หญิงเสาและเรื่องราวอื่น

Page 1


หญิงเสาและเรื่องราวอื่น กล้า สมุทวณิช

กรุงเทพมหานคร  ส�ำนักพิมพ์มติชน  ๒๕๕๖


สารบัญ เสมือน...ค�ำน�ำ ค�ำน�ำผู้เขียน

๖ ๘

ใบหน้าของผีไร้หน้า เด็กสาวกับชุดนักเรียน พระราชาแห่งฝรั่งเศส ข้อความต่างเล่า ระยะห่างของภาพเสมือน การรุกรานในตอนบ่ายสองโมง หญิงเสา พิซซ่า ดอปเปลแกงเกอร์ ร่มไทร ตู้นอนชั้นหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม งานศพ

๑๓ ๒๘ ๔๖ ๕๘ ๖๙ ๗๕ ๙๓ ๑๐๔ ๑๑๙ ๑๓๐ ๑๓๗ ๑๖๕ ๑๘๖

ประวัติผู้เขียน

๑๙๙


เสมือน...ค�ำน�ำ

ไม่ ว ่ า เข็ ม วิ น าที แ ห่ ง กาลเวลาจะหมุ น วนไปกี่ ร อบ  เหตุ การณ์ต่างๆ จะเดินย�่ำซ�้ำรอยประวัติศาสตร์มาสักกี่ครั้ง  มีอีก  สิ่งหนึ่งที่ว่าด้วย “วรรณกรรม” อันเป็น “สัจธรรม” เสมอ นั่นคือ  หน้าที่ของวรรณกรรมที่เป็นเสมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อน  เงาของสังคม เพราะหลังปากกาที่สร้างงานเขียนคือนักเขียน  และ  เบื้องหลังของนักเขียนก็คือสังคม... ในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมา สังคมไทยตกอยู่ในห้วง  ของความขัดแย้งระหว่างความคิด ความเชื่อ อุดมการณ์  และ  ความศรัทธา  ผู้คนมากมายเกาะกุมความจริงตามข้อมูลข่าว  สารที่ ตั ว เองรั บ รู ้    ความขั ด แย้ ง ลุ ก ลามลงลึ ก ไปจนถึ ง ความ  สัมพันธ์ระหว่างบุคคล เพื่อนฝูง ครอบครัว  6  กล้า สมุทวณิช


“กล้า สมุทวณิช” คือนักเขียนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่  เฝ้าจับตาปรากฏการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ  เรื่องราวที่ปรากฏใน  เรื่องเล่าผ่านมุมมองของแต่ละตัวละครที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลาง  ความรู้สึกอันแหว่งวิ่น สะกิดหัวใจให้หวนย้อนกลับไปคิดถึง  มายาคติที่ผู้คนในสังคมยึดมั่นถือมั่นตามใจตน  เมื่อประกอบ  กับสีสันของความคลุมเครือ สัญญะซับซ้อนแห่งการตีความใน  ระหว่างบรรทัด ซึ่งกล้าค่อยๆ บรรจงเรียงร้อยผ่านสุ้มเสียงแห่ง  ภาษาที่มีจังหวะหลากหลาย ทั้งยั่วล้อ ขันขื่น ไร้เดียงสา หรือ  แม้กระทั่งฉ�่ำชื้นนั้น ได้สร้างเสน่ห์แพรวพรายให้กับ “หญิงเสา  และเรื่องราวอื่น” อย่างมีพลัง ราวกับเปลวไฟที่ก�ำลังไหวระริก ระหว่างที่สังคมภายนอกยังคงยุ่งเหยิงวุ่นวายไร้ทางออก  เชิญจับมือกับ “กล้า สมุทวณิช” แล้วเดินทางไปด้วยกัน เดิ น ทางเพื่ อ ส� ำ รวจโลกทั้ ง ภายในและภายนอกผ่ า น  กระจกบานใสอีกบาน กระจกของ “หญิงเสาและเรื่องราวอื่น”  ส�ำนักพิมพ์มติชน

หญิงเสาและเรื่องราวอื่น  7


ค�ำน�ำผู้เขียน

งานเขี ย นส่ ว นใหญ่ ใ นหนั ง สื อ รวมเรื่ อ งสั้ น เล่ ม นี้   เขี ย น และตีพิมพ์ในช่วงปี  ๒๕๕๓-๒๕๕๔ หลังจากการสังหารหมู ่ เมษา-พฤษภา ๒๕๕๖  บางเรื่องเขียนในช่วงท้ายๆ ที่ใช้ชีวิต  อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยภารกิจการศึกษา  เรื่ อ งสั้ น เหล่ า นี้ ถู ก ผลิ ต ขึ้ น ในสิ่ ง แวดล้ อ มที่ สั ง คมไทย  ก�ำลังอยู่ในช่วงแห่งความขัดแย้ง  นอกจากปัญหาทางการเมือง  เรื้อรังเกือบทศวรรษแล้ว ช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงที่สังคม  ไทยเรานั้นตกอยู่ในภาวะที่ได้เห็นภาพที่ไม่เคยเห็น ให้เราได้รู ้ ว่าเรามีความแตกต่างกันทางความคิด ความเชื่อ รสนิยม มุม  มอง อุดมการณ์กันเพียงไร  ภาพและค�ำบรรยายที่เราหรือใคร  อาจจะเคยนิยามคนไทยและสังคมไทยไว้ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น  อย่างนี ้ กลายเป็นทฤษฎีพน้ สมัยทีโ่ ยนทิง้ ไปได้ทนั ทีในช่วงเวลา  8  กล้า สมุทวณิช


แห่งความขัดแย้ง  หลายเรื่องที่ปรากฏในเล่มนี้  พยายามจะบันทึกความ  เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไว้ด้วยวิธีการเล่าผ่านเรื่องสั้นต่างๆ กัน  สิบสามเรื่อง   หญิงสาว ที่กลายร่างออกมาจากเสาในต�ำนานของศูนย์  ราชการแห่งรัฐ อาจจะเป็นคนเดียวกันกับเจ้าของชุดนักเรียน ลึกลับที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อเด็กหนุ่มได้อ่านเรื่องราวอันปลุกใจให้  ตื่นเต้นฉีดแรง หรือสาวน้อยไร้เดียงสาในกระจก ก่อนที่จะถูก  แมงมุมอัปลักษณ์กลืนกินไปทั้งตัวและหัวใจ เทียบได้หรือไม่  กับการถูกล่วงละเมิดในร้านกาแฟที่แสนน่ารักของคนชั้นกลาง  ช่างฝัน ในวันที่  “คนพวกนั้น” บุกเข้ามาใกล้ที่มั่นในตอนบ่าย  สองโมง สนทนากับพระราชาองค์ปัจจุบันแห่งประเทศฝรั่งเศส  บนพระราชวังบนห้องชุด โดยสารไปกับรถไฟตู้นอนชั้นหนึ่ง ที่ พ าหญิ ง สาวล่องไปในฝัน อันน่า จดจ�ำเรื่องเดียวของบิดาผู ้ เสมือนไร้ความสามารถ แอบอ่านข้อความต่างเล่าในจิตส�ำนึก ของหนุ่มน้อยกับสาวใหญ่ ในวันที่อากาศร้อนจัด รับรู้ชะตา  กรรมของคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม  ร่วมงานศพที่พากลับไปสู่ที่มาอันลืมเลือน ร่วมรักกับร่างแยก ของตนเองเพื่อให้เหลือหนึ่งเดียว  และอีกหลายเรื่องที่บอกเล่า  ถึงความเว้าแหว่ง ขาดหายอันเป็นปกติของผู้คนทั้งหลายใน  ยุคสมัยอันเปลี่ยนแปลงนี้  หญิงเสาและเรื่องราวอื่น  9


ขอขอบคุณบรรณาธิการผู้น่ารัก คุณสิรนันท์  ห่อหุ้ม ผู้  อดทนรอต้นฉบับและให้ก�ำลังใจเสมอมา คุณกิตติวรรณ เทิง-  วิเศษ ผู้ให้โอกาสในการจัดพิมพ์รวมเรื่องสั้นทั้งหลายนี้เป็นเล่ม  คุณสอง แสงรัสมี  ที่ประสานงานเกี่ยวกับต้นฉบับและการจัด  การอื่นๆ ให้ราบรื่น รวมทั้งรางวัลเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด ที่มา  ในเวลาที่เหมาะ เป็นก�ำลังใจให้ยังไม่ถอดใจวางทิ้งเส้นทางนี้  โดยเร็วนัก และเหนืออื่นใด คือผู้อ่านทุกท่านที่สนใจท�ำความรู้จัก  กับเรื่องราวทั้งสิบสามนี้ไปพร้อมๆ กัน ขอให้รับความขอบคุณเป็นอย่างสูงจากผู้เขียน

10  กล้า สมุทวณิช

กล้า  สมุทวณิช



ใบหน้า ของผี ไร้หน้า

ควรจะมี เ พี ย งข้ า พเจ้ า เท่ า นั้ น ในราตรี แ ละทางเดิ น ยาว เหยียดนี้  ราวกับว่าข้าพเจ้าได้ยินเสียงฝีเท้ามากมาย ปะปน  กับเสียงพึมพ�ำคล้ายเสียงกระซิบของแมลง  มันปะปนอยู่ใน  อากาศ อาจล่องลอยอยู่ในจินตนาการ หรือเป็นเสียงจริงๆ กัน  หนอ หรือ “มัน” จะตามมา ข้าพเจ้าไม่กล้าหันกลับไปดูข้างหลัง  ท�ำไมต้องเป็นข้าพเจ้าด้วยที่ต้องเจอ เพราะไปลบหลู่อะไรเข้า  หรือ?  หรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองนั่นเอง  เช่นนี้  ขาทั้งสองของข้าพเจ้าจึงซอยวิ่งไปโดยปฏิกิริยา  ที่สมองไม่ต้องสั่ง ผ่านเส้นทางวกเวียนเลี้ยวลดบนระเบียงปู  กระเบื้องเก่าแก่ของโรงพยาบาลอายุเกือบร้อยปี   ไฟตามทาง  เดินนั้นสลัววังเวง เนื่องจากมันถูกเปิดเท่าที่จ�ำเป็นพอให้เห็น  ทาง  ข้าพเจ้าวิ่งไปเรื่อยๆ ตามสัญชาตญาณหนีภัยที่คอยหา  ใบหน้าของผีไร้หน้า  13


ที่ที่ซึ่งจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น  ส�ำหรับข้าพเจ้าในตอนนี้คือ  ที่ไหนก็ได้ที่สว่าง ที่ไหนก็ได้ที่มีคน และอันที่จริงข้าพเจ้าก�ำลังวิ่งหนีอะไรอยู่   มันคืออะไร  กันแน่ โน่นแหนะข้างหน้า, มีแสงสว่าง อย่างน้อยก็สว่างกว่า  ตรงนี้   ข้าพเจ้ามุ่งตรงเข้าหาแสงไฟตามสัญชาตญาณ ราวกับ  เป็นแมลงกลางคืน... ชาวกรุงก�ำลังตื่นเต้นหวาดหวั่นกับการหลอกหลอน ของผีไร้หน้า... มีรายงานการค้นพบผีไร้หน้าในหลายท้องที่  ไม่ว่าจะ  ย่านธุรกิจหรือชานเมือง ห้างสรรพสินค้าหรูหราย่านราชประ-  สงค์  ไปยันซูเปอร์มาร์เก็ตโลตัสเอ็กซ์เพรสที่เคหะบางบัว เซเลบสาวนางหนึ่งเขียนเล่าประสบการณ์ขวัญแขวนบน  เฟซบุ๊กของตัวเองว่า ขณะที่ดูภาพยนตร์รอบดึกในโรงภาพ  ยนตร์ของห้างสรรพสินค้าย่านสยามสแควร์  อาจเป็นเพราะว่า  เธอดื่มน�้ำอัดลมมากเกินไป ท�ำให้ต้องลุกออกมาเข้าห้องน�้ำ  ในขณะที่ภาพยนตร์ด�ำเนินไปถึงกลางเรื่อง ห้องน�้ำนั้นซ่อนตัวอยู่ในมุมลึกเข้าไปด้านหลังโรงหนัง  ทั้งหลาย  แสงไฟพอสลัวน�ำทางเธอมาจนถึงหน้าห้องน�้ำที่ยัง  มีป้าย “ก�ำลังท�ำความสะอาด” สีเหลืองตั้งวางขวางอยู่   เธอ  หงุดหงิดขึ้นมาฉับพลันทันที  แต่ก็คิดว่าไม่มีห้องน�้ำไหนใกล้  14  กล้า สมุทวณิช


กว่านี้อีกแล้วจึงต้องรอ  ความอดทนของเจ้าหล่อนหมดลงภาย  ในเวลาสองนาที เธอร้องถามคนที่อยู่ข้างใน–ขอเข้าก่อนได้ไหม เนี่ย...ป้า หญิงในเครื่องแบบพนักงานท�ำความสะอาดคนหนึ่งเดิน  สวนออกมา ค้อมกายกล่าวขอโทษด้วยเสียงเบาเท่าแมลง–เชิญ ค่ะ หญิงท�ำความสะอาดผู้นั้นกล่าว เซเลบสาวจิกตาหมายมองหน้าหญิงท�ำความสะอาดเพื่อ  ยิงสายตาไม่พอใจที่ท�ำให้เธอเสียเวลาปลดทุกข์และดูหนัง ก่อน  ที่เธอเองจะต้องหวีดร้องขึ้นอย่างสุดเสียง เมื่อเห็นว่าใบหน้า หยาบกร้านของหญิงท�ำความสะอาดคนนั้นไร้ซึ่งลูกนัยน์ตา  ปาก จมูก  เห็นเป็นเพียงหนังก�ำพร้าเกลี้ยงๆ เท่านั้น ราวกับ  ใครตัดหัวของนางออก แล้วน�ำลูกโป่งสีเนื้อด�ำคล�้ำครอบด้วย  วิกผมยาวมาต่อไว้แทน  เหมือนหล่อนจะพูดอะไรอีกสองสาม  ค�ำเบาๆ ในล�ำคอ แต่หญิงสาวหาฟังไม่ เธอไม่ต้องเข้าห้องน�้ำที่รอคอยแล้ว, เพราะเป็นกางเกง  ชั้นในลูกไม้วิกตอเรียซีเคร็ทที่ได้รองรับทุกข์เบาอันเปียกแฉะ  นั้น (ย่อหน้านี้เธอไม่ได้เล่าไว้ในเฟซบุ๊ก) และที่อุกอาจกล่าวขวัญยิ่ง มีผู้พบเห็นเป็นพยานนับสิบ  เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มบุคคลลึกลับ  ก�ำลังไปห้อมล้อมท�ำพิธีอะไรบางอย่างที่ป้ายถนน  เจ้าหน้าที่  ต�ำรวจและทหารเต็มรถยีเอ็มซีหนึ่งคันรีบรุดกันไปยังจุดรับแจ้ง  พบกลุ่มคนราวๆ สิบกว่าคน ยืนบ้างนั่งบ้างล้อมป้ายบอกชื่อ  ใบหน้าของผีไร้หน้า  15


สี่แยก พร้อมกับจุดเทียนวอมแวมประดับใต้ป้ายนั้น  เจ้าหน้าที่  กรูกันลงจากรถเพื่อตรวจสอบ  แต่แล้วเมื่อคนกลุ่มนั้นเงยหน้า  ขึ้นมา กลับท�ำให้เจ้าหน้าที่อาวุธครบมือหน่วยนั้นแหกปากร้อง  ลั่น ก่อนแตกกระจายหายไปแบบไร้สติคนละทิศละทาง  ก็คน  สิบกว่าคนนั้นไม่มีใครมีปากแม้แต่ปากเดียว ไม่มีลูกตาแม้สักคู ่ และไม่มีจมูกที่จะหายใจ–อันหลังนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แน่นอน  ว่าพวกเขาคงมิใช่สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ผู้จ�ำเป็นต้องพึ่งพา  อากาศมาขับเคลื่อนชีวิตเช่นเรา เรื่ อ งเล็ ก ๆ น้ อ ยๆ ที่ เ ล่ า ลื อ กั น ปากต่ อ ปาก จอต่ อ จอ  แบล็กเบอร์รี่ต่อไอโฟนยังมีอีกมาก  ทั้งนักศึกษาสาวที่โดยสาร  มอเตอร์ไซค์วินซึ่งขับขี่โดยผีไร้หน้า ยามกะดึกไร้หน้าที่  พนัก  งานคนสุดท้ายซึ่งท�ำโอทีเสร็จลงจากตึกได้เห็น หรือแม้กระทั่ง  ผีไร้หน้าอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้นั่งท�ำงานคนเดียวในมุมมืดของ  ห้องสมุด ในฐานะที่เป็นผู้สื่อข่าวพลเมือง ข้าพเจ้าจึงต้องค้นคว้า  หาข่าวนี้  เริ่มจากการขอความเห็นจาก ดร.ยินดี  ทับธานี  นัก  วิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านภูติผีปีศาจหนึ่งเดียวในประเทศไทย  เจ้าของทฤษฎีสนธิสัญญาเฮลซิงกิที่ฮือฮาเมื่อหลายปีที่แล้ว “ผีไร้หน้าที่ก�ำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้  เชื่อว่ามาจาก  ต� ำ นานปี ศ าจญี่ ปุ ่ น ที่ แ ต่ ง โดยโคอิ ซู มิ   ยาคุ โ ม เรื่ อ ง “มุ จิ น ะ”  ปีศาจไร้หน้าแห่งเนินคิคุนิซากะ ย่านอาซากุสะในสมัยเอโดะ  ผีที่มีแต่หน้าโล้นๆ ไม่มีตาไม่มีปากไม่มีจมูก โผล่ออกมาหลอก  16  กล้า สมุทวณิช


หลอนคนเดินทาง–เรื่องเล่าคลาสสิกของผีไร้หน้า คุณเคยฟัง  ไหม  ชายคนหนึ่งเดินมาในตอนดึกสงัด เขาได้ยินเสียงผู้หญิง  คนหนึ่งก�ำลังร้องไห้อยู่ที่สะพาน จึงกรากเข้าไปหมายจะปลอบ  ใจไต่ถาม หากพบว่าหญิงสาวคนนั้นมีใบหน้าที่ขาวนวล ปราศ-  จากเครื่องหน้า ตา หู  จมูก ปากใดๆ  เขาร้องลั่นวิ่งหนีไปจาก  ที่นั่น กระเซอะกระเซิงไปจนมาพบกับรถเข็นขายราเม็ง จึงรีบ  ละล�่ำละลักเล่าเรื่องปีศาจที่เจอให้คนขายราเม็งฟัง ก่อนชายที่  เพิ่งพบเจอคนนั้นจะหันมาถามว่า–ผีที่คุณเห็นน่ะหน้าตาเป็น แบบนี้ใช่ไหมครับ–ใช่! ชายขายราเม็งคนนั้นก็เป็นผีไร้หน้า  เหมือนกัน–เรื่องก็จบเท่านี้”   “ผีพวกนี้ไม่ใช่ผีพื้นเมืองของไทย ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า  ท�ำไมจึงมีการพบผีไร้หน้าได้ในบ้านเราช่วงนี้   อาจารย์คิดว่า  ผีไร้หน้าพวกนี้เป็นผีที่เดินทางจากญี่ปุ่นมาหลอกหลอนคนไทย  หรื อ เป็ น ผี ไ ทยที่ ป รั บ ปรุ ง วิ ธี ก ารหลอกมาจากผี ญี่ ปุ ่ น ครั บ ?”  ข้ า พเจ้ า ยิ ง ค� ำ ถาม “ผมเชื่อว่าเป็นอย่างหลัง–อย่าว่าแต่ผีเลยคุณ คนไทย  เราทุกวันนี้วัฒนธรรมญี่ปุ่นผสมเข้ามาในวัฒนธรรมไทยร่วม  สมัยเราอย่างชัดเจน  เดี๋ยวนี้ตลาดนัดทุกแห่งมีซูชิชิ้นละสิบ  บาทขาย  เราเริ่มมีเด็กที่มีพฤติกรรมแบบโอตาคุ   ในโลกของ  ผีเองก็เช่นกัน ก็เป็นไปได้ที่ผีไทยจะเลียนแบบวิธีการหลอก  หลอนมาจากผีญี่ปุ่น” ดร.ชื่อดังให้ความเห็น  “แต่อย่างไรก็ตาม  ธรรมชาติของผีไทยนั้นจะเกิดจากวิญญาณที่จากโลกไปทั้งที่ยัง  ใบหน้าของผีไร้หน้า  17


มีความคับแค้นในอะไรบางอย่าง จิตจึงไม่ไปสู่ภพภูมิใด หาก  ยังกลับวนเวียนอยู่ในภพร่วมภูมิเดียวกับพวกเรา หรืออาจจะ  เกิดจากวิญญาณที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว–มันน่าสงสัยว่า  การที่มีคนพบเห็นผีไร้หน้าจ�ำนวนมากในช่วงเวลาเดือนสอง  เดือนนี้  มันเกิดจากอะไร?  ดวงวิญญาณเหล่านั้นมาจากไหน?  นี่คือสิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ” “หรือว่าจะเป็นคนที่ตายไปจากเหตุการณ์นั้น?” ข้าพเจ้า ลองตั้งสมมุติฐาน “ใครตาย?  ที่ไหนหรือ?...” ท่านท�ำหน้าฉงน  “แต่อย่าง  ไรก็ตาม ผมเชื่อว่ามันมีความเชื่อมโยงกับสนธิสัญญาเฮลซิงกิ  ที่รัฐบาลแอบไปรับรองอย่างลับๆ ที่ท�ำให้เหล่าผีไร้หน้าและ  ปีศาจอื่นๆ ออกมาอาละวาดโดยไม่ย�ำเกรงกันได้ถึงขนาดนี้...” หลังจากสัมภาษณ์  ดร.ยินดีซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อใกล้เวลา  หนึ่งทุ่ม ข้าพเจ้ามีนัดต่อกับเพื่อนสมัยมัธยมฯ คนหนึ่ง  เรา  ไม่ได้พบกันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราสนิทกัน  มาก จนกระทั่งข้าพเจ้าได้ย้ายโรงเรียนไปเรียนในชั้นมัธยมฯ  ปลาย เราจึงห่างหายจากกัน  วันหนึ่งเขาได้อ่านข่าวจากเว็บ-  ไซต์ที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบแล้วจ�ำชื่อนามสกุลได้  จึงติดต่อ  ผ่านมาทางช่องแสดงความคิดเห็นของเว็บข่าวนั้น  เราได้นัด  กั น ที่ ร ้ า นอาหารกึ่ ง ผั บ แห่ ง หนึ่ ง บนถนนพระรามสี่   ดื่ ม เบี ย ร์  พลางพูดคุยแลกเปลี่ยนถมแทนวันเวลาที่ห่างหาย  ข้าพเจ้า  ทราบว่าเขาเพิ่งเปิดร้านขายหนังสือและการ์ตูนมือสองเล็กๆ  ย่านสะพานควาย กิจการเริ่มไปได้ดีอย่างน่าพอใจ  เราดื่มกิน  18  กล้า สมุทวณิช


กันจนเลยเวลาเที่ยงคืนไปจนถึงเกือบตีสองจึงบอกลาแยกย้าย  กัน  เขาขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ในขณะที่ข้าพเจ้าเดินย้อนกลับมา  ทางแยกอังรีดูนังต์ ด้วยยังรู้สึกไม่อิ่มท้อง  แม้จะเป็นย่านกลางเมือง แต่ในเวลาเช่นนี้ก็ยังมืดและ  เปลี่ยว มีเพียงเสียงรถที่แล่นไปมาบนถนนด้วยความเร็วสูงเป็น  ระยะๆ เท่านั้นที่เป็นเพื่อนร่วมทาง  ในตอนนั้นข้าพเจ้าเผลอ  คิดไปถึงเรื่องของผีไร้หน้าที่ก�ำลังเรียบเรียงสืบหาข้อมูลอยู่  ก็  พลันรู้สึกเย็นวาบจากต้นคอลงมาถึงกลางหลัง ด้วยนึกได้ว่า  ย่านนี้ก็เป็นอีกจุดที่มีรายงานการพบเจอผีไร้หน้า  ข้าพเจ้า  เกือบล้มเลิกความตั้งใจที่จะหาอาหารกินในยามวิกาลแล้ว ทว่า  แสงไฟฟลูออเรสเซนต์จากรถเข็นขายบะหมี่เกี๊ยวนั้นเองที่ดึง  ดูดให้ข้าพเจ้าสาวเท้าเข้าไปหาที่มาราวกับเป็นแมลงกลางคืน  ที่โหยแสงสว่าง  ไม่มีลูกค้าเลยในยามนั้น ข้าพเจ้าสั่งบะหมี ่ เกี๊ยวน�้ำหมูแดงปู   ไม่ช้าอาหารที่สั่งก็น�ำมาวางตรงหน้า  ข้าพ  เจ้าตักคีบบะหมี่เกี๊ยวในชามนั้นกินอย่างหิวโหย  ความอุ่นของ  น�้ำซุปช่วยไล่ความมึนงงคงค้างของแอลกอฮอล์ที่ยังตกหลง  ในกระแสเลือดออกไปได้บ้าง “ท�ำงานกะดึกหรือครับ” เจ้าของรถเข็นหมี่เกี๊ยวนั้นถาม  น�้ำเสียงของเขาบ่งบอกวัยประมาณสี่สิบตอนปลาย  เสียงนั้น  เรียกให้ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองเขาเป็นครั้งแรก เพื่อที่จะได้  เห็นว่า... ใบหน้าของผีไร้หน้า  19


ใบหน้าของชายคนนั้น, เรียกเช่นนั้นได้หรือไม่?  ในเมื่อ  มันไม่มีสิ่งอันเรียกได้ว่า “เครื่องหน้า” เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ม ี ทั้งตา จมูก หรือปาก  มันเหมือนกับก้อนหนังกลมสีออกขาว  ซีดเรียบมันวาวเหมือนไข่ปอกเปลือกหรือศีรษะคนหัวล้าน แล  เห็นปอยผมด�ำอมเทาเล็กน้อยบริเวณท้ายทอยหลังใบหู ผีไร้หน้า!!!  ก่อนที่ข้าพเจ้าจะทันได้พิจารณาอะไรนาน  กว่านั้น ขาก็พาตัววิ่งเข้าประตูที่ใกล้ที่สุดของโรงพยาบาล วิ่ง  ผ่านหมู่ตึก ลัดเลาะเข้ามาตามทางเดินยาวเหยียด เพียงเพื่อ  หวังหาที่อันมีแสงสว่าง แม้เป็นเพียงไฟทางเดินสลัวรางริบหรี่  ก็ตาม  ข้างหน้านั่นมีแสงไฟสว่างจากหลอดตะเกียบสีขาวซีด  อมเขียว แต่ก็เป็นมุมสว่างที่สุดที่อยู่ตรงระเบียงบันไดเวียน  ข้าพเจ้าหยุดที่ตรงนั้น หายใจหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อน  ทรุดตัวลงนั่งบนขั้นบันได เสียงครืนครางของโลหะประตูลิฟต์ที่อยู่ข้างบันไดนั้น  ส่งเสียงบอกว่ามันก�ำลังเปิดขึ้น  หญิงสาวในชุดพยาบาลสีฟ้า  นางหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์นั้น เธอจับแขนข้าพเจ้า–เป็นอะไร หรือเปล่าคะคุณ หล่อนถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ช่วยด้วยครับ” ข้าพเจ้าละล�่ำละลัก  “ผม ผม เจอผี–ผี  ไร้หน้า!” ข้าพเจ้าหยุดหายใจก่อนเล่าเรื่องต่อ “ผมเจอมันขายหมี่เกี๊ยวอยู่ตรงประตูอังรีดูนังต์อย่างที่  คนเขาเล่ากันไม่ผิด  มันไม่มีตา ไม่มีปาก ไม่มีจมูก หน้าตา  เป็นหนังขาวๆ ซีดๆ เหมือนไข่ปอก แล้วมีผมบนหัวนิดหน่อย  โอย...เห็นแค่นั้นผมก็วิ่งเลย” 20  กล้า สมุทวณิช


“อ้อ” พยาบาลสาวคนนั้นอุทาน  “หน้าตาแบบนี้ละสิคะ?” ข้าพเจ้าช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของหญิงสาวที่จับแขน  ของผมอยู่  ใบหน้าของเธอขาวผ่องใส เพราะไร้อวัยวะใดๆ ประกอบ  ใบหน้า  ใบหน้าเรียบเนียน ปกคลุมด้วยแผ่นหนังจรดปลาย  คาง  เสียงเล็กๆ คล้ายแมลงกระซิบดังขึ้นข้างใบหู  ก่อนที่ข้าพ  เจ้าจะตะเบ็งกรีดเสียงจนสุดสิ้นสติ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ข้าพเจ้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้อง  พักพนักงานรักษาความปลอดภัย และได้ทราบว่ามีผู้พบข้าพ  เจ้าหมดสติอยู่ข้างลิฟต์ที่ตึกเก่าตึกหนึ่งของโรงพยาบาล  แต่ด ู แล้วไม่น่าจะเป็นคนไข้  ทั้งไม่ได้มีบาดแผลอะไร คล้ายเป็นคน  เมามาฟุบหลับเท่านั้น จึงถูกน� ำตัวมาไว้ที่ห้องพักนี้เป็นการ  ชั่วคราวก่อน  พนักงานรักษาความปลอดภัยผู้อารีไต่ถามว่า  ข้าพเจ้าเป็นใครมาจากไหน จ�ำบ้านตัวเองได้หรือไม่  กลับเอง  ไหวไหม  เมื่อได้รับค�ำตอบเป็นที่น่าพอใจ เขาก็มาส่งข้าพเจ้า  ที่หน้าโรงพยาบาลฝั่งถนนพระรามสี่ในเวลาใกล้หกโมงเช้า ข้าพเจ้าโบกเรียกแท็กซี่คันหนึ่งให้ไปส่งที่บ้าน นั่งหลับ  ตามาตลอดทางเพื่อทบทวนว่า สิ่งที่ผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมา  นั้นเป็นความจริงหรือความฝัน  หรือถ้าเป็นความจริงกึ่งความ  ฝัน ท่อนไหนกันเล่าที่เป็นท่อนเหตุการณ์จริง ท่อนไหนกันที ่ เป็นความฝัน แท็กซี่มาส่งถึงหน้าบ้าน ข้าพเจ้าจ่ายเงินให้คนขับ มอง  หน้าเขาแวบหนึ่งเมื่อรับเงินทอน–ข้าพเจ้าสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็น  ใบหน้าของผีไร้หน้า  21


ว่าใบหน้าของเขาเรียบเกลี้ยงไร้ตา ปาก จมูก  แต่ก่อนที่สติ  จะกระเจิงกระจาย ภาพใบหน้าของโชเฟอร์ก็กลับมาเป็นปกติ  เขายิ้มให้ข้าพเจ้านิดหนึ่งก่อนออกรถไป เวลากว่าสิบชั่วโมงหลังจากนั้น ข้าพเจ้าใช้ไปกับการ  นอน ร่างกายอุ่นรุม รู้สึกบีบรัดปั่นป่วนภายในกะโหลก หาก  ไม่ปรากฏว่ามีไข้เมื่อวัดด้วยปรอท  ในยามหลับตานั้น สัมป-  ชัญญะของข้าพเจ้าก็ตกหล่นลงสู่ห้วงฝันร้ายที่จับต้นชนปลาย  ไม่ได้  ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงแผดร้องของโทร  ศัพท์มือถือ    ในครั้งแรกข้าพเจ้าเกือบกดปิดเสียงไปด้วยคิดว่าเป็น  เสียงปลุกเตือนของนาฬิกาที่ตัวเองตั้งไว้   หากเมื่อเหลือบมอง  หน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นสัญญาณเรียกเข้าจากเพื่อนคนที่  เพิ่งแยกกันเมื่อคืนเป็นผู้โทรศัพท์มาจึงได้กดรับ  ทว่าเสียงที ่ อยู่ในสายกลายเป็นเสียงผู้หญิงในบรรยากาศอันอึงอล  เธอ  ถามชื่อเพื่อยืนยันว่าใช่ข้าพเจ้าตามชื่อดังนี้แน่แล้ว  เสียงปลาย  สายจึงแนะน�ำตัวว่าเป็นภรรยาเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นั้น  จากนั้นเธอก็ละล�่ำละลักบอกเล่าธุระ “พอดีพี่เขาบอกว่าคุณรู้เรื่องกฎหมาย  เราไม่รู้จักใคร  อีกแล้ว คุณช่วยมาหาเราหน่อยได้ไหมคะ” หญิงคนนั้นขอร้อง  ด้วยน�้ำเสียงตระหนกปนอ่อนล้า  เมื่อข้าพเจ้าตอบรับ เธอจึง  บอกสถานที่ที่จะให้ไปพบเธอและสามี–ข้าพเจ้าเหลือบตาดู  นาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง ขณะนี้เป็นเวลาเกือบยี่สิบ  นาฬิกาแล้ว  ข้าพเจ้าอาบน�้ำแต่งตัวลวกๆ เพื่อขับไล่ความ  22  กล้า สมุทวณิช


มึนงง ก่อนเดินทางไปยังสถานที่นัดหมายตามที่ได้รับแจ้ง  ที่  นั่นคือสถานีต�ำรวจแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากร้านขายหนังสือ  การ์ตูนของเขา “เมื่อตอนบ่ายนี้เอง อยู่ดีๆ พวกเขาก็เข้ามา” เธอเริ่ม  เล่าเรื่อง  “มีต�ำรวจ มีทนายความ มีจดหมาย บอกว่าพี่เขาขาย  สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์” “แล้วเขาว่าไงถึงว่าเราละเมิดลิขสิทธิ์ล่ะครับ” “ก็การ์ตูนเก่าเล่มหนึ่งมันเป็นการ์ตูนเก่าสมัยที่ยังไม่ม ี ลิขสิทธิ์น่ะค่ะ ปนอยู่กับกองการ์ตูนที่ไม่ได้จัดชุด” “แล้วตอนนี้ท�ำเรื่องประกันตัวออกมาได้หรือยัง?” “ยังค่ะ ดิฉันก็หาทรัพย์สินหลักประกันมาแล้ว แต่เจ้า  หน้าที่เขาก็บอกว่า แน่ใจเหรอว่าจะสู้คดี  แพ้มาทีเสียประวัตินะ  นี่สองทุ่มกว่าแล้ว เขายังไม่ปล่อยพี่ออกมาเลย”  “แล้วเขาจะเอายังไง?” “เขาบอกว่าถ้าจ่ายแสนหนึ่งก็ยอมความกันได้  เอาไหม  พวกเราตัดสินใจไม่ได้  ไม่มีใครรู้กฎหมายเลย พี่เลยขอให้โทร.  เรียกคุณมาน่ะค่ะ” เธอใช้กระดาษทิชชู่เช็ดน�้ำตา แต่แล้วข้าพเจ้าก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อมือของหญิง  สาวลดกระดาษทิชชู่ลง  ดวงตาของเธอหายไป!  น�้ำตานั้นไหล  ออกมาจากผิวหนังส่วนที่น่าจะเป็นดวงตา เสียงสะอื้นเบาเท่า  แมลงกระซิบนั้นเล็ดลอดออกมาจากใบหน้าที่ไร้ปาก มันเป็น  ใบหน้าที่ขาวนวลอมชมพูเหมือนท้องของเด็กทารก  พลันนั้น  ข้าพเจ้าก็รู้สึกถึงกระแสสติที่เหมือนก�ำลังพลัดหลุดลงจากที่สูง  ใบหน้าของผีไร้หน้า  23


ได้ยินเหมือนเสียงหวีดหวิวของลมกระโชกข้างหู  ร่างกายสั่น  สะท้าน  ฉับพลันนั้นเองทุกอย่างก็เป็นปกติ  ข้าพเจ้ามองเห็น  ดวงตาและเครื่องหน้าของเธออีกครั้ง จากนั้นเราก็เข้าไปหาพนักงานสอบสวนด้วยกัน  ข้าพ  เจ้าพยายามขอดูหนังสือแต่งตั้งตัวแทนลิขสิทธิ์และเอกสารข้อ  กล่าวหา  หากได้รับการปฏิเสธพร้อมค�ำถามว่าเป็นทนายเรอะ เราน่ะ จากชายในชุดสีกากี  ผู้ที่ต่อมาพยายามยื่นข้อเสนอว่า  จะลองติดต่อไปถามตัวแทนฝ่ายเจ้าของลิขสิทธิ์ดู  ว่าถ้าลดค่า  เสียหายลงเหลือสักเจ็ดแปดหมืน่ บาทจะตกลงกันได้ไหม เพราะ  ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ขายจ�ำนวนมากมายอะไร  อย่างไรก็ตาม ข้าพ  เจ้ายืนยันว่าจะประกันตัวแล้วสู้คดีในชั้นศาลเท่านั้น เนื่องด้วย  รู้สึกถึงความผิดปกติหลายอย่างในกระบวนการตรวจค้นจับกุม  รวมทั้งไม่ได้เห็นเอกสารแต่งตั้งตัวแทนลิขสิทธิ์อันเป็นที่มาแห่ง  การจับกุมนี้ด้วย “ให้ทนายจริงๆ มาคุยดีกว่ามั้ง  ทะแนะอย่างคุณเนี่ย  พาคนเข้าคุกมาเยอะแล้วนะ” ชายในชุดกากีนนั้ หัวเราะเย้ยหยัน  “แล้วนีก่ ห็ มดเวลาราชการแล้ว รอวันจันทร์กแ็ ล้วกันน้อง” ก่อนที่  เขาจะหันไปสัง่ การกับลูกน้อง โดยไม่สนใจเราอีก ข้าพเจ้าไม่อยากท�ำเช่นนี้เลย, มันเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชิงชัง  รังเกียจ  แต่มันก็เหมือนเสื้อชูชีพบนเครื่องบินที่ไม่เคยมีผู้โดย  สารคนไหนอยากใช้  เว้นก็แต่เมื่อเครื่องบินลงจอดฉุกเฉินกลาง  ทะเล  ข้าพเจ้าขอตัวออกมาข้างนอก กดหารายชื่อผู้ติดต่อบน  24  กล้า สมุทวณิช


โทรศัพท์มือถือ หาชื่อญาติผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าคนหนึ่ง ก่อนจะ  โทร.หาท่าน ในเวลาที่เห็นครอบครัวใครคนหนึ่งที่รู้จักอาจถึง  กับล่มลับอับปางลงกลางทะเลที่เต็มไปด้วยฉลามกระหายเช่นนี้ อี ก เพี ย งยี่ สิ บ นาที ห ลั ง จากวางหู จ ากญาติ ท ่ า นนั้ น ทุ ก  อย่างก็คลี่คลายลงดื้อๆ  นายต�ำรวจท่าทางอาวุโสสูงที่ดูจะเป็น  ผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสถานีขณะนั้นกรากเข้ามาหาข้าพเจ้า  ถามชื่อและเอ่ยชื่อญาติผู้ใหญ่ของข้าพเจ้าเพื่อยืนยันตัวก่อน  จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “อา” ก่อนจะเรียกชายในชุดสี  กากีคนที่คุยกับเราก่อนนั้นเข้ามาพบ ถกเถียงไต่ถามข้อเท็จ  จริง  จากนั้นอีกไม่กี่นาที “เรา”–ประกอบไปด้วยข้าพเจ้า เพื่อน  และภรรยาของเขาก็ออกมายืนคุยกันหน้าสถานีต� ำรวจ  เขา  ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะยังไม่มีการลงบันทึก  ประจ�ำวันหรือจดหลักฐานลายลักษณ์อักษรอันใดเลยตามกระ  บวนการยุติธรรม สามี-ภรรยาละล�่ำละลักขอบคุณ เชิญชวนไปกินข้าวด้วย  ที่บ้าน  หากข้าพเจ้าคร้านเหนื่อยเกินกว่าจะไปไหนหรืออยาก  ท�ำอะไรต่อ จึงขอตัวกลับ  เมื่อเห็นว่าข้าพเจ้าปฏิเสธแข็งขัน  เช่นนั้น เขาก็เรียกรถแท็กซี่เพื่อแยกกลับบ้านเช่นกัน  อุปทาน  หรือภาพหลอนติดค้างก็มิรู้ได้ ข้าพเจ้ามองเห็นใบหน้าของพวก  เขาลับเลือนลงไปอีกครัง้ หนึง่  พร้อมกับทีศ่ รี ษะไร้ใบหน้าทัง้ สอง  กล่าวขอบคุณข้าพเจ้า ก่อนย่อตัวลงไปนั่งในรถแท็กซี่ที่คนขับ  เองก็ไม่มีหน้าเช่นกัน ใบหน้าของผีไร้หน้า  25


ในนาทีนั้นข้าพเจ้าทราบว่าไม่ควรหวาดกลัวต่อผีไร้หน้า อีกต่อไป... บนรถแท็กซี่ขากลับ ข้าพเจ้ามองไปข้างทางเพื่อสังเกต  ภาพที่หลงลืมเหลือบแลมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานาน  คนขาย  ของหาบเร่ไร้หน้าก�ำลังส่งถุงใส่ขนมให้พนักงานท�ำความสะอาด  ไร้หน้าคนหนึ่งที่หน้าอาคารย่านธุรกิจ  พนักงานรักษาความ  ปลอดภัยไร้หน้าก�ำลังแลกบัตรผ่านเข้าออกให้รถมินิคูเปอร์คัน  งาม  ตรงนั้นหญิงสาวในเครื่องแบบพนักงานโรงงานจับกลุ่ม  คุยกับเพื่อนที่ไร้ใบหน้า เสียงของพวกเธอคงคล้ายเสียงแมลง  กระซิบเช่นที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินนั่นแหละ  โน่นแหนะ, เหลือบ  ไปบนสถานีรถไฟลอยฟ้า พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ม ี ใบหน้าก�ำลังเป่านกหวีดบอกเตือนมนุษย์เงินเดือนสาวสามสี ่ คนที่ยืนรอรถไฟล�้ำเส้นเหลือง “พี่ฮะ” ข้าพเจ้าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง เมื่อรู้สึกว่าใน  ขณะนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดน่าจะเป็นเบียร์สักแก้วใหญ่ๆ มากกว่า  “เปลี่ยนไปทางเกษตร-นวมินทร์ตอนนี้ยังทันไหมครับ” “รถติดหน่อยนะครับ แต่ก็ไปได้อยู่” โชเฟอร์หันกลับมาตอบข้าพเจ้าด้วยเสียงเบา ใบหน้า  ว่างเปล่าของเขาเรียบกร้านสีด�ำคล�้ำเป็นหนังแผ่นเดียว ปราศ-  จากหู ตา ปาก จมูก  หากข้าพเจ้ายิ้มให้เขาก่อนจะชวนเชิญ “พี่ต้องส่งรถหรืออะไรหรือเปล่า แวะกินเบียร์กันหน่อย  ไหม” 26  กล้า สมุทวณิช


พลัน, ดวงตาสองคู่ของเขาก็ช�ำแรกคืนมาจากผิว หนังอันว่างเปล่า  ผิวหนังเหนือคางนั้นแหวกออกมาเป็น ปากที่มีรอยยิ้ม  จมูกใหญ่ป้านงอกขึ้นมาเหนือปากนั้น กล่าวปฏิเสธ พร้อมด้วยแววตาอันแสดงความขอบคุณ และยินดียิ่ง

กรุงเทพมหานคร กันยายน ๒๕๕๓

ใบหน้าของผีไร้หน้า  27


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.