่รู้สึกตื่นเต้น
การทำงานพิเศษ
ถ้าลงทะเบียนเรียนต่ำกว่า 6 เดือน ไม่สามารถทำงานพิเศษได้ โดยปกติแล้ว การอนุญาตให้ทำงานพิเศษจะระบุไว้ในวีซา่ ซึง่ สามารถทำงานได้ 20 ชัว่ โมงต่อสัปดาห์ แต่ในช่วงปิดเทอมนั้น สามารถทำงานได้เต็มเวลา และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จะสามารถหักเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือนของท่านได้ในกรณีที่เป็นลูกจ้างประจำเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะทำงานที่ประเทศอังกฤษหลังเรียนจบนั้น ขณะ นี้ทาง Immigration ของประเทศอังกฤษได้เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาระดับปริญญา โท และปริญญาเอก สามารถอยู่ทำงานได้ 1 ปี แต่ต้องมีคุณสมบัติตามที่ทาง Immigration กำหนด สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ind. homeoffice.gov.uk
35 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
Daylight Saving time คือ การปรับเวลานาฬิกา เดินหน้าเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพื่อให้มีช่วง เวลากลางวันยาวกว่าเดิม ในช่วงฤดูร้อน ประเทศ อังกฤษ Daylight Saving time จะเริ่มขึ้น ในเวลา 01.00 น. วันที่ 26 มีนาคม และจะถอยหลังลง 1 ชั่วโมง ในวันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี
ขณะที่ศึกษาอยู่ไม่ควรพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก และไม่ควรเก็บไว้ใน ห้องพัก วิธีที่ดีที่สุดคือ การฝากไว้ในธนาคาร โดยการเปิดบัญชี หลักฐานที่ใช้ใน การเปิดบัญชี คือ - หนังสือเดินทาง (ตัวจริง พร้อมสำเนา) - จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย - จดหมายยืนยันที่อยู่ในประเทศอังกฤษ (เช่น จดหมายยืนยันที่พักจากสถาบัน) - จดหมายยืนยันที่อยู่ที่ประเทศไทย (เช่น จดหมายที่สถาบันจ่าหน้าซองถึงบ้านที่ประเทศไทย) - จดหมายรับรองสถานภาพการเงินจากธนาคารในประเทศไทยที่ท่านใช้ บริการอยู่เป็นหลักฐาน ซึ่งจะช่วยให้การเปิดบัญชีสะดวกขึ้นธนาคารหลักใน ประเทศอังกฤษ ขอแนะนำเมื่อเปิดบัญชีกระแสรายวันหลังจากสมัครทางธนาคารจะมี Debit Card ให้พร้อมกับ Cheque Book, บัตร ATM, หรือ Debit Card คือ ใบ เดียวกัน ใช้ถอนเงินจากตู้ ATM หรือใช้รูดจ่ายเมื่อซื้อสินค้า การสื่อสารบัตรโทรศัพท์สามารถหาซื้อได้ที่ ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านหนังสือ
(Newsagent), และที่ร้านขายบัตรโทรศัพท์ที่ไชน่าทาวน์ในลอนดอน ซึ่งราคาจะถูก กว่า และสามารถเลือกได้หลายรูปแบบตามอัตราค่าบริการ การใช้โทรศัพท์จากประเทศไทยไปยังประเทศอังกฤษ - กด 001+44+รหัสเมือง+หมายเลขโทรศัพท์ - ตัวอย่าง 001 44 121 414 3886 การใช้โทรศัพท์จากประเทศอังกฤษไปยังประเทศไทย - กด 00+66+รหัสจังหวัด+หมายเลขโทรศัพท์ - ตัวอย่าง 00 66 2 254 8333 - มือถือ 00 66 81 456 7890 ระบบขนส่งมวลชนที่ประเทศอังกฤษนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถประจำ ทาง, รถไฟใต้ดิน, และรถไฟ, ระบบขนส่งมวลชนที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือรถไฟ นักเรียน, และนักศึกษามีสิทธิขอทำบัตร Rail Card ประเภทนักเรียน เพื่อรับ ส่วนลดในการเดินทางภายในประเทศ Daylight Saving Time
ÍÕàÍ¿ àÍç´´Ùपѹè à¿ ÃÊ · ÍÒ¤ÒÃàÍçÁâ¾àÃÕÂÁ·ÒÇàÇÍà ªÑ¹é 25 ˌͧ 25/5 àÅ¢·Õè 622 ¶.ÊØ¢ÁØ ÇÔ· á¢Ç§¤ÅͧµÑ¹ ࢵ¤ÅͧàµÂ ¡ÃØ§à·¾Ï 10110 â·ÃÈѾ· : 02 664 9966 â·ÃÊÒÃ: 02 664 9960
ความประทับใจ กับ EF
Education First
Kanchana Boothongkum Pre-Masters, UK
เมย์ประทับใจกับหลักสูตรการเรียนของคอร์ส Pre-Masters มากค่ะ หลักสูตรนี้ทำให้เมย์มีความ มั่นใจมากขึ้นในการ Present เพราะเมย์เลือกที่จะเรียนต่อทางด้าน marketing ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีทักษะนี้ แล้วตอนนี้เมย์จบ MA in Marketing and Advertising จาก University of Leeds แล้วค่ะ
Athira Srikrisanapol Pre-Masters, UK
อิ๋มมาสมัครเรียนกับพี่ที่ EF ตั้งแต่ยังไม่จบจากอักษรจุฬาเลยค่ะ อิ๋มเลือกเรียนคอร์ส Pre-Masters ที่ EF Cambridge ทำให้มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษขึ้นมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน Report หรือ การ Presentation ตอนนี้ อิ๋ ม ได้ เ ข้ า เรี ย นที่ Aston University ในสาขา MSc Human Resource Management อย่ า งที่ ตั้ งใจไว้ แ ล้ ว ค่ ะ ต้ อ งขอบคุ ณ พี่ ๆ ที่ EF Emporium ที่ ค อยช่ ว ยเหลื อในการสมั ค ร มหาวิทยาลัยด้วยนะคะ
Natinee Thanajaro Pre-Masters, UK
คุ ณ แม่ พ าตาลเข้ า มาปรึ ก ษากั บ พี่ ๆ ที่ EF ตั้ ง แต่ ต อนขึ้ น ปี 4 ค่ ะ เพราะคุ ณ แม่ ช อบให้ ต าล เตรียมพร้อมอยู่เสมอ ตาลตัดสินใจจากคำแนะนำที่พี่ที่ EF มีให้และช่วยสมัครมหาวิทยาลัยก่อนที่จะจบ ปริญญาตรี ตอนนี้ตาลกำลังศึกษา MSc Business Management ที่ University of East Anglia 2007 ค่ะ ประทับใจมากค่ะกับบริการของพี่ที่ EF Emporium
Trib Danaitangtrakul Pre-Masters,UK
ผมจบกฏหมายจากธรรมศาสตร์และสมัครเรียน Pre-Masters ที่ Cambridge เพราะชอบเมืองที่เป็น เมืองการศึกษาจริงๆ บรรยากาศและสภาวะแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผมมีสมาธิในการเรียนและพัฒนา ภาษาอังกฤษให้ผมมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ พี่ๆที่ EF กรุงเทพ ช่วยผมสมัครเรียนต่อที่ University of East Anglia (LLM LAW) หลังจบหลักสูตรด้วยครับ
Pawara Chantarapakdee Premasters, UK
หยกประทับใจทั้งคอร์สเรียนและพี่ๆที่ EF มากค่ะ หยกเลือกเรียนหลักสูตร Pre-Masters ที่ EF London ที่นี่ทำให้หยกได้พัฒนาภาษาอังกฤษและทักษะต่างๆอย่างรวดเร็วค่ะ ตอนนี้หยกจบปริญญาโทจาก คณะสถาปัตยกรรมที่ University of Westminster แล้วค่ะ ขอบคุณพี่ๆที่ EF Emporium มากค่ะ
วีซ่า...นักเรียนอังกฤษ
หลักฐานการเงินของผู้ที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในระหว่างการศึกษาที่ประเทศอังกฤษ 1. หนังสือรับรองจากผู้ออกค่าใช้จ่าย รับรองว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ 2. ในกรณีที่ผู้ออกค่าใช้จ่าย มิใช่บิดา, หรือมารดา ต้องมีหลักฐานแสดงความ สัมพันธ์อย่างไรกับผู้ออกค่าใช้จ่าย เช่นสำเนาทะเบียนบ้านของท่าน, และของผู้ออก ค่าใช้จ่าย, จดหมายชี้แจงความสัมพันธ์ในรายละเอียด 3. สมุดบัญชีธนาคารทุกเล่มที่มีของผู้ออกค่าใช้จ่าย (พร้อมสำเนาย้อนหลัง อย่าง น้อย 6 เดือน) 4. หลักฐานการทำงานของผู้ออกค่าใช้จ่าย - ถ้ามีธุรกิจส่วนตัว ให้นำหลักฐานการประกอบธุรกิจ เช่นหนังสือจดทะเบียน ธุรกิจ, บัญชีรายการทางการเงินของธุรกิจ, สมุดบัญชีธนาคารของธุรกิจ - หนังสือรับรองการทำงาน - หลักฐานรายได้ เช่นใบแสดงรายการเงินเดือน (pay slip), หลักฐานการ ถือครองหุ้น ฯลฯ - หลักฐานทรัพย์สินที่มี เช่นโฉนดที่ดิน 5. หลักฐานที่พักอาศัยระหว่างศึกษา ระบุชื่อ, ที่อยู่, หรือสัญญาเช่า (ถ้ามี) ในกรณีที่ญาติ, เพื่อน, หรือ Sponsor เป็นผู้รับรองให้ที่พักอาศัยในประเทศอังกฤษ กรุณานำ 1. หนังสือรับรองยืนยันจะให้ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน เอกสารที่ใช้ประกอบในการยื่นขอวีซ่านักเรียน มีดังนี้ 2. สำเนาหนังสือเดินทางหน้าแรก และหน้าที่มีตราประทับทุกหน้าของผู้รับรอง อ้างอิงจาก เอกสารจากสถานทูตอังกฤษ 1. หนังสือเดินทางที่เหลืออายุใช้งานได้เกิน 6 เดือน และหนังสือเดินทางเล่มเก่า 3. หลักฐานการเงินของผู้รับรอง 4. หลักฐานการเป็นเจ้าของที่พักอาศัยของผู้รับรอง หรือสัญญาเช่า ทุกเล่มที่มี 2. กรอกแบบฟอร์ม Non-Settlement Form ให้ครบถ้วนเป็นภาษาอังกฤษ และ 5. หลักฐานการติดต่อระหว่างท่านกับผูร้ บั รอง เช่นจดหมาย, ใบเสร็จค่าโทรศัพท์, รูป ลงลายมือชื่อด้วยตนเอง Application form VAF1 - non-settlement (PDF, ถ่าย ฯลฯ 6. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนเงิน 131K) <http://www.fco.gov.uk/Files/kfile/vaf1_nov_2005,0.pdf> 3. รูปถ่ายปัจจุบันหน้าตรง (อายุไม่เกิน 6 เดือน) ฉากหลังต้องเป็นสีขาว หรือขาว ฉะนั้น แนะนำให้ท่านโทรศัพท์มาสอบถามค่าธรรมเนียมที่แผนกวีซ่าฯ 1 วัน ล่วงหน้าก่อนที่จะมายื่นเรื่อง เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการยื่นขอวีซ่า ท่าน นวลเท่านั้น ขนาด 35 มม. คูณ 45 มม. ( 1 - 2 นิ้ว) หนึ่งรูป 4. สำเนาบัตรประชาชน, หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ, หรือรัฐวิสาหกิจ (รับรอง สามารถชำระค่าธรรมเนียมโดยการชำระเป็นแคชเชียร์เช็ค (Cashier’s Cheque) สั่งจ่าย “สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย” (ไม่รับเช็คส่วนบุคคล) สามารถ สำเนาถูกต้องพร้อมลงลายมือชื่อ) 5. หลั ก ฐานการเรี ย นจบการศึ ก ษาครั้ ง สุ ด ท้ า ย เช่ น ประกาศนี ย บั ต ร, หรื อ ชำระเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มครอบครัวเป็นฉบับเดียวกันได้ ปริญญาบัตร พร้อม transcript, หลักฐานที่เคยเรียนเพิ่มเติมเข้ารับการอบรมใน ขณะที่กำลังศึกษา หรือ หลังจบการศึกษาแล้ว เช่น สำเนาประกาศนียบัตร พร้อม หลักฐานต่างๆ ว่าเคยเข้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนสอนภาษา 6. หนังสือตอบรับจากสถานศึกษาในประเทศอังกฤษ ระบุ ชื่อหลักสูตร/ค่าเล่าเรียน /ระยะเวลาเรียนทั้งหมด/จำนวนชั่วโมงเรียนต่อสัปดาห์/วุฒิทางการศึกษาที่จะได้รับ เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว
38 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
เอกสารประกอบการยื่นคำร้องขอวีซ่าตามที่ระบุ ข้างต้น เป็นเอกสารที่กำหนดไว้โดยทั่วๆไป ขอ เรียนว่า เจ้าหน้าที่อาจจะขอเอกสารอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องขอวีซ่าของท่าน
วีซ่า...ออสเตรเลีย
“Student E-Visa” คือ การยื่นขอวีซ่านักเรียนโดยการส่งใบสมัครและ เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปยัง DIMEA ที่ประเทศออสเตรเลียโดยตรง โดยไม่ต้อง ผ่านสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เอกสารและข้อมูลต่างๆ ของนักเรียน จะถูกส่งทางระบบ electronic ไปยังหน่วยงานที่ Perth ทั้งนี้เพื่อช่วยอำนวยความ สะดวก ลดขั้นตอนการขอวีซ่า และทำให้นักเรียนมีโอกาสที่จะได้รับวีซ่าได้เร็วขึ้น ผู้ ที่มีสิทธิยื่นขอ visa ประเภทนี้แทนนักเรียนได้ จะต้องเป็นบริษัทแนะแนวการ ศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกจากสถานทูตออสเตรเลียแล้วเท่านั้น ซึ่ง CETA ก็เป็น หนึ่งในบริษัทที่ได้รับเกียรติผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย หลักฐาน ประกอบการขอวีซ่านักเรียนประเทศออสเตรเลีย (e-visa) รูปถ่ายสีหรือขาวดำ ขนาด 1 - 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ และมีอายุครอบคลุมถึงระยะเวลาที่นักเรียนจะไป เรี ย น บั ต รประจำตั ว ประชาชน, สำเนาทะเบี ย นบ้ า น, เอกสารการศึ ก ษา (Transcript) ตัวจริง, เอกสารการตอบรับจากสถาบันการศึกษาที่สมัครไว้ หรือ Confirmation of Enrolment (COE) ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียน AUD $430 ชำระโดยบัตรเครดิต หรือกรณีนักเรียน / ผู้ปกครองไม่มีบัตรเครดิตสามารถ ใช้บัตรเครดิตของบริษัทได้ โดยชำระเป็นเงินสดตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น
(+ 3%), หลักฐานทางการเงิน (ยอดเงินล่าสุดไม่เกิน 2 สัปดาห์นบั จากวันทีย่ นื่ วีซา่ ) โดยใช้เป็นหนังสือรับรองจากธนาคารทีท่ า่ นได้เปิดบัญชีไว้กบั ธนาคารนัน้ ๆ (โดยต้อง ระบุยอดคงเหลือสุทธิ) หรือ ใช้สมุดบัญชีเงินฝากย้อนหลังไม่น้อยกว่า 6 เดือน พร้อมกับสำเนาบัตรประจำตั ว ประชาชนที่ เ ซ็ น ต์ รั บ รองสำเนาจากเจ้ า ของบั ญ ชี หลักฐานการทำงานของเจ้าของบัญชี ใบเปลี่ยนชื่อ/สกุล (ถ้ามี), หลักฐานการทำงานฉบับภาษาอังกฤษ (ถ้าเคย ทำงานแล้ว) (ในกรณีอายุต่ำกว่า 18 ปี) ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง,
สูติบัตรของผู้สมัคร, สำเนาบัตรประชาชนของบิดามารดา, Passport ของบิดา มารดา หรือเอกสารอื่นๆ ที่ทางราชการไทยออกให้โดยมีรูปถ่ายและลายเซ็นต์ของ เจ้าของเอกสารนั้นๆ (ในกรณีที่เคยเรียนที่ออสเตรเลียมาก่อน) ต้องมี Attendance Record จากสถาบันที่เคยเรียนมา, ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าจะไม่ได้รับคืน แม้ว่า วีซ่าจะไม่ได้รับการอนุมัติ เอกสารที่เป็นสำเนาทุกอย่างจะต้องเซ็นต์รับรองสำเนาถูก ต้อง จะคืนเอกสารตัวจริงให้ ยกเว้นหนังสือรับรองจากธนาคาร การตรวจสุขภาพ หลังจากยื่นเอกสารแล้วผู้สมัครจะต้องไปตรวจสุขภาพที่ โรงพยาบาล หรือคลีนิคที่ทางสถานฑูตกำหนดเท่านั้นโดยผู้สมัครสามารถรับแบบ ฟอร์มตรวจสุขภาพได้ที่ CETA ส่วนผลตรวจสุขภาพทางโรงพยาบาลจะส่งไปทาง สถานฑูตโดยตรง
หลักฐานการยื่นขอ “วีซ่าท่องเที่ยว” กรอกแบบฟร์อม 48R ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า 2,450 บาท ชำระโดย a. แคชเชียร์เช็ค (เฉพาะธนาคารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล) b.แบงค์ดราฟท์ (เฉพาะธนาคารในประเทศไทย นอกเหนือจาก กรุงเทพฯ และปริมณฑล) สั่งจ่าย ในนาม สถานฑูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ เป็นเงินสกุลบาทเท่านั้น Processing Fee 535 บาท ชำระเป็นเงินสด (ทางสถานฑูตจะเรียกเก็บค่าดำเนินการต่างหาก นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมวีซ่า) และรูปถ่ายสี ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 รูป หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ และจะต้องมีอายุมากกว่าช่วงเวลาที่ ต้องการไปเยือนประเทศออสเตรเลีย, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชน, หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี), หลักฐานทางการเงิน ใช้เป็นหนังสือรับรองจาก ธนาคารที่ท่านได้เปิดบัญชีไว้กับธนาคารนั้นๆ หรือใช้สมุดบัญชีเงินฝากตัวจริงย้อน หลังไม่นอ้ ยกว่า 6 เดือน (อัพเดทรายการและควรมียอดคงเหลือไม่ตำ่ กว่าหลักแสน) พร้อมสำเนาหลักฐานการศึกษา (กรณีที่ยังศึกษาอยู่) โดยใช้หนังสือรับรองจาก สถาบันการศึกษา หรือบัตรประจำตัวนักเรียนนักศึกษาที่ยังไม่หมดอายุ หลักฐาน การทำงาน (กรณี ที่ ท ำงานแล้ ว ) ใช้ เ ป็ น จดหมายรั บ รองจากบริ ษั ทโดยระบุ ถึ ง ตำแหน่งในปัจจุบัน, ระยะเวลาการทำงานกับบริษัท, เงินเดือน และช่วงเวลาที่ได้ รับอนุญาติให้ลาพัก หรือหากมีกิจการส่วนตัว ต้องใช้หนังสือรับรองบริษัท (กรณี อายุต่ำกว่า 18 ปี) ต้องมีเอกสารแสดงความยินยอมจากผู้ปกครอง พร้อมแสดง สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาหน้า Passport ของบิดาและมารดา a. โดย เอกสารแสดงความยินยอมสามารถทำได้ 2 วิธีคือ ติดต่อที่อำเภอ/เขต เพื่อขอทำ หนังสือยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศ แล้วนำมาให้ที่ CETA หรือ ติดต่อที่ ศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลีย (VFS) โดยใช้แบบฟอร์ม 1229 แล้วนำมาให้ที่ CETA (กรณีอายุเกิน 70 ปี) ต้องมีใบรับรองจากแพทย์ โดยแพทย์ต้องสามารถ ระบุได้ว่าผู้สมัครมีสุขภาพแข็งแรงสามารถเดินทางไปกลับต่างประเทศได้ และต้อง มีหลักฐานในการทำประกันสุขภาพครอบคลุม, ระยะเวลาที่เดินทาง, สำเนาใบเสร็จ รับเงินการตรวจสุขภาพ (ในกรณีที่ลงเรียนเกิน 4 สัปดาห์ ต้องไปตรวจสุขภาพจาก โรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด)
* หลักฐานทุกอย่างที่เป็นสำเนาจะต้องเซ็นต์สำเนาถูกต้อง * สถานทูตขอสงวนสิทธิการคืนเงินหากได้รับการปฏิเสธวีซ่า * หากเข้าเรียนเกิน 4 สัปดาห์ต้องไปตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลที่ สถานทูตกำหนด
รายชื่อโรงพยาบาลสำหรับตรวจสุขภาพ (กรุงเทพมหานคร) 1. โรงพยาบาลกรุงเทพ โทรศัพท์ 02-310-3256 2. โรงพยาบาลบางกอกเนอสซิ่งโฮม โทรศัพท์ 02-632-0550 3. โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โทรศัพท์ 02-574-5000 ดูรายชื่อโรงพยาบาลสำหรับต่างจังหวัดได้ที่ <http://www.immi.gov.au/contacts /overseas/t/thailand/ panel-doctors.htm> เอกสารที่ต้องเตรียมในการตรวจสุขภาพ รูปถ่าย 1 - 2 นิว้ 2 รูป, กรอกแบบฟร์อม 26 และ 160, หนังสือเดินทาง, ค่าตรวจสุขภาพประมาณ 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล) กลับด้านบน
39
ส่งลูกเรียนนอก
2008
สนใจเรียนภาษาหรือ ศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ในระดับปริญญาตรี โท และเอก สามารถขอคำแนะนำได้ที่ EF Education First (สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์) Tel: 0-2664-9966 E-mail: ilsth@ef.com Website: www.ef.com, www.brittin.com
อีกหนึ่งชีวิตของนักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปีที่ประทับใจไม่มีวันลืม... ปกฉัตร โลหะภัณฑ์สมบูรณ์ (บี) USA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์อินเตอร์ โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนของ EF Education First 2003-2004 Placement: Fairmont High School, MN ประสบการณ์ที่ไม่สามารถลืมได้ในระยะเวลาหนึ่งปีที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของ EF Education First เป็นประสบการณ์ที่สนุกและไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะมันมีมากมายหลากหลายความรู้สึกจนไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ก่อนอื่นบีขอเล่าความรู้สึก ตั้งแต่รู้ผลสอบ ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ เพราะการได้ไปเรียนที่ต่างประเทศถือเป็นความฝันที่ ใหญ่ที่สุดสำหรับเด็กอายุ 15 จะคิดได้และมันก็กำลังจะเกิดขึ้นจริงในอีกไม่กี่เดือน เเต่ เพราะเราเป็นลูกผู้หญิงคุณพ่อคุญแม่เลยเป็นห่วงมากหน่อยเกือบไม่ได้ไปตั้งหลายครั้งแหนะ เพราะพวกท่านคิดว่าเด็กผู้หญิงอายุแค่ 15 จะสามารถใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยไม่มีพ่อแม่ ดูแลได้ยังไง แต่แล้วท่านก็เข้าใจในวันที่ท่าน เห็นบีกลับมาพร้อมความสำเร็จและการ เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ของลูกสาวอายุ16 ปีของท่าน ช่วงเวลาที่อยู่ที่อเมริกามีทั้งช่วงเวลาที่มีความสุข เศร้า ท้อแท้ เสียใจ สนุกสนาน ปลื้ม ผิดหวัง และอื่นๆ อีกมากมาก แรกๆ ที่เพิ่งถึง เรานอนร้องไห้คิดถึงคุญพ่อคุณแม่ทุก วัน แต่ไม่อยากโทรกลับมาเพราะกลัวท่านจะป็นห่วง ภาษาอังกฤษตอนนั้นก็ยังพูดไม่ได้คุย กับใครก็ไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือก็ไม่เข้าใจ การสอบก็มีมาทุกวัน เรียนหนักมาก เพื่อนแรกๆ ก็ไม่มี แต่พอสักระยะหนึ่งทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น หลังจากที่เริ่มพูดได้บ้าง แล้วก็สามารถตอบ คำถามอาจารย์ได้มากขึ้น พูดคุยกับเพื่อนได้สนิทขึ้น ชีวิตเลยเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดี โทร กลับมาเล่าให้พ่อแม่ฟังท่านก็หายห่วง แต่ชีวิตไม่ได้ราบรื่นแบบนี้เสมอไป การที่เราใช้ชีวิต ร่วมกับผู้อื่นต้องมีการขัดแย้งกันบ้าง แต่การเก็บปัญหาไว้คนเดียวจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะฉะนั้นเวลาเรามีปัญหาอะไรเราควรจะปรึกษา Host เรา หรือ IEC เราทันที และ ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี อาจเป็นเพราะบีได้ Host ที่ดี IEC ของ EF ที่ดี เพื่อนที่ดีมากจึงทำให้ 1 ปีที่ อเมริกาเป็น 1 ปีที่เราประทับใจเเละไม่มีวันลืม ทุกวันนี้บีก็ยังติดต่อกับเพื่อนๆ IEC และ host ของอยู่ ถึงจะอยู่ห่างกันแต่ทุกวันนี้เค้าก็ยังเรียกเราว่าลูก และเรายังรักกันเหมือนว่า เรายังอยู่ด้วยกันค่ะ
40 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
ไปเรียนเมืองนอกทัง้ ที ต้องให้คมุ้ ค่า มุง่ เรียน “ม.ระดับโลก” จบแล้วบางคน ได้เงินเดือนถึง 4 แสนบาท จะไปเรียนต่างประเทศทัง้ ที ก็ตอ้ งตัง้ หลักให้ดี มี เคล็ดลับในการสมัครมากมายหลายวิธี แต่มหี ลักว่า ผูส้ มัครจากทัว่ โลก มีมากมาย หลายหมืน่ คน แต่มหาวิทยาลัยรับได้อย่างมากก็แค่ พันคนเท่านัน้ ลองคิดว่า เพียงไม่กปี่ ี บุตรหลานของท่าน เข้าเรียนทีน่ ไี่ ด้ ค่าตัวเป็นแสน เข้าทีน่ นั่ ได้เป็นล้าน แถมยังมี “ทุนการศึกษา” ให้อกี ดังนัน้ ทีน่ งั่ ทีจ่ ำกัดๆ นี่ เมือ่ ส่งไปสมัครไปตามมหาวิทยาลัย จะต้องทำให้ใบสมัครนัน้ มีจดุ ทีโ่ ดดเด่นให้ได้
เรียนอเมริกา ให้คุ้มค่าต้อง เรียน top 10 USA
ก่ อ นไปเรี ย น เมื่ อ เตรี ย มพื้ น ฐานด้ า นภาษา, ร่างกาย และจิตใจเป็นทีเ่ รียบร้อยแล้ว การส่งใบสมัคร ไปตามมหาวิทยาลัยระดับโลกในสหรัฐอเมริกานั้น จะ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะเข้าไป ในท็อปเท็นมหาวิทยาลัยของโลก ที่มีคนเก่งจากทั่ว โลกส่งใบสมัครไปแข่งขันกับท่าน เพื่อแย่งที่นั่งเรียน แต่จุดอ่อนที่พบก็คือ นักเรียน และนักศึกษา มักจะไม่รู้ตัวเอง ต้องเตรียมตัวที่จะต้องตอบคำถามที่โหดๆ ให้ได้ ขั้นแรกที่สำคัญที่สุดในการที่จะสมัครไป ต้อง รู้จักตัวเอง หาแง่มุมพรีเซ้นต์ตัวเองให้ต่างจากคนอื่น ต้องหาจุดที่สามารถโดดเด่นให้ได้ จะเพียงแต่แค่เขียน ไม่ ไ ด้ จะต้ อ งแสดงถึ ง จุ ด ที่ ท ำให้ ท างมหาวิ ท ยาลั ย สนใจเราให้ได้ อ่านแล้ว เห็นภาพเป็นตัวคุณเลย “คะแนนคุณจะสูงแค่ไหนไม่รับประกันอะไรเลย แต่ถ้าต่ำพอรับประกันว่าไม่ได้แน่” คำถามโหดๆ ต้องเตรียมตอบให้ได้ 1.คุณเคยประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิตของคุณ มีอะไรบ้าง 2.คุณเคยล้มเหลวและได้รับบทเรียนอะไรมาบ้าง 3. ทำไมคุณอยากเรียนที่นี่
41 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
4. คุณสมัครที่อื่นไว้หรือไม่ กี่แห่ง 5. ถ้าคุณมาเรียน คุณจะมีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง กับทางมหาวิทยาลัย ฯลฯ ถ้าจะหาผู้รับรองในเอกสารรับรองนั้น ขอบอก ว่ าไม่ ใ ช่ แ ต่ จ ะหา “คนมี ชื่ อ เสี ย ง” เท่ า นั้ น แต่ ใ น ใบรับรองนั้นจะต้อง ขอบอกว่ า เมื อ งไทยไม่ มี ใ คร ใหญ่ ต้ อ งระวั ง ! มหาวิ ท ยาลั ย ท็ อ ปเท็ น ในสหรั ฐ อเมริ ก า มี ใ บรั บ รองจากคนที่ ใ หญ่ โ ตจากทั่ วโลก มากมาย แต่จริงๆ แล้ว ในใบรับรองนั้น ต้องตอบ คำถามแรกให้ได้ว่า รู้จักกันในฐานะอะไร บางที่ถาม ลึกเข้าไปอีก รู้จักกันมายาว นานแค่ไหน, ได้ทำงาน ร่วมกันมามากน้อยแค่ไหน, อะไรบ้าง หากตอบคำถามตรงนี้ไม่ได้หรือว่าต้องอ้างคุณ พ่อคุณแม่ ก็ให้หาคนใหม่ดีกว่า ขอขอบคุณ ขอมูลจาก คุณสุสิทธิ์ ธนะรัชต์ Director of Amissions-Office ที่ปรึกษาการศึกษาต่อต่างประเทศ Stanford Consulting Group โทร.0-2231-1617
U.S. THAILAND
Postgaduate Postgaduate University /college 4 Years for Junior Colege university Community/ CollegeSenior (1st 2 years) Grade 12 M6 Grade 11 M 5 Grade 10 M 4 Grade 9 M 3 Grade 8 M 2 Grade 7 M 1 เปรียบเทียบระบบการศึกษาอเมริกา-ไทย
ไม่ใช่แค่เรียน แต่ “เครดิตดี” ถ้าต้องการเดินทางไปศึกษาในสหรัฐอเมริกา ต้องเตรียมความพร้อมอย่าง น้อย 5 ด้าน คือ - ด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ต้องอ่านออก, เขียนได้, พูดคล่อง ฟังได้เข้าใจ, และขอให้นำพจนานุกรมภาษาอังกฤษ-ไทย และไทย-อังกฤษ ติด มาด้วย หาแหล่ง download โปรแกรมดิกชั่นนารีอังกฤษ-ไทย หรือหาเวปไซต์ ที่ให้บริการหาคำศัพท์ทางพจนานุกรมมาด้วย พจนานุ ก รมควรมี 2 ประเภท คื อ พจนานุ ก รมศั พ ท์ ทั่ ว ไป และ พจนานุกรมศัพท์เฉพาะในสาขา หรือแวดวงวิชาการที่จะมาศึกษาต่อที่สหรัฐฯ - ด้านพื้นฐานการศึกษาในสาขาที่จะมาศึกษาต่อ ต้องเตรียมให้แน่น อ่านศึกษาค้นคว้ามาก่อนได้ยิ่งดี เพราะเราต้องแข่งกับ คนอเมริกันซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านเนื้อหา และภาษา - ด้านค่าใช้จ่ายปีละ1-2 ล้าน ในกรณี ข องนั ก เรี ย นทุ น รั ฐ บาล รั ฐ จะรั บ ภาระในเรื่ อ งนี้ ใ ห้ ในขณะที่ นักเรียนทุนส่วนตัว ต้องเตรียมกันเงินไว้พอสมควร เพราะค่าใช้จ่ายในการศึกษา ในสหรัฐฯ ตกประมาณ 1-2 ล้านบาท/ปี - ด้านสภาพร่างกาย หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, กินอาหารที่เป็นประโยชน์, ควรตรวจ สภาพร่างกาย และตรวจสุขภาพฟัน ถ้าพบว่ามีปัญหา ก็ให้รักษาให้เรียบร้อย ก่อนเดินทาง โดยเฉพาะฟัน ให้ทำหรือรักษาจากเมืองไทยให้เรียบร้อยก่อน เพราะค่าใช้จ่ายในการทำหรือรักษาฟันในสหรัฐฯ แพงมาก - ด้านสภาพจิตใจ การห่างไกลจากครอบครัว คนรัก คนที่ห่วงใย เป็นปัญหาสำคัญที่บั่นทอน ความสามารถในการศึกษามาก จึงควรเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม ปัจจุบันการติดต่อกันข้ามทวีปทำได้ง่าย สะดวก และราคาถูกกว่าในอดีต มาก มีปัญหาหนักใจอย่างไร ควรติดต่อกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือคนรัก อย่า เก็บอัดอั้นตันใจไว้คนเดียว และขอแนะนำให้ติดต่อกับทางบ้านที่เมืองไทยผ่าน บริการ Instant Messenger เพราะถูกกว่าการติดต่อผ่านโทรศัพท์มาก หลาย แห่ งให้ บ ริ ก ารฟรี สามารถคุ ย และเห็ น หน้ า กั น ผ่ า น web cam แก้ เ หงา บรรเทาความคิ ด ถึ งได้ ดั ง นั้ น ก่ อ นเดิ น ทางมาสหรั ฐ ฯ ควรสมั ค รสมาชิ ก Instant Messenger ให้กับตัวเองและคนทางบ้าน จะสมัคร hotmail หรือ
42 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
yahoo หรือแหล่งบริการอื่นก็ได้ สมัครแล้วก็ทดลองใช้ และอธิบายวิธีการใช้ให้ กับสมาชิกในครอบครัวและบุคคลที่จะติดต่อด้วย ในบรรดาความพร้อมทั้ง 5 ประการข้างต้น ด้านสภาพจิตใจและร่างกาย สำคัญที่สุด - สิ่งที่ควรนำมาจากเมืองไทย ได้แก่ พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย และไทยอั ง กฤษ หนั ง สื อ ตำราเฉพาะทางที่ ห ายาก สติ ก เกอร์ แ ป้ น พิ ม พ์ อั ง กฤษ/ไทย (สำหรับผู้จะมาหาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สหรัฐฯ) รูปถ่ายครอบครัวหรือญาติ สนิท เพลงที่ชอบ เพลงไทยที่นิยมในเทศกาลประจำปี เช่น เพลงปีใหม่ เพลง สงกรานต์ เพลงลอยกระทง เป็นต้น ของชำร่วยหรือของฝากประจำชาติ กล้อง ถ่ายรูป ยารักษาโรคประจำตัว เสื้อผ้าที่เพียงพอใส่ได้ระยะหนึ่ง สิ่งของเครื่องใช้ ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ฯลฯ - สิ่ ง ที่ ไ ม่ ค วรนำติ ด ตั ว ได้ แ ก่ เครื่ อ งประดั บ ราคาแพง หม้ อ หุ ง ข้ า ว เครื่องใช้ไฟฟ้า (ระบบไฟที่นี่ใช้ 110 โวลท์ ส่วนที่บ้านเราใช้ 220 โวลท์) - สิง่ ทีต่ อ้ งห้ามนำเข้าสหรัฐฯ ได้แก่ วัตถุระเบิด ปืน มีด สิง่ มีคม ยาเสพติด อาหารหรือวัตถุดิบปรุงอาหาร อาทิ หมูแผ่น หมูหยอง ผลไม้สดทุกชนิด สัตว์ เลี้ยง
จำนวนนักเรียนทุนฯ และข้าราชการไปเรียน ศึกษาในสหรัฐ และแคนาดา ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551
จำแนกตามเพศ เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 770 45.2% หญิง 933 54.8% รวม 1703 100.0% ในจำนวนนี้ เรียนอยู่ Canada 41 คน
ค่าเงิน $ ลด เงินบาทแข็ง
นั ก เรี ย นนั ก ศึ ก ษาไทย หั น กลั บไปเรี ย นต่ อ สหรั ฐ มากขึ้ น - MBA ปริ ญ ญาโท มากที่ สุ ด
สถาบั น การศึ ก ษาในสหรั ฐ อเมริ ก า ยั ง เป็ น สถาบั น และ มหาวิทยาลัย ยอดนิยมที่นักเรียนนักศึกษาไทย เลือกศึกษาต่อมาก ที่สุด โดยเฉพาะหลักสูตร บริหารธุรกิจ ระดับปริญญาโท หรือ MBA มีอัตราสูง หลักสูตรมหาวิทยาลัยในมลรัฐ 6 แห่งที่ได้รับ ความนิยมมากได้แก่ มหาวิทยาลัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐอิลลินอยส์ รั ฐ มิ ชิ แ กน รั ฐ แมสซาซู เ ซตส์ และรั ฐ นิ ว ยอร์ ก ถื อ ว่ า เป็ น มหาวิทยาลัยระดับท็อปเท็นของสหรัฐ ขณะนี้มีแนวโน้มใหม่พบว่า นักเรียนนักศึกษาไทยเริ่มที่จะไป ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมากขึ้น กำลังมีการติดตาม แนวโน้ม ใหม่ของการไปเรียนต่อที่ยุโรปและอเมริกาในระดับปริญญาตรีของ นักเรียนยังพบแนวโน้มใหม่ว่า มีนักเรียนไทยเลือกเรียนหลักสูตร ระดับปริญญาตรีเพิ่มขึ้น อาจจะเนื่องมาจากโรงเรียนในระบบการ ศึกษาไทยมีเปิดหลักสูตรนานาชาติมากขึ้น เมื่อสำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมปลายแล้ว ยังไม่มีหลักสูตรระดับปริญญาตรีรองรับได้ เพี ย งพออย่ า งที่ ต้ อ งการ จึ ง เลื อ กไปศึ ก ษาต่ อ ในหลั ก สู ต รใน มหาวิทยาลัยในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย หลักสูตรที่มีนักเรียนนักศึกษาไทยต้องการไปเรียนต่างประเทศนั้น มีหลายหลักสูตร และที่ได้รับความสนใจก็มีสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และมีผู้สนใจในหลักสูตรของ เนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้น หรือที่สิงคโปร์รวมทั้งการไปเรียนภาษาที่จีน และญี่ปุ่นบ้าง สาเหตุ อ าจจะมาจากที่ มี โ รงเรี ย นนานาชาติ ที่ ใ ช้ ส อนด้ ว ย หลักสูตรภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แต่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ไม่สามารถที่จะรองรับความต้องการเรียนในระดับสูงในหลักสูตร ภาษาอังกฤษ หรือนานาชาติที่ต้องการได้ ทำให้มีการเดินทางไป ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในต่างประเทศมากขึ้นไปด้วย อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ค่าเงินดอลลาร์ลดลง เงินบาทแข็ง เมื่อ
44 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว ทำให้ถูกลง จึงทำให้สหรัฐอเมริกา กลับมาได้รับ ความสนใจอีกครั้ง เพราะเมื่อเทียบค่าเงินแล้ว เงินบาทแข็งตัวแต่เฉพาะกับค่า เงินของดอลลาร์เท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับค่าเงินของยุโรป และญี่ปุ่นแล้ว เงินไทย ไม่ได้แข็งค่าไปเหมือนกับค่าเงินเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเงื่อนไขใด ก่อนอื่นนักเรียนและนักศึกษาต้องเตรียมความพร้อม เรื่องภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นการติวเข้มสอบ TOEFL, IELTS, GMAT หรือ GRE เพื่อให้สามารถสอบผ่านและได้คะแนนสูงในการสมัครเข้าศึกษาต่อยัง สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ การศึกษาต่อต่างประเทศเป็นความใฝ่ฝัน และเป็นการลงทุน ต้องทำให้ คุ้มค่า การเตรียมตัวไปศึกษาต่อต่างประเทศ ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานสำคัญใน ความสำเร็จของการศึกษา นักเรียนนักศึกษาไทยต้องเตรียมให้ “พร้อมอย่าง น้อยครึ่งตุ่ม” โดยทั่วไปจะต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับระดับพื้นฐาน การเรียน และเงื่อนไขการรับเข้าศึกษาต่อของแต่ละมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกัน ไป การพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ก็ไม่จำเป็นว่า จะรับประกันทักษะที่เพียงพอ ในการเขียนภาษาอังกฤษ ดังนั้น ในการสอบข้อสอบของ TOEFL จึงได้มีการ เปลี่ยนแปลงปรับวิธีการวัดผล จากเดิมที่เข้าใจว่า ไม่มีการเขียน เพียงแต่ ทดสอบด้านความเข้าใจและการฟังเท่า ในขณะนี้ ข้อสอบ TOEFL ได้เปลี่ยน วิธีการสอบมาวัดผลการเขียนด้วยการให้อ่าน passage ก่อนแล้วให้ “เขียน ข้อความตามที่เข้าใจ” เหตุ ผ ลในการเพิ่ ม การอ่ า นให้ เ ข้ า ใจ แล้ ว เขี ย นภาษาอั ง กฤษเพื่ อ วัตถุประสงค์ทางวิชาการนั้น เพราะว่า หากสามารถอ่าน, เขียนภาษาอังกฤษได้ และมี ค ำศั พ ท์ ดี ๆ จะยิ่ ง ทำให้ ก ารศึ ก ษาง่ า ยขึ้ น และสามารถทำงานที่ ไ ด้ รั บ มอบหมายให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดได้ การบรรยายที่เป็นวิธีการสอนนั้น อาจารย์จะไม่ลดความเร็วในการบรรยาย ตามปกติเพื่อช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติ ด้วยเหตุนี้การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทางไปจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ใช้ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ราคาไม่แพง ใกล้บ้าน 12 ชั่วโมง อัตราเงิน 24-25 บาทต่อดอลลาร์
มีความปลอดภัย ไม่มีสิ่งยั่วยุ ผู้ปกครองไม่ต้องห่วง
สนับสนุนปริญญาเอก...ไปได้ทั้งครอบครัว พ่อแม่ทำงานได้...ส่วนลดทันที 10,000 ดอลลาร์ NZ ลูกได้เรียน เสียค่าเทอมเท่าคนนิวซีแลนด์ ถ้าจะแนะนำให้ไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ก็ควรจะอายุประมาณ 13 ปีขึ้นไป ขณะนี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์มีนโยบายสนับสนุนให้นัก ศึกษานานาชาติ เข้าไปทำวิจัย และศึกษาในระดับปริญญาเอก มากที่สุด นิวซีแลนด์ถือว่า “การศึกษานานาชาติ” เป็นผลิตภัณฑ์สินค้า ส่งออก ขึ้นอยู่กับกระทรวงการค้า ไม่ใช่กระทรวงศึกษาธิการอย่าง ระบบการศึ ก ษาไทย โรงเรี ย นและมหาวิ ท ยาลั ย รวมกั บ การ ท่องเที่ยว สร้างรายได้ในภาคบริการเข้าประเทศได้ถึง 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม นางสาวปิโยรจน์ งามวิไลกร ผจก.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ-การ ศึกษา สำนักงานพาณิชย์นิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ กล่าวว่า นโยบายสนับสนุนด้วยเงื่อนไขพิเศษผู้ที่ไปศึกษาต่อระดับปริญญา เอก ถ้ามีครอบครัวแล้ว พาสามี/ภรรยาไปพำนักอยู่ได้ รับทุนหรือ ส่วนลดในการศึกษาจากที่เคยจ่าย 14,000 ดอลลาร์ต่อปี/คน จะ ลดเหลื อ เพี ย ง 4,000 ดอลลาร์ กล่ า วคื อ ลดให้ ทั น ที ค นละ 10,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ถ้าหากสามี/ภรรยาทำงานได้ ก็จะได้รับใบอนุญาตให้ทำงานได้ หากมีลูกไปด้วย และอนุญาตให้เข้าเรียนที่โรงเรียนในนิวซีแลนด์ จะได้รับสิทธิในการเสียค่าใช้จ่ายเท่ากับลูกๆ ของชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งถูกกว่าค่าเทอมของนักเรียนต่างชาติ ปีการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปถึงเดือนพฤษภาคม โดยจะมีช่วงปิดเทอมระยะนั้น บางสาขาจะมีการรับนักศึกษาใหม่ สองถึงสามครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ กรกฎาคม และพฤศจิกายน ภาคการศึกษาที่สามจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน ไปถึงเดือน มี น าคม และกำลั ง เป็ น ที่ นิ ย มของนั ก ศึ ก ษามากขึ้ น เนื่ อ งจาก สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้อีกหนึ่งเทอม
45 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
คุณสมบัติของผู้สมัครจากประเทศไทยระดับปริญญาโท/เอก - สำเร็จปริญญาตรี/โท - ปริญญาโท คะแนน TOEFL 600, IELTS 6.5, PGA 2.75 - ปริญญาเอก TOEFL ต้องมากกว่า 600 หรือ IELTS 6.0-6.5 และ PGA มากกว่า 3 - เอกสารชี้แจงวิทยานิพนธ์ พร้อมประวัติส่วนตัว ระบบการศึกษาปริญญาเอก เน้นงานวิจัย หรือเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่ ได้รับการยอมรับทั่วโลก มหาวิทยาลัยทั้งหมด มี 8 แห่ง เป็นของรัฐทั้งหมด ไม่มีมหาวิทยาลัย เอกชน
ข้อมูลเบื้องต้น ประเทศนิวซีแลนด์ นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นและ ประเทศอังกฤษ ทั้งยังมีภูมิประเทศที่ถือว่าสวยงามแตกต่างจากที่อื่นไม่ ว่ า จะเป็ น เนิ น เขาสี เ ขี ย วลู ก แล้ ว ลู ก เล่ า หาดทรายสี ท อง ที่ ร าบสู ง ภูเขาไฟซึ่งเตียนโล่งหรือแม้แต่ป่าดิบฝนอันชุ่มฉ่ำ ทั้งหมดนี้สามารถ สัมผัสได้ด้วยการขับรถไปไม่กี่ชั่วโมง นิวซีแลนด์มีประชากรแค่สี่ล้านคน และเป็นผู้คนที่รู้จักกันในอีกชื่อ เป็นอย่างดีว่าชาว “กีวี” (Kiwis) พวกเขามีบุคลิกเรียบง่าย อบอุ่น สบายๆ และมีไมตรีให้แก่เพื่อนบ้านตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไป เยือนอยู่เสมอ ชาวนิวซีแลนด์เป็นผู้คนที่รักการผจญภัย ชื่นชอบในการ ประดิ ษ ฐ์ ส ร้ า งสรรค์ สิ่ งใหม่ ๆ ตลอดจนมี ค วามสุ ข กั บ การเล่ น กี ฬ า หลากหลายไม่ว่าจะเป็นรักบี้ ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติ จนกระทั่งถึงกีฬา สุดท้าทายอย่างบันจี้จัมพ์ (Bungee Jumping) ซึ่งเป็นกีฬาที่ถูกคิดค้น โดยชาวนิวซีแลนด์เอง นิวซีแลนด์มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างสบาย ในฤดูหนาวจะมีฝนตก โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนฤดูร้อนนั้นจะแห้งและ อากาศก็ไม่ร้อนจัดโดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ 20-30 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ส่วนฤดูหนาวจะอยู่ในระหว่าง เดือนมิถุนายน - สิงหาคม การเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปนิวซีแลนด์นั้นใช้เวลา ประมาณ 10 ชั่ วโมง ในขณะที่ ห ากเดิ น ทางไปจากซิ ด นี ย์ ป ระเทศ ออสเตรเลียใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง สายการบินระหว่างประเทศหลาย สายมีเที่ยวบินตรงจากประเทศไทยไปยังนิวซีแลนด์ ซึ่งนั่นทำให้การ เดินทางมีความสะดวกสบายมากขึ้น เมืองต่างๆ ของนิวซีแลนด์มีบริการรถประจำทางและรถไฟที่มี ประสิ ท ธิ ภ าพบางเมื อ งก็ มี ทั้ ง สองอย่ า ง นอกจากนี้ ยั ง มี รู ป แบบการ เดินทางอย่างอื่น เช่น บริการรถแท็กซี่ รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยาน หรือแม้กระทั่งการเดิน การปั่นจักรยานในประเทศนิวซีแลนด์นั้นผู้ขับขี่ ต้ อ งสวมหมวกกั น น็ อ กตลอดเวลาและต้ อ งเคารพกฎจราจรอย่ า ง เคร่งครัด รายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายจราจร ใบอนุญาตขับขี่ และ มาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยสามารถติดต่อรับได้ที่หน่วย
46 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
งานทางราชการชื่อ Land Transport New Zealand (www.ltsa.govt.nz) ด้วยเหตุที่สถานที่สำคัญของเมืองตลอดจนร้านรวงต่างๆ ไม่ได้ตั้งอยู่ไกล ห่างกัน การเดินจึงเป็นการเดินทางอย่างหนึ่งที่สะดวกสบายและได้รับความ นิยมมาก โดยปกติร้านค้าต่างๆ ในนิวซีแลนด์จะเปิดวันจันทร์ถึงวันเสาร์แต่ก็มี จำนวนไม่น้อยที่เปิดวันอาทิตย์ด้วยเช่นกัน ร้านค้าจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกาถึง 5.30 นาฬิกา และจะปิดช้ากว่าปกติหนึ่งครั้งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับเทศกาลพิเศษ ซึ่งอาจขยายเวลาปิดไปถึง 21.00 น. สำหรับวันเสาร์ และวันอาทิตย์นั้นเวลาเปิดปิดของแต่ละร้านอาจแตกต่างกัน บางร้านอาจเปิด ช้า บางร้านก็ปิดก่อน บางร้านก็ปิดตั้งแต่บ่ายโมง สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันในนิวซีแลนด์นั้นมีราคาเท่ากับสินค้าในประเทศ อังกฤษ และออสเตรเลีย ซึ่งตารางด้านล่างได้ให้รายละเอียดราคาสินค้าที่รู้จัก กันดีไว้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ร้านค้าและบริการหลายอย่างในนิวซีแลนด์มีส่วนลดให้ กับนักเรียนด้วยเช่นกัน สถาบันการศึกษาบางแห่งสามารถออกบัตรประจำตัวให้ แก่นักศึกษาเพื่อขอส่วนลดได้ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย
ส่งจดหมาย (ในประเทศนิวซีแลนด์) รับประทาน Big Mac ที่ McDonalds ดูภาพยนตร์ที่โรงหนัง ซื้อเครื่องดื่ม Coca Cola หนึ่งขวด ดื่มกาแฟหนึ่งแก้วที่ร้านกาแฟ เดินทางโดยเครื่องบินจาก Auckland ไป Wellington ราคาเริ่มต้นที่
$0.45 $3.95 $11.00 $2.50 $3.00 $90.00
กลุ่มคนที่เกิดขึ้นในเมือง ที่มีความหลากหลาย เช่น สิงคโปร์ มิวนิค เซี่ยงไฮ้ หรือบอสตัน ที่ทำงานหรือ กำลังจะเข้าทำงานในตำแหน่ง ในบริษัทที่ได้รับการยอมรับ ในเมืองใหญ่ทั่วโลก
สร้ า งคนพั น ธุ ใ ์ หม่ รุ่น “The New World Class” การศึกษาของนิวซีแลนด์ ถูกขนานนามว่า เป็นนักคิดผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม สายเลือดใหม่ เรียกว่า “The New World Class” หมายถึงกลุ่มคนที่เกิดขึ้นใน เมืองที่มีความหลากหลาย เช่น สิงคโปร์ มิวนิค เซี่ยงไฮ้ หรือบอสตัน ที่ทำงานหรือ กำลังจะเข้าทำงานในตำแหน่งในบริษัทที่ได้รับการยอมรับในเมืองใหญ่ทั่วโลก เป็นกลุ่ม คนที่ ไ ด้ รั บ การศึ ก ษาและมี คุ ณ ค่ า เหนื อ ประกาศนี ย บั ต รทางการศึ ก ษา การศึ ก ษา นิวซีแลนด์ มุ่งพัฒนาศักยภาพของนักเรียนแต่ละคนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ระบบการศึกษาในนิวซีแลนด์ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ที่หลากหลาย ตั้งแต่การ ศึกษาในวัยเด็กที่จัดให้เหมาะสมตามวัฒนธรรม, การศึกษาฟรีในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาสำหรับประชากรและผู้พักอาศัยถาวร, การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่ให้สิทธิเท่าเทียมกัน และหลักสูตรการศึกษาที่มีการรับรองคุณภาพมากมาย ลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การจัดให้มีทางเลือกทางการศึกษาที่ยืดหยุ่น ยกตั ว อย่ า งเช่ น นั ก เรี ย นจะไม่ ถู ก จำกั ดให้ ศึ ก ษาผ่ า นประเภทของโรงเรียนที่มีการ กำหนดทางเลือกทางการศึกษาในอนาคตแบบเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ระบบการศึกษาจะมีการจัดสถาบันที่มีรูปแบบหลากหลาย แต่นโยบายระดับชาติและการรับรองคุณภาพ ก็มีการจัดกรอบให้การศึกษามีความ ต่อเนื่องสัมพันธ์กันทั้งระบบ
48 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
ค่าใช้จ่ายในการศึกษา
หลักสูตรที่เรียน และระยะเวลาในการศึกษา Undergraduate ปริญญาตรี สาขาศิลปะ, ธุรกิจ, เศรษฐศาสตร์ และกฎหมาย NZ$ 10,000- 15,000 ต่อปี สาขาวิทยาศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์ NZ$ 13,000- 18,000 ต่อปี Postgraduate Graduate Certificate Graduate Diploma ปริญญาโท ปริญญาเอก NZ$ 14,000-24,500 ต่อปี MBA NZ$ 18,000-24,500 ต่อปี
ค่าครองชีพ
มีนักเรียนต่างชาติมากมายที่พอใจกับมาตรฐานการครองชีพที่สูงของชาว นิวซีแลนด์ โดยทั่วไปค่าครองชีพจะใกล้เคียงกับในออสเตรเลีย และจะน้อย กว่าที่อังกฤษ Big Mac ที่ร้าน McDonald-$3.95 ค่าโทรศัพท์ local ฟรี ค่าชมภาพยนตร์ $8.50-$12.00 ค่าส่งจดหมายภายในประเทศ 45 เซนต์ นักเรียนที่ศึกษาในระดับอุดมศึกษา ควรจะมีงบมากกว่า $15,000-20,000 สำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละปี ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ขึ้นกับอายุของคุณ, หลักสูตรที่คุณเลือกเรียน, และชนิด ที่พักอาศัยที่คุณเลือก ดังนั้นค่าใช้จ่ายประมาณการดังต่อไปนี้จึงเป็นเพียงการ ประมาณคร่าวๆ เท่านั้น
สำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษา : ค่าตำราและเครื่องเขียน $500 ต่อปี ค่าบัตรนักศึกษา $20 ค่าสมาชิกสมาพันธ์นักศึกษา $30 ค่าถ่ายเอกสาร $100 ค่าโดยสารรถประจำทาง $30-$60 ต่อสัปดาห์ กาแฟในโรงอาหาร $1-$3 ต่อแก้ว อาหารมื้อดึกในโรงอาหาร $7 ต่อมื้อ สำหรับการศึกษาระดับมัธยมศึกษา : ค่าเครื่องเขียน $150 ต่อปี เครื่องคิดเลขสำหรับวิชาฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ $40 ค่าทัศนศึกษา $30 หลักสูตรพิเศษ เช่น IELTS $300 ค่าธรรมเนียมการสอบ: NCEA $200 ถึง $400 + $100 ต่อวิชาสำหรับทุน การศึกษา ค่าวัสดุสำหรับวิชาพิเศษ เช่น ศิลปะและการถ่ายรูป $50-$300 ค่าเครื่องแบบ $300-$500 (หรืออาจสูงถึง $1,000 สำหรับโรงเรียนเอกชน บางแห่ง) ค่าโดยสารรถประจำทาง $30 ต่อสัปดาห์ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน $30 ต่อสัปดาห์ ระบบขนส่งมวลชน เนื่องจากประเทศนิวซีแลนด์มีความหนาแน่นประชากรเบาบาง ระบบขนส่ง มวลชนจึงไม่กระจายครอบคลุมเหมือนในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม ในเมือง ส่วนใหญ่จะมีรถประจำทางวิ่งทุกๆ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย นอกจากนั้นเมือง โอ๊คแลนด์และเวลลิงตันยังมีบริการรถไฟอีกด้วย บัตรโดยสารแบบ 10 เที่ยว บัตรเดือน หรือบัตรเติมเงินอิเล็กทรอนิกส์ จัดว่าเป็นค่าโดยสารที่ถูกและคุ้มค่า ที่สุด ส่งลูกเรียนนอก
49
2008
ฤดูใบไม้ร่วง เดือนมีนาคม ถึงพฤษภาคม ฤดูหนาว เดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม ฤดูใบไม้ผลิ เดื อนกันยายน ถึงพฤศจิกายน
คำแนะนำก่อนการเดินทาง การเดิ น ทางโดยเครื่ อ งบิ น มานิ ว ซี แ ลนด์ นั้ น ง่ า ย มี เ มื อ งที่ ร องรั บ direct flight มากมาย สนามบิ น นานาชาติ ห ลั ก สองแห่ ง อยู่ที่ เ มื อ ง โอ๊ ค แลนด์ และไคร้ ส ท์ เ ชิ ร์ ช ส่ ว นเวลลิ ง ตั น ซึ่ ง เป็ น เมื อ งหลวงของ นิวซีแลนด์ ก็มีสนามบินนานาชาติไป/กลับออสเตรเลียด้วย ที่พักอาศัย สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่จะช่วยคุณจัดหาที่พักอาศัยให้อยู่แล้ว ประเภทที่พักต่างๆ มีดังนี้: Halls of residence/student hostels/ค่าใช้จ่ายประมาณ $200 ต่อ สัปดาห์ Homestay/private board/ค่าใช้จ่ายประมาณ $180 ต่อสัปดาห์ บวกค่าลงทะเบียนครั้งแรกอีกประมาณ $150 Flatting/ค่าใช้จ่ายประมาณ $120/ห้องนอน/สัปดาห์ (ถูกกว่าสำหรับ เมืองขนาดเล็ก) และเพิ่มค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ “4 ฤดูในวันเดียว” อากาศที่นี่ค่อนข้างแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว จนผู้คนมัก จะกล่าวติดตลกกันเรื่องการมี “สี่ฤดูในวันเดียว” จึงเป็นการดีถ้าคุณจะนำ เสื้อโค้ทหรือเสื้อถักติดตัวไปด้วย ถึงแม้อากาศจะดูปลอดโปร่งในช่วงเช้า ก็ตามเสื้อผ้าที่กันน้ำและให้ความอบอุ่นมีความจำเป็นอย่างมากถ้าคุณจะ เดินเท้าหรือเดินเล่น
50 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
อากาศปานกลาง หน้าหนาว อากาศชื้นสบาย ส่วนหน้าร้อน อากาศแห้งอบอุ่น อากาศใน แต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน ค่อนข้างมาก
ถึงแม้นิวซีแลนด์จะไม่หนาวเย็นเหมือนบางประเทศในซีกโลกเหนือ แต่ บ้านส่วนใหญ่มักจะปลูกเป็นบ้านเดี่ยว ทำด้วยไม้และมีเครื่องทำความร้อน หรือติดกระจกสองชัน้ โดยครอบครัวต่างๆ จะสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอุ่น และ ใช้กองไฟ เตาผิง เครื่องทำความร้อนด้วยแก๊สหรือไฟฟ้าในฤดูหนาวแทน ปกติแล้วชาวนิวซีแลนด์มักจะเปิดทำความร้อนเฉพาะห้องที่ใช้งานเท่านั้น จะไม่เปิดทั้งบ้าน ส่วนห้องนอนแบบ homestay จะมีเครื่องทำความร้อน และเตียง นอนก็อาจจะมีผ้าห่มไฟฟ้า กระติกน้ำร้อน หรือถุงทำความร้อนเพิ่มเติมอยู่ ด้วย เครื่องนุ่งห่มสำหรับฤดูหนาวและฤดูร้อน สำหรับฤดูหนาว คุณจำเป็นต้องใช้ : รองเท้าอุ่นๆ สำหรับอากาศชื้น สเวตเตอร์ผ้าขนสัตว์หรือเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเสื้อแจ็กเก็ตกันลม หรือเสื้อโค้ทกันน้ำ ส่วนในฤดูร้อน คุณจำเป็นต้องใช้: หมวกกันแดดเสื้อเชิ้ตแขนยาวหรือเสื้อผ้าที่เนื้อบางเบา รองเท้าสำหรับไปชายหาดหรือเดินป่า
บริษัท เฟอร์เธอร์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด Further Education Co., Ltd. ผู้เชี่ยวชาญให้บริการแบบครบวงจร เพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ
Luzern, Switzerland
Melbourne, Australia
Trinity College Dublin, Ireland
ดำเนินการโดยทีมงานผู้มีประสบการณ์ ความรับผิดชอบ และความชำนาญในการติดต่อประสานงานระหว่าง นักเรียน/นักศึกษา ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สถานทูต และสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศ รวมทั้งให้คำปรึกษา วางแผน เพื่ อ ศึ ก ษาต่ อ ตั้ ง แต่ ร ะดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา ปริ ญ ญาตรี ปริ ญ ญาโท ปริ ญ ญาเอก รวมทั้ ง หลั ก สู ต ร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ และภาษาอังกฤษ ทัง้ แบบระยะสัน้ และระยะยาว ในหลากหลายประเทศ อาทิ สวิสเซอร์แลนด์ อังกฤษ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และอินเดีย
เฟอร์เธอร์ เอ็ดดูเคชั่น
กับความไว้วางใจจากสถาบัน และองค์กรต่างๆ
• ได้รับการแต่งตั้งจากสถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ให้เป็นศูนย์ดำเนินการยื่นเรื่องขอวีซ่า
นักเรียน ผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ eVisa • ได้รับการแต่งตั้งจาก บริติช เคานซิล ให้เป็นศูนย์รับสมัครสอบ IELTS • ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของหลากหลายสถาบันชั้นนำของโลก
อาทิ • University of Dublin (Trinity College) มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไอร์แลนด์ และมีอายุมากกว่า 400 ปี • Griffith College Dublin มหาวิทยาลัยเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในไอร์แลนด์ • IMI University Center สถาบันบริหารธุรกิจการโรงแรมและท่องเที่ยว แห่งนครลูเซิน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ • Kalaidos University มหาวิทยาลัยผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร แห่งนครซูริค และได้รับการ
รับรองวิทยฐานะ โดย Federal Government of Switzerland • Institute auf dem Rosenberg โรงเรียนมัธยมศึกษาที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง
St. Gallan ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ • Monash University หนึ่งในมหาวิทยาลัยกลุ่ม Group of Eight และอีกหลายหลายมหาวิทยาลัย
และโรงเรียนมัธยมศึกษาชั้นนำ ในประเทศออสเตรเลีย อาทิ La Trobe Uni., Swinburne Uni., Flinders Uni., Box Hill Institute, Le Cordon Bleu, Haileybury College, Victorian Government Schools, Melbourne Girls Grammar, St. Catherine’s School, Wesley College, Whitefriars College, Mater Christi College, etc. • PES วิทยาลัยอันดับที่ 1 แห่งเมืองบังกะลอร์ และอันดับที่ 23 ในอินเดีย
Taj Mahal, India
193/18 ชั้น 3 อาคารเลครัชดา ออฟฟิส คอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก (เยื้องศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์) คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 แฟกซ์ 02 661-8864 โทรศัพท์ 02 661-8862 www.FurtherEducation.co.th CRICOS : 00008C, 00115M, 00111D, 00114A, 02411J, 01818E, 00861K, 00649C, 00322D, 00354G, 00574F, 01680G, 00589K
ศัพท์ 3 คำ ใช้ทุกวัน จำให้แม่น PLEASE THANK YOU EXCUSE ME
ใครๆ ก็อยากนำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่นำติดตัวไปต่างประเทศด้วยแต่ ย่อมเป็นไปไม่ได้ แค่กระเป๋าเดินทาง สายการบินส่วนใหญ่จะจำกัดเรื่อง กระเป๋าเดินทางให้นำกระเป๋าใหญ่ขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
**ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดาเท่านั้น ที่จะอนุญาตให้นำ กระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ ใบละ 32 กิโลกรัม สำหรั บ กระเป๋ า เล็ ก ที่ น ำขึ้ น เครื่ อ งติ ด ตั ว นั้ น จะอนุ ญ าตให้ แ ค่ 5 กิโลกรัม ในกรณีที่น้ำหนักเกินพิกัดจะถูกปรับ โดยการคิดตามจำนวน น้ำหนักที่เกินจากทางสายการบิน ดังนั้นควรถามเจ้าหน้าที่ที่ออกตั๋วเกี่ยว กับน้ำหนักของกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนจัดกระเป๋าเดินทาง
52 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
สิ่งที่สำคัญที่ควรรู้ และปฏิบัติเมื่ออยู่กับโฮมสเตย์(Homestay) เพื่อช่วย ให้อยู่กับครอบครัวได้อย่างมีความสุขควรเรียนรู้เกร็ดย่อยๆ ดังต่อไปนี้ ความรู้เบื้องต้น • ควรเรียนรู้คำศัพท์สั้นๆ 3 คำ คือ PLEASE, THANK YOU และ EXCUSE ME เพราะเป็นคำที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเกือบทุกวัน • ทำตัวให้เหมือนกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว สนุกกับการอยู่กับ พ่อ แม่ และลูกๆ ของครอบครัว ที่อยู่ด้วยให้ความนับถือ และความเป็น เพื่อนแก่เขา สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขารู้สึกสบายใจ และเขาจะปฏิบัติเหมือน เช่นที่เราปฏิบัติต่อเขา • ให้คิดเสมอว่าบ้านที่เราอยู่ไม่ใช่โรงแรม ไม่มีลูกจ้างหรือคนใช้ ควร ดูแลห้องนอนที่เราอยู่ ให้ดูเรียบร้อย เช่น เก็บที่นอนให้เป็นระเบียบ ควร เก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อย อย่าทิ้งของใช้ส่วนตัวให้ดูระเกะระกะ จะทำให้ เจ้าของบ้านชื่นชมถึงความเป็นระเบียบ และวัฒนธรรมที่ดีของคนไทย และพยายามอย่าเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนตลอดเวลา • ควรขออนุญาตเจ้าของบ้านทุกครั้งที่จะหยิบยืม หรือใช้ของของเขา • ควรแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบทุกครั้ง ถ้าหากว่าจะไม่กลับมาทาน อาหารมื้อใดมื้อหนึ่งที่บ้าน • ควรแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน และควรบอก ให้ทราบล่วงหน้าว่าจะกลับเข้าบ้านเมื่อไร่ เพราะเจ้าของบ้านจะห่วงคุณ เหมือนกับเขาห่วงลูกหลานของเขา • ควรขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อนเชิญเพื่อนมาที่บ้าน และไม่ควรเชิญ เพื่อนมานอนค้างที่บ้านโดยเด็ดขาด • ในกรณีที่จะไปค้างที่อื่น ควรแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้า โดย เฉพาะที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจะได้ติดต่อได้ • ในกรณีที่เจ้าของบ้านไม่สูบบุหรี่ ก็ไม่ควรสูบบุหรี่ในบ้าน ควรออกไป สูบข้างนอกบ้าน
• โฮมสเตย์ของคุณจะ พอใจมาก ถ้าคุณช่วย • จัดโต๊ะอาหาร • เสิร์ฟอาหาร(ถ้าจำเป็น) • เก็บจานชามที่ทานแล้ว และช่วยล้างถ้าจำเป็น มารยาทในการร่วมรับประทานอาหาร • ช่วยชงน้ำชา หรือกาแฟหลังอาหาร • อย่าทำหน้าไม่พอใจในกรณีที่อาหารไม่ถูกปาก และควรชมในกรณีที่ อาหารมื้อนั้นอร่อย • ชาวต่างชาติมักจะปรุงอาหารเพิ่มเติมด้วยซอส หรือเกลือ และจะมี สลัดผัก ควรสังเกต และส่งของเหล่านี้ให้ผู้อื่นในขณะที่เขามองหา • อย่าทานอาหารโดยเฉพาะซุปให้เสียงดัง เพราะถือว่าเป็นการเสีย มารยาทมาก • ในกรณีที่มีอาหารไม่เคยทาน หรือไม่ชอบควรรีบบอกแม่บ้านว่า NO, THANK YOU • ในกรณีที่ทำอาหารได้ คุณควรแสดงฝีมือบ้างเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าของบ้านจะประทับใจมาก การใช้ห้องน้ำ • ห้องน้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในช่วงเช้า ดังนั้นควรถามเจ้าของบ้านก่อน ว่าเวลาใดเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคุณที่จะใช้ห้องน้ำได้ และพยายามอย่า อยู่ในห้องน้ำนานเกินควร • ผู้ชาย อย่าลืมยกที่นั่งเป็นโถชักโครกขึ้นก่อนจะถ่ายปัสสาวะ • ผู้หญิง ห้ามทิ้งผ้าอนามัยลงในโถชักโครก อย่าอายที่ถามเจ้าของบ้าน ว่าจะทิ้งผ้าอนามัยที่ใช้แล้วได้ที่ไหน • ควรนำของใช้ส่วนตัวสำหรับใช้ในห้องน้ำติดมาด้วย เช่น แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, แชมพู, และผ้าเช็ดตัวขนาดกลาง, สำหรับผู้หญิงควรมีเสื้อคลุม เพราะชาวต่างชาติจะไม่ใส่ชุดนอนออกนอกห้องนอน • ในบางประเทศห้องน้ำจะปูพรม ดังนั้นขณะอาบน้ำควรดึงผ้าม่านไว้ ในอ่างอาบน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกนอกอ่างเพื่อกันไม่ให้พรมเปียก และชื้น • บางประเทศ เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ ค่าน้ำร้อนจะแพงมาก ดังนั้น พยายามอย่าใช้น้ำร้อนมากเกินควร เพราะจะทำให้น้ำร้อนหมดถัง คนใช้ ถัดไปจะไม่มีน้ำร้อนใช้ • ควรถามแม่บ้านว่าเสื้อผ้าที่ใส่เปื้อนแล้วควรไว้ที่ไหน เพราะส่วนมาก เจ้าของบ้านจะเป็นผู้ซักผ้าให้โดยใช้เครื่องซักผ้า ถ้าหากคุณมีเสื้อตัวโปรดที่ คิดว่าซักด้วยเครื่องซักผ้าไม่ได้ คุณควรซักเอง และถามเจ้าของบ้านว่า ควรตากเสื้อได้ที่ไหน
• ในกรณีที่ผู้หญิงจะซักชุดชั้นในด้วยตนเอง อย่าแขวนผ้า เปียกในห้องนอนที่ปูด้วยพรมหรือตู้เสื้อผ้า เพราะน้ำที่หยด ลงบนพรมหรือตู้ จะทำให้พรมเป็นเชื้อรา หรือตู้มีรอย สิ่ง เหล่านี้เคยเกิดขึ้น และทำให้เจ้าของบ้านเสียใจมาก ดังนั้น การตากชุดชั้นในที่ราวตากผ้าข้างนอกเป็นเรื่องธรรมดา อย่า ถือว่าเป็นสิ่งน่าอาย • ในประเทศที่มีอากาศหนาว และใช้เครื่องทำความร้อน (HEATER) ห้ า มวางผ้ า เปี ย กบนเครื่ อ งทำความร้ อ นโดย เด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดอันตรายถึงไฟไหม้บ้านได้ การใช้โทรศัพท์ • เรื่องของการใช้โทรศัพท์เป็นสิ่งสำคัญ ควรพูดคุยตกลง กับเจ้าของบ้านเสียก่อนว่า เวลาใดจะเหมาะสม และสะดวก ที่สุดที่จะใช้ • พยายามอย่าคุยโทรศัพท์นานเกินควรจะทำให้ผู้อื่นโทร เข้ามาไม่ได้ ถ้าหากคุณต้องการคุยกับเพื่อนนาน ควรออกไป ใช้โทรศัพท์สาธารณะโดยใช้บัตรโทรศัพท์ (CARD PHONE) • ควรใช้ THAILAND DIRECT ในกรณีที่ต้องการโทร ทางไกลกลับบ้าน ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องการโทรทางไกล ควร แจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้า เพราะคุณต้องเสียเงินค่า โทรศัพท์เอง ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอื่นๆ • เด็กวัยรุ่นชาวต่างประเทศส่วนมากจะมีความเชื่อมั่นใน ตัวเองมาก ดังนั้นเขามักจะโต้เถียงกับพ่อแม่ด้วยเสียงดังหรือ รุนแรง ถ้าหากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ต้อง ตกใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของเขา • เด็กวัยรุ่นในบางประเทศไม่ว่าจะอยู่บ้าน หรือหอพัก อาจจะใส่แต่ชุดชั้นในเดินอยู่ในบ้าน หรือห้องนอนที่อยู่ร่วม กับเรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ข้อมูลจาก STA Travel Global Education
53
ส่งลูกเรียนนอก
2008
ไปเรียน 2 ภาษา
อังกฤษ/จีนกลาง ที่สิงคโปร์... สิงคโปร์ส่งเสริมให้ประชาชนพูดได้ทั้ง 2 ภาษา เพิ่มจากภาษาถิ่นคือ ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีนกลาง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองว่าเป็นภาษา ที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศ เป้าหมายเพื่อให้ สิงคโปร์เป็น “ฮับ” ด้านธุรกิจระดับโลก รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายให้้บรรจุภาษาทั้ง สองอยู่ ใ นวิ ช าเรี ย นหลั กในโรงเรี ย น และให้ ความสำคัญกับการพัฒนาคน ด้วยความเชื่อว่า การศึกษาเป็นหนทางที่ยกระดับของบุคลากรให้มี คุณภาพสร้างความก้าวหน้าให้ประเทศ ที่เป็น เกาะเล็กๆ มีประชากรเพียง 4 ล้านคน จน กลายเป็ น ประเทศที่ ร วยที่ สุ ด ในโลก เมื่ อ เปรียบเทียบ GDP รายได้/คน/ปี สถาบันการศึกษาได้รับการพัฒนาด้วย เทคโนโลยี และเครื่องมือการศึกษาที่ใหม่และดี ที่สุดเสมอ สิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง และเป็นระบบ เนื่องจากทุกโรงเรียนควบคุมโดย กระทรวงศึกษาธิการโดยตรงระบบการศึกษาที่ ใช้ เ ป็ น ระบบของประเทศอั ง กฤษ (British Cambridge Systems) โดยมุ่ ง เน้ น ให้ นักเรียนบรรลุถึงความสามารถของตนได้เต็มที่ ตามวัยที่เหมาะสม ระบบการศึกษา เริ่มต้นที่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เน้นสอนวิชาพื้นฐานต่างๆ ให้กับเด็ก อาทิ คณิตศาสตร์เบื้องต้น, ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน
54 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
กลาง, และวิทยาศาสตร์, เป็นต้น ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนทุกคนจะต้องสอบข้อสอบกลาง (PSLE) เพื่อวัดระดับผล การเรียนก่อนจะถูกคัดเลือกเข้าในชั้นมัธยมศึกษา ในระดับมัธยมศึกษาจะ เพิ่มเรียนวิชาหลักมากขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถของนักเรียน เช่น วิชามนุษยศาสตร์ เบื้องต้น และวิทยาศาสตร์ ประยุกต์ โดยหลักสูตรการสอนทั้งหมดในทุกระดับชั้นจะถูกจัดสรรให้ตรง กับความสนใจ และความต้องการของเด็ก ในระดับเตรียมอุดมศึกษานักเรียนต้องเรียนวิชาต่างๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการศึกษาในมหาวิทยาลัย นักเรียนสามารถเลือกกู้เรียนหลักสูตรที่มีมากมายใน โพลีเทคนิค 5 แห่ง และมหาวิทยาลัยอีก 4 แห่งของสิงคโปร์ หรือมหาลัยระดับชาติของต่าง ประเทศที่เข้ามาเปิดสาขาที่สิงคโปร์ รวมทั้งสถาบันการศึกษาเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง ที่สำคัญอยู่ใกล้ไทย ค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศอื่น ผู้ปกครองเดินทางไปเที่ยวและเยี่ยมได้สะดวก ในการเดินทาง (ประมาณ 2 ชม. โดยเครื่องบิน)
ค่าใช้จ่ายในระบบโรงเรียนรัฐบาลต่อปี (Government School) ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก + อาหาร + ซักรีด (12 เดือน) ค่าบำรุงการศึกษา (จ่ายทุก 2 ปี) รวมค่าใช้จ่าย อัตราแลกเปลี่ยน s$1 = ฿25
ระดับประถม s$ 1,080.- s$ 12,000.- s$ 1,000.- s$ 14,080.- ฿ 352,000.-
ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก + อาหาร + ซักรีด (12 เดือน) รวมค่าใช้จ่าย อัตราแลกเปลี่ยน s$1 = ฿ 25
s$ 12,000.- s$ 12,000.- s$ 24,000.- ฿ 600,00.-
ค่าใช้จ่ายในระบบเอกชนต่อปี (International School) อัตราค่าบริการนี้ เป็นแค่ประมาณการ
ระดับมัธยม s$ 1,740.- s$ 12,000.- s$ 1,000.- s$ 14,740.- ฿ 368,500.-
ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อน การเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาทุกระดับในประเทศญี่ปุ่นใช้ภาษา ญี่ ปุ่ น เป็ น สื่ อในการสอน แม้ ว่ า จะมี ส ถาบั น การศึ ก ษาบางแห่ ง หรื อ บาง หลั ก สู ต รสอนโดยใช้ ภ าษาอั ง กฤษ แต่ ก็ เ ป็ น ส่ ว นน้ อ ย ดั ง นั้ น นั ก ศึ ก ษาที่ ประสงค์จะศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงของญี่ปุ่น จำเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องมีความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นอย่างเพียงพอ ทั้งด้านการฟัง, พูด, อ่านและเขียน นักศึกษาต่างชาติส่วนมากจะศึกษาภาษาญี่ปุ่นก่อนอย่างน้อย 6 เดื อน ถึง 2 ปี คุณพรรณวิภา พัวพงศกร General Manager แห่งสถาบันแนะแนว การศึกษการเรียนต่อประเทศญี่ปุ่น Jeducation กล่าวยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ที่นักศึกษาที่ต้องการไปเรียนในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะระดับชั้นไหนก็ตาม ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนเป็นอันดับแรก แม้ว่าการเรียนในประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มรองรับเด็กต่างชาติได้ตั้งแต่มัธยม ปลาย คือ ม.4-ม.6 จนจบปริญญาเอก แต่ภาษาที่ใช้ในการเรียน การสื่อสาร และในชีวิตประจำวันทั้งหมด ต้องเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่ว่าเมื่อนักศึกษาที่ไป เรียนประเทศญี่ปุ่น เรียนจบกลับมาแล้วจะได้มีความรู้ทางด้านวิชาการ และ ได้ภาษาญี่ปุ่นกลับมาด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากในปัจจุบันแรงงาน ผู้ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้กำลังเป็นที่ต้องการของบริษัทญี่ปุ่นในเมืองไทย โดยเฉพาะสาขาวิชาทางด้านบัญชี, เทคโนโลยี, และล่าม กำลังเป็นที่ ต้องการอย่างมาก เพราะปัจจุบันหาพนักงานบัญชีที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้น้อยมาก ดังนั้น ถ้าใครไปเรียนที่ญี่ปุ่น และเรียนทางด้านนี้มา สามารเรียกเงินเดือนได้ ตามความต้องการ เช่น มีน้องคนหนึ่ง เรียนทางด้านการบัญชีมา และกำลัง จะจบปริญญาตรี ตอนนี้มีบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย จองตัวไปทำงานแล้ว โดยให้ เ งิ น เดื อ นสู ง ถึ ง 45,000 บาท โดยให้เ รียกเงินเดือ นได้ตามความ ต้องการ คุณพรรณวิภา กล่าวอีกว่า สิ่งที่เหมือนกันของการเรียนภาษาญี่ปุ่น ระหว่างการเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา (ที่รับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ ญี่ปุ่น) กับการเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชน คือ ได้ เรี ย นกั บ เจ้ า ของภาษาโดยตรง การเรี ย นการสอนใช้ ภ าษาญี่ ปุ่ น ทั้ ง หมด
56 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
อาจารย์ผู้สอนภาษาญี่ปุ่นจบการศึกษาด้านการสอนภาษาญี่ปุ่นสำหรับชาว ต่างชาติโดยเฉพาะ ค่าเรียนราคาไม่แตกต่างกัน ภาษาถือว่าเป็นทักษะ ยิ่ง เรียน และยิ่งได้ใช้งานก็ยิ่งเก่ง ดังนั้นการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น จะทำให้ พั ฒ นาการทางด้ า นภาษาเป็ นไปอย่ า งรวดเร็ ว เนื่ อ งจากสภาพ แวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันบังคับให้ต้องใช้ภาษาอยู่เสมอ ดังนั้นการเรียนภาษาญี่ปุ่นในเมืองไทย 1 ปี อาจจะมีพัฒนาการทาง ภาษาไม่เท่ากับการเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่นแค่เพียง 3 เดือน สิ่งที่ต่างกันระหว่างการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนสอนภาษา (ที่รับรอง โดยกระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่น) กับการเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่ใน มหาวิทยาลัยเอกชน คือ สถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นของเอกชน เป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสอน ภาษาญี่ปุ่นให้แก่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะ โดยมีสมาคมส่งเสริมการศึกษา ภาษาญี่ปุ่น (Association for the Promotion of Japanese Language Education) ทำหน้าที่คอยตรวจสอบและประเมินผลสถาบันสอนภาษาทุกๆ 3 ปี เพื่อควบคุมมาตรฐานการศึกษาที่มีคุณภาพให้แก่นักเรียน
หมายเหตุ
หลักสูตรที่เปิดสอน นอกจากหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นทั่วไปแล้ว บางสถาบันยังมีหลักสูตรเพื่อ เตรียมศึกษาต่อในสถาบันระดับสูงโดยระยะเวลาในการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี หรือบาง สถาบันอาจจะมีชั่วโมงที่ติวให้เป็นพิเศษสำหรับนักเรียนจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ตัวอักษรคันจิ เช่น ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรระยะสั้น คือ 1-3 เดือน, หลักสูตรส่วนตัว, หลักสูตรภาษา ญี่ปุ่นธุรกิจ หลักสูตรภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยเอกชน หลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตร ที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาต่างชาติ จุดประสงค์หลักของหลักสูตรนี้คือ ต้องการสอน ภาษา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้แก่ชาวต่างชาติที่สนใจ และเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษา ต่างชาติที่ต้องการจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น นักเรียนที่เลือกเรียนที่นี่จะรู้สึกสะดวกสบายในเรื่องการรับทราบข้อมูลในการสมัครเรียนต่อได้ อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาในการเรียนตลอดหลักสูตรนี้ 1 ปี นักศึกษาจะได้รับสถานภาพการพำนัก ประเภท “นักศึกษาก่อนมหาวิทยาลัย” (Pre-College Student Visa) ส่วนเรื่องการยื่นเอกสารเพื่อสมัครเข้าเรียน ก็จะต้องติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยนั้นๆ โดยตรง ภายในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งปกติแล้วจะปิดรับสมัครเร็วกว่าสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นของเอกชน สำหรับการรับและพิจารณาเอกสาร ก็จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางมหาวิทยาลัยเป็นหลัก
1.หากเอกสารที่จัดเตรียมมาไม่ครบถูกต้องตาม ที่ ร ะบุ ไ ว้ ข้ า งต้ น กรุ ณ ารั บ ทราบด้ ว ยว่ า ทาง แผนกกงสุลฯ จะไม่สามารถรับคำร้องขอวีซ่า ได้ 2.เอกสารอ้างอิงอื่นๆ อาจจะมีการขอเพิ่มเติม ได้ ถ้ า ต้ อ งการจะแจ้ งให้ ท ราบเป็ น กรณี ไ ป (เช่ น หนั ง สื อ แสดง เหตุ ผ ลการเดิ น ทาง และกำหนดการเดินทาง เป็นต้น) 3.รั บ คำร้ อ งขอวี ซ่ า ระหว่ า งเวลา 08.3011.45 น. 4.จะคืนหนั งสื อ เดินทางที่ได้ยื่นไว้อี กสองวัน ทำการถัดไป (เวลา 13.30-16.00 น.) นับจาก วันที่ยื่นคำร้อง (หากได้รับการอนุมัติแล้ววีซ่า จะติดในหนังสือเดินทาง) แต่ในกรณีที่มีการ ขอเอกสารเพิ่มเติม การสัมภาษณ์ผู้ยื่นขอวีซ่า หรื อ มี ค วามจำเป็ น ต้ อ งตรวจสอบเรื่ อ งไปยั ง กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น อาจจะทำให้ การพิจารณาออกวีซ่าล่าช้าไม่ทันกำหนดการ เดินทางได้ ดังนั้น กรุณายื่นขอวีซ่าล่วงหน้า หลายๆ วันก่อนการเดินทาง กรุณาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกกงสุลฯ สถานทูตญี่ปุ่น สามารถสอบถามได้ด้วยภาษา ไทย ภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ โทรศัพท์ 0-2207-8503, 0-2696-30
วีซ่านักศึกษาญี่ปุ่น ป.ตรี ฟรี ค่าวีซ่า กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าประเภท การพำนักระยะสั้นสำหรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ในกลุ่มประเทศ ASEAN (มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ลาว, พม่า, กัมพูชา) เพื่อเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนของเยาวชน (ไม่ รวมถึงนักเรียน, อาชีวศึกษา, วิทยาลัย และบุคคลที่ศึกษาในระดับ ปริญญาโท, ปริญญาเอก ระเบียบการขอวีซ่า ประเภทการพำนักระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยว, เยี่ยม ญาติและทรานซิทสำหรับนักศึกษาในกลุ่มประเทศ ASEAN 1.หนังสือเดินทาง มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนในวันยื่นขอวีซ่า และ มีหน้าที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีหนังสือเดินทางเล่ม เก่า กรุณานำมาแสดงด้วย 2.แบบฟอร์มการขอวีซ่า ของสถานทูตญี่ปุ่นหรือพิมพ์จากโฮมเพจของ สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย 1 ใบ
3.รูปถ่าย (ขนาด 4.5x4.5 ซม. สี หรือขาวดำที่มีพื้นหลังเป็นสีอ่อน ไม่ มีลวดลาย ไม่มีการแต่งภาพถ่าย จะต้องเป็นรูปถ่ายที่ชัดเจน และถ่าย มาไม่เกิน 6 เดือน ห้ามใช้รูปถ่ายที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล) 1 ใบ 4.ทะเบียนบ้าน ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด 5.สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ของผู้ยื่นคำร้องหรือของผู้อุปการะ) ฉบับ จริงและสำเนาทุกหน้า 1 ชุด 6.หนังสือรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองจดทะเบียนการค้าของผู้ อุปการะ (เอกสารจะต้องออกไม่เกิน 3 เดือน) ฉบับจริง และสำเนา 1 ชุด 7.หนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษา ฉบับจริง 1 ใบ 8.ผู้ที่เดินทางเป็นครั้งแรก หากเคยเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล หรือผู้ที่ได้เปลี่ยน ชื่อตัวหรือสกุลหลังจากเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งที่แล้ว ให้นำเอกสาร แสดงการเปลี่ยนชื่อตัว-สกุลมาด้วย ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด ส่งลูกเรียนนอก
57
2008
สวิตเซอร์แลนด์ วิชาการโรงแรมเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ประเทศเล็กๆ ในยุโรป ล้อมรอบด้วยความสวยงามของภูมิประเทศ เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและติดอันดับหนึ่งของ “ประเทศน่าเที่ยว ของโลก” เป็นที่ชื่นชมของคนที่ได้มาเยือน และผู้คนที่ชอบตากอากาศ เป็นอันมาก สวิตเซอร์แลนด์ได้พัฒนารูปแบบการท่องเที่ยว และการโรงแรมมานับ ร้อยปี จนเป็นที่ยอมรับ และเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรมการบริการจวบ จนทุกวันนี้ นั ก เรี ย นไทยส่ ว นใหญ่ ที่ ไ ปศึ ก ษาในประเทศสวิ ต เซอร์ แ ลนด์ นิ ย ม ศึกษาวิชาการโรงแรม ประกอบกับหลักสูตร การเรียนการสอนทั้งทฤษฎี และปฏิ บั ติ จั ด ให้ นั ก เรี ย นฝึ ก งานตามโรงแรมต่ า งๆ ในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษามีความรู้ทุกด้าน สิ่งสำคัญของงานด้านนี้ คือ หัวใจที่รักในงานบริการ ไม่ว่าจะเป็นการ ต้อนรับที่ยิ้มแย้มแจ่มใส การให้บริการที่รวดเร็ว และน่าประทับใจในแบบ มืออาชีพ ปลูกฝังให้คุ้นเคยกับการให้บริการด้วยใจรักจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สถาบั น จะสนั บ สนุ นให้ นั ก เรี ย นได้ ฝึ ก งานตั้ ง แต่ ปี แ รกจะได้ ฝึ ก งาน พร้อมรับค่าตอบแทนไม่ต่างจากการทำงาน โดยเริ่มตั้งแต่การฝึกงานใน ร้านอาหารเล็กๆ การเข้าไปเป็นพนักงานในโรงแรมใหญ่ๆ ไปจนถึงการถูก
58 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
คัดเลือกให้ทำงานในตำแหน่งบริหาร แม้ว่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่ และได้ รับค่าตอบแทนในอัตราต่างๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความสามารถ และ ความท้าทายของงาน ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกฝึกงานที่ใดก็ได้ ผู้สำเร็จการศึกษาที่นี่ จะรอบรู้งานตั้งแต่งานครัว งานเสิร์ฟอาหาร, งานดูแล, ห้องพัก, งาน Front Office, และมาตรฐานที่ดีของการบริการ ด้านต่างๆ ผู้สำเร็จหลักสูตรที่นี่ จะถูกฝึกฝนให้เตรียมความพร้อมให้เป็นผู้บริหาร โรงแรมที่ดี สามารถให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารระดับสูง และสอนแนะผู้ใต้ บังคับบัญชาได้ สถานศึกษาที่เปิดสอนวิชาการโรงแรมในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จะไม่มีเปิดสอนในมหาวิทยาลัย หรือ สถาบันเทคโนโลยีของรัฐ แต่จะเปิด สอนในสถาบันการศึกษาของเอกชน ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐ และ/ หรือรับรองโดยสมาคมวิชาชีพต่างๆ ระดับการศึกษาที่เปิดสอนมีตั้งแต่ ระดับ Certificate (หลักสูตร 1 ปี หรือต่ำกว่า 1 ปี), Diploma (2-3 ปี), จนถึงระดับปริญญาตรี (4 ปี), และระดับปริญญาโท (2 ปี), ภาษาที่ใช้ใน การสอนนั้น แตกต่างกันออกไปในแต่ละสถาบัน บางแห่งใช้ภาษาอังกฤษ ในการสอน บางแห่งใช้ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาเยอรมัน ปีการศึกษา แบ่งเป็น 2 ภาค (Semester) - Winter Semester (กลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนมีนาคม) - Summer Semester (กลาง เดือนเมษายน - กลางเดือนกรกฎาคม) การสมัครเรียนสำหรับนักเรียน ไทยระดับปริญญาตรี ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปี สำเร็จการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนปลายของสวิตเซอร์แลนด์ (Leaving Certificate) หรือ เที ย บเท่ า หากไม่ มี คุ ณ วุ ฒิ ดั ง กล่ า ว ต้ อ งไปสอบเข้ า (Entrance Examination) นักเรียนต่างชาติต้องมีผลสอบภาษาที่ใช้ในการเรียนการ สอนของมหาวิทยาลัยนั้น (ภาษาฝรั่งเศส หรือ ภาษาเยอรมัน) สำหรับนักเรียนไทยต้องไปเรียนภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาเยอรมัน ที่ สวิตเซอร์แลนด์ก่อนอย่างน้อย 1 ปี ส่วนใหญ่ไม่มีหอสำหรับนักศึกษา ฉะนั้นนักศึกษาจะต้องหาห้องเช่าข้างนอก โดยอาจขอคำปรึกษาแนะนำ จาก Student Advisor ของมหาวิทยาลัยได้
แคนาดา เรียนป่าไม้และประมงดี แต่หนาว ระบบการศึกษาของแต่ละมณฑล จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม การศึกษาของประเทศแคนาดา จัดว่ามีมาตรฐานการ ศึกษาที่สูง โดยทั่วไปแล้วเด็กชาวแคนาดาเข้าเรียนระดับอนุบาล 1-2 ปี เมื่ออายุ 4 หรือ 5 ขวบ เด็กทุกคนจะเริ่มเรียนเกรดหนึ่งเมื่ออายุ ประมาณหกขวบ โดยทั่ วไปปี ก ารศึ ก ษาจะเริ่ ม ในเดื อ นกั น ยายน จนถึงเดือนมิถุนายนถัดไป แต่ในบางแห่งอาจเปิดภาคเรียนในเดือน มกราคม ชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษามี จ นถึ ง เกรด 11, 12 หรื อ เกรด 13 แล้ ว แต่ ม ณฑล จากระดั บ นี้ นั ก ศึ ก ษาอาจเข้ า เรี ย นหลั ก สู ต ร มหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือซีเจ็พ คำว่า “ซีเจ็พ” เป็นคำย่อที่มา จากการรวมชื่อของวิทยาลัยเพื่อการศึกษาทั่วไปและวิชาชีพ สำหรับ การศึกษาทั่วไปหลักสูตรการเรียนสองปี ส่วนการศึกษาเชิงวิชาชีพ ใช้ ห ลั ก สู ต รการเรี ย นสามปี ใ นระหว่ า งระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา และ อุดมศึกษา มณฑลควิเบคใช้ระบบการศึกษา “ซีเจ็พ” สถาบั น การศึ ก ษาของแคนาดาไม่ มี ก ารจั ด อั น ดั บ อย่ า งเป็ น ทางการ แต่แคนาดาเป็นประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาสูงให้ความ สำคัญต่อการศึกษามาก และมีสถานศึกษาชั้นหนึ่ง แคนาดาใช้จ่าย
60 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
เงินต่อคนในด้านการศึกษามากกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม G-8 และเป็น ประเทศอันดับที่ 3 ที่เป็นสมาชิกขององค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และพัฒนา (โออีซีดี) ปริญญาจากมหาวิทยาลัยในแคนาดาเป็นที่ยอมรับ อย่างกว้างขวางในระดับสากล และนักศึกษาต่างชาติที่จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยของแคนาดา มักจะประสบความสำเร็จ แคนาดาจัดอยู่ในอันดับ ท็อปเท็น ของประเทศที่น่าอยู่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ปี 1994 จากสหประชาชาติและหน่วยงานข้อมูลเศรษฐกิจ ในการ สำรวจนี้แคนาดา ได้คะแนนสูงทางด้านการศึกษา, ประชากรอายุยืน
(เนื่องจากระบบประกันสุขภาพชนิดครอบจักรวาล) และอาชญากรรมที่ น้อยมาก นอกจากนี้ เมืองใหญ่สุดของแคนาดา - แวนคูเวอร์, โตรอนโต และมอนทรีออล ได้รับการจัดเป็นเมืองระดับโลกในการอาศัยและทำงาน เนื่องมาจากความสะอาดความปลอดภัยกิจกรรมวัฒนธรรม และ ชีวิตที่ รื่นรมย์ แคนาดาได้พัฒนาสื่อต่างๆ สิ่งบันเทิงและศิลปะอื่นๆ เป็นอย่างดี ชาวแคนดาต่างภูมิใจในระบบการกระจายเสียงที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่มี กิตติศัพท์ขึ้นชื่อทั่วโลก นักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษา ณ ประเทศแคนาดา จะพบกับสภาพ แวดล้อมที่สวยที่สุดและคงความงดงามตามธรรมชาติได้มากที่สุดแห่งหนึ่ง ในโลก แคนาดายั ง เป็ น ประเทศที่ มี ส ภาพแวดล้ อ มทางภู มิ ศ าสตร์ ที่ หลากหลายและมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย เริ่มจากชายฝั่งที่เขียวขจีของ มณฑลบริติชโคลัมเบีย เทือกเขาร็อคกี้ขนาดใหญ่ที่มณฑล อัลเบอร์ต้า ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ของทุ่งหญ้าแพร์รี่ จนถึง “ดินแดนแห่งน้ำตาลเมเปิ้ล” ที่ทะเลสาบทั้งห้า แต่ นั ก ศึ ก ษาส่ ว นใหญ่ ก็ ต้ อ งเผชิ ญ กั บ สภาพอากาศ เพราะสภาพ อากาศของแคนาดาที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด 4 ฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแถบภู มิ ภ าคใกล้ ช ายแดนสหรั ฐ อเมริ ก า ที่ มี ผู้ ค นอยู่ อ ย่ า งหนาแน่ น อุณหภูมิในช่วงกลางวันของฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35 องศาเซลเซียส หรือ ร้อนกว่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 25 องศา เซลเซียส สำหรับอุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงจะอยู่ในระดับ ปานกลาง หลายปีที่ผ่านมาชาวแคนาเดียนได้ปรับตัวอย่างมากให้เหมาะสมกับ ช่วงเวลาที่มีสถาพอากาศอันหนาวเหน็บ โดยการติดตั้งเครื่องทำความร้อน ในที่อยู่อาศัยและยานพาหนะ รวมถึงระบบขนส่งมวลชนที่มีการติดตั้ง ระบบความร้อนเช่นเดียวกับที่ทางเดินระหว่างอาคารในสถานศึกษา ที่ปรึกษาด้านการศึกษา มักจะแนะนำให้ไปศึกษาเกี่ยวกับด้านป่าไม้ และประมงที่นี่
ไขปัญหาศึกษาต่อต่างประเทศ 1.ถาม : ควรเตรียมตัวล่วงหน้านานเท่าใด ถ้าสนใจจะเรียนต่อต่าง ประเทศ? ตอบ : ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาที่สนใจจะเข้าศึกษาต่อ ระดับ ภาษาอั ง กฤษใช้ เ วลาประมาณ 2-3 เดื อ น ระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา ประมาณ 6-7 เดือน และประมาณ 8 เดือนขึ้นไป สำหรับระดับ มหาวิทยาลัย 2.ถาม : ถ้ายังไม่มีคะแนนอังกฤษ IELTS หรือ TOEFL จะไป เรียนต่อต่างประเทศได้หรือไม่? ตอบ : ได้ แต่จะต้องเรียนภาษาอังกฤษก่อน ถ้าพื้นฐานดีก็อาจจะ เรียนเพิ่มเติมประมาณ 3 เดือน แต่ถ้าพื้นฐานไม่ดี อาจจะต้องใช้ เวลาเรียนเพิ่มอีกประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี 3.ถาม : การเรียนภาษาอังกฤษในประเทศกับต่างประเทศ อย่าง ไหนดีกว่ากัน? ตอบ : การเรียนภาษาในต่างประเทศ นักเรียนจะมีโอกาสได้ฝึกฝน ได้ใช้งานจริงและยังมีสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้พัฒนาเร็วยิ่งขึ้น เช่น ดู ทีวี คุยกับเพื่อนต่างชาติ 4.ถาม : เกรดเฉลี่ยเท่าไร จึงจะไปเรียนต่อต่างประเทศได้? ตอบ : เกรดเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป จะหาที่เรียนได้ง่าย เกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป ถ้ามีคะแนน TOEFL. IELTS, GMAT สูงก็จะหาโรงเรียน ได้ง่ายขึ้น เกรดเฉลี่ย 2.0 ขึ้นไปจะต้องเรียนหลักสูตร Certificate หรื อ เตรี ย มความพร้ อ มก่ อ น แต่ ถ้ า มี ค ะแนน IELTS 6.5 / TOEFL 580 ก็อาจจะได้รับการพิจารณา 5.ถาม : ถ้าจะเรียนต่อปริญญาโทในสาขาที่ต่างกับที่จบมาในระดับ ปริญญาตรี จะทำได้หรือไม่? ตอบ : ทำได้ แ ล้ ว แต่ ส ถาบั น จะพิ จ ารณา ทั้ ง นี้ ทั้ ง นั้ น ผู้ เ รี ย นมี แนวโน้มที่จะต้องเรียนเพิ่มบางวิชาเพื่อเป็นการปูพื้นฐาน 6.ถาม : การสอบ IELTS และ TOEFL จะไปสอบได้ที่ไหนบ้าง? ตอบ : IELTS สอบได้ที่ IDP โทร. 0-2638-3111 และที่ British Council โทร. 0-2652-5480-9 TOEFL สอบถามได้ที่ IIE
โทร. 0-2652-0653 7.ถาม : การอยู่ Homestay นั้น เหมาะกับนักศึกษาหรือไม่? ตอบ : การพักกับครอบครัวจะช่วยให้นักศึกษาได้มีโอกาสฝึกฝน ภาษาทุกวัน อีกทั้งยังได้เรียนรู้วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตความ
เป็นอยู่อีกด้วย จึงเหมาะกับผู้ที่ยังไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ มาก่อน 8.ถาม : การไปเรียนต่อต่างประเทศจะได้วีซ่านานแค่ไหน ถ้าวีซ่า หมดขณะกำลังศึกษาอยู่จะต่อวีซ่าได้อย่างไร? ตอบ : อายุวีซ่าที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของหลักสูตรที่สมัคร เรียน เช่น หลักสูตร 1 ปี ก็จะได้วีซ่าประมาณ 1 ปี 1 เดือน นักเรียนสามารถต่อวีซ่าได้ในประเทศที่กำลังศึกษาอยู่ตราบเท่าที่ยัง คงสถานภาพการเป็นนักเรียน นักศึกษาไม่จำเป็นต้องกลับประเทศ เพื่อต่อวีซ่า 9.ถาม : จะเรียน MBA ต้องสอบ GMAT หรือไม่? ตอบ : สถาบันในสหรัฐ อเมริกา แคนาดา ส่ วนใหญ่ต้อ งการ คะแนน GMAT แต่ ส ถาบั น ในออสเตรเลี ย อั ง กฤษ และ นิวซีแลนด์ จะมีทั้งที่ต้องการ และไม่ต้องการ 10.ถาม : เมื่อไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วสามารถทำงานด้วยได้ หรือไม่? ตอบ : ถ้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษจะไม่สามารถทำงานได้ แต่ ถ้ า เรี ย นในวิ ท ยาลั ย และมหาวิ ท ยาลั ยโดยส่ ว นใหญ่ จ ะสามารถ ทำงาน Part-Time ได้ แต่จะไม่เกิน 16-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 11.ถาม : เรียนทางไกลดีไหม และมาตรฐานเป็นอย่างไร? ตอบ : เรี ย นทางไกลเป็ น การเพิ่ ม พู น ความรู้ ที่ ดี ใ นระดั บ หนึ่ ง เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องละทิ้งภารกิจหน้าที่ ขอเพียงให้มี เวลาที่ จ ะค้ น คว้ า ด้ ว ยตนเอง เขี ย นรายงาน และรู้ จั ก การใช้ Internet ก่อนเรียนควรเช็กก่อนว่าสำนักงาน ก.พ.รับรองมาตรฐาน หรือไม่ เท่าที่ทราบก.พ.ยังไม่รับรอง 12.ถาม : หลังจากจบการศึกษา จะขออยู่ต่อเพื่อทำงานได้หรือไม่? ตอบ : โดยทั่ วไปนั ก ศึ ก ษาสามารถยื่ น ขออยู่ ต่ อ เพื่ อ ทำงานหา ประสบการณ์หรือฝึกงานหลังจบหลักสูตรได้ โดยจะมีระยะเวลา ประมาณ 1 ปี 13.ถาม : ไปเรียนต่อต่างประเทศต้องตรวจสุขภาพหรือไม่? ตอบ : ควรอย่างยิ่ง เพราะค่าใช้ในเรื่องการแพทย์และการรักษา แพงมาก โดยเฉพาะก่อนเดินทางควรจะ “ทำฟัน” ให้เรียบร้อย และทำประกันสุขภาพไว้ด้วย
เหตุผลหนึ่งที่เลือกเรียนภาษาที่ ปักกิ่งก็เพราะว่าที่ปักกิ่ง ก็พูด ภาษาจีนกลางทำให้มีโอกาสได้ฝึก ใช้ภาษาค่อนข้างมากกว่าเมือง ทางตอนใต้ที่ใช้ภาษาท้องถิ่นอีก ภาษาหนึ่ง
ไปเรี ย นภาษาที่ ปั ก กิ่ ง
ปรับปรุงห้องน้ำดีแล้ว ตอนรับโอลิมปิก ในเดือนสิงหาคมปี 2008 ก็จะมีการจัดมหกรรมกีฬาโอลิ กปิก กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน มีการปรับปรุงถนน ระบบ ขนส่งมวลชน โดยเฉพาะห้องน้ำจีน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดย ตลอดนับแต่เปิดประเทศให้เข้าไปศึกษาและท่องเที่ยวได้ วันนี้ ห้องน้ำมีการปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่ ปักกิ่งตอนนี้ดูดีและเจริญมาก เท่านั้นยังไม่พอปักกิ่งยังสามารถหาของกินและของใช้ได้ใน ราคาถูกกว่าเมืองไทยอีกด้วย เรียกได้ว่าอยากได้อะไรปักกิ่งมี หมด ทางด้านการศึกษาระดับมหาวิทยาล้ยของจีน ปักกิ่งเป็น
62 ส่งลูก2เรียนนอก 8 00
ศุนย์กลางของเมืองที่มีมหาวิทยาลัยมากที่สุดในประเทศจีน ที่มีชื่อเป็นที่ รู้จักก็คงจะเป็น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University) แต่ว่ามหาลัย วิทยาลัยที่สอนภาษาจีน มีหลักสูตรทางภาษาให้เลือกนักศึกษาได้เลือกนั้น ก็มีหอพักของนิสิตนักศึกษาต่างชาติอย่างเพียบพร้อม ทางด้านเศรษฐกิจ จีนนับได้ว่าเป็นประเทศที่น่าจับตามองเป็นอย่าง ยิ่งด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดประเทศหนึ่ง และด้วย จำนวนประชากรในประเทศและการย้ายถิ่นฐานของชาวจีนไปยังประเทศ ต่างๆทั่วโลก ทำให้ภาษาจีนเป็นภาษาที่มีการใช้กันมากที่สุดภาษาหนึ่ง และได้รับให้เป็นหนึ่งในภาษาราชการของโลกด้วย หลายๆประเทศรวมทั้งไทยได้มีการทำการค้ากับประเทศจีนซึ่งเป็น มูลค่ามหาศาล ทั้งการไปลงทุนในประเทศจีนหรือมีการสั่งสินค้าเข้าออก จากจีน จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและมาตรฐานการศึกษาที่สูงขึ้นของ ไทย ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียวดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ด้วยเหตุผลนานาประการข้างต้นทำให้ภาษาจีนในปัจจุบันเป็นที่นิยมและมี การศึกษากันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดงานของ ประเทศไทย การเรี ย นภาษาจี น สามารถเลื อ กได้ ห ลายวิ ธี ทั้ ง การเรี ย นภายใน ประเทศหรือจะเลือกเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสาร เช่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป การไป ศึกษาที่ประเทศจีนนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงเพราะว่ามีค่าใช้จ่ายที่ถูก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น และเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานน่า หลงใหล รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่มากมาย บางคนที่ไปเรียนที่ ประเทศจีนก็เพื่อหาโอกาสในการทำธุรกิจไปด้วย ประเทศจีนใช้ตัวอักษรในการเขียนเป็นแบบย่อซึ่งต่างจากไต้หวันซึ่ง ยังคงใช้ตัวอักษรแบบเดิมหรือที่เรียกว่าตัวเต็ม ตัวอักษรแบบย่อนี้มีการลด รูปทำให้การเขียนการอ่านง่ายขึ้นและเป็นสากลมากขึ้น
เรียน MBA ออสเตรเลีย : อังกฤษ : สหรัฐอเมริกา (มหาวิทยาลัยของรัฐ) : สหรัฐอเมริกา (มหาวิทยาลัยเอกชน) :
US$10,031 US$14,759 US$18,705 US$29,988
เปรี ย บเที ย บค่ าใช้ จ่ า ย อัตราค่าเล่าเรียนโดยเฉลี่ยต่อหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ ออสเตรเลีย : AUD $68,498 (3 ปี) สหรัฐอเมริกา(รัฐบาล) : AUD $148,422 (4 ปี) สหรัฐอเมริกา(เอกชน) : AUD $253,703 (4 ปี) อังกฤษ : AUD $106,111 (3 ปี) ปริญญาโทสาขาอักษรศาสตร์ ออสเตรเลีย : AUD $47,644 (2 ปี) สหรัฐอเมริกา(รัฐบาล) : AUD $69,616 (2 ปี) สหรัฐอเมริกา(เอกชน) : AUD $126,061 (2 ปี) อังกฤษ : AUD $35,316 (1 ปี) ปริญญาเอกสาขาอักษรศาสตร์ ออสเตรเลีย : AUD $72,461 (3 ปี) สหรัฐอเมริกา(รัฐบาล) : AUD $138,170 (4 ปี) สหรัฐอเมริกา(เอกชน) : AUD $109,003 (4 ปี) อังกฤษ : AUD $106,437 (3 ปี) หลักสูตร MBA และธุรกิจที่คุ้มค่าเงินมากกว่า คุณจะพบว่าค่าเล่าเรียนปริญญาตรีสาขาธุรกิจ หรือปริญญาโท สาขาการบริหารธุรกิจในประเทศออสเตรเลียคุ้มค่าเงินมากกว่าในอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
อัตราค่าเล่าเรียนปริญญาตรีสาขาธุรกิจต่อปี ออสเตรเลีย : US$10,031 อังกฤษ : US$14,759 สหรัฐอเมริกา(มหาวิทยาลัยของรัฐ) : US$18,705 สหรัฐอเมริกา(มหาวิทยาลัยเอกชน) : US$29,988 ตลอดระยะเวลาของหลักสูตรปริญญาตรีสาขาธุรกิจของออสเตรเลีย 3 ปี จะเสียค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น US$60,464 เมื่อรวมค่าครองชีพแล้ว ค่าใช้ จ่ายนี้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น แคนาดา อังกฤษและสหรัฐอเมริกา อัตราค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ สำหรับการศึกษาปริญญาโท สาขาการบริหารธุรกิจ ออสเตรเลีย : US$33,865 อังกฤษ : US$42,870 สหรัฐอเมริกา(มหาวิทยาลัยของรัฐ) : US$69,085 สหรัฐอเมริกา(มหาวิทยาลัยเอกชน) : US$92,580 ค่าใช้จ่ายโดยรวม (ค่ากินอยู่และค่าเล่าเรียน) ของหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ 4 ปี ในออสเตรเลีย (US$90,019) เปรียบเทียบกับ หลั ก สู ต รเดี ย วกั น ในอั ง กฤษ(US$91,670) และในสหรั ฐ อเมริ ก า (US $119,882) สำหรับของรัฐบาลและ (US$167,828 สำหรับเอกชน)