“วรรณกรรมเยาวชนประจ�ำฤดูใบไม้ร่วงที่น่าตรึงใจและมีเอกลักษณ์ เขียนขึ้นโดยใช้เสียงที่เด็ดเดี่ยว ... ภาษาเรียบง่าย อ่านแล้ววุ่นวายใจ แต่เปี่ยมความหวัง ว่าวัยรุ่นที่อ่านหนังสือไม่ออกคนหนึ่งสามารถสร้าง คุณูปการแก่โลก” เทเลกราฟ “...ไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนธรรมดา มีความเป็นเอกลักษณ์ มีชั้นเชิง และเข้าถึงจิตใจ พระจันทร์เน่าหนอน อยู่เหนือโลกใบนี้” เดอะ ซันเดย์ ไทมส์ “นวนิยายเล่มนี้ยกย่องการไม่ยินยอมให้จิตวิญญาณแห่งความเป็น มนุษย์ถูกย�่ ำยี การ์ดเนอร์สร้างตัวละครสแตนดิชขึ้นมาให้เป็นฮีโร่ ที่น่าจดจ�ำ” เดลีย์ เมล์ “การ์ดเนอร์เขียนนิยายชวนให้คิดเสมอ แต่เล่มนี้เธอเขียนอย่างแข็งขัน และสแตนดิชก็เป็นคนที่ไม่เหมือนใคร เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รักเขา” เดอะ สกอตส์แมน “เรื่องราวชวนคิดเกี่ยวกับความรักที่ไม่มีใครคาดหวังว่าจะเกิด พลังของ ปัจเจกทีส่ ามารถต้านพลังมวลชนจะเรียกความสนใจและกระชากอารมณ์ ใครก็ตามที่เคยต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อ” ลิเทอรารี่ รีวิว
Thai language translation rights belong to Matichon Publishing House Arranged with Hot Key Books Limited of Northburgh House, 10 Northburgh Street, London EC1V 0AT United Kingdom through Tuttle-Mori Agency Co., Ltd.
พระจันทร์ เน่าหนอน
Sally Gardner เขียน สุกนก รอดรัตน์ แปล
กรุงเทพมหานคร, ส�ำนักพิมพ์มติชน 2557
พระจันทร์เน่าหนอน • สุกนก รอดรัตน์ แปล
จากเรื่อง Maggot Moon Text Copyright © 2012 by Sally Gardner Illustrations Copyright © 2012 by Julian Crouch. Thai Language Copyright © 2014 by Matichon Publishing House. All rights reserved. พิมพ์ครั้งแรก : สำ�นักพิมพ์มติชน, มีนาคม 2557 ราคา 210 บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรม
การ์ดเนอร์, แชลลี่. พระจันทร์เน่าหนอน. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557. 280 หน้า. 1. นวนิยายแปล I. สุกนก รอดรัตน์, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง. 823.914 ISBN 978 - 974 - 02 - 1240 - 9 ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : พัลลภ สามสี ผู้ช่วยบรรณาธิการ : วรางคณา เหมศุกล • พิสูจน์อักษร : ทรงชัย บุญส่งรุ่งเรือง กราฟิกเลย์เอาต์ : อัสรี เสณีวรวงศ์ • ออกแบบปก-ศิลปกรรม : สิริพงษ์ กิจวัตร ประชาสัมพันธ์ : ตรีธนา น้อยสี
หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012 www.matichonbook.com บริษัท มติชน จำ�กัด (มหาชน) : 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 1235 โทรสาร 0-2589-5818 แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองพิมพ์สี บริษัท มติชน จำ�กัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 2400-2402 พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด 27/1 หมู่ 5 ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0-2584-2133, 0-2582-0596 โทรสาร 0-2582-0597 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3350-3353 โทรสาร 0-2591-9012 Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co.,Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
น�ำเรื่อง
น่ากลัวยิง่ นักหากอ�ำนาจรัฐตกอยูใ่ นมือของคนคนเดียว หรือคน กลุ่มเดียว โดยไม่มีใครตรวจสอบการใช้อ�ำนาจนั้นได้ เพราะผู้น�ำรัฐคือ เจ้าชีวติ “คน” ในสังคมมีคา่ ไม่เท่ากัน ต่างถูกจับวางเหมือนตัวหมากรุก บางคนเป็นขุน และมีมากมายที่เป็นเพียงเบี้ย เครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่ใช้ควบคุมคนคือความศรัทธา ทั้ง ในชาติ และในตัวผู้น�ำ แต่สิ่งหนึ่งที่อาจหายสาบสูญไปอย่างปฏิเสธไม่ได้คือ “ความ เป็นปัจเจก” (individuality) หรือความเป็นตัวของตัวเอง Sally Gardner จิกกัด เสียดสี และล้อเลียน “อ�ำนาจ” ได้อย่าง เฉียบคม ผ่านเรื่องราวในโลกสมมุติซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นอุดม คติโดยสิ้นเชิง แม้ ว ่ า จะถู ก จั ด วางให้ เ ป็ น วรรณกรรมเยาวชน แต่ พ ระจั น ทร์ 5
เน่าหนอน ไม่ใช่หนังสือที่พยายามวาดภาพความฝันสีรุ้งให้กับเด็ก การ์ดเนอร์กลับตีแผ่ให้เห็นทั้งความดีงาม และความอัปลักษณ์ของ มนุษย์ พระจันทร์เน่าหนอน จึงเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ผู้ใหญ่อ่านดี และเด็กก็อ่านได้ (โดยมีผู้ปกครองชี้แนะ) ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนมาตุภูมิ ภายใต้ดวงจันทร์หนอนชอนไช ฉายแสงขมุกขมัว ส�ำนักพิมพ์มติชน
6
พระจันทร์ เน่าหนอน
แด่เธอ...เหล่านักฝันทั้งหลาย ผู้ถูกมองข้ามในโรงเรียน ผู้ไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ พรุ่งนี้จะเป็นวันของเธอ
1
ผมก�ำลังสงสัยว่า ถ้าตอนนั้นลูกฟุตบอลไม่ลอยข้ามก�ำแพงไป ถ้าเฮคเตอร์ไม่ออกไปตามหามัน ถ้าเขาไม่เก็บความลับอันแสนด�ำมืดเอาไว้คนเดียว ถ้า... ถ้าเป็นเช่นนัน้ เรือ่ งทีผ่ มจะเล่าก็คงเป็นเรือ่ งอืน่ เห็นมัย้ ครับ ค�ำว่า ‘ถ้าหากว่า...’ ช่างไร้ขอบเขตเหมือนกับดวงดาวกลาดเกลื่อนอยู่เต็ม ท้องฟ้า
11
2
ครูคอนนอลลี่ ครูคนเก่าของพวกเรามักจะพูดอยู่เสมอว่าให้เริ่มเล่าเรื่อง จากจุดเริ่มต้น เล่าให้เห็นภาพชัดเจนราวกับมองทะลุผ่านกระจกใส ออกไป แต่ผมคิดว่าเธอไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ หรอกนะ ไม่มี ใครสักคนแม้แต่ครูคอนนอลลี่เองก็เถอะ ที่จะกล้าเขียนถึงสิ่งที่พวกเรา เห็นผ่านกระจกเขรอะๆ บานนั้น ไม่มองออกไปเป็นดีที่สุด แต่ถ้าคุณ จ�ำเป็นต้องมองออกไปจริงๆ แล้วละก็ ทางที่ดีที่สุดก็คือปิดปากเงียบ เอาไว้ ผมคงไม่โง่ขนาดจะเขียนเรื่องพวกนี้ไว้หรอกครับ ไม่เขียนลงบน กระดาษแน่นอน และถึงแม้ว่าผมเขียนได้ แต่ผมก็คงท�ำไม่ได้ ดูสิ ชื่อตัวเองผมยังสะกดไม่ถูกเลย สแตนดิช เทรดเวล เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก 13
สแตนดิช เทรดเวล ไอ้เด็กกระจอก ครูคอนนอลลีเ่ ป็นครูเพียงคนเดียวทีเ่ คยบอกว่าสิง่ ทีท่ ำ� ให้สแตนดิช แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง เฮคเตอร์ยิ้มเมื่อ ผมบอกเขาแบบนั้น เขาบอกว่าเขาเองเข้าใจสิ่งที่ครูคอนนอลลี่พูดได้ แทบจะทันทีเลยทีเดียว ‘มันมีทั้งคนที่คิดนอกกรอบไม่เป็น และก็คนอย่างเธอ สแตนดิช เธอเหมือนกับลมพัดเบาหวิว สายลมเย็นๆ ในสวนแห่งจินตนาการ’ ผมบอกตัวเองซ�้ำอีกครั้ง ‘แล้วก็มีคนอย่างแสตนดิช กับจินตนาการที่บินละล่องผ่านสวนสาธารณะ มองไม่เห็นแม้กระทั่งบรรดาม้านั่ง ในสวน เห็นเพียงแต่ว่าไม่มีก้อนขี้หมาทั้งที่มันอยู่ตรงนั้น’
14
3
ผมไม่ได้ฟังสิ่งที่ครูก�ำลังสอนอยู่เลยสักนิดตอนที่จดหมายจากออฟฟิศ ของครูใหญ่ส่งมาถึง เพราะว่าตอนนั้นผมกับเฮคเตอร์อยู่ในเมืองที่ไกล แสนไกล ในอีกประเทศหนึ่ง ประเทศที่ตึกไม่หยุดสูงจนกว่าจะทิ่มทะลุ ก้อนเมฆราวกับตรึงมันเอาไว้กับท้องฟ้า ประเทศที่พระอาทิตย์ทอแสง ประกายหลากสี มันคือชีวิตที่ปลายสายรุ้ง ผมไม่สนใจว่าพวกเขาจะ บอกเราว่าอย่างไร ผมเห็นมันในทีวี พวกเขาร้องเพลงกันบนถนน ร้อง แม้กระทั่งกลางสายฝน ร้องพลางเต้นไปรอบๆ เสาไฟ ที่นี่ยังเป็นยุคมืดอยู่เลย พวกเราไม่ร้องเพลง แต่นี่คือฝันกลางวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่เฮคเตอร์และครอบครัว ของเขาหายตั ว ไป ผมมั ก พยายามไม่ คิ ด ถึ ง เฮคเตอร์ ผมเลื อ กจะ จินตนาการถึงตัวผมเองบนดาวเคราะห์ของพวกเรามากกว่า ดาวเคราะห์ ที่เฮคเตอร์กับผมร่วมกันสร้างขึ้นมา ดาวเคราะห์จูนิเปอร์ นั่งคิดถึงเรื่อง 15
พวกนี้ดีกว่า แทนที่จะต้องมานั่งกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา อีกอย่างนี่ คือหนึ่งในฝันกลางวันที่ดีที่สุดซึ่งผมไม่ได้มีมานานมากแล้วอีกด้วย มัน ท�ำให้ผมรู้สึกราวกับว่าเฮคเตอร์อยู่ใกล้ๆ ผม พวกเราก�ำลังขับรถคาดิลแลคคันใหญ่สีหวานเย็นไปรอบๆ ผมแทบจะได้กลิ่นหนังจากเบาะ หนังสีฟา้ ของมันเลยทีเดียว เฮคเตอร์นงั่ อยูเ่ บาะหลัง ส่วนผมนัง่ เอาแขน วางพาดไว้ตรงขอบกระจกแบบหมุนมือสีเงินวาว มือจับพวงมาลัย ขับ รถพาเราทั้งคู่กลับไปบ้านเพื่อดื่มโครคาโคล่าส์ ในห้องครัวที่ทุกอย่าง แวววับ มีผ้าปูโต๊ะลายตารางกระดานหมากรุก และสนามหญ้าที่ดูราว กับเพิ่งถูกดูดฝุ่นท�ำความสะอาดมาใหม่ๆ และตอนนั้นเอง ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าครูกันเนลล์ก�ำลังเรียกชื่อผม ‘สแตนดิช เทรดเวล ครูใหญ่ต้องการพบเธอ’ ซวยแล้วละสิ ผมน่าจะรู้นะว่าสักวันมันต้องมาถึง ไม้เท้าของ ครูกันเนลล์ท�ำให้ผมเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน ผมเคยโดนมันฟาด ลงบนหลังมืออย่างจัง และฝากความคิดถึงเอาไว้เป็นรอยเฆี่ยนเล็กๆ สองรอย ครูกันเนลล์ไม่ได้สูงมากนัก แต่กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งแรง ราวกับรถถังกองทัพรุ่นเก่าที่ติดอาวุธขัดมันอย่างดี ผมปลอมบนศีรษะ ของเขาเองก็ดูราวกับมีชีวิต เพราะมันใช้ความพยายามอย่างสูงในการ เกาะติดกับศีรษะล้านลื่นและมันวับ อวัยวะส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้ช่วยท�ำ ให้เขาดูดีขึ้นมาสักเท่าไหร่ เขามีหนวดหย่อมเล็กๆ ดูคล้ายคราบน�้ำมูก สีเข้มอยู่เหนือริมฝีปาก เขาจะยิ้มก็ต่อเมื่อได้ใช้ไม้เท้าของเขาเท่านั้น รอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายที่ฉีกมุมปากของเขาให้กว้างออก พอให้ลิ้นที่ดู ราวกับปลิงแห้งๆ โผล่ออกมา แต่มาคิดดูอีกที ผมไม่แน่ใจว่าเราจะ เรียกอาการเช่นนั้นว่ายิ้มได้หรือไม่ บางทีมันอาจจะเป็นแค่สีหน้ายาม 16
ที่เขาก�ำลังสนุกกับกีฬาโปรดอย่างการทรมานพวกเราอยู่ก็ได้ เขาไม่ สนใจว่าไม้เท้าที่เขาฟาดลงมานั่นจะไปโดนตรงไหนบนตัวคุณ ตราบใด ที่มันหวดโดนเนื้อ และท�ำให้คุณสะดุ้งโหยง เห็นมั้ยครับ มีแต่ดินแดนอันไกลโพ้นเท่านั้นที่ยังร้องเพลงกันอยู่ ที่นี่ฟ้าถล่มลงมาแสนนานแล้ว
17
4 แต่สิ่งหนึ่งที่กวนใจผมก็คือว่า ผมคงจะนั่งอยู่ไกลเกินไปเป็นแน่ ผมเลย ไม่เห็นกระทั่งครูกันเนลล์ที่ก�ำลังเดินเข้ามา แม้ว่าระหว่างผมกับโต๊ะของ เขาจะมีเพียงช่องทางเดินขวางอยู่ก็ตาม คือผมหมายถึง ผมนั่งอยู่หลัง สุดของห้อง กระดานด�ำแทบจะอยู่ไกลออกไปคนละประเทศเลยก็ว่าได้ ตัวหนังสือในนัน้ ดูเหมือนม้าในคณะละครสัตว์ทกี่ ำ� ลังกระโดดขึน้ กระโดด ลง พูดง่ายๆ ก็คอื มันไม่เคยอยูน่ งิ่ ๆ นานพอทีผ่ มจะอ่านออกว่ามันเขียน ว่าอะไร มีเพียงค�ำเดียวที่ผมอ่านออก มันถูกพิมพ์ด้วยตัวอักษรสีแดง ขนาดใหญ่ทับอยู่บนภาพของดวงจันทร์ มันเด่นชัดมาก คุณไม่มีทาง มองไม่เห็นมัน มาเธอร์แลนด์* * แปลตรงตัวว่า “แผ่นดินแม่” -บรรณาธิการ
19
เพราะว่าเป็นเด็กโง่ และไม่เข้ากับระบบระเบียบต่างๆ ที่ถูกขีด เส้นก�ำหนดเอาไว้ ผมจึงนั่งหลบอยู่หลังห้องนานพอที่จะรู้ตัวว่าผมได้ กลายเป็นคนไร้ตัวตนไปแล้ว มีแต่เฉพาะตอนที่แขนล�่ำๆ ของครูกัน เนลล์ต้องการออกแรงเท่านั้น ผมถึงจะกลายเป็นที่สนใจอีกครั้ง เฉพาะตอนนั้นเองที่ผมเห็นสีแดง
20
5
ผมคงไม่รอดแน่นอน ผมเริ่มขี้เกียจ อาจเป็นเพราะเคยชินกับการมีเฮคเตอร์คอยเตือนให้รบั รูถ้ งึ หายนะทีก่ ำ� ลังเดินเข้ามาหาผม แต่ฝนั กลางวัน ครั้งนั้นท�ำให้ผมลืมไปเลยว่าเฮคเตอร์ไม่ได้อยู่กับผมแล้ว ผมเหลือตัว คนเดียว ครูกันเนลล์หยิกและบิดหูผมแรงทีเดียว แรงมากจนน�้ำตาแทบ เล็ด แต่ผมไม่ร้องไห้ ไม่เคยร้อง น�้ำตามันจะช่วยอะไรผมได้ ปู่ผมเคย บอกว่าถ้าหากเขาเริ่มร้องไห้แล้วละก็ เขาไม่คิดว่าจะหยุดร้องได้อีก เพราะมีอะไรมากมายหลายอย่างเหลือเกินที่ท�ำให้อยากร้องไห้ ผมว่าปู่พูดถูกนะ ร้องไห้ไปก็เปล่าประโยชน์ น�้ำตามันจะท่วม ทุกๆ อย่าง ท�ำให้ก้อนสะอื้นจุกในล�ำคอ ท�ำให้ผมอยากจะแหกปาก ตะโกน น�้ำตาท�ำเรื่องแบบนี้ได้ ผมขอบอกเลยนะว่าการต้องกลั้นน�้ำตา ตอนถู ก ดึ งหู เ ป็ น เรื่อ งยากมากๆ ผมพยายามคิดถึงแต่ดาวเคราะห์ 21
จูนิเปอร์สุดฤทธิ์ ดาวเคราะห์ที่มีแต่ผมและเฮคเตอร์เท่านั้นที่ค้นพบ พวกเราตั้งใจจะเปิดตัวโครงการอวกาศของเรา เพื่อให้โลกได้รับรู้ว่าใน จักรวาลนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรา เราจะติดต่อกับสิ่งมีชีวิตบนดาวจูนิเปอร์ พวกเขารูด้ วี า่ อย่างไหนเรียกว่าถูก อย่างไหนเรียกว่าผิด พวกเขาสามารถ ยิงแสงเลเซอร์ใส่พวกแมลงวันเขียว* เจ้าหน้าที่ชุดหนังและครูกันเนลล์ ให้มลายหายกลายเป็นเถ้าธุลีได้ เราตกลงกันไว้ว่าเราจะเดินทางอ้อมดวงจันทร์ไป ใครอยากจะ ไปที่นั่นกันล่ะ ในเมื่อมาเธอร์แลนด์ก�ำลังจะเอาธงประจ�ำชาติสีแดงด�ำ ขึ้นไปปักบนผืนดินสีเงินของมัน ผืนดินที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน
* แมลงวันเขียว หรือ Green Flies เป็นชื่อเล่นที่คนอังกฤษใช้เรียกหน่วย British Army Intelligence Corps-ผู้แปล
22
6
ครูกนั เนลล์ไม่คอ่ ยชอบหน้าผมสักเท่าไหร่นกั ผมคิดว่าเขาน่าจะมีเหตุผล ส่วนตัว กับครูกันเนลล์แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น การมี ผมอยู่เป็นเหมือนการดูถูกสติปัญญา ความเจ้าระเบียบ และความเป็น ผูด้ ขี องเขา และเพือ่ ให้ทกุ คนได้ตระหนักถึงเรือ่ งนี้ เขาดึงเนคไทผมหลุด ออก และยิ้มด้วยรอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว รอยยิ้มที่มีลิ้นแลบออกมา พลางปิดประตูห้องหลังจากไล่ผมออกมาแล้ว ผมไม่ได้มีปัญหากับไม้เท้าเลยนะครับ แม้ว่ามือของผมจะยัง เจ็บอยู่ก็ตาม แต่ผมมีปัญหาเมื่อเขาดึงหูผมต่างหาก ผมแทบไม่กังวล เรื่องที่ครูใหญ่ต้องการพบเลยสักนิด ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าปัญหามัน คืออะไร หรือว่ามันจะฝังรากลึกลงไปแค่ไหน แต่บางทีผมน่าจะพอรู้ตัวสักนิดตอนที่ครูกันเนลล์ดึงเนคไทผม ออก คิดดูนะ ผมผูกเนคไทไม่เป็น และเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ 23
ตามสถิติแล้วเนคไทของผมไม่เคยหลุดออกจากกันเป็นเวลานาน ถึง 1 ปีเลยทีเดียว มันเป็นระยะเวลานานที่สุดเท่าที่ผมจะรักษาให้ปม ของมันยังรัดแน่นอยู่ได้ จริงๆ แล้วตอนนี้เนื้อผ้าเริ่มจะมันวาว ช่วยให้ ผมขยับมันให้กว้างออกได้อย่างง่ายดายพอที่จะสอดศีรษะเข้าไปได้ แล้วด้วยซ�้ำ จากนั้นจึงค่อยรูดให้มันรัดพอดีคอที่ปมด้านบน เท่านี้ผม ก็ดูเอี่ยมอ่องอรทัยแล้ว ผมหมายถึงว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นนะครับ จริงๆ แล้วที่มันเป็นอย่างนี้ได้ก็เพราะเฮคเตอร์ เขาไม่ยอมปล่อยให้เด็ก คนอื่นแกล้งผม ผมเคยคิดว่าวันเวลาแห่งความระทมทุกข์กลายเป็น อดีตไปแล้วแท้ๆ แต่เนคไทที่หลุดห้อยราวกับเชือกแขวนคอคราวนี้ท�ำ ให้ผมอยากจะทรุดลงไปกับพื้นและยอมแพ้ แล้วปล่อยให้น�้ำตามัน ไหลออกมาเสียบ้าง เพราะอย่างเดียวที่ผมท�ำไม่ได้ก็คือ เดินไปเข้า ห้องครูใหญ่โดยไม่มีเนคไท หรือผมจะกระโดดพุ่งออกนอกหน้าต่างดี? แล้วค่อยบอกเหตุผลว่ามันหลุดออกตอนผมร่วงลงมาและสมองผมถูก กระแทกจนลืมว่าเขาผูกเนคไทกันอย่างไร ผมว่าผมรู้นะ ถ้าหากผมซื่อสัตย์สักหน่อย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เรื่องเนคไทหรอก แต่เป็นเรื่องที่ผมสูญเสียเฮคเตอร์ไปต่างหากที่ผมรับ ไม่ได้ ถ้าหากผมรู้ว่าพวกนั้นจับตัวเขาไปไว้ที่ไหน ถ้าหากผมรู้ว่าเขา ยังอยู่สุขสบาย บางทีปมที่ขมวดแน่นในใจของผม ปมที่ยิ่งขมวดแน่น ขึ้นในทุกๆ วัน อาจจะค่อยๆ คลายหายไปก็ได้
24
7
เฮคเตอร์บอกว่าเนคไทเป็นเครื่องหมายแสดงถึงอะไรบางอย่าง มันท�ำ หน้าที่เหมือนกับปลอกคอสุนัขนั่นแหละ เป็นการบอกว่าคุณคือส่วน หนึ่งของบางสิ่งบางอย่างมากกว่าที่คุณเป็นอยู่จริงๆ เฮคเตอร์ยังบอก อีกว่าเครื่องแบบนักเรียนก็คือวิธีหนึ่งที่ท�ำให้ทุกคนดูเหมือนกันหมด กลายเป็นตัวเลข เด็กพวกนี้เป็นเพียงตัวเลขสวยๆ ที่เอาไว้จดลงใน สมุดเท่านั้น แต่เฮคเตอร์ไม่ใช่หนึ่งในตัวเลขสวยๆ บางทีผมก็คิดว่า พวกนั้นอาจลบชื่อเขาทิ้งไปแล้วก็ได้ ผมไม่แน่ใจนักหรอกนะครับ แต่ สิง่ ทีผ่ มรูก้ ค็ อื เฮคเตอร์พดู ถูก เนคไททีผ่ กู แน่นอยูร่ อบคอคือเครือ่ งหมาย แสดงถึงความอยู่รอด ตอนนี้ผมเสร็จแน่ เนคไทหลุดห้อยไม่เป็นท่า กระดุมก็ติดเรียง เม็ดผิด สายรองเท้าพันกันอีนุงตุงนัง ผมเนี่ยเละไม่เป็นท่าเลยจริงๆ 25
8
ตรงระเบียงทางเดินนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นน�้ำยาฆ่าเชื้อ นม และฉี่เด็ก รวมถึงน�้ำยาขัดเงา แสงไฟจากหลอดนีออนยาวนั้นดูช่างอ้างว้างเหลือ เกินส�ำหรับผม มันสว่างเกินไป สว่างจนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง มันท�ำ ให้ความว่างเปล่าดูแย่ลงไปอีกสิบเท่าเลยทีเดียว และท�ำให้ผมเห็นว่า ไม่มีเฮคเตอร์อยู่ข้างๆ เสียงประตูกระจกเปิดออก ครูฟิลิปส์ หนึ่งในครู ฝ่ายปกครอง ก้าวออกมาพร้อมถ้วยกาแฟในมือ “เธอมาท�ำอะไรอยู่ตรงนั้น เทรดเวล” เสียงของเธอแข็งกร้าวและจริงจังมาก แต่ผมก็ยังเห็นเธอต่อ แถวรอกินอาหารเหมือนกับคนอื่นๆ เธอมักจะได้ของกินมากกว่าคนอื่น เล็กน้อยอยู่เสมอ เธอหันไปมองระเบียงทางเดินและแหงนขึ้นไปมอง กล้องซึง่ หมุนวนไปวนมา เธอรอจนกระทัง่ มันหันไปทางอืน่ ก่อนจะลงมือ ผูกเนคไท ติดกระดุมให้กับผมใหม่โดยไม่พูดอะไรเธอ หันไปมองกล้อง 27
อีกครั้งและส่งสัญญาณให้ผมเงียบเอาไว้ ก่อนจะรอให้กล้องหันกลับ มาทางพวกเราอีกครั้ง และพูดขึ้นมาด้วยน�้ำเสียงจริงจังเหมือนเดิม “ดี มาก เทรดเวล ฉันอยากเห็นเธอมาถึงโรงเรียนทุกเช้าในสภาพนี้แหละ” ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าครูฟิลิปส์ที่ดูภายนอกแข็งกร้าว จะมี จิตใจที่อ่อนโยนและอ่อนหวานได้ขนาดนี้
28
9
นอกห้องครูใหญ่มีม้านั่งยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ เป็นเก้าอี้ไม้ที่แข็งจนท�ำให้ ก้นคุณปวดได้เลยละ แถมยังสูงกว่าปกติอีกด้วย ผมว่ามันเป็นม้านั่ง ที่ถูกเลือกมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียวนะ เพราะมันจะท�ำให้คุณดูตัวเล็ก ลีบและไร้ค่าเอาซะมากๆ ทันทีที่นั่งบนเก้าอี้ เท้าทั้งสองข้างของคุณจะ ห้อยต่องแต่ง ในขณะที่เข่าของคุณจะปูดโปนออกมาเป็นสีแดงระเรื่อ และสิ่งที่คุณจะได้ยินในขณะนั่งรออยู่ตรงนั้นก็คือ เสียงจากเพื่อนร่วม ชั้ น ที่ พ ยายามไม่ ส ่ ง เสี ย งออกมาอย่ า งสุ ด ความสามารถ แม้ ก ระทั่ ง เสียงหายใจ ผมนั่งรอเสียงระฆังดังอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น มันเป็นเสียง สัญญาณบอกว่า คุณเฮลแมนพร้อมจะพบกับผมแล้ว ผมนั่งและได้ แต่รอคอย ขณะที่เวลาคืบคลานไปอย่างช้าๆ ก่อนที่เฮคเตอร์จะเข้ามาเรียนที่นี่ ผมเกลียดโรงเรียนนี้มาก ผม เชื่อว่ามันถูกสร้างขึ้นมาให้กับพวกเด็กอันธพาลที่มีสมองขนาดพอๆ 29
กับก้อนขี้หมาแห้งได้แกล้งเด็กอย่างผมเท่านั้นเอง เด็กที่ตาทั้งสองข้าง มีสีไม่เหมือนกัน ข้างหนึ่งสีฟ้า อีกข้างสีน�้ำตาล ซ�้ำยังได้รับเกียรติใน การเป็นเด็กคนเดียวในชั้นรุ่นอายุ 15 ปี ที่สะกดหรือเขียนหนังสือไม่ได้ อีกด้วย ใช่ครับ ผมรู้ สแตนดิช เทรดเวล ไอ้เด็กกระจอก กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ไอ้พวกเด็กอันธพาลล้อผมแบบนั้น โดยมี หัวโจกขี้เบ่งที่ถนัดเรื่องการทรมานชาวบ้านอย่างฮันส์ ฟีลเดอร์ เป็นต้น เสียง เขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนส�ำคัญ เป็นเด็กหัวดี เป็นลูกรักของอาจารย์ เขาใส่กางเกงขายาวเช่นเดียวกันกับคนอืน่ ๆ ในแก๊งของเขา ผมจะบอก อะไรให้นะ มีเด็กไม่มากนักหรอกครับในโรงเรียนนี้ที่จะได้ใส่กางเกงขา ยาว ใครก็ตามที่ใส่จะคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานะสูงส่งเหมือนกับพวก ขาใหญ่ทั้งหลาย อย่างเอริค โอเว่นตัวน้อย จริงๆ แล้วเขาก็ใส่กางเกง ขาสั้นเหมือนกับพวกผมนี่แหละครับ แต่เขาพยายามต่อขากางเกง ของเขาให้ยาวขึ้นด้วยการท�ำทุกอย่างที่ฮันส์ ฟีลเดอร์สั่งให้ท�ำ ถ้าหาก เปรียบเป็นหมา เอริค โอเว่นตัวน้อยก็คงจะเป็นพันธุ์เทอร์เรียร์ หน้าที่หลักของเขาก็คือ คอยจับตาดูผมทุกวันว่าผมจะกลับบ้าน ทางไหน และคอยส่งสัญญาณให้กับฮันส์ ฟีลเดอร์ และลูกสมุนของ เขา ไอ้เด็กพวกนี้มันต้องการหาที่ระบาย พวกมันไล่ตามผม และสุด ท้ายก็จบลงที่ผมถูกจับได้และถูกซ้อมจนยับเยินทุกครั้งไปอย่าคิดว่า ผมไม่สู้พวกมันนะครับ เพราะว่าผมลองแล้ว แต่จะให้สู้ได้ยังไง ในเมื่อ พวกมันมากันทีละเจ็ดคน วันนั้นคือวันที่ผมเจอกับเฮคเตอร์เป็นครั้งแรก พวกมันล้อมผม 30
ไว้ตรงอุโมงค์ใต้รางรถไฟเก่าใกล้ๆ กับโรงเรียน ฮันส์ ฟีลเดอร์คิดว่า ผมเป็นลูกไก่ในก�ำมือของเขาแล้ว ผมหมดทางหนี เว้นแต่ว่าผมจะ ยอมเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้ง ด้านหลังของอุโมงค์มีป้ายติดอยู่ คุณไม่จ�ำเป็น ต้องอ่านหนังสือออกก็น่าจะรู้ว่ามันบอกอะไร มันเป็นภาพเครื่องหมาย กากบาทที่มีรูปหัวกะโหลกทับอยู่ราวกับก�ำลังบอกผมว่า ถ้าเข้ า มา... ตายแน่ ในวั น นั้น ใต้อุโมงค์ที่เหม็นแสนเหม็น ค�ำพูดเยาะเย้ยถูกพ่น ออกมาจากปากของฮันส์ ฟีลเดอร์ และสมุนของเขา พร้อมๆ กันกับ ก้อนหินที่ถูกขว้างเข้ามาใส่ ผมใช้เวลาตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีว่าคง จะปลอดภัยกว่าถ้าเลือกวิ่งเข้าไปยังพงหญ้ารกที่อยู่หลังป้ายเตือน แล้ว ค่อยวัดดวงเอาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่จ�ำเป็นต้องขึงรั้วลวดหนามกั้น เอาไว้ เพียงแค่ป้ายเตือนอันนั้นอันเดียวก็มีอานุภาพมากพอราวกับหุ่น ไล่กาพันตัวในทุ่งนาแล้ว ผมวิ่งพรวดไปตามอุโมงค์ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผ่านป้ายเตือนเข้า ไปยังพื้นที่ซึ่งผมมั่นใจหนักหนาว่าต้องเป็นเขตซ้อมยิงอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คงจบโดยไม่ทันเจ็บ แม่กับพ่อผมก็จากไปนานแล้ว ส่วน ปู่ผม...ผมไม่อยากปล่อยให้ตัวเองคิดถึงปู่ ไม่ใช่ในเวลาแบบนี้ เพราะ ว่าปู่เป็นเพียงคนเดียวที่ท�ำให้ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ ผมเหลือบไปมอง ข้างหลัง หวังว่าจะเห็นฮันส์ ฟีลเดอร์ และลูกน้องสมองกลวงของเขา ไล่ตามผมมา แต่ที่ผมเห็นกลับเป็นภาพของกลุ่มเด็กเหล่านั้นค่อยๆ ไกลออกไป ผมหยุดทีต่ น้ โอ๊กต้นใหญ่ หายใจไม่ทนั และรูส้ กึ เหมือนจะเป็นลม เมื่อผมเริ่มหายใจได้คล่องขึ้นถึงนึกได้ว่าผมท�ำอะไรลงไป ผมรออยู่ 31
พักหนึ่ง คิดในใจว่าถ้าหากมีแมลงวันเขียวโผล่เข้ามาตอนนี้ ผมคงต้อง ยอมยกมือและขอมอบตัวแต่โดยดี ผมนั่งลงกับพื้น ใจสั่นไม่ต่างจากไข่ต้มที่สั่นชนกับกระทะขณะ น�้ ำ ก� ำ ลั ง เดื อ ดเต็ ม ที่ และในตอนนั้ น เองที่ ผ มมองเห็ น ลู ก ฟุ ต บอล สีแดงแบนๆ ลูกหนึ่ง ผมยัดมันใส่ลงในกระเป๋านักเรียนเพื่อเป็นรางวัล ส�ำหรับความกล้าหาญของผม ไม่เพียงเท่านั้น ขณะก�ำลังเดินไปตาม ทางรถไฟร้าง ผมก็พบพุ่มราสเบอร์รี่ที่มีลูกขึ้นดกเต็มต้น ผมถอดเสื้อ ออกและเอาแขนเสื้อทั้งสองข้างผูกเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงเด็ดลูกราส เบอร์ รี่ ใ ส่ ล งไปจนเต็ ม ชนิ ด ที่ ไ ม่ ส ามารถใส่ เ พิ่ ม ลงไปได้ อี ก แม้ เ พี ย ง ลูกเดียว ผมรู้สึกระแวงอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่จะมีมือของแมลงวัน เขียวสักคนเอื้อมมาสัมผัสบ่าของผมจากทางด้านหลัง ตอนนี้ผมเดินอยู่ใกล้ๆ กับก�ำแพงที่ทอดยาวไปตามแนวทาง รถไฟ หากจะบรรยายด้วยถ้อยค�ำสั้นๆ ก็น่าจะเป็นค�ำว่าแข็งแกร่งดุจ ภูผา เห็นมั้ยครับ แม้ผมจะสะกดค�ำได้ไม่ดีนัก แต่ผมก็รู้ศัพท์เยอะนะ ผมชอบสะสมค�ำศัพท์ เวลาออกเสียงค�ำพวกนั้นแล้วมันฟังดูเพราะดี ก�ำแพงที่ว่านี้มันสูงมากเลยครับ สูงขนาดที่ถึงแม้ผมกับปู่จะมี สวนติดกับมันก็ยังไม่อาจมองข้ามไปเห็นอีกฝั่งหนึ่งได้ คุณไม่มีทางรู้ เลยว่ามีทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ พร้อมทั้งหมู่มวลผีเสื้อที่ก�ำลัง เริงระบ�ำซ่อนอยู่อีกทางฝั่งฟากหนึ่ง ราวกับว่าธรรมชาติก�ำลังจัดงาน เต้นร�ำและมีเฉพาะแขกกิตติมศักดิ์เท่านั้นที่ได้รับเชิญ นี่เป็นครั้งแรกที่ ผมได้พบเจออะไรเช่นนี้ ผมทั้งอึ้งและหลงใหลไปกับความงดงามที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า อืม...ถ้าวันหนึ่งมนุษยชาติจะต้องสูญมลายหายไป ทั้งหมด ผมพอรู้แล้วว่าใครจะเป็นแม่งานในการจัดงานเลี้ยงส่ง 32
ท�ำไมไม่เอาไปอีกล่ะ สแตนดิช เธอมีทงั้ ราสเบอร์ร ี่ ทัง้ ลูกฟุตบอล แล้ว ท�ำไมไม่เก็บดอกไม้ไปด้วยล่ะ ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย อยู่ๆ สมองช่างฝันของผมก็ดันนึกขึ้นมาได้ว่า ผม ยังมองหาทางปีนข้ามก�ำแพงนี้ไปไม่ได้เลยด้วยซ�้ำ เหมือนกับผมก�ำลัง นัง่ อยูใ่ นเรือทีม่ รี รู วั่ และก�ำลังจมอย่างรวดเร็วอย่างนัน้ แหละ ผมหมายถึง ผมปีนข้ามมันไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องความสูงหรอกที่ท�ำให้ผมกังวล แต่ เศษกระจกที่อยู่ด้านบนต่างหาก มันคมพอที่จะตัดเส้นเลือดใหญ่คุณ ได้สบายๆ คุณไม่มีทางข้ามก�ำแพงนี้ได้โดยที่ยังมีมือเหลือครบทั้งสอง ข้างหรอกครับ อะไรกันนักกันหนานะเนี่ย มีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น คือผม จะต้องย้อนกลับไปทางเดิม ซึ่งผมคิดว่าผมคงไม่ท�ำอย่างนั้นแน่ๆ ส่วน อีกทางหนึ่ง... ...สแตนดิช เอาสิ บอกมาซิว่าทางไหน
33
10
ก�ำแพงนี้ทอดยาวไปสุดปลายถนน ซึ่งมีพระราชวังหลังโตที่ไม่มียอด แหลมตั้ ง ตระหง่ า นอยู ่ บ นเนิ น เขา สมั ย เป็ น เด็ ก ผมคิ ด ว่ า มั น สร้ า ง ขึ้นมาจากบ้านของเล่นของยักษ์ เพราะว่าทุกอย่างมันดูผิดสัดส่วนกับ สิ่งอื่นๆ ปู่ของผมบอกว่าพระราชวังแห่งนี้ต้องค�ำสาป สิ่งที่ผมจะเล่าให้คุณฟังต่อจากนี้เป็นเรื่องจริงนะครับ เมื่อนาน มาแล้วมีไอ้โง่บางคนอยากจะสร้างอะไรเอาไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับราชินี หรือสงครามอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ผมจ�ำไม่ค่อยได้แล้วว่าอะไร แต่ ว่าทัง้ สองอย่างก็ถกู ลืมไปเหมือนๆ กัน ตามทีป่ เู่ คยเล่าให้ผมฟัง หลาย ดวงจันทร์มาแล้ว บนเนินเขานั้นเคยมีบ่อน�้ำอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งในบ่อเป็น น�้ำวิเศษรักษาสารพัดโรค มีแม่มดสามคนท�ำหน้าที่คุ้มครองบ่อน�้ำนี้ ทั้งสามประกาศว่าห้ามมีสิ่งใดย่างกรายเข้ามายังบริเวณนี้และเมื่อใดที่ บ่อน�้ำนี้ถูกถมไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เมื่อนั้นแผ่นดินนี้จะต้องตกอยู่ 35
ภายใต้คำ� สาป แต่ทงั้ หมดนีก้ เ็ ป็นเรือ่ งก่อนทีแ่ ม่มดผูท้ รงปัญญาทัง้ สาม จะถูกลากไปเผาทั้งเป็นยังลานประหาร อีกหลายปีต่อมา มีชายท่าทางไม่น่าไว้ใจมาพร้อมกับเงินจ�ำนวน มหาศาล และราชินีหรือสงครามที่ควรแก่การระลึกถึงก็ตรงเข้ามาถม บ่อน�้ำจนเต็ม และก็สร้างสิ่งก่อสร้างแสนน่าเกลียดขึ้นมา พระราชวังแห่งแรกของพวกเขาถูกไฟเผาราบตั้งแต่วันแรกที่เปิด ตัว แต่นั่นก็เหมือนจะยังไม่ได้ท�ำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงค�ำสาปของแม่มด ทั้งสามดีพอ เขากลับมาและสร้างสถานที่หน้าตาน่าเกลียดแห่งนี้ขึ้น มาอีกครั้ง ราวกับต้องการเย้ยหยันอ�ำนาจแห่งศาสตร์มืดอย่างไม่เกรง กลัว ปู่บอกว่าสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับพวกแม่มดก็คือ พวกเธอสามารถ รอวันที่จะกลับมาแก้แค้นได้ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม กระจกที่ดู เหมือนกับดวงตาของพระราชวังเก่าแสนน่าเกลียดแห่งนี้ยังคงเฝ้ามอง มาจากอีกฝั่งหนึ่งของทุ่งหญ้าตลอดเวลา ท�ำไมผมจะต้องมาคิดเรื่องแบบนี้ตอนที่ยังติดแหงกอยู่อีกฝั่ง หนึ่งของก�ำแพงโดยที่ไม่ยอมทิ้งดอกไม้ ผลราสเบอร์รี่ที่กองอยู่ในเสื้อ หรือว่าลูกฟุตบอลแบนๆ ไปน่ะเหรอครับ ก็เพราะว่ามันช่วยท�ำให้ผม ใจเย็นลง ท�ำให้ผมมีเวลาคิด และท�ำให้ผมคิดได้ว่าจะหนีออกไปจาก ที่นี่ได้อย่างไร ก่อนพ่อแม่ของผมหายตัวไป ผมเคยได้ยินพ่อกับปู่พูดถึงอุโมงค์ ที่พวกเขาขุดต่อมาจากหลุมหลบภัยในช่วงสงคราม มันเชื่อมยาวเข้าไป ถึงข้างในสวนสาธารณะ และทันทีที่รู้ว่าผมอยู่ในห้องด้วย พวกเขาก็ เปลีย่ นมาพูดภาษาท้องถิน่ ทันที เพือ่ กันไม่ให้ผมเข้าใจสิง่ ทีพ่ วกเขาคุยกัน สิ่งที่ผมได้ค้นพบเกี่ยวกับภาษาก็คือ หากคุณเป็นคนที่สะกด 36
หรืออ่านหนังสือไม่เก่งแล้วละก็ คุณจะมีความสามารถพิเศษในการฟัง ค�ำพูดต่างๆ แทน ค�ำพวกนั้นจะฟังราวกับเสียงดนตรีส�ำหรับคุณ คุณ สามารถกลั่นเอาใจความส�ำคัญของมันออกมาได้ ที่ผมต้องท�ำก็คือ ปล่อยใจให้ว่าง เพลินไปกับค�ำพูดที่ถูกเปล่งออกมา และ 9 จาก 8 ครั้ง ผมไม่เคยพลาดเลยว่ามันหมายถึงอะไร ผมอยากบอกว่ า ผมแทบจะแหกปากตะโกนเมื่ อ ในที่ สุ ด ผมก็ เจอฝาปิดทางเข้าอุโมงค์ มันถูกต้นหญ้าที่ขึ้นร้อยพันกันปกคลุมเอาไว้ เบื้องล่าง มันคงถูกซ่อนอยู่เป็นเวลานานพอที่จะท�ำให้ต้นหญ้าเหล่านั้น คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพวกมัน และผมก็ต้องออกแรงสุดก�ำลังกว่าจะ ดึงมันให้แยกขาดออกจากกันได้ ผมรู้สึกเหมือนเป็นซานตาคลอสที่เลือดออกท่วมตัวตอนที่วาง ของต่างๆ ที่เก็บได้ลงบนโต๊ะ ปู่ผมถึงกับอึ้ง “รู้มั้ยไอ้หลานรัก ตอนนี้มีสองอย่างที่ปู่อยากรู้ อย่างแรกก็คือ ปูอ่ ยากรูว้ า่ แยมราสเบอร์รเี่ ขาท�ำกันอย่างไร และอีกอย่างก็คอื เราจะท�ำ ให้เสื้อที่แกมีอยู่ตัวเดียวนี่กลับมาขาวอีกได้ยังไงวะ” ครั้งหนึ่งผมอาจจะเคยพูดว่าคงมีใครสักคนได้ยินค�ำวิงวอนของ เขาและช่วยบันดาลให้สมหวัง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นอะไรที่ บังเอิญมากกว่านั้น เฮคเตอร์และครอบครัวของเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ข้าง บ้านผม ปู่มั่นใจหนักหนาว่าพวกเขาต้องเป็นสายลับอย่างแน่นอน และถ้าเป็นจริงๆ ปู่ก็คิดว่าพวกเขาน่าจะรู้วิธีท�ำให้เสื้อเปื้อนราสเบอร์รี่ ของผมกลับมาขาวเหมือนเดิม และนีก่ ค็ อื จุดเริม่ ต้นของเรือ่ งราวทัง้ หมด 37
11 ปู่ท�ำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเสมอ ก�ำแพงบ้านของเราอาจจะโยกเยกไม่ มั่นคงก็จริง แต่ไม่มีทางที่จะมองทะลุเข้ามาได้ และปู่ก็ท�ำให้เรามั่นใจ เช่นนั้นได้จริงๆ ปู่เป็นจิ้งจอกขนเงินที่ฉลาดและมีไหวพริบยอดเยี่ยม เขาไม่ยอมก้มหัวให้ใครและภูมิใจในตัวเองมากๆ ปู่บอกผมเสมอว่าเขา ไม่มีสมบัติอะไรเป็นของตัวเองเลย เว้นก็แต่ศักดิ์ศรีในตัวเองซึ่งไม่มีวัน ยอมยกให้กับใคร แม้แต่ศาสนา โบสถ์ หรือเรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ ไม่มีสิ่งไหนหลุดลอดนัยน์ตาสีเทาของปู่ไปได้ ปู่เห็นอะไรต่อมิอะไรมา มากมาย แต่ปริปากพูดเพียงน้อยนิดเท่านั้น ตอนที่เพื่อนบ้านใหม่ของเราย้ายเข้ามา ปู่บอกว่าเขาคงจะเก็บ น�้ำตาลทั้งหมดไว้กินคนเดียวไม่ได้แล้ว “น�้ำตาลเหรอครับ” ผมถาม “ท�ำไมปู่ต้องท�ำแบบนั้น มันมีค่า พอๆ กับทองเลยนะ”
39
ปู่หัวเราะ “ก่อนหน้าสงครามจะเกิด สมัยที่ถนนแต่ละเส้นเต็ม ไปด้วยบ้านสวยๆ ที่ไม่โดนระเบิด ตั้งเรียงรายกันไปจนสุดปลายถนน นั้น เราต่างก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน หากมีใครขาดเหลืออะไร เราจะ แบ่งกัน” ส�ำหรับผม มันเป็นความคิดที่เข้าท่ามากเลยทีเดียว ทว่าตอนนี้ ไม่มีใครเหลืออยู่ในละแวกอันรกร้างนี้รอให้เราเอาของไปแบ่งให้อีกแล้ว ปู่บอกผมว่าครอบครัวลัชเป็นพวกสายลับ แต่ผมรู้ว่านั่นเป็นแค่วิธีพูด ของปู่ แทนที่จะบอกตรงๆ ว่าเขาไม่อยากให้มีใครมาอยู่ในบ้านหลังนั้น ต่างหาก มันเคยเป็นบ้านพ่อกับแม่ของผมก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็น บุคคลที่ไม่มีตัวตน มันท�ำให้การหายตัวไปของพวกเขาดูสมบูรณ์แบบ มากขึ้น ท�ำทุกอย่างให้ถูกต้อง และมันท�ำให้เครื่องหมายค�ำถามหลัง ค�ำว่า “ท�ำไม” ดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและยากที่จะเลี่ยง ตอนที่แม่กับพ่อ ผมหายตัวไปเมื่อปีก่อนนั้น ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่หายตัวไปอย่าง ไม่รู้สาเหตุ ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนที่ดีกับพ่อแม่ผมล้วนถูกก�ำจัด ชื่อ ของพวกเขาถูกลบออกไปจากสารบบ และหลักฐานการมีตัวตนของ พวกเขาถูกเจ้าหน้าที่รัฐปฏิเสธ ตอนนั้นผมคิดว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยหลุม หลุมที่คุณพร้อมจะ ตกลงไปและไม่มีวันโผล่ขึ้นมาอีกเลย ผมบอกไม่ได้ว่าการหายตัวไป กับการตายแตกต่างกันยังไง ส�ำหรับผม ทั้งสองอย่างดูไม่ต่างอะไรกัน เลย มันทั้งคู่ต่างก็ทิ้งหลุมเอาไว้ หลุมที่จะเกิดขึ้นในใจของคุณ ในชีวิต ของคุณ ไม่ยากนักหรอกที่จะนับว่ามีหลุมมากมายสักขนาดไหน คุณ ยังบอกได้เมื่อมีหลุมใหม่เกิดขึ้นมา เมื่อไหร่ก็ตามที่ไฟในบ้านดับ อีก ไม่นานนักมันก็จะโดนระเบิด หรือไม่ก็ถูกรื้อลงมาอย่างแน่นอน 40
ปู่สงสัยมาตลอดว่าพวกหนอนบ่อนไส้ในละแวกบ้านเราจริงๆ แล้ ว อาศั ย อยู ่ ใ นบ้ า นหลั ง ใหญ่ ต รงสุ ด ปลายถนน คนละฟากฝั ่ ง กั บ พระราชวัง มันเป็นบ้านที่สงบปราศจากสิ่งรบกวน ซึ่งมีไว้ให้เฉพาะ พวกแม่ พั น ธุ ์ แ ห่ ง ความบริ สุ ท ธิ์ อย่ า งคุ ณ นายฟี ล เดอร์ และพวก ของเธออยู่เท่านั้น พวกนั้นท�ำงานเกี่ยวกับการเงินให้กับแมลงวันเขียว และพวกชายในชุดหนังสีด�ำ รวมทั้งคอยจับตาดูพฤติกรรมของเพื่อน บ้านในละแวกที่อาศัยอยู่ เพื่อแลกกับนมเด็กและเสื้อผ้า รวมทั้งสิ่ง ของพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งประชาชนที่ไม่ให้ความร่วมมือและก�ำลังจะ หิวตายอย่างเราต้องต่อคิวรอทุกวัน ผมถามปู่ว่าท�ำไมพวกสายลับถึงรู้วิธีก�ำจัดรอยเปื้อนราสเบอร์ รี่ บนเสื้อขาว “พวกมันไม่รู้หรอก” เขาตอบ “แต่พวกผู้หญิงอาจจะรู้” ผมว่ามันฟังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นักหรอกนะครับ แต่ หลังๆ มานี่ดูปู่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ นับตั้งแต่มีอีกครอบครัว ย้ายเข้ามาอยูใ่ กล้ๆ กับเรา ปูด่ หู งุดหงิดโมโหง่ายขึน้ ปูไ่ ม่เคยเป็นแบบนี้ มาก่อน “ชีวิตเราเริ่มจะยุ่งยากขึ้นทุกวันแล้ว” เขากล่าว ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าจิ้งจอกเฒ่าอย่างปู่ของผมเองก็มีเรื่องให้ ตื่นตระหนกได้เหมือนกัน เขาซ่อนหางตัวเองเอาไว้ได้มิดชิดดีจริงๆ
41
12 มันเป็นไอเดียของผมเองครับที่จะเอาดอกไม้และราสเบอร์รี่ที่เก็บมาได้ ไปแบ่งให้กับเพื่อนบ้านใหม่ เผื่อว่ามันจะช่วยเรื่องเสื้อได้บ้าง กว่าผม กับปู่จะตกลงกันได้ เสียงสัญญาณบอกเวลาเคอร์ฟิวก็ดังขึ้นพอดี เรา ได้ยินเสียงรถติดเกราะของพวกแมลงวันเขียวคันหนึ่งก�ำลังออกลาด ตระเวณรอบค�่ำ ดังนั้น ลืมเรื่องเดินตามถนนไปได้เลย และนั่นก็หมาย ความว่าผมเหลือเพียงแค่ทางเดียวที่จะแวะเยี่ยมเพื่อนบ้านใหม่ของ เราได้โดยที่ไม่มีคนเห็น นั่นก็คือไปทางช่องลับใต้ดิน ซึ่งจริงๆ แล้วมัน ไม่ใช่ช่องลับอะไรหรอก แต่เป็นเพียงรูหลายๆ รูที่ต่อเรียงกันจากการ ใช้พลั่วขุดก�ำแพงชั้นใต้ดินของบ้านแต่ละหลัง มันเป็นช่องทางในการ ออกไปหาเสบียง มันเป็นทางที่ดีที่สุดในการออกไปเก็บเศษไม้ฟืนและ ของใช้ต่างๆ จากบ้านร้างโดยไม่มีคนเห็น ผมไม่เคยชอบข้างล่างนี้เลย มันท�ำให้ผมขนลุก ทั้งมืดและเหม็น
43
อับ แถมยังไม่รู้ว่าจะเดินชนเข้ากับอะไรบ้าง เราเดินขึ้นไปตามบันไดจนถึงประตูชั้นใต้ดินของบ้านที่เคยเป็น ของพ่อกับแม่ผมมาก่อน ผมแทบจะรู้ทันทีว่ามีอะไรหลังประตูบานนั้น โดยไม่จ�ำเป็นต้องเปิดมันออก วอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีแดงที่มีภาพ ตะกร้าผลไม้นูนขึ้นมา ระแนงไม้สีแดงที่เรียงกันอยู่บริเวณด้านล่างของ ห้องครัว ที่มันเป็นสีแดงก็เพราะว่าถูกสีที่วางอยู่หลังรถหกใส่นั่นเอง ปู่ จัดการต่อไฟเข้ามาจากสถานีต�ำรวจเก่าหลังจากที่มันโดนทิ้งระเบิดใส่ นี่คือทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับบ้านหลังที่ผมเกิด แม้ว่ามันจะเป็นบ้านของ ผมเองก็ตาม แต่เราก็ยังมีมารยาทพอที่จะเคาะประตู
44
13 เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่ประตูจะถูกแง้มเปิดออกเล็กน้อย “ครับ คุณต้องการอะไร” เสียงชายคนหนึ่งกล่าว เขาพูดภาษาท้องถิ่นของเราได้ดีทีเดียว แม้จะมีส�ำเนียงแปร่งๆ ปนมาบ้างเล็กน้อย แต่คุณก็พอฟังออกว่ามันไม่ใช่ภาษาที่เขาถนัดมาก นัก ดูจากท่าทางแล้วบอกได้เลยว่าเขานี่แหละคนจากมาเธอร์แลนด์ ตัวจริงเสียงจริง ผมจะบอกคุณไว้นะว่าคุณไม่คอ่ ยจะได้พบพวกพลเรือน อย่างพวกเขามากนักหรอกในโซนเจ็ด ส�ำหรับผม มันน่าตกใจมากที เดียว มันท�ำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่าบางทีเรื่องสายลับที่ปู่พูดถึงอยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เขาผอมบางราวกับไม้แขวนเสื้อ และน่าตกใจที่เส้นผมกลาย เป็นสีเทาทั่วทั้งศีรษะ คิ้วสีเทาดกหนาท�ำหน้าที่เป็นตัวกลางกั้นไม่ให้ หน้าผากที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นถล่มลงมาใส่อวัยวะส่วนอื่นบน
45
ใบหน้าเพราะต้องแบกรับความวิตกกังวล “เราไม่มีอาหาร เราไม่มีของ มีค่า” เขากล่าว เสียงของเขาสั่นเครือ “เราไม่มีอะไรจะให้พวกคุณ ไม่มี เลยสักอย่าง” ทีแรกผมนึกว่าปู่จะแสดงท่าทีแข็งกร้าว เมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนของ มาเธอร์แลนด์ แต่เขากลับพูดเสียงนุ่ม “ผมแฮร์รี่ เทรดเวล เป็นเพื่อนบ้านของคุณครับ และนี่คือหลาน ของผม สแตนดิช เทรดเวล” เขากล่าว พร้อมยื่นมือออกไปเพื่อแสดง การทักทาย ชายผู้นั้นค่อยๆ เปิดประตูออก ที่โต๊ะตัวนั้น เหมือนกับที่แม่เคยนั่ง มีผู้หญิงหน้าตาสวย รูปร่าง ผอมบางคนหนึ่งนั่งอยู่ และตรงกันข้ามกับเธอ บนเก้าอี้ตัวที่ผมเคยนั่ง มีเด็กผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมนั่งอยู่ หน้าตาดี หลังยืดตรง ผม บลอนด์เข้ม และนัยน์ตาสีเขียว “ผมแค่คิดว่า” ปู่พูด “จะแวะมาดูว่าพวกคุณอยู่สบายดีมั้ยน่ะ ครับ” ผมยื่นช่อดอกไม้และชามใส่ลูกราสเบอร์รี่ให้กับผู้หญิงคนนั้น เธอรับช่อดอกไม้และเอาหน้าเธอฝังลงไปท่ามกลางดอกไม้ทบี่ านสะพรัง่ พวกนั้น เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง ผมเห็นเกสรดอกไม้สี ทองติดอยู่บนจมูกของเธอ พร้อมกับหยดน�้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม เธอ รับชามใส่ลูกราสเบอร์รี่ไปด้วยมือสั่นสะท้าน ผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเด็กผู้ชายคนนั้นก�ำลังจ้องมาที่ผม และ ผมเองก็อยากจะมองเขากลับไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ท�ำ ไม่ใช่ตอนนั้น ผมรู้สึกได้ว่าแก้มของผมเป็นสีแดงและรู้สึกอึดอัด เพราะคาดเดาสถาน 46
การณ์ตรงหน้าผมไม่ได้ ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ผมหันไปมองหน้าเขา พลางคิดว่าเขาคงมองว่าผมเป็นตัวประหลาดที่มีปมด้อยน่ารังเกียจ เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นของผม ตาของนายประหลาดจัง ท�ำไมนายสะกดค�ำศัพท์เพี้ยนอย่างนี้ล่ะ? ใบหน้าของเขาดูจริงจัง เขาลุกขึ้นยืน เขาตัวสูงกว่าผมเล็กน้อย และเขาดูไม่ตื่นตระหนกเหมือนกับผู้ชายและผู้หญิงสองคนนั้น เขาเดิน ตรงมาหาผมด้วยท่าทางมั่นใจ “ขอบใจมาก” เขากล่าว “ฉันชื่อเฮคเตอร์ ลัช สองคนนี้คือพ่อ แม่ของฉัน” ผมรู้จักเขา แต่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้วผมไม่รู้จักเขาหรอก ผมไม่เคยเจอเขามา ก่อนด้วยซ�้ำ ปูย่ งั ยืนนิง่ อยูท่ หี่ น้าประตู เขาเพียงแค่ยนื มองอยูเ่ ฉยๆ จดจ�ำทุก อย่างที่เห็น และจู่ๆ ก็หันหลังเดินย้อนกลับไปตามทางที่เดินขึ้นมา เขา เรียกผมให้ตามลงไปตอนที่เขาเดินถึงบันไดขั้นล่างสุดแล้ว
47