ราชมรรคา

Page 1


ราชมรรคา

La Voie Royale

อ็องเดร มาลโรซ์ เขียน วัลยา วิวัฒน์ศร แปล

กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน 2557


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์

La Voie Royale หรือ ราชมรรคา นวนิยายรางวัลแอ็งแตราลิเย่ (Prix Interalliéè) ปี 1930 ฉบับภาษาไทยแปลโดยวัลยา วิวฒ ั น์ศร ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2539 โดยส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ  เนื่องใน วาระครบรอบ 20 ปี แ ห่ ง การจากไปของอ็ อ งเดร มาลโรซ์   ผู ้ ประพันธ์  ฉบับปี 2557 โดยส�ำนักพิมพ์มติชนเล่มนี้ ผู้แปลได้ขัด เกลาภาษา แก้ไขข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อน พร้อมทั้งจัดท�ำบัญชี ศัพท์และชื่อเฉพาะไว้อธิบายค�ำแทนเชิงอรรถเดิม เพื่อผู้อ่านจะ ไม่สะดุดกับตัวเลขเชิงอรรถ สามารถดื่มด�่ำกับเรื่องราวไปอย่าง ราบรื่น ผู้ประพันธ์วางโครงเรื่องผจญภัยบนเส้นทางราชมรรคา เพื่อเสนอแก่นเรื่องชีวิตและความตาย ใช้เสน่ห์ความเป็นตะวัน ออก ทั้งโบราณสถาน ประเพณี วิถีชีวิตผู้คนและชนเผ่า กล่อม ป่าให้มีมนต์ขลัง ชวนตื่นเต้นเร้าใจ  ปั จ จุ บั น หลั ง ค้ น พบหลั ก ฐานส� ำ คั ญ ทางประวั ติ ศ าสตร์ “จารึกปราสาทพระขรรค์” ท�ำให้ทราบว่าอาณาจักรขอมมีเส้นทาง ส�ำคัญ 5 สาย คือ พระนคร-พิมาย, พระนคร-วัดพู, พระนครราชมรรคา

7


สวายจิก, พระนคร-ปราสาทพระขรรค์ และพระนคร-ก� ำปงธม ในเรื่องนี้ผู้ประพันธ์บรรยายเส้นทางราชมรรคาไว้ตอนหนึ่งว่า  “ป่าปิดล้อม ความหวังสิ้นสูญ กี่วันมาแล้วที่กองเกวียนพบ แต่โบราณสถานซึ่งมิได้สลักส� ำคัญแต่อย่างใด ราชมรรคาเป็น ประดุจล�ำน�้ำสายใหญ่ บริบูรณ์ทั้งสิ่งมีชีวิตและไร้ชีวิต เผยซาก ปรักหักพังที่มิต่างจากโครงกระดูก เฉกเช่นการอพยพย้ายถิ่น และการรบพุ่ง ที่หมู่บ้านสุดท้าย คนตัดฟืนพูดถึงปราสาทขนาด ใหญ่ชอื่ ตาเมือน บนยอดเขาสูงในอาณาเขตของพวกม้อย ปราสาท นี้อยู่ระหว่างเขตชายแดนที่ถูกคุกคามของเขมรกับส่วนหนึ่งของ สยามซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใดส�ำรวจ…” ผู้แปลอธิบายไว้ท้ายเล่มว่า มีเส้นทางซึ่งเกือบจะเป็นเส้น ตรงจากปราสาทนครวัดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือผ่านเทือกเขา พนมดงรักสู่เมืองโบราณชื่อพิมายปุระ (อ�ำเภอพิมายในปัจจุบัน) ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้ำชี-มูลส่วนที่อยู่ในประเทศสยาม บนเส้น ทางนัน้ มีปราสาทหินตัง้ อยูจ่ ำ� นวนมาก เส้นทางสายดังกล่าวเรียกว่า La Voie Royale หรือราชมรรคา ตรงกับเส้นทางสายพระนคร-พิมายที่สุด และปราสาทที่ตัวละครเอกทั้งสองไปพบก็คือปราสาทบันทายศรี เชิญทุกท่านร่วมขบวนกองเกวียนของโกล๊ดและเพร์เค่น บุกไปในราชมรรคา ตามหาศิลาจ�ำหลักนางอัปสร และพิสจู น์คณ ุ ค่า ชีวิตได้ ณ บัดนี้ ส�ำนักพิมพ์มติชน 8

ราชมรรคา


ค�ำน�ำผู้แปล

‘ราชมรรคา’ ของอ็องเดร มาลโรซ์ในมือท่านผู้อ่านขณะนี้ เป็น ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยส�ำนักพิมพ์มติชน (ตีพิมพ์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2539 โดยส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ) นอกเหนือจากการเกลาภาษา การแก้ไขข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อน  ผู้แปลยังตรวจแก้ด้วยวิธี เดียวกับทีใ่ ช้ตรวจแก้ ‘ก็องดิด’ และ ‘ซาดิก’ ของวอลแตร์ กล่าวคือ ยกเลิกเชิงอรรถ น�ำเนือ้ หาบางส่วนในเชิงอรรถมาไว้ในค�ำน�ำผู้แปล และในบทวิเคราะห์ท้ายเล่มโดยเขียนขยายความเพิ่มเติม  นอก จากนี้ผู้แปลได้ท�ำบัญชีศัพท์และชื่อเฉพาะอธิบายค�ำแทนค�ำใน เชิงอรรถเดิม การท�ำบัญชีศัพท์และชื่อเฉพาะเป็นวิธีที่ผู้แปลเริ่ม ใช้ในการแปลเรื่อง ‘คนเถื่อน’ ของวอลแตร์ (ส�ำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2556) ‘ราชมรรคา’ นับเป็นนวนิยายที่ท้าทายการแปลอย่างยิ่ง ด้วยว่าผู้ประพันธ์ใช้รูปประโยคแหวกโครงสร้างไวยากรณ์ มีกล วิธีการเขียนที่แปลกไปจากวรรณกรรมร่วมสมัย  ทั้งยังมองโลก ตะวันออกด้วยสายตาตะวันตกแบบเฉพาะตน ภาษาของเขาจึง สร้างภาพและความเปรียบที่ผู้อ่านทั้งตะวันตกและตะวันออกไม่ ราชมรรคา

9


คุ้นเคย  นอกจากนี้เขายังมีโลกทัศน์ส่วนตนในด้านคุณค่าและ ความหมายของชีวิต ตลอดจนชะตากรรมของมนุษย์ ลักษณะ เฉพาะดังกล่าวปรากฏชัดในงานประพันธ์ของเขา ท�ำให้โดดเด่น เป็นพิเศษ ‘ราชมรรคา’ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ.1930  ขณะนั้นอ็องเดร มาลโรซ์อายุ 29 ปี เขาจัดอยู่ในกลุ่มนักเขียนสมัยใหม่ช่วง ก่อนนูโวโรม็องด้วยกลวิธีการเขียนของเขา กล่าวคือบรรยายสิ่ง ที่เห็นด้วยมุมมองของกล้องถ่ายภาพ การบรรยายเช่นนี้เป็นของ ใหม่ใน ค.ศ.1930 มาลโรซ์ใช้การบรรยายสลับกับจิตใต้ส�ำนึก และจิตส�ำนึกของตัวละคร ผู้แปลขอยกตัวอย่างการบรรยายตาม การเคลื่อนที่ของกล้อง (Travelling) ในตอนที่ 3 ต้นบทที่ 2 ‘พวกเขาเริ่มเห็นหมู่บ้านสะเตียงอยู่สุดเส้นทาง คล้ายมอง ผ่านแว่นขยายของกล้องส่องทางไกล (1) หมูบ่ า้ นนัน้ รุกล�้ำทีโ่ ล่ง (2) โกล๊ดมองดูเชิงเทินไม้เหมือนดูอาวุธที่ยังไม่รู้จัก (3) ซุงทั้งต้นตั้ง เรียงเป็นเครื่องกีดขวาง ซ่อนป่าไว้สิ้น (4) (พวกเขามาถึงใกล้แล้ว) ส�ำแดงแจ้งชัดถึงพลังอย่างหนึ่งซึ่งบรรดาวัตถุที่โผล่พ้นเชิงเทิน ก่อให้เกิดความกังวลใจ (5)’ (ผู้แปลเป็นผู้ใส่ตัวเลขในวงเล็บท้ายประโยค) ในประโยคที่ 1 ตัวละครยังอยู่ในป่าห่างไกลจากหมู่บ้าน มาก มองเห็นหมูบ่ า้ นผ่านช่องว่างอันเกิดจากเส้นทางในป่า ประโยค ที่ 2 แสดงว่าพวกเขาเดินทางใกล้เข้ามาในระยะมองเห็นที่โล่งรอบ หมู่บ้าน  ในประโยคที่ 3 พวกเขาใกล้เข้ามาอีก เมื่อถึงประโยค ที่ 4 พวกเขาถึงตีนเชิงเทินแล้ว มาลโรซ์ระบุในวงเล็บว่า ‘พวก เขามาถึงใกล้แล้ว’ ด้วยเกรงว่าผู้อ่านจะไม่เข้าใจว่าเชิงเทินจะซ่อน 10

วัลยา วิวัฒน์ศร เขียน


ป่าได้อย่างไร  ความท้ายประโยคที่ 5 แสดงถึงจิตส�ำนึกของตัว ละคร นอกจากนี้ก็มีการดึงภาพเข้าใกล้แล้วเลื่อนภาพให้ห่างออก (Zoom in, Zoom out) สลับกับจิตส�ำนึกของตัวละครเช่นเดิม ดังปรากฏตัวอย่างในตอนที่ 2 ต้นบทที่ 1 ‘ในป่า สีว่ นั มาแล้ว...สีว่ นั มาแล้ว กระโจมแรมใกล้ๆ หมูบ่ า้ น ซึ่งล้วนได้จากป่า ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปไม้ของชาวบ้านหรือตับ จากมุงหลังคา กระท่อมรูปร่างเหมือนแมลงน่าเกลียดน่ากลัวโผล่ จากพื้นดินชุ่มชื้น ความคิดไม่ปะติดปะต่อใต้ล�ำแสงซึ่งหักเหดุจ ผ่านผืนน�้ำในอ่างแก้ว’ ผู้แปลหวังว่าผู้อ่านจะสนใจในลีลาการเขียนเช่นนี้ ดังที่ ผู้แปลรู้สึกขณะแปล นอกจากนี้ เพื่อสร้างสีสันท้องถิ่น มาลโรซ์ใช้ค�ำในภาษา พืน้ บ้าน ได้แก่ ‘แม่นำ�้ ’ (la méènam) ในตอนที ่ 1 บทที ่ 2 เมือ่ พูด ถึงเส้นทางราชมรรคาซึ่งทอดตัวผ่านบริเวณที่ราบลุ่มแม่นำ�้ มาถึง อ�ำเภอพิมาย ‘ศาลา’ (la sala) ในตอนที่ 2 บทที่ 3 มาลโรซ์ท� ำ เชิงอรรถอธิบายว่าเป็นที่พักผู้เดินทาง ‘ขแมร์-เมียง’ (khmermieng) ในตอนที่ 3 บทที่ 2 เมื่อกล่าวถึงทาสชาวเขมร และ ‘พญา’ (phya) ในตอนที่ 3 บทที่ 3 เมื่อพูดถึงหัวหน้าเผ่าสะเตียง ภาษาของชาวสะเตียงนั้นใกล้เคียงกับภาษากลุ่มมอญ-ขแมร์ ท้ า ยเล่ ม  ‘ราชมรรคา’ ประกอบด้ ว ยบั ญ ชี ศั พ ท์ แ ละชื่ อ เฉพาะ ประวัติผู้ประพันธ์และบทวิเคราะห์ ‘อ็องเดร มาลโรซ์ กับราชมรรคา’  บทวิเคราะห์นี้แก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมจากที่เคย พิมพ์ในนิตยสารไรเต้อร์ฉบับ 40 และ 41 เขียนขึ้นส�ำหรับผู้อ่าน ราชมรรคา

11


ที่สนใจความเป็นมาของนวนิยายเรื่องนี้ ซึ่งผู้ประพันธ์ได้ใช้ข้อมูล อัตชีวประวัติ และชีวประวัตินักผจญภัยชาวฝรั่งเศส 3 คน ใน อินโดจีนฝรั่งเศส มาหล่อหลอมเข้าเป็นบุคลิกลักษณะและเรื่อง ราวของตัวละครเอกทั้งสอง เมื่อ พ.ศ.2539 งานแปลหนังสือเรื่องนี้คงจะส�ำเร็จลงไม่ได้ หากปราศจากความช่วยเหลือของคณาจารย์ในคณะอักษรศาสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย  ผู ้ แ ปลขอขอบคุ ณ  ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ แห่งภาควิชาภาษาตะวันออก ผู้ให้คำ�  ‘ราชมรรคา’ ดร.สุด จอนเจิดสิน แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ ผู้เอื้อเฟื้อเอกสาร ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งขอขอบคุณ เพื่อนร่วมงานในสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาควิชาภาษาตะวันตก ได้แก่ Dominique Jacquier ดร.ปณิธิ หุ่นแสวง และ ดร. สุวรรณา สถาปัตย์พัฒนา ซึ่งได้ช่วยกันอ่านทั้งประโยคยากและ ประโยคง่ายที่เข้าใจได้ยากร่วมกับผู้แปล บุคคลสุดท้ายตามล�ำดับ การท�ำงานคือคุณมกุฎ อรฤดี บรรณาธิการต้นฉบับแปลฉบับ พิมพ์ครั้งแรก เวลา 17 ปีผ่านไป อาจกล่าวได้ว่าผู้แปลแปลได้ดีกว่าเดิม เพราะได้ฝึกฝีมือแปลและตรวจแก้ต้นฉบับวรรณกรรมแปลมาต่อ เนื่องยาวนาน ผู้แปลจึงหวังว่าผู้อ่านจะพอใจ ‘ราชมรรคา’ ฉบับ นี้ซึ่งบรรณาธิการเล่มใส่ใจเช่นเดียวกับผู้แปล  12

วัลยา วิวัฒน์ศร เขียน

วัลยา วิวัฒน์ศร พฤษภาคม 2556


ตอนที่หนึ่ง


1 สิ่งครอบง�ำจิตใจกลับมาเยือนอีกครั้ง โกล๊ดจ้องมองวงหน้าของ  ชายผู ้ นี้อ ย่ า งไม่ ล ะสายตา พยายามสัง เกตสีห น้ า ในความสลัว  อันเกิดจากหลอดไฟที่สาดแสงอยู่เบื้องหลัง  รูปหน้านั้นเห็นไม่ชัด  เหมือนกองไฟบนชายฝั่งโซมาเลียซึ่งถูกกลืนผสานกับแสงจันทร์  กระจ่างที่สะท้อนเหนือพื้นผิวนาเกลือ น�้ำเสียงของชายผู้นี้เปี่ยม  ประชดแต่คล้ายจางหายไปในความมืดของแอฟริกา ช่างเข้ากับ  เรื่องของเขาซึ่งมีผู้เล่าขานกัน เรื่องโจษจันที่ท�ำให้ผู้โดยสารเลียบ  เคียงอยู่รอบๆ เงาตะคุ่มอันเลือนมัว กระหายจะรู้เรื่องราวดีเด็ด  เพื่อน�ำไปเล่าต่อ ใคร่ร่วมสนทนา ฟังเรื่องเล่าเรื่องแต่ง เรื่องความ  ใฝ่ฝันของคนผิวขาวที่ได้เอาชีวิตมาข้องเกี่ยวเดิมพันกับดินแดน  เอกเทศต่างๆ ในเอเชียทวีป “คนในวัยหนุม่ แทบจะไม่เข้าใจเรือ่ ง...ท่านเรียกว่าอะไรนะ...  16

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เสพกาม ใช่ไหม คนที่อายุไม่ถึงสี่สิบยังเข้าใจเรื่องนี้ผิดๆ อยู ่ พวกเขาไม่รู้ว่าจะเอาชนะความรักอย่างไร บุรุษใดก็ตามที่มิได้คิด  ว่าสตรีเป็นเครื่องบ�ำเรอทางเพศ หากแต่ตระหนักรู้ว่าเรื่องเพศ  เป็นเครื่องบ�ำเรอสตรี บุรุษนั้นจึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เติบใหญ่เรื่อง  ความรัก  ถ้าไม่เข้าใจเรือ่ งนีก้ ช็ ว่ ยไม่ได้ ยังมีทเี่ ลวร้ายกว่านีอ้ กี  คือ พวกที่อยู่ในวัยซึ่งหมกมุ่นเรื่องกาม ก็ความหมกมุ่นขณะยังเป็น  วัยรุ่นนั่นเอง หมกมุ่นอย่างมิอาจควบคุมตนได้ เป็นวัยที่อยู่ได้  ด้วยความทรงจ�ำต่างๆ นานา...” กลิน่ ฝุน่ กลิน่ ปอและกลิน่ แกะทีต่ ดิ อยูต่ ามเสือ้ ผ้าท�ำให้โกล๊ด  หวนนึกถึงภาพถุงยาวแขวนบังประตูซึ่งถูกยกขึ้น หลังประตูนั้น  มือข้างหนึ่งชี้ให้เขาชมหญิงวัยก�ำดัดผิวด�ำเกลี้ยงเกลา แสงแดด  ส่องสะท้อนบนทรวงอกตั้งด้านขวา ตาหรี่ปรือสื่ออารมณ์ชวนเชิญ  และความปรารถนาประหลาด  ‘ความปรารถนาอันจะปลดปล่อย  จนสุดขีดคลั่ง’ เพร์เค่นเคยพูดเช่นนั้น เขาพูดต่อขณะนี้ว่า “มันเปลี่ยนแปรเสมอ ความทรงจ�ำน่ะ ความคิดฝันน่ะหรือ  ช่างเป็นสิ่งพิสดารเหลือหลาย ในตัวของมันเองหรือนอกตัวของ  มันก็ตาม ความคิดฝัน...มันชดเชยได้เสมอ...” หน้ า คมเข้ ม ของเขายั ง มิ โ ผล่ พ ้ น เงาสลั ว  แต่ มี แ สงวู บ  ระหว่างริมฝีปาก ปลายบุหรี่วาบเป็นสีทองนั่นเอง โกล๊ดรู้สึกว่า  สิ่งที่เขาคิดเริ่มเป็นรูปเป็นร่างพร้อมๆ กับถ้อยค�ำเหล่านี้ คล้าย  เรือล�ำที่เคลื่อนเข้ามาช้าๆ แสงโคมไฟในเรือส่องต้องช่วงแขนคน  พายซึ่งขยับขึ้นลงพร้อมกันเป็นจังหวะ “ท่านหมายความว่าอย่างไร” ราชมรรคา

17


“วันหนึ่งท่านจะเข้าใจเอง...ซ่องในโซมาเลียมีแต่สิ่งที่ไม่  คาดฝัน...” โกล๊ดรู้จักน�้ำเสียงประชดประชันเคียดแค้นนี้ เมื่อชายผู้  หนึ่งกล่าวด้วยน�ำ้ เสียงเช่นนี้ ก็เพื่อบอกตนเองหรือเฉพาะต่อชะตา  ชีวิตของตน “มีแต่สิ่งที่ไม่คาดฝัน” เพร์เค่นพูดซ�ำ้ ‘อะไรบ้างหนอ...’ โกล๊ดถามตัวเอง เขานึกเห็นภาพแสง  ตะเกียงน�้ำมันกลุ้มรุมด้วยหมู่แมลง หญิงจมูกโด่ง มิได้มีลักษณะ  ของนิโกรแม้แต่น้อย นอกจากตาขาวโพลนตัดกับตาด� ำและผิว  คล�้ำ  หญิงเหล่านี้เคลื่อนกายเป็นวงกลมไปตามเสียงขลุ่ยของ  ชายตาบอดคนหนึ่ง แต่ละนางฟาดก้นงอนของคนข้างหน้าอย่าง  บ้ า คลั่ ง ทั น ที ทั น ใดพวกนางก็ ขื น จั ง หวะดนตรี  แตกแถวออก  เปล่งเสียงประสานท�ำนองด�ำฤษณาของขลุ่ย ชะงักร่าง ศีรษะและ  ไหล่นิ่งไม่ไหวติง ตาหลับพริ้ม ผ่อนคลายร่างด้วยการสั่นกล้าม  เนื้อก้นตึงกระชับและสองถันอันตั้งชัน หยาดเหงื่อไหวระริกบน  ทรวง เน้นการบิดไหวอยู่ใต้แสงตะเกียง แม่เล้าผลักหญิงแรกรุ่นนางหนึ่งเข้าหาเพร์เค่น เด็กสาวยิ้ม  ‘ไม่เอา’ เขาบอก ‘โน่น...คนโน้น อย่างน้อยแม่นั่นก็ไม่มี  ท่าว่าจะชอบเรื่องแบบนี้นัก’ ‘เขาเป็นกามวิปริตหรือ’ โกล๊ดถามตัวเองอยู่ขณะนี้ มีคน  โจษจันถึงหน้าที่ซึ่งประเทศสยามมอบหมายให้เขาไปปฏิบัติใน  แดนเผ่าเอกเทศ พูดถึงการที่เขาจัดตั้งรัฐฉานและการเดินทาง  18

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เพื่อต่อสู้ของชาวลาว ตลอดจนความสัมพันธ์พิเศษเฉพาะระหว่าง  เขากับรัฐบาลทีบ่ างกอก  บางครัง้ เป็นมิตร บางคราวก็เป็นปฏิปกั ษ์  ผู้คนยังเล่าขานถึงการหลงใหลมัวเมาอ�ำนาจที่เขามีต่อคนป่าเถื่อน  เผ่าหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ยอมให้รัฐประเทศใดเข้ามามีส่วนบังคับควบคุม  คนเผ่านั้นเป็นอันขาด ผู้คนยังซุบซิบถึงชีวิตรุ่งโรจน์ที่เริ่มเสื่อม  รวมทั้งเรื่องกามของเขา  อย่างไรก็ตาม บนเรือล�ำนี้คงจะมีหญิง  มาแวดล้อมเขาจ�ำนวนมาก  ถ้าเขามิได้ออกปากห้ามอย่างเด็ดขาด  ‘มีบางสิ่งบางอย่างแต่หาใช่กามวิปริตไม่ดอก...’ เพร์เค่นเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ยาว ใบหน้าซ่อนเร้นความ  รู้สึกเหมือนสวมหน้ากากกงสุลของเขาต้องแสงไฟเต็มที่ ดูคมลึก  ด้วยเงาเบ้าตาและจมูก ควันบุหรีล่ อยขึน้ เป็นเส้นตรง แล้วกระจาย  หายไปกับความมืดเข้มของรัตติกาล ค�ำว่า ‘กามวิปริต’ ยังหลอกหลอนโกล๊ดอยู่ เขาจึงระลึก  ถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “วันหนึ่ง มีคนพาข้าพเจ้าไปยังซ่องโทรมๆ แห่งหนึ่งที่ปารีส  ในห้องรับแขกมีหญิงเพียงคนเดียว ร่างของหล่อนถูกมัดติดขา  หยั่ง เหมือนหุ่นกระบอก กระโปรงถลกขึ้น...” “ข้างหน้าหรือข้างหลัง” “ข้างหลัง รอบๆ ตัวหล่อนมีผู้ชายหกเจ็ดคน ก็พวกคน  ชั้นกลางรายได้น้อย ผูกเนคไทส�ำเร็จรูป สวมเสื้อนอกผ้าขนสัตว์  อัลปาก้า (ตอนนั้นเป็นฤดูร้อน แต่อากาศร้อนน้อยกว่าที่นี่...)  นัยน์ตาโปนถลน แก้มแดงก�่ำ ท่าทางเหมือนจะให้เชื่อว่าพวกเขา  ก�ำลังสนุก...เรียงหน้าผลัดกันเข้าหาผู้หญิง ฟาดก้น เพียงคนละ  ราชมรรคา

19


เผียะ จ่ายเงิน แล้วก็กลับไป หรือไม่ก็ขึ้นไปชั้นบน...” “แค่นั้นเองหรือ” “แค่นั้นเอง น้อยคนนักที่ขึ้นไปชั้นบน แทบทุกคนกลับไป  ลองนึกถึงความฝันของคนพวกนี้สิ  ขณะเดินจากไปพลางสวม  หมวกและดึงชายเสื้อนอกให้เรียบร้อย...” “ก็ยังจัดว่าเป็นพวกธรรมดาๆ...” เพร์เค่นยื่นแขนขวาออก เหมือนจะแสดงท่าเสริมค�ำพูด  สักประโยคหนึ่ง แต่กลับลังเล ขัดแย้งกับความคิดตน “ที่ส�ำคัญคือ ต้องไม่รู้จักคู่ขา เพียงเป็นเพศตรงข้ามก็พอ”  “ต้องไม่เป็นคนที่มีชีวิตส่วนตัวด้วยใช่ไหม” “พวกกามวิตถารยิ่งแล้ว พวกนี้ทุบตีกันเพื่อท�ำร้ายตัวเอง  ...ยิ่งมีความคิดฝันมาก ก็เพิ่มรสชาติเท่าที่สามารถจะท�ำได้  แต่  ไม่ใช่รสชาติที่ปรารถนา โสเภณีโง่เง่าที่สุดก็ยังรู้ว่าผู้ชายซึ่งก� ำลัง  ทรมานพวกหล่อน หรือที่พวกหล่อนทรมานให้อยู่นั้น จิตใจของ  พวกเขาห่างไกลพวกหล่อนนัก  ท่านรู้ไหม หญิงเหล่านั้นเรียก  พวกแปรปรวนนี้ว่าอย่างไร...พวกสติเฟื่อง...” โกล๊ดนึกถึงค�ำว่า ‘แปรปรวน’ เขาเองก็คิดเช่นเดียวกับ  หญิงเหล่านั้น เขาจ้องใบหน้าผ่อนคลายของเพร์เค่นไม่วางตา บท  สนทนานี้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วใช่ไหม “พวกสติเฟื่อง...” เพร์เค่นกล่าวซ�้ ำ “พวกหล่อนเรียกถูก  แล้ว พวกโง่เง่าจึงจะเรียกพวกนี้ว่า ‘ผิดปกติทางเพศ’ มีความผิด  ปกติทางเพศประการเดียวเท่านั้น นั่นคือการปรุงแต่งความคิดฝัน  นั่นคือการที่ไม่สามารถตอบสนองความปรารถนาของตน  ข้าพเจ้า  20

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เคยรู้จักชายคนหนึ่งที่บางกอก เขาให้หญิงคนหนึ่งมัดร่างเปลือย  ของตนไว้ในห้องมืดสลัว นานเป็นชั่วโมง...” “แล้วอย่างไร” “ก็เท่านั้น เพียงพอแล้ว เขาเป็นคนที่มีความผิดปกติอย่าง  แท้จริง...” เพร์เค่นลุกขึ้น ‘คงจะอยากไปนอน’ โกล๊ดถามตนเอง ‘หรือไม่ก็อยากเลิก  พูดคุย’ เพร์เค่นเดินห่างออกไปในม่านควันที่ลอยตัวขึ้นสูง เขาก้าว  ข้ามกลุ่มเด็กนิโกรไปทีละคน เด็กเหล่านั้นนอนหลับอยู่ตามช่อง  ว่างระหว่างตะกร้าบรรจุปะการัง ปากแดงเผยออ้า เงาของเพร์เค่น  สั้นลงขณะที่เงาของโกล๊ดทอดยาวอยู่บนสะพานเรือเพียงเงาเดียว  เช่นนี้  คางยื่นของเขาดูแข็งแกร่งคล้ายกรามของเพร์เค่น หลอด  ไฟแกว่ง เงาก็ไหวตาม...ในอีกสองเดือนข้างหน้า เงานี้ยังจะมี  อะไรเหลืออยู่อีก  รวมทั้งร่างนี้ที่เงาทอดยืดยาวออกไป รูปเงา  ปราศจากดวงตา ปราศจากสายตาเชือ่ มัน่ และกังวล ค�่ำคืนนีแ้ ววตา  ของเขาแสดงสิ่งที่ร่างกายรู้สึกได้มากกว่าภาพเงาบุรุษซึ่งแมวบน  เรือก�ำลังจะวิ่งผ่าน เขายื่นมือออกไป  แต่แมวหนีพ้น สิ่งที่คอย  หลอกหลอนก็กลับมาครอบง�ำจิตใจเขาอีกครั้ง ยังมีอีกสิบห้าวันที่กระหายใคร่รู้ สิบห้าวันซึ่งจะต้องรอ  คอยอยู่บนเรือล�ำนี้ด้วยความวิตกกังวล เหมือนคนติดยาฝิ่นที่  ไม่มีให้สูบ  เขาหยิบแผนที่โบราณคดีประเทศสยามและประเทศ  เขมรออกมาอีกครั้ง  เขารู้จักแผนที่นี้ดีกว่าใบหน้าของตนเสียอีก  ราชมรรคา

21


และดั่งต้องมนต์สะกด เขาจ้องดูเส้นวงกลมสีน�้ ำเงินล้อมรอบ  บรรดาเมืองร้างที่เขาขีดขึ้นไว้เอง เส้นปรุแสดงทางโบราณสาย  ราชมรรคา  เส้นทางนั้นแสดงให้เห็นชัดว่ามีเมืองที่ถูกทิ้งร้างกลาง  ป่าทึบของสยาม ‘อย่างน้อยมีโอกาสสักครึ่งละกระมัง ที่จะได้พบ  สักแห่ง...’ รอยเท้าสับสนรวมทั้งซากสัตว์เล็กเกลื่อนรอบกองไฟ  ใกล้มอด นั่นคือจุดจบของภารกิจสุดท้ายในดินแดนเผ่าจาราย  โอแด็งดาลหัวหน้าผิวขาวตายอย่างทารุณด้วยปลายหอกปลาย  แหลนน�้ำมือพวกคนป่าสมุนซาแด็ตบูชาไฟ เหตุเกิดยามค�่ำขณะ  แว่วเสียงใบมะพร้าวหักซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่าขบวนช้างของคณะพระ  ก�ำลังจะมาถึง   เขาต้องเฝ้าระวังภัยมากี่คืนแล้ว เหน็ดเหนื่อย  เมื่อยล้า ถูกฝูงยุงรุมกัด หรือผล็อยหลับไปโดยวางใจให้คนน�ำ  ทางเฝ้ายามแทน...แทบไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ป้องกันตัวเลย... เพร์เค่นรู้จักพื้นที่แถบนี้ดี ทว่าไม่เคยพูดถึง ตั้งแต่แรก  โกล๊ดก็ชื่นชอบน�้ำเสียงของเขาเสียแล้ว (เขาเป็นคนเดียวบนเรือ  ล�ำนี้ที่เปล่งเสียงค�ำว่า ‘พลัง’ อย่างเรียบง่าย) โกล๊ดรู้ทันทีว่าบุรุษ  ผู้มีเส้นผมสีเกือบเทาผู้นี้ชอบหลายสิ่งหลายอย่างเหมือนตน ครั้ง  แรกนั้นที่ชายฝั่งอียิปต์ เบื้องหน้าก�ำแพงสีแดงขนาดใหญ่ โกล๊ด  ได้ยินเพร์เค่นเอ่ยถึงเรื่องการพบโครงกระดูกสองร่าง (พวกลัก  ขโมยของในสุสานเป็นแน่) ด้วยน�้ำเสียงตื่นเต้นอันเกิดจากความ  สนใจและความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ ระหว่างการขุดแต่งหุบเขาฟาโรห์  มีผู้พบโครงกระดูกทั้งสองบนพื้นห้องใต้ดินแห่งหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์  กลางระเบียงทางเดิน ระเบียงเหล่านั้นประดับเรียงรายด้วยมัมมี่  รูปแมวศักดิ์สิทธิ์  แม้โกล๊ดยังมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ก็พอ  22

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


จะรู้ว่าในบรรดานักเผชิญโชคย่อมปะปนด้วยคนโง่เง่าจ�ำนวนไม่  น้อย  ทว่าบุรุษผู้นี้ท�ำให้เขาสนใจ หลังจากนั้น โกล๊ดเคยได้ยิน  เขาพูดถึงเมเรน่ากษัตริย์ชั่วคราวของชาวเผ่าเซด็อง ‘ข้าพเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนชอบ เล่น กับชีวประวัติของตัวเอง  เหมือนนักแสดงเล่นบทบาทของตน พวกท่านชาวฝรั่งเศส ท่าน  ชอบคนพวกนี้ พวกที่ให้ความส�ำคัญแก่...จะพูดอย่างไรดีนะ...  ใช่แล้ว...แก่การเล่นบทของตนให้ดี มากกว่าการได้รับชัยชนะ’ (โกล๊ดจ�ำได้ว่า สองสามชั่วโมงหลังจากที่พ่อของเขาได้  เขียนไว้ว่า ‘เพื่อนรัก ตอนนี้เขาเกณฑ์สิทธิ อารยธรรม และมือ  ของเด็กๆ ที่ถูกตัด  ในชีวิตของข้าพเจ้าเคยพบความโง่เง่าไร้  เหตุผลมาแล้วสองหรือสามครั้ง คดีเดรฟุสก็ทีหนึ่งละ แต่ครั้งนี ้ ยิ่งกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาทุกด้าน รวมทั้งในแง่คุณภาพ’ พ่อของเขา  ยอมตายอย่างกล้าหาญในฐานะทหารอาสาที่แคว้นมาร์น) ‘ความคิดเห็นเช่นนี้’ เพร์เค่นพูดต่อ ‘ย่อมยกย่องเชิดชู  ความกล้าหาญ ซึ่งเป็นบทบาทส่วนหนึ่ง...เมเรน่าเป็นคนกล้ายิ่ง  นัก...เขาน�ำศพเมียสาวชาวจามขึ้นหลังช้าง บุกป่าแดนเถื่อนเพื่อ  น�ำร่างนางกลับไปฝังเยี่ยงเจ้าหญิงในแดนมาตุภูมิ (พวกพระมิช-  ชันนารีไม่ยอมให้ฝังศพนางในสุสาน)...ท่านทราบมิใช่หรือว่าเขา  ได้เป็นกษัตริย์หลังจากต่อสู้ชนะหัวหน้าเผ่าเซด็องสองคนด้วย  ดาบ  เขาได้ปกครองดินแดนเผ่าจารายอยู่ระยะหนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่อง  ง่ายๆ เลย...’ ‘ท่านเคยรู้จักผู้คนที่ใช้ชีวิตในถิ่นพวกจารายไหม’ ‘เคย...แปดชั่วโมง’ ราชมรรคา

23


‘สั้นเหลือเกิน’ โกล๊ดตอบพลางยิ้ม เพร์เค่นดึงมือซ้ายออกจากกระเป๋า กางนิ้วออก แล้วยื่น  ไปตรงหน้าโกล๊ด นิ้วที่ยาวที่สุดสามนิ้วมีรอยลึกเป็นรูปเกลียว  เหมือนที่เปิดขวด ‘รอยเชือกมัด แล้วจุดไฟเผาเชือก ค่อนข้างจะนานอยู่นะ’  โกล๊ดอึกอักเพราะพลั้งไป แต่เพร์เค่นหวนพูดถึงเมเรน่าอีก  ‘สุดท้าย...เขาก็ตายในสภาพเลวร้ายเหมือนผู้คนส่วนมาก’  โกล๊ดเห็นภาพการนอนรอความตายนี้ในกระท่อมหลังหนึ่ง  ที่มลายู บุรุษผู้นี้สูญสิ้นความหวังดังหนึ่งถูกหลอกหลอนด้วยโรค  เนื้อร้าย หวาดผวาแม้เสียงตนเองซึ่งต้นไม้ยักษ์สะท้อนกลับ... ‘ก็ไม่เลวจนเกินไปนัก...’ ‘ข้าพเจ้าไม่สนใจเรื่องอัตวินิบาตกรรม’ ‘เพราะเหตุใดหรือ’ ‘คนที่ฆ่าตัวตายก็คือคนที่วิ่งตามภาพลวงตาซึ่งตนเองสร้าง  ขึน้ มา คนเราฆ่าตัวตายก็เพือ่ การด�ำรงอยู ่ เพือ่ ให้คนพูดถึง ข้าพเจ้า  ไม่ชอบที่คนเราจะถูกปวงเทพเจ้าหลอกลวง’ แต่ละวัน สิง่ เหมือนกันระหว่างคนทัง้ สองซึง่ โกล๊ดตระหนัก  ตัง้ แต่วนั แรกก็ยงิ่ แจ่มชัด โดยเฉพาะการเปลีย่ นน�ำ้ เสียงขณะพูดจา  วิธีที่เพร์เค่นเปล่งเสียงค�ำว่า พวกเขา เมื่อกล่าวถึงผู้โดยสารบน  เรือ (และบางทีอาจหมายถึงผู้คนทั่วไป) ราวกับว่าตัวเขามิได้เป็น  หนึ่งในกลุ่มผู้โดยสาร เขาไม่ใส่ใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม  โกล๊ดคาดเดาได้จากน�้ำเสียงของเขาว่าเพร์เค่นมีประสบการณ์เกีย่ ว  กับมนุษย์โชกโชนเพียงใด  แม้เขาอาจจะเพลี่ยงพล�้ำในบางเรื่อง  24

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


น�้ำเสียงนี้ช่างเข้ากันได้ดีกับแววตาแข็งกร้าวอันสะกดผู้ฟัง และ  หนักแน่นจริงจังเมื่อกล่าวยืนยันบางสิ่งบางอย่าง กล้ามเนื้อห่อ  เหี่ยวบนใบหน้าก็เขม็งตึงขึ้นชั่วขณะ ยามนี้ แทบจะเหลือเขาเพียงผู้เดียวบนสะพานเรือ เขายัง  ไม่รู้สึกง่วงเลย จะยืนฝันต่อหรือจะอ่านหนังสือดี ไปเปิดหนังสือ  สารบบเป็นครั้งที่ร้อยหรือไร แล้วก็คิดฟุ้งฝันเหมือนเอาศีรษะค�ำ้   ก�ำแพง ยันเมืองซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นธุลี เถาวัลย์ และยอดปรางค์  สลักภาพใบหน้า รางเลือนอยู่ใต้หมึกสีน�้ำเงินซึ่งระบุต�ำแหน่งที ่ ตั้งของเมืองร้างเหล่านั้น และแม้เขาจะเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจะค้นหา  พบ แต่ก็ยังเห็นอุปสรรคซึ่งอาจท�ำลายความฝันของเขา มันอยู่  ตรงนั้นแหละ เหมือนเคย และไม่ยอมถอยออกไป ช่องแคบบัล-เอล-มันเด็บ ‘ประตูแห่งความตาย’ เมื่อได้สนทนากัน คราใดก็ตามที่เพร์เค่นพูดถึงเรื่องใน  อดีตที่โกล๊ดไม่รู้จัก เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาครานั้น ความคุ้นเคยซึ่ง  ก่อตัวขึ้นที่ดจิบูติ–เหตุที่โกล๊ดเลือกเข้าไปในซ่องแห่งนั้น แทนที่  จะเป็นแห่งอื่น นั่นก็เป็นเพราะเขาได้มองเห็นร่างของเพร์เค่น ผ่าน  แขนเหยียดของหญิงนิโกรซึ่งพันร่างด้วยผ้าสีแดงและสีด�ำ  แม้  จะไม่ชัดนัก–ก็ยังมิท�ำให้เขาหลุดพ้นจากความอยากรู้อยากเห็น  ที่เกาะกุมจิตใจซึ่งท�ำให้เขาพยายามเข้าไปใกล้ ราวกับว่าได้เห็น  ชะตากรรมของตนอยู่ตรงหน้า  เขาจึงมุ่งคบหานักสู้ชีวิตผู้ไม่  ปรารถนาจะอยู่ร่วมชุมชนมนุษย์ทั่วไปเมื่อเขาอายุมากขึ้นและ  เป็นคนตัวคนเดียว  ชายชราชาวอาร์เมเนียที่โกล๊ดเคยเดินด้วย  ราชมรรคา

25


บางครั้ง รู้จักเพร์เค่นมานานแล้ว แต่ก็พูดถึงเขาน้อยมาก คงจะ  คิดตริตรองด้วยความกลัวมาก่อนหน้านี้ เพราะแม้เขาจะคุ้นเคย  กับเพร์เค่น แต่ก็ยังมิใช่เพื่อนสนิท ดุจเดียวกับเสียงสม�่ำเสมอของเครื่องยนต์เรือซึ่งในบาง  ครั้งอาจถูกกลบด้วยเสียงสนทนา ป่าทึบและปราสาทหินกลับมา  หลอกหลอนโกล๊ดอีก มากลบเสียงอื่น มาครอบครองควบคุม  กายและใจของเขา  ราวกับว่าเอเชียจะรู้เห็นเป็นใจกับบุรุษผู้น ี้ บูรพาทวีปจึงเล่าเรื่องจดหมายเหตุใส่ในความฝันของเขาขณะครึ่ง  หลับครึ่งตื่น ขบวนทัพเคลื่อนพลในกลิ่นอวลแห่งยามเย็น ท่าม  กลางเสียงกรีดปีกของจักจั่นเรไรอีกทั้งฝูงยุงบินหึ่งอยู่เหนือฝุ่น  ละอองจากฝีเท้าม้า...เสียงเรียกขานในกองเกวียนขณะเคลื่อน  ผ่านท้องน�้ำตื้นเขิน คณะทูตที่หยุดชมฝูงปลาสีน�้ำเงินด้วยต้อง แสงสะท้อนจากท้องฟ้า  ฝูงผีเสื้อบินว่อน...กษัตริย์ชราระโหยโรย  แรงเพราะการบ�ำเรอของเหล่าอิสตรี และ...อีกความฝันหนึ่งซึ่งมิ  เคยลบเลือนสูญหาย...ปราสาทขอม...เทพเจ้าศิลาปกคลุมด้วย  ตะไคร่ กบตัวหนึ่งเกาะนิ่งอยู่บนอังสา เศียรสึกกร่อนเอกเขนก  บนพื้นดิน ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบรรดาเทพเจ้าทั้งปวงนั้น... เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเพร์เค่นแพร่กระจายไปทั่วล�ำเรือ จาก  เก้าอีย้ าวตัวหนึง่ ไปยังอีกตัวหนึง่  แพร่สะพัดไป เหมือนความกังวล  ว่าเมื่อไหร่จะถึงหรือการรอคอยเพื่อจะให้ถึงเสียที เหมือนความ  เบื่อหน่ายน่าร�ำคาญขณะเดินทางโดยเรือ มันไม่เป็นรูปเป็นร่าง  มีแต่เรื่องลึกลับขาดเหตุผลมากกว่าข้อเท็จจริง มีแต่คนอยาก  จะซุ บ ซิ บ  อยากจะได้ ยิ น ได้ ฟ ั ง ค� ำ พู ด หลั ง มื อ ที่ ป ้ อ งปากไว้ ว ่ า  26

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


‘เขาเป็นคนน่าพิศวงเชียวละ น่าพิศวงจริงๆ!’ มากกว่าคนที่อยาก  รู้ความจริงว่าเขาเคยอยู่กับคนพื้นเมืองและปกครองคนเหล่านั้น  ในท้องถิ่นซึ่งนักผจญภัยเช่นเขาได้ถูกฆ่าตายไปมากก่อนหน้านี้  และนั่นคงเป็นเพราะท�ำผิดกฎหมาย  ทุกคนรู้เพียงเท่านี้ โกล๊ด  คิดว่าสมรรถภาพของเพร์เค่นมาจากพลังในตัวซึ่งดูไม่มีวันหมด  สิ้น ความทนทาน คุณสมบัติแบบทหารประกอบกับการมีความ  คิดกว้างไกลเพียงพอที่จะพยายามเข้าใจผู้คนซึ่งแตกต่างจากเขา  ความส�ำเร็จของเขามิใช่มาจากเรื่องผจญภัยเหล่านั้น โกล๊ดไม่  เคยเห็นมาก่อนเลยว่าพวกข้ารัฐการจ�ำเป็นต้องเชื่อในเรื่องแบบ  นวนิยายเพื่อเอาไว้หล่อเลี้ยงความฝันของตนขนาดนี้  ขณะเดียว  กันพวกเขาก็กลัวถูกหลอกและเกรงที่จะต้องยอมรับโลกซึ่งต่าง  ไปจากโลกของตน  พวกข้ารัฐการเหล่านี้เชื่อต�ำนานของเมเรน่า  (ซึ่งตายไปแล้ว) และคงเชื่อเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเพร์เค่น (เมื่อเขา  อยู่ห่างไกล) แต่บนเรือล�ำนี้พวกเขารักษาหน้าตนเองเนื่องจาก  เพร์เค่นวางเฉย พวกเขาระวังตัวแต่กระหายที่จะได้แก้แค้นด้วย  การท�ำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะเพร์เค่นแสดงออกชัดเจนว่าเขาอยาก  อยู่ตามล�ำพัง โกล๊ดเคยถามตัวเองว่าเหตุใดเพร์เค่นจึงยอมรับตน ค�ำตอบ  ก็คือ เขาเป็นคนเดียวที่ชื่นชมเพร์เค่นและอาจเป็นคนเดียวที่เข้าใจ  เพร์เค่นโดยไม่ตัดสินความถูกผิด  โกล๊ดพยายามรู้จักเพร์เค่น  ให้มากขึ้น  แต่ก็ท�ำได้แค่ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เล่าขานกันมา  (การส่งสารในปล้องไม้ไผ่ในช่วงจัดตั้งรัฐฉาน โดยผูกติดกับศพ  ซึ่ง ปล่ อ ยล่ อ งไปตามล�ำ น�้ำ ผ่ า นถิ่น เผ่ า อนารยะที่ไ ม่ ย อมขึ้น ต่ อ  ราชมรรคา

27


ทางการ ไปจนถึงเรื่องเสริมแต่งดังประหนึ่งมายากล) ประมวล  เข้ากับสิ่งซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นแก่นสารในตัวบุรุษผู้นี้ เพร์เค่นมิได้  สนุ ก ที่ จ ะ ‘เล่ น ’ กั บ ประวั ติ ชี วิ ต ตนเอง ไม่ ใ ส่ ใ จจะชื่ น ชมการ  กระท�ำของตน ตัวเขานั้นประจุพลานุภาพประการหนึ่งซึ่งโกล๊ด  สัมผัสได้บ่อยครั้ง  แต่มิอาจระบุได้ว่าคืออะไร กัปตันเรือก็รู้สึก  ถึงพลานุภาพนี้ เขากล่าวแก่โกล๊ด ว่า ‘นักเผชิญโชคทุกคนล้วนเป็นผู้คลั่งต�ำนาน’ แต่การกระท�ำอันชัดเจนของเพร์เค่น วิธีคิดอย่างเป็นระบบ  และการปฏิเสธทีจ่ ะพูดถึงชีวติ ตนเอง เหล่านีล้ ว้ นก่อความอัศจรรย์  ใจแก่โกล๊ด   ‘เขาท�ำให้ข้าพเจ้านึกถึงพวกเจ้าหน้าที่ชั้นหัวหน้าของหน่วย  สายลับอังกฤษ’ กัปตันกล่าวต่อ ‘ซึ่งทางการอังกฤษใช้ให้ปฏิบัติ  หน้าที่แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นคนของตน คนอย่างเขาคงจะไม่ไต่เต้า  ไปถึงต�ำแหน่งหัวหน้าหน่วยจารกรรมซ้อนที่ลอนดอนดอก  นอก  จากนี้เขายังมีอะไรพิเศษอีก เขาเป็นเยอรมัน...’ ‘เยอรมันหรือเดนมาร์กแน่’ ‘ถือว่าเป็นชาวเดนมาร์กก็ได้เพราะพวกปรัสเซียสูญเสีย  สิทธิครอบครองแคว้นชเลวิกตามสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ก็ยิ่งดี  ส�ำหรับเขา  พวกขุนนางในกองทัพและกรมเวียงสยามล้วนเป็น  ชาวเดนมาร์ก ก็พวกไม่มีบ้านเกิดเมืองนอนนั่นแหละ!  ข้าพเจ้า  ยังแน่ใจว่าชีวิตการท�ำงานของเขาไม่จบลงด้วยการนั่งโต๊ะแน่ ก็  ที่เขากลับมาเอเชีย...’ ‘เขาท�ำงานให้รัฐบาลสยามใช่ไหม’ โกล๊ดถามแทรก 28

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


‘ทั้งใช่และไม่ใช่ เหมือนเคยนั่นแหละ...เขาจะไปตามหาคน  คนหนึ่งในดินแดนเอกเทศ คนคนนั้นอาจจะยังมีชีวิตอยู่หรือตาย  ไปแล้ว อะไรท�ำนองนั้น...การกลับมาของเขาคราวนี้มีเรื่องที่น่า  แปลกใจด้วย คือตอนนี้เขาสนใจเรื่องเงิน...นี่เป็นเรื่องใหม่สำ� หรับ  เขา...’  ความผู ก พั น พิ เ ศษอี ก ประการหนึ่ ง ได้ ก ่ อ ตั ว ขึ้ น   โกล๊ ด  คิ ด ถึ ง เรื่ อ งนี้ ทั น ที ที่ สิ่ ง ซึ่ ง คอยตามหลอนความรู ้ สึ ก นึ ก คิ ด ของ  เขาเลือนไปชั่วคราว และเขารู้สึกสมองโล่งขึ้น เพร์เค่นนั้นเป็น  ประเภทเดียวกับกลุ่มคนจ�ำนวนน้อยซึ่งปู่ผู้เลี้ยงดูเขารู้สึกผูกพัน  ด้วย กล่าวคือ ชิงชังคุณค่าตามแบบแผน ชมชอบการต่อสู้ผจญ  ภัย เช่ น เดีย วกับ บุ รุ ษ ทั้ง หลายที่ห ยิ่ง ผยองในตนเอง  และโดย  เฉพาะอย่างยิ่งปฏิเสธในสิ่งเดียวกัน โกล๊ดมองเห็นภาพอนาคต  ของตนเอง ค�ำท�ำนายชะตาชีวิตของเขาเป็นภาพคู่ขนานอยู่กึ่งกลาง  ระหว่างความทรงจ�ำของเขากับตัวตนของเพร์เค่น คอยขู่เข็ญเขา  ซ�้ำซ้อน  ในการพูดคุยโต้ตอบกับเพร์เค่น โกล๊ดได้แต่อาศัยความ  รู้จากการอ่านอย่างกว้างขวางมาโต้แย้งประสบการณ์และความ  ทรงจ�ำของคูส่ นทนา ในทีส่ ดุ เพือ่ เลีย่ งการพูดถึงแต่เรือ่ งจากหนังสือ  โกล๊ดก็เล่าเรื่องปู่ขณะที่เพร์เค่นพูดถึงชีวิตของตน เขาอาจได้  ประโยชน์ถ้าเพร์เค่นสนใจเรือ่ งปู่ของเขา  นอกจากนี ้ ขณะเพร์เค่น  พูดถึงตัวเองนั้น โกล๊ดก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดไปถึงเคราขาวของ  ปู่ นึกถึงการไม่ชอบคบหาสมาคมกับผู้คน ถึงเรื่องอันขมขื่นในวัย  หนุ่มของปู่ เมือ่ ครัง้ กระโน้น ปูภ่ มู ใิ จในตระกูลนักเดินเรือของบรรพบุรษุ   ราชมรรคา

29


ซึ่งมีต�ำนานเล่าขานไม่รู้จบ ภูมิใจในตัวปู่ของปู่ผู้เป็นจุ้นจู๊เรือเดิน  สมุทร  ปูก่ ระทืบเท้าบนสะพานเรือของตนอย่างทระนง  มิตา่ งจาก  ชาวไร่ที่คุยโอ้อวดเรื่องสัตว์เลี้ยง ปู่มุ่งมั่นอุทิศตนสร้างบริษัทวาน  เนคตัง้ แต่ครัง้ ยังเป็นหนุม่  หวังจะให้คงอยูต่ ราบกาลนาน ปูแ่ ต่งงาน  เมื่ออายุสามสิบห้า หลังแต่งงานสิบสองวัน ย่าก็กลับไปบ้านพ่อ  แม่ของย่า แต่พ่อไม่ต้อนรับ แม่บอกด้วยความหมดหวังซึ่งตนเอง  เคยชินว่า ‘กลับไปเถอะ...ลูกแม่ เรื่องแบบนี้ พอมีลูกแล้ว...’ ย่า  จึงกลับมายังตึกโบราณที่ปู่ซื้อให้ ตึกซึ่งประตูกว้างขนาดรถม้าผ่าน  ได้ ประดับด้วยเครื่องหมายเดินทะเล ลานกว้างด้านหน้ามีผ้าใบ  เรือตากอยู่ ย่าปลดรูปวาดพ่อแม่ของย่าลงจากฝาผนัง โยนไว้  ใต้ เ ตี ย ง ติ ด ไม้ ก างเขนเล็ ก ๆ แทน สามี ข องย่ า มิ ไ ด้ พู ด อะไร  ทั้งสองไม่พูดไม่จากันหลายวัน แล้วชีวิตคู่ก็เริ่มต้นใหม่ ต่างเคย  ชินกับการมุ่งมั่นท�ำงาน ชิงชังความคิดเพ้อฝัน ความขุ่นเคืองอัน  เกิ ด จากการไม่ ล งรอยในครั้ ง แรกนี้ ไ ม่ ล งเอยด้ ว ยการขั ด แย้ ง  ทะเลาะวิวาท แต่ทั้งสองกลับตั้งตนเป็นศัตรูกันเงียบๆ เหมือน  คนพิการที่ยอมรับความพิการนั้น ต่างไม่ถนัดในการอธิบายความ  รู้สึก ดังนั้น เพื่อแสดงว่าตนเหนือกว่าอีกฝ่ายจึงมานะแข่งกัน  ท� ำ งาน ต่ า งเห็ น ว่ า งานคื อ เกราะก� ำ บั ง และแรงขั บ เคลื่ อ นแฝง  หลานๆ ที่เกิดมาก็ยิ่งท�ำให้ความแค้นเก่าแก่กลายเป็นความทุกข์  ระทมใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งอัดความแค้นทวีไว้ในอก ยามกะลาสี ลูกเรือ  และคนงานพากันเข้านอนหรือกลับบ้านไป ราตรีเข้ามาเยือนตึก  และครอบคลุมผ้าใบเรือสีน�้ำตาลในลานกว้าง เสียงนาฬิกายามดึก  แว่วมา  บ่อยครั้งจะมีคนหนึ่งชะโงกจากหน้าต่างของตนเพื่อดู  30

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


แสงสว่างที่หน้าต่างห้องของอีกฝ่าย  แม้จะสิ้นแรงแล้วก็ยังฝืน  ท�ำงานชิน้ ใหม่ตอ่ ไป ย่าป่วยเป็นวัณโรคแต่ไม่ใส่ใจรักษา  ปูท่ ำ� งาน  หนัก ขึ้น ทุ ก ปี  เพื่อ ที่ต ะเกีย งของตนจะไม่ ดับ ก่ อ นตะเกีย งของ  ภรรยาซึ่งเปิดสว่างจนดึกจนดื่นเสมอ วันหนึ่ง เขาก็สังเกตเห็นว่าไม้กางเขนได้ไปรวมอยู่กับภาพ  วาดของพ่อตาและแม่ยายที่ใต้เตียง แม้ยามที่ผู้คนซึ่งเขารักตายไป เขาก็ยังรู้สึกเสียหน้าหาก  จะมีทุกข์  แต่หญิงนางนี้เขามิได้รักด้วยซ�้ำ เขาจึงยินยอมเฝ้าดู  ความตายมาสู่นางแม้จะรู้สึกคลื่นเหียนก็ตาม  เขานับถือภรรยา  ตระหนักดีว่านางมีแต่ความทุกข์ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เรื่องที่ท�ำให้  เขารู้สึกสะอิดสะเอียนมากกว่าความตายของภรรยาและเป็นเหตุ  ให้บริษัทถึงจุดเสื่อม คือเมื่อบรรดาบริษัทประกันภัยปฏิเสธที่จะ  จ่ายค่าประกัน  ทั้งๆ ที่ขบวนเรือเกือบทั้งหมดของเขาอับปางลง  ในแถบนิวฟาวน์แลนด์ เขาใช้เวลาหนึ่งวันเต็มจ่ายธนบัตรเป็น  ตั้งๆ เท่าจ�ำนวนกะลาสีและลูกเรือที่ตายไปให้แก่บรรดาหญิงม่าย  เขาจ่ายด้วยความรู้สึกรังเกียจเงินตราเป็นที่สุดและจ� ำต้องเลิก  บริษัททั้งหลายของตน คดีศาลก็เริ่มขึ้น คดีความมากมายซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ด้วยเหตุที่เขาเป็นปฏิปักษ์ต่อคุณค่าตามแบบแผนอยู่แล้ว  เมื่อเทศบาลเมืองไม่ให้ที่พักแรมแก่คณะละครสัตว์ เขาก็อนุญาต  ให้ผคู้ นเหล่านัน้ มาพ�ำนักอยูใ่ นลานตากใบเรือ สาวใช้ชราเปิดประตู  ทั้งสองบาน รับช้างเข้ามา ประตูซึ่งไม่เคยเปิดออกรับยวดยาน  คันใดให้ผา่ นธรณีเป็นเวลาหลายปีแล้ว ในห้องอาหารอันกว้างใหญ่  ราชมรรคา

31


เขานั่งอยู่คนเดียวในเก้าอี้เท้าแขนไม้เกลียว จิบเหล้าองุ่นอย่างดี  ที่ สุ ด  คะนึ ง ถึ ง ความหลั ง ที ล ะเรื่ อ ง ที ล ะเรื่ อ ง พลางพลิ ก สมุ ด  บัญชี... เมื่อพวกลูกๆ อายุได้ยี่สิบปี ต่างก็ทยอยจากบ้านซึ่งเงียบ  ลงไปทุกที เงียบจนถึงวันที่สงครามพาโกล๊ดกลับมา พ่อของเขา  ถูกฆ่าระหว่างสงคราม แม่ซึ่งแยกทางจากสามีไปนานแล้วจึงมา  เยี่ยมลูก นางตัวคนเดียว วานเนคผู้เฒ่าต้อนรับนาง เขาดูถูกการ  กระท�ำต่างๆ ของผู้คนจนเคยชิน จึงรู้สึกเกลียดชังผู้คนแม้จะมี  ใจเมตตา ตกค�่ำ ผู้เฒ่ารั้งนางไว้ เพราะไม่อาจยอมให้ลูกสะใภ้  ไปค้างคืนที่โรงแรมในเมืองของตนในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่  แม้จะ  รู้ล่วงหน้าด้วยประสบการณ์ว่าการให้ที่พักพิงอาจก่อให้เกิดความ  อาฆาตแค้นได้ ทั้งสองพูดจากัน  หรือกล่าวอีกอย่างก็คือนางเป็น  ฝ่ายพูด นางเป็นเพียงหญิงถูกทอดทิ้ง กังวลอยู่กับวัยที่ล่วงเลย  จนแทบเป็นความทรมาน ชีวิตมีแต่ตกต�ำ่ จนเลิกใส่ใจด้วยสิ้นหวัง  นี่คือคนซึ่งเขาจะอยู่ด้วยได้...นางสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว หรือก็คือ  ยากจน ผู้เฒ่ามิได้ชอบสะใภ้คนนี้ แต่เขาตกอยู่ใต้อิทธิพลของ  ความรู้สึกประหลาดว่า นางเป็นพวกเดียวกับเขา นางเหมือนเขา  ที่แยกตัวจากสังคมมนุษย์ซึ่งเรียกร้องให้ยอมรับเรื่องโง่ๆ หรือ  เรื่องต�่ำช้า  นอกจากนั้นหญิงญาติผู้พี่ของผู้เฒ่าก็แก่เกินกว่าจะ  ดูแลบ้าน เขาจึงแนะให้นางอยู่ด้วย นางตอบตกลง ชีวิตของนางอยู่เพื่อความเปล่าเปลี่ยว เพื่อภาพวาดเจ้าของ  ตึกรุ่นเก่าและเครื่องหมายเดินทะเล โดยเฉพาะเพื่อกระจกบาน  ใหญ่ๆ  ซึ่งนางจะหลีกพ้นได้ก็ด้วยการดึงม่านเข้าชิดกันและใช้  32

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เครือ่ งบังแสงอืน่ ๆ นางจึงตายก่อนวัยอันควร ราวกับว่าความกังวล  ใจของนางเป็นลางบอกเหตุ ผู้เฒ่ายินยอมพร้อมใจรับความตาย  นี้ ‘คนอายุเท่าข้า ย่อมไม่เปลี่ยนศาสนา...’  หากชะตากรรมได้ท�ำ  ให้ชีวิตซึ่งมีแต่ความโง่เง่าของนางนั้นสิ้นสุดเช่นนี้ก็เป็นการดีแล้ว  นับจากนั้น เขาก็ไม่เคยออกจากห้วงแห่งความเงียบที่กัก  ขังตนเอง  นอกจากเพื่อจะพูดกับโกล๊ดเท่านั้น เขายังถูกกระตุ้น  ด้วยความเห็นแก่ตัวอันแสนละเอียดอ่อนของคนชรา  นั่นคือเขา  ปล่อยให้การลงโทษเด็กเป็นหน้าที่ของหญิงญาติผู้พี่ของเขา ของ  หญิงผู้เป็นแม่ และครู  ดังนั้น เมื่อโกล๊ดมาอยู่ที่เมืองดังเกิร์ก  (และแม้แต่ในเวลาต่อมา ขณะเป็นวัยรุ่นและศึกษาอยู่ที่ปารีส  เมื่อเขาได้รู้จักบรรดาลุงของเขา) เขาจึงรู้สึกเสมอว่าปู่เป็นคนที่ม ี ความคิดเอกเทศแปลกไปจากผู้อื่น ปู่เติบโตขึ้นมาในแวดล้อม  ของคนตาย อาบด้วยสีแห่งโศกนาฏกรรมซึ่งทะเลระบายลงบน  ชีวิตมากหลายที่อุทิศเพื่อเขา ในตัวชายชราผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายคนนี้  มีความเป็นพระ แต่ไร้การศึกษาและไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า  ค�ำพูดบางประโยคที่ปู่เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตอันหนักหนาสาหัส  สะท้อนก้องในตัวโกล๊ด เหมือนเสียงค�ำรามรกหูของประตูตึกซึ่ง  ขณะนี้ตั้งโดดเดี่ยวบนถนนร้างและกักขังตัวปู่จากโลกภายนอก  ในยามค�่ำ  หลังอาหารเย็นเมื่อปู่ผู้ไว้เครายาวจรดอกพูดกับเขา  ค�ำพูดที่ผ่านการกลั่นกรองของปู่ท�ำให้โกล๊ดระทึกใจจนต้องปลุก  ปลอบตนเอง  ถ้อยค�ำเหล่านั้นเหมือนเดินทางผ่านช่วงเวลาหรือ  ห้วงมหรรณพ จากแดนไกลอันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนซึ่งรู้จัก  ความกดดัน ความขมขื่น และพลังลับแห่งชีวิตดีกว่าผู้อื่นใด ราชมรรคา

33


‘หลานเอ๋ย ความทรงจ�ำก็คือหลุมฝังศพอันศักดิ์สิทธิ์ของ  ตระกูล!  จงมีชวี ติ อยูร่ ว่ มกับคนตายมากกว่าคนเป็น...ปูร่ จู้ กั คนใน  ตระกูลเราดี  พวกเขาทุกคน รวมทั้งเจ้าด้วย มีธรรมชาติเดียวกัน  และเมื่อพวกเขาไม่ต้องการอะไรสักอย่างละก็...เจ้ารู้ไหมว่า ปูนั้น  มีธรรมชาติของความเป็นแม่ ปล่อยให้พวกปรสิตหาอาหารจาก  ตัวของมันโดยมิรู้เลยว่ามันก�ำลังถูกกัดกิน...เกิดมาเป็นวานเนค  ย่อมมีความหมายบางประการ ทั้งในแง่ดีและเลว...’ เมื่อโกล๊ดจากบ้านมาเรียนหนังสือต่อที่ปารีส ทุกๆ วันผู ้ ชราก็ไปเยือนก�ำแพงอนุสรณ์กะลาสีซึ่งสาบสูญไปในทะเล  เขา  อิจฉาความตายของคนเหล่านั้น ยินดีละความชราและความว่าง  เปล่าของตน วันหนึ่งเขาอยากแสดงให้คนงานวัยหนุ่มซึ่งท�ำงาน  เฉื่อยช้าดูว่า ในสมัยของเขานั้นชายฉกรรจ์ผ่าไม้ทำ� โขนเรืออย่างไร  ขณะเหวี่ยงขวานสองคมขึ้น  เขาเกิดหน้ามืดฉับพลัน ขวานนั้น  จามกะโหลกศีรษะตนเอง ยามอยู่ต่อหน้าเพร์เค่น โกล๊ดตระหนักถึงรสนิยม ความ  รู้สึกเป็นศัตรูต่อบางสิ่งบางอย่าง และความผูกพันอย่างหลงใหล  ทีเ่ ขามีตอ่ ผูเ้ ฒ่าวัยเจ็ดสิบหกปีซงึ่ ไม่ยอมลืมเลือนความคล่องแคล่ว  ในอดีต และถึงแก่ความตายเช่นนี้ในบ้านร้างของตนเอง เป็น  ความตายของไวกิง้ ชรา!  แล้วเพร์เค่นเล่า จะจบชีวติ อย่างไร เพร์-  เค่นตอบเขาต่อหน้ามหาสมุทรในวันหนึ่งว่า ‘ข้าพเจ้าคิดว่าปู่ของท่านมีความส�ำคัญน้อยกว่าที่ท่านคิด  ท่านต่างหากที่มีความส�ำคัญ...ท่านนั่นแหละส�ำคัญกว่าปู่ของท่าน  มาก...’ 34

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


ราวกับว่าคนทั้งสองได้ใช้นิทานเปรียบเทียบระบายความ  ในใจ ต่างรู้สึกสนิทชิดใกล้กันยิ่งขึ้นโดยอาศัยความทรงจ�ำมาก  หลาย

* ม่านฝนปกคลุมล�ำเรือดูประหนึ่งสายหมอกพลิ้วพราย ประภาคาร  สูงทรงสามเหลี่ยมของเมืองโคลัมโบเหมือนเคลื่อนตัวอยู่ในรัตติ-  กาลเหนือเงาตะคุ่มเป็นเส้นตรง นั่นคือท่าเรือและคลังสินค้า ผู้  โดยสารรวมตัว อยู ่ บ นสะพานเรือ  มองเลยผืน ผ้ า ใบเปี ย กน�้ ำ ที่  แขวนรอบกราบเรือ ดูแสงสว่างซึ่งสั่นไหวเป็นระลอกจากฝั่งเมือง  ใกล้ๆ กับโกล๊ด ชายอ้วนคนหนึง่ ช่วยคนอาร์เมเนียจัดแจงสัมภาระ  คนอาร์เมเนียผู้นี้เป็นพ่อค้าหินมีค่า เขามาศรีลังกาเพื่อซื้อซัฟไฟร์  ไปขายต่อที่เซี่ยงไฮ้ ห่างออกไปอีกเล็กน้อย เพร์เค่นสนทนาอยู่  กับกัปตันเรือ ใบหน้าของเขาเห็นเพียงเสี้ยว ท�ำให้ดูแกร่งน้อยลง  โดยเฉพาะเมื่อเขายิ้ม “ท่านมองดูจังไรอยู่หรือ” ชายอ้วนถามโกล๊ด “ท่าทางเขา  เป็นคนกล้านะ...” “ท่านเรียกเขาว่าอะไรนะ” “ชาวสยามเรียกเขาเช่นนั้น แปลว่าช้างอย่างไรเล่า...ไม่ใช่  ช้างบ้านนะ ช้างอีกประเภทหนึ่ง ในแง่รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยเหมาะ  สมนักดอก  แต่ในแง่จิตใจ สมญานี้เหมาะแก่เขาทีเดียว...” ไฟประภาคารสาดมารวดเร็ว จับต้องทุกคน เห็นสว่างชัด  แสงจากดวงไฟที่หมุนส่องมาท�ำให้ตาพร่าไปชั่วอึดใจ  จากนั้นก็  ราชมรรคา

35


มืดดังเดิม ล�ำแสงของไฟเรือโดยสารส่องผ่านสายฝนพลิว้ ไหววิบวับ  ฉายให้เห็นเพียงเรือใบอาหรับกราบสูง สลักลายจากโขนเรือจน  ถึงท้ายล�ำ ลอยนิ่งปราศจากผู้โดยสาร โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางเงา  ตะคุ่มยาวไกล เพร์เค่นเพิ่งก้าวมาข้างหน้าได้สองก้าว  ด้วยสัญ-  ชาตญาณชายอ้วนลดเสียงลงทันที โกล๊ดยิ้ม “โอ๊ย! ข้าพเจ้าไม่กลัวเขาดอก!  ข้าพเจ้าน่ะอยู่อาณานิคม  มาตั้งยี่สิบเจ็ดปีเชียวนะ คิดดูสิ!  แต่เขา...เขาท�ำให้ข้าพเจ้าไม่  กล้าท�ำนองนั้นแหละ ท่านไม่รู้สึกเหมือนข้าพเจ้าหรือ” “ดีแล้ว ที่แกล้งท�ำเป็นไม่กลัว” คนอาร์เมเนียพูด เสียงไม่  ดังนัก “แต่คนเราก็ไม่ประสบความส�ำเร็จเสมอไปดอก” “ท่านรู้ภาษาฝรั่งเศสนี่...” เขาคงแค้นเพราะเคยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม เขาคงคอย  เวลาที่จะแสดงตนเมื่อใกล้จะลงจากเรือ น�้ำเสียงของเขามิได้เยาะ  หยันแต่เต็มไปด้วยความอาฆาต เพร์เค่นถอยห่างออกไป “ข้าพเจ้าเป็นคนคอนสแตนติโนเปิ้ล...และชาวมงต์มาร์ต  ในช่วงพักผ่อน ข้าพเจ้าขอยืนยันนะว่า คนเราไม่ประสบความ  ส�ำเร็จตลอดไปดอก...” เขาหันมาหาโกล๊ด “ท่านเองก็เหมือนกัน ไม่ช้าท่านก็จะเบื่อเรื่องเหล่านี้เหมือน  คนทั้งหลาย...ส�ำหรับสิ่งที่เขาได้ท�ำไปแล้ว  เขาน่ะ!...แต่ถ้าเขามี  ความรู้ทางเทคนิค  ข้าพเจ้าพูดว่า ‘เทคนิค’ นะ ด้วยต�ำแหน่ง  ฐานะของเขา  ในเมื่อเขาได้ท้องถิ่นนั้นไว้ในก�ำมือเพื่อรัฐบาลสยาม  36

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เขาก็น่าจะรวยมหาศาลไปแล้ว...จะให้พูดอย่างไรดี...รวยชนิดที่...” เขาประสานมือยกแขนเป็นวงโค้ง จึงบังแสงสว่างจากแผ่น  ดินชั่วขณะ แสงเหล่านั้นทวีขึ้นและใกล้มากขึ้น แต่กลับดูชัดน้อย  ลงราวกับว่ากลายเป็นความชื้นที่อุ้มหยดน�ำ้ ไว้ “คิดดูสิ ตลาดสยามนั้นเป็นอย่างไร ก็ในเมื่อท่านได้ไปอยู ่ ในหมู่บ้านเอกเทศตั้งสิบสองวัน สิบห้าวันด้วยซ�้ำ ท่านต้องหาพบ  แน่ถ้าท่านมีเล่ห์เหลี่ยมเพียงพอ ถ้าท่านรู้จักวิธีต่อรองค้าขายกับ  พวกชาวบ้านถิ่นนั้น ท่านต้องได้ทับทิมราคาถูกอย่างคาดไม่ถึง!...  ท่านคงนึกภาพไม่ออกดอก เพราะท่านไม่เคยข้องเกี่ยวกับเรื่อง  แบบนี้...มันคุ้มค่าเสียยิ่งกว่าการแลกเปลี่ยนเครื่องประดับกะไหล่  ทองฝีมือประณีตกับเครื่องประดับทองแท้ฝีมือหยาบ...แม้ขณะ  อายุเพียงยี่สิบสามปี (การค้านี้ไม่ใช่ของเขาด้วยซ�้ำ คนผิวขาวคน  หนึง่ เคยท�ำกับกษัตริยแ์ ห่งสยามได้ส�ำเร็จ ประมาณห้าสิบปีมาแล้ว)  เขาก็ยังบุกบั่นไปถึงถิ่นไกลโพ้น ก็น่าประหลาดใจที่พวกคนท้อง-  ถิ่นไม่ฆ่าเขาทิ้งตั้งแต่ครั้งนั้น  เขาหมายมั่นอยู่เสมอจะเป็นหัวหน้า  คนท้องถิ่น ข้าพเจ้าบอกท่านแล้ว มันต้องมีช่วงเวลาที่ไม่ประสบ  ผลส�ำเร็จบ้าง ที่ยุโรปน่ะ เขาโดนมาแล้ว สองแสนฟรังก์! หาเงิน  ตั้งสองแสนฟรังก์! มันไม่ง่ายเหมือนเป็นขุนนางปกครองคนท้อง-  ถิ่นดอก! (เรื่องนี้พูดไปก็เท่านั้น เขาบังคับคนท้องถิ่นให้ยอมรับ  ต่างหาก)” “เขาจ�ำเป็นต้องใช้เงินด้วยหรือ” “ไม่ใช่เพื่อเอามาใช้กินใช้อยู่ดอก โดยเฉพาะบนโน้นน่ะ...”  เรือขนคนโดยสารบรรทุกผลไม้มาด้วยเข้าเทียบ ชาวอินเดีย  ราชมรรคา

37


ที่มากับเรือยงโย่โผล่ศีรษะโพกผ้าเปียกน�้ำขึ้นมา คนอาร์เมเนีย  ตามพนักงานของโรงแรมไป “เขาจ�ำเป็นต้องใช้เงิน...” โกล๊ดพึมพ�ำกับตัวเอง “เรื่องนี้ ไอ้ลิงตัวนั้นพูดถูก” ชายอ้วนต่อความ “บนโน้นน่ะ  ค่าครองชีพไม่แพงเลย!...” “ท่านเป็นพนักงานรักษาป่าหรือ” “หัวหน้าหน่วย...” สิ่งที่ครอบง�ำจิตใจโกล๊ดมาเยือนอีกครั้งเหมือนอาการไข้  กลับ เขาถามชายผู้นี้เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยซึ่งเขาก� ำลังเอาชีวิตไป  เดิมพัน “ท่านเคยเดินทางด้วยเกวียนหรือเปล่า” “เคยสิ งานของข้าพเจ้านั้นไปด้วยเกวียนตลอดเชียวละ  ไม่น่าถามเลย!” “เกวียนเล่มหนึ่งบรรทุกได้หนักแค่ไหน” “เกวียนมันเล็กนะท่าน! ถ้าของหนัก...” “สมมุติว่าบรรทุกก้อนหินล่ะ...” “น�้ำหนักบรรทุกตามกฎ ก็หกสิบกิโลกรัม” แม้กฎหมายอาณานิคมจะมีอยู่เฉพาะในสายตาของเจ้า  หน้าที่ฝ่ายปกครองก็ตาม  แต่ถ้าไม่ได้มีการก�ำหนดน�้ำหนักนี้ไว้  ละก็ คงจะใช้เกวียนไม่ได้เลย ความกลัวว่าจะถูกปล่อยทิ้งในป่า  ทึบที่เขาไม่รู้จักตามมาหลอนเขาถึงที่นี่ จะให้ลูกหาบแบกก้อน  หินหนักสองร้อยกิโลกรัมรอนแรมนานนับเดือน ก็เป็นไปไม่ได้...  ช้างล่ะ 38

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


“ช้างน่ะหรือ หนุ่มน้อย ข้าพเจ้าจะบอกให้ มันต้องรู้วิธี...  ผู้คนมักจะเชื่อกันว่า ช้างเป็นสัตว์ที่ทนอะไรไม่ค่อยได้  ไม่จริง  ดอก ช้างน่ะทรหดทีเดียว ความยุ่งยากอยู่ตรงที่มันไม่ชอบกูบ  ไม่ชอบสายหนัง มันรู้สึกจั๊กจี้ ถ้าเป็นท่านท่านจะท�ำอย่างไร ฮึ!”  “ข้าพเจ้าหรือ ข้าพเจ้าขอฟังค�ำแนะน�ำของท่าน” ชายอ้วนแตะแขนโกล๊ดอย่างอารมณ์ดี “ท่านก็ใช้ยางรถยนต์สิ ยี่ห้อมิเชอแล็งหรือยี่ห้อใดก็ได้  สวมยางล้ อ รถไว้ ที่ ค อช้ า งเหมื อ นผู ก ผ้ า พั น คอให้ มั น  จากนั้ น  ท่านก็มัดสัมภาระทั้งหลายไว้กับยาง ง่ายๆ แค่นี้เอง  ยางน่ะมัน  อ่อนนุ่ม ท่านเข้าใจไหม...” “เราจะหาเช่าช้างไปทางเหนือสุดของนครวัดได้ไหม” “เหนือสุดหรือ” “ใช่” ความเงียบเข้าปกคลุมครู่หนึ่ง “จนเลยพนมดงรักไปหรือ” “จนถึงแม่น�้ำเซมูน...” “คนขาวที่คิดจะไปถึงที่นั่นโดยไม่มีเพื่อน ไปไม่รอดดอก” “เราจะหาเช่าช้างได้ไหม” “มันก็เรื่องของท่าน ใช่สิ...ช้างหรือ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก  ประการแรกพวกคนท้องถิ่นไม่สนใจจะไปยังแถบนั้น เป็นไปได้  ว่าจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกม้อยอิสระ ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลย  แล้วพวกคนท้องถิ่นทุกหมู่บ้านแถบนั้นเป็นไข้จับสั่นจนเสียสติ  กันหมด เปลือกตาสีน�้ำเงินเข้มยังกับถูกต่อยมาสักแปดวัน ท�ำ  ราชมรรคา

39


อะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น  นอกจากนี้ ถ้าท่านถูกยุงกัด ซึ่งจะต้องโดน  เป็นแน่ บอกได้เลยว่าไม่ใช่ยุงธรรมดาที่กัดท่าน  โฮ้ย! เรื่องบ้าๆ  ทั้งนั้น...แล้วก็...วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน เข้าเมืองไปเที่ยวกัน  ไหม เรือรับส่งผู้โดยสารอยู่นั่นไง...” “ไม่ละ ท่าน” โกล๊ดครุ่นคิดต่อ ‘ถ้าเขาจ�ำเป็นต้องหาเงิน ก็ย่อมไม่ใช่เพื่อเลี้ยงชีพ  โดย  เฉพาะอย่างยิ่งบนโน้น...’ เรื่องนี้เป็นของแน่ แต่จะเอาเงินไปท�ำอะไรเล่า เรื่องเล่าขาน  ประสงค์ร้ายเรื่องนี้ใหญ่หลวงไม่น้อย มันร้ายยิ่งกว่าภัยคุกคาม  จากป่าทึบ ท�ำลายความเป็นจริงรอบตัวโกล๊ดให้บดู เบีย้ วเหมือนการ  หมักเชื้อดังเช่นราตรีนี้  แต่ละครั้งที่เสียงหวูดเรียกเรือเล็กของ  เรือเดินสมุทรล�ำใดล�ำหนึ่งซึ่งเปิดไฟสว่างดังขึ้นยาวนาน แหวก  อากาศชื้นของท้องน�้ำใกล้ฝั่ง เมืองก็ดูกลืนหายไปมากขึ้น คล้าย  ละลายไปในรัตติกาลของอินเดีย ความคิดสุดท้ายของเขาเกี่ยว  กับตะวันตกจมหายไปในบรรยากาศแปลกประหลาดอันไม่ยงั่ ยืนนี้  สายลมที่ค่อยๆ ม้วนตัวมาน�ำความเย็นต้องเปลือกตา ภาพเพร์-  เค่นที่เขาเห็นมิใช่ภาพความพิกลผิดผู้อื่น แต่เป็นภาพของการ  รู้จักปรับตัว โกล๊ดก็เช่นเดียวกับทุกคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโลก เขา  แสวงหาคนซึ่งคิดเหมือนตน อยากเห็นคนเหล่านั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่  ในกรณีของเพร์เค่น โกล๊ดไม่กลัวว่าจะสร้างภาพหลอกตัวเอง ถ้า  บุรุษผู้นี้จ�ำต้องใช้เงิน ก็มิใช่เพื่อสะสมดอกทิวลิป  อย่างไรก็ตาม  ในเรื่องต่างๆ ที่เพร์เค่นเคยเล่าให้ฟัง เงินไหลลอดจากมือเหมือน  40

วัลยา วิวัฒน์ศร แปล


เสียงกรีดระงมของจักจั่นแหวกความเงียบอยู่ขณะนี้...กัปตันเอง  ก็กล่าวว่า ‘ตอนนี้ เขาสนใจเรื่องเงิน’ หัวหน้าหน่วยรักษาป่าพูดว่า ‘คนขาวที่พยายามจะไปถึงที่นั่นคนเดียว ไม่รอดดอก...’ คนขาวที่พยายามจะไปถึงที่นั่นคนเดียว ไม่รอดดอก... เวลานี้เพร์เค่นคงอยู่ที่บาร์เป็นแน่

ราชมรรคา

41


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.