Thirty-Three Teeth ปริศนาฟันมรณะ
Thai language translation rights belong to Matichon Publishing House published in agreement with Colin Cotterill, c/o BAROR INTERNATIONAL, INC., Armonk, New York, USA.
ปริศนาฟันมรณะ -
Colin Cotterill เขียน ขจรจันทร์ แปล กรุงเทพมหานคร สำ�นักพิมพ์มติชน 2557
ปริศนาฟันมรณะ • ขจรจันทร์ แปล
จากเรื่อง Thirty-Three Teeth ของ Colin Cotterill Copyright © 2005 by Colin Cotterill. All rights reserved Thai Language Copyright © 2014 by Matichon Publishing House. All rights reserved พิมพ์ครั้งแรก สำ�นักพิมพ์มติชน, พฤษภาคม 2557
ราคา 200 บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรม คอทเทอริลล์, โคลิน. ปริศนาฟันมรณะ. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557. 288 หน้า. - - (วรรณกรรมแปล). 1. นวนิยายอังกฤษ I. ขจรจันทร์, ผู้แปล II. ชื่อเรื่อง 823.914 ISBN 978 - 974 - 02 - 1277 - 5 ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : พัลลภ สามสี ผู้ช่วยบรรณาธิการ : วรางคณา เหมศุกล • พิสูจน์อักษร : ชัยรัตน์ เลิศรัตนาพร กราฟิกเลย์เอาต์ : กิตติชัย ส่งศรีแจ้ง • ออกแบบปก : ศศิณัฎฐ์ กิจศุภไพศาล ศิลปกรรม : นุสรา สมบูรณ์รัตน์ • ประชาสัมพันธ์ : กานต์สินี พิพิธพัทธอาภา หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012
www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 1235 โทรสาร 0-2589-5818 แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองพิมพ์สี บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 2400-2402 พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด 27/1 หมู่ 5 ถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0-2584-2133, 0-2582-0596 โทรสาร 0-2582-0597 จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) 12 ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3350-3353 โทรสาร 0-2591-9012 Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
สารบัญ
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้แปล มีนาคม 1977 นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1. สุสานแสนสุข ลาก่อนคนท้องร่วง 2. สองศพบนรถจักรยาน 3. เผชิญคมเขี้ยวสัตว์ 4. เมืองพระราชวังหลวง 5. ศพเกรียมเป็นถ่านสองศพ 6. ผลไม้ต้องห้าม ลาก่อนสมาชิกสหภาพสตรี 7. สวนสวรรค์แห่งโลกียสุข 8. ช้าง 999,999 ตัว 9. ลูกสาวที่ไม่ตาย 10. เต้นคองกาเรียกผี ลาก่อนแม่ค้าเบียร์เถื่อน 11. รู้สึกเหมือนตายอีกครั้ง
7 8 11 15 25 27 45 60 69 79 85 87 102 113 121 133 136
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล
12. ชายลามกชาวรัสเซีย 13. สุริยันฉายฉานครั้งที่สอง 14. บุรุษในความฝัน 15. แผ่นดินไร้ทนายความ 16. ปลอมตัวเป็นคางคก 17. แล้วพระจันทร์ก็หลบหลังเมฆ 18. ความเกี่ยวพันของอินทะเนด 19. ตามหาตุ้ย ร้อนขึ้นไปอีก ยังไม่คลายร้อน ค่อยเย็นลงหน่อย หนาวจัด 20. เสือสมิง 21. ตื่นกลัวความมืด 22. ชายผู้ปลิดหัวตัวเอง 23. งานประเพณีปีใหม่เดือนเมษายน 24. ค�ำสั่งห้ามเล่นรื่นเริงโดยอิสระ 25. บทสรุปส่งท้าย
6
140 152 161 173 184 195 205 221 226 228 229 231 233 244 256 269 276 285
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์
ผู้
ชื่นชอบเรื่องสั้นฆาตกรรมสุดคลาสสิกอย่าง “The Murders in the Rue Morgue” หรือ “ฆาตกรรมบนถนนรู ม็อก” จะต้องสนุก กับ ปริศนาฟันมรณะ อย่างแน่นอน เพราะในเรื่องนี้ “สัตว์” เป็นตัวเดิน เรื่องส�ำคัญ จะมีความตายใดเล่าที่โหดร้ายและน่าสะพรึงเท่ากับความตาย ที่เกิดจากสัตว์ป่าหิวโหยและแค้นเคือง เมื่อหมีด�ำมาเลย์หนีหายไปจากกรง ทางการก็พบศพที่ถูกฆ่าให้ตาย อย่างทารุณศพแล้วศพเล่า แต่ความตายเหล่านี้เกิดจากสัตว์เดียรัจฉาน จริงหรือ? อาจมีมัจจุราชที่ทรงพลังกว่านั้น? นายแพทย์สิริ ไพบูน ผู้ฝากผลงานไว้ในนิยายแผนซ้อนซ่อนศพ จะมาไขปริศนาฆาตกรรมและหมีดำ� มาเลย์ ทั้งยังต้องต่อกรกับผีปอบศัตรู เก่า ท่ามกลางเหตุการณ์การเมืองทีฝ่ า่ ยปฏิวตั พิ ยายามโค่นล้มอ�ำนาจกษัตริย ์ รับรองว่าเหตุการณ์เข้มข้นจนวางไม่ลง ส�ำนักพิมพ์มติชน
ค�ำน�ำผู้แปล
ห
ลัง จากที่ค วามรัก พาให้ น ายแพทย์ สิริ ไพบู น ผู ้ ส� ำ เร็จ การศึก ษา แพทยศาสตร์จากฝรั่งเศส เข้าร่วมขบวนการประเทศลาวไปหมกตัว อยู่ในป่าพักใหญ่ สุดท้ายเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศ ส�ำเร็จ ชะตาก็พลิกผันให้นายแพทย์ชราผู้นี้กลายมาเป็นนิติแพทย์คนเดียว ที่เหลืออยู่ในประเทศ ค้นหาความจริงจากศพทั้งที่ไม่เต็มใจ อีกทั้งยังพบ ว่าตัวเองคือร่างทรงของหมอผียิ่งใหญ่สมัยสองพันปีก่อน ซึ่งที่จริงแล้ว คือบรรพบุรุษของเขาเอง ท�ำให้เขามีความสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ และมีศัตรูตัวฉกาจเป็นผีปอบ ใน แผนซ้ อ นซ่ อ นศพ วิ ญ ญาณเหล่ า นั้ น ช่ ว ยหมอสิ ริ ไ ขปริ ศ นา ซับซ้อน กระทั่งความจริงถูกคลี่คลายออกมา ใน ปริศนาฟันมรณะ เล่มนี้ เป็นช่วงที่กษัตริย์และราชวงศ์ลาวถูก ฝ่ายปฏิวัติขับออกจากพระราชวัง และพยายามขจัดเชื้อพระวงศ์ในสมัย การปกครองเก่าให้สิ้นซาก และผีปอบก็ยังตามอาฆาตหมอสิริไม่เลิก โคลิน คอทเทอร์ ริล ล์ ยัง คงถ่ า ยทอดวัฒ นธรรม ประเพณี และ
ความเชื่อของลาวผ่านตัวอักษรให้เราติดตามอย่างสนุกสนาน สอดแทรก อารมณ์ขันและเรื่องอัศจรรย์เหลือเชื่อ คราวนี้หมอสิริไม่ได้ออกโรงคนเดียว ตุ้ย พยาบาลผู้ช่วยในห้อง ผ่าศพ ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นนิติแพทย์เหมือนหมอสิริก็มีบทบาทส� ำคัญไม่ ยิ่งหย่อนกว่ากัน อะไรคือ ปริศนาฟันมรณะ ผู้อ่านคงต้องร่วมผจญภัยไปพร้อม หมอสิริและตุ้ย เพื่อค้นหาค�ำตอบจากหน้าต่อๆ ไปด้วยความสนุกสนาน บันเทิง ไม่ต่างจาก แผนซ้อนซ่อนศพ ขจรจันทร์ เมษายน 2557
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ 9
ด้วยรัก ถึงครอบครัวที่เชื่อมั่นและสนับสนุนผมมาตลอด
มีนาคม 1977 นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เ
ทหารม้ารัสเซียสมัยพระเจ้าซาร์-ผู้แปล
1
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
ส้นนีออนรูปค้อนและเคียวครางหึ่ง ก่อนสว่างวาบขึ้นเหนือประตูไนต์ คลับในโรงแรมล้านช้าง ดวงตะวันกลางแผ่นฟ้ามืดหม่น ร่วงหล่นลง สู่แผ่นดินไทยฝั่งตรงข้ามแม่น�้ำโขง เหล่าพนักงานเสิร์ฟสาวจุดตะเกียง ดวงเล็ก พาให้สีฟ้าเช่นเดียวกับท้องฟ้าในห้องนั้น เปลี่ยนเป็นบรรยากาศ ลึกลับในเวิ้งถ�้ำยามค�ำ่ คืน อีกหนึ่งชั่วโมง สมาชิกโพลิตบูโรแห่งพรรคปฏิวัติประชาชนลาว จะเข้ า มามอบความบั น เทิ ง ให้ กั บ ผู ้ แ ทนเวี ย ดนามคณะใหญ่ ใ นห้ อ งนี้ คณะผู้แทนเวียดนามจะถูกบังคับให้ชมการแสดงของเด็กชายชาวชนบท สวมหมวกขนสัตว์เต้นคอสแซ็ค1 หกหน้าหกหลังตามแบบฉบับของลาว พวกเขาจะถูกบังคับให้ดูดเหล้าขาวจากไหใบใหญ่ ผ่านหลอดยาวๆ จน มึน สุดท้ายก็จะถูกบีบบังคับให้ลุกขึ้นเต้นร�ำอย่างเสียไม่ได้ กับสาวน้อย ร่างตันสวมซิ่นยาวเสมอข้อเท้าและพอกหน้าหนาเตอะ
11
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 12
จากนั้ น หากพวกเขายั ง มี ชี วิ ต รอดจากความเบิ ก บานส� ำ ราญใจ เหล่านี้ คณะผู้แทนชาวเวียดนามก็จะได้รับอนุญาตให้กลับไปนอนหลับ พักผ่อนในห้องพักของตน พอวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็จะลงนามในเอกสาร ต่างๆ อันเป็นข้อตกลงเบื้องต้นส�ำหรับสนธิสัญญามิตรภาพ ระหว่างลาว กับเวียดนามที่ก�ำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ขณะที่สมองหนักอึ้งราวกับแผ่น ยางถูกบีบอัด และคงจ�ำอะไรไม่ได้มากนัก ทัง้ หมดนัน้ คือสิง่ ทีก่ ำ� ลังจะเกิดขึน้ พนักงานกะกลางคืนของโรงแรม ซึ่งมีน้อยกว่าความต้องการ เข้ามารับหน้าที่ต่อจากพนักงานกะกลางวัน ซึ่งมีน้อยกว่าความต้องการเช่นกัน พนักงานต้อนรับก�ำลังก้มหน้าก้มตา รี ด เสื้ อ เหงื่ อ แตกพลั่ ก อยู ่ ใ นห้ อ งท� ำ งานกระจกหลั ง โต๊ ะ ประจ� ำ ของเธอ ขณะเดียวกับที่แม่บ้านต้องถือชามโจ๊กวิ่งขึ้นไปให้แขกรายหนึ่งซึ่งไม่สบาย อยู่บนชั้นสาม นอกอาคาร ยามสูงอายุคนหนึ่งสวมเสื้อแจ๊กเก็ตตัวโคร่งยาวถึงเข่า ก�ำลังล็อกประตูหลังโรงแรมด้านถนนเสดถาทิราด เพื่อกันไม่ให้สุนัขและ นั ก เดิ น ทางแปลกหน้ า เข้ า มาหาที่ พั ก พิ ง หลบอากาศอั น แสนทารุ ณ ยาม ค�่ำคืนของฤดูร้อนอยู่ในสวน มีก�ำแพงสูงแปดฟุตโอบล้อมป้องกันแน่น หนารอบบริเวณ ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้มีความส�ำคัญมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ใบไม้ลอยฟ่องอยู่ในสระว่ายน�ำ้ ซึ่งมีคราบน�้ำมันลอยเป็นฝ้า ไม้ดอก ยืนต้นเรียงรายเป็นทิว เว้นระยะอย่างมีระเบียบราวแถวทหาร ไม้ดอก เหล่านี้ได้รับการดูแลให้น�้ำดีกว่าไม้ดอกตามบ้านทุกหลังบนถนนสายนี ้ ถัดจากนั้นก็คือกรง กรงเหล่านี้เป็นกรงคอนกรีตแน่นหนาแข็งแรง มัน เตี้ยมากเสียจนคนตัวสูงๆ ต้องค้อมตัวลงจึงจะมองเห็นข้างใน กรงสอง กรงว่างเปล่า มันคือที่พ�ำนักดวงวิญญาณของสัตว์ที่เคยถูกขังอยู่ในนั้น ชั่วคราว ลิงตัวหนึ่งถูกแทนที่ด้วยกวาง และนกยูงก็เข้ามารับค�ำพิพากษา ต่อจากสุนัขที่ดุร้าย แต่ท่ามกลางเงาหม่นของกรงที่สาม อะไรบางอย่างก�ำลังส่งเสียง
หายใจฟืดฟาด มันแทบไม่เคลื่อนไหว จะขยับตัวก็เพื่อเกาผิวหนังแห้ง ผากของมันอย่างเงื่องหงอยเท่านั้น เจ้าหมีภูเขาสีด�ำไร้ชื่อได้น�้ำจากสาย ยางฉีดรดพร้อมๆ กันกับต้นเฟือ่ งฟ้า มันได้รบั เพียงเศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ จากห้องครัวเป็นครั้งคราว ขนของมันจับตัวเป็นปึก หม่นหมองดุจผืนพรม ทีถ่ กู เหยียบย�ำ่ นับครัง้ ไม่ถว้ น พระเจ้าเท่านัน้ ทีร่ วู้ า่ อะไรท�ำให้มนั มีชวี ติ รอด อยู่ในที่จองจ�ำอันแสนคับแคบได้นานขนาดนี้ และองค์พระเป็นเจ้าก็ถูก เนรเทศไปจากสาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งนีต้ งั้ แต่ประมาณสิบห้าเดือนทีแ่ ล้ว ผู้คนจะเข้ามายืนมองนางหมีที่หน้ากรงตอนเย็นและช่วงวันหยุด สุดสัปดาห์ นางหมีจะจ้องตอบทั้งที่ดวงตาเลื่อนลอยแดงก�่ำของมันมอง ไม่เห็นรายละเอียดบนดวงหน้าเยาะหยันเหล่านั้นอีกแล้ว พวกเด็กๆ พา กันหัวเราะและชี้มือ บรรดาพ่อที่กล้าหน่อยก็จะเอาไม้แหย่ผ่านซี่กรงเข้าไป แต่เห็นได้ชัดว่าหมีภูเขาสีด�ำตัวนั้นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องต�ำหนิติเตียนยามสูงวัยในวันถัดมา “มัวแต่ ซัดเหล้าขาวอยู่ล่ะซี” คนพวกนั้นต่อว่า “หย่อนยานในหน้าที่” แน่นอน ยามผู ้ นั้ น ปฏิ เ สธ เขาสาบานว่ า ได้ ใ ส่ กุ ญ แจล็ อ กประตู ก รงถึ ง สองครั้ ง เขาโยนของเหลือๆ จากงานเลี้ยงต้อนรับคนเวียดนามใส่ชามอาหารให้ เจ้าสัตว์ตัวนั้นก่อนปิดล็อกกรงเรียบร้อย เขาแน่ใจ เขาสาบานว่าขณะเดิน ตรวจความเรียบร้อยตอนตีสี่ เจ้าสัตว์ตัวนั้นก็ยังอยู่ เขาสาบานว่า ไม่รู้มัน ออกจากกรงไปได้อย่างไร หรือเจ้าหมีตัวนี้ไปอยู่ที่ไหน แต่พวกเขาก็ไล่ ยามคนนั้นออกอยู่ดี หลังค้นหารอบบริเวณตลอดทัง้ ตัวอาคารอย่างตืน่ ตระหนก ผูจ้ ดั การ โรงแรมก็ประกาศให้พนักงานทุกคนทราบว่าโรงแรมแห่งนี้ปลอดภัยดี ปัญหาที่เหลือคือหน้าที่ของต�ำรวจ อันที่จริงเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องฉลาด นัก ที่จ ะปริป ากเล่ า เรื่อ งหมีห ลุ ด จากกรงให้ แ ขกของโรงแรมฟั ง เท่ า ที่ เขารู้ ปัญหาได้จบลงแล้ว แต่ส�ำหรับนครเวียงจันทน์ มันยังไม่ทันเริ่มต้นเลยด้วยซ�้ำ
13
สุสานแสนสุข
แ
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
สงแดดแผดเผาทุกสิ่งในเขตชานเมืองใหม่ สหายสิวิไลก้าวลงจาก รถลิมูซีนสีด�ำร้อนระอุ แล้วเดินตรงไปยังสุสานคอนกรีตซึ่งทางการ จัดให้เป็นที่พักอาศัยของนายแพทย์สิริ โดยไม่ล็อกประตูรถ ประตูรั้ว และประตูหน้าอาคารเปิดทิ้งไว้ สิวิไลสามารถมองทะลุไปถึงสนามขนาด ย่อมด้านหลัง เพราะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดเป็นเครื่องบดบังสายตา สิวิไลสลัดรองเท้าแตะส�ำหรับสวมในวันอาทิตย์ออก จากนั้นก็เดิน เข้าไปในห้องด้านหน้าของอาคาร สภาพของมันดูราวกับว่าช่างก่อสร้าง และช่างตกแต่งเพิ่งท�ำงานเสร็จได้ไม่นาน ผนังทุกด้านยังเป็นสีฟ้าวัดไต เกลี้ยงเกลา รับกันกับสีเหมือนสระว่ายน�้ำของสนามบินแห่งนั้น ไม่มีภาพ เขียน หรือโปสเตอร์ หรือภาพถ่ายวีรบุรุษแห่งการปฏิวัติเกะกะสายตา บนผนั ง ไม่ มี เ ป็ ด ปู น ปลาสเตอร์ ข องฝรั่ ง เศสบิ น เรี ย งกั น เป็ น ฝู ง ไม่ ม ี นาฬิกาเดินติ๊กๆ ถ้าไม่รู้ว่าสิริย้ายมาอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนแล้ว สิวิไลคงเข้าใจ ว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน ระหว่างมุ่งหน้าไปทางหลังบ้าน สิวิไลเดินผ่านห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง
15
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 16
เสื้อผ้าที่กองสุมอยู่ในห้องนั้นบอกให้รู้ว่าก�ำลังใกล้มนุษย์ดึกด�ำบรรพ์เข้าไป ทุกทีแล้ว ในสนามด้านหลัง เขาพบนายแพทย์สิริ ไพบูน ผู้กลายมาเป็น เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของประเทศอย่างไม่เต็มใจ...มีจิตสัมผัสกับวิญญาณ อย่างงงๆ...เป็นคอมมิวนิสต์ที่ท้อแท้และผิดหวัง สิริก�ำลังแกว่งตัวช้าๆ บนเปลญวนแขวนระหว่างต้นขนุนอ่อนสองต้น หากเป็นคนตัวใหญ่กว่านี ้ ต้นขนุนสองต้นนั้นคงโค่นลงมาเป็นแน่ เจ้าสะหลุบ สุนัขข้างถนนที่เก็บมาเลี้ยงและเป็นผู้ช่วยชีวิต นอน หมอบน�้ำลายไหลยืดลงสู่พื้นดินอยู่ใต้เงาของสิริ เจ้าสะหลุบปรือตาข้าง หนึ่งขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าสิวิไลทั้งแก่และหัวล้านเกินกว่าจะเป็นอันตราย มัน จึงหลับตาลงฝันต่อ เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ บริเวณที่เป็นสนามหญ้ามีแต่ฝุ่นธุลีและ ซากปรักหักพัง แต่ปัจจุบันมันได้กลายเป็นป่าไปแล้ว สิริใช้ความพยายาม อย่างหนักในการสร้างสภาพแวดล้อม ให้กลับเป็นเหมือนที่ตนเคยใช้ชีวิต อยู่ตลอดสี่สิบปีหลังของวัยที่ล่วงเลยมาเจ็ดสิบสองปี ทุกวันหยุดสุด สัปดาห์ตลอดสี่อาทิตย์ที่ผ่านมา สิริกับเพื่อนร่วมงานในห้องชันสูตรศพ ที่เขาไว้ใจ ได้ออกมาลงมือถากถางพงหญ้ารกเรื้อในบริเวณชานเมืองชั้น นอกจนล่อนจ้อนเปล่าเปลือยอย่างไม่รู้จักละอายใจ พวกเขาขนเอาต้นไม้ ใหญ่และไม้พุ่มหลายชนิดกลับมาปลูกในบริเวณป้อมปราการต�ำ่ ต้อยแห่งนี ้ อีกครั้ง มันเป็นการกระท�ำที่พรรคต้องขอบคุณเขา “หวังว่าฉันคงไม่ได้มารบกวนนายนะ” สิวิไลเอ่ย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า ตนก�ำลังสร้างความร�ำคาญให้อีกฝ่ายมากแค่ไหน ดวงตาสีเขียวประหลาด ของสิริลืมขึ้นช้าๆ เขาเห็นว่าเพื่อนรักก�ำลังชะโงกง�้ำอยู่เหนือร่างของตน “โธ่เอ๊ย เอาน�ำ้ มะนาวใส่นำ�้ แข็งวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ แล้วรีบกลับ ไปอยู่ในที่ของคนรับใช้เร็วๆ เลย” สิวิไลแก่กว่าหมอสิริสองวัน ทั้งสองเกิดปีกระต่ายเหมือนกัน จึง มีนิสัยและเล่ห์เหลี่ยมไม่ต่างจากเจ้าสัตว์ชนิดนี้ แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาทั้งสอง
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
มัวเมาในกิเลสตัณหาเช่นกระต่าย ทั้งสองต่างแต่งงานกับรักแรกของตน และซื่อสัตย์กับเธอผู้นั้นมาตลอด สิริและสิวิไลคือกระต่ายพันธุ์ที่หาได้ ยากยิ่งในประเทศลาว “อ้อ พวกชนชั้นกลางที่ยึดอาชีพหมอเขาใช้ชีวิตวันอาทิตย์กันแบบ นี้เองรึ นายควรออกไปขุดคูคลองให้สาธารณรัฐไม่ใช่หรือไง” สิวิไลนั่งเอนหลังพิงตั่งไม้บนเฉลียงเล็กๆ “ฉันมันคนแก่ไม่มีเรี่ยวมีแรงแล้วนะ พี่ชาย ขืนไปท�ำงานออกแรง เป็นกรรมกรเข้าสักวัน คงต้องนอนแผ่บนเตียงในห้องดับจิตแน่ ยังสงสัย อยู่ว่าฉันจะอยู่ได้ถึงเดือนหรือเปล่ากับสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะงั้น เพื่อนซี้ในโพลิตบูโรของนาย จึงควรเร่งหาแพทย์ชันสูตรศพคนใหม่มา แทนที่ฉันเสียตอนนี้เลย” ไม่มีอะไรชี้ให้เห็นว่าสุขภาพร่างกายของนายแพทย์สิริก�ำลังเสื่อม ถอย เขาอยู่ห่างไกลจากอัศวินแม่นธนูของพญามัจจุราชมากทีเดียว คง ไม่มีเสียงลูกธนูพุ่งปะทะพื้นดินแห้งผากไปอีกหลายปี ร่างกายท้วมตัน ต�่ำเตี้ยของสิริยังเคลื่อนไหวได้แคล่วคล่องว่องไว ไม่ต่างจากหนูจอมสอดรู้ ริมแม่น�้ำ ผู้ชายวัยหนุ่มกว่ายังยากจะเดินตามเขาทันด้วยซ�้ำ ล่าสุด สมองซึ่งโชติช่วงไปด้วยความสามารถอันหลักแหลมใหม่ๆ ของเขาก็ยิ่งเฉียบคมมากขึ้น สิริเป็นคนมีเหตุผลมาตลอด แต่ช่วงห้า เดือนที่ผ่านมา เขาได้รับความรู้ประเภทที่ไม่มีการสอนในมหาวิทยาลัย มี เ หตุ ผ ลหลายประการที่ ท� ำ ให้ เ ขาได้ รั บ การมอบหมายให้ เ ป็ น ตั ว แทน กิตติมศักดิ์ของโลกแห่งดวงวิญญาณ และมันก็เป็นเหตุผลที่เขายังคง พยายามหาค�ำตอบ ในฐานะหัวหน้าแพทย์ชันสูตรศพ ซึ่งมีเพียงคนเดียวในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว การแต่งตั้งดังกล่าวจึงเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า เหมาะสมอย่างยิ่งส�ำหรับงานที่เขาท�ำอยู่ สิริยังไม่สามารถควบคุมการ มาเยื อ นของวิ ญ ญาณที่ เ ข้ า มารั บ บริ ก ารจากเขา หรื อ หาวิ ธีถ ามค� ำ ถาม
17
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 18
เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับคนเหล่านั้นได้ แต่วิญญาณคนตายก็กลับมาหาเขา พร้อมเงื่อนง�ำบางอย่างเสมอ ประสบการณ์ส่วนที่ขาดหายไป (สิริเพิ่งมา ท�ำหน้าที่แพทย์ชันสูตรศพได้หนึ่งปี) มักจะเติมเต็มขึ้นมาได้ด้วยการเสวนา กับคนตาย สมองสามมิติของเขาได้รับการถ่ายทอดจากมิติที่สี่ “นายก็รู้ว่าเราไม่มีวันที่หาใครมาแทนนายได้อีกแล้ว น้องชาย นาย คือต�ำนาน” “ต�ำนานงั้นหรือ” สิริกระถดตัวขึ้นนั่งบนเปลญวน “ค�ำว่าต�ำนาน นี่มันหมายถึงอะไรบางอย่างที่มีคนเล่าต่อๆ กันมา แต่ส่วนใหญ่ไม่เชื่อ ไม่ใช่รึ” “ก็ใช่น่ะซี” “ร้อนเนอะ” “ร้อนเป็นบ้าเชียวละ” นั่นคือค�ำสดุดีฤดูร้อนที่ได้ยินทั่วทุกหนแห่งในเมืองหลวง โดย เฉพาะฤดูร้อนที่อากาศร้อนมากเป็นพิเศษเช่นนี้ ผู้คนก็ยิ่งพูดค� ำค�ำนี้กัน บ่อยกว่าปกติ สิริเพิ่งสังเกตเห็นถุงผ้าที่สิวิไลวางไว้บนตัก “นั่นนายถืออะไรติดมือมาน่ะ” “นายคงไม่สนใจนักหรอก” “เรื่องนั้นให้ฉันตัดสินเองดีกว่า” “พวกรัสเซียก�ำลังจีบเราอยู่ พวกนั้นอยากให้เราอนุมัติการสร้าง จานดาวเทียมเอาไว้สอดแนมแยงกี้ ระหว่างที่เราก�ำลังตรึกตรอง พวกเขา ก็เลยขยันส่งบรรณาการเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นเครื่องจูงใจ” สิวิไลขยับจุก ขวดในถุงเล่น “วอดก้าเหรอ” “มอสคอฟสกายา เยี่ยมที่สุดเท่าที่หาได้ แต่ฉันว่านายคงไม่คอ แห้งหรอก” สิริผุดลุกขึ้นจากเปลญวน เข้าไปเดินลากเท้าหาแก้วอีกใบในห้อง ครัวก่อนค�ำว่า คอแห้ง จะทันได้หลุดจากปากสิวิไลด้วยซ�้ำ
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
จากสายกลายเป็นบ่ายแก่ “ไม่รู้คนรัสเซียสื่มไอเนี้ยเข้าไปได้ยังงาย” เสียงลิ้นพันกันของสิวิไล ท�ำให้ค�ำวิจารณ์นั้นยืดยาวกว่าปกติ “น่านน่ะซี มิน่าผู้หญิงถึงได้ขนดกกว่าผู้หญิง” “ผู้ชายตะหาก” “ไหนล่ะ” นั่นเองการสนทนาจึงกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ยังมีวอดก้า เหลือในขวดประมาณสองแก้วพร่องๆ สหายทั้งสองนั่งอยู่เคียงข้างกันบน ตั่งไม้ ต้นไม้ในสวนไม่กระดิกเลยสักนิด แต่เขาสองคนกลับโงนเงนไปมา ราวกับผู้รอดชีวิตจากเรือแตกบนแพชูชีพ สิวิไลแหงนมองมุ้งที่ม้วนผูกไว้ เหนือศีรษะ “นายนอนข้างนอกนี่เหรอ ไอ่น้อง” สิริโคลงศีรษะจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน “ช่าย” “แล้วจะมีบ้านไปท�ำไมเนี่ย” “ใช่เลย นั่นแหละเป็นสิ่งที่ฉันขอผู้พิพากษาแหง แต่เขาไม่ยอมให้ ฉันอยู่ในสวนโดยไม่มีบ้าน เขาบอกว่า (สิริคร�่ำครวญเสียงแหลมเลียน แบบเจ้านายวัยน้อยกว่า) ‘เราเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคนะ สหาย สิริ เพราะฉะนั้นเราต้องท�ำหน้าที่ผู้น�ำตัวอย่าง การหลับนอนตามต้นไม้ ควรสงวนไว้เฉพาะสัตว์เท่านั้น’ ฉันละแปลกใจจริงๆ ที่เขารู้ว่าสัตว์หมาย ถึงอะไร” “ท�ำไมนายถึงได้รังเกียจบ้านนัก” “บ้านน่ะฉันไม่รังเกียจหรอก แต่นี่มันไม่ใช่บ้าน บ้านมันต้องมี อากาศถ่ายเท เป็นบ้านไม้บนส้อง...” “บนเสา” “ฉันก็พูดอย่างนั้นนี่นา บนส้องมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาเดิน มันต้อง
19
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 20
โยกไปโยกมาเวลาลมพัดแรงๆ แล้วก็รั่วเมื่อถึงหน้าฝน นี่น่ะเหรอ...นี่มัน ลงศพ...ละ...โลง...โลงศพชัดๆ” “เออ พูดถูกแล้ว” “ท�ำไมคณะปกครองชุดนี้ถึงหลงใหลได้ปลื้มกับคอนกรีตนักนะ” “ความมั่นคงแข็งแรงไงล่ะ อีกพันปีข้างหน้าบ้านหลังนี้ก็ยังอยู ่ ขณะทีบ่ า้ นไม้ของนายพังไปสิบหลังแล้ว จ�ำนิทานเรือ่ งหมูสามตัวได้ไหมล่ะ” “นั่นแหละ ใช่เลย นี่มันเล้าหมูแท้ๆ” “ไม่ใช่สักหน่อย” “งั้นก็สุสานเอ้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกฝังในสุสาน ในนั้นมันน่าขนลุก จะตาย” “ในกระบวนคนทั้งหลาย นายเป็นคนที่ไม่ควรบ่นเรื่องบรรยากาศ ชวนขนลุกที่สุดแล้วนะ” “ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ไม่ใช่ศพนะ” สิวิไลหัวเราะพลางเอนหลังพิงก�ำแพง “ว่าแต่พวกผีเพื่อนนายเป็นไงมั่งล่ะ” สิริมองหน้าสิวิไล ดูว่าที่เขาพูดมานั้นเป็นเพราะเห็นการติดต่อกับ วิญญาณของตนเป็นเรื่องน่าหัวเราะเหมือนเคยหรือไม่ “ไม่ มี อ ะไรมาก ตั้ ง แต่ ศ พคนเวี ย ดนามลอยอื ด ขึ้ น มาเมื่ อ เดื อ น พฤศจิกาฯ ที่แล้ว แต่ก็นั่นแหละนะ พักนี้เราไม่ค่อยเจอปริศนาลึกลับ กันสักเท่าไหร่” “ผีเพื่อนนายจะมาปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีเรื่องชวนสับสนงั้นหรือ” “เปล่า พวกเขาวนเวียนอยู่รอบๆ นี่แหละ ปรากฏตัวให้เห็นโดยไม่ จ�ำเป็นต้องท�ำอะไรก็ได้ มีผู้หญิงแก่ๆ คนนึง มานั่งตรงข้ามฉันในห้อง ท�ำงานตอน (สะอึก) ...โทษที...ดึกๆ เธอได้แต่นั่งเฉยอยู่ตรงนั้น ไอ้ฉัน ก็รอแล้วรออีกให้แกท�ำอะไรสักอย่าง...จะเปิดนมให้ดูวับๆ แวมๆ หรือ อะไรก็ว่าไป แต่แกได้แต่นั่งเคี้ยวหมากมองฉันลูกเดียว” “นายรู้อะไรไหมสิริ บางทีนายก็ท� ำให้ฉันกลัวขึ้นสมองเชียวละ”
สิวิไลโน้มตัวรินเหล้าสินบนจากรัสเซียลงในแก้วปากบิ่นทั้งสองใบ “เรา ควรจัดการกับมันให้หมดๆ ไปซะ ก่อนที่เหล้ามันจะกัดก้นขวดทะลุ” “แด่ความยิ่งใหญ่ของสหภาพสาทาระนะรัดสางโคมนิโยม” “ฉันว่านายไม่ควรดื่มมากกว่านี้นะ” ทั้งสองกรอกวอดก้าที่เหลือลงคอ จากนั้นสิริก็ลุกขึ้นยืนง่อนแง่น “ขอบคุณสวรรค์ หมดซะที เอาละ ทีนี้เราก็มาซดกาแฟอร่อยๆ กันหน่อยดีกว่า”
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
จากบ่ายแก่กลายเป็นย�ำ่ ค�ำ่ เงามืดจากป่าติดๆ กันทาบทับเหนือร่างของผู้รักชาติเมาก�่ำทั้งสอง และก�ำลังคืบคลานขึ้นไปตามผนังเบื้องหลัง กาแฟข้นคลั่กฉุดกระชาก พวกเขาออกจากอาการมึนงงในวันอาทิตย์ สิวิไลพยายามกล่อมเป็นครั้ง สุดท้ายให้เพื่อนรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน “ฉันว่าที่นี่น่าอยู่ออก” “งั้นฉันจะย้ายเข้าไปอยู่กับเมียนายในบ้านเสียเลย นายจะมาอยู ่ ที่นี่ก็ได้” “ขอคิดดูก่อนนะเพื่อน” “มันน่าจะเรียกว่าเป็นรางวัล แต่เหมือนจะเป็นการลงโทษกันมาก กว่า พี่ชาย ในเมื่อข้างหนึ่งมีผู้หญิงจุ้นจ้านอย่างนางสาววงอาศัยอยู่ ส่วน อีกข้างก็เป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนิสัยคดโกงจากอุดมไซ” “เก่งจริงก็ตะโกนให้ดังกว่านี้อีกสิ” สิริไม่สนใจค�ำพูดของสิวิไล “แถมยังมีล�ำโพงเฮงซวย คอยแผดเสียงโจมตีโลกที่ไม่ได้เป็นคอม มิวนิสต์ อยู่ตรงมุมถนนนั่นตั้งแต่ตีห้า บ้าชะมัด สุขกว่านี้จะมีที่ไหนกัน ล่ะ” “นายต้องหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาช่วยท� ำให้ที่นี่ดูเป็นบ้านมากขึ้น เข้าใจว่านายคง...”
21
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 22
“อย่าได้พูดเป็นอันขาด” “ฉันก็แค่สงสัยว่านาย...” “บอกว่าอย่าพูด” “...ได้ติดต่อเธอบ้างหรือเปล่า เท่านั้นเอง” “เปล่า ฉันจะไม่มีวันติดต่อเธอแน่ เลิกถามได้แล้ว” “รู้สึกจะเป็นเรื่องโง่สิ้นดี ส�ำหรับฉัน” สิริตีหน้าบูดไม่พูดไม่จาราวหนึ่งหรือสองอึดใจ ตั้งแต่บัวตายจาก ไป ก็มีผู้หญิงคนเดียวที่เขาคิดจะคบและนัดไปกินข้าวด้วย มันคือนัดที ่ ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า สิริรู้ดีว่าล่าเป็นผู้หญิงที่เขาน่าจะรักได้ไม่ยาก ความรู้สึกเก่าๆ หวนคืนมาอีกครั้ง ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เขามาท�ำงานที่นี่ ป้าล่าก็ท�ำแซนด์วิชขนมปังบาแก็ตให้เขาเป็นพิเศษทุกวัน จากรถเข็นหน้า โรงพยาบาลมะโหสด ทั้งสองคุยเรื่องตลกเฮฮา ท�ำเจ้าชู้ใส่กัน ป้าล่าไม่เคย คิดจะปกปิดเรื่องที่เธอชอบเขาเป็นความลับ ครั้งหนึ่งบัวผู้เป็นรักเดียวของเขาซึ่งจากไปนานแล้ว ได้เอ่ยปาก อนุญาตไว้ก่อนตายให้เขาไขว่คว้าหารักใหม่เช่นเดียวกับเด็กวัยรุ่น คืน แห่งนัดส�ำคัญคืนนั้น ครั้งแรกที่เห็นล่ายืนรอเขาอยู่ เธอดูเย้ายวนมีเสน่ห์ ในเครื่องแต่งกายงดงามราวกับนางเอกลิเก ผีเสื้อที่บินว่อนอยู่ในท้อง1 แทบจะพาเขาลอยขึ้นจากเบาะรถจักรยานยนต์ เธอสวมรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นเคยวิ่งตรงเข้ามา แล้วเอียงจมูกสูด อากาศข้างแก้มเขาดังๆ เขารู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเธอเฉี่ยวผ่านผิวแก้ม เป็นเหตุให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่จ�ำศีลมานานปีเริ่มขยับไหว ทุกอย่าง คือลางบอกเหตุอันแสนมหัศจรรย์ เสมือนหนึ่งเขาก�ำลังยืนอยู่บนยอดผา มองเห็นสิ่งที่รู้ว่าจะต้องเป็นเรื่องวิเศษครั้งสุดท้ายในชีวิตของตน เขาแทบกระโดดตัวลอยเมื่อเธอยื่นของขวัญส่งให้ มันห่ออยู่ใน มาจากส�ำนวน Butterflies in the stomach ไม่ได้หมายความว่ามีผีเสื้อเข้าไป บินในท้องจริงๆ แต่เป็นความรู้สึกวูบวาบในช่องท้อง เมื่ออะดรีนาลีนในตัวสูบฉีด หัวใจเต้นรัวเมื่อพบกับเรื่องตื่นเต้น ส่วนมากจะใช้ในกรณีเกี่ยวกับความรัก-ผู้แปล
1
กระดาษสวยงามและมีน�้ำหนักคล้ายจะเป็นของราคาแพง เธอบอกว่าพบ สิ่งนี้ที่ตลาดเช้า เธอบอกว่ารู้สึกเหมือนของสิ่งนี้ร้องเรียกเธอ เธอเชื่อว่า มันจะช่วยขจัดปัดเป่าความโชคร้ายที่เขาประสบให้พ้นไปได้ เขาเปิดกล่อง นั้น แล้วความหวังทั้งปวงก็พังทลายดุจเดียวกับเจดีย์วัดที่สร้างอย่างลวกๆ ในกล่องกระดาษซึ่งเปรียบได้ดังโลงศพ คือเครื่องรางสีด�ำสึกกร่อน จากการถูไถของนิ้วมือแห่งความหวังมาหลายสิบปี มันผูกร้อยติดกับเชือก หนังเปื่อยลุ่ย สิริรู้จักเครื่องรางชิ้นนั้นดี ล่ายิ้ม หวังจะได้เห็นรอยยิ้มตอบจากชายคนรักที่ร่าเริงมีชีวิตชีวา ของตน แต่แทนที่จะได้เห็นรอยยิ้ม สีหน้าของสิริกลับท�ำให้เธอรู้สึกกลัว คิ้วรกๆ ขาวโพลนของเขาขมวดเข้าหากลางหน้าผากยับย่น เขาส่ายหน้า ช้าๆ พลางถามว่า “คุณท�ำแบบนี้ได้ยังไง” “อะ...” สิรขิ นึ้ ขีร่ ถจักรยานยนต์ทะยานจากโดยไม่พดู อะไรอีก เขาก�ำเครือ่ ง รางชิ้นนั้นไว้ในมือข้างซ้าย ล่ามองตาม ริมฝีปากล่างสีแดงดุจผลเชอร์รี่ อ้าค้าง แน่นอน เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองท� ำอะไรลงไป เธอคิดว่าเธอก�ำลัง แสดงความหวังดีกับสิริ...คิดว่าเครื่องรางชิ้นนั้นคือเครื่องหมายแทนความ รักของเธอ แต่มันกลับกลายเป็นหายนะ ล่าไม่เคยเห็นหน้าสิริอีกเลย และเธอก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
สิ ริ ขี่ ร ถจั ก รยานยนต์ ไ ปที่ ริ ม แม่ น�้ ำ โขงตรงจุ ด ที่ น�้ ำ ลึ ก ที่ สุ ด เขาขว้ า ง เครื่องรางชิ้นนั้นออกไปไกลกลางสายน�้ำสีน�้ำตาลขุ่นคลั่ก ไม่มีอะไรอีก แล้วในชีวิตเขาที่จะเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ เรื่องนั้นเขารู้ดี ทุกอย่าง ถูกก�ำหนดไว้ในบัญญัติศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ วิญญาณร้าย หรือผีปอบ ก�ำลังตามล่านายแพทย์ผู้มีคุณงามความดี พวกมันต้องการแก้แค้นเขา ล่าถูกเลือกให้เป็นผู้น�ำลางร้ายครั้งนี้มาสู่เขา แล้วมันก็ส่งผลร้ายกับเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาได้อีก ไม่ว่าเขาจะ มีความรู้สึกดีๆ กับเธอมากแค่ไหนมันก็ไม่มีวันเป็นไปได้
23
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล 24
แน่นอน สิวิไลบอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เขาพูดว่าเมื่อ โอกาสลอยมาถึงมือคนวัยเลยเจ็ดสิบสองเล็กน้อยแบบนี้ ก็ไม่ควรคิดถึง เรื่องพรหมลิขิตให้มากนัก “ไอ้น้องเอ๋ย โอกาสอย่างนี้มันไม่ได้ลอยมาหาคนอายุแบบเราๆ ทุก วันหรอกนะ” “มันไม่ใช่เรื่องพรหมลิขิต หินก้อนนั้นถูกท�ำลายไปแล้ว ฉันเล่าให้ นายฟังแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องพิธีไล่ผีในค�ำม่วนน่ะ ฉันไล่วิญญาณพวกนั้น เปิดหนีไปหมด แล้วก็ช่วยทหารที่ตัดต้นไม้ของดวงวิญญาณเหล่านั้นไว้ได้ พวกมันก็เลยตามมาแก้แค้น” “นายเห็นหินก้อนนั้นถูกท�ำลายกับตาเลยหรือไง” “ก็ใช่น่ะสิ คือก็ไม่เชิงว่าจะเห็นกับตาหรอก แต่เห็นมันเป็นผง ตอนที่พวกนั้นเอาออกไปทิ้งในป่า” “ถ้างั้นนายจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันเป็นผงจากหินก้อนนั้น นี่ไง ไข ปริศนาลับข้อที่หนึ่งได้แล้ว” “แล้วมันมาอยู่ในเวียงจันทน์ได้ยังไงกันล่ะ มันไปอยู่ในตลาดได้ ยังไง ฮึ ยิ่งไปกว่านั้น ท�ำไมต้องเป็นล่าด้วย ทั้งที่มีคนอื่นออกเยอะแยะ” “ฉันมันก็แค่นักการเมืองอาวุโสคนนึงที่ไม่ฉลาดนักกับเรื่องไร้เหตุ ผล ฉันพอจะแก้ปริศนาได้มากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ในแง่ ของการปกครองประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีโควต้าแก้ได้แค่วันละเรื่องเท่านั้นเอง “ฉันจะกลับละนะ ต้องกลับบ้านไปหาเมียสุดที่รักเสียที ช่วยเตือน หน่อยเถอะว่ารถฉันจอดอยู่ที่ไหน” “คิดว่านายควรขับรถหรือ” “แน่นอน จะมีอะไรให้ชนล่ะ” สิรผิ งกศีรษะแล้วพยุงสิวไิ ลไปทีป่ ระตู สิวไิ ลพูดถูกแล้ว บรรยากาศ ตอนบ่ายวันอาทิตย์ในนครเวียงจันทน์ไม่ต่างอะไรจากเมืองที่ตกอยู่ใน
กรงเล็บของโรคระบาดร้ายแรงถึงชีวิต อาจจะมีคนขี่จักรยานยนต์ที่หาญ กล้าฝ่าความร้อนระอุยามบ่าย หรืออาจจะมีสุนัขสักตัวนอนหมอบอยู่บน พื้นคอนกรีตให้ความร้อนแผดเผาเห็บหมัดจากตัวมัน แต่คนส่วนใหญ่ จะอยู่แต่ในบ้าน รอเวลาให้พระอาทิตย์ตกดิน เมื่อถึงเวลาโพล้เพล้ เด็กสาวๆ สองคนจะขี่จักรยานซ้อนท้ายกัน ออกมา แล่นช้าๆ รับลมจากแม่น�้ำตามถนนฟ้างุ้ม เป็นการประกาศตัวให้ เด็กหนุ่มที่ขี่จักรยานซ้อนสองสวนทางมารู้ว่าตนยังไม่มีเจ้าของ แม้อาทิตย์ จะลับดวงไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผืนใหญ่ของแม่ ซับเหงื่อที่หน้าผาก กระทั่งเลยเวลาหัวค�ำ่ ไปนานโข ลาก่อนคนท้องร่วง
ป ริ ศ น า ฟั น ม ร ณ ะ
หญิงชราชื่อป้าสี อาศัยอยู่ในเพิงหลังคฤหาสน์สีขาวหลุดล่อนสไตล์โคโล เนียลของฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันเป็นที่พ�ำนักของห้าครอบครัว ป้าสียังชีพด้วย การซื้อผลไม้จากตลาดเช้ามาหั่นเป็นชิ้นๆ สีสันสวยงาม แล้วเอาโต๊ะพับ มากางวางขายข้างประตูหลังบ้าน การค้าขายไม่คล่องตัวนัก เพราะเงินที่จะใช้จับจ่ายเรื่องฟุ่มเฟือย หายากขึ้นทุกที ผลก็คือ อาหารหลักของป้าสีจึงได้แก่ผลไม้สุกงอมเกิน ก�ำหนด เป็นเหตุให้ป้าสีจ�ำเป็นต้องลุกไปเข้าห้องน�้ำล้อมสังกะสีหลังเพิง บ่อยๆ ตอนกลางคืน คืนวันอาทิตย์นั้น ระหว่างที่ก�ำลังง่วนกับการถ่ายโจ๊กๆ ป้าสีคิดว่า ได้ยินเสียงค�ำราม ตามมาด้วยเสียงย�่ำผ่านพุ่มไม้ในสวนที่นางไม่เคยใส่ใจ ดูแล เสียงฝีเท้าย�่ำหนักเกินกว่าจะเป็นสุนัขแถวนั้น แต่ก็ดูเซส่ายเปะปะ เกินกว่าจะเป็นฝีเท้าคนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ป้าสีจัดแจงพูดออกไป ดังๆ ว่า “เฮ้ย จะปล่อยให้ผู้หญิงยิงเรือท�ำธุระอย่างเป็นสุขหน่อยไม่ได้รึไง”
25
ข จ ร จั น ท ร์ แ ป ล
ไม่มีค�ำตอบ เสียงนั้นเงียบไป อีกสองสามนาทีถัดมาป้าสีก็ลืมเรื่อง เสียงไปสนิท อาการท้องเสียขั้นวิกฤตสามารถกลบความรู้สึกตื่นกลัวได้ อย่างมิดเม้น ราวยี่สิบนาทีต่อมา ป้าสีส่งเสียงครางแล้วลุกขึ้นขยับผ้าซิ่นฝ้าย ตัวยาวเหน็บเรียบร้อยที่เอว นางก้าวผ่านประตูสังกะสีเป็นลอนออกมา ก่อนที่ป้าสีจะทันได้ก้มลงล้างมือในกระป๋องสีใส่น�้ำ เจ้าสัตว์ประหลาดตัว นั้นก็กระโจนเข้าใส่นางเสียแล้ว ป้าสีไม่เวลาพอที่จะอ้าปากร้อง ไม่มีเวลา พอที่จะวิ่งหนี และไม่มีเวลาพอที่จะหันไปมองว่าตัวอะไรที่งับต้นคอของตน ป้าสีสิ้นใจตายทันทีที่มันวาดแขนทรงพลังเข้าใส่
26