หากหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่การเสริมสร้าง ประชาธิปไตยของไทยแล้ว ก็ขอให้ประโยชน์ดังกล่าว เป็นเครื่องร�ำลึกถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและบรรดา เสรีชนทั้งหลาย ที่มีส่วนในการผลักดันกงล้อประวัติศาสตร์ และสร้างสรรค์ประชาธิปไตยจาก พ.ศ.๒๔๗๕ จวบจนปัจจุบัน
เสนาธิปไตย
รัฐประหารกับการเมืองไทย
Militocracy: Military Coup and Thai Politics
ศาสตราจารย์ ดร. สุรชาติ บ�ำรุงสุข
กรุงเทพมหานคร ส�ำนักพิมพ์มติชน ๒๕๕๘
เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย • สุรชาติ บ�ำรุงสุข พิมพ์ครั้งแรก : สำ�นักพิมพ์มติชน, มกราคม ๒๕๕๘ ราคา ๒๒๐ บาท
ข้อมูลทางบรรณานุกรม สุรชาติ บำ�รุงสุข, เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๘. ๓๐๔ หน้า. ๑. รัฐประหาร--ไทย. I. ชื่อเรื่อง. ๓๒๐.๕๙๕๓ ISBN 978 - 974 - 02 - 1356 - 7
ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : อารักษ์ คคะนาท, สุพจน์ แจ้งเร็ว, สุชาติ ศรีสุวรรณ, ปิยชนน์ สุทวีทรัพย์, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์, นงนุช สิงหเดชะ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : กิตติวรรณ เทิงวิเศษ • รองผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : รุจิรัตน์ ทิมวัฒน์ บรรณาธิการบริหาร : สุลักษณ์ บุนปาน • บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : พัลลภ สามสี บรรณาธิการเล่ม : สุพรรณี สงวนพงษ์ • นักศึกษาฝึกงาน : ทะเลดาว เจริญสมบัติ, อรไพลิน ดุลยพิจารณ์ พิสูจน์อักษร : บุญพา มีชนะ • กราฟิกเลย์เอาต์ : กิตติชัย ส่ งศรีแจ้ง ออกแบบปก-ศิลปกรรม : สิรพิ งษ์ กิจวัตร • ประชาสัมพันธ์ : สุภชัย สุชาติสธุ าธรรม
หากท่านต้องการสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้จ�ำนวนมากในราคาพิเศษ เพื่อมอบให้วัด ห้องสมุด โรงเรียน หรือองค์กรการกุศลต่างๆ โปรดติดต่อโดยตรงที่ บริษัทงานดี จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2580-0021 ต่อ 3353 โทรสาร 0-2591-9012
www.matichonbook.com บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) : ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๑๒๓๕ โทรสาร ๐-๒๕๘๙-๕๘๑๘ แม่พิมพ์สี-ขาวดำ� : กองงานเตรียมพิมพ์ บริษัทมติชน จำ�กัด (มหาชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๒๔๐๐-๒๔๐๒ พิมพ์ที่ : โรงพิมพ์มติชนปากเกร็ด ๒๗/๑ หมู่ ๕ ถนนสุขาประชาสรรค์ ๒ ตำ�บลบางพูด อำ�เภอปากเกร็ด นนทบุร ี ๑๑๑๒๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๔-๒๑๓๓, ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๖ โทรสาร ๐-๒๕๘๒-๐๕๙๗ จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัทงานดี จำ�กัด (ในเครือมติชน) ๑๒ ถนนเทศบาลนฤมาล ประชานิเวศน์ ๑ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๘๐-๐๐๒๑ ต่อ ๓๓๕๐-๓๓๕๓ โทรสาร ๐-๒๕๙๑-๙๐๑๒ Matichon Publishing House a division of Matichon Public Co., Ltd. 12 Tethsabannarueman Rd, Prachanivate 1, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand หนังสือเล่มนี้พิมพ์ด้วยหมึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อปกป้องธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อ่าน
สารบัญ
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้เขียน
๘ ๑๐
อารัมภบท เสียงบ่นในอุโมงค์ที่พอมองเห็น แสงสว่างร�ำไรที่ปลายทาง!
๑๖
ตอนที่ ๑ ทหารกับการเมืองไทย ๑) ยุคก่อน ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ๒) ยุคหลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖
๒๗ ๒๙ ๓๗
ตอนที่ ๒ ทหาร-การเมือง-สังคม ๓) เสนาศึกษา-ศึกษาเสนา ๔) ทหารในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง
๔๕ ๔๗ ๕๔
ตอนที่ ๓ บริบททางทฤษฎี ๕) รัฐประหารคืออะไร? ๖) ความเหนือกว่าทางการเมืองของทหาร ๗) ทหารกับการแทรกแซงการเมือง ๘) อุดมการณ์ทหารไทย
๖๓ ๖๕ ๗๑ ๗๗ ๘๔
ตอนที่ ๔ บริบทของความสัมพันธ์พลเรือน-ทหาร ๙) ประเด็นปัญหาในความสัมพันธ์ พลเรือน-ทหารไทยปัจจุบัน ๑๐) บทเรียนรัฐประหาร รสช. ๑๑) กองทัพกับประชาธิปไตยหลัง ๒๕๔๙ ๑๒) สังคมไทยกับทหาร ๑๓) รัฐประหารกับสังคมไทย-มุมมองทางทฤษฎี ๑๔) อุดมการณ์ต่อต้านการเมือง
๙๓ ๙๕ ๑๐๑ ๑๐๘ ๑๑๖ ๑๒๓ ๑๓๐
ตอนที่ ๕ บริบทภายในกองทัพ ๑๕) จากยังเติร์กสู่บูรพาพยัคฆ์ ๑๖) กบฏทหาร ๑๗) กระบวนการสร้างความเป็นสถาบัน ของอ�ำนาจทหาร ๑๘) พรรคทหาร ไม่ใช่พรรครัฐประหาร ๑๙) ความแตกแยกและร้าวฉานในกองทัพ ๒๐) กองทัพกับวิกฤตการเมืองไทย
๑๓๗ ๑๓๙ ๑๔๗
ตอนที่ ๖ บริบทโลกาภิวัตน์ ๒๑) ประชาธิปไตยจากภายนอก ๒๓) โลกล้อมรัฐ : ตัวแบบไทย VS ตัวแบบอียิปต์ ๒๒) เส้นทางสู่กองทัพประชาธิปไตย ๒๔) Sick Man of Asia
๑๘๙ ๑๙๑ ๑๙๘ ๒๐๖ ๒๑๔
๑๕๓ ๑๖๔ ๑๗๑ ๑๗๙
ตอนที่ ๗ ปฏิรูปทหาร ๒๕) ปฏิรูป VS คงเดิม ๒๖) จะโยกย้ายทหารอย่างไรดี
๒๒๓ ๒๒๕ ๒๓๓
ตอนที่ ๘ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตยต่อกองทัพไทย ๒๗) สร้างทหารอาชีพไทย ๒๘) จะปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิรูปกองทัพ จะปฏิรูปกองทัพ ต้องปฏิรูปการเมือง
๒๔๑ ๒๔๓
ตอนที่ ๙ ปัญหาและผลกระทบ ๒๙) บาดแผลรัฐประหาร ๓๐) ความท้าทายส�ำหรับผู้น�ำทหารหลัง ๒๕๔๙ และข้อคิดส�ำหรับผู้น�ำทหารหลัง ๒๕๕๗
๒๕๗ ๒๕๙ ๒๗๔
บทส่งท้าย The Sarit Model
๒๘๔
ปัจฉิมลิขิต ทหารกับการเมืองในบริบททางภาษา
๒๙๐
หนังสืออ่านเพิ่มเติม ประวัติผู้เขียน
๒๙๔ ๓๐๐
๒๕๐
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์
ขณะที่ประเทศไทยถูกย้อมด้วยลายพรางของการขึ้นสู่อ�ำนาจ โดยกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ หลายประเทศก�ำลังด�ำเนินตามแนวทางประชา ธิปไตยที่ประเทศโลกเสรีส่วนใหญ่ยึดเป็นหลักในการปกครองตั้งแต่ หลังยุคสงครามเย็น ผู้น�ำรัฐประหารจึงก�ำลังอยู่ในสภาพ “โลกล้อมรัฐ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องที่ห่าง ไกลคนไทยอีกแล้ว ในฐานะประเทศที่มีการท�ำรัฐประหารมากที่สุด เป็นล�ำดับ ๔ ของโลก (ตามข้อมูลที่องค์กร The Center of Systemic Peace (CSP) เสนอไว้เมือ่ ปี ๒๐๑๓) “กองทัพ” เป็นปัจจัยส�ำคัญในการ ควบคุมและขับเคลื่อนให้ระบอบนี้เกิดขึ้นซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า อีกทั้งยังได้รับ การสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ต้องการ “รักษาเสถียรภาพ” ของประเทศ การรัฐประหารจึงเผชิญกับความท้าทายอย่างมากต่อปัญหาความชอบ ธรรมและมูลค่าทางการเมืองที่ต้องสูญเสีย
8 สุรชาติ บ�ำรุงสุข
แม้การพัฒนาประชาธิปไตยต้องอาศัยเครื่องมือหลายอย่าง แต่ปัจจัยส�ำคัญอย่างหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ต้องการน�ำเสนอ คือ การ พัฒนากองทัพและความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองพลเรือนกับทหาร โดยหยิบยกเอาทฤษฎีทางรัฐศาสตร์มาอธิบายประกอบ และเสนอทาง ออก “ความเป็นทหารอาชีพ” และการปฏิรปู กองทัพ พร้อมกับชีใ้ ห้เห็น กรณีศึกษาของประเทศอื่นๆ ที่สามารถผ่านพ้นจนเดินเข้าสู่เส้นทาง ประชาธิปไตย ประเด็นเหล่านี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้เชี่ยว ชาญด้านยุทธศาสตร์ ความมัน่ คง และทหารอย่าง ศาสตราจารย์ ดร. สุรชาติ บ�ำรุงสุข ซึง่ จะช่วยให้เราเข้าใจ “รัฐประหารกับการเมืองไทย” ได้ดียิ่งขึ้น ใช่ว่าสภาพทางการเมืองที่เป็นอยู ่ ณ ขณะนี้จะไม่มีทางออกอื่น ที่พอจะเป็นความหวัง ดังที่ผู้เขียนกล่าวไว้ว่า วันนีเ้ ราอาจจะมองไม่เห็นแสงสว่างทีป่ ลายอุโมงค์ในปัญหา ทหารกับการเมืองไทย แต่ก็ใช่ว่าอุโมงค์จะมืดทึบจนมองไม่เห็น แสงสว่างใดๆ เลย ส�ำนักพิมพ์มติชน
เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย 9
L
ค�ำน�ำผู้เขียน “ถ้ามีบทเรียนใดที่การล่มสลายของรัสเซียและยูโกสลาเวีย จะบอกแก่เราแล้ว สิ่งนั้นก็คือระยะเปลี่ยนผ่านสู่ประชา ธิปไตยไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด... และในกรณี ข อง อียิปต์ก็เป็นเช่นเดียวกัน” มาร์ธา มอลฟีทาซ “Egyptian Militocracy” <www.globalpolicyjournal.com>, ๒๒ มิถนุ ายน ค.ศ.๒๐๑๒
L
งานเขียนเล่มนี้เป็นหนังสือ “กึ่งทฤษฎี” ว่าด้วยเรื่องของบทบาท ทหารกับการเมือง ซึ่งครั้งหนึ่งหัวข้อนี้แทบจะกลายเป็น “วาระตกยุค” ไปแล้ว เพราะหลังจากความส�ำเร็จของชัยชนะของประชาชนในการ ต่อสู้กับการแทรกแซงของทหารในการเมืองไทยใน พ.ศ.๒๕๓๕ นั้น ผูค้ นในสังคมไทยดูจะเชือ่ มัน่ ว่าหลังจากเหตุการณ์ดงั กล่าว ทหารน่าจะ ถอนตัวออกไปจากการเมือง และประเทศไทยจะก้าวสู่ความส�ำเร็จของ กระบวนการสร้างประชาธิปไตยได้ไม่แตกต่างกับปรากฏการณ์ที่เรียก ในทางทฤษฎีว่า “Democratic Consolidation” เช่นที่เกิดขึ้นในยุโรป ใต้หรือในละตินอเมริกา แต่ดว้ ยเงือ่ นไขแบบ “ไทยๆ” เราก็กา้ วสูก่ ารรัฐประหารอีกจนได้ ใน พ.ศ.๒๕๔๙ และแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า แล้วเราก็เปิดประตูสู่การ ยึดอ�ำนาจอีกครั้งใน พ.ศ.๒๕๕๗ จาก พ.ศ.๒๕๓๔ สู่ พ.ศ.๒๕๔๙
10 สุรชาติ บ�ำรุงสุข
เรื่อยมาจนกระทั่ง พ.ศ.๒๕๕๗ ดูจะให้ค�ำตอบประการเดียวว่า การ เมืองไทยยังคงอยู่ในวังวนแห่ง “วัฏสงสาร” ของการรัฐประหารและ การสร้างประชาธิปไตยอย่างไม่รู้จบ (และไม่ต่างจากค�ำเตือนในข้าง ต้น) อย่างน้อยจะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะก้าวสู่ความเป็น “ประชาคม” ในปลาย พ.ศ.๒๕๕๘ สังคมการเมือง ไทยกลับเดินสวนทางสู่ประชาคมอาเซียนด้วยการยึดอ�ำนาจ แตกต่าง จากการก้าวสู่ประชาธิปไตยของเมียนมาร์ หรือแตกต่างอย่างมากจาก การเดินสูก่ ารสร้างความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตยในอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จนหลายคนก�ำลังกังวลว่า ไทยก�ำลังจะกลายเป็น “คน ป่วยแห่งเอเชีย” หรือไม่? หนั ง สื อ เล่ ม นี้ เ ป็ น การรวมบทความที่ เ คยตี พิ ม พ์ ใ น “มติ ช น สุดสัปดาห์” มาแล้ว และน�ำมาแก้ไขปรับปรุงใหม่ โดยพยายามจะ น�ำเสนออย่างสังเขปในทางทฤษฎีเรื่องทหารกับการเมือง และในอีก ด้านหนึ่งก็พยายามน�ำมาประยุกต์ใช้ในกรณีของไทย แม้จะไม่สามารถ น�ำทฤษฎีมาใช้ทดสอบได้กับทุกประเด็นของปัญหานี้ก็ตาม ในอีกส่วน หนึ่งก็ทดลองน�ำเสนอถึงแนวคิดของการจัดความสัมพันธ์พลเรือน- ทหาร ที่อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยและเงื่อนไขของการลดโอกาสของ การรัฐประหารในการเมืองไทยลงได้บ้าง (อย่างน้อยในทางทฤษฎี!) แม้ ห นั ง สื อ เล่ ม นี้ อ าจจะไม่ ช ่ ว ยท�ำให้ ผู ้ น�ำทหารและบรรดา “นักรัฐประหารนิยม” เลิกคิดเรือ่ งการยึดอ�ำนาจ แต่อย่างน้อยก็หวังจะ ท�ำให้สังคมไทยและบรรดาผู้สนับสนุนตระหนักมากขึ้นว่า รัฐประหาร แต่ละครัง้ สร้างปัญหาและผลกระทบต่อกระบวนการสร้างประชาธิปไตย ของไทยอย่างมาก (หรืออาจจะมากกว่าทีพ่ วกเขาคิด!) และเมือ่ เกิดขึน้ ครั้งใดก็ท�ำให้การเมืองภาคพลเรือนต้องถอยกลับไปนับศูนย์ใหม่อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนเสมือนเป็น “วัฏจักร” ที่ไม่สิ้นสุดในการกลับไปมา ระหว่างการเลือกตั้งกับการรัฐประหาร เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย 11
อย่ า งไรก็ ต าม หนั ง สื อ เล่ ม นี้ เ ขี ย นขึ้ น ด้ ว ยความหวั ง อย่ า ง เต็มเปี่ยมว่า สักวันหนึ่งรัฐประหารจะหมดไปจากการเมืองไทย ดังเช่น ที่เกิดขึ้นแล้วในหลายๆ ประเทศ และจะเปิดโอกาสให้การเมืองใน ระบบรัฐสภาก้าวเดินไปสู่ความเข้มแข็งภายใต้แนวคิดที่ว่า “ประชา ธิ ป ไตยเป็ น เกมการต่ อ สู ้ เ ดี ย วในเมื อ ง” (Democracy is the only game in town.) พร้อมๆ กับความฝันทีจ่ ะเห็นผูค้ นในสังคมไทยอดทน เพียงพอกับการแก้ปัญหาการเมืองไทยโดยอาศัยกระบวนการทาง รัฐสภา มากกว่าจะต้องอาศัยทหารมาเป็น “เทศบาลล้างท่อ” ทุกครั้ง ที่เกิดปัญหา ในท้ายที่สุด การที่หนังสือเล่มนี้ปรากฏในบรรณพิภพได้นั้น ผมอยากขอขอบคุณ คุณสุพรรณี สงวนพงษ์ และคุณพัลลภ สามสี แห่งกองบรรณาธิการ ส�ำนักพิมพ์มติชน โดยเฉพาะคุณสุพรรณี ที่ทั้ง ชักชวนและผลักดันด้วยการให้ก�ำลังใจ และที่ส�ำคัญต้องขอขอบคุณ คุณกุลนันทน์ คันธิก ที่ช่วยดูแลและเป็นผู้จัดท�ำต้นฉบับของผู้เขียน เป็นอย่างดีมาโดยตลอด สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ คุณเครือมาศ และ รภัส บ�ำรุงสุข ภรรยาและลูกที่เป็นแรงใจของการท�ำงานของผู้เขียน เสมอมา สิ่งที่ต้องขอกล่าวปิดท้ายก็คือ ความเห็นที่ปรากฏในหนังสือ เล่มนี้เป็นความเห็นของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีความเกี่ยวข้อง กับส�ำนักพิมพ์และหน่วยงานใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เกี่ยวกับผู้หนึ่งผู้ใด ทัง้ สิน้ และแม้วา่ ความเห็นในหนังสือเล่มนีจ้ ะ “ขัดอกขัดใจ” กับบรรดา ผูน้ ยิ มรัฐประหาร ตลอดรวมทัง้ ผูส้ นับสนุนทัง้ หลาย แต่กเ็ ป็นความเห็น โดยบริสุทธิ์ใจที่ไม่อยากเห็นกองทัพไทยถูกท�ำลายจาก “กระบวนการ ท�ำให้เป็นการเมือง” (Politicization) หรือผลพวงที่กองทัพเข้าไปเกี่ยว ข้องกับการเมือง จนน�ำไปสู่กระบวนการท�ำลายความเป็นทหารอาชีพ ของคณะทหารไทย เช่นทีเ่ คยเกิดขึน้ ในไทยและในประเทศก�ำลังพัฒนา
12 สุรชาติ บ�ำรุงสุข
อื่นๆ มาแล้ว เพราะสั จ ธรรมประการหนึ่ ง ที่ ส� ำ คั ญ ของเรื่ อ งทหารกั บ การเมืองก็คือ ไม่มีเครื่องมืออะไรดีและมีประสิทธิภาพในการ ท�ำลายความเป็นทหารอาชีพได้มากเท่ากับการรัฐประหาร!
ศาสตราจารย์ ดร. สุรชาติ บ�ำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย 13
L
แด่ “ทหารการเมือง” และ “ทหารกับการเมือง” “As society changes, so does the role of the military. In the world of oligarchy, the soldier is a radical; in the middle-class world, he is a participant and arbiter; as the mass society looms on the horizon, he becomes the conservative guardian of the existing order.” Samuel P. Huntington Political Order in Changing Societies (1968)
L
อารัมภบท เสียงบ่นในอุโมงค์ที่พอมองเห็น แสงสว่างร�ำไรที่ปลายทาง!
L
“Who is to guard the guards themselves?” Juvenal Roman Poet
L
ผมเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่เส้นทางชีวิตเดินทางผ่านเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และเข้าศึกษาต่อใน “มหาวิทยาลัยชีวิต” (หลักสูตร ภาคพิเศษ ๒ ปี) ดังนั้นเมื่อมีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ผมจึง ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า ผมจะสนใจศึกษาเรื่อง “ทหาร” แต่เรื่องทหารที่ผมสนใจนั้นไม่ใช่เรื่อง “กองทัพกับการเมือง” เพราะในฐานะอดีตผู้น�ำนักศึกษาที่ผ่านเหตุการณ์ ๖ ตุลาฯ มานั้น ผม มองไม่เห็นอนาคตของปัญหานี้เลย ดังนั้นผมจึงมุ่งมั่นว่าผมจะศึกษา เฉพาะเรือ่ งทหารในบริบททางยุทธศาสตร์ และจงใจทีจ่ ะไม่สนใจค้นคว้า เรื่องของ “ทหารกับการเมือง” อีกต่อไป... ความรู้สึกของผมในขณะนั้นก็คงไม่ต่างกับหลายๆ คนในช่วง หลัง พ.ศ.๒๕๑๙ ที่เห็นว่าประเด็นการศึกษาดังกล่าวเป็นเสมือนเรื่อง ที่ “มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” เพราะเป็นหัวข้อที่แทบไม่มี ทางออกในสังคมการเมืองไทยในสมัยดังกล่าวเลย ความหวังในการลด
16 สุรชาติ บ�ำรุงสุข
บทบาทการแทรกแซงของทหารเป็นเรื่องที่ดูจะห่างไกลจากความเป็น จริงของสังคมไทยในขณะนั้นอย่างมาก และขณะเดียวกันก็มองไม่เห็น ว่าจะลดทอนความเป็นการเมืองของสถาบันทหารได้อย่างไร เหตุการณ์ใน พ.ศ.๒๕๑๙ เป็นการตอกย�้ำที่ดีที่สุดถึงความเป็น จริงของการเมืองไทย ที่มักจะกล่าวว่า “การเมืองเป็นเรื่องของทหาร” ไม่ใช่กิจของพลเรือน จนกล่าวเป็นข้อสรุปได้ว่า การแทรกแซงของ ทหารในการเมืองนับจาก พ.ศ.๒๔๗๕ เป็นต้นมาได้กลายเป็น “กฎ” มากกว่าเป็น “ข้อยกเว้น” ของพัฒนาการการเมืองไทย ผมไปเรี ย นต่ อ ปริ ญ ญาโททางด้ า นรั ฐ ศาสตร์ ที่ ม หาวิ ท ยาลั ย คอร์แนล (Cornell University) ซึ่งถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด แห่งหนึ่งของการศึกษาทางด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสหรัฐ และ ก็ทำ� อย่างทีต่ งั้ ใจไว้คอื การเลือกอ่านและสนใจศึกษาเฉพาะในเรือ่ งของ วิทยาการทหารและยุทธศาสตร์ทหาร ผมไม่ยอมอ่านหนังสือในหมวด เรื่องทหารกับการเมือง หรือที่วงวิชาการรัฐศาสตร์ในอเมริกาเรียกว่า “ความสัมพันธ์พลเรือน-ทหาร” (Civil-military Relations) ดังความรูส้ กึ ที่กล่าวแล้วในข้างต้น สุดท้าย เมื่อต้องเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ผมขออนุญาต อาจารย์ที่ปรึกษาเขียนเรื่องทหารไทย แต่ในมุมของความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศที่เป็นปัญหาทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับสหรัฐใน ระหว่าง พ.ศ.๒๔๙๐-๒๕๒๐ แทนที่จะเขียนเรื่องทหารกับการเมือง ไทยโดยตรง ซึ่งก็ท�ำให้ผมหลีกเลี่ยงประเด็นของปัญหาความสัมพันธ์ พลเรือน-ทหารในการเมืองไทยได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม เพราะ ในความเป็นจริงช่วงระยะเวลาดังกล่าวโดยเฉพาะจาก พ.ศ.๒๔๙๐ จนถึง พ.ศ.๒๕๒๐ นั้น ทหารมีบทบาทหลักในระบบการเมืองจนพลัง อื่นๆ ในสังคมแทบไม่มีความหมายเลย แต่ก็ท�ำให้ผมไม่ต้องกล่าวถึง ทหารกับการเมืองไทยโดยตรง ค�ำสารภาพนี้คงตอบค�ำถามอีกด้วยว่า ท�ำไมบทความเรื่องทาง เสนาธิปไตย : รัฐประหารกับการเมืองไทย 17