เรือนรักแรมใจ

Page 1


“เหมือนเสียงไวโอลินกระชากหัวใจของพากานินี”   ไมอามี่เฮรัลด์ “น�ำพาผู้อ่านสู่มิติใหม่ของนิยายรัก เจาะพฤติกรรมมนุษย์และขุดลึก  เข้าไปในความแปรปรวนของจิตใจ... แม้สปาร์กส์จะเปลี่ยนแนวไปจาก  เดิม แต่ก็น่าอ่านพอๆ กับเรื่องอื่นๆ ของเขา  และลีลาแปลกใหม่ของเขา  คือสิ่งที่เราต้องใจ”  BestsellersWorld.com “ฝีมือสปาร์กส์ย่อมเป็นหลักประกันส�ำหรับนิยายรักที่เข้าถึงหัวใจผู้อ่าน” Patheos.com “เรื่องราวของความรักและการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนทางรอด...อ่านแล้ว  วางไม่ ล ง... แฟนๆ รู ้ ดี ว ่ า ควรจะคาดหวั ง อะไรจากนิ โ คลั ส  สปาร์ ก ส์  นิ ย ายรั ก สะเทื อ นอารมณ์ ข องคนสองคนที่ น ่ า สนใจติ ด ตาม ใน เรื อ น รั ก แรมใจ เรื่ อ งนี้   แฟนนั ก อ่ า นของเขาจะต้ อ งร้ อ งว้ า ว และจะขยาย  แฟนคลับให้เขาอีกมากมายด้วย เพราะเป็นเรื่องรักที่มีส่วนผสมของ  นิยายลึกลับสยองขวัญด้วย” BookReporter.com  “ถ้าอยากอ่านนิยายรัก...อ่าน เรือนรักแรมใจ” วีเมนส์เวิร์ลด์


Thai language translation rights belong to Matichon Publishing House arranged with The Park Literary Group 270 Lafayette Street, Suite 1504, New York, NY 10012, USA through Tuttle-Mori Agency Co., Ltd.


N I C H O L A S    S P A R K S  เขียน จิระนันท์ พิตรปรีชา  แปล

กรุงเทพมหานคร  ส�ำนักพิมพ์มติชน  2557


เรือนรักแรมใจ • จิระนันท์ พิตรปรีชา แปล

จากเรื่อง Safe Haven ของ Nicholas Sparks Copyright © 2010 by Nicholas Sparks. All rights reserved. Thai Language Copyright © 2014 by Matichon Publishing House. All rights reserved. พิมพ์ครั้งแรก :  สำ�นักพิมพ์มติชน, มีนาคม 2557 ราคา  240  บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรม สปาร์กส์, นิโคลัส. เรือนรักแรมใจ. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557. 384 หน้า. 1. นวนิยายอเมริกัน  I. จิระนันท์  พิตรปรีชา, ผู้แปล  II. ชื่อเรื่อง 813  ISBN 978 - 974 - 02 - 1273 - 7 ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์  : อารักษ์  ​คคะนาท, สุพจน์  แจ้งเร็ว, สุชาติ  ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์  สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์  พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์  : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์  : รุจิรัตน์  ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์  บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์  : พัลลภ สามสี ผู้ช่วยบรรณาธิการ : วรางคณา เหมศุกล • พิสูจน์อักษร : ชัยรัตน์  เลิศรัตนาพร กราฟิกเลย์เอาต์  : กิตติชัย ส่งศรีแจ้ง • ออกแบบปก-ศิลปกรรม : ประภาพร ประเสริฐโสภา ประชาสัมพันธ์  : ตรีธนา น้อยสี หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ  เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012

www.matichonbook.com บริษัท มติชน จำ�กัด (มหาชน) : 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 1235  โทรสาร 0-2589-5818 แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองพิมพ์สี  บริษัท มติชน จำ�กัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1  เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 2400-2402 พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด 27/1 หมู่  5 ถนนสุขาประชาสรรค์  2 ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี  11120  โทรศัพท์  0-2584-2133, 0-2582-0596  โทรสาร 0-2582-0597 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี  จำ�กัด (ในเครือมติชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์  1  เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  โทรศัพท์  0-2580-0021 ต่อ 3350-3353 โทรสาร 0-2591-9012 Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co.,Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ  ลดภาวะโลกร้อน  และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์

นักอ่านชาวไทยรู้จัก นิโคลัส สปาร์กส์  ในฐานะเจ้าพ่อนิยายโรมานซ์  หนังสือของเขาติดอันดับหนึ่งนิวยอร์กไทมส์แทบทุกเล่ม กล่าวได้ว่าเขา  เป็นนักเขียนทีถ่ า่ ยทอดอารมณ์หวั ใจของมนุษย์ได้เก่งทีส่ ดุ   นวนิยายของ  เขาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องรักประโลมโลกให้ผู้อ่านเสพเพื่อหลีกหนีความจริง  ไปวันๆ แต่กลับสะท้อนมิติความเป็นมนุษย์ได้อย่างเฉียบคม โดยเฉพาะ  มิติเรื่องความรัก ภายใต้ส�ำนวนภาษาและโครงเรื่องที่เปี่ยมมนต์เสน่ห์ สิ่งหนึ่งที่พิเศษส�ำหรับ เรือนรักแรมใจ คือ นิยายเรื่องนี้แฝงความ  ลึกลับและตื่นเต้นไว้ด้วย ผู้อ่านจะได้ทั้งอารมณ์หวานซึ้ง อึดอัดคับข้อง  และตื่นตระหนกภายในเล่มเดียว  นอกจากนี้ยังโชคดีที่ได้ผู้แปลคือคุณ  จิระนันท์  พิตรปรีชา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักแปลคู่บุญของนิยายนิโคลัส  สปาร์ ก ส์     เธอได้ รั บ เสี ย งชื่ น ชมอย่ า งมากมายจากนั ก อ่ า นชาวไทย  เพราะภาษากวีของเธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรักได้อย่างงดงาม  ลึกซึ้ง ขอให้ คุ ณ รั บ นวนิ ย ายรั ก เล่ ม นี้ ไ ว้ ใ นอ้ อ มใจ  และพึ ง ระลึ ก ว่ า  “ความรักอาจท�ำร้ายเรา แต่รักแท้จะช่วยเยียวยาแผลใจ” ส�ำนักพิมพ์มติชน


ขอบคุณ

ทุ ก ครั้ ง ที่ เ ขี ย นนิ ย ายจบสั ก เล่ ม   ผมมั ก จะนึ ก ถึ ง ผู ้ ค นที่ ค อยช่ ว ยเหลื อ  ผมตลอดการท�ำงาน  เช่นเดียวกับทุกครั้ง ชื่อแรกในบรรดาคนทั้งหมด  คือเคธีภรรยาผมเอง เธอมีน�้ำอดน�้ำทนกับอารมณ์ขึ้น-ลงตามประสา  นักเขียนและอยู่เคียงข้างผมตลอดหนึ่งปีที่ยากล�ำบากนั้น ซึ่งเป็นปีที่  เธอสู ญ เสี ย พ่ อ และแม่ ไ ปตลอดกาลอี ก ด้ ว ย  ผมรั ก คุ ณ   และหวั ง อยู ่  เสมอว่ า ผมสามารถท� ำ อะไรสั ก อย่ า งเพื่ อ บรรเทาความทุ ก ข์ จ ากการ  สูญเสีย  หัวใจผมเป็นของคุณนะ ผมอยากขอบคุณลูกๆ ของผม ไมลส์, ไรอัน, แลนดอน, เลกซี ่ และซาวานนาห์   ตอนนี้ไมลส์เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ส่วนลูกคนสุดท้อง  ยังเรียนอยู่ประถมสาม  การเฝ้ามองพวกเขาเติบโตเป็นความสุขอันยิ่ง  ใหญ่ที่สุด เทเรซ่า พาร์ก เอเย่นต์ของผม เธอสมควรได้รบั ค�ำขอบคุณส�ำหรับ  ความช่วยเหลือ จนผมเขียนนิยายได้อย่างดีที่สุด  ผมโชคดีที่ได้ท�ำงาน  กับคุณ เจมี่  ราอับ บรรณาธิการผู้สอนเรื่องการเขียนให้ผมอย่างมากมาย  ผมรู้สึกซาบซึ้งที่ชีวิตนี้ได้เจอเธอ


เรือนรักแรมใจ 7

เดนิส ดิโนวี่  เพื่อนรักชาวฮอลลีวู้ด และเป็นโปรดิวเซอร์ให้ภาพ  ยนตร์ของผมหลายเรื่อง  เธอสร้างความสุขและมิตรภาพแก่ชีวิตผมมา  นานหลายปี   ขอบคุณส�ำหรับทุกสิ่งที่คุณท�ำให้ผม เดวิด ยัง ซีอีโอของฮาร์เชตต์  บุ๊ก กรุ๊ป  เขาทั้งฉลาดและสุดยอด  ขอบคุณส�ำหรับความอดทน เพราะผมส่งต้นฉบับช้าตลอดเลย โฮวี่  แซนเดอร์  และเคย่า คายาเชี่ยน เอเย่นต์ภาพยนตร์ของผม  ทัง้ สองท�ำงานกับผมมาหลายปีแล้ว  ผมเป็นหนีบ้ ุญคุณอย่างล้นเหลือต่อ  การท�ำงานหนักของทั้งสอง จนกระทั่งผมประสบความส�ำเร็จในทุกวันนี้ เจนนิเฟอร์  โรมาเนลโล นักประชาสัมพันธ์ของผมที่แกรนด์  เซ็น  ทรัล พับลิชชิ่ง  ผมได้ร่วมงานกับเธอหลังจากตีพิมพ์นวนิยายทุกเล่ม  ผมคิดว่าตัวเองโชคดีส�ำหรับทุกสิ่งที่เธอได้ท�ำ เอ็ดน่า ฟาร์ลีย์  นักประชาสัมพันธ์อีกคนหนึ่งของผม  เธอเป็น  มืออาชีพและขยันหมั่นเพียร  เธอช่วยให้ทัวร์หนังสือของผมราบรื่นได้  อย่างเยี่ยมยอด ขอบคุณครับ สกอตต์  ชวิมเมอร์  ทนายของผม เขาเป็นทั้งเพื่อน และเป็นทนาย  มือฉมังที่ช่วยต่อรองสัญญาให้ผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับคุณ แอบบี้  คูนส์  และเอมิลี่  สวีต เพื่อนร่วมงานของผมที่ปาร์ก ลิเทอ-  รารี่  กรุ๊ป ทั้งสองสมควรได้รับค�ำขอบคุณที่จัดการงานกับส�ำนักพิมพ์ต่าง  ประเทศ เว็บไซต์ของผม และสัญญาอื่นๆ  พวกคุณเยี่ยมที่สุด มาร์ตี้  โบเว่น และวีค กอดฟรีย์  สุดยอดโปรดิวเซอร์ของภาพ  ยนตร์  Dear John ทั้งคู่สมควรได้รับค�ำขอบคุณส�ำหรับงานที่ท�ำ  ผม  ซาบซึ้งที่พวกคุณท�ำโปรเจ็กต์นี้ด้วยความใส่ใจ เช่นเดียวกัน อดัม แชงก์แมน และเจนนิเฟอร์  กิ๊บกอต โปรดิว  เซอร์ของ The Last Song เวอร์ชั่นภาพยนตร์   พวกเขาท�ำงานได้เยี่ยม  ยอด  ขอบคุณส�ำหรับทุกอย่าง


8 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เคิ ร ์ ท นี ย ์   วาเล็ น ติ ,   ไรอั น   คาวาโนห์ ,   ทั ก เกอร์   ทู ล ลี ย ์ ,  มาร์ ก  จอห์นสัน, ลีนน์  แฮร์ริส, และลอเรนโซ ดิ  โบนาเวนทูร่า ผู้แสดงให้เห็น  ถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าต่อภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของผม  ผมอยากขอบคุณส�ำหรับทุกสิ่งที่พวกคุณได้ท�ำ ขอขอบคุ ณ ชารอน คราสนี ย ์ , แฟลก และที ม กอปปี ้ เ อดิ เ ตอร์  และพิ สู จ น์ อั ก ษรซึ่ ง ท� ำ งานจนดึ ก ดื่ น เพื่ อ ให้ นิ ย ายของผมส� ำ เร็ จ เป็ น  เล่ ม เจฟฟ์  แวน วี  ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์  The Last Song สมควร  ได้รับค�ำขอบคุณส�ำหรับความตั้งใจและความพยายามในการเรียงร้อย  ถักทอบทภาพยนตร์เรื่องนี้  รวมทั้งมิตรภาพของเราด้วย




1

เคธีเดินลัดเลาะไปตามโต๊ะต่างๆ ผมเผ้าพลิ้วกระจาย  ด้วยแรงลมทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก มีจานอาหารสามจานในมือ  ซ้ายของเธอ อีกจานในมือขวา เธอสวมกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสกรีน  ค�ำว่า “ไอแวนส์  : ปลาตาเดียวรสเด็ด”  เธอยกจานไปเสิร์ฟที่โต๊ะชาย  สวมเสื้อโปโลสี่คน  คนที่นั่งใกล้สุดหันมาสบตาส่งยิ้มให้  แม้เขาจะมี  ท่าทีเป็นมิตรแบบทั่วๆ ไป แต่เธอรู้ตัวว่าเขายังมองตามไม่ละสายตา  เมื่อเธอหันหลังเดินกลับออกมา เมโลดี้เพิ่งบอกว่าชายกลุ่มนี้มาจาก  วิลมิงตันเพื่อมองหาโลเกชั่นถ่ายหนังสักเรื่อง เธอคว้าเหยือกชารสหวานไปเติมลงในแก้วพวกเขา แล้วกลับ  มาประจ�ำที่ตรงมุมยกพื้นส�ำหรับพนักงานเสิร์ฟ เหลือบตามองทิวทัศน์  ข้างนอก  ปลายเดือนเมษายนอากาศก�ำลังดี  ท้องฟ้าสีครามสดใส  กว้างไกลไปสุดขอบมหาสมุทร หันไปมองด้านหลังก็เห็นแผ่นดินเวิ้งน�้ำ  ที่ ดู ส งบนิ่ ง ในสายลมแรง  พื้ น น�้ ำ สะท้ อ นสี ฟ ้ า เข้ ม ของท้ อ งฟ้ า   นก นางนวลหลายตัวเกาะอยู่บนราว รอจังหวะร่อนเข้าโฉบเศษอาหารที่  ลูกค้าท�ำร่วงจากโต๊ะหรือโยนให้


12 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

ไอแวน สมิธ เจ้าของร้าน เกลียดนกพวกนี้เข้าไส้  เขาเรียกมัน  ว่าหนูมีปีก วันนี้เขาคว้าไม้กระทุ้งส้วมออกไปกวัดแกว่งขับไล่สองรอบ  แล้ว  เมโลดี้เข้ามากระซิบกระซาบกับเธอว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าพวก  นกจอมป่วนก็คือ ไม่รู้ไม้อันนั้นหายไปไหนเสียแล้ว ซึ่งเคธีก็อมยิ้ม  รับฟังโดยไม่ผสมโรงนินทาด้วย เธอหันมาชงชาอีกกา เช็ดโต๊ะที่วางจานรอเสิร์ฟ ใครคนหนึ่ง  เข้ามาตบไหล่เบาๆ จากด้านหลัง เธอหันไปเจอลูกสาวของไอแวน  สาวน้อยวัยสิบเก้าหน้าตาดี  ผูกผมหางม้าก็มาท�ำงานพาร์ตไทม์เป็น  พนักงานต้อนรับของร้านนี้ “เคธี  รับลูกค้าอีกโต๊ะได้มั้ย?” เคธี เ หลื อ บมองหลายๆ โต๊ ะ ที่ เ ธอดู แลอยู ่   คิ ด สองตลบก่ อ น  พยักหน้ารับ “ได้จ้ะ” เอลลีนก้าวลงบันไดผละไป เสียงสนทนาจากโต๊ะใกล้ๆ แว่ว  มาเข้าหูเคธี...มีแต่เรื่องครอบครัว เพื่อนฝูง ดินฟ้าอากาศ หรือทริป  ตกปลา  เธอเห็นคูท่ นี่ งั่ โต๊ะริมปิดแฟ้มเมนู  จึงรีบเข้าไปรับออร์เดอร์โดย  ไม่อ้อยอิ่ง เจรจาเจ๊าะแจ๊ะกับลูกค้าแบบเมโลดี้  ถึงจะไม่ถนัดเรื่อง  ฉอเลาะกับลูกค้า แต่เธอก็ทำ� งานดีไร้ทตี่  ิ และสุภาพจนไม่มใี ครบ่นเลย เธอเริ่มท�ำงานที่นี่ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ไอแวนตกลงจ้างเธอ  ในบ่ายวันที่มีแดดหนาวและท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแปร๊ดเหมือนไข่นกโรบิน  ทันทีทเี่ ขาบอกให้เธอเริม่ งานได้ในวันจันทร์  เธอต้องพยายามสะกดกลัน้   ตัวเองไม่ให้ตอ่ มน�ำ้ ตาแตกต่อหน้าเขา รอจนเดินกลับไปถึงทีพ่ กั จึงค่อย  ปล่อยโฮออกมา ตอนนั้น เธอแทบไม่มีเงินติดตัวและไม่มีอะไรตกถึง  ท้องมาสองวันแล้ว เธอเติมน�้ำเติมชาให้ลูกค้าก่อนตรงเข้าห้องครัว  ริกกี้  หนึ่งใน  ทีมพ่อครัว ยักคิ้วหลิ่วตาทักทายเธอตามเคย สองวันก่อนเขาชวนเธอ


เรือนรักแรมใจ 13

ออกเดต แต่เธอตอบไปว่าเธอไม่ต้องการมีคู่เดตเป็นเพื่อนร่วมงาน  วันนี้ดูท่าเขาจะไม่ลดละความพยายาม ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าตัวเอง  เข้าใจเขาผิดไป “วันนี้เราคงยุ่งไปทั้งวันเนอะ” ริกกี้ชวนคุย เขาเป็นหนุ่มผม  บลอนด์ร่างผอมกะหร่อง อายุน่าจะอ่อนกว่าเธอสักปีสองปี  และยัง อาศัยอยู่กับพ่อแม่   “ทุกครั้งที่นึกว่างานล้นมือแล้ว มันก็ยิ่งทับถมเข้า  มาอีก” “วันนี้อากาศดี  ใครๆ ก็ออกจากบ้านมาที่นี่” “แต่ท�ำไมต้องมาที่นี่ด้วย อากาศดีแบบนี้น่าจะไปนั่งเล่นที่หาด  หรือออกไปตกปลาซะเลย นั่นคือสิ่งที่ผมจะท�ำหลังเลิกงานวันนี้” “เป็นแผนการที่เข้าท่ามากค่ะ” “แล้วผมจะขับรถไปส่งคุณที่บ้านด้วย” เขาเสนอตัวแบบนี้อาทิตย์ละสองครั้งเป็นอย่างต�่ำ “ขอบคุณ  แต่ไม่ดีกว่า บ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่” “ก็ไม่เห็นจะเป็นไร” เขาตื๊อ “ผมเต็มใจอยู่แล้ว” “ฉันชอบเดินน่ะ” เธอยื่นใบสั่งอาหารให้  ริกกี้รับไปใช้คลิปหนีบติดกับวงล้อหมุน  แล้วมองหาจานอาหารที่เคธีสั่งไว้  เธอรับไปเสิร์ฟที่โต๊ะลูกค้า ร้านไอแวนส์คือสถาบันหลักของชุมชน เปิดบริการมาเกือบ  สามสิบปีแล้ว ตั้งแต่เข้ามาท�ำงานที่นี่  เคธีค่อยๆ เรียนรู้ว่ามีใครเป็น  ขาประจ�ำบ้าง และระหว่างทีเ่ ดินวนเวียนเสิรฟ์ อาหารอยูใ่ นร้าน สายตา  เธอมักจะมองผ่านพวกขาประจ�ำไปหยุดอยู่ที่ผู้คนแปลกหน้า วันนี ้ มีคู่หนุ่มสาวมานั่งจีบกัน มีคู่อื่นๆ ที่นั่งวางหน้าเฉยเมยใส่กัน มีโต๊ะ  ครอบครัวมาสนุกกัน ไม่มีโต๊ะไหนที่ดูผิดแปลกไปจากธรรมดา ยังไม่ม ี ใครเข้ามาถามหาเธอ แต่บางครั้งบางคราวเธอก็เกิดอาการมือไม้สั่น  ขึ้นมา และจนทุกวันนี้ก็ยังต้องนอนเปิดไฟทั้งคืน


14 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

ผมตัดสั้นของเธอเป็นสีน�้ำตาลเข้ม เธอเพิ่งย้อมผมกับอ่างล้าง  จานในกระท่อมหลังน้อยที่เช่าอยู่   ใบหน้าปราศจากเครื่องส�ำอาง แต่  เธอก็รู้ว่าผิวชักจะเกรียมแดดไปหน่อยแล้ว น่าจะซื้อครีมกันแดดมาใช้  บ้าง แต่คงต้องรอให้มีเงินเหลือจากจ่ายค่าเช่าบ้านและเครื่องใช้ต่างๆ  ก่อน  ชีวิตยามนี้ไม่มีค�ำว่าฟุ่มเฟือย แค่ครีมกันแดดก็ต้องคิดแล้วคิด  อีก  ได้งานเสิรฟ์ ในร้านไอแวนส์นกี่ น็ า่ ดีใจอยูห่ รอก แต่ราคาอาหารทีน่  ี่ ไม่แพง อัตราค่าทิปที่เธอได้ก็เลยน้อยมาก  สี่เดือนที่ผ่านมา น�้ำหนัก  เธอลดฮวบเพราะกินแต่ขา้ ว ถัว่  พาสต้า และโอ๊ตมีล เรือนร่างผอมบาง  จนคล�ำเจอซี่โครง  เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนขอบตาเธอเริ่มด�ำคล�้ำ  จนเธอคิดว่ามันคงอยู่ในสภาพนี้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ “ฉันว่าหนุ่มกลุ่มนั้นก�ำลังเหล่เธอนะ” เมโลดี้บุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะ  ทีมงานถ่ายหนัง “โดยเฉพาะคนผมสีน�้ำตาลที่หล่อเข้าตากรรมการน่ะ” “เหรอ?” เคธีตอบโดยไม่วางมือจากการชงกาแฟอีกหนึง่ กา เธอ  รู้ว่าทุกอย่างที่พูดกับเมโลดี้จะต้องแพร่กระจายออกไป จึงพยายาม  เก็บปากเก็บค�ำไว้ “อ้าว...เธอว่าไม่หล่อรึไง?” “ฉันไม่ได้สังเกตหรอก” “อะไร...เธอมองข้ามคนหล่อไปได้ไง?” เมโลดี้จ้องหน้าเธอแบบ  สุดจะเชื่อ “ไม่รู้เหมือนกัน” เคธีตัดบท เมโลดี้ก็อายุอ่อนกว่าเธอสักปีสองปีเหมือนริกกี้  วัยยี่สิบห้า  ประมาณนั้น นางแมวป่าหุ่นเพรียว ดวงตาสีเขียว ผมสีน�้ำตาลด�ำ  ก�ำลังคบหาดูใจกับสตีฟ พนักงานขับรถส่งของประจ�ำร้านขายอุปกรณ์  ก่อสร้างอีกฝั่งฟากของตัวเมือง  เมโลดี้ก็เหมือนกับทุกๆ คนในร้าน  เธอเติบโตมาในเซาท์พอร์ต เมืองเล็กทีเ่ ธอบอกว่าเป็นสวรรค์สำ� หรับเด็ก


เรือนรักแรมใจ 15

เล็กและคนชรา แต่เป็นแดนกันดารทีส่ ดุ ในโลกส�ำหรับคนโสด  แทบทุก  สัปดาห์เธอจะเปรยกับเคธีว่า ก�ำลังคิดจะย้ายไปอยู่เมืองวิลมิงตัน ซึ่ง  มีแสงสีชีวิตราตรีและร้านรวงต่างๆ ส�ำหรับช้อปปิ้ง  เธอดูจะรู้ทุกเรื่อง  ของทุกคนในละแวกนี ้ จนเคธีอดคิดไม่ได้วา่  การซุบซิบนินทาคืออาชีพ  ที่แท้จริงของเมโลดี้ “ฉันได้ยินมาว่าริกกี้ขอเดตเธอ” คู่สนทนาเริ่มเปลี่ยนประเด็น  “แต่เธอปฏิเสธ” “ฉันไม่อยากเดตกับคนในที่ท�ำงาน” เคธีแสร้งท�ำเป็นสาละวน  กับการจัดช้อนส้อมลงถาด “ถ้าเราเดตพร้อมกันสองคูเ่ ลยก็ดสี  ิ ริกกีก้ บั สตีฟจะได้ไปตกปลา  ด้วยกัน” เคธีชักระแวงว่านี่เป็นความคิดของเมโลดี้เองหรือริกกี้ใช้มา  อาจจะถูกทั้งสองอย่าง เพราะหลังปิดร้านแล้วพนักงานส่วนใหญ่จะ  อยู่ต่อ ดื่มเบียร์คุยกัน  ทุกคนที่นี่นอกจากเคธีต่างท�ำงานกับไอแวนส์  มานานหลายปีจนสนิทสนมคุ้นเคยกันดี “ฉันว่าแบบนั้นคงไม่เหมาะ” เธอแย้งเบาๆ “ท�ำไมล่ะ?” “ฉันเคยมีบทเรียนเจ็บแสบ” เคธีตอบ “เดตกับเพื่อนร่วมงาน...  แล้วหลังจากนั้นฉันก็ตั้งกฎประจ�ำตัวไว้เลยว่าจะไม่ท�ำอีก” เมโลดี้กลอกตาก่อนผละไปหาลูกค้าอีกโต๊ะ เคธีหยิบบิลสองใบ  ไปเก็บเงินแล้วยกจานชามกลับมากวาดเศษอาหารลงถัง  เช่นเดียวกับ  ทุกวัน เธอท�ำตัวให้ยุ่งกับงานเข้าไว้  อย่าให้สะดุดสายตาใคร ก้มหน้า  ก้มตาเช็ดถูจนโต๊ะรอเสิร์ฟเป็นมันวับ  ยุ่งเข้าไว้แล้วแต่ละวันจะผ่านไป  อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเหลือบมองคุณหนุ่มหล่อจากทีมงานถ่ายหนังด้วย  และเมื่อเขาลุกออกไปก็ไม่เหลียวกลับมามองเธอเหมือนกัน


16 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เคธีท�ำงานสองกะทั้งมื้อเที่ยงและมื้อค�่ำ ตกเย็นเธอชอบมองฟ้า  ที่เปลี่ยนแสงสลับสี  จากฟ้าเป็นเทา ส้มแสด เหลืองทอง ตรงเส้นริม  ขอบโลกซีกตะวันตก  ในยามที่พระอาทิตย์ลับฟ้า พื้นน�้ำเปล่งประกาย  วิบวับ หมู่เรือใบร่อนไหวในสายลม ทิวสนดูราวกับเรืองแสงและเมื่อ  พระอาทิตย์ลบั ฟ้าไปแล้วไอแวนก็จะจุดเครือ่ งท�ำความร้อนจากถังแก๊ส  เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ลูกค้า ขดลวดท�ำความร้อนจะค่อยๆ สุกสว่าง  เรือ่ เรืองราวกับโคมไฟ และผิวหน้าทีโ่ ดนแดดเผาของเคธีจะรูส้ กึ แปลบๆ  เมื่อโดนไอร้อนจากมัน ตอนค�่ำๆ แอ็บบีกับบิ๊กเดฟจะมาเข้างานต่อจากเมโลดี้และริกกี้  แอ็บบีเป็นสาวนักเรียน ม.ปลาย ชั้นปีสุดท้าย ชอบหัวเราะคิกคัก ส่วน  บิ๊กเดฟเป็นพ่อครัวประจ�ำร้านมาเกือบยี่สิบปี  ชายเจ้าเนื้อน�้ำหนักร่วม  สามร้อยปอนด์ผนู้ มี้ ภี รรยากับลูกสองคน ท้องแขนขวาของเขามีลายสัก  รูปแมงป่อง ใบหน้าเขาเป็นมันเยิม้ อยูเ่ สมอ เขาชอบตัง้ ชือ่ เล่นให้ทกุ คน  และเรียกเธอว่า “เคธี  แค็ท” ช่วงเวลาอาหารค�ำ่  ในร้านจะเนืองแน่นไปจนสามทุม่  เมือ่ ลูกค้า  เบาบางลง เคธีก็ลงมือเก็บกวาด ปิดมุมพักรอของพนักงานเสิร์ฟ ช่วย  เด็กเก็บจานเอาจานเข้าเครื่องล้างในระหว่างที่รอให้ลูกค้าโต๊ะสุดท้าย  รับประทานเสร็จ  โต๊ะหนึ่งเป็นคู่หนุ่มสาวหน้าตาชื่นมื่น นั่งจับมือกัน  ไม่ยอมวาง เธอเห็นแหวนทีน่ วิ้ นางของทัง้ คูด่ ว้ ย นัน่ ท�ำให้เคธีหลงเคลิม้   ไปกับความสุขหนหลังของตนขึ้นมาแวบหนึ่ง  เธอเคยมีความสุขอย่าง  นี้…นานมาแล้ว หรือจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ...ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าห้วง  เวลาเช่นนัน้ เป็นแค่ภาพลวงใจ   เธอรีบเบือนหน้าหนีคหู่ นุม่ สาวผูต้ กอยู ่ ในภวังค์รกั  อยากลบภาพในความทรงจ�ำออกไปให้สนิ้  จะได้ไม่ตอ้ งเกิด ความรู้สึกอะไรแบบนี้อีก


2

เช้าวันต่อมา เคธีก้าวออกไปบนระเบียงหน้าบ้านพร้อม  ถ้วยกาแฟในมือ พื้นกระดานลั่นเอี้ยดใต้เท้าเปลือยเปล่า เธอโน้มตัว  ลงทาบราวระเบียง ชะโงกมองหน่ออ่อนของต้นลิลลี่ที่ผุดโผล่จากพื้น  ดิน ท่ามกลางพงหญ้ารกที่เคยเป็นแปลงดอกไม้หน้าบ้านมาก่อน เธอ  ยกถ้วยกาแฟขึ้นซึมซับกลิ่นไอหอมกรุ่นก่อนจิบช้าๆ เธอชอบทีน่  ี่ เซาท์พอร์ตไม่เหมือนบอสตันหรือฟิลาเดลเฟีย หรือ  แอตแลนติกซิตี้   ที่นี่ไม่มีเสียงยวดยานอึกทึกจอแจ ไม่มีกลิ่นตัวผู้คน  ที่เดินเบียดเสียดบนทางเท้า และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอมี  “บ้าน”  ของตัวเอง  กระท่อมน้อยหลังนี้แม้จะดูสมถะ แต่ก็เป็นที่ของเธอและ  ยั ง อยู ่ มิด ชิ ด ห่ า งไกลอี ก ด้ ว ย แค่ นี้ ก็ พ อใจแล้ ว  มั น เป็ น หนึ่ ง ในสอง  กระท่อมที่พักของนักล่าสัตว์  ทั้งสองหลังหน้าตาเหมือนกันและตั้งอยู ่ บนเนินสุดเส้นทางลูกรังสายหนึ่ง ฝาบ้านเป็นไม้กระดานล้วนๆ ดูเข้า  กันดีกับดงสนต้นโอ๊กที่รายล้อม ตรงนี้คือพื้นที่ชายป่าใหญ่ซึ่งครอบ  คลุมไปจนจรดชายฝั่งทะเล ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวเล็กมาก ห้องนอน  ไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่อย่างน้อยก็มีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ รวมทั้งเก้าอี้โยกบน


18 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

ระเบียงนี่ด้วย ตัวบ้านยังไม่ผุพัง แต่สะสมฝุ่นมานานปีเพราะไม่มีคน  ดูแล เจ้าของบ้านเสนอจะออกเงินค่าอุปกรณ์ตกแต่งท�ำความสะอาด  ให้ถ้าเคธีจะออกแรงเอง ตั้งแต่เข้ามาอยู่เธอจึงใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือ  จากการท�ำงานมาก้มๆ เงยๆ ป่ายปีน หมอบคลาน เพื่อปรับปรุงบ้าน  หลังนี ้  เธอขัดห้องน�้ำจนดูใหม่เอีย่ มเป็นเงาวับ ปีนเก้าอีใ้ ช้ผา้ ชุบน�้ำเช็ด  เพดาน ใช้น�้ำส้มสายชูเช็ดกระจกหน้าต่าง นั่งคุกเข่าขัดคราบเขม่า  ไขมันบนพื้นครัว อุดรูที่กระดานฝาบ้านด้วยปูนพลาสเตอร์สแพ็กเกิล  แล้ ว ขั ด ด้ ว ยกระดาษทรายจนเรี ย บ ทาผนั ง ห้ อ งครั ว สี เ หลื อ งสดใส  และทาตู้โต๊ะในครัวด้วยสีขาวเคลือบเงา ห้องนอนก็ทาสีฟ้าอ่อนแล้ว  ส่วนห้องนั่งเล่นเป็นสีเบจ และเมื่ออาทิตย์ก่อนเธอก็ได้ผ้าคลุมโซฟา  ชุดใหม่  ช่วยให้มันดูสดใสใหม่เอี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง โครงการซ่อมแซมตกแต่งบ้านใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เธอชอบ  ออกมานั่ ง ที่ ร ะเบี ย งตอนบ่ า ยๆ  อ่ า นหนั ง สื อ ที่ ยื ม มาจากห้ อ งสมุ ด  นอกจากกาแฟแล้ว หนังสือคือของโปรดอีกอย่างของเธอ เธอไม่ม ี โทรทัศน์  วิทยุ  โทรศัพท์มือถือ หรือเตาไมโครเวฟ ไม่มีกระทั่งรถที่จะ  ขับไปไหนมาไหน เธอสามารถเก็บสมบัติส่วนตัวทั้งหมดลงกระเป๋า  เพียงใบเดียว  ในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเป็นเพียงอดีตสาวบลอนด์ผมยาวที่  ไม่มีเพื่อนเลยสักคน และแทบจะเดินตัวเปล่าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้  ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเป็นเดือน เธอก็ยังมีข้าวของส่วนตัวเพียงน้อยนิด  เธอตั้งใจเก็บออมครึ่งหนึ่งของเงินค่าทิป ทุกคืนเธอม้วนธนบัตรใส่ลง  ขวดกาแฟที่ซ่อนไว้ในช่องส�ำหรับมุดเข้าใต้ถุนระเบียงบ้าน เผื่อต้องใช้  ในยามฉุกเฉิน ยอมอดมื้อกินมื้อโดยไม่แตะต้องมัน แค่รู้ว่ามีเงินอยู่  ตรงนัน้ ก็อนุ่ ใจแล้ว เพราะอดีตร้ายหลอนใจอาจโผล่มาปรากฏตรงหน้า  ได้ทุกเมื่อ มันจะต้องพลิกแผ่นดินควานหาเธอ และเธอก็รู้ดีว่าแต่ละ  วันมันยิ่งโมโหโกรธาขึ้นเรื่อยๆ


เรือนรักแรมใจ 19

“หวัดดีจ้ะ” เสียงทักทายจากใครคนหนึ่งดังมาขัดจังหวะความ  คิดที่ก�ำลังโลดแล่น “เธอต้องใช่เคธีแน่ๆ” เคธีหนั ไปมอง บนระเบียงโทรมๆ ของบ้านทีอ่ ยูต่ ดิ กัน หญิงสาว  ผมสีน�้ำตาลยาวยุ่งก�ำลังโบกมือให้เธอ อายุอานามคงราวๆ สามสิบ  กลางๆ  เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์กับเชิ้ตพับแขนถึงข้อศอก มีแว่นกัน  แดดครอบอยู่บนผมยุ่งๆ นั่นด้วย ในมือเธอมีพรมผืนเล็กที่เธอก�ำลัง  ท�ำท่าลังเลว่าจะสะบัดฝุ่นออกก่อนหรือไม่  แล้วในที่สุดก็โยนมันลง  ข้างตัว ก่อนก้าวลงบันไดเดินมาหาเคธีอย่างปราดเปรียวว่องไว แบบ  คนที่ฟิตออกก�ำลังกายอย่างสม�่ำเสมอ “เอิร์ฟ เบนสัน บอกฉันว่าเราจะเป็นเพื่อนบ้านกัน” ชือ่ เจ้าของบ้าน...เคธีคดิ ตาม “ฉันไม่รเู้ ลยว่าจะมีใครมาเช่าบ้าน  นั่น” “เขาเองก็คงไม่รู้หรอก พอฉันบอกว่าจะเช่าบ้านหลังนี้  เขาแทบ  หงายหลังตกเก้าอี้แน่ะ” พูดไม่ทันขาดค�ำเธอก็มาถึงตัวเคธี  และยื่น  มือให้จับ “เพื่อนๆ เรียกฉันว่า โจ” “สวัสดี  โจ” เคธีจับมือเธอ “ไม่น่าเชื่อเลย...วันนี้อากาศดีจริงๆ นะ” “เช้านี้สดชื่นมาก” เคธีเห็นด้วย ขยับท่ายืนทิ้งน�้ำหนักลงบนขา  อีกข้าง “เธอย้ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ?” “เมือ่ วานตอนบ่ายๆ แล้วก็...สุดยอดไปเลย...ฉันนอนจามทัง้ คืน  เบนสันคงโกยฝุน่ จากทัว่ โลกเข้ามาสะสมในบ้าน เธอคงนึกไม่ออกหรอก  ว่าสภาพในนั้นมันเป็นยังไง” เคธีพยักพเยิดไปทางประตูเข้าบ้านเธอ “ของฉันก็เป็นแบบนั้น” “ฮ้า...จริงเหรอนั่น ฉันแอบชะเง้อมองจากห้องครัวผ่านหน้าต่าง  บ้านเธอเข้าไป เห็นข้างในสดใสสะอาดเอี่ยม แต่ฉันกลับได้บ้านรังฝุ่น  ห้องโทรมๆ ที่เต็มไปด้วยหยากไย่ใยแมงมุม”


20 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

“คุณเบนสันอนุญาตให้ฉันทาสีได้” “แน่ละสิ  ตราบเท่าที่คุณเบนสันไม่ต้องลงมือเอง เขาก็คงให้ฉัน  ทาสีได้เหมือนกัน แล้วเขาก็จะได้บา้ นใหม่เอีย่ มจากหยาดเหงือ่ แรงงาน  ของฉัน” เธอกัดฟันฉีกยิ้ม “แล้วเธอมาอยู่ที่นี่นานรึยัง?” เคธียกแขนขึ้นกอดอก ผิวหน้าเริ่มสัมผัสไออุ่นของแดดยามเช้า  “เกือบสองเดือนแล้ว” “ฉันไม่รู้จะทนอยู่ได้นานขนาดนั้นรึเปล่า ถ้าต้องจามอย่างเมื่อ  คืนหัวฉันคงหลุดซะก่อน” เธอดึงแว่นกันแดดจากเรือนผมมาเช็ดด้วย  ชายเสื้อ “เธอชอบเซาท์พอร์ตมั้ยล่ะ? มันเป็นอีกโลกเลยนะ...ว่ามั้ย?” “เธอหมายความว่าไง?” “ก็เธอดูจะไม่ใช่คนแถวนี้  ฉันคิดว่าต้องมาจากทางเหนือแน่ๆ” เคธีอึ้งไปชั่วขณะก่อนผงกศีรษะรับ “ว่าแล้วเชียว” โจคุยจ้อต่อ “คงต้องปรับตัวสักพักกว่าจะชิน  แต่ฉันรักเซาท์พอร์ตไม่เคยเปลี่ยนแปลง ฉันชอบเมืองเล็กๆ น่ะ” “เธอเป็นคนที่นี่เหรอ?” “ฉันโตทีน่  ี่ ฉันจากทีน่ ไี่ ป แล้วในทีส่ ดุ ก็กลับมาอีก เหมือนนิยาย  โบราณเนอะ แล้วก็...ที่ไหนๆ ก็ไม่มีฝุ่นเยอะขนาดนี้ด้วย” เคธียิ้ม ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง โจดูท่าจะสนุกกับการรอให้เธอ  พูดหรือท�ำอะไรก่อน  เคธีจิบกาแฟ ทอดสายตามองออกไปที่ชายป่า  แล้วค่อยคิดได้ว่าน่าจะท�ำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี “เธอจะดื่มกาแฟสักถ้วยมั้ย? ฉันเพิ่งต้มใส่เหยือกไว้” โจยกแว่นกันแดดขึ้นคาดผมดังเดิม “แหม...ฉันก�ำลังรอให้เธอ  ชวนนะนี่  ฉันอยากได้กาแฟสักถ้วยจ้ะ ข้าวของเครื่องใช้ฉันยังอยู่ในลัง  รถฉันก็ยังอยู่ในอู่ซ่อม เธอรู้รึเปล่าว่าวันที่ขาดกาเฟอีนมันแย่แค่ไหน?”


เรือนรักแรมใจ 21

“ฉันรู้ดีเลย เรื่องนี้” “เอาเป็นว่า...ฉันติดกาแฟมาก ยิ่งวันไหนที่ต้องรื้อกระเป๋าจัด  ข้าวของละก็… อ้อ ตะกีฉ๊ นั บอกเธอหรือยังว่าฉันเกลียดการรือ้ กระเป๋า” “รู้สึกจะยังนะ” “มันเป็นเรื่องแย่ที่สุดส�ำหรับฉัน ต้องคิดว่าจะจัดวางอะไรตรง  ไหนดี  ต้องเดินชน สะดุดโน่นนี่ที่กองเกลื่อนห้อง  แต่ไม่ต้องตกใจ...  ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านประเภทที่ชอบร้องขอความช่วยเหลือ จะมีก็แต่เรื่อง  กาแฟนี่แหละ…” “งั้นมาเลย” เคธีกวักมือเรียกให้เข้าบ้าน “แต่ฉันขอบอกก่อน  นะว่า เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ติดมากับบ้านเช่าหลังนี้” ทั้งสองตรงดิ่งไปเข้าห้องครัว เคธีหยิบถ้วยใบหนึ่งจากตู้มาเติม  กาแฟจนเต็มปรี่  แล้วยื่นให้โจ “โทษที  ฉันไม่มีครีมหรือน�้ำตาล” “ไม่ ต ้ อ งก็ ไ ด้ ”  โจรั บถ้ ว ยกาแฟมาเป่ า ก่ อ นจิ บ  “เอาละ...ขอ  ประกาศอย่างเป็นทางการว่า นาทีนี้เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดในสามโลก  ของฉัน เป็นเรื่องที่ดีมากกกกจริงๆ” “ยินดีจ้ะ” “เบนสันบอกฉันว่าเธอท�ำงานที่ร้านไอแวนส์?” “เป็นพนักงานเสิร์ฟ” “บิ๊กเดฟยังอยู่ที่นั่นมั้ย?”  เมื่อเคธีพยักหน้า โจก็พูดต่อว่า “เขา  ท�ำงานที่นั่นก่อนฉันเข้าโรงเรียนมัธยมซะอีก แล้วเขายังตั้งสมญาให้  ใครต่อใครอีกมั้ย?” “จ้ะ” “แล้วเมโลดี้ล่ะ…ยังชอบสะกิดให้ดูลูกค้าหล่อๆ มั้ย?” “ทุกวันเลย” “ริกกี้...เขายังชอบจีบพนักงานสาวหน้าใหม่รึเปล่า?”


22 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เคธีพยักหน้าอีกที  โจหัวเราะร่า “ที่นั่นเหมือนเดิมทุกอย่างเลย  นะนี่” “เธอเคยท�ำงานที่นั่นด้วยเหรอ?” “เปล่า ก็เมืองมันเล็กแค่นี้  แล้วไอแวนส์ก็เป็นสถาบันหลักของ  ชาวบ้าน อีกอย่าง...ถ้าอยู่ไปนานๆ เธอก็จะรู้เองว่าแถวนี้ไม่เคยมีสิ่งที ่ เรียกว่า “ความลับ” ทุกคนรู้ทุกเรื่องของคนอื่น แถมมีบางคน...เอ่อ...  เช่นเมโลดี้  ที่สามารถสร้างศิลปะแห่งการนินทาขึ้นมาได้  แต่ก่อนฉัน  เคยปรี๊ดกับเรื่องพวกนี้  แต่คิดดูอีกที  ครึ่งเมืองเซาท์พอร์ตก็เป็นมนุษย์  ประเภทเดียวกันนี่แหละ เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ท�ำ นอกจากนั่ง  นินทาคนไปวันๆ” “แต่เธอก็กลับมาที่นี่อีก” โจยักไหล่  “ใช่...จะพูดยังไงดีน้อ? คงเป็นเพราะฉันสนุกกับ  อารมณ์ปรี๊ดๆ แบบนั้นมั้ง”  เธอจิบกาแฟอีกอึกแล้วชี้ออกไปนอก  หน้าต่าง “แต่เธอดูสิ...ถ้าฉันมาอยู่ในบ้านหลังนั้น กระทั่งบ้านใกล้  เรือนเคียงอย่างเธอก็แทบไม่ต้องเจอหน้ากันเลยทีเดียว” “เจ้าของเขาบอกว่ามันเคยเป็นกระท่อมล่าสัตว์  เป็นส่วนหนึ่ง  ของไร่ก่อนที่เขาจะเปิดให้เช่า” โจส่ายหน้า “สุดจะเชื่อว่าเธอเลือกเช่าบ้านหลังนี้” “เธอเองก็เหมือนกัน” เคธีติง “แต่ฉันเลือกมาอยู่ที่นี่เพราะไม่คาดคิดว่า ฉันจะต้องเป็นผู้หญิง  ตัวคนเดียว ในบ้านสุดสายปลายถนนลูกรังแห่งอาณาจักรที่โลกลืม...  แถวนี้มันเปลี่ยวจะตาย” ฉันก็เลือกมาอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุผลที่เธอว่ามานั่นแหละ...เคธี  ตอบในใจ แต่ปากพูดว่า “มันก็ไม่แย่นักหรอก ตอนนี้ฉันชินแล้ว” “ฉันก็อยากจะชินกับมันเหมือนกัน” เธอบ่น เป่ากาแฟให้หาย


เรือนรักแรมใจ 23

ร้อนอีกครั้ง “แล้วเธอมาท�ำอะไรที่เซาท์พอร์ตล่ะ? ฉันแน่ใจว่าเธอไม่ได้  มาหางานท�ำที่ร้านไอแวนส์แน่  เธอมีญาติแถวนี้รึไง...พ่อแม่  หรือพี่  น้อง?” “ไม่มีเลยจ้ะ” เคธีตอบ “งั้นก็...ย้ายตามแฟน” “เปล่า” “นี่เธอจะบอกว่า...เธอตั้งใจมาอยู่ที่นี่?” “ใช่” “เธอคิดยังไง...ไม่เข้าใจเลย” เคธีไม่ตอบ นั่นเป็นค�ำถามเดียวกันกับที่ไอแวน เมโลดี้  และ  ริกกี้เคยถามเธอ  เธอรู้ว่าแต่ละคนไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดนอกจาก  ความอยากรู ้ อ ยากเห็ น ทั่ ว ๆ ไป แต่ ก็ ไ ม่ รู ้ จ ะตอบค� ำ ถามนี้ อ ย่ า งไร  นอกจากจะเผยความจริงบางส่วนออกมา “ฉันต้องการจะหาที่ตั้งหลักชีวิตใหม่น่ะ” โจซดกาแฟอีกรอบ ท�ำท่าฉงนกับค�ำตอบที่ได้ยิน เคธีแปลกใจ  ที่เธอไม่ซักไซ้ต่อ แค่พยักหน้ารับฟัง “ฉันพอจะเข้าใจจ้ะ บางครั้งคนเราก็ต้องรู้จักเริ่มต้นชีวิตใหม่  ฉันนับถือคนที่กล้าท�ำ คนส่วนใหญ่ใจไม่ถึงพอที่จะลุกขึ้นมาท�ำอะไร  แบบนี้” “เธอคิดงั้นเหรอ?” “ไม่ใช่แค่คิด ฉันรู้ซึ้งเลยทีเดียว” โจตอบ “อ้อ...แล้ววันนี้เธอจะ  ท�ำอะไรบ้างล่ะ? ส่วนฉันก็คงต้องตีอกชกหัวอยู่กับการรื้อของจัดบ้าน  จนกว่ามือจะฉีกไปข้างนึง” “วันนี้ฉันต้องไปท�ำงาน นอกจากงานแล้วก็ไม่มีอะไร นอกจาก  ไปหาซื้อของตามร้าน”


24 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

“เธอจะไปดูที่ร้านฟิชเชอร์หรือจะตรงเข้าเมืองเลยล่ะ?” “ฉันว่าจะไปแค่ร้านฟิชเชอร์จ้ะ” “เธอเคยเจอเจ้าของร้านรึยัง? คนที่ผมหงอกๆ น่ะ” เคธีพยักหน้า “เคยเจอแค่ครั้งสองครั้ง” โจกระดกถ้วยกาแฟขึ้นซดจนเกลี้ยง วางถ้วยลงในอ่างล้างจาน  ก่อนถอนใจเฮือก “เอาละ” เธอท�ำท่าอ้อยอิ่งไม่อยากกลับ “โอ้เอ้มา  พอแล้ว ถ้าไม่ลงมือซะทีฉนั คงจัดบ้านไม่เสร็จแน่  เอาใจช่วยฉันด้วยนะ” “โชคดีจ้ะ” โจโบกมือให้  “ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ เคธี” เคธีมองลอดหน้าต่างครัวออกไป เห็นโจก�ำลังสะบัดพรม  ไล่ฝุ่น  เพื่อนบ้านใหม่คนนี้น่ารักดี  แต่เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าพร้อมจะ  มีเพื่อนบ้านหรือยัง น่าจะดีถ้าเธอมีเพื่อนแวะเวียนมาพูดคุยกันบ้าง  แต่เธอก็ชินเสียแล้วกับการอยู่ตามล�ำพัง แต่เธอก็รวู้ า่ ถ้ามาอยูใ่ นเมืองเล็กแบบนี ้ การปลีกตัวมาอยูอ่ ย่าง  สันโดษคงท�ำได้ไม่นาน ก็เธอต้องไปท�ำงาน ซื้อของ เดินไปเดินมาใน  ตัวเมือง ลูกค้าทีร่ า้ นส่วนหนึง่ ก็จดจ�ำเธอได้แล้ว อีกอย่าง...ต้องยอมรับ  ว่าเธอชอบเพื่อนคุยอย่างโจ รู้สึกเหมือนกับ...แค่มองตาก็เข้าใจ เชื่อใจ  กันตั้งแต่แรกเจอ...เธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ข้อดีที่รู้ก็คือโจเป็น  สาวโสดเหมือนกัน เคธีไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้ามีหนุ่มโสดมาเช่าบ้าน  อยู่ข้างๆ เธอจะรู้สึกอย่างไร แต่พอนึกขึ้นมาแล้วเธอก็อดสงสัยตัวเอง  ไม่ได้ว่า ท�ำไมไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ท�ำนองนั้นแม้แต่น้อย เคธีล้างถ้วยกาแฟแล้วเก็บคืนเข้าตู้  รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันทีกับ  การล้างเก็บถ้วยกาแฟสองถ้วยตอนเช้าๆ  และแล้วภาพชีวิตที่เธอ  ผละจากมาก็กลับมารุมล้อมหลอกหลอนอีกครัง้  เคธีมอื สัน่ ระริกจนต้อง


เรือนรักแรมใจ 25

บีบสองมือเข้าด้วยกัน แล้วสูดหายใจลึกๆ จนสงบนิ่ง นี่ถ้าเป็นเมื่อ  สองเดือนก่อนเธอคงไม่สามารถควบคุมอารมณ์แบบนี้ได้  หรือสอง  สัปดาห์ก่อนก็ยังแย่กว่านี้  น่ายินดีที่เธอสามารถต้านทานความรู้สึก  หวาดผวาได้แล้ว แสดงว่าเธอต้องรู้สึกสบายใจกับที่นี่  แต่นั่นก็ท�ำให้  ต้องวิตกอีกว่าความสบายใจอาจน�ำไปสู่การลดก�ำแพงของตัวเองลง  ซึ่งเธอจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ จะอะไรก็ช่าง เคธีดีใจที่ได้มาลงเอยที่เซาท์พอร์ต เมืองเก่าแก่  ขนาดเล็กที่มีประชากรเพียงไม่กี่พันคน ตั้งอยู่บนปากแม่น�้ำเคปเฟียร์  ตรงจุดที่เป็นคลองขุดเชื่อมรัฐ  ที่นี่มีทางเดินเล่นริมน�้ำ ร่มไม้ใหญ่และ  ดอกไม้ทชี่ อบขึน้ กับดินทราย มีเคราฤาษีหอ้ ยระย้าจากกิง่ ไม้ใหญ่  และ  ตามล�ำต้นใหญ่ยักษ์ก็จะมีเถาถั่วคัดซูเลื้อยปกคลุม เธอเคยเฝ้ามอง  เด็กๆ ปั่นจักรยาน เตะบอลเล่นบนท้องถนน และทึ่งกับจ�ำนวนโบสถ์  ที่มีอยู่แทบทุกซอกมุม ตกเย็นก็มีเสียงกบเสียงจิ้งหรีดร้องระงม แล้ว  เธอก็คิดขึ้นมาอีกครั้งว่า นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ...ตั้งแต่แรกเลย  ทีเดียว เพราะมันท�ำให้รู้สึกปลอดภัย เสมือนเป็นเรือนรังที่ฟ้าประทาน  มาให้เธอโดยเฉพาะ เคธีสอดเท้าเข้าในรองเท้าเพียงคู่เดียวที่เธอมี  รองเท้าผ้าใบ  คอนเวิร์สที่ผ่านการใช้งานมาจนขะมุกขะมอม ลิ้นชักใส่เสื้อผ้าเครื่อง  แต่งกายก็แทบจะว่างเปล่า ในครัวแทบไม่มีเสบียงอาหารสักอย่าง แต่  เธอก็ก้าวออกจากชายคาบ้านไปสู่แสงตะวัน มุ่งตรงไปยังร้านค้าอย่าง  มั่นใจ  ที่นี่คือบ้าน เธอบอกตัวเอง สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดซึมซับ  กลิ่นดอกไฮยาซินธ์ผสมกลิ่นหญ้าสดที่เพิ่งถูกตัดหมาดๆ นานหลายปี  แล้วที่เธอไม่เคยรู้สึกสุขใจแบบนี้


3

ผมของเขาเริ่ ม แซมสี เ ทาตั้ ง แต่ อ ายุ ยี่ สิ บ เศษจนโดน  เพื่ อ นๆ  ล้ อ อยู ่ เ รื่ อ ย  และนั่ น ไม่ ใ ช่ ก ารเปลี่ ย นแปลงแบบค่ อ ยเป็ น  ค่อยไปทีละเส้นสองเส้นจนในที่สุดก็ขาวโพลนทั้งหัว ภายในเวลาแค่  หนึ่งปี  ผมของเขาที่เคยด�ำขลับแทบไม่มีเส้นสีด�ำหลงเหลืออยู่  พี่ชาย  สองคนของเขาไม่ได้เป็นอย่างนี้  พวกเขาเพิ่งมีสีเงินขึ้นแซมจอนผม  เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง บุพการีของเขาก็ออกจะงงกับเรื่องนี้  เพราะอเล็กซ์  วี ท ลี ย ์ ไ ม่ เ ข้ า พวกกั บ ใครเลยในบรรดาวงศาคณาญาติ ทั้ ง สองฝ่ า ย  เท่าที่สืบค้นได้ แต่ตัวอเล็กซ์เองกลับไม่รู้สึกเดือดร้อนสักนิด ตอนเป็นทหาร  เขายังคิดว่ามันช่วยเสริมบารมีด้วยซ�้ำ  เขาปฏิบัติหน้าที่ในแผนกสอบ  สวนคดี  หรือ CID (Criminal Investigation Division) ที่ฐานทัพ  ในเยอรมันกับจอร์เจีย มีประสบการณ์สิบปีกับการสอบสวนสะสางคดี  ในกองทหาร ทุกเรื่องราวตั้งแต่การหลบเลี่ยงหน้าที่  ไปจนลักเล็กขโมย  น้อย ความรุนแรงในครอบครัว ข่มขืน หรือกระทั่งฆ่าคนตาย แล้วเขา  ก็ได้เลือ่ นขัน้ อย่างรวดเร็วจนลาออกเมือ่ ถึงวัยสามสิบสอง ขณะทีต่ ดิ ยศ


เรือนรักแรมใจ 27

พันตรี หลังจากตีตั๋วกลับบ้าน อ�ำลาชีวิตทหาร เขาก็ย้ายมาปักหลัก  ที่เซาท์พอร์ตบ้านเกิดของภรรยา ตอนนั้นเขาเพิ่งแต่งงาน และภรรยา  ก�ำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก ทีแรกเขาคิดจะสมัครเป็นต�ำรวจ แต่พ่อตา  เสนอขายร้านช�ำของครอบครัวให้เขา มั น เป็ น ร้ า นช� ำ แบบโบราณ  ผนั ง ไม้ อั ด ทาสี ข าว  บั ง ตาสี ฟ ้ า  หลังคาลาดคลุมระเบียงทางเข้า หน้าร้านมีม้านั่ง แบบเดียวกับพวก  ร้านโชห่วยที่เคยรุ่งเรืองในยุคก่อนและเลิกกิจการไปแล้วเป็นส่วนใหญ่  ส่วนที่อยู่อาศัยคือชั้นบนของร้าน ข้างบ้านมีต้นแม็กโนเลียใหญ่ยักษ์  ร่มรื่น ด้านหน้ามีต้นโอ๊กอีกหนึ่งต้น บริเวณลานจอดรถราดยางเพียง  ครึ่งเดียว อีกครึ่งเป็นดินลูกรัง แต่ก็มีรถจอดเกือบเต็มทุกวัน  พ่อตา  ของเขาเปิดร้านขายของช�ำก่อนคาร์ลีเกิด สมัยนั้นรอบบริเวณมีแต่  เรือกสวนไร่นา พ่อตาเขาภูมิใจมากกับการใส่ใจให้บริการ พยายาม  สรรหาทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการมาวางขายจนแทบไม่มีที่ว่างในร้าน  อเล็กซ์กเ็ ช่นกัน เขารักษาสภาพเดิมของร้านไว้  ชัน้ วางสินค้าห้าหกแถว  เพียบแปล้ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคประจ�ำวัน ตู้แช่หลังร้านมีเครื่องดื่ม  ทั้งน�้ำเปล่า โซดา เบียร์  ไวน์  และมีชั้นวางของขบเคี้ยว ลูกอมขนม  หวานเหมือนกับร้านทั่วไป “อาหารขยะ” คือสิ่งที่ลูกค้าแทบทุกราย  จะหยิบฉวยตอนยืนรอช�ำระเงินหน้าเคาน์เตอร์   แต่ข้อแตกต่างก็คือ  ที่นี่ยังมีชั้นวางอุปกรณ์ตกปลานานาชนิด เหยื่อตกปลาตัวเป็นๆ และ  แผงขายอาหารอบ ปิ้ง ย่าง ที่โรเจอร์  ทอมป์สันเป็นผู้ผลิตส่งตามร้าน  หลังอ�ำลาตลาดหุ้นวอลล์สตรีตมาใช้ชีวิตเรียบง่ายที่เซาท์พอร์ต มุมนี้  มีเบอร์เกอร์  ฮอตด็อก แซนด์วิชให้เลือก และมีที่นั่งให้ด้วย  นอกจาก  นี้  เขายังมีดีวีดีให้เช่า กระสุนปืนหลากชนิด เสื้อกันฝน ร่ม สายจัมพ์  สตาร์ตรถยนต์  สายพานหม้อน�้ำ ก๊าซกระป๋อง แถมยังบริการรับปั๊ม


28 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

กุญแจด้วยเครื่องที่อยู่หลังร้านด้วย ข้างนอกก็มีปั๊มน�้ำมันสามหัวฉีด  ส�ำหรับรถยนต์  กับอีกหนึง่ ปัม๊ ตรงท่าเทียบเรือ นีค่ อื แหล่งเติมน�ำ้ มันเรือ  เพียงจุดเดียวนอกเหนือจากปั๊มใหญ่ที่อ่าวจอดเรือ ข้างเคาน์เตอร์  คิดเงินก็ยังมีขวดแตงดอง โหลถั่วต้ม และตะกร้าผักวางเรียงรายอีก  ด้วย แปลกดีที่ร้านนี้ไม่มีปัญหาเรื่องสต๊อกสินค้าขาดเกิน บางอย่าง  ขายดี  บางอย่างขายไม่ได้  แต่อเล็กซ์กเ็ หมือนพ่อตาของเขาตรงทีเ่ ดาใจ  ลูกค้าเก่ง เขารูว้ า่ ใครต้องการอะไรทันทีทเี่ ข้ามาในร้าน เขาสังเกตจดจ�ำ  รายละเอียดที่คนอื่นมองข้าม นี่เป็นอุปนิสัยที่ช่วยให้เขาท� ำงานได้ดี  ในแผนกสอบสวนคดีของกองทัพ กระทั่งทุกวันนี้เขาก็ยังชอบตรวจดู  สินค้าในสต๊อก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงร้านให้ตรงกับรสนิยม  ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของลูกค้า เขาไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตจะมาลงเอยกับร้านช�ำ แต่ก็ตัดสินใจ  ถูกแล้ว ในเมือ่ เขามีลกู ทีต่ อ้ งดูแล... จอชเข้าโรงเรียนแล้ว ส่วนคริสเตน  จะเข้าเรียนในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้  เธอจึงขลุกอยู่กับเขาในร้านทั้งวัน เขา  จัดพืน้ ทีห่ ลังเคาน์เตอร์ให้เป็นมุมทีเ่ ล่นของเธอ ลูกสาวตัวน้อยช่างเจรจา  ของเขาดูจะชอบมาก อายุเพิง่ ห้าขวบแต่กร็ จู้ กั กดเครือ่ งคิดเลขทอนเงิน  แล้ว แม้ต้องยืนบนเก้าอี้เพื่อจะกดให้ถึงก็ตาม อเล็กซ์รู้สึกชอบใจเวลา  ลูกค้าท�ำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นหนูน้อยท�ำหน้าที่คิดเงินให้ แต่นกี่ ไ็ ม่ใช่วยั เด็กทีส่ ขุ สมบูรณ์สำ� หรับคริสเตน ถึงแม้เธอจะไม่ร ู้ ว่ายังมีสงิ่ ทีด่ ยี งิ่ กว่านีก้ เ็ ถอะ เวลาทีเ่ ขาไม่พยายามหลอกตัวเอง อเล็กซ์  ต้องยอมรับว่า ภาระที่ต้องดูแลทั้งร้านและลูกๆ มันหนักหน่วงเสียจน  เขาไม่มีกะจิตกะใจจะท�ำอะไรอื่นอีก แต่ละวันเขาต้องเตรียมกล่อง  อาหารกลางวันให้จอช ขับรถไปส่งทีโ่ รงเรียน แวะสัง่ ของจากร้านค้าส่ง  ซือ้ ของจากร้านค้าปลีก แล้วกลับมาบริการลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ตอ้ ง


เรือนรักแรมใจ 29

ดูแลคริสเตนไปด้วย เท่านั้นไม่พอ ตกเย็นเขายิ่งยุ่งหนักขึ้นอีก เพราะ  เขาพยายามเต็มที่ที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกด้วยการชวนไปปั่นจักรยาน  เล่นว่าว และตกปลากับจอช ส่วนคริสเตนชอบเล่นตุ๊กตา วาดรูป ท�ำ  การฝีมือ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เขาไม่ถนัดเอาเสียเลย นอกจากนั้นเขา  ยังต้องท�ำอาหารมื้อค�่ำ เก็บกวาดบ้านช่องเองด้วย ทั้งหมดนี้คือการ  ตะเกียกตะกายใช้ชีวิตประจ�ำวัน แม้ในยามที่ลูกๆ เข้านอนแล้วก็ยังมี  อะไรทีต่ อ้ งท�ำอีกหลายอย่าง จนเขาแทบไม่รแู้ ล้วว่าการพักผ่อนคืออะไร หลังจากเอาลูกเข้านอนแล้ว อเล็กซ์ชอบอยู่เงียบๆ ตามล�ำพัง  แม้จะรู้จักคนแทบทั้งเมืองแต่เขาก็มีเพื่อนสนิทน้อยราย คู่สามีภรรยา  ที่เขากับคาร์ลีเคยไปมาหาสู่  ทานอาหารค�่ำปิ้งบาร์บีคิวด้วยกัน ค่อยๆ  ห่างหายไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องใช้เวลาอยู่กับร้านและลูก แต่  อี ก ส่ ว นหนึ่ ง เขาคิ ด ว่ า คนพวกนั้ น คงไม่ ส บายใจเมื่ อ เห็ น หน้ า เขา  แล้วเป็นต้องนึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต จนรู้สึกหวั่นไหวว่าอะไรๆ  ก็เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใคร นี่เป็นวิถีชีวิตที่แสนเหนื่อยล้าและเดียวดาย แต่เขาก็ยังยืนหยัด  เพือ่ จอชและคริสเตน  หลังจากทีค่ าร์ลจี ากไป ลูกๆ มักตกใจตืน่ เพราะ  ฝันร้าย แม้ช่วงหลังนี้จะลดลงแล้วก็ตาม เมื่อลูกตื่นมาด้วยน�้ำตานอง  หน้า สะอื้นฮั่กๆ เขาจะกอดลูกไว้ในอ้อมแขน พร�่ำกระซิบปลอบโยน  จนกว่าจะหลับไปอีก  ก่อนหน้านี้สามพ่อลูกต้องไปหานักจิตบ�ำบัด  เด็กๆ วาดรูปและพูดระบายความในใจออกมา แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไร  มากอย่างที่เขาหวัง ลูกๆ ยังนอนฝันร้ายอีกเกือบปี  บางเวลาเมื่อเขา  วาดรูประบายสีกับคริสเตน หรือไปตกปลากับจอช ทั้งสองจะมีอาการ  เงียบขรึมซึมเศร้า ซึ่งเขาก็รู้ว่าพวกแกก� ำลังคิดถึงแม่นั่นเอง  บางที  คริสเตนก็รำ� พึงออกมาอย่างไร้เดียงสา น�ำ้ เสียงสัน่ เครือ น�ำ้ ตาไหลพราก  ถึงตอนนัน้ ใจเขาแทบจะขาดรอนๆ เพราะรูว้ า่ ตนไม่มที างจะท�ำให้อะไรๆ


30 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

ดีขึ้นได้  นักจิตบ�ำบัดยืนยันกับเขาว่าเด็กๆ จะปรับตัวง่าย ขอให้รู้ว่า  ยังมีคนที่รักแก ฝันร้ายก็จะค่อยๆ ลดลงและร้องไห้น้อยลง นั่นก็เป็น  ความจริงเมื่อเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้อเล็กซ์ก�ำลังเผชิญ  กับการสูญเสียในอีกรูปแบบซึ่งท�ำให้เขาปวดร้าวใจเหลือเกิน ถ้าลูกๆ  สบายใจขึ้นก็แสดงว่าความทรงจ�ำเกี่ยวกับแม่ก�ำลังจะลบเลือนไป  ตอนที่สูญเสียแม่ทั้งสองยังเล็กมาก อายุแค่สี่กับสามขวบเท่านั้น เมื่อ  พวกแกโตขึน้ อีก ค�ำว่า “แม่” ก็คงกลายเป็นนิยามทางความคิดมากกว่า  ตัวตนที่สัมผัสได้  เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น แต่อเล็กซ์ก็ยังท�ำใจยอมรับไม่ได้  ถ้าลูกๆ จะลืมเสียงหัวเราะหรืออ้อมอกอุ่นของคาร์ลี  กระทั่งไม่รับรู้เลย  ว่าแม่เคยรักตนมากขนาดไหน เขาไม่เคยสนใจจะบันทึกภาพไว้  คาร์ลีเป็นคนคว้ากล้องมากด  จนมีรูปเขากับลูกๆ ในหลากหลายอิริยาบถ แต่น้อยนักที่จะมีเธออยู ่ ในภาพด้วย แม้เขาจะพลิกอัลบั้มให้ลูกดูบ่อยๆ พร้อมกับเล่าเรื่อง  เบื้องหลังภาพให้ฟัง แต่เขาก็สงสัยว่ามันจะเป็นได้มากกว่า “เรื่องเล่า”  หรือไม่  อารมณ์ความรู้สึกในภาพช่างเหมือนกับปราสาททรายที่ถูก  เกลียวคลื่นกลืนกินจนสลายไป  ภาพพอร์ตเทรตของคาร์ลีที่แขวนอยู ่ ในห้องนอนเขาก็เหมือนกัน คงจะเป็นได้แค่  “ภาพถ่าย”  ปีแรกที ่ แต่งงานกันเขาจัดให้ช่างภาพมาถ่ายพอร์ตเทรตเธอโดยไม่ฟังเสียง  คัดค้าน ถึงวันนี้เขาต้องขอบคุณตัวเองในเรื่องนี้   คาร์ลีในภาพดูสง่า  งาม มาดมั่น ผู้หญิงแกร่งคนนี้แหละที่ครอบครองหัวใจเขาหมดทุก  ห้อง  หลังจากลูกๆ เข้านอนแล้ว เขาชอบมานัง่ มองภาพภรรยาสุดทีร่ กั   ด้วยหัวใจร้าวราน แต่จอชกับคริสเตนแทบไม่เคยตั้งใจมองภาพนี้เลย เขาคิดถึงเธอบ่อยๆ คิดถึงชีวิตคู่ที่เคยมี  คิดถึงมิตรภาพที่เป็น  รากฐานอันมัน่ คงของชีวติ คู ่ ในยามทีไ่ ม่ตงั้ หน้าจะหลอกตัวเอง เขาต้อง  ยอมรับว่าอยากได้ความสุขแบบนั้นคืนมา เขาไม่อยากจะสารภาพว่า


เรือนรักแรมใจ 31

รู้สึกเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเหมือนกัน หลายเดือนหลังสูญเสียคาร์ลี  เขา  ไม่กล้าแม้แต่จะคิดมีใครสักคนมาแก้เหงา ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงว่าจะเปิดใจ  รักใครอื่นอีก  หนึ่งปีผ่านไป เขาก็ยังตกอยู่ในวังวนความคิดแบบนี้  ความสูญเสียยังคงเจ็บลึก ความทรงจ�ำถึงวันจากพรากยังคงสดหมาด  แต่เมื่อสองสามเดือนก่อน เขาพาลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น�้ำ ตอนที่  ยืนดูฉลามอยูห่ น้าตูก้ ระจกใหญ่  เขาได้พดู คุยกับสาวสวยทีย่ นื ดูอยูข่ า้ งๆ  เธอพาลูกมาเทีย่ วเหมือนเขา และไม่มแี หวนแต่งงานบนนิว้ นางข้างซ้าย  ลูกๆ ก็อยู่ในวัยเดียวกันด้วย ขณะที่เด็กทั้งสี่ก�ำลังชี้ชวนกันชมฝูงปลา  ที่ว่ายวนอยู่ตรงหน้า เขาพูดอะไรออกไปค�ำหนึ่งแล้วเธอหัวเราะชอบใจ  นาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนถูกมนต์สะกดให้หวนคิดถึงชีวิตครอบครัวที่เคย  มี  แต่คุยกันได้ไม่กี่ค�ำก็ต้องแยกย้ายกันไป แล้วตอนขาออกเขาก็เห็น  เธอคนนั้นอีก เธอก�ำลังจะขึ้นรถและหันมาโบกมือให้  วูบหนึ่งเขาคิด  อยากจะวิง่ เข้าไปขอเบอร์โทร. แต่ขาเจ้ากรรมไม่ยอมขยับจนเธอออกรถ  ไป และเขาก็ไม่เจอเธออีกเลย คืนนี ้ เขานัง่ รอให้ความโศกเศร้าคืบคลานเข้ามาครอบง�ำเหมือน  เช่นเคย แต่แปลกที่มันไม่ยอมมาสักที  และเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วย  รู้สึกแค่...เฉยๆ มันไม่ใช่ความรู้สึกมั่นใจหรือสบายใจ แต่ก็...เบาใจ  เขาชักรู้ตัวว่าจิตใจก�ำลังเริ่มฟื้นฟูจากความเจ็บปวดสูญเสียแล้ว แต่น ี่ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรีบออกไปสนุกกับชีวิตโสดให้เต็มที่...ถ้า  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยนี่สิ? เขานึกภาพ  ตัวเองก้าวเดินไปบนสะพานข้ามห้วงทุกข์  จนมาถึงจุดทีเ่ ขาพร้อมจะรอ  จนกว่าจะพบคนที่  “ใช่” ใครสักคนที่สามารถน�ำพาความสุขสดชื่น  กลับคืนมาสู่ชีวิตเขา แต่ใครล่ะจะรักลูกๆ ของเขาเท่ากับที่รักเขา?  เขารู้ว่าโอกาสที่จะเจอใครคนนั้นในเมืองนี้มีน้อยมาก เซาท์พอร์ตเป็น  แค่เมืองเล็กๆ คนที่เขารู้จักแทบทุกรายมีคู่ครองแล้ว หรือไม่ก็อยู่ในวัย


32 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เกษียณบ้าง วัยเรียนบ้าง แถวนี้หาสาวโสดแทบไม่ได้เลย ยังไม่ต้อง  พูดถึงคนที ่ “ใช่” ส�ำหรับเขาและลูกๆ ของเขาด้วยซ�ำ้  นีแ่ หละคือปัญหา  ใหญ่  เขาอาจจะเหงาและอยากมีเพื่อนใจคนใหม่  แต่จะไม่ยอมแลก  กับความสุขของลูกๆ เป็นอันขาด เด็กทั้งสองต้องผจญกับอะไรๆ ที่แย่  มากจนเขาต้องถือว่า ลูกคือวาระส�ำคัญอันดับแรกส�ำหรับชีวิตช่วงนี้ แต่ก็ยังมีหวัง...เขาบอกตัวเอง มีผู้หญิงอีกคนที่สะดุดใจเขา  แม้จะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอนอกจากสถานภาพที่โสดเหมือนเขา  ตัง้ แต่เดือนมีนาคม เธอมาซือ้ ของทีร่ า้ นสัปดาห์ละครัง้ สองครัง้  ครัง้ แรก  ที่เห็นเธอ หญิงสาวผู้นี้ดูอ่อนล้าอิดโรย ร่างผอมบางทรุดโทรมจนเขา  ไม่น่าจะเหลือบมองซ�้ำ ปกติแล้วคนที่ผ่านทางมาจะต้องแวะร้านเขา  เพื่อซื้อของขบเคี้ยวเครื่องดื่มหรือเติมน�้ำมัน แล้วจากไปโดยไม่หวน  กลับมาให้เห็นหน้าอีก แต่เธอไม่ใช่แบบนั้น แต่ละครั้งที่เดินเข้ามาใน  ร้าน เธอจะก้มหน้างุดราวกับไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น ท�ำตัวลีบค่อยๆ  ก้าวเดินไปตามชั้นวางของราวกับเป็นวิญญาณในร่างคน แต่นั่นก็  ไม่ได้ผลเพราะเธอสวยเกินกว่าที่จะถูกมองผ่าน เขาเดาว่าเธออยู่ในวัย  ยีส่ บิ ปลายๆ ผมสีนำ�้ ตาลตัดสัน้ แค่ไหล่ดแู หว่งๆ พิกล ใบหน้าปราศจาก  เครื่องส�ำอาง โหนกแก้มสูง ดวงตากลมโตฉายแววอ่อนไหวเปราะบาง  น่าทะนุถนอม เมื่อเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าเครื่องคิดเงิน เขารู้สึกว่าเธอยิ่งสวย  กว่าตอนมองห่างๆ เสียอีก เขาเห็นดวงตาสีน�้ำตาลอมเขียวมีประกาย  ทอง กับรอยยิม้ มุมปากทีจ่ างหายไปอย่างรวดเร็ว  เธอวางข้าวของไม่ก ี่ ชิ้นลงบนโต๊ะ...กาแฟ ข้าวสาร ข้าวโอ๊ต เส้นพาสต้า เนยถั่ว และของ  ใช้ในห้องน�ำ้   เขารูส้ กึ ได้วา่ เธอจะอึดอัดถ้าเขาชวนคุย จึงได้แต่กดแป้น  เครื่องคิดเงินไปเงียบๆ ระหว่างนั้นเธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยค�ำพูดขึ้นก่อนว่า “มีเมล็ดถั่วอบแห้งขายมั้ยคะ?”


เรือนรักแรมใจ 33

“ขอโทษด้วยนะครับ ร้านผมไม่เคยมีถั่วขาย” เขาตอบ เขาตอบพลางใส่ของชิ้นสุดท้ายลงในถุง ในขณะที่เธอมองออก  ไปนอกหน้าต่าง ขบริมฝีปากนิดๆ อย่างใจลอย เขารู้สึกขึ้นมาเองว่า  เธอท�ำท่าเหมือนจะร้องไห้ อเล็กซ์กระแอมแล้วเสนอว่า “ถ้าคุณต้องใช้เป็นประจ�ำ ผมจะ  สั่งมาให้  แค่คุณบอกมาว่าต้องการถั่วชนิดไหน” “ไม่ต้องล�ำบากดีกว่าค่ะ” เธอตอบเสียงเบาราวกระซิบ เธอหยิบธนบัตรใบย่อยหลายใบออกมาช�ำระค่าสินค้าแล้วอุม้ ถุง  เดินออกจากร้าน เขานึกแปลกใจที่เห็นเธอเดินผ่านลานจอดรถไป เธอ  ไม่ได้ขับรถมาเหมือนคนอื่นๆ นี่ท�ำให้เขารู้สึกฉงนยิ่งขึ้นอีก สัปดาห์ต่อมา ในร้านของเขามีถั่วสามชนิดวางขาย ทั้งถั่วแดง  ถัว่ ด�ำ และถัว่ ลิมาสีขาว แต่กม็ แี ค่อย่างละหนึง่ ถุง เมือ่ เธอเข้ามาในร้าน  เขาก็บอกให้ไปหยิบได้ตรงชั้นหัวมุมล่างสุด ใกล้กับถุงข้าวสาร เธอ  รวบถั่วทั้งสามถุงมาวางที่โต๊ะคิดเงินแล้วถามหาหอมใหญ่  เขาชี้ไปที่  ตะกร้าข้างประตูซึ่งมีหอมใหญ่บรรจุเป็นถุงๆ แต่เธอส่ายหน้าบอกว่า  ต้องการเพียงหัวเดียวด้วยรอยยิ้มและน�้ำเสียงเขินๆ ตอนที่เธอควักเงิน  ออกมานับ เขาเห็นมือเธอสัน่ นิดๆ แล้วเธอก็เดินออกไปโดยไม่ได้ขบั รถ  มาเหมือนกับครั้งก่อน หลังจากวันนั้น ร้านของอเล็กซ์ก็มีถั่วติดแผง มีหอมใหญ่แบ่ง  ขายเป็นหัว และเธอก็กลายเป็นขาประจ�ำของร้าน แม้จะเก็บปากเก็บค�ำ  เหมือนเดิม แต่ท่าทางตื่นๆ ของเธอก็ค่อยๆ หายไป ริ้วรอยหมองคล�้ำ  รอบดวงตาเริ่มลบเลือน และผิวซีดๆ ของเธอก็ดูคมเข้มขึ้นจากสายลม  แสงแดดตามฤดูกาล แถมยังดูอวบอิ่มขึ้น แม้จะไม่มากแต่ก็ไม่ซูบซีด  อ่อนแออย่างทีเ่ คยเป็น น�ำ้ เสียงก็สดใสขึน้  เธอไม่แสดงท่าทีสนอกสนใจ  เขา แต่ก็ยอมสบตากับเขานิดหน่อยก่อนมองไปทางอื่น บทสนทนายัง


34 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

ไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่า “ได้ของครบทุกอย่างที่ต้องการมั้ยครับ?” กับ  ค�ำตอบเดิมๆ “ค่ะ ขอบคุณ” แต่แทนที่จะรีบเดินตัวปลิวออกจากร้าน  เหมื อ นครั้ ง แรกๆ  เธอกลั บ เดิ น ดู ข องในร้ า น  เริ่ ม พู ด จาทั ก ทายกั บ  คริสเตนถ้าไม่มีลูกค้ารายอื่นอยู่ในร้าน  เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอ  ในยามปล่อยตัวตามสบาย ไม่มีท่าทีระแวงระวัง เธอดูสดชื่นขึ้นและดู  จะชอบเด็กเป็นพิเศษ เขาเห็นแล้วอดคิดไม่ได้วา่ นีค่ งเป็นตัวตนทีแ่ ท้จริง  ของเธอ และน่าจะกลับมาเป็นอย่างนี้ได้อีกถ้าสภาพแวดล้อมอ�ำนวย  คริสเตนก็ดูจะมองเห็นอะไรๆ พิเศษในตัวเธอผู้นี้  เมื่อเธอออกจากร้าน  ไป คริสเตนหันมาบอกเขาว่าได้เพื่อนใหม่แล้ว เธอมีชื่อว่า “คุณเคธี” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเคธีจะยอมเป็นเพื่อนกับเขาด้วย  อาทิตย์กอ่ นเธอเข้ามาคุยจ้อกับคริสเตน แล้วหยิบหนังสือนิยายจากชัน้   มาพลิกอ่านหลังปก แต่ก็ไม่ซื้อสักเล่ม จนเขาพลั้งปากถามออกไปว่า  เธอก�ำลังหานิยายของนักเขียนคนโปรดคนไหน นั่นท�ำให้เธอสะดุ้ง  ท�ำท่าตื่นกลัวเหมือนครั้งแรกๆ เขาจึงคิดออกว่าไม่น่าแสดงให้เธอรู้  เลยว่าเขาก�ำลังเฝ้ามองเธออยู่  แล้วเขาก็รีบกล่าวเสริมว่า “ไม่เป็นไร...  ไม่ใช่เรื่องส�ำคัญหรอกครับ” ระหว่างที่ก�ำลังจะก้าวออกจากร้าน เธอ  หยุดชะงักนิดหนึ่ง กระชับวงแขนที่หอบถุง แล้วเอียงหน้ามาทางเขา  พลางเอ่ยพึมพ�ำว่า “ฉันชอบอ่านนิยายของดิกเกนส์” ก่อนรีบเดินออก  ประตูไปสู่สายถนนหน้าร้าน เขานึกถึงเธอคนนีบ้ อ่ ยขึน้ เรือ่ ยๆ แต่กเ็ ป็นความนึกคิดทีค่ ลุมเครือ  ฉงนฉงาย และอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเธอให้มากกว่านี้  แต่ก็ไม่รู้จะท�ำ  อย่างไร เขาไม่เคยจีบใครจริงจังนอกจากคาร์ลี  สมัยเรียนมัธยมปลาย  ก็ไม่มีเวลาท�ำอย่างอื่นนอกจากเรียนและว่ายน�้ำ ตอนเป็นทหารก็ทมุ่ เท  กับหน้าที่การงาน ย้ายไปประจ�ำที่โน่นที่นี่ทุกครั้งที่ได้เลื่อนต�ำแหน่ง  เขาเคยนัดเที่ยวกับสาวๆ ไม่กี่ราย พวกเธอก็ร้อนรักเสียจนส่วนใหญ่


เรือนรักแรมใจ 35

เกิดขึ้นและจบลงบนเตียงเพียงเท่านั้น ในยามย้อนร�ำลึกความหลัง  เขาแทบจ�ำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยเป็นผู้ชายแบบไหน ต้องโทษคาร์ลี  ที่ท�ำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้  ใช่...มันช่างทุกข์ระทมและแสนจะ  ว้าเหว่  เขาคิดถึงภรรยาคูช่ วี ติ  แม้ไม่เคยปริปากบอกใครๆ แต่เขาสาบาน  ได้ว่ามีบางครั้งที่รู้สึกเหมือนเธอกลับมาอยู่ใกล้ๆ คอยเฝ้ามองเขาอย่าง  ห่วงใย และเอาใจช่วยให้เขาผ่านพ้นความทุกข์นี้ไปได้ อากาศแจ่ ม ใสท� ำ ให้ วั น อาทิ ต ย์ นี้ มี ลู ก ค้ า แวะเข้ า ร้ า น  มากกว่าปกติ  ก่อนอเล็กซ์เปิดร้านตอนเจ็ดโมงเช้า ตรงท่าด้านหน้าก็มี  เรือสามล�ำมาจอดรอเติมน�้ำมันแล้ว แน่นอนว่าตอนเข้ามาช�ำระเงิน  เจ้าของเรือจะต้องเลือกซื้อของกินเครื่องดื่มกับถุงน�้ำแข็งไปตุนไว้ในเรือ  ด้วย โรเจอร์พนักงานขายอาหารปิ้งย่างมือไม่ว่างเลยตั้งแต่เริ่มคาดผ้า  กันเปื้อน โต๊ะด้านหน้าเต็มไปด้วยลูกค้าที่นั่งแทะขนมปังไส้กรอกหรือ  ชีสเบอร์เกอร์ระหว่างสนทนากันเรื่องกลยุทธ์การเล่นหุ้น ตามปกติอเล็กซ์จะท�ำงานในร้านจนเที่ยงแล้วส่งต่อให้จอยซ์  เธอกับโรเจอร์ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มากทีเดียว จอยซ์เคยท�ำงานที ่ ศาลท้องถิ่นจนครบเกษียณ แล้วหลังจากนั้นก็มา “เข้าวงการธุรกิจ”  อย่างที่เธอว่า พ่อตาของเขารับจอยซ์เข้าท�ำงานเมื่อสิบปีก่อน จนบัดนี ้ อายุเจ็ดสิบแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหมดสภาพ สามีเธอตายจากไป  หลายปีแล้ว ลูกๆ ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น เธอจึงมองลูกค้าเป็นเสมือนครอบ  ครัวที่เหลืออยู่  และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของร้านเหมือนกับสินค้าที่เรียง  รายอยู่ตามชั้น ที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ จอยซ์เข้าใจดีว่าอเล็กซ์ต้องหาเวลาพาลูกๆ  ออกไปข้างนอกบ้าง และการเข้าท�ำงานในวันอาทิตย์ก็ไม่ใช่เรื่องหนัก  หนาสาหัสส�ำหรับเธอ  ทันทีที่เดินเข้ามาในร้านเธอจะปราดเข้าประจ�ำ


36 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

โต๊ะแคชเชียร์และไล่อเล็กซ์ให้พาลูกออกไปราวกับเป็นเจ้านายเสียเอง  จอยซ์ยังช่วยท�ำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ด้วย และเป็นคนเดียวที่อเล็กซ์  ไว้วางใจให้ดแู ลลูกๆ เมือ่ เขาไปธุระต่างเมือง ซึง่ ก็มเี พียงสองครัง้ ในช่วง  หลังนี ้ ตอนทีเ่ ขานัดพบเพือ่ นซีส้ มัยเป็นทหารในเมืองราเลห์  จะอย่างไร  ก็ตาม เขาถือว่าจอยซ์คือสิ่งที่ดีสุดในชีวิตยามนี้  ทุกครั้งที่เขาต้องการ  ความช่วยเหลือจากเธอ เธอจะพร้อมเสมอ ระหว่างที่รอจอยซ์มารับช่วงงาน อเล็กซ์เดินตรวจตราชั้นวาง  สินค้า แม้คอมพิวเตอร์จะเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการเช็กสต๊อก แต่เขา  รู้ว่านั่นเป็นเพียงตัวเลขซึ่งไม่ได้บอกข้อเท็จจริงทั้งหมด บางครั้งการ  ตรวจดูด้วยตาจะท�ำให้รู้สภาพดีกว่าด้วยซ�้ำ ร้านค้าที่ดีจะต้องปิดยอด  จ�ำหน่ายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะท�ำได้  ซึ่งก็หมายความว่าจะต้องน�ำเสนอ  สินค้าที่ร้านอื่นไม่มีขาย เขาจึงมีแยมกับเยลลี่  ผงปรุงอาหารรสเนื้อ  รสหมู  “สูตรลับเฉพาะ” และผักผลไม้กระป๋องที่ผลิตในท้องถิ่น กระทั่ง  คนที่ปกติไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างฟู้ดไลอ้อนหรือพิกลีวิกลี  ยังต้องแวะร้านเขาเพื่อซื้อหาสิ่งที่อเล็กซ์สรรหามาจ�ำหน่าย เรื่องที่ส�ำคัญยิ่งกว่ายอดขายก็คือ เขาต้องการรู้ว่าควรจะขาย  อะไรเมื่อไหร่  ซึ่งตัวเลขในคอมพ์พิวเตอร์ไม่สามารถบอกได้  เขาสังเกต  พบว่า ฮอตด็อกขายดีเป็นพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์  ส่วนขนมปัง  ก้อนกลับตรงกันข้าม ข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ช่วยให้เขามีสินค้า  เสมอในยามที่ลูกค้าต้องการ และสามารถดันยอดขายให้พุ่งขึ้นได้  แม้  จะเป็ น ร้ า นเล็ ก แต่ เ ขาก็ ด� ำ เนิ น ธุ ร กิ จ มาได้ ด ้ ว ยดี   ในขณะที่ ร ้ า นช� ำ  ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องปิดกิจการลง เนื่องจากสู้ร้านสะดวกซื้อหรือ  ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไหว ระหว่างตรวจดูชั้นสินค้าเขาคิดไปพลางว่าบ่ายนี้จะพาลูกๆ  ไปไหนดี  แล้วตกลงใจว่าจะพาไปขี่จักรยาน คาร์ลีเคยสนุกกับการ


เรือนรักแรมใจ 37

ขี่จักรยานลากรถเข็นเด็กไปทั่วเมือง แต่การขี่จักรยานก็คงไม่กินเวลา  ตลอดทั้งบ่าย หรือว่า...จะขี่ไปสวนสาธารณะดี  ลูกๆ คงชอบที่นั่น เขาเหลือบมองประตูหน้าร้านให้แน่ใจว่าไม่มลี กู ค้าโผล่มา แล้ว  รีบก้าวผ่านห้องเก็บของไปด้านหลัง ชะโงกมองหาจอช เขาเห็นจอช  ก�ำลังนั่งตกปลาอยู่บนท่าเทียบเรือ นี่เป็นกิจกรรมที่ลูกคนนี้ชอบมาก  แต่อเล็กซ์ไม่สบายใจตรงที่แกชอบออกไปนั่งคนเดียว และเพื่อนบ้าน  ที่เห็นเข้าก็อาจนินทาว่าเขาปล่อยปละละเลยลูก ทั้งที่เขาตั้งกฎไว้แล้ว  ว่าห้ามออกนอกรัศมีกล้องที่เชื่อมสัญญาณมายังจอหลังโต๊ะแคชเชียร์  ซึ่งจอชก็ปฏิบัติตามค�ำสั่งเป็นอย่างดี  ส่วนคริสเตนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก  ของเธอเบื้องหลังเคาน์เตอร์ตามปกติ  บนโต๊ะมีชุดสวยๆ ของตุ๊กตา  อเมริกันดอลล์  จัดแยกเป็นกองๆ เธอก�ำลังง่วนอยู่กับการแต่งตัวให้  ตุ๊กตา  ทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนชุดให้ตุ๊กตาเสร็จเรียบร้อย เธอจะหันมา  มองเขาตาแป๋วแล้วขอความเห็นเกี่ยวกับชุดใหม่ของตุ๊กตา...ยังกับ  เขามีสิทธิจะบอกว่าไม่ชอบงั้นแหละ เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักอย่างนี.้ ..ต่อให้หวั ใจทีแ่ ข็งกระด้างเป็นหิน  ก็ยังต้องละลายเมื่อได้พบเจอ อเล็กซ์ก�ำลังก้มหน้าก้มตาจัดแผงขนม  ลูกอมเมื่อเสียงกระพรวนที่ผูกไว้กับประตูหน้าร้านดังขึ้น เขาเงยหน้า  ขึ้นมอง เห็นเคธีก้าวเข้ามา “หวัดดีค่ะ คุณเคธี” คริสเตนร้องทักเสียงใส โผล่หน้ามาจาก  หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์  “ตุ๊กตาของหนูสวยมั้ยคะ?” จากจุดที่ยืนอยู่  เขาแทบมองไม่เห็นศีรษะของคริสเตนซึ่งอยู ่ เหนือระดับเคาน์เตอร์แค่นดิ เดียว แต่กม็ องออกว่าเธอก�ำลังชู…วาเนส-  ซา…หรือรีเบกก้า? ตุ๊กตาผมสีน�้ำตาลตัวนั้นจะชื่ออะไรก็ช่าง มันอยู่สูง  พอที่จะให้เคธีมองเห็นได้ “สวยมากจ้ะ คริสเตน” เคธีตอบ “นี่ชุดใหม่ของเธอใช่มั้ย?”


38 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

“เปล่าค่ะ มีอยู่นานแล้ว แต่ช่วงหลังๆ เธอไม่ค่อยได้ใส่ชุดนี้” “แล้วเธอชื่ออะไรจ๊ะ?” “วาเนสซาค่ะ” วาเนสซา...อเล็กซ์ร�ำพึง ต่อไปเขาต้องเอ่ยชมวาเนสซาเสียบ้าง  เพื่อให้สมกับเป็นพ่อที่เอาใจใส่ลูกจริงๆ “หนูเป็นคนตั้งชื่อให้เหรอ?” “เปล่าค่ะ เธอมีชอื่ ติดมาด้วย คุณช่วยถอดบูต๊ ให้เธอหน่อยได้มยั้   คะ? หนูดึงไม่ออก” อเล็ ก ซ์ มองคริ ส เตนยื่ น ตุ ๊ ก ตาให้ เ คธี   แล้ ว เคธี ก ้ ม ลงถอดบู ๊ ต  พลาสติกออกจากขาตุ๊กตาตัวนั้น เขาเคยมีประสบการณ์พอที่จะรู้  ว่ามันถอดยากกว่าที่เห็น เด็กตัวเล็กๆ ดึงไม่ออกแน่  เขาเองก็เคย  ปลุกปล�้ำกับการใส่บู๊ตให้มันด้วย แต่เคธีกลับท�ำได้อย่างง่ายดาย เธอ  ส่งตุ๊กตาคืนให้แล้วถามว่า “ใช้ได้มั้ย?” “เยีย่ มเลยค่ะ” คริสเตนตอบ “แล้วคุณว่าหนูควรจะสวมเสือ้ โค้ต ให้เธอมั้ย?” “ข้างนอกไม่หนาวเลยนี่” “ค่ะ แต่วาเนสซาชอบเป็นหวัด หนูสวมให้ดีกว่า” มือเล็กๆ  หดหายไปจากหลังเคาน์เตอร์แล้วโผล่กลับขึ้นมาใหม่  “ตัวไหนดีคะ?  สีฟ้าหรือม่วง?” เคธีเอานิว้ แตะริมฝีปาก ท�ำท่าคิดหนัก “ฉันว่าสีมว่ งน่าจะเหมาะ  กว่านะ” คริสเตนพยักหน้าเห็นด้วย “หนูก็ว่างั้นค่ะ...ขอบคุณนะคะ” เคธียิ้มก่อนเดินผละออกมา อเล็กซ์รีบก้มหน้าดูชั้นสินค้าก่อนที่  เธอจะทันเห็นว่าเขาแอบมอง เขาเลื่อนขวดมัสตาร์ดกับผักดองมาติด  ขอบชั้นด้านหน้า ช�ำเลืองมองเห็นเคธีคว้าตะกร้าช้อปปิ้งใบเล็กเดินไป


เรือนรักแรมใจ 39

อีกทาง อเล็กซ์ยา้ ยกลับมาประจ�ำทีห่ ลังเคาน์เตอร์  เมือ่ เธอหันมาเห็นเข้า  เขาก็โบกมือทักทายร้องทักว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ” “สวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นทัดปอยผมไว้ข้างหู  แต่ไม่ได้ผลเพราะ  ผมเธอสั้นเกินไป “ฉันมาซื้อของสักสองสามอย่างค่ะ” “ถ้าหาไม่เจอบอกผมได้นะ  บางทีของในร้านก็เคลื่อนย้ายไป  จากที่เดิม” เธอพยั ก หน้ า รั บ แล้ ว เดิ น ไปตามทางระหว่ า งชั้ น วางสิ น ค้ า  อเล็กซ์ขยับไปยืนหลังเครื่องคิดเงิน เหลือบมองจอภาพ จอชยังคงนั่ง  ตกปลาอยู่ที่เดิม มีเรือหนึ่งล�ำเข้ามาเทียบท่าช้าๆ “ชุดนี้พ่อว่าดีมั้ยคะ?” คริสเตนกระตุกขากางเกงเขา ชูตุ๊กตา  ให้ดู “ว้าว...สวยมากลูก” อเล็กซ์ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ข้างลูก “พ่อ  ชอบโค้ตสีนี้จัง วาเนสซาป่วยเป็นหวัดบ่อยใช่มั้ยล่ะ?” “ใช่ค่ะ” คริสเตนคุยจ้อ “แต่เธอบอกว่าอยากออกไปเล่นชิงช้า  เดี๋ยวหนูก็ต้องเปลี่ยนชุดให้เธออีกแล้ว” “ก็ดเี หมือนกันนะ” อเล็กซ์ได้ชอ่ ง “งัน้ บ่ายนีเ้ ราไปสวนสาธารณะ  กันมั้ย ลูกจะได้เล่นชิงช้าด้วย” “หนูไม่อยากเล่นชิงช้าค่ะ วาเนสซาต่างหาก แล้วทั้งหมดนี่ก็  เป็นเรื่องสมมุตินะคะพ่อ” “อ้าว...” เขาลุกขึน้ ยืน “งัน้ ก็ตามใจ” พลางคิดว่า สวนสาธารณะ  ตัดทิ้งได้เลย คริสเตนหันไปง่วนกับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาอีกครั้งหนึ่ง อเล็กซ์  ก�ำลังมองจอชในจอภาพขณะที่วัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ทั้งเนื้อ  ทั้งตัวมีแค่กางเกงวินด์เซิร์ฟ เขายื่นเงินสดในก�ำมือให้อเล็กซ์


40 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

“เติมน�้ำมันเรือฮะ” หนุ่มวัยโจ๋บอกแล้วรีบผละออกไป อเล็กซ์กดเครื่องคิดเงินแล้วกดมิเตอร์ตั้งค่าปล่อยน�้ำมัน เคธี  เดินตรงมาช�ำระเงิน ของเดิมๆ อีกแล้ว แต่คราวนีม้ คี รีมกันแดดเพิม่ มา  อีกหลอด เธอชะโงกหน้าข้ามเคาน์เตอร์มองหาคริสเตน อเล็กซ์แอบ  สังเกตเห็นว่าประกายตาเธอเปลี่ยนสีได้ “ได้ของครบตามที่ต้องการมั้ยครับ?” “ค่ะ...ขอบคุณ” เขาเริ่มหยิบของใส่ถุงให้เธอ “นิยายของดิกเกนส์เล่มที่ผมชอบ  มากคือ Great Expectations” เขาพูดไปพลาง พยายามแสดงท่าที  เป็นมิตร “คุณล่ะ?” แทนที่จะตอบทันควัน เธอท�ำท่าตกใจนิดๆ ที่เขาจ�ำสิ่งที่เธอ  บอกในวันก่อนได้ “A Tale of Two Cities” เธอให้ค�ำตอบด้วยน�้ำเสียงนุ่มนวล “เล่มนั้นผมก็ชอบ แต่มันเศร้าไปหน่อย” “ค่ะ...เพราะอย่างนั้นฉันถึงชอบมัน” เธอตอบ เขารู้แล้วว่าเธอจะต้องเดินกลับบ้าน จึงซ้อนถุงสองชั้นให้ “ในเมื่อคุณรู้จักกับลูกสาวผมแล้ว ผมน่าจะแนะน�ำตัวเองบ้าง  ผมชื่ออเล็กซ์ครับ” เขาบอก “อเล็กซ์  วีทลีย์” “เธอชือ่ คุณเคธีคะ่ พ่อ” คริสเตนส่งเสียงใสๆ มาจากข้างหลังเขา  “หนูเคยบอกพ่อครั้งนึงแล้ว จ�ำได้รึเปล่าคะ?” อเล็กซ์เอี้ยวตัวก้มลง  มองลูกสาว ขณะที่เขาหันหลังให้  เคธียิ้มกว้าง หยิบธนบัตรส่งให้เขา “รู้จักฉันแค่ชื่อเคธีก็พอค่ะ” “ยินดีที่ได้รู้จัก เคธี” เขากดแป้นเครื่องคิดเงินให้ลิ้นชักเลื่อน  ออกมา “ผมคิดว่าบ้านคุณต้องอยู่แถวนี้แน่” แทนทีเ่ ธอจะตอบค�ำถาม เขาเห็นเธอเบิกตากว้าง ท�ำท่าตระหนก


เรือนรักแรมใจ 41

สุดขีด อเล็กซ์หันขวับไปมองตามสายตาเธอ ในจอภาพข้างเครื่องคิด  เงิน จอชก�ำลังตะเกียกตะกายอยู่ในน�้ำทั้งเสื้อผ้า สองแขนโบกไหวๆ  คล้ายอ่อนแรง อเล็กซ์แทบจะหยุดหายใจ เขาเผ่นพรวดออกจากหลัง  เคาน์เตอร์ดว้ ยสัญชาตญาณ วิง่ ผ่านห้องเก็บของไปทางหลังร้าน สะดุด  ลังกระดาษช�ำระจนม้วนกระดาษกลิ้งเกลื่อนกระจาย โดยไม่ยอมเสีย  เวลาหันกลับมามอง อเล็กซ์วิ่งผ่านประตูหลังร้านออกไป อะดรีนาลีนสูบฉีดเต็มร่าง  ขณะลุยผ่านพุ่มไม้ลัดไปยังท่าเทียบเรือ ทันทีที่เท้าแตะพื้นกระดาน  เขาโดดพรวดลงไปในน�ำ้  จอชก�ำลังส�ำลักและแขนขาอ่อนหมดเรีย่ วแรง หัวใจเขาเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกจากอก ร่างอเล็กซ์  ร่อนลงกระทบน�้ำห่างจากจอชเพียงไม่กี่ฟุต น�้ำตรงนั้นไม่ลึกมากนัก  สักหกฟุตเห็นจะได้  เมื่อเท้าสัมผัสพื้นโคลนนุ่มๆ ระดับน�้ำสูงถึงคางเขา  อเล็กซ์ถีบตัวให้ลอยขึ้น เหยียดแขนไปหาจอช “พ่ออยู่นี่!” เขาตะโกน “ทางนี้ลูก!” แต่ จ อชก� ำ ลั ง ดิ้ น สะเปะสะปะและส� ำ ลั ก น�้ ำ จนหายใจไม่ ทั น  อเล็กซ์ต้องคว้าตัวลากไปทางที่น�้ำตื้นกว่า จนกระทั่งถึงแนวหญ้าริม  ตลิ่ง เขาจึงยกร่างจอชขึ้นอุ้มด้วยพละก�ำลังมหาศาล ในใจคิดหาทาง  ช่วยที่เหมาะที่สุด ระหว่างการปั๊มหัวใจ ปั๊มหน้าท้อง หรือจ่อปากช่วย  หายใจ  พอจะวางลงกับพืน้ ดิน จอชก็ขดั ขืน ทัง้ ดิน้ ทัง้ ส�ำลักน�ำ้  อเล็กซ์  เองก็ยังรู้สึกตระหนกเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีสติพอที่จะรับรู้ได้ว่าจอช  น่าจะปลอดภัยแล้ว เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกกี่นาที  จริงๆ แล้วอาจจะไม่กี่วินาที  แต่รู้สึกราวกับนานเหลือเกิน จนกระทั่งจอชส�ำลักพรวดพ่นน�้ำออกมา  ทางปากและสามารถสูดหายใจเข้าได้เอง เขาสูดอากาศเข้าเต็มปอด  แล้วโก่งคอไอ สูดเข้าแล้วก็ไออีก แต่ครั้งหลังฟังดูคล้ายกับเป็นการไอ


42 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เพื่อไล่สิ่งที่ติดอยู่ในล�ำคอออกมา จากนั้นก็สูดหายใจเข้ายาวๆ อีก  สองสามครั้ง เขายังอยู่ในอาการตระหนก แต่ดูจะเริ่มรับรู้แล้วว่าเกิด  อะไรขึ้นกับตนเอง จอชโผเข้าซบอกพ่อ อเล็กซ์โอบกอดลูกไว้ในวงแขน จอชเริ่ม  ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน อเล็กซ์ใจหายวาบเมื่อคิดขึ้นมาว่าอะไร  จะเกิดขึ้นถ้าเขาไม่เห็นเคธียืนตะลึงจ้องจอภาพแบบนั้น หรือถ้าช้าไป  อีกนาทีเดียว ค�ำตอบที่ชัดเจนท�ำให้เขากลัวจนตัวสั่นพอๆ กับลูกเลย  ทีเดียว และแล้วเสียงสะอึกสะอื้นของจอชก็ค่อยๆ เงียบลง  ค�ำแรกที ่ เขาพูดออกมาได้ก็คือ “พ่อฮะ ผมขอโทษ” “พ่อก็ต้องขอโทษลูก” อเล็กซ์ปลอบด้วยเสียงกระซิบ แขนยัง  กอดลูกแน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือ เวลาจะย้อนกลับไปถึงจุดนั้น  ใหม่  และคราวนี้ผลลัพธ์จะต้องเป็นอีกแบบหนึ่ง จนในที่ สุ ด เขาก็ พ อจะท� ำ ใจปล่ อ ยลู ก ออกจากอ้ อ มแขนได้  อเล็กซ์พบว่ามีผู้คนก�ำลังยืนมองจากลานหลังร้าน โรเจอร์ก็อยู่ตรงนั้น  พร้อมกับลูกค้าที่ลุกมาจากโต๊ะอาหารหน้าร้าน มีคู่หนึ่งก�ำลังยืดคอ  ชะเง้อมอง คงเพิ่งเข้ามาทีหลัง คริสเตนก็อยู่ตรงนั้นด้วย เขารู้สึกขึ้นมา  อีกแล้วว่าตัวเองเป็นพ่อที่แย่มาก เพราะลูกสาวตัวน้อยก�ำลังร้องไห้  ตกใจกลัว ในนาทีนี้เธอก็ต้องการเขาเช่นกัน แม้จะอยู่ในอ้อมแขนของ  เคธีแล้วก็ตาม หลังจากสองพ่อลูกเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว อเล็กซ์  ค่อยตั้งสติล�ำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้  โรเจอร์ท�ำแฮมเบอร์เกอร์กับ  เฟรนช์ฟรายให้เด็กๆ ทุกคนมานั่งล้อมวงกันที่โต๊ะหน้าร้าน แต่ไม่มีใคร


เรือนรักแรมใจ 43

แสดงท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าเลย “สายเบ็ดผมไปติดพันกับเรือล�ำนัน้  พอเขาจะออกเรือผมเสียดาย  คันเบ็ดที่จะโดนลากไปด้วยก็เลยดึงไว้  ทีแรกคิดว่าเอ็นนั่นจะขาดง่ายๆ  แต่ผมกลับถูกมันลากตกน�้ำ กลืนน�้ำเข้าไปอึกใหญ่แล้วหายใจไม่ออก  รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงขาให้จมลงไป” จอชท�ำท่าอึกอัก “ผมคิดว่า  ผมปล่อยมือจากคันเบ็ดตอนอยู่ในน�้ำแล้ว” คริสเตนนั่งอยู่ข้างๆ พี่ชาย ตายังบวมแดงจากการร้องไห้  เธอ  ขอให้เคธีชว่ ยอยูเ่ ป็นเพือ่ นอีกสักพัก ซึง่ ตอนนีเ้ คธีกย็ งั คงนัง่ จับมือเธออยู่ “ไม่เป็นไรลูก ไว้พ่อจะลองหาดู  ถ้าไม่เจอพ่อจะซื้อให้ใหม่  แต่  ถ้ามีแบบนี้อีก ลูกต้องรีบปล่อยมือนะ” จอชสูดจมูก พยักหน้ารับ “ผมขอโทษฮะ” “มันเป็นอุบัติเหตุน่ะลูก” อเล็กซ์ปลอบใจ “แล้วทีนี้พ่อก็คงไม่ยอมให้ผมออกไปตกปลาอีก” จะให้พ่อเสี่ยงกับการสูญเสียลูกอีกเนี่ยนะ...อย่าหวัง อเล็กซ์  ตอบในใจ แต่ปากพูดว่า “เรื่องนั้นไว้เราค่อยคุยกันนะลูก” “ถ้าผมสัญญาว่า ครั้งต่อไปผมจะยอมปล่อยเบ็ดล่ะฮะ?” “พ่อบอกว่าเรื่องนี้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ลูกกินอะไรก่อนดีกว่า” “แต่ผมไม่หิว” “พ่อรู้  แต่นี่ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ลูกต้องกินซะหน่อย” จอชเอื้อมมือหยิบเฟรนช์ฟรายมากัดอย่างเสียไม่ได้  แล้วขยับ  ปากเคี้ยวเหมือนหุ่นยนต์  คริสเตนท�ำอย่างเดียวกัน เวลานั่งโต๊ะอาหาร  เธอมักจะเลียนแบบพี่ชายทุกๆ อย่าง จนจอชโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง  แต่ครั้งนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะออกอาการอีก อเล็กซ์หันมาทางเคธี  กลืนน�้ำลายก่อนเอ่ยขึ้นอย่างขัดเขินว่า  “ผมขอคุยอะไรกับคุณสักนิดได้มั้ย?”


44 จิระนันท์  พิตรปรีชา แปล

เคธีลุกจากโต๊ะ เดินตามเขาออกไปห่างๆ โต๊ะจนอเล็กซ์แน่ใจ  ว่าเด็กๆ จะไม่ได้ยิน เขากระแอมแล้วเอ่ยว่า “ผมต้องขอบคุณจริงๆ  กับสิ่งที่คุณท�ำในวันนี้” “ฉันไม่ได้ท�ำอะไรสักนิด” เธอท้วง “ไม่...คุณท�ำ” เขาตอบ “ถ้าคุณไม่จ้องมองจอภาพแบบนั้น ผม  ก็ไม่มีทางรู้ว่าก�ำลังเกิดอะไรขึ้น และคงจะช่วยลูกไม่ทัน” เขาเว้นวรรค  ก่อนพูดต่อว่า “แล้วก็...ขอบคุณที่ช่วยดูแลคริสเตน เธอเป็นเด็กน่ารัก  ที่สุดในโลก แต่ก็อ่อนไหวมากด้วย ผมดีใจที่คุณไม่ได้ทิ้งเธอไป แต่อยู่  กับเธอตอนที่เราไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” “เป็นใครก็ตอ้ งท�ำแบบนัน้ ค่ะ” เคธีตดั บท ทัง้ สองเงียบไปพักหนึง่   แล้วเคธีดูจะเริ่มรู้สึกตัวว่ายืนใกล้ชิดกับเขามากไปแล้ว เธอรีบถอยไป  ครึ่งก้าว “ฉันควรจะกลับบ้านซะที” “เดีย๋ วก่อน” อเล็กซ์เดินไปทีต่ แู้ ช่หลังร้าน “คุณชอบดืม่ ไวน์มยั้ ?” เธอสั่นศีรษะ “นานๆ ที  แต่ว่า-” ก่อนที่เธอจะพูดจบ เขาก็หันไปเปิดฝาตู้แช่  ดึงเอาชาร์โดนเนย์  ออกมาขวดหนึ่ง “ได้โปรดรับไว้” เขาพูด “ผมอยากให้คุณ มันเป็นไวน์ชั้นเยี่ยม  คุณคงนึกไม่ถึงว่าร้านเล็กๆ อย่างนี้จะมีไวน์ขาย แต่สมัยผมเป็นทหาร  มีเพื่อนคนนึงสอนผมดื่มไวน์  เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญสมัครเล่นด้วยนะ  แล้วเขาคือคนที่คอยบอกว่าผมควรจะสั่งไวน์ชนิดไหนมาไว้ในร้าน  คุณต้องติดใจแน่” “คุณไม่ต้องขอบคุณฉันแบบนี้ก็ได้ค่ะ” “ผมอยากจะตอบแทนคุณมากกว่านี้ด้วยซ�้ำ” เขายิ้ม เป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่เธอยอมสบตาเขาตรงๆ แล้วพูด  ว่า “งั้นตกลงค่ะ”


เรือนรักแรมใจ 45

เคธี ไ ปหยิ บ ถุ ง ของช� ำ ที่ เ ธอซื้ อ ไว้   แล้ ว เดิ น ออกไปจากร้ า น  อเล็กซ์กลับมาที่โต๊ะ คะยั้นคะยอให้ลูกๆ กินอาหารจนอิ่ม แล้วเขาก็  กลับไปที่ท่าเพื่อมองหาคันเบ็ดของจอช เมื่อกลับเข้ามาในร้านก็พบ  จอยซ์คาดผ้ากันเปือ้ นพร้อมอยูแ่ ล้ว เขาจึงชวนลูกๆ ออกไปปัน่ จักรยาน  เล่น ตกเย็นก็ขับรถพาไปวิลมิงตันเพื่อดูหนังและกินพิซซ่า ตามแบบ  ฉบับของครอบครัวในวันที่คิดอะไรไม่ออก กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค�่ำ  แล้ว เด็กๆ เริ่มง่วงนอนอ่อนเพลีย เขาจึงให้ลูกอาบน�้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เป็นชุดนอน แล้วทั้งสามพ่อลูกก็ทอดกายลงบนเตียง เขาอ่านนิยาย  เยาวชนให้ลูกฟังราวหนึ่งชั่วโมง แล้วดับไฟ ในห้องนัง่ เล่น อเล็กซ์เปิดทีว ี หมุนหาช่องพักใหญ่  แต่กไ็ ม่อยูใ่ น  อารมณ์ที่จะดูรายการไหนทั้งนั้น จิตใจเขาพะวงถึงจอช แม้จะรู้ว่าลูก  ก�ำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องชั้นบน แต่ความกลัวแบบเดิมๆ ก็ยังตาม  มาหลอกหลอน เขากลัวว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ล้มเหลว แม้จะพยายาม  ท�ำดีที่สุดแล้ว และเขาก็รักลูกสุดหัวใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่านั่นยังไม่พอ หลังจากลูกๆ หลับไปนานแล้ว อเล็กซ์เดินเข้าครัว หยิบเบียร์  ขวดหนึง่ จากตูเ้ ย็น กลับมานัง่ บนโซฟา ภาพเหตุการณ์วนั นีค้ อ่ ยๆ ย้อน  กลับมาสู่ห้วงค�ำนึงอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เขานึกถึงภาพลูกสาวตัวน้อย  ที่เกาะติดเคธีไม่ยอมห่าง ใบหน้าเล็กๆ ของเธอซุกอยู่กับซอกคอของ  หญิงสาวคนนั้น แล้วเขาก็นึกออกว่า ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นภาพแบบนี้  คือตอนที่  คาร์ลียังมีชีวิตอยู่


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.