จับเข่าคุย บัน คีมุน

Page 1


Giants of Asia Conversations with Ban Ki-moon

จับเข่าคุย

บัน คีมุน


Thai language translation rights belong to Matichon Publishing Co., Ltd. Arranged with Marshall Cavendish International (Asia) Pte, Ltd Times Centre, 1 New Industrial Road Singapore 53196


จับเข่าคุย

บัน คีมุน

กรุงเทพมหานคร  ส�ำนักพิมพ์มติชน 2557


จับเข่าคุย บัน คีมุน • ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ แปล

จากเรื่อง Conversations with Ban Ki-moon ของ Tom Plate Copyright © 2012 by Thomas Gordon Plate. All rights reserved. Thai Language Copyright © 2014 by Matichon Publishing House. All rights reserved. พิมพ์ครั้งแรก : สำ�นักพิมพ์มติชน, กรกฎาคม 2557 ราคา  195  บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรม เพลต, ทอม. จับเข่าคุย บัน คีมุน. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557. 256 หน้า. 1. บัน คีมุน--ประวัติบุคคล--การทูต--การพัฒนาระหว่างประเทศ 2. ไพรัตน์  พงศ์พานิชย์, ผู้แปล  I. ชื่อเรื่อง 923.6 ISBN  978 - 974 - 02 - 1306 - 2 ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์  : อารักษ์ ​คคะนาท, สุพจน์  แจ้งเร็ว, สุชาติ  ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์  สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์  พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์  : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์  : รุจิรัตน์  ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์  บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์  : พัลลภ สามสี ผู้ช่วยบรรณาธิการ : เฉลิมพล แพทยกุล • พิสูจน์อักษร : พัทน์นลิน อินทรหอม กราฟิกเลย์เอาต์  : กิตติชัย ส่งศรีแจ้ง • ออกแบบปก-ศิลปกรรม : ประภาพร ประเสริฐโสภา ประชาสัมพันธ์  : สุภชัย สุชาติสุธาธรรม

หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จำ� นวนมากในราคาพิเศษ  เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ  โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012

www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 1235  โทรสาร 0-2589-5818 แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองพิมพ์ส ี บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1  เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 2400-2402 พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด 27/1 หมู ่ 5 ถนนสุขาประชาสรรค์  2 ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุร ี 11120 โทรศัพท์  0-2584-2133, 0-2582-0596  โทรสาร 0-2582-0597 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี  จำ�กัด (ในเครือมติชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1  เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 3350-3353 โทรสาร 0-2591-9012 Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ  ลดภาวะโลกร้อน  และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน


สารบัญ

ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้แปล ค�ำน�ำผู้เขียน

แผนส�ำหรับสุดสัปดาห์ เดอะ โคเรียน คอนเน็กชั่น คนบ้างานชาวเอเชีย ริ้วรอยแห่งแมนเดลา สตรี กับ บัน เจ้านายแห่งเจ้านายทั้งปวง ฝันที่ก�ำลังเลือนหาย อ�ำลาแบบยูโทเปีย บันทึกท้ายการสนทนา ค�ำขอบคุณ

6 8 11 19 63 93 127 151 173 207 238 249 252

จับเข่าคุย บัน คีมุน  5


คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์

“เป็นไปไม่ได้” น่าจะเป็นค�ำหลุดปากออกมาทันทีแทบทุกครัง้ ทีม่ อง  ไปยังประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ จะเรือ่ งอะไรก็ตามแต่  และค�ำแรกที่ นึกถึงแน่ๆ เมือ่ เห็นสหประชาชาติพยายามผลักดันการแก้ไขปัญหานัน้ ๆ หนังสือเล่มสุดท้ายของชุด Giants of Asia ได้หยิบเอาเรื่องนี้มา เป็นหัวใจ ผ่านการสัมภาษณ์  บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติชาว เอเชียคนที่สองในประวัติศาสตร์โลก โดย ทอม (โทมัส) เพลท มาถึงตรงนี้คงมีสะดุดกันบ้าง ใครจะไปคิดว่า บัน คีมุน (หรือ เลขาฯ ยูเอ็นคนไหนก็ตาม) เข้าข่ายยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย เพราะยูเอ็น ค่อนข้างจะขึ้นชื่อว่าล้มเหลว เต็มไปด้วยปัญหาคาราคาซังขนาดไหน ไม่มีอ�ำนาจอะไรนอกจากค�ำประณาม จนแทบจะหาผู้น�ำโลกคนไหน ทีใ่ ห้ความเคารพองค์กรนีไ้ ม่ได้เลยสักคนเดียว  อันทีจ่ ริง แค่มองตัวอย่าง ใกล้ตัวอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ว่าปรามาสยูเอ็นอย่างไรบ้าง ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว ถ้ามันล้มเหลวหนักขนาดนี้จะมียูเอ็นเอาไว้ท�ำไม?  มีไว้เพื่อให้ มหาอ�ำนาจโลกรู้สึกผิดน้อยลงเท่านั้น? 6  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


ทอมตอบกับค�ำถามนี้ผ ่านการสัม ภาษณ์  บัน คีมุน  ชายชาว เกาหลีใต้ผู้นอบน้อม วาจาท่าทีสุภาพ  ที่ถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษ ผูป้ ลิวตามกระแสลมแห่งชาติมหาอ�ำนาจ นับเป็นครัง้ แรกทีเ่ ลขาฯ ยูเอ็น ให้สัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวในขณะด�ำรงต�ำแหน่งนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง องค์การนี้ในปี  1945 ตัวตนของ บัน คีมุน ในบทสัมภาษณ์แบบเป็นกันเองนั้นค่อน ข้างผ่อนคลาย เปิดเผยกระบวนการและประเด็นปัญหาต่างๆ อย่าง จริงใจ ถึงบางครั้งจะดูใสซื่อเกินไปก็ตาม ท�ำให้เราได้เห็นเลขาฯ คนนี้ ในแง่มุมที่เป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดาๆ ที่ต้องมาแก้ปัญหาปวดหัว ชวน ให้กระโจนลงจากหน้าต่างชั้นที่  39 แห่งส�ำนักงานเลขาธิการสหประชา ชาติ  บุคลิกถ้อยทีถ้อยอาศัย เงียบๆ ไม่แข็งกร้าวของ บัน คีมุน อาจ ท�ำให้เรานึกไม่ออกว่าเขาจะแก้ปมความขัดแย้งในปัจจุบันอย่างไร นอกจากพายเรือวนอยู่ในอ่างระหว่างมหาอ�ำนาจขั้วต่างๆ ไปเรื่อยๆ ตัง้ แต่ปญ ั หาอาหรับสปริง ความรุนแรงในซีเรีย ไปจนถึงปัญหาโครงสร้าง ยูเอ็นที่มีอ�ำนาจจ�ำกัดเหลือหลาย และชาติสมาชิกมหาอ�ำนาจที่ไม่เคย ลงรอยกันได้ ถึงยูเอ็นจะไม่สามารถดันให้โลกเราหมุนเฉียดใกล้  “ยูโทเปีย” สักเท่าไหร่  ผูน้ �ำยูเอ็นก็พยายามยับยัง้ ไม่ให้โลกเรากลิง้ หลุนๆ ไปสูภ่ าวะ สงครามของฮอบส์  ท�ำทุกวิถีทาง (ด้วยการทูต) แก้ปัญหาให้ทุกฝ่าย พอใจยอมรับ ดูอีกทีจะว่าพายเรือวนในอ่างก็อาจไม่เป็นธรรม...น่าจะเรียกว่า ก้าวไปทีละนิ้วพร้อมแบกโลกไว้บนบ่ามากกว่า ส�ำนักพิมพ์มติชน

จับเข่าคุย บัน คีมุน  7


คำ�นำ�ผู้แปล

“ยูเอ็น ไม่ใช่พ่อ...” นี่น่าจะเป็นประโยคที่ท�ำให้  ยูเอ็น หรือสหประชาชาติ  เป็นที่รู้จัก ในเมืองไทยในบริบทแวดล้อมชีวิตประจ�ำวันมากที่สุดหากไม่ใช่การรู้จัก จากต�ำราที่ต้องท่องจ�ำเพื่อท�ำคะแนนสอบ แม้ นั่ น อาจเป็ น เพี ย งวาทกรรมทางการเมื อ งจ�ำเพาะกรณี   แต่ ก็ สะท้อนภาพลักษณ์ของยูเอ็นเมื่อมองเข้าไปจากภายนอกได้ดีอย่างยิ่ง พร้อมกับก่อให้เกิดค�ำถามมากมายตามมา ยูเอ็น เป็นเสือกระดาษ...หรือไม่ใช่? เป็นองค์กรที่ดีในโลกแห่ง อุดมคติ  แต่เพราะโครงสร้าง กฎระเบียบและอ�ำนาจวีโต้  ท�ำให้ยูเอ็นใน โลกแห่งความเป็นจริงท�ำได้เพียงแค่เป็นกลไกเพื่อส�ำแดงอิทธิพลของ มหาอ�ำนาจเป็นผู้ออกกฎระเบียบต่างๆ ออกมามากมาย แต่ไม่อาจบังคับ ใช้ได้แม้แต่น้อย...จริงหรือ? หากยูเอ็นเป็นองค์กรที่กลวงเปล่า ไม่สามารถก่อการเปลี่ยนแปลง ใดๆ ในเชิงสร้างสรรค์ได้  ท�ำไมหลายต่อหลายคนถึงทะยานอยากด�ำรง ต�ำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นกันนัก? หรือเพียงเพราะต�ำแหน่งทีว่ า่ นีค้ อื จุดสูงสุด 8  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


ในวิถอี าชีวะทางการทูต ทีเ่ มือ่ ได้ครองจะถือเป็นเกียรติเป็นศรีสงู ส่งเท่านัน้ ? บัน คีมนุ  เป็นหนึง่ ในจ�ำนวนน้อยคนนักทีม่ องยูเอ็นแตกต่างออกไป เขาดิ้นรนเข้าไปนั่งในต�ำแหน่งนี้แล้วลงมือเปลี่ยนแปลง ภายใต้ความเชื่อ ที่ว่า ยูเอ็นสามารถท�ำอะไรได้อีกหลายอย่างนัก ตัวตนของ บัน คีมุน ที่สะท้อนผ่านหนังสือเล่มนี้น่าสนใจอย่าง ยิ่ง เขาเป็นคนในขนบประเพณีแบบหนึ่ง ที่พลัดหลงเข้าไปในอีกขนบ หนึ่ง แต่ดิ้นรนจนสามารถจ�ำหลักค่านิยมมีคุณประโยชน์ในทัศนะของ ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับได้อย่างน่าทึ่ง เขาเป็นคนที่เติบโตมาในภาวะแวดล้อมแบบเก่า สมัยที่ไม้เรียว ยังทรงคุณค่า แต่กลับมีวิสัยทัศน์ทันสมัย ก้าวไปไกล รุดหน้ากว่าหลาย ต่อหลายคน โดยเฉพาะทัศนะต่อสตรี  ต่อสังคม ต่อมนุษยชาติที่น่าสนใจ ศึกษายิ่ง โดยส่วนตัว ผมรูส้ กึ ว่า ทอม เพลท ยอมรับ ชืน่ ชม และทึง่ กับความ เป็น บัน คีมุน มากกว่า และปลอดจากความเคลือบแคลง กังขา หรือ ตะขิดตะขวงใจ มากกว่าทุกคนที่เขาเคยพูดคุยมาในหนังสือชุด “Giants Of Asia” ทั้งหมด

สุดท้าย ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้หนังสือเล่มนี้เป็น  รูปเป็นร่างออกมา ขอบคุณบรรณาธิการเล่มที่เอาใจใส่  ขอบคุณป๊า น้องหนุ่ย ที่เป็นธุระอ่านต้นฉบับเบื้องต้น  กับขอบคุณกาแฟอร่อยๆ หลายแก้วนั้น และแน่นอน ขอบคุณผู้อ่านที่ท�ำให้ก�ำลังใจท�ำงานแปลยังมี ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

จับเข่าคุย บัน คีมุน  9



คำ�นำ�ผู้เขียน

ผมเพิ่งอายุแค่  20 ปี  ตอนที่อาจหาญเดินเข้าไปในส�ำนัก  เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเป็นครัง้ แรก เต็มไปด้วยอุดมการณ์และ ความทะเยอทะยาน  สถานทีน่ คี้ อื อาคารสูงติดกับอีสต์รเิ วอร์  ตรงริมขอบ ของเขตแมนฮัตตัน บริเวณพื้นที่ดาดๆ ธรรมดาใกล้สุดปลายทางด้าน ตะวันออกของถนนสาย 42 ที่มีชื่อเสียง  ผมก�ำลังมองหางานอะไรก็ได้ ที่ยูเอ็น...อะไรก็ได้...แต่ต้อง เป็นงานของยูเอ็นเท่านั้น  ผมอยากท�ำงาน ที่นั่นแทบตาย เหมือนๆ กับคนอเมริกันอีกมากมายในเวลานั้น หรือ บางทีแม้แต่ในเวลานีก้ ด็ ว้ ยกระมัง  ผมคิดว่ายูเอ็นคือสะพานทีส่ �ำคัญยิง่ สะพานหนึง่  ซึง่ ทอดไปสูโ่ ลกทีส่ งบสันติและยุตธิ รรมมากกว่าทีเ่ ป็นอยู ่ ท�ำ อย่างไรผมถึงสามารถเป็นส่วนหนึ่งได้? ส่วนเล็กๆ ก็ยังดี และแล้วอีกหลายสิบปีให้หลัง ในหน้าร้อนของปี  2006 ขณะที่ ก�ำลังเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับเอเชียอยู่ในลอสแองเจลิสในฐานะผู้สื่อข่าว ผมก็ได้รับเชิญไปร่วมทานอาหารกลางวันกับชายคนหนึ่ง ซึ่งก�ำลังล่า ต�ำแหน่งงานในยูเอ็นอยู่ด้วยเช่นกันในเวลานั้น เขาคือ บัน คีมนุ  รัฐมนตรีตา่ งประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี  เป็น จับเข่าคุย บัน คีมุน  11


ตัวแทนของส่วนที่รุ่งเรืองกว่าทางใต้ของคาบสมุทรเกาหลีที่ถูกแบ่งแยก ทีมรณรงค์ของเขาเป็นผู้จัดการการพบปะกันครั้งนั้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากท่าอากาศยานลอสแองเจลิส ระหว่างแวะพักรอเที่ยวบินไป ยังละตินอเมริกาเพือ่ หาเสียงสนับสนุนการชิงต�ำแหน่งของเขา โดยมีเป้า หมายเพื่อ “แลกเปลี่ยนทัศนะ” ซึ่งกันและกัน  แต่ตอนที่เราสนทนาสิ้น สุดกันเมือ่ เวลาล่วงไปร่วมๆ 2 ชัว่ โมงนัน้  เขาขอร้องผมชนิดไม่ยอมให้ทนั ตัง้ ตัวด้วยความมุง่ มัน่ กระตือรือร้น “หวังว่าคุณคงสนับสนุนการลงสมัคร ของผมในคอลัมน์ของคุณนะ” เชื่อหรือไม่? ผมเคยถามเขาจริงๆ ว่า ท�ำไมถึงอยากได้งานนี้ นัก  มีคนจ�ำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่แสดงออกในทางเมินเฉยต่อยูเอ็น ด้วยเหตุที่ว่าองค์กรแห่งนี้ก�ำลังจ่อมจมลงไปในความขัดแย้งและไร้ ประสิทธิภาพในระดับง่อยเปลี้ย  ตัวภารกิจเองก็ดูเหมือนสิ่งที่เป็นไป ไม่ได้  ค�ำตอบของเขาเป็นค�ำพูดธรรมดาๆ แต่ดูออกมาจากหัวใจ  เขา คิดว่ายูเอ็นยังสามารถช่วยท�ำให้โลกนี้สงบสันติและยุติธรรมมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดเขาก็อยากได้โอกาสพยายาม  เมื่อถึงวาระของเอเชีย ที่จะมีใครสักคนด�ำรงต�ำแหน่งสูงที่สุดของยูเอ็น ซึ่งเป็นเพียงครั้งที่  2 ในประวัติศาสตร์ขององค์กรนี้  เขาก็ตั้งใจจะรณรงค์เพื่อการนี้ให้ถึงที่สุด ให้เหมือนกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีมาให้เห็นอีกแล้ว ลองเดาดูนะครับว่าอะไรเกิดขึ้น? เหมือนโชคชะตาก�ำหนด เรา ทั้งคู่ต่างก็ลงเอยด้วยการได้ทำ� งานที่ยูเอ็นด้วยกัน ถึงแม้จะอยู่ต่างระดับ เหลือหลายก็ตามที   จริงๆ แล้ว เมื่อ 40 ปีก่อนหน้านี้  ผมจัดการจนได้ งานเป็นเสมียนสถิติระดับล่างที่ส�ำนักเลขาธิการ ต�ำแหน่งที่เป็นไปได้ว่า อาจจะต�่ำที่สุดเท่าที่จะต�่ำได้ในระบบของยูเอ็นที่ครอบคลุมทั่วโลก แต่ อีกปีให้หลังตอนทีผ่ มกลับไปศึกษาต่อ ผมก็ยงั รูส้ กึ รักงานนี ้ ส่วนเขากลับ ได้รับการ ‘ว่าจ้าง’ ให้ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นเลขาธิการของสหประชาชาติ ทั้งองค์การ  ไม่ต้องสงสัย นั่นเป็นต�ำแหน่งสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ใน บรรดาเจ้าหน้าที่ราว 63,000 คนทั่วโลก ซึ่งเกือบ 8,000 คนในจ�ำนวน 12  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


นั้นประจ�ำอยู่ที่ส�ำนักงานใหญ่ยูเอ็น เจ้าหน้าที่ยูเอ็นทุกคนขึ้นตรงต่อ เลขาธิการ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เรื่องราวของเส้นขนานสองเส้นทางที่ดูคร่าวๆ แล้วเหมือนจะไป ด้วยกัน แต่ตา่ งกันอย่างใหญ่หลวง (เส้นหนึง่ เล็ก ไร้ความหมาย อีกเส้น ใหญ่มหึมา) อาจสิ้นสุดลงตรงนั้น หากไม่เกิดสิ่งหนึ่งขึ้นมา ทั้งสองเส้น บังเอิญมาบรรจบกันเมื่อเร็วๆ นี้   ไม่นานหลังการก้าวขึ้นด�ำรงต�ำแหน่ง แทนที่  โคฟี  อันนัน ผมกับเขาและ ยู  ซุนแต็ก ผู้เป็นภรรยา นั่งจิบน�้ำชา อยู่ในบ้านพักประจ�ำต�ำแหน่งที่จัดให้เลขาธิการยูเอ็นอย่างเป็นทางการ ผมถามเขาว่า จะให้ความร่วมมือในฐานะเป็นบุคคลหนึ่งในหนังสือ Giants of Asia ได้หรือไม่  เขาถามผมว่าคนอื่นๆ มีใครบ้าง และเมื่อผม บอกว่ า   เล่ ม แรกจะเป็ น การจั บ เข่ า คุ ย กั บ   ลี ก วนยิ ว   นายกรั ฐ มนตรี ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์  เขาตอบด้วยการบอกว่า เป็นการเลือกที่ยอด เยีย่ ม ผมเลยพูดต่อว่า เขาเป็นเลขาธิการยูเอ็นคนทีส่ องในประวัตศิ าสตร์ เท่านั้นที่มาจากเอเชีย ท�ำไมเล่าถึงจะไม่เหมาะสมกับการเป็นบุคคล ในหนังสือชุดนี้ บัน คีมุน ไม่พูดอะไรในตอนแรก แต่แล้วก็มองไปทางซุนแต็ก อย่างยินยอมพร้อมรับการชี้ขาด เกิดความเงียบตามมาชั่วขณะ และ แล้วเมือ่ ผูเ้ ป็นภรรยาใคร่ครวญอยูค่ รูห่ นึง่  มองสบตากลับไปพร้อมอาการ พยักหน้าน้อยๆ ท่านเลขาธิการยูเอ็นก็หันมองมาที่ผม แล้วพูดอย่าง เด็ดเดี่ยว “ตกลง แต่ผมไม่เคยท�ำอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยนะ” นั่นคือที่มาของหนังสือเล่มนี้

จับเข่าคุย บัน คีมุน  13


โลกของเราทุกวันนี้ เมื่อมองจากสองทัศนวิสัยที่ต่างกันใหญ่หลวงยิ่ง ในทางหนึ่ง คือ อุทยาน จาก “ยูโทเปีย” -the classic by Sir Thomas More, 1516 “บรรดามหาอุทยานแห่งโลกทั้งหลาย อุทยานแห่งวรรณกรรม และกวีนิพนธ์  อุทยานแห่งจิตรกรรมและดุริยกาล อุทยานแห่งศาสน์ และสถาปัตย์  ล้วนมีจุดประสงค์หนึ่งซึ่งแจ่มชัดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ นั่นคือ ปราศจากอุทยานประการหนึ่งประการใดแล้วไซร้  จิตวิญญาณ ไม่อาจรุดหน้ารุ่งเรืองได้  หากไม่ปรารถนาอุทยานใด ท่านมิอาจเป็น มนุษย์ได้  หากปราศจากความเป็นมนุษย์  ท่านมิอาจมีจิตวิญญาณได้”


ในอีกทางหนึ่ง คือ ป่า จาก “ลีเวียธาน” -the classic by Thomas Hobbs, 1651 “นี่คือสถานที่แห่งสงครามระหว่างผู้คนทุกคนด้วยกัน...ที่ซึ่งไม่มี อ�ำนาจสามัญ ไม่มกี ฎหมาย ไร้ซงึ่ ความเป็นธรรม  พลานุภาพและความ ฉ้อฉลคือคุณธรรมหลักแห่งสงคราม...ไม่มีศิลปะ ไร้อักษรา ปลอดจาก สังคมใดๆ  หากแต่ที่เลวร้ายถึงที่สุดก็คือยังเต็มไปด้วยความหวั่นกลัว ไม่มีที่สิ้นสุด เปี่ยมอันตรายจากความรุนแรงถึงตาย วิถีชีวิตของผู้คนนั้น เดียวดาย ยากแค้น น่าชิงชังรังเกียจดุจดิรัจฉาน และแสนสั้นอย่างยิ่ง”



จับเข่าคุย

บัน คีมุน



แผนส�ำหรับสุดสัปดาห์ อนุทินลับ?...ปากีสถาน คอนเน็กชั่น...ไม่ให้ใครต้องรอสาย... ปัญหาสุขอนามัย...การเดินทางชั้นประหยัด... สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งยูเอ็น

ราว 6 โมงเย็นวันพฤหัสบดีทแี่ มนฮัตตัน ใกล้หมดวันอันแสน  หนักหนาจนสายตัวแทบขาดลงแล้ว บัน คีมุน ย�่ำเท้าอย่างอิดโรยขึ้น บันไดทาวน์เฮาส์  บ้านพักอย่างเป็นทางการส�ำหรับเลขาธิการสหประชา ชาติ  ตุบ...ตุบ...ทีละก้าว ทีละขั้น มุ่งสู่ชั้นที่สองของอาคาร แต่ละก้าว ย่าง...ช้า ระมัดระวัง แทบเป็นการใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่เพื่อก้าวให้ถึง จุดสุดสูงอย่างมุง่ มัน่  หลีกเลีย่ งไม่ให้ไถลลืน่  ด้วยอากัปกิรยิ าลดสุม้ เสียง ลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ ยิง่ นานวัน ใครๆ ก็สมั ผัสได้ถงึ ความปรารถนาอย่างจริงใจของท่าน เลขาฯ ยูเอ็นที่ไม่อยากให้ใครรอ ไม่น้อยไปกว่าที่ไม่อยากไถลตกบันได บ้าน หรือร่วงหล่นลงไปในหล่มการเมืองระหว่างประเทศ ที่พราวเต็มไป ด้วยเหลี่ยมคูลื่นปรูดปราดกว่ากันมากมายนัก คุณคงคิดว่าเขาคงมองข้ามไปหาวันเวลาสุดสัปดาห์ส�ำหรับการ พักเหมือนสลบเป็นตายอย่างที่คนปกติส่วนใหญ่มักท�ำกัน  แต่ขอบอก ว่าผิดอย่างร้ายกาจ เขาไม่ได้สลบไสล ไม่ว่าจะเป็นสุดสัปดาห์นี้หรือ จับเข่าคุย บัน คีมุน  19


ไหนๆ เขามีแต่กา้ วต่อไป...แล้วก็ตอ่ ไป แล้วคุณจะได้เห็นว่ามันแทบเป็น ปรากฏการณ์พิสดารทีเดียว ผมรอเขาอยู่ราวครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องสลักส�ำคัญอะไร ผู้ สื่อข่าวคุ้นเคยกับการรอคอย ยินดีที่จะรอด้วยซ�้ำไป  การรอช่วยให้เรา ได้มีเวลาคิดมากขึ้นอีกนิดถึงค�ำถามที่เตรียมไว้  หรือส�ำหรับสอดส่องไป รอบๆ ต้องการ แล้วบางทีเป้าหมายก็รู้สึกผิดอยู่บ้างกับการล่าช้า บางที อาจกลายเป็นความรูส้ กึ ทีฉ่ วยเป็นประโยชน์ได้  ของชอบส�ำหรับผูส้ อื่ ข่าว เรามาส�ำรวจพืน้ ทีโ่ ดยรอบชัน้ ทีส่ องของอาคารบ้านพักกึง่ ทีท่ �ำงาน อย่างเป็นทางการของยูเอ็นนีใ้ ห้ทวั่ กันดีกว่า มันผสมผสานกันลงตัวอย่าง มีระดับ ห้องสมุดทีอ่ ยูถ่ ดั ออกไปตกแต่งด้วยไม้  ดูมดื ครึม้  ออกจะอุดอูไ้ ป เล็กน้อยตามรสนิยมของผม  ส่วนอีกห้องหนึง่ เล็กกว่าแต่สว่างกว่า มีไฟ จ้าส่องจับอยูต่ รงเตาผิงกับโต๊ะตัวหนึง่ ใต้แผนทีโ่ ลกสีออกนำ�้ เงินๆ  เห็นได้ ชัดว่าเป็นโต๊ะส�ำหรับชายคนนี ้ แต่มนั ดูเรียบร้อยเกินไป เหมือนไม่เคยถูก ใช้งาน  บางทีนอี่ าจเป็นแค่โต๊ะทีใ่ ช้ส�ำหรับประกอบการถ่ายภาพเท่านัน้ กระมัง ย้อนกลับมายังห้องรับรองแขกที่เราจะนั่งลงสนทนา ซึ่งก็สว่าง สดใสเลยทีเดียว  มีแถวแนวภาพถ่ายของบัน กับประดาวีไอพีทั้งหลาย เรียงเป็นระเบียบ มุมเปียโน (ที่มีภาพถ่ายครอบครัวประดับอยู่บนชั้น ภรรยา กับลูกๆ 3 คน) เฟอร์นิเจอร์แบบแยกชิ้น  เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ซื้อ เหมามาจากคลังสินค้าลดราคาทั่วๆ ไป ดูงามสง่า อบอุ่น ไม่อึดอัดมาก จนเกินไป ทาวน์เฮาส์แห่งนี้มี  4 ชั้น ตั้งอยู่ในซัตตันเพลซหมายเลข 3 ย่าน ที่แทบจะเรียกได้ว่าเงียบสงบของเมืองที่บ้าบอคอแตกอย่างแมนฮัตตัน การวางผังดูราวจะย้อนเวลากลับไปหาอดีตของศตวรรษที่  19 เมื่อคราว ทีย่ งั ใช้รถเทียมม้า  รูปแบบหลักๆ ก็คอื บ้านทาวน์เฮาส์ตำ�่ ๆ ของศตวรรษ ที่  19 เรียงรายเป็นระเบียบเหมือนตารางเกมครอสเวิร์ด กับอาคารที่พัก อาศัยแบบสหกรณ์ดูน่าเกรงขาม  แบบแรกนั้นด้านหน้าเหมือนประดับ 20  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


ด้วยรอยยิ้มแย้มให้กับแนวถนนสามแถว หรือหันกลับมายิ้มให้กับอีสต์ ริเวอร์ที่ไหลผ่านด้านหลัง  ส่วนบ้านแบบหลังนั้นจะมีพนักงานเฝ้าประตู สวมถุงมือขาวเก๊กท่าเคร่งเครียดประจ�ำอยู่ ที่นี่ไม่ใช่ย่านพักอาศัยที่ฉูดฉาดมีสีสันเหมือนกับอีสต์วิลเลจ แต่ เป็นที่พักอาศัยที่ไม่ธรรมดา เป็นย่านที่อยู่อาศัยส�ำคัญส�ำหรับหุ้นส่วน บริษัทกฎหมายระหว่างประเทศ เจ้าของส�ำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง นักการ ทูตระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เฮนรี่  คิสซิงเจอร์  (เขาอยู่บนถนนสาย 52) หรืออย่าง บัน คีมุน (สาย 57) แน่นอน บรรดาเพื่อนบ้านในย่านนี้ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นกังวลว่าจะ เกิดเหตุสับสนวุ่นวายหรือไม่เป็นระเบียบขึ้น พวกเขาแทบไม่ต้องกลัว เรื่องพวกนั้นจากการที่มีครอบครัวบันอาศัยอยู่ด้วย ตรงโค้งมุมถนนก็มี ป้อมของส�ำนักงานต�ำรวจนิวยอร์กตั้งอยู่   แม้ผมจะไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ มาประจ�ำในนั้นเลยก็ตาม บางทีแค่มีป้อมเล็กๆ น่ารักก็เพียงพอต่อการ ป้องกันผู้ก่อการร้ายแล้วกระมัง ครอบครัวบันเข้ากับผู้คนในย่านที่พักอาศัยอย่างเป็นทางการซึ่ง ทางยูเอ็นจัดเตรียมไว้ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมรู้มาอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ งานที่เขาท�ำอยู่มีความส�ำคัญอย่างใหญ่หลวง แถมยังเต็มไปด้วยเจ้า หน้าที่ที่เกี่ยวเนื่องแวดล้อมเป็นจ�ำนวนมาก  คีมุนและซุนแต็กก็จัดว่า เป็นสามีภรรยาคู่ที่เงียบสงบที่สุด พวกเขาจะไปงานปาร์ตี้ต่อเมื่อได้รับ เชิญ ซึ่งก็เกิดขึ้นน้อยครั้ง ไม่ออกไปไหนมาไหนในตอนกลางคืน เว้นแต่ จะเป็นเพื่อท�ำหน้าที่เมื่อได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่ค่อยได้อยู่กับบ้านมากมายนัก  ส่วนเธอ ถ้าเลือกได้ก็ชอบที่จะอยู่ ในโรงภาพยนตร์สลัวๆ มากกว่าที่จะยืนอยู่ใต้แสงไฟสว่างจ้า บันสาวเท้าแตะบันไดขั้นสูงสุด แล้วชะโงกเข้ามาเหมือนกับจะ แอบมองอย่างเขินๆ เล็กน้อย  เขาสูงราว 5 ฟุต 10 นิ้ว (น�้ำหนักตามที่ ผมได้รับค�ำบอกมาอยู่ในระดับที่ผอมเอามากคือ 168 ปอนด์) สวมสูท สีเทาเรียบๆ  รอยยิม้ สุภาพประดับอยูใ่ ต้แว่นตากรอบบางธรรมดาๆ บน จับเข่าคุย บัน คีมุน  21


ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นสายนั้น บางทีอาจจะพยายามปกปิดสารพัด สิ่งที่รบกวนใจ อาทิ  เอกสารลับของยูเอ็นสักชิ้น เป็นต้น ที่ท�ำงานวันนี้แย่มากหรืออย่างไร? เขาไม่พูดอะไรอื่นนอกเหนือจากค�ำทักทาย ‘ยินดีที่ได้พบกันอีก’ ฟังดูอบอุ่น แต่ไม่มากเกินไปนัก ไม่เหมือนกับการล้อเล่น หรือพยายาม ยกยอปอปัน้  หรือท�ำทีท�ำท่าหยาบๆ ราวกับเขาก�ำลังลงสมัครเป็นสมาชิก สภาเมืองสักแห่ง เราสัมผัสมือทักทายกัน นับตัง้ แต่กอ่ ตัง้ ในปี  1945 สหประชาชาติมเี ลขาธิการเพียง 8 คน เท่านั้นในประวัติศาสตร์  และมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่มาจากเอเชีย  คีมุน เดินไปทิง้ ตัวลงบนเก้าอีข้ า้ งเปียโนสีด�ำ หยุดหายใจเล็กน้อย แล้วชีน้ วิ้ ไปที่ เก้าอีต้ รงกันข้าม มองมาทีต่ าผมเหมือนจะบอกว่า เอาละ คงได้เวลาแล้ว เชิญเลย! เป็นสัญญาณเริ่มการสนทนาของเรา หวนคิดถึงหัวข้อสนทนา ไม่มตี �ำแหน่งงานไหนเหมือนกับต�ำแหน่ง เลขาธิการสหประชาชาติอีกแล้ว  ต�ำแหน่งนี้ช่วยนิยามค�ำว่า “พิเศษ เฉพาะ” ในทางปฏิบัติได้ดีเยี่ยม  ต�ำแหน่งที่ท�ำให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งมี สถานะราวกับดารา แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องเจอะเจอกับระบบระเบียบ ที่เป็นปฏิปักษ์อยู่บ่อยครั้ง มีเจ้านายเกือบ 200 ราย (สมาชิกทั้งหมด ของยูเอ็น) สือ่ ตะวันตกเกาะติดหนึบเหมือนขีย้ าจับเจ่าอยูห่ น้าไมโครเวฟ รออาหารส�ำเร็จรูป แถมด้วยปัญหาคาราคาซังที่ยืดยาวและยืดเยื้อพอๆ กับประวัติศาสตร์  รวมทั้งสงครามแก๊งระหว่างประเทศต่อเนื่องที่ฝังราก ลึกอยู่ในดีเอ็นเอของแต่ละชาติ นี่เป็นต�ำแหน่งที่ต้องคาดหวังว่าสิ่งไม่คาดหมายเป็นของสามัญที่ เกิดขึน้ ได้ในทุกๆ วัน มีสกั วันไหมทีเ่ วลาผ่านไปโดยทีไ่ ม่มสี งิ่ ใหม่ๆ ใหญ่ โตและมีระดับอัปลักษณ์หลากหลายกันไป ไม่ผุดโผล่ขึ้นที่ไหนสักแห่ง บนโลกใบนี้  แล้วถูกน�ำเสนอว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแทนแห่งความล้มเหลว ของยูเอ็น? 22  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


คนที่เข้ารับต�ำแหน่งงานที่เป็นไปไม่ได้นี้  (ที่ผ่านมาทั้งแปดล้วน เป็นผู้ชาย) เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าโลกที่วุ่นวายยุ่งยากของเรานี้เป็น ระเบียบเรียบร้อย ประพฤติดี  และมีศิวิไลซ์ก็แต่ในจินตนาการของเรา เท่านั้น พวกเขาพบความจริงนี้ในวันแรกๆ ที่ตระหนักว่า ไม้กายสิทธิ์ ส�ำหรับแก้ปัญหาความขัดแย้งที่คิดว่าเก็บไว้ในคลังเครื่องมือของยูเอ็น อันเป็นมรดกทีช่ อบธรรมไม่ได้อยูท่ นี่ นั่  ไม่วา่ จะด้วยเหตุหนึง่ เหตุใดก็ตาม ที  โลกไม่ใช่สังคมในอุดมคติ  แล้วก็จะยังไม่เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยก็ใน เร็วๆ นี้แน่ ถ้าอย่างนั้นแล้ว คุณ-มิสเตอร์ยูเอ็นผู้ยิ่งใหญ่-คิดจะท�ำอย่างไร กับความปั่นป่วนระลอกล่าสุดนี้เล่า? คุณเป็นเลขาธิการองค์การสห ประชาชาติที่มีอ�ำนาจไร้ขอบเขตจริงหรือ? เราจ่ายเงินจ�ำนวนไม่น้อย เพื่อการนี้  แล้วคุณได้ท�ำอะไรให้เกิดสันติขึ้นในโลกเมื่อไม่ช้าไม่นานมา นี้หรือเปล่า? กล้องบันทึกภาพวิดีโอดิจิทัลขนาดเล็กที่ชาร์จมาเต็มเปี่ยม ถูก จัดวางไว้ในลักษณะสามเหลี่ยมเก้าอี้ใกล้เปียโน พร้อมที่จะบันทึกทุกสิ่ง ทุกอย่าง บันกระแอมเล็กน้อย ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่จับสังเกตได้  เขา เหมือนจะเครียดนิดๆ บางทีอาจจะเหนื่อยเล็กน้อยด้วย “ผมกล่าวสุนทรพจน์มา 3 ครั้งวันนี้” เขาพูดด้วยเสียงแหบๆ  นั่นดูเหมือนจะมากเกินปกติไปครั้งหรือสองครั้ง “มีหลายวันที่เคยต้องขึ้นพูดถึงสิบ” เขามีคณะท�ำงานร่างสุนทรพจน์ประจ�ำตัวอยู ่ 6 คน คิดดูกแ็ ล้วกัน บันมองไปทีก่ ล้องทัง้  3 ตัว จากนัน้ ก็หนั กลับมองตรงมาทีผ่ ม “คุณ ควรรู้ว่าผมท�ำรายงานอยู่หลายชิ้น รายงานอย่างเป็นทางการในหลายๆ เรื่อง ที่นี่บ้าง ที่นั่นบ้าง แต่ผมไม่เคยมีหนังสือแม้แต่เล่มเดียวที่เขียนถึง ผม...เขียนเกี่ยวกับผม...หรือที่ผมเป็นคนเขียน” จับเข่าคุย บัน คีมุน  23


อาการหลีกเลี่ยงท�ำนองนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากสไตล์เก็บเนื้อเก็บตัว ของเขา แน่นอน ธรรมชาติเขาไม่ใช่คนอวดโอ่  อีกส่วนหนึ่งสืบเนื่องมา จากความกังวลต่อสื่อทั้งหลาย ซึ่งเขาอาจไม่เข้าใจ หรือไม่ก็อาจเข้าใจ ลึกซึ้งดีจนเกินไป จึงตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่จะหันเหไปในอีกด้าน หนึ่ง แต่เนื่องจากซุนแต็กให้ความเห็นชอบกับโครงการนี้แล้ว โครงการ นี้ก็ต้องด�ำเนินต่อไป! “หายากมากนะ คุณรูไ้ หม การทีผ่ มพบกับคุณในลักษณะนี ้ ได้พดู อะไรก็ตามที่อยู่ในใจออกมา” “คุณ ผม แล้วก็หนังสือเล่มนี้  คุณหมายถึงเรื่องนี้  ตอนนี้หรือ?” เขาพยักหน้านิดๆ “มีหนังสือหลายเล่มเกีย่ วกับผมทีเ่ ขียนโดยใคร สักคน ปราศจากการสัมภาษณ์หรือปรึกษาหารือผม เป็นแค่การก็อปปี้ มา ก็อปปี้สิ่งที่เคยมีคนเขียนแล้วเพิ่มอะไรก็ตามที่เพิ่มได้เข้าไป...มีกว่า 10 หรือ 15 เล่มในภาษาเกาหลี  ผมไม่เคยอ่านเต็มๆ เลยสักเล่ม แต่ บางทีมีคนส่งมาให้  เล่มนี้บ้างเล่มโน้นบ้าง ผมถึงได้รู้ว่าอย่างน้อยที่สุด ก็มี  10-15 เล่ม แตกต่างกันออกไป  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พูดตรงๆ กับใครสักคน” “และพูดกับคนที่ก�ำลังรับฟังอยู่...” “ใช่” “แล้วรู้สึกดีหรือเปล่า?...ผมหมายถึง...จนถึงตอนนี้?” เขานิ่ง สองสามวินาทีกระดิกผ่านไป แต่นี่คือสิ่งที่คุณจะพบใน ตัวเขา ความคิดตรงไปตรงมาผ่านการใคร่ครวญเต็มที่  ซึ่งจ�ำเป็นต้อง ใช้เวลาประมวลเล็กน้อยก่อนเปิดเผยออกมา “โอ...ใช่ๆ” ผมถอนหายใจ โล่งอกในความคิด ท่านเลขาธิการท่านนี้มีชื่อ ในด้ า นการเปิ ด รั บ ท�ำนองเดี ย วกั บ ซี ไ อเอในวั น หยุ ด ท�ำการธนาคาร ต้องขอบคุณคุณนายบันอย่างใหญ่หลวง ชนิดทีต่ อ้ งยกนิว้ โป้งให้ครัง้ ใหญ่ เลยทีเดียว 24  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


ไดอารี่ลับ? ผมเริ่มด้วยค�ำถามเสี่ยงๆ “ไม่มีไดอารี่ลับสุดยอดอะไรใช่ไหมครับ” บันยิ้ม ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหัวเราะ เขานึกไม่ถึง! “ไม่มีไดอารี่ลับ แต่ผมมีไดอารี่ส่วนตัวอยู่เล่มหนึ่ง...เขียนเป็น ภาษาเกาหลี  หนาทีเดียวเพราะเริ่มบันทึกตั้งแต่ตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรี ต่างประเทศ” นั่นเป็นระหว่างปี  2004-2006 เกือบสามปีเต็ม ตามมาตรฐาน การเมืองภายในของเกาหลีใต้แล้ว นับว่าเป็นระยะเวลายาวนานส�ำหรับ รั ฐ มนตรี ต ่ า งประเทศคนหนึ่ ง ๆ  ซึ่ ง ปกติ แ ล้ ว มั ก ถู ก หั่ น ด้ ว ยประเพณี การเมืองแบบเกาหลีจนเหลือเพียงราวๆ 1 ปีเท่านั้น “คุณบันทึกไดอารี่ตอนกลางคืนก่อนเข้านอน? หรือว่ามันอยู่ใน ก้นลิ้นชักที่ท�ำงานครับ?” เขาหัวเราะ ส่ายหน้าอีกครั้ง “ยากมากที่จะบันทึกไดอารี่ที่ว่านี้ ทุกๆ วัน ตอนนี้ผมเลยบันทึกลงในเทปบันทึกเสียง แล้วส่งให้เลขาฯ ชาวเกาหลีของผม ดังนั้นทั้งหมดจึงรู้กันแค่ผมกับอิสซาเบล  วัน ซู  หรือ เยียว โชลก็ไม่รู้” ทั้งสองคือคนสนิทของบัน ซึ่งท�ำงานแบบมาราธอนมากับเขา ตลอดการด�ำรงต�ำแหน่งวาระแรก แล้วก็ได้รางวัลด้วยการมอบหมาย ต�ำแหน่งใหม่ให้ตอนเริ่มวาระที่สอง “ภรรยาผมอาจรู้หรือไม่รู้” บันพูด ก่อนเสริมว่าเรื่องนี้ไม่ได้ท�ำให้ อะไรแตกต่างออกไป เพราะ “เธอไม่เคยเข้ามายุ่ง” คุณนายบันไม่รู้เกี่ยวกับไดอารี่? น่าสนใจ... เขาพูดด้วยน�้ำเสียงดังระดับปานกลาง รักษาระดับอยู่อย่างนั้น ต่อเนื่อง อากัปกิริยาที่แสดงออกก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ที่พยายาม ไม่ท�ำให้ตัวโดดเด่นเพื่อให้กลมกลืนเข้ากับทุกอย่าง บันอายุ  66 ปีแล้ว และความโด่งดังสุ่มเสี่ยงเกินไปใดๆ ถูกกันออกไปอยู่นอกสายตา... ราวกับกลัวว่า มันจะมีชวี ติ ชีวาทีเ่ ป็นตัวของมันเอง แล้วท�ำให้บนั โบยบิน จับเข่าคุย บัน คีมุน  25


ออกนอกหน้าต่างเหมือนปีเตอร์  แพน “ผมเพิ่งกลับมาราวสักห้านาทีนี่เอง” เขาพูด พยายามอ่านความ คิดผม “จากการประชุมอีกแห่ง” ถ้าหากค่าจ้างไม่ได้ดูดี  (กว่า 200,000 ดอลลาร์* ไม่รวมสิทธิ ประโยชน์อนื่ ๆ) และต�ำแหน่งนีไ้ ม่ได้ทรงเกียรติภมู แิ ละมีเกียรติยศในเชิง ประวัติศาสตร์เกินกว่าจะค�ำนวณได้แล้วละก็  คุณคงอดสงสารเขาไม่ได้ “คณะมนตรีความมั่นคงหรือ?” นี่เป็นการคาดเดาที่ดีที่สุดของผม ซึ่งก็คงเหมือนกับของคนอื่นๆ การประชุมคณะมนตรีความมัน่ คงมักยืดเยือ้  บางครัง้ ดูเหมือนจะยาวนาน กว่าสถานการณ์วิกฤตหรือประเด็นที่ท�ำให้ต้องมาประชุมกันด้วยซ�้ำ แต่บันมองเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องขบขันเสียมากกว่า ทัศนคติประการ หนึ่งประการใดของเลขาฯ ยูเอ็นต่อคณะมนตรีความมั่นคง ไม่ว่าจะ เป็นการวางอ�ำนาจหรือยอมตามเป็นเหมือนทาสรับใช้  น่าเคารพนับถือ หรือชวนขุ่นเคืองคับแค้นใจ จะกลายเป็นเครื่องก�ำหนดตัวตนของเลขาฯ คนนั้นในองค์กรโลกแห่งนี้กับวิธีการที่เขาวางแผนท�ำงานต่อไปในวัน ข้างหน้า  ความสัมพันธ์ในลักษณะทีเ่ ป็นปฏิปกั ษ์อย่างดีชว่ ยให้กลายเป็น ข่าวพาดหัว แต่กเ็ ท่ากับเป็นการท�ำลายตัวเองจากภายใน ความสามารถ ในการน�ำเรื่องหนึ่งเรื่องใดไปสู่ความสนใจของคณะมนตรีความมั่นคงได้ เป็นหนึ่งในอ�ำนาจสองสามอย่างที่แจกแจงเอาไว้อย่างชัดเจนในกฎบัตร สหประชาชาติ  ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นข้อก�ำหนดที่คลุมเครืออย่างยิ่ง ในทางตรงกันข้าม ตัวคณะมนตรีความมัน่ คงเองถูกก�ำหนดไว้เป็น อย่างดี  แต่กลับวิวฒ ั นาการกลายเป็นฟอสซิลพิเศษพิสดารอย่างหนึง่ ทีม่ ี เขี้ยวเล็บ ในบรรดากลุ่มสมาชิกถาวร 5 ชาติที่มีอ�ำนาจ “วีโต้” อันเลื่อง ลือ มี  2 ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกคือจีนกับสหรัฐอเมริกาอยู่  แน่นอนมีฝรั่งเศส * เงินเดือนของเลขาธิการยูเอ็น ไม่เปลีย่ นแปลงมาตัง้ แต่ปี  1997 โดยอยูท่  ี่ 227,253 ดอลลาร์ต่อเดือน-ผู้แปล 26  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


อังกฤษ และรัสเซีย ห้อยรวมอยูด่ ว้ ย พยายามทีจ่ ะส�ำแดงตัวเองต่อต้าน ความเป็นจริงของกระแสประวัตศิ าสตร์รว่ มสมัย (ทีม่ ชี อื่ เรียกขานกันอาทิ บราซิล อินเดีย เยอรมนี  ญีป่ นุ่  เป็นต้น) เมือ่ รวมเข้าด้วยกัน พีเ่ บิม้ ทัง้ ห้า ก็กลายเป็นผูค้ วบคุมทีใ่ กล้ตวั  บัน คีมนุ  มากทีส่ ดุ  ทัง้  5 ชาติบวกกับอีก 193 ประเทศที่รวมกันเป็นสมัชชาแห่งสหประชาชาติ โครงสร้างบริหารจัดการที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนใช่ไหม? ชาติเหล่านั้น ไม่จ�ำเป็นต้องขึน้ ตรงกับเขา ทุกอย่างพลิกกลับไปในทางตรงกันข้าม เขา ต่างหากที่ขึ้นตรงต่อชาติเหล่านั้น บันส่ายหน้าแทนค�ำตอบ “โอ-[ถอนหายใจ]-ไม่ใช่  เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง–วันนี้ผมยุ่งมากเลยทีเดียว” ช่วงเวลานีค้ อื เดือนสิงหาคมของนิวยอร์กทีโ่ ชยกลิน่ อับ และเสือ้ กัน ฝนทีบ่ างราวแผ่นกระดาษของเขาก็ยงั แขวนอยูใ่ นตูช้ นั้ ล่าง เขายังคงสวม สูทเป็นทางการ เสือ้ ท�ำงาน และเนคไทอนุรกั ษนิยมสีฟา้   ผมเคยเห็นเขา ในชุดอื่นที่ไม่ใช่สูทเต็มยศเป็นทางการ หรืออย่างน้อยเคยสวมแจ็กเก็ต สปอร์ตกับเขาบ้างไหมหนอ? รูปร่างบอบบางอย่างที่เห็นท�ำให้ยากที่จะ จินตนาการถึงเขาในยิมออกก�ำลังกาย (เขาไม่เคยออกก�ำลังกายในยิม) หรือยิ่งยากขึ้นไปอีกถ้าจะคิดถึงเขาก�ำลังนั่งๆ นอนๆ เอื่อยเฉื่อยอยู่ริม สระนำ�้ ในโรงแรม พร้อมกับเหล้าโซจูเสิรฟ์ ไม่ขาดสาย (สิง่ นีไ้ ม่เคยเกิดขึน้ ) เขาถอนหายใจ “ยุ่งมาก วันนี้ไม่ใช่แค่คณะมนตรีความมั่นคง ผมนั่งเป็นประธานการประชุมระดับภูมิภาคเหล่านั้นทั้งหมด สันนิบาต อาหรับ สหภาพรัฐแอฟริกา สหภาพยุโรป องค์การความร่วมมือชาติ อิสลาม...วาระพิเศษว่าด้วยลิเบีย” เขาร่ายเรียงออกมาราวกับหัวหน้า ทีมพยากรณ์อากาศประจ�ำเขตก�ำลังไล่เรียงค�ำสั่งที่ต้องปฏิบัติประจ�ำวัน เขาถอนหายใจอีกครั้ง และมองออกไปนอกช่องหน้าต่างกว้าง ขนาดใหญ่ที่อยู่เหนืออีสต์ริเวอร์  ล�ำน�้ำที่เป็นประหนึ่งประชาสัมพันธ์ การควบคุมมลภาวะทีม่ ชี วี ติ และเลือ่ นไหล แต่ในห้องรับแขกสว่างสดใส จับเข่าคุย บัน คีมุน  27


แห่งนี้แม้แต่ฝุ่นสักนิดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลุดหลงเข้ามา  ทุกอย่าง สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบ “การประชุมสุดท้ายปาเข้าไปสองชั่วโมง ผมคิดว่ามันน่าจะจบ ตั้งแต่สักชั่วโมงครึ่งได้แล้ว แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นอย่างไร...ท�ำให้ระหว่าง การประชุมผมถึงต้องขอให้  เยียว โชล ติดต่อบอกมาว่าคุณคงต้องรอ อยู่ที่นี่” ยุน เยียว โชล เป็นทั้งผู้เก็บรายละเอียดต่างๆ ระดับปรมาจารย์ เป็นคนก�ำหนดและรักษาตารางนัดหมาย แถมยังท�ำหน้าที่เป็นเหมือน องครักษ์ประจ�ำคฤหาสน์อีกด้วย นี่คือสมาชิกคนส�ำคัญของคณะเจ้า หน้าที่ประจ�ำตัวท่านเลขาฯ ยูเอ็น เขาก็เหมือนกับบันและคณะท�ำงาน ใกล้ชิดระดับสูงสุดทั้งหลาย ที่เดินทางมานิวยอร์กพร้อมกันในปี  2006 ยกกันมาจากกระทรวงการต่างประเทศ เกาหลีใต้  ที่ซึ่งมีบางคนบอกว่า บันได้ปลูกฝังเจตนารมณ์ของตัวเองไว้ที่นั่นและได้ปฏิรูปมันไว้  ถ้าหาก คุณเชื่อนะว่าเจ้าหน้าที่ทางการที่ท�ำงานจนอยู่ตัวเป็นเวลายาวนาน จะ สามารถรังสรรค์การปฏิรูปได้ บันรอคอยอย่างอดทนอยู่ในเก้าอี้  มือสองข้างวางอยู่บนเข่า ราว กับพร้อมรับมือกับวาระเลวร้ายที่จะมาถึงในชีวิต เราก�ำลังอยู่ระหว่าง การด�ำรงต�ำแหน่งสมัยแรกของเขา ที่เต็มไปด้วยข่าวเล่าลือกันถึงความ ไม่แน่นอนของสมัยที่สอง และนั่นคือเรื่องที่เกาะกินใจเขาอยู่ ถ้าจะไล่เรียงล�ำดับกัน นอกจากทางการปักกิ่งแล้ว เขาเป็นตัว เลือกของรัฐบาลบุช ไม่ใช่ตัวเลือกของโอบามา  เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบนัก ในหมู่เจ้าหน้าที่ประจ�ำส�ำนักเลขาธิการยูเอ็น (แต่นั่นอาจหมายถึงเขา ก�ำลังท�ำหน้าที่อันควรท�ำอยู่) เจ้าหน้าที่ชาวสวีเดนรายหนึ่งเขียนบันทึก ที่ถูกแจกจ่ายออกไปอย่างกว้างขวาง ประเมินภาวะผู้น�ำของเขาอย่าง ปราศจากความกรุณาแบบไร้ที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับนักการทูตนอร์เวย์ อีกราย แล้วก็สื่อในซีกโลกตะวันตกซึ่งนานๆ จะใส่ใจถึงเขาสักครั้ง ก็ไม่ ปรานีเช่นเดียวกัน  เขาไม่ใช่  จอร์จ คลูนีย์  พวกเขารายงานในท�ำนองนี้ 28  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


โอ-นั่นน่ะถูกหรือเปล่า? บรรดาผู้สื่อข่าวตะวันตกทั้งหลายจ�ำต้องยอมรับว่า พวกเราไม่ ได้เป็นสื่อที่นิยมชมชอบคนที่ท�ำตัวเงียบๆ เรียบๆ นัก วิถีของบันเป็นได้ ทั้งเงียบขรึมมากเสียจนแทบไม่มีสุ้มเสียง ทั้งๆ ที่มีคณะเขียนสุนทรพจน์ ประจ�ำอยู ่ ค รึ่ ง โหลก็ ต ามที    แล้ ว ก็ บ างที   เป็ น คนไร้ สี สั น มากเสี ย จน สามารถท�ำให้ค�ำว่ามัวซัวหม่นหมองลงไปได้อีกมากมายก่ายกองเลย ทีเดียว แต่บันรู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร เขาแสดงความเคลือบแคลงอย่าง สุภาพว่า คนทีบ่ คุ ลิกดีโดดเด่นอย่างเช่นคลูนยี  ์ จะสามารถรับมือกับงาน ในหน้าทีน่ ไี้ ด้หรือเปล่ายังไม่ร ู้ และยืนยันว่าเขายังสบายๆ กับเรือ่ งความ เป็นนักการทูตผู้เงียบขรึมจริงจังอย่างที่เป็นอยู่  แล้วดูเหมือนจะถามต่อ มาว่ามีอะไรต่อไปในชีวิตที่พิลึกพิลั่น ทะเยอทะยานเกินขีดนี้ที่ผมเลือก จะถาม ปากีสถาน คอนเน็กชั่น บันมองตรงไปที่ว่างข้างหน้า “ผมวุ่นวายอยู่จนนาทีสุดท้าย นั่นแหละ ที่ท�ำให้ผมมาสาย” เขากระแอมอีกครั้งให้คอโล่งเพื่ออธิบายว่า ดินเนอร์ของเราที่ คาเฟ่ในวันพรุ่งนี้ตามนัดหมายคงต้องกระชั้นขึ้นอีกเล็กน้อย  อุทกภัย ในปากีสถานเลวร้ายหนัก ครึง่ หนึง่ ของประเทศดูเหมือนจมอยูใ่ ต้นำ  �้ เขา บอก เขาก�ำลังจะไปใช้เวลาสุดสัปดาห์อยู่ในปากีสถาน เขาจะบินไปปากีสถานในคืนวันพรุ่งนี้-วันศุกร์  เพื่อไปชูธงยูเอ็น ด้วยตัวเอง และอาจบางทีเพื่อเอาอกเอาใจทางอิสลามาบัดสักเล็กน้อย เพราะจุดยืนของปากีสถานที่ดื้อดึง ยังผลให้การประชุมว่าด้วยการลด อาวุธแห่งสหประชาชาติถึงกับต้องชะงักงันลงอย่างไร้เหตุผล นั่นคือวิธี ที่ได้ผลอยู่บ่อยครั้ง เมื่อชาติใดชาติหนึ่งเซย์โน ยูเอ็นก็ตายนิ่งสนิท ไม่ สามารถขยับขับเคลื่อนได้อีก จับเข่าคุย บัน คีมุน  29


คณะท�ำงานจองการเดินทางของทีมไว้ในเที่ยวบินเที่ยวสุดท้าย ของวันพรุง่ นี ้ จากท่าอากาศยานนานาชาติเคนเนดี ้ ตามแผน ถ้าหากเขา ไม่ถกู ลอบสังหารหรือเครือ่ งบินไม่ระเบิดตูมตามขึน้ กลางอากาศ (เหมือน กับทีเ่ คยเกิดขึน้ กับอดีตเลขาฯ ยูเอ็น ดัก๊  ฮัมมาร์โชลด์  ในปี  1964 เหนือ น่านฟ้าคองโก) บันจะกลับมานั่งโต๊ะท�ำงานอีกครั้งในวันจันทร์ ค�่ำคืนสุดสัปดาห์ที่แสนเงียบงันกับ บัน คีมุน ผมถามขึ้น “ท�ำไมต้องไปปากีสถาน? มีใครแนะน�ำให้ไป? หรือ เพียงแค่เพราะว่าคุณได้เห็นภาพข่าวที่ท�ำให้ท้องไส้ปั่นป่วน? อะไรคือ ปัจจัยที่ท�ำให้คนอย่างเลขาธิการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสุดสัปดาห์สบายๆ ในทาวน์เฮาส์ดีๆ แล้วกระโดดขึ้นเครื่องไปปากีสถานที่ต้องใช้เวลาบิน ยาวนานไปยังอีกฟากหนึ่งของโลกแทน?” ใช่-และเขาเป็นหนี้อะไรพวกปากีสถานถึงได้ต้องเอาอกเอาใจ ปากีสถานไม่ได้อยู่ในคณะมนตรีความมั่นคงสักหน่อย “ผมบอกคุณได้ตามความสัตย์จริงอย่างยิง่ ว่า ทัง้ หมดนีเ่ ป็นเพียง การตัดสินใจของผมล้วนๆ  ผมคาดเอาว่าวิกฤตอุทกภัยหนนีน้ า่ จะจบลง เมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้  15 เปอร์เซ็นต์ของดินแดนปากีสถานเผชิญ กับน�้ำท่วม และเราได้ออกประกาศร้องขอความช่วยเหลือเร่งด่วนไป ดั ง นั้ น  ผมจ�ำเป็ น ต้ อ งไปที่ นั่ น เพื่ อ แสดงให้ เ ห็ น ถึ ง ความเป็ น อั น หนึ่ ง อันเดียวกันกับประชาชนปากีสถาน พบกับประธานาธิบดีหรือนายก รัฐมนตรีของพวกเขาแต่นั่นถือเป็นเรื่องรองในครั้งนี้ส�ำหรับผม ผมแค่ อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง” เขากระแอมไล่ล�ำคอทีแ่ หบแห้งอีกครัง้  จิบชาเขียวจากถ้วยเคลือบ อย่างดีที่เจ้าหน้าที่ประจ�ำบ้านพักน�ำมาเสิร์ฟให้เรา “นี่เป็นภารกิจต่อเนื่องจากที่ผมเคยท�ำเมื่อไต้ฝุ่นนาร์กิสถล่มพม่า ผมไปที่นั่นตอนที่ไม่มีใครไปสักคน และผมก็ไปเฮติทันทีที่เผชิญกับ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีนี้   ผมยังไปชิลี  แล้วก็ไปเสฉวนหลังจากเกิด แผ่นดินไหวในจีน...ฝ่ายจีนยินดีมากที่ผมช่วยระดมการสนับสนุนจาก 30  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


นานาชาติไปให้” จะเรียกว่าลัทธิมนุษยธรรมนิยมแบบทั่วถึงก็คงได้  และบันเลือก ที่จะท�ำอย่างนี้มากกว่าทุกคนที่เคยด�ำรงต�ำแหน่งเดียวกันนี้มา อันที่จริง การเดินทางไปๆ มาๆ ของท่านเลขาฯ ชาวเกาหลีคนนี้ก่อให้เกิดเสียง วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในส�ำนักเลขาธิการ ว่าเขาควรประจ�ำอยู่ที่บ้านแทน ดูแลคลังบรรเทาทุกข์  แล้วปล่อยให้การขนถ่ายทางอากาศเพือ่ การนีไ้ ว้กบั เจ้าหน้าทีร่ ะดับล่างแทน  ในทางหนึง่ นัน้  เลขาธิการไม่ได้มมี ากมาย มีแค่ เพียงคนเดียว บางทีชาวปากีสถานสามัญธรรมดาสักคนซึง่ ถูกฝนกระหน�ำ่ น�้ำท่วม ถูกโคลนถล่ม หรือถูกหัวร่อเยาะ [โดยอินเดีย] เป็นต้น อาจ ชื่นชมยินดีกับความพยายามของท่านเลขาฯ ยูเอ็น หรืออาจไม่แคร์เลย ด้วยซ�้ำ? “เพราะงั้นคุณถึงจะไปอยู่ในปากีสถานสุดสัปดาห์นี้  แล้วก็จะได้ เห็นภาพทีน่ า่ กลัวทัง้ หลายเหล่านัน้  จากนัน้ คุณจะปักป้ายยูเอ็นไว้  เราทัง้ หลายก็หวังว่าคุณจะปลอดภัย แต่คณ ุ จะพักอยูท่ นี่ นั่ สองสามวัน-แล้วจะ กลับมา...เมื่อไหร่นะครับ?” “เช้าวันจันทร์” “แต่...แค่นั้นจะท�ำให้คุณรู้สึกหรือว่าได้ท�ำอะไรลงไปที่คุ้มค่ากับ ความพยายามแล้วหรือ?” อาจบางทีสื่อตะวันตกเข้าใจเขาผิดไปทั้งหมดเลยหรืออย่างไร? บางทีนี่อาจเป็นการอวดโอ่ส�ำหรับเขายิ่งกว่าการได้จ้องตากับใครๆ หรือ เปล่า? ผมเสริมขึน้ อีกว่า “ทีน่ นั่ ฝนตกหนักยังกับฟ้ารัว่  พวกนัน้ เปียกปอน เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนเลน แล้วคุณยังจะลงไปหา เล่าเรื่องตลกภาษา เกาหลีหรืออะไรสักอย่างให้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่นั่นฟังหรือเนี่ย?” เขาตอบเรียบๆ “เป็นการปลอบโยนและแสดงความเห็นอกเห็นใจ กับเขา” “คุณคิดหรือว่าพวกเขาจะชื่นชอบ ขวัญก�ำลังใจจะดีขึ้น?” จับเข่าคุย บัน คีมุน  31


“ผมแน่ใจ...ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหน ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจาก วิบัติภัยธรรมชาติ  จะชื่นชมสหประชาชาติเสมอ” ผมพยายามท�ำความเข้าใจ “ในกรณีน ี้ พวกนัน้ รูว้ า่ นีเ่ ป็นเทีย่ วบิน ไกล แล้วก็ยากแม้แต่จะเข้าไปในพืน้ ทีน่ ำ�้ ท่วมในปากีสถานในตอนนี ้ แล้ว คุณยังจะไปที่นั่นซึ่งอยู่ในสภาพชวนกลุ้ม นี่ยังไม่นับประเด็นเรื่องความ ปลอดภัย เพราะอาจมีอัลเคด้างี่เง่าสักรายยิงคุณเข้า หรือโยนระเบิดใส่ รถของคุณ หรืออะไรก็แล้วแต่...” บันค�ำนวณให้ฟังว่า สุดสัปดาห์ที่จะมาถึงของเขานั้นเป็นการใช้ เวลากว่า 40 ชัว่ โมงอยูบ่ นอากาศ และอาจบางทีสกั  10 ชัว่ โมงหรือราวๆ นั้นบนดินแดนปากีสถาน “มีใครสักคนที่โน่นที่คอยประสานงานในตอนนี้  น�ำตัวคุณจาก สนามบินในปากีสถานที่จุดหนึ่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปหรืออะไรสักอย่าง บ้างไหม?” บันหัวเราะ “ผมต้องจัดการเรื่องที่ว่านั่นตอนนี้  แต่รัฐบาลปากีสถานได้รับแจ้งเรื่องนี้แล้ว และจะประสานงานให้” เขาต้องบินด้วยเครือ่ งบินพาณิชย์ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นั่นจะมีเครื่องบินทหารของกองทัพปากีสถานมารอรับ แล้วบินต่อไป ยังฐานทัพแห่งหนึ่ง ดังนั้นตารางเวลาส�ำหรับท่านเลขาฯ ยูเอ็นพรุ่งนี้ก็จะเต็มเหยียด เลย 24 ชัว่ โมงไปด้วยซ�ำ  ้ ทัง้ นีร้ วมถึงก�ำหนดการสนทนาเพือ่ หนังสือเล่ม นี้อีกครั้ง  พร้อมกับดินเนอร์ที่พูดถึงกันไปก่อนหน้า ณ เวลา 17.00 น. เข้าไปอีกหนึ่งนัดหมายด้วย บันเสริมว่า “จากนั้นผมยังต้องโทรศัพท์ไปคุยกับท่านประธานา ธิบดีศรีลังกาตอน 10.30 น. ก่อนที่เที่ยวบินขากลับของผมจะออกเดิน ทางตอน 11.00 น.  นีก่ เ็ ป็นเรือ่ งส�ำคัญอีกเหมือนกัน เพราะเนือ้ หาเกีย่ ว เนื่องกับความรับผิดชอบในการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่นั่น” 32  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


สงครามกลางเมืองในศรีลังกาซึ่งยืดเยื้อยาวนานหลายทศวรรษ ท�ำให้มผี คู้ นเสียชีวติ มากมายโดยเฉพาะชนกลุม่ น้อยชาวทมิฬ  ไม่กเี่ ดือน ก่อนหน้านี้  บันเดินทางไปเยือนที่นั่น อาศัยความกล้าเสี่ยงใช้วิธีการทูต เงียบ แต่ถูกบอกปัดอย่างไม่ค่อยจะเงียบสักเท่าใดนัก ในทัศนะของทมิฬทั่วโลก นั่นเป็นความผิดพลาดน่าอายที่ไม่น่า ให้อภัยอันเนือ่ งมาจากความไร้เดียงสาของคนอย่างเลขาฯ ยูเอ็น  บันถูก วิพากษ์วจิ ารณ์ถงึ การกระท�ำทีว่ า่ นัน้  ว่าเป็นเหมือนกับการโยนเกียรติภมู ิ ของยูเอ็นทิ้ง  ความคิดที่ว่า เมื่อคนที่อยู่ในสถานะเหมือน “สันตะปาปา ในทางโลก” เดินทางไปเยือน อย่างน้อยที่สุดก็ควรได้รับการขอบคุณ เล็กน้อยจากผู้ศรัทธา แม้จะไม่เคารพนับถือกันก็ตามที  ไม่ใช่แสดงตอบ อย่างไม่ไยดีแน่ๆ  ดังนั้น การบรรลุความตกลงอย่างหนึ่งอย่างใดล่วง หน้าเอาไว้จึงกลายเป็นความจ�ำเป็น ก่อนที่เลขาฯ ยูเอ็นจะออกเดินทาง ไปเสนอหน้าด้วยตัวเอง แต่สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องต�ำหนิติเตียนที่เกิดจนเป็นเรื่องปกติเกี่ยว กับวิธกี ารทางการทูตในระดับสูงแบบนอบน้อม ไม่กระโตกกระตากปราศ จากการรับรู้  รูปแบบตามสไตล์เอเชียที่ได้รับการยกย่องเมื่อเวลาผ่านไป แม้จะไม่โปร่งใส ซึ่งก็เคยเป็นรูปแบบการท�ำงานของอดีตเลขาฯ ยูเอ็น ชาวเอเชียก่อนหน้านี้อีกเพียงคนเดียวคือ อู  ถั่น จากพม่า (1961-1971) เช่นเดียวกัน ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันนัก แน่นอนโดยเฉพาะในบรรดา สื่อจากตะวันตกทั้งหลาย แล้วก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบแม้แต่ในบางส่วนของคณะท�ำงานของเขา เองเช่นเดียวกัน ครัง้ หนึง่ ในการพบกันเป็นการส่วนตัวทีต่ รงไปตรงมาอย่างยิง่  หนึง่ ในเจ้าหน้าที่ยูเอ็นระดับสูงที่ขยันขันแข็งที่สุดผู้หนึ่ง หยิบยกประเด็นนี้ ขึ้นมาพูดจากับบันอย่างสุภาพว่า ท�ำไมเขาชอบโค้งค�ำนับ ก้มต�่ำอย่าง ยิง่ ในสถานการณ์ตอ่ หน้าสาธารณะ อย่างน้อยทีส่ ดุ  เขาก็เป็นเลขาธิการ สหประชาชาติ  ต�ำแหน่งทางการทูตที่สูงที่สุดของโลกไม่ใช่หรือ? จับเข่าคุย บัน คีมุน  33


บันจ้อง เหมือนจะมองให้ทะลุลงไปในตัวเพือ่ นร่วมงานผูก้ ล้าหาญ คนนั้น ซึ่งตีความได้ว่า ก็จริง แต่คุณไม่รู้เลยหรือว่า ผมคือ บัน คีมุน คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมากที่สุดในบรรดาผู้นอบน้อมทั้งหลายในแวดวง เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้? คนสนิ ท ซึ่ ง ได้ รั บ การเตื อ นอย่ า งนุ ่ ม นวลผู ้ นั้ น   ไม่ เ คยหยิ บ ยก ประเด็นนี้ขึ้นมาพูดอีกเลยนับตั้งแต่บัดนั้น แน่นอน บันเป็นคนทีป่ ระเมินตัวเองอยูต่ ลอดเวลา บางทีอาจมาก เกินไปด้วยซำ  �้ เขารูด้ วี า่ การเดินทางเยือนโคลัมโบครัง้ แรกผลลัพธ์ออกมา ไม่ดนี กั  พวกนัน้ ให้สญ ั ญาทุกอย่าง แต่ไม่ท�ำตามค�ำสัญญาเลยสักอย่าง กระนั้นแทนที่จะเลิกรา บันทุ่มเทมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาไม่ยอมปล่อยให้ เรือ่ งศรีลงั กาผ่านเลยไป บอกอย่างรัน้ ๆ ว่า “สิง่ ทีไ่ ม่มวี นั ฆ่าคุณ มีแต่จะ ท�ำให้คุณเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น”  วาทะปลอบประโลมจากนิทซ์เช ที่พบกัน ได้ทั่วไปในหลายๆ วัฒนธรรม “เมื่อวานผมส่งสารแรงๆ ไปถึง [ประธานาธิบดีศรีลังกา] ตอนนี้ เขาตอบกลับมาแล้ว...เขาอยากคุยกับผม  เพราะเหตุน ี้ คืนพรุง่ นีด้ นิ เนอร์ ของเราถึงต้องจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท�ำได้” แต่ จ ริ ง ๆ  แล้ ว   การรั บ ฟั ง เพี ย งแค่ ป ฏิ กิ ริ ย าจากบรรดาทมิ ฬ พลัดถิน่ ทัว่ โลกทีเ่ ต็มไปด้วยข้อวิตกวิจารณ์นนั้  รัฐบาลหัวแข็งของศรีลงั กา คงไม่ซาบซึ้งกระไรนักกับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของคนที่ได้ชื่อ ว่าเป็นโป๊ปในทางโลกของเรา “สีส่ บิ ห้านาทีทภี่ ตั ตาคาร แล้วคุณต้องยอมให้ผมมีเวลาได้เก็บข้าว ของ จัดกระเป๋าเอกสารบ้างสักหน่อย” เราจองโต๊ะไว้ที่ชินชิน บนถนนสาย 49 ตะวันออก ใกล้กับเธิร์ด เอเวนิว ผมรู้จักกับจิมมี่เป็นเจ้าของ เพราะวิคตอเรีย ลูกสาวผู้สดใส ของเขาท�ำหน้าที่เป็นครูผู้ช่วยของผมที่ยูซีแอลเอ (University of California, Los Angeles - UCLA) บันเองก็ชอบร้านที่มีชีวิตชีวาและราคา ไม่แพงของจิมมี่ด้วยเช่นกัน 34  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


“ตกลง เก็บแปรงสีฟนั ยาสีฟนั ของคุณได้เลย...เอ่อ แล้วคุณจะได้ ไปปากีสถาน...ผมไม่รู้นะว่าคุณท�ำได้ไง เป็นผมคงท�ำไม่ได้” เขายักไหล่เป็นค�ำตอบ “ในฐานะเลขาธิการ ผมจ�ำเป็นต้องร่วม ความทุกข์ยากครั้งนี้กับปากีสถานและผู้คนที่นั่น ผมท�ำงานเพื่อมนุษย ธรรมทุกอย่าง และนั่นคือสิ่งที่ผมก�ำลังจะท�ำ  คนอื่นๆ อาจคิดว่านี่เป็น อะไรสักอย่างทีเ่ กิดขึน้ ในปากีสถาน แต่สงิ่ นีม้ ผี ลผูกพันต่อเป้าหมายการ พัฒนาแห่งสหัสวรรษ และโยงถึงประเด็นเรื่องการพัฒนากับสันติภาพ อีกด้วย” เป้าหมายทีว่ า่ นี ้ ว่ากันว่าการบรรลุถงึ จะขับเคลือ่ นดาวเคราะห์โลก ที่ยุ่งยากล�ำบากดวงนี้ให้ขยับเข้าใกล้สังคมอุดมคติแบบยูโทเปียมากขึ้น นีค่ อื ผลงานของ โรเบิรต์  ออร์  เจ้าหน้าทีย่ เู อ็นชาวอเมริกนั  ผูซ้ งึ่ ข้อวินจิ ฉัย ทัง้ ในทางการเมืองและการก�ำหนดนโยบายทัง้ หลายของเขา เป็นสิง่ ทีบ่ นั ฝากผีฝากไข้ไว้อย่างใหญ่หลวง สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลยว่า บันไม่ใช่คนขี้เกียจแน่นอน “แต่นั่นคือการลงโทษร่างกายตัวเองนะ...ผมดีใจที่ไม่ใช่หมอ ประจ�ำตัวคุณ คุณรู้จักโอบูชิเมื่อตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหรือ เปล่า?” โอบูชเิ สียชีวติ ในต�ำแหน่งด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตกเมือ่ ปี  2000 “โอบูชิก็เหมือนคุณ บ้างานระดับไฮเปอร์  แล้วก็ท�ำงานไม่หยุด หย่อนด้วยโทรศัพท์...รู้จักไหม โอบูชิ-โฟน?” “ครับ โอบูชิ-โฟน” “หมอของเขาลงความเห็นตรงกันว่า เขาเป็นลมล้มลงเสียชีวิต เพราะท�ำงานหนักมากเกินไป...” โอบูชิเสียชีวิตขณะอายุ  73 ประธานาธิบดี  โรห์  มูเฮียน 63 ส่วน เบนาซีร์  บุตโต นั้นอายุเพียง 59 ปีเมื่อตอนที่ถูกลอบสังหาร  ในเอเชีย คนไม่ได้อายุสั้นเสมอไป แต่คนเหล่านี้มักเสียชีวิตด้วยวิธีพิเศษเสมอ ผมพนันได้เลยว่า คุณนายบันต้องกังวลกับการท�ำงานไม่หยุดหย่อนของ สามีแน่ๆ เราถามเธอทีหลังได้ จับเข่าคุย บัน คีมุน  35


ไม่ปล่อยให้ใครรอสาย กริ่งโทรศัพท์จากโต๊ะที่วางใกล้กับผนังทางด้านขวาของเปียโนดังขึ้น กะทันหัน มันเป็นโทรศัพท์แบบโบราณ เข้ากันเหมาะเจาะกับสภาพ แวดล้อมผู้ใหญ่ๆ ของห้องสมุดชั้นสอง บนโต๊ะหลายๆ ตัวในห้องนี ้ มีรปู ของบรรดาบุคคลส�ำคัญทัง้ หลาย จัดวางอยูร่ ปู แล้วรูปเล่า ตรงมุมเยือ้ งไปทางด้านหลังของผม เป็นเหมือน วิหารจ�ำลองของประธานาธิบดี  จอห์น เอฟ. เคนเนดี้  รวมถึงรูปถ่าย เข้ากรอบอย่างดีพร้อมลายเซ็น “ขอให้โชคดี” จากเจเอฟเค มอบให้เป็น ของขวัญในวันรับต�ำแหน่งของบัน โดยวุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้ ภาพนี้เตือนให้ร�ำลึกถึงการพบกันที่ท�ำเนียบขาวในปี  1961 ระหว่าง เจเอฟเคกั บ นั ก เรี ย นชาวเกาหลี ผู ้ ม าเยื อ น หนึ่ ง ในจ�ำนวนนั้ น คื อ บั น ในวัย 18 ปี บันแสดงท่าทางขอโทษการขัดจังหวะแทรกดังกล่าวด้วยการพยัก หน้า แล้วผุดลุกขึ้นรับโทรศัพท์  สนุกดีที่ได้ฟังอยู่ด้วย โดยเฉพาะเมื่อผม ไม่ควรได้ฟัง เขาดูหงุดหงิดกับโทรศัพท์ครัง้ นัน้  คนทีโ่ ทรศัพท์มาเป็นนักการทูต นานาชาติประจ�ำยูเอ็นคนส�ำคัญคนหนึ่ง ไม่ใช่หงุดหงิดกับการโทรศัพท์ แต่สบื เนือ่ งจากสิง่ ทีเ่ ขาเห็นว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกนั  ซึง่ ก็ไม่ได้เกีย่ วข้อง โดยตรงกับเรือ่ งทางการทูตเท่าใดนัก แต่เป็นเพราะภรรยาของเขาไม่ได้รบั เชิญให้เข้าร่วมงานแต่งงานในนิวยอร์กของบุตรีนกั การทูตคนส�ำคัญผูห้ นึง่ คุณสามารถบอกได้เลยว่าบันโกรธแทนภรรยาไม่ใช่น้อย เพราะ เขาพยายามอย่างแสนสาหัสที่จะไม่แสดงออกมาให้เห็นได้ชัด  ถึงจุด หนึง่ เขาถึงกับต้องหัวเราะหึๆ เหมือนกับพยายามระงับและบรรเทาความ พลุ่งพล่านในอารมณ์ลง  การสนทนากินเวลาไม่เกิน 5 นาที  และจบลง ด้วยการที่บันเปลี่ยนเรื่องด้วยการแจ้งให้นักการทูตรายนั้นทราบแผน ในช่วงสุดสัปดาห์ บันเดินกลับมายังเก้าอีน้ งั่ ลวดลายละเอียดสีชมพูแดงตัวนัน้ อีกครัง้ 36  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


หลังท�ำให้คู่สนทนาทางโทรศัพท์เข้าใจประเด็นที่ต้องการ โดยสามารถ เก็บอารมณ์ที่ขึ้นชื่อของเขาให้อยู่ในความควบคุมได้ส�ำเร็จ และใช้เวลา 5-6 นาทีของการขัดจังหวะนั้น เป็นประโยชน์ในการอธิบายถึงนโยบาย ของตัวเองที่ไม่เคยปล่อยให้การโทรศัพท์สะสมคั่งค้าง “ตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครสักคนโทรศัพท์มาหา ผมไม่เคยปล่อยให้ คนคนนั้นต้องรอ แม้จะอยู่ระหว่างอาหารเช้าหรือเที่ยงวันก็ตามที  ผม พยายามรับโทรศัพท์เหล่านั้น เนื่องจากผมเชื่อว่าถ้าคุณปล่อยให้โอกาส นั้นผ่านเลยไป...ด้วยเพราะความแตกต่างของเวลาที่อาจจะแค่ไม่กี่ ชั่วโมง 24 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่ง 48 ชั่วโมงให้หลัง...ผู้น�ำคนอื่นก็ต้องมี การเคลื่อนไหวเหมือนกันกับที่ผมก�ำลังท�ำโน่นนี่อยู่  และเมื่อคุณมีเวลา ในทีส่ ดุ  ก็อาจเป็นเรือ่ งยากมากทีจ่ ะพูดคุยกับผูน้ �ำโลกคนนัน้ ให้เบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ได้   นั่นคือเหตุผลที่ว่าท�ำไมผมถึงท�ำตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา ผมพยายามที่จะรับโทรศัพท์ทุกสายเสมอ ในทันทีที่มันเข้ามาหา” “แม้แต่ในตอนกลางคืน?” “แน่นอน...เพราะความแตกต่างของเวลาระหว่างแอฟริกากับ ยุโรป...เท่าไหร่นะ? 6 หรือ 8 ชั่วโมง?...ท�ำให้บางครั้งมีโทรศัพท์เข้ามา ตอนเที่ยงคืน  ผมคุ้นแล้วกับการรับโทรศัพท์ตอนตี  2 ตี  4 หรือตี  5” “คุณรับโทรศัพท์พวกนี้ในห้องนอน? โอ...คุณนายบันคงชอบล่ะ นะ” “ในห้องหนังสือ” ห้องหนังสือห้องนีอ้ ยูบ่ นชัน้  3 ห่างจากห้องนอน หนึ่งชั้น เขาแทบไม่เคยอนุญาตให้ใครๆ เข้ามาในนี้  ยกเว้นคุณนายบัน “แต่ตอนตี  4 คุณต้องหลับอยู่แน่ๆ?” “ก็ผมยังขึ้นมาที่ห้องหนังสือได้  เรา [หมายถึงพนักงานโทรศัพท์ ของยูเอ็น] ท�ำการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน” ห้องนีอ้ ยูส่ งู ขึน้ มาหนึง่ ชัน้  แต่ไม่ควรมีใครเข้ามาได้เห็นภายในห้อง นี้   บนโต๊ะตัวหนึ่งคือเอกสารลับสุดยอดและแฟ้มเอกสารส�ำคัญต่างๆ ก่อนที่ผมจะเสร็จสิ้นโครงการหนังสือเล่มนี้  ผมอยากได้เห็นมัน จับเข่าคุย บัน คีมุน  37


เขาอธิบายว่าท�ำไมเขาถึงพยายามที่จะไม่บอกปัดโทรศัพท์  “ผม สังเกตว่า แต่ละคนก็มีวิธีการบริหารเวลาต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบรรดา ท่านประธานาธิบดี  นายกรัฐมนตรี  หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ  คนเหล่า นี้คงต้องมีภารกิจยุ่งเหยิงเอามากๆ แต่คนเราไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ถ้าตั้ง ใจจริงๆ คุณต้องมีเวลาให้กับประชาชน” ผมลองใช้ค�ำถามนี้  หวังว่าจะได้ตัวตนของบันออกมา “นายกรัฐ มนตรีแมร์เคิลของเยอรมนีโทรศัพท์เข้ามาตอนตีสองแล้วบอกว่าต้องการ คุยกับคุณ ภรรยาคุณจะว่ายังไง?  หวังว่าเธอคงนอนขีเ้ ซาเอามากๆ นะ” บันหัวเราะกับค�ำถามนั้น “ผมเห็นหลายคนอยู่นะที่จ�ำกัดเวลา รับโทรศัพท์ของตัวเอง ไม่ยอมรับโทรศัพท์ใดๆ ในช่วงเวลาพักผ่อนของ ตัวเอง...ผมเปิดรับตลอด 24 ชั่วโมง  เมื่อมีใครสักคนอยากคุยกับผม ผมจะถือเสมือนว่าคนคนนั้นก�ำลังเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน และถ้าคุณ อยู่บ้านคุณก็ต้องเปิดประตูรับ...คุณนั่งเฉยๆ ไม่ได้” ผมโต้กลับไปว่า “แต่สมมุติว่าถ้าเปิดประตูแล้วพวกนั้นมีปืนและ ยิงคุณล่ะ?” บันลังเลเล็กน้อยแล้วหัวเราะ “ผมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอด ภัย” ปัญหาสุขอนามัย “ท�ำไมคุณถึงต้องคิดอะไรเป็นการทูตอยู่ตลอดเวลา?” ผมก�ำลังคิดถึงโทรศัพท์ที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่  ถ้าเอกอัครราชทูต คนนั้นไม่ได้ประสาอะไรกับความเจ็บปวดส่วนตัวของบันและความไม่ พอใจในฐานะสามีที่ผู้เป็นภรรยาไม่ได้รับเกียรติ  ประเทศสมาชิกคณะ มนตรีความมัน่ คงประเทศนัน้ ก็ควรเรียกตัวเขากลับไปในข้อหาทัง้ ไม่ประสี ประสา ทั้งทึ่ม “โดยส่วนตัว ผมพยายามที่จะตรงไปตรงมา เปิดเผยและซื่อสัตย์ ตลอดเวลา” 38  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


“แต่งานนีค้ งท�ำให้คณ ุ คลัง่ แน่ๆ?  จ�ำทีผ่ มเคยตัง้ ค�ำถามในคอลัมน์ ได้ไหมว่า ผมสงสัยเรื่องอนามัยส่วนตัวของคุณ ในแง่นั้นผมไม่คิดว่า จะมีคนปกติคนไหนอยากท�ำงานบ้าๆ แบบนี้แน่” บันหัวเราะ ผมก็เช่นกัน คอลัมน์ทผี่ มพูดถึงอยูใ่ น เดอะ ซีแอตเติล ไทม์ส กับ เดอะ โคเรียไทม์ส แล้วก็หนังสือพิมพ์อื่นๆ อีกสองสามฉบับ ในเดือนสิงหาคม 2006  มันถูกหยิบยกมาพูดถึงกันกว้างขวางในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ที่มีการตั้งขอสังเกตกันมาก เมื่อ เดอะ โคเรีย ไทม์ส น�ำไปตีพิมพ์เผยแพร่   ข้อเขียนของผมสนับสนุนบันใน ฐานะผู้สมัครชิงต�ำแหน่งเลขาฯ ยูเอ็นที่มีคุณสมบัติดีที่สุดเท่าที่มีการ ประกาศตัวกันออกมา  ผมเดาเอาว่ามันคงถูกจังหวะพอดี   ในเดือน ถัดมาคณะมนตรีความมัน่ คงมีมติสง่ ชือ่ เขาเข้าสูก่ ารพิจารณาของสมัชชา สหประชาชาติ เ พื่ อ รั บ รอง  ส่ ว นที่ ...ผมเปิ ด รั บ ตลอด เหลือก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ เพราะเหตุนี้ผมถึงได้ถามต่อ 24 ชัว่ โมง เมือ่ มีใครสักคน อยากคุยกับผม ผมจะถือ ว่า “หรือตอนนี้คุณยังไม่ปกติอยู่ดี? เสมือนว่าคนคนนั้นก�ำลัง หรื อ คุ ณเป็ นคนไม่ป กติม าแต่ไ หน เคาะประตู อยู ่ ห น้ า บ้ า น... แต่ ไ รแล้ ว ?  คุ ณ ดู แ ลสุ ข ภาพของ คุณก็ต้องเปิดประตูรับ... ตัวเองยังไง?” คุณนั่งเฉยๆ ไม่ได้ ผมทีเล่นทีจริงไปอย่างนัน้ เอง คนที่มีจิตใจปกติดีทุกคนคงไม่มีใครอยากเป็นหรือต้องการท�ำงานใน ต�ำแหน่งนี้   ก่อนหน้านั้น มีเจ้าหน้าที่สิงคโปร์ที่เป็นที่รู้จักกันดีรายหนึ่ง แสดงท่าทีว่าอยากลงสมัคร แต่แล้วก็ไม่เอา ด้วยอาจเป็นเพราะไม่ชอบ ค�ำอธิบายลักษณะงานอย่างไม่ทางการในตอนนั้นนัก นั่นคือ รับสมัคร : เลขาธิการสหประชาชาติ  ผูซ้ งึ่ จะเป็นเลขาฯ มากกว่าเป็น ผูบ้ งั คับบัญชา บันขยับตัว เปลีย่ นถ่ายน�ำ้ หนักบนเก้าอี ้ แล้วจ้องมาทีผ่ มสองสาม วินาทีด้วยรอยยิ้มจืดๆ “หลายๆ คนถามค�ำถามนี้กับผม [กระแอม] ว่า สนุกกับงานของตัวเองไหม ค�ำตอบก็คอื  นีไ่ ม่ใช่เรือ่ งของการชอบหรือไม่ จับเข่าคุย บัน คีมุน  39


ชอบ นี่เป็นงานซึ่งต้องการความส�ำนึกถึงภารกิจ  หลายคนเตือนผมว่า งานนี้เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุด  ตอนนี้หลังจากเข้ารับหน้าที่  ผม ตระหนักแล้วว่านี่เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดจริงๆ และผมบอกกับ รัฐสมาชิกและเพื่อนๆ แบบติดตลกว่า ภารกิจของผมก็คือ ท�ำให้งานที่ เป็นไปไม่ได้  เป็นไปได้ขนึ้ มา...เป็นภารกิจทีล่ ลุ ว่ งได้  นัน่ คือสิง่ ทีผ่ มก�ำลัง ท�ำ–ไม่ว่าผมจะเป็นคนปกติหรือไม่ก็ตาม” เราทุกคนต่างล้วนมีงานในหน้าที่ที่คุกคามจนร�่ำๆ จะท�ำให้คลุ้ม คลั่งกันอยู่ทุกคนไม่ใช่หรือ? บั น พยั ก หน้ า   “เว้ น เสี ย แต่ ว ่ า คุ ณ จะมี ส�ำนึ ก สู ง ยิ่ ง ในพั น ธะต่ อ การรั บ ใช้ นี่ เ ป็ น งานซึ่ ง สาธารณะ ไม่เช่นนั้นละก็หนักหนาสาหัส ต้องการความส�ำนึก แน่ น อน  คื น หนึ่ ง ผมรู ้ สึ ก เหมื อ นอยาก ถึ ง ภารกิ จ ...ตอนนี้ ยอมแพ้   แต่แล้วส�ำหรับผม ช่วงเวลากว่า หลังจากเข้ารับหน้าที่ สี่สิบปีที่ท�ำงานในฐานะนักการทูต ผมท�ำ ผมตระหนักแล้วว่า นี่ อยู่ได้ด้วยส�ำนึกของการรับใช้สาธารณะที่ เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ เข้มแข็ง ในแง่นนั้ ชีวติ ส่วนตัวของผม ซึง่ ถ้า มากที่สุดจริงๆ หากวัดกันโดยมาตรฐานตะวันตกบางมาตร ฐานแล้ว อาจถือได้ว่าเป็นการทนทุกข์ทรมาน บางคนบอกด้วยการ ถากถางเป็นนัยๆ ว่าผมท�ำงานเหมือนทาส” เป็นไปได้ไหมว่า บันอาจตีความค�ำพูดที่อาจเป็นการแสดงความ เห็นอกเห็นใจผิดไป? ระหว่างสองสามปีแรกในวาระด�ำรงต�ำแหน่งของ เขาแทบไม่มีเสียงชื่นชมล้วนๆ หรือค�ำพูดที่แสดงออกถึงการสนับสนุน ในทางบวกให้ได้ยิน หลังจากนั้นมา ชายผู้นี้อาจไม่รู้ว่าอันไหนคือค�ำ กล่าวแสดงความชื่นชมเมื่อมีมาถึง “แต่ความคิดเห็นค่อนข้างสบประมาทอยู่บ้างท�ำนองนั้นไม่ส่งผล อะไรกับผมหรอก ผมยังคงให้ความส�ำคัญกับการรับใช้สาธารณะเป็น ล�ำดับแรก แล้วอันดับสองถึงจะเป็นเรื่องชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตของตัวเอง เพราะ [เพื่อท�ำหน้าที่ให้เหมาะสม] ผมแทบต้องละเลยชีวิตครอบครัว ทัง้ หมดของผมทีน่  ี่ ผมซาบซึง้ อย่างยิง่ ต่อภรรยาทีไ่ ม่เคยปริปากบ่นเรือ่ งนี”้ 40  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


ถ้าดูจากตารางเวลาสาหัสสากรรจ์ทอี่ าจถึงขัน้ เจ็บปวดของเขาแล้ว บางคนก็อาจอยากประกาศเกียรติคุณยกย่องเธอให้เป็นนักบุญที่มีชีวิต ด้วยซ�้ำไป หรือไม่เธออาจจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ไปด้วยอีกคนหนึ่งแล้ว ก็เป็นได้  (พวกเขาฉลองวาระครบรอบแต่งงานปีที่  40 ไปเมื่อปี  2011) “ผมโชคดีอย่างถึงที่สุดที่มีผู้หญิงเช่นนี้  คนที่อุทิศเวลาทั้งหมด ให้กบั ครอบครัวและกระทัง่ งานสาธารณะ ผมไม่เคยเสียใจใดๆ ในความ สัมพันธ์ระหว่างเรา ผมคิดว่าผมได้ท�ำ ในสิ่งที่ผมควรท�ำ  นี่ไม่ใช่ความคิด ผมยั ง คงให้ ค วาม เมื่ อ ตอนที่ เ ป็ น เลขาฯ  แล้ ว นะ  แต่ ส�ำ คั ญ กั บ ก า ร รั บ ใ ช ้ เป็นสิ่งที่คิดตั้งแต่ตอนที่ท�ำหน้าที่เป็น สาธารณะเป็นล�ำดับแรก รั ฐ มนตรี ต ่ า งประเทศและต�ำแหน่ ง แล้วอันดับสองถึงจะเป็น ิ ส่วนตัวหรือชีวต ิ น้อย-ใหญ่  ส�ำคัญบ้างไม่ส�ำคัญบ้าง เรือ่ งชีวต ก่อนหน้านี้  ชีวิตผมทั้งชีวิตอุทิศให้กับ ของตั ว เอง เพราะ [เพื่ อ ท�ำหน้ า ที่ ใ ห้ เ หมาะสม] การรับใช้สาธารณะ” ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งหมด ผมแทบต้ อ งละเลยชี วิ ต ครอบครั ว ทั้ ง หมดของ นั่นคือชีวิตทั้งชีวิตของ บัน คีมุน ไม่มี ผมที่นี่ การวกอ้ อ มไปหาความร�่ ำ รวยหรื อ เข้าสู่ภาคเอกชน ไม่เคยได้รับแต่งตั้งต�ำแหน่งกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยา ลัยใดๆ เพื่อเปิดช่องให้หายใจคล่องๆ เต็มปอด ก่อนจะจ่อมจมลงสู่ ทะเลการทูตระหว่างประเทศที่เย็นเยียบอีกครั้ง สิ่งเดียวที่บันบอกกับ ตัวเองอย่างแน่วแน่และตรงไปตรงมาก็คือ ก้าวต่อไปเหมือนอย่างที่เคย ท�ำมา ไม่ต้องเหลียวกลับไปดูข้างหลัง นี่น่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดเท่าที่บันเจียดหามาให้ ส�ำหรับการสนทนากับคนภายนอกคนหนึง่  ไม่ใช่เขาไม่มคี วามอดทน หรือ อึดอัดกับสภาพเช่นนี  ้ เขาไม่ใช่คนประเภททีถ่ กู จับขึงขึน้ เป็นหุน่  หากแต่ เป็นคนทีค่ ดิ ว่าสิง่ เลวร้ายทีส่ ดุ ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว และชีวติ นับวันจะยิง่ ดี ขึ้นในวันข้างหน้าต่างหาก จับเข่าคุย บัน คีมุน  41


การเดินทางชั้นประหยัด ผมพูดขึ้นว่า “จนถึงตอนนี้  คุณทนรับการกระแทกกระทั้นจากสื่อ โดย เฉพาะจากหนังสือพิมพ์องั กฤษและตะวันตกมาไม่นอ้ ย และยังต้องจมอยู่ กับระบบของที่นี่มายาวนานถึงขนาดนี้  กับบรรดารัฐสมาชิกที่รั้นเหมือน ม้าพยศทัง้ หลาย แถมยังมีอกี หลายประเด็นกับ 5 สมาชิกถาวรของคณะ มนตรีความมั่นคง...แต่คุณยังดูดีอยู่เลยทีเดียว มีเคล็ดลับอะไรหรือ? หรือเป็นเพราะกินกิมจิเยอะ?” เขาหัวเราจริงๆ จังๆ กับประโยคหลัง “คนเขาสงสัยเหมือนกันว่า ผมออกก�ำลังกายแบบไหน ปกติแล้วผมไม่ออกก�ำลัง แม้แต่ในตอนช่วง เช้าผมก็ยังยุ่งเกินกว่าที่จะออกก�ำลังกาย และโดยพื้นฐานแล้วผมก็ไม่ ชอบออกก�ำลังกาย ผมแค่ต้องการหลับให้สนิท” “เหมือนกับที่คุณว่าพอหัวถึงหมอนก็หลับ” “ใช่ครับ ผมแค่หลับ แต่ไม่ได้หลับนาน มากที่สุดก็  5 ชั่วโมง แต่ บางที ก็ จ�ำเป็ น ต้ อ งนอนแค่ส องสามชั่วโมง โดยเฉพาะตอนเดินทาง หลังจากนั้นคุณต้องทนกับเวลา 36 หรือ 40 ชั่วโมงโดยไม่ได้หลับไม่ ได้นอน แต่ผมคุ้นเคยดี  ถึงแม้มันจะยากเป็นพิเศษบ้างในบางครั้ง เมื่อ ตารางนัดหมายสาหัสจริงๆ” คนที่ได้หลับนานกว่ามีชีวิตยืนยาวกว่าไม่ใช่หรือ? ความสามารถ ในการอดนอนแล้วยังคงเป็นผู้เป็นคนอยู่ได้  ไม่ใช่คุณสมบัติที่ทุกคนมี กัน “บางคนสามารถท�ำได้  แต่การเดินทางอย่างนั้นท�ำเอาแทบไม่เหลือ ความเป็นผู้เป็นคนเลย” เขาตอบด้วยการยักไหล่  “ความแตกต่างระหว่างผมกับรัฐมนตรี ต่างประเทศ หรือท่านประธานาธิบดีอเมริกา ก็คือพวกเขาเดินทางด้วย เครื่องบินส่วนตัว  แต่ผมไม่ใช่  ผมเดินทางส่วนใหญ่ด้วยเครื่องบิน พาณิชย์  และบางครั้งต้องนั่งชั้นประหยัด เพราะไม่มีที่นั่งเหลือให้เลือก” เรื่องนี้น่าทึ่ง “พวกผู้บริหารสายการบินทั้งหลายไม่เตะใครออก 42  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


สักคนให้คณ ุ เข้าไปนัง่ แทนทีห่ รือไง?  ยูเอ็นไม่ได้จดั หาเครือ่ งบินดีๆ เอา ไว้ให้เลขาฯ ใช้หรอกรึ?” เขาส่ายศีรษะ “บางทีก็ท�ำให้ล�ำบากใจอยู่เหมือนกัน ผมเดินทาง พร้อมคณะ ผมหมายถึงบางทีเมื่อไม่มีที่นั่งเหลือจริงๆ คุณก็ต้องนั่งใน ชั้นประหยัด” ไม่นา่ เชือ่ จนน่าประหลาดใจ “ข้างนอกนัน่  คนเขาเข้าใจกันว่าท่าน เลขาฯ จะได้ใช้ชวี ติ ทีน่ า่ ชืน่ ชมบนบัลลังก์ทอง ทีม่ ผี คู้ นคอยประคอง แต่ง เนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ป้อนโน่นนี่ให้คุณ” “โอ...ไม่นะ ไม่ใช่  ไม่  ไม่  ไม่” แม้กระทัง่ แขกผูม้ าเยือนทาวน์เฮาส์ซงึ่ เป็นทีพ่ กั อย่างเป็นทางการ แห่งนี ้ โดยเฉพาะทีม่ าจากเกาหลีใต้เองก็ประหลาดใจว่าทีน่ ไี่ ม่ได้หรูหรา โอฬารเหมือนอย่างคฤหาสน์ของ โดนัลด์  ทรัมป์  ถึงจะเป็นทาวน์เฮาส์ ทีย่ อดเยีย่ มก็เถอะ คนทีม่ คี วามรูเ้ รือ่ งมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในแมนฮัตตัน อาจบอกมูลค่าของมันได้ถูกต้องว่าหลายล้านดอลลาร์  แต่จะให้เหมือน ทัชมาฮาล...ไม่ใช่แน่ๆ  บันพูดต่อว่า “เอ่อ...มีเรื่องส�ำคัญอีกอย่างเกี่ยวกับเครื่องบิน บางทีคุณจ�ำเป็นต้องรอเป็นชั่วโมงๆ ที่สนามบินเพื่อเปลี่ยนเครื่องหรือ ต่อเครื่อง  นั่นถือเป็นการสูญเปล่าส�ำหรับเลขาธิการคนไหนๆ ก็ตาม ของสหประชาชาติ  เพราะเรือ่ งนีถ้ งึ มีรฐั สมาชิกหลายๆ ประเทศเคยเสนอ ให้มีเครื่องบินพิเศษส�ำหรับเลขาธิการ แต่...” “พวกนั้นรู้ดีว่าสื่อจะท�ำอย่างไรกับเรื่องพวกนี้!” สีหน้าของเขาซีดจนเกือบขาว “สื่อ?!! คงมองลบสุดโต่งแน่!!” “คุณไม่จ�ำเป็นต้องใช้เครื่อง 737 นี่  อาจแค่เครื่องเจ็ตส�ำหรับ ผู้บริหาร คณะท�ำงานของคุณปกติมีกี่คน?” “ปกติ  20 รวมทั้งทีมอารักขา” “คุณใช้เครื่องเอ็กเซ็คคิวทีฟ เจ็ตได้  อย่างเครื่องกัลฟ์สตรีมหรือ อะไรพวกนั้น หรืออาจแค่เช่าก็ได้” จับเข่าคุย บัน คีมุน  43


“เราคิดกันเหมือนกันเรือ่ งเช่าเครือ่ ง แต่ถงึ ยังงัน้ ก็ยงั มีปญ ั หาภาพ ลักษณ์อยู่ดี” “ชาติสมาชิกรวยๆ ช่วยเรื่องนี้ไม่ได้หรือไง?” “เลขาฯ คนก่อนๆ เคยได้รับความสะดวกสบายจากรัฐสมาชิก รวยๆ บางชาติ  และจริงๆ แล้วผมก็ยนิ ดีกบั การอ�ำนวยความสะดวกแบบ นี้จากรัฐสมาชิก ซึ่งบางคราวก็จัดหาเครื่องบินให้  ท�ำให้งานมีประสิทธิ ภาพทีเดียว  ผมสามารถวางแผนทุกอย่างตามตารางเวลาของตัวเอง ออกเดินทางได้ทุกเวลาไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหนหรือเช้ามืดก็ตาม แต่เมื่อคุณ ต้องพึ่งพาสายการบินพาณิชย์  ตารางนัดหมายของคุณก็ต้องขึ้นอยู่กับ ตารางเวลาการบิน นั่นท�ำให้คุณเคลื่อนไหวได้ยากล�ำบากมาก” “เพราะเหตุน ี้ การเดินทางส�ำหรับคุณถึงต้องมีสองแบบ แบบหนึง่ ส�ำหรับการเดินทางทีว่ างแผนเอาไว้ลว่ งหน้าซึง่ คุณสามารถให้รฐั สมาชิก ช่วยได้  กับการเดินทางแบบฉุกเฉินซึง่ ต้องตะเกียกตะกายหาให้ได้เท่าทีม่ ี ให้เท่านั้น” เขาพยักหน้า “ผมอยากเดินทางไปเยือนชิลีหลังเกิดแผ่นดินไหว ระดับหายนะภัยขึ้น [ในเดือนกุมภาพันธ์  2010]  ในฐานะเลขาธิการ แน่นอน ผมอยากไปอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่คนชิลีในสหรัฐอเมริกาก็อยากไป พบครอบครัวของเขาจริงๆ เหมือนกัน” “แล้วยังมีบรรดาพวกเซเล็บทัง้ หลายทีต่ อ้ งการไปทีน่ นั่ เพือ่ ท�ำสิง่ ที่ พวกเขาท�ำกัน” เขายิ้ ม เหมื อ นจะเยาะ-ใช่ !   “ตอนนั้ น ที่ นั่ ง เที่ ย วบิ น ไปชิ ลี เ ต็ ม เอี้ยดไม่มีเหลือ ผมก็ต้องยกเลิกแผนไปเยือนจนได้ในที่สุด แต่แล้ว ตอนนั้นท่านประธานาธิบดีที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งหมาดๆ  ซึ่งตอนนี้ก็คือ ประธานาธิบดีปีเนราช่วยจัดการให้   เขาต้องสั่งยกเลิกที่นั่ง 8 ที่ซึ่งถูก จองไว้  แล้วท�ำให้เราได้ไปเยือนชิลีที่กลายเป็นการช่วยเหลือครั้งส�ำคัญ แต่ในหลายๆ ครัง้  ผมเกือบๆ จะต้องยกเลิกการเดินทางเพราะไม่มที นี่ งั่ ” เมื่อค�ำนึงถึงว่าประชาชนและสื่อมวลชนต่างพากันเรียกร้องเอา 44  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


มากมายจากเลขาธิการสหประชาชาติ  การท�ำให้เขากลายเป็น “นักการ ทูตไร้ปีก” ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าใดนักไม่ใช่หรือ? ผมซักต่อ “เอาเป็นว่า คุณขึน้ เครือ่ งบินเพือ่ บิน 15 ชัว่ โมงไปไคโร ออกจากเครือ่ ง เข้าโรงแรมทีพ่ กั   ทีน ี้ เพราะคุณต้องพบกับประธานาธิบดี อียิปต์  หรือใครก็ตามที  คุณมีเวลาสักชั่วโมงเตรียมเนื้อเตรียมตัวไหม? อาบน�้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วประชุมคณะท�ำงานสักหน่อย หรือบางที คุณตรงดิ่งจากสนามบินไปสถานที่นัดหมายทันที?” “ในหลายๆ กรณี  ผมต้องตรงไปยังสถานที่หารือเลยหลายแหล่ง หรือแม้แต่ตอนทีม่ โี อกาสเข้าห้องพักโรงแรมก่อน ผมก็มกั มีเวลาเพียงแค่ 15 หรือครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เป็นการกระท�ำที่ไม่ค่อยเป็นผู้เป็นคนเท่าไหร่ นัก” เขาหัวเราะ  “ผมไม่มีแม้แต่เวลาจะโกนหนวด  ดังนั้น ถ้าเกิดกรณี อย่างทีว่ า่  คุณจะท�ำอะไรได้?  ถ้ารูต้ วั ล่วงหน้า ผมก็โกนหนวดบนเครือ่ ง เพื่อท�ำให้ตัวเองน่าดูขึ้นหน่อย” ผมบอกว่า “เพราะคุณรู้ว่าจะมีกล้องมาจ่ออยู่ตรงหน้าทันทีที่ ลงจากเครื่อง...” “เลขาฯ คนก่อนหน้าผมคนหนึง่ แนะผมไว้อย่างนีต้ อนทีผ่ มเพิง่ ได้ รับเลือก ‘เมื่อคุณเดินทาง ควรวางแผนเดินทางไปล่วงหน้าหนึ่งวันก่อน ก�ำหนดอย่างเป็นทางการ พักผ่อนเต็มทีท่ งั้ วัน ไม่อย่างนัน้ แล้วจะล�ำบาก มาก’ แต่ผมไม่เคยรับค�ำแนะน�ำนั้นมาปฏิบัติ  ผมมักไปถึงเช้าเอามากๆ ในหลายๆ ประเทศในยุโรปหรือแอฟริกา แล้วเริม่ ต้นในทันที  หลังจากนัน้ คุณต้องทนไปอีกเกือบ 36 ชั่วโมง หรือ 40 ชั่วโมงกว่าจะได้หลับ” “คุณหลับบนเครื่องได้ไหม?” เขาพยักหน้ารับว่าได้ “คุณต้องอาศัยยานอนหลับหรืออะไรไหม?” “ไม่  ผมไม่ใช้ยานอนหลับ” “แล้วคุณก็ไม่ดมื่ จริงๆ ใช่ไหม? อย่างไวน์นดิ หน่อยหรืออะไรพวก นี้” จับเข่าคุย บัน คีมุน  45


“ผมดื่มไวน์นิดหน่อย แก้วหรือสองแก้ว แต่ผมจะนอนไม่หลับไป อีกราว 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพราะจ�ำเป็นต้องเตรียมการส�ำหรับ การพบปะหารือถัดๆ ไป บางครั้งผมจ�ำเป็นต้องอ่านเอกสารทั้งหมดนี่ บนเครื่อง เพราะนั่นคือช่วงเวลาเดียวที่มีให้” “ท�ำไมต้องเป็นคุณคนเดียวที่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกๆ เรื่อง?” “คณะท�ำงานทีต่ ามไปด้วยบางทีอาจหลับ ดูหนัง แต่ผมไม่มเี วลา ผมต้องอ่าน” “บางทีพอถึงการด�ำรง ในฐานะเลขาฯ ยู เ อ็ น  ผม ต�ำแหน่งสมัยทีส่ อง คุณคงจ�ำ จ�ำเป็นต้องเรียนรู้ในหลายๆ เรื่อง ทุกอย่างขึน้ หัวหมดแล้วละ?” นอกเหนื อ จากที่ ผ มจ�ำเป็ น ต้ อ ง “เมื่อคุณจะไปพบกับ รั บ มื อ ตอนที่ เ ป็ น รั ฐ มนตรี ต ่ า ง ใครสั ก คน  คุ ณ ต้ อ งเตรี ย ม ประเทศ เริ่มตั้งแต่เรื่องการเมือง การเป็นพิเศษถ้าผมจ�ำเป็น ประเด็ น เรื่ อ งสั น ติ ภ าพและสิ ท ธิ มนุ ษ ยชน และประเด็ น ทางด้ า น ต้ อ งออกไปที่ โ น่ น ที่ นี่ จ นถึ ง การพั ฒ นา แล้ ว ก็ ส าธารณสุ ข 22.00  น.  หรื อ ดึ ก กว่ า นั้ น การศึกษา อาหาร เชื้อเพลิง การ แล้ ว ไม่ มี เ วลาแวะกลั บ มา โรงแรม ผมก็ตอ้ งเอาเอกสาร เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทุกอย่าง...ทุกอย่างทีเ่ ป็นประ เด็นหารือเตรียมไว้ในกระเป๋าตัวเอง” “คุณไม่ได้ทิ้งไว้กับคนสนิทที่ติดตามหรอกหรือ?” “ก็มีบ้าง ถ้าเป็นสปีชที่ตัวหนังสือใหญ่เป็นพิเศษ ผมจะขอให้เขา ถือไปให้  แต่ผมจ�ำเป็นต้องพร้อม คุณไม่รู้หรอกกว่าคุณจะไปเจอกับ สถานการณ์แบบไหน ผมถึงถือไปกับตัวเอง วิธนี ดี้ กี ว่าส�ำหรับผม ดีกว่า เพราะเท่ากับเป็นหลักประกันในใจคุณเอง ท�ำให้ใจคุณสงบ” “ใจสงบ...” “ก็แค่เก็บทุกอย่างไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง รวมทั้งกระเป๋าหลัง” “กระดาษแสนกลของ บัน คีมุน...” 46  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


“ผมเคยพูดติดตลกว่า ผมพกกระสุนทัง้ หมดเอาไว้ในกระเป๋า เพือ่ จะได้ใช้กระสุนและอานุภาพของมันได้ในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ  ใน ฐานะเลขาฯ ยูเอ็น ผมจ�ำเป็นต้องเรียนรู้ในหลายๆ เรื่อง นอกเหนือจาก ที่ผมจ�ำเป็นต้องรับมือตอนที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ  เริ่มตั้งแต่เรื่อง การเมือง ประเด็นเรื่องสันติภาพและสิทธิมนุษยชน และประเด็นทาง ด้านการพัฒนา แล้วก็สาธารณสุข การศึกษา อาหาร เชื้อเพลิง การ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” “สมองคุณเคยระเบิดบ้างไหม?” “ผมพยายามรักษามันไว้ในหัวให้ครบถ้วน” เรือ่ งนีอ้ าจบางทีเชือ่ มโยงกับความสุข คนทีท่ �ำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ท�ำงานในวันหยุดโดยไม่ปริปากอุทธรณ์ใดๆ มันเป็นวิถขี องพวกเขา แล้วก็ เป็นสิง่ ทีพ่ วกเขาท�ำกัน  วันทีเ่ ลวร้ายทีส่ ดุ ของพวกบ้างานอาจเป็นวันหยุด พวกเขาจะเอาเวลาเหลือเฟือมากมายปานนั้นไปท�ำอะไรกัน? สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งยูเอ็น บันผู้บอบบางดูเหมือนพร้อมเดินทางตลอดเวลา และในวันรุ่งขึ้น บ่าย แก่ๆ ของวันศุกร์  เวลาที่ปกติหมายถึงการปิดฉากของสัปดาห์  บันกลับ คาดหวังว่าจะเริ่มใช้  พลังอึดที่สาม ที่หลงเหลืออยู่  (มียีนเกาหลีที่เรียก กันอย่างไม่เป็นทางการว่า “กระทิงแดง” อยู่หรือเปล่านะ?) แล้วคิดถึง ข้อเท็จจริงที่ว่า เขาแทบไม่รู้ภาษาอูรดูเอาเลย ยู  ซุนแต็ก* เดินเข้ามาในห้องหนังสือ เธอเป็นสตรีเกาหลีความสูง ปานกลาง เยือกเย็น เงียบขรึม เต็มเปีย่ มไปด้วยความสงบทีล่ ะเอียดอ่อน มากเป็นพิเศษ ผมของเธอรวบม้วนเป็นระเบียบเรียบร้อย ชุดยาวระพืน้ ที่ * สตรีชาวเกาหลีทวั่ ไปนิยมใช้ชอื่ สกุลเดิมของตนแม้เมือ่ แต่งงานแล้วก็ตาม และใช้ ชื่อสกุลของบิดาน�ำหน้า ตามธรรมเนียมปกติของภูมิภาคเอเชียตะวันออก นับแต่ นี้ผู้เขียนขอใช้ว่า คุณนายบัน หรือไม่ก็เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ซุนแต็ก จับเข่าคุย บัน คีมุน  47


สวมเป็นผ้าฝ้ายแต่งจุดสีจางๆ ทีด่ คู ดั สรรมาอย่างดีเพือ่ ป้องกันการจูโ่ จม ของความชื้นในแมนฮัตตันแม้ในหน้าร้อนก็ตามที  ตาเธอเหมือนสัมผัส แล้วรับทุกอย่างเข้าไว้อย่างฉับไวโดยปราศจากวี่แววของการบงการ “ทุกคน...ใครสนใจดินเนอร์บ้าง?” เธอตกลงแล้วที่จะไปร่วมโต๊ะกับเราที่ชินชิน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ที่อยู่ไม่ห่างจากแนวยิงค�ำถาม-ค�ำตอบของเรามากนัก ผมมองไปที่บัน “ผมไม่อยากหยาบคายหรือเสียมารยาท แต่ถ้า คุณไม่อดึ อัดใจ เล่าให้ฟงั นิดหน่อยได้ไหมเกีย่ วกับผูห้ ญิงคนทีค่ ณ ุ ใช้ชวี ติ วัยผูใ้ หญ่อยูร่ ว่ มกันมาทัง้ ชีวติ  ผมหมายถึงเวลาคุณกลับบ้านมาในสภาพ ที่ถูกโบยมานับครั้งไม่ถ้วนจากสื่อ หรือใครสักคนในคณะท�ำงานเกิด ผิดพลาดท�ำเสียเรื่องขึ้น หรือแม้แต่ตัวคุณเองเกิดท�ำป่วนขึ้นมา เธอ ช่วยคุณหรือไม่สนใจคุณ?  เธอไม่เคยแสดงความอยากรู้อยากเห็นเรื่อง ที่ท�ำงานเลยหรือ? หรือเธออยากรู้เอามากๆ ว่าที่นั่นท�ำงานกันยังไง?” คุณนายบันเอนพิงพนักนวมอยูเ่ งียบๆ ทางด้านขวาของผม ผมพบ เธอครั้งแรกในงานแต่งตั้งบันให้เป็นผู้สืบทอดต�ำแหน่งต่อจาก โคฟี อันนัน ในเดือนธันวาคม 2006 ชื่อของผมกับภรรยาถูกใส่ไว้ในกลุ่ม ที่นั่งแขกด้านขวาสุดของแท่นพิธีในห้องโถงอันกว้างใหญ่ของสมัชชา สหประชาชาติ  ด้านหน้าของเราคือ นาเน ลาเกอร์เกรน ผู้โดดเด่น กับ โคฟี  อันนัน ผู้เป็นสามี  ซึ่งเมื่อเขาเดินเข้ามานั่งเคียงข้างนาเน ก็ท�ำเอา แอนเดรีย ภรรยาของผม (ซึ่งไม่เคยเห็นตัวจริงของเขามาก่อน) ออก อุทานว่า “โอ พระเจ้า...ยังกะไลออน คิง” ช่องว่างของความสง่าระหว่างสองสามี-ภรรยาอันนันกับบันนั้น ห่างกันเกินไปในสายตาภรรยาผม ซึง่ ไม่คอ่ ยแคร์เรือ่ งนีส้ กั เท่าใดนัก เธอ เติบโตขึ้นมาในฮอลลีวู้ด แล้วก็ไม่ใส่ใจเท่าใดนักกับการเสพติดสื่อชนิด ถึงกับต้องสร้างบารมีจอมปลอมขึ้นมา แต่เธอรู้ตั้งแต่ในนาทีนั้น ตั้งแต่ ก่อนหน้าเข้ารับต�ำแหน่งด้วยซ�้ำไปว่า ช่องว่างในเรื่องบุคลิกบารมีที่ว่านี้ 48  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


จะกลายเป็นปัญหาส�ำหรับสามี-ภรรยาบันในทีส่ ดุ  ความเป็นจริงอันโหด ร้ายส�ำหรับชีวิตท่ามกลางสื่อยุคใหม่ บันพูดขึ้นว่า “ผมอยากจะบรรยายถึงภรรยาผมว่า เป็นผู้ที่ครอบ ครองและประพฤติตนด้วยคุณค่าของผู้หญิงในอุดมคติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณค่าในวัฒนธรรมเอเชีย คุณค่าของเธอในฐานะ ส่วนหนึ่งของครอบครัว อย่างน้อยที่สุดก็ในคนรุ่นผม คนเป็นภรรยาต้อง ศรัทธาต่อครอบครัวเหนืออื่นใด ซุนแต็กเป็นคนอย่างที่ว่า เป็นทั้งผู้หญิง ฉลาดและเป็นภรรยากับแม่ที่ดี  และระดับความอดทนของเธอนั้นทั้งสูง และลึกซึ้งอย่างยิ่ง” เขาแทบจะถอนหายใจตอนที่กล่าวค�ำพูดเหล่านี้ ออกมา เขาควรถอนหายใจ แม้ว่าในตอนนี้เขาจะไม่สามารถให้เวลาที่มี คุณค่าในช่วงสุดสัปดาห์ได้  เหมือนเมือ่ ครัง้ ทีย่ อ้ นกลับไปในปี  2005 ตอน ที่ผมเดินทางไปเยี่ยมเขาถึงกรุงโซล (ดู  “เดอะ โคเรียน คอนเน็กชั่น” ใน หน้า 63) “ที่อดทนกับคุณและการใช้ชีวิตที่ไม่ปกตินักของคุณงั้นรึ?” “ใช่  ถูกแล้ว” คุณนายบันยิม้ เล็กน้อย จินตนาการได้ยากมากว่าอดีตบรรณารักษ์ สาวชาวเกาหลีคนนี้เคยขึ้นเสียงสูงท�ำเสียงแข็งมาบ้างหรือไม่? เธอยิ้มอีกครั้ง บั น ยั ง คงควบคุ ม ตั ว เองได้ โ ดยไม่ แ สดงออกมาให้ เ ห็ น อย่ า ง ชัดเจน “มันเป็นความอดทนเพื่อความเข้าใจในสถานะของคนอื่นๆ และ เธอแทบไม่เคยแสดงอารมณ์ตัวเองออกมา เธอจึงพยายามให้ความ เคารพต่องานของผมเสมอ  ปกติแล้วเรามักไม่ค่อยพูดกันถึงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในส�ำนักงาน...แทบไม่มีเลยกระมัง เว้นเสียแต่ว่าถ้าหาก มีเรื่องซุบซิบน่าสนใจเกิดขึ้น” “เรื่องซุบซิบสนุกๆ?” “ใช่  เรื่องซุบซิบสนุกๆ” จับเข่าคุย บัน คีมุน  49


ซุนแต็กยิ้มขรึม ผมเดาขึ้นมาว่า “อย่าง...คนโน้นกับคนนี้หย่ากัน หรือทูตคนนั้น จากประเทศส�ำคัญในเอเชียสักประเทศเกิดเมาหลุดขึ้นมา...ท�ำนองนั้น หรือ?” บันหลบตาผม และเลีย่ งทีจ่ ะเจาะจงลงไป “ปกติแล้วเราพยายาม จะพูดคุยกัน แต่เพราะตารางเวลาทีว่ นุ่ วายมากๆ ของผม บางทีมนั ก็ยาก ที่จะหาเวลาอยู่กับภรรยา แม้แต่ตอนสุดสัปดาห์ก็เถอะ  ผมต้องเตรียม ตัวเพื่อการนัดหมายในสุดสัปดาห์ที่จะมาถึง ผมถูกรุมด้วยหลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่างทีผ่ มต้องอ่าน ต้องท�ำ และมีโทรศัพท์มากมายทีต่ อ้ งติดต่อ ภรรยาผมเข้าใจเรื่องนี้อย่างเต็มที่  และนั่นช่วยให้ผมอุทิศเวลาตัวเองได้ เต็มที่และเต็มความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา” พวกเขามีลูกด้วยกัน 3 คน “คุณแทบจะพูดออกมาว่าคุณคือพ่อ ทีท่ กุ คนไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา มักเดินทางหรือท�ำงานอยูท่ อี่ อฟฟิศตลอด เวลา” 50  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


เขาหัวเราะหึๆ “ใช่  และว่ากันตามจริง ถ้าไม่ได้เธอช่วย อดทน และเข้าใจแล้วละก็  ผมคงไม่อาจก้าวมาถึงจุดนี้ได้” ผมต้องหัวเราะขึน้ มา “นีถ่ า้ เป็นในอเมริกา คุณคงต้องหย่าแล้วละ คิดว่าเธอรู้ตั้งแต่แรกรึเปล่าว่าแต่งงานกับคนบ้างานอย่างคุณ?” นัน่ ท�ำให้เขาหยุดไปครูใ่ หญ่  “ผมแน่ใจว่าเธอมีความสุขกับผมนะ [หัวเราะ]” คุณนายบันยิ้ม “คุณบอกเธอแล้วหรือยังว่าก�ำลังจะไปปากีสถาน?” บันกระแอมอย่างอึดอัด ซุนแต็กไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา “เอ่ อ  ยัง ...ผมต้อ ง...บอกเธอตอนนี้  พอดีผมเพิ่งกลับมาจาก ออฟฟิศ” “งั้นคุณก็ต้องบอกคณะท�ำงานใกล้ชิดเป็นล�ำดับแรก ประธานา ธิบดีทั้งหลายของคณะมนตรีความมั่นคงเป็นล�ำดับสอง ผมเป็นที่สาม แล้วภรรยาของคุณเป็นล�ำดับทีส่  ี่ ตอนนีค้ ดิ ว่าเธอก�ำลังอยากเคาะหัวคุณ ด้วยด้ามไม้กวาดแล้วพูดว่า อยู่บ้านสักครั้งไม่ได้รึไง? หรือเปล่า?” บันพอใจจนหัวเราะตัวโยน “ผมไม่รู้...เธอจะสนับสนุนผม” “สนับสนุนคุณ?” “...ตลอดเวลา ผมทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเรือน ทั้งหลายไว้กับเธอ” “เธออาจต้องท�ำแม้กระทั่งน�ำเงินเข้าบัญชีเช็คของคุณหรืออะไร ท�ำนองนั้นใช่ไหม? เพราะถ้าปล่อยให้ท�ำเอง คุณคงจ่ายค่าบิลล่าช้าไป สามเดือนแน่ๆ” ซุนแต็กยิ้มกว้าง เขาพยักหน้า “เธอยังขยันเข้าสมาคมการทูตอีกด้วย เธอไปร่วม งานสมาคมภรรยานักการทูตทุกครั้ง ประชุมกับภรรยาทูตคณะมนตรี ความมั่นคงอย่างสม�่ำเสมอ และเมื่อผมต้องเดินทางกับเธอ ก็มักจะมี จับเข่าคุย บัน คีมุน  51


โปรแกรมส�ำหรับภรรยา ไปเยี่ยมโรงเรียนอนุบาลและสถานศึกษาหรือ โรงพยาบาลและพยายามทีจ่ ะใส่ใจกับคนทีอ่ ยูใ่ นภาวะทุกข์ยากทัง้ หลาย” “ไม่ตอ้ งมาท�ำเฉไฉ ว่าแต่การแสดงบทบาทเลดีไ้ ด*  ส�ำหรับสุภาพ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งยูเอ็นน่ะ เธอชอบหรือเปล่า?” ซุนแต็กพยักหน้านิดๆ จนแทบสังเกตไม่เห็น ผู้เป็นสามีบอกว่า “โอ...ชอบสิ  อันที่จริงเธออาสาสมัคร แล้วก็ยุ่ง อยู่กับกิจกรรมเพื่อสาธารณะเลยทีเดียว” ผมพูดขึ้น “ถ้างั้น เมื่อนานมาแล้ว เธอพูดเอาไว้ว่า นี่คือชีวิตของ ฉัน นีค่ อื ชะตากรรมของฉัน [ทัง้ สามีทงั้ ภรรยาบันหัวเราะออกมา] แล้วก็ ช่วยให้คุณรู้ได้อย่างสบายใจว่า ถ้าเกิดเธอจะบ่นหรือคัดค้านขึ้นมา เธอ คงท�ำไปนานมากแล้ว...[โทรศัพท์ตรงมุมห้องดังขึ้น] คุณไปรับโทรศัพท์ ดีกว่า...อาจเป็นของท่านประธานาธิบดีปากีสถาน” บันลุกขึน้ ไปรับโทรศัพท์  “ใช่? ฮัลโหล? ท่านทูต สบายดีหรือเปล่า ครับ? ใช่  ใช่  ผมอยากบอกว่าผมก�ำลังจะเดินทางไปเยือนปากีสถาน เป็น ภารกิจเพื่อมนุษยธรรมน่ะ ผมคงนั่งเฉยอยู่ที่นี่ไม่ได้  เราควรไปปรากฏ ตัวที่นั่นจริงๆ  ในฐานะเลขาธิการ ผมคิดว่าผมต้องแสดงความกังวลต่อ วินาศภัยเหล่านี้ทั้งหมด พม่า, ชิลี, เฮติ  และจีน ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผม ต้องไปเยือนปากีสถาน แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนเหล่า นั้น แล้วหารือกันถึงสิ่งที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นและนานาชาติ สามารถท�ำได้  ผมแค่แจ้งให้ได้รบั ทราบเป็นข้อมูล หวังว่าท่านคงส่งผ่าน เรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของสหรัฐอเมริกา ผมคิดว่าผมจะไปที่ นั่นด้วยเครื่องบินพาณิชย์และพบกับนายกรัฐมนตรี  แล้วจะกลับมาเช้า วันจันทร์...ใช่  มีการรักษาความปลอดภัยอยู่  แต่ผมจะท�ำเรื่องนี้ให้เป็น เรือ่ งลับมากๆ ...คนของเรามีเจ้าหน้าทีด่ า้ นความปลอดภัยอยูใ่ นพืน้ ทีด่ ว้ ย * เลดี้ได เป็นชื่อย่อของเจ้าหญิงไดอานา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของ การอุทิศตนแก่วงการมนุษยธรรมมากที่สุดคนหนึ่ง-บรรณาธิการ 52  ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์  แปล


โอเค...ตกลง...เข้าใจๆ ขอบคุณมากครับท่านทูต สวัสดี” บันหันกลับมาหาเรา “โอเค ไม่มีอะไรขัดจังหวะแล้วละทีนี้” เขาพูดกับหนึ่งในสมาชิกของคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาประจ�ำ สหประชาชาติ  บันอธิบายว่า เราอยู่ในแมนฮัตตัน และนี่เป็นเดือน สิงหาคม ดังนั้นเจ้าหน้าที่จ�ำนวนมากถึงได้ออกนอกเมืองไป “ท่านทูต ซูซาน ไรซ์  อยู่ระหว่างพักผ่อน แล้วผมต้องแจ้งให้ท่านทูตรัสเซีย ซึ่ง ตอนนี้เป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงทราบเรื่องแล้ว จากนั้นท่าน ทูตอเมริกันก็ควรได้รู้  [เรื่องแผนการเดินทางไปปากีสถานของผม] แต่นี่ เป็นเรื่องที่จ�ำกัดวงเข้มงวดมาก บางทีอาจมีคนรู้แค่  10 คนเท่านั้น” “เยียว โชล จัดการเรื่องค่าเดินทางซุปเปอร์ประหยัดให้คุณหรือ เปล่า?” บันหัวเราะ แล้วพยักหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘ใช่  ถูกต้อง’ เขานัง่ ลง แต่โทรศัพท์ดงั ขึน้ มาอีกครัง้   เขาแสดงท่าราวกับถอนหายใจเงียบๆ ออก มาให้เห็น กลับไปทีโ่ ต๊ะโทรศัพท์  ยกหูขนึ้  พึมพ�ำค�ำพูดฟังไม่ได้ศพั ท์ออก มาสองสามค�ำ จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างออกมาเสร็จก็วางหู  หันมา สัญญาว่าจะไม่มีอะไรรบกวนเราอีกแล้ว ดูเหมือนค�ำประกาศของเขาทีว่ า่ จะไม่ปล่อยให้ใครรอสายก�ำลังถูก ทดสอบอย่างรุนแรง เขาหันไปหาผู้เป็นภรรยา “เธอเป็นคนยิ่งใหญ่  นุ่มนวลและไม่ใช่ คนที่พูดมาก แต่บางครั้งเมื่อเธอพูด...” “เอ่อ...รู้ไหม ในอเมริกามีการแสดงออกที่เรียกว่า ‘อานุภาพแห่ง หมอน’ เคยได้ยินมาบ้างรึเปล่า?” “อานุภาพแห่งหมอน? เคย” “แล้วเธอมีอานุภาพแห่งหมอนหรือเปล่า?” “หือ...[หัวเราะ] ผมเคารพเธอ และอยู่กับเธอมานานร่วมสี่สิบปี แล้วนะ” จับเข่าคุย บัน คีมุน  53


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.