เกียวโตที่รัก โตเกียวที่คิดถึง
เกียวโตที่รัก โตเกียวที่คิดถึง
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน 2558
เกียวโตที่รัก โตเกียวที่คิดถึง • ฮิมิโตะ ณ เกียวโต และณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล พิมพ์ครั้งแรก : สำ�นักพิมพ์มติชน, กุมภาพันธ์ 2558 ราคา 220 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรม ฮิมิโตะ ณ เกียวโต. เกียวโตที่รัก โตเกียวที่คิดถึง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558. 272 หน้า.- - (สารคดี (ความเรียง)). 1. ญี่ปุ่น- -ภูมิประเทศและการท่องเที่ยว. I. ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล. II. ชื่อเรื่อง. 915.2 ISBN 978 - 974 - 02 - 1380 - 2 ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : พัลลภ สามสี บรรณาธิการเล่ม : เตือนใจ นิลรัตน์, สุพรรณี สงวนพงษ์ • นักศึกษาฝึกงาน : กรกฎ ไพศาลยุทธนากุล, อัจฉราพร ลาพิมล พิสูจน์อักษร : บุญพา มีชนะ • กราฟิกเลย์เอาต์ : อรอนงค์ อินทรอุดม ออกแบบปก-ศิลปกรรม : ประภาพร ประเสริฐโสภา • ภาพประกอบ : ชมพูนุท ชมภูรัตน์ Facebook.com/woodworkstudio ประชาสัมพันธ์ : สุชาดา ฝ่ายสิงห์ หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012
www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 1235 โทรสาร 0-2589-5818 แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองงานเตรียมพิมพ์ บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 2400-2402 พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด 27/1 หมู่ 5 ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0-2584-2133, 0-2582-0596 โทรสาร 0-2582-0597 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3350-3353 โทรสาร 0-2591-9012 Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
ค�ำน�ำ ส�ำนักพิมพ์
คุณรู้จักประเทศญี่ปุ่นในแง่มุมไหนบ้าง เดินทางไปยังไง...เที่ยวที่ไหน...ราเมนร้านไหนอร่อย ...ย่านช้อปปิ้งตรงไหนที่ต้องไม่พลาด... อยากรู้เรื่องไหน แค่ใส่ค�ำค้นในกูเกิล บรรดาข้อมูล มหาศาลก็มีมาให้อ่านอย่างท่วมท้น แต่ยังมีเรือ่ งเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอก “ความเป็นญี่ปุ่น” อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ “เกียวโตที่รัก-โตเกียวที่คิดถึง” อยากเล่ามุมมองเหล่า นี้ให้แก่คุณผู้อ่าน ฮิมิโตะ ณ เกียวโต เป็นนักเขียนที่ได้ไปอยู่เกียวโตกว่า 7 ปี การได้กลับไปดูความเปลี่ยนแปลงของเมืองที่เปลี่ยนไป ท�ำให้เธอคันไม้คันมือ อยากจะเขียนๆๆๆ อีกหลายๆ ครั้ง 5 / โตเกียวที่คิดถึง
ดูจากนามปากกาและผลงานที่ผ่านมาของเธอ อย่าง จดหมายรัก จากเกียวโต หรือ ครัวหรรษา จากปลาร้าถึงวาซาบิ ก็รู้ได้เลยว่า เธอต้องติดใจเรื่องญี่ปุ๊นญี่ปุ่นเอามากๆ ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล หรือ นัทคุง นักเขียนมือดีที่แจ้งเกิด จากหนังสือเจ๋งๆ มาแล้วอย่าง JAPAN DID หรือ เอ๊ะ!! เจป๊อป A GUIDE TO JAPANESE POPULATION ก็มาเล่ามุมคิดต่อ เมือง “โตเกียว” ในมุมต่าง เพราะมีประสบการณ์จากการไปท�ำงาน ที่นั่น (และปัจจุบันก็ยังไปบ่อยๆ) ดูจากสรรพคุณแล้ว เรื่องญี่ปุ่นในมุมใหม่ๆ จึงต้องเป็นของ สองคนนี้เท่านั้น! นอกจากการเล่าเรื่องแบบ “อินดี้สไตล์” ที่หาไม่ได้ในไกด์บุ๊ก ญี่ปุ่นที่บอกไป หนังสือเล่มนี้ยังตั้งใจจะเสิร์ฟความสนุกด้วยสไตล์ การจัดเลย์เอาต์แบบกลับหัวกลับหาง พลิกอ่านข้างหน้าหรือเปิดดู ข้างหลังก่อนก็ได้ ไม่มีกติกา แต่ก่อนจะพลิกไปอ่าน ต้องขอเล่าถึง “ความเก๋า” ของทั้งสองเมืองให้ฟังนิดนึง เกียวโต-เมืองพี่-เกิดก่อนเป็นพันปี มีจุดเด่นตรงทีท่ ัศนียภาพ อันงดงาม ห้อมล้อมด้วยขุนเขา และมีเอกลักษณ์โดดเด่นทางศิลป วัฒนธรรม ดูได้จากวัดวาอาราม ปราสาทไม้ และบ้านเรือนเก่าแก่ หลายแห่ง โตเกียว-เมืองน้อง-รับไม้ต่อในการเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์ กลางการปกครองของประเทศ เมืองที่กลับมาผงาดในเวทีระดับโลก หลังบอบช�้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จนตอนนี้กลายเป็นเมืองที่ม ี ค่าครองชีพสูงลิบลิ่วไปแล้ว 6 / เกียวโตที่รัก
แม้ทั้งสองเมืองจะเจริญก้าวหน้าไปเพียงใด วิถีชีวิตของผู้คน ก็ยังคงความน่าสนใจ ผสมผสานทั้งความทันสมัยและความดั้งเดิม อันมีเสน่ห์ เขาและเธอจะพาเราไปรู้จักผู้คน ท�ำความเข้าใจพื้นที่ เปิด มุมมองใหม่ๆ ต่อญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่น และยังท�ำให้หันกลับมาดู “เมือง ไทย” ที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน “เกียวโตที่รัก-โตเกียวที่คิดถึง” เป็นพื้นที่พูดคุยส�ำหรับคนที่ อยากแบ่งปันเรื่อง “ญี่ปุ่นๆ” ในมุมที่หลายคนเคยแอบคิดในใจเวลา ที่ได้ไปสัมผัส กิน-ดื่ม ท่องเที่ยว อ่านข่าวเกี่ยวกับเกียวโต-โตเกียว แม้จะเป็นค�ำชมที่ดูเช้ยเชย แต่ส�ำนักพิมพ์รับรองว่า อ่าน แล้วต้องอุทานในใจ... “เฮ้ย มีแบบนี้ด้วยอะ!” ส�ำนักพิมพ์มติชน
7 / โตเกียวที่คิดถึง
เกียวโตที่รัก ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
สารบัญ
ค�ำน�ำผู้เขียน : ฮิมิโตะ ณ เกียวโต บทน�ำ ร้อนและร่วงโรย City for All : เมืองมนุษย์ เมืองห้ามมั่ว โอฮารา ชงชา เล่าเรื่องฮอกไกโด เมืองจักรยาน กายส�ำคัญกว่าจิต รสชาติวัฒนธรรม บทส่งท้าย รู้จักผู้เขียนและนักวาดภาพประกอบ
11 15 23 33 39 53 67 89 117 133 143 153 157-159
ค�ำน�ำ ผู้เขียน
งานเขียนเรื่อง “เกียวโต” ในเล่มนี้ไม่อาจเรียกได้เต็ม ปากเต็มค�ำว่าเป็น “งานเขียน” แต่เป็นเหมือน “งานเล่า” เสียมากกว่า และผู้เขียนก็จงใจที่จะเรียกสรรพนามแทนตัว เองว่า “แขก” เพราะในขณะที่เขียน แขกนึกภาพว่าตัวเอง ก�ำลังนั่ง “เล่า” ให้ใครสักคนที่เมืองไทยฟัง ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต มีโครงการเชิญนักวิชาการ นักคิดนักเขียน ไปประจ�ำที่มหาวิทยาลัยเสมอ ในรอบ 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปี 2013 แขกได้รับเชิญจากบัณฑิตวิทยาลัยเอเชียและแอฟริกัน ศึกษา สถาบันนี้แยกตัวออกมาจาก “ศูนย์ศึกษาเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้” ที่แขกเคยเรียนอยู่ที่นั่นถึง 7 ปี กลับไปครานี้ จึงเหมือนกลับไปที่โรงเรียนเก่า ผิดกันแต่ว่าเปลี่ยนสถานะ 11 / เกียวโตที่รัก
จากนักเรียนเป็น “นักวิจัย” และเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันมารวม ถึงรุน่ น้องก็กลายมาเป็นครูบาอาจารย์กันไปหมดแล้ว เนื่องจากเป็นการเล่าถึงเกียวโตที่แสนจะคุ้นเคย แขกจึงไม่ เล่าถึง “สถานที่ท่องเที่ยว” หรือความตื่นตาตื่นใจใดๆ แต่เล่าถึง ความประทับใจในชีวิตประจ�ำวัน และความประทับใจสูงสุดที่แขก ได้รับใน 3 เดือนที่ไปอยู่ครั้งนี้คือ เป็นครั้งแรกที่แขกตระหนักว่า การออกแบบเมืองเมืองหนึ่งนั้น น่าจะตั้งอยู่บนฐานคิดใดคิดหนึ่ง ก่อนจะแปรออกมาเป็นถนน เป็นตรอก เป็นซอย เป็นทางเท้า เป็น คลอง เป็นต้นไม้ เป็นก้อนหินที่ใช้ปูริมคลองหรือคันดินทางเดินริม แม่น�้ำ เดือนสิงหาคมที่แขกไปถึงนั้นอุณหภูมิของเมืองสูงเฉียดๆ 40 องศาเซลเซียส สิ่งที่เตะตาอย่างยิ่งคือ แผงปลูกมะระขี้นกบ้าง แผงปลูกมะเขือเทศบ้าง แผงปลูกบวบบ้าง ที่ปลูกกันทั่วไปขนานกับ แนวตึกหรือระเบียงอพาร์ตเมนต์ แผงต้นไม้เขียว มีอายุประมาณ 3 เดือนนี้เป็นโครงการรณรงค์จากส�ำนักผังเมืองของเทศบาลเพื่อ ใช้แทนม่านกันแสงแดด และเพื่อลดความร้อน ลดการใช้แอร์และ เพื่อประหยัดไฟ เรื่องที่จะเล่าต่อไปในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวท�ำนองนี้ คือ ว่าด้วยเมืองที่ท�ำให้คนที่อยู่ในเมืองนั้นรู้สึกว่าตนเองได้รับการเอา ใจใส่ ได้รู้สึกถึงความพยายามของรัฐบาลท้องถิ่นที่จะท�ำทุกอย่าง เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชากรในเมืองดีขึ้น ค�ำว่า “คุณภาพชีวิต” ในที่นี้ไม่ได้หมายความแค่โครงสร้างพื้นฐานอย่างน�้ำ ไฟ ถนน แต่ 12 / ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
หมายถึงการจัดการเมืองให้มีมิติของศิลปะ สุนทรียะความงามแทรก อยู่ในทุกๆ ย่างก้าวของการใช้ชีวิตในเมือง แขกเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมที่ได้รับการคิดและออกแบบมาอย่าง ดีจะช่วยขัดเกลาจิตใจของคนที่อยู่อาศัยในที่นั้นๆ ผิดหรือถูกไม่รู ้ แขกเชื่อว่ามนุษย์พึงมีสิทธิที่จะได้ฝึกฝนผัสสะที่ละเอียดอ่อน แขก เชื่อว่าเราพึงได้รับสิทธิที่จะสละความหยาบกระด้างออกไปจากใจ เมืองที่ได้รับการออกแบบและดูแลอย่างดีจากรัฐบาลท้องถิ่น อย่างเกียวโตได้มอบสิทธินั้นให้กับพลเมือง – สิทธิที่จะขัดเกลา ผัสสะและฝนสายตาให้อ่อนไหวเฉียบคมกับความงาม เรื่องเล่าสั้นบ้าง ยาวบ้าง และไม่มีอะไรต่อเนื่องกันเลยที่จะ ได้อ่านต่อไปในหนังสือเล่มนี้คือความพยายามของแขกที่จะสะท้อน แนวคิดนี้ผ่านกิจกรรมสามัญในชีวิต มันอาจไม่ใช่งานเขียนที่ดีงาม แต่มันทะเยอทะยานอยาก บอกเล่าถึง “ความงาม” ด้วยรัก ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
13 / เกียวโตที่รัก
Kyoto
บทน�ำ (1) คิดอยู่นานทีเดียวว่าจะขึ้นต้น “เกียวโตที่รัก” อย่างไรดี แขกมาเกียวโตครั้งแรกปี 1995 (อายุเพิ่งจะ 23 ปี) และ นั่นคือการนั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต แน่นอนว่าเป็นการเดินทาง ออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิต ย้อนกลับไปวันนั้น...จ�ำไม่ได้ว่าตื่นเต้นไหม? ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ส�ำหรับเด็กสาวที่ใช้เวลา ตลอดชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ มาตลอดชีวิต การโบยบินสู่โลกกว้างคือความฝัน คือแรงทะยานอยากเรียน รู้ ดิ้นรนจะออกไปให้ไกลบ้าน ให้เท่าที่จะไกลได้ ไม่มีแม้แต่ความ กลัวสักนิด ไม่ว่าจะเป็นความกลัวของการต้องใช้ชีวิตตามล�ำพัง ความกลัวที่ต้องออกจากอกพ่อแม่ (ไม่มีอะไรเร้าใจไปกว่าการได้ไป 15 / เกียวโตที่รัก
อยู่ให้ไกลจากสายตาของพ่อแม่อีกแล้ว – ในวันนั้น) ไม่มีความคิด เรื่องอาการเหงา โศก คิดถึงบ้าน กล้าหาญ ฮึกเหิมถึงเพียงนั้น แขกจ�ำได้ว่าตัวเองนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ ก่อนจะออก เดินทางพร้อมเพื่อนๆ นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันที่ดอน- เมือง ในขณะที่ “ชาวกรุงเทพฯ” มีครอบครัว เพื่อนฝูง มาส่งกัน อื้ออึง แขกมีคนมาส่งกับเขาด้วยเหมือนกัน 1 คน เนื่องจากขณะ ที่ก�ำลังจะเดินไปเช็กอิน บังเอิญเดินสวนกับเพื่อนที่เรียน มช.มา ด้วยกัน จะว่าเพื่อนก็ไม่เชิง เป็นประมาณคนเคยคุ้นๆ หน้ากันใน คณะฯ มากกว่า เพื่อนถามมาว่ามาท�ำอะไร? แขกบอกว่าก�ำลังจะไปเรียนที ่ ญี่ปุ่น เพื่อนถามต่ออีกว่าใครมาส่ง? แขกก็ท�ำหน้าสบายใจบอก ว่า “ต้องมีใครมาส่งด้วยเหรอ?” – ในใจก็คิดว่า ‘แหม...หมดยุค มาคล้องพวงมาลัยส่งคนไปเมืองนอกแล้วนะยะ’ แต่นั่นแหละ คนเลวๆ อย่างแขกมักมีเพื่อนดีๆ พอรู้ว่าไม่มี ใครมาส่ง เธอก็เอามือทาบอก “โถ...แขก เดินไปส่งเธอดีกว่าจะได้ ดูมีญาติพี่น้อง” สรุปวันนั้นเดินทางโดยไม่โดดเดี่ยวนัก แล้วเพื่อนก็เล่นละคร ได้เนียนมาก...ด้วยการเที่ยวเดินไปฝากฝังแขกกับใครต่อใครที่เดิน ทางไปด้วยกัน ดูดีเชียวละ!… อยู่เกียวโตไปถึงปีที่ 6 จึงเริ่มเขียน จดหมายจากเกียวโต มาลงสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ งานเขียนครั้งนั้นจึงเป็นกึ่งบันทึก กึ่งบอกเล่า กึ่งสนทนาปรับทุกข์กับผู้อ่านที่เมืองไทย ด้วยความ 16 / ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
คับข้องใจอย่างเดียวคือ ท�ำไมเราไม่เป็นได้อย่างเขา? เช่น “ท�ำไมบ้านเมืองเราไม่พัฒนารุ่งเรืองอย่างเขาบ้างหนอ?” “ท�ำไมบ้านเมืองเราไม่มีระเบียบสะอาดสะอ้านแบบนี้บ้าง หนอ?” “ท�ำไมนักศึกษาที่นี่ไม่เห็นการรับปริญญาเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ ์ หนอ?” “ท�ำไมถึงไม่มีเรื่องราวของจักรพรรดิในสื่อเลยหนอ?” ฯลฯ นั่นเป็นค�ำถามจากเด็กสาวที่เพิ่งออกจาก “บ้าน” เป็นครั้ง แรก เกือบ 20 ปีผ่านไป และต้องกลับมาใช้ชีวิตในเกียวโตอีกครั้ง หนึ่ง...ค�ำถามนั้นจะเปลี่ยนไปไหม? (2) เกือบ 20 ปีผ่านไป แขกกลับมาเกียวโต คราวนี้มาในฐานะ Visiting Professor ชื่อต�ำแหน่งหรูหรา ไปอย่างนั้น แต่ความจริงเป็นเรื่องของอาจารย์ที่สถาบันนี้ (บัณฑิต วิทยาลัยเอเชียและแอฟริกันศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต) จะเลือก เชิญนักวิชาการ หรือปัญญาชนสาธารณะมาเป็น “แขก” เพื่อมาร่วม กิจกรรมทางวิชาการที่นี่ และมีนักวิชาการจากทั่วโลกผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันมาตลอด ปีละหลายๆ คน และแขกเป็นแค่หนึ่งในนั้น “ญี่ปุ่น” ไม่ว่าจะในวันนั้นหรือในวันนี้ สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นได้ ทันทีคือ มีลักษณะของความตระหนี่ มัธยัสถ์ เป็นสังคมที่ห่างไกล จากการแสดงออกถึงความมั่งคั่งผ่านรสนิยมอันฟุ้งเฟ้อ ส�ำหรับ 17 / เกียวโตที่รัก
นาข้าวกลางเมืองเกียวโต
คนญี่ปุ่นแล้ว การอวดร�่ำอวดรวยเป็นบาป การตกแต่งบ้านเรือน และการแต่งกายที่มุ่งหมายบอกความมั่งคั่งอันฟู่ฟ่ายิ่งเป็นบาปร้าย แรง ยิ่งร�่ำรวยมาก ยิ่งต้องท�ำตัวให้เรียบที่สุด ให้มีคนสังเกตเห็น น้อยที่สุด ภาพพจน์ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีทันสมัยในปี 1995 โทรศัพท์ที่เราใช้กันในมหาวิทยาลัยยังเป็นโทรศัพท์ที่ใช้นิ้ว หมุนหมายเลขกันอยู่เลย อาคารเรียนก็เก่าคร�่ำคร่า ห้องน�้ำก็มอซอ แต่ในความคร�่ำคร่า มอซอ ทุกอย่างกลับสะอาดพอใช้ และ “ใช้งาน ได้” แปลว่าไม่มีเรื่องน�้ำไม่ไหล ไฟดับ โทรศัพท์เสีย แอร์ ไม่ท�ำงาน ห้องน�้ำกดชักโครกไม่ลง กลับมาครั้งนี้พบว่าสังคมญี่ปุ่นยังคงเป็นเช่นนั้น เป็นสังคม ที่พัฒนาเทคโนโลยีไปไม่หยุดยั้ง แต่กลับใช้เทคโนโลยีตามหน้าที่ และใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าจะเน้นความโอ่อ่าอันสังคมไทย อาจใช้ค�ำว่า “เพื่อรักษาภาพลักษณ์” ในห้องท�ำงานของแขก มีทั้งคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด รุ่น ใหม่ที่สุด ขณะเดียวกันก็ยังมีโทรศัพท์ ใช้ภายในเครื่องเก่าแก่ แต่ ใช้งานได้ดีไม่มีเสีย ตึกที่แขกอยู่ ย่างก้าวที่เราเดินจะเป็นเซ็นเซอร์ของการปิด- เปิดไฟอัตโนมัติ แปลว่าไฟจะเปิดตามก้าวย่างของเราและดับตาม หลังเรามาติดๆ – เหมือนจะทันสมัย – แต่ก็ยังอยู่ภายในรูปลักษณ์ ของตึกที่ปราศจากการตกแต่งอันไม่จ�ำเป็น ย�้ำว่าไม่มีอะไรเกิน ความจ�ำเป็นมาแม้แต่ชิ้นเดียวในตึกนี้ ง่ายจนเกือบจะซอมซ่อ (อย่าลืมว่าแขกมาจากประเทศที่อุดมไปด้วยการตกแต่งอันฟู่ฟ่า แต่ปราศจากหน้าที่ใช้สอย เช่น ลวดลายไทยอันฟุ้งเฟ้อในสถาปัตย 19 / เกียวโตที่รัก
กรรมของเรา) ห้องน�้ำในสถานที่ราชการ หรือสาธารณสถานในเมืองไทย อาจขับเน้นสีสัน ลวดลายกระเบื้อง ความแวววับของสิ่งประดับ ประดา แต่กลับไม่มีสิ่งจ�ำเป็น เช่น ราวจับกันลื่น ปุ่มเรียกฉุกเฉิน อ้อ และบ่อยครั้งไม่มีแม้กระทั่งกระดาษช�ำระ ในขณะที่ห้องน�้ำที่นี่ ไกลจากค�ำว่า “แฟนซี” ไม่เน้นสุขภัณฑ์ราคาแพง แต่มีราวกันลื่น มีปุ่มเรียกฉุกเฉิน มีกระดาษช�ำระมากกว่า 1 ม้วนรองรับ ไม่มีอะไร ขาด ขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไร “เกิน” ส่วนสาธารณสถานแบบ “ไทยๆ” ที่แขกคุ้นเคยนั้นกลับมีสิ่ง ที่ไม่จ�ำเป็นจนล้นเกิน แต่สิ่งที่พึงมี-จ�ำเป็นต้องมีกลับขาด ก็คงเหมือนกับ ซูชิ – มีข้าวและมีปลาหนึ่งชิ้นวางบนนั้น – จะมีอาหารอะไรง่ายไปกว่านี้ ขณะเดียวกันก็คงหาอาหารที่จะซับ ซ้อนไปกว่าซูชิไม่มีอีกแล้ว เพราะกว่าจะได้ข้าวซูชิที่มีคุณภาพ สารพัดเทคนิคการหุงข้าวสุดละเมียด กว่าจะคัดเลือกชิ้นปลามาวาง บนข้าว ฯลฯ สังคมญี่ปุ่นยังคงเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้งในตัว ของมันเอง มีทั้งพลังที่เป็นจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันความแข็งแกร่งนั้นก็เป็นทั้งแรงฉุดรั้งให้ญี่ปุ่นไม่อาจ ก้าวทัน “โลกใหม่” อย่างเกาหลีที่เต็มไปด้วยพลังงานและชีวิตชีวา .................................. แขกเขียนต้นฉบับชิ้นนี้ 3 วันหลังจากเดินทางมาถึง แต่ กลับได้กลิ่นความอ่อนล้าของญี่ปุ่นที่ก�ำลังจะกลายเป็น “คนแก่” เมื่อเทียบกับเกาหลี 20 / ฮิมิโตะ ณ เกียวโต
Cool Japan – นโยบายใหม่ล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นที่พยายาม จะยึดครองต�ำแหน่งผู้น�ำทางวัฒนธรรมร่วมสมัยกลับคืนมา จะเป็น ไปได้แค่ไหน อย่างไร มาถูกทางหรือก�ำลังหลงทิศ? แขกไม่แน่ใจว่ามีค�ำตอบหรือเปล่า แต่มีเรื่องเล่า...ที่อาจจะท�ำให้คุณมีค�ำตอบเป็นของตัวเอง
21 / เกียวโตที่รัก