พระจันทร์เรนเจอร์

Page 1


พระจันทร์เรนเจอร์

จตุพร  แพงทองดี

กรุงเทพมหานคร • M Young, ส�ำนักพิมพ์มติชน • ๒๕๕๖ พระจันทร์เรนเจอร์

3


สารบัญ ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้เขียน ความน�ำ

๗ ๑๐ ๑๒

๑. สุขสันต์วันปี ใหม่ ๒๑ ๒. ให้เรนเจอร์ตัวนั้นอยู่บนพระจันทร์เถอะนะ ๕๑ ๓. พ่อ

๗๖

๔. หัวใจร้าว ๑๐๑ ๕. วันที่ดีที่สุด ๑๑๙ ๖. แม่หายไปไหน ๑๓๓ ๗. กล่องสีเงิน ๑๕๓

พระจันทร์เรนเจอร์

5


๘. ตาสังคนฆ่าวัว ๑๗๙ ๙. ตัวประกัน ๒๐๑ ๑๐. เรามันเพื่อนรักกัน...เชื่อดิ! ๒๑๘ ๑๑. พระราชาในทุ่งกว้าง ๒๓๗ ๑๒. แร้นแค้น ๒๕๓ ๑๓. เด็กขี้ขโมย ๒๖๗ ๑๔. ไอ้ตาล ๒๗๙ ๑๕. ตะล็อกต๊อกแต๊ก... ๒๙๐ ๑๖. พระจันทร์เรนเจอร์ ๓๐๙ เกี่ยวกับผู้เขียน ๓๒๒

6

จตุพร แพงทองดี


ความน�ำ

ซู เ ปอร์ เ ซ็ น ไท (Super Sentai) หรื อ ขบวนการนั ก สู ้   คื อ ตระกูลภาพยนตร์แนวต่อสู้ของญี่ปุ่น มักเล่าเรื่องถึงกลุ่มคนผู้ รวมตัวกันเพื่อปกป้องโลก โดยกลุ่มคนเหล่านี้โดยมากเป็นวัย รุ่นคนธรรมดา หรือบางครั้งอาจด้อยกว่าคนอื่นเสียด้วยซ�้ำ เช่น ใน “เฮอร์ริเคนเจอร์” (Ninpu Sentai Herricanger) ที่ผู้แต่งเขียน ให้ตัวเอกมาจากนักเรียน ๓ คนผู้มีผลการเรียนแย่ที่สุดในชั้น กลุ่มคนเหล่านี้บังเอิญได้รับพลังวิเศษหรือของวิเศษอย่างใด อย่ า งหนึ่ ง จนสามารถแปลงร่ า งได้   จากนั้ น ได้ รั บ การฝึ ก วิ ช า ต่อสู้รูปแบบต่างๆ แล้วมารวมพลังกันเพื่อปราบเหล่าปีศาจร้าย ที่หวังครอบครองโลก  ตัวละครหลักมักมีนักรบผู้เป็นตัวเอก ๕  คน  อย่างไรก็ดี 12

จตุพร แพงทองดี


ใน “เดกะเรนเจอร์” (Tokusou Sentai Dekaranger) มีนักรบมาก ถึง ๑๐ คน  ส่วนเรื่อง “มาจิเรนเจอร์” (Mahou Sentai Magiranger) ผูเ้ ขียนได้สร้างนักรบคนที ่ ๖ ให้ปรากฏตัวขึน้ เป็นครัง้ แรก ถึงกระนั้นก็ตาม ในบางเรื่องกลับมีจ�ำนวนนักรบน้อยกว่า ๕ คน เช่น “ซันวัลคัน” (Taiyou Sentai Sunvulcan)  มีเพียง ๓ คนเท่า นั้นที่ต่อสู้กับเหล่าปีศาจจนจบเรื่อง  เมือ่ แปลงร่างแล้วเหล่านักรบจะสวมเครือ่ งแบบประจ�ำตัว ของแต่ละคน แบ่งออกเป็น ๕ สี  คือ แดง เหลือง น�้ำเงิน เขียว และชมพู  (หรือสีอื่นๆ) และจากสีสันอันฉูดฉาดนี้เองบางครั้งจึง เรียกว่า “ขบวนการมนุษย์  ๕ สี” โดยส่วนมากจะก�ำหนดให้ สีแดงเป็นหัวหน้า เช่น แบทเทิล เจแปน ในขบวนการ “เรนเจอร์ เจ” (Battle Fever J), เรดมาสก์  ใน “มาสก์แมน” (Hikari Sentai Maskman) หรือไทแรนโนเรนเจอร์  ใน “จูเรนเจอร์” (Kyoryuu Sentai Zyuranger)  ผู้เขียนเรื่องขบวนการนักสู้  มักจะเขียนให้มีผู้หญิงร่วม เป็นนักรบอยู่ด้วยเสมอ ๑ คน และให้ใส่ชุดสีชมพู  แต่บางเรื่อง ก็มีชุดสีอื่น อย่างเช่น สีเหลือง  ในขบวนการจอมยุทธ์สรรพสัตว์ “เกคิเรนเจอร์” (Juuken Sentai Gekiranger) (ที่ผู้เขียนพูดถึง เป็นหลักในหนังสือเล่มนี)้   และบางเรือ่ งยังเพิม่ ให้มนี กั รบผูห้ ญิง ๒ คน หรือมากกว่านั้นในเวลาต่อมา แก่นเรือ่ งของภาพยนตร์ขบวนการนักสูก้ ำ� หนดให้  “ธรรมะ พระจันทร์เรนเจอร์

13


ชนะอธรรม” เหล่าปีศาจร้ายจึงพ่ายแพ้แก่นักรบผู้กล้าทุกครั้ง ในตอนจบ และโลกก็กลับคืนสู่สันติสุข โดยเครื่องมือที่ใช้ปราบ เหล่าร้ายนั้นนอกจากอาวุธประจ�ำกายของนักรบแต่ละสีแล้ว สิ่งส�ำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ “หุ่นยนต์ยักษ์” อันเกิดจากการรวม ร่างของพวกนักรบ ปืนใหญ่ทใี่ ช้ยงิ ปีศาจ โดยในเรือ่ งเกคิเรนเจอร์ นั้นมีปืนใหญ่ชื่อ “เกคิ  บาซูก้า” “ซูเปอร์เซ็นไท” เริ่มแรกเกิดจากการเขียนของ “อิชิโนโม ริ  โชทาโร่” นักเขียนชาวญี่ปนุ่  และนักเขียนคนเดียวกันนี้ก็คือ ผู ้ ใ ห้ ก� ำ เนิ ด   “คาเมนไรเดอร์ ”   ( Kamen Raider)   หรื อ   “มาสก์ ไรเดอร์” (Mask Raider) หรือ “ไอ้มดแดง” อันโด่งดัง  ทั้งนี้เรื่อง แนวที่สามารถมีค�ำว่า “Sentai”  (เซ็นไท) ก�ำกับอยู่  จะนับรวม ได้เฉพาะภาพยนตร์ที่สร้างโดยบริษัทโตเอะแอนิเมชั่น  (Toei Animation)  โดยมีบริษัทบันได (Bandai)  ให้การสนับสนุนหลัก ส่วนบริษัททีวีอาซาฮี  (Asahi)  เป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์เผยแพร่ภาพ  ในปัจจุบันมีภาพยนตร์  “ขบวนการนักสู้” ถึง ๓๖ เรื่อง โดยเรื่องที่คุ้นหูคนไทยก็อย่างเช่น ขบวนการห้าพลังโกเรนเจอร์ ( Himitsu Sentai Goranger ),  ขบวนการนิ น จาคาคุ เ รนเจอร์ (Ninja Sentai Kakuranger), ขบวนการสรรพสัตว์กาโอเรนเจอร์ (Hyakujuu Sentai Gaoranger), ขบวนการไดโนเสาร์จูเรนเจอร์ (Kyoryuu Sentai Zyuranger), ขบวนการห้าดาวไดเรนเจอร์  (Gosei Sentai Dairanger) เป็นต้น  14

จตุพร แพงทองดี


ขบวนการจอมยุทธ์สรรพสัตว์ “เกคิเรนเจอร์” (Juuken  Sentai Gekiranger) นับเป็นเรื่องขบวนการนักสู้ล�ำดับที่  ๓๑ อันประกอบด้วยนักรบตัวเอก ๕ สี  ได้แก่  เกคิเรด กันโด จาง (สี แ ดง),  เกคิ บ ลู   ฟุ ค ามิ   เร็ ต สึ   (สี น�้ ำ เงิ น ),  เกคิ เ ยลโล่   อุ ซ าคิ รัน (สีเหลือง), เกคิไวโอเล็ต ฟุคามิ  โก (สีม่วง) และเกคิช็อป เปอร์  ฮิซาสึ  เค็น (สีขาวด�ำ) “มาสเตอร์  บรูซะ อี” คิดค้นวิชาต่อสู้ชื่อ “จูเคน” ขึ้นมา เพื่อใช้ปราบเหล่าอธรรม โดยมีลูกศิษย์เอก ๗ คน ที่กลายมา เป็นมาสเตอร์ทั้งเจ็ดในภายหลัง  หนึ่งในนั้นชื่อ “มาสเตอร์ซาฟู” ส่วนอีกคนชื่อ “เคน” ผู้มีพลังเสือขาว  นอกจากนี้ลูกศิษย์เอก ของบรูซะ อี  ยังมีเคนมะอีก ๓ คน ได้แก่  “คาตะ” เคนมะแห่ง นภาผู ้ ช� ำ นาญการต่ อ สู ้ บ นท้ อ งฟ้ า   “ราเงคุ ”   เคนมะแห่ ง วารี เชี่ยวชาญการต่อสู้ในน�้ำ  และ “มาคุ” เคนมะแห่งปฐพี  ต่อ มาพวกเคนมะถูกพลังจูเคนฝ่ายชั่วร้ายเข้าครอบง�ำจึงฆ่าบรูซะ อีเพื่อตั้งตัวเป็นใหญ่  มาสเตอร์ทั้งเจ็ดได้ผนึกก�ำลังกันปราบ และสะกดวิญญาณทั้งสามไว้ในก�ำไลสามห่วง ส่วนร่างแยกกัน ฝังไว้ในที่ต่างๆ เพื่อความปลอดภัย  ต่อมา “มาสเตอร์ซาฟู” ก่อตั้งส�ำนักบีสต์อาร์ต (Beast Arts Academy) ขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่ฝึกวิชาเกคิจูเคน หรือ จูเคนฝ่ายดี  และท�ำหน้าที่ปกป้องก�ำไล ๓ ห่วง มีเลขาธิการ ส�ำนักชื่อ “มิซาคิ  มิคิ”  พระจันทร์เรนเจอร์

15


ครอบครัว “ริโอะ” ถูกฆ่า และเหลือริโอะเพียงคนเดียว เมื่อยังแบเบาะ มาสเตอร์ซาฟูได้น�ำมาเลี้ยงไว้  และให้เรียนวิชา ที่ส�ำนักบีสต์อาร์ต  เมื่อเติบโตขึ้นริโอะเก่งกาจกว่าใคร แต่โค่น บุรุษนิรนามผู้ที่มีพลังเสือขาวไม่ได้  ริโอะแค้นจึงตั้งใจฝึกฝน อย่ า งหนั ก   อยู ่ ม าวั น หนึ่ ง ริ โ อะแอบใช้ วิ ช าต้ อ งห้ า มปลุ ก ชี พ รินรินชิ  (ศพ) ขึ้นมา ท�ำให้ถูกขับไล่ออกจากส�ำนักบีสต์อาร์ต รินรินชิที่ริโอะปลุกขึ้นมาได้แก่  “เมเล” หญิงสาวผู้มีวิชากิ้งก่า คาเมเลี่ยนแห่งรินจู  เมเลหลงรักและเทิดทูนริโอะมาก และชอบ พู ด ว่ า “เกิ ด มาเพื่ อ รั ก ท่ า นริ โ อะ  จะต่ อ สู ้ เ พื่ อ ท่ า นริ โ อะ  และ จะยอมตายเพื่อท่านริโอะ” เมเลยอมท�ำทุกอย่างเพื่อริโอะ ถึง ขนาดเข้าขวางจนตัวเองตายอีกครั้งเมื่อริโอะต่อสู้กับมุเกนริว เมื่อออกจากบีสต์อาร์ตริโอะก่อตั้งส�ำนักวิชา “รินจูเคน อาตุงาตะ” ขึ้นมา และใช้พลังจูเคนฝ่ายที่ชั่วร้ายที่ตรงข้ามกับ เกคิ จู เ คน  ริ โ อะได้ โ จมตี เ ครื่ อ งบิ น ที่ เ ลขาฯ  มิ คิ โ ดยสารจนตก กลางป่า จากนั้นชิงก�ำไล ๓ ห่วงไป เพราะต้องการปลุกเคนมะ ๓  ตน เพื่อให้ตนเองมีพลังเป็นผู้ยิ่งใหญ่  ริโอะปลุกเคนมะได้ ส�ำเร็จด้วยความช่วยเหลือของเมเล “มาคุ” เคนมะแห่งปฐพี  เป็นผู้ที่มีพลังร้ายกาจที่สุดใน บรรดาเคนมะ มาคุถูกฝังและสะกดไว้ใต้ส�ำนักอาคุงาตะ มีหน้า อกกลวง ไม่มีหัวใจ เพราะถูกถอดแยกเอาไว้ในตอนสะกด  เมื่อ จะปลุกคืนชีพ เมเลต้องส่งปีศาจหมูไปชิงหัวใจของเคนมะแห่ง ปฐพีในรูปของอัญมณีชื่อ “สตาร์โอเชี่ยน” มาจากพวกเกคิเรน 16

จตุพร แพงทองดี


เจอร์  ครั้นเมื่อปลุกได้แล้วเคนมะมาคุกลับควบคุมริโอะ และยึด ต�ำแหน่งเจ้าส�ำนักอาคุงาตะไปเสียเอง เลขาฯ  มิ คิ พ บ  “กั น โด จาง”  ในป่ า   และมองเห็ น พลั ง บางอย่างในตัวจาง จึงน�ำกลับมาที่ส�ำนักบีสต์อาร์ต มาสเตอร์ ซาฟูรู้ทันทีว่าจางไม่ใช่ธรรมดา  แท้จริงจางคือลูกชายของเคน ที่พลัดพรากกัน มาสเตอร์ซาฟูฝึกจางให้กลายเป็นเกคิเรนเจอร์ จากนัน้ เมือ่ รินจูเคน อาคุงาตะ แกร่งกล้าขึน้ และสร้างความเดือด ร้อนไปทัว่  จางและเหล่าเกคิเรนเจอร์จงึ ต้องต่อสูก้ บั ริโอะ เคนมะ และลูกสมุนปีศาจต่างๆ เพื่อปกป้องโลก

พระจันทร์เรนเจอร์

17


18

จตุพร แพงทองดี


พระจันท

ร์เรนเจอ

ร์

พระจันทร์เรนเจอร์

19


20

จตุพร แพงทองดี


๑. สุขสันต์วันปี ใหม่

“รถไฟของเราก�ำลังจะออกแล้วนะครับผู้โดยสารทุกท่าน ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจ�ำที่ให้เรียบร้อย  และกรุณาจับ ราวให้แน่นๆ เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง” ยังไม่สิ้นเสียงประกาศรถก็ทะยานออกทันที  ผมไม่ทัน

ตั้งหลักเลยร้องขึ้น รถไฟทั้งขบวนพุ่งละลิ่วเร่งความเร็ว ลมแรง ปะทะหน้าจนหูอื้อ หนังตาหนักลืมตาแทบไม่ขึ้น เหมือนในตอน เช้า เวลาที่แม่ปลุกผมกับน้องไปโรงเรียน  แล้วพวกเราฝืนความ ง่วงไม่ได้  ปล่อยให้ตาปิดพากันซุกเข้าใต้กองผ้าห่ม ไม่มใี ครยอม ตื่น จนกว่าจะมีมือของแม่มาดึงหูให้ลุกขึ้น แก้มสองข้างของผม เจ็บๆ คันๆ ราวกับก�ำลังถูกอะไรสักอย่างทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา พอแล่นไปได้ไม่นานรถก็เชิดหัวสูงแล้วทิ้งตัวลงฉับ ก่อนบิดตัว พระจันทร์เรนเจอร์

21


เหวี่ยงเป็นเกลียวหนึ่งรอบ ทุกคนแข่งกันร้องลั่น ผมเกร็งข้อมือ ก�ำราวเหล็กพนักเก้าอี้ข้างหน้าแน่น หลับตาปี๋  อ้าปากตะเบ็ง เสียง ส่วนน้องชายที่นั่งข้างๆ ถึงใบหน้านิ่ง แต่ตัวก็สั่นน้อยๆ  จากนั้นรถไฟชะลอตัวลง ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่วางใจ นั่ง ระวังคอยอยู่  ระแวงว่ามันอาจตลบหลังพวกเราได้ทุกเมื่อ แบบ เดียวกับที่พวกหมอแกล้งให้ลูกอมหรือของเล่นกับเด็ก แล้วพอ เราเผลอก็ หั ก หลั ง   ปั ก เข็ ม ฉี ด ยาฉึ ก ใส่ ก ้ น อย่ า งว่ อ งไว  รถไฟ กระตุกเล็กน้อย แล้วจึงเปลี่ยนวิ่งขึ้นทางชันอย่างช้าๆ มันทั้ง ชันทั้งสูงจนพวกเราต้องเหนี่ยวราวไว้แน่น กันตัวเองไถลไปกอง รวมกันข้างล่าง ผมคิดถึงที่พี่ตินตินเคยเล่าว่า ลุงเบิ้มพ่อของแก

22

จตุพร แพงทองดี


ขับรถไต่ทางลาดยางขึน้ สันภูพานทีค่ ดเคีย้ ว โค้งวกวนไปมา สอง ข้างทางเต็มไปด้วยหุบเหว บางแห่งชันมากๆ จนตัวพี่ตินตินเอง ยังไม่กล้ามองออกนอกหน้าต่าง  แล้วไม่นานรถก็พุ่งหัวแล่นลงต�่ำอย่างรวดเร็ว พวกเรา ได้ยินเสียงฟิ้วของลมผ่านหู   ทุกคนกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง  ตัวผม กลัวจนเกือบร้องไห้  แต่โชคดีที่รถทั้งขบวนถึงทางเรียบเสียก่อน คนขับจึงค่อยๆ ผ่อนความเร็วในที่สุด ท�ำให้ผมยิ้มออกมาได้ ทันใดนัน้ ตัวของพวกเราผงะกระแทกทีน่ งั่  รวดเร็วราวถูกกระชาก ไปข้างหลัง เมื่อรถพุ่งลิ่วไปข้างหน้า แบบเดียวกับควายน้อย ตกใจสุดขีด ตื่นหมา กระโดดผึงทิ้งแม่!  พวกเรายังไม่ทันได้ตั้งสติเสียด้วยซ�้ำ  มันก็เหวี่ยงตัวอีก ครั้งหนึ่ง หมุนรอบเป็นเกลียว สวยงามเหมือนหัวมันฝรั่งทั้งลูก ถูกควั่นบางๆ เสียบไม้  ก่อนเอาลงทอดในน�้ำมันร้อนๆ หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ!  “กรี๊ดดด!” พวกเราหวาดเสียวจัด “โฮๆ” ผมร้องไห้ออกมา “โครมมมม!” กิ่งไม้หัก ทุกคนหล่นลงมากองทับกันอยู่ บนพื้นดิน ไอ้ขาวคิลเล่อร์สะดุ้งโหยง มันเห่าโฮ่งๆ พรวดพราดหนี ไอ้ตาลหมาของผมก็เห่าดังลั่น มันคงร�ำคาญที่ก�ำลังหลับสบาย อยู่แท้ๆ แล้วถูกท�ำให้ตกใจตื่น  “เฮ้ย...อะไรวะ!”  ลุงเบิ้มนอนเล่นบนเปลญวนผุดลุกขึ้น พระจันทร์เรนเจอร์

23


เมียของแกนั่งใกล้ๆ  หัวเราะลั่นเมื่อเห็นสภาพของพวกเรา... หมายถึงลูกของแกเอง ผมกับน้อง และพี่เจ  แม่พี่เจถลันชะโงกหน้ามาดู  เมื่อหายตกใจและเห็นว่าลูก ตัวเองไม่เป็นอะไร  แกเอามือเท้าสะเอวยืนด่าโขมงตรงหน้าต่าง “ดูสิ  ดูๆๆ”  ตานั่งบรรจุดินใส่ถุงเพาะช�ำไว้เพาะกล้าไม้อยู่ทางหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงจึงเอี้ยวหน้ามามอง ก่อนผุดลุกขึ้นบ่นดังๆ  “เด็ก น้อยพวกนี้ท�ำไมถึงซุกซนนัก ไม่มีที่เล่นแล้วหรือจึงพากันปีน ขึ้นไปบนนั้น ไม่กลัวแข้งขาหักหรือไง  แล้วนั่นดูซิ  ท�ำกิ่งนุ่นหัก เสียได้  น่าเสียดายแท้ๆ มันก�ำลังออกดอกเต็มอยู่ไม่เห็นหรือ พา กันปีนขึน้ ไปเล่นท�ำไม  รูไ้ หมว่านุน่ ของจริงทุกวันนีห้ ายากหาเย็น ถ้าปล่อยให้มันออกลูก เก็บได้เป็นกระสอบๆ ยัดฟูกยัดหมอน ได้มากแท้ๆ ถึงขายเป็นเงินก็หลายบาท พวกเอ็งไม่รู้หรือ  เดี๋ยว ตีให้ขาลายเสียดีไหม” พอตาท�ำท่าลุกขึ้น พวกเราต่างเผ่นแผล็วเพื่อหนี  พี่ตินติน วิ่งน�ำหน้าไปทางเล้าข้าวก่อนใคร มีพี่ใบเตยน้องสาวของแกวิ่ง ตามไปติดๆ รั้งท้ายด้วยผมกับน้องและพี่เจ  พี่ตินตินพาอ้อมไปหยุดหลังเล้าข้าว ในนั้นมีข้าวเปลือก ที่เก็บไว้กินทั้งปีบรรจุอยู่  นาของตาเป็นทุ่งโล่งผืนใหญ่ๆ อยู่หลังบ้านแห่งนี้เอง ต้น ยูคาลิปตัสสามต้นขึ้นตรงแหน็ว ยืนเรียงแถวเข้มแข็งราวทหาร ยาม เปลือกสีน�้ำตาลกะเทาะได้คล้ายกาบห่อหุ้ม ต้นดอกเสี้ยว 24

จตุพร แพงทองดี



ออกดอกสีม่วงบานสวยไสวอยู่   ใบเสี้ยวแปลกไม่เหมือนใคร ผมชอบเด็ดไปทาบกับสมุดเวลาอยากวาดรูปลูกแอปเปิล ใกล้ๆ กันคือต้นกระถินณรงค์ที่มีดอกเหลืองเป็นพู่พวงสวย ส่วนกระถิ น บ้ า นที่ กิ น ได้ ต ้ น ถั ด มานี้ ล� ำ ต้ น ของมั น ผอมสู ง ละลิ่ ว จนคน คร้านเสียเวลาเก็บเอามาจิ้มลาบเนื้อวัว มะกอกออกลูกแล้ว กิ่ ง ก้ า นโกร๋ น เกร๋ น ทิ้ ง ใบหมดต้ น จนดู แ ปลกประหลาดราวกั บ เป็นมะกอกของพวกมนุษย์ต่างดาวในหนังซีดีที่ป้าใหญ่เคยให้ ดู  ยังมีต้นฝรั่งขี้นกที่ตาปลูกไว้ต้นหนึ่ง  มันมีลูกกลมๆ เล็กๆ พอ สุกผลเป็นสีเหลือง เนื้อข้างในสีชมพู  รสอร่อยและส่งกลิ่นหอม ไกล เสียแต่ว่าตอนนี้มันไม่ออกลูก เพราะถูกเพลี้ยลงกัดกินจน สีขาวโพลนไปหมด  พี่ตินตินวิ่งน�ำพวกเราไปหาที่หลบภัยไม้เรียวของตาอย่าง เร่งด่วน เหมือนตอนโดนฝนไล่ช้างทิ้งเม็ดโครมครามกวดหลัง มาติดๆ จนคนพากันตื่นตกใจกระโจนเข้าชายคาบ้านกันชุลมุน ตาฟันฟืนเรียงกองอย่างเป็นระเบียบเก็บไว้ใต้ถุนเล้าเสมอๆ จึง เป็นที่ให้พวกเรานั่งเบียดกันแอบอยู่ด้านหลังกองฟืนของตา  พวกเราตื่ น เต้ น เล็ ก น้ อ ย  หวาดกลั ว นิ ด หน่ อ ย  แต่ ก็ ยั ง หัวเราะคิกๆ อย่างนึกสนุก เพราะทุกคนรู้ดีว่าตาคงพูดไปอย่าง นั้นเอง ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นตาตีใครสักแปะเดียว  “ ชู ่ ว วว์ ”   พี่ ติ น ติ น เอานิ้ ว จุ ป าก  ส่ ง สั ญ ญาณว่ า ให้ เ งี ย บ เมื่อมองผ่านช่องโหว่เห็นตาเดินไปที่กิ่งนุ่น จับดูตรงรอยขาด 26

จตุพร แพงทองดี


ยกมือแตะพวงดอกนุ่นอย่างเสียดาย  “มันน่าตีให้ขาลายจริงๆ ไอ้เด็กน้อยพวกนี้”  ตาบ่นพลาง ลากกิง่ ไม้มาทางทีพ่ วกเราซ่อนตัวอยู ่ ทุกคนตกใจ ถอยหลังกรูด  พอตาเดินเข้ามาเกือบถึงกองฟืนที่พวกเราซ่อนตัวอยู่  พี่ ตินตินร้องขึ้นว่า “อย่างนี้ต้องเผ่นป่าราบ!”  แล้วกระโดดผึงออก จากที่ซ่อน พวกเราไม่รอช้า ลุกวิ่งแข่งกันหนีอีกครั้งหนึ่ง  ผมตื่นเต้นมากจึงร้องกรี๊ดขึ้น  ก่อนจะเผ่นตามหลังคน อื่นๆ ไปทางเล้าไก่ใต้ดงมะม่วง ตาเลี้ยงไก่ไว้อย่างนั้นเอง บางคราวเมื่อพวกมันมีมากๆ จึง ขายให้แม่ค้าที่มาขอซื้อถึงบ้านสักทีหนึ่ง  ตอนที่น�ำไก่เนื้อมาให้ ตาเลี้ยงนั้น ลุงเบิ้มเอาแม่ไก่พันธุ์ไข่มาทิ้งไว้ให้ด้วย พวกมันตัว เล็กนิดเดียวแต่ออกไข่เก่งจนตากินไม่ทันต้องน�ำไปขาย  และ แม้ว่าลุงโตและแม่ของผมจะพากันมาขอเก็บไข่ไปกินบ้างแล้ว  แต่ตาก็ยังได้ขายไข่อยู่ดีก่อนที่พวกมันจะเน่าทิ้ง ตอนแรกที่ลุงเบิ้มเอาไก่มาให้ตาเลี้ยง ลุงโตอาสาว่าจะ พาลูกชายมาขุดหลุมสร้างเล้าไก่ให้ตา แม่ก็บอกว่าจะให้พ่อ ออกมาช่วย  แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมา ลุงโตไม่ว่าง แม่ก็ ไม่มาสักที  สุดท้ายตาเบื่อคอยจึงสร้างเล้าไก่เสียเองด้วยการตัด ไม้ไผ่ในสวนมาท�ำเป็นโรงเรือนยาวๆ  รอบๆ บ้านของตาเหมือนป่า มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ พระจันทร์เรนเจอร์

27


ปลูกไว้เต็มไปหมด โดยเฉพาะต้นมะม่วงที่มีขนาดใหญ่โตถึง ขั้นว่าเด็กๆ อย่างพวกเราสามสี่คนต้องช่วยกันกางแขนโอบจึง มิดล�ำต้น  แม่บอกว่าต้นไม้พวกนี้ปลูกมานานมากแล้วตั้งแต่ ก่อนผมเกิด ในสมัยของตาทวดยายทวดโน่นแหละ พวกเราจึง เรียกมันว่า  ‘ทวด’ ด้วยเช่นกัน  ครั้งหนึ่งหลังจากได้ดูหนังเรื่อง  ‘โก๊ะจ๋าป่านะโก๊ะ’ ฉาย ทางโทรทัศน์  ผมสมมุติให้บ้านตาเป็นป่าดงดิบ และให้ไอ้ขาว คิลเล่อร์เป็นเสือร้าย  ผมปล�้ำเอาผ้าลายๆ  ผูกคอให้มันแทน สัญลักษณ์  แต่แล้วพอเริ่มต้นต่อสู้  มันกลับวิ่งหนีเอาเสียดื้อๆ ไม่ยอมเล่นด้วย  ใครๆ ก็รู้ว่าหมาตัวนี้ค่อนข้างใจเสาะ ใต้ร่มมะม่วงใกล้เล้าไก่หลังนี้มีกองไฟเก่าๆ ที่มอดแล้ว เป็ น ที่ ที่ ต าจะกวาดใบไม้ ม าสุ ม ไฟทิ้ ง  พื้ น ดิ น โดยรอบดู เ รี ย บ สะอาดสะอ้านจนมองเห็นแม้กระทั่งรอยเท้าเล็กๆ ของลูกเจี๊ยบ ตัวน้อย  ลานด้านหนึ่งมีกิ่งไม้กองสุมอยู่  ตาคอยลิดพวกมัน ออกจากต้นเพื่อไม่ให้รกมากเกินไป กันงูแลสัตว์มีพิษต่างๆ ด้วย พอลิดกิ่งไม้รกๆ ลงแล้วตาก็น�ำมากองเรียงไว้  ทิ้งให้ใบแห้งและ ร่วงหมดแล้วจึงน�ำมาทอนออกเป็นท่อนๆ ส�ำหรับท�ำฟืน และ กองเรียงไว้ใต้ถุนเล้า  พี่ ติ น ติ น เกิ ด ความคิ ด   เดิ น รี่ เ ข้ า ไปดึ ง กิ่ ง กระถิ น ขึ้ น มา เคาะใบออกเป็นคนแรก จากนั้นหักให้ได้ไม้แส้ยาวๆ พอเหมาะ มือ เอามาถือไว้  พวกเราจึงท�ำตามบ้าง  28

จตุพร แพงทองดี


ผมกั บ น้ อ งและพี่ เ จเป็ น   ‘ เกคิ จู เ คน ’ ๑  หรื อ จู เ คนฝ่ า ย ธรรมะ ส่ ว นพี่ ติ น ติ น และพี่ ใ บเตยยอมเล่ น เป็ น   ‘ ริ น จู เ คน ’ ๒  ฝ่ายชั่วร้าย “โซวะ! โซวะ! นี่...” เจ้ามิกน้องชายผมร้องขึ้นเมื่อจมูก ได้กลิ่นชั่วร้าย พวกเราสามคนรีบวิ่งไปยืนเรียงแถวแปลงร่าง ด้วยการยืดแขนตรงออกไป ก�ำมือแล้วยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นร้อง ว่า “จงเร่าร้อน พลังของสรรพสัตว์  บีสต์ออน...” ผมกลายเป็ น   ‘ เร็ ต สึ   เรนเจอร์ บ ลู ’ ๓  ถื อ เกคิ ท อนฟา (กระบอง) เป็นอาวุธ  “ย้ากส์!”  ทุกคนต่างกระโดดเข้าตะลุมบอนต่อสู้  ตัวผมเองหัวใจ ฮึกเหิมกล้าหาญ ภารกิจในครั้งนี้ส�ำคัญมาก มันหมายถึงความ อยู่รอดของโลกมนุษย์  และผมเองคือผู้พิทักษ์ผู้แข็งแกร่ง “โชะ!  โชะ!  โชะ!” พลังรินจูเคนฝ่ายชั่วร้าย ปีศาจกิ้งก่าเขียวเมเลและริโอะ  รุนแรงมากจนผมปวดแขน ต้านทานแทบไม่อยู่  จึงกระโดดขึ้น แคร่ไม้ไผ่ใกล้ๆ เพื่อตั้งหลัก

ตัวละครส�ำคัญจากเรื่องเกคิเรนเจอร์ ยอดนักสู้สีน�้ำเงินจากเรื่องเกคิเรนเจอร์

๑-๒ ๓

พระจันทร์เรนเจอร์

29


“ย้ากกกส์!”  เมเลใช้อาวุธลับคือลิ้นที่แหลมยาวและคม กริบอย่างดาบ พุ่งออกมาจากใต้หน้ากาก หวังพิฆาตศัตรู  แบบ เดียวกับกิ้งก่าตวัดลิ้นสังหารแมลง “ไม่ได้กนิ เสียละ” ผมรีบป้องกันตัวด้วยการยกเกคิทอนฟา ขึ้นรับ  “ผลัวะ!” เสียงอาวุธสองอย่างกระทบกัน “นั่นไง นั่นๆๆ” ตายืนจังก้าอยู่ข้างหลัง  “หนีจากทางหนึ่ง ก็มาอีกทางหนึ่ง ใครใช้ให้เล่นไม้  เดี๋ยวก็แทงกันตาแตกเท่านั้น เอง มันน่านัก ตีให้สักทีดีไหม ไอ้เด็กจอมซนพวกนี้”  ไม่พูดเปล่า ตาเคาะมีดโต้ที่ถืออยู่เข้ากับพื้นแคร่หนึ่งที “จ๊ากส์!”  พวกเราทิ้งไม้  เผ่นกระเจิดกระเจิง แข่งกันวิ่งฝ่าสวนกล้วย หลังครัวอ้อมตัวบ้าน หนีไปอีกข้างหนึ่ง ผมพุ่งเต็มที่จนหลบ กอตะไคร้ไม่ทัน เผลอย�่ำลงตรงกลาง  ส่วนข้างหน้านั้นพี่ตินติน ชนหน่ อ กล้ ว ยจนหั ก   พี่ เ จท� ำ ต้ น ข่ า ของตาล้ ม ระนาวเป็ น ทาง ตามตัว ผมใจคอไม่ดี  ได้แต่หวังว่าตาจะไม่เข้าไปท�ำอะไรใน สวนหลังบ้าน หรือตัดกล้วยสักเครือในวันนี้  เมือ่ มาไกลและมองไม่เห็นตาแล้วทัง้ หมดจึงหยุดพัก หาย ใจหอบแฮ่กไล่ลม พวกเราสนุกมาก ต่างหัวเราะแข่งกันใกล้ต้น กระถินข้างรถเก๋งของน้าเบล  แล้วผมก็มองเห็นไอ้ขาวคิลเล่อร์  มันก�ำลังนอนกลางวัน หลับอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้ท้องรถ 30

จตุพร แพงทองดี


“ ชู ่ ว วว์ . .. ”  พี่ ติ น ติ น คนโตสุ ด ส่ ง สัญญาณให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง ท�ำท่า มองรอบๆ เหมือนหาอะไรสักอย่าง จาก นั้นท�ำมือชี้ไปยังสุ่มไก่เก่าๆ ที่ถูกทิ้งอยู่ ทางหนึ่ง  “อือๆ”  พี่ตินตินท�ำนิ้วเป็นวงกลม บุ้ยใบ้ให้พวกเรากระจายตัวล้อมรถน้า เบลอย่ า งเงี ย บเชี ย บ  ตั ว ผมเองใจเต้ น ระทึกตึ้กตั้ก พี่ตินตินชี้สุ่มไก่เปล่า ท�ำปากพะงาบๆ สั่งน้อง สาวว่าให้ไปเอามา  พี่ใบเตยพยักหน้าเข้าใจ เดินก้าวเท้าโหย่งๆ เหมือนแมวย่องไปทันที  “ เฮ้ ย !   ไอ้ พ วกมหาดเล็ ก เด็ ก ดื้ อ ขี้ มู ก เขรอะทั้ ง หลาย ” แผนแตกเสียก่อน น้าเบลมองเห็นและแหวขึ้น  “จะเล่นซนอะไร ที่รถฉัน ถอยออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...ขอบอก!” ไอ้ขาวคิลเล่อร์ไหวตัวทันเสียแล้ว มันเห็นท่าไม่ดีรีบเอา ตั ว รอด  วิ่ ง พรวดลอดหว่ า งขาผมออกไปก่ อ น   สี่ ตี น เผ่ น แน่ บ ไม่เหลียวหลัง  ในเวลาเดียวกันกับที่พี่ใบเตยถือสุ่มไก่วิ่งมาถึง พอดี ครั้งหนึ่งพวกเราเคยเล่นลากอวนไล่ตักเขียดน้อยในนา ด้วยการจับไอ้ขาวขังในสุ่มแทนเขียด  จากนั้นช่วยกันถือวิ่งลาก ไปมา หมาของตาคงเข็ดหลาบและรู้แกวพวกเรานับจากวันนั้น ไอ้ขาวคิลเล่อร์ตัวไม่ใหญ่เลย มันไม่ใช่หมาบ้านธรรมดา อย่างไอ้ตาลของผม หรือหมาน้อยไมโลของมิกน้องชาย  แต่ว่า พระจันทร์เรนเจอร์

31


มันมีเชื้อหมาฝรั่งปนอยู่  ส่วนมันมาจากไหนหรือเป็นหมาของ ใครมาก่อนไม่มีใครรู้  ตอนที่ตาไปเจอตัวครั้งแรกที่วัดนั้นมัน ผอมโซ ผิวหนังรั้ง ป่วยเป็นขี้เรื้อนจนขนเกลี้ยงทั้งตัว ตาสงสาร เลยเก็บมันมา และค่อยๆ รักษาด้วยการหมั่นเอาน�้ำมันขี้โล้ด�ำๆ ทาให้  ตาใช้เวลานานมากกว่าจะท�ำให้ขนขาวๆ ของมันโผล่ ขึ้ น มาสั ก หย่ อ มสองหย่ อ ม  จนทุ ก วั น นี้ ข นของมั น ก็ ยั ง ยาวไม่ สม�่ำเสมอ  แต่ถึงกระนั้นมันก็ดูดีมีสกุลกว่าเก่ามาก ไอ้ขาวเป็นหมาไม่สู้ใคร ไม่ยอมสนิทสนมกับใคร ติดจะ ประสาทนิดๆ กลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียทั้งหมด  อย่างคราว หนึ่งขณะมันนอนหลับอยู่มีใบมะม่วงถูกลมพัดร่วงลงมาใส่ใบ เดียวเท่านั้นเอง มันตกใจสะดุ้งขึ้น วิ่งตาตื่นหนีไปตั้งหลักเห่า โกลาหลอยู่ไกลมาก  ป้าใหญ่บอกว่าตอนที่มันถูกทิ้งไอ้ขาวคงล�ำบากมาก ไม่ แน่ ว ่ า มั น จะหลบหนี ม าจากรถของพวกคนหารั บ ซื้ อ หมา  พอ พเนจรร่อนเร่บนถนนเพื่อหาทางกลับบ้าน  มันอาจถูกคนหรือ หมาด้วยกันรังแกจนจิตตก ทั้งป่วย ทั้งหิวโซ มันจึงกลายเป็น หมาขี้กลัวอย่างทุกวันนี้  และป้าใหญ่นั่นเองที่ตั้งชื่อให้มันว่า “ไอ้ขาวคิลเล่อร์” แกว่ามันจะได้ดู  “แมน” ขึ้น แม้ว่ามันจะกลัว แม้กระทั่งตั๊กแตนที่บินตัดหน้าก็ตาม เมื่อไม่รู้ว่าจะเล่นอะไรกันดี  พี่ตินตินจึงน�ำพวกเราเล่น ซ่อนหา  ผมว่าพี่ตินตินคือสุดยอดของพี่ชายที่ไม่ใช่แค่ตัวโต ที่สุดในบรรดาของพวกเรา หากมีอะไรมากกว่านั้น  32

จตุพร แพงทองดี


ผมกับน้องชอบ “พี่ตินติน” มาก ค่าที่มักเป็นหัวโจกพา เราคิดหาอะไรเล่นสนุกได้เสมอ  พี่ตินตินเรียนชั้น ป.๖  แต่ตัว สูงมาก มีผิวด�ำอย่างลุงเบิ้มคนเป็นพ่อ ลูกพี่ลูกน้องของผมคน นี้เป็นคนใจดี  ไม่แย่งของเล่น ไม่เอาเปรียบ และไม่แม้แต่คิด จะแกล้งพวกผม คราวหนึ่งลุงเบิ้มขนเสื้อผ้าใช้แล้วมาให้พวกเราหนึ่งถุงปุ๋ย ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมกับน้องชายมีเสื้อผ้ามากมาย ขนาดนั้น  เราสองคนภูมิใจมาก ทุกครั้งที่น�ำขึ้นมาสวม ผมมัก จะบอกกับใครต่อใครอย่างภูมิใจว่าเป็นของเก่าจากพี่ตินติน  การเล่ น ซ่ อ นหาในวั น นี้   พี่ ติ น ติ น ตั้ ง กติ ก าว่ า เมื่ อ   “คน เป็ น ”  หรื อ คนที่ ป ิ ด ตาหาคนซ่ อ นพบ  คนปิ ด ตาไม่ ไ ด้ พู ด ว่ า “โป้ง!”  เพียงเท่านั้น หากต้องวิ่งไปแตะตัวคนซ่อนให้ได้ด้วย  แน่นอนละว่าผมได้วิ่งไล่ก่อนใคร ในทุกครั้งที่เล่นอะไร ผมมักเป็นฝ่ายได้เล่นก่อนคนอื่นเสมอ ทั้งหมดนี้เพราะผม “ตัว เล็กที่สุด” ขนาดว่าเล็กกว่าน้องชายของตัวเองเสียอีก ถึงอย่าง นั้นผมก็ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องนี้เลยสักครั้งเดียว ตั้งแต่เกิดมา มีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจ หมายถึงทั้งเห็น และไม่เข้าใจ  อย่างเช่นบ้านของ “ปู่” กับบ้านของ “ตา” ที่ตรง ข้ามกันลิบลับ เหมือนต้นไม้กลางทุ่งนากับภูเขาทั้งลูก หรือไม่ ก็ขันอาบน�้ำเปรียบเทียบกับกะละมังใบใหญ่  บ้านหลังหนึ่งมี ขนาดเล็ ก เหมื อ นกระท่ อ ม  ในขณะที่ อี ก หลั ง ใหญ่ โ ตมโหฬาร พระจันทร์เรนเจอร์

33


กระทั่ ง ว่ า ผมวิ่ ง ไล่ ทุ ก คนจากสวนดอกไม้ ห น้ า บ้ า น  อ้ อ มต้ น มะพร้าวน�้ำหอม ต้นขี้เหล็ก ต้นกระถิน ผ่านสวนกล้วย สวน มะละกอหลังครัว กอไผ่  อ้อมมาทางด้านข้างสวนมะม่วงและ กอผักหวานบ้าน หากต้องระวังหนามของพุ่มเหงือกปลาหมอ เพียงเท่านั้นก็เหนื่อยจนแทบวิ่งไม่ออกแล้ว  ผมแตะตัวพี่เจได้เป็นคนแรก ส่วนที่เหลืออีกสามคนวิ่ง เร็วมาก จนขาสั้นๆ ของผมตามไม่ทัน  ทันใดนั้นความคิดอย่าง หนึ่งก็ปราดขึ้นมา ผมจึงวางแผนด้วยการแอบตัวเข้าข้างกอ ดอกพุด หยุดยืนคอยเงียบๆ อย่างใจระทึก ผมเอามือสองข้าง ปิดปากตัวเองด้วยความตื่นเต้น พี่ตินตินโผล่มุมบ้านออกมาเป็นคนแรก ซอยขาวิ่งหน้า ตั้งอย่างเต็มที่  พอเห็นผมแกตกใจร้องว้ากขึ้นราวเห็นผี  ก่อน รี บ เบรกจนตั ว โก่ ง เพื่ อ หั น หลั ง กลั บ   ครั้ น แล้ ว พี่ ใ บเตยก็ วิ่ ง มา ติดๆ จนหลบไม่ทันจึงชนเข้า ตามมาด้วยคนสุดท้ายคือไอ้มิก น้องชายของผม ทุกคนล้มลงกองกันบนพื้น ผมวิ่งไปแตะตัว ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย “เย้ๆ”  ผมกระโดดชูมือดีใจสุดขีด “ฮ่าๆๆ”  เสียงเมียลุงเบิ้มหัวเราะชอบใจไปด้วย แกพูด ชมกับสามีว่า  “ไอ้เจ้านี่มันส�ำคัญจริง เห็นตัวเล็กกว่าใครแต่ก็ ฉลาดแฮะ”  “มันจะฉลาดกว่านี้ถ้ามีพ่อ-แม่ที่มีหัวคิด”  ลุงเบิ้มพูดบ้าง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เคยเข้าใจ! 34

จตุพร แพงทองดี


พี่ เ จได้ เ ป็ น คนปิ ด ตาคนที่ ส อง  คราวนี้ พ วกเราไม่ ต ้ อ ง ซ่อนตัวอีกแล้ว ให้เปลี่ยนมาวิ่งไล่จับได้เลยทันที  ผมวิ่งผ่านป่า กล้ ว ยได้ เ พี ย งรอบเดี ย วก็ รู ้ สึ ก เกี ย จคร้ า นจึ ง หยุ ด วิ่ ง   แล้ ว เข้ า ซ่อนตัวหลังโอ่งน�้ำที่ตั้งอยู่ข้างประตูครัวด้านหลัง  ครัวบ้านตานี้สร้างต่อจากหลังบ้านออกมาในแนวขนาน แยกเป็นหนึ่งห้องกว้างๆ ต่างหาก กึ่งปิดกึ่งเปิด ให้ส่วนที่ใช้ ส�ำหรับเก็บของ ปรุงอาหาร โต๊ะกินข้าวอยู่ข้างใน ปล่อยด้าน หลังเปิดโล่งวางโอ่งน�้ำกับที่ล้างจานล้างผัก ต่อท่อให้น�้ำพวก นั้นไหลลงตะบิ้งนาอีกทอดหนึ่ง ระหว่างห้องครัวและตัวบ้าน มีประตูเชื่อมแทนทางเดินเอาไว้  ส่วนประตูครัวอีกบานใช้กั้น ระหว่างด้านในกับด้านนอกที่ผมก�ำลังซ่อนตัวอยู่นี้  ใจผมเต้ น โครมๆ  และรี บ กดหั ว ลงต�่ ำ ตอนเห็ น พี่ เ จวิ่ ง อืดๆ ผ่าน ฉับพลันผมได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยจาก ในครัวมาปะทะจมูก กลิ่นนั้นหอมมาก เหมือนว่าอะไรก็ตามที่ท�ำให้เกิดกลิ่น นี้  มันต้องอร่อยแน่ๆ! ผมลุกขึ้นยืนและมองเข้าไปในครัว พี่เจวิ่งมาแตะตัวผม แต่แล้วก็หยุดนิ่งไปเช่นกัน  พี่ตินติน พี่ใบเตย ไอ้มิก ทุกคนเลิก วิ่งเล่นทั้งหมด ต่างเปลี่ยนมายืนออกันอยู่หน้าประตูครัวแทน ในครั ว   ‘ป้ า ใหญ่’ เกร็ ง แขนยกกระชอนสลั ด น�้ ำ มั น เบาๆ ท่วงท่าราวกับครูสพุ จน์ยนื ถือไม้ทำ� มือขึน้ ๆ ลงๆ หน้าวงโยธวาทิต

พระจันทร์เรนเจอร์

35


ของโรงเรี ย น  ซึ่ ง ทุ ก ครั้ ง ที่ ผ มได้ เ ห็ น   ผมนึ ก อยากเป็ น คนตี กลองใบใหญ่ที่สุดที่ส่งเสียง ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง! ก�ำกับจังหวะให้พวก เราเดินอย่างพร้อมเพรียง พลางนับในใจว่า  ‘ซ้าย ขวา ซ้าย…’  เมื่ อ น�้ ำ มั น สะเด็ ด   ป้ า ใหญ่ เ ทชิ้ น ไก่ ท อดสี ท องอร่ า มลง ใส่จานเปล แกหมุนตัว ยกจานมาวางกลางโต๊ะกินข้าว “เอื๊อก!!”  เสียงกลืนน�้ำลายลงคอด้วยความหิว “ไง พวกเด็กน้อยจอมดื้อ หิวละสิท่า” ป้าใหญ่มองเห็น พวกเรา และพูดว่าอย่าแม้แต่จะคิดเข้ามาขโมยกิน ราวกับอ่าน ใจได้  รู้ล่วงหน้าว่าพวกเราคิดจะท�ำอะไรอยู่ “แต่ถ้าหิวก็เชิญล้างมือ แล้วเข้ามาได้เลย” พวกเราทุกคนต่างรอฟังค�ำนี้แหละ ถึงได้เลิกเล่นและมา ยืนคอยอย่างอดทน  ผมรีบเอามือจุ่มพรวดลงในโอ่งน�้ำ  “จุ๊ๆๆ” ป้าใหญ่จุปากราวกับมีตาหลัง และชี้ที่ข้างโอ่งน�้ำ ซึ่งมีสบู่วางอยู่เป็นเชิงบอกให้พวกเราทุกคนล้างมือให้สะอาด เสียก่อน  “วิ่งเล่นจนเหงื่อโชก ไม่รู้จับอะไรมาบ้าง”  ไก่ ท อดน่ า กิ น ขนาดนั้ น   พวกเราจึ ง ลงนั่ ง ล้ า งมื อ โดย ไม่เกี่ยงงอน “ล้างมือบ่อยๆ ล้างมือบ่อยๆ ล้างมือบ่อยๆ”  พี่เจร้องเป็น เพลง  พี่ เ จเป็ น ลู ก ชายคนเดี ย วของพี่ ช ายอี ก คนของแม่   พี่ เ จ คนนี้เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งมากและมักสอบไล่ได้ที่หนึ่งของ ห้องเสมอ  ทุกครั้งที่มาบ้าน แม่ของพี่เจจะคุยอย่างภูมิใจว่าครู 36

จตุพร แพงทองดี


ชอบให้พี่เจเป็นนักเรียนตัวอย่าง ท�ำหน้าที่ตัวแทนของโรงเรียน เพื่อไปแข่งขันวิชาการต่างๆ ทั้งเลขคณิต ภาษาไทย การไหว้ การท�ำปุ๋ยชีวภาพ ถ่านแกลบ และแม้แต่การอ่านภาษาอังกฤษ  ผมดีดน�้ำใส่พี่เจ พี่เจดีดคืนแต่ผมหลบได้  น�้ำเลยกระเด็น โดนไอ้มิกกับพี่ตินตินแทน พี่ใบเตยนึกสนุกจึงตีน�้ำใส่ผมบ้าง พวกเราทุกคนเลยเล่นดีดน�้ำใส่กัน  ป้าใหญ่กระแอมว่าการเล่นน�้ำไม่อยู่ในกติกา ถ้าเสื้อใคร เปียกน�้ำ  ป้าจะถือว่าไม่อยากกิน  “ตกลงมั้ยจ๊ะ” แล้วแกก็เดินผ่านประตูครัวเข้าไปในบ้าน ใครๆ ก็กลัวป้าใหญ่  ยิง่  “พ่อ” ของผมด้วยแล้วยิง่ ไม่อยาก เข้าหน้า  พ่อเคยพูดว่าป้าใหญ่ดุ  และผมสังเกตเห็นว่าบ้านของ พวกเราจะสงบเรียบร้อยลงมาก พ่อไม่กล้าท�ำเสียงดังหรือโวย วายเมื่อไรก็ตามที่รู้ว่าป้าใหญ่มา ถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่คนละ บ้านก็ตาม จนบางครั้งผมอยากให้ป้าใหญ่กลับมาอยู่ที่นี่ตลอด ไป  พวกเรารักป้าใหญ่  ส�ำหรับผมแล้วผมว่าป้าใหญ่ใจดีมาก แกไม่เคยตี  ไม่ตวาด และไม่เคยสั่งห้ามโน่นห้ามนี่  “ผ้าเช็ดมือแขวนอยู่ทางโน้น”  นอกจากชอบบังคับให้พวกเราเป็นเด็กสะอาดจนเกินไป ป้าใหญ่กลับออกมาพร้อมจานใส่สับปะรด  “ถ้าพร้อมแล้วก็เช็ดมือให้แห้ง แล้วเชิญท่านผู้ทรงเกียรติ ทั้งหลายเข้าประจ�ำที่นั่งได้” พระจันทร์เรนเจอร์

37


พวกเรายิ้มแต้ถูกใจ ผมนึกถึงหนังสงครามเรื่องหนึ่ง ตอน ก� ำ ลั ง ประชุ ม มี ท ่ า นนายพลนั่ ง สง่ า อยู ่ หั ว โต๊ ะ เพื่ อ เป็ น ท่ า น ประธาน นายพลท�ำหน้าดุนิดๆ หรี่ตาข้างหนึ่ง พูดเสียงขึงขังว่า ‘ทุกท่านมีแผนอะไรจะเสนอก็ว่ามา’  ผมเช็ดมือสองข้างให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นเดินตัว ตรง ยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยเข้านั่งประจ�ำที่แบบแขกคนส�ำคัญ ทีส่ ดุ   ‘ท่านประธาน’  แจกไก่ทอดให้คนละชิน้  ไม่ใช่แฟ้มเอกสาร ลับของพวกนาซีแต่อย่างใด ผมเลยกัดกินเสียเลย!

“อะไรเอ่ย...”  ป้าใหญ่เริ่มแล้ว ก�ำลังจะเล่นเกม  ‘อะไรเอ่ย’

ที่พวกเราโปรดปรานนักหนา ผมกัดน่องไก่เคี้ยวกินอย่างเอร็ด อร่อยพร้อมกับเงี่ยหูฟัง  “ทอดแล้วอร๊อย...อร่อย” เสร็จละ...ง่ายดายอะไรอย่างนั้น ! ผมนึกในใจ ก่อนทุก คนจะตะเบ็งเสียงเพื่อแย่งกันตอบโดยไม่มีใครยอมใครว่า  “น่องไก่ทอด” “ผิด”  ป้าใหญ่สวนทันควัน เป็นไปไม่ได้! ผมนั่งงงเป็นไก่ตาแตก เริ่มระแวงขึ้นมาทันที  ผมกับป้า ใหญ่พบกันไม่บ่อยนัก เพียงแค่ปีละครั้งสองครั้ง  และในทุกๆ ครั้งป้ามักน�ำเกมแสนสนุกมาให้พวกเราเล่นเสมอๆ  คราวหนึ่ง ป้าให้กระดาษหนึ่งแผ่น กาว ใบไม้หลายชนิด และเมล็ดพืช 38

จตุพร แพงทองดี


ต่างๆ จากนั้นสั่งให้พวกเราเอาของพวกนั้นติดลงบนกระดาษ แบบไหนก็ได้ตามใจตัวเอง  ผมเรียงเมล็ดถั่วเป็นรูปวัวก�ำลังกิน หญ้ากลางทุ่ง ป้าใหญ่ชมว่าสวยมาก ถึงแม้ใครๆ จะดูออกว่า วัวของผมตัวกลมเหมือนแม่ไก่อูของตาก็ตาม  แต่บางครั้งเกมของป้าใหญ่ก็มักแกล้งหักมุมให้พวกเรา งุนงง อย่างเล่นปริศนาค�ำทาย หรือไม่ก็ใช้ค�ำตอบชนิดที่เรียก ว่า  ‘ไปแบบน�้ำขุ่นๆ’ จนพวกผมคาดไม่ถึงเป็นประจ�ำ อย่างครั้งที่ป้าใหญ่ให้พวกเราช่วยกันคิดว่าระหว่างหมู และกา  ‘ใครจะกินขี้ใคร  ให้หมูกินขี้กา หรือกากินขี้หมู’ ผมนึกถึงอีกาตัวด�ำปิ๊ดปี๋ที่มักร้องกาๆ ดังลั่นบนยอดไม้ ในป่าช้า และชอบบินโผลงขโมยของกินเวลาคนที่เป็นเจ้าของ นาเผลอ จึงตอบอย่างมั่นใจที่สุดว่า “กากินขี้หมู”   ‘โอเค ’  ป้ า อมยิ้ ม ดี ด นิ้ ว เสี ย งดั ง เปาะแรงๆ  จนพวกเรา ลองดีดตามบ้าง หากมันแปะเบาราวเขียดป่วยโก่งคอร้องไม่ ออก ‘ถ้าอย่างนั้น ถ้าเราผวนค�ำก็เท่ากับว่า กู...อะไรดี’ ‘ กู … ’   ผมคิ ด ตาม  ก่ อ นเผลอปากโพล่ ง ออกมาว่ า   ‘ กิ น ขี้หมา’ แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดกระโดดขึ้น ผมทั้งข�ำทั้งเสียหน้าที่เสีย รู้ป้าใหญ่  แต่ครั้งนั้นไม่มีใครหัวเราะเยาะใคร เพราะเด็กๆ ต่าง ตอบเหมือนกันหมด ขนาดน้าเบลแท้ๆ ยังหลงกล จากนั้นผม เลยน�ำไปเล่นกับโอเว่นและจอมยุทธ์บ้าง พวกมันล้วนแต่  ‘กิน พระจันทร์เรนเจอร์

39


ขี้หมา’ เหมือนผมทั้งหมด วันหนึ่งครูกรรณิการ์น�ำเกมนี้มาทายในห้องเรียน วันนั้น มีพวกเราสามคนเท่านั้นที่ให้  ‘หมูกินขี้กา’  พวกผมเลยได้ยืดอก ในที่สุด   “เคเอฟซี” เสียงพีต ่ น ิ ตินโพล่งขึ้น ป้าใหญ่ยงั ว่าไม่ใช่ “กล้วย แขก” พี่ใบเตยชี้เครือกล้วยที่ตาตัดแขวนผึ่งลมไว้  กล้วยพวกนี้ ตาจะเก็บเอาไว้ให้พวกเรากิน หรือแจกญาติส่วนหนึ่ง อีกส่วน แบ่ ง ไปท� ำ บุ ญ ที่ วั ด   บางครั้ ง ผมเห็ น แม่ เ ข้ า มาแบกเอาไปทั้ ง เครืออย่างนั้นเพื่อน�ำไปขาย “No,  It is not fried banana.” ป้าตอบเป็นภาษาอังกฤษ พี่เจมองผ่านหน้าต่างออกนอกครัว เห็นต้นมะละกอ  แก หยุดท�ำท่าคิดแล้วตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “Papaya”  “มะละกอบ้านแกสิไอ้อ้วน ใครเขาเอามาทอดกัน”  ป้า ใหญ่บอก พวกเราหัวเราะลั่น ต่างข�ำจนหัวสั่นหัวคลอน ไม่เว้นแม้ แต่ป้าใหญ่และพี่เจผู้เป็นเจ้าของค�ำตอบ  พี่เจเรียนหนังสืออยู่ ป.๕  รูปร่างอ้วน ผิวขาว แก้มแดง ปากแดง ตัวกลมปุ๊กเหมือน ลูกฟุตบอล “ยอมแพ้ยังเด็กๆ ติ๊กต่อกๆ”  ป้าใหญ่เร่ง “มิกตอบๆ”  น้องชายผมยกมือขึ้นบ้าง ไอ้มิกเป็นคนพูด 40

จตุพร แพงทองดี


น้อย คิดช้า มันจึงมักคิดอะไรๆ ได้หลังคนอื่นเสมอ  ยกเว้นก็ แต่การใช้ก�ำลังอย่างวิ่งเล่นหรือเล่นกีฬา ที่มันท�ำได้คล่องแคล่ว ว่องไวกว่าใครทั้งหมด  มันตอบว่า “ปลาทู” “อืม...มีเหตุผล” ป้าชม  น้องชายผมยิ้มร่า เห็นฟันแมงซี่ข้างๆ ป้าใหญ่ท�ำท่าเกา คางครุ่นคิดหนักอกหนักใจ เหมือนว่าค�ำตอบนี้ส�ำคัญมากๆ จน แทบตัดสินใจไม่ถูก  “มันอร่อยดีเหมือนกันนะ เราชอบกินด้วยแหละ  แต่ว่า ยังไม่ใช่” “ไอ้ขาวคิลเล่อร์”  ผมคิดอะไรไม่ออก เลยตอบมั่วๆ  “อย่ามามั่วไอ้แม็กกี้”  ป้าดักคอ  “ทั้งมั่วทั้งรั่วเป็นกะละมัง แตกเลยแกน่ะ” พวกเราข�ำกลิ้งอีกครั้งหนึ่ง  “แมคโดนัล” พี่ตินตินไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “ขนมจีบกับซาลาเปา” พี่ใบเตยเลยตอบอีกบ้าง “สเวนเซ่น” เป็นค�ำตอบพี่เจ ผมแกล้งนั่งนิ่งเพื่อวางท่าไว้ก่อน ของทั้งหมดที่ได้ยินนั้น ผมเคยกินก็เฉพาะขนมจีบและซาลาเปา เพราะมีคนเอาใส่รัง ถึงวางท้ายรถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาขายถึงกลางทุ่งนา “มะม่วง” น้องชาย “มะขาม”  ผมเอง พระจันทร์เรนเจอร์

41


“สรุปแว่...”  ป้าใหญ่ยกมือ  “สรุปว่า” พวกเราตะโกนขึ้น  ช่วยกันแก้ไขค�ำพูดให้ถูกต้อง  ถึงตอนนี้ทุกคนหัวเราะท้องแข็ง ด้วยความสนุกสนาน “ผิโหมะเลอ (ผิดหมดเลย) ยอมแพ้ยัง”  “ยอมแล้ว”  พี่ตินตินในนามตัวแทนยอมในที่สุด ท่ามกลางเสียงคิกๆ  ของผมและคนอื่นๆ  พวกเราข�ำที่ ป้าใหญ่แกล้งพูดไทยไม่ชัดอย่างที่เคยได้ยินในละครทีวี “จะเฉลยแล้วนะว่า...แท่ม แทม แท้ม...” ป้าใหญ่เว้น วรรค ท�ำเสียงดนตรี  สะบัดมือประกอบราววาทยกรเอก๔ ผมตื่นเต้นจัด เผลออ้าปากหวอ มองใบหน้าขาวๆ ของ ป้าใหญ่  ใจเต้นตึกๆ ดังมาก  “ป่าม ป้าม ป่าม ปาม”  น้องชายผมมีความสุขใจ จึงร้อง เพลงเลียนแบบแมลงวันนักพากย์มวย๕บ้าง “ไอ้นี่”  พี่ใบเตยเคาะหัวมันทีหนึ่ง  “คนยิ่งก�ำลังลุ้นๆ อยู่” “ขอเฉลยว่า...”  พวกเราอ้าปากด้วยความระทึกสุดขีด  ผมนึกถึงหนังเรื่อง ‘ผีชีวะ’ ตอนที่คนเกร็งจัด รอคอย ไม่รู้ว่าผีจะโผล่ออกมาหาตน เองตอนไหน หรือจากทิศทางใด  ผู้อ�ำนวยการให้จังหวะดนตรี เป็นผู้ที่สื่อสารกับนักดนตรีด้วยภาษามือ  แมลงที่ออกมาจากปากปีศาจกิ้งก่าเจ้าเสน่ห์  “เมเล” เพื่อพากย์การต่อสู้ ระหว่าง “เกคิโทจา” หรือร่างรวมของเหล่าเกคิเรนเจอร์กับปีศาจตอนที่ ขยายร่างใหญ่ ๔

42

จตุพร แพงทองดี


“ไก่น่อง” “โหยยยย!!” พวกเราประสานเสียงร้องลั่น  “ป้าขี้โกงอ่ะ” พี่เจโวยวาย “เจตอบถูกแล้ว” “โกงตรงไหน”  ป้าใหญ่ท�ำหน้าตาย

พอได้ฟังพวกเราต่างรุมประท้วง ทั้งหมดช่วยกันโวยวาย หน้าด�ำหน้าแดง ไม่ยอม เสียงดังโหวกเหวก ไม่มีใครฟังใคร ตัว ผมถึงกับลุกขึ้นยืน  ‘เย้ว’  บนเก้าอี้ ป้าใหญ่ยังยืนยันค�ำตอบเดิม ไม่ใช่  “น่องไก่”  “ไหนมิกลองสะกดให้ป้าฟังหน่อยซิ” น้องชายผมชื่อชัยวัฒน์  เรียนอยู่ชั้น ป.๒ และเด็กที่สุด ในที่นี้  ป้าชี้นิ้วท�ำนองสั่งว่าให้นั่งลง ผมรีบท�ำตาม “นอ...นอ...นอ...น่อง” น้องชายพยายาม “ไม่ใช่”  ผมช่วยน้อง ผมขอสารภาพว่ารักน้องของตัวเอง มากที่ สุ ด   และมั ก คอยช่ ว ยเหลื อ มั น เสมอ  “นอ –ออ-งอ-นองไม้เอก-น่อง” “กอ-ไอ-ไก-ไม้เอก-ไก่” พี่ใบเตยกับ พี่เจต่อให้ “ไหนสะกดพร้อมๆ กันซิ” ป้าใหญ่ สั่งแล้วนับให้ว่า “หนึ่งสองสาม” เท่ า นั้ น เอง  พวกเราต่ า งพร้ อ มใจ ตะโกนสุดเสียงว่า  พระจันทร์เรนเจอร์

43


“นอ-ออ-งอ-นอง-ไม้เอก-น่อง” “กอ ไอ-ไก-ไม้เอก-ไก่  น่องไก่”

แล้วป้าใหญ่จึงเฉลยว่าค�ำตอบของป้าคือ  “ไก่น่อง”  ไม่ใช่ “น่องไก่”  ค�ำมันวางสลับกันหน้า-หลัง ท�ำให้มีความหมายแตก

ต่าง  ป้าหมายถึงของสองสิ่ง ได้แก่ “ไก่” และ “น่อง” ที่อาจจะ เป็นน่องของสัตว์อื่นๆ อะไรก็ได้  ส่วนของพวกเรามีความหมาย ตรงตัวว่า “น่องไก่” “ป้าแกล้งแน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ”  พี่ใบเตยไม่ยอม

ในใจผมก็รู้สึกอย่างนั้น ผมมั่นใจว่าป้าแกล้งพวกเราเพื่อ ให้พวกเรางงเล่นๆ  “ใช่แล้วๆ”  พี่ตินตินและพวกที่เหลือพยักหน้า  แล้วป้าใหญ่ก็หลุดหัวเราะคิกๆ “อย่างนี้ต้องประท้วงผู้ตัดสินในสนามเสียแล้ว  พวกเรา ลุย!”  พี่ตินตินประกาศ พวกเราโถมเข้ารุมป้าใหญ่  ยื้อยุดพัลวัน ป้าหัวเราะหน้า แดง  ก่อนบอกง่ายๆ ว่า  “โอเค…ยอมแพ้ๆ ยอมให้ครั้งนึงก็ได้อ่ะ” พอได้ฟังทุกคนต่างดีใจ เต้นเหยงๆ ชูมือประกาศชัยชนะ! ตัวผมเองก�ำมือ ท�ำนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นรูปตัววีแล้วเสียบ เข้าใต้คาง ยืนตรงแอ็กท่ายิ้มเหมือนนักฟุตบอลในสนามตอน ยิงประตูได้  แต่แล้วพี่ตินตินก็สั่งว่า 44

จตุพร แพงทองดี


“นั่งๆ พี่ตินตินจะทายบ้าง”

ผมรีบกระโดดกลับที่ของตัวเองอย่างว่องไว  “อะไรเอ่ย กลัวตั๊กแตน” “ก้ า กๆๆๆ ”  พี่ ใ บเตยทุ บ โต๊ ะ ปั ๊ ก ๆ หั ว เราะตั ว งอบอกว่ า ง่ายมาก  “ยากกว่านี้ไม่มีแล้วหรือไอ้พี่ตินติน ของกล้วยๆ แค่นี้ ใครๆ ก็รู้” “แล้วอะไรล่ะ”  “ไอ้ขาวคิลเล่อร์” พี่ใบเตยเชิดหน้า “ไอ้ขาว”  พีเ่ จพูดตามไว้กอ่ นถึงจะไม่คนุ้ กับไอ้ขาวคิลเล่อร์ ก็ตาม  บ้านพี่เจอยู่ไกลมาก ตัวแกเรียกตาของผมว่าปู่  พ่อของ พี่เจจะขับรถพามาที่นี่แค่ปีละหนึ่งครั้ง ถ้าไม่ใช่ในวันปีใหม่ก็ เป็นวันสงกรานต์ “ไอ้ขาวคิลเล่อร์”  ผมมั่นใจมาก  “ไอ้ขาว”  น้องชายตอบบ้าง “คิลเล่อร์”  ป้าใหญ่ฟันธง “ถูกแล้ว”  พี่ตินตินท�ำหน้าจ๋อย พวกเราทุกคนรวมทั้งป้าใหญ่ต่างเฮลั่น “หนูทายบ้าง”  พี่ใบเตยบอก แกเป็นหลานผู้หญิงคนเดียว ในที่นี้  “อะไรเอ่ย  ดังติ๊งต่อง” คราวนี้พี่ตินตินกลายเป็นฝ่ายหัวเราะเยาะงอหาย แล้ว ตอบแทนทุ ก คนเสี ย เองว่ า มั น คื อ เสี ย งกระดิ่ ง ประตู ข องร้ า น เซเว่นฯ พระจันทร์เรนเจอร์

45


“ชัวร์ป้าบ!” พี่ตินตินตบขาตัวเอง ชัวร์ป้าบ...ผมเลียนแบบค�ำพูดในใจ และคิดจะจ�ำท่าทาง ‘สุดเท่’  อย่างนี้ไปใช้บ้าง พี่ใบเตยเฉลยว่าถูกต้องแล้ว “คราวนี้ตาเจทายบ้างนะครับทุกคน” พี่เจยิ้มขึ้น  แต่พอ พูดจบแกกลับหลับตา ยกนิ้วชี้สองข้างแตะขมับตัวเอง  เลียน แบบเณรน้ อ ยเจ้ า ปั ญ ญาอิ ก คิ ว ซั ง เวลาใช้ ส มอง พี่ เ จเป็ น คน พูดจาสุภาพ และคิดนานมาก เมื่อเห็นท่าทางกับตัวกลมๆ ของแกแล้ว ผมเอามือปิด ปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ  แต่แล้วก็อดท�ำเสียงคิกๆ หลุดออก มาไม่ได้ “ไม่หลับชิมิ”  ป้าแกล้ง  พวกเราหัวเราะครืน “โธ่! อย่ากวนสมาธิสิครับป้าใหญ่  คนก�ำลังใช้ความคิด อยู”่  พีเ่ จโวยวาย แล้วลืมตาพูดว่า  “ปิง๊ ...อะไรเอ่ย ไม่ใกล้ไม่ไกล มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บานอยู่เต็มฟ้าสกาว แต่กินไม่ได้” ยากแฮะ! พวกเราเงียบกริบ ต่างคนต่างมองออกนอก หน้าต่าง หันหน้าขึ้นท้องฟ้าค้นหาค�ำตอบ  ผมไม่เห็นอะไรบนนั้นนอกจากก้อนเมฆสีเงินลอยฟ่อง นกเหยี่ยวตัวใหญ่กางปีกบินเล่นลมสูงลิ่ว  รอเวลาบินโฉบลง มาขโมยลูกเจี๊ยบ  และยอดต้นมะค่าโมงข้างบ่อน�้ำของตา “ป้ารู้แล้วแหละ” ป้าพูดขึ้นก่อน 46

จตุพร แพงทองดี


“พระอาทิตย์”  พี่ตินตินเดา “อิอิอิ  ไม่ใช่สักหน่อย” พี่เจท�ำหน้าว่า  ‘ได้ใจ’ เหมือนแก กลายร่างเป็นคนสองคนคือ  ‘คิเคียวยะซัง’ และ  ‘คุณหนูยาโยย’ สองพ่อลูกจอมวางแผน ตัวโกงที่ผมสุดแสนหมั่นไส้  ในการ์ตูน เรื่อง  ‘อิกคิวซัง’ “ดาว” พี่ใบเตยตอบ “ใช่ๆ ดาว”  พี่ตินตินเปลี่ยนค�ำตอบ “ดาว”  ผมลอกค�ำตอบ “ดาว”  น้องชายต้องลอกตามแน่ๆ  “ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ”  พี่เจเฉลย พอถึงตาไอ้มิกน้องชายผม มันทายว่า “อะไรเอ่ย น่องไก่ ทอด” เล่นเอาทุกคนกุมท้องหัวเราะลั่น  “มั่วๆๆๆ”  ส่วนป้าใหญ่บอกว่า “เราขอตอบว่าอร่อยมาก”  น้องชายผมยืดอกยิ้มแฉ่ง เฉลยว่า “ถะ...ถะ...ถูกต้อง!” “มั่วเห็นๆ” พี่เจพูด อาจหมายถึงทั้งป้าและไอ้มิก  ตอนนี้ถึงตาของผมจนได้  ผมมองไปทางป่ากล้วยแวบ หนึ่งแล้วถามว่า “อะไรเอ่ย ยอดแหลมๆ แทงขึ้นมาบนดิน” “โอ้วว...ยากสุดๆ”  ป้าใหญ่อุทาน ในขณะที่ ทุ ก คนตอบสวนขึ้ น มาอย่ า งถู ก ต้ อ งว่ า   “หน่ อ ไม้” พวกนั้นคงเห็นเหมือนผมว่าตอนนี้มีหน่อไผ่หวานหน่อหนึ่ง แทงขึ้นมาจากกอ และมองเห็นได้ง่ายดายผ่านหน้าต่างห้อง พระจันทร์เรนเจอร์

47


ครัวของบ้านตา  “อะไรเอ่ย หมาอะไรขึ้นต้นมะพร้าวได้” ป้าใหญ่ถามค�ำ ถามใหม่ “กรี๊ ด ดดดดด!” พวกเราถู ก ใจ ร้ อ งกรี๊ ด ขึ้ น มาพร้ อ มกั น เสียก่อน  ส่วนผมระแวงจัด เมื่อเห็นว่าค�ำถามมันฟังดูกวนมาก นี่ คือปัญหาเชาวน์แน่ๆ และป้าใหญ่คงตั้งใจจะอ�ำอีกแล้ว “ หมาไอคิ ว ร้ อ ยแปดสิ บ”   น้ า เบลเดิ น เข้ า บ้ า นมาเปิ ด ตู ้ เย็น จึงยื่นหน้ามาตอบ  เพื่ อ นสมั ย เรี ย นมั ธ ยมของน้ า เบลสี่ ห ้ า คนมาที่ นี่ สั ก พั ก หนึ่งแล้ว ทุกคนพากันกินขนมและนั่งคุยเล่นอยู่หน้าบ้าน  ทั้ง หมดเป็นคนในหมู่บ้านทั้งสิ้นแต่ไปท�ำงานที่อื่น  ในนั้นมีผู้ชาย เพี ย งสองคน  แม่ ว ่ า ทั้ ง สองคนนั้ น ต่ า งก� ำ ลั ง ตามจี บ น้ า เบล ‘จ้าละหวั่น’ “ผิดเฟ้ย”  ป้าใหญ่บอก ผมรีบคิดทันทีจนหัวแทบแตก ไม่เคยเห็นหมาปีนต้นไม้ มาก่อน “หมาใส่โรลเลอร์สเก๊ต”  พี่ตินตินก็รู้ว่าเป็นปัญหาเชาวน์ จึงพยายามเดา และตอบแบบไม่สนใจความหมายบ้าง “หมามีปีก หมาขับเครื่องบิน” พี่ใบเตยตอบสองครั้ง “หมาสกู๊ปปี้ดู”  พี่เจว่า ผมก็เคยดูการ์ตูนเรื่องนี้และชอบ มากเหมือนกัน  “ไอ้ฮงั่ ตู”๋   ผมคิดว่าหมาฉลาดๆ อย่างมันต้องท�ำได้แน่นอน 48

จตุพร แพงทองดี


ส่วนหมาไอ้พหี่ งน (ฉงน) และแก๊งของแกก็อาจท�ำได้เช่นกัน  ตัว ผมกับน้องชอบพวกมันมาก เราสองคนจดจ่อนั่งเฝ้าหน้าจอทีวี ไม่ยอมห่าง ตอนหนังเรื่องดอกรักริมทางฉายในโทรทัศน์ “ไอ้ตาลและไอ้ไมโล” น้องชายผมคิดถึงหมาตัวเอง ไมโล เป็นหมาน้อย มันยังเด็กมาก จึงยังตามไอ้ตาลวิ่งลัดทุ่งมาที่นี่ ไม่ได้  นอกจากอยู่บ้านกับพ่อ “อิๆๆ ผิดหมดเลยทุกค�ำตอบ”  ป้าใหญ่ท�ำหน้าเจ้าเล่ห์ มากขณะพูด ยิ่งกว่าท่านเมเลปีศาจกิ้งก่าสีเขียวแสนสวยเสีย อีก  “จะยอมมั้ย?” “ยอม!”  พวกเราตอบพร้อมๆ กัน  “หมามีความพยายามไง”  ป้าเฉลย “โหยยย อีกแระ”  พี่ตินตินอุทาน พร้อมสั่งว่า  “พวกเรา ประท้วง!” เท่านั้นเอง ทุกคนต่างชุลมุนโถมเข้ารุมกอดรัดป้าใหญ่ แบบไม่รู้ใครเป็นใคร พวกเราสนุกจริงๆ ในวันนี้  ผมแอบหอม แก้มขาวๆ อูมๆ นั้นหนึ่งครั้ง “อั๊ยย่ะ! ไอ้ลิงตัวไหนแอบเอาน�้ำลายมาถูกแก้มฉันละ เนี่ย” ป้าแกล้งร้องขึ้น พวกเราทุกคนต่างหัวเราะ ผมอยากบอกป้าว่ามีความ สุขที่สุดในโลก ขณะกระโดดโลดเต้น และร้องกรี๊ดๆ ประสาน เสียงอย่างสุขใจกับคนอื่นๆ ‘สุขสันต์วันปีใหม่ฮะ’ ผมอยากพูดค�ำค�ำนี้ให้กับป้าใหญ่ ให้ตา ให้แม่  ให้น้องชาย และคนที่ผมรักทุกๆ คนที่ก�ำลังอยู่ พระจันทร์เรนเจอร์

49


รอบๆ ตัวผม  ผมอยากพูดให้พ่อด้วยฮะ แม้ว่าพ่อจะไม่เคยมากินข้าว ในวันปีใหม่ที่บ้านตาเลยก็ตาม และนี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ เคยเข้าใจ!  และก็   ‘ โอเค ’   ให้ ห มาสองตั ว   ไอ้ ต าลกั บ ไมโล  รวมทั้ ง ไอ้ขาวคิลเล่อร์อีกตัวหนึ่งด้วยก็ได้  ถึงมันจะเพี้ยนๆ ก็ตาม  แต่ ผมก็ใจกว้างพอ!!  ‘สุขสันต์วันปีใหม่ฮะ’

50

จตุพร แพงทองดี


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.