ลก ? คนอื่นๆ และตัวฉัน สำรพัดค�ำถำมส�ำคัญ เพื่อกำรเข้ำใจโลก
Le monde, les autres et moi Les grandes questions pour comprendre le monde
กรุงเทพมหำนคร M Young, ส�ำนักพิมพ์มติชน 2556
สารบัญ
คํานําสํานักพิมพ คํานําผูแปล เกริ่นนํา เครดิตผูแตง
? 12 13 14 190
บทที่ 1 ครอบครัว ครอบครัวคืออะไร เด็กๆ มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร พ่อแม่มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร ท�ำไมเรำจ�ำเป็นต้องมีบ้ำนไว้เพื่อนอนพัก นำมสกุลของเรำมำจำกไหน เรำต้องรักพ่อแม่ไหม ท�ำไมเรำต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ท�ำไมจึงมีเด็กถูกทอดทิ้ง ท�ำไมวันหนึ่งเรำต้องจำกพ่อแม่ไป ท�ำไมพ่อแม่จึงมีควำมลับ ท�ำไมพี่น้องจึงทะเลำะกันบ่อยๆ ท�ำไมจึงมีเด็กๆ ถูกท�ำร้ำย ท�ำไมพ่อแม่จึงไม่ร้องไห้ ท�ำไมพ่อแม่ต้องโกรธด้วย ท�ำไมเรำจึงแต่งงำน ท�ำไมพ่อแม่ต้องหย่ำกัน 6
19 20 21 22 24 25 27 28 29 30 32 33 35 36 37 38
บทที่ 2 อารมณ์ความรู้สึก ควำมรู้สึกคืออะไร ท�ำไมเรำจึงชอบค�ำชมเชย เรำสำมำรถรักกันและทะเลำะกันได้ไหม เรำจะได้ทุกสิ่งที่ต้องกำรเสมอไปไหม ท�ำไมเวลำมีควำมรัก เรำจึงรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ควำมรักคงอยู่ตลอดไปไหม ท�ำไมจึงมีสิ่งที่ไม่ยุติธรรมในชีวิต ท�ำไมเรำจึงให้ของขวัญแก่กัน ท�ำไมเรำจึงมีรสนิยมต่ำงกัน เรำจ�ำเป็นต้องพูดควำมจริงทุกครั้งไหม ท�ำไมฉันต้องกล่ำวขอบคุณทุกครั้ง ท�ำไมจึงมีคนที่เรำไม่ชอบ ท�ำไมเรำจึงพูดค�ำหยำบ ท�ำไมเรำจึงโกหก ท�ำไมบำงครั้งฉันจึงรู้สึกเป็นทุกข์ และฉันก็ไม่เข้ำใจว่ำท�ำไมจึงเป็นทุกข์ เพื่อนคืออะไร ท�ำไมจึงมีคนที่ไม่มีเพื่อน ท�ำไมเรำจึงพูดทุกอย่ำงที่คิดไม่ได้ ท�ำไมเรำจึงไม่สำมำรถมีควำมสุขได้ตลอดไป ท�ำไมเรำจึงกลัวควำมมืด ท�ำไมเรำจึงร้องไห้เมื่อรู้สึกเศร้ำ ท�ำไมเรำจึงรู้สึกโกรธ ท�ำไมจึงมีคนใจร้ำย ท�ำไมเรำจึงอิจฉำกัน ท�ำไมเรำจึงฝันร้ำย 7
42 43 44 46 47 49 50 51 52 54 55 57 58 59 60 62 63 65 66 67 68 70 71 73 74
มีเหตุผลดีๆ อะไรไหมที่ท�ำให้เรำต้องลงไม้ลงมือกัน เรำจะท�ำอย่ำงไรให้คนอื่นมีควำมสุข ท�ำไมเรำจึงหน้ำแดง ท�ำไมเรำจึงฝัน เรำจะผูกมิตรได้อย่ำงไร ท�ำไมเมื่อเรำรู้สึกเบื่อ เวลำจึงผ่ำนไปช้ำนัก เรำต้องให้อภัยเสมอไปไหม ท�ำไมบำงครั้งเรำจึงรู้สึกเศร้ำเมื่อนึกถึงอดีต
75 76 78 79 81 82 83 84
บทที่ 3 ชีวิตและความตาย ท�ำไมฉันจึงมีชีวิต และท�ำไมฉันจึงเป็นตัวฉัน ฉันอยู่ที่ไหนมำก่อนที่จะมีตัวตน เรำสำมำรถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ไหม ท�ำไมเรำจึงจดจ�ำช่วงเวลำเมื่อยังเป็นเด็กทำรกไม่ได้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควำมฝันของเรำจะเป็นจริงไหม เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรำจะท�ำทุกอย่ำงได้ไหม ท�ำไมเรำจึงแก่ชรำ ท�ำไมทุกอย่ำงจึงมีจุดจบ กำรเป็นเด็กผู้ชำยหรือผู้หญิงมีข้อดีกว่ำกันไหม ท�ำไมชีวิตจึงยำกเย็นนัก ตัวเรำมีหน้ำที่อะไรในชีวิต บนโลกนี้มีคนที่เหมือนเรำมำกๆ ไหม ท�ำไมเรำจึงกลัวควำมตำย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรำจะยังกลัวอยู่ไหม ท�ำไมเรำจึงมีควำมทุกข์
8
88 90 91 93 94 95 96 98 99 101 102 103 104 106 107
ท�ำไมเรำจึงมองไม่เห็นว่ำตัวเองโตขึ้น ท�ำไมชีวิตจึงสั้นนัก ท�ำไมวันหนึ่งเรำจึงต้องตำย เมื่อมีคนที่เรำรักตำยจำกไป เรำจะท�ำอย่ำงไรให้หำยเศร้ำโศก คนเรำตำยแล้วไปไหน
109 110 111 112 113
บทที่ 4 สังคม สิทธิมนุษยชนคืออะไร เรำจ�ำเป็นต้องรักชำติไหม รักร่วมเพศคืออะไร ท�ำไมเรำจ�ำเป็นต้องมีเงินในกำรด�ำรงชีวิต เรำกลำยเป็นคนจรจัดได้อย่ำงไร ยำเสพติดคืออะไร สิทธิเด็กคืออะไร ท�ำไมเรำต้องไปโรงเรียน ท�ำไมจึงมีทั้งคนที่แข็งแกร่งและคนที่อ่อนแอ ท�ำไมคนจึงสูบบุหรี่ ท�ำไมจึงมีคนพิกำร ท�ำไมจึงมีคนที่ฉลำดกว่ำคนอื่น ท�ำไมบำงคนจึงร�่ำรวยมำกกว่ำคนอื่น กำรเมืองคืออะไร ท�ำไมต้องมีกฎหมำย ท�ำไมจึงมีกำรท�ำงำน เรำควรท�ำอย่ำงไรเมื่อเห็นคนจรจัด
9
117 118 119 120 121 122 124 125 127 128 129 130 131 133 134 135 136
บทที่ 5 โลก ท�ำไมจึงมีค�ำถำมที่ไม่มีค�ำตอบ ท�ำไมเรำจะรู้ทุกสิ่งอย่ำงไม่ได้ ใครคือผู้สร้ำงโลก มนุษย์คนแรกถือก�ำเนิดขึ้นมำได้อย่ำงไร มนุษย์ต่ำงดำวมีจริงไหม ท�ำไมมนุษย์จึงสร้ำงมลพิษให้ธรรมชำติ ท�ำไมจึงมีประเทศยำกจน ท�ำไมเรำจึงไม่คิดอะไรเลยไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อเรำนอนหลับ ท�ำไมท้องฟ้ำจึงดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ท�ำไมเวลำจึงไม่เคยหยุด สัตว์คิดเป็นไหม ท�ำไมเรำจึงฆ่ำสัตว์ นักวิทยำศำสตร์รู้ทุกเรื่องไหม สักวันหนึ่งเรำจะรักษำโรคทุกชนิดได้ไหม โรคเอดส์คืออะไร ตัวอักษรเกิดมำได้อย่ำงไร จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม หำกเรำอ่ำนและเขียนไม่ได้ ท�ำไมเรำจึงพูด ท�ำไมเรำจึงไม่พูดภำษำเดียวกันทั้งหมด ท�ำไมเรำจึงมีเผ่ำพันธุ์ต่ำงกัน ท�ำไมโลกจึงมีสงครำม ท�ำไมเรำจึงมีควำมอยำกรู้อยำกเห็น ท�ำไมจึงมีเด็กมำกมำยในประเทศยำกจน ท�ำไมเรำจึงถำมอยู่เสมอว่ำท�ำไม ท�ำไมบำงคนจึงไม่เชื่อในพระเจ้ำ 10
140 141 143 144 145 146 148 149 151 152 153 154 156 157 159 160 161 162 164 165 167 168 169 170 172 173
ท�ำไมคนต่างศาสนาจึงทะเลาะวิวาทกัน กลุ่มลัทธิความเชื่อคืออะไร ท�ำไมมนุษย์จึงท�ำให้โลกทันสมัย ศิลปะมีไว้เพื่ออะไร ดนตรีมีไว้เพื่ออะไร จะมีวันที่โลกถึงจุดอวสานไหม ท�ำไมเราจึงไม่มีสิทธิเข่นฆ่าคนอื่น ท�ำไมเราจึงเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ วันหนึ่งเราอาจจะย้ายไปอยู่บนดาวดวงอื่นๆ ไหม จะมีวันที่โลกสมบูรณ์แบบไหม การโคลนนิ่งคืออะไร
11
175 176 177 179 180 181 182 183 184 187 188
บทที่ 1 ครอบครัว ในปัจจุบันครอบครัวมีหลากหลายรูปแบบ และเราก็รู้กันอยู่ว่าครอบครัว ในอุดมคตินั้นไม่ มี จ ริ ง แต่ ค รอบครั ว ที่ เ รารั ก ย่ อ มเป็ น ที่ พึ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ใน ยามยากและยามทุ ก ข์ ใ จ
ครอบครัวคืออะไร
ครอบครั ว ของเธอก็ คื อ คนที่ มี ความ
สัมพันธ์ทางเครือญาติกับเธอนั่นเอง ดังนั้น ครอบครัวของเธอจึงมีพ่อแม่พี่น้องชายหญิง รวมทัง้ ปูย่ า่ ตายาย พีป่ า้ น้าอา และลูกพีล่ กู น้อง ความสัมพันธ์ทางเครือญาติแบบนีเ้ รียกอีกอย่าง ว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ครอบครัวไม่ใช่แค่คนที่มีความสัม- พันธ์ทางสายเลือดเท่านั้น เมื่อครอบครัวหนึ่ง รั บ เด็ ก มาอุ ป การะเลี้ ย งดู เด็ ก จะกลายเป็ น สมาชิกของครอบครัวนั้น เมื่อพ่อหรือแม่แต่ง งานใหม่ ต่างฝ่ายต่างมีพ่อแม่ของภรรยาใหม่ พ่อแม่ของสามีใหม่ และลูกๆ ของพวกเขาเพิม่
ขึ้ นมา ครอบครั ว จึ ง ขยายใหญ่ ขึ้ น เราเรี ย ก ครอบครัวแบบนี้ว่าครอบครัวประกอบใหม่หรือ ครอบครัวขยาย ดังนั้น ครอบครัวจึงหมายถึงสายใยรัก นั่นเอง และที่สำ�คัญคือ สมาชิกทุกคนในครอบ ครัวต้องดูแลรักษาสายใยรักนี้ไว้ ตราบใดที่ยัง มีสายใยรัก ครอบครัวก็ยังคงเป็นที่พึ่งและให้ กำ�ลังใจในยามตกทุกข์ได้ยาก อย่ า ลื ม ว่ า ตั ว เธอก็ เ ป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของ ครอบครัวเช่นกัน เธอมีสถานะ บทบาท และ หน้าที่ ถ้าขาดเธอไปแล้ว เธอคิดว่าครอบครัว ของเธอจะเหมือนเดิมไหม
19
เด็กๆ มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร
เด็กๆ มีไว้เพื่อ :
คอยคิดจะหาอะไรใหม่ๆ เล่นซุกซนไป วันๆ ให้บทเรียนกับพ่อแม่ คอยรบกวนพ่อแม่ในห้องนอนตอนกลาง คืน คอยเติมความสุขในชีวิตประจ�ำวันของ พ่อแม่ ช่วยให้คนขายลูกกวาดและคนขายของ เล่นร�่ำรวยขึ้น ต่อไปในอนาคตพวกเขาจะได้มีลูกบ้าง เหมือนกัน คอยตัง้ ค�ำถามทีเ่ ราไม่รวู้ า่ จะตอบอย่างไร อยู่เป็นเพื่อนให้ปู่ย่าตายายไม่รู้สึกเบื่อ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คอยดูแลหมา แมว กระต่าย หนูตะเภา นกคานารี ปลาทอง...
20
คอยช่วยสนับสนุนผู้ใหญ่ คอยหั ว เราะและหยอกล้ อ ผู ้ คนที่ เ ดิ น ผ่านไปมาบนถนน ท�ำให้พ่อแม่ของพวกเขาผมหงอก คอยช่วยเหลือพ่อแม่ยามแก่เฒ่า คอยท�ำเสื้อผ้าเลอะเทอะอย่างรวดเร็ว คอยรับค�ำชมเชยจากพ่อแม่ คอยใช้เงินของพ่อแม่ ท�ำให้โรงเรียนมีนักเรียนเต็ม ท�ำให้พ่อแม่ต้องคอยบ่นว่า คอยท�ำให้ผใู้ หญ่ทคี่ ดิ ว่าตัวเองรูท้ กุ อย่าง รู้สึกงงงัน เด็กๆ มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทุกอย่างที ่ กล่าวมานั่นละ แต่ที่ส�ำคัญคือ เด็กมาเติมเต็ม ชีวิต และท�ำให้ชีวิตมีความหมายอย่างสมบูรณ์ นั่นเอง
พ่อแม่มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร
เครื่องดูดฝุ่นมีไว้ใช้ดูดฝุ่น
เพื่อคอยให้ค�ำแนะน�ำปรึกษาใช่ไหม เพื่อคอยรับฟังปัญหาของเธอใช่ไหม ที่เปิดกระป๋องมีไว้ใช้เปิดกระป๋อง แล้ว เพื่อช่วยเลี้ยงดูเธอให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่ล่ะ มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร ใช่ไหม เพื่อสอนให้เธอพูดใช่ไหม ใช่แล้ว พ่อแม่ของเธอท�ำหน้าทีท่ กุ อย่าง เพื่อท�ำอาหารให้เธอใช่ไหม ที่กล่าวมา และยังท�ำสิ่งอื่นๆ อีกด้วย แต่อัน เพื่อท�ำให้เธอสนุกสนานใช่ไหม เพื่อพาเธอไปเที่ยวช่วงวันหยุดใช่ไหม ที่จริง พ่อแม่ไม่ได้มี “หน้าที่” ท�ำอะไรอย่างใด อย่างหนึง่ โดยเฉพาะเหมือนกับเครือ่ งดูดฝุน่ หรือ เพื่อสั่งให้เธอท�ำการบ้านใช่ไหม ที่เปิดกระป๋อง พ่อแม่ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อคอย เพื่อคอยให้ของขวัญเธอใช่ไหม บริการเธอ! พ่อแม่อาจจะไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์ เพื่อคอยบ่นว่าเธอใช่ไหม แบบ อาจจะไม่ได้ทำ� ทุกอย่างทีเ่ ธอต้องการ แต่ เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เธอใช่ไหม พ่อแม่เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมี ดังนั้น เธอ เพื่อคอยโอบกอดเธอใช่ไหม ต้องเอาใจใส่ดูแลพ่อแม่อย่างดีด้วย... เพื่อสอนให้เธอขี่จักรยานใช่ไหม
21
ท�ำไมเราจ�ำเป็นต้องมีบ้านไว้เพื่อนอนพัก
เธออาจจะเคยนอนมองดูดาวสวยๆ ที่สวน
หลังบ้าน การได้ท�ำเช่นนั้นสักคืนหนึ่งหรือสอง คืน มันช่างแสนวิเศษ! แต่หลังจากนั้นเราก็ อยากกลับเข้าไปอยู่ในที่ซึ่งมีหลังคา มีก�ำแพง มีเตียงนอน เราอยากกลับไปอยู่ในบ้านนั่นเอง เมือ่ ง่วงนอน เราซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม นอน แผ่หลาเต็มเตียง หรือไม่ก็คู้ตัวเหมือนลูกแมว ดวงตาค่อยๆ ปิดลง ความนึกคิดจิตใจล่องลอย ไปในม่านหมอก ร่างกายเริ่มผ่อนคลายและ ปล่อยวาง อยู่ในสภาวะเปราะบางไร้การต้าน ทาน เมื่อเราอยู่นอกบ้าน เราจะรู้สึกไม่ค่อย มั่นใจนัก เพราะมันไม่มีหลังคาหรือก�ำแพงที่ ช่วยป้องกันความหนาวเย็น ความมืด เสียง ต่างๆ และอันตรายสารพัด เราถามตัวเองว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันผล็อยหลับไป” ดังนั้น เราจึงรู้สึกไม่ไว้ใจและคอยระแวดระวัง การที่ จะนอนหลับให้สบายนั้น เราทุกคนล้วนต้อง การที่พักอาศัย
22
ในทุ ก ๆ ประเทศ นั บ ตั้ ง แต่ ส มั ย ก่ อ น ประวัติศาสตร์ มนุษย์ก็รู้จักสร้างบ้านกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่สร้างด้วยหิน น�้ำแข็ง หนัง สัตว์ หรือต้นอ้อ...มีทั้งบ้านหลังใหญ่โต ทรง สูง ทรงแคบ หรือทรงเตี้ย บ้านที่ไม่สามารถ เคลื่อนที่ได้ หรือบ้านติดล้อที่เดินทางไปไหน ต่อไหนได้ บ้านเหล่านี้ล้วนมีหลังคาเพื่อบังแสง แดดและสายฝน ไม่ว่าจะเป็นทรงกลมทรงราบ หรือทรงแหลม มีก�ำแพงทั้งหนาและบางเพื่อ ปกป้องตัวเรา และมีเตียงหรือเสื่อไว้นอน บ้านคือที่ให้ความอบอุ่นมั่นคงทั้งกาย และใจ บางครั้งเราจึงแทบไม่อยากออกจาก บ้ า นไปไหน เพราะบ้ า นของเราช่ า งสงบสุ ข เหลือเกิน! เพียงแต่ต้องระวังคนที่จะมารบกวน เท่านั้น! และบ่อยครั้งเราก็อยากเปิดประตูหน้า ต่างออกกว้างๆ เพื่อรับแสงแดด รับเสียงต่างๆ รับกลิ่นต่างๆ รับเพื่อนบ้าน และรับเพื่อนฝูง ให้เข้ามาข้างใน เพื่อเปิดรับความมีชีวิตชีวา นั่นเอง!
นามสกุลของเรามาจากไหน
สมัยก่อนตอนที่หมู่บ้านต่างๆ ยังไม่ใหญ่
โต คนในหมู่บ้านรู้จักกันหมด คนจึงไม่ต้องมี นามสกุล ในอดีตคนมีแต่ชื่อ เป็นที่รู้กันว่า ปิแอร์เป็นลูกของอ็องรี และกีย์แม็ตเป็นน้อง สาวของก๊อดฟรัว แต่ต่อมาก็มีคนชื่อปิแอร์ กีย์แม็ต และ อ็องรีหลายคน เราจะจ�ำได้อย่างไรว่าใครเป็น ใคร ด้วยเหตุนี้เราจึงตั้งนามสกุลขึ้นมา โดยทุก นามสกุลจะสื่อความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าก๊อดฟรัวอาศัยอยู่ ในป่า เราก็เรียกเขาว่า ก๊อดฟรัว ฟอเรสติเยร์ (Forestier ในภาษา ฝรั่ ง เศสแปลว่ า ชาวป่ า หรื อ พนั ก งานป่ า ไม้ -ผู้แปล) ถ้าปิแอร์ผมหยิก เราก็เรียกเขาว่า ปิ แ อร์ มู ต ง (Mouton ในภาษาฝรั่ ง เศส แปลว่ า แกะ-ผู ้ แ ปล) และถ้ า อ็ อ งรี มี เ หาอยู ่ เต็มศีรษะ เราก็จะเรียกเขาว่าปิแอร์ กรั๊ตปุ๊ซ (Grattepuce มี ค วามหมายว่ า คั น คะเยอ เพราะเหา-ผู้แปล) หรือม้องจ์ปูซ์! (Mange poux มีความหมายว่าเหากิน-ผู้แปล) นอกจากนี้ ยั ง มี ก ารตั้ ง นามสกุ ล ตาม อาชีพด้วยเช่นกัน เช่น ฟอร์เจอรง (Forgeron
24
แปลว่าช่างตีเหล็ก-ผู้แปล) แต่ถ้าเป็นคนที่มา จากแคว้นเบรอตาญ ค�ำว่าฟอร์เจอรงจะกลาย เป็นเลอ ก๊ อ ฟ หรื อ ถ้ า เป็ น ชาวเกาะกอร์ ส จะกลายเป็ น ฟาบรี และในภาษาอาหรั บ จะ เป็นฮาดัด ต่อมาผู้ที่เป็นลูกก็ใช้นามสกุลของพ่อ ลูกของปิแอร์ เลอ ก๊อฟ ชื่อปอล เลอ ก๊อฟ และลู ก สาวของอ็ อ งรี กรั๊ ต ปุ ๊ ซ ก็ ชื่ อ มารี กรั๊ตปุ๊ซ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงจ�ำได้ว่าใครเป็น ใคร แต่ละคนก็สะกดนามสกุลไม่เหมือนกัน บางนามสกุ ล เขี ย นแตกต่ า งออกไปตามการ ออกเสียง เช่น มูตงกลายเป็นมูตอนเนต์ และ ฟอเรสติเยร์กลายเป็นฟอร์ติเยร์ ปัจจุบันนี้เราจ�ำไม่ค่อยได้แล้วว่านาม สกุ ล สื่ อ ความหมายอะไรบ้ า ง แต่ ทุ ก คนก็ มี นามสกุลของตัวเอง ในเอกสารราชการต่างๆ ล้วนมีนามสกุลปรากฏอยู่ มันมีความส�ำคัญ เช่นเดียวกับการที่เรามีจมูก ขา หรือตาเลย ทีเดียว เราได้รับนามสกุลสืบทอดกันมา เรา อาจจะใช้นามสกุลของแม่หรือพ่อ หรือใช้ทั้ง สองนามสกุลก็ ได้ การมีนามสกุลยังบ่งบอก ด้วยว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
เราต้องรักพ่อแม่ไหม
เด็กแต่ละคนต้องการพ่อแม่ เพราะพ่อแม่
เป็นผู้ช่วยให้พวกเขาเติบใหญ่ เป็นคนเลี้ยงดู ให้ความรัก รวมทั้งเป็นผู้อธิบายสิ่งต่างๆ ใน ชีวิตให้ลูกรู้ เป็นธรรมดาถ้าเราจะรู้สึกมีความสุขที ่ มีพอ่ แม่ แต่บางครัง้ เราก็อาจจะรูส้ กึ ราวกับโดน พายุถล่ม แม่ดุว่า พ่อก็บ่นติเตียน บางทีพ่อ แม่ก็ทะเลาะกันเอง ท�ำให้เรารู้สึกกลัวหรือเศร้า ใจ จนเราอยากจะพูดออกไปว่า “นี่พ่อจ๋า แม่ จ๋ า หนู ห มดความอดทนแล้ ว นะ!” ทุกคนมีสิทธิที่จะโกรธพ่อแม่เป็นครั้ง คราว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักพ่อ
แม่ ความรักไม่จ�ำเป็นต้องแสดงออกมาว่าใจ ดี สมบู ร ณ์ แ บบไปหมดทุ ก อย่ า ง หรื อ พอใจ ตลอดเวลา และเด็กบางคนก็อาจจะแตกต่างจาก พ่อแม่มาก แต่เราก็ไม่จ�ำเป็นต้องเหมือนกัน เพื่อที่จะรักกัน อาจจะมีพ่อแม่บางคนซึ่งยากที่จะรัก แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น พ่อแม่ก็มีสิทธิที่จะต้อง ได้รับความเคารพนับถือ เราอาจจะรักพ่อแม่มากเหลือเกิน หรือ อาจจะรู้สึกโกรธและร�ำคาญเป็นอย่างยิ่ง แต่ ที่สุดแล้ว พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ของเราเสมอ
25
ท�ำไมเราต้องเชื่อฟังพ่อแม่
เธอรู้จักบล็องแช็ต แพะของเมอซิเออร์เซอ
แก็งไหม บล็องแช็ตอยากไปเที่ยวเล่นที่ภูเขา เหลือเกิน และไม่ยอมเชื่อฟังเจ้านาย มันแอบ หนีไป และในที่สุดก็ถูกหมาป่าจับกิน เมอซิ- เออร์เซอแก็งรู้ว่าที่ภูเขามีอันตราย แต่บล็อง- แช็ตไม่รู้ พ่อแม่ของเธอก็คล้ายกัน ท่านเป็นผู ้ ใหญ่ที่รู้จักชีวิตมากกว่าเธอ และมีสายตายาว ไกลกว่าด้วย พ่อแม่มีเหตุผลดีๆ ที่คะยั้นคะยอ ให้เธอหัดกินอาหารทุกอย่าง คอยบอกให้เธอ นอนแต่หัวค�่ำ คอยห้ามไม่ให้เธอดูทีวีหรือเล่น เกมนานเกินไป ตัวเธอก็คล้ายกับบล็องแช็ตที่อยากลอง ท�ำทุกอย่าง แต่เธอเหมือนถูกกักอยู่ในทุ่งซึ่งมี
รัว้ ล้อมรอบ คอยขัดขวางไม่ให้เธอออกไปไหนๆ ตามใจอยาก ถ้าเธอมัวแต่มองว่ามีรั้วขวางกั้น อยู่ เธอก็ย่อมรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในคุก แต่ ถ้าเธอมองทุ่งนา เธอจะเห็นชัดว่ามันกว้างใหญ่ ไพศาล และเธอก็สามารถเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ได้ เมื่อเธอเติบโตขึ้น เธอก็จะยิ่งมีพื้นที่มาก ขึ้น เธอก็จะเข้าใจไปเองทีละน้อยๆ ว่าท�ำไม ต้องมีข้อห้าม แน่นอน เธอมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วยกับ พ่อแม่หรือเถียงกัน ผู้ใหญ่ก็สามารถพลาดพลั้ง ได้เช่นกัน เมอซิเออร์เซอแก็งเข้มงวดกับบล็อง แช็ตเกินไปหน่อย ถ้าเขาพามันไปทีภ่ เู ขา บล็อง- แช็ตก็จะเข้าใจว่าท�ำไมที่นั่นจึงอันตราย
27
ท�ำไมจึงมีเด็กถูกทอดทิ้ง
ตามธรรมดาพ่อแม่ย่อมรักลูกของตน
เองและคอยเลี้ยงดูเอาใจใส่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีพ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูกของตนเช่นกัน พ่อ แม่เหล่านั้นมีชีวิตที่ล�ำบากเกินกว่าที่จะเลี้ยง ดูลูกได้ พวกเขาคิดว่าลูกอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่า ถ้าไปอยู่กับคนอื่น เด็กคนนั้นจึงต้องไปอยู่ท ี่ บ้านพักพิงหรือที่สถานเลี้ยงเด็กก�ำพร้า...และ ก็ มั ก จะมี ค นรั บ เด็ ก ไปเลี้ ย ง เพราะว่า มี ค นที ่ ต้องการรับเด็กไปดูแลและแบ่งปันความรักให้ หรือบางครั้งก็เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถ มีลูกเองได้
28
บางครั้งก็ไม่ง่ายเลยที่เราจะเติบโตขึ้น มาโดยรู้ว่าตัวเองถูกรับมาเลี้ยง และเราก็อยาก รู้ว่าท�ำไมจึงโดนทอดทิ้ง แต่เมื่อเด็กคนนั้นเข้า ใจว่าพ่อแม่ “ที่แท้จริง” ของพวกเขาก็คือคนที่ รับเขามาอยู่ด้วย เลี้ยงดูเอาใจใส่ อบรมสั่งสอน และรักเขา เขาก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่น ในตัวเองกลับมา และมีชีวิตต่อไปโดยยอมรับ ความจริงในข้อนี้ เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขาเติบโต เป็นผู้ใหญ่ ตัวเขาก็จะกลายเป็นพ่อแม่คนต่อ ไป...
ท�ำไมวันหนึ่งเราต้องจากพ่อแม่ไป
ลูกนกตัวน้อยจะอยู่ในรังเป็นเวลาสองเดือน
ลูกหมีจะอยู่ในถ�้ำกับแม่ของมันเป็นเวลาสองปี ลูกลิงอยู่กับพ่อแม่ของมันจนอายุสามปี ส่วน ลู ก คนมั ก จะอยู ่ กั บ พ่ อ แม่ จ นกระทั่ ง อายุ ร าว ยี่สิบปีหรือมากกว่านั้น! เพราะต้องใช้เวลานาน มากกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่... ในการเจริญเติบโตขึ้นมานั้น เด็กต้อง กินอาหาร ดื่มน�้ำ และยังต้องพูดคุย ต้องเรียน รู้ ต้องรู้จักรัก และต้องได้รับความรัก วันหนึ่ง
เขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว มีความรับผิดชอบ และสามารถดูแลร่างกาย จิตใจ และปัญญาของ ตัวเองได้ เขาต้องการออกไปเริ่มต้นชีวิตของตัว เองเหมือนนกที่บินออกจากรัง เพื่อจะได้รู้ว่า สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองหรือไม่ โดยท�ำงาน หาเงินและจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตเอง เขาต้อง การมีคนรัก ลงหลักปักฐาน และสร้างครอบครัว ของตน
29
ท�ำไมพ่อแม่จึงมีความลับ
ใช่แล้ว พ่อแม่มีความลับ ท่านไม่ยอมพูด
ถึงบางเรื่องราวกับต้องการปกปิดมันไว้ แต่ บางครัง้ พ่อแม่กล็ มื บอกอะไรเธอบางอย่างจริงๆ มันช่างน่าอึดอัด เพราะเธออยากให้พ่อแม่เล่า ทุกอย่างให้เธอฟัง แต่พ่อแม่กลับบอกเธอว่า “หนูยังเด็กเกินไป อีกหน่อยก็จะเข้าใจเอง” บางทีพ่อแม่อาจไม่กล้าเล่าความลับ ส�ำคัญๆ ให้เธอฟัง เพราะมันอาจจะเป็นเรื่อง ที่ท�ำให้เจ็บช�้ำน�้ำใจ และท่านก็อยากจะลืมเสีย หรือบางทีท่านอาจจะไม่อยากบอกเพราะมัน
30
เป็นเรื่องหนักหนาเกินไปส�ำหรับเธอ เพราะเธอ ยังเป็นเด็กอยู่ก็ได้ ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งถูกปิดบังไว้อยู่ดี...บางทีเธออาจจะ อยากให้ท่านเล่าให้เธอฟังมากกว่า บางครั้งพ่อแม่ก็อยากจะอยู่ตามล�ำพัง สองคนเช่นกัน และเธอก็รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พ่อแม่มีสิทธิท ี่ จะมีความลับ เธอก็เหมือนกัน เธออยากซ่อน ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนๆ หรือพี่น้อง ของเธอราวกับซ่อนสมบัติล�้ำค่าเช่นกัน
ท�ำไมพี่น้องจึงทะเลาะกันบ่อยๆ
เธอรู้ไหม ครอบครัวที่พี่น้องหญิงชายไม่
เคยทะเลาะกันเลยน่ะ ไม่คอ่ ยมีหรอก ครอบครัว ที่พ่อแม่ไม่ทะเลาะกับลูกก็มีน้อยมากเช่นกัน แม้แต่พ่อกับแม่เองก็เถอะ ไม่ค่อยมีหรอกที่ จะไม่ทะเลาะกัน! มันออกจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะแต่ละคนในครอบครัวก็มีลักษณะนิสัย และวัยต่างกัน จึงไม่ง่ายเสมอไปที่จะเห็นพ้อง ต้องกันไปหมด เด็กผู้ชาย (หรือผู้หญิง) อายุ แปดปี ไม่มีทางที่จะมีรสนิยมเดียวกับพี่สาว (หรือพี่ชาย) ที่อายุสิบห้าปี! และน้องคนเล็กก็ อาจจะอิจฉาที่พ่อแม่ให้อิสระกับพี่ที่โตกว่า ใน
32
ทางกลับกัน พี่คนโตก็อาจจะอิจฉาที่พ่อแม่ให้ ความสนใจกับน้องที่เล็กกว่า... แล้วก็ยังถกเถียงกันจนได้ นี่ยังไม่นับ เรื่องที่ไม่ชอบหน้ากัน หรือวิวาทชกต่อยกันอีก ด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงการต่อล้อต่อเถียง ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือการเถียงกันอย่างเอา เป็นเอาตายในเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้อีกด้วย ทางที่ดีก็คือ อธิบายและคืนดีกันหลัง จากที่เลิกทะเลาะเบาะแว้งกันแล้ว
ท�ำไมจึงมีเด็กๆ ถูกท�ำร้าย
บางครั้ ง เราได้ยินวิทยุหรือทีวีบอกว่ามี เด็กๆ ถูกทุบตี ถูกล่วงละเมิด หรือถูกทอดทิ้ง เหตุการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นในละแวกบ้านของ พวกเขา บนถนน หรือทีบ่ า้ นของเพือ่ นบ้านก็ได้ พ่อแม่ทุบตีลูกเมื่อตัวเองอยู่ ในสภาพ เป็นทุกข์หนัก หรือในเวลาที่พวกเขาไม่รู้จะ จั ด การกั บปั ญ หาของตนอย่ า งไร หรื อ ท� ำ ไป เพราะพวกเขาเองก็เคยถูกข่มเหงทารุณเมื่อ ครัง้ ยังเป็นเด็ก พวกเขามีความทุกข์ทรมานเช่น เดียวกัน และอาจต้องการความช่วยเหลือ บางทีเด็กทีถ่ กู ท�ำร้ายก็ไม่รจู้ กั วิธปี กป้อง สิ ทธิ ข องตั ว เอง เพราะกลั ว ที่ จะกล่ า วหาพ่ อ แม่ของตัวเอง พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ เงียบๆ หรือไม่ก็กลายเป็นคนเกรี้ยวกราดโหด
ร้ายเสียเอง ความรุนแรงยิง่ น�ำไปสูค่ วามรุนแรง มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับวัฏจักรที่หมุนเวียนไปมา เด็ ก บางคนสามารถบอกเล่ า ให้ ผู ้ ใ หญ่ ฟ ั ง ได้ ส�ำเร็จ นั่นเป็นขั้นตอนแรกที่จะท�ำให้เขารู้สึก ดีขึ้น ผู ้ ใ หญ่ ไ ม่ มี สิ ท ธิ ที่ จ ะปฏิ บั ติ ต ่ อ เด็ ก ๆ ตามอ�ำเภอใจ ใครก็ตามหรือแม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ มีสิทธิท�ำร้ายเด็ก เด็กๆ ต้องได้รับการปกป้อง คุ้มครองให้พ้นจากความรุนแรงต่างๆ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เป็นเอกสาร ว่าด้วยการปกป้องคุ้มครองเด็กๆ ทั่วโลก โดย ค�ำนึงถึงสิทธิในความเป็นเด็กซึ่งต้องได้รับการ คุ้มครองดูแล
33
ท�ำไมพ่อแม่จึงไม่ร้องไห้
ใช่แล้ว พ่อแม่ไม่ได้ร้องไห้บ่อยๆ เราไม่
ค่อยเห็นพ่อแม่ร้องไห้เพราะเป็นแผลเล็กน้อย หรือเพราะมีเรื่องร�ำคาญใจนิดหน่อย เมื่อเติบ โตขึ้นมา พ่อแม่ได้เรียนรู้ว่า ในบางเรื่อง การ ร้องไห้ก็ไม่ชว่ ยอะไรขึน้ มา ผูใ้ หญ่มกั จะสามารถ ควบคุมอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ได้ อย่างไรก็ตาม บางครั้งพ่อแม่ก็ร้องไห้ ราวกับเด็กๆ ด้วยสาเหตุเหมือนๆ กัน นั่นก็ เพราะว่ า ท่ า นรู ้ สึ ก เศร้ า ผิ ด หวั ง เหนื่ อ ยล้ า หรือรู้สึกเจ็บปวดมาก หรือท่านอาจจะมีปาก เสียงกันใหญ่โต ในช่วงเวลานั้นๆ พ่อแม่อาจ จะพยายามกลั้นน�้ำตาไว้ไม่ให้ลูกเห็นเพราะไม่
ต้องการให้ลูกเป็นกังวล นอกจากนี้ พ่อแม่ก็ อาจจะร้องไห้หรือหัวเราะด้วยความดีใจ หรือ เพราะคนอื่ น ๆ รอบตั ว พวกเขาเกิ ด อารมณ์ อ่อนไหวก็เป็นได้! น�้ำตาอาจจะใช้แทนค�ำพูดหรือประโยค ยาวๆ มันเป็นรูปแบบหนึง่ ของภาษา การร้องไห้ คือการระบายความรู้สึกของตัวเองและเป็นการ แสดงความรู้สึกต่อคนอื่น ทั้งยังเป็นการเปิด เผยความลับในใจเราออกมา บ่อยครั้งการร้องไห้เพื่อระบายอารมณ์ ความรู้สึกจึงมักท�ำให้เรารู้สึกดีขึ้นนั่นเอง
35
ท�ำไมพ่อแม่ต้องโกรธด้วย
เธอรู้ไหมว่า สุนัขป่าจะท�ำเสียงขู่และงับลูก
ของมัน ถ้าเจ้าตัวเล็กๆ ดั้นด้นออกไปซุกซน ไกลๆ จากที่อยู่ พ่อแม่ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ท่านจะโกรธและรู้สึกกลัวว่าลูกจะออกไปพบ อันตราย เช่น ถ้าลูกข้ามถนนโดยไม่มอง... พ่อแม่คิดว่าลูกต้องเชื่อฟังกฎระเบียบ บางอย่างเพื่อที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป เช่น ห้ามขโมยของ ห้ามพูดปด ตั้งใจเรียนหนังสือ ...ดั ง นั้ น พ่ อ แม่ จึ ง โกรธถ้ า ลู ก แอบหยิ บ เศษ เงินจากกระเป๋าของแม่ พูดโกหก หรือไม่ยอม ท�ำการบ้าน พ่อแม่บางคนก็มีข้อก�ำหนดมากเหลือ เกิน พวกเขาอยากให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองฝัน
36
ไว้ เช่น ต้องการให้ลูกเป็นคนเงียบๆ สุภาพ เรียบร้อย มีระเบียบ และที่แน่ๆ คือ ต้องการ ให้ ลู ก เป็ น ที่ ห นึ่ ง ในชั้ น เรี ย น และเป็ น แชมป์ ยิมนาสติก หรือก็คือเป็นเด็กในอุดมคตินั่นเอง! แต่เด็กไม่มีทางสมบูรณ์แบบ ดังนั้น พ่อแม่ ประเภทนี้จึงอารมณ์เสียบ่อย ถ้าเธอคิดว่าพ่อแม่ของเธอโกรธบ่อย เกินไป ในยามทีท่ า่ นอารมณ์ดๆี เธออาจจะลอง บอกท่านก็ได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เช่น “รู้ไหม คะว่าหนูอยากขยับเขยื้อนตัวท�ำอะไรบ้าง ไม่ อย่ า งนั้ น หนู จ ะรู ้ สึ ก อึ ด อั ด มาก” หรื อ บอกว่ า “หนู ไม่ได้ตั้งใจท�ำคะแนนแย่ หนูอยากให้แม่ ช่วยสอนหน่อย”
ท�ำไมเราจึงแต่งงาน
ในวัยนีี้ เธออาจจะมีเพื่อนหญิงหรือเพื่อน
ชายที่ เป็ นหวานใจ เธอทั้ ส องคนสามารถใช้ เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ จับไม้จับมือ หรือบอก ความลับของกันและกัน... เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่มันก็คล้ายกัน วัน หนึ่ ง เราจะได้ พ บใครสั ก คนที่ ช อบ คนที่ เ รา อยากพู ด คุ ย ด้ ว ยและเดิ น เล่ น อ้ อ ยอิ่ ง กั บ เขา (หรื อ เธอ) เราสั ง เกตเห็ นว่ า เราชอบอะไร เหมือนๆ กัน เรากอด หอม และแตะเนื้อต้อง ตัวกัน เราคิดว่าคงจะมีความสุขถ้าได้มีลูกและ ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป แม้จะมีช่วงเวลาที่แย่ๆ บ้ า งก็ ตาม และนี่ ก็ เ ป็ น สาเหตุ ที่ เ ราเลื อ กจะ แต่งงานกัน
การแต่งงาน หมายถึงการตัดสินใจว่า เราจะอยู ่ ด ้ ว ยกั น ไปตลอดชี วิ ต และรู ้ ว ่ า เรา สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้ ในวันแต่งงานจะมี การกล่าวค�ำสัญญาต่อหน้านายกเทศมนตรี มี การเชิญสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ ให้ มามีส่วนร่วมในงานเลี้ยงฉลองความสุข ถ้า หากเป็นชาวคริสต์ก็จะมีการกล่าวค�ำสัญญา ต่อหน้าพระเจ้า อธิษฐานขอบคุณพระองค์ที่ ท�ำให้เรามีความสุข และขอให้พระเจ้าอวยพร ให้เรารักกันตลอดไป การแต่งงานคือการให้ ค�ำมั่นสัญญาต่อหน้ากัน และบางคนก็ ให้ค�ำ สัญญาต่อหน้าพระเจ้าด้วย แต่จะว่าไปการ แต่ ง งานก็ เ ป็ น ความเสี่ ย งเหมื อ นกั น เพราะ เราไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
37
ท�ำไมพ่อแม่ต้องหย่ากัน
เมื่อผู้ชายและผู้หญิงรักใคร่ชอบพอกัน ตัด
สิ น ใจแต่ ง งานและมี ลู ก ด้ ว ยกั น แต่ ทั้ ง ๆ ที ่ พยายามแล้ว พวกเขาก็ไปกันไม่ได้ เพราะพวก เขาหมดรักกันแล้ว หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมด รักอีกฝ่ายหนึ่ง สร้างความเจ็บปวดให้กัน จน ในที่สุดก็ตัดสินใจหย่าร้าง สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรอย ร้าวลึกซึ่งมักจะสั่งสมมานาน แต่พวกเขามา ถึงจุดแตกหักนี้ ได้อย่างไร ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย ท�ำให้พวก เขาไม่สามารถพูดคุยและรับฟังกันได้อีกต่อไป พวกเขาลืมไปว่าความรักต้องหมั่นดูแลรักษา เช่นเดียวกับไฟซึ่งต้องใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ต่างฝ่ายต่างติเตียนกันทุกเรื่อง เริ่มชิงชังข้อ บกพร่องของกันและกันโดยลืมนึกถึงคุณสมบัติ ดีๆ ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนแปลงไป ลักษณะ ท่าทีของพวกเขาไม่เหมือนเดิม หรืออาจเป็น เพราะชีวิตท�ำให้พวกเขาเปลี่ยนไป นั่นอาจจะ
38
เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีพอก่อน ตัดสินใจแต่งงาน และอาจจะยังรู้จักกันไม่ดีพอ หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกิดพบคนอื่นที่ดูเหมือน จะเป็นชายหรือหญิงในฝันของตน บางครั้งพ่อหรือแม่เป็นฝ่ายขอแยกทาง โดยทีอ่ กี ฝ่ายหนึง่ ไม่เข้าใจและรูส้ กึ เจ็บปวด บาง ครั้งทั้งสองฝ่ายก็จงเกลียดจงชังกันจนถึงขั้น ทะเลาะวิวาทกันรุนแรงประหนึง่ สงคราม แต่บาง ครั้งพวกเขาก็ยังพูดคุยกันได้ แต่สงิ่ หนึง่ ทีแ่ น่นอนก็คอื มันไม่ใช่ความ ผิดของเด็ก และเด็กก็ ไม่สามารถช่วยสมาน รอยร้าวของพ่อแม่ได้ เด็กเกิดมาจากความรัก ของพ่อแม่ ต้องการความรักจากคนทั้งสอง และต้องการรักทั้งพ่อและแม่! แม้ว่าพ่อแม่จะแยกทางกัน และถึงแม้ มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ทั้งสองคนก็คือพ่อและ แม่ของเด็กเสมอ