สวรรค์ ชั้น
โตเกียว Tune In Tokyo The Gaijin Diaries Tim Anderson ผู้เขียน จิตราพร โนโตดะ ผูแ้ ปล
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน 2556
สารบัญ
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้แปล
6 7
บทน�ำ ถามและตอบ : ผมเบื่อประเทศอเมริกาจะแย่แล้ว บทที่ 1 เกิดใหม่ บทที่ 2 อุปสรรคทางภาษา บทที่ 3 เรื่องมันใหญ่ บทที่ 4 ไกจินห่วยๆ บทที่ 5 ตีกลองร้องป่าว บทที่ 6 เรื่องของน้องจิ๋ม บทที่ 7 จักรพรรดิแห่งกินซ่า บทที่ 8 บุรุษไกจินผู้พิชิตหัวใจสาว บทที่ 9 นักเรียนเจ้าปัญหา บทที่ 10 จะแบ๊วไปไหนเธอ บทที่ 11 ใครดีใครรอด บทที่ 12 เรื่องเกย์ๆ บทที่ 13 จิม-ซิลล่า บุก! บทที่ 14 อีโก้ไหนจะสู้เลโก้ บทที่ 15 เจ้าแม่คาราโอเกะ บทที่ 16 ไกจิน หันไปมองบ้านได้แล้ว
11 23 44 70 79 101 126 140 154 171 191 201 215 225 252 271 280
กิตติกรรมประกาศ เกี่ยวกับผู้เขียน
300 302
สวรรค์ ชั้น
Tune In Tokyo The Gaijin Diaries
โตเกียว
ฉันมีสไตล์ แต่ไร้ซึ่งมาด ฉันมีเสื้อผ้า แต่ไร้หน้าตา ฉันมีขนมปัง แต่ไร้เนยทา ฉันมีหน้าต่าง แต่ไร้ม่านปิด แต่ฉันใหญ่สุดฤทธิ์ในญี่ปุ่น ทอม เวทส์
外人
บทน�ำ
ถามและตอบ : ผมเบื่อประเทศอเมริกาจะแย่แล้ว ไกจิน 外人 ค�ำนาม. 1. คนต่างชาติ, คนนอก 2. คนกวนโอ๊ย, ชาวต่างชาติตัวใหญ่เบิ้ม, คนที่มักถูกมองเวลาอยู่ในรถไฟ
ท�ำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่
ผมเจอค�ำถามนี้ในค�่ำวันหนึ่งระหว่างอยู่ในชั้นกับนักเรียนระดับอ่อน ปวกเปียกสองคนในโรงเรียนสนทนาภาษาอังกฤษย่านใจกลางโตเกียว ผม ฮิโรมิ และคิโยมิ ก�ำลังหน้าด�ำคร�่ำเคร่งกับการตั้งประโยคค�ำถามที่เริ่มต้น ด้วยค�ำว่า ‘เมื่อไหร่’ ‘ที่ไหน’ และที่พลาดไม่ได้คือ ‘อะไร’ ทั้งคู่ฝึกตั้ง ค�ำถามกับอีกฝ่ายโดยใช้แบบฝึกหัดแนะน�ำตัวเอง และสิ่งที่ได้ออกมาก็คือ “คุณชอบอะไรกีฬา” และ “เดือนคุณวันไหนเกิด” จากนั้นก็มาที่ค�ำถาม ‘ท�ำไม’ “คุณพอจะนึกค�ำถามที่ขึ้นต้นด้วย ‘ท�ำไม’ แล้วถามกับคิโยมิได้ ไหม” ผมถามฮิโรมิอย่างช้าๆ ด้วยความไม่แน่ใจว่าเธอจะตั้งค�ำถามได้ เพราะเธอจ้องหน้าผมด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจสุดขีด ประหนึ่งผม สวรรค์ชั้นโตเกียว 11
ไปซักเธอว่าแม่ของเธอมีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมพ่อหรือเปล่า วันนี้ผมเจอนักเรียนกลัวขี้แตกขี้แตนซะจนผมอ่อนใจ แถมตอนนี้ ได้เจอแบบแท็กทีมคู่อีกต่างหาก นี่อย่างกับล่อแมวให้ออกจากใต้เตียงอยู่ ตลอดสองชั่วโมงเต็มยังไงยังงั้น คือพอมันขยับออกมาได้สักสองสามก้าว แล้วคุณดันเผลอขยับตัวโดยไม่ทันระวังสักหน่อยมันก็วิ่งหางจุกตูดไปไกล สุดเอื้อมซะงั้น จนคุณถึงกับทึ้งหัวตัวเอง ผมมองออกนอกหน้าต่างไปยังท้องฟ้ากรุงโตเกียวที่สว่างไสวไปด้วย แสงไฟ เห็นป้ายโฆษณาเบียร์ซัปโปโรบนตึกข้างๆ ที่เป็นชายชาวญี่ปุ่นร่าง บึกสองคนสวมเสื้อสูทก�ำลังจ้องหน้าผม และตั้งค�ำถามใส่ผมว่า “ชอบเบียร์ ไหม” แล้วผมก็นึกค�ำถาม ‘ท�ำไม’ ของตัวเองได้ขึ้นมาค�ำถามหนึ่ง ท�ำไมนักศึกษามหาวิทยาลัยที่จบปริญญาตรีสาขาภาษาอังกฤษด้วย ผลการเรียนสวยเริด เป็นโรคเบาหวาน เป็นหนี้บัตรเครดิต ดั้งจมูกโด่งแบบ โรมัน เป็นพวกรักร่วมเพศแบบสายเลือดเข้มข้นและเลิกไม่ได้อยากละทิ้ง โอกาสการงานที่มีอยู่มหาศาลไร้ขีดจ�ำกัดในประเทศสหรัฐอเมริกา (อาทิ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานเสิร์ฟ หรือเป็นครูเพื่อให้นักเรียนมัธยมปลายยิง ทิ้งเล่น) เพื่อไปยังเกาะเล็กๆ ผู้คนแน่นทะลักและเต็มไปด้วยคนฉลาดๆ ที่มีรูปร่างสมส่วนจนท�ำให้เขาดูกลายเป็นไอ้อ้วนไปเลย ก่อนจากประเทศสหรัฐอเมริกาผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองอยากด�ำเนินเส้นทาง อาชีพไปทางไหน ไม่ต่างจากบรรดาชาวราศีเมถุนจอมขี้เกียจและไร้ความ กระตือรือร้นที่เกิดในยุคเดียวกัน ตัวผมนั้นเป็น “ชาวอเมริกันโดยก�ำเนิด ภูมิใจที่เกิดเป็นชาวใต้” บ้านเกิดอยู่เมืองรอลีห์ รัฐนอร์ทแคโรไลน่า ผมมีงานพาร์ตไทม์สามงานกับแฟนหนุ่มอีกหนึ่งคน (ถ้ากลับกันละก็ คงจะดีกว่านี้เยอะ) งานของผมที่ไบรท์ลีฟซึ่งเป็นวารสารด้านวรรณกรรม ทางตอนใต้ของสหรัฐ จัดว่าเป็นประสบการณ์การท�ำงานที่ดีมาก เซาเทิร์น ฟิกชั่นเป็นวรรณกรรมประเภทที่ก�ำลังฮอตฮิตอยู่ในขณะนั้น คนทั้งประเทศ เพิ่งรู้กันว่าชาวใต้ส่วนใหญ่อ่านออกและเขียนได้โดยไม่ต้องคอยคายยาเส้น 12 จิตราพร โนโตดะ แปล
ใส่กระโถน ตอนท�ำงานอยู่ที่นั่น ผมมีโอกาสได้อ่านและเรียบเรียงงานเขียน ที่น่าจับใจมากอยู่หลายชิ้น แต่ปัญหาใหญ่ของงานนี้ก็คือค่าจ้าง แบบว่ามัน น้อยนิดเสียยิ่งกว่างานอาสาสมัครของสมาคมโรคหัวใจอเมริกันซะอีก งานที่สองเป็นงานที่ร็อกฟอร์ด ภัตตาคารย่านใจกลางเมือง ผมท�ำ งานเป็นพนักงานเสิร์ฟตามโต๊ะสัปดาห์ละสองสามคืน ผมรู้สึกว่าตัวเอง ไม่มีความหมายอะไรกับงานนี้เลยนอกจากเป็นคนเสิร์ฟที่แสนน่าเบื่อ แบบ ว่าอารมณ์เดียวกับโฟลในเรื่องอลิซอย่างงั้นแหละครับ แต่ผิดกันตรงที่นาง มีทรงผมเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร แถมยังมีหนุ่มๆ เข้าคิวอยากเดตกับนางยาว เหยียดเป็นหางว่าว (เฮ้อ) ทุกครั้งที่ผมรู้สึกตัวว่าก�ำลังพูดบิ๊วต์อารมณ์ ลูกค้าว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ ผมจะต้องหยุดถามตัวเองว่า “ไอ้ พวกนั้นสมควรได้รับความเมตตาแบบนั้นจากฉันเชียวเรอะ หลังจากที่ทิป ฉันแค่สิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์เนี่ยนะ” ค่อยยังชั่วที่กฎของภัตตาคารแห่งนั้นไม่ค่อยจะเข้มงวดนัก เช่น ไม่มีเครื่องแบบให้ใส่ ไม่รับแยกใบเสร็จ และต้องขอบคุณพระเจ้างามๆ ที่ ไม่มีเก้าอี้เด็กในร้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมไม่ชอบพนักงานเสิร์ฟตาม โต๊ะที่ผมต้องมาเป็นนี่เลย ตอนส่งลูกค้าลงบันไดเพื่อออกไปสู่ถนน ผม ไม่ยักเห็นคนแฮะ กลับมองเห็นแต่ระบบย่อยอาหารเดินได้และพูดได้ซะงั้น ผมเห็นเบียร์ เบอร์เกอร์ผัก และสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กก�ำลังหมุนโครกคราก อยู่ในท้อง เห็นตับไตไส้พุง และบอกได้เลยว่าผมไม่ชอบสิ่งที่เห็นเอาซะเลย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผมโผไปหางานที่สามเนื่องจากเงินจากการ ท�ำงานในนิตยสารไม่พอยาไส้ และทนท�ำงานเกินสองถึงสามกะต่อหนึ่ง สัปดาห์ในร้านอาหารไม่ไหวอีกแล้ว ผมจึงมาสอนภาษาอังกฤษที่ศูนย์ภาษา เบอร์ลิทซ์ในท้องถิ่น ใช้เวลาสองสามวันต่อสัปดาห์เพื่อสอนนักธุรกิจชาว ญี่ปุ่นว่าต้องท�ำอย่างไรจึงจะสื่อสารได้(เกือบ)มีประสิทธิภาพและมีความ มั่นใจ(พอถูไถ)ในภาษาที่พวกเขากลัวหัวหดซะยิ่งกว่าตัวก๊อดซิลล่า “โรงเรียนของเราไม่ได้ต้องการครูที่ดีที่สุดในรอลีห์” หัวหน้าครูของ โรงเรียนพูดกับผมระหว่างสัมภาษณ์ “แต่เราต้องการครูที่ดีที่สุดในโลก เลยต่างหาก” ช่างบ้าบิ่นและกล้าพูดออกมาได้ ก็ค่าจ้างที่ผมได้ไม่ต่างจาก สวรรค์ชั้นโตเกียว 13
พนักงานคิดเงินในซูเปอร์มาร์เก็ตฟู้ดไลอ้อนเลยน่ะสิ และพระเจ้าย่อมรู้ดี ว่าครูพวกนี้ย่อมไม่ใช่ครูที่ดีที่สุดในโลกด้วย เพราะถ้าเบอร์ลิทซ์ประเมิน ผมว่าเป็นครูที่เป็นแรงบันดาลใจสูงส่งที่สุดในสามโลก มีหรือพวกเขาจะ จ้างผมด้วยเงินเจ็ดดอลลาร์ต่อการสอนสี่สิบห้านาทีน่ะ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นงานที่ท�ำแล้วมีความสุข ฉะนั้นผมก็เลยไม่ ค่อยเดือดร้อนกับค่าจ้างเท่าไร ผมได้รู้จักผู้คนจากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เช่น เม็กซิโก เปอร์โตริโก ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี บราซิล เกาหลี เป็นช่วง เวลาไม่กี่ชั่วโมงในเวลาไม่กี่วันต่อสัปดาห์ที่ผมสามารถคลายความน่าเบื่อ ของชีวิตแบบคนบ้านๆ แล้วได้ติดต่อกับโลกภายนอกบ้าง และการได้ติดต่อกับโลกภายนอกนี่แหละคือเรื่องที่ผมอยากท�ำเหลือ เกิน อยู่มาวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ผมแปรสภาพจากคนครื้นเครงที่สนุก สนานกับการรู้จักผู้คนใหม่ๆ มาเป็นนักสูบกัญชาไร้จุดหมายที่เอาแต่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับชาวบ้าน และก�ำลังแก่ตัวลงในวัยสามสิบ แถมยังไม่ยอมโงหัว ออกไปส�ำรวจโลกภายนอกยกเว้นดูจากในจอทีวีเท่านั้น ครั้งหนึ่งผมเคย เป็นเด็กอยากเด่นอยากดังที่เป็นขาประจ�ำโชว์บนเวที ในประวัติการท�ำงาน ระบุไว้ว่า เคยเล่นบทเด่นๆ ในลิตเติล เธียเตอร์ โปรดักชั่นของท้องถิ่นมา แล้วหลายเวที และถึงแม้ภาคทฤษฎีดนตรีจะง่อยสนิท แต่ผมก็เป็นนักสี ไวโอลินและวิโอล่าประจ�ำโรงเรียนและเล่นวงออร์เคสตร้าของมิวสิกแคมป์ มาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมเป็นคนสันโดษไร้ความมั่นใจใน ตัวเองโดยสิ้นเชิง และอาการหนักถึงขนาดไม่กล้าหยิบวิโอล่าออกมาสีให้ เพื่อนสนิทฟัง เหตุเพราะกลัวเล่นผิดโน้ตแล้วจะท�ำให้เพื่อนๆ เบือนหน้าหนี โผไปซบอกเพื่อนเกย์คนอื่นที่มอบความบันเทิงได้ดีกว่า เรื่องแบบนี้มันเกิด ขึ้นได้ยังไงกันเนี่ย ถ้าผมตอนอายุสิบสามสามารถเห็นผมในตอนนี้ได้ละก็ คงได้แต่ส่ายหน้า ท�ำเสียงจึ๊กๆ แล้วลงมือบรรเลงบทเพลงมินูเอทหรืออะไร ประมาณนี้สักท่อน จากนั้นก็มองผมหัวจรดเท้ารอบหนึ่งก่อนซัดผัวะเข้าที่ หน้าให้สักที ผมมองวิโอล่าที่วางพิงกล่องในห้องนอนอย่างเดียวดาย มันดูโหยหา อยากถูกสัมผัส จับต้อง และถือกระชับไว้ในมืออย่างมั่นคงและด้วยใจรัก 14 จิตราพร โนโตดะ แปล
ของผู้เล่นที่เชี่ยวชาญ ผมไม่ได้หยิบมันขึ้นมาหลายเดือนแล้ว ครั้งสุดท้าย ที่จับมันก็รู้สึกได้ชัดเจนเลยว่า เจ้าวิโอล่าพยายามบอกให้ผมวางมันลงเถอะ แล้วเอามันไปขายให้เด็กนักเรียนดนตรีอายุห้าขวบสักคนยังจะดีซะกว่า “เธอโงหัวออกจากบ้านหลังนี้สักทีสิ” จิมมี่ แฟนของผมพูดระหว่าง ที่ผมก�ำลังอัดบ้องกัญชาเป็นรอบที่ยี่สิบของวัน แล้วระบายควันออกจากทุก รูที่อยู่บนหัว “นี่จะซังกะตายไปถึงไหน” เล่นเอาผมสะดุดกึกเมื่อจิมมี่ใช้ค�ำศัพท์เกินสองพยางค์ (ตามปกติ แล้วเขาจะขี้เกียจนึกค�ำยาวๆ) แล้วท�ำให้ผมต้องฉุกคิดขึ้นมา เออ สงสัย เขาจะพูดถูกแฮะ ผมคงไม่ได้แค่เบื่อ หรือไร้จุดหมาย หรือขี้เกียจ หรือ สับสนกับชีวิต หรือเมายา หรือกลัว หรือหวาดระแวง หรือกังวลว่าจะถูก ฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมกลางถนนในวันรุ่งขึ้นโดยที่ยังไม่ได้ท�ำอะไรสัก อย่างเป็นชิ้นเป็นอันหรอก แต่ผมมันอยู่อย่างซังกะตายจริงๆ เหมือนมิส ฮาวิแชมในเกรต เอ็กซ์เพ็กเทชั่นส์ หรือโรซานน่า อาร์เคว็ตในเดสเพรตลี ่ ซีกกิ้ง ซูซาน (ว่าแต่ใครจะเป็นมาดอนน่าให้ผมล่ะ) ผมสงสัยว่าครั้งล่าสุด ที่มีเรื่องน่าตื่นเต้นบนโลกใบนี้ หรือท�ำตามวิถีทางงงๆ ที่ผมสร้างขึ้นเอง หรือท�ำเรื่องโดดเด่นกับเขาบ้างคือตอนไหนกันนะ มาดูกันหน่อย ก็มีอยู่คราวหนึ่งเมื่อสักปีก่อนตอนผมก�ำลังหางาน ที่สี่ท�ำ ผมไปบริษัทจัดหางานแล้วท�ำสอบได้คะแนนสูงสุดในรอบหลาย เดือน–หลายเดือนเชียวนา!-ในการสอบวิชาพิมพ์ดีด (ผมเป็นนักพิมพ์ขั้น เทพจริงๆ) แล้วก็เมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนผมตื่นขึ้นมาในสภาพเมายา แล้ว ดูรายการทูเดย์ โชว์ที่สัมภาษณ์แอน โคลเทอร์นั้น ผมร้องเอะอะด้วยความ ตื่นเต้นประหลาดใจว่าท�ำไมคอเจ้าหล่อนถึงได้ยาวเป็นดุ้นยังกะไอ้จ้อนตอน แข็งตัวปานนั้น เล่นเอาผมต้องแหกปากโวยวายใส่ยายหัวทองงี่เง่าที่พูด เสียงแสบหูจนจิมมี่ต้องวางจานขนมปังซินเนมอนตรงหน้าเพื่อจะได้ปิดปาก ผมสักที แต่ชีวิตมันควรต้องมีอะไรน่าตื่นเต้นมากกว่านี้บ้างสิ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ครั้งสุดท้ายที่ผมรู้สึกตัวเองมีสติสตังเต็มร้อย และมีชีวิตชีวาที่สุดก็คือครั้งสุดท้ายที่ได้เดินทางออกนอกประเทศ หลัง เรียนจบมหาวิทยาลัยผมก็บินไปลอนดอนเมืองที่ผมหลงรักเมื่อหลายปีก่อน สวรรค์ชั้นโตเกียว 15
ตอนเดินทางไปแมนเชสเตอร์ ผมอยู่ที่นั่นนานเท่าที่กฎหมายอนุญาต (ชาว อเมริกามีสิทธิอยู่ได้เพียงหกเดือนโดยใช้วีซ่าท�ำงานเท่านั้นเพื่อรักษาประ โยชน์ให้กับประเทศอังกฤษ) แถมยังได้อาศัยอยู่แถบบ้านใกล้เรือนเคียง ของแจ๊ก เดอะ ริปเปอร์อีกต่างหาก เมื่อผมถูกเตะโด่งออกมาจากงานใน โฮม ออฟฟิศก็ม้วนเสื่อกลับบ้าน ได้งานท�ำงานหนึ่ง ต่อด้วยอีกงาน และ ก็อีกงาน จากนั้นในอีกห้าปีต่อมา ผมก็เบื่อหน่ายกับชีวิตจนแทบอ้วกและ อยากหลุดจากสภาพนี้เต็มแก่ จิมมี่พูดถูก ผมต้องโงหัวออกจากบ้านได้แล้ว ผมต้องปลุกตัวเอง ให้ตื่น สาดน�้ำใส่หน้าซีดๆ จุ่มหน้าหมองๆ ลงในน�้ำเย็นเจี๊ยบ แล้วบังคับ ตัวเองว่าต้องออกไปเผชิญโลกอย่างน้อยสักครึ่งโลกก็ยังดี แต่หนนี้ผม อยากไปในที่ที่ผู้คนปลื้มผมจริงๆ ไม่ใช่ประเทศอังกฤษที่เกลียดผม แต่ก็ อย่างว่าละนะ คนอังกฤษมีความสัมพันธ์แบบตบจูบกับคนอเมริกาอยู่แล้ว พวกชาวอังกฤษแท้ๆ เขามองกันว่าคนอเมริกาเสียงดัง แต่งตัวไม่เคยถูก กาลเทศะ ประชากรส่วนใหญ่ไม่เคยสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกพรมแดน ของพวกเรา และส�ำคัญที่สุดก็คือ ท�ำภาษาอังกฤษวิบัติพร้อมเพรียงกันทั่ว โลกโดยผ่านทางจักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรมของภาพยนตร์และรายการ โทรทัศน์ อันเป็นเหตุให้ “ภาษาอเมริกา” เป็นภาษาที่มีการพูดมากที่สุด และส�ำเนียงเป็นที่จดจ�ำได้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้เราใช้ค�ำว่า ‘quaint’ (ตกรุ่น) เพื่อบ่งบอกลักษณะของบ้านที่สร้างก่อนทศวรรษ 1970 ตอนนี้ ผมพร้อมแล้วที่จะไปในสถานที่ที่พาสปอร์ตสัญชาติอเมริกา และการใช้ ภาษา ‘อเมริกันอิงลิช’ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่ภาระหน้าที่ นอก จากนี้ผมก�ำลังโหยหาบรรยากาศเริงร่ามองโลกในแง่บวกด้วย เพราะคน อังกฤษมักจะท�ำท่าหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตลอดเวลา แล้ววันหนึ่งที่เบอร์ลิทซ์ นักเรียนคนหนึ่งของผมชื่อฮิโร่ผู้ชื่นชอบ เพลงแนวบลูกราส*และเล่นแบนโจ ก็ให้ค�ำแนะน�ำที่ติดค้างคาใจผมไป หลายเดือน “คุณน่าจะไปญี่ปุ่นนะครับ!” –––––––––––––––––––––––––––––– * เพลงสไตล์คันทรี่ของอเมริกา–ผู้แปล 16 จิตราพร โนโตดะ แปล
แล้วผมก็คิดในใจว่า “เออ ก็น่าไปจริงๆ ว่ะ” เหตุผลหนึ่งก็คือมัน อยู่อีกซีกหนึ่งของโลก แถมยังมีข้อดีอีกอย่างคือ ผมไม่จ�ำเป็นต้องเข้าใจ ทุกอย่างที่คนที่นั่นพูดด้วย และที่เจ๋งที่สุดก็คือคนญี่ปุ่นไม่ได้เกลียดคน อเมริกันมากมายนัก ไม่ใช่หรือ นี่คือเผ่าพันธุ์ของชาติที่เคยเป็นศัตรูกับเราในอดีตที่ผ่านไปไม่นาน นัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะรักเราดีด้วยซ�้ำ พวกเขาดื่มน�้ำอัดลม ของเรา ดูหนังของเรา ก๊อปปี้วอลต์ดิสนีย์เป็นของตัวเองอีกต่างหาก แล้ว ส่งลูกเข้านอนด้วยการ์ตูนสนูปปี้กับวู้ดสต๊อก ผมอยากรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร อะไรคือความฝัน ความหวัง และความกลัวของพวกเขา อยากรู้ว่าพวกเขา จ�ำชื่อของกันและกันได้ยังไง และที่ส�ำคัญที่สุด พวกเขาจะคิดยังไงกับผม เอาเป็นว่าผมพูดได้เต็มปากเต็มค�ำว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าเร้าใจ กว่าประเทศฟินแลนด์หรือนิวกินีก็แล้วกัน เมื่อไรก็ตามที่ชาวตะวันตกพูด ถึงประเทศญี่ปุ่นหรือคนญี่ปุ่น ดูเหมือนทุกค�ำที่ออกมา ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ รายการทีวี วงดนตรีร็อก วัฒนธรรม ภาพโป๊ หรือความนิยม การเฉือนหน้าท้องตัวเอง จะต้องมีค�ำว่า แม่ง หรือสารพัดรูปแบบของค�ำว่า บ้าๆ รวมอยู่ด้วย “เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ฉันได้ดูหนังญี่ปุ่นบ้าๆ ที่แม่งเกี่ยวกับการ ฆาตกรรมด้วยละ” อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งนะครับ หรืออาจจะเป็น “ฉันไป ได้กล้องดิจิตอลบ้าๆ ของญี่ปุ่นแม่งมาอันหนึ่ง” หรือ “ให้ตายสิ ไอ้เว็บไซต์ ไลฟ์สตรีมบุคคาเขะนั่นแม่งโคตรบ้าเลยว่ะ” ท�ำเอาผมอยากโพล่งค�ำพูด แบบนั้นออกมาเองตามธรรมชาติได้บ้าง และไปเห็นความบ้านั้นด้วยตาตัว เองจริงๆ เออ นั่นสิ ผมน่าจะไปญี่ปุ่นและท�ำเรื่องบ้าๆ ของตัวเองเนอะ ผม จะไปเล่นวิโอล่าบนยอดโตเกียวทาวเวอร์ เขียนและร่ายกลอนไฮคุตอน ชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า หาวิธีใช้ตะเกียบแบบไม่เหมือนชาวบ้าน และตระ หนักว่าตัวเองมีความฝันที่จะได้เล่นคีย์บอร์ดในวงดนตรีร็อกนิวเวฟที่มีแต่ ชาวญี่ปุ่นทั้งวง ผมอยากไปที่นั่น อยากย�่ำอยู่บนทางเท้าแล้วทิ้งร่องรอย ของผมไว้ตรงนั้น (ส่วนจะเป็นคราบเลือดหรือไม่นั้น เวลาจะบอกคุณเอง) สวรรค์ชั้นโตเกียว 17
ผมตัดสินใจไปโตเกียวที่เป็นหัวใจส�ำคัญของชาติ ที่ที่มีสถาปัตยกรรมแนวไซ-ไฟ แสงสีในเมืองแพรวพราวอย่างกับมองในกล้องคาไลโด สโคป ที่นั่นมีสาวสวยนุ่งกิโมโนแต่พูดโทรศัพท์มือถือเรืองแสงวิบวับ เป็น เมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนดีเยี่ยม และมีเซเลบฯ พื้นเมืองอย่างยูกิโอ* มอทร่า** และที่ขาดไม่ได้ เฮลโหล คิตตี้ โตเกียวเป็นมหานครขนาดใหญ่มีประชากร 5.3 ล้านคน ถึงแม้จะ เคยถูกฆ่าล้างบางไปเป็นจ�ำนวนมหาศาลด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดสัญชาติ อเมริกาในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็เพิ่มจ�ำนวนขึ้นมามากมาย จากกองขี้เถ้า จนตอนนี้สามารถคุยได้ว่ามีจ�ำนวนโทรทัศน์จอยักษ์ต่อพื้นที่ หนึ่งตารางไมล์มากที่สุดในโลก ครองต�ำแหน่งประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ เป็นอันดับสองของโลก เป็นประเทศอภิมหายิ่งใหญ่อลังการงานสร้างที่ยืน หยัดสู้กับพายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว และข่าวโปรโมตหนังของทอม ครูซได้ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ที่นี่ยังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจากเหล่ากิ้งก่ายักษ์ แมงป่องยักษ์ และแมลงยักษ์ที่ถล่มระบบขนส่งมวลชนของประเทศอยู่เป็น อาจิณ ที่เลวร้ายกว่านั้น พวกมันไม่เคยถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องเลยด้วย ต่อให้ขอร้องอย่างสุภาพแล้วก็ตาม ตอนผมยังเป็นเด็ก เมื่อไรก็ตามที่ดูรายการสารคดีเก่าๆ สักตอน เกี่ยวกับก๊อดซิลล่าบุกโตเกียวละก็ ผมจะต้องนึกภาพตามไปทุกครั้งว่าตัว เองสามารถอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้นได้อย่างไม่ขัดเขิน เพราะผมถนัดนักเรื่อง วิ่งหนีอะไรก็ตามที่น่าหวีดสยอง เก่งเรื่องปีนป่ายเข้าไปในที่ที่ไม่น่าตะกาย เข้าไปได้ และสามารถลากคนที่บังเอิญผ่านมาให้เป็นโล่มนุษย์ และบัดนี้ เมื่อผมเติบโตจนเกือบเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ผมก็ไปที่นั่น จนได้ อนาคตเปรียบเหมือนหลอดไฟนีออนนี่แหละ และผมจะเอาสวิตช์ ไฟไปด้วย –––––––––––––––––––––––––––––– * ยูกิโอ (Yu-Gi-Oh) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นผลงานของคะซูกิ ทะกะฮะชิ มีจุดเด่นที่ใช้ การต่อสู้ด้วยการ์ดเกม หรือ ‘การ์ดยูกิ’ ที่เด็กๆ รู้จักกันดี–ผู้แปล ** มอทร่า (Mothra) ตัวปีศาจญี่ปุ่นที่เป็นผีเสื้อยักษ์–ผู้แปล 18 จิตราพร โนโตดะ แปล
เมืองแห่งอนาคตในความฝันที่เต็มไปด้วยเหล่าปีศาจร้ายก�ำลังรอ ผมอยู่ มันคือที่ที่ผู้คนจะไม่เดินไปตามถนนแต่จะยืนอ่านหนังสือพิมพ์ที่ มองไม่ออกว่าเขียนอะไรอยู่บนทางเท้าที่เลื่อนเองได้ คนที่นั่นจะคุยกับ เพื่อนผ่านจอวิดีโอเล็กๆ ขนาดพกพา พวกเขาจะไม่นั่งอยู่ในยานพาหนะ ที่วิ่งตามถนนแต่จะเหาะอยู่เหนือฝูงชนคนเดินถนนและปั่นจักรยาน โดย โลดแล่นในยานยนต์ลอยฟ้าโตโยต้า ซีแซดเอ็กซ์ ที่นั่นจะมีพระพุทธรูป ส�ำริดองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านเริงร่า มีหุ่นโปเกมอนพลาสติกตัวเล็กๆ ที่สว่าง ด้วยไฟเดย์โกลขนาบทั้งสองข้าง ส่วนตัวผมนั้นก็จะหาที่อยู่เองที่นั่น ผมจะสวมเสื้อเทรนช์โค้ตสี เบจเดินไปตามถนนที่ฉ�่ำด้วยฝนกรดในยามกลางคืน บุหรี่มวนหนึ่งคาบ ไว้ที่ปากเจ่อๆ และตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีของเมือง ผมจะสั่งราเมนควัน ฉุยจากบาร์ขายบะหมี่ข้างทางโดยใช้ภาษาสแลงของชาวโตเกียวที่ใช้กัน อย่างแพร่หลายในย่านไหนสักแห่งที่ผมไปเยือนในคืนนั้น แสงไฟนีออน จะสะท้อนกับแว่นกันแดดสีด�ำทรงโฉบเฉี่ยวของผม และผมจะเริ่มอ่านตัว หนังสือจากบนลงล่างและจากซ้ายไปขวา ผมจะเป็นอย่างแฮริสัน ฟอร์ดในหนังเรื่องเบลด รันเนอร์ที่ไล่ควาน หาพวกหุ่นเรพพลิแคนต์ไปทั่วเมือง (หรือจะเป็นคุกกี้ก็แล้วแต่) ผมจะ เดินตามกระดาษพับโอริกามิอันเล็กที่บุรุษหน้าตาชวนหลอนคล้ายผู้ก�ำกับฯ เอ็ดเวิร์ด เจมส์ ออลโมสทิ้งไว้เป็นทาง มันคงพาผมไปจุดหมายปลายทาง สักแห่ง ปัญหาความยุ่งยากและการไม่ยอมรับคงรอคอยผมอยู่ แต่ผม ก็พร้อมรับมัน อพาร์ตเมนต์ของผมบนชั้น 237 ของตึกที่ควบคุมทุกอย่างด้วย ระบบคอมพิวเตอร์จะดูมืดทึมท่ามกลางสายหมอก มีแค่ไฟส่องสว่างจาก ป้ายไฟโฆษณาด้านนอกหน้าต่างห้องเท่านั้น ผมจะโดยสารลิฟต์แก้วสื่อ สารที่สามารถพูดได้ถึงห้าสิบภาษา แถมยังจ�ำจากน�้ำเสียงได้ว่าคุณคือใคร จะไปชั้นไหน เมื่อคุณเอ่ยว่า “คนนิจิวะ XR378B” ผมจะมีเครื่องอ�ำนวยความสะดวกทุกชนิดของญี่ปุ่น อย่างเช่น ฟูก ที่นอนที่เก็บเล็กลงเหลือเท่าบัตรเครดิต เครื่องท�ำราเมนในครัวที่มีราเมน สวรรค์ชั้นโตเกียว 19
ให้เลือกสารพัดรสพร้อมตะเกียบในตัว ห้องน�้ำที่มีกลไกช่วยอาบน�้ำ ตั้งแต่ ถอดเสื้อคลุมอาบน�้ำให้ ถูสบู่ ใส่แชมพูและครีมนวด ตบท้ายด้วยเป่าตัวให้ แห้งระหว่างที่ผมชมข่าวทางโทรทัศน์สามมิติที่ลอยอยู่กลางอากาศแบบที่ เจ้าหญิงเลอาใช้ นาฬิกาปลุกจะรู้เวลาที่ผมอยากตื่น และเวลาที่ผมจ�ำเป็น ต้องตื่น เมื่อมีคนเดินเข้ามาที่ประตูห้องเครื่องสแกนที่รูส่องก็จะบอกชื่อ ที่อยู่ ประวัติอาชญากรรม จ�ำนวนแก้วที่ชอบดื่ม กิจกรรมในยามว่าง และ สีโปรดของพวกเขา โตเกียวแบบนี้ละที่ผมจะไป ผมจะวิ่งหนีสารพัดปัญหาที่บ้านเกิด อย่างกล้าหาญ แล้วจะ (ขอแอบเกี่ยวนิ้วไว้ก่อน) เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่ แห่งใหม่อันวิเศษมหัศจรรย์แห่งนี้ ผมจะท�ำให้คนในโตเกียวทึ่งด้วยไหว พริบและส่วนสูงของผม ผมจะดื่มค็อกเทลสีเขียวพาสเทลและร้องคาราโอเกะเพลงของเอลวิสในห้องซึ่งเต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นที่น่ารักและน่าหลงใหล ที่สุด ใช่แล้ว เมืองนี้ละที่จะแก้ไขทุกสิ่งอย่างให้ดีขึ้น ใครจะเป็นมาดอนน่า ให้ผมน่ะหรือ ก็โตเกียวไง และ ณ บัดนาว ผมก็ได้อยู่ที่นี่แล้ว และเห็น ชัดว่าหลายๆ อย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลยสักนิด ยานพาหนะทุก ชนิดวิ่งติดพื้น การจราจรก็เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย (และนี่เฉพาะคนเดิน ถนนเท่านั้นนะ) ฝูงมหาชนชาวญี่ปุ่นเกือบท�ำผมหล่นไปอยู่หน้ารถไฟแทน ที่จะได้ขึ้นรถไฟ และที่พักก็ห่วยแตกเหลือรับ (หันไปหันมาเจอแต่ห้องครัว กับห้องน�้ำ) แล้วอีตาเอ็ดเวิร์ด เจมส์ ออลโมส*ก็ไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ แต่โตเกียวก็เป็นเมืองที่วิเศษมาก ที่นี่ท�ำให้ผมมีประกันสุขภาพ ได้ในที่สุด และทุกวันจะต้องมีเรื่องหน้าแตกที่แสนตื่นเต้นรอคอยอยู่ ที่ ส�ำคัญที่สุด น�้ำหนักผมหายไปตั้งยี่สิบปอนด์แน่ะ ส�ำหรับผมแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติมากที่จะต้องเจอค�ำถามว่า “ท�ำไม” เพราะยังไงซะนักเดินทางทุกคนก็ต้องตอบค�ำถามนี้กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น –––––––––––––––––––––––––––––– * นักแสดงเชื้อสายเม็กซิกัน-อเมริกัน มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์คัลต์คลาสสิกของ ญี่ปุ่น เรื่อง ฟุกคัตสึโนะฮิ (Virus)-บรรณาธิการ 20 จิตราพร โนโตดะ แปล
กัลลิเวอร์ ยูลิสซิส, บิลโบ แบ็กกินส์ หรืออินเดียน่า โจนส์ แต่ละคนก็ย่อม ต้องมีค�ำตอบของตัวเอง ซึ่งผมก็มีของผมเหมือนกัน และค�ำตอบแรกก็ คือ ร้านแผ่นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ และมันก็ดูอย่างกับยานอวกาศ เลยละ ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่คนอเมริกันธรรมดาอีกแล้ว ผมเป็น ไกจิน และ นี่ก็คือเรื่องราวของผม อ้อใช่ และแบรด พิตต์ก็รับบทเป็นผมในภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องนี้ ไม่ได้ด้วยนะ แต่ถ้าแซนดร้า เบิร์นฮาร์ด*ละก็ได้แน่
–––––––––––––––––––––––––––––– * นักแสดงตลกหญิง ทอล์กโชว์ของเธอมักจะขึ้นชื่อเรื่องจิกกัดดาราและบุคคล สาธารณะ–ผู้แปล สวรรค์ชั้นโตเกียว 21
ฉันอยากเห็นดาวพลูโต ฉันอยากสนุก ฉันอยากเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ใต้ดวงอาทิตย์นอกโลก ซูซี่ ซูกซ์
# จ�ำนวนค�ำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมา : 2 # จ�ำนวนค�ำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ส�ำเร็จ : ? # จ�ำนวนชามราเมนที่กิน : 14 # จ�ำนวนหุ่นเรพพลิแคนต์ที่หมดอายุ : 0
1
เกิดใหม่
พระเอกของเรา (ผมเองแหละ) จะมาบอกเล่าถึงความสับสน การหลงทาง และเรื่องอื่นๆ อีกหลายอย่าง ที่รับรองว่าคุณจะได้รับรู้ ด้วยความสนุกสนานบันเทิง นอกเสียจากคุณจะเป็นคนอ่านไร้อารมณ์ ขอให้คุณอ่านและเรียนรู้จากเรื่องราวความจริงอันแสนอับโชคของเขาว่า ต่อให้คุณวิ่งหนีมาจากประเทศของพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่คุณไม่สามารถซ่อนตัวจากท่านได้หรอก
ยาน อวกาศของผมก�ำลังร่อนอยู่เหนือเขตชินจูกุของเขตโตเกียวฝั่ง ตะวันออก ขณะที่ผมก�ำลังหมุนตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้กัปตันจนเวียนหัว สารพัดปุ่มที่ไม่มีป้ายก�ำกับก�ำลังกะพริบแปลบๆ อยู่บนที่เท้าแขนด้านซ้าย มือ ผมมองออกนอกหน้าต่างที่รายรอบทั่วยานอวกาศ เห็นแสงไฟกะพริบ ตึกระฟ้าทรงทันสมัย รถไฟชานเมืองแน่นเป็นปลากระป๋อง และเห็นประชากรตัวเล็กจิ๋วก�ำลังเบียดเสียดวุ่นวายอยู่บนทางเท้าบ้าง บนสะพานบ้าง และเข้าๆ ออกๆ ในสถานีชินจูกุที่ดูราวกับหัวใจดวงใหญ่ก�ำลังเต้นตุบๆ สวรรค์ชั้นโตเกียว 23
ยานอวกาศของผมแล่นลงแตะพื้นอย่างช้าๆ และเลื่อนมาจอดที่ยอดตึก ทากาชิมาย่า ไทม์สแควร์ ดูอย่างกับเรือเดินสมุทรหรูขนาดยักษ์ ผมลุก ขึ้นจากที่นั่ง ถอดแว่นกันลมออกแล้วเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับความ บ้าสารพัดรูปแบบที่จ่อคิวรออยู่เบื้องล่าง ผมตั้งโปรแกรมยานพาหนะไว้ที่ ‘ทาวเวอร์ เร็กคอร์ดส์ ชินจูกุ’ และไม่กี่วินาทีต่อมา ผมก็มาอยู่ตรงนี้ (เปล่าหรอก จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย ผมขึ้นเครื่องบินมา ต่อ ด้วยรถไฟ แล้วเดินต่ออีกหน่อย จากนั้นผมก็นอนหลับสิบเจ็ดชั่วโมงรวด เริ่มท�ำงาน และในที่สุดก็ได้พักหนึ่งวันหลังจากผ่านสองสัปดาห์อันสุดแสน บ้าระห�่ำ) จอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ของทาวเวอร์ เร็กคอร์ดส์ตั้งอยู่ด้านนอกสุด ทางทิศใต้ของสถานีชินจูกุ ก�ำลังเปิดวิดีโอเพลงป๊อปที่แสดงโดยกลุ่มเด็ก สาวเจี๊ยวจ๊าววัยพรีทีน แต่งชุดระบายเป็นชั้นๆ สีแวววาวแสบตาและน่ารัก คิขุ จนเด็กๆ ที่ประกวดหญิงงามอเมริกันดูกลายเป็นเด็กมอซอข้างถนน ไปเลย พวกเธอเต้นท่าเดียวกันที่ไม่ค่อยพร้อมเพรียงกันสักเท่าไร จ้องมา ที่กล้องด้วยดวงตาใสซื่อและไร้อารมณ์ร่วม ผมยืนอยู่ปลายบันไดเลื่อนอัน ใหญ่โตแล้วเงยหน้าขึ้นมองดิสเพลย์ที่เป็นผ้าชีฟองกับผ้าแพรแขวนห้อยลง มาดูน่าหวาดเสียว พลางกวาดตามองฝันร้ายสีพาสเทลทั่วสถานีที่ผมจะได้ เจอหลังจากนี้ ผมเดินเที่ยวไปทั่วเมืองเป็นครั้งแรกและเพลิดเพลินกับวันหยุดงาน ครั้งแรก ก่อนมาเยือนญี่ปุ่น ผมได้สัมภาษณ์งานกับโรงเรียนสอนภาษา มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งชื่อโมบา เขารับรองว่าผมจะได้สอนในโตเกียว แต่ก็ เป็นแค่การรับปากไปงั้นๆ เพราะกลับกลายเป็นว่าผมต้องลงเอยอยู่อพาร์ต เมนต์ในเมืองชื่อฟูจิซาว่า ที่ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวตอนใต้ไปหนึ่งชั่วโมง กับงานสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้ๆ โยโกฮาม่า ถามว่าผิดหวังไหม ก็ ผิดหวังแหละครับ แบบเดียวกับหนุ่มรัสเซียที่มาจากเมืองเล็กๆ ดวงตาเป็น ประกายด้วยความหวัง ย่อมต้องรู้สึกผิดหวังที่ตั้งใจจะไปอยู่ในนิวยอร์ก แต่กลับจ�ำต้องเช่าห้องสตูดิโอแคบๆ ในนิวบรันสวิกที่รัฐนิวเจอร์ซีย์แทน แต่ไม่มีปัญหาหรอก ผมจะต้องอยู่โตเกียวให้ได้ ขอแค่มีเงินสักหลายๆ พัน 24 จิตราพร โนโตดะ แปล
ดอลลาร์ จะได้เอาไปวางมัดจ�ำและจ่ายค่าขอบคุณเจ้าบ้าน* ส�ำหรับห้องพัก ขนาดเท่าตู้เสื้อผ้าเก๋ๆ หรือที่เท่าแมวดิ้นตายในย่านชิบูย่าอันสุดแสนทันสมัย หรือไม่ก็อาจเป็นคิชิโยจิหรือโคเอนจิที่เหมือนกับเขตอีสต์วิลเลจ มันต้อง ได้สิ แค่สอนภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอีกสองสามร้อยชั่วโมง กับขายหลอดเข็ม ฉีดยาอินซูลินเบาหวานที่ใช้แล้ว กับขายแผ่นเสียงของเปีย ซาโดร่าในอีเบย์ กับรับนวดคลายเส้นส�ำหรับเต้นระบ�ำแลปแดนซ์ สักวันผมต้องได้ไปอยู่ โตเกียวอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันผมก็จะยังคงท�ำงานในโยโกฮาม่าต่อไป งานนี้ท�ำให้ ผมได้พัฒนาทักษะการสื่อสาร และเป็นการปูทางส�ำหรับอาชีพที่ต้องอยู่หน้า กล้องแบบที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วย ผมสอนบทเรียนภาษาอังกฤษ มากมายก่ายกองเสียจนเริ่มทิ้งการใช้ตัวอาร์ติเคิล (a, an, the) ค�ำบุพบท และบางครั้งก็เลิกใช้ค�ำกริยาช่วย ‘verb to be’ เพื่อให้คนญี่ปุ่นฟังเข้าใจ ง่ายขึ้น (“เสาร์-อาทิตย์ดูหนัง ร้านอาหารดี อร่อยมาก”) นอกจากนี้ผมเริ่ม ชี้ที่หูตัวเองเวลาพูดเกี่ยวกับการฟังเพลง ชี้ไปที่ข้างหลังเวลาพูดเรื่องอดีต และชี้ไปข้างหน้าหรือไปที่หุบเขาข้างหน้าโน่นเวลาพูดถึงเรื่องอนาคต และ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ผมคุยกับรูมเมตชาวออสเตรเลียสองคนที่ชื่ออีแวนกับ ฌอน โมบาเป็นสถาบันสอนภาษาที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งมีสาขาทั่ว ประเทศญี่ปุ่น ผมต้องบินจากบอสตันมาเพื่อสัมภาษณ์กับเขาเลยเชียวนะ ครับ และถึงแม้ผมจะเกิดอาการส�ำลักระหว่างการสัมภาษณ์หลายครั้ง แต่ ก็ลงเอยว่าผมได้งานนี้ทันทีอย่างน่ามหัศจรรย์ ผมยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องน่าพอใจมากที่ผมมีบุญได้เกิดมาถูกประ เทศ เลยท�ำให้ผมมีทักษะด้านภาษาเป็นอย่างมากจนเป็นที่ต้องการของดิน แดนอีกฟากหนึ่งของโลก ผมไม่เคยมองว่าปริญญาภาษาอังกฤษของผม โดดเด่นเลอเลิศแต่ประการใด หรือแม้แต่ใครๆ ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พูด –––––––––––––––––––––––––––––– * ค่าขอบคุณเจ้าบ้าน (key money) เป็นค่าเสียเปล่าที่ต้องจ่ายให้เจ้าของบ้านนอก เหนือจากค่าเช่าและค่ามัดจ�ำ ส่วนใหญ่จะเก็บตั้งแต่ 0-2 เท่าของเงินค่าเช่า–ผู้แปล สวรรค์ชั้นโตเกียว 25
ตามตรงเลยว่า การเขียนรายงานส่งมหาวิทยาลัยเรื่องเจน ออสเทนเป็น นักเขียนนิยายแนวฮาร์เลอควินโรแมนซ์ที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ หรือ การค้นคว้าเกี่ยวกับโฮโมอีโรติกซิซึ่มในหนังสือบลีกเฮาส์นั้น ไม่มีทางท�ำให้ คุณรุ่งเรืองในชีวิตจริงได้เลย แต่เมื่อผมตัดสินใจเดินทางไปยังดินแดน ไกลโพ้น ที่ซึ่งผู้คนอยากรู้ว่าจะพูดภาษาอย่างผมได้ยังไงนั้น จู่ๆ ผมก็มีข้อ ได้เปรียบทางการตลาดขึ้นมาอย่างมหาศาล นั่นคือผมสามารถพูดภาษา อังกฤษได้ดีเยี่ยม จิมที่เป็นผู้สัมภาษณ์ผมและเป็นอดีตครูที่โมบาก็ออก อาการทึ่งอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น “มิสเตอร์แอนเดอร์สัน พอเป็นครูสอนเต็มเวลาแล้ว คุณจะทนรับ ได้ไหมที่จะต้องถูกถามอยู่ทุกวี่ทุกวันว่างานอดิเรกของคุณคืออะไร ท�ำไม ถึงมาญี่ปุ่น คุณใช้ตะเกียบเป็นมั้ย คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้หรือเปล่า คุณชอบ ซูชิมั้ย หนังเรื่องโปรดคืออะไร ชอบเพลงแบบไหน ปกติแล้วตื่นกี่โมง คุณ กินข้าวนอกบ้านบ่อยไหม และวันเสาร์อาทิตย์นี้มีโปรแกรมว่าจะไปท�ำอะไร” เป็นค�ำถามที่สมควรต้องถาม และเป็นค�ำถามที่คุณอาจต้องใช้เวลา คิดอยู่หลายวันถึงจะได้ค�ำตอบเหมาะๆ แต่คุณลองคิดดูดีๆ สิ จริงๆ แล้ว ไอ้ที่เขาอยากถามก็คือ “ทิม คุณพูดเกี่ยวกับตัวเองจนอ้วกแตกอ้วกแตนไป เลยได้หรือเปล่า” และค�ำตอบของผมก็คือ “ผมมั่นใจว่าผมท�ำได้” ท่าทางเขาดูพออกพอใจกับค�ำตอบของผม จากนั้นก็ยิงค�ำถามใส่ ผมทันทีเลยว่า งานอดิเรกของผมคืออะไร “เอ่อ ก็” ผมเอ่ยพลางเลียริมฝีปาก “ผมชอบอ่านหนังสือ เดินทาง ท่องเที่ยว เล่นวิโอล่า สะสมแผ่นเสียง และก็เล่นโยคะด้วย และก็ว่ายน�้ำ ด้วย อ้อ แล้วก็ดูหนัง เอ๊ะ ผมบอกหรือยังว่าว่ายน�้ำด้วยน่ะ” อันที่จริง แล้วจะให้ผมพล่ามออกมาเป็นฉากๆ เลยก็ได้ว่า ผมชอบอ่านข่าวคอลัมน์ ซุบซิบ ข่าวฉาวในท�ำเนียบขาว เรื่องกางเกงว่ายน�้ำเป้าตุง และดูหนังโป๊แบบ รวมทุกเผ่าพันธุ์ แต่ผมคิดดูแล้วว่าของอย่างนี้พูดน้อยปลอดภัยกว่า “ดีจัง ท่าทางคุณสนใจอะไรเยอะดีนะ” จิมพูด “เพราะว่าเวลาสอน หนังสือ คุณก็จะสอนหนังสือของคุณไป แต่ช่วงเวลาที่คุณไม่ได้สอน คุณ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง และถ้าคุณสามารถปรับตัวได้ง่ายก็เป็นเรื่องดีเลยละ” 26 จิตราพร โนโตดะ แปล
แล้วมันก็ลงเอยด้วยประการฉะนี้ เขาบอกว่าจะส่งเงื่อนไขการว่า จ้างอย่างเป็นทางการให้ผมในอีกสองสามสัปดาห์ แล้วเป็นอันหมดธุระกับ ผม ตอนนี้พอมานึกย้อนกลับไป ต่อให้ผมพูดว่างานอดิเรกคือแอบอ่าน จดหมายของชาวบ้าน สะสมผ้าเช็ดหน้าใช้แล้ว และมีเซ็กซ์กับวิโอล่าของ ตัวเอง ผมก็คงได้รับค�ำตอบแบบเดียวกันนี้อยู่ดี เขาแค่อยากมั่นใจว่าผม ไม่ใช่บุคคลอันตรายและสามารถเรียบเรียงประโยคได้ถูกต้อง ซึ่งผมท�ำได้ เข้าเกณฑ์ทั้งสองอย่างจึงได้งานไป ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยที่ผมเรียน จบมาคงชักดิ้นกระแด่วๆ อยู่ในกรอบ รถไฟยามาโมเตะสายสีเขียวพาผมไปยังชินจูกุ ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางประ ชากรในเมืองสิบสามล้านคน ผมดันหาที่นั่งบนรถไฟได้ ผมนั่งสบายตัวอยู่ ในพื้นที่ขนาดหนึ่งฟุตครึ่งอันแสนมีค่าของโตเกียวขณะที่ผู้คนยังคงหลั่งไหล เข้ามาในตู้โดยสาร กระบวนการไหลมาเทมานี้อาจกินเวลาหลายวัน แต่ โชคดีที่สิ้นสุดลงเมื่อประตูปิดตามหลังหญิงชราหลังค่อมคนหนึ่งที่ถือถุง ช้อปปิ้งติดมือมาสามถุง ผมลุกขึ้นอย่างว่องไวเพื่อให้โอบ้าซัง*ร่างจ้อยมานั่งแทน แกตัวเล็ก น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ตัวสูงประมาณสี่ฟุตครึ่งได้ ตาปรือ ผมสีดอกเลาตัด สั้นเป็นฝอยแลบออกมาจากใต้หมวกกันแดดสีขาวที่มีสัญลักษณ์หน้ายิ้มอยู่ บนนั้น หลังของแกโค้งงอเพราะใช้เวลาเป็นปีๆ กับการท�ำงานบ้าน เลี้ยง ลูกๆ ท�ำสวน ซื้อของ และโค้งค�ำนับ ดูก็รู้ว่าแกเป็นหญิงชราญี่ปุ่นสายพันธุ์ที่มีอายุขัยประมาณ 130 ปี และถึงแม้จะยังเดินไปไหนมาไหนได้สบายๆ ไปจับจ่ายซื้อของ ขึ้นรถไฟ และมองหน้าคนหนุ่มสาวอย่างไม่พอใจได้ แต่แกก็ดูเหมือนจะล้มลงขาดใจ ตายพร้อมกับเปล่ง “ซาโยนาระ” ค�ำสุดท้ายออกมาได้ทุกเมื่อ ชาวไกจิน บางคนเรียกหญิงชราพวกนี้อย่างไร้ความปรานีว่าโยดา คนที่ใช้ค�ำนี้มักเคย เจอกับมุมแสบๆ ของเหล่าคุณยายมาก่อน เป็นกลยุทธ์ที่เหล่าโยดามักงัด –––––––––––––––––––––––––––––– * แปลว่าคุณยาย–ผู้แปล สวรรค์ชั้นโตเกียว 27
ออกมาใช้ในยามขึ้นรถไฟ นั่นคือใช้ศอกถองและกระทุ้งแหวกทางผ่านผู้ โดยสารที่อายุน้อยกว่า (ซึ่งก็เกือบทั้งคันละนะ) เพื่อจะได้จับจองที่นั่งอันหา ยากยิ่งบนรถไฟ ดังนั้น เนื่องจากผมเป็นคนขี้ประจบ (และมักมีจุดอ่อน กับหญิงชราสวมหมวกกันแดด) ผมจึงลุกขึ้นแล้วยกที่นั่งให้แก หญิงชรา โค้งค�ำนับพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างกว้างซะจนผมกลัวว่าแกจะท�ำหน้าตัวเอง ฉีกขาด จากนั้นก็บอกขอบคุณก่อนที่จะเดินแฉลบมาข้างๆ ผม จัดแจง เช็ดที่นั่งด้วยผ้าเช็ดหน้าเพื่อขจัดกลิ่นคราบชายฝรั่งผิวขาวแล้วหย่อนก้น ลงนั่ง ผมอยากขอให้แกมาเป็นคุณยายผม แต่ก่อนที่จะมีโอกาสได้เอื้อน เอ่ยออกมาด้วยน�้ำเสียงเพราะๆ รถไฟก็จอดที่สถานีถัดไป แกลุกขึ้นพร้อม กระเป๋าพะรุงพะรังทั้งหลาย ผลักและถองผู้คนไปตลอดทางแล้วก้าวออกไป ผมกลับไปนั่งอย่างเก่า ปรับสายตาให้มองตรงไปข้างหน้าแล้วก็ต้อง สะดุ้งด้วยความตกใจ จู่ๆ ก็มีสายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งมาที่ตาของผมจนทะลุ ถึงหัวใจ มันเป็นสายตาของเด็กผู้ชายอายุประมาณสี่ขวบ แกมองผมด้วย สีหน้าแปลกๆ แบบที่เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ เหมือนเวลาใครบางคนใช้ ร่างเด็กสั่งพลังด้านมืดของตัวเองให้ครอบง�ำคุณ เด็กคนนั้นจ้องผมเขม็ง ชนิดไม่กะพริบตา คือแกจ้องเอาๆ แบบที่ทั้งดูน่ารักและน่ากลัว ผมจึงเบน สายตามองรถไฟที่เริ่มออกตัว หวังว่าแกจะมองตามออกไปบ้าง หลังจาก ผ่านไปสองสามนาที พอผมหันกลับมามองแกอีกที สายตาแกก็ยังไม่เปลี่ยน แม้ว่าจะเอียงคอไปเล็กน้อยก็ตาม ผมเลิ ก สนใจสายตาสุ ด ทะลุ ท ะลวงของเด็ ก น้ อ ยคนนั้ น แล้ ว มอง ทิวทัศน์เมืองโตเกียวที่แล่นผ่านท่ามกลางแสงไฟสลัว อันที่จริงแล้วค�ำ ว่าทิวทัศน์ออกจะเป็นค�ำที่ฟังดูเก๋ไก๋เกินไป น่าจะใช้ค�ำว่า ตึกหน้าตาน่า เกลียดๆ ที่ผุดเป็นดอกเห็ดจะเหมาะกว่า รถไฟแล่นเข้าสู่มหานครของ โครงสร้างสีซีดๆ ที่ผุดขึ้นเคียงข้างกันไม่รู้จบในรูปแบบจิ๊กซอว์ นั่นคือไม่มี ช่องว่างให้หายใจหายคอเลย ทุกช่วงตึกจะต้องมีสิ่งก่อสร้างผุดขึ้นมาเบียด กัน ตั้งแต่ตึกระฟ้า แหล่งช้อปปิ้ง ตู้คาราโอเกะ แผงขายโทรศัพท์มือถือ ร้านสะดวกซื้อ อพาร์ตเมนต์ สถานีต�ำรวจ ร้านขายดอกไม้ หรือร้านอาหาร ญี่ปุ่น ตัวอาคารทั้งหลายไม่ได้ตั้งเรียงรายเป็นแถวตรง นอกเสียจากว่า 28 จิตราพร โนโตดะ แปล
แนวคิดเรื่องแถวของคุณยุ่งเหยิงเหมือนเชือกพันกัน ตัวตึกจะหันหน้าเข้า หากันตามแต่ว่ามันจะประกบเข้ากันแบบจิ๊กซอว์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไร ผลออกมาคือการมั่วสุมทางประติมากรรมแบบอยู่กับที่ ซึ่งมีตั้งแต่ ตึกสัมผัสกัน กอดเกยกัน ไปจนถึงล้วงลึกกันและกันในแบบที่เห็นแล้วต้อง นึกถึงหนังเรื่องคาลิกูลาในฉากสุดท้ายที่มั่วกันเละ (ตัดฉากเงินทิ้งไป) ผมเบนสายตากลับมามองในรถไฟ แล้วสบตากับเจ้าหนูลูกอีช่างจ้อง อยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะมองเห็นสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม เธอก�ำลังควานเข้า ไปในกระเป๋าถือแล้วควักมาสคาร่า ลิปสติก แหนบ บลัช และที่ดัดขนตา ออกมา เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะแต่งหน้าแบบเร่งด่วนกันตรงนี้เลย จากนั้น เธอก็หยิบไฟแช็กออกมาอันหนึ่ง ถัดมาก็หยิบกระจกถืออันใหญ่ที่สุดที่ ผมเคยเห็นออกมา มันใหญ่เท่าบานหน้าต่างขนาดทั่วไปซึ่งไม่เพียงใช้ส่อง ใบหน้าของเจ้าหล่อนเพื่อแต่งหน้าได้อย่างชัดเจนสุดๆ เท่านั้น แต่ส่องเผื่อ แผ่มาถึงผม และสุภาพบุรุษที่ก�ำลังหลับสนิทอยู่อีกข้างหนึ่งของเธอโน่นเลย ด้วย อุปกรณ์ประดามีของเธอมากมายเสียยิ่งกว่าของหมอผ่าตัดสติเฟื่อง ซะอีก ผมมองจากหางตาระหว่างที่เธอผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเครื่องมือ แต่ละชิ้น พลางรออย่างใจจดจ่อว่าเมื่อไหร่เธอจะหยิบไฟแช็กขึ้นมาสักที ในที่สุดเธอก็เหลืออุปกรณ์อีกแค่สองชิ้น นั่นก็คือไฟแช็กกับที่ดัดขนตา ปรากฏว่าเธอหยิบขึ้นมาพร้อมกัน ดีดไฟแช็กเปิดแล้วจ่อเปลวไฟเล็กๆ เหนือส่วนโค้งปลายโลหะของที่ดัดขนตา พอเธอมั่นใจว่าร้อนพอแล้ว ก็ จ่อเครื่องมือนั้นมาที่แผงขนตา จากนั้นก็บันดาลออกมาเป็นขนตางอนเด้ง ได้รูปตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมละกลัวว่าเธอจะควักลูกตาหลุดถ้าเกิดอยู่ดีๆ รถไฟดันกระตุกขึ้นมา แต่ขนาดรถไฟโยกเยกแบบนี้ นางก็ยังเชี่ยวชาญ กระชับอุปกรณ์ในมือได้อย่างมั่นคงและเที่ยงตรง และปฏิบัติภารกิจได้อย่าง ต่อเนื่องไม่มีสะดุด และที่น่าอัศจรรย์ใจแท้ก็คือ เมื่อผมมองเด็กน้อยคน นั้นอีกครั้ง แกยังมองผมอยู่เลยว่ะ รถไฟจอดที่สถานีชินจูกุมีผู้คนผ่านเข้าออกวันละสองล้านคนตามปกติ ผม ไม่แน่ใจว่าควรเดินไปที่ทางออกไหนดี แต่แล้วก็ตระหนักว่าการตัดสินใจ สวรรค์ชั้นโตเกียว 29
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมซะแล้วเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าก�ำลังถูกดันไหลไปยังบันไดที่อยู่ ใกล้ที่สุด แรงไหลบ่าของฝูงชนพาผมไปเหมือนกระแสคลื่นใต้น�้ำได้ตัดสิน ใจให้ผมเสร็จสรรพว่าผมควรไปทางออกทิศใต้ เอางั้นก็ได้วะ ผมก็เลยยืนอยู่ตรงนี้ ก�ำลังจ้องทีวีจอยักษ์ที่เต็มไปด้วยสาวน้อย พรีทีนวัยกุ๊กกิ๊กตากลมโตก�ำลังเต้นร�ำ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า (1) ญี่ปุ่นมี บริตนีย์ สเปียร์ของตัวเองด้วยหรือ (2) แล้วพวกเธอจะท�ำตัวไร้ค่าราคา ถูกเหมือนนักร้องสาวอเมริกันด้วยหรือไม่ ผมคิดว่าคงจะเหมือนๆ กัน นั่นแหละ ระหว่างที่คนเดินถนนชินจูกุกลุ่มมหาศาลราวสองล้านคนเบียดเสียด ผ่านและฟาดผมด้วยบรรดาถุงช้อปปิ้ง ผมสงสัยว่าตัวเองจะไปไหนดี ผม ไม่มีเป้าหมายว่าจะไปไหน และไม่รู้ว่าที่ไหนอยู่ตรงไหนด้วย แค่อยากมาดู สีสันในเมืองเท่านั้น ผมจึงเดินหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านลานคอนกรีตตรงหน้า ทางออกสถานีพอดี ที่นั่นมีพวกหนุ่มสาวยืนแกร่วรอเป็นจ�ำนวนมาก ทั้ง เล่นกีตาร์ ตีบองโก้ หรือแม้แต่ยืนเก๊กเฉยๆ บ้างก็ยืนพิงราว เอาหมวก ประหลาดมาแลกกันดู และท�ำกิจกรรมอีกสารพัด ตรงด้านหน้าโน่น ผู้คน ก�ำลังนั่งซดบะหมี่ที่เต๊นท์ขายบะหมี่ควันฉุย ข้างๆ เป็นวงดนตรีพังก์ร็อก แผดเสียงดังมาจากทางเท้า รายล้อมด้วยเด็กสาววัยสิบสองเป็นโขยงที่คอย เป็นก�ำลังใจให้ สรรพเสียงในย่านชินจูกุ มีตั้งแต่เสียงประกาศโฆษณาผ่านล�ำโพง เสียงเพลงป๊อปจากจอทีวีของทาวเวอร์ เร็กคอร์ดส์ เสียงกระแทก เสียง ออด และเสียงหมุนของเครื่องเล่นปาจิงโกะและเกมเซ็นเตอร์ เสียงแหลม แสบหูที่พูดอัดไว้เชิญชวนให้คนเข้าชมร้าน หรือไม่ก็เสียงที่ก�ำลังดังอยู่ตอน นี้ นั่นคือเสียงโห่ร้องและตะโกนเรียกระหว่างที่ผมเดินผ่าน ผมก้าวเข้าไป ในวังวนของสารพัดกิจกรรมเหล่านั้น รู้สึกตัวเองเป็นเหมือนมนุษย์ต่างดาว จ�ำพวกที่มีตาดวงใหญ่ๆ หัวโตๆ แบบที่เห็นเป็นครั้งคราวในรัฐยูทาห์หรือ เนบราสก้า ผมเดินผ่านกลุ่มเด็กสาวที่กัดผมเป็นสีบลอนด์และท�ำผิวสีแทนจัด แต่งตาเข้มอย่างกับหมีแพนด้า สวมรองเท้าส้นตึกสูงปรี๊ด และมินิสเกิร์ต 30 จิตราพร โนโตดะ แปล
สั้นกุดชนิดที่ท�ำเอาปารีส ฮิลตันต้องถอยและบ่นว่า “แหม นี่เธอจ๊ะ ช่วยปิด อีตรงนั้นหน่อยได้ป้ะ” เด็กมัธยมปลายหน้าตาน่ารักคู่หนึ่งเดินจูงมือกัน พวกเธอสวมกระโปรงลายสก๊อตเหมือนกันและหิ้วกระเป๋าถือหน้าตาเหมือน กันที่ท�ำจากอะไรสักอย่างคล้ายขนหมาพุดเดิล และที่ไม่น้อยหน้ากว่ากัน คือชายร่างสูงสวมแว่นตาของบัดดี้ ฮอลลี่ และท�ำผมทรงแอฟโฟรแบบเตะ ตากันเปรี้ยงๆ ก�ำลังเดินตามหลังสองสาวอย่างมุ่งมั่น เสื้อสีด�ำมีตัวหนังสือ สีขาวเขียนเป็นภาษาอังกฤษเด่นสะดุดตาที่อ่านได้ว่า “มีไรหรอ?” นี่หรือวะ สีสันแบบท้องถิ่น ระหว่างที่ผมกวาดตาหาอะไรบางอย่างให้มองเพลินๆ ผู้หญิงวัย กลางคนท่าทางดูกันเอง สวมรองเท้าส้นแบนและกระโปรงสั้น (ค่อยยังชั่ว ที่สั้นประมาณเข่า) เดินเข้ามาหา “ขอโทษค่ะ” เธอยิ้ม “คุณพูดอังกฤษใช่ไหมคะ” เธอไม่รอให้ผมตอบแล้วพูดต่อ “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อมิโฮ จอห์นสันนะคะ” อะไรนะ ผมคิดในใจ ภาษาอังกฤษของเธอฟังดูยี่ปุ๊นญี่ปุ่น แต่นาม สกุลของเธอฟังดูแล้วไม่ใช่ญี่ปุ่นอย่างแน่นอน “ไม่ทราบว่าคุณมาจากที่ไหนเหรอคะ” เธอพูดต่อ แม่คนนี้ตัดผม บ๊อบทรงคุณป้า หน้าม้าตัดตรงเหนือคิ้วบางที่เขียนลงบนหน้าผาก ถึงแม้ ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ดูไม่ค่อยแจ่มใสเพราะสายตาดูกังวลตลอดเวลา และ เธอก็เหมือนไม่ได้มองผมตรงๆ ด้วย ตอนถามว่าผมมาจากไหน ท่าทาง เหมือนก�ำลังอ่านบทที่ตั้งอยู่ค่อนไปทางขวาของหัวใหญ่ๆ ของผมงั้นแหละ เธอไม่ได้ถามว่าผมเชื้อชาติอะไร ผมละอยากลองแกล้งพูดส�ำเนียง แปลกๆ แล้วบอกว่ามาจากกรีนแลนด์หรือไซบีเรียสักหน่อย ผมจับมือกับ เธอพลางถูจมูกตัวเองไปด้วย ซึ่งเป็นธรรมเนียมในการทักทายของประเทศ ผม “คุณมาจากอเมริกา ใช่ไหมคะ?” “ใช่ มาจากอเมริกา คุณเดาได้ยังไงน่ะ” “อ๋อ คิดว่าน่ะค่ะ คุณอยู่ญี่ปุ่นนานแค่ไหนแล้วคะ” สวรรค์ชั้นโตเกียว 31
ผมบอกเธอว่าเพิ่งมา แล้วสีหน้าคร�่ำเคร่งของเธอก็สดใสขึ้น “โอ้ ดีจัง ฉันอยากจะเล่าเรื่องโบสถ์ของฉันให้คุณฟัง...” อะไรของคุณนะ โบสถ์อะไร ที่นี่มีของอย่างนี้ด้วยเหรอ อืมม ผม ก�ำลังตั้งความหวังอย่างเต็มเปี่ยมอยู่เลยว่าเธอจะบอกทางไปร้านราเมน อร่อยๆ ให้ผมสักร้าน หรือร้านแผ่นเสียงเจ๋งๆ และ/หรือบริษัทส�ำนักข่าว ที่ขายนิตยสารภาษาอังกฤษ สงสัยผมคงหวังมากไปหน่อยมั้ง “เอ่อ โบสถ์ โบสถ์ของคุณเหรอ” ผมตะกุกตะกัก พยายามคิดหา ทางหนีทีไล่ “เป็นที่ที่สวยงามมากค่ะ เราต้อนรับยินดีทุกท่าน เรามีการเจอและ ท�ำเรื่องมากมายสนุกๆ พระเยซูอยู่ที่นั่น ไม่ไกลที่นี่นะคะ ฉันให้พาคุณไป ที่นี่นะคะ” เธอทาบฝ่ามือบนไหล่ผมเพื่อเชื้อเชิญให้ไปหาพระเยซู นี่ไม่ใช่เรื่อง จริงใช่ไหม ผมอุตส่าห์ข้ามน�้ำข้ามทะเลมาจากอีกฟากหนึ่งของโลกทาง ตอนใต้ประเทศอเมริกาที่แสนจะกลัวพระเจ้า มายังเกาะแห่งหนึ่งที่พระเจ้า ยังไม่เป็นที่รู้จักกันดีเท่ากับพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ความหลงใหล ในพิธีกรรมต่างๆ อย่างพิธีชงชาและการจัดดอกไม้ และคลั่งไคล้โลลิต้า คอมเพล็กซ์มากกว่าศรัทธาในพระเยซูคริสต์ แต่ผมกลับต้องมาเจอคน พูดภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ เพื่อเผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าอยู่ตรงนี้ เนี่ยนะ “พวกเราทุกคนพระเจ้าเป็นลูก พระคริสต์เป็นพี่น้อง พระเยซูรัก คุณนะคะ” สงสัยจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ซะแล้ว ตอนที่ผมนึกภาพตัวเองท่องเที่ยวในชินจูกุอันกว้างใหญ่ครั้งแรก จินตนาการของผมเป็นแบบนี้ครับ ผมจะนั่งรถไฟสายยามาโนเตะวนรอบ เมื อ ง เริ่ ม จากสถานี โ ตเกี ย วทางตะวั น ออก แล้ ว ไปทางตะวั น ตก ผ่ า น ฮามามัตสึโจ ชินากาว่า โกทันดะ เอะบิสุ และเขตชิบูย่ากับฮาราจูกุที่น่า ตื่นตาตื่นใจ ระหว่างทางผมอาจแวะรับสาวฮาราจูกุสักสองคนที่แต่งตัว 32 จิตราพร โนโตดะ แปล
แฟชั่นจ๋าเป็นชุดแส็กเข้ารูป รองเท้าส้นสูงสิบนิ้ว และสวมหมวกหูหนูมิกกี้ เมาส์ จากนั้นเราก็จะเดินจูงมือกันไปตามสวนสาธารณะโยโยกิระหว่างที่ คณะนักตีกลองไทโคถูกเข็นตามหลังเราบนรางเลื่อนเพื่อกระหน�่ำกลองเป็น จังหวะให้เราเดินวางมาดไป พอเราไปถึงชินจูกุ ก็ตรงดิ่งไปหาค็อกเทลดื่ม กันสองสามแก้วที่ร้านชื่อว่าเฮลโล่ ไฮบอลส์ มันเป็นค็อกเทลสีฟ้านีออน และท�ำให้ริมฝีปากของเราเปลี่ยนเป็นสีดอกฟูเชีย หลังจากดื่มเสร็จแล้ว เราก็จะกลับออกมาสู่ถนนอีกครั้ง และโบกรถมอเตอร์ไซค์ของพวกแก๊ง กวนเมืองโบโซะโซกุเพื่อขอโดยสารไปด้วย พวกเขาจะพาเราไปยังคลับ ถัดไปที่มีชื่อประมาณ สตาร์ก เรฟวิ่ง ซูซุกิ และที่นั่น เราก็จะดื่มค็อกเทล กันอีก หนนี้เป็นค็อกเทลกลิ่นควันและแก๊สโซลีน และเราก็จะผูกมิตรกับ ดีเจที่ก�ำลังอยู่ระหว่างการเดินสายทั่วโลก ที่เดินทางไปแล้วคือปารีส เบอร์ลิน โรม มอสโก ฮ่องกง กรุงเทพฯ และเจอร์ซีย์ซิตี้ หลังจากนั้นเขาก็น�ำ เสนอเห็ดมหัศจรรย์*ให้กับพวกเรา และเราก็รับมาด้วยความยินดี เราจะ สลับคิวเสพเห็ดกันพร้อมกับเปิดแผ่นเพลงเต้นร�ำอย่างเมามัน เมื่อค�่ำคืน นั้นค่อยๆ สิ้นสุดลงและฝูงชนเริ่มแยกย้ายกันกลับ เราก็ขอตัวลากลับอย่าง สง่างาม สามเราควงแขนกันอีกครั้งแล้วก้าวออกมาสู่อากาศเย็นยะเยือก ตอนรุ่งเช้า มือจับมือกันไว้และพากันเดินไปยังสถานีรถไฟ ด้วยความมั่นใจ ว่าเราเข้าถึงชินจูกุได้อีกก้าวหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีส่วนไหนในจินตนาการของผมเลยสักกระผีกเดียวที่จะคิด ได้ว่า ญี่ปุ่นคนแรกที่ผมได้เสวนาด้วยจะเป็นชาวคริสต์ผู้มีศรัทธาแกร่งกล้า มีเวลาว่างเหลือเฟือและมียอดที่ต้องท�ำให้ถึงเป้า ที่ผมต้องพูดแบบนี้เพราะ ว่าพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พยายามเลี้ยงดูผมให้เป็นผู้เป็นคนย่อมต้องตระหนัก ดีว่า การแสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับพระเยซู ไม่ใช่สาเหตุที่ผม มาเหยียบโตเกียวเลยสักนิด –––––––––––––––––––––––––––––– * Magic mushroom หรือเห็ดมหัศจรรย์ คือเห็ดที่มีฤทธิ์หลอนประสาท มีผลต่อ จิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรม เช่นเดียวกับสารแอลเอสดี ท�ำให้ผู้เสพรู้สึกคึก สนุก สนาน เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติแบบเดียวกับการเสพยา–ผู้แปล สวรรค์ชั้นโตเกียว 33
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมไม่สามารถจริงๆ...” ไม่มีทางเด็ดขาด ตราบใดที่โบสถ์ไม่มีนิตยสารดีเทลส์ หรือแวนิตี้แฟร์ขาย ต่อให้เป็นนิตยสารนิวยอร์กด๊อกส�ำหรับคนรักสัตว์ผมยังเอาเลยวะ “ผมก�ำลัง...รอเพื่อน อยู่น่ะครับ” เธอดูออกว่าผมโกหก แถมยังไม่แคร์อีกต่างหาก “เราก�ำลังเจอกันอยู่ตอนนี้พอดี มาสิคะ อาหารเรามี เครื่องดื่มมี คุยกันและสนุกกับชาวพระเยซูอื่นๆ โด้ย เราร้องเพลงข่าวประเสริฐพระเจ้า และสรรเสริญพระเจ้าและพระเยซู เมสซิอาห์ คุณเอาเพื่อนด้วยไปสิ โทรศัพท์ตรงนี้เลย” แล้วตอนนั้นผมก็นึกได้ว่า ท�ำไมการออกเสียงได้อย่างถูกต้องและ การเลือกใช้ค�ำจึงเป็นสิ่งส�ำคัญนักหนาส�ำหรับลัทธิอีแวนเจลิสม์ เพราะคุณ จะต้องเน้นค�ำให้ถูกที่และเลือกใช้ให้ถูกค�ำ ไม่อย่างนั้นจะฟังดูไร้อารมณ์ และเหมือนคนไร้วิญญาณแบบเดียวกับไอร่า คอมพิวเตอร์พูดมากที่เป็น ที่ปรึกษาในเรื่องวันเดอร์วูแมน ก็เพราะการออกเสียงราบเรียบเป็นภาษา ญี่ปุ่นของเธอนี่แหละที่ท�ำให้เธอดูไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่ตัวเองพูด แต่ต้อง ยอมรับว่าเธอนี่ตื๊อได้โล่จริงๆ “คุณมาไหม คุณมาไหม ทางนี้ค่ะ” “ผมต้องขอโทษด้วย ขอบคุณมาก แต่ผมไม่สนใจครับ” เธอท�ำหน้างงๆ เหมือนไม่เชื่อ ผมจึงตัดสินใจใช้ค�ำพูดง่ายๆ เสีย เลยว่า “ขอบคุณ สนใจผมไม่ ไม่เอา ไปไม่ได้ ต้องไปกับเพื่อนกินข้าว” ผมคิดๆ ดูแล้วว่า ผมคงต้องพูดจาฟังไม่รู้เรื่องเผื่อเธอจะฟังรู้เรื่องขึ้นบ้าง แต่ผมพลาดอีกจนได้ “อย่าค่ะ ได้โปรด คุณต้องไม่ไปหาล่อลวง พระเจ้าเฝ้าคุณอยู่” ตกลงมันแปลว่าอะไรล่ะเนี่ย “ในโบสถ์ของฉันปลอดภัย ปลอดภัยจากล่อลวง” “ขอบคุณมากกกกกกคร้าบบบบ” ผมพูดพลางเดินถอยหลัง “แต่ ผมจะหาเพื่อนตอนนี้ หาพระเยซูทีหลัง” แล้วเธอก็วิ่งพรวดพราดมาที่ผม 34 จิตราพร โนโตดะ แปล
“ได้โปรดรับนี่ไว้ เมื่อไรคุณมาเยี่ยมเราก็ได้คุณอยากมา” แล้วเธอ ก็วางใบปลิวใส่มือผม นามบัตรของโบสถ์พร้อมที่อยู่ และบอกวิธีไปเป็น ภาษาอังกฤษ “คุณต้องไม่ไปหาล่อลวงนะ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเป็น ห่วง “ขอบคุณ” ผมพูดอีกครั้งก่อนหันหลังออกไปจากที่นั่นเสียที ผม เดินพรวดๆ อย่างว่องไว ป้องกันไว้เผื่อมิสจอห์นสันเกิดตัดสินใจโผล่มาอีก รอบ หนนี้คงมาพร้อมกับสมาชิกโบสถ์ร่างใหญ่กว่า ล�่ำกว่า และมีท่าว่าจะ ไม่ยอมรับค�ำปฏิเสธของผมยิ่งกว่า ประเภทนักยูโดสายด�ำหุ่นอ้วนกลมที่มี ชื่อประมาณอากิระ โอ’ดอนเน็ล ผมเดินข้ามถนน และเนื่องจากไม่รู้ว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน หรือก�ำลังท�ำอะไร ผมจึงเดินลุยดะไปข้างหน้า แล้วหยุดอยู่ หน้าทีวีจอยักษ์อีกอันเพื่ออ่านใบปลิวที่มิโฮให้ผมเมื่อตะกี้ ด้านหนึ่งของใบปลิวเป็นภาพวาดดูเหมือนพวกเหล่าฮีโร่จากมาร์เวล คอมมิกส์ ตรงกลางภาพเป็นลูกโลก และเหนือลูกโลกนั้นผมเข้าใจว่าเป็น พระเจ้า สวมชุดสีขาวราวกับทูตสวรรค์ แขนทั้งสองข้างกางออกกว้าง ยิ้ม เป็นประกาย ผมยาวสีขาวและเครายาวโดดเด่นเป็นสง่าด้วยแสงรัศมีเหนือ ศีรษะ ท่านยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ดูเหมือนฝนดาวตก แต่ไม่มีผลกระทบ กระเทือนท่านได้เพราะท่านคือพระเจ้า และท่านก็เป็นผู้สร้างไอ้ฝนดาวตก นั่นด้วยตัวเอง ฉากต่อมา เป็นภาพใบหน้าของเทพีเสรีภาพถูกโจมตีด้วย เมฆหมอกชั่วร้ายหนาทึบสีแดงและสีเหลือง อีกฉากเป็นชายหนุ่มตัวสูง หน้าตาหล่อเหลาคางเป็นเหลี่ยมสัน สวมเสื้อเชิ้ตสีน�้ำเงินเข้มกับเสื้อคลุม มีฮู้ดปิดหัวสีเดียวกัน ก�ำลังเดินอยู่หน้าตึกรูปโดม คงเป็นสถานที่ท�ำพิธี กรรมทางศาสนานั่นแหละ แต่ เฮ้ย นั่นเขามีสัญลักษณ์บนเสื้อเขียนว่า ‘666’ ด้วย เฮ้ย แล้วยังมีคนก้มลงค�ำนับตรงหน้าเขาอีกแน่ะ (ผมไม่โทษ คนพวกนั้นหรอก ก็ดูโหนกแก้มเขาสิ หมอนั่นหล่อเชียวละ คือหล่อแบบ ซูเปอร์แมนน่ะครับ) ด้านหลังใบปลิวเป็นชื่อเรื่องยาวเหยียด อ่านแล้วโคตรน่ากลัวว่า ‘สัญญาณสุดท้ายของวันสิ้นโลก’ ผมกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว สายตา สะดุดกึกกับข้อความที่ขีดเส้นใต้และใช้อักษรตัวใหญ่แบบตามอ�ำเภอใจ สวรรค์ชั้นโตเกียว 35
สุดขีด (‘สัญญาณส�ำคัญครั้งสุดท้ายที่บ่งบอกว่าวันสิ้นโลกที่ใกล้เข้ามาก�ำลัง จะสัมฤทธิผล และเป็นไปตามที่ผู้พยากรณ์หลายท่านท�ำนายไว้ว่า เป็นการ ขึ้นมามีอ�ำนาจของโลกแบบรัฐบาลเดียว น�ำโดยผู้น�ำเผด็จการน่าชิงชังที่ถูก ซาตานครอบง�ำหมดทั้งตัว หรือเป็นปรปักษ์กับพระคริสต์!’) ผมไม่ได้อ่าน อะไรมากมายนัก เพราะไม่อยากหมดหวังกับชีวิตและสิ้นหวังกับการเดิน ส�ำรวจชินจูกุครั้งแรก นอกจากนี้ ผมยังไม่เห็นการท�ำลายล้างโลกเกิดขึ้น ตรงไหนใกล้ๆ เขตมหานครโตเกียวนี้เลยด้วย ผมเก็บใบปลิวนั้นใส่กระ เป๋าหลัง กะเอามาดูทีหลังแล้วค่อยมานั่งฮากับบร๊ะเจ้าพวกนี้อีกที เอาละ มาดูกันว่าจะไปไหนต่อดี นั่นไง! ตรงหน้านั่นเป็นถนนช้อปปิ้งแคบๆ ดูแซ่บหลายไปด้วยผู้คนแต่งตัวกันสุดเฟี้ยว มีกลุ่มหนุ่มหน้ามัน ย่องก�ำลังสูบบุหรี่ สวมเสื้อคอปกสีขาวแหวกอกลึกจนถึงสะดือ ดูสีหน้าแล้ว เหมือนก�ำลังอยู่ระหว่างการอบรมโอลิมปิกการทุจริตนานาชาติ งั้นไปทางนี้ กันดีกว่า! ผมสังเกตว่าเวลามีผู้หญิงสวยๆ เดินผ่านมาสักคนท่ามกลางกลุ่มคน จะต้องมีผู้ชายหนึ่งในกลุ่มนี้วิ่งเข้าไปหาเธอ เดินตามติดประชิดตัวไปข้างๆ แล้วเสนออะไรบางอย่างให้ เขาจะโน้มตัวลงพูดกรอกหูระหว่างที่เธอเดิน ผ่าน และหลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามถอนตัวออกมาให้พ้นจากเขา ในที่สุดเธอก็จะยกมือขึ้นปรามอย่างสุภาพ ป้องหน้าหนีไอ้หนุ่มนั่น แล้ว บอกปัดข้อเสนอ จากนั้นก็เดินฉับๆ ให้พ้นโดยไว เจ้าหนุ่มนั่นท�ำท่าไม่ ยอมถอยง่ายๆ แต่ราวกับมีเพื่อนพ้องหน้ามันที่เรามองไม่เห็นรั้งเขาไว้ ใน ที่สุดเขาก็หยุดกึก อัดบุหรี่เข้าเฮือกหนึ่งแล้วเดินอาดๆ กลับไปที่ประจ�ำการ ของตน ด้วยความที่ผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็นแต่เกิด และก็...ถูกต้องครับ ช่างสอดรู้สอดเห็นด้วย ผมก็เลยเดินตลอดทางยาวของถนนนั้นไปยังช่วง ตึกถัดไป กลับหลังหันแล้วเดินสวนกลับมาทางที่ผมเพิ่งเดิน เพียงเพื่อขอดู ปฏิบัติการนี้อีกสักสองสามรอบจากมุมมองที่ต่างๆ กัน และเป็นไปตามคาด ทุกครั้งที่มีสาวสวยสะดุดตา หรือหญิงสาวที่ มีคุณสมบัติเข้าข่าย หนึ่งในหนุ่มหน้ามันก็จะต้องกระโดดพรวดออกมาไล่ 36 จิตราพร โนโตดะ แปล
ตามพวกเธอราวกับเป็นลูกหมาตัวน้อย พูดใส่หู และน้อมรับค�ำตอบที่ดู สุภาพ แต่ปฏิเสธอย่างออกนอกหน้าจากผู้หญิงเหล่านั้นทุกครั้ง ในที่สุด พวกเขาก็ถอยและหวนกลับมารวมกลุ่มกับพวกหนุ่มๆ ตามเดิม นี่มันอะไรกันน่ะ พวกหนุ่มนั่นก�ำลังเอ่ยปากชวนพวกเธอไปกิน ไอศกรีมโซดาหรือไง หรือชมถุงเท้ายาวถึงหัวเข่าของพวกเธอ หรือท้าให้ เธอหาขนหน้าอกที่มีอยู่เพียงเส้นเดียวของพวกเขา มันน่าหงุดหงิดชะมัดที่ ผมหาค�ำตอบไม่ได้ เพราะต่อให้ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่อง แต่หน้าตาไอ้ หนุ่มพวกนี้ก็ดูออกชัดเลยว่าเป็นแก๊งมาเฟียฝึกหัด ถามหน่อยเถอะ เป็น คุณจะกล้าเดินไปเฉียดใกล้คริสโตเฟอร์จากซีรีส์ เดอะ โซปราโน่ แล้วถาม ว่าเขาต้องการอะไรจากสาวสวยพวกนั้นที่เขาตามตื๊อบนถนนในนิวเจอร์ซีย์ ไหม นั่นแหละที่ผมคิดละ ฉะนั้น ผมเลยยอมแพ้แล้วเดินต่อไป ระหว่างรออยู่ที่สี่แยกพร้อม กับคนครึ่งล้าน ผมก็นึกถึงเรื่องที่เจอกับมิโฮ จอห์นสันเมื่อสักครู่ เป็นไป ได้ไหมว่าเธอมองเห็นข้างในตัวผมว่าก�ำลังโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง เป็นคน หลงทางที่ถูกชักจูงได้ง่าย เป็นลูกน้อยที่เดินอยู่บนหนทางที่ผิดๆ และต้อง พากลับมายังอาณาจักรของพระเจ้า หรือเธออาจแค่มองผมเป็นเป้าหมายที่ หลอกได้ง่ายดายก็ได้นะ เวลาเราพูดถึงศรัทธาในศาสนาอันแรงกล้า มักจะ มีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างคนที่ก้มหัวลงอธิษฐานอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน กับ คนที่สามารถถูกกล่อมให้จิ้มถุงบรรจุซารีนกลางรถไฟใต้ดินโตเกียวได้เลย* อยากรู้จังว่าคนอย่างมิโฮอยู่ฝั่งไหนกันนะ ไอ้เอกสารที่เธอให้ผมมันดูบ้า คลั่งก็จริง แต่แล้วเธอล่ะ เธอบ้าคลั่งอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า ว่ากันว่าคนเราก้าวเข้ามาในเส้นทางชีวิตของคนอื่นด้วยเหตุผลอะไร สักอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้น เหตุผลของมิโฮคงจะต้องเป็นการชักน�ำผมไปสู่ ถนนที่มีแต่โรงนวดกับเซ็กซ์คลับเป็นแน่ ซึ่งอยู่ตรงหน้าผมบนถนนทั้งสาย –––––––––––––––––––––––––––––– * เหตุการณ์ในปี 1995 เกิดขึ้นในรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่น เมื่ออาซาฮาร่า เจ้าลัทธิ โอมชินริเกียว สั่งให้ลูกน้องบ้าลัทธิของตนถล่มรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวด้วยแก๊ส ซารีน ท�ำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจ�ำนวนมาก–ผู้แปล สวรรค์ชั้นโตเกียว 37
ในขณะนี้ ถนนเส้นนี้ดูเหมือนท�ำขึ้นมาเพื่อให้หนุ่มชาวโตเกียวทั้งหลายเกิด อารมณ์ปึ๋งปั๋ง ถ้างั้นก็สมเหตุสมผลแล้วละ ปกติแล้วพวกมิชชันนารีที่ อยู่ตามเมืองใหญ่ๆ มักจะเข้าไปแฝงตัวตามย่านเสื่อมศีลธรรมเพื่อจะได้ ดึงบรรดามนุษย์ผู้หลงผิดให้พ้นจากความผิดบาปที่ผลุบโผล่อยู่ละแวกนี้ พวกมิชชันนารีเหล่านั้นจะเอ้อระเหยรอคอยด้วยความหวังว่า จะสามารถ หันเหใครสักคนที่ก�ำลังก้าวเท้าเข้าไปในเขตเยียวยาอารมณ์ทางเพศ แล้วหัน กลับไปยังจุดหมายปลายทางที่บริสุทธิ์ผุดผ่องกว่า ซึ่งที่แห่งนั้นจะเน้นการ เยียวยาที่อวัยวะส่วนอื่นแทน ครั้งหนึ่งผมเคยไปอัมสเตอร์ดัม และหอพัก ของเยาวชนคริสเตียนที่ผมอยู่นั้นตรงข้ามกับร้านขายของจ�ำพวกเอสแอนด์ เอ็ม (ซาดิสม์ แอนด์ มาโซคิสม์) ถูกต้องแล้ว มิโฮท�ำหน้าที่ส�ำเร็จด้วยการ บอกใบ้ทางไปเขตโสมมที่สุดในชินจูกุให้ผมรู้แล้วว่ามันอยู่ตรงไหน มันจะ ต้องสกปรกโสมมและเสื่อมศีลธรรมแน่ๆ ผมอดใจรอไปดูไม่ไหวแล้วเฟ้ย อีกฟากหนึ่งของทางแยกนั้นเป็นถนนเส้นที่กว้างกว่าและคลาคล�่ำ ด้วยเสียงเอะอะของลูกค้าเจ้าส�ำราญ คนเฝ้าประตูคลับ คนแจกใบปลิว และนักธุรกิจเมาแอ๋ ผมออกลุยถนนสายนี้ทันที และก่อนจะทันตั้งตัว ก็มีกลุ่มผู้ชายแต่งตัวอย่างเท่ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นบ้าง แอฟริกาบ้าง และตะวัน ออกกลางบ้าง เดินเข้ามาหาผมทีละคน และถามว่าสนใจกิจกรรมหวือหวา ชวนสยิวของพวกเขาในซ่องแห่งความบาปไหม อาทิ อาบอบนวด ระบ�ำ แลปแดนซ์ ขัดถูในพื้นที่ส่วนตั๊วส่วนตัว การสนทนาแบบลึกซึ้งถึงไหนๆ กับโฮสเตสสาวสวย ทั้งหมดนี้ประดาหน้ากันเข้ามาเสนอให้ผม ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เป็นเกย์จะต้องถือว่าเป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้น ส�ำหรับข้อเสนอแบบนี้ แต่ผมสามารถเดินอยู่บนถนนโลกีย์เส้นนี้ได้โดยมี ภูมิคุ้มกันเพียบ และไม่หวั่นไหวเลยสักนิดกับข้อเสนอที่สุภาพบุรุษเหล่านี้ พากันหยิบยื่นให้ ถ้าคนพวกนี้เสนอหนุ่มนักเล่นเคนโด้มหาวิทยาลัยที่มี ชื่อประมาณโนบุอะไรท�ำนองนี้ ผมอาจสนใจกว่านี้ก็ได้นะ แต่ในเมื่อเป็น แบบนี้ ผมก็สามารถบอกปัดได้อย่างสบายใจเฉิบพร้อมกับสุขใจไปกับความ มีศีลธรรมอันสูงส่งของตัวเอง ผมเดินไปตลอดความยาวของถนนสายยาวเหยียดที่ครื้นเครงไป 38 จิตราพร โนโตดะ แปล
ด้วยเรื่องลามกจกเปรตแบบชายหญิงจนอิ่มหน�ำ แต่ก็รู้สึกคลื่นไส้หน่อยๆ ด้วย ถามจริงเถอะว่าเป็นคุณจะรับได้เหรอที่ต้องใช้คอลเล็กชั่นเซ็กซ์ทอย ในรูปแบบของเฮลโหล คิตตี้ ประมาณว่ามีทั้งไวเบรเตอร์ น�้ำมันปลุกก�ำหนัด และอะไรสักอย่างที่หน้าตาดูเป็นถุงยางทรงแฟนซี จากนั้นก็ตีหน้าซื่อ กลับมาเป็นคนเดิมต่อได้ แต่ยังไงก็เถอะ อย่างน้อยผมก็รู้สึกดีที่ได้รู้ว่า ถ้าเกิดผมต้องการการนวดชนิดลึกล�้ำไปถึงเนื้อเยื่อด้วยน�้ำมือของผู้หญิงที่ แต่งชุดนักเรียนสาววัยสิบสี่ (หรือโดยเด็กสาวที่อายุสิบสี่จริงๆ) ผมรู้แล้วละ ว่าต้องไปที่ไหน มาถึงตรงนี้ผมก็ล้มเลิกความตั้งใจว่าจะได้พบปะกับสาวฮาราจูกุใน ความฝันของผม แล้วสรุปกับตัวเองว่า ผมจะถือว่าค�่ำนี้ประสบความส�ำเร็จ ถ้าผมสามารถหาอาหารญี่ปุ่นดีๆ กินสักมื้อ หาอะไรดีๆ กลับไปอ่านได้ และ หาทางกลับไปที่สถานีรถไฟได้ส�ำเร็จ เนื่องจากผมเดินหลุดไปอีกทิศไกล พอสมควร จึงคิดว่าจะเดินอ้อมช่วงตึกนั้นแล้วย้อนกลับไปยังต้นทางที่มา ผมท�ำตามนั้นแล้วลงเอยด้วยการหลงทางในที่สุด และยิ่งพยายามเดินหา ทางไปสถานีรถไฟ ผมก็ยิ่งหลงวนเวียนอยู่ในถนนช้อปปิ้งคดเคี้ยวยุ่งเหยิง เป็นใยแมงมุมของชินจูกุมากขึ้นเท่านั้น ผมนั่งลงเพื่อหารือกับหนังสือน�ำเที่ยวที่หยิบออกมาใช้บ่อยเสียจน มุมพับแล้วพับอีก แต่แผนที่ที่มีรายละเอียดยุบยิบและค�ำอธิบายเพิ่มเติม นั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมลุกขึ้นยืนแล้วมองตามถนน หวังแล้วหวังเล่า ว่าจะเห็นป้ายไฟนีออนอันใหญ่ยักษ์เป็นรูปชามราเมนควันฉุย พร้อมกับ ข้อความไฟกะพริบเป็นภาษาอังกฤษที่ป่าวประกาศว่า ‘เรามีนิตยสารภาษา อังกฤษด้วย!!! โอริโอส์อีกต่างหาก!!!’ ขณะเดินอ้อมหัวมุมถนนและ ก�ำลังจะถอดใจอยู่แล้วเชียว ก็ดันหันหัวไปทางแผงขายหนังสือแล้วสายตา ก็จอดโชะลงบนชายหนุ่มนุ่งลมห่มฟ้าเข้าให้ นี่มันเจ๋งยิ่งกว่าชามราเมนควันฉุยหรือนิตยสาร โซป โอเปร่า แฮร์ สักเล่มซะอีก ในที่สุดผมก็หยุดกึกตรงหน้า ‘ร้านขายหนังสือ’ เกย์จนได้ แหมคุณก็ ไหนๆ ก็อยู่ตรงนี้แล้ว และผมก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ซะด้วย ผมก็เลย แบบว่า เอ่อ ขอ เอ่อ ขอสักนิด เอ่อ... สวรรค์ชั้นโตเกียว 39
ร้านนั้นเป็นร้านเล็กและแออัดสุดๆ แต่ให้ตายเถอะวะ หนังสือ เพียบเลย ผมเดินเบียดเสียดผ่านผู้คนอย่างไม่เกรงใจสายตาเขียวปั้ดเพื่อ ขอได้ชมสักแวบ ในนี้มีชั้นนิตยสาร หนังสือ วิดีโอ และอุปกรณ์วางเรียง รายชั้นแล้วชั้นเล่า ชั้นแล้วชั้นเล่า นี่มันปาร์ตี้หนังโป๊ชัดๆ แถมเสิร์ฟด้วย ของน่าสนใจอีกเพียบ ถ้าใครคลัง่ นักเซิรฟ์ ก็เดินตรงไปด้านในแล้วมองไปที่ ชั้นบนสุดทางด้านซ้ายเลย หรือใครสนใจชายแท้ที่เป็น ‘เกย์-ฟอร์-เปย์’* ก็เงยหน้ามองขึ้นไปเหนือชั้นของนักเซิร์ฟ หรือใครหลงใหลชายญี่ปุ่นนัก ธุรกิจสูงวัยอ้วนพุ้ยและแก้ผ้าหมดเปลือกที่ถูกแขวนอยู่ในตาข่ายที่ห้อยลง มาจากเพดานและมีเปลวเทียนลนก้นอยู่ละก็ คุณเป็นโรคจิตครับ และหัด ละอายใจซะบ้าง โน่น หันมองไปทางขวาตรงเหนือชั้นขายเจลหล่อลื่น นิตยสารทุกเล่มห่ออยู่ในพลาสติก ฉะนั้นผมก็เลยได้แต่ดูจากหน้า ปกเท่านั้น แต่เนื่องจากผมไม่ได้เห็นของแบบนี้มาพักหนึ่ง แถมระยะนี้ถูก ภาพโฆษณาเครื่องดื่มชูก�ำลังในรถไฟใต้ดินกระตุกต่อมอยู่บ่อยๆ ทุกสิ่งทุก อย่างในนี้เลยดูเพลินตาเพลินใจไปหมด (แต่ไม่รวมอีตานักธุรกิจสูงวัยร่าง อ้วนเผละนั่นหรอกนะ) ผมเดินอายๆ ไปรอบร้าน พยายามแขม่วตัวสุด ฤทธิ์ระหว่างเดินอยู่ในซอกที่แน่นเบียดเสียดและพยายามไม่ซุ่มซ่ามท�ำวิดีโอ นักเซิร์ฟชาวญี่ปุ่นเทกระจาดลงพื้น หลังจากค้นหาอยู่ราวสองสามนาที รวมถึงพยายามเบือนหนีชายญี่ปุ่นสูงวัยที่ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรเหมือนเขา แน่นอน ผมก็เลือกของได้เรียบร้อย กระมิดกระเมี้ยนจ่ายเงิน รับถุงยาง และโลชั่นแจกฟรี แล้วเปิดตูดแนบออกจากร้าน ผมรู้สึกหน้าแดงแบบเดียวกับคนที่เดินออกจากร้านขายสื่อลามก แล้วต้องปรากฏตัวสู่สายตาชาวโลก แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมไม่เพียง แต่ ‘ไปหาล่อลวง’ ตามที่มิโฮสะบัดส�ำนวนบอกผม แต่ยังปล่อยตัวปล่อย ใจไปสู่การล่อลวงชนิดเขมือบเต็มค�ำ และออกมาพร้อมกับถุงกระดาษสี น�้ำตาลที่มี ‘น�้ำมันกระตุ้นก�ำหนัด’ แถมฟรีอยู่ในถุงที่บัดนี้ผมหนีบไว้ข้าง –––––––––––––––––––––––––––––– * เกย์-ฟอร์-เปย์ นักแสดงผูช้ าย ดาราโป๊ หรือคนขายบริการทางเพศทีเ่ ป็นชายรักต่างเพศ แต่ได้รับค่าตอบแทนในการแสดงแบบเกย์อย่างมืออาชีพ–ผู้แปล 40 จิตราพร โนโตดะ แปล
ตัวแน่น ผมนึกถึงใบปลิวที่มิโฮให้มาพร้อมกับรูปพระเจ้าในชุดสีขาวท่าทาง เป็นมิตรและดูเข้าถึงได้ จากนั้นก็นึกถึงคุณชาย 666 คนนั้น แล้วอยากรู้ ว่าเขาเป็นรุกหรือรับ คิดแบบนี้มันบาปไหมเนี่ย แล้วผมก็โดนพระเจ้าลงโทษจนได้ ก็ตอนขากลับไปยังสถานีรถไฟ นี่ละครับ ผมพบว่าตัวเองเดินกลับไปในเขตหนุ่มขี้หลีหน้ามันกลุ่มเดิมที่ แต่งตัวเฟี้ยวฟ้าวอ่อยผู้หญิงสุดฤทธิ์และยังจับกลุ่มกันอยู่ หนึ่งในนั้นรีบ จ�้ำตามไปเคียงข้างสาวออฟฟิศที่ก�ำลังกลับบ้านพร้อมถุงใส่กับข้าว ดูก็รู้ว่า ไม่ต้องการข้อเสนอง่อยๆ จากเขา และไม่เสียเวลากับหมอนั่นด้วยการเดิน แซงเขาไป พอรู้ตัวว่าถูกผู้หญิงสวมส้นสูงเดินแซงหน้าไปซะแล้ว ก็หยุด เดินแล้วจัดแจงเสยผมให้เรียบร้อย จากนั้นก็รักษาหน้าแตกยับด้วยการ เฉไฉเปิดมือถือ แกล้งท�ำเป็นรับสาย แล้วเดินวางมาดกลับไปหากลุ่มสหาย แก๊งโชว์สะดือ เป็นอันจบข่าว ระหว่างเดินเลียบตามถนนไปยังทางที่ผมเห็นแล้วว่ามันคือทางออก ฝั่งตะวันออกของสถานีรถไฟ ก็มีชายชาวญี่ปุ่นท่าทางตื่นเต้นกวดตามหลัง มาและจนปัญญาที่จะพูดภาษาอังกฤษกับผม เขาพยายามชี้ใบปลิวที่ถือ อยู่ตรงหน้าผมแล้วพูดว่า “เซ็กซ์!” ผมไม่ได้ปฏิเสธเต็มเสียงนัก แต่ก็ บอกปัดอย่างสุภาพแล้วเดินต่อ หลังจากนั้นก็มีชายชาวแอฟริกากวดไล่ ตามผม พูดว่า “มาสิ เพ่ มาเลย สาวเอ็กซ์ๆ! ไปที่บาร์ผมเลย!” ผมบอก เขาว่าไม่ละ ขอบคุณ แต่เขาก็ยังคงส่งเสียงแหลมขายของต่อว่า “สาว เอ็กซ์ๆ นะเพ่!! สาวเอ็กซ์ๆ!! มาเซ่!” ผมเร่งฝีเท้าแล้วโบกมือไล่ พอเจอ อย่างนี้เข้า หมอนั่นก็กระทืบเท้าแล้วตะโกนด้วยเสียงผิดหวังสุดขีดเหมือน จะตายให้ได้ “ท�ำไมล่ะเพ่??!!” ผมอยากหันกลับไปกระทืบเท้าใส่เขาบ้าง แล้วค�ำรามข่มว่า “เพราะฉันเคารพในตัวผู้หญิงเกินกว่าจะท�ำได้น่ะสิ” แต่ นั่นใช่เหตุผลที่แท้จริงซะที่ไหนล่ะคุณ ผมขึ้ น รถไฟสายยามาโนเตะไปยั ง สถานี ชิ น ากาว่ า จากนั้ น ก็ จ ะ เปลี่ยนเป็นรถไฟสายโทไกโดแล้วนั่งจนสุดสายไปที่ฟูจิซาว่า ตรงชานชาลา ของชินากาว่านี่ยังกับทะเลมนุษย์ พอรถไฟมาถึง ผู้คนก็ฮือกันเข้าไป เจ้า หน้าที่ในเครื่องแบบสองคนที่ยืนอยู่คนละด้านของประตูก็ช่วยกันดัน อัด สวรรค์ชั้นโตเกียว 41
ยัดให้คนเข้าไปในตู้ขบวนให้ได้ ด้วยความพยายามยัดเยียดมนุษย์ทุกคน ให้ขึ้นรถไฟในท่าที่สงวนไว้ส�ำหรับตอนหมอมาตรวจร่างกายเท่านั้น เรียก ได้ว่าภายในตู้โดยสารรถไฟเป็นงานศิลป์ร่วมสมัยชิ้นหนึ่ง ประเภทที่แขน แต่ละข้าง หนังสือพิมพ์ กระเป๋าเอกสาร หูฟังโทรศัพท์ คาง หนังสือ และ ข้อศอก เบียดเสียดขี่ซ้อนกันและกันราวกับเซลล์เม็ดเลือดในหลอดเลือด ตีบๆ และเมื่อคุณคิดว่าคงไม่มีมนุษย์อีกแม้แต่คนเดียวสามารถยัดเข้าไป ในตู้รถไฟโดยสารนี้ได้แล้ว ก็จะต้องมีนักธุรกิจหน้าตาขึงขังก้าวเข้ามา และ เมื่อประตูปิด เขาก็จะถูกอัดเข้าไปในตู้โดยสารรถไฟในท่วงท่าอะไรก็แล้วแต่ ที่เนื้อที่ภายในนั้นอ�ำนวย (ท่าบุหรี่หักกลาง ท่าอุ้มแตง ท่าด้วงขี่) รถไฟขบวนนั้นเบียดเสียดยัดเยียดเสียจนร่างกายทุกสัดส่วนของผม ต้องถูกสัมผัส (จะว่าไปก็ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่เลวร้ายสักเท่าไรนัก) เมื่อ รถไฟหยุดจอดที่สถานีโยโกฮาม่า คนก็ไหลพรากๆ ออกจากรถจนผมเกือบ ถูกกระเป๋าตัวเองรัดคอตาย (กระเป๋าที่บรรจุหนังโป๊อันแสนมีค่า ช่างเป็น เรื่องตลกร้ายที่คุณนายมิโฮจะต้องสะใจเป็นแน่) เพราะสายกระเป๋ายังคง คาดอยู่กับไหล่ผม ส่วนตัวกระเป๋ากับตัวผมก็ถูกแยกกันไปคนละทางด้วย น�้ำมือของคนร่วมสองสามโหล เป็นคราวเคราะห์ของผมที่คนพวกนั้นดัน ต้องลงที่โยโกฮาม่า แต่โชคดีที่ผมสามารถดึงตัวเองกลับมาได้โดยที่ไม่ได้ กระชากใครให้ตัวขาดเป็นสองท่อน แล้วการเดินทางต่อไปหลังจากนั้นก็ไม่ ค่อยมีเรื่องถึงเนื้อถึงตัวมากสักเท่าไรแล้ว พอกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ ผมก็ตรงดิ่งไปยังห้องเล็กๆ ของผมทันที หย่อนตัวลงบนฟูก เปิดกระเป๋า หยิบนิตยสาร (น�ำเข้าจากประเทศอเมริกา) ฉีกพลาสติกที่ห่อออก แล้วก็ต้องร้องออกมา ที่ผมร้องออกมานั้นไม่ใช่เพราะเกิดอาการหื่นกระหาย ทึ่ง หรือแม้ แต่ข�ำ แต่ผมร้องด้วยความรู้สึกถูกตบตาและโกรธสุดขีดระหว่างพลิกไป ตามหน้านิตยสารราคาแพงหูฉี่นั้น ผมกวาดสายตาไปตามเนื้อหาบนหน้า กระดาษสี่สีมันวาวเหล่านั้น ทุกๆ ภาพที่ซูมเป้า ทุกๆ ภาพที่แย้มเนื้อหนัง มังสาของผู้ชาย ทุกๆ ภาพที่เห็นอาวุธลับถูกงัดออกมา เป็นต้องถูกขีดฆ่า ไปหมด เหลือเชื่อไปเลยว่ะ ต้องบอกว่าผู้ชายที่ท�ำงานในบริษัทน�ำเข้า 42 จิตราพร โนโตดะ แปล
นิตยสารโป๊นี่มันโชคดีสุดๆ เพราะเขาต้องไล่พลิกนิตยสารทั้งหมดที่เข้า มาในประเทศนี้ พร้อมกับมีปากกามาร์กเกอร์สีด�ำเส้นหนาเตอะ หรือบางที ก็เป็นยางลบดินสอ แล้วขีดฆ่าทุกๆ รูปที่มีชายน้อยโผล่อยู่ภายในหนังสือ ช่างเป็นการไม่เคารพต่องานศิลป์และต่อผู้ซื้อได้อย่างหน้าด้านๆ ชนิดที่ผม ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน กลายเป็นว่าภาพถ่ายสุดเจ๋งเหล่านั้นต้องเสียไป เปล่าๆ ปลี้ๆ เพราะกฎหมายบ้าบออะไรสักอย่างของญี่ปุ่นที่ห้ามเผยรูปถ่าย ตรงบริเวณง่ามขาให้กับคนที่จ่ายเงินไปเป็นกอบเป็นก�ำเพื่อดูของดี จริงอยู่ว่าภาพอวัยวะเหล่านั้นยังพอมองออกได้บ้าง แต่หัวใจส�ำคัญ ของหนังสือโป๊ก็คือ ไม่จ�ำเป็นต้องให้คนดูจินตนาการอีก มันจะต้องใส่ทุก อย่างที่คุณอยากเห็นลงไปตรงหน้าเพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับมันอยู่ชั่วครู่ ชั่วยามก่อนด�ำเนินชีวิตของคุณต่อไป ผมวางนิตยสารลง นอนลงบนเตียงพลางมองรอยแตกบนเพดาน จากนั้นก็หัวเราะออกมาด้วยความเซ็ง ผมเอี้ยวตัวไปข้างหน้า หยิบใบปลิว ที่มิสมิโฮให้จากกระเป๋ากางเกงหลัง แล้วมองภาพวาดที่หน้าแผ่นพับ นั่น พระเจ้าอีกแล้ว ท่านสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดก�ำลังยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้ ตอนที่มองภาพนี้ ผมรู้สึกว่าท่านดูมีเมตตาและใบหน้าอ่อนโยนที่มีเสียง คล้ายมอร์แกน ฟรีแมน แต่ตอนนี้นี่สิ ท่านยิ้มเหมือนรู้ทัน อย่างกับว่าท่าน ก�ำลังเล่าเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับคนยิว พระ และพวกโฮโม แล้วรอให้ผมรับมุข สักที แล้วนั่นใช่ท่านขยิบตาให้ผมด้วยรึเปล่าน่ะ ผมรู้สึกละอายใจหน่อยๆ แล้วมองไปที่นิตยสารปลุกใจเสือป่า มัน กางออกตรงหน้าที่เป็นรูปคนงานก�ำลังเอ่ยปากให้เจ้านายพาดตัวกับรถเข็น แล้วยกก้นขึ้น กับมีรอยแต้มสีด�ำรอยเบ้อเริ่มขีดทับไอ้นั่นของเขา ผมมอง กลับไปที่พระเจ้า ดวงตาของท่านเป็นประกาย ริมฝีปากยิ้มกว้างด้วยความ พึงพอใจว่า “ฮั่นแน่ จับได้แล้ว!” มิโฮ จอห์นสันพูดถูก พระเจ้าจับตามองเราอยู่เสมอ ต่อให้เราหลง จนหาทางไม่เจออยู่กลางชินจูกุก็เถอะ นี่มันเหลือเชื่อไปเลยแฮะ สวรรค์ชั้นโตเกียว 43