ไฟรัก ไฟสงคราม
บัญชร ชวาลศิลป์
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน ๒๕๕๘
ไฟรัก ไฟสงคราม • บัญชร ชวาลศิลป์ พิมพ์ครั้งแรก : สำ�นักพิมพ์มติชน, มกราคม ๒๕๕๘ ราคา ๓๓๕ บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรม บัญชร ชวาลศิลป์, ไฟรัก ไฟสงคราม.- - กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๗. ๔๐๐ หน้า. - -(วรรณกรรมไทย). ๑.นวนิยายไทย I. ชื่อเรื่อง ๘๙๕.๙๑๓ ISBN 978 - 974 - 02 - 1374 - 1
ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : พัลลภ สามสี บรรณาธิการเล่ม : โมน สวัสดิ์ศรี • นักศึกษาฝึกงานแผนกกองบรรณาธิการ : อารักษ์ อารักษ์รัฐ พิสูจน์อักษร : บุญพา มีชนะ • กราฟิกเลย์เอาต์ : กิตติชัย ส่งศรีแจ้ง ออกแบบปก-ศิลปกรรม : ประภาพร ประเสริฐโสภา • ประชาสัมพันธ์ : สุภชัย สุชาติสุธาธรรม หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๓๓๕๓ โทรสาร ๐-๒๕๙๑-๙๐๑๒
www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๑๒๓๕ โทรสาร ๐-๒๕๘๙-๕๘๑๘ แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองงานเตรียมพิมพ์ บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๒๔๐๐-๒๔๐๒ พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด ๒๗/๑ หมู่ ๕ ถนนสุขาประชาสรรค์ ๒ ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี ๑๑๑๒๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๔-๒๑๓๓, ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๖ โทรสาร ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๗ จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๓๓๕๐-๓๓๕๓ โทรสาร ๐-๒๕๙๑-๙๐๑๒ Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
สารบัญ
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำนิยม : ประภัสสร เสวิกุล ค�ำน�ำผู้เขียน
สงครามครั้งที่ ๑ : ความพยาบาท บทที่ ๑ คณะกู้บ้านเมือง บทที่ ๒ ปฐมบทแห่งลิขิต บทที่ ๓ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๗๕ บทที่ ๔ ปริศนาแห่งกาลเวลา บทที่ ๕ จาก ๒๔๗๖ ถึง ๒๕๑๙ บทที่ ๖ กองทหาร...ติดดาบ!!! บทที่ ๗ ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน บทที่ ๘ หินลับ บทที่ ๙ ลั่นทมตรงหัวใจ
๕ ๗ ๙ ๑๕ ๑๗ ๒๘ ๔๓ ๗๐ ๙๙ ๑๑๖ ๑๒๖ ๑๔๙ ๑๗๓
สงครามครั้งที่ ๒ : การให้อภัย บทที่ ๑ กระดูกเข้าบัว บทที่ ๒ สู่สมรภูมิ บทที่ ๓ ภูบรรทัด บทที่ ๔ หัวเกยป้อม บทที่ ๕ สงครามไม่ใช่อาชญากรรม บทที่ ๖ จุดตัดแห่งลิขิต บทที่ ๗ จ�ำปูนป่า บทที่ ๘ มิติแห่งสงคราม บทที่ ๙ เป็นห่วงกับคิดถึง บทที่ ๑๐ หน้าที่กับความรัก บทที่ ๑๑ สงครามส่วนตัว บทที่ ๑๒ คารวะสุดท้ายจากภูบรรทัด
๑๙๕ ๑๙๗ ๒๐๐ ๒๑๔ ๒๓๗ ๒๕๒ ๒๗๐ ๒๘๖ ๓๐๓ ๓๑๙ ๓๓๘ ๓๗๐ ๓๗๙
๓๙๘
ประวัติผู้เขียน
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์
หากสงครามคือเปลวเพลิงอันร้อนแรง เปรียบดังปีศาจร้ายทีม่ อบแต่ความ โศกเศร้าและความหวาดกลัวให้แก่ผคู้ น คอยท�ำลายทุกสรรพสิง่ ทีย่ า่ งกราย เข้ามาใกล้ให้สิ้นซาก “ความรัก” ก็คงเปรียบได้กับกองไฟกองเล็กๆ ที่ลุกโชนท่ามกลาง ลมหนาว เป็นความอบอุ่นและแสงสว่างน�ำทางแก่ผู้คนที่หลงทางภายในป่ า อันเปล่าเปลี่ยว ศศิประภา หญิงสาวแดนย่าโมที่พบรักกับธงเจิม ทหารหนุ่มผู้รัก ชาติและยึดมั่นในหน้าที่ ทั้งยังมีอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะน�ำความสงบสุข คืนแก่ประเทศไทยเพื่อชาติและคนที่รัก แต่โชคชะตากลับท�ำให้ทงั้ คูไ่ ม่สามารถอยูเ่ คียงคูก่ นั ได้ เมือ่ ศศิประภา ได้หมัน้ กับธรรมรัตน์ นักธุรกิจหนุม่ ส่วนธงเจิมเข้าร่วมกับคณะกูบ้ า้ นเมือง หรือที่ต่อมารู้จักกันในนาม “กบฏบวรเดช” ผ่านภพ ทหารหนุ่มตกหลุมรักกับอาทิตยา นักศึกษาสาวผู้รอดชีวิต จากเหตุการณ์ล้อมปราบ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และได้หนีเข้าป่ า ไฟรัก ไฟสงคราม 5
ร่วมกับ “กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย” ภายใต้แนวคิดของ “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” น�ำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ท�ำให้ม ี ผู้คนล้มตายมากมาย จะท�ำอย่างไรหากต้องเลือกระหว่าง “ความรู้สึก” กับ “ความรับผิด ชอบ” จะท�ำอย่างไรหากต้องเลือกระหว่าง “หน้าที่” และ “ความรัก” “ไฟรัก ไฟสงคราม” นวนิยายของ “บัญชร ชวาลศิลป์” เจ้าของ นามปากกา “วิชัย ภูเวียงกล้า” ที่มีเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ ถึงเหตุการณ์ ส�ำคัญที่ปวงชนชาวไทยไม่อาจลืมเลือน ทั้งเหตุการณ์ “กบฏบวรเดช” หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี ๒๔๗๕ เชื่อมโยงถึงเหตุการณ์การลุกขึ้นต่อต้านอ�ำนาจเผด็จการของ นักศึกษาและประชาชน อันเป็นสาเหตุที่ท�ำให้บ้านเมืองตกสู่ยุคสงคราม กลางเมืองนานหลายปี เนื่องจากผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ ในขณะก�ำลังรับราชการ ท�ำให้เรื่องราวมีความสนุกสนาน ฉากสงคราม สมจริง และฉากแสดงความรักที่ลึกซึ้งกินใจ เรื่องราวความเป็นมาในประวัติศาสตร์อันด�ำมืดของการปฏิวัติและ การรัฐประหารภายในประเทศ ซึ่งอาจสูญหายลบเลือนไปตามกาลเวลา ก�ำลังจะได้รับการถ่ายทอดมาสู่คนรุ่นหลัง ผ่านความรักที่แสนบริสุทธิ ์ และไฟสงครามที่แผ่ขยายเป็นวงกว้างครอบคลุมทั่วพื้นที่ ณ ดินแดน ด้ามขวานของไทย ส�ำนักพิมพ์มติชน
6 บัญชร ชวาลศิลป์
ค�ำนิยม
“ไฟรัก ไฟสงคราม” ของ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ เป็นนวนิยายที่อ่าน ด้วยใจระทึกตั้งแต่บทแรกถึงบทสุดท้าย ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ข้อมูล ทีแ่ ม่นย�ำ และกลวิธกี ารเล่าเรือ่ งชนิดทีอ่ า่ นแล้ววางไม่ลง แต่สงิ่ ส�ำคัญอย่าง หนึ่งที่อยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ ก็คือปมปัญหาของความขัดแย้งในบ้านเมือง ตั้งแต่การก�ำเนิดของ “คณะกู้บ้านเมือง” และ “กบฏบวรเดช” เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ จนถึงเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และสงครามปฏิวัติที่ติดตาม มา โดยผู้ประพันธ์สามารถเชื่อมโยงช่วงเวลาที่ห่างกันกว่า ๔๐ ปี ให้กลม กลืนกันอย่างแยบยล รวมทั้งสอดแทรกแนวคิดทางการเมือง บรรยากาศ ของความขัดแย้งในอดีต และภาพการปฏิบัติการทั้งฝ่ายทหารและ ผกค. ภาคใต้ กับบางค�ำถามทีห่ าค�ำตอบไม่ได้ระหว่างความรักกับความรับผิดชอบ สงครามในหน้าที่กับสงครามส่วนตัว อย่างสมจริง เข้าถึงอารมณ์ และ ความรู้สึก “ไฟรัก ไฟสงคราม” เป็นหนังสือทีน่ า่ อ่านเป็นอย่างมาก ไม่วา่ จะเพือ่ ความบันเทิงในรูปของนวนิยายชั้นดี บันทึกทางประวัติศาสตร์ หรือเพื่อ ไฟรัก ไฟสงคราม 7
การศึกษาความเป็นไปของเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จาก ยุคแรกของการเปลีย่ นแปลงการปกครอง ถึงยุคทีค่ วามขัดแย้งทางความคิด ด�ำเนินไปถึงจุดสูงสุด ขอแสดงความยินดีกบั พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ ในฐานะ “นักเขียน” และขออวยพรให้ “ไฟรัก ไฟสงคราม” ประสบความส�ำเร็จครับ ประภัสสร เสวิกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
8 บัญชร ชวาลศิลป์
ค�ำน�ำผู้เขียน
ผมเริ่มต้นงานเขียนด้วยชุดเรื่องสั้น “สอยดาวมาร้อยบ่า” ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ น�ำไปสู่การรวมเล่มใน ๒ ปีถัดมา จากนั้นก็เขียนติดต่อกันใน หลากหลายสไตล์ จนถึง พ.ศ.๒๕๔๐ “แคน สังคีต” หรือนามจริง “พิมล แจ่มจรัส” นักเขียนอาวุโส ได้กรุณาตั้งชื่อพ็อกเก็ตบุ๊กรวมเรื่องสั้นเกี่ยวกับ หมาเล่มแรกของผมว่า “หมารักคน” ล้อ “คนรักหมา” ของอาจารย์ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช แล้วให้ข้อคิดกับผมว่า “อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียน ถ้ายังเขียนนวนิยายไม่ได้” ค�ำพูดนี้ยังฝังแน่นอยู่ในจิตใจของผมตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๔๔ ผมจึงได้มีผลงาน (ที่เรียกเอาเองว่า) นวนิยายเล่มแรก “ไฟรัก ไฟสงคราม” ลงตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในเนชั่น สุดสัปดาห์ ตอนนัน้ บอกตรงๆ ว่าไม่มคี วามมัน่ ใจเลย ทัง้ ยังไม่คดิ ว่าได้ บรรลุความเป็นนักเขียนตามค�ำจ�ำกัดความของพี่แคนแล้วอีกด้วย แม้ จะมีงานเขียนออกมาอย่างต่อเนื่องก็ยังรู้สึกขัดเขินทุกครั้งที่มีคนเรียก ผมว่า “นักเขียน” ไฟรัก ไฟสงคราม 9
จากนั้นก็ทิ้งเวลาไปนานพอสมควรจนมีความกล้าที่จะน�ำ “ไฟรัก ไฟสงคราม” มาปรับปรุงแก้ไขครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เหมาะส�ำหรับ ความเป็นนวนิยาย กระทั่งปรากฏเป็นผลงานในมือท่านผู้อ่านครั้งนี้ นวนิยายเล่มแรกของผมมีความเป็นมาค่อนข้างยาวนานเช่นนี้ เรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในนวนิยายเล่มนี้ มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง ทั้งสงครามกบฏบวรเดชและทั้งสงครามพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศ ไทย แต่ได้สอดแทรกจินตนาการให้ออกมาในรูปของนวนิยาย หลายนาม หลายพฤติการณ์มีตัวตนและเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ ดังนั้น หากกระทบกระเทือนความรู้สึกของท่านผู้ใดก็ขอได้โปรดให้อภัยแก่ผม ด้วย เพราะมิได้มีเจตนาหลบหลู่ผู้ใดจริงๆ อยากบอกกับ “แคน สังคีต” ว่าบัดนี้ค�ำกล่าวของพี่คืนนั้นผมท�ำ ออกมาแล้ว ส่วนจะได้ผลประการใด จะเรียกตัวเองได้เต็มปากเต็มค�ำ ว่า “นักเขียน” หรือยัง… วานให้เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านเถิด ขอบพระคุณ บัญชร ชวาลศิลป์ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
10 บัญชร ชวาลศิลป์
ไฟรัก ไฟสงคราม
สงครามครั้งที่ ๑ : ความพยาบาท
บทที่ ๑
คณะกู้บ้านเมือง
๑๕ ตุลาคม ๒๔๗๖... ขอบฟ้าเบือ้ งทิศตะวันออกแห่งทุง่ ดอนเมืองเริม่ ฟืน้ ตืน่ จากห้วงนิทรา แสงเงินแสงทองค่อยๆ ถักทอประกายเจิดจรัสจับขอบฟ้า รังสีแห่งดวงตะวัน เริ่มประพรมเกล็ดละอองสีทองโลมไล้ไปทั่ว บรรยากาศปลายฝนต้นหนาว เย็นยะเยือก สายลมอ่อนโยนพัดรวยรินจนต้นข้าวในท้องนาอันไพศาลแห่ง ท้องทุ่งแถบนี้อดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมแสดงความยินดีต้อนรับวันใหม่ด้วยลีลา พลิ้วไหวอ่อนโยนซึ่งปรากฏขึ้นที่โน่นที่นี่คล้ายหมู่เด็กน้อยก�ำลังเริงระบ�ำ งามจับตาต้อนรับ บัดดลก็ปรากฏประกายไฟจัดจ้ากลางทุ่งพร้อมควันด�ำเข้มทะมึน ต้นข้าวที่ก�ำลังเริงระบ�ำเมื่อครู่คล้ายถูกมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกระชากขึ้น จากท้องทุ่งแล้วเหวี่ยงกระจายไปรอบทิศทาง เศษโคลนเศษดินกระเด็น คละเคล้า ติดตามแทบจะทันใดด้วยเสียงระเบิดดังแสบแก้วหู ส่งแรง สะเทือนกระแทกกระทั้นถึงในอก... หากเพ่งฟังให้ดี ในกัมปนาทนั้นคล้ายมีเสียงหวีดร้องคร�่ำครวญ ของเด็กน้อยร่วมอยู่ด้วย ไฟรัก ไฟสงคราม 17
ทุกปีกอ่ นหน้านี ้ ลมหนาวจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะท�ำหน้าที ่ คล้ายทูตสันถวไมตรีนำ� ความหนาวเย็นมาก�ำนัลแก่ชาวพระนครให้ได้ชมชืน่ กับความรื่นรมย์แห่งฤดูหนาว ทว่าปีนี้กลับเปลี่ยนแปลงไป เพราะสิ่งที่มา พร้อมกับมรสุมนี้เป็นความโหดเหี้ยมทารุณแห่งโศกนาฏกรรมอันเกิดจาก น�้ำมือของคนไทยด้วยกันเองในรูปสงครามกลางเมือง ถ้าเช่นนัน้ หรือว่า ณ เบือ้ งหน้าขณะนี ้ ลมหนาวปีนจี้ ะท�ำหน้าทีค่ ล้าย มารดาผูห้ ว่ งหาอาทรบุตรและก�ำลังท�ำหน้าทีเ่ ห่กล่อมปลอบประโลมให้ความ สดชื่นและก�ำลังใจแก่ลูกหลานที่เดินทัพทางไกลมาจากหัวเมืองเพื่อภารกิจ กู้บ้านเมือง เหล่าทหารกล้าจากภาคอีสานและหัวเมืองแถบเหนือที่เรียกตัวเอง ว่า “คณะกู้บ้านเมือง” ภายใต้การน�ำของ พลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์ เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม ได้ยึดท้องทุ่งดอนเมืองเป็น ฐานที่มั่นล่วงเข้านับได้เป็นวันที่ ๕ แล้ว ภายในอาคารกรมอากาศยานดอนเมืองที่คณะกู้บ้านเมืองใช้เป็น กองบัญชาการ แสงไฟสลัวสาดส่องให้เห็นความเคร่งเครียดของเหล่านาย ทหารในนั้น ความเคร่งเครียดที่เกิดจากทั้งปัญหาการติดต่อ เสบียง และ อาวุธ ความหนักใจปกคลุมในทุกหัวใจ สถานการณ์ที่เคยเป็นต่อเมื่อไม่กี่ วันก่อนเริ่มพลิกผัน นายทหารอากาศผู้หนึ่ง ชิดเท้าเข้ารายงานตัวกับองค์แม่ทัพพร้อม กราบทูลข้อเสนอขันอาสาไปเจรจากับผู้รกั ษาการแทนผู้อ�ำนวยการโรงเรียน ทหารปืนใหญ่โคกกะเทียม ลพบุรี ซึ่งเป็นผู้ขัดขวางการเคลื่อนก�ำลังของ ทหารปืนใหญ่จากนครสวรรค์ที่คณะกู้บ้านเมืองมุ่งหวังเป็นก�ำลังส�ำคัญ ให้ปล่อยก�ำลังทหารปืนใหญ่หน่วยนี้มาสมทบกับคณะกู้บ้านเมืองตาม แผน “ล้อมกวาง” ที่ก�ำหนดไว้ องค์แม่ทัพทรงเห็นด้วยกับข้อเสนอจึงหันไปสั่งการให้นายทหาร ฝ่ ายเสนาธิการร่างสาส์นขึ้นมาฉบับหนึ่งโดยด่วน ในสาส์นมีข้อความส�ำคัญ บางตอนว่า... 18 บัญชร ชวาลศิลป์
“...เมื่ อ เธอไม่ ป ระสงค์ ที่จ ะร่ ว มการยุ ท ธ์ ด ้ ว ยฝ่ า ยเราครั้ง นี้ แ ล้ ว ก็ขอให้สงวนก�ำลังอยู่เฉยๆ อย่าได้ขัดขวางการเคลื่อนก�ำลังแต่อย่างใด ของหน่วยทหารซึ่งจะมาปฏิบัติการเพื่อเราเลย การทั้งนี้ หากฝ่ ายเราจะ ประสพชั ย ชนะในขั้ น สุ ด ท้ า ยแล้ ว ท่ า นเองก็ ห ามี ค วามผิ ด แต่ อ ย่ า งใด ไม่...” เมื่อทรงจารึกพระนามในท้ายสาส์นแล้ว นิเออร์ปอ เดอลาส ซึ่งมี นายดาบปุย พุ่มสถิตย์ เป็นนักบินพร้อมนายทหารผู้น�ำสาส์นก็ทะยานขึ้น สู่ท้องฟ้าเมื่อรุ่งสางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือสู่โรงเรียนทหารปืนใหญ่ โคก กะเทียม ลพบุรี ทันที ไม่ถงึ ชัว่ โมงต่อมา นายดาบปุยก็บงั คับเครือ่ งบินลงแตะพืน้ สนามบิน กองบินโคกกะเทียม และแทบจะทันทีทันใด นายทหารอากาศซึ่งท�ำหน้าที่ รักษาการณ์กว็ งิ่ มาบอกให้นายดาบปุยและนายทหารอากาศผูน้ �ำสาส์นทราบ ว่า กองบินโคกกะเทียมของทหารอากาศแห่งนี้ได้ถูกทหารปืนใหญ่โคก กะเทียมยึดไว้เบ็ดเสร็จแล้ว และอีกไม่กี่อึดใจ ยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะ ท�ำอย่างไรดีกับภารกิจที่ได้รับมอบ ทหารพร้อมอาวุธจ�ำนวนหนึ่งก็เข้ามา รายล้อมเครื่องบินไว้ นายทหารอากาศผู้น�ำสาส์นปีนลงจากเครื่องบินตามค� ำสั่งพร้อม อาวุธในมือของทหารที่จ่อประชิดพร้อมกระดิกไกลั่นกระสุนสังหารในทุก ขณะ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั่นเอง นายดาบปุยซึ่งยังคงนั่ง อยู่ในทีน่ งั่ นักบินก็ตดั สินใจยัดคันเร่งเครือ่ งยนต์ไปจนสุดกระทัง่ สัน่ สะท้าน ไปทั้งล�ำ นิเออร์ปอ เดอลาสคู่ชีพพุ่งปราดออกจากวงล้อมทันที พลทหารผูห้ นึง่ ประทับปืนเล็กยาวแบบ ๖๖ พร้อมลัน่ กระสุนสังหาร ตามหลัง แต่นายทหารผูค้ วบคุมตบปากกระบอกปืนลงเสียก่อนพร้อมค�ำสัง่ เฉียบขาดห้ามใช้อาวุธ พลทหารผู้นั้นหันมาสบตาผู้บังคับหมวดหนุ่มอย่าง แปลกใจ แต่เมื่อได้เห็นแววอ่อนโยนบางอย่างในนั้น จึงพอเข้าใจเหตุผล นิเออร์ปอ เดอลาสทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วชั่วครู่ก็หายลับตาไปใน หมู่เมฆปลายฤดูฝนแห่งท้องฟ้าเมืองลพบุรี ไฟรัก ไฟสงคราม 19
องค์แม่ทัพทรงรับทราบรายงานจากนายดาบปุยด้วยดวงพระทัย เศร้าสลด ความหวังสุดท้ายของชัยชนะมลายไปแล้ว ถึงตอนนี้พระองค์ ก็สามารถประมาณสถานการณ์เบื้องหน้าได้แล้วว่าจะลงเอยเช่นไร ภายนอกกองบัญชาการ เสียงปืนเล็กปืนใหญ่จากที่มั่นตั้งรับแนว หน้าสุดที่บางเขนดังแว่วมาตามสายลมและเริ่มหนาแน่นมากขึ้นตามล�ำดับ เมื่อดวงตะวันโคจรสูงขึ้น ในที่สุดก่อนเที่ยงวันนั้น แนวหน้าสุดของฝ่ายกู้บ้านเมือง ประกอบ ด้วยทหารช่างจากนครราชสีมาและทหารม้าจากสระบุรีซึ่งวางแนวตั้งรับ อยู่ที่บางเขน ผจญกับการรบอย่างหนักมาข้ามวันข้ามคืนและประสบกับ ความอิดโรยและความขาดแคลนอันเกิดจากปัญหาการส่งก�ำลังบ�ำรุงเพิม่ เติม ก็ได้รับค�ำสั่งจากกองบัญชาการให้ถอนตัวมาตั้งรับที่แนวหลักสี่ พร้อมๆ กับได้ส่งก�ำลังกองหนุนเพิ่มเติมเป็นทหารม้าจากสระบุรีมาสมทบ ท�ำให้ แนวที่มั่นตั้งรับที่หลักสี่กลายเป็นป้อมปราการอันมั่นคง สามารถต้านทาน การเข้าตีรุกไล่ของกองทัพฝ่ายพระนครไว้ได้ ฝ่ายพระนครยุติการรุกและ เข้ายึดแนวบางเขนไว้เตรียมปรับแผนการยุทธ์ภายใต้การอ�ำนวยการของ นายพันโทหลวงพิบูลสงคราม ผู้บังคับการกรมผสมผู้มีอ�ำนาจเต็มของ กองทัพฝ่ายพระนครในขั้นต่อไป นายร้อยโทขุนช่วงยุทธศักดิ ์ รองผูบ้ งั คับกองร้อยทหารม้าจากสระบุร ี ซึง่ ได้รบั มอบหมายให้ทำ� หน้าทีผ่ ้บู งั คับกองร้อยสนามได้รบั ค�ำสัง่ ให้นำ� ก�ำลัง เคลื่อนเข้าประจ�ำแนวตั้งรับที่หลักสี่ ขณะที่ก�ำลังน�ำทหารในบังคับบัญชา เคลื่อนที่ใกล้จะถึงสถานีวิทยุหลักสี่ก็ตกอยู่ภายใต้การระดมยิงอย่างหนัก จากทหารปืนใหญ่ฝ่ายพระนคร แต่ด้วยความมุ่งมั่นในภารกิจและจิตใจที ่ ฮึกเหิมตามแบบฉบับของทหารม้าผู้อยู่แถวหน้าเสมอยามเข้าประจัญบาน ในที่สุดก�ำลังหมวดหนึ่งของเขาก็เข้ายึดสถานีวิทยุหลักสี่ไว้ได้ก่อนที่กำ� ลัง ส่วนใหญ่ของกองร้อยจะเคลื่อนที่มาสมทบ กระสุนปืนใหญ่จากฝ่ ายพระนครยังคงกระหน�่ำไปทั่วพื้นที่การรบ สาดสะเก็ดคมกริบราวใบมีดโกนไปทั่วอย่างไร้ทิศทาง และดูเหมือนจะ 20 บัญชร ชวาลศิลป์
หนาแน่นมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะที่ตัวสถานีวิทยุหลักสี่และแนวการวางก�ำลัง ของกองร้อยทหารม้ากองร้อยนี้ซึ่งอยู่ในที่โล่ง ปราศจากที่ก�ำบังจากกระสุน ปืนใหญ่ นายร้อยโทขุนช่วงยุทธศักดิ์ หาทางน�ำผู้ใต้บังคับบัญชาออกจาก สถานการณ์คบั ขันด้วยการออกค�ำสัง่ ให้รบี กระจายก�ำลังออกไปในแนวกว้าง ตามถนนหน้าสถานีวิทยุเพื่อลดโอกาสของการเป็นอันตรายร่วมกัน แต่ถึง ทีส่ ดุ ก็ไม่สามารถกระท�ำได้เนือ่ งจากอ�ำนาจการยิงทีร่ นุ แรงของทหารปืนใหญ่ ฝ่ายพระนครซึ่งยังคงโปรยปรายกระสุนเหล็กมาห่มคลุมทั่วพื้นที่แทบทุก ตารางนิ้วอยู่ไม่ขาดสาย เขาส�ำรวจและประมาณสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง การถอนตัวย้อน กลับขึน้ ไปทางเดิมก็ไม่สามารถท�ำได้เพราะคล้ายจะรูเ้ ท่าทัน กระสุนปืนใหญ่ จากฝ่ายพระนครยิงสกัดปิดกั้นเส้นทางถอนตัวไว้หมดสิ้นแล้ว อยู่ก็ตาย ถอยก็ไม่ได้ ผู้บังคับกองร้อยตัดสินใจเดินหน้าเข้าหา ศัตรู!!! ท่ามกลางเสียงกึกก้องกัมปนาทของกระสุนปืนใหญ่-ราชาแห่งสนาม รบ และเสียงหวีดหวิวเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจของกระสุนปืนเล็กทหารราบ- ราชินแี ห่งสนามรบ ท่ามกลางฉากการยิงทีโ่ ปรยปรายแหวกอากาศข้ามศีรษะ เขาสัง่ การแปรแถวเป็นรูปหน้ากระดานแล้ววิง่ ผ่านทุง่ นาซึง่ ยังคงเอ่อล้นด้วย น�้ำและหล่มโคลน วิ่งลุยฝ่าแนวกระสุนปืนเล็กปืนกลที่ยังระดมยิงสวนมา ราวห่าฝนทันที เบื้องหน้าของกองร้อยทหารม้าหน่วยนี้ หน่วยตรวจทางซึ่งท�ำหน้าที่ เป็นหน่วยลาดตระเวนน�ำได้เคลือ่ นทีล่ ว่ งหน้าไปแล้ว ทีห่ มายในการเคลือ่ นที ่ ของกองร้อยจึงมุ่งไปสมทบกับก�ำลังส่วนนี้ เคลือ่ นทีส่ วนแนวกระสุนเหล็กมาได้ประมาณกิโลเมตรเศษด้วยความ เหน็ดเหนื่อยหัวใจแทบขาด กองร้อยทหารม้าก็ได้พบหน่วยตรวจทางซึ่ง ก�ำลังวางก�ำลังยึดล�ำรางที่ขวางคลองประปาอยู่ ทหารทั้งหมดกระโจนลงใน ล�ำคูอาศัยเป็นที่ก�ำบังกระสุน ปล่อยให้กระสุนปืนเล็กปืนกลส่งเสียงหวีด ไฟรัก ไฟสงคราม 21
หวิวผ่านเหนือศีรษะไป อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้ว ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรค่อย ว่ากันใหม่... ส�ำรวจสถานการณ์รอบตัวอีกครั้ง ในที่สุดผู้บังคับกองร้อยทหารม้า หนุ่มก็สั่งการให้น�ำเรือชะล่าซึ่งคงเป็นของชาวบ้านที่ทิ้งไว้ก่อนอพยพหนี การสู้รบมาบรรทุกกระสุนแล้วลอยล�ำไปแจกจ่ายเพิ่มเติมให้กับก�ำลังพล ผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะกระสุนที่ได้รับจ่ายมาครั้งก่อนร่อยหรอเต็มทีจาก การสู้รบติดพันที่ผ่านมา อีกครู่หนึ่ง กระสุนจากกองร้อยทหารม้าหน่วยนี้จึงเริ่มถูกยิงสวน ออกไปยังกองก�ำลังฝ่ ายพระนครบ้างให้สมกับที่อัดอั้นมานาน แนวรบทั้ง สองฝ่ายขณะนี้ตั้งอยู่ประชิดกันในระยะห่างไม่ถึงกิโลเมตรจนได้ยินเสียง สั่งการของแต่ละฝ่าย ปืนกลที่ตั้งประจันหน้ากันส่ายซ้ายขวาแลกกระสุน ใส่กันไม่หยุดยั้ง เปลวไฟจากปากกระบอกปืนแลเห็นชัดเจน กลิ่นควัน จากการเผาไหม้ของดินปืนฉุนแสบจมูก คละเคล้าเสียงโอดโอยจากทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่แนวรบของนายร้อยโทขุนช่วงยุทธศักดิ์ก�ำลังปักหลักแลก เลือดเนื้อกับฝ่ ายพระนครอย่างไม่คิดชีวิตนั่นเอง นายร้อยเอกหลวงโหม ปัจจานึก ก็นำ� ก�ำลังทหารม้าจากนครราชสีมาเคลือ่ นทีว่ งิ่ ถอยผ่านแนวตัง้ รับ ของเขาไปอย่างร้อนรนโดยไม่ทราบสาเหตุ จะสอบถามก็ไม่สามารถกระท�ำ ได้ จะติดต่อไปยังกองบัญชาการที่ดอนเมืองเพื่อขอทราบสถานการณ์และ แนวทางการปฏิบัติก็ท�ำไม่ได้ กองร้อยนี้จึงเสมือนถูกตัดขาดแล้ว แต่นายร้อยโทขุนช่วงยุทธศักดิ์ก็ยังคงยืนหยัดน�ำก�ำลังกองร้อย ทหารม้าจากสระบุรีของเขาปักหลักยิงสู้ต่อไป... เวลา ๑๐.๐๐ น. เสียงกระสุนปืนใหญ่นดั แรกระเบิดดังสนัน่ ได้ยนิ ไปทัว่ กองบัญชาการ ฝ่ายกู้บ้านเมืองที่กรมอากาศยานดอนเมือง โรงเก็บเครื่องบินหมายเลข ๕ 22 บัญชร ชวาลศิลป์
เกือบพินาศเนื่องจากกระสุนนัดนี้ตกห่างไปเพียง ๕๐ เมตรเท่านั้น และ จากการประมาณการณ์โดยดูจากระยะยิงและชนิดอาวุธ มีความเป็นไปได้ สูงที่ปืนใหญ่ของฝ่ายพระนครได้เคลื่อนประชิดเข้ามาตั้งยิงที่บางเขนแล้ว นี่คือสิ่งบอกเหตุถึงความคับขันเมื่อที่ตั้งกองบัญชาการอันเป็นศูนย์รวม ของการบังคับบัญชาและการสั่งการต้องตกอยู่ภายใต้อ�ำนาจการท�ำลาย ของปืนใหญ่สนามฝ่ายตรงข้าม องค์แม่ทัพทรงรับรายงานและประมาณสถานการณ์ด้วยพระพักตร์ อันเคร่งเครียด บัดนีอ้ นั ตรายได้เข้ามาจ่อประชิดแล้ว จึงทรงรีบหารือกับรอง แม่ทัพและฝ่ายเสนาธิการทันที และไม่นานก็ตกลงพระทัยแล้วรับสั่งว่า “ปฏิบัติตามแผนการณ์ขั้นสุดท้ายได้ ทุกอย่างพร้อมใช่ไหม” ทีป่ ระชุมพยักหน้าขานรับด้วยน�้ำเสียงเด็ดเดีย่ วพร้อมรับชะตากรรม หากความหวังสุดท้ายนี้หลุดลอย แผนปฏิบัติการอันเป็นเสมือนไพ่ใบสุดท้ายของฝ่ ายกู้บ้านเมืองเริ่ม ด�ำเนินการทันที... ผู้อ�ำนวยการทหารอากาศรับค�ำสั่งให้นำ� เครื่องบินขึ้นบินตรวจการณ์ ส�ำรวจสถานการณ์และการวางก�ำลังของฝ่ายพระนคร หัวข้อข่าวสารส�ำคัญ ที่ต้องการทราบคือ ...มีรถไฟขบวนไหนของฝ่ายพระนครที่เตรียมจะเข้าปฏิบัติการรุกสู่ ที่มั่นตั้งรับของฝ่ายกู้บ้านเมืองบ้าง... นายดาบปุย พุม่ สถิตย์ ซึง่ เพิง่ น�ำข่าวร้ายจากโคกกะเทียมมารายงาน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้รับหน้าที่ส�ำคัญอีกครั้งในการหาข่าวจากฝ่ าย พระนคร แต่คราวนีเ้ ขาเปลีย่ นจากนิเออร์ปอ เดอลาสเป็นบริสตอน บูลดอก ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแจ่มใสในทัศนวิสัยแทบไม่จ�ำกัดเมื่อเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. องค์แม่ทพั ทรงหันพระพักตร์จากเครือ่ งบินทีล่ บั สายตาไปทางทิศใต้สู่ แนววางก�ำลังของฝ่ ายพระนครแล้วทรงหันมาสัง่ การตามแผนการปฏิบตั ขิ นั้ ไฟรัก ไฟสงคราม 23