แผนซ้อนซ่อนศพ
กรุงเทพมหานคร สำ�นักพิมพ์มติชน 2556
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
Colin Cotterill เขียน ขจรจันทร์ แปล
3
สารบัญ
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล
6
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้แปล
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตุลาคม 1976 เวียงจันทน์ สองสัปดาห์ต่อมา ภรรยาสหายค�ำ สวดส่งวิญญาณคนเรือ เจิ่นผู้พ่อ เจ้าพนักงานดูแลความสงบเรียบร้อย ปัญหาข้องใจในการชันสูตรพลิกศพ พยาธิแพทย์หัวรั้น ไปตกปลา ลอบฆ่า ขึ้นเครื่องบินแย็กไปค�ำม่วน
8 10 13 15 42 85 96 106 125 132 137 146 157
ผู้ช่วยหมอผี กลัวการกลับสู่พื้น ถึงเวลาต้องฆ่า รอยฟกช�้ำบนร่างช่างท�ำผม ปีศาจแห่งความฝัน ตายเพราะสัมพันธ์สวาท ห้องที่หายไป โรงพยาบาลที่ปราศจากแพทย์ สนทนากับคนตาย พลาดงานบุญนมัสการทาดหลวง อีกคดีที่เหลือ ความตายครั้งที่สาม อาหารกลางวันสดุดีเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพผู้วายชนม์ ยังไม่จบแค่นั้น...
183 201 206 224 238 242 252 261 269 278 293 300 305 316 แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ 7
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตุลาคม 1976
เ
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
จิ่นกับเจิ่นและฮกพุ่งทะยานผ่านกลุ่มเมฆหนาทึบปลายฤดูฝน อากาศ อุ่นยามดึกกรูเกรียวผ่านรอยยิ้มอิหลักอิเหลื่อ ฉุดกระชากเรือนผม ของพวกเขาจนตั้งชี้ ทั้งสามร่วงหล่นอย่างเป็นระเบียบดุจฝนลูกเห็บ ไม่มี เวลามากพอส�ำหรับการวาดลีลาด้วยท่วงท่าสง่างามหรือท่าเหินเวหาสุด พิ ส ดาร พวกเขาเพี ย งทิ้ ง ตั ว ดิ่ ง ตามแรงฉุ ด ของลู ก ระเบิ ด สนิ ม เกรอะ ซึ่งผูกอยู่รอบข้อเท้าด้วยเชือกไนล่อนสีชมพู เจิ่นผู้พ่อทิ้งตัวน�ำลงมาก่อน เพราะมีน�้ำหนักมากที่สุดในสามคนนี้ เมื่อร่วงลงแตะผิวน�้ำในเขื่อนน�้ำงึม เขาก็น�ำไปก่อนแล้วสองวินาที หากเป็น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเขาคงท�ำคะแนนได้ถึง 9.98 หรือประมาณนั้น ผิวน�้ำแทบไม่แตกกระจายให้เห็น เจิ่นผู้ลูกและฮก บุรุษสองชีวิตพุ่งผ่าน น�้ำตามกันไปในระยะห่างไม่ถึงหนึ่งอึดใจ ระเบิดปลดชนวนหนักเศษหนึ่งส่วนสี่ตันฉุดร่างของคนทั้งสามลงสู่ พื้นโคลนเรียบลื่นก้นทะเลสาบอย่างรวดเร็วและถ่วงพวกเขาไว้ ณ จุดนั้น สองสัปดาห์เต็มที่ร่างของเจิ่นกับเจิ่นและฮกโยกโยนไปมาแผ่วเบากลาง กระแสน�้ำ ดุจรถเข็นขายบะหมี่ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าให้ฝูงปลา และสาหร่ายได้กินอย่างอิ่มหน�ำ
13
เวียงจันทน์ สองสัปดาห์ต่อมา
มั
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
นเป็นการประชุมที่แสนหดหู่ และยังจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อีกหลายครั้ง ขณะนี้ เมื่อภาพใบหน้าตกกระของผู้พิพากษาแหง กลับปรากฏให้เห็นอีก สิริจึงจ�ำใจต้องโค้งค�ำนับชายหนุ่มวัยเดียวกับหลาน ชายของตนทุกๆ วันศุกร์ที่น่าเบื่อเพื่อชี้แจงเหตุผลของตน การประชุมไร้สาระตามแบบฉบับของลัทธิมาร์กซ์-เลนินเช่นนี้เรียก ว่าการ “แจกแจงความรับผิดชอบในหน้าที่” แต่หลังจากยืนอยู่หน้าโต๊ะ ไม้อัดบิดเบี้ยวผิดรูปของผู้พิพากษาแหงได้หนึ่งชั่วโมง ความรับผิดชอบใน หน้าที่ของนายแพทย์สิริก็กลายเป็นภาระที่หนักอึ้งมากยิ่งขึ้น ผู้พิพากษา ที่เพิ่งหลุดออกมาจากโรงงานผลิตบุคลากรหมาดๆ มีความสุขอย่างยิ่ง กับการจ้องจับผิดและแก้ไขค�ำสะกดในรายงานของสิริเยี่ยงเจ้าพนักงาน อ่อนหัด “คุณจะชี้แจงถึงสาเหตุที่ท�ำให้เสียเลือดอย่างไร” มากกว่าหนึ่งครั้งที่สิรินึกสงสัยว่า ค�ำถามเหล่านั้นคือเล่ห์เหลี่ยม หลอกล่อให้เปิดเผยความคิดที่แท้จริงของเขาออกมาใช่หรือไม่
15
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 16
“ก็...” สิริตรึกตรองค�ำถามนั้นครู่หนึ่ง “คงเป็นเพราะร่างกายไม่ สามารถกักเก็บไว้ในตัวได้กระมัง” ผู้พิพากษาร่างเล็กครางงึมง�ำแล้วก้ม มองรายงานฉบับนั้นอีกครั้ง เขาไม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันเป็นค�ำพูดเหน็บ แนมด้วยซ�้ำ “ความจริงที่ว่า ขาของผู้ชายน่าสงสารคนนั้นขาดจากร่างตรง เหนือเข่าน่าจะเป็นสาเหตุแน่อยู่แล้ว รายละเอียดมีอยู่ทั้งหมดในรายงาน ฉบับนั้น” “สหายสิริ คุณอาจจะเชื่อว่าในรายงานฉบับนี้มีรายละเอียดครบ ถ้วนหมดทุกอย่าง แต่รู้สึกว่าคุณเลือกชี้แจงเฉพาะข้อมูลที่คุณต้องการ ให้คนอ่านรับรู้เท่านั้น ต่อไป ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมอยากเห็นรายละเอียด มากกว่านี้ บอกตามตรงนะ ผมไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรคุณจึงมั่นใจนัก ว่าผู้ชายคนนี้ตายเพราะเสียเลือด แทนที่จะบอกว่า...” “...หัวใจล้มเหลวงั้นหรือ” “ใช่ เขาน่าจะตกใจมากตอนที่ขาขาด แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าเขา ไม่ได้หัวใจวายตายตั้งแต่ตอนนั้น อายุเขาก็ไม่น้อยแล้วด้วย” ทั้งสามคดีที่เคยวินิจฉัยร่วมกันมาก่อนหน้านี้ มีเหตุผลบางอย่าง ที่ท�ำให้แหงพยายามบิดเบือนสาเหตุการเสียชีวิตในแต่ละคดีให้เป็นเรื่อง ของการตายตามธรรมชาติ แต่คดีนี้นับว่าจินตนาการของเขาบรรเจิดมาก กว่าทุกครั้ง สิริรู้สึกว่าผู้พิพากษาคงพอใจมากทีเดียว หากรายงานผลการ ชันสูตรทุกฉบับที่ส่งมาถึงเขาจั่วหัวว่า ‘หัวใจวาย’ จริงอยู่ที่หัวใจของคนหาปลาผู้นั้นหยุดเต้น แต่นั่นคือสัญญาณ ประกาศการเสียชีวิตมากกว่าจะเป็นสาเหตุที่ท�ำให้เขาต้องจบชีวิตลง เรือ หุ้มเกราะล�ำใหม่ที่เพิ่งออกปฏิบัติการของทหารได้พุ่งเข้าชนท่าเรือคอนกรีต ที่ท่าเดื่อ เพราะมีน�้ำหนักมากกว่าปกติ ท้องเรือจึงจมลึกลงไปใต้ผิวน�้ำ ทหารประจ�ำการบนเรือโชคดีที่มีร่างของคนขับเรือหางยาวซึ่งยืนอยู่บน เรือไม้ล�ำเล็กใกล้ก�ำแพงโดยไม่มีทางหนีพ้นเป็นที่รองรับ และชายผู้นี้ก็ ไม่ต่างอะไรกับคนหาปลาส่วนใหญ่ตามแม่น�้ำโขงที่ว่ายน�้ำไม่เป็น พื้นโลหะที่เกยอยู่บนดาดฟ้ากระแทกใส่ร่างคนหาปลาขาดจากกัน
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
ดุจคมเคียวตวัดเกี่ยวต้นข้าว และราวลูกกรงก็ตรึงร่างเขาไว้ตรงจุดที่ยืน อยู่ นายร้อยเอกผู้รู้สึกละอายใจกับลูกน้องช่วยกันดึงร่างคนหาปลาขึ้น มาบนดาดฟ้าเรือ และเขาก็นอนงงไร้ความรู้สึกอยู่ตรงนั้น ทั้งพูดจ้อ ทั้ง หัวเราะ เหมือนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไปแล้ว เรือถอยห่างจากท่า ผู้คนบนฝั่งต่างก็เห็นขาทั้งสองข้างของเขาร่วง ลงไปในน�้ำ เป็นไปได้ว่าขาคู่นั้นคงขึ้นอืดและลอยกลับขึ้นมาเหนือผิวน�้ำ ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่มีโอกาสน้อยมากที่ขาสวมรองเท้าแตะเก่าๆ ทั้งสอง ข้างจะได้กลับไปรวมกับร่างเจ้าของทันงานศพ “สหาย หากคุณตั้งใจจะระบุว่าทุกคนตายเพราะหัวใจล้มเหลว ผม ก็ไม่เข้าใจว่าเราจะมีเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพไปเพื่ออะไร” ความอดทนของสิ ริ สิ้ น สุ ด ลงเพี ย งเท่ า นั้ น มั น คื อ ความอดทนที่ ล่องลอยอยู่ในเวิ้งอากาศกว้างไพศาล ตลอดเจ็ดสิบสองปีที่ผ่านมาเขาได้ ประสบพบเห็นความทุกข์ยากมามากมาย กระทั่งบรรลุถึงความนิ่งสงบ ไม่ต่างจากนักบินอวกาศขณะล่องลอยกลางแผ่นฟ้าว่างเปล่า แม้จะไม่ใช่ พุทธศาสนิกชนหรือคอมมิวนิสต์ที่ดีนัก แต่ดูเหมือนเขาจะตั้งสติระงับ ความโกรธได้ดีทีเดียว ไม่เคยมีใครเห็นเขาแสดงความโกรธออกมาเลย สักครั้ง ทุกคนมักจะพูดถึงนายแพทย์สิริ ไพบูนว่าเป็นคนร่างเตี้ย รูปร่าง ของเขาดูแปลกประหลาดไม่ต่างจากนักมวยปล�้ำหลังค่อม ยามที่เขาก้าว เดิ น เหมื อ นร่ า งกายท่ อ นล่ า งต้ อ งอาศั ย ความพยายามอย่ า งมากในการ ขยับตามให้ทันท่อนบน เส้นผมของเขาเป็นสีขาวโพลนตัดสั้น ขณะที่ชาย สูงวัยชาวลาวจ�ำนวนมากพยายามไขว่คว้าหาปาฏิหาริย์จากสวรรค์เบื้องบน เพื่อดลบันดาลให้เรือนผมของตนกลับมาด�ำสนิทเหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่ สิริกลับใช้เบี้ยยังชีพของตนอย่างฉลาดแทนการหมดเปลืองกับยาย้อมผม อยูด่ ำ� ของจีน ทัง้ เนือ้ ทัง้ ตัวเขาไม่มอี ะไรแปลกปลอม เพิม่ เติม หรือตัดทอน ทั้งหมดทั้งสิ้นคือตัวตนแท้จริงของเขาเอง สิริไม่เคยประสบความส�ำเร็จในเรื่องหนวดเครา เว้นแต่จะนับขนคิ้ว
17
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 18
เป็นหนวด คิ้วของสิริยาวเฟื้อยรกรุงรัง กระทั่งคนแปลกหน้าต้องใช้เวลา พักใหญ่จึงจะมองเห็นดวงตาแปลกประหลาดคู่นั้น แม้แต่คนที่เดินทาง ไปรอบโลกมาแล้วสิบครั้งก็ยังไม่เคยเห็นดวงตาเช่นนี้มาก่อน ดวงตาคู่นั้น เป็นสีเขียวจัดจ้าเช่นเดียวกับสีผ้าสักหลาดบนโต๊ะสนุ้กฯ ยามต้องแสงไฟ สิริรู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้งที่ดวงตาคู่นั้นจ้องตอบออกมาจากกระจก เขา ไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง แต่ไม่เคยมีเสียงโจษ จันดังมาเข้าหูว่าเขามีเลือดชาวต่างชาติอยู่ในตัว เขาไม่สามารถอธิบายได้ ว่าเพราะเหตุใดดวงตาของเขาจึงเป็นเช่นนี้ ช่วงเวลาของการ “แจกแจงความรับผิดชอบในหน้าที”่ ผ่านไปแล้ว สี่สิบนาที แต่ผู้พิพากษาแหงก็ยังไม่เคยมองสบตาคู่นั้นเลยสักครั้ง เขา ได้แต่จับตามองดินสอในมือที่แกว่งไปมาและมองกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ต สีขาวห้อยร่องแร่งของนายแพทย์สิริ ผู้พิพากษาแหงเงยหน้าขึ้นมองออก ไปนอกหน้าต่างบานเกล็ดผุพัง ราวกับว่าดาวแดงก�ำลังเปล่งแสงเจิดจรัส กลางฟากฟ้ายามย�่ำค�่ำนอกกระทรวงยุติธรรม แต่ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ เขาจะมองสบตาสีเขียวจัดจ้าของสิริ “แน่นอนสหายสิริ คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเราจ�ำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ ชั น สู ต รศพ ระบบสั ง คมนิ ย มที่ มี ร ะเบี ย บวิ นั ย ทุ ก แห่ ง ย่ อ มจะต้ อ งมี ค� ำ อธิบายที่น่าเชื่อถือให้พี่น้องสมาชิกของเราได้รับรู้ จิตวิญญาณแห่งการ ปฏิวัติต้องด�ำรงอยู่ในกรอบแห่งแสงสว่างจากประภาคารสังคมนิยม และ ประชาชนก็มีสิทธิที่จะได้เห็นชุดชั้นในสะอาดๆ ของผู้ควบคุมประภาคาร ตากอยู่บนก้อนหิน1 ด้วยเช่นกัน” บ้าชะมัด เจ้าหนุ่มนี่ช่างเก่งเสียจริงๆ เขาหัวไวมากกับการหยิบยก ค�ำพังเพยผิดๆ ขึ้นมาใช้กับสถานการณ์เฉพาะหน้า พอเก็บเอาค�ำพังเพย มาจากส�ำนวน Always wear clean underwear หมายถึง การเตรียมตัวให้ พร้ อ มทุ ก สถานการณ์ เพื่ อ ตั ว เองจะได้ ไ ม่ ต ้ อ งอั บ อายขายหน้ า เมื่ อ ตกอยู ่ ใ น สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด-ผู้แปล 1
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
พวกนี้กลับไปนั่งวิเคราะห์ที่บ้าน ทุกคนก็จะตระหนักเมื่อสายเกินไปว่ามัน ไม่ได้เกี่ยวกันเลย...ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น สิริเพ่งมองชายหนุ่มผิวขาวซีดด้วย ความรู้สึกที่ค่อนไปทางสมเพช กระดาษปริ ญ ญาด้ า นกฎหมายบางเฉี ย บมองทะลุ ถึ ง ผนั ง จาก สหภาพโซเวียต คือใบประกาศเกียรติคุณอย่างเดียวที่ท�ำให้เขาเป็นบุคคล คนน่านับถือ เขาผ่านการฝึกอบรบภายในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อเติมเต็ม ช่ อ งว่ า งในกลุ ่ ม ชนชั้ น สู ง ที่ ห นี อ อกจากประเทศไป เขาศึ ก ษาเล่ า เรี ย น ด้วยภาษาที่ตัวเองขาดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ได้ใบปริญญาที่ เขาไม่สมควรได้รับ พวกโซเวียตเพิ่มเขาเข้าไปในรายชื่อสมาชิกพรรค คอมมิวนิสต์ภาคพื้นเอเชียผู้ผ่านการศึกษาจากแผ่นดินต้นก�ำเนิดลัทธิ สังคมนิยมที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองด้านวิชาความรู้ สิริเชื่อว่าคนที่เข้ามารับต�ำแหน่งเป็นผู้พิพากษาควรเป็นคนที่เปี่ยม ไปด้วยความรู้และประสบการณ์จากการสั่งสมมาตลอดชีวิตอันยาวนาน กระทั่งความรู้และประสบการณ์ดังกล่าวค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นดุจเดียวกับวง อายุของต้นไม้ เขาเชื่อว่าจู่ๆ คนเราไม่ควรเข้ามาด�ำรงต�ำแหน่งนี้เพียง เพราะเดาค�ำตอบข้อสอบปรนัยภาษารัสเซียได้ถูกต้องอย่างเดียว “ผมกลับได้หรือยัง” สิริลุกขึ้นยืนแล้วออกเดินไปยังประตูโดยไม่ รอฟังค�ำอนุญาต แหงมองตามราวกับว่าสิรินั้นต�่ำต้อยยิ่งกว่าฝุ่นธุลี “ผมว่าระหว่าง การประชุมครั้งหน้า เราคงต้องคุยเรื่องทัศนคติกันหน่อยแล้ว หรือคุณ ว่าไง” สิริยิ้ม ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ “อี ก อย่ า งนะหมอ” เจ้ า หน้ า ที่ ชั น สู ต รศพหยุ ด ยื น เมื่ อ เดิ น ไปถึ ง ประตู “คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไรสาธารณรัฐประชาธิปไตยฯ ของเราจึง แจกรองเท้าหุ้มส้นสีด�ำอย่างดีให้เจ้าหน้าที่รัฐฟรีๆ” สิริก้มมองรองเท้าแตะสีน�้ำตาลเก่าปอนของตน “โรงงานในจีนจะได้ไม่ต้องปิดกิจการกระมัง”
19
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 20
ผู้พิพากษาแหงก้มหน้าโคลงศีรษะช้าๆ มันคือกิริยาที่เขาจ�ำมาจาก คนสูงวัย จึงไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด “เราไม่ได้อยู่ในป่าอีกแล้วนะสหาย เราพ้นยุคถ�้ำกันแล้ว ตอนนี้เรา ต้องท�ำตัวให้คนทั่วไปเคารพนับถือ และเครื่องแต่งกายก็เป็นสิ่งที่สะท้อน จุดยืนของเราในสังคม คนเจริญแล้วเขาสวมรองเท้าหุ้มส้นกันทั้งนั้น นั่น คือสิ่งที่สหายอื่นๆ คาดหวังจากเรา คุณเข้าใจใช่ไหมว่าผมก�ำลังบอกอะไร คุณ” ตอนนี้เขาพูดช้าลงเหมือนนางพยาบาลก�ำลังพูดกับคนไข้วัยชรา สิริหันกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกสักนิดว่าตนก�ำลังถูกดู หมิ่น “คิดว่าเข้าใจนะสหาย แต่ผมเห็นว่าถ้าพวกกรรมกรเกิดอยากจะจูบ เท้าผมขึ้นมา พวกเขาจะได้อมหัวแม่เท้าผมสะดวกขึ้นไงล่ะ” สิริกระชากประตูฝืดๆ เปิดแล้วเดินออกไป สิริเดินกลับบ้านผ่านถนนที่ปกคลุมด้วยฝุ่นละอองในนครเวียงจันทน์ขณะ ที่วันศุกร์อันแสนยาวนานก�ำลังจะผ่านพ้น สิริมักจะมีรอยยิ้มร่าเริงประดับ ใบหน้าตลอดเวลาส�ำหรับทุกคนที่ยินดีรับรอยยิ้มจากเขา แต่เขาสังเกต ว่าทุกวันนี้มีคนยิ้มตอบเขาน้อยลง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลอดเส้นทางที่รู้จัก กันจะร้องทักเขาอย่างเป็นมิตรเสมอ แต่พวกคนแปลกหน้าเริ่มจะอ่าน รอยยิ้มของเขาอย่างผิดๆ มากขึ้นทุกขณะ “ไอ้เตี้ยนี่มันยิ้มอะไรของมัน มีเรื่องอะไรให้ยิ้มนักหรือไง” สิริเดินผ่านกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาลสตรีที่ก�ำลังเลิกงาน พวกหล่อน สวมเสื้อสีกากีกับ ผ้าซิ่น สีด�ำยาวคลุมข้อเท้าตามประเพณี แต่ละคนต่าง ก็มีวิธีท�ำให้เครื่องแบบของตนดูโดดเด่นด้วยเข็มกลัด คอเสื้อที่แตกต่าง และวิธีทบผ้าซิ่นตามแบบฉบับของตัวเอง เขาเดินผ่านเด็กนักเรียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเอี่ยมและผ้าพัน คอสีแดงบาดตา เด็กเหล่านั้นดูมึนงงสับสนเกินกว่าจะส่งเสียงหัวเราะคิก คักหรือหาเรื่องสนุกซุกซน ความรู้สึกของสิริเองก็ไม่ได้ต่างจากเด็กพวก นั้นมากนัก
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
เขาเดินผ่านร้านรวงมืดหม่นที่แทบจะว่างเปล่า ทุกร้านดูจะขายของ เหมือนๆ กันไปหมด จากนั้นเขาก็เดินผ่านน�้ำพุที่หัวฉีดน�้ำกลายเป็นโพรง อาศัยของแมลงนานาชนิด กับอาคารที่สร้างค้าง กระทั่งนั่งร้านไม้ไผ่กลาย เป็นสีเขียวชอุ่มด้วยเถาไม้ สิริใช้เวลาเดินกลับบ้านยี่สิบนาที นานพอจะขจัดภาพชวนหงุดหงิด ใจของผู้พิพากษาแหงออกไปจากสมอง เขาพักอยู่ที่บ้านสองชั้นสไตล์ ฝรัง่ เศส หน้าบ้านมีสวนเล็กๆ เนืองแน่นด้วยพืชผัก บ้านหลังนีจ้ �ำเป็นต้อง ได้รับการปรับปรุงทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นการโบกปูน ทาสี เปลี่ยนกระจก และกระเบื้องมุงหลังคาที่แตกร้าวเสียใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีการปรับ ปรุงอะไรไปอีกพักใหญ่ เจ้าสะหลุบโผล่พรวดขึ้นมาจากแปลงกะหล�่ำปลีราวกับจระเข้และ เริ่มเห่าสิริเช่นเคยแม้จะยังไม่รู้สึกตื่นตัวเต็มที่ ตลอดสิบเดือนที่มาอยู่ บ้านหลังนี้ สะหลุบเห่าทุกครั้งที่เห็นสิริและเห่าแค่เขาคนเดียว ไม่มีใคร อธิบายได้ว่าเพราะอะไรเจ้าสัตว์ไม่เอาไหนตัวนี้จึงเลือกเห่าเฉพาะหมอสิริ ต้องมีเหตุผลบางอย่างสุดที่ผู้ใดจะสามารถหยั่งถึงอยู่ในความคิดของเจ้า สุนัขตัวนั้นแน่นอน เสียงโหยหวนชวนขนลุกของเจ้าสะหลุบ กระตุ้นเตือนให้มีเสียงเห่า และเสียงหอนดังประสานขึ้นตลอดถนนทั้งสายรวมไปถึงบริเวณใกล้เคียง และสิริก็เปิดประตูหน้าบ้านดังแอดผสานกันกับเสียงสุนัขเช่นเคย ไม่เคย เลยสักครั้งที่สิริจะกลับมาบ้านอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกต แม้แต่ บันไดก็ไม่เป็นใจกับเขา มันส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดกังวานไปทั่วห้องโถงว่าง เปล่าตามจังหวะก้าวเดิน และไม้กระดานหลวมๆ บริเวณชานพักก็ประกาศ ให้ทุกคนรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ประตูหน้าบ้านและประตูห้องของเขาไม่ได้ปิดล็อก ไม่มีความจ�ำเป็น ที่จะต้องท�ำเช่นนั้น ไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นอีกแล้ว ห้องพักของสิริอยู่ ด้ า นหลั ง ของบ้ า น มองออกไปเห็ น วั ด เล็ ก ๆ ชื่ อ วั ด หายโสก เขาถอด รองเท้าแตะแล้วก้าวเข้าไป หนังสือบนโต๊ะข้างหน้าต่างรอเขาอยู่ ฟูกบางๆ
21
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล
แผ่นหนึ่งม้วนเก็บไว้ใต้ชายมุ้งข้างผนัง เก้าอี้พลาสติกผิวหลุดล่อนสามตัว วางอยู่รอบโต๊ะกาแฟสังกะสี และมีอ่างล้างมือกะด�ำกะด่างเทินอยู่เหนือ ท่อโลหะขนาดใหญ่ ห้องน�้ำอยู่ชั้นล่าง เป็นห้องน�้ำที่ใช้ร่วมกันกับสามีภรรยาสองคู่ เด็ก สามคน กับสตรีอีกคนหนึ่งซึ่งท�ำหน้าที่แทนหัวหน้าแผนกอบรมครูอยู่ที่ กระทรวงศึกษาฯ เหล่านี้คือสมบัติที่คอมมิวนิสต์ช่วงชิงมาพร้อมชัยชนะ แต่ในเมื่อสภาพความเป็นอยู่ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเดิมจึงไม่มีใครร้อง อุทธรณ์ สิริเปิดแก๊สจุดเตาหัวเดียวและตั้งกาต้มน�้ำชงกาแฟ จะว่าไป แล้วเขารู้สึกดีทีเดียวที่ได้กลับบ้าน
22
แต่มันคือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เขาจะได้ตื่นขึ้นมาพบกับเรื่องประหลาด คืนวันศุกร์สิรินั่งอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียงน�้ำมันอยู่ที่โต๊ะจนกระทั่งทนให้ ฝูงผีเสื้อกลางคืนบินตอมต่อไปไม่ไหว เขาจัดแจงกางที่นอนตรงจุดที่มอง เห็นพระจันทร์ผลุบโผล่อยู่หลังเมฆก้อนแล้วก้อนเล่า ก่อนถูกสะกดให้ หลับไปอย่างสงบ โลกแห่งความฝันของสิริมักจะเต็มไปด้วยเรื่องแปลกพิสดารมา ตลอด สมัยเด็กๆ ภาพที่ผุดขึ้นมาในความฝันมักจะท�ำให้เขาสะดุ้งตื่น กลางดึกเสมอ สตรีมีคุณธรรมผู้เลี้ยงดูเขาจะเข้ามาหาที่เตียงและเตือน สติว่าภาพเหล่านั้นเป็นเพียงความฝันที่เกิดขึ้นในสมองของเขาเอง นอก จากตัวเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่มีสิทธิเข้าไปอยู่ในความคิดของเขาได้ สิริ จึงเรียนรู้และกล้าเผชิญกับฝันร้ายอย่างกล้าหาญโดยไม่หวั่นกลัวเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นในฝันนั้น แม้จะเลิกกลัว แต่เขาไม่เคยควบคุมมันได้ และที่ส�ำคัญก็คือเขา ไม่สามารถปิดกั้นผู้มาเยือนที่ไม่พึงประสงค์ได้ส�ำเร็จ มีคนแปลกหน้ามาก มายเตร่เข้ามาในความฝันของเขาโดยไม่มีเจตนาสร้างความเพลิดเพลิน ให้เขาเลยสักนิด คนเหล่านั้นโผล่เข้ามาลับๆ ล่อๆ เดินเกะกะไปทั่ว และ วางท่าเฉยเมยราวกับว่าสมองของสิริเป็นห้องรับแขก บ่อยครั้งที่เขารู้สึก
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
เหมือนตัวเองเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ที่ท�ำงานอยู่เบื้องหลังเวทีความฝันของ ผู้อื่นเท่านั้น แต่แขกผู้มาเยือนจิตใต้ส�ำนึกที่ประหลาดมากก็คือวิญญาณของ คนตาย ตั้งแต่ผู้ชายร่างพรุนด้วยรูกระสุนซึ่งจบชีวิตคามีดในมือเขาเป็น รายแรกบนโต๊ะผ่าตัด ทุกชีวิตที่อ�ำลาโลกนี้ไปต่อหน้าต่อตาสิริ ก็อุตส่าห์ แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเยือนเขาไม่ได้ว่างเว้น สมัยที่ยังเป็นหมอวัยหนุ่ม สิริเคยสงสัยว่าวิญญาณเหล่านั้นคงกลับ มาเพื่อลงโทษเขาที่ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกตนไว้ได้ ไม่มีเพื่อนร่วมงาน คนใดเคยถูกวิญญาณคนตายตามหลอกหลอนเช่นเดียวกับสิริ จิตแพทย์ คนหนึ่งที่เคยท�ำงานร่วมกันในเวียดนามเคยให้แง่คิดว่า ภาพเหล่านั้นเป็น เพียงสิ่งที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึกผิดในใจของเขาเอง คนเป็นหมอ มักจะมีความสงสัยค้างคาอยู่ในใจเสมอ ว่าจริงๆ แล้วตนสามารถท�ำอะไร เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่าที่ท�ำไปแล้วหรือไม่ ในกรณีของสิริ จิต แพทย์ผู้เปี่ยมไปด้วยความรู้ท่านนั้นเชื่อว่าความข้องใจที่ว่านี้นี่เองที่บันดาล ให้เขาเห็นภาพเหล่านั้น สิริสบายใจขึ้นเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า ในความ ฝันทุกครั้ง วิญญาณที่จากไปดูจะไม่ได้กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเขา แต่เป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้ามองความเป็นไปทั้งปวงร่วมกับสิริ โดย ที่ไม่เคยแสดงกิริยาคุกคามให้เขาหวาดกลัว จิตแพทย์ท่านนั้นยืนยันกับสิริ ว่านั่นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี ตั้งแต่เริ่มมาปฏิบัติงานในฐานะเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ และได้ แตะต้องสัมผัสร่างของผู้ตายที่ไม่เคยรู้จักกันระหว่างที่คนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ การมาเยือนลักษณะนี้ก็ยิ่งมีความหมายลึกล�้ำขึ้นเรื่อยๆ มีเหตุผลบาง อย่างที่ท�ำให้สิริสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและตัวตนของคนที่จากไป ไม่ ส�ำคัญว่าชีวิตจะหลุดลอยออกจากร่างนั้นไปนานเท่าใด วิญญาณของผู้ตาย จะกลับมาปรากฏเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนในโลกแห่งความฝันของเขาเสมอ เขาสามารถพู ด คุ ย กั บ วิ ญ ญาณที่ มี เ รื อ นร่ า งครบถ้ ว น และสั ม ผั ส ได้ ถึ ง แก่นแท้ของบุคคลผู้นั้นขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
23
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 24
แน่นอน สิริไม่อาจเล่าให้เพื่อนหรือผู้ร่วมงานฟังถึงการกลับมา ปรากฏตัวอีกครั้งของผู้ตาย การยอมรับว่าตัวเองละเมอเพ้อพกดุจคน วิกลจริตในยามค�่ำคืนไม่เกิดประโยชน์กับใครเลยสักนิด ภาวะที่เป็นอยู่ ไม่ได้เป็นอันตรายกับใคร แต่มันเกื้อหนุนให้เขาเคารพนับถือศพมากขึ้น เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าของร่างจะต้องกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อมีเรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้นระหว่างที่สิรินอนหลับ จึงไม่น่า แปลกใจเลยที่สิริมักจะตื่นขึ้นมาอย่างมึนงงสับสนบ่อยๆ เช้าวันเสาร์นี้ก็ เช่นกัน สิริไม่รู้ว่าตนอยู่ในมิติใดกันแน่ รู้แต่ว่าตัวเองอยู่ในห้องพักและ แมลงตัวจิ๋วก�ำลังแทะนิ้วสองนิ้วของเขา สิริได้ยินเสียงน�้ำหยดจากก๊อก ได้กลิ่นควันไฟจากกองใบไม้แห้งที่ก�ำลังลุกไหม้ในลานวัด แต่เขายังคง อยู่ในความฝัน ร่างของชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก แสงสว่างยามรุ่งอรุณ ทอผ่านผ้าม่านที่อยู่ด้านหลังศีรษะชายผู้นั้นเข้ามา จากในมุ้งสิริมองเห็น หน้าผู้ชายคนนั้นไม่ชัด แต่เขาแน่ใจทีเดียวว่าคนคนนั้นคือใคร ผู้ชาย คนนั้นไม่ได้สวมเสื้อ เรือนร่างผ่ายผอมของเขาเขียวครึ้มด้วยรอยสักรูป ยันต์โบราณ เขานุ่งผ้าขาวม้าตาหมากรุก ต�่ำลงไปคือท่อนขากุดด้วนที่พาด อยู่บนเก้าอี้ เลือดไหลนองเป็นสีเดียวกันกับพลาสติก “เป็นอย่างไรบ้าง” สิริถาม แปลกมากที่ถามคนตายไปเช่นนั้น แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นเอง สิริได้ยินเสียงโหยหวนดัง แหลมมาจากบรรดาสุนัขในตรอกหน้าบ้าน มีสัญญาณประกาศให้รู้ชัดขึ้น ทุกขณะว่าบรรยากาศรอบตัวที่ก�ำลังสัมผัสอยู่นั้นคือความจริง แต่คนขับ เรือหางยาวก็ยังไม่จากไป เขานั่งมองตอบสิริอยู่ตรงนั้นพร้อมรอยยิ้มเห็นแต่เหงือกพาดผ่าน ส่วนล่างของดวงหน้า จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่นพลางชี้นิ้วเรียวๆ ที่มี แต่กระดูกไปข้างหน้า สิริจ�ำต้องยันหมอนชันตัวขึ้น จึงมองเห็นเหล้า แม่โขงขวดหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะกาแฟสังกะสี อย่างน้อยสิ่งที่เขาเห็นก็คือ ขวดเหล้าแม่โขง แต่สีของน�้ำที่บรรจุอยู่ภายในทั้งเข้มและข้นกว่าที่ควร
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
เป็นมันอาจจะเป็นเลือด แต่นั่นเป็นเพราะจินตนาการน่ากลัวของสิริก�ำลัง เล่นตลกกับเขามากกว่า สิริเอนตัวกลับลงบนหมอน สงสัยว่าตัวเองจะต้องส�ำเหนียกถึง ความเป็นจริงของบรรยากาศแวดล้อมอีกมากแค่ไหน ชายชราผู้นี้จึงจะ จากไป แล้วผ้าม่านก็ไหวกระพือน้อยๆ สายลมหอบควันไฟจากวัดพุ่งเข้า มามากกว่าเดิม เมื่อมีเหตุให้ความสนใจของสิริเบี่ยงเบนไป เขาจืงบังเกิด ความไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็นขึ้นมาทันที ใบหน้าของคนหาปลาอาจเป็นเพียง เงาในรอยจีบของม่าน และรอยสึกบนพนักเก้าอี้ที่มีคนนั่งพิงมานับไม่ถ้วน ก็อาจลวงตาให้เขาเห็นเป็นรูปเป็นร่างของชายหาปลาผู้นั้นก็เป็นได้ เสียงเห่าหอนของสุนัขที่ดังประสานกันราวกับวาทยกรคนใดคน หนึ่งก�ำลังสะบัดไม้แหวกอากาศก�ำกับอยู่เงียบไปแล้ว ขณะนี้สิริได้ยิน เพียงเสียงน�้ำหยดจากก๊อกเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้เขารู้ตัวตื่น เต็มที่ มันเป็นอีกครั้งที่สิรินึกแปลกใจในความฝันที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง... ความฝันที่เป็นของเขาเอง เขาหัวเราะหึๆ เมื่อคิดว่าความรู้สึกที่ถูกกักเก็บ ไว้ภายในคงพยายามดิ้นหนีออกมาอีกแล้ว สิริรู้สึกสดชื่นและอิ่มใจอย่างประหลาดขณะเลิกชายมุ้งลุกจากที่ นอน เขาเห็นแมลงตัวจิ๋วที่ถูกขังอยู่ร่วมกันในมุ้งและดูดดื่มเลือดเขาอย่าง อิ่มเอมบินออกไปทางหน้าต่างเพื่อคุยโม้โอ้อวดกับพรรคพวกของมัน สิริตั้งกาน�้ำ รูดม่านที่ไม่ได้ขนาด แล้วหิ้ววิทยุทรานซิสเตอร์เครื่อง เล็กไปที่โต๊ะกาแฟ มันคือตัณหาอย่างหนึ่ง แต่เป็นตัณหาที่น�ำความสุข มาสู่เขา เสี ย งจากรายการสถานี วิ ท ยุ แ ห่ ง ประเทศลาวเริ่ ม ดั ง ผ่ า นล� ำ โพง กระจายเสียงสาธารณะทั่วเมืองตั้งแต่ตีห้าเป็นต้นไป นับเป็นเกียรติอย่าง ยิ่งส�ำหรับประชาชนผู้โชคดีบางคน ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยข่าว ที่ดังผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบ้านของตน เกี่ยวกับสถิติผลการเก็บเกี่ยว ข้าวของแนวร่วมประชาชนแห่งชาติ ขณะที่บ้านหลังอื่นๆ ก้องกังวาน ด้วยเสียงเตือนว่าการโรยเกลือรอบแปลงผลผลิตจะช่วยป้องกันไม่ให้ แมลงเข้ามาท�ำลายพืชผัก
25
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 26
แต่สิริมีความสุขอยู่ในบ้านมืดหม่น ห่างไกลจากล�ำโพงกระจาย เสียงกระทั่งข่าวสารเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายมากไปกว่าเสียงอู้อี้ที่ดัง แว่วอยู่ลิบๆ แทนที่จะได้ยินข่าวสารเหล่านั้น เขากลับเงี่ยหูฟังรายการ จากวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องโปรด เขาเปิดเสียงวิทยุเพียงเบาๆ เพื่อรับ ฟังข่าวรอบโลกจากสถานีทหารของไทย ระยะหลังๆ มานี้วิทยุประเทศ ลาวลดการเสนอข่าวจากทั่วโลกลงมาก แน่นอน การรับฟังรายการวิทยุและการรับชมรายการโทรทัศน์จาก ประเทศไทยกลายเป็นกฎต้องห้ามในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนแห่งนี้ ไม่มีการจับกุมคนรับฟังรายการดังกล่าวก็จริง แต่สมาชิก สภาความมั่นคงประจ�ำเขตจะมาเคาะประตูดังสนั่น พร้อมกับตะเบ็งเสียง ให้เพื่อนบ้านทุกคนได้ยินกันอย่างทั่วถึงว่า “สหาย ไม่รู้หรือว่าการฟัง โฆษณาชวนเชื่อต�่ำช้าของต่างชาติรังแต่จะท�ำให้ความคิดของท่านผิดเพี้ยน เท่าที่เรามีอยู่นี่ยังไม่พออีกหรือไง เหตุใดจึงต้องท�ำให้ไอ้หมูต่างชาติมัน พึงใจด้วยการฟังรายการขยะของมันด้วยเล่า” เราจะถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อของผู้บ่อนท�ำลายชาติระดับสี่ ยิ่งไป กว่านั้น โดยหลักการแล้ว ก็จะไม่มีเพื่อนร่วมงานคนใดไว้ใจเราอีก แต่ เท่าที่สิริรู้ กฎข้อนี้ประสบความส�ำเร็จอย่างเดียว คือท�ำให้ประชาชนชาว ลาวสูญสิ้นความบันเทิงใจที่พอจะมีอยู่บ้างเล็กน้อยไปทันที ประชาชนชาวไทยต่างหวาดกลัวเป็นล้นพ้นที่ลาวซึ่งเป็นประเทศ เพื่อนบ้านกลายเป็นคอมมิวนิสต์ และมันก็ไม่ใช่ความผิดของกองทัพไทย ที่อ่อนไหวกับเรื่องนี้ สิริชอบฟังรายการวิทยุของทหารไทย ใจจริงแล้ว เขาเชื่อว่าหากโปลิตบูโรยินยอมให้รับฟังรายการวิทยุจากประเทศไทย อย่างเสรี ประชาชนก็จะสามารถตัดสินใจได้เองว่าตนอยากอยู่ภายใต้การ ปกครองระบอบใดมากกว่ากัน เขาฟังบทวิจารณ์ของ “ผู้เชี่ยวชาญ” เรื่องรสนิยมที่ติดตัวมาตั้งแต่ เกิดของฝ่ายแดงเกี่ยวกับการใช้ภรรยาร่วมกัน ซึ่งถือเป็นจุดเสื่อมด้าน ศีลธรรมที่สร้างความสับสนในสังคม เมื่อคนหมู่มากเชื่อว่า “การร่วม
แ ผ น ซ้ อ น ซ่ อ น ศ พ
ประเวณีในหมู่ญาติเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้น ” สิริไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุใดใน สังคมคอมมิวนิสต์จึงมีเด็กสองหัวเกิดมามากกว่าปกติ แต่รายการวิทยุ ไทยมีตัวเลขทางสถิติเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงข้อนี้ สิริโปรดปรานเช้าวันเสาร์มากกว่าวันอื่นๆ เพราะมันเป็นวันที่ชาว ลาวมักจะจับกลุ่มมุงอยู่ข้างวิทยุด้วยความหิวกระหายข่าวโฆษณาชวน เชื่อ แต่วันนี้สิริไม่มีสมาธิและไม่ได้เปิดวิทยุเลยด้วยซ�้ำ เขาถือแก้วกาแฟ เวียดนามสีน�้ำตาลข้นคลั่กเดินมาที่โต๊ะ ทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรด แล้ว สูดกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นเข้าไปเต็มปอด กลิ่นกาแฟแก้วนั้นหอมชื่นใจกว่า รสชาติของมันมาก สิ ริ ย กกาแฟขึ้ น จิ บ แต่ ต ้ อ งหยุ ด ชะงั ก เมื่ อ แสงที่ ส าดเข้ า มาทางหน้ า ต่ า ง สะท้อนวาบกับอะไรบางอย่างบนโต๊ะสังกะสีตรงหน้า มันคือรอยน�้ำรูปวง กลมเหมือนรอยก้นแก้วเปียกๆ ไม่มีอะไรแปลกพิสดารก็จริง แต่เช้านี้ เขายังไม่ได้เอาอะไรมาวางบนโต๊ะตัวนี้เลย แก้วกาแฟของเขาก็แห้งผาก และมันก็ยังไม่ได้พ้นจากมือเขาเลยสักครั้ง อีกทั้งเมื่อค�ำนึงถึงสภาพอากาศ ในเวียงจันทน์แล้ว รอยเปียกชื้นที่เห็นอยู่นี้ไม่น่าจะใช่รอยที่ค้างอยู่ตั้งแต่ ตอนค�่ำเมื่อวานแน่นอน เขาซดกาแฟ ตาจับอยูท่ รี่ อยน�ำ้ เป็นวงอย่างสงบ รอให้คำ� ตอบผุดขึน้ มาในสมอง เขาช้ อ นสายตาขึ้ น มองเก้ า อี้ ตั ว ที่ เ งามื ด เล่ น กลกั บ เขาแล้ ว เบนมาจับที่พื้นโต๊ะอีกครั้ง หากเป็นคนสติฟั่นเฟือน สิริคงลงความเห็นว่า รอยกลมๆ นั่นเป็นจุดเดียวกันกับต�ำแหน่งที่ตั้งขวดเหล้าของคนขับเรือ หางยาว เขาเหลียวไปมองชั้นข้างผนังด้านหลังแล้วฉีกกระดาษทิชชู่จาก ม้วนมาหนึ่งแผ่น แต่เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง บนโต๊ะกลับไม่มีรอยน�้ำปรากฏให้เห็น เสียแล้ว
27