101 คำถามสามก๊ก

Page 1


ค�ำถามสามก๊ก หลี่ฉวนจวินและคณะ เขียน ถาวร สิกขโกศล แปล กรุงเทพมหานคร  ส�ำนักพิมพ์มติชน 2556


สารบัญ

ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้แปล

1. โจโฉแซ่โจจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  “ห้วนกวน” สมัยราชวงศ์ฮั่นหมายถึงขันที ซึ่งถูกตอนหรือ? 2. ท�ำไมโจโฉจึงมีชื่อเล่นว่าอาหมาน? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมชื่อเล่นของโจโฉและเล่าเสี้ยน จึงขึ้นต้นด้วยค�ำว่า “อา”? 3. ท�ำไมโจโฉถูกเรียกว่า “กังฉินหน้าขาว”? ความรู้ต่อเนื่อง แบบหน้า (อย่างหน้ากาก) ของงิ้วมีที่มาอย่างไร? 4. ท�ำไมโจโฉจึงใช้แก้วแหวนเงินทองไถ่ตัวไช่เหวินจีกลับมา? ความรู้ต่อเนื่อง  ในยุคสามก๊ก ท�ำไมการเรียกคนบางครั้งใช้ “หมิงกง” บางครั้งใช้ “จู่กง”? 5. เตียวเสี้ยนเป็นภรรยาลิโป้หรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  ชื่อเตียวเสี้ยนมีความหมายว่าอะไร? 6. เล่าปี่เป็นพระเจ้าอาจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  ลูกของเล่าปี่สองคน ท�ำไมจึงชื่อเล่าฮองคนหนึ่ง เล่าเสี้ยนคนหนึ่ง?

16 18 23 24 26 29 30 32 34 37 38 41 42 44


7. เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง การสาบานเป็นพี่น้องกันในสมัยโบราณ ท�ำไมจึงเรียกว่า ‘เชื่อมธรรมกล้วยไม้ทอง’? 8. เมื่อใกล้ตายซุนเซ็กพูดว่า “จงกั๋วก�ำลังวุ่นวาย” ค�ำว่า “จงกั๋ว” ในยุคสามก๊กมีความหมายเหมือนปัจจุบันหรือไม่? ความรู้ต่อเนื่อง  ค�ำ “ซื่อไห่-สี่สมุทร” ใน “การสนทนาวางแผน ที่หลงจง” หมายถึงมหาสมุทรทั้งสี่อย่างในปัจจุบันหรือไม่? 9. ท�ำไมอ้วนสุดจึงเรียกอ้วนเสี้ยวผู้เป็นพี่ชายว่า “ขี้ข้าในบ้านกู”? ความรู้ต่อเนื่อง ระบบ “บุตรเอก” คนโตสืบสกุลของจีนยุคเก่า 10. ช่วงศึกกัวต๋อ ท�ำไมโจโฉวิ่งเท้าเปล่าออกมารับเขาฮิว? ความรู้ต่อเนื่อง เวลาสวมรองเท้าหรือถอดรองเท้า คนโบราณพิถีพิถันเรื่องอะไร? 11. “ต้มเหล้าแกล้มบ๊วย (เหมย) สดวิจารณ์ผู้กล้า” และ “อุ่นเหล้า ตัดหัวฮัวหยง” คนยุคสามก๊กไยจึงอุ่นสุราให้ร้อนก่อนแล้วจึงดื่ม? ความรู้ต่อเนื่อง คนมักพูดว่า “โคมแดงเหล้าเขียว” เหตุใดจึงกล่าวว่าเหล้าเขียว? 12. ท�ำไมโจโฉจึงตัดผมแทนตัดหัว? ความรู้ต่อเนื่อง เหตุใดจึงกล่าวว่าในสมัยโบราณ คนโกนหัวคือนักโทษ? 13. ท�ำไมเหล่าที่ปรึกษาจึงเห็นว่าม้าเต๊กเลาของเล่าปี่ให้โทษ แก่เจ้าของ? ความรู้ต่อเนื่อง วิชาดูอาชาลักษณ์ ในสมัยโบราณมีเนื้อหาอย่างไร? 14. อาวุธประจ�ำตัวกวนอูคือ “ง้าวมังกรเขียวเสี้ยวจันทร์” จริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง “อาวุธ 18 ประการ” ในสมัยโบราณหมายถึงอะไรบ้าง? 15. กวนอู “ตัดหัวงันเหลียง” และ “สังหารบุนทิว” จริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง เหตุใดกวนอูจึงได้รับยกย่องเป็นเทพกวนตี้?

46 47 48 50 52 53 54 55 57 59 61 62 64 65 66 68 70 71


16. กวนอูอ่านพงศาวดารชุนชิวในราตรีจริงหรือ? 73 ความรู้ต่อเนื่อง โดยทั่วไปขุนนางยุคสามก๊กอ่านหนังสืออะไร? 75 17. ท�ำไมเล่าปี่ไม่ใช้จูล่งท�ำงานใหญ่? 76 ความรู้ต่อเนื่อง จูล่งเป็น “น้องสี่” ของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยหรือ? 78 18. ท�ำไมจูล่งจึงได้ชื่อว่าเป็น “ขุนพลนามเบ็ดเตล็ด”? 79 ความรู้ต่อเนื่อง เจียงจวินคือขุนนางต�ำแหน่งใด? 82 19. ในยุคสามก๊ก เมื่อตั้งทัพประจัญกัน แม่ทัพรบกันได้ถึง สองร้อยเพลงจริงหรือ? 84 ความรู้ต่อเนื่อง อะไรคือ หนึ่ง “หุยเหอ (เพลง)”? 86 20. การรบในสามก๊ก ท�ำไมตี “เครื่องทอง” ถอยทัพ? 88 ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมต้องตีกลองขณะที่สองทัพรบกัน? 89 21. เจตนาที่แท้จริงในการสร้างหอยูงทองของโจโฉคืออะไร? 91 ความรู้ต่อเนื่อง หอยูงทองในประวัติศาสตร์คือสิ่งก่อสร้างอะไร? 93 22. ท�ำไมโจโฉขุดสระเหียนบู๊ (เสวียนอู่) ฝึกทัพเรือ? 96 ความรู้ต่อเนื่อง  จตุลักษณ์ 98 23. ท�ำไมเล่าปี่จึงถูกเรียกว่า “เล่าอิจิ๋ว”? 99 ความรู้ต่อเนื่อง การเรียกชื่อต�ำแหน่งขุนนางของจีนยุคเก่า 101 24. ขงเบ้งเก็บตัวท�ำนาอยู่ที่เมืองหนันหยาง (ล�ำหยง) มณฑลเหอหนันหรือเมืองเซียงหยาง (ซงหยง) มณฑลหูเป่ย? 103 ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมขงเบ้งถูกเรียกขานว่า “ฮกหลง (ฝูหลง)” หรือ “ว่อหลง”? 105 25. ขงเบ้งได้ภรรยาอัปลักษณ์จริงหรือ? 107 ความรู้ต่อเนื่อง สี่ยอดหญิงอัปลักษณ์ในยุคเก่าของจีนมีใครบ้าง? 109 26. ท�ำไมขงเบ้ง ชีซี และบังทอง จึงปลีกวิเวกอยู่ที่เก็งจิ๋ว? 111 ความรู้ต่อเนื่อง “ชะล่าใจเสียเก็งจิ๋ว” เก็งจิ๋วหมายรวมดินแดนใดบ้าง? 114 27. ท�ำไมขงเบ้งเลือกไปอยู่กับเล่าปี่? 115 ความรู้ต่อเนื่อง สัมฤทธิภาพทางลายสือศิลป์ของขงเบ้ง 117


28. ยุทธศาสตร์ที่หลงจง ขงเบ้งคิดขึ้นเป็นคนแรกหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  จุดอ่อนร้ายแรงที่สุด ของยุทธศาสตร์หลงจงคืออะไร? 29. เมื่อบังทองพบเล่าปี่ ไยบังทองจึงประสานมือค�ำนับ ไม่กราบคารวะ? ความรู้ต่อเนื่อง  เมื่อโจโฉไปเซ่นสรวงสุสานอ้วนเสี้ยว ท�ำไมจึงไหว้สองครั้ง? 30. ชีซีอยู่ในค่ายโจโฉไม่พูดเลยสักค�ำจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  โครงสร้างระบบขุนนาง ในท�ำเนียบโจโฉมีลักษณะพิเศษอย่างไร? 31. ในระหว่างการรบ ท�ำไมขงเบ้งชอบใช้วิชาโจมตีด้วยไฟ? ความรู้ต่อเนื่อง  “สามขุนนาง” ที่ใช้ในระบบบัญชาการศึก ในยุคโบราณคืออะไร? 32. เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สามคนนี้ เล่าปี่เป็นพี่ใหญ่จริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง ที่แท้นายทหารคนส�ำคัญ ในศึกเซ็กเพ็ก (ชื่อปี้) อายุเท่าไรกันแน่? 33. ข้อความ “(ถือ) พัดขนนก ผ้าโพกคาดแถบเขียว” ในบทกวีของ ซูตงพอหมายถึงขงเบ้งใช่ไหม? ความรู้ต่อเนื่อง ค�ำว่า “ก้วนจวิน-ชนะเลิศ” มีความสัมพันธ์กับ “ก้วน-หมวก” ที่คนโบราณสวมหรือไม่? 34. ขงเบ้งเรียกลมบูรพาเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งหมดหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง โบราณขอฝนท�ำไมต้องเลือกตอนยามอู่ (11.00-13.00 น.)? 35. ตอนขงเบ้งท�ำพิธีไสยศาสตร์ ท�ำไมต้องปล่อยผม? ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมคนโบราณใช้ส�ำนวน “จั่วเต้าผังเหมิน (ประตูข้างทางซ้าย)” ด่าคน? 36. แท้จริงแล้วใครเป็นผู้คิดแผนโจมตีด้วยไฟในศึกเซ็กเพ็ก? ความรู้ต่อเนื่อง นายทหารที่ร่วมศึกเซ็กเพ็กมีใครบ้าง?

119 122 124 125 126 127 129 130 131 133 134 136 137 140 141 142 143 145


37. โจโฉพ่ายศึกเซ็กเพ็กเพราะถูกโจมตีด้วยไฟหรือ? 146 ความรูต้ อ่ เนือ่ ง ท�ำไมเซ็กเพ็กจึงแยกเป็นเซ็กเพ็กบุน๋ และเซ็กเพ็กบู?๊ 149 38. กวนอูปล่อยโจโฉด้วยคุณธรรมที่ต�ำบลฮัวหยงจริงหรือ? 150 ความรู้ต่อเนื่อง  กวนอูเป็นนักรบ แต่ท�ำไมกลายเป็น “เทพแห่งทรัพย์สิน” ของชาวบ้าน? 151 39. จิวยี่ถูกขงเบ้งท�ำให้แค้นใจตายจริงหรือ? 153 ความรู้ต่อเนื่อง โรคซางหานคืออะไร ไยจึงคร่าชีวิตคนในยุคสามก๊กไปมาก? 155 40. ท�ำไมขงเบ้งจึงไปเซ่นสรวง “เจ็ดอาลัย” จิวยี่? 156 ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมการท�ำเจ็ดวันของชาวบ้านจึงรวม องค์ประกอบทางวัฒนธรรมปรัมปราของพุทธศาสนา กับศาสนาเต๋าไว้ด้วยกัน? 157 41. ท�ำไมคนเรียกจิวยี่ว่า “จิวหลาง (โจวหลาง)”? 159 ความรู้ต่อเนื่อง  เกณฑ์มาตรฐานวัดคุณสมบัติของคน ในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นมีอะไรบ้าง? 160 42. แท้จริงแล้วใครเป็นผู้บัญชาการรบตัวจริงในศึกเซ็กเพ็ก? 162 ความรู้ต่อเนื่อง  การสงครามในยุคเก่าท�ำไมจึงกล่าวว่า “น�ำทหารสามทัพ” อยู่เสมอ? 164 43. วุ่ยก๊ก จ๊กก๊ก ง่อก๊ก แคว้นใดมีพื้นที่ใหญ่สุด? 165 ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมค�ำ “จิ่วโจว-เก้ามณฑล” จึงหมายถึงประเทศจีน? 166 44. โจโฉยังมิได้ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ แต่ท�ำไมใช้สรรพนาม แทนตัวว่า “กู (孤)”? 168 ความรู้ต่อเนื่อง ค�ำ “(ฮ่อง) เต้ (ตี้)” กับ “อ๋อง (หวาง)” ต่างกันอย่างไร? 170 45. ท�ำไมโจโฉประหารหมอฮัวโต๋ (หัวถัว)? 173 ความรู้ต่อเนื่อง หมอฮัวโต๋เคยผ่าตัดศีรษะหรือไม่? 175


46. แคว้นที่เล่าปี่ตั้งชื่อแคว้น “จ๊ก (สู่)” หรือ? ความรู้ต่อเนื่อง ชื่อแคว้น (ราชวงศ์) ในยุคโบราณมาจากอะไร? 47. ซุนกวนตั้งมั่นที่กังตั๋ง (เจียงตง) กังตั๋งหมายถึงที่ใด? ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมกังตั๋ง (เจียงตง) จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่ากังจ้อ (เจียงจั่ว)? 48. ท�ำไมในสามคนคือซุนกวน โจผี เล่าปี่ ซุนกวน จึงตั้งตัวเป็นกษัตริย์หลังสุด? ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมค�ำ “ขึ้นเก้าห้า” จึงหมายถึง “ขึ้นครองราชย์”? 49. ท�ำไมประมุขยุคสามก๊กเลือกคนตามรูปลักษณ์? ความรู้ต่อเนื่อง ซุนกวนตาสีฟ้าหนวดสีม่วงจริงหรือ? 50. จิวยี่เคยใช้กลหญิงงามจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง ต�ำแหน่ง “โตวตู” ของจิวยี่คือต�ำแหน่งอะไร? 51. เล่าปี่ไปรับเลือกเป็นเขยศรีที่วัดก�ำลอจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง เล่าปี่มีภรรยาทั้งหมดกี่คน? 52. ท�ำไมเล่าปี่ ซุนกวน โจผี ล้วนได้หญิงซึ่งแต่งงานครั้งที่สอง? ความรู้ต่อเนื่อง เมียหลวง (เอกภริยา) กับเมียน้อย (อนุภรรยา) 53. ท�ำไมโลซกนั่งรถวัวเข้าท้องพระโรง? ความรู้ต่อเนื่อง ในสมัยโบราณการนั่งรถวัวกับรถม้า แตกต่างกันอย่างไร? 54. กวนอูชะล่าใจจนเสียเก็งจิ๋วจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมต�ำแหน่งที่ตั้งของเก็งจิ๋ว จึงมีความส�ำคัญเช่นนี้? 55. เล่าปี่ตีกังตั๋งเพื่อแก้แค้นแทนกวนอูหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง อะไรคือ “มรรคาจ๊ก (ทางเสฉวน)” และ ไยจึงกล่าวว่า “มรรคาจ๊ก (ทางเสฉวน) วิบากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้า”?

176 177 179 181 183 184 186 187 189 191 192 193 195 197 198 200 202 204 206 208


56. สมัญญา “จ้วงมิ่วโหว” ของกวนอูเป็นค�ำยกย่องหรือต�ำหนิ? ความรู้ต่อเนื่อง วัฒนธรรมสมัญญาของจีนยุคเก่า มีลักษณะพิเศษอย่างไร? 57. ท�ำไมช่างตัดผมและโกนหัวพื้นบ้านจึงยกย่องกวนอูเป็น ปรมาจารย์? ความรู้ต่อเนื่อง ความศรัทธาในยุคราชวงศ์ชิง ท�ำไมกวนอูค่อยๆ เข้ามาแทนเย่ว์เฟย (งักฮุย)? 58. สาเหตุที่จ๊กก๊กล่มสลายก่อนก๊กอื่นคืออะไร? ความรู้ต่อเนื่อง  ในศาลจาวเลี่ยเมี่ยวที่เฉิงตู ท�ำไมไม่มีรูปของเล่าเสี้ยน? 59. เหตุใดโจชงตัวเอกในต�ำนาน “โจชงชั่งช้าง” จึงเป็นที่รักของโจโฉเป็นพิเศษ? ความรู้ต่อเนื่อง โจโฉมีบุตรทั้งหมดกี่คน? 60. ท�ำไมโจโฉจัดพิธี “ยมอาวาห์-แต่งงานหลังตาย” ให้โจชง? ความรู้ต่อเนื่อง ยมอาวาห์ในยุคโบราณ 61. หนังสือซันจื้อจิง (คัมภีร์สามอักษร) กล่าวว่า “ข่งหญงสี่ขวบ รู้จักยอมให้สาลี่” ข่งหญงเป็นคนถ่อมตัวอ่อนข้อต่อผู้อื่นจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง อนุชนผู้สืบเชื้อสายจากขงจื๊อและเมิ่งจื๊อ ท�ำไมดูชื่อก็รู้ล�ำดับรุ่นได้? 62. เอี้ยวสิ้วถูกประหารชีวิตเพราะความฉลาดหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง เรื่อง “สี่รู้” “สามไม่มัวเมา” ของตระกูลเอี้ยวสิ้วคืออะไร? 63. ท�ำไมโจโฉบีบคั้นซุนฮกที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของตนจนตาย? ความรู้ต่อเนื่อง อะไรคือ “ท�ำเนียบกระโจมค่าย” และ “ขุนนางในท�ำเนียบกระโจมค่าย”? 64. ท�ำไมในที่สุดโจโฉเลือกโจผีเป็นทายาทสืบต�ำแหน่ง? ความรู้ต่อเนื่อง โจผีถูกเรียกขานว่า “สื้อจื่อ” ค�ำนี้มีความหมายว่าอะไร?

210 212 213 215 217 219 220 221 224 225 226 229 230 233 234 237 238 240


65. ท�ำไมโจโฉจึง “เสน่หาอาทร” สัง่ เสียเรือ่ งชีวติ บัน้ ปลาย ของเมียน้อยตน? 242 ความรู้ต่อเนื่อง “สามต�ำหนักหกนิเวศ” มีที่มาจากไหน? 244 66. โจโฉใช้อะไรตัดสินว่าสุมาอี้เป็นภัยต่อตน? 246 ความรู้ต่อเนื่อง วิชาดูนรลักษณ์ (โหงวเฮ้ง) ของจีนโบราณ 249 67. ศพโจโฉฝังอยู่ที่ไหนแน่? 250 ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมสุสานของคนจีนโบราณ จึงไม่พูนดินไม่ปลูกต้นไม้? 252 68. ตอนมีชีวิตอยู่โจโฉไม่ได้เป็นกษัตริย์ แต่ท�ำไมตายแล้ว คนจึงเรียกว่า “พระเจ้าวุ่ยอู่ตี้”? 254 ความรู้ต่อเนื่อง การย้อนถวายพระสมัญญาคืออะไร? 255 69. ท�ำไมโจผีเปลี่ยนอักษรชื่อเมืองลั่วหยางจาก 雒阳 เป็น 洛阳? 256 ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมทฤษฎีธาตุทั้งห้าหมุนเวียนจึงมีอิทธิพล ส�ำคัญต่อประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ฉิน ฮั่น และยุคสามก๊ก? 259 70. โจผีบังคับให้โจสิดแต่ง “กวีนิพนธ์เจ็ดก้าว” จริงหรือ? 260 ความรู้ต่อเนื่อง  เหตุใดโจสิดจึงถูกก�ำหนด ให้เขียนกลอนภายในเจ็ดก้าว? 262 71. กวีนิพนธ์เรื่อง “ลั่วเสินฟู่” ของโจสิดเขียนเรื่อง พี่สะใภ้ของตนจริงหรือ? 264 ความรู้ต่อเนื่อง ฟู่คือค�ำประพันธ์ลักษณะใดในวรรณคดีจีน? 266 72. ความสัมพันธ์ของเล่าปี่กับขงเบ้งเหมือนปลากับน�้ำจริงหรือ? 267 ความรู้ต่อเนื่อง  ศัพท์ “กู้มิ่งต้าเฉิน (顾命大臣)” มีที่มาอย่างไร? 270 73. เล่าเสี้ยนปัญญาอ่อนจริงหรือ? 271 ความรู้ต่อเนื่อง ไป๋ตี้ที่เมืองไป๋ตี้เป็นคนหรือเทพเจ้า? 273 74. ค�ำ “อู่เซียงโหว” ที่เรียกขงเบ้งและ “ฮั่นโซ่วถิงโหว” ที่เรียกกวนอูเป็นต�ำแหน่งขุนนางหรือ? 275 ความรู้ต่อเนื่อง บรรดาศักดิ์ของจีนยุคเก่า 277


75. เหตุใดขงเบ้งและพี่น้องรวมสามคนจึงได้รับฉายาว่า มังกร เสือ และสุนัข? ความรู้ต่อเนื่อง  ค�ำเรียกขานและค�ำบอกล�ำดับพี่น้อง ของจีนโบราณมีลักษณะพิเศษอะไร? 76. ท�ำไมซุนกวนจึงบีบคั้นลกซุนจนตาย? ความรู้ต่อเนื่อง ตระกูลขุนนางทรงบารมี 77. ขงเบ้งรบวุ่ยก๊กทางภาคเหนือเพื่อรวมแผ่นดินจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง ต�ำแหน่ง “จวินซือ (กุนซือ)” ของขงเบ้ง คือขุนนางต�ำแหน่งอะไร? 78. “หมานโส่ว” ที่ขงเบ้งคิดขึ้นคืออาหารชนิดใด? ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมแกงจืดผักฉุนไช่จึงเป็นอาหารอร่อย ที่ปัญญาชนแดนเจียงหนันชื่นชมสูงสุด? 79. ขงเบ้ง “จับแล้วปล่อยเบ้งเฮ็กเจ็ดครั้ง” จริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  ตอนปราบเบ้งเฮ็ก ทัพจ๊กก๊กถูกไอร้าย ไอร้ายนี้คืออะไร? 80. เหตุใดคนพื้นเมืองภาคใต้จึงขี่ช้างมารบกับทัพขงเบ้ง? ความรู้ต่อเนื่อง  ศัพท์ “เสี่ยงเซี่ยง (นึกภาพช้าง-จินตนาการ) เกี่ยวข้องกับช้างหรือไม่? 81. “โคไม้ม้าเลื่อน” ที่ขงเบ้งประดิษฐ์ขึ้นคืออะไรกันแน่? ความรู้ต่อเนื่อง  “อี๋ว์” ที่ขงเบ้งนั่งคือรถแบบใด? 82. ขงเบ้งเคยใช้กลเมืองร้างจริงหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง ผู้ใช้อุบาย “เรือฟางยืมลูกธนู” คือขงเบ้งหรือ? 83. พยุหะแปดทิศของขงเบ้งเป็นพยุหะศิลาหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง กระบวนพยุหะในยุคโบราณ 84. ขงเบ้งยกทัพปราบวุ่ยก๊ก ท�ำไมต้องยกออกทางเขากีสาน? ความรูต้ อ่ เนือ่ ง ขงเบ้งเคย “ยกออกจากเขากีสานหกครัง้ ” หรือไม่?

278 281 281 284 285 288 299 291 293 295 297 298 299 301 302 305 306 307 310 311


85. หลังจากพ่ายศึกเกเต๋ง ท�ำไมขงเบ้งจึงกล่าวว่า เรื่องคนตนไม่เสมอด้วยเล่าปี่? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมสาวกลัทธิเต๋ามักฉลาดเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่ฉลาดเรื่องคน? 86. ท�ำไมขงเบ้งคิดว่าอุยเอี๋ยนต้องกบฏแน่นอน? ความรู้ต่อเนื่อง  ค�ำอธิบายเรื่อง “กระดูกกบฏ” มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อะไร? 87. บังทองตายที่เนินหงส์ร่วงและขงเบ้งตายที่ทุ่งอู่จั้งหยวน เป็นเรื่องชะตาฟ้าลิขิตหรือ? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมขงเบ้งขอให้ฝังศพตนไว้ที่ภูเขาเต็งกุนสัน? 88. หลังจากขงเบ้งตาย ท�ำไมในปากอมข้าวสารไว้เจ็ดเม็ด? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมชนชั้นสูงและขุนนางผู้ใหญ่สมัยโบราณ อมหยกไว้ในปากหลังตาย? 89. ขงเบ้งตายเพราะเหตุที่แท้จริงอะไร? ความรู้ต่อเนื่อง  คนโบราณถนอมสุขภาพอย่างไร? 90. “เพลงผิดพลาด จิวยี่หันมอง” จิวยี่ดีดกู่ฉินหรือกู่เจิง? ความรู้ต่อเนื่อง  เพลงกว่างหลิงซ่านพรรณนาเรื่องราวอะไร? 91. ท�ำไมแม่ทัพนายกองยุคสามก๊กชอบเล่นหมากล้อม? ความรู้ต่อเนื่อง  หมากล้อมเก้าอันดับเริ่มมีตั้งแต่ยุคใด? 92. ท�ำไมวัฒนธรรมดื่มชาแพร่หลายในยุคสามก๊ก? ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมชาจึงเรียกได้อีกอย่างว่า “เล่าหนู”? 93. ท�ำไมผู้ชายยุคสามก๊กจึงแต่งหน้า? ความรู้ต่อเนื่อง  อะไรคือหมวกสูง สายคาดหลวม? 94. ท�ำไมพระจากแดนตะวันตกที่มาจีนล้วนเป็นนักมายากล? ความรู้ต่อเนื่อง  พระธาตุคืออะไร? เป็นสัญลักษณ์ของอะไรในพุทธศาสนา?

314 315 317 319 320 322 323 326 328 330 332 334 335 338 339 342 342 345 347 348


95. ท�ำไมองุ่นเป็นผลไม้โปรดที่สุดของกษัตริย์ยุคสามก๊ก? 350 ความรู้ต่อเนื่อง  ท�ำไมวัฒนธรรมพุทธศาสนา จึงช่วยเสริมให้องุ่นและเหล้าองุ่นแพร่หลาย? 352 96. ในยุคสามก๊ก ท�ำไมชนชั้นสูงจึงใช้ระบบแยกส�ำรับอาหาร? 353 ความรู้ต่อเนื่อง  ประเพณีเรื่องล�ำดับที่นั่ง ในยุคโบราณของจีนเป็นอย่างไร? 355 97. ท�ำไมผู้หญิงยุคสามก๊กส่วนมากไม่ปรากฏชื่อ หรือไม่มีทั้งชื่อและแซ่? 357 ความรู้ต่อเนื่อง  ชื่อตัวและชื่อรองของผู้หญิงจีนโบราณ มีลักษณะพิเศษอย่างไร? 359 98. คนยุคสามก๊กส่งจดหมายถึงกันด้วยวิธีใด? 360 ความรู้ต่อเนื่อง หน่วยงานไปรษณีย์ของจีนยุคเก่าเรียกว่าอะไร? 362 99. ท�ำไมกวีแซ่โจสามพ่อลูกจึงชอบแต่ง “อิ๋วเซียนซือ-กวีนิพนธ์ เซียนสัญจร”? 363 ความรู้ต่อเนื่อง ท่วงท�ำนองของรัชศกเจี้ยนอาน 366 100. ท�ำไมปัญญาชนยุคสามก๊กส่วนมากจึงมีความคิดว่าควรหาความสุขให้ ทันเวลา “ดืม่ สุราร้องขับศัพท์บรรสานชีวติ คนจะยืนนานสักเพียงไหน?” 367 ความรู้ต่อเนื่อง คนจีนโบราณอายุเคลื่อนเท่าไร? 370 101. นักดนตรีพุทธศาสนาคนแรกของจีนคือใคร? 371 ความรู้ต่อเนื่อง ดนตรีจีนโบราณแบ่งเป็นประเภทใดบ้าง? 374


ค�ำถามสามก๊ก


1 โจโฉแซ่โจจริงหรือ? ในหนังสือสามก๊กจี่  (พงศาวดารสามก๊ก) ภาควุ่ยซู  (เรื่องของแคว้น วุ่ย) บทราชประวัติพระเจ้าวุ่ยอู่ตี้  (โจโฉ) บันทึกไว้ว่า “ในรัชกาลพระเจ้าฮั่น หวนตี้  ขันทีโจเท้ง (เฉาเถิง) ด�ำรงต�ำแหน่ง ‘จงฉางซื่อต้าฉางชิว (อัครราช วัลลภ-คนสนิทฮ่องเต้และฮองเฮา)’ มีบรรดาศักดิ์เป็นเฟ่ยถิงโหว (พระยา ต�ำบลเฟ่ยถิง)  เขาเลี้ยงโจสง (เฉาซง)1เป็นบุตรบุญธรรม กินต�ำแหน่งสูง สุดถึงไท่เว่ย (สมุหกลาโหม) แต่ไม่สามารถสืบค้นประวัติชีวิตเขาได้” ประวัติ ชีวิตของโจสง (เฉาซง) บิดาของโจโฉ (เฉาเชา) ซึ่งไม่ชัดเจนนี้  เผยซงจือผู้ ท�ำบันทึกเสริมพงศาวดารสามก๊ก (สามก๊กจี่) อ้างข้อมูลจาก “ประวัติชีวิต อาหมาน (ชื่อเล่นของโจโฉ)” ซึ่งคนแคว้นง่อก๊ก (อู๋กั๋ว) ของซุนกวนแต่งว่า “โจสงเป็นบุตรของแซ่แฮหัว (เซี่ยหัว) เป็นอาของแฮหัวตุ้น (เซี่ยหัวตุน)” ข้อความนี้บ่งชัดว่า เดิมทีโจสงมิได้แซ่โจแต่แซ่แฮหัว เนื่องจากไปเป็นบุตร บุญธรรมสืบสกุลของขันทีโจเท้งจึงเปลี่ยนเป็นแซ่โจ โจโฉปฏิบัติต่อพี่น้อง แซ่แฮหัวอย่างคนครอบครัวเดียวกับตนตลอดมา  อีกทั้งเฉินโซ่วผู้เขียน พงศาวดารสามก๊กก็เอาแซ่แฮหัวรวมไว้เล่มเดียวกับแซ่โจ  ฉะนั้น โจโฉ เดิมมิได้แซ่โจ แต่น่าจะแซ่แฮหัว ขันทีสมัยราชวงศ์ฮนั่ นิยมเลีย้ งบุตรบุญธรรมกันมาก ยุคนัน้ ขันทีได้กนิ ต�ำแหน่งขุนนางในราชส�ำนัก มีทรัพย์สินมั่งคั่งมาก “โฮ่วฮั่นซู  (พงศาวดาร ราชวงศ์ฮั่นยุคหลัง) บรรพประวัติขันที” บันทึกไว้ว่า ในครั้งกระโน้นที่บ้าน ของขันทีเหล่านี้มีนางร�ำสาวใช้มากมาย เงินทองกองเต็มบ้าน แต่ขันทีเป็น ชนชั้นพิเศษต่างจากคนอื่น เนื่องจากไม่มีลูกจึงมีปัญหาส�ำคัญคือตายแล้ว ไม่มีคนสืบทอดมรดกเหล่านี้  เพราะกลัวมรดกขาดคนสืบทอด  ขันทีสมัย ในสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) บิดาโจโฉชื่อโจโก๋ (เฉาเกา)  แต่ความ จริงชื่อโจสง (เฉาซง) อักษรโก๋ (เกา) 高 กับอักษรสง (ซง) 嵩 คล้ายกัน-ผู้แปล 1

101 คำ�ถามสามก๊ก  23


ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกจึงนิยมเลี้ยงบุตรบุญธรรมกันอย่างแพร่หลายไปทั่ว โจสงบิดาของโจโฉมีชาติก�ำเนิดต�่ำต้อยมาก ในยุคนั้นจัดว่าเป็นชน ชั้นล่างผู้ยากไร้  ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก โอกาสที่ชนชั้นล่างจะเบียด แทรกขึ้นไปเป็นชนชั้นบนเวิ้งว้างไร้ความหวังมาก  ระบบ “คัดเลือกบัณฑิต สุจริตกตัญญู (เซี่ยวเหลียน)” มีโควต้าให้แต่ละเมืองจ�ำกัด โอกาสได้รับคัด เลือกยากมาก  ดังนั้น บรรดาคนที่มีชาติก�ำเนิดยากจนจึงมักยอมเป็นบุตร บุญธรรมของขันที เพื่อว่าในอนาคตจะได้มั่งคั่งสูงส่งขึ้น  โจสงบิดาของโจโฉ ก็หวังใช้วิธีคารวะขันทีเป็นบิดาบุญธรรม ยกระดับทางสังคมของตนและได้ รับความมั่งคั่งทางสังคมอีกด้วย ในยุคนั้นคนที่ยอมคารวะขันทีเป็นบิดาบุญธรรมมีชื่อเสียงไม่ดีใน สังคม ดังนั้น ตันหลิม (เฉินหลิน) จึงเขียนค�ำประกาศโทษโจโฉว่า “ยอมเข้า เป็นคนแซ่อื่นของขันทีส�ำแดงความน่าทุเรศ ธาตุแท้ไร้คุณธรรม” ยอมเข้า เป็นคนแซ่อื่น หมายถึงยอมเป็นบุตรบุญธรรมคนต่างแซ่ มีส่วนคล้ายชาย ยากจนที่ยอมเป็นเขยข้าอยู่ในบ้านพ่อตา ทิ้งศักดิ์ศรีของแซ่ตัวเอง ค�ำว่า ขันที เป็นการประจานว่าโจโฉมีชาติก�ำเนิดมาจากตระกูลขันทีซึ่งโจสงยอม คารวะเป็นบิดาบุญธรรม อีกทั้งต่อมาโจโฉใช้เงินหนึ่งพันล้านซื้อต�ำแหน่ง ไท่เว่ยขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร  ดังนั้น ตันหลิมจึงด่าโจโฉว่า “พ่อซื้อต�ำแหน่ง ก�ำมะลอ”  เงินถึงพันล้านนี้ คนที่เกิดในตระกูลยากจนอย่างโจสงไม่มีจะ ควักออกมา ที่แท้แล้วเป็นเงินของโจเท้งบิดาบุญธรรม จากเรื่องนี้จะเห็น ได้ว่าในยุคนั้นพวกขันทีร�่ำรวยมหาศาล (เซวียนปิ่งซ่าน) ความรู้ต่อเนื่อง “ห้วนกวน” สมัยราชวงศ์ฮั่นหมายถึงขันทีซึ่งถูกตอนหรือ?

ค�ำ “ห้วนกวน (宦官)” ในภาษาจีนปัจจุบันหมายถึง “ขันที”  แต่ในสมัย

24  ถาวร สิกขโกศล แปล


ราชวงศ์ฮนั่ ค�ำนีม้ ไิ ด้หมายถึงขันทีเสียทัง้ หมด เรือ่ งนีต้ อ้ งเริม่ จากวิเคราะห์อกั ษร “宦  ห้วน” หนังสือซัวเหวินเจีย่ จือ้ (อธิบายลายสือวิเคราะห์อกั ษร) ของสีว่ เ์ ซิน่ สมัยราชวงศ์ ฮั่นตะวันออกอธิบายค�ำนี้ว่า “宦 ห้วน : ขุนนางนั่นเอง” นั่นหมายถึงเป็นขุนนาง ในหนังสือหลุนอี่ว์ (วิจารณพจน์) กล่าวว่า “ศึกษามีความรู้ดีย่อมเป็นขุนนาง”  ใน หนังสือโบราณมักกล่าวว่า หญิงผูน้ นั้ เกิดมาจาก “ครอบครัวของห้วนกวน” คือมาจาก ครอบครัวขุนนางนั่นเอง อักษร “宦 ห้วน” นี้แรกทีเดียวมีความหมายสองประการ ประการแรกหมายถึงคนรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างตัวกษัตริย์ เช่นในหนังสือกั๋วอี่ว์ (เรื่อง ของแคว้นต่างๆ) ภาคเย่ว์อี่ว์ (เรื่องของแคว้นเย่ว์) มีบันทึกว่า โกวเจี้ยนและฟ่านหลี “ไปเป็นห้วนทีแ่ คว้นอู”๋ นัน่ ก็คอื ไปเป็นขุนนางใต้บงั คับบัญชาของฟูไชอ๋องแห่งแคว้นอู๋ อยู่ในฐานะบ่าวของฟูไช ความหมายประการที่สองคือ ไปเป็น “เหมินเค่อ-ผู้อาศัย” ในบ้านชนชั้นสูง หรือเรียกอีกอย่างว่า “เส้อเหญิน-ผู้พึ่งใบบุญ” งานของคนพวกนี้ที่ ส�ำคัญคือช่วยคิดแผนงานต่างๆ ให้เจ้านาย เนื่องจากถูกชนชั้นสูงเลี้ยงไว้ในบ้านจึง เรียกอีกอย่างว่า “เลี้ยงเป็นขุนนาง” หรือ “ขุนนางบ้าน”  อักษร “宦 ห้วน” นี้ถ้า วิเคราะห์รูปอักษรประกอบด้วยอักษร “宀 บ้าน” กับอักษร “臣 ขุนนาง” รวมกัน เป็น 宦 หมายถึง ผู้ท�ำหน้าที่ขุนนางในบ้านคนอื่น  ดังนั้น อักษรนี้แต่เดิมมาจึงเป็น ค�ำรวมเรียกขุนนางทุกประเภท ที่พูดกันว่า “เส้นทางขุนนาง” ก็หมายถึง “ชีวิตการ เป็นข้าราชการนั่นเอง” ความจริงแล้วค�ำว่า “ไท่เจี้ยน 太监” ในปัจจุบันซึ่งแปลว่า “ขันที” เกิด ขึ้นทีหลัง ในยุคจั้นกั๋ว (พ.ศ.67-322) ราชส�ำนักมีคนรับใช้ที่ถูกตอน ในเอกสาร ประวัติศาสตร์เรียก “宦者 ห้วนเจ่อ” ซึ่งก็คือขันทีตามที่เราเข้าใจกันในปัจจุบัน ใน หนังสือสื่อจี้ (พงศาวดารสื่อจี้) บทประวัติหลี่ว์ปู้เหวย บันทึกไว้ว่าหลี่ว์ปู้เหวยน�ำเล่า ไอ่ผู้มีอวัยวะเพศใหญ่ปลอมปนเป็นขันทีถวายไทเฮา ไทเฮาพึงพอใจเล่าไอ่มากจน เป็นคนโปรดปรานอยู่ในราชส�ำนัก “มีผู้คนพันกว่าคนแย่งกันเป็น ‘ขุนนางบ้าน’ ของ เล่าไอ่” คือแก่งแย่งกันมามีต�ำแหน่งหน้าที่อยู่ในคฤหาสน์ของเล่าไอ่ แต่เนื่องจาก เล่าไอ่เป็นขันทีปลอม ต่อมาจึงถูกคนเปิดโปงฟ้องร้อง พงศาวดารสื่อจี้บันทึกไว้ว่า “ปีที่ 9 รัชกาลฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) มีคนฟ้องร้องว่า ความจริงเล่าไอ่ไม่ใช่ ขันที ลักลอบเป็นชูก้ บั ไทเฮาพระราชชนนีของฉินสือ่ หวงตีอ้ ยูเ่ สมอจนมีบตุ รสองคน” นั่นคือถึงเล่าไอ่เป็น “ห้วนเจ่อ (ขันที)” แต่ก็เป็นขันทีปลอม จึงเห็นได้ว่าในยุคจั้นกั๋ว 101 คำ�ถามสามก๊ก  25


ค�ำว่า “ห้วนเจ่อ” หมายถึง “ขุนนาง” ก็ได้ แต่จะหมายถึง “ขันที” ทีถ่ กู ตอนก็ได้เช่นกัน ในหนังสือ “โฮ่วฮั่นซู (พงศาวดารราชวงศ์ฮั่นยุคหลัง) เล่ม 78 บรรพประวัติ ขุนนาง” กล่าวว่า “ช่วงต้นแห่งการฟื้นฟูราชวงศ์ (หมายถึงช่วงต้นราชวงศ์ฮั่นตะวัน ออก) ในรัชกาลพระเจ้าฮัน่ กวงอูต่ ี้ ใช้ขนั ทีเป็นขุนนางผูใ้ หญ่ ไม่หวนกลับไปใช้บณ ั ฑิต ขงจื๊ออีก...ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขันทีทั้งสิบผู้โด่งดังเป็นขุนนางผู้ใหญ่ กุมอ�ำนาจในราชการ” ข้อความไม่กี่ประโยคในพงศาวดารราชวงศ์ฮั่นยุคหลังนี้บอก ชัดว่า ก่อนรัชกาลพระเจ้าฮั่นกวงอู่ตี้ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกไม่ใช้ขันทีเป็น ขุนนาง ตัง้ แต่รชั กาลพระเจ้าฮัน่ กวงอูต่ เี้ ป็นต้นมาเกิดความเปลีย่ นแปลง เริม่ ใช้ขนั ที เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ท�ำให้ระเบียบราชการของราชวงศ์ฮั่นวุ่นวาย ยุคสามก๊กจึงเกิดขึ้น จากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวนี้ (เซวียนปิ่งซ่าน)

2 ท�ำไมโจโฉจึงมีชื่อเล่นว่าอาหมาน? โจโฉมีชื่อเล่นตามเสียงภาษาจีนกลางว่า “อาหมาน” เสียงจีนฮกเกี้ยน ว่ า “อาบั๋ ว ” ชื่ อ นี้ ไ ม่ มี บั น ทึ ก อยู ่ ใ นพง ศาวดารสามก๊ก (สามก๊กจี่) แต่มีเพิ่ม เติมอยูใ่ นอรรถาธิบายเสริมของเผยซงจือ ในบทราชประวัติพระเจ้าวุ่ยอู่ตี้ (โจโฉ) ของพงศาวดารสามก๊ก เผยซงจืออ้างอิง ข้อมูลจากเรื่อง “เฉาหมานจ้วน (ประวัติ เฉาหมาน)” ว่า “องค์ไท่จู่ (โจโฉ) มีชื่อ หนึ่งว่า ‘จี๋ลี่ (สิริมงคล)’ ชื่อเล่นว่า อา หมาน (阿瞒-ปิดบัง)” แต่ “เฉาหมาน จ้ ว น-ประวั ติ เ ฉาหมาน” ในสุ ย ซู (พงพระเจ้าวุ่ยอู่ตี้ (โจโฉ) 26  ถาวร สิกขโกศล แปล


ศาวดารราชวงศ์สุย) บรรพบันทึกเรื่องต�ำรับต�ำราไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ แสดง ว่าเป็นเรื่องประเภทบันทึกเบ็ดเตล็ดในประวัติศาสตร์เถื่อนซึ่งไม่อยู่ในสาย ตานักประวัติศาสตร์ ในหนังสือ “จิ้วถังซู (พงศาวดารราชวงศ์ถังฉบับเก่า)” กลับมีข้อมูลว่าคนเขียนเรื่องเฉาหมานจ้วน (ประวัติเฉาหมาน) เป็นคนง่อ ก๊กหรือชาวกังตั๋งผู้ไม่ปรากฏชื่อ เนื่องจากโจโฉเคยไปตีกังตั๋ง ดังนั้นประวัติ โจโฉในเฉาหมานจ้วนย่อมมีส่วนที่ท�ำให้โจโฉเสียหายอยู่ด้วย ถึงสมัยราช วงศ์ถังเรื่องเฉาหมานจ้วนในบทนิพนธ์ “ชุดเป่ยถังซูเชา (บทคัดสรรจาก หนังสือเป่ยถัง) เล่ม 122 บรรพดนตรีแปด : งิ้วยี่สิบแปด” ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ เนื่องจากโจโฉไปมาหาสู่กับพวกงิ้วอยู่เสมอ ทั้งยังได้ลูกสาวงิ้วแซ่เปี้ยนเป็น ภรรยา  ดังนั้น จึงเอาเรื่องของโจโฉรวมไว้ในบรรพเดียวกับพวกงิ้ว เห็นชัด ว่าเพื่อลดเกียรติโจโฉ วิเคราะห์จากข้อมูลทั้งหมดนี้แล้ว เรื่องที่ว่าโจโฉมีชื่อเล่นอาหมาน (阿瞒) ซึ่งหมายถึง “ปิดบัง” น่าจะเกิดจากนักเล่านิทานดัดแปลงแก้ไข ชื่อ เล่นของโจโฉควรจะเป็น “อาหม่าน (阿满)” ที่ใช้อักษรซึ่งหมายถึง “สมบูรณ์ อิ่มเอิบ” แสดงถึงความตุ้ยนุ้ยน่ารักมากกว่า  ต่อมาในนิยายสามก๊ก มุ่ง “ยกเล่าปี่ กดโจโฉ” ชื่ออาหม่าน (阿满) ซึ่งหมายถึง “สมบูรณ์ อิ่มเอิบ” จึง เปลี่ยนเป็น “阿瞒-อาหมาน” ซึ่งหมายถึง “หลอกลวง, ปิดบัง” เผยซงจือ อ้างอิงข้อมูลจาก “เฉาหมานจ้วน” ว่าโจโฉมีชื่อเล่นอาหมาน ใช้อักษร หมาน 瞒 ที่แปลว่า หลอกลวง ปิดบัง เพราะโจโฉมีนิสัยขี้ระแวง ชอบใช้เล่ห์เหลี่ยม ดังนั้น เปลี่ยนจากอักษร “满 หม่าน” ที่แปลว่า “สมบูรณ์ อิ่มเอิบ” เป็นอักษร “瞒 หมาน” ที่แปลว่า “หลอกลวง ปิดบัง” จึงสอดคล้องกับนิสัยของโจโฉเป็น อย่างยิ่ง  นิยายสามก๊กบทที่ 72 “โจอาหมานถอยทัพเข้าเสียดก๊ก” เรียกชื่อ เล่นโจโฉตรงๆ ว่าอาหมาน แสดงชัดถึงการเรียกอย่างไม่ให้เกียรติ  ในนิยาย สามก๊กยังมีค�ำเรียกโจโฉอย่างลบหลู่อีกว่า “เหล่าหมาน” ซึ่งแปลว่า “ไอ้แก่ ขี้ปด” ด้วย เช่น บทที่ 61 มีชื่อบทว่า “จูล่งสกัดกลางแม่น�้ำชิงอาเต๊าคืน ซุน กวนส่งหนังสือให้ ‘เหล่าหมาน’ ถอยทัพ” ซุนกวนเขียนจดหมายถึงโจโฉมี 101 คำ�ถามสามก๊ก  27


ความตอนหนึ่งว่า “หากใต้เท้ายังไม่ตาย ข้าพเจ้าไม่มีวันสงบสุข” ในหนังสือ “จื้อหลิน” ของซูตงพอกวีเอกสมัยราชวงศ์ซ่งมีข้อความว่า “ถึงการเล่าเรื่อง สามก๊ก พอได้ยินว่าเล่าปี่แพ้  (ผู้ฟัง) ขมวดคิ้วนิ่วหน้า บ้างน�้ำตาไหล แต่ พอได้ยินว่าโจโฉแพ้  ก็กลับดีใจร้องเพลงกันทันที” แสดงให้เห็นว่า ถึงยุค ราชวงศ์ถัง และราชวงศ์ซ่ง โจโฉมีภ าพลั ก ษณ์ ข องกั ง ฉิ น ที่ ค นเกลี ย ดชั ง แล้ว ดังนั้น บรรดานักเล่านิทานและผู้แต่งหนังสือนิยายสามก๊กจึงเอาชื่อ เล่นของโจโฉว่า “阿满 อาหม่าน” ซึ่งหมายถึงอิ่มเอิบ สมบูรณ์” เปลี่ยน อักษรเป็น “阿瞒 อาหมาน” ซึ่งหมายถึง “หลอกลวง ปิดบัง” เพื่อลดเกียรติ โจโฉ เรื่องนี้ยังเป็นการแสดงออกถึงทัศนะเกี่ยวกับ “สิทธิธรรมทางการเมือง” ว่าใครเป็นผู้สืบทอดสิทธิทางการเมืองการปกครองอย่างถูกต้องอีกด้วย ใน หมู่ประชาชนถือกันตลอดมาว่า เล่าปี่เป็นผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์ฮั่น มีสิทธิ ธรรมตามราชวงศ์ฮั่น  ส่วนโจโฉเป็นโจรกบฏต่อราชวงศ์ฮั่น เพื่อลดเกียรติ โจโฉ ชื่ออาหมานที่มีความหมายลบจึงเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ (เซวียนปิ่งซ่าน) อธิบายเสริมของผู้แปล (1) หนังสือสามก๊กภาษาจีนมีฉบับส�ำคัญสองฉบับคือ ฉบับประวัติศาสตร์ ชื่อภาษาจีนว่า สามก๊กจี่  (พงศาวดารสามก๊ก) กับฉบับนิยาย ชื่อภาษาจีนว่า สามก๊ก เอี้ยนหงี  (นิยายสามก๊ก)  สามก๊กฉบับภาษาไทยของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) แปล จากฉบับนิยาย ที่มีผู้แปลใหม่อีกสองส�ำนวนก็เป็นฉบับนิยายเช่นเดียวกัน (2) คนจีนยุคเก่ามีชื่อคนละสองชื่อคือ ชื่อตัว ใช้ในครอบครัวและคนคุ้นเคย กับชื่อรองเป็นชื่อทางการ ใช้ในวงสังคม บางคนมีชื่อเล่นอีก โจโฉแซ่โจ (เฉา) ชื่อตัว โฉ (เชา) แปลว่า ปฏิบตั  ิ รักษา ชือ่ รองเบ้งเต๊ก (เมิง่ เต๋อ) แปลว่า ธรรมอันเป็นประธาน (ของธรรมทั้งปวง) รวมกันแล้วหมายความว่า ผู้ปฏิบัติรักษาธรรมอันเป็นประธาน โจโฉมีชื่อเล่นในวัยเด็กว่าเฉาอาหมาน เสียงฮกเกี้ยนว่าโจอาบั๋ว ตามธรรมเนียมจีน คนไม่คุ้นเคยกันต้องเรียกชื่อรอง ห้ามเรียกชื่อเล่นอย่าง เด็ดขาด ถือว่าเป็นการเหยียดหยาม ไม่ให้เกียรติกันอย่างมาก 28  ถาวร สิกขโกศล แปล


ความรู้ต่อเนื่อง ท�ำไมชื่อเล่นของโจโฉและเล่าเสี้ยนจึงขึ้นต้นด้วยค�ำว่า “อา”? ชื่อของบุคคลในสามก๊กมักมีค�ำ “อา” อยู่ข้างหน้า  เช่น โจโฉมีชื่อเล่นว่า “อาหมาน” ในราชประวัติพระเจ้าวุ่ยอู่ตี้ในพงศาวดารสามก๊กภาควุ่ยซู  (เรื่องของ แคว้นวุย่ ) เผยซงจืออ้างข้อความจาก “เฉาหมานจ้วน (ประวัตเิ ฉาหมาน)” ว่า  “องค์ ไท่จู่  (โจโฉ) มีชื่อหนึ่งว่า  ‘จี๋ลี่’ ชื่อเล่นว่า  ‘อาหมาน’” เล่าเสี้ยน (หลิวซ่าน) มี ชื่อเล่นว่า  อาเต๊า (อาโต่ว) เป็นบุตรเล่าปี่  เมื่อเล่าปี่ตั้งตัวเป็นเจ้าได้รับสถาปนาเป็น รั ช ทายาท พงศาวดารสามก๊ ก บท “ประวั ติ เ ล่ า ฮอง (หลิ ว เฟิ ง )” บั น ทึ ก ไว้ ว ่ า “ตั้งแต่สถาปนาอาเต๊าเป็นรัชทายาทเป็นต้นมา คนมีความรู้ดูแล้วต่างรู้สึกผิดหวัง ท้อใจ” ความจริงแล้วในยุคราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์วุ่ย ผู้คนนิยมใช้ค�ำว่า  “อา” น�ำ หน้าชื่อกันมาก แค่ที่จารึกอยู่ใน “ศิลาจารึกเสียวหญ่วนราชวงศ์ฮั่น” ก็มี  “40 คน ชื่อล้วนมีค�ำ อา น�ำหน้า  เช่นหลิวซิง-อาซิง พานจิง-อาจิง เหล่านี้” ล้วนใช่ทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมี  “อาเฟิ่ง, อาไหม่” อีกเป็นต้น พิจารณาจากข้อมูลนี้เห็นได้ว่า  คน สมัยราชวงศ์ฮั่นและวุ่ยใช้ค�ำ “อา” น�ำหน้าชื่อกันไม่น้อยทีเดียว  นอกจากนี้ ที่ใช้ ค�ำ “อา” ตามหลังแซ่ก็มี เช่น ในหนังสือเว่ยจือ้  (เรื่องของแคว้นวุ่ย) บทราชประวัติ พระเจ้าวุ่ยเหวินตี้  (โจผี) ยกข้อมูลที่บันทึกไว้ในหนังสือ “เตี่ยนลุ่น ตอนค�ำน�ำ” ว่า  ช่วงรัชกาลพระเจ้าฮวนเต้  (หวนตี้) และพระเจ้าเลนเต้  (หลิงตี้) ปลายราชวงศ์ ฮั่น สื่ออาแห่งเหอหนันร่วมเที่ยวกับนักรบหวางเย่ว์  ซึ่งเชี่ยวชาญวิชากระบี่และ เรียนได้วิชานี้มาด้วยนั้นเป็นชายผู้ใช้ค�ำ “อา” ตามหลังแซ่  ดังนั้น หวางเม่าคนยุค ราชวงศ์ซ่งเขียนไว้ในหนังสือชุด “เหย่เค่อฉงซู” เล่ม 18 อธิบายชื่อรองของหวาง หูว่า  “อักษร ‘อา’ ตัวนี้เมื่อพินิจดูที่ใช้แล้ว มีทั้งใช้ติดกับแซ่  ใช้ติดกับชื่อ ใช้ติดกับ ค�ำบอกล�ำดับที่” ปกติคนใช้ค�ำว่า  “อา” เป็นค�ำเริ่มต้นพูด เพราะไม่ว่าถิ่นเหนือใต้ตะวันออก ตะวันตกล้วนมีค�ำว่า “อา” (ออกเสียง อ้า) ในหนังสือ “ปกิณกคดีของว่อหลานซวน” เล่มปลาย บท “อักษร 阿 -อา” กล่าวว่า “ตรวจสอบดูชื่อเล่นๆ ของคนในอดีต ส่วน มากมีอักษร ‘อา’ น�ำหน้า เช่น อาหมาน เป็นต้น ยังมีตัวอย่างอีกมาก...นี่หมายความ ว่าอะไร?  คิดว่าเป็นค�ำเริ่มต้นพูด ถิ่นเหนือใต้ตะวันออกตะวันตกล้วนมีค�ำนี้เหมือน 101 คำ�ถามสามก๊ก  29


กัน” ในหนังสือ “ซือ่ อีว๋ ”์ เล่มสี่ บรรพ “ซัวกู-่ เล่าเรือ่ งเก่า” ก็กล่าวว่า “ค�ำอานี้ คนถิน่ อู๋ (มณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง) ว่าเป็นค�ำช่วยพูด เป็นเสียงเปิดปาก...เช่น ภรรยาของ โจวอี้ว์ ชื่อเจ้าอา” ที่กล่าวว่า “เสียงเปิดปาก” ก็คือค�ำเริ่มออกเสียงและก็คือเสียงที่ ใช้เริ่มเรียกคน  ในพงศาวดารสามก๊กมีตัวอย่างเช่นนี้เป็นอันมาก เป็นหลักฐานช่วย ยืนยันเรือ่ งนี้ เช่น ในอูซ๋ ู (เรือ่ งของแคว้นอู-๋ ง่อก๊ก) บทประวัตซิ นุ กวนมีบนั ทึกว่า ตอน อยู่เมืองอู่ชาง ซุนกวนแต่งชุดใหม่ลอยเรือตกปลา ตอนทวนน�้ำขึ้นไปเรียกกู่ลี่ว่าอาลี่ ในสู่ซู (เรื่องของแคว้นสู่-จ๊กก๊ก) บทประวัติจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) เผยซงจือท�ำบันทึก เสริมโดยยกข้อความจาก “บันทึกเมืองซงหยง (เซียงหยาง)” ว่า “อย่าท�ำเป็นขงเบ้ง เลือกเมีย เลยได้ลูกสาวอัปลักษณ์ของ ‘อาสิ (อาเฉิง)’” ข้อความตอนนี้เรียกอุยสิ ง่าน (หวงเฉิงเหยียน) พ่อตาขงเบ้งเป็น “อาสิ (อาเฉิง)” จากที่กล่าวมาทั้งหมด ในสมัยราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์วุ่ย (ยุคสามก๊ก) ผู้คน ไม่เพียงใช้ค�ำ “อา” ขึ้นต้นชื่อ ยังมีใช้ต่อท้ายชื่อ มิได้มีเพียงผู้หญิงใช้ค�ำนี้เป็นชื่อ ผู้ ชายก็ใช้เหมือนกัน ไม่เพียงใช้ขึ้นต้นชื่อมาตั้งแต่ตอนตั้งชื่อ แต่ยังมีใช้ขึ้นต้นเวลา เรียกชือ่ คน ทัง้ ยังมีการใช้คำ� “อา” น�ำหน้าแซ่และตามหลังแซ่ จึงแสดงให้เห็นชัดเจน ว่า ค�ำ “อา” เป็นสีสันในวัฒนธรรมชื่อและแซ่ของยุคสามก๊ก (หลี่ฉวนจวิน)

3 ท�ำไมโจโฉถูกเรียกว่า “กังฉินหน้าขาว”? ตอนปลายราชวงศ์ฮั่น บ้านเมืองแตกแยก ขุนศึกชิงอ�ำนาจกัน โจโฉ น�ำทัพก่อการ ก�ำจัดลิโป้ (หลี่ว์ปู้) ปราบเตียวซิ่ว (จางซิ่ว) พิฆาตอ้วนสุด (หยวนซู่) และอ้วนเสี้ยว (หยวนเส้า)  สุดท้ายรวมจีนภาคเหนือเป็นปึกแผ่น มีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อการรวมจีนทั้งหมดในยุคต่อมา เขามิได้มีเพียงปรีชา สามารถแกล้วกล้าด้านการทหาร หากยังเป็นนักการเมืองผู้ปกครองบ้าน เมืองได้ดีเลิศ ทั้งยังเป็นกวียอดเยี่ยมที่หาได้ยาก 30  ถาวร สิกขโกศล แปล


ถึงแม้เขาจะปราดเปรื่องทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ภาพลักษณ์ในหมู่ชาวบ้าน แล้ว โจโฉโชคร้ายที่สุด คงเป็นเพราะถ้อยค�ำของเขาเฉียว (สี่ว์เส้า) พยากรณ์ เขาไว้ว่า “เป็นขุนนางผู้ปรีชาสามารถในยุคสงบ เป็นยอดคนเจ้าเล่ห์ในยุค จลาจล”  ค�ำพยากรณ์นี้มีความหมายว่า หากโจโฉเกิดในยุคบ้านเมืองสงบ เขาจะเป็นขุนนางผู้มีความรู้ความสามารถดี ช่วยฮ่องเต้ปกครองบ้านเมือง ให้เกิดสันติสุขได้สูงสุด แต่ถ้าเกิดในยุคบ้านเมืองแตกแยกจลาจล เขาจะ เป็นยอดคนกล้าหาญชาญเล่ห์ ท�ำการปราบปรามผู้อื่นตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ ส�ำเร็จ ความจริงค�ำพยากรณ์นี้ยกย่องโจโฉ แต่เพราะคล้อยตามพัฒนาการ ของสังคมไป ผู้คนจึงเริ่มค่อยๆ “ตัดตอนแปลความหมาย”  ดังนั้น โจโฉจึง กลายเป็นกังฉินติดปากคน ความเปลี่ยนแปลงนี้คงจะเริ่ม ตั้งแต่ช่วงต่อระหว่างราชวงศ์ซ่งเหนือ กับราชวงศ์ซ่งใต้ พวกเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ ทางภาคเหนือซึ่งค่อยๆ เจริญเข้มแข็ง ขึ้นเข้าบุกยึดแผ่นดินของราชวงศ์ซ่ง เหนือ ผู้คนเริ่มหนีข้ามแม่น�้ำแยงซีมา อยู่ทางใต้  เมื่อมาอยู่ทางใต้แล้วก็ยิ่ง หวาดกลั ว ศั ต รู ที่ ก ล้ า แข็ ง ยิ่ ง ขึ้ น ทาง ภาคเหนื อ ในชี วิ ต จริ ง สิ้ น หนทางที่ จะแก้ปัญหานี้ จึงต้องใช้ศิลปะมาลด “แบบหน้า” ของโจโฉ คุณค่าของภาคเหนือ โจโฉผู้เป็นสัญ ลักษณ์แห่งอ�ำนาจทางภาคเหนือก็กล้าแกร่งเช่นเดียวกัน  ยิ่งใหญ่อยู่ทาง ภาคเหนือเหมือนกัน และมุ่งยึดครองดินแดนภาคใต้เหมือนกันอีก โจโฉจึง ค่อยๆ กลายเป็นศัตรูจ�ำลองในหมู่ชาวบ้านจีน  อนึ่ง ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ซ่ง เหนือเป็นต้นมา ศิลปะพื้นบ้านจีนเริ่มเจริญรุ่งเรือง ตามโรงมหรสพในย่าน ชุมชนเป็นที่ท� ำมาหากินของศิล ปินอาชีพ   ดังนั้น ผู้คนจึงเริ่ม ใช้เวทีการ 101 คำ�ถามสามก๊ก  31


แสดงท�ำลายเกียรติคุณโจโฉ นานเข้าก็กลายเป็น “แบบฉบับ” ของกังฉิน ชั่วร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลสืบเนื่องจากนิยายสามก๊กซึ่งแต่งเสร็จราวช่วง ต้นราชวงศ์หมิง ภาพลักษณ์โจโฉในหมู่ชาวบ้านลงตัวอย่างสมบูรณ์ แล้ว นิยายเรื่องนี้ก็กลับมามีอิทธิพลต่อการสร้างภาพลักษณ์โจโฉบนโรงงิ้ว ตั้งแต่ ราชวงศ์ชิงเป็นต้นมา ผลพวงจากการเกิดงิ้วปักกิ่งและบทงิ้วเกี่ยวกับสาม ก๊กตอนต่างๆ มากมาย “โจโฉหน้าขาว” ก็กลายเป็นสีสันของโจโฉบนเวที แสดงงิ้ว (เฉิงเสี่ยวฮั่น) ความรู้ต่อเนื่อง แบบหน้า (อย่างหน้ากาก) ของงิ้วมีที่มาอย่างไร? งิ้วตามปรัมปราคติของจีนมีสิ่งที่น่าสนใจมากอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือหน้าตัว ละครซึง่ เขียนเหมือนหน้ากาก  จากรูปลักษณ์ สีสนั ลวดลายดังหน้ากากช่วยแนะนัย ให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งลักษณะเด่นของตัวละครนั้นทั้งด้านนิสัย บุคลิก และคุณธรรม นี่ เป็นไปตาม “ทฤษฎีทวิภาค” ซึ่งเรียบง่ายแต่ไม่สอดคล้องกับชีวิตจริงคือ : ไม่ดีก็ ย่อมเลว, ไม่ซื่อตรงก็ต้องฉ้อฉล, ไม่โง่ก็ต้องฉลาด การขีดเส้นแบ่งเช่นนี้ ท�ำให้ตัว ละครบนเวที มี ภ าพลั ก ษณ์ ชั ด เจน ผู ้ ช มไม่ ต ้ อ งเปลื อ งสมองไปวิ เ คราะห์ คาด เดา ตัดสิน งิว้ ประเภททีม่ คี วามเป็นมาเก่าแก่ยาวนานอย่างงิว้ คุนฉีว่ ์ งิว้ ฉินเชียง งิว้ หูเป่ย งิ้วปักกิ่ง เหล่านี้ล้วนมีแบบหน้า แบบหน้าอย่างหน้ากากมีความเป็นมาอย่างไร มนุษย์แทบทุกชาติพันธุ์ ในยุคเริ่มต้นของพวกตนล้วนเคยบูชาสัญลักษณ์ ประจ�ำเผ่า (Totem)  บรรพชนในยุคแรกเริ่มต่างก็น�ำมโนทัศน์ (Concept) ของสิ่งที่ พวกตนเคารพบูชาวาดออกมาเป็นรูปภาพ แล้วจัดพิธีเซ่นไหว้ที่มีรูปแบบแน่นอน คารวะสิ่งเหล่านี้ ในหนังสือโฮ่วฮั่นซู (พงศาวดารราชวงศ์ฮั่นยุคหลัง) บทประวัติ จ้างหงมีข้อความว่า “ออมดออท้าว (คนทรงเจ้า) นั่งเรียงราย เซ่นสรวงปวงเทพ” ในพิธีนี้บรรดาคนทรงจะสวมหน้ากาก ที่แหล่งโบราณคดีซานซิงตุย มณฑลเสฉวน 32  ถาวร สิกขโกศล แปล


ขุดได้หน้ากากส�ำริดนับสิบอัน จากการค้นคว้าได้ผลสรุปว่าเป็นหน้ากากที่ใช้ใน พิธีเซ่นสรวงของแคว้นสู่ในยุคโบราณ อีกตัวอย่างใน “หนัวหลี่ (พิธีไล่ผี)” ซึ่งเป็น พิธีไล่ผีแห่งโรคระบาด มีมาตั้งแต่ก่อนราชวงศ์ฉิน (พ.ศ.322-337) พิธีนี้มีปีละ หลายครั้ง ครั้งใหญ่สุดจัดในวันก่อนวัน “ล่าญื่อ (เซ่นสรวงสิ้นปี)” ในหนังสือ “หลุนอี่ว์ (วิจารณพจน์) บรรพเซียงต่าง” มีข้อความตอนหนึ่งว่า “เมื่อชาวบ้านท�ำ พิธีหนัวหลี่ (ไล่ผี) ขงจื๊อแต่งชุดขุนนางยืนอยู่ที่บันไดตะวันออก” ในพิธีนี้ผู้แสดง ต้องสวมหน้ากาก (คล้ายพิธีเต้นผีตาโขนของไทย-ผู้แปล)  ในหนังสือ “เซ่าถิงภาค ต่อ บรรพการเต้นเฉลิมฉลอง” ของจาวเหลียนคนสมัยราชวงศ์ชิง มีข้อความว่า “ช่วงระหว่างลานบ้านกับบันไดแดงด้านนอก มีคนแต่งเป็นเสือสิงห์สัตว์ร้าย และ มีคนแปดคนแต่งชุดขี่ม้าท�ำท่าไล่ยิง สืบทอดสาระมาจากพิธีไล่ผี (หนัวหลี่) ของ คนโบราณ เรียกกิจกรรมนี้ว่า ‘ส�ำเริงเต้นร�ำ’”เห็นได้ชัดว่าในพิธีหนัวหลี่ (ไล่ผี) ของ คนโบราณต้องสวมหน้ากาก ในบทกวี “ส่งเจิ้งจงตูเป็นขุนนางที่เมืองจือมู่โจว” ของเหมยเสี่ยวเฉินสมัยราชวงศ์ซ่ง มีข้อความว่า “ละอายใจที่ข้าเป็นชายชั้นต�่ำ ไหนเลยจะกล้าเป็นผู้น�ำสวมหน้ากาก (ในพิธีไล่ผี)” ก็เป็นหลักฐานสนับสนุนว่า ในพิธีหนัวหลี่ (ไล่ผี) คนต้องสวมหน้ากาก การเต้นร�ำในพิธีทางศาสนานี้มีอิทธิพล ในหมู่ชาวบ้านมาก ตามหลักฐานในหนังสือ “จิ้วถังซู (พงศาวดารราชวงศ์ถังฉบับเก่า) บรรพ

หน้ากากในพิธีหนัวหลี่ (ไล่ผี) ของอ�ำเภอหนานเฟิง

101 คำ�ถามสามก๊ก  33


ดนตรี” มีบันทึกว่า ถึงราชวงศ์ถังหน้ากากในพิธีเต้นร�ำทางศาสนาได้ถูกซึมซับไปสู่ การเต้นร�ำทัว่ ไป  การละเล่นทีเ่ รียกว่า “ไต้เมีย่ น” ซึง่ เป็นนาฏกรรมสวมหน้ากากเริม่ ปรากฏ  อีกทั้งเพื่อแสดงอารมณ์ให้เห็นได้โดยตรงบนใบหน้า ผู้คนจึงเริ่มถอดหน้า กากทิ้ง วาดสีสันลวดลายบนใบหน้าแทน เพื่อแสดงอารมณ์ความนึกคิดได้แน่นอน กว่า เมิ่งเจียวกวีสมัยราชวงศ์ถังก็เขียนไว้ในบทกวี “เสียนเกอสิง (ล�ำน�ำบรรเลง ขับล�ำ)” ของเขาว่า “ตีกลองเป่าขลุ่ยเต้นไล่ผี ผีผอมทาหน้าเห็นฟันขาว” สะท้อนให้ เห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ ตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเป็นต้นมา ผลสืบเนื่องจากความเจริญรุ่งเรืองของงิ้ว การ วาดสีสันลวดลายบนใบหน้าโดยตรงกลายเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงงิ้ว แน่นอน ว่าในสมัยราชวงศ์ซง่ ลวดลายบนใบหน้ายังเพิง่ ก่อรูป ส่วนมากใช้กบั ตัวโฉ่ว (ตัวตลก) ซึ่งสามารถมีลีลาแทรกเสริมได้มาก เพื่อเพิ่มความสนุกสนานแก่ผู้ชม สีว์เมิ่งเซิน คนสมัยซ่งเขียนไว้ในหนังสือ “ซานฉาวเป่ยเหมิงฮุ่ยเปียน” ตอนหนึ่งว่า มีขุนนางขี้ ประจบสองคน เอาสีดำ� -ขาวทาหน้าเล่นตลกเอาใจฮ่องเต้ สีสนั ลวดลายบนหน้ากาก และหน้างิว้ สมัยราชวงศ์หยวนวิจติ รหลากหลายยิง่ ขึน้ ตามกาลเวลา และเริม่ บ่งบอก ถึงนิสัยตัวละคร แบบแผนสีสันลวดลายบนหน้างิ้วพัฒนาไปสู่ความมีล�ำดับ (ก่อนหลัง, หนัก-เบา) เป็นผลจากพัฒนาการของงิ้วคุนฉี่ว์สมัยราชวงศ์หมิงถึงราชวงศ์ชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่องิ้วปักกิ่งเกิดขึ้นในราชวงศ์ชิง แบบแผนสีสันลวดลายของ หน้างิ้วก็ลงตัวสมบูรณ์ (เฉิงเสี่ยวฮั่น)

4  ท�ำไมโจโฉจึงใช้แก้วแหวนเงินทองไถ่ตัวไช่เหวินจี กลับมา?

2

เรื่ อ งไช่ เ หวิ น จี ก ลั บ จี น มี ชื่ อ เสี ย งคู ่ กั บ เรื่ อ งหวางเจาจวิ น ออกจาก ชายแดนจีน เป็นต�ำนานอันงดงามที่ติดปากขึ้นใจคนทุกคน และท�ำให้ชื่อ ไช่เหวินจีเป็นกวีหญิงยุคสามก๊ก  เธอมีชื่อตัวว่าไช่เอียน  ในเรื่องสามก๊กฉบับเจ้า พระยาพระคลัง (หน) เรียกเธอตามชื่อตัวเป็นเสียงจีนฮกเกี้ยนว่าซัวเอี๋ยม-ผู้แปล 2

34  ถาวร สิกขโกศล แปล


ไช่เหวินจีหอมฟุ้งอยู่กับประวัติศาสตร์จีน ถึงเธอจะมีปัญญาเลิศล้นแต่ชะตา ชีวิตวิบากยากแค้น หากไม่ได้โจโฉห่วงใยช่วยเหลือ ยอดหญิงงามปัญญา ผู้นี้ก็คงสิ้นชื่ออยู่ในแดนซุงหนู  ถ้าเช่นนั้นโจโฉมีความสัมพันธ์อะไรกับไช่ เหวินจี จึงยอมใช้แก้วแหวนเงินทองมากมายไถ่ตัวเธอกลับมา กัลยาณีผู้นี้แซ่ไช่ (ฉั่ว) ชื่อตัว ว่า ‘เอียน’ ชือ่ รองว่า ‘เหวินจี’ ภูมลิ ำ� เนา อยู่เมืองเฉินหลิว (ตันลิว) เป็นธิดา ของไช่ยง (ซัวหยง) ปราชญ์ใหญ่ทาง อักษรศาสตร์ในยุคนั้น เธอมีความรู้ กว้างขวาง ปัญญาปราดเปรือ่ ง เชีย่ ว ชาญดนตรี “โฮ่วฮั่นซู (พงศาวดาร ราชวงศ์ฮนั่ ยุคหลัง) บรรพนารีประวัต”ิ ซึ่งหลี่เสียนท�ำอรรถาธิบาย โดยอ้าง อิ ง หลั ก ฐานจากเรื่ อ ง “อิ้ ว ถงจ้ ว น (ประวัติเยาวชน)” ของหลิวจาว ว่า “คื น หนึ่ ง ไช่ ย งเล่ น เส้ อ (เครื่ อ ง ภาพไช่เหวินจีกลับจีน (บางส่วน) ดนตรีชนิดหนึ่งมี 25 สาย) ไช่เอียน ของจางอี๋ว์จิตรกรราชวงศ์จิน ว่า ‘สายที่สอง’ ไช่ยงกล่าวว่า ‘ถูกโดยบังเอิญ’ แกล้งท�ำให้ขาดอีกสายหนึ่ง แล้วถามเธอ  ไช่เอียนตอบว่า ‘สายที่สี่’ ซึ่งไม่ผิดพลาด” พรสวรรค์ทางดนตรี ของไช่เหวินจีท�ำให้คนอัศจรรย์ใจมาตั้งแต่เด็ก  พอเป็นสาวเธอแต่งกับเว่ย จ้งเต้าชาวกังตั๋ง (ฝั่งใต้แม่น�้ำแยงซี) เว่ยจ้งเต้าตายแต่หนุ่ม เธอกลับไปอยู่ บ้านพ่อ-แม่ ช่วงรัชศกซิงผิง (ค.ศ.193-195) บ้านเมืองเกิดจลาจล ไช่ยงหรือ ซัวหยงซึ่งเป็นบิดาของเธอถูกอ้องอุ้น (หวางหยุ่น) ฆ่าตาย ท่ามกลางไฟ สงครามไช่เหวินจีถูกทหารซุงหนูจับไป อยู่ในแดนซุงหนู 12 ปี มีบุตรกับผู้ น�ำชาวซุงหนูสองคน โจโฉเคารพรักไช่ยง (ซัวหยง) มาก นับเป็นคนสนิทรักใคร่กับบิดา 101 คำ�ถามสามก๊ก  35


ของไช่เหวินจี ด้วยความเป็นนักอักษรศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุคนั้น โจโฉทั้งชื่นชมปัญญาทั้งเห็นใจในชะตากรรมของไช่เหวินจี จึงใช้สารพัดวิธี ตามหาเธอ  สุดท้ายใช้เงินทองและของมีค่าไถ่ตัวเธอจากชนเผ่าซุงหนูกลับ คืนสู่จีน  ทั้งยังแต่งเธอให้กับต่งซื่อชาวเมืองเฉินหลิว ต่อมาต่งซื่อมีความผิดโทษถึงตาย ไช่เหวินจีสยายผมเดินไปขอพบ โจโฉเพื่อระบายความในใจ  ขณะนั้นมีขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊อยู่กับ โจโฉเต็มห้อง โจโฉประกาศแก่คนเหล่านั้นว่า “ธิดาของไช่ยงก�ำลังจะเข้ามา พบ พวกท่านโปรดคอยดูบุคลิกของเธอ”  พอไช่เหวินจีเข้ามาได้ชี้แจงเรื่อง ราวชัดเจน โศกเศร้าสะเทือนใจ ทุกคนต่างไม่มีใครไม่เห็นใจ  โจโฉกล่าว ว่า “สภาพการณ์ของท่านเราเห็นใจมาก แต่หนังสือค�ำสั่งลงโทษส่งออกไป แล้ว จะท�ำอย่างไรดีเล่า?”  ไช่เหวินจีกล่าวว่า “ท่านมีม้าฝีเท้าดีนับหมื่น ทหารกล้ามากมาย จะเสียดายอะไรกับม้าเร็วจนไม่ยอมช่วยคนใกล้ตาย!” โจโฉได้ฟังแล้วสะเทือนใจมาก จึงให้ม้าเร็วไปตามเอาหนังสือสั่งลงโทษกลับ มาทันการณ์  เมื่อเรื่องคับขันผ่านไปแล้วโจโฉจึงสนทนาเรื่องทั่วๆ ไปกับไช่ เหวินจี  เขาถามว่า “เราได้ยินมาว่า เดิมท่านมีหนังสือสะสมไว้มาก ไม่ ทราบตอนนี้ยังพอจ�ำได้กี่เรื่อง?”  ไช่เหวินจีตอบว่า “เดิมได้รับตกทอดจาก บิดามาสี่พันกว่าเล่มแต่หมดสิ้นไปในภัยสงคราม ที่ยังท่องจ�ำไว้ได้เหลือ เพียงสี่ร้อยกว่าเล่มเท่านั้น”  โจโฉกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะให้เสมียนสิบคนตาม ไปจดบันทึกที่บ้านท่าน”  ไช่เหวินจีกล่าวว่า “หญิง-ชายไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน ท่านจัดกระดาษและเครื่องเขียนให้ข้าพเจ้าก็พอ” หลังจากกลับไปบ้านแล้ว ไช่เหวินจีเขียนวรรณกรรมเหล่านั้นออกจากความทรงจ�ำส่งกลับมาให้โจโฉ เมื่อตรวจสอบพบว่า ไม่มีผิดพลาดตกหล่นแม้แต่อักษรเดียว จากเรื่องทั้งหมดท�ำให้ทราบได้ว่า โจโฉอาวุโสกว่าไช่เหวินจี เนื่อง จากห่วงใยผู้เป็นลูกของไช่ยง (ซัวหยง) และชื่นชมภูมิปัญญาของไช่เหวินจี จึงได้ทุ่มเทช่วยเธอจากแดนซุงหนูกลับคืนสู่จีน (หลี่ฉวนจวิน) 36  ถาวร สิกขโกศล แปล


ความรู้ต่อเนื่อง ในยุคสามก๊ก ท�ำไมการเรียกคนบางครั้งใช้ “หมิงกง” บางครั้ง ใช้ “จู่กง”? ในนิยายสามก๊กฉบับภาษาจีนตอนที่ 30 เขาฮิว (สี่ว์อิว) เห็นอ้วนเสี้ยว (หยวนเส้า) เย่อหยิ่งถือดี ไม่มีวันท�ำการใหญ่ส�ำเร็จจึงหนีไปเข้ากับโจโฉ  เมื่อได้พบ หน้าก็พดู กับโจโฉว่า “หมิงกง (ท่านผูถ้ อ่ งเทีย่ ง) ใช้ทพั คนน้อยสูท้ พั คนมากแล้วไม่รบี เผด็จศึก นี่เป็นวิถีแห่งความตาย ข้าพเจ้ามีแผนการหนึ่ง ใช้เวลาชั่วสามวัน ท�ำให้ กองทัพร้อยหมื่นของอ้วนเสี้ยวแตกโดยไม่ต้องรบ ไม่ทราบว่าหมิงกงท่านจะยอมฟัง หรือไม่?”  โจโฉดีใจมาก ฟังและท�ำตามแผนของเขาฮิวใช้ไฟเผาเสบียงของอ้วนเสีย้ ว ที่อัวเจ๋าวอดวาย ในสมัยโบราณค�ำทีใ่ ช้เรียกผูอ้ นื่ อย่างยกย่องมี จวิน กง เก๋อเซีย่ จูเ๋ ซีย่ เป็นต้น เช่นเล่าปี่มักมีคนเรียกว่า “เล่าสื่อจวิน” เป็นการเรียกอย่างยกย่อง เขาฮิวเรียกโจโฉ ว่า “หมิงกง (ท่านผู้ถ่องเที่ยง)” เป็นค�ำที่ในยุคโบราณใช้เรียกผู้มีชื่อเสียงมียศศักดิ์ “พงศาวดารสามก๊ก ภาควุ่ยซู บทประวัติลิโป้” บันทึกไว้ว่า เมื่อลิโป้ถูกโจโฉจับได้ที่ หอประตูขาวได้พดู กับโจโฉว่า “ศัตรูทหี่ มิงกง (ท่านผูถ้ อ่ งเทีย่ ง) กังวลไม่มใี ครยิง่ กว่า ลิโป้  บัดนี้ ข้าพเจ้ายอมแพ้แล้ว ในใต้ฟ้านี้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีก หากหมิงกงท่าน น�ำพลเดินเท้า มอบหมายให้ขา้ พเจ้าคุมพลม้า ก็ไม่ตอ้ งกังวลว่าจะปราบใต้ฟา้ นีไ้ ม่ได้” โจโฉฟังแล้วมีสีหน้าลังเล เล่าปี่จึงบอกว่า “หมิงกงท่านเห็นลิโป้จากกรณีของเต็ง หงวน (ติงหยวน) และตั๋งโต๊ะ (ต่งจั่ว) หรือไม่” โจโฉพยักหน้า ในที่นี้ทั้งลิโป้และเล่าปี่ เรียกโจโฉว่า “หมิงกง” เพราะคนทั้งสองมิได้เป็นคนของโจโฉ ตามสถานการณ์ใน ครัง้ กระโน้น ถือว่าเป็นคนนอกก๊กโจโฉทัง้ คู ่ ดังนัน้ จึงเรียกโจโฉว่า “หมิงกง” หมายถึง ท่านผู้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ถูกต้องและจัดการได้อย่างยุติธรรม “หมิงกง” และ “จูก่ ง” ล้วนเป็นค�ำเรียกยกย่องผูม้ ยี ศศักดิอ์ ำ� นาจ แต่มคี วาม แตกต่างกัน ที่ส�ำคัญคือ ผู้เรียกกับผู้ถูกเรียกเป็นผู้ใหญ่กับผู้น้อยในสังกัดเดียวกัน หรือว่าคนนอกกับคนในต่างสังกัดต่างพวกกัน ถ้าเป็นกรณีหลังใช้ “หมิงกง” ซึ่ง หมายถึง “ท่านผู้ถ่องเที่ยง” หากเป็นกรณีแรกใช้ “จู่กง” ซึ่งหมายถึง “ท่านผู้เป็น 101 คำ�ถามสามก๊ก  37


นาย” หรือ “นายท่าน”  ในนิยายสามก๊ก หลังจากขงเบ้งยอมไปอยู่กับเล่าปี่แล้ว เรียกเล่าปี่ว่า “จู่กง” ตลอด ไม่เรียกว่า “หมิงกง”3 (เซวียนปิ่งซ่าน)

5 เตียวเสี้ยนเป็นภรรยาลิโป้หรือ? ในยุคสามก๊กมีผู้หญิงที่ปรากฏชื่อไม่มากนัก  เตียวเสี้ยน (เตียวฉาน) นั้นเนื่องจากอิทธิพลของนิยายสามก๊กจึงมีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคหลัง เธอ มีโฉมงามขนาด “สยบบุปผาจันทราหลบ” ท�ำให้ลิโป้และตั๋งโต๊ะต่างหลง ใหลยอมสยบลงแทบชายกระโปรงเธอ แต่เมื่อตรวจสอบประวัติศาสตร์ของ ทางการทั้งโฮ่วฮั่นซู (พงศาวดารราชวงศ์ฮั่นยุคหลัง) และสามก๊กจี่ (พงศาวดารสามก๊ก) แล้ว ไม่พบเรื่องราวที่แน่นอนชัดเจนใดๆ ของเธอเลย ท�ำให้ เรื่องราวของเตียวเสี้ยนถูกปกคลุมด้วยสีสันแห่งความลึกลับ ตามนิยายสามก๊ก เตียวเสี้ยนเป็น “คีติกา” คือนักร้องสาวในบ้าน อ้องอุ้น อ้องอุ้นเป็นซือถู คือสมุหนายกในรัชกาลพระเจ้าเหี้ยนเต้ (เซี่ยนตี้) เป็นขุนนางผู้ใหญ่หนึ่งในสามอัครมหาเสนาบดี ครั้งนั้นตั๋งโต๊ะกุมอ�ำนาจ เป็นภัยคุกคามราชส�ำนัก เพื่อก�ำจัดตั๋งโต๊ะ อ้องอุ้นคิดใช้ “กลหญิงงาม” ท�ำ ให้บรรลุเป้าหมาย แต่หาคนที่เหมาะสมกับอุบายนี้ไม่ได้ จึงหงุดหงิดอยู่เป็น ประจ�ำ เตียวเสี้ยนทราบเรื่องเข้าจึงอาสารับภาระนี้ เธอท�ำตาม “กลลูกโซ่” (ซึ่งมีหลายกลต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่) ของอ้องอุ้น ใช้โฉมสะคราญของเธอ สร้างความขัดแย้งระหว่างตั๋งโต๊ะกับลิโป้ สุดท้ายยืมมือลิโป้ฆ่าตั๋งโต๊ะตาย ในเรื่องของไช่เหวินจีข้างต้นนี้เธอเรียกโจโฉว่า “หมิงกง” ไม่เรียก “จู่กง” ถึงต่งซื่อ จะเป็นคนในบังคับบัญชาของโจโฉ แต่ไช่เหวินจีถือเป็นคนนอก ไม่ใช่คนในบังคับ บัญชาของโจโฉ-ผู้แปล 3

38  ถาวร สิกขโกศล แปล


แต่นี่เป็นถ้อยค�ำของนักแต่งนิยาย  ไม่มีน�้ำหนักพอที่จะเชื่อถือได้ แต่ถ้าหาร่องรอยจากระหว่างบรรทัดของเอกสารประวัติศาสตร์ ชีวิต ของเตียวเสี้ยนที่พอมีหลักฐานอ้างอิงมีสามเรื่อง เรื่องแรก เตียวเสี้ยนเป็นสาวใช้ของตั๋งโต๊ะ เดิมตั๋งโต๊ะเป็นเจ้าพ่อใน มณฑลเหลียงโจว  ในรัชกาลพระเจ้าเลนเต้ได้เป็นข้าหลวงมณฑลปิ้งโจว ปี แรกของรัชศกจาวหนิง (ค.ศ.189) น�ำทัพเข้าเมืองลกเอี๋ยง (ลั่วหยาง) ปลด ยุวราชหองจูเปียนตั้งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งตนเป็นไท่ซือ (จอมพล) กุมอ�ำนาจ เด็ดขาดในราชการ  ตามประวัติลิโป้ใน “โฮ่วฮั่นซู (พงศาวดารราชวงศ์ฮั่น ยุคหลัง)” กล่าวว่า “ตั๋งโต๊ะตั้งลิโป้เป็นฉีตูเว่ย (นายพลทัพม้า) สาบานเป็น พ่อ-ลูกกัน รักใคร่เชื่อถือมาก ลิโป้ท�ำงานผิดพลาดขัดใจตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะเอา ทวนพุ่งใส่ ลิโป้ว่องไวหนีไปได้ ซ่อนความแค้นตั๋งโต๊ะไว้ ตั๋งโต๊ะให้ลิโป้ดูแล หอกลางในคฤหาสน์ตน ลิโป้ลอบเป็นชู้กับสาวใช้ มีความรุ่มร้อนกังวลใจยิ่ง ขึ้น” เรื่องตอนนี้กลายมาเป็นเหตุการณ์ตั๋งโต๊ะพุ่งหอกใส่ลิโป้ที่หงงีเต๋งใน นิยายสามก๊ก จึงเห็นได้ว่าเตียวเสี้ยนก็คือสาวใช้ตั๋งโต๊ะที่ลอบเป็นชู้กับลิโป้

ลิโป้โลมเตียวเสี้ยนที่หงงีเต๋ง จิตรกรรมที่ระเบียงยาวพระราชวังฤดูร้อน

เรื่องที่สอง เตียวเสี้ยนคือภรรยาของลิโป้ ลิโป้เป็นคนเมืองจิ่วหยวน (ปัจจุบันอยู่ทางทิศหรดีของอ�ำเภอเปาโถว มองโกเลียใน) สมัยปลายราชวงศ์ 101 คำ�ถามสามก๊ก  39


ฮั่น ชื่อรองว่าหงเสียน (เฟิ่งเซียน) ใน “พงศาวดารสามก๊ก บทประวัติลิโป้” อ้างอิงหนังสือ “อิงสงจี้-ประวัติผู้กล้าหาญ” กล่าวถึงภรรยาลิโป้ว่า “ลิโป้ได้ พบเล่าปี่แล้วมีความเคารพมาก เชิญเล่าปี่เข้าไปนั่งบนเตียงภรรยาในมุ้ง เรียกภรรยามาคารวะและรินสุราให้ดื่ม”  หนังสือเล่มนี้ยังกล่าวอีกว่า ลิโป้ รบกับโจโฉ ถูกลูกน้องชื่อหลันเป้ง (เห่าเหมิง) หักหลัง ต้องหนีไปที่ค่ายของ โกซุ่น (เกาซุ่น) นายทหารของตน พอพักหายเหนื่อยลิโป้คิดจะให้ตันก๋ง (เฉินกง) และโกซุ่น (เกาซุ่น) อยู่รักษาค่าย  ตนเองลอบไปตีตัดเสบียงของ โจโฉ ในเวลานั้นภรรยาออกมาพูดกับลิโป้ว่า “ตันก๋งกับโกซุ่นไม่ลงรอยกัน ตลอดมา  พอท่านออกไป คนทั้งสองก็จะไม่ร่วมมือกันป้องกันเมือง หาก พลาดล้มไปอีก ท่านจะลุกขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อครั้งก่อนที่อยู่เมืองฉางอัน ข้าพเจ้าถูกท่านทิ้งไปหนหนึ่งแล้ว เคราะห์ดีที่ผังซูเอาตัวข้าพเจ้าซ่อนไว้ ตอนนี้ท่านไม่ต้องห่วงใยข้าพเจ้าแล้ว” ลิโป้ได้ฟังค�ำภรรยาก็หงุดหงิดไม่ อาจตัดสินใจได้ จากการที่ลิโป้เชื่อฟังค�ำท�ำตามข้อเสนอของภรรยาเช่นนี้ เธอน่าจะคือเตียวเสี้ยน เรื่องที่สาม เตียวเสี้ยนคือภรรยาของฉินอี๋ลู่คนของลิโป้ ตาม “พงศาวดารสามก๊ ก บทประวั ติ ก วนอู ” เผยซงจื อ อ้ า งข้ อ ความจากหนั ง สื อ “สู ่ จี้ (บันทึกจ๊กก๊ก)” มาเสริมว่า “โจโฉกับเล่าปี่ร่วมกันล้อมลิโป้อยู่ที่เมืองแห้ฝือ (เซี่ยผี)  กวนอูเข้ามารายงานโจโฉว่า ลิโป้ส่งฉินอี๋ลู่ไปขอความช่วยเหลือ (จากอ้วนสุด-ผู้แปล) (หากตีเมืองได้) ตนขอภรรยาของฉินอี๋ลู่ โจโฉรับปาก พอเมืองใกล้แตกก็เข้ามาขออีกหลายครั้ง โจโฉสงสัยว่านางคงมีรูปลักษณ์ ต่างจากหญิงอื่น จึงดูตัวนางก่อนแล้วเอาไว้เสียเอง กวนอูไม่ค่อยสบายใจ” จากบันทึกตอนนี้เห็นได้ว่าภรรยาของฉินอี๋ลู่สวยมาก กวนอูจึงคิดจะเอาเป็น ภรรยาตน  แต่โจโฉกลับเอาไว้เสียเอง ท�ำให้กวนอูเคียดแค้นริษยา ด้วย ความเป็นคนโทสะกล้า กวนอูจึงฆ่านางตาย งิ้วจ๋าจี้ว์สมัยราชวงศ์หยวน ตอน “กวนอูประหารเตียวเสี้ยนกลางแสงจันทร์” ได้เค้าไปจากเหตุการณ์นี้ ดังนั้น ภรรยาฉินอี๋ลู่จึงกลายเป็นเตียวเสี้ยน4 จากเรื่ อ งทั้ ง หมดสรุ ป ได้ ว ่ า ที่ จากหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์เล่มอืน่ ภรรยาฉินอีล๋ แู่ ซ่ตจู้ งึ เรียกกันว่า “ตูส้ อื้ -หญิง แซ่ตู้” ตกเป็นอนุภรรยาโจโฉ มีบุตรกับโจโฉสองคน-ผู้แปล 4

40  ถาวร สิกขโกศล แปล


พูดกันว่าเตียวเสี้ยนเป็นภรรยาของลิโป้ ในชีวิตจริงนั้นเป็นเพียงทฤษฎีหนึ่ง ปริศนาชีวิตของเตียวเสี้ยน นอกจากมีหลักฐานใหม่ทางประวัติศาสตร์ เช่น ศิลาจารึกหน้าหลุมศพเธอปรากฏขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้ยังคงเป็นปัญหาให้ผู้ เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และผู้อ่านต้องขบคิดกันต่อไป (หลี่ฉวนจวิน) ความรู้ต่อเนื่อง ชื่อเตียวเสี้ยน5มีความหมายว่าอะไร? ชื่อเตียวเสี้ยนไม่เหมือนกับชื่อตามประเพณีนิยมของคนจีนทั่วไป แท้จริง แล้วชื่อนี้มีความหมายว่าอะไรแน่ “ฮั่นซู (พงศาวดารราชวงศ์ฮั่น) บทประวัติหลิวเซี่ยง” กล่าวว่า ตระกูลของ หวางหมั่งรุ่งเรืองสูงสุดตอนปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีคนแซ่หวางขี่รถล้อแดง ดุมลายถึง 23 คน  เตียวเสี้ยนเขียวม่วงเต็มกระโจม “พงศาวดารสามก๊ก ภาคอู๋ซู (เรื่องของง่อก๊ก) บทประวัติเหวยเย่า” ก็กล่าวถึงเหวยเย่าว่า “เขาอาศัยความรู้อัน งามท�ำให้ได้เป็นอาลักษณ์ประวัติศาสตร์ สวมหมวกประดับหางเตียวและเสี้ยน (จักจั่น) ทอง เข้าเฝ้ารับสนองพระราชปุจฉา” “พงศาวดารราชวงศ์หลิวซ่ง (ซ่งซู) บรรพจารีต (หลี่จื้อ)” ยังกล่าวถึงเป็นพิเศษว่า สมัยราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์วุ่ย ฮองเฮา (พระอัครมเหสี) จะมีสาวใช้พิเศษที่เรียกว่า  “หนี่ว์ซ่างซู (เสนาบดีหญิง)” พวกเธอห่มหนังเตียวประดับจักจั่นทอง (เสี้ยน) แขวนตราหยกร่วมรถตามเสด็จ เมื่อได้ต�ำแหน่งขุนนางย่อมได้รับพระราชทานหนังเตียวและจักจั่นทอง (เสี้ยน) ประดั บ ซื อ หม่ า หลุ น เจ้ า องค์ ห นึ่ ง ในจลาจลแปดอ๋ อ ง เมื่ อ ได้ อ� ำ นาจแล้ ว ปู น บ� ำ เหน็ จ ลู ก น้ อ งตนอย่ า งใหญ่ ห ลวง “กระทั่ ง ข้ า ทาสก็ ใ ห้ มี ย ศศั ก ดิ์ ” ท� ำ ให้ อักษรเตียวซึ่งใช้เป็นแซ่ในชื่อเตียวเสี้ยน เป็นชื่อสัตว์สองชนิด เตียวน�้ำคือตัวมิ้งค์ (mink) หนังสวย ใช้ท�ำเสื้อกันหนาวชั้นดี  เตียวบกคล้ายกระรอกขนาดใหญ่เท่า แมว หางเป็นพวงสวย ใช้ท�ำพู่ประดับหมวกด้านหลัง ภาษาอังกฤษเรียก Marten ส่วนอักษรเสี้ยนแปลว่าจักจั่น  โบราณนิยมท�ำจักจั่นทองเป็นเครื่องประดับ-ผู้แปล 5

101 คำ�ถามสามก๊ก  41


เวลาออกราชการ มีผู้ประดับหางเตียวและเสี้ยนทองเต็มไปหมด คนยุคนั้นจึง มีค�ำกล่าวว่า “หางเตียวไม่พอ ต่อด้วยหางหมา” เป็นเรื่องข�ำขันอยู่ในประวัติศาสตร์ “พงศาวดารราชวงศ์หลิวซ่ง บรรพจารีต” บันทึกว่า “ขุนนางผู้รับใช้ใกล้ชิด ย่อมได้รับพระราชทานเตียวเสี้ยน หนังสือฮั่นกวน (ขุนนางฮั่น) ของอิ้งเส้ากล่าวว่า ‘มีผอู้ ธิบายว่า อาศัย...เสีย้ น (จักจัน่ ) อยูส่ งู กินสะอาด ปากอยูใ่ ต้รกั แร้ ส่วนเตียวภาย ในกล้าแกร่งแต่ภายนอกอ่อนโยน’ เอาเคล็ด ความหมายจากสัตว์สองชนิดนี้ไม่ใช่ ความจริง  ความจริงแล้วเมือ่ อูห่ ลิงอ๋องแห่งแคว้นเจ้าปฏิวตั กิ ารแต่งกาย แต่งชุดชน เผ่าหู ต่อมาแคว้นฉินล้มล้างแคว้นเจ้า เอาหมวกยศของประมุขแคว้นเจ้าพระราชทาน ขุนนางของตน ดังนั้น ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นเป็นต้นมา ขุนนางจึงมีหนัง เตียวหางเตียวและเสี้ยนทองใช้ สีว์กวงเชออธิบายเสริมว่า “ทางภาคเหนืออากาศ หนาว เดิมที่ต้องใช้หนังเตียวคลุมหน้าผากขึ้นไปบนศีรษะเป็นหมวก จึงค่อยๆ กลาย เป็นเครื่องประดับ” พิจารณาให้ดีแล้ว ความจริงเตียวเสี้ยน (หนังเตียวจักจั่นทอง) เริม่ มีในยุคจัน้ กัว๋ เมือ่ เจ้าอูห่ ลิงอ๋องแต่งชุดออกศึกของชนเผ่าหูเป็นเครือ่ งประดับกัน ความหนาวของชนชัน้ สูง ถึงราชวงศ์ฮนั่ และวุย่ กลายเป็นเครือ่ งประดับพิเศษของคน ใกล้ชิดฮ่องเต้ เมื่อมี “หนี่ว์ซ่างซู-เสนาบดีหญิง” เกิดขึ้นในยุคนี้จึงพระราชทานชื่อ เตียวเสี้ยน โดยเอาความหมายว่า “สวยงาม อ่อนโยน อบอุ่น” ชื่อเตียวเสี้ยนคงจะ มีความหมายดังกล่าวนี้ (หลี่ฉวนจวิน)

6 เล่าปี่เป็นพระเจ้าอาจริงหรือ? เล่าปี่เกิดในครอบครัวชาวบ้าน ฐานะยากจน ต้องสานเกือกทอเสื่อ ขาย  แต่ในนิยายสามก๊กบทที่ 20 เขียนไว้ว่า เมื่อเล่าปี่เข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยน เต้ “โปรดให้เอาปูมประวัติราชตระกูลมาตรวจสอบดู” ที่แท้เล่าปี่เป็นทายาท รุ่นที่ 18 ของพระเจ้าฮั่นเก็งเต้ (ฮั่นจิ่งตี้) ตามที่ปรากฏในปูมประวัติ  นอก 42  ถาวร สิกขโกศล แปล


จากเล่าหงผู้เป็นปู่และเล่าเห็งผู้เป็นบิดาแล้ว (บรรพชนของเล่าปี่) ทุกคน ล้วนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ทั้งเล่าปี่ยังอาวุโสกว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ หนึ่งรุ่น “เล่าเหี้ยนเต๊กคือพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้” เหี้ยนเต๊กเป็นชื่อ รองของเล่าปี่ ตั้งแต่นั้นเล่าปี่จึงได้รับการยกย่องเป็น “พระเจ้าอา” และเขา ตั้งตัวเองเป็นผู้สืบสายสันตติวงศ์ที่ถูกต้องของราชวงศ์ฮั่น เล่าปี่เป็นพระเจ้าอาจริงหรือไม่ เมื่อสอบค้นประวัติศาสตร์ฉบับหลวง ดูก็จะพบว่าค�ำ “พระเจ้าอา” นี้นิยายสามก๊กแต่งขึ้นมาเพื่อ “ยกเล่าปี่กด โจโฉ” จึงต้องเพิ่มเนื้อหานี้เข้ามา ตาม “พงศาวดารสามก๊ก ภาคสู่ซู (เรื่อง ของจ๊กก๊ก) บทประวัติองค์บุพราช (เล่าปี่)” บันทึกว่า เล่าปี่เป็นเชื้อสายราช วงศ์ฮั่นจริง “เป็นอนุชนสืบเชื้อสายมาแต่ตงสานอ๋องเล่าเซ่ง (หลิวเซิ่ง) บุตร ของเล่ า เซ่ ง ชื่ อ เล่ า จิ ง (หลิ ว เจิ น ) รั ช ศกหยวนโซ่ ว ปี ที่ 6 ได้ รั บ พระ ราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเล็กเสียเต๋งเฮ้า (ลู่เฉิงถิงโหว-พระยาต�ำบลลู่เฉิง) อยู่ที่เมืองตุ้นก้วน (อ�ำเภอจัวเสี้ยน) ต่อมาส่งเงินบูชาพระเทพบิดรไม่ครบ ตามระเบียบถูกปลด จึงตั้งครอบครัวอยู่ที่นั่น ปู่เล่าปี่ชื่อเล่าหง (หลิวสง) บิดาชื่อเล่าเห็ง (หลิวหง) วงศ์ตระกูลล้วนเป็นขุนนางหัวเมือง เล่าหงได้รับ คัดเลือกเป็นบัณฑิตเซี่ยวเหลียน (บัณฑิตสุจริตกตัญญู) ได้เป็นขุนนางถึง ต�ำแหน่งนายอ�ำเภอตังกุ๋นหวม (ตงจวิ้นฟ่าน)”  ข้อความตอนนี้ท�ำให้ทราบ ว่าเล่าปี่เป็นอนุชนสืบเชื้อสายมาจากเล่าเซ่งโอรสที่เกิดจากสนมของพระเจ้า ฮั่นเก็งเต้ เล่าเซ่ง (ไม่ทราบปีเกิด-113 ปีก่อนคริสตกาล) มีโอรส 120 กว่าองค์ มีประวัติอยู่ในพงศาวดารราชวงศ์ฮั่น (ฮั่นซู) เล่าจิง (หลิวเจิน) โอรสองค์หนึ่ง มาเป็นพระยาอยู่ที่อ�ำเภอตุ้นก้วน เนื่องจากส่งส่วยบูชาพระเทพบิดรไม่ครบ ตามที่ระเบียบก�ำหนดจึงถูกถอดจากบรรดาศักดิ์ เลยตั้งรกรากอยู่ที่อ�ำเภอนี้ ปีที่ถูกปลดเป็นรัชศกหยวนซั่ว ปีที่ 2 (127 ปีก่อนคริสตกาล) รัชกาลพระเจ้า ฮั่ น อู ่ ตี้   เนื่ อ งจากเล่ า จิ ง บรรพชนห่ า งจากเล่ า ปี ่ ห ลายชั่ ว คนถู ก ปลดเป็ น สามัญชน จึงไม่สามารถสอบค้นสายสกุลให้ชัดเจนได้ ดังนั้น ในพงศาวดาร สามก๊กจึงบอกสายสกุลของเล่าปี่ย้อนขึ้นไปได้แค่เล่าหง (หลิวสง) ผู้เป็นปู่ จากเล่าจิงถึงเล่าสงเป็นเวลา 200 กว่าปี ช่วงเวลาห่างกันมากเช่นนี้ สาย 101 คำ�ถามสามก๊ก  43


สกุลในปูมประวัติของแซ่จึงไม่ชัดเจน  ดังนั้น หูซานเสิ่งนักประวัติศาสตร์ช่วง ปลายราชวงศ์ซ่งต้นราชวงศ์หยวน จึงเขียนไว้ใน “พงศาวดารจือจื้อทงเจี้ยน (คันฉ่องส่องเพื่อการปกครอง) บรรพฮั่นจี้ (ราชวงศ์ฮั่น)” บทที่ 52 ว่า “สู่ซู (เรื่องของจ๊กก๊ก) กล่าวไว้ว่า เล่าปี่เป็นอนุชนของเล่าเซ่งผู้มีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาต�ำบลลู่เฉิงถิง แต่จากชั้นปู่ขึ้นไป ไม่สามารถสอบค้นสายสกุล (ว่า บรรพบุรุษชื่ออะไร) ได้” เมื่อเล่าปี่ขึ้นครองราชย์ก็ไม่รู้จะเอาใครเป็นปฐมวงศ์ของสายสกุล สายตรงของตนประดิษฐานไว้ในศาลพระเทพบิดร ประวัติเล่าปี่ (ในพงศาวดารสามก๊ก) เผยซงจือจึงบันทึกอธิบายเสริมว่า “แม้องค์บุพราช (เล่าปี่) จะ กล่าวว่าพระองค์สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าฮั่นเก็งเต้ แต่ช่วงเวลาห่างไกล มาก สายสกุลไม่ชัดเจน แม้จะสืบสันตติวงศ์มาจากราชวงศ์ฮั่น แต่ไม่รู้จะ เอากษัตริย์องค์ใดเป็นปฐมวงศ์ตั้งศาลพระเทพบิดร” ดังนั้น จึงต้องบูชา บรรพบุรุษทุกคนตั้งแต่พระเจ้าฮั่นโกโจ (ฮั่นเกาจู่) ลงมา แม้สายสกุลของ เล่าปี่จะไม่ชัดเจน การที่บอกว่าเล่าปี่เป็นอนุชนรุ่นที่ 18 ของพระเจ้าฮั่นเก็งเต้ (ฮั่นจิ่งตี้ กษัตริย์องค์ที่ 4 ของราชวงศ์ฮั่น) และเป็น “พระเจ้าอา” ของพระเจ้า เหี้ยนเต้นั้นเป็นการลากเข้าความพูดเพ้อเจ้อกันไปเอง (เฉิงเสี่ยวฮั่น) ความรู้ต่อเนื่อง ลูกของเล่าปี่สองคน ท�ำไมจึงชื่อเล่าฮองคนหนึ่ง เล่าเสี้ยนคน หนึ่ง? เล่าเสี้ยน (หลิวส้าน) เป็นลูกของเล่าปี่ที่เกิดจากก�ำฮูหยิน (กันฟูเหญิน) ต่อ มาในการศึกอันวุ่นวาย บิฮูหยิน (หมี่ฟูเหญิน) ผู้เลี้ยงดูเล่าเสี้ยนโดดบ่อตาย จูล่ง ช่วยเล่าเสีย้ นหนีรอดมาได้ ขณะนัน้ เล่าเสีย้ นเป็นลูกคนเดียวของเล่าปี ่ อีกทัง้ ภรรยา ของเล่าปีส่ ว่ นมากเป็นหมัน เปรียบเทียบกันแล้วโจโฉมีลกู มาก รุง่ เรือง เจริญคน ลูก หลานคับคั่ง ในพงศาวดารสามก๊กบันทึกไว้ว่าโจโฉมีลูกชาย 25 คน เมื่อเทียบกับ 44  ถาวร สิกขโกศล แปล


โจโฉซึ่งมีลูกมากแล้ว เล่าปี่ด้อยกว่ามาก  ดังนั้น นอกจากมีอนุภรรยาเพิ่มแล้ว เล่าปี่ยังรับบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง คือเล่าฮอง (หลิวเฟิง) ในนิยายสามก๊กบทที่ 36 กล่าวว่า หลังจากเล่าปีเ่ ข้าเมืองห้วนเสีย (ฝานเฉิง) แล้ว เห็นเค้าฮอง (โค่วเฟิง) ลูกของพี่สาวเล่าปิด (หลิวมี่) เจ้าเมืองน่ารัก จึงรับเป็น บุตรบุญธรรม เปลีย่ นชือ่ ให้ใหม่วา่ เล่าฮอง (หลิวเฟิง) เรือ่ งในนิยายตอนนีส้ อดคล้อง กับบันทึกในประวัติศาสตร์ เห็นได้ว่าขณะนั้นเล่าปี่กังวลเรื่องตนมีลูกน้อย พูดไปแล้วก็ชา่ งบังเอิญเหลือเกิน ขณะนัน้ เล่าปีไ่ ด้ชอื่ ว่ามีลกู สองคน คนหนึง่ ชื่อเล่าฮอง (หลิวเฟิง) คนหนึ่งชื่อเล่าเสี้ยน (หลิวส้าน) ชื่อทั้งสองนี้รวมกันเป็นค�ำ ว่า “ฮองเสี้ยน (เฟิงส้าน)” แล้วหมายถึง “การเซ่นสรวงบูชาฟ้าดิน” มีความสัมพันธ์ กับเหตุการณ์เมื่อครั้งฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) และฮั่นอู่ตี้รวมจักรวรรดิจีนส�ำเร็จ แล้วไปท�ำพิธีเซ่นสรวงบูชาฟ้าดินที่ภูเขาไท่ซาน “ฮองเสี้ยน (เฟิงส้าน)” เป็นพระราช พิธใี หญ่เซ่นสรวงฟ้าดินของฮ่องเต้ในครัง้ กระโน้น พูนดินขึน้ เป็นฐานตัง้ มณฑลพิธบี น ยอดเขาไท่ซานเซ่นสรวงบูชาฟ้าเรียกว่า “ฮอง (เฟิง)” ปรับพืน้ ทีบ่ นยอดภูนอ้ ยหน้าเขา ไท่ซานเป็นฐานมณฑลพิธกี ราบไหว้บชู าดินเรียกว่า “เสีย้ น (ส้าน)” รวมกันแล้วเรียกว่า “ฮองเสีย้ น (เฟิงส้าน)” แต่โบราณมากษัตริยผ์ ถู้ อื ว่าตนได้รบั อาณัตจิ ากสวรรค์มาปก ครองประเทศจะท�ำพิธนี เี้ พือ่ ตอบแทนพระคุณของฟ้าดิน6 ปีแรกของรัชศกหยวนเฟิง พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ประพาสบูรพาถึงมหาบรรพตไท่ซาน ท�ำพิธี “ฮองเสี้ยน” เซ่นสรวงฟ้า ดินที่นี่ ครั้งนั้นซือหม่าถันบิดาของซือหม่าเชียนผู้เขียนพระราชพงศาวดารสื่อจี้ ป่วยอยู่ที่เมืองลั่วหยาง ไม่ได้ตามเสด็จเข้าร่วมพิธี ต่อมาตรอมใจตาย จึงเห็นได้ ว่ากิจกรรมนี้เป็นพระราชพิธีใหญ่ ผู้ได้เข้าร่วมถือเป็นเกียรติอย่างสูง ชื่อลูกเล่าปี่ สองคนรวมกันมีความหมายเป็นก�ำลังใจอย่างแรงกล้า  เล่าปีห่ วังอย่างยิง่ ว่า ในทีส่ ดุ ตนจะสามารถรวมแผ่นดิน เป็นจักรพรรดิราชท�ำพิธี “ฮองเสี้ยน” เซ่นสรวงฟ้าดินอัน ยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ (เซวียนปิ่งซ่าน) กษัตริย์ผู้จะท�ำพิธีนี้ได้ต้องมีอ�ำนาจและบารมีสูงส่งเป็นจักรพรรดิ ไม่ใช่ท�ำกันได้ ทุกองค์-ผู้แปล 6

101 คำ�ถามสามก๊ก  45


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.