ไส้ เ ดื อ นตาบอดในเขาวงกต
วี ร พร นิ ติ ป ระภา
- นวนิ ย าย -
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน ๒๕๕๖
ค� ำ น� ำ ส� ำ นั ก พิ ม พ์
นวนิยายที่เต็มไปด้วยศัพท์แสงสัญลักษณ์ในทุกฉากตอน ฉาบซ่อนในเรือ่ งรักสามเส้าแสนธรรมดา ปรุงรสด้วยเสน่หร์ ายละเอียด ของความร่วมสมัยผ่านบุคลิก รสนิยม และการด�ำเนินชีวิตของตัว ละครเรื่องนี้ ถ้าจะอ่านเอารส ก็เพลินใจไปกับลีลาการใช้ภาษาที ่ ลื่นไหลด้วยวรรณศิลป์งดงาม ฉายให้เห็นชะตาชีวิตของผู้คนอย่าง เราๆ ท่านๆ ที่มีชีวิตอยู่กับความรัก ผิดหวัง ก�ำพร้า แสวงหา ความ จ�ำเสื่อม บ้าอยู่กับการหลอกตัวเองและคนอื่น เพื่อรอให้จุดจบมาถึง ในวันหนึ่ง ส่วนถ้าจะอ่านเอาเรื่อง ก็สามารถท�ำให้ขบคิด พินิจพิเคราะห์ และคาดเดาไปต่างๆ ได้อย่างฉงนฉงาย ว่าท�ำไมหนอเด็กก�ำพร้า เหล่านี้จึงมีชีวิตที่แหว่งวิ่นเสียเหลือเกิน อะไรที่ปะติดปะต่อชะตา กรรมของทุกตัวละครเข้าด้วยกัน อะไรที่ท�ำให้พวกเขาพลัดหลงไป ทั้งภายในและภายนอกจิตใจ และถ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรเลย ขอบอกว่าอย่างน้อยหนังสือ เล่มนี้ก็จะท�ำให้รักดนตรี จนอดที่จะเสิร์ชหาในยูทูบมาเปิดคลอไม่ได้ เมื่อถึงฉากที่เล่าถึงอาหาร ก็อดที่จะคั่นหน้านั้นไว้ แล้วออกไปหาชิม ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 5
ตามให้ได้ เมื่อบรรยายถึงพฤกษานานา ก็อยากจะมีสวนที่เป็นดง ดอกไม้ อ ย่ า งนั้ น บ้ า ง ส่ วนเมื่ อ กล่ าวถึ ง การเดิ น ทาง ก็ฉุกคิด ตั้ง ค�ำถามกับตัวเองว่า เราก�ำลังท�ำอะไรอยู่ และความรู้สึกเมื่อปิดหน้า สุดท้ายลง ก็คือเราจะรักชีวิตมากขึ้น...เท่านี้ไม่เพียงพอหรือส�ำหรับ การเป็นนวนิยายดีๆ เล่มหนึ่ง ชื่อของ “วีรพร นิติประภา” อาจไม่คุ้นหูใครหลายคน แต่ขอ บอกว่า ความฉกาจฉกรรจ์ของฝีมือ การเล่าแบบไม่เร้าหรือจะท�ำ ให้ผู้อ่านลืมเรื่องนี้ไปได้ ทั้งที่จริงแล้ว นักเขียนสาวท่านนี้เดินอยู่ใน แวดวงหนังสือมายาวนาน เพียงแต่โฉบออกไปสายโฆษณามาบ้าง ก็เพียงเท่านั้น เมื่อต้นฉบับเดินทางมาถึง เราจึงไม่รีรอที่จะจัดพิมพ์แด่ผู้อ่าน ถ้าโปรดสังเกตให้ดีจะทราบว่าส�ำนักพิมพ์ไม่ค่อยมีผลงานนวนิยาย ออกสู่สายตามากนัก ถ้าเป็นแนววรรณกรรม ส่วนมากก็เป็นเรื่องสั้น มีแต่ “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” เล่มนี้ที่โดดเด่นออกมา เราจึง ภูมิใจน�ำเสนอยิ่ง ส่วนเรื่องที่คนอาจสงสัยว่า ท�ำไมไส้เดือนที่ไม่มีตาอยู่แล้ว จึงยังตาบอดอีก แถมยังหลงอยู่ในเขาวงกตนั้นจะเป็นเช่นไร มีเพียง ทางเดียวคือต้องเปิดอ่านเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นวนิยายเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสัตว์ไม่มีกระดูก สันหลังในตระกูลไฟลัมแอนเนลิดาแต่อย่างใด หากนี่คือนวนิยายรักน�้ำเน่าฉบับมาตรฐานเรื่องหนึ่ง ส�ำนักพิมพ์มติชน
6 วีรพร นิติประภา
ค� ำ น� ำ ผู ้ เ ขี ย น
ฉันเก็บจ�ำประเทศของฉันในภาพของผืนแผ่นดินอันนุม่ นวล ไม่ได้แสนสุข สมบูรณ์แบบ และยิ่งใหญ่เหมือนภาพในใจ ใคร เป็นแค่ภาพเล็กๆ นับล้านปะติดปะต่อของชั่วเวลาที่ทุกอย่าง ผันผ่านเรียบง่าย...อ่อนโยน ภาพของผู้คนที่จับกลุ่มนั่งคุยกันไป ได้ทั้งวันด้วยเรื่องไม่สลับซับซ้อน ร่วมหัวเราะหัวใคร่เอาเป็นเอาตาย กับสิ่งอันที่หาสาระมิได้ พยักพเยิดทักทายยิ้มรางให้กันรายทาง มองเห็นกันและกันและฟังกันได้ยินกระทั่งถ้อยค�ำที่ไม่ได้เอ่ยเอื้อน ...ภาพเงียบไร้เสียงเลือนรางของเมืองก่อนพายุ ก่อนการมา ถึงของเสื้อยืดราคาถูกสีสด ก่อนมือตบ ตีนตบ หัวใจตบ นกหวีด ก่อนหน้ากากซีดเผือดยิม้ เยาะไม่เลิกราจะออกเพ่นพ่าน ก่อนระเบิด ความดีชวี ภาพจะท�ำงานและไวรัสเกลียดชังจะแพร่ออกไปในอากาศ ราวกับเชื้อโรค ก่อนคนไม่รู้จักกันจะมาบอกว่าคุณต้องคิดอย่างไร เขาต้องฝันถึงสิ่งใด มันมีสิทธิอาศัยในบ้านหลังไหน เธอต้องอยู่ ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 7
หรือตายเพื่ออะไร ก่อนผรุสวาท สัญลักษณ์ ศัพท์แสงยากๆ ที่ไม่ อาจเข้าใจได้นับร้อยพันจะถูกบัญญัติขึ้น ก่อนผู้คนจะค้นพบจุดยืน ยึดมั่นอุดมการณ์ เรียกร้องความถูกต้อง ก่อนหัวใจจะถูกปิดตาย ...ง่ายดายพอๆ กับการปิดสนามบินและถนน ก่อนเราจะขังตนเอา ไว้ข้างในตัวเราไปตลอดกาล ฉันเขียนประโยคแรกในวันที่มหานครดิ่งด�่ำลงในมืดด�ำควัน ไฟและหยาดเลือดไหลนอง ท่ามกลางเสียงทอดถอนใจโล่งอกที่ กลบฝังสามัญส�ำนึกให้ตายลงทั้งเป็นไปอย่างช้าๆ ฉันเขียนและ เฝ้าหวังตลอดทางว่าเรื่องจะไม่ต้องจบอ้างว้าง แต่กระทั่งถึงวลี สุดท้าย มันก็ยังเป็นได้แค่เรื่องรักหวานเศร้า ของเธอ และของเขา ...ไม่มีค�ำว่าเราหลงเหลือ ในเรื่องเล่าของผืนแผ่นดินที่ครั้งหนึ่ง เมื่อ นานมาแล้ว...เคยนุ่มนวลอ่อนโยนจนยากจะหาแผ่นดินใดในโลก เสมือนเสมอ วีรพร นิติประภา
8 วีรพร นิติประภา
ไส้ เ ดื อ นตาบอด ในเขาวงกต
แ ด่ ผู้ ส า บ สู ญ ห า ย ใ น ขั ด แ ย้ ง แ ห่ ง ส ย า ม
๑. เด็ ก หญิ ง ในตู ้ ป ลา
ชลิกาซึ่งโตพอจะรู้ความอยู่บ้างจดจ�ำช่วงเวลานั้นว่า เวลา ที่บ้านมีแต่เสียงเป็นเศษเสี้ยวส�ำเนียงแผ่วเบา ฟังแทบไม่ได้ยิน เพรียกดังออกมาจากมุมนั้นมุมนี้ตลอดเวลา เสียงพึมพ�ำ คร�่ำครวญ กระซิบกระซาบจับใจความไม่ได้ ทอดถอนใจ เสียงตะโกน กรีดร้อง ร�่ำไห้ สะอึกสะอื้นในความมืด เสียงฝีเท้าย�่ำเดินทั้งคืน เสียงหวีด ชื้นของลมที่พัดวนขึ้นมาจากแม่น�้ำ ยากจะบอกได้ว่าเสียงพวกนั้น ก�ำลังดังอยูจ่ ริงๆ หรือเป็นเพียงสัญญาณไร้ทางออกทีค่ งสะท้อนกลับ ไปกลับมาอยู่ในบ้านอย่างนั้นนานหลายปี นับแต่วันที่ชารียาเกิด... และแม่จับได้ว่าพ่อไปมีผู้หญิงอื่น แดดจัดจ้านใต้ฟ้าครึ้มอึมครึมตอนเพื่อนคนหนึ่งมาหาแม่ที่ บ้านและน�้ำตาเริ่มต้นการเดินทาง เอิ่ม หล่อนเริ่ม ก่อนจะต่อด้วย เสียงเบาๆ เกือบกระซิบ คนเค้าพูดกัน...ว่าแล้วก็พยักหน้า ครูไป ที่นั่นทุกเย็น หล่อนมีฟันหน้าซี่ใหญ่ยื่นออกมากับดวงตากลมโต ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 11
คอยกลอกซ้ายขวาตลอดเวลาซึ่งท�ำให้แลดูเหมือนหนูก�ำลังตกใจ เป็นนางร�ำเห็นบอก ละก็สอนร�ำอยู่ที่โรงเรียนนั่นแหละ แม่มองเห็น ภาพท่อนแขนอ่อนโอนวาดไปมาในอากาศช้าๆ แน่ใจหรือว่าใช่ ครูทศ / ไอ้ทิมน้องชายฉันมันก็เคยเห็น มันจ�ำไม่ผิดหรอก เพื่อน มันคนแถวนั้นบอกเค้าแอบไปมาหาสู่กันอย่างนี้ครึ่งค่อนปีละ แขน โอนอ่อนนั่นยังวาดไหวไปมาในหัวแม่ ของแบบนี้ ปล่อยเอาไว้นาน มันจะไม่ดีนา... มือข้างหนึ่งวางอยู่บนท้องที่โย้ยื่นไปข้างหน้า อีกข้างวางนาบ กับบานประตู แม่พบตัวเองยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้านหลังนั้น ทา สีฟ้าๆ นั่นละ หนูตกใจบุ้ยใบ้ เรื่องผัวๆ เมียๆ ฉันไม่เกี่ยวนา พยัก คาง พเยิดตา ว่าแล้วก็ก้มหน้างุดๆ เดินจาก และแม่ก็ได้แต่ภาวนา ให้ทั้งหมดเป็นเพียงการเข้าใจผิด ยังไม่ทันจะเคาะ ประตูก็เปิดออก หล่อนหลับตาลงตอนลมพรูเข้าปะทะหน้าไม่ทันตั้งตัว เมื่อลื ม ตา ขึ้นอีกครั้งก็เห็นผัวหล่อนยืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่มีทีท่าประหลาดใจแต่อย่างใด ราวกับก�ำลังรอหล่อน อยู่อย่างนั้น ราวกับรู้ว่าหล่อนจะต้องมาจนได้สักวัน มีกลิ่นฝนตก ไกลๆ โชยอยู่ในสายลม ปนกับกลิ่นอ่อนๆ ของอะไรสักอย่าง หอมๆ เหมือนดอกไม้ ดอกอะไรหล่อนนึกไม่ออก มองเลยไหล่เขาเข้าไป ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางห้อง แม่ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้ อาละวาด แค่ไม่อาจละสายตาจากท่อนแขนที่อยู่ถัดขึ้นมาจากมือ ซึ่งวางพาดอยู่กับขอบโต๊ะของผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ได้สวยสะอย่าง ที่หล่อนนึกไว้ล่วงหน้า แต่ดูทันสมัยไม่เหมือนนางร�ำ ใส่กางเกงยีนส์ กับเสื้อยืดลายขวางสีฟ้าส้ม ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง มีแววตาเศร้าๆ เสียงกระดิ่งลมดังกรุ๋งกริ๋งมาจากที่ไหนสักแห่งเบาๆ ฝนยังไม่ตก 12 วีรพร นิติประภา
ตอนที่พ่อก้าวออกมา ปิดประตูตามหลังโดยไม่หันกลับไปมอง และ พาหล่อนกลับบ้าน ต่อเมื่อกลับถึงบ้านแล้วนั่นต่างหากที่ฝนเริ่มเทลงมา...ไม่ลืม หูลืมตา ต่อเมื่อกลับถึงบ้านแล้วที่แม่เริ่มส�ำเหนียกถึงการมีอยู่จริงๆ ของผู้หญิงคนนั้น ตอนนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเล็กๆ ที่หายไปใน แต่ละวันของผัว แววตาอ้างว้างซึ่งเขามองดูตัวเองในกระจกบาง เช้า และบางเย็นที่เขาชอบออกไปเดินเล่นตามล�ำพัง หยุดยืนดูแม่ น�้ำด้วยท่าทางเหงาๆ คราวละนานๆ ต่อเมื่อกลับถึงบ้านแล้วนั่นต่างหากที่แม่เริ่มร้องไห้ สะอึก สะอื้น ปิดดวงตาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง สาปแช่งดาวทุกดวงที่ชักพา คนทั้งคู่ให้มาพบกัน ก่นด่าการตั้งครรภ์ที่ท�ำให้เขาต้องไปแสวงหา ความรักครั้งใหม่ แต่เหนืออื่นใดหล่อนโทษชารียาที่อยู่ในท้องว่า เป็นต้นเหตุ และปฏิเสธชะตากรรมด้วยพลังใจทั้งหมดที่มี โดย การบีบรัดหนักหน่วงเพียงหนึ่งครั้ง ชารียาก็ถือก�ำเนิด เกิดทั้งก�ำลัง หลับมีนิ้วหัวแม่มือคาอยู่กับปากกลางดึกคืนนั้น ด้วยอายุครรภ์ไม่ครบเจ็ดเดือนดี หมอพยายามยื้อยุดชารียา ไว้ในโลกอันแห้งผากและหยาบกระด้างด้วยการเก็บเธอไว้ในกล่อง แก้วโปร่งใสสี่เหลี่ยม...สิ่งประดิษฐ์เลียนแบบครรภ์มารดาอันน่าทึ่ง ซึ่งคอยปกป้องเธอจากความตายและอ้อมกอดเป็นเวลาหลายเดือน ที่เธอได้แต่นอนมองดูโลกหมุนไปรอบๆ อยู่ในตู้ปลาใบใหญ่ หายใจ ด้วยอากาศบรรจุถังมาจากโลกอื่น ดื่มกลืนจากสายยาง และรอด ชีวิตจากการต้องตายเพราะเดียวดายมาได้อย่างหวุดหวิด เติบโต มีสุขภาพดีเหมือนเด็กทั่วไปโดยไม่มีใครรู้เลยว่าเธอไปติดเอาเชื้อ อ้างว้างมา ไม่อาจตรวจพบด้วยเครื่องมือทันสมัยทางการแพทย์ ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 13
ไม่มหี นทางรักษา และท�ำให้เธอต้องต่อสูก้ บั ความรูส้ ึกว้าเหว่รุนแรง อยู่เสมอไปชั่วชีวิต ไม่แต่แค่นั้น ชารียายังมีอาการโหยหาตู้ปลา แม้จะเป็นที่มา ของความเดียวดายเหว่ว้าสารพัด แต่มันก็เป็นที่ซึ่งเคยปกป้องเธอ ไว้จากความตายที่ติดตามเธอออกมาจากหัวใจของแม่ และท�ำให้ เธอคอยแต่จะหาตู้ปลาใบใหม่ให้ตัวเองอยู่อย่างนั้นร�่ำไป ตอนยัง เล็กชารียาจะชอบเก็บสิ่งมีชีวิตอะไรต่อมิอะไรที่เจอตามถนนหนทาง เอากลับมาเลี้ยงห้อมล้อมเป็นเกราะก�ำบังจนเต็มบ้านไปหมด หมา แมว มด นก กระรอก กิ้งก่า เต่า ปาดที่กระโดดออกจากกระเป๋า กระโปรงนักเรียนเธอแล้วหายไปในสวนตลอดกาล หนอนนุ่มนิ่มที่ กลายเป็นผีเสื้อสีฟ้าโบยบินออกไปในยามเช้าเมื่อเปิดกล่องดู หรือ แม้แต่จิ้งหรีดที่เอาแต่กรีดปีกส่งเสียงน่าร�ำคาญซ�้ำๆ ไม่หยุดหย่อน ตลอดทั้งคืน ชารียาไม่เพียงดูแลสัตว์เลีย้ งต่างๆ ของเธอเป็นอย่างดีเท่านัน้ เธอยังนับญาติและเรียกพวกมันอย่างนับถือโดยมีศกั ดิน์ ำ� หน้า อย่าง พี่ยู่ยี่ ป้าเหมียว ลุงฝุ่น น้าตาล พี่ตาหวาน...ปาดอีกตัวซึ่งแม้หนี เตลิดเปิดเปิงออกจากอ่างปลาทองไปได้ก็ยังไม่วายกลับมาปรากฏ ให้เห็นอยู่บ่อยๆ แถวดงกล้วยน�้ำว้าข้างบ้าน และตอนไปเก็บดอก อัญชันกับชลิกาเพื่อเอามาท�ำข้าวเหนียวเปียกสีม่วงครั้งหนึ่ง เธอยัง ถึ ง กั บ จะพาเด็ ก ผู ้ ช ายที่ เ ห็ น นั่ ง อยู ่ ค นเดี ย วใต้ ต ้ น หางนกยู ง หน้ า โรงเรียนเอากลับมาเลี้ยงเป็นพี่ชายแท้ๆ ด้วย เราเอาเค้ากลับบ้านกะเราได้มยั้ ลิกา้ / ไม่ได้หรอก / ท�ำไม... / เดี๋ยวแม่เค้ามาไม่เจอ แม่เค้าจะร้องไห้ ท่ามกลางแสงสีครามยาม โพล้เพล้ที่พรางกลืนสีอื่นๆ ไปจนหมด เหลืออยู่แต่สีส้มสดของดอก 14 วีรพร นิติประภา
หางนกยูงละล่องลอยเป็นจุดพร้อยเหมือนฝูงแมงกะพรุนไฟในทะเล ที่ชารียาเคยเห็นในหนังสารคดี...เด็กชายวัยไล่เลี่ยกับชลิกาคนนั้น นั่งก้มหน้านิ่ง เหลือบมองเด็กหญิงทั้งสองด้วยดวงตากริบกร้าว แม่ เค้าไม่มาแล้วหรอกลิก้า มันมืดแล้ว / มาสิชารี เดี๋ยวก็มา / แต่ว่า แต่หนูอยากมีพี่ผู้ชาย / ไม่ได้ / แม่เค้าไม่ร้องไห้หรอก / ไม่ได้ ไป กันเถอะชารี ไปกัน ชลิกากึ่งลากกึ่งจูงน้องสาวออกเดิน แค่ไม่กี่ก้าว ชารียาก็หันกลับไปดูที่ใต้ต้นหางนกยูงอีกครั้ง ท่ามกลางจุดสีส้มราง เลือนกระเพื่อมพรายเธอคิดว่าเห็นเด็กชายผู้ก�ำลังถูกกลืนหายใน แสงสีฟ้าคนนั้นยิ้มให้ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่สุดที่เธอเคยเห็นมา ชารียายิ้มตอบ แม่เค้าไม่ร้องไห้หรอก ลิก้า ฟ้ามืดหมดแล้ว และ เธอก็ลืมเขาไปในทันที แต่ยิ่งโตชารียาก็ยิ่งไม่อาจทนกับความร้าวรานใจที่ญาติสัตว์ ทั้งหลายจะต้องตายตามอายุขัยแสนสั้นของพวกมันได้ เธอจึงหัน ไปนับญาติกับต้นไม้ในสวนซึ่งอายุยืนยาวกว่าแทน ทั้งยังชอบแต่ง ค�ำสร้อยหรูหราต่อท้ายชื่อให้ญาติสายเลือดคลอโรฟิลล์ต่างๆ ด้วย อย่างป้าสายหยุดสุดสวย พี่ล�ำดวนชวนฝัน น้าหูกวางกางแขน... ไม่แค่แต่มีศักดิ์เท่านั้น พวกมันยังได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้อีก ด้วยบางครั้ง อย่างคุณหนูพู่ระหง ไม่ก็คุณหญิงกรรณิการ์ดาราราย ซึ่งเอาชื่อนางเอกละคอนวิทยุมาเป็นสร้อยต่อท้ายให้ฟังสูงศักดิ์สม กับสายสะพาย หรือคุณนายยี่สุ่นศรีที่หมายถึงกุหลาบมอญซึ่งเธอ ชอบเรียกด้วยชื่อเก่าว่ายี่สุ่นตามอย่างคุณยายเจิดข้างบ้าน ต่อท้าย ด้วยค�ำว่าศรีซึ่งจ�ำเพี้ยนตัวสะกดมาจากสีในกลอนขุนช้างขุนแผนที่ ชลิกาเคยอ่านให้ฟัง ตอนล�ำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว เกษแก้ว พิกุลยี่สุ่นสี จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี จ�ำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ อัน ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 15
โด่งดังนั่น แปลก...ที่ เ ธอกลั บ เรี ย กชลิ ก าว่ า ลิ ก ้ า ซึ่ ง แผลงมาจากชื่ อ นางเอกหนังฝรั่งในทีวีที่ชื่อริต้า แค่ลิก้าเฉยๆ ไม่มีต�ำแหน่งหรือ ศักดิ์น�ำหน้า ไม่มีค�ำสร้อยสวยงามต่อหลัง และชลิกาก็เรียกเธอ ด้วยชื่อที่แผลงมาจากหนังทีวีเรื่องนางฟ้าชาลีว่านางฟ้าชารี ซึ่งต่อ มาก็คลี่คลายไปเป็นนางฟ้าตารี นางฟ้าใจดี นางฟ้าโรตี นางฟ้า ตาคลี นางฟ้าข้าวสาลี นางฟ้าราวี นางฟ้ากะโปลี นางฟ้าอะไรต่อ มิอะไร...แต่ท้ายที่สุดก็เหลือแค่ชารี ชารีที่ไม่ได้เป็นนางฟ้าของพี่ สาวอีกต่อไป แล้วความเงียบก็ช่วงชิงบ้านไปเป็นของมันโดยไม่มีใครทัน รู้ตัว หมอกสลัวบางในยามเช้าอันแสนธรรมดาเช้านั้น พ่อก�ำลังกิน ข้าว ชลิกาก�ำลังผูกเชือกรองเท้าพละด้วยตนเองเป็นครั้งแรกอย่าง สับสนตรงหน้าบ้าน มีชารียาซึง่ ยังเล็กเกินกว่าจะไปโรงเรียนอยูข่ า้ งๆ นั่งยองๆ หน้าแหงนหงายไปข้างหลังเล็กน้อย ข้อศอกกาง ก�ำมือ แอบไว้อยู่กลางอก และก�ำลังคิดว่าตัวเองเป็นนกกระจอก ตอนนั้น แม่บอกกับพ่อเรียบๆ ว่าหล่อนก�ำลังจะฆ่าตัวตาย...แล้วลูกสองคน ก็จะต้องไปกับฉันด้วย แดดสะท้อนน�้ำในแก้วที่นวลพี่เลี้ยงยื่นส่งให้ชลิกาวาบเข้ามา บาดจ้าจนพ่อต้องก้มหน้าหลบ และคงก้มนิ่งอย่างนั้นไปอีกครู่ใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ประกายแดดแสบพร่านั่นก็หายไปแล้ว เขา หรี่ตามองย้อนแสงออกไปที่หน้าบ้าน ผ่านเมียซึ่งลุกเดินเข้าไปใน ครัว ผ่านเครื่องเรือนที่คู้ตัวอยู่ในแสงสลัว ผ่านผลึกน�้ำตาที่กะพริบ เงามัวซัวออกมาจากมุมห้อง ผ่านหมอกสลาย... 16 วีรพร นิติประภา
ข้างนอกนั่น ชลิกาก�ำลังดึงตัวน้องให้ลุกขึ้นจากการเป็นลูก นก เห็นเป็นโครงร่างสีด�ำตัดอยู่กับฉากวิบไหวของต้นส้มโอที่อยู่ เบื้องหลัง ชารียามีท่าทางไม่พอใจ เธอกระทืบเท้าเร่า โก่งคออ้า ปากตะเบ็งเหมือนพ่อไก่ พลางเช็ดน�้ำตาป้อยด้วยหลังมือที่ยังคงก�ำ ไว้ แต่กลับไม่มีเสียงอะไรออกมา ไม่มีเสียงร้องไห้ของชารียา ไม่มี เสียงฝีเท้าของชลิกาสะบัดตัววิ่งออกไป ไม่มีเสียงร้องของอีกาตัว ใหญ่ที่ชอบส่งเสียงดังเป็นประจ�ำในเวลานี้ ไม่มีเสียงซาๆ ของใบไม้ เสียดสี ไม่มีแม้แต่เสียงสายลมที่พัดไม่หยุดหย่อนของแม่น�้ำ วินาทีนั้นเองที่เขาส�ำเหนียกถึงเสียงสะอื้นซึ่งสูญหายไปจาก ค�่ำคืน รวมทั้งสรรพส�ำเนียงอื่นๆ ของบ้านที่เงียบงันมาหลายวันแล้ว ตระหนักแน่ในความเด็ดเดี่ยวซึ่งซ่อนอยู่ในค�ำขู่อันเนียนกลมราว กับก้อนหินจากก้นแม่น�้ำ เขายอมเลิกรากับผู้หญิงอีกคนอย่างไม่มี เงื่อนไข แหละความเงียบก็คงครอบครองบ้านไปอีกนานหลังจากนั้น พ่อลาออกจากงานครูทที่ ำ � และอยูก่ บั บ้านแทบจะตลอดเวลา ไม่ไปไหนราวกับได้ลาออกจากโลกทั้งใบไปพร้อมกันด้วย นอกจาก นานๆ ครั้งที่เขาจะลงไปดูงานในสวนบ้าง นิดๆ หน่อยๆ พอเป็น พิธี เขาไม่มีความรู้เรื่องไร่สวนมากนัก แต่ก็ไม่ได้จ�ำเป็นอะไร คน งานพวกนี้อยู่ที่นี่กันมาตั้งแต่สมัยพ่อตาแม่ยายของเขายังมีชีวิต รู้ดี ว่าต้องปรนนิบัติผืนดินริมฝั่งแม่น�้ำนครชัยศรีนี้แบบไหน และจะ ว่าไปเขาก็ไม่ได้มีความสนใจใคร่ท�ำอะไรอีกแล้วทั้งนั้น หัวใจของ เขามันเอาแต่ปวดแปลบแทบไม่อาจทนไหว แม่หันมาปลอบโยนผู้ชายที่หล่อนรัก ด้วยเรี่ยวแรงกับพลัง ใจดุจที่เคยใช้ช่วงชิงเขากลับคืน อย่างช้าๆ บ้านอึมครึมหม่นหมอง ก็ค่อยๆ กลับมาสะอาดสดใส จนหากไม่สังเกตจริงจังก็จะไม่มีทาง ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 17
รู้ได้เลยว่ามันเคยต้องด่างพร้อยด้วยรอยน�้ำตามาก่อน หล่อนจะตื่น ขณะทุกคนยังหลับฝัน นั่งเขียนรายการสิ่งที่ต้องท�ำในแต่ละวันไป เงียบๆ เสร็จก็จึงจะเรียกป้าผ่องแม่ครัว นวลพี่เลี้ยงกับเนียงสาวใช้ เข้ามาสั่งงาน ระหว่างวันนอกจากจะเดินตรวจงานที่สั่งไว้ไปรอบ บ้าน แม่ยังคอยจัดการเรื่องต่างๆ ให้พ่อไปพลางๆ ด้วย เป็นธุระ ช่วยเขาตัดสินใจว่าควรจะรับโทรศัพท์ใคร จ�ำเป็นหรือไม่จ�ำเป็นต้อง อ่านจดหมายฉบับไหน ใครเป็นคนเขียนมา ต้องท�ำ...และไม่ต้อง ท�ำอะไร ต่อเมื่อมีเวลาเหลือว่างเล็กน้อยหล่อนก็จะคอยรื้อรูปถ่าย เก่าๆ ออกมานั่งดู คัดเฉพาะรูปที่ถ่ายคู่กับพ่อแยกต่างหากเอาออก มาใส่กรอบติดผนัง ครั้นรูปเก่าๆ ถูกติดหมดไปหล่อนก็ยังไหว้วาน ลุงพจน์ลูกชายคุณยายเจิดข้างบ้านมาช่วยถ่ายรูปใหม่ให้อีกด้วย เปลีย่ นชุดสวยเหมือนกับจะออกข้างนอก ยิม้ อ่อนหวาน ยืนข้างๆ พ่อ ตรงหน้าประตูบ้านบ้าง เชิงกระไดบ้าง ข้างๆ รถบ้าง บางทีก็ตรง ริมแม่น�้ำที่มีล�ำพูต้นใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ข้างหลัง เวลาใครมาเชิญ ไปงานเลี้ยงงานอะไรหล่อนก็จะรีบตกปากรับค�ำ กุลีกุจอตัดเสื้อผ้า ใหม่ ไปท�ำผม บางหนยังถึงกับเรียกช่างมาเสริมสวยให้ถึงบ้านแต่ เช้า เพื่อจะได้ถ่ายรูปเอามาติดเพิ่มอีก แหละในบ้านที่บานหน้าต่างถูกงับแง้มมาตั้งแต่ครั้งมันยังมี แต่เสียงซึ่งไม่ต้องการให้เล็ดลอดออกไปถึงหูเพื่อนบ้าน แม่จะคอย ใกล้ชิดติดตามพ่อไปตลอดเวลาราวกับเงา เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ มีโอกาสต้องรู้สึกอ้างว้างจนอาจเผลอไผลท�ำร้ายตัวเองเอาได้ใน หลืบพรางของโหยหา ส่วนพ่อก็จะใช้วันทั้งวันผุดลุกผุดพล่าน คอย เปลี่ยนที่จากตรงโน้นมานั่งตรงนี้ จากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปยังอีกตัว เพื่อ 18 วีรพร นิติประภา
หลีกเลี่ยงเสียงหัวใจของเมียที่เอาแต่จะเต้นตุ้บๆ เข้าไปในอกเขา อย่างไม่รู้เหนื่อยรู้ล้า จนในที่สุดก็กลายเป็นการเดินวกวนไปมาทั่ว บ้านอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งจะจบลงตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อหล่อนหันไปยุ่ง ในครัวท�ำอาหารค�่ำ ปล่อยเขาหลับงีบตามล�ำพังไปตรงเก้าอี้หวาย ใต้ต้นพิกุล และจะมีก็แต่พวกลูกๆ เท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ได้หลับ... ส�ำหรับเด็กๆ การมีอยูข่ องพ่อคือปรากฏการณ์อนั ยากอธิบาย ชายผู้ซึ่งมองดูเลือนรางโปร่งใสจนเกือบมองเห็นทะลุออกไปข้างหลัง ได้ คอยปรากฏตามมุมต่างๆ ของบ้านอย่างเงียบงัน และวูบหาย อย่างมีเงื่อนง�ำเวลาไม่มีใครเฝ้ามอง ผู้ไร้ซึ่งความสามารถอย่างสิ้น เชิงในการติดต่อกับมนุษย์โลกคนอื่น และแทบไม่มีอะไรจะสื่อสาร กับลูกๆ นอกจากนั่งจ้องหน้าพวกเธอ...บางครั้ง ครั้งละนานๆ สลับ กลับไปกลับมาทีละคน จนพวกเธอเริ่มกระสับกระส่ายว่าเขาจะพูด อะไร เขาก็กลับไม่ว่าอะไร แต่จะหลับตาขมวดคิ้วคล้ายเพ่งกระแส จิต ส่งข้อมูลที่ได้จากการอ่านความนึกคิดของเด็กๆ ออกไปที่ไหน สักแห่งในจักรวาลอันไกลโพ้น ส่วนแม่ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย ผู้เอาแต่เดินวกวน อ่อนล้ากลางเขาวงกตของเครื่องเรือน และดูเหมือนจะมีความสุข กับใครขึ้นมาบ้างก็ในยามได้นั่งกอดอก ลูบต้นแขนของตัวเองไปมา เบาๆ เหม่อมองรูปถ่ายที่ติดเรียงเต็มผนังแทบไม่เหลือที่ว่างราวกับ แถบรังสีที่แผ่ออกมาจากนาฬิกา ผู้ซึ่งไม่เคยกอดชารียา ไม่...ใน วันที่เธอได้ออกมาจากตู้ปลาครั้งแรกและพ่อไปรับเธอกลับมาอยู่ บ้าน ไม่...ในวันที่เธอลุกขึ้นจากการคลานและออกเดินเพ่นพ่านไป ตามทางที่ต้องการ และไม่...กระทั่งในวันที่เธอเริ่มพูดและกลายเป็น ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต 19
เด็กผู้หญิงจริงๆ มีความรู้สึกนึกคิด ชีวิต จิตใจ ผู้จะคอยดูแลลูกๆ ไม่ขาดตกบกพร่องอยู่ห่างๆ และคงระยะ ห่างนั้นไว้กระทั่งตายจาก โดยไม่ส�ำเหนียกถึงอ้อมกอดที่พรากหาย ...ไม่แค่ระหว่างหล่อนกับชารียาลูกที่หล่อนไม่เคยรัก หากยังรวมไป ถึงระหว่างหล่อนกับชลิกาลูกที่หล่อนรักมากกว่าทุกอย่างในโลกรวม กันโดยที่หล่อนเองไม่เคยรู้ ลูกซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกหล่อนเรียกรักใคร่ ว่าชลิกาน้อยกลอยใจแม่ และหลับใหลในอ้อมกอดที่สาบสูญนั้นมา ดีๆ นับแต่วนิ าทีทมี่ าถึงโลกอันเปล่าดาย จวบจนนาทีทมี่ นั อันตรธาน หายราวกับไม่เคยมีอยู่ ในวันที่ชารียาเกิด ...และน�้ำตาเริ่มต้นการเดินทาง
20 วีรพร นิติประภา