อวสานสายลับ
อวสานสายลับ วสิษฐ เดชกุญชร
กรุงเทพมหานคร สำ�นักพิมพ์มติชน ๒๕๕๘
อวสานสายลับ • วสิษฐ เดชกุญชร
พิมพ์ครั้งแรก : ส�ำนักพิมพ์มติชน, มีนาคม ๒๕๕๘ ราคา ๖๕๐ บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรม วสิษฐ เดชกุญชร. อวสานสายลับ.--กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๘. ๑,๐๓๒ หน้า.--๑. นวนิยายไทย. I. ชื่อเรื่อง. ๘๙๕.๙๑๓ ISBN 978 - 974 - 02 - 1391 - 8
ที่ปรึกษาสำ�นักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการสำ�นักพิมพ์ : พัลลภ สามสี บรรณาธิการเล่ม : ปรียานุช หลักคำ� • นักศึกษาฝึกงาน : กรกฎ ไพศาลยุทธนากุล, พรกนก ศรีสุวรรณ, อโนมา บุลาลม • พิสูจน์อักษร : เมตตา จันทร์หอม กราฟิกเลย์เอาต์ : กรวลัย เจนกิจณรงค์ • ออกแบบปก-ศิลปกรรม : ศศิณัฏฐ์ กิจศุภไพศาล ประชาสัมพันธ์ : สุภชัย สุชาติสุธาธรรม หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จำ�นวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จำ�กัด โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๓๓๕๓ โทรสาร ๐-๒๕๙๑-๙๐๑๒
www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๑๒๓๕ โทรสาร ๐-๒๕๘๙-๕๘๑๘ แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองงานเตรียมพิมพ์ บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๒๔๐๐-๒๔๐๒ พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด ๒๗/๑ หมู่ ๕ ถนนสุขาประชาสรรค์ ๒ ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุรี ๑๑๑๒๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๔-๒๑๓๓, ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๖ โทรสาร ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๗ จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๓๓๕๐-๓๓๕๓ โทรสาร ๐-๒๕๙๑-๙๐๑๒ Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์
ถ้าพูดถึงหนึง่ ในผลงานของวสิษฐ เดชกุญชรทีไ่ ด้รบั ความนิยมและ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเลยก็คือ อาชญนิยายชุด “ธนุส นิราลัย” ตัว ละครที่อยู่ในใจของนักอ่านมาอย่างยาวนาน นวนิยายชุดนี้มีทั้งหมด ๖ เรือ่ งด้วยกัน ได้แก่ สารวัตรเถือ่ น แม่ลาวเลือด หักลิน้ ช้าง อวสานสายลับ บ่วงบาศ และประกาศิตอสูร ซึ่งเรื่อง “อวสานสายลับ” เป็นเรื่องที่อยู ่ ระหว่างกลาง แต่กลับยังไม่เคยถูกน�ำมาตีพิมพ์รวมเป็นเล่ม วันนี้ทางส�ำนักพิมพ์มติชนได้น�ำเรื่อง “อวสานสายลับ” ที่เปรียบ เสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของชุด “ธนุส นิราลัย” ที่ขาดหายไป น�ำมาต่อ ให้สมบูรณ์ ส�ำหรับ “อวสานสายลับ” เล่มนี้ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต “ธนุส นิราลัย” ที่ตัดสินใจออกจากหน่วยปฏิบัติการลับ “บราโว่” และหันหน้า เข้าสู่ทางธรรมแทนการเป็นสายลับปราบเหล่าทรชน แต่ธนุสไม่สามารถ ท�ำตามความต้องการได้ เพราะมีภารกิจด่วนที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง โดย ไม่อาจละทิ้งไปได้ เมื่อ “ก้านฟ้า” ลูกสาวของขุนปกฟ้าหัวหน้ากลุ่มไทย อวสานสายลับ 5
ใหญ่ มิตรสหายคนสนิทของธนุส นิราลัย ถูก “เจ้าน้อย” หัวหน้าฝ่าย พาณิชย์ของ S.U.A. หรือ Shan United Army กลุ่มที่มีความพัวพันกับ ยาเสพติดลักพาตัวไป เพือ่ เป็นการตอบแทนในมิตรภาพและความสัมพันธ์ อันดี ท�ำให้ธนุสต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และในระหว่างนั้น เองก็เกิดเหตุร้ายขึ้นกลางคัน ธนุสกลายเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกหมายหัว จากพวกต�ำรวจ อีกทั้งยังมีกลุ่มนิรนามคอยดักลอบท�ำร้ายระหว่างทาง พร้ อ มการปรากฏตั ว ของ “ทั บ ทรวง” หญิ ง สาวที่ มี ค วามสนใจในเรื่ อ ง “การท�ำสมาธิ” มีฌานพิเศษสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้! เรื่องราวไม่ได้หยุดแค่เพียงเท่านี้ ข่าวการลักพาตัวก้านฟ้ายังแพร่ง พรายไปถึงหน่วยปฏิบตั กิ ารลับ “บราโว่” อีกด้วย ทางหน่วยงานให้ “ล�ำเพา” มารับผิดชอบภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ท�ำให้มีคนหลายกลุ่มเข้ามาพัว พันกับเหตุการณ์นี้อย่างช่วยไม่ได้ “อวสานสายลับ” เป็นอาชญนิยายที่มีความเข้มข้น ปริศนาลับที่ น่าติดตาม พร้อมข้อคิดเตือนใจ เป็นเรื่องที่ให้ทั้งความสนุกและคุณค่า ทางใจในเวลาเดียวกัน มาร่วมติดตามอีกหนึ่งภารกิจที่ขาดหายไป ใครคือคนที่อยู ่ เบือ้ งหลังเหตุการณ์ทงั้ หมด และธนุสจะสามารถช่วยเหลือ “ก้านฟ้า” กลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ หรือว่านี่จะเป็นจุดอวสานของสาย ลับ... ส�ำนักพิมพ์มติชน
6 วสิษฐ เดชกุญชร
จากผู้เขียน
เรื่อง “อวสานสายลับนี้” ผมเขียนลงวันละตอนในหนังสือพิมพ์ “ข่าวสด” ฉบับแรกในปี พ.ศ.๒๕๓๓ จนกระทั่งจบในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ตามปกติผมเขียนนวนิยายบทละตอนลงใน “มติชนสุดสัปดาห์” จนจบแล้วจึงรวมพิมพ์เป็นเล่ม แต่ส�ำหรับเรื่อง “อวสานสายลับ” นี้ ได้ รับการขอร้องแกมบังคับจากบรรณาธิการ “ข่าวสด” ให้เขียนเป็นรายวัน นัยว่าเพื่อดึงดูดผู้อ่าน และผมก็อนุโลมทั้งๆ ที่ขณะนั้นก�ำลังเขียนเรื่อง “สารวัตรใหญ่” ให้ “มติชนสุดสัปดาห์” อยู่ ผมตั้งใจจะให้ “อวสานสายลับ” เป็นเรื่องสุดท้ายของธนุส นิราลัย ซึ่งเริ่มด้วย “สารวัตรเถื่อน” และตามมาด้วย “แม่ลาวเลือด” และ “หักลิ้น ช้าง” ที่คิดจะให้เป็นเรื่องสุดท้ายก็เพราะนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หากเป็น คน มีตัวตนจริงๆ ธนุส นิราลัยก็คงจะสูงอายุขึ้นจนท�ำหน้าที่สายลับไม่ ไหว แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็จบไม่ลง เพราะทั้งผู้อ่านและบรรณาธิการเรียก ร้องให้เขียนพฤติการณ์ของธนุสต่อจาก “อวสานสายลับ” จึงได้เกิด “บ่วง บาศ” และ “ประกาศิตอสูร” ตามมา อวสานสายลับ 7
ใน “อวสานสายลับ” นี้ ผมใช้บริเวณพรมแดนไทยและพม่า โดย เฉพาะทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเวที และเอาชาวไตหรือไทยใหญ่ และกะเหรีย่ งทีก่ ำ� ลังต่อสูเ้ พือ่ เอกราชและเพือ่ ให้เป็นอิสระจากการปกครอง ของพม่าเป็นตัวละครประกอบ เพราะฉะนั้น ผมจึงเขียนด้วยความเหน็ด เหนื่อยมาก เพราะต้องศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาของการต่อสู้ของ ไตและกะเหรี่ยงอย่างละเอียดเพื่อให้การเขียนแลดูสมจริง เมื่อเขียนจบลงใน “ข่าวสด” ใน พ.ศ.๒๕๓๔ แล้ว ผมไม่แน่ใจว่า เพราะเหตุใดจึงไม่มีการรวม “อวสานสายลับ” พิมพ์เป็นเล่มอย่างในกรณี ของเรื่องอื่นๆ อย่างไรก็ดี ในที่สุดส�ำนักพิมพ์ “มติชน” ก็ได้พิมพ์ “อวสาน สายลับ” ออกมาเป็นเล่มดังที่ปรากฏอยู่ในมือของท่านผู้อ่านแล้ว ผมขอขอบคุณส�ำนักพิมพ์ “มติชน” ที่ได้ท�ำให้ประวัติชีวิตของธนุส นิราลัย สมบูรณ์ด้วยการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ และหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ รับทั้งความรู้และความบันเทิงพอสมควรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ วสิษฐ เดชกุญชร ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
8 วสิษฐ เดชกุญชร
อวสานสายลับ
๑ ธนุสก้าวช้าๆ ขึน้ ไปตามความสูงชันของภูเขาลูกนัน้ ช่วงเวลาเพียง ๑๕ นาทีของการเดิน ชายร่างสูงผิวคล�ำ้ อดีตหัวหน้ากองก�ำลังรบนอกแบบ ก็รตู้ วั เสียแล้ว ร่างกายของเขามิได้สมบูรณ์เหมือนเมือ่ ก่อน ย้อนหลังไปเมือ่ ๔-๕ ปีทแี่ ล้ว ภูเขาทีส่ งู ชันยิง่ กว่านี ้ ไม่มขี นั้ บันไดทีถ่ ากเอาไว้อย่างหยาบๆ เช่นนี้ มีแต่ก้อนหินเป็นตะปุ่มตะป�่ำให้ต้องเหยียบยันขึ้นไปอย่างต้องระมัด ระวังทุกย่างก้าว เขาเคยขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วกระฉับกระเฉง และไม่หอบ ก่อนชั่วโมงแรก แต่บัดนี้ ธนุสก�ำลังหอบ และหอบแรงขึ้นเป็นล�ำดับ ธนุสยิ้มให้กับตนเอง การฝึกทั้งกายและทั้งใจตลอดเวลาแรมปีท ี่ ผ่านมา ทั้งในโรงเรียนทหาร โรงเรียนต�ำรวจ ทั้งในและนอกประเทศ ทั้ง เปิดเผยและปกปิด และทั้งที่กระท�ำด้วยตนเองมาอย่างสม�่ำเสมอไม่หยุด ยั้ง ท�ำให้เขารู้จักประมาณความสามารถของตนเอง ธนุสไม่เคยพยายาม ท�ำสิ่งที่เขารู้ว่าเหลือวิสัย แต่รู้จักหลบเลี่ยงไม่กระท�ำสิ่งนั้น ในทางตรงกัน ข้าม ถ้ายังคิดว่ามีลู่ทางที่จะกระท�ำได้ไม่เป็นการสุดวิสัย ธนุสไม่เคยยอม จ�ำนน แต่จะพยายามท�ำแม้จะต้องพลิกแพลงวิธีและอุบายต่างๆ และ เท่าที่เคยปรากฏมา เขาก็มักจะท�ำได้ส�ำเร็จเป็นส่วนมาก อวสานสายลับ 11
เพราะฉะนัน้ เมือ่ รูต้ วั ว่าเริม่ จะเหนือ่ ย ธนุสก็ทำ� สิง่ ทีส่ มเหตุสมผลทีส่ ดุ คือ ไม่รีบร้อน แต่ผ่อนฝีเท้าลง และก้าวไปตามจังหวะของการหายใจ เท้า ซ้ายเหยียบเมื่อหายใจเข้า เท้าขวาเหยียบเมื่อหายใจออก สลับกันไปเช่น นัน้ ธนุสไม่ตอ่ สูก้ บั ความเหนือ่ ย แต่อนุโลมปล่อยตัวไปกับความเหนือ่ ยนัน้ ธนุสไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบ จุดหมายปลายทางของเขาคือส�ำนักสงฆ์ซึ่ง ตั้งอยู่บนภูเขาลูกนั้น และเท่าที่เขาทราบมันตั้งอยู่ที่นั่นมานานหลายปีแล้ว คนขับรถยนต์ประจ�ำทางคันเล็กโกโรโกโสคันนั้นบอกเขาก่อนที่เขาจะออก เดินว่า ถ้าเดินไม่หยุดเลยประมาณ ๔๕ นาทีเขาก็จะถึงส�ำนักสงฆ์แห่งนั้น ซึ่งหมายความว่า เขาคงจะถึงที่หมายก่อน ๑๗ นาฬิกา แต่ถ้าเขาใช้เวลา นานกว่านัน้ เขาก็คงจะยังถึงทีห่ มายก่อน ๑๘ นาฬิกา ซึง่ คงจะยังไม่มดื สนิท ทีเดียวส�ำหรับวันในปลายเดือนตุลาคมเช่นวันนั้น ภูเขาลูกนั้นเป็นลูกหนึ่งในเทือกเขาภูพาน อันเป็นประหนึ่งสันหลัง ของภาคอีสาน ธนุสรูจ้ กั ภูพานดี เพราะเคยใช้ชวี ติ ระหกระเหินอยูบ่ นเทือก เขานั้นชั่วระยะหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเขาปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับกองร้อย ลาดตระเวนระยะไกล ต่อสู้กับก�ำลังถืออาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทย หลายครั้งที่ธนุสและทหารในบังคับบัญชาถูกหย่อนลงจาก เฮลิคอปเตอร์ในเวลากลางคืนข้างแรมที่เดือนมืดสนิท แล้วก็ต้องเดินฝ่า ป่าทึบบนเทือกเขาเทือกนั้น โดยใช้แต่เข็มทิศเป็นเครื่องน�ำทาง และโดย ไม่มกี ารหยุดหุงหาอาหาร หากประทังชีวติ ด้วยเสบียงรบ การลาดตระเวน แบบนัน้ แม้จะกินเวลาคราวละเพียงสัปดาห์เดียว แต่กเ็ ต็มไปด้วยภยันตราย นานาชนิด กว่าจะสิน้ สุดภารกิจ และกว่าเฮลิคอปเตอร์จะทึง้ เอาตัวเขาและ เพื่อนร่วมงานออกจากนรกสีเขียวแห่งนั้นได้ ธนุสจ�ำได้ว่าการปะทะกับ ก�ำลังของคอมมิวนิสต์อันเป็นจุดประสงค์ของการลาดตระเวนนั้นเกิดขึ้น ไม่สู้จะบ่อยครั้งนัก แต่ที่เกิดขึ้นเกือบจะเป็นประจ�ำนั้นคือ ทหารของเขา ล้มเจ็บลงด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่รักษาไม่หาย โดยเฉพาะมาลาเรีย นอกจาก นั้นก็ได้รับอันตรายจากสัตว์ป่า เช่น ถูกงูกัด ครั้งหนึ่งแทนที่จะได้ต่อกร กับกองโจรคอมมิวนิสต์ ทหารทั้งกองร้อยต้องวิ่งหนีช้างป่าเป็นระยะทาง 12 วสิษฐ เดชกุญชร
ไกลหลายกิโลเมตร ธนุสจ�ำได้ดีว่า เทือกเขาภูพานนั้นเริ่มต้นจากบริเวณปากน�้ำมูลใน เขตของประเทศลาว แล้วทอดขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านตอนบน ของจั ง หวั ด อุ บ ลราชธานี มุ ก ดาหาร ยโสธร ผ่ า นตอนบนของร้ อ ยเอ็ ด กาฬสินธุ์ และขอนแก่น และตอนล่างของจังหวัดนครพนมและสกลนคร ไปสิ้นสุดเอาที่อ�ำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เขาจ�ำได้ด้วยว่าภูพาน มิได้เป็นเทือกเขาต่อเนื่องกันไปตลอด บางแห่งเป็นแต่เพียงเนินหินและ เนินเขาเตี้ยๆ บางแห่งมีแม่น�้ำตัดขาดออกจากกัน แต่ที่ธนุสจ�ำได้ไม่เคย ลืมนั้นก็คือ “ภู” หลายลูกในเทือกเขาภูพานนี้เป็นสมรภูมิเลือดที่ทั้งฝ่าย รัฐบาลและฝ่ายคอมมิวนิสต์เอาชีวิตเข้าทับถมไว้นับไม่ถ้วน ภูพานเป็น อนุสาวรีย์ของความแตกแยกครั้งส�ำคัญของคนไทย เป้สีเขียวขนาดใหญ่บนหลังของธนุสดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เป้ นั้นเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่เขาได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ในสนาม มันเป็น เป้อย่างเบา ชั้นในท�ำด้วยวัสดุกันน�้ำ ธนุสเคยใช้มันมาอย่างสมบุกสมบัน ทั้งในและนอกประเทศ ทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน เพราะฉะนั้น เขาจึง ไม่ยอมทิ้งมัน เป้นั้นมีรอยปะอยู่เพียงแห่งเดียว ตรงที่กระสุนปืนเล็กยาว ของฝ่ายตรงกันข้ามเคยเจาะเข้าไประหว่างการรบครั้งหนึ่ง เคราะห์ดีที่หัว กระสุนนัดนั้นไปปะทะเข้ากับแผ่นโลหะอาบโครเมี่ยมซึ่งธนุสใช้ต่างกระจก และหยุดอยูเ่ พียงแค่นนั้ หาไม่แล้วชายร่างสูงผิวคล�ำ้ เจ้าของเป้กค็ งจะไม่มี โอกาสได้ใช้มันมาจนถึงวันนี้ อย่างเผลอตัว ธนุสคล�ำที่เอวด้านขวา และเมื่อไม่พบด้ามปืนพก ที่นั่นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความขบขัน ชายร่างสูงผิวคล�้ำรู้ดีว่า เขาจะต้อง ใช้เวลาอีกนานกว่าจะคุน้ กับการเดินป่าโดยปราศจากอาวุธ นอกจากมีดพับ แบบที่ใช้ในกองทัพสวิส ซึ่งเขาใส่ไว้ในเป้ สัปดาห์ที่เพิ่งจะผ่านไปนั้นเป็นสัปดาห์ของความผิดหวังของธนุส การเดินทางไปยังภูเรือในเขตจังหวัดเลยเป็นการเสียเวลาเปล่า เขาดั้นด้น ขึ้นไปจนถึงส�ำนักสงฆ์ที่นั่นเพียงเพื่อจะได้รับค�ำบอกจากพระภิกษุหนุ่ม อวสานสายลับ 13
เจ้าส�ำนักว่าพระภิกษุประทักษ์หรือ “เปี๊ยก” อดีตเพื่อนร่วมสมรภูมิใน ประเทศลาวของเขาได้ออกจากส�ำนักสงฆ์แห่งนั้นไปสองวันก่อนที่เขาจะ ไปถึง เพื่อจะไปเสาะหาที่ “วิเวก” ที่อื่น พระภิกษุรูปนั้นไม่ทราบว่าพระ ประทักษ์ไปที่ไหน ซึ่งไม่ท�ำให้ธนุสประหลาดใจนัก อดีตหัวหน้ากองโจร คุ้นกับธรรมเนียมของพระกรรมฐานดีพอที่จะเข้าใจว่า เมื่อสิ้นพรรษาแล้ว พระภิกษุที่ถือและเคร่งในธุดงควัตรมักจะแยกย้ายกันเดินทางลึกเข้าไป ในที่สงบสงัด ซึ่งมักจะเป็นป่าลึก เพื่อใช้เป็นที่เจริญกรรมฐาน “โยมจะต้องการพบท่านประทักษ์ท�ำไม?” พระภิกษุหนุ่มเจ้าส�ำนัก ถามเขา ธนุสสังเกตเห็นว่าแววตาของพระภิกษุหนุ่มผู้นั้นใสบริสุทธิ์ “กระผมเคยเป็นเพื่อนกับท่านประทักษ์ครับผม” ชายร่างสูงผิวคล�้ำ ตอบอย่างนอบน้อมขณะพนมมือ “กระผมอยากจะให้ทา่ นแนะน�ำวิธปี ฏิบตั ิ ธรรม” “ท่านประทักษ์ท่านยังแนะน�ำใครไม่ได้หรอก อย่าไปกวนท่านเลย” ประโยคนัน้ มิได้เป็นทีค่ าดหมายของธนุส เขาเลิกคิว้ อย่างสนเท่หแ์ ละได้ยนิ พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นกล่าวต่อไปเสียงเนิบว่า “จะแนะน�ำคนอื่นได้ตัวเองต้องท�ำได้เสียก่อน ท่านประทักษ์ท่านรู้ ตัวเองดี ทีท่ า่ นออกจากทีน่ ไี่ ปก็เพราะต้องการจะไปหาทีท่ จี่ ะฝึกตัวท่านเอง ให้ได้” “หมายความว่า ท่านก็สอนไม่ได้หรือครับ?” ธนุสถามโพล่งออกไป อย่างยั้งไม่ทัน แต่เขาไม่เห็นปฏิกิริยาอย่างใดจากอีกฝ่ายหนึ่ง ได้ยินแต่ เสียงตอบเรียบๆ ว่า “ถูกแล้ว อาตมาก็สอนไม่ได้เหมือนกัน อาตมายังก�ำลังอยูใ่ นระหว่าง สอนตัวเอง” ธนุสนิ่ง เขามองเลยพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นไปเบื้องหลัง พระพุทธรูป ประธานองค์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชานั้นท�ำด้วยไม้แกะสลักฝีมือหยาบ หา ความวิจิตรพิสดารไม่ได้ พระภิกษุในภาพที่วางต�่ำลงมา ธนุสจ�ำได้ว่าคือ พระอาจารย์มนั่ ภูรทิ ตั โต ชายร่างสูงผิวคล�ำ้ เพิง่ ตระหนักในขณะนัน้ ว่าแวว 14 วสิษฐ เดชกุญชร
ตาของพระภิกษุหนุ่มเหมือนกับแววตาของพระอาจารย์มั่นในภาพราวกับ เป็นตาคู่เดียวกัน “โยมอยากจะปฏิบัติจริงๆ หรือ?” ค�ำถามนั้นก็มิได้เป็นที่คาดหมาย ของธนุสเช่นเดียวกัน อดีตหัวหน้ากองโจรพนมมือขึน้ พลางตอบว่า “กระผม อยากจะลองปฏิบัติจริงๆ ครับผม” “ไม่น่าจะยากอะไร บวชเรียนก็เคยแล้ว” พระภิกษุหนุ่มว่า ธนุส ไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของสาวกของพระพุทธเจ้าผู้นั้น แต่ตระหนักว่า ในใจของเขาเปีย่ มไปด้วยเมตตา “ถ้าอยากจะเรียนจริงๆ อาตมาจะแนะน�ำ ครูบาอาจารย์ให้” นั่นคือต้นเหตุของการเดินทางกลับไปยังสมรภูมิภูพานของธนุส
ธนุสไม่จ�ำเป็นจะต้องมีความรู้หรือประสบการณ์ในวิชาหรือการ จารกรรมเลยก็รู้ว่าเขาถูกติดตามตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มา แม้ ว ่ า ที มผู ้ ติ ด ตามเขาจะผลั ด เปลี่ ย นกั น ทั้ ง คนและยานพาหนะก่ อ นที่ รถยนต์ประจ�ำทางคันที่เขาโดยสารมาจะหยุดเป็นครั้งแรกที่นครราชสีมา เพื่ อ ให้ ผู ้ โ ดยสารพั ก ผ่ อ นเปลี่ ย นอิ ริ ย าบถและรั บ ประทานอาหารนั้ น โดยไม่ได้ตงั้ ใจ อดีตผูบ้ งั คับการกองก�ำลังรบนอกแบบส�ำรวจเพือ่ นร่วมทาง ของเขาทั้งคันรถตามนิสัยและสัญชาตญาณของเขา และสามารถจะบอก ได้ในไม่ช้าว่า ผู้โดยสารชายสองคนคอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลา แม้คน ทั้งสองจะแยกกันนั่ง คนหนึ่งนั่งหน้าและคนหนึ่งนั่งหลังเขาก็ตาม พอรู้ตัว ธนุสก็เริ่มสังเกตรถยนต์ที่แล่นอยู่ภายนอก และเห็นในไม่ช้าเช่นกันว่า รถยนต์กระบะบรรทุกที่ดัดแปลงเป็นรถแบบตรวจการณ์คันนั้นไม่ยอมทิ้ง ห่างรถประจ�ำทางคันที่เขาโดยสาร ถ้าหากไม่แล่นอยู่ข้างหลังก็แซงขึ้นไป ข้างหน้า ชั่วระยะหนึ่งก็ลดความเร็วให้รถยนต์ประจ�ำทางแล่นขึ้นหน้าไป เป็นเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อรถประจ�ำทางหยุดอีกครั้งหนึ่งที่จังหวัดเลย อันเป็นปลายทาง และธนุสต้องลงเปลี่ยนเป็นรถประจ�ำทางท้องถิ่นนั้น ชายสองคนก็เปลีย่ นไปขึน้ รถคันเดียวกับเขา รถออกจากจังหวัดเลยไปแล้ว อวสานสายลับ 15
ไม่นาน ธนุสก็แลเห็นรถยนต์กระบะบรรทุกที่ดัดแปลงเป็นรถแบบตรวจ การณ์คันนั้นอีก ชายร่างสูงผิวคล�้ำไม่รู้สึกวิตกหรือหวั่นไหวอย่างใดในการติดตาม ของคณะบุคคลที่เขายังไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด หากเป็นเมื่อก่อนธนุสคง จะเริ่มวางแผนหลบหลีกหรือตอบโต้แล้ว แต่คราวนี้ธนุสไม่มีความกระตือ รือร้นที่จะป้องกันตนเอง ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ เขาอยากจะนึกว่าตนเองหมด อาลัยตายอยากในชีวิต และก�ำลังท้าทายหรือเชิญชวนให้ใครก็ได้เข้ามา ท�ำอันตรายเขา แต่ธนุสก็รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ตรงกันข้าม ความ รู้สึกของเขาเป็นความรู้สึกที่แน่วแน่มั่นคง และเปี่ยมไปด้วยสติ ปราศจาก การท้าทายหรือเชิญชวน ธนุสรู้สึกแต่เพียงว่าเขาก�ำลังไม่หวั่นไหวกับการ คุกคามของใคร และยินดีที่จะเผชิญกับการคุกคามทุกรูปแบบโดยดุษณี เวลาของการตอบโต้แบบตาต่อตาหรือฟันต่อฟันส�ำหรับธนุส นิราลัยได้ สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าหากว่าในอดีตเขาได้ท�ำกรรมอันร้ายแรงเอาไว้ และบัดนี ้ ถึงเวลาที่เขาจะต้องใช้กรรมนั้นอย่างร้ายแรงดุจเดียวกัน ธนุสก็พร้อมที่จะ รับวิบากหรือผลแห่งกรรมของตนโดยไม่ตอบโต้หรือบ่ายเบี่ยง และธนุสก็ท�ำเช่นนั้นจริงๆ ตลอดทางตั้งแต่กรุงเทพฯ ไปจนถึง ภูเรือเขาปฏิบัติตัวตามปกติเหมือนไม่รู้ว่ามีใครก�ำลังติดตามเขาอยู่ด้วย วัตถุประสงค์อันใด ไม่หวาดวิตกและไม่ขบขันหรือสมเพชเมื่อเห็นฝ่ายที่ ติดตามแสดงกิริยาเก้อเขินหรือกระดากเมื่อสบตาเขาจังๆ หรือเผชิญหน้า กับเขาอย่างใกล้ชิดหลายครั้ง ธนุสรู้ว่าคนทั้งสองไม่ได้พกอาวุธอยู่กับตัว แต่เชื่อว่าในกระเป๋าถือของแต่ละคนมีทั้งปืนพกและเครื่องรับส่งวิทยุอยู่ เพราะลักษณะของกระเป๋าตุงและหนักกว่าปกติ และแม้จะรู้เช่นนั้นชาย ร่างสูงผิวคล�้ำก็ไม่รู้สึกอยากจะป้องกันตัว อะไรบางอย่างบอกธนุสว่า คน ทั้งสองคงไม่ต้องการที่จะท�ำอันตรายเขาในขณะนั้น เมื่อเขาลงรถที่ภูเรือเพื่อเดินขึ้นเขาไปยังส�ำนักสงฆ์แห่งนั้น การ ติดตามเขาเป็นอันยุติลง และธนุสก็เข้าใจเหตุผลของการหยุดติดตาม ผู ้ 16 วสิษฐ เดชกุญชร
ติดตามจะต้องรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะท�ำเช่นนั้น เพราะทางเดินแคบๆ สายนั้นมีอยู่สายเดียวตรงขึ้นไปยังส�ำนักสงฆ์แห่งนั้นเท่านั้น ถ้ามีใครโง่ ตามขึ้นไปผู้ถูกตามจะต้องรู้ตัวอย่างแน่นอน นอกจากนั้น ธนุสไม่มีทาง ที่จะเดินออกจากส�ำนักสงฆ์นั้นไปที่อื่น เขาจะต้องกลับลงมายังเชิงเขาลูก นั้นโดยใช้เส้นทางสายเดียวกัน ผู้ติดตามเพียงแต่คอยอยู่ที่เชิงเขาเท่านั้น ธนุสจะต้องเดินกลับลงมาหาเองไม่ช้าก็เร็ว และก็เป็นไปดังที่ธนุสคาด เมื่อชายร่างสูงผิวคล�้ำกลับลงมายังเชิง เขาเพื่อคอยขึ้นรถยนต์ประจ�ำทางที่จะน�ำเขากลับไปยังจังหวัดเลย ในรถ ยนต์คันนั้นก็มีชายสองคนนั้นนั่งคอยเขาอยู่แล้วด้วยอาการเก้อเขินอย่าง เคย และหลังจากที่รถแล่นออกไปได้ไม่นาน รถยนต์กระบะบรรทุกคันนั้น ก็แล่นขึ้นหน้าไป พักใหญ่ต่อมารถยนต์กระบะบรรทุกคันนั้นก็ลดความเร็ว ลง ปล่อยให้รถยนต์ประจ�ำทางคันที่ธนุสโดยสารแซงขึ้นไปแล่นอยู่เบื้อง หน้าบ้าง ตลอดเกมเอาเถิดเจ้าล่อนั้นธนุสหลับสนิทอยู่ในท่านั่งตัวตรงโดย มิได้เอาใจใส่กับผู้ใดทั้งสิ้น ดังที่ธนุสคาดเอาไว้เมื่อเขาลงจากรถยนต์ประจ�ำทางคันสุด ท้ายและเริ่มเดินขึ้นไปบนภูในเทือกภูพานลูกนั้น คณะผู้ติดตาม เขาทัง้ หมดก็หยุดปฏิบตั กิ ารติดตาม ทุกคนคงจะคอยให้เขากลับลง ไปอีก แต่คราวนี้คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้องคอยนานถึงเพียงนั้น
อวสานสายลับ 17
๒
เมือ่ ธนุสก้าวเข้าไปในลานกว้างบนไหล่เขาลูกนัน้ เขาตระหนักทันที ในความสงัดของสถานที ่ ศาลาทีต่ งั้ อยูต่ รงหน้าเขานัน้ เป็นศาลาโล่งชัน้ เดียว ยกพืน้ สูงเพียงแค่อก ศาลาหลังนัน้ สร้างด้วยไม้และมุงกระเบือ้ ง ทัง้ ไม้และ กระเบือ้ งเก่า แต่เมือ่ ธนุสใกล้เข้าไป เขาจึงเห็นชัดว่าไม้เป็นไม้เนือ้ แข็ง และ คงจะมีอายุทนทานไปอีกนาน ชายร่างสูงผิวคล�ำ้ ถอดรองเท้าก่อนแล้วจึงขึน้ บันไดไป เขาเห็นต่อไปอีกว่าพื้นไม้ของศาลาหลังนั้นสะอาด ธนุสแลเห็นพระพุทธรูปหลายองค์ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชาเบื้องหน้า เขาเดินกระโหย่งปลายเท้าเข้าไปหมายจะกราบพระพุทธรูป เมือ่ ใกล้เข้าไป เขาจึงเห็นว่าที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งเขานึกทีแรกว่าเป็น รูปปั้นนั้น แท้จริงเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ มือซ้อนกันอยู่เหนือ ตัก ธนุสเข้าไปกราบพระพุทธรูปก่อนแบบเบญจางคประดิษฐ์ แล้วจึง คลานไปกราบพระภิกษุสงฆ์รูปนั้น เมื่อกราบครบสามครั้งและนั่งพับเพียบ ลงเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเห็นว่าพระภิกษุรูปนั้นจ้องมองดูเขาอยู่ แววตาของ ท่านใสและแหลมคมเหมือนปลายหอก 18 วสิษฐ เดชกุญชร
“กระผมชื่อธนุส นิราลัยครับผม” เขาพนมมือรายงานตัวเมื่อ แน่ใจว่าพระภิกษุรูปนั้นจะไม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ท่านวันชัยที่วัดป่าสว่าง ภูเรือ แนะน�ำให้กระผมมาหาท่านอาจารย์มุขที่นี่ครับผม” เมื่อเห็นว่าพระภิกษุรูปนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะปริปาก อดีตหัวหน้า กองโจรก็ถามโพล่งออกไปว่า “ขอประทานโทษท่านคือท่านอาจารย์มุขใช่ไหมครับ?” “มีคนอื่นมาด้วยหรือ” แทนที่จะตอบค�ำถาม พระภิกษุรูปนั้นกลับ ถามขณะทีม่ องผ่านเขาไปเบือ้ งหลัง ธนุสหันไปมองตามและไม่เห็นผูใ้ ดหรือ สิ่งใด เขาหันกลับมาและตอบโดยยังพนมมืออยู่ว่า “กระผมมาคนเดียวครับผม” พระภิกษุรูปนั้นยังจ้องไปข้างหลังของธนุสอยู่อีกครู่หนึ่ง ครั้นแล้ว ท่านจึงบอกและถามเขาว่า “อาตมานี่แหละชื่อมุข คุณธนุสมีธุระอะไรหรือ?” “กระผมอยากจะมาบวชครับผม” ธนุสตอบตามตรง “จะบวชไปท�ำไม?” ค�ำถามนั้นฟังคล้ายประชดประชัน แต่น�้ำเสียง ของพระภิกษุมุขเรียบไม่ส่อเจตนาเช่นนั้น “กระผมอยากจะปฏิบัติธรรมให้จริงจังครับผม” ธนุสตอบด้วยน�้ำ เสียงนอบน้อม ประสบการณ์ที่ได้รับจากการสอบสวนผู้ต้องหาและเชลย มาเป็นจ�ำนวนมากท�ำให้เขารู้สึกว่าตนก�ำลังถูกสอบสวนอยู่ “ท�ำไมจึงอยากจะปฏิบัติธรรมให้จริงจัง? เคยปฏิบัติธรรมมาอย่าง ลุ่มๆ ดอนๆ หรือเล่นหัวยังงั้นหรือ?” ตาทั้งคู่ของพระอาจารย์มุขจับอยู่ท ี่ ธนุสอย่างแน่วแน่อยู่ตลอดเวลาที่ถาม แววตานั้นและค�ำถามนั้นท�ำให้ ชายร่างสูงผิวคล�้ำตัดสินใจที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง “งานทีก่ ระผมเคยท�ำมีลกั ษณะเป็นบาปอยูม่ ากครับผม ถึงแม้กระผม จะพอรู้ว่าธรรมะหมายความว่ายังไง และการปฏิบัติควรจะเป็นยังไง แต่ กระผมก็ไม่สามารถจะท�ำได้เต็มที ่ เวลานีก้ ระผมพ้นหน้าทีม่ าแล้ว จึงอยาก จะปฏิบัติให้จริงจัง” อวสานสายลับ 19
“คุณธนุส” พระภิกษุมขุ เรียกชือ่ เขาเป็นครัง้ แรก ธนุสรูส้ กึ ประหลาด และสะกิดใจที่ส�ำเนียงที่ใช้เรียกชื่อเขานั้นไม่เคอะเขิน เหมือนกับว่าท่าน เคยเรียกชือ่ นัน้ มาแล้ว หรือรูจ้ กั เขามาเป็นเวลานาน “คุณเองก็เคยบวชเรียน มาแล้ว คงจะรูด้ วี า่ ความเป็นพระนัน้ หมายความว่ายังไง กินความแค่ไหน” ธนุสทบทวนความจ�ำและระลึกได้ในทันทีว่า เขายังไม่เคยปริปาก กับพระอาจารย์มุขว่าเขาเคยอุปสมบทเป็นพระภิกษุมาแล้ว และระลึก ขึ้นได้ในขณะเดียวกันด้วยว่า ที่ส�ำนักสงฆ์ป่าสว่างอ�ำเภอภูเรือจังหวัด เลย พระภิกษุวันชัย ผู้แนะน�ำเขาให้มาพบกับอาจารย์มุข ก็ปรารภว่าเขา เคย “บวชเรียน” มาแล้ว ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่เคยบอกพระภิกษุหนุ่มรูปนั้น ว่าเขาเคยอุปสมบทเช่นเดียวกัน พระสองรูปนี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาเคย “บวช เรียน” มาแล้ว? “อาตมาคิดว่า คุณคงอยากจะปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตสงบมากกว่า อย่างอื่น” พระภิกษุมุขกล่าวต่อไป “ถ้าหากเป็นอย่างนั้น ก็ยังไม่จ�ำเป็น จะต้องบวชในขณะนี้ เป็นพระจะต้องถือศีลถึง ๒๒๗ ข้อ ถ้าต้องการเพียง ให้ใจสงบ ถือศีลน้อยข้อก่อนก็ได้” “กระผมอยากจะเป็นพระ อยากถือศีลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อจะได้มีอะไรที่บังคับตัวเองมากๆ” ธนุสบอกอย่างไม่ปิดบัง “ที่เรียกว่าศีลนั้น ส�ำหรับพระคือวินัย” พระอาจารย์มุขบอก ขณะ นั้นความมืดเริ่มเข้าครอบคลุมบริเวณนั้น แต่ธนุสยังพอแลเห็นรอยยิ้ม ของท่าน “การละเมิดวินัยส� ำหรับพระเป็นอาบัติ และมีการปรับอาบัติ ส�ำหรับพระวินัยทุกข้อ แรงบ้าง เบาบ้าง ต่างกับการละเมิดศีลของคนที่ ไม่ได้เป็นพระ ภาพที่ปรากฏออกมาไม่เหมือนกัน และผลที่กระทบทางใจ ก็ไม่เหมือนกัน อาตมาคิดว่าในขั้นต้นนี้ เพื่อความบริสุทธิ์สะอาดของพระ ศาสนา และเพือ่ ความสบายใจของคุณเอง อย่าเพิง่ บวชจะดีกว่า แสดงตัว เป็นพุทธมามกะ แล้วถือศีลตามก�ำลังของตัวเอง จะถือห้าข้อก็ได้ แปดข้อ ก็ได้ เอาไว้เมื่อแน่ใจแล้วค่อยมาหารือกันเรื่องบวช” “แต่ผมแน่ใจแล้วครับผม” ธนุสตอบอย่างดื้อดึง เขาต้องยอมรับว่า 20 วสิษฐ เดชกุญชร
ค�ำว่า “เพื่อความบริสุทธิ์สะอาดของพระศาสนา” นั้น ฟังแล้วเป็นการสบ ประมาทเขาโดยตรง และท�ำให้เขาเกิดความรูส้ กึ อยากจะท้าทายขึน้ มาทันที “คุณธนุสอาจจะแน่ใจแล้ว แต่อาตมายังไม่แน่ใจ” ค�ำตอบของ พระภิกษุมุขเป็นการตัดบทอย่างเด็ดขาด ธนุสนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเกือบ จะบอกลาพระภิกษุรูปนั้นทันที แต่ความมีเหตุผลยั้งเขาไว้ได้ทัน “ถ้ายังงั้น” เสียงของธนุสเรียบ “ก็สุดแล้วแต่ท่านอาจารย์เถิดครับ” “เณร พาคุณธนุสไปทีก่ ฏุ หิ มายเลข ๑๘” พระอาจารย์มขุ ออกค�ำสัง่ ธนุสหันหลังไปดูด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้ตระหนักว่าเณรน้อยอายุ ไม่เกิน ๑๕ ปี ผู้ซึ่งนั่งคุกเข่าพนมมืออยู่ข้างหลังเขานั้นย่างเข้ามาตั้งแต่ เมื่อใด เมื่อเห็นว่าเณรแสดงกิริยาว่าพร้อมที่จะน�ำเขาไปในขณะนั้น ธนุส ก็หันไปกราบพระอาจารย์มุข “คืนนีพ้ กั ผ่อนเสียก่อน ภาวนาตามอัธยาศัยก็แล้วกัน” พระภิกษุเจ้า ส�ำนักบอก “แล้วก็อย่านัง่ หรือนอนให้มากเกินไป ประเดีย๋ วจะฟุง้ ซ่าน ออก มาเดินจงกรมเสียบ้าง คุณเป็นนักเดินไม่ใช่รึ” ธนุสถอยออกมาด้วยความประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง ในชีวิตของเขา เขาเคยเดินมาแล้วเป็นระยะทางไกลสุดคณนา ส่วนใหญ่เป็นการเดินลาด ตระเวนเสี่ยงอันตรายนานาชนิดในสนาม แต่พระอาจารย์มุขรู้ได้อย่างไร ในเมื่อเขายังมิได้ปริปากเล่าประวัติ หรือประสบการณ์ของเขาให้ท่านฟัง เลยแม้แต่น้อย ธนุสหิ้วเป้เดินตามสามเณรผู้นั้นไปท่ามกลางความขมุกขมัวของ สนธยา สามเณรถือไฟฉายก้าวขึ้นไปตามความลาดชันของภูเขาลูกนั้น อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว ชายร่างสูงผิวคล�้ำเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ “เณรชื่ออะไรครับ?” อดีตหัวหน้ากองโจรร้องถาม “ผมชือ่ อุปถัมภ์ครับ” สามเณรตอบโดยไม่หนั หน้ากลับมา เสียงของ เขาแปร่งบอกความเป็นชาวอีสาน “คุณล่ะชื่ออะไร” เมือ่ ธนุสบอกชือ่ ของเขาแล้ว สามเณรปรารภต่อไปด้วยประโยคทีจ่ ดุ ความประหลาดใจและตื่นเต้นของธนุสให้ลุกโพลงขึ้นทันที อวสานสายลับ 21
“คุณนี่ต้องแน่จริงๆ นะครับ ถ้าไม่ยังงั้นท่านอาจารย์คงไม่จัดกุฏิ หมายเลข ๑๘ ให้คุณหรอก” “ท่านอาจารย์จัดให้?” ธนุสทวนค�ำ “ท่านอาจารย์จัดให้ตั้งแต่เมื่อ ไหร่กันครับ?” “เมื่อเช้านี้เอง” สามเณรอุปถัมภ์ตอบก่อนที่จะกระโดดสูงขึ้นไป ตามหินก้อนใหญ่ที่ระเกะระกะอยู่เบื้องหน้า “คุณรู้จักท่านอาจารย์มานาน แล้วหรือครับ?” ธนุสเกือบจะตอบออกไปตามตรงว่า เขาเพิง่ จะพบพระอาจารย์มขุ ใน วันนั้น แต่ความสนใจในเรื่องอื่นของเขามีมากกว่า ชายร่างสูงผิวคล�้ำถาม ต่อไปว่า “เณรหมายความว่ายังไงกันที่ว่าผมจะต้อง ‘แน่จริงๆ’ ท่านอาจารย์ จึงจัดให้อยู่ที่กุฏิหมายเลขที่ ๑๘ กุฏิห้องนั้นมีความพิเศษยังไงหรือครับ?” “ผมไม่รู้” น�้ำเสียงของสามเณรตรงกันข้ามกับค�ำถามนั้น “แต่ถ้าให้ ผมไปอยู่คนเดียวผมไม่เอา” “ท�ำไมหรือครับ?” ธนุสซักด้วยความอยากรู้จริงๆ “เคยมีเหตุการณ์ อะไรที่กุฏินั้นหรือยังไง ผีดุหรือ?” สามเณรอุปถัมภ์หยุดเหมือนถูกฉุด เขาหันกลับมามองดูธนุส ใน ความมืดเช่นนั้นยากที่ธนุสจะบอกได้ว่าแววตาของสามเณรวัยรุ่นผู้นั้น บอกความหวาดกลัวหรือความไม่สบอารมณ์ “คุณธนุสลองนอนดูเองก็แล้วกัน” ประโยคนั้นไม่ท�ำความกระจ่าง กว่าเดิมให้ผู้ฟัง “มีอะไรก็คงรู้” กุฏิหลังนั้นสร้างด้วยไม้หยาบๆ และมุงด้วยสังกะสี ขนาดของกุฏิ เล็กจนธนุสเชื่อว่าเขาคงท�ำอะไรภายในกุฏิไม่ได้นอกจากนั่งหรือนอน กุฏิ หลังเล็กนี้ยกพื้นสูงลิ่วจนท�ำให้ธนุสนึกถึงห้างยิงสัตว์ที่เขาเคยเห็นในป่า ขณะที่หัวหน้าอดีตกองโจรถามตนเองอยู่ในใจว่าในป่าบนเขาลูกนี้จะยังมี สัตว์ป่าชนิดใดหลงเหลืออยู่หรือไม่นั้นเอง สามเณรอุปถัมภ์ก็บอกให้เขา ขึ้นไปบนกุฏิ ธนุสขึ้นบันไดซึ่งค่อนข้างชันนั้นขึ้นไป โดยมีสามเณรอุปถัมภ์ 22 วสิษฐ เดชกุญชร
ตามขึ้นไปติดๆ ธนุสเปิดประตูแล้วเข้าไปในห้อง จากแสงไฟฉายของ สามเณรเขาแลเห็นเสื่อผืนหนึ่งปูไว้บนพื้น สุดเสื่อที่ฝากุฏิมีหมอนใบเล็กๆ วางอยูท่ ปี่ ลายเสือ่ อีกด้านหนึง่ มีผา้ ห่มพับวางเอาไว้เรียบร้อย ทัง้ เสือ่ หมอน และผ้าห่มเป็นของใหม่ หรือมิฉะนัน้ ก็ได้รบั การเอาใจใส่ดแู ลจนอยูใ่ นสภาพ เหมือนใหม่ ธนุสส่องไฟฉายสูงขึ้นไปแทนที่จะพบมุ้ง เขาเห็นกลดสีน�้ำตาลวาง อยู่เหนือเสื่อผืนนั้น ชายกลดซึ่งท�ำด้วยผ้ามุ้งโปร่งรวบและขมวดไว้อย่าง เรียบร้อย สามเณรอุปถัมภ์จุดตะเกียงโคมรั้วขึ้น แสงสีส้มของตะเกียงสาดไป ทั่วห้อง ธนุสเห็นภาพถ่ายของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตใส่กรอบแขวนอยู่ บนฝาห้องเหนือหมอน บนหิ้งใต้ภาพนั้นมีกระถางธูปเล็กๆ อันหนึ่งวางอยู่ กระหนาบด้วยเชิงเทียน บนพื้นข้างฝาอีกด้านหนึ่งมีขวดน�้ำดื่ม กระติกน�้ำ ร้อน แก้วน�้ำ และกระดาษช�ำระที่ยังไม่ได้แกะห่อออกวางอยู่ใกล้ๆ กับห่อ ธูป กล่องเทียน และกลักไม้ขีดไฟ “ห้องน�้ำอยู่ข้างล่าง” สามเณรอุปถัมภ์บอกพลางชี้นิ้วประกอบ “ท่านอาจารย์ตนื่ นอนเวลาตีส ี่ แต่ไม่ลงมาข้างล่างจนกว่าจะหกโมง เจ็ดโมง จึงออกบิณฑบาต ก่อนหกโมงสักเล็กน้อยคุณธนุสจะไปคอยพบก็ได้ สามเณรอุปถัมภ์จากไปด้วยกิริยาที่บอกชัดว่ากระตือรือร้น และ ไม่ปรารถนาจะเสียเวลาต่อไปอีก ในทันทีทสี่ ามเณรลับตา ธนุสก็เริม่ เปลีย่ น เครื่องแต่งกาย เขานุ่งผ้าขาวม้าและห่มผ้าเช็ดตัวแล้วหิ้วตะเกียงลงไปยัง “ห้องน�้ำ” และพบว่ามันไม่มีฝา หากประกอบด้วยโอ่งใบย่อมๆ วางอยู่ใต้ ก๊อกน�ำ้ ชายร่างสูงผิวคล�ำ้ ลองเปิดก๊อกน�ำ้ ดูและรูส้ กึ ยินดีทเี่ ห็นน�ำ้ ไหลออก มาอย่างแรง ธนุสสันนิษฐานว่าน�้ำคงจะมาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งในเขา ลูกนั้น เมื่ออาบน�้ำแล้ว ธนุสแต่งกายด้วยเสื้อกางเกงแบบพื้นเมืองเหนือ ย้อมด้วยครามทีเ่ รียกว่า “หม้อห้อม” ซึง่ เป็นชุดนอนทีเ่ ขาชอบใช้เวลาอยูใ่ น ชนบทนอกสนามรบ อดีตผูบ้ งั คับบัญชาการกองก�ำลังรบนอกแบบตระหนัก อวสานสายลับ 23
ในความโดดเดี่ยวของคนในขณะนั้น เสียงจักจั่นเรไรและแมลงชนิดอื่น ร้องแข่งกันอยู่แซ่ป่า แทรกด้วยเสียงนกกลางคืนที่ธนุสไม่รู้จักชื่อแต่คุ้นหู เพราะเคยได้ยนิ เสียงของมันอยูเ่ สมอๆ เมือ่ ครัง้ ทีเ่ ขายังท�ำงานเสีย่ งอันตราย อยู่ในป่า เมื่ออยู่คนเดียว ธนุสก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงอดีตทั้งที่หวานชื่น และขื่นขม ทั้งที่สวยสด งดงาม และที่น่าเกลียดกลัว เขาคิดถึงล�ำเพา หญิงคนรัก อดีตนายต�ำรวจสันติบาลสาว ซึ่งเขาเชื่อว่าก�ำลังเดินอยู่บน ทางสายทีข่ นานไปกับทางเดินของเขา และไม่มวี นั ทีจ่ ะได้บรรจบพบกันอีก ขณะนั้ น เอง เสี ย งที่ คุ ้ น หู ธ นุ ส นั ก หนาก็ ดั ง มากระทบโสต ประสาทของอดีตหัวหน้ากองโจร มันคือเสียงของฝีเท้าที่บรรจง เหยียบลงบนพื้น โดยเจ้าของเท้าเจตนาที่จะให้เบาที่สุดเท่าที่จะ ท�ำได้ ประสาททุกเส้นของธนุสเต้นเร่าเมื่อเจ้าตัวตระหนักว่า เจ้า ของเท้าคู่นั้นมาร้าย มิใช่มาดีแน่นอน
24 วสิษฐ เดชกุญชร