ลิงหลอกไพร่ นิธิ เอียวศรีวงศ์
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน ๒๕๕๖
สารบัญ ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้เขียน
๗ ๙
ไทยสปริงและหน้ากาก ๑๓ ก้าวพลาดทางการเมือง ๑๙ ปฏิรูปต้องการมากกว่าสองล้านล้านบาท ๒๔ เปลี่ยนประเทศไทยด้วยการรับจ�ำน�ำข้าว ๓๐ เปลี่ยนประเทศไทยด้วยการรับจ�ำน�ำข้าว (อีกที) ๕๕ รถคันแรก ๖๓ โพลและการเลือกตั้ง ๗๑ ลิงหลอกไพร่ ๗๖ เจ๊มาแล้ว ชัดเจนแจ่มแจ๋วว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสมบัติของใครกันแน่ ๘๒ นักการเมืองในเฟซบุ๊ก ๘๗ จงรักภักดี ๙๔ เผด็จการเบ็ดเสร็จ ๑๐๐ ออกจากหมู่บ้านเสียที ๑๐๗ เลิกก�ำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเหอะ ๑๑๓ ชะตากรรมของคู่แฝด ๑๑๙ หัวเราะสู่ความปรองดอง ๑๒๖ การเมืองมวลชนกับการปรองดอง ๑๓๐
การเมืองมวลชน (๑) การเมืองมวลชน (๒) กฎหมายปรองดอง อีกมุมหนึ่งของแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ รัฐไทยกับความรุนแรง (๑) รัฐไทยกับความรุนแรง (๒) พลวัตของชนชั้นน�ำไทย (๑) พลวัตของชนชั้นน�ำไทย (๒) พลวัตของชนชั้นน�ำไทย (๓) ประชาพิจารณ์ อนาคตของ “ม็อบ” และของ “ชาติ” ของขวัญปีใหม่ วัฒนธรรมการเมืองของคนต่างภาค สภาอุตสาหกรรมกับประชาธิปไตย นักธุรกิจหัวเมืองกับวัฒนธรรมไทย อ�ำนาจและคอร์รัปชั่น ธุรกิจขนาดใหญ่กับการคอร์รัปชั่น ทุนสามานย์ ทุจริตเชิงนโยบาย ชนชั้นกลางไทยกับประชาธิปไตย การลงร่องของกระฎุมพีไทย เจตจ�ำนงและวัฒนธรรมทางการเมือง อนาคตทางการเมืองของคนเสื้อแดง มะงุมมะงาหราไปข้างหน้า แต่ไม่ถอยกลับ
๑๓๗ ๑๔๔ ๑๕๐ ๑๕๗ ๑๖๔ ๑๗๑ ๑๗๗ ๑๘๔ ๑๙๑ ๑๙๘ ๒๐๔ ๒๑๑ ๒๑๙ ๒๒๕ ๒๓๐ ๒๓๗ ๒๔๔ ๒๕๐ ๒๕๖ ๒๖๓ ๒๗๐ ๒๗๗ ๒๘๔ ๒๙๑
ไทยสปริงและหน้ากาก การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนั้น จะท�ำประโยชน์แก่ส่วนรวมก็ได้ และจะท�ำให้ส�ำเร็จก็ได้ แต่ต้องท�ำบนพื้นฐานประชาธิปไตย ที่เคารพความเสมอภาคของทุกคน
ด้วยคุณภาพของพรรคฝ่ายค้านที่เรามีอยู่เวลานี้ ผมจึงยินดี ต้อนรับกลุ่ม Thai Spring และกลุ่มหน้ากากกายฟอว์กส์เป็นพิเศษ ยิ่ง กับรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ เรายิ่งต้องการฝ่าย ค้านที่เข้มแข็ง แต่เข้มแข็งอย่างเดียวไม่พอ เรายังต้องการฝ่ายค้านที่มี ประสิทธิภาพด้วย ประสิทธิภาพของฝ่ายค้านไม่ได้เกิดจากความขยันประชดประ- เทียดได้สะใจ การเมืองกระตุ้งกระติ้งเช่นนี้ไม่มีประโยชน์แก่ใคร นอก จากสะใจเล่นไปวันๆ ฝ่ายค้านนอกสภาจึงต้องท� ำงานอย่างมีประสิทธิ ภาพกว่านั้น จะเปลี่ยนรัฐบาลได้หรือไม่ในที่สุดก็ตาม แต่การค้านที่ม ี คุณภาพจะควบคุมและก�ำกับ (หรือแม้แต่ก�ำราบ) รัฐบาลได้ และผม ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ต้องการการควบคุม ก�ำกับ หรือแม้แต่ก�ำราบอยู่ไม่ มากไม่น้อยไปกว่ารัฐบาลอื่นๆ หรืออาจจะต้องการมากกว่าก็เป็นได้ แต่ฝ่ายค้านนอกสภาจะท�ำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ต้องมีส�ำนึก ลิงหลอกไพร่ 13
ในเรื่องต่อไปนี้อย่างหนักแน่น ๑. คงเคยได้ยินกันมาแล้วว่า พรรคฝ่ายค้านของอังกฤษนั้น เรียก กันเป็นทางการว่า The Loyal Opposition ค�ำถามคือ loyal หรือจงรัก ภักดีต่ออะไร นักกษัตริย์นิยมในเมืองไทยรีบอธิบายว่า จงรักภักดีต่อ สถาบันกษัตริย์ ก็ถูกอยู่แต่ถูกครึ่งเดียว เพราะสถาบันกษัตริย์อังกฤษ (โดยเฉพาะหลังกษัตริย์วิลเลี่ยมและราชินีแอนน์เป็นต้นมา ซึ่งเรียกว่า The Crown) หมายถึงนี่เลยละครับ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุข คือต้องภักดีต่อตัวระบอบนี้ อันเป็นประชาธิปไตย (พูดแบบอังกฤษคือมีสภาที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ออกกฎหมายและ เป็นผู้เลือกฝ่ายบริหาร) โดยมีกษัตริย์เป็นผู้ใช้อ�ำนาจอธิปไตยของปวงชน แต่ไม่ได้ใช้ได้ตามพระราชอัธยาศัย ต้องใช้ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ (ถ้าไม่ใช้ตามนี้ก็เป็น The King ไม่ใช่ The Crown) ดังนั้น ฝ่ายค้านนอกสภาของไทยต้องยึดหลักนี้ให้มั่นว่า ตัวจะท�ำ หน้าที่ของตนด้วยความจงรักภักดีต่อระบอบปกครอง จึงไม่ควรยกสถาบัน พระมหากษัตริย์มาล้มล้างประชาธิปไตย เพราะโดยหลักการของ The Loyal Opposition ดังที่กล่าวนี้ สองอย่างนี้แยกออกจากกันไม่ได้ 14 นิธิ เอียวศรีวงศ์
๒. ดังนั้น จึงไม่ควรตั้งข้อสงสัยกับความชอบธรรมแห่งที่มาของ รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ พรรคของเธอได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง สภาลงมติเลือกเธอเป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมาก็ได้รับพระบรมราช โองการแต่งตั้ง แต่ความชอบธรรมของรัฐบาลไม่ได้มีแต่เรื่องที่มาอย่างเดียว รัฐ บาลที่ท�ำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน เช่น ทุจริตคดโกง หรือปล่อยให้เกิด การทุจริตคดโกงอย่างไม่อินังขังขอบ เข่นฆ่าผู้ประท้วงกลางเมืองอย่าง เหี้ยมโหด ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารบ้านเมืองจนเกิดความเสียหาย ต่างๆ กระท�ำการเป็นปฏิปักษ์กับระบบปกครอง ฯลฯ ก็ล้วนสูญเสียความ ชอบธรรมได้เหมือนกัน ข้อส�ำคัญคือ เหตุที่ท�ำให้สูญเสียความชอบธรรมเหล่านี้ ต้องการ ข้อพิสูจน์พอสมควร (แปลว่า ไม่ถึงกับมีใบเสร็จ แต่มีเหตุผลอันพึงฟังได้ เป็นอย่างน้อย) ฉะนั้น หากอยากจะบั่นรอนความชอบธรรมของรัฐบาล ชุดนี้ ต้องตั้งกลุ่มท�ำงานอย่างจริงจัง คือศึกษาและค้นหาข้อมูลหลักฐาน ชี้ให้คนอื่นเห็นอย่างน่าเชื่อถือว่าขาดความสุจริตก็ตาม เป็นการท�ำหรือ ด�ำเนินนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพก็ตาม หรือเป็นอันตรายต่อส่วนรวม ในระยะสั้นหรือระยะยาว หรือการกระท�ำของรัฐบาลหรือคนของรัฐบาล เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบปกครองอย่างไร น�ำการกระท�ำเหล่านั้นมาฟ้อง สาธารณชน หลีกเลี่ยงการไปฟ้องสถาบันใดๆ ที่ได้ท�ำลายความชอบธรรม ของตนเองไปเสียแล้ว เพราะจะท�ำให้ความชอบธรรมของฝ่ายค้านนอก สภาลดลงไปด้วย และเรื่องเหล่านี้ โอ้โฮ...รัฐบาลชุดนี้มีมากทีเดียว ไม่ว่ากระบวน การรับจ�ำน�ำข้าว, การระบายข้าว, โครงการจัดการน�้ำ ฯลฯ ใช่แต่เท่านี้ การละเมิดสิทธิพลเมืองที่ท�ำโดยข้าราชการ เช่น ในภาคใต้ หรือในการ ขับไล่คนออกจากเขตอุทยานฯ การให้ข้อมูลลวงเพื่อสร้างโครงการขนาด ใหญ่ ฯลฯ แม้ว่าข้าราชการก็ท�ำอย่างนี้ในทุกรัฐบาล แต่เมื่อพรรคเพื่อ ไทยเป็นรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบโดยตรง และต้องบีบบังคับให้รัฐบาลเพื่อ ลิงหลอกไพร่ 15
ไทยต้องรับผิดชอบให้ได้ มีคนไทยอีกมาก แม้ไม่ได้รังเกียจรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่ากับฝ่ายค้าน นอกสภา ก็อยากให้รัฐบาลโปร่งใสกว่านี้ และกล้ารับผิดชอบต่อพลเมือง มากกว่านี้ เขาย่อมไม่รู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายค้านนอกสภาเหล่านี้ และ บางส่วนก็อาจสนับสนุนการเคลื่อนไหวในบางประเด็น ๓. หยุดการประณามด้วยความหยาบคายเพราะไม่ได้ประโยชน์ อะไรในทางการเมืองเลย คนที่เฮกับความหยาบคายคือคนที่รังเกียจรัฐ บาลนี้ซึ่งมีจ�ำนวนหนึ่ง และพร้อมจะเฮให้ท่านอยู่แล้ว แต่ก็จะได้เสียงเฮ เท่าเก่าเสมอไป อุตส่าห์เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยตรงทั้งที ไม่อยาก ได้เสียงเฮที่ดังขึ้นหรอกหรือ เสียงเฮจะดังขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้เสียงนั้นจาก คนที่เขาไม่รังเกียจรัฐบาลนี้เท่านั้น และความหยาบคายต่อรัฐบาลชุดนี ้ ไม่ช่วยให้ได้เสียงเฮมากขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรเสียสนามแข่งขันก็ยังอยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่กองทัพ และ ไม่ใช่อ�ำนาจน�ำตามประเพณี ดังที่กล่าวแล้วว่าฝ่ายค้านนอกสภาต้อง เป็นฝ่ายค้านผู้จงรักภักดี ต้องเคลื่อนไหวด้วยวิถีทางที่จะท�ำให้ได้การสนับ สนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ๔. ลัทธิชาตินิยมยังมีพลังในโลกปัจจุบัน ถ้ายังอยากใช้ชาตินิยม เป็นประเด็นปลุกเร้าอยู่ ต้องคิดให้ดีๆ ว่าชาตินิยมชนิดไหนอย่างไรที่กระ ทบใจคนได้มาก ลัทธิชาตินิยมในประเทศไทยถูกกองทัพซึ่งยึดอ�ำนาจ ทางการเมืองมานานใช้เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างการครอบง�ำของ กองทัพ ชาตินิยมแบบทหารนั้นเน้นเรื่องบูรณภาพและเสถียรภาพ ประ กอบด้วยบูรณภาพทางดินแดน (ไม่ยอมเสียแม้ตารางนิ้วเดียว) และบูรณ ภาพทางอธิปไตย, เสถียรภาพทางสังคมและการเมือง (เปลี่ยนอะไรก็ได้ แต่อย่าเปลี่ยนโครงสร้างทางชนชั้นและทางอ�ำนาจ) ลัทธิชาตินิยมใน ลักษณะเช่นนี้มีพลังลดลงไปมาก ส�ำนึกชาตินิยมที่มีพลังในปัจจุบันเป็น เรื่องของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และต�ำแหน่งแหล่งที่หรือพื้นที่ของ ชาติอันมีความส�ำคัญในโลกที่เป็นโลกาภิวัตน์ (เช่น เป็นแชมป์โอลิมปิก 16 นิธิ เอียวศรีวงศ์
หรือทีมฟุตบอลผ่านเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือกรุงเทพฯ เป็นเมือง น่าเที่ยวติดอันดับโลก) ฉะนั้น หากจะใช้ส�ำนึกชาตินิยมเพื่อปลุกระดม คิดให้ดีๆ ว่าจะใช้ชาตินิยมแบบไหน กล่าวโดยสรุปก็คือ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนั้น จะท�ำ ประโยชน์แก่ส่วนรวมก็ได้ และจะท�ำให้ส�ำเร็จก็ได้ แต่ต้องท�ำบน พื้นฐานประชาธิปไตยที่เคารพความเสมอภาคของทุกคน จะเปลี่ยน รัฐบาลนี้เสียก็ได้ แต่ด้วยวิถีทางรัฐธรรมนูญ (ส่วนที่ไม่เบี้ยว) ใน ขณะเดียวกันควรท�ำงานให้มากกว่าระดมก�ำลังแสดงออก ต้องมี ประเด็น และต้องเป็นประเด็นที่คาดได้ว่าจะได้รับความเห็นชอบ จากคนอื่นในสังคมมากกว่าสาวกตัวเอง ผมมีข้อสังเกตอีกสองประการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Thai Spring และหน้ากากกายฟอว์กส์ ๑. ผมคิดว่าความเคลื่อนไหวของกลุ่มทั้งสองนี้ไม่มีอันตรายใน ระยะยาว เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร, หรือกลุ่ม เสธ. อ้าย และสลิ่ม เพราะคนที่เข้าร่วมมีลักษณะที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ เป็นปัจเจกก็จริง แต่เป็นปัจเจกที่พยายามสร้างเครือข่ายหรือกลุ่มขึ้น ใน ขณะที่การเคลื่อนไหวของพันธมิตรและ ฯลฯ ผู้เข้าร่วมคือปัจเจกที่ไม่มี ความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นกลุ่มมาก่อน ถูกปลุกเร้าให้เข้าร่วมจากแกนน�ำ และบริวาร ร่วมแล้วจะน�ำไปสู่อะไร เขาก็ไม่เคยรู้มาก่อน Hannah Arendt อธิบายว่า มวลชนที่ประกอบด้วยปัจเจกซึ่งได้ สลัดทิ้งซึ่งเยื่อใยความสัมพันธ์ต่างๆ ในสังคมสมัยใหม่นั้น คือเหยื่อที่ดี หรือคือผู้สร้างเผด็จการเบ็ดเสร็จขึ้น สังคมสมัยใหม่ย่อมประกอบด้วย มวลชนที่เป็นปัจเจกเช่นนี้ จึงโน้มเอียงจะเกิดเผด็จการเบ็ดเสร็จได้ไม่ยาก นัก แต่หากการเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ กลุ่มทางสังคมที่เคยมีมาในอดีต ยังอยู่รอด สามารถผูกปัจเจกเข้าหากันได้ก็ดี หรือมีความพยายามสร้าง เครือข่ายความสัมพันธ์แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพขึ้น (เช่น สหภาพแรง ลิงหลอกไพร่ 17
งาน, กลุ่มวิชาชีพ, กลุ่มกิจกรรมทางวัฒนธรรม, เครือข่ายออนไลน์ ฯลฯ) มวลชนก็ไม่หลุดเป็นปัจเจกที่ไม่เชื่อมโยงกับใครเลย โอกาสจะเกิดเผด็จ การเบ็ดเสร็จก็เป็นไปได้ยากขึ้น ความต่างของกลุ่มทั้งสองกับพันธมิตรและกลุ่มเคลื่อนไหวฝ่ายขวา ที่ผ่านมาจึงมีความส�ำคัญ ๒. แม้มีเสียงสนับสนุนแข็งแกร่งในสภา แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ม ี ส�ำนึกทางการเมืองที่อ่อนแอมาก ด้วยความเคลื่อนไหวที่ยังไม่น่าจะมี ผลอะไรนักของกลุ่มหน้ากากกายฟอว์กส์ รองนายกฯ เฉลิม อยู่บ�ำรุง ก็ ออกมาพูดถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง แม้ไม่ออกชื่อ (ตามสไตล์ของคุณ เฉลิม) แต่ทุกคนก็รู้ว่าหมายถึงใคร ไม่มีใครรู้ว่าข้ออ้างดังกล่าวนั้นจริงหรือไม่ แต่การกระท�ำเช่นนี้คือ การข่มขู่ทางการเมือง ซึ่งเท่ากับละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความ คิดเห็นทางการเมือง จึงเท่ากับรัฐบาลได้ท�ำลายรากฐานความชอบธรรม ของตนเอง ถ้ารัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็มีเหตุผลยิ่งน้อยลงในการ ผดุงและปกป้องรัฐบาลนี้ไว้ ดังนั้น ด้วยการเคลื่อนไหวที่ในทัศนะของผมไม่เป็นสับปะรด เท่าไรนี้ รัฐบาลที่อ่อนแอก็ชิงท�ำร้ายตัวเองซ�้ำเติมลงไปอีกด้วยค�ำ สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรี การเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากาก กายฟอว์กส์ จึงประสบความส�ำเร็จเกินคาด
––––––––––––––––––––––––––––––––– พิมพ์ครั้งแรก : น.ส.พ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖ 18 นิธิ เอียวศรีวงศ์
ก้าวพลาดทางการเมือง ในฐานะนักเขียนด้วยกัน ผมรู้สึกว่า เมื่อคุณชัยถูกฟ้องร้องในคดีแบบนี้ ผมก็ถูกคุกคามไปด้วย
ผมอ่ า นปาฐกถาของคุ ณ ยิ่ ง ลั ก ษณ์ ชิ น วั ต ร ในการประชุ ม “ประชาคมประชาธิปไตย” ที่อูลานบาตอร์หลายรอบแล้ว ก็ยังมองไม่ออก ว่าแกขายชาติอย่างไร เอาความในออกไปสู่ภายนอกใช่ไหม...ใช่เลยครับ แต่ถ้าเป็นการ ประชุมเรื่องพลังงาน แล้วคุณยิ่งลักษณ์เปิดเผยแผนการสร้างโรงไฟฟ้าใน ประเทศ ก็เป็นการน�ำความในไปภายนอกเหมือนกัน เพียงแต่เป็นความ ในที่ไม่มีใครรู้สึกเสียหายเท่านั้น ดังนั้น ที่ไม่พอใจกันนั้นจึงอยู่ที่เนื้อหาของความในที่น�ำไปเผยแพร่ ข้างนอก แต่ที่จริงแล้ว ภายใต้โลกาภิวัตน์ของปัจจุบันก็หาได้เป็นความ ลับที่คนข้างนอกไม่เคยล่วงรู้มาก่อนไม่ เพียงแต่อาจมีความเห็นกับข้อ เท็จจริงซึ่งเกิดในเมืองไทยแตกต่างจากคุณยิ่งลักษณ์ได้ต่างๆ นานา การน�ำความขัดแย้งภายในไปพูดข้างนอก ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลก เผด็จการทหารไทยเองก็เคยกล่าวหาสมาชิก พคท.ในที่ประชุมระหว่าง ประเทศว่าเป็นสมุนของมหาอ�ำนาจต่างประเทศบ้าง เป็นผู้หลงผิดบ้าง ลิงหลอกไพร่ 19
ผมเชื่อว่าผู้เข้าร่วมประชุมต่างก็ส�ำนึกได้ดีว่าเป็นการเสนอความขัดแย้ง ภายในจากมุมมองของผู้พูด ไม่ใช่ความจริง และตรงนี้แหละที่ผมเห็นว่าปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์นั้นน่าสนใจ เป็นพิเศษ เพราะคุณยิ่งลักษณ์ผูกชาติเข้ากับประชาธิปไตยอย่างที่แยก ออกจากกันไม่ได้ ไม่จ�ำเป็นที่คนอื่นจะต้องมีความเห็นอย่างเดียวกับคุณ ยิ่งลักษณ์ แต่ถ้ามองประเด็นบนหลักการเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์ ก็เข้าใจ ได้ไม่ยากว่า เหตุใดคุณยิ่งลักษณ์จึงต้องน�ำเรื่องรัฐประหาร, กลไกที่ขัด ขวางประชาธิปไตยซึ่งอ�ำนาจรัฐประหารได้วางยาไว้ และภัยคุกคามประ ชาธิปไตยซึ่งยังมีอยู่ในการเมืองไทย ฯลฯ ขึ้นมากล่าว และเมื่อมองเห็น สถานการณ์ในประเทศไทยดังนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่คุณยิ่งลักษณ์จะเรียก ร้องให้ต่างชาติ “แทรกแซง” หากเกิดการรัฐประหารในประเทศไทยอีก ก็เพื่อรักษา “ชาติ” เอาไว้ไงครับ ดังที่กล่าวแล้วว่า หลักการของคุณ ยิ่งลักษณ์คือชาติและประชาธิปไตยนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในส่วนข้อความที่เอ่ยถึงพี่ชายคือคุณทักษิณนั้น แม้อาจแทรกเข้า มาในภายหลัง (อย่างที่เขาลือกัน) ก็ไม่ได้ท�ำให้เนื้อหาหลักของปาฐกถา แตกต่างไปจากที่ได้เตรียมไปจากกรุงเทพฯ แต่อย่างใด สิ่ ง ที่ น ่ า สนใจแก่ ผ มเป็ น พิ เ ศษอยู ่ ต รงที่ ว ่ า คุ ณ ยิ่ ง ลั ก ษณ์ แ สดง ปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ (ผมเดาเอาเองว่าจะใช้ภาษาไทยก็น่าจะได้ เพราะเขาคงมีการแปลทันทีผ่านหูฟังกระมัง) ซ�้ำแสดงในประเทศที่ห่าง ไกลจากคนไทย-ทั้งทางภูมิศาสตร์และส�ำนึกรับรู้-ต่างหาก เพราะทั้งหมด ที่คุณยิ่งลักษณ์พูดนั้น ไปพูดที่ราชประสงค์ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ ก็ได้ หรือพูดในรายการนายกฯ พบประชาชนก็ได้ แต่คุณยิ่ง- ลักษณ์ไม่เคยท�ำ และจะมีคนไทยสักกี่คนรู้ว่า คุณยิ่งลักษณ์วางพันธ กรณีของตนไว้กับประชาธิปไตยสูงถึงเพียงนั้น และเพราะสร้างภาพลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างจากความเข้าใจ ของสังคมไทยได้ถึงเพียงนี้ จึงท�ำให้เกิดความตระหนก (ผมเดาว่าทั้งแก่ ศัตรูและแก่มิตรพอๆ กัน) น่าเกลียด อุ๊ย...น่าเกลียด ขายชาตินี่หว่า 20 นิธิ เอียวศรีวงศ์
ชาติ”
นั่นคือที่มาของค�ำกล่าว “กะหรี่แค่เร่ขายตัว หญิงชั่วเร่ขาย
ผมอ่านยังไงๆ ก็ไม่เห็นว่าคุณชัย ราชวัตร ประณามคุณยิ่งลักษณ์ว่าเป็นกะหรี่ตรงไหน (อันที่จริงการประณามกะหรี่เสียอีก ที่แสดง ความไร้เดียงสาต่อโลก ชีวิต และสังคมของผู้เขียน) ยกเว้นแต่จะอ่านว่า ประธานของอนุประโยคทั้งสองคือคนคนเดียวกัน ซึ่งในทัศนะของผมก็ ถือว่าอ่านหนังสือไม่แตก เพราะอนุประโยคทั้งสองนี้ต้องการชี้ว่า “หญิง ชั่ว” นั้นเลวร้ายกว่ากะหรี่เสียอีก เนื่องจากกะหรี่ขายแต่ตัวเอง ในขณะ ที่ “หญิงชั่ว” ขายได้ทั้งชาติเลย (ผมยอมรับว่า ส�ำนวน “หญิงคนชั่ว” เคยถูกใช้ในความหมายว่า กะหรี่มาก่อน แต่ดูเหมือนเลิกใช้กันไปนานแล้ว และถ้าจะให้มีความ หมายเหมือนกะหรี่ในอนุประโยคแรก ค�ำกล่าวนี้ก็ไม่มีความหมายไปเลย ...กะหรี่เร่ขายตัว กะหรี่เร่ขายชาติ...แล้วยังไงครับ) ดังนั้น การที่ไปกล่าวโทษฟ้องร้องว่าคุณชัย ราชวัตร ดูหมิ่นเจ้า พนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ (ต�ำรวจคงไม่ด�ำเนินคดีเอง โดยไม่มีผู้เสียหาย ไปฟ้องร้องกล่าวโทษ) จึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างยิ่ง ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับว่าจะชนะคดีหรือแพ้คดีนะครับ ถึงชนะคดีก็ยิ่งผิด ลิงหลอกไพร่ 21
พลาดหนักขึ้นไปอีก เพราะไม่มีใครอยากเห็นคุณชัย ราชวัตรต้องโทษใน คดีประเภทนี้ ไม่ว่าปรับหรือจ�ำ คุณชัย ราชวัตรเป็นนักเขียนการ์ตูนการ เมืองและสังคมซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเมืองไทย ความเห็นทาง การเมืองและสังคมของคุณชัยนั้น จะถูกผิดหรือน่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ใครๆ ก็รู้ว่าคุณชัยเขียนไปตามความคิดเห็นอันสุจริตของ ตน ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ได้ไปเป็นสมัครพรรคพวกของกลุ่ม อ�ำนาจใดๆ นอกจากความศรัทธาต่ออ�ำนาจนั้นๆ อย่างจริงใจ ในฐานะนักเขียนด้วยกัน ผมรู้สึกว่าเมื่อคุณชัยถูกฟ้องร้องในคดี แบบนี้ ผมก็ถูกคุกคามไปด้วย นอกจากท� ำ ให้ เ กิ ด ความหวั่ น ไหวในหมู ่ ผู ้ แ สดงความเห็ น ในที่ สาธารณะแล้ ว (และในสั ง คมประชาธิ ป ไตยที่ คุ ณ ยิ่ ง ลั ก ษณ์ ฝ ั น ถึ ง นั้ น เสรีภาพในการแสดงความเห็นต่อสาธารณชนเป็นเรื่องส�ำคัญมาก) ผม ยังมองไม่เห็นว่าคุณยิ่งลักษณ์จะได้อะไรจากการฟ้องร้อง ตามปกติการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทนั้น จุดมุ่งหมายก็เพื่อพิสูจน์ ให้สาธารณชนเห็นว่า ข้อกล่าวหาของผู้หมิ่นไม่เป็นความจริง หากคุณ ยิ่งลักษณ์เชื่อว่าถูกใส่ร้ายว่าเป็นกะหรี่ จะพิสูจน์ไปท�ำไมว่าไม่ได้เป็น ใน เมื่อไม่มีใครเชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็น แม้แต่ศัตรูของคุณยิ่งลักษณ์ และ มีความสามารถเพียงก่นด่าคุณยิ่งลักษณ์ด้วยถ้อยค�ำหยาบคายต่างๆ ก็ร ู้ อยู่เต็มอกว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นกะหรี่ (โดยส่วนตัวผมอยากเห็นเมืองไทยมีนายกฯ เป็นกะหรี่สักครั้งด้วย ซ�้ำ หากความฝันถึงสังคมประชาธิปไตยของคุณยิ่งลักษณ์เป็นจริง) ตลกไหมครับที่คุณยิ่งลักษณ์จะฟ้องร้องคุณชัย ราชวัตรเพื่อพิสูจน์ ว่าฉันไม่ใช่กะหรี่ หรือพิสูจน์ว่าไม่ใช่ “คนชั่ว” ก็ไม่จ�ำเป็นเหมือนกัน ดีหรือชั่วเป็น เรื่องของวินิจฉัยนะครับ ในทัศนะของคุณชัย การแสดงปาฐกถาของคุณ ยิ่งลักษณ์ในต่างประเทศเป็นการสาวไส้ให้กากิน จึงเท่ากับขายชาติเพื่อ ประโยชน์ส่วนตนและครอบครัว ดังนั้น จึงเป็นการกระท�ำที่ “ชั่ว” สาธารณ 22 นิธิ เอียวศรีวงศ์
ชนไทยไขว้เขวเพราะวิจารณญาณของคุณชัยหรือครับ ผมคิดว่าไม่ได้ท�ำ ให้ไขว้เขวมากไปกว่าที่ไขว้เขวไปแล้ว ฟ้องหรือไม่ฟ้องคุณชัยก็เท่าเก่า อันที่จริงน่ายินดีด้วยซ�้ำที่ศัตรูของคุณยิ่งลักษณ์ใช้ความหยาบคาย โจมตี (ยิ่งกว่านี้เสียอีกในสังคมออนไลน์) เพราะแสดงว่าพวกเขาเป็นศัตรู ที่ไม่น่ากลัวเท่าไร เนื่องจากมีอะไรในสมองไม่มากนัก ส่วนเรื่อง “ขายชาติ” ก็เป็นวินิจฉัยอีกเหมือนกัน การกระท�ำ ของสมเด็ จ พระราชบิ ด าของสมเด็ จ พระนเรศวรนั้ น หากใช้ ม าตรฐาน “ชาติ” ปัจจุบันก็ “ขายชาติ” เหมือนกัน ปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์นั้น หากใช้มาตรฐานของหมู่บ้านโบราณ คือความในไม่ให้ออก ความนอก ไม่ให้เข้า ก็เป็นการ “ขายชาติ” แต่จะเป็นไรไปเล่าครับ หากได้แปล ปาฐกถานั้นเป็นภาษาไทยและเผยแพร่ให้มากในเมืองไทย มิตรของคุณ ยิ่งลักษณ์ซึ่งมีทั่วประเทศจะยิ่งรักคุณยิ่งลักษณ์มากขึ้น ส่วนศัตรูของคุณ ยิ่งลักษณ์ก็ยังมีเท่าเก่าแหละครับ ฟ้องหมิ่นประมาทเพื่อแก้แค้นที่มึงก่นด่ากูมานานก็มีเหมือนกัน แต่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่างที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นอยู่เวลานี้ เขาไม่ท�ำ กันหรอกครับ ยกเว้นแต่พี่ชายคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น ฟ้องไปก็ไม่ได้อะไรทางการเมืองอยู่ดี ที่น่าจะท�ำกว่าคือตอบโต้ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งท�ำหนังสือชี้แจงแก้ต่างแก่ต่างประเทศ ตอบโต้ด้วย การเผยแพร่ปาฐกถานั้นในเมืองไทย แล้วคอยดูว่าท�ำอย่างไหนจะได้ คะแนนเสียงในการเลือกตั้งมากกว่ากัน ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป ส่งคนไปถอนฟ้องเสียเถิดครับ ใน ขณะเดียวกันก็เลิกฟังลิ่วล้อที่ยุให้ฟ้องด้วย ไอ้พวกนี้พาพี่ชายคุณ ยิ่งลักษณ์พังไปคนแล้ว ยังพยายามจะท�ำอย่างเดียวกันกับคุณยิ่งลักษณ์อยู่อีก ––––––––––––––––––––––––––––––––– พิมพ์ครั้งแรก : น.ส.พ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖ ลิงหลอกไพร่ 23
ปฏิรูปต้องการมากกว่า สองล้านล้านบาท รถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง ยิ่งสร้างความเหลื่อมล�้ำทางเศรษฐกิจให้หนักข้อขึ้น หากรถไฟไม่ได้มาพร้อมกันกับการปฏิรูปที่ดินขนานใหญ่
ขณะที่เขียนบทความนี้ ร่าง พ.ร.บ.การลงทุนด้วยเงินกู้ (หรือ สองล้านล้านบาท) ยังไม่ผ่านวาระหนึ่งจากสภา แต่ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะ คิดว่าไม่ผ่าน แม้ฝ่ายค้านจะใช้โอกาสนี้ในการท�ำให้เห็นความเสี่ยงทาง การคลังของประเทศ และโอกาสของการทุจริตในโครงการสักเพียงไรก็ ตาม ไม่ใช่เพียงเพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมากเท่านั้น แต่การปรับปรุงและ ขยายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ได้รับความเห็นชอบจากวงการธุรกิจ อย่างพร้อมเพรียง ประชาชนจ�ำนวนมากก็เห็นชอบด้วย เพียงแต่ห่วงใย เรื่องความโปร่งใสของโครงการเท่านั้น ประเด็นความเสี่ยงทางการคลัง เท่าที่ผ่านมายัง “ปลุก” ไม่ขึ้น อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถท�ำให้ “ขึ้น” ในการอภิปรายได้หรือไม่ เท่านั้น และเพราะการสนับสนุนโครงการของสองภาคส่วนนี้ก็ท�ำให้ต้อง เดาต่อไปว่า ก็น่าจะผ่านวุฒิสภาได้อีกเช่นกัน 24 นิธิ เอียวศรีวงศ์
นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจน (ที่ปาปัวนิวกินี) ว่า โครงการคมนาคม และขนส่งนี้จะท�ำให้ไทยเชื่อมต่อกับเพื่อนบ้านอาเซียนได้อย่างสะดวก และด้วยเหตุดังนั้น นักลงทุนจะสามารถใช้อาเซียนเป็นฐานการผลิตได้ เท่าๆ กับกระจายสินค้าแก่ตลาด ๖๐๐ ล้านคนของอาเซียนอย่างสะดวก รวดเร็ว สภาวะที่กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของไทยเช่นนี ้ ก็จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยไปด้วย โครงการมหึมานี้เปลี่ยนประเทศไทยอย่างแน่นอน ท่านนายกฯ พูดถึงการจ้างงานที่จะเพิ่มขึ้นครึ่งล้านอัตรา ดูดซับคนชั้นกลางที่ว่างงาน ไปได้มาก ในขณะเดียวกันก็คงจะดึงแรงงานในภาคเกษตรออกมาสู่งาน นอกภาคเกษตรอีกไม่น้อย อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ท�ำอะไรมากไปกว่า ตัวโครงการ ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดแก่ประเทศไทยก็อาจเป็นเพียง การท�ำให้ดีกรีของความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่แล้วเวลานี้เข้มข้นขึ้น บาง เรื่องก็ดีที่เข้มข้นขึ้น บางเรื่องก็ยิ่งแย่ลงเมื่อเข้มข้นขึ้น อาจารย์แอนดรูว์ วอล์กเกอร์ แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตร- เลียคาดเดาว่า (และอาจารย์เกษียร เตชะพีระได้น�ำเสนอในโซเชียลเน็ต เวิร์กไว้แล้ว และมติชนออนไลน์ได้ขอน�ำมาลงอีกครั้งหนึ่ง) โครงสร้าง พื้นฐานนี้จะสร้างงานให้แก่คนในชนบทไทย จนท�ำให้ความจ�ำเป็นที่รัฐ ต้องคอยโอบอุ้มลดลง อันที่จริง มีหรือไม่มีโครงการนี้ แรงงานในภาคชนบทก็หลั่งไหลเข้า สู่งานจ้างและภาคบริการมากขึ้นตลอดมา เพราะท�ำรายได้มากกว่าภาค เกษตร โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการปรับปรุงและขยายในโครงการย่อม ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และเกิดโอกาสที่ชาวบ้านบางรายจะลงทุน ในกิจการอื่นๆ เพิ่มขึ้นแน่ แต่จะท�ำให้เขามีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าที่ได้อยู่แล้ว เวลานี้มากน้อยเพียงไรไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน โดยเฉพาะจะได้รายได้ เพิ่มมากขึ้นทันกับความคาดหวังในชีวิตของผู้คนซึ่งต้องเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงา ตามตัว (เช่นมีรถยนต์ส่วนตัว หรือมีบ้านเป็นของตนเอง) การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคเพิ่มสมรรถนะ ลิงหลอกไพร่ 25
ในการแข่งขันแน่ โดยเฉพาะในระยะสั้นข้างหน้า แต่ในระยะยาว การ แข่งขันที่จะสามารถยกระดับเศรษฐกิจไทยขึ้นไปได้ ขึ้นอยู่กับการพัฒนา (ทรัพยากร) มนุษย์ และส่วนนี้จ�ำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่ และท�ำอย่าง จริงจังเสียยิ่งกว่าโครงสร้างพื้นฐานเสียอีก แต่การพัฒนา (ทรัพยากร) มนุษย์มีอุปสรรคทางการเมืองอย่าง มาก ไม่ใช่จากพรรคฝ่ายค้านหรือพวกอ�ำมาตย์ แต่จากข้าราชการกระ ทรวงศึกษาธิการ, พ่อ-แม่ผู้ปกครองเด็ก, เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม (ซึ่ง ควรยินดีเพิ่มสมรรถภาพของคนงาน หากไม่กระทบต่อก�ำไรของเขา) หรือ แม้แต่เด็กนักเรียนนักศึกษาเองก็อาจไม่ยินดีกับความเปลี่ยนแปลงที่จะ เกิดขึ้น ดังนั้น อย่างมากที่พรรคการเมืองเลือกท�ำในเรื่องนี้ก็คือ แจกแท็บ- เล็ต เพราะไม่ต้องทะเลาะกับใครเลย (นอกจากบริษัทขายแท็บเล็ต) และ ผมไม่คิดว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (ทั้งในสมัยนี้และสมัยหน้า) จะริเริ่มท�ำ อะไรอย่างเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนไป สองล้านล้านบาทในครั้งนี้ก็คงจะดึงการลงทุนได้เพราะความสะดวกของ โครงสร้างพื้นฐาน แต่ไม่ใช่เพราะคุณภาพของคนไทย ผลิตภัณฑ์ที่ต้อง ผลิตขึ้นจากฐานความรู้อาจไหลจากสิงคโปร์และมาเลเซียสู่ไทย, เวียด- นาม, พม่า และจีนได้สะดวก แต่ตัวอุตสาหกรรมฐานความรู้จะไม่เคลื่อน เข้ามาตามทางรถไฟความเร็วสูง คนไทยจะเป็นเจ้าของตู้ไก่ย่างตราดาวต่างๆ มากขึ้น เพราะมีคน ที่มีเงินซื้อไก่ย่างกินมากขึ้น แต่ตู้ไก่ย่างจะไม่น�ำไปสู่รถยนต์ส่วนตัว หรือ บ้านอันเป็นของตนเอง (หรือลูกเข้าจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ได้) ร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนไทยอาจไม่ได้เป็นเจ้าของตู้ไก่ย่างเอง เป็นแต่เพียงพนักงานของบริษัทไก่ย่าง หรืออาจเป็น “ผู้ร่วมทุน” ของ บริษัทที่มีฐานะไม่ต่างอะไรจากลูกจ้าง (เช่น อย่าคิดลดต้นทุนด้วยการ หาซื้อไก่มาย่างเองเป็นอันขาด ต้องรับจากที่บริษัทน�ำมาส่งเท่านั้น) ผมก�ำลังจะบอกว่า โครงสร้างพื้นฐานดีเยี่ยมที่ก�ำลังจะสร้างขึ้นนี้ 26 นิธิ เอียวศรีวงศ์
ไม่ท�ำให้การกระจุกรายได้และทรัพย์สินกับคนจ�ำนวนน้อยในประเทศไทย เวลานี้เปลี่ยนแปลงไปในทางใด นอกจากยิ่งกระจุกมากขึ้น หรือที่กระจุก อยู่แล้วก็จะเป็นรายได้และทรัพย์สินก้อนใหญ่ขึ้น...ถ้าไม่ได้ท�ำอะไรนอก จากโครงสร้างพื้นฐาน
ถนนหนทางและทางรถไฟที่สะดวกสบาย ย่อมให้โอกาสหา รายได้และท�ำก�ำไรแก่คนรวยมากกว่าคนจน แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะคนรวย ฉลาดกว่าหรือเก่งกว่า แต่เพราะเขามีฐานของทรัพย์สินที่สะสมเอาไว้ อย่างไม่เป็นธรรมมากกว่าต่างหาก ยกตัวอย่างเพียงเรื่องเดียวคือที่ดิน แน่นอนว่าเส้นทางคมนาคม ที่สะดวกสบายย่อมท�ำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น โดยเฉพาะในชนบทใกล้เมือง (เช่น อยุธยา, นครปฐม, นครนายก เป็นต้น) ในขณะที่คนทั่วไปมีก�ำลังที่ จะมีบ้านเป็นของตนเองมากขึ้น (แยกจากครอบครัวขยายไปสู่ครอบครัว เดี่ยว) ความต้องการที่ดินในชนบทก็สูงขึ้นเพราะตลาดขยายตัว ที่ดินประมาณ ๘-๙๐% ในประเทศไทยกระจุกอยู่กับคนรวยไม่กี่ ตระกูลอยู่แล้ว เขาได้ก�ำไรหล่นทับ (windfall profit) ไปทันที จ�ำนวน มหาศาลด้วย หลังจากทิ้งที่ดินให้หมาขี้มาหลายปี ยิ่งกว่านี้ เขาคือคน ลิงหลอกไพร่ 27
ที่มีก�ำลังจะกว้านซื้อที่ดินเพื่อท�ำก�ำไรระยะสั้นได้มากที่สุด ราคาที่ดินซึ่ง เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ท�ำให้ความใฝ่ฝันของคนไทยธรรมดาที่จะมีบ้าน เป็นของตนเองห่างไกลขึ้นไปอีก แต่ความฝันนั้นก็ยังอยู่ใกล้ตัวเหมือนเดิม รถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูงยิ่งสร้างความเหลื่อมล�้ำทางเศรษฐ กิจให้หนักข้อขึ้น หากรถไฟไม่ได้มาพร้อมกันกับการปฏิรูปที่ดินขนาน ใหญ่เพื่อท�ำให้ที่ดินไม่มีทางจะเป็นสินค้าเก็งก�ำไรได้เลย นี่ ย กตั ว อย่ า งเพี ย งเรื่ อ งเดี ย วคื อ ที่ ดิ น ลองคิ ด ดู เ องเถิ ด ครั บ ว่ า โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาเต็มที่แล้วนี้ สร้างความได้เปรียบแก่คนรวย ในเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง การได้เปรียบเสียเปรียบทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเป็น ธรรมดา แต่ท�ำไมจึงเกิดแก่คนกลุ่มเดียว และเป็นความได้เปรียบที่มา จากความชอบธรรมของกฎเกณฑ์หรือไม่ นี่เป็นเรื่องส�ำคัญกว่า ในปัจจุบันความเหลื่อมล�้ำทางเศรษฐกิจซึ่งมีสูงมากในสังคมไทย ยังไม่เป็นปัญหาสังคมและการเมือง อย่างน้อยคนเสื้อแดงซึ่งเป็นกลุ่ม ใหญ่สุดก็ตอบแบบสอบถามทัศนคติว่าพอรับได้ ในขณะที่คนเสื้อเหลือง ตอบว่ารับไม่ได้ สักวันหนึ่งเมื่อคนเสื้อแดงมีความเห็นต่อความเหลื่อมล�้ำ ทางเศรษฐกิจเหมือนคนเสื้อเหลือง ย่อมเป็นปัญหาทางสังคมและการ เมืองอย่างหนักแน่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้นจ�ำเป็นและมีประโยชน์ ช่วยแก้ ปัญหาขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ประเทศต้องเผชิญในอนาคต แต่เท่านี ้ ไม่พอ ยังต้องปรับแก้อะไรที่พื้นฐานไม่น้อยกว่ากันหลายอย่าง เพื่อประ โยชน์ระยะยาวของประเทศ ส่วนที่เหลือซึ่งต้องท�ำนั้นยากมากในทางการเมือง และหวังไม่ได้ ว่าจะมีการริเริ่มทางการเมือง ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะนักการเมืองที่มา จากการเลือกตั้งเลว ถึงแม้นักการเมืองที่มาจากอ�ำนาจรัฐประหารก็ไม่มี ทางริเริ่มสิ่งยากๆ ทางการเมืองเหมือนกัน บางคนอาจคิดว่า ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนักในช่วงนี ้ ท�ำให้ไม่มีใครสามารถริเริ่มการแก้ปัญหาระดับโครงสร้างได้ ซึ่งก็จริงส่วน 28 นิธิ เอียวศรีวงศ์
หนึ่ง แต่ที่ส�ำคัญกว่าคือ ถึงไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง เราจัดโครง สร้างทางการเมืองไว้ในลักษณะที่การเมืองจะเป็นผู้น�ำในการแก้ปัญหา ได้หรือไม่ ผมคิดว่าไม่ได้ ท�ำให้ต้องนึกถึงรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ใช่ เพียงเพราะเป็นสิ่งพึงท�ำในทางเทคนิคการเขียนกฎหมายเท่านั้น แต่รัฐ ธรรมนู ญ ต้ อ งเริ่ ม ต้ น จากการมองเห็ น ปั ญ หาของบ้ า นเมื อ งอย่ า งถนั ด ชัดเจน แล้วคิดว่าจะจัดความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจอย่างไร (ซึ่งก็คือรัฐ ธรรมนูญ) จึงจะท�ำให้เราสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ไปได้ด้วยกัน...ความ หมายของไปได้ด้วยกัน คืออย่างเป็นประชาธิปไตย กล่าวคือ ทุกฝ่าย มีอ�ำนาจต่อรองได้ใกล้เคียงกัน แต่พรรครัฐบาลก็มุ่งจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราไปแล้ว ท�ำให้ค�ำถามในการร่างรัฐธรรมนูญหดตัวเหลือเพียงค�ำถามเดียวว่า รัฐ ธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ก็นับเป็นค�ำถามที่ส�ำคัญ ควรถาม แต่ไม่พอ เพราะค�ำถามนี้ต้องมาพร้อมกับค�ำถามส�ำคัญอีกอันหนึ่งด้วย คือ ประเทศไทยก�ำลังเผชิญกับปัญหาอะไร และทางออกที่เป็นประ ชาธิปไตยของปัญหานั้นจะเป็นไปได้อย่างไร
––––––––––––––––––––––––––––––––– พิมพ์ครั้งแรก : น.ส.พ.มติชนรายวัน ฉบับวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๖ ลิงหลอกไพร่ 29