เรื่องสั้น (ฉบับ) หลายมือ

Page 1



เรือ ่ งสัน ้ หลายมือ วันที่ 18 มกราคม 2562

พวกเขาพูดถูก พวกเรามาจากเทือกเขาอันไกลโพ้น ซึ่งอยู่ชิดติดพรมแดนของรัสเซียทวีปเลยทีเดียว แต่พวกเราในที่นี้ ไม่ใช่กลุ่มชาติพนั ธ์ุใดๆ เราเป็นสิ่งไร้ชีวิตที่เผอิญมีชีวิตและความนึกคิด เราไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ถูกพัดพามาที่นี่เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คุณมองไม่เห็นพวกเราอย่างนั้นหรือ ถูกแล้ว เราเล็กเกินกว่าจะมองเห็น เราสามารถทะลุผ่านเสื้อผ้าและแม้แต่ผิวหนังเข้าไปในกระแสเลือดของคุณได้ ถึงคุณจะไม่เห็นเรา แต่เราก็อยู่ในทุกที่1 วันนี้เผอิญเราได้เข้าไปอยู่ในช่วงชีวิตคนผู้หนึ่ง และภายในเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่าน ไปทาให้เราได้พานพบอะไรที่สุดแสนมหัศจรรย์มากมาย จะเริ่มเล่าเรื่องอะไรก่อนดีละ เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นทุกคนคงไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับคนปรกติได้เลย ขณะที่เรากาลังเดินไปบนถนนฝ่าแสงแดดที่ร้อนแรง เราพบกับสิ่งมีชีวิตฝูงหนึ่งซึ่งกาลังรุมทึ้งอะไรซักอย่างอยู่…..เราค่อยๆ ย่องแอบเข้าไปมองด้วยความอยากรู้พร้อมทัง้ ต้องระวังให้เท้าเรากระทบกับพื้นดินใ ห้เบาที่สุด…...2 1

กิตติพล สรัคนานนท์

2

ซองทิพย์ เสริมสวัสดิ์ศรี


แม่พูดถูกชีวิตในกรุงเทพฯ มันไม่ได้สนุกอย่างที่คิดต้องเจอกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยเจอทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ผู้คนมากมายหลายพ่อพันแม่มารวมกัน ณ จุด ๆ นี้ ชีวิตที่ยังเหลืออยู่อีกมากยังไม่ถึงครึ่งชีวิตเลย ต้องคอยปลอบใจตัวเองและพยายามเข้มแข็ง สักวันในสิ่งที่เราเจอในวันนี้เสมือนเป็นบททดสอบชีวิตเรา และถือว่าเป็นบทเรียนของชีวิต แต่ก็มีผู้คนยังมีความโอบอ้อมอารีอยู่คอยช่วยเหลือในยามทีท่ ุกข์ใจ และขอบคุณคนนั้น ๆ ขอบคุณเขาจริง ๆ3 วันนีอ้ ากาศค่อนข้างเย็น หมอกควันปกคลุมเบาบางราวกับปุยเมฆ เราเดินฝ่าหมอกควันและฝูงชนไปเรื่อยๆ จนมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งกลางกรุงที่ซึ่งเราได้พบกับสิ่งมีชีวิตอีกหลากหลายชาติพัน ธุ์ เราแปลกใจและตื่นเต้นมากจนตัวสั่นไปหมด เราอยากเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ และทาความรู้จกั กับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นแต่ข้างในใจก็นึกหวัน่ ๆ ว่า เขาเหล่านั้นจะเป็นมิตรกับเราไหมนะ4 ความรู้สึกแรกที่ปรากฏขึ้น ก็คอื ความตื่นตาตื่นใจในสิ่งที่ฉันจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มันคงเป็นช่วงเวลาอันแสนวิเศษ สาหรับการเริ่มต้น...ที่จะเรียนรู้ในวันและเดือนแรกแห่งพ.ศ.นี้ ขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่กาลังจะเข้ามาในชีวติ ของฉัน ความฝันของฉัน...ที่จะอาจจะเป็นจริงได้ในไม่ช้า5...

3

วัชรพล สอนโพนงาม watcharapon.sonpongam@gmail.com

4

ภคพร จิตรชัยภุมิ

5

พัชราภรณ์ สมิตะมาน


สิ่งที่ดูไร้ตัวตนหรือไม่มีความหมายในสายตาใคร บางครั้งมันอาจจะมีความหมายมากจนเราคาดไม่ถึง เรามองไม่เห็นสิ่งใดใช่ว่ามันจะไม่มีตัวตน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีความหมายและตัวตนในตัวของมันเอง ถึงแม้วันเวลาที่ผา่ นมามนุษย์เรามองไม่เห็นตัวตนของมัน แต่ยิ่งเวลาเนิ่นนานไปเท่าไหร่มันได้พิสูจน์ให้มนุษย์ทุกชีวิตเห็นแล้วว่ามันมีตัวตน และเรามองเห็นมันได้ชัดเจน6... อย่าว่าแต่ความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธ์ุหนึ่ง ระหว่างเขตแดนที่ถูกขีดเส้น แบ่งแยก บนดาวเคราะห์โลกแห่งนี้เลย ย่อลงมาในระดับสังคมเมืองป่าคอนกรีตสีเทา ๆ เมืองหนึ่ง โรงเรียนอันแสนวุ่นวายในยามเช้า สังคมการทางาน หรือแม้กระทั้งสังคมขนาดเล็กสุดที่เราคุ้นหน้าคุน้ ตากันดี อย่างครอบครัว ตัวเราเองในระดับปัจเจก ก็ยังรู้สึกเป็นสิ่งมีชีวิตแตกต่างจากคนอืน่ ถึงความแตกต่างอาจจะส่งผลให้เกิดความวายปวงอย่างสงคราม การฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตสปีชีย์เดียวกันเอง แต่ก็นั้นแหละนะ ถ้าจะให้เหมือนๆ กันหมดก็คงจะน่าเบือ่ น่าดู เพราะแตกต่าง จึงสวยงาม7 เราไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ ความฝันลึก ๆ นั้นคือการกลับไปสู่ยอดเขาอันไกลโพ้นแต่กค็ งเป็นเพียงความฝันที่เลือนลาง เพราะสายลมไม่เคยบอกเล่าถึงที่ที่จะพาเราไป

6

สาวิตรี พวงเงิน nans256@gmail.com

7

IG Bookstagram: worldschool.student


คุณอาจไม่เคยสังเกตยามที่เราหลอมรวมอยู่ในตัวของคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบเรา แต่อย่าขับไล่เราเลย เพราะตอนนี้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม...8 ณ ที่ที่เราอยู่ในขณะนี้ ท่ามกลางผู้คนมากมายสิ่งแวดล้อมสับสนวุน่ วาย แต่เรารู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวและความแตกต่าง ผู้คนที่ถูกพัดพามาจากต่างสถานที่มาอยู่รวมกันแต่เหมือนไม่เห็นกัน ต่างคนต่างมีชีวิตของตน ที่ล้วนแล้วมีวิถีและความเป็นตัวตนจนมองไม่เห็นคนอืน่ 9 ไม่ว่าเราแต่ละคน จะมาจากต่างที่ ต่างเวลา แต่ทุกคนมีจุดหมายเดียว คือ ที่แห่งนี้ ที่รวมพวกเราให้เป็นหนึ่ง โรงเรียนของพวกเรา สถาบันการเรียนของพวกเรา มหาวิทยาลัยของพวกเรา หรือแม้แต่ LIT fest แห่งนี้ พวกเราไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ได้นัดแนะกัน แต่เรามาที่เดียวกัน ที่แห่งนี้ คนแปลกหน้าเข้ามาทักทายเรา เช่นกัน เรากล้าที่ทักทายคนแปลกหน้า ที่เราไม่รู้จักเช่นกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนมีที่มา มีเรื่องราว หวังว่าเราทุกคน จะบอกเรื่องราวของเรา ให้กันและกันฟัง10 สาหรับเราเรื่องความแตกต่างมันก็เป็นเรื่องทีน่ ่าตืน่ เต้นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น ในชีวิต ทีค่ อยสร้างความรู้สึก สร้างความทรงจา ความประทับใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและคราบน้าตา.. ซึ่งความแตกต่างนี้ทาให้เราเกิดตั้งคาถามกับตัวเองอยู่เสมอ แล้วคุณล่ะ 8

ณรงศักดิ์ สอนใจ ole.trufa@gmail.com

9

รัชฎาภรณ์ สังข์ทอง tanguy1111@hotmail.com

10

ภูมิเทพ รัตนพันธุ์ form_pl@hotmail.co.th


เคยตั้งคาถามกับความแตกต่างของตัวเองไหม ว่าทาไมเราถึงมีชีวิตทีแ่ ตกต่างจากคนอืน่ ? ..11 โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลล้วนมีผู้คนมากมายหลากหลาย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีชีวิตและเส้นทางเป็นของตัวเองแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเชื่อมาเสมอว่าโลกใบนี้จะดึงดูดคนที่เหมือนกับเราให้เข้ามาในชีวิต เราเป็นคนแบบไหน ชอบแบบไหน หรือว่าทาตัวอย่างไรเราก็จะได้คนแบบนัน้ เข้ามาเกี่ยวพัน ดังนั้นการได้รู้จักหรือคบหากับคนที่ชอบอะไรเหมือนกับเราจึงนับว่าเป็นความสุขอีก รูปแบบหนึ่งของชีวิต12 ในสังคมแห่งการเสียดสี ทุกคนล้วนมีบาดแผล หากโชคดีก็แค่เลือดซิบ แย่หน่อยก็แผลเหวอะหวะ ในเมืองหมอกชอกช้าฉันพาร่างของตัวเองทีเ่ ต็มไปด้วยบาดแผลไปยังโรงพยาบาล ถามหาวิธีรักษาและป้องกันตัวเองจากบาดแผลเรื้อรังและความสัมพันธ์เป็นพิษ ทาอย่างไรจึงจะได้ครอบครองความสุข ฉันอยากครอบครองความสุข ฉันปรารถนาความสุข “จงทาดี x 3” คุณหมอกล่าว วันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2562 บาดแผลของฉันหายดี แม้รอยยิ้มจะดูแปลกพิลึกไปเสียหน่อยจากการถูกแผลเป็นดึงรั้ง ฉันย้ากับตัวเอง ฉันหายดี13

11

ฮะจัง :)

12

ขนมจีนแกงเขียวหวาน

13

ปารณีย์ ประภาพรพิพัฒน์ (nuey3301@gmail.com)


พวกเรา สิ่งมีชีวิตที่มาจากดินแดนอันไกลโพ้นสุดขอบทวีป มองดูมนุษย์ในทศวรรษนี้ที่จิตใจเต็มไปด้วยบาดแผล ความลึกตืน้ ของแผลก็ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน แม้ว่าเราจะมีความสามารถมองทะลุปุโปร่งแต่ก็แค่เพียงกาย แต่สิ่งที่เรามองไม่เห็นเลยคือจิตใจของพวกเขาที่ลึกและเชี่ยวกราดกว่าน้าในมหาสมุ ทรเสียอีก พวกเขาเกิดมาเป็นมนุษย์สิ่งมีชีวิตในสปีชีส์เดียวกันเพียง แค่ภูมิศาสตร์ที่ทาให้พวกเขาแตกต่างแต่ไม่ได้ทาให้พวกเขาแตกแยก การที่พวกเขาทาร้ายกันเองไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ หรือว่าความคิด เป็นสิ่งทีน่ ่ากลัวทั้งนัน้ เราอยากจะมีเวทมนต์รักษาพวกเขาเหมือนคุณหมอแต่น่าเสียดายเราไม่ใช่ แต่จากมุมของเราที่มีความนึกคิดถ้าเราทาได้คงจะแนะนาให้เขากินยาที่ชื่อว่าการย อมรับความแตกต่าง และฉีดวัคซีนที่ชื่อว่าเมตตา วัคซีนตัวนีค้ งจะทาให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันชนะโรคร้ายที่ชื่อว่าอคติเป็นแน่14 “พระเจ้า” บางครั้งเวลาบางช่วงของชีวิตที่เราเจอกับสิ่งที่มนั ทาร้ายเรา เรามักอุทานออกมาเสมอ แล้วก็หวังว่าจะมีสิ่งใด หรือใครก็ตามยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แล้วก็คอยโอบปลอบประโลมราวกับว่ามันจะช่วยพาเราออกไปจากความทุกข์ความ ผิดหวัง แต่ทุกครั้งที่เราต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องเจอกับคนที่เราคิดในใจว่า”มันมีอคติอะไรกับเรารึเปล่า” สิ่งที่จะพาเราผ่านเรื่องแบบนี้ไปได้ไม่ใช่พระเจ้าแต่เป็นการยอมรับความแตกต่างขอ งแต่ละบุคคล จงตะโกนว่า “ช่างแม่ง”แล้วก็เดินต่อ15 14

มาจอริกา (ndarisa71@gmail.com)

15

overload


มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่กลัวความแตกต่าง เพราะความแตกต่างทาให้มนุษย์ไม่รู้ ความไม่รู้นามาซึ่งความไม่ปลอดภัย และความไม่ปลอดภัยนามาซึง่ อันตราย กลไกการป้องกันตัวเองถูกใช้แทบจะทันที มันเป็นไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ถ้ามองดูให้ดี ในโลกใบเบี้ยว ๆ นี้จะมีสิ่งไหนที่มันเหมือนกันราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันหรือ? หรือมันเป็นเพียงแค่การจัดกลุ่มตามความคิดของเราเอง? มันคงไม่แปลกที่เราจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ แต่มันคงดูแปลกๆไปสักนิดถ้าเราได้ลองพินิจดูดีๆ เพราะแม้ร่างกายของเราเองที่เราคุ้นชิน มันทั้งหมดยังไม่เหมือนกันจริงๆเลย16 แน่นอน ไม่มีสิ่งใดในร่างกายของโฮโมเซเปียนส์ที่เหมือนกันเสียทั้งหมด กว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายจีนัสโฮโมนั้นไม่ได้เป็นของพวกเขา สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอยู่เคียงข้างตลอดวิวัฒนาการมาหลายล้านปี แต่เราไม่เคยได้เหลียวแล แบคทีเรียในลาไส้ (Donna Haraway 2010) เหล่าเซลล์ต่างๆในเม็ดเลือดแดง เสียงเพรียกของพวกมันไม่เคยได้ถูกนาเสนอในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พวกเราไม่เคยให้ที่ทางกับสิ่งมีชีวิตในโลกใบเดียวกันไปมากกว่าเพือ่ นร่วมสายพันธุ์ โฮโมฯ เพราะแม้แต่พวกเซเปียนส์ด้วยกันเองยังนับครั้งได้ที่เอ่ยถึงเหล่านีแอนเดอร์ทอล์แล ะออสตาโรพิธิคัสก่อนหน้า การเทิดทูนความสูงส่งของวิวัฒนาการในรูปของนวัตกรรมทางสังคมต่างๆนั้ นไม่ได้ทาให้เราเหนือกว่าปรสิตเห็บไรที่ชอนไชอยู่ในไรผม 16

mynameispen


นักมนุษยวิทยาบางคนเคยผรุสวาทไว้ว่า เราต่างเป็นปนสิตของกันและกัน บางครั้งมนุษย์เป็นปรสิตของเป็ดในฐานะนักล่าผู้เหนี่ยวไก( Eben Kirksey 2012) แต่สุดท้ายเราก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเชื้อโรคในรูปมหันตภัยที่ความฉลาดของมนุษย์ไม่ อาจเท่าทัน แต่พวกเซเปียนส์กลับยังเทิดทูนบูชาภูมิปัญญาของกันและกันอย่างไม่สั่นคลอน บ้างสร้างพระเจ้า บ้างสร้างผู้นา แต่เหล่านัน้ ก็มาจากการไขสมการของมนุษย์ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า เราไม่ได้อยู่ลาพังในวัฏจักรชีววิทยา วิธีคิดดังกล่าวนัน้ ออกดอกออกผลในรูปของงานศึกษาทางสังคมศาสตร์รวมถึ งแนวนโยบายของรัฐทีไ่ ม่ได้ผนวกรวมเอาสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไป การตัดปาล์มในอินโด การปล่อยสารพิษลงในแม่นาคาปู ้ อัสไม่ถามความต้องการของเหล่าพืชหรืออุรังอุตัง ที่ห้อยโหน เช่นเดียวกับที่เชื้อดื้อยาไม่เคยได้ออกความเห็นต่อเหล่าแพทย์ว่า พวกมันเองก็รู้จักการต่อต้านขัดคืน เรารู้จัก Jam c. Scott เหมือนกัน 17 “ฮัดเช้ย!”18 น่าจะเป็นคาทักทายแรกต่อโลกใบนี้ในเช้านี้ของฉัน ฉันเป็นคนเมืองใหญ่ อาศัยอยู่ทา่ มกลางมนุษย์ที่มีที่มาหลากหลาย ท่ามกลางเมืองนี้ไม่มีใครสนใจอะไรมากกว่าชีวิตตัวเองหรอกนะ กับแค่ดูแลตัวเองก็ยากพอแล้วในการวิ่งตามหาอุปกรณ์มาปกป้องจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากมายในเมืองนี้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเชื้อโรค ปรสิต อะไรพวกนี้คืออะไร รู้เพียงว่าฉันรักษาตัวเองให้อยู่ไกล ไกลที่สุด ฉันทาทุกทางเพื่อหนีมัน ฉันจะรู้จักมันได้อย่างไร วันนี้ทุกสานักข่าวรายงานว่ามันคุกคามชีวติ ฉัน ฉันไม่ทาอะไรมากไปกว่ากลัว ใช่ ฉันกลัวมัน19

17

รวิวรรณ

18

บัวบัว

19

ไตปลา


สวัสดี เรามาเล่นเกมกันสักตาไหม ? เกมง่าย ๆ ที่ใครต่างก็ทาได้ เพียงตอบคาถามว่าฉันคือใคร ‘ฉันอยู่รอบตัวคุณ ฉันทะลุผ่านเครื่องแต่งกายของคุณ ฉันเล็กเกินกว่าคุณจะมองเห็น ฉันสามารถสัมผัสคุณแม้เพียงลอยผ่าน ฉันฝังรากลึกในสายเลือดของคุณ ฉันทาให้คุณนึกถึงแม้ในรู้ว่าฉันคือใคร ฉันโด่งดัง ผู้คนมักพูดถึงฉัน ตอนนี้ฉนั กาลังรอ.. รอว่าเมื่อไรคุณจะหมดลมหายใจ . . . และเมื่อนั้น ฉันจะไม่จากคุณไปไหน… อ้อ แต่กว่าคุณจะตอบคาถามได้ คุณคงไม่ใช่คุณคนเดิมอีกต่อไป ในเมื่อคุณจะกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ร่างที่ไม่ต่างจากเม็ดทรายที่รอคอยเพียงวันที่จะสลายไป20

ในเมืองใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความสวยงาม เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน และเป็นเมืองเเห่งความฝันของใครหลายคนที่อยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ มันกลับมีความอันตรายแฝงอยู่มากมาย ความอันตรายเหล่านัน้ ยากที่จะมองเห็นได้ เพราะมันมีขนาดเล็ก ล่องลอยไปทั่ว เป็นสิ่งไม่มีชีวิตที่สามารถ คร่าชีวิตของเราได้ เห็นไหมละว่าสิ่งที่มองไม่เห็นเเละไม่มีตัวตนก็สามารถเป็น ภัยอันตรายกับเรา ซึง่ เป็นสิ่งทีน่ ่ากลัวมากในการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบนั …..21

20

สาวิตรี ปิยะสุข : Mild Sawitree Piyasuk : Mild Love

21

Jumjus SP.


เหมือนฝุ่น PM สองจุดห้า หมอกจางๆ หรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ บางทีอะไรที่มืดมัว สลัว บดบังทัศนียภาพที่เราเห็นในทุกเมื่อเชื่อวัน อาจไม่ใช่หมอก ที่เราคิดว่า มันดี มันงาม มันโรแมนติก แต่มันคือสิ่งร้ายๆ ที่แฝงอันตราย และแอบแฝงมาในรูปแบบของสิ่งที่เราคิดว่ามันดี มันงามก็เป็นได้22 สิ่งสาคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ พวกเราก็เช่นกัน คุณอาจไม่เห็นเรา แต่เราก็อยู่ในทุกแห่งหน อยู่ทุกที่ อยู่ในลมหายใจ อยู่ในสายเลือด ขออย่าตัดสินเราจากคาบอกเล่า เราเพียงผ่านมา เข้ามาทักทายด้วยมิตรไมตรีเท่านั้นเอง23 วันนี้เราได้รู้จักกับหน้ากาก มีคนเสนอขายให้เรา เขาคนนัน้ บอกว่าเราจาเป็นต้องใช้มันเพราะช่วงนี้อากาศรอบตัวเราอันตรายมาก เรารับหน้ากากใส่มือมาแล้วจ่ายเงินให้เขาเป็นสิ่งตอบแทน ไม่ใช่เพราะกลัวมะเร็งปอด แต่เราคิดว่าบางทีเราอาจจาเป็นต้องใช้หน้ากากตลอดทั้งชีวิตก็ได้ เผลอ ๆ อันเดียวไม่พอด้วย24 จบ. THE END 22 23

nongtiny MayBe

24

นจเอง




The Last Bite

วันที่ 19 มกราคม 2562

"อาหารควรเป็นสิ่งที่เชิดชูใจ ควรเป็นสิ่งที่ให้ความสุข แต่สาหรับฉันแล้ว อาหารเป็นสิ่งทีใ่ ห้ความเศร้า ทุกการกลืนกินของอาหารนาพามาซึ่งความเจ็บปวด นาพามาซึ่งความรวดร้าว จนอาจกล่าวได้ว่าเมื่อฉันวางช้อนหลังจากอาหารคาสุดท้าย สิ่งที่ฉันรู้สึกไม่ใช่ความอิ่มเอมแต่กลับเป็นความปวดร้าวจนสุดจะทานทน"25 “คงเป็นจินตนาการประหลาดที่วนเวียนวุน่ วายอยู่ในหัว ทาให้ความเป็นจริงกลับตาลปัตรเช่นนี้ มันทาให้ฉันควบคุมความคิดในแบบที่ควรจะเป็นไม่ได้ ความเคยสุข กลายเป็นความขมขืน่ ความหวานชืน่ แปรเปลี่ยนเป็นความสลดเศร้า เหมือนมีเงามัวมืดดา รุกล้าเข้ามาในจิตใจ หาวิธีขับไล่ยังไง ก็หาไม่เจอ.. คติประจาตัวของฉัน คือ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ แต่ฉันหาไม่เจอ ข้อดี ของสิ่งที่กาลังเกิดขึน้ นี้ จริง ๆ” เพกาอมปลายนิ้วที่ชุ่มโชกด้วยเลือดแดง ซุ่มซ่ามชะมัดเลย เธอคิด หญิงสาววางมีด เอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่มาพันนิ้วหลวมๆ

25

อนุสรณ์ ติปยานนท์


กระดาษเปลี่ยนสีจากขาวบริสุทธิ์เป็นแดงฉาน ทิงเจอร์ใส่แผลๆ ...เพกาวิ่งเข้าห้องน้า เพื่อไปค้นตู้ยา26

เป็นเวลาย่าค่าตอนที่เธอค้นพบว่าตู้ยาที่เคยเกาะติดกาแพงปูกระเบื้องหายไป เธอหลับตา ใช้มืออีกข้างยกแก้วเซรามิกขึ้นจรดริมฝีปากสีเบอร์กันดี้ “อะไรๆก็เปลี่ยนไป” เธอกระซิบ ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง จวนเจียนจะจมดิ่งภายใต้หลังคาทีป่ ระดับประดาไปด้วยดวงดาว27 เธอมองโลหิตสีแดงที่ค่อยๆ แข็งตัว ราวเม็ดอัญมณีเม็ดเล็ก สะท้อนสีแดง ซึ่งย้าว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ การใช้ชีวิตเริ่มอยากลาบากขึ้น อย่างการกินอาหารที่เริ่มฝืนทน สุดท้ายเธอกาหมัดแน่น อัญมณีเม็ดเล็กนั้นแตกตัว กลายเป็นของเหลวที่ไหลลงราวกับมันไม่เคยเกาะตัวกันมาก่อน 28 ฮีโมโกบินกาลังทางานอย่างหนักในร่างกายเธอ เธอมองบาดแผลสลับแก้วเซรามิก “ไม่มีอะไรเหมือนเดิม” เธอพึมพากับตัวเองอีกครั้ง ลุกขึ้นยืน และมุง่ ตรงไปที่ห้องน้า เธอมองคนข้างในนัน้ แววตาดูเศร้าพอกับโลหิตที่ไหลริน

26

ภาณุ ตรัยเวช

27

อภิญญา นกทอง ไมโล

28

เด็กหญิงดอกไม้


สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้หลบสายตาของคนข้างใน เปิดก๊อกน้าล้างสิ่งที่จะทาให้เธอไม่มีวันเหมือนเดิม29 มันไม่เคยง่ายสาหรับเธอเลยที่จะสู้กับสายตาเช่นนี้ แววตาอันเศร้าสร้อยนัน้ ทาให้หวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเก่า ๆ เมื่อเลือดที่ปลายนิ้วของเธอหยุดไหล น้าตาของเธอกลับไหลรินลงบนปลายนิ้วนัน้ “ทาไมกันนะ…” เธอพูดกับตนเองเบา ๆ 30 น่าแปลก การที่อดีตกลับกลายเป็นสิ่งห่างไกลเช่นนัน้ ทั้งน้าตาและเลือดที่เสียไปในคืนนี้คงจะสูญหายไปพร้อมกับแสงตะวันในยามเช้า… กลายเป็นอีกหนึ่งเศษเสี้ยวของอดีตที่ไม่อาจจดจา มันเป็นธรรมชาติของสิ่งไร้ความหมายเช่นนัน้ บางทีน้าตาที่เคยไหลอาบใบหน้าอาจไม่เคยหยุดไหลก็ได้ ใครจะไปรู้ มันเพียงแค่เลือนลาง ถูกทาให้สูญหายด้วยเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา สิ่งที่เคยเป็นจะยังคงเป็นไป แม้วา่ คืนวันจะเป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่แลดูแน่วแน่ แต่นานเข้า คืนวันที่ทบั ถมกันก็กลับสิน้ ความหมาย31 ความเศร้าสิ้นหวังก่อตัวเป็นความขมพร่าที่ยอ้ นขึน้ มาจุกลาคอ เธอกระโจนไปยังชักโครก อ้าปากขย้อนอาหารที่ฝืนกินเข้าไปออกมาจนหมด กลิ่นสะอิดสะเอียนลอยคลุ้งทั่วห้องน้า เธอเงยหน้าขึ้นมา

29

เพื่อนสนิทของไข่ย้อย

30

X Noetta

31


ลิปสติกบนริมฝีปากเรียวสวยไหลลงคอห่าน ปากแผลถูกกรีดออกอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานไหลชุ่มฝ่ามือ32 ฝ่ามือของเธอชุ่มด้วยเลือดหยดสีแดง เธอมองหยดเลือดไหลลงบนพื้นอย่างช้าๆ ราวกับก๊อกน้ามีรอยรั่วมิอาจปิดสนิท เธอยกฝ่ามือขึ้นเหนือศีรษะ ปล่อยให้หยดเลือดหยดไหล ผ่านเงาสะท้อนของแสงไฟ ไหลหยดลงหน้าผาก ทีละหยด ทีละหยด จนใบหน้าของเธอค่อยๆแปรเปลี่ยนจากสีเนือ้ มนุษย์กลายเป็นสีแดง ลาคอของเธอเริ่มแห้งผากกระหาย ด้วยอาการขาดน้ามาเป็นระยะเวลายาวนาน เธอจึงเปิดปาก ดื่มหยดเลือดของเธอ กลืนกินบาดแผลอันแสนทรมาน33 เธอหันมองกลับไปที่เงามืดด้านหลังทีค่ ืบคลานเข้ามาหาอย่างช้าๆ แสงสว่างที่พอหลงเหลืออยู่แต่เดิมค่อยๆถูกความมืดละลายหายไปจนหมดสิ้น รอบตัวเธอกลายเป็นควมมืด กลิ่นคาวเลือดผสมคละคลุ้งไปในความมืด...มืด มืดจนเธอลืมไปแล้วว่าตอนนี้เธออยูท่ ี่ไหน มืด..จนเหมือนตัวตนของเธอถูกมันกลืนกินลงไปใจกลางของเวลา34 กว่าเธอจะรู้สึกตัวอีกที ความมืดก็กลืนกินรอบข้างจนกลายสีดาทะมึนทั้งหมดแล้ว เธอเคาะหัวตัวเองเบาๆก่อนจะบ่นในใจว่า ‘นี่เราทาอะไรอยู่นี่’ เธอลุกขึ้น คลาหาทางออกจากห้องน้า ก่อนจะพุ่งตัวไปที่เตียงนอน ปล่อยให้ความขมขื่นสลายหายไปกับการนิทรา35 32

ใบหอม

33

คุณภัทร

34

ตาลชาวไร่

35

อริสรา


ระหว่างการหลับฝันนัน้ เหมือนมีอีกตัวตนหนึ่งของเธอที่สร้างขึน้ มาปลอบประโลมค วามกลัวเเละความว่างเปล่าในจิตใจของเธอต่างจากตอนที่ตนื่ นอนมีสติอย่างสิ้นเชิง ราวกับความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง และถ้าหากมันเป็นจริงก็คงจะดีอยูไ่ ม่น้อย ตัวตนในความฝันดูเข้มเเข็งกว่าตัวตนจริงๆของเธออยู่มาก “สักวันหนึ่งฉันคงจะเป็นคนที่มีความสุขและดีพอเหมือนกับตัวเองในความฝันได้” เสียงในใจเธอบอกเช่นนั้นกับตัวเอง36 แต่ความเป็นจริงต่อให้โลกแห่งความฝันจะสวยงามสักเพียงใด ตัวตนนั้นช่างมีความสุขสักเพียงไหน ฉันก็ไม่อาจแสร้งลืมความขมขื่นที่กาลังกัดกินในใจแล้วตะโกนบอกกับตัวเองว่า “ฉันมีความสุข” ได้ดั่งใจปรารถนา นี่สินะความโหดร้ายของโลกใบนี้ มักสร้างสิ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเพื่อปลอบประโลมให้เราอยากหายใจอยู่ต่อ ทั้งที่ควรจะบอกลามือลามันไปซะ ฉันผละตัวลุกขึ้นจากเตียงพลางจ้องมองใบหน้าอันเลอะไปด้วยคราบน้าตาผ่านกระจ กโต๊ะเครื่องแป้ง37 เมื่อเช่นนั้นฉันเชื่อว่า “ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมักดีเสมอ ” เฉกฤดูกาลของแต่ละปีที่พัดพาเอาฤดูฝนอันแสนอบอุน่ ผ่านเข้ามาให้ฉันได้สัมผัส..และฉันหวังว่าในฤดูหนาวนัน้ ฉันยังคงจะได้รับมันเมือ่ เช่นเคย เหมือนกับทีผ่ ่านมาในแต่ละปี38

36

แมวเหม่อ

37

Suthamat

38

กานต์


คืนนัน้ มันเป็นคืนที่เงียบ ไม่มีเสียงอะไรในห้องนอกจากเสียงแอร์และตู้เย็น จู่ๆผมก็ฝันว่าแฟนผมโดนรถชนแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้น!! ผมถอนหายใจเบาๆ เพราะภาพที่ผมเห็นคือแฟนผมยังอยู่ขา้ งๆ เธอบอกกับผมว่า “ ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัว เขาจะอยู่กับเธอ ข้างๆเธอเสมอ ” จากนัน้ ผมก็หลับลงพร้อมกับน้าตาที่ไหล เพราะทันนึกขึ้นได้วา่ เธอได้จากผมไปนานแล้ว เหลือไว้แค่เพียงคาพูดติดหู กับรูปถ่ายขาวดา39 แม้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงความฝัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าความรู้สึกที่พึ่งเกิดขึ้นมานั้นมันคือของจริง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนจะไม่สามารถหยิบมาเขียนเป็นเรื่องสั้นให้คนอี กจานวนมากได้อ่านต่อไปแล้ว แต่การนาเรื่องราวในอดีตของเราทั้งสองคน กลับมาเรียบเรียงใหม่นั้น ก็ยังชวนให้แปลกใจเสมอ เพราะแม้เรื่องราวจะจบแล้ว แต่ความรู้สึกกลับยังคงเดินทางอย่างไร้จุดหมายต่อไป40 คืนนีอ้ ากาศร้อนอบอ้าว ฉันไม่แน่ใจว่าอะไรทาให้ฉันเปิดเพลย์ลิสต์ทมี่ ักจะถูกใช้งานแค่เฉพาะฤดูฝน soundtrack จากหนังเรื่อง 36 , หนังเรื่องโปรดของฉันเอง...หรือหากลึกๆแล้ว ฉันอาจต้องการเสียงบางเสียงที่ทาให้ฉันรู้สึกว่าเสียงแห่งความโศกเศร้าดาดิ่งในใจฉั น มันไม่เดียวดายมากนัก บางจังหวะของเพลงเหล่านัน้ มันทาให้ฉันรู้สึกจมลึกลงไป...ลึกลงไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที ฉันก็หลงใหลการเฝ้าดูหัวใจตัวเองค่อยๆ ถูกกัดกร่อนทีละน้อย แปลกดี

39

Prokak Art

40

ลุงง


ที่บางครั้งเราก็ต้องการบรรยากาศบางอย่างเพื่อให้ความเศร้าทาหน้าที่ของมันได้ดีขึ้ น41. ฉันยังคงจาได้ดีเมื่อยังอายุห้าปีว่าตอนนั้นการได้ลิ้มรสไอศกรีมสตอเบอรี่ทาให้ฉันนั้ นมีความสุขมากแค่ไหน แต่วันนี้ฉันมีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถบอกกับใครได้ การเติบโตนี่ช่างแสนยาก42 เจ็บปวด...ความรู้สึกชาที่ปลายลิน้ แล่นริ้วขึ้นมาเมื่อฉันพยายามซึมซับรสชาติที่ผ่าน เข้ามาทางริมฝีปาก ความหวานที่เคยลิ้มรสในวัยเยาว์ มันแปรเปลี่ยนเป็นความขมปร่าทุกครั้งเมื่อฉันเติบโตขึ้น ไม่รู้ทาไม ในเมื่อฉันเลือกที่จะเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนัน้ ดีเสมอ แต่เหมือนเสียงนั้นเป็นเพียงแค่เสียงแปลกปลอมของคนในความฝัน คนที่ดีกว่าตัวฉัน ที่ไม่มีทางได้อยู่ในโลกของความเป็นจริง43... เรื่องสั้นหลายมือเรื่องที่๒o ของวันนี้ฉันเป็นหนึ่งคนที่อยากเขียนเรื่องสั้นให้ได้ดีเหมือนกับอีก๑๙ คนก่อนหน้านี้เเต่ยากตรงที่ทุกครั้งที่ฉันคิดเรื่องราวสั้นๆในสมองของฉันมันกลับมีเรื่ องราวมากมายผุดขึ้นมาจนเรื่องราวมันยาวเหยียดไปหมด เรื่องสั้นของฉันเลยไม่เคยเกิดขึ้นจริงในความคิดเลย แต่มันกับเกิดขึน้ จริงในชีวิตความเป็นจริงของฉันมากกว่ามันน….สั้นเกินไปจนน่าก ลัว44 41

42

1T3A2N

Rainbowlaughs55 DowhateverIwant 44 remember island1988 43


ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงหน้าของเหล่าผู้คนที่เคยพบเจอในชีวิตที่ผ่านมา มันทาให้อาหารที่รับประทานเข้านัน้ จืดเฝื่อนและบางครั้งกลายเป็นความปวดร้าว เมื่อรู้สึกได้วา่ อาหารที่ได้ทานไปเมื่อสักครู่เป็นปลานึ่งแช่มะนาว ซึ่งเต็มไปด้วยก้างที่มากมาย ก้างที่กนิ เข้าไปในขณะที่จติ ใจว้าวุ่น เข้าไปสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวเกินทนให้กับลาคอของฉัน45 ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว… ความปวดร้าวที่อยู่ในใจฉัน ใครจะรับรู้ได้ดีเท่าฉัน ทุกๆวันคือการฝืน ทางาน หัวเราะ หรือกินอาหาร การดารงชีวิตของฉันเป็นแค่การฝืนเดินไป กินเพื่ออยู่ ให้ผ่านชีวิตไปวันๆ รสชาติมันเป็นอย่างไรไม่อาจรับรู้ สิ่งที่รู้คือฉันต้องผ่านความขมขื่นนี้ไปให้ได้ จนกว่า.. มันจะผ่านไปได้46 ขณะที่การต่อสู้ระหว่างฉันกับก้างปลากาลังดาเนินไปพลางเหงื่อที่ชุ่มหลังอย่างทรม าน ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างแตะลงที่ไหล่ของฉัน ฉันหันกลับไปพบเป็นใครคนหนึ่งที่กาลังมองฉันด้วยสีหน้าตกใจ พร้อมกับถามฉันว่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ แล้วเธอก็เข้ามาช่วยเอาก้างปลาออกจากลาคอของฉัน แม้ทุลักทุเลแต่ทา้ ยที่สดุ เธอก็ทามันได้สาเร็จ 47 สิ่งที่เธอช่วยฉัน มันทาให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าสิ่งที่ฉันกาลังเผชิญอยู่มันจะยากลาบากสักเพียงใด 45

Fayman555

46

ซานต้าน้อยกลางหิมะหนาว

47

Damansky


และแม้ว่าฉันจะต้องต่อสู้อย่างลาพัง ฉันก็จะผ่านมันไปได้ Nothing is impossible … และถ้อยคานี้กป็ รากฏเข้ามาในความคิด และมันทาให้ฉันยิ้มได้จนถึงวันนี48้ เที่ยงวันศุกร์นี้ กลุ่มของเรา ควีน มิ้ง ธันวา แพนเค้ก และฉันกาลังกินข้าวเทีย่ งกันอยู่ พวกเราคุยกันเรื่องสวนลับหลังโรงเรียน “เฮ้ย แกแน่ใจจริงดิว่าจะแหกกฎกัน” มิ้งทักขึ้นมาหลังจากควีนชวนไปโดดเรียนคาบคณิตศาสตร์ที่นนั่ “แค่รีบวิ่งไปหลังผอ.จะเดินมาถึงแล้วต่อตัวปีนรั้วขึ้นไปทีละคนก็ถึงละ” “เอาน่า ลองไปดู ไม่มีใครว่าอะไรหรอก” ฉันเห็นด้วย ในเมื่อมิ้งไปยอมไปสักที เราเลยต้องรีบลากตัวมิ้งไปหลังโรงเรียน เมื่อทาตามแผนและข้ามรั้วเสร็จ แพนเค้กเตรียมตั้งกล้องเพื่อถ่ายวีดิโอเก็บไว้เป็นที่ระลึก “โห นี่รร.เราเคยมีสวนพระราชวังที่สวยขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย” ธันวาทีท่ ุกคนเรียกว่า “ธันนี่”พูดขึน้ “รีบไปสารวจกันเถอะ ลองแยกย้ายไปไปดูดมี ั้ยล่ะ เราไปทางน้าพุฝั่งโน้นก่อนนะ จะถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆ” ควีนที่มีคนติดตามไอจี 4607 คนพูดอย่างตื่นเต้น ในเมื่อทุกแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง ฉันเลยแยกตัวไปอยู่ตรงพุ่มไม้ที่มีดอกไม้สวยๆคนเดียว ฉันพึง่ สังเกตว่า เห็นแสงสว่างลอดออกมาจากรูใต้พุ่มไม้เป็นสีฟ้า จึงลองลอดพุ่มไม้ไปดูข้างใน “โอ้โห อะไรเนี่ย” ฉันตกใจกับหนังสือสีฟ้าเล่มที่ใหญ่กว่าตัวฉันประมาณ 5 เท่าที่ส่องแสงสวยงาม ฉันลองเอามือไปจับหนังสือที่กางหน้าราพันเซล ก็เห็นว่ามือของฉันทะลุเข้าไปในโลกนิทาน ด้วยความสงสัย ฉันเดินทะลุเข้าไป ฉันเดินว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพวาดเขียนสีน้าที่ขยับเขยืน้ เหมือนโลกในจินต 48

Puikawaii


นาการ ฉันลองเข้าไปในปราสาทแห่งหนึ่ง ฉันจึงนั่งลงที่ระเบียงสีทองในนัน้ ฉันได้เจอกับมังกรสีแดงตัวหนึ่ง จู่ๆมันก็คาบเสื้อของฉันและพาบินออกมาจากหนังสือ ฉันได้มายืนอยู่ในสวนลับดังเดิม มังกรตัวนัน้ พูดกับฉันเป็นภาษาคนว่า “อย่าเข้าไปเลยนะ มันอันตราย เพราะโลกในจินตนาการกาลังจะปิดลงแล้ว พวกเราในนัน้ จะสลายหายไปกันหมด” แล้วมันก็หายตัวไปกับสายลม ฉันรีบวิ่งไปหาเพื่อนๆและลากตัวทุกคนออกมาจากสวนลับแห่งนัน้ และวันต่อมา ไม่มใี ครเคนเห็นสวนต้องห้ามนัน้ อีกเลย.49 “โลกแห่งนิทาน” นี่เป็นคาๆเดียวที่สะท้อนอยู่ในหัวของฉันมาตลอดตั้งแต่เจ้ามังกรพาฉันออกจากโลก แห่งนั้น ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะย่างกรายไปได้แค่เพียงครู่เดียว ความสงสัยกลายเป็นความหลงไหล สะสมมากขึ้นจนกลายเป็นแรงพลักดันให้ฉันหาทางเข้าสู่โลกแห่งนิทานอีกครั้ง 40 ปีผ่านไปกับความพยายามในการหาทางเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ ทรัพยากรและความรูท้ ั้งหมดที่ฉันได้มาจาก การสารวจซากอารยธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก หลักฐานและข้อมูลต่างๆ ได้นาเข้าไปสู่ข้อสรุปเดียวที่ว่า แท้จริงแล้วนัน้ โลกแห่งนิทาน คือ โลกแห่งวิญญาณ (world of sould) ที่เป็นทีอ่ ยู่ของ “วิญญาณ” สิ่งมีชวิตไร้รูปร่าง ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก พวกวิญญาณเหล่านัน้ ต่างอิจฉา เหล่ามนุษย์ และสิ่งมีชีวิตกายหยาบ ที่มี

49

วลัญช์ ทาคาฮาชิ


อารมณ์ความรู้สึก ความต้องการ ความหวัง ความฝัน และจินตนาการ ที่พวกวิญญาณที่มีกายบริสุทธิ์หามีไม่ ด้วยความอิจฉา พวกเหล่าวิญญาณจึงทาการลอกเลียน ความหวัง ความฝัน ของมนุษย์สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วย อารมณ์ความรู้สึก จนเกิดรูปร่างออกมาเป็นโลกนิทาน หรือจะพูดได้ว่า โลกนิทาน คือตัวแทนความหวัง ความฝัน ที่สะสมกันมาของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย และในที่สุด ความพยายาม 40 ปีที่ผ่านมาได้ทาให้ฉัน ค้นพบวิธีที่จะให้ทงั้ สองโลกบรรจบกัน ฉันรู้ดีถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อมวลมนุษย์ชาติทั้งหมด หากทั้งสองโลกซ้อนทับกัน แต่มนั คือราคาทีค่ ุ้มค่า ถ้าทาให้ฉันได้ก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแห่งนัน้ อีกครั้ง50 บางทีคนเราแค่ต้องการพื้นที่เล็กๆให้ทิ้งตัวลงนอนเปื่อยไปทั้งวันกับแมวอ้วน ตัวหนึ่งที่เห็นหน้ากันทีไรก็ต้องไล่ฟัดไล่จกพุงจนมันหนีไปบนหลังตู้เย็นให้ต้องฉีกซ องขนมแมวออกมาง้อ ชีวิตของคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่าการอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองกัน เพราะข้างนอกนั่นเหมือนกับสมรภูมิรบ ไม่ได้รบคนอืน่ ก้รบกับตัวเองนี่แหละ ความคิดมันวนไปมาวุน่ วายยิ่งกว่ารถที่วิ่งอยูใ่ นถนนกรุงเทพเสียอีก แต่จะอย่างไรก็ดีสุดท้ายมนุษย์เราก็จะเลือกทางที่ความเสี่ยงน้อยที่สดุ อยู่ดีแล้วก็กลั บไปฮอิลใจกับเจ้าเหมียวที่บ้านเอา51

50

บังเอิญผ่านมา

51

ไข่ดาวฟองน้อย


“มาสิ ...กินข้าว” เสียงคุ้ยเคยที่ฉันได้ยินมาทั้งชีวิตเรียกให้ทาในสิ่งที่ฉนั ไม่ชอบที่สุด “ต้องกินอีกแล้วหรือนี่ ?” คาถามในใจที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งที่รู้ว่าต้องกล้ากลืนอาหารลงสู่กระเพาะ ฉันเคยคิดและพยายามหาคาตอบอย่างจริงจัง ทาไมมนุษย์เราต้องกิน และใครกันนะเป็นคนกาหนดว่าวาในแต่ละวันเราต้องกินมากเท่าไหร่ กี่มื้อ ถึงจะเรียกได้ว่าครบสมบูรณ์ ดีต่อร่างกาย ซึง่ ในใจฉันก็ค้านอยู่เสมอว่า “ถ้าหากการกินจะทาให้ฉันเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ละก็...ฉันยอมเป็นมนุษย์ที่ไม่ สมบูรณ์ ขาดวิ่นเว้าแหว่งบางส่วน แต่เต็มอิม่ ด้วยความสุขที่หัวใจจะดีกว่า”52 แต่สุดท้ายฉันก็ต้องจาใจกลืนข้าวลงไป เพื่อสิ่งที่มนุษย์เราเรียกว่า “ความอยู่รอด” ทั้งๆที่ฉนั ก็ยังคงสงสัยว่าทาไมการกินอาหารถึงอยู่ในหมวดหมู่ของคาว่า ความอยู่รอด ทั้งๆทีท่ ุกครั้งที่ฉันกลืนข้าวเข้าไปทุกคามันพามาซึ่งความเจ็บปวดทุกๆครั้ง โดยทุกๆครัง้ ฉันก็เคยพยายามจะแก้ไขมัน โดยการคิดถึงเรื่องอื่นๆที่ทาให้ฉันมีความสุข แต่ทุกๆครั้งความรู้สกึ เจ็บปวดนัน้ ก็ยังกลับมาเหมือนเดิม53 วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานฉันทานยาพร้อมกับกินอาหารลงไปอย่างกล้ากลืน หลังจากหัวถึงหมอนอาจจะเพราะฤทธิของยาทาให้สมองของฉันอือ้ อึ้งและหลับไปใ นเวลาอันรวดเร็ว 52 53

#MayWeGoToThePlacesThatScareUs someone


ฉันตื่นมาอีกครั้งกับกลิน่ แปลกๆที่ลอยมาตามลม “นั่นกลิ่นอะไรน่ะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะราพึงราพันออกมา หลังจากลุกออกจากเตียงอย่างยากลาบาก ฉันก็เดินลงมาด้านล่าง “แม่ๆ” ฉันเรียกมารดา แต่ครั้งนี้กลับไร้สิ่งเสียงตอบกลับ ทันใดนั่นโลกของฉันก็พลิกกับ เลือด…… เลือดได้สาดกระจายอยู่เต็มพื้นภาพของสิ่งทีฉ่ ันจะไม่มีวันลืม แผลเป็นที่จะคงอยูใ่ นใจของเด็กคนหนึ่งไปตลอดชีวิตของฉัน อ่า ฉันทรุดตัวลงไปกับพืน้ ได้แต่สะอึกสะเอื้อนอยู่ในลาคอ ทันใดนั่นเสียงปิดประตูดังสนั่นจากหลังบ้านก็ดังขึ้น ฉันสัมผัสได้ทันทีว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นถ้าฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนี้ ฉันหันกลับไปมองด้านล่างผ่าน ร่องของบันไดแล้วพบกับ….54 ผ้าม่านพัดเอื่อยๆ ตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ กระทบเบาๆ ที่ผิวหน้าฉัน ปลุกฉันขึ้นจากภวังค์ ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง สัมผัสได้ถึงเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากของฉัน ฉันรู้สึกถึงมันอีกแล้ว… แม้จะรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ครั้งหนึ่ง มันก็เคยเป็นเรื่องจริง เป็นเรื่องจริงที่ติดอยู่ในใจของฉันราวกับสัมภาระอันหนักอึ้งที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะวางมั นลงได้อย่างไร… นอกเหนือจากความเจ็บปวดทุกครัง้ ที่ฉันรู้สึกหลังจากการกินอาหาร สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสม่าเสมอพร้อมๆ กันก็คอื ความสงสัย สงสัยในสิ่งที่ฉันกาลังเชิญอยู่ตอนนี้ ทาไม่นะ ทาไมคนเราต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน ทาไมความทรงจาถึงนาพาให้คนบางคนต้องติดอยู่กับอดีตจนมองไม่เห็นอนาคต

54

มนุษย์ที่กาลังพยายามตามหาเป้าหมายในชีวิต


ทุกครั้งที่ฉันกาลังสับสน ฉันรู้สึกว่า ในบางครั้ง ความทรงจามันดูชัดเจนกว่าความเป็นจริงเหลือเกิน.. 55 มันกลับมาอีกแล้ว ความรู้สึกนี้หายไปนานมาก จนเกือบลืมไปแล้วว่ามันเจ็บปวดยังไง… แผลร้อนในที่ควรจะเป็นสิ่งเคยชิน ที่เป็นมาตัง้ แต่เด็ก หลังจากที่หายไปนาน จนลืมความรู้สึกไปแล้วเวลากินอาหารรสจัด ที่ชอบ.. ความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยได้กลับมาอีกครัง้ หลังจากที่หายไปนาน.. 56 ทรมานเหลือเกิน เกินจะทน ช่วงหลังเวลาเกิดอาการท้องเสียขึ้นมาที อาการจะหนักมาก ทั้งอ้วกทั้งถ่ายมาครบทุกอาการ อาการหนักกว่าเวลาตัวร้อนเป็นไข้เสียอีก ช่วงหลังเพิ่มอาการปวดท้องมาด้วย ปกติก็เป็นคนที่กนิ อาหารยากอยู่แล้ว เลือกกิน แล้วตอนนี้ยังรู้สึกเบื่ออาหารเข้าไปอีก จะต้องผ่านมันไปให้ได้ไม่ว่าจะเจออะไรที่หนักหนาในชีวิต57 ทุกคราวที่อาหารถูกขย้อนกลับออกมาในทิศทางที่มนั ถูกรับเข้าไป ความทรงจาเดิมๆ ก็ถกู ขย้อนออกมากองรวมไว้ตรงที่ๆ มันเคยอยูเ่ ช่นกัน วันนี้ฉนั มีนัดอีกครั้ง เป็นมื้ออาหารหลังพระอาทิตย์ตกทีบ่ าร์ดาดฟ้าแห่งหนึ่ง คนตรงข้ามเลือกเมนูอาหารที่ภูมิใจนาเสนอ บอกว่าฉันน่าจะชอบ เนื้อสัตว์ไม่ทราบสายพันธุ์กึ่งสุกกึ่งดิบถูกจัดวางมาในจานรูปใบไม้ บีทรูทที่ฝานบางๆ จนเห็นเป็นเพียงเส้นสีแดงวางประดับอยู่ร่วมกับใบมิน้ ท์ มันเป็นอาหารน่าตาน่าทานทีเดียว58

55

ความทรงจา

56

วรา

57

เรนเดียร์

58

The random walker


ฉันว่า บางครั้งอาหารที่เราเคยโปรดปรานก็กลับกลายเป็นยาขมให้เราต้องกล้ากลืนฝืนกิน ได้ เพราะทุกห้วงขณะที่ลิ้นของเรากาลังรับรสอาหารอยู่ มันมักจะเป็นรสชาติที่เคลือบเคล้าไปกับความรู้สึก และเพราะทุกๆ การเคี้ยวแต่ละครั้งเพื่อรับรส มันจะทาให้เรารู้สึกไปด้วย อาหารหลายอย่างที่ฉนั จาต้องเลิกกิน เพราะไม่อยากนึกถึงบางความรู้สึกที่แฝงมากับรสอาหารนั้น59 อาหาร สิ่งที่เชิดชูใจฉันที่สุดในอดีต กลับกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งเปลี่ยนรู้ร่างการรับรู้ออกไป ครั้งที่หนึ่ง สอง สาม ความรื่นรมณ์ในรสชาติกลายเป็นสิ่งชินชา สะสมทับถมกันในกระเพาะย่อยได้กลายเป็นความเศร้า อาหารจึงไม่เติมเต็มให้ฉันอิ่มทางจิตใจอีกต่อไป บางทีอาจเป็นสิ่งอื่น อาจผ่านมาแล้ว60 ไวน์แดงทาให้ฉันนึกถึงคุณ รสชาติของมันหวานลิน้ เมื่อคราวที่เราดื่มมันด้วยกันเป็นครั้งแรก แต่ตอนนี้มันปร่าแปร่งเมื่อไม่มีคุณอยู่ดื่มมันด้วยกัน รสชาติของความรวดร้าวฉาบเคลือบปลายลิน้ ของฉัน ขมปร่า และเศร้าซึม แต่ถึงอย่างนัน้ ฉันยังคงดื่มมันต่อไป และฉันยังคงคิดถึงคุณต่อไป61

59

PorPlaaII

60

ธนพัฒน์ ป.

61

Sutanya Kim.


อาหารที่กินอยูท่ ุกวัน บางอย่างก็ทาเอง บางอย่างก็ซื้อเอา ตอนที่ทาอาหาร คติหนึ่งที่เราจะถือประจาใจคือ “กินได้ก็กนิ กินไม่ได้ก็เททิ้ง” นั่นทาให้การทาอาหารของเราสนุกสนานมาก ถ้าไม่นับตอนมีดบาดแล้วเลือดอาบเต็มเขียงตอนนัน้ และเมดูต้มเปรตพิศดารที่ทาเอาอุจจาระพุ่งจากทวารหนักอย่างรุนแรง (ขี้แตก) เดชะบุญที่ยังไม่ตาย62 อย่างไรก็ตามระยะหลังมานี้ อาการกลัวการกลืนอาหารของฉันเริ่มแย่ลง ฉันเริ่มรู้สึกไม่ได้ต้องการจะกินอาหารใดๆเลย อาหารที่กินไม่ได้ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่มีสิ่งใดผ่านเข้าปากและลาคอ ลิ้นฉันเริ่มไม่ได้ต้องการรับรู้รสชาติใดๆ ลาคอของฉันถึงแม้จะแหบพร่าแต่ฉันก็ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะดื่มน้าเปล่าไร้รสชาติธร รมดาเข้าไป ฉันเริ่มเหมือนคนที่ไม่มีสัญชาตญาณมนุษย์ขึ้นอีกครั้ง63 แล้วฉันก็เริ่มสงสัยว่าสัญชาตญาณมนุษย์คืออะไร ฉันเผลอนึกไปถึง Sigmund Freud ฉันเคยได้ยินว่าเขาพยายามล้วงลึกเข้าไปในใจมนุษย์ ราวกับหมอผ่าตัดที่จะดึงก้อนเนื้องอกของใครซักคนออกมาจากส่วนลับและลึกที่สุด ในใจ อย่างไรก็ตาม ฉันพยายามจะกลืนกินอาหารเหล่านัน้ ต่อ รอยแผลทีป่ ลายนิ้ว ไข้ที่ขึ้นสูง ฉันขะย้อนอาหารที่กินออกมา แล้วกลืนพยายามฝืนกลืนมันกลับไปใหม่ ราวกับสัตว์สี่กระเพาะ ราวกับไม่อยากให้มนั ตกลงถึงท้อง 62

สมชาย ณ เมืองคอน

63

Harugi Jackle


แม้มันจะส่งสัญญาณอย่างเกรี้ยวกราดถึงสิง่ ที่มันจะบีบบดเคี้ยว และน้ากรดภายในกาลังเรียกร้องให้ฉันนาสสารบางอย่างเข้าไประงับความเกรี้ยวกร าดภายใน ก่อนที่มนั จะกัดกินอวัยวะย่อยอาหารของฉันเอง ฉันอยากร้องไห้ มันทรมาน ทรมานเหลือเกิน มันเงียบ มันเอื่อย ความเปล่าเปลี่ยวภายในห้องใหญ่ บางทีฉันก็นกึ สงสัยว่าทาไม Virginia Woolf ถึงเรียกร้องห้องส่วนตัว ทั้งที่ความส่วนตัวเหล่านัน้ แลกมาด้วยความเหงาและความเงียบเชียบ มันกาลังค่อย ๆ ฆ่าฉันให้ตาย64 ฉันอยู่ท่ามกลางความเงียบเหงาและร่องรอยการแตกสลาย ท่ามกลางโต๊ะอาหาร ท่ามกลางร่องรอยความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย บนจาน ในชาม บนช้อนอาหารและซ่อนในคราบน้าลาย ความเงียบเหงาไม่เพียงล้อมรอบและหลอกหลอนตัวฉันท่ามกลางโต๊ะอาหาร ความตายกลับไม่ทัดทาน กลับซ้าเติม กลับลงทัณฑ์ทุกคาที่ฉันใช้ตอ่ ชีวิต65 การสัมผัสถึงความตายในทุกอณูของเมล็ดข้าวไม่ได้ทาให้ฉันคลายความหิวโหยลง หยดไวน์แดง รอยเลือด แก้วอันเปราะบางและเศษซากไร้ชีวิตของอาหารมื้อก่อน ช่างเป็นฉากทีน่ ่ารันทดอดสู ความหิวทาให้ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบช้อนมาตักอาหารกินต่อ แม้จิตสานึกจะปฏิเสธความเน่าเฟะตรงหน้า 64

มานาน้องมานี

65

xxtoaotoxx


มือที่สั่นเทากดช้อนให้จมลงในกองอาหารนัน้ แต่แล้ว ฉันก็ทนต่อความหิวกระหายไม่ไหว พลันเอาหน้าจุ่มลงในกองนัน้ ละเลงอย่างไร้สติ เสียงลากยาวๆ ไปบนจานและโต๊ะ ชวนให้คนอื่นๆ ที่อยู่อีกห้องรีบรุดเข้ามาห้าม ฉันพลันสงสัยว่าอาหารคืออะไร66 ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะสาคัญไปกว่าการได้รับอะไรสักอย่างเพื่อกระเดือกมันลงท้องไ ป และถึงต่อให้เรารู้ว่าสิ่งที่เรากาลังกินอยูน่ นั้ คืออะไรก็คงไม่สามารถจะหยุดยั้งอานาจ ของความอดอยากได้เลย เห็นได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างคนตรงหน้าของฉัน ที่พยายามจะกลืนกินทุกอย่างตรงหน้าลงไปกลบความทรมาณของเมื่อวาน67 บ่ายวันเสาร์ แสนหรรษา กับงานหนังสือในพื้นที่เก่าๆ โบราณๆ กลิ่นอายบรรยากาศ บ้านสวนอบอวล ละมุน เดินดูหนังสือเพลิดเพลิน มีเสียงเพลงลอยมาตามลม ฉันรู้สึกตัวเองเป็นผีเสื้อโบกโบยบิน แสนสนุกจริง68 ทันใดนั้นเองสะดุ้งตืน่ จากฝัน ตืน่ มาพบกับความว่างเปล่าอีกเฉกเช่นเดิม ความทุกข์ทรมานของเมื่อวานกัดกินหัวใจทีละอณู ความเศร้าทรมานไม่เลือนหาย ความรู้สึกนั้นทรมานเหมือนกับจะคร่าชีวิตของตัวเองไปตลอดกาล หวังแต่ว่าความทรมานนี้จะมีใครซักคนที่จะคอยมาแบ่งเบารับมันไป แต่ไม่มีเลยซักคน ซักคนที่แบ่งความรู้สึกนี้ได้…..

66

Pingping Avril Erewhon 68 Boonkanit 67


การโหยหาใครสักคนเพื่อแบ่งปันหรือแบ่งเบาความทรมานนัน้ แม้วา่ จะเป็นสิ่งที่ฉันป รารถนามาเนิน่ นาน แต่ฉันรู้ดีว่ามันเป็นสิ่งทีม่ ันไม่มีวันสมหวังหรือเป็นจริงได้ ฉันตั้งความหวังในสิ่งนี้นบั แต่อาหารมื้อแรกในชีวิตของฉัน แต่ทุกมื้อที่ผ่านไป ความผุกร่อนแห่งความทรมานฝังตัวขึน้ ตกตะกอนขึ้น มันกัดกร่อนฉันจนเหลือเพียงความจริงที่ว่ามีเพียงฉันที่รับรู้ได้ถึงความทุกข์ทนทรม านที่วา่ นี้ ผู้คนทั้งหลายในโลก มีความสุข อิม่ เอมกับอาหารของพวกเขา แต่ฉันกินอาหารแต่ละมื้อเพื่อบดขยี้ตนเอง ไม่ต่างจากร่างกายที่กดั กินจนเองเพื่อรอวันแตกสลาย ความทรมานที่ว่าไม่ตา่ งจากดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉันเฝ้ารอวันที่มนั จะระเบิดจนสว่างไสว สว่างเจิดจ้าจับตาทุกคน และในระหว่างที่เฝ้ารอนั้น ฉันก็เอื้อมมือไปหยิบช้อนและตักอาหารคาต่อไปใส่ตัวเอง จบ69

69

jellyjjoys \ jjjoyy



เรือ ่ งสัน ้ หลายมือ

วันที่ 20 มกราคม 2562 ปีพ.ศ. 2665 100 ปีหลังจากที่วิกฤตฝุ่น PM2.5 เรื้อรัง บวกกับการจัดการอันด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาล ทาให้พื้นที่ส่วนมากของประเทศไทยกลายเป็นทะเลฝุ่น ประชากรทั้งหมดตัดสินใจสละพื้นถิ่น จนไม่มีคนอยู่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่มอย่างกรุงเทพมหานครอีกต่อไป มีเพียงคุณ ที่เดินทางกลับมาที่นี่ กับความคิดแปลกๆ ที่จะเปิด “พิพิธภัณฑ์” ขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ของ “มิวเซียมสยาม” เดิม คุณอยากจะเขียนทรงจาของประเทศไร้รากนี้ขึ้นมาใหม่ แม้ว่าผู้ชมในวันนี้จะมีเพียงผงธุลีสีเทาก็ตาม ว่าแล้วงานของคุณจึงเริ่มขึ้น ด้วยการเลือกของจัดแสดงชิ้นแรก จุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด...70 ตอนเช้าประมาณ 10 โมง ฉันตื่นมา ออกเดินทางจากบ้านมาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแถวลาดพร้าว ไปไหนมาไหนก็เจอแต่ผู้คนคาดแมสปิดปาก จนถึงหัวลาโพง หาอะไรกินแถวเยาวราช แล้วตรงดิ่งไปยังมิวเซียมสยาม แล้วมองท้องฟ้า มันไม่แจ่มใสเท่าที่ควร มันดูหม่นหมองกว่าทุกวัน ตอนแรกคิดว่าหมอกลง แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่….71 ความจริงแล้ว มันคือปีศาจแห่งฝุ่นมันกาลังรวมร่างเข้าทาลายเมือง โอ้มันน่ากลัวมากเลย ตอนนี้ทุกคนกาลังวิ่งหนีปีสาจฝุ่นอันเลวร้ายแต่ฉันได้แค่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ฉันคงจะตายอยู่ที่นี่ซะแล้ว ตอนนั้นที่ฉันกาลังหลับตาเตรียมรับชะตากรรม ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา โอ้เขาช่างเท่จริงๆ ชื่อของเขาคือ…72

70

โอ๊ต มณเฑียร

71

ป่าน นรนิติ์ เชาวนาดิศัย

72

เอรี่


..’’.กาจัดฝุ่นแมน” เขาเป็นผุ้ที่ตะลุยฝุ่นมาแล้วทั่โลกแม้แต่ที่ที่ฝุ่นเยอะมากอย่างประเทศอินเดียก็ตาม เมื่อเขามาถึงมิวเซียมสยาม เขาเริ่มที่จะโยนแมสก์ที่กันฝุ่นได้ดีที่สุดในโลกให้กันทุกๆคน และจากนั้นเขาก็...73 เขาคว้าเครื่องมือหน้าตาประหลาดขึ้นมา มันคล้ายกับเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ที่เขาสะพายเอาไว้ข้างหลัง บางคนไม่ทันสังเกตว่าเขามีมันติดตัวมาด้วย คนปริศนาที่เรียกตัวเองว่ากาจัดฝุ่นแมนกดปุ่มเปิดเครื่อง เสียงสูบดังขึ้นมา ปีศาจฝุ่นเริ่มเกาะตัวกันแน่นหนาขึ้นราวกับเตรียมตั้งรับการโจมตี ทันใดนั้นเอง...74 ฝุ่นที่เกาะตัวกันหนาแน่นก็กระจายออกเป็นวงกว้างพร้อมกับเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นมา บู้ม!!!! “เจ้าฝุ่นตัวร้ายออกไปจากที่แห่งนี้ซะ” จากนั้นเขาก็75... กดปุ่มสีแดงบนเครื่องดูดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นเบ่งกาลังดูดหมอกฝุ่นปีศาจหายไปในเครื่องทันควัน กาจัดฝุ่นแมนตวัดเครื่องดูดขึ้นสะพายหลัง ฉันและทุกคนส่งเสียงยินดีให้กับวีรบุรุษของเรา แต่เสียงดีใจพลันเงียบเมื่อเขาบอกว่าที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องหนีไปจากกรุงเทพ ฉันมองผู้คนรอบข้างทยอยเดินตามกาจัดฝุ่นแมนไปจากมิวเซียมสยาม ฉันเองก็อยากตามพวกเขาไปแต่ในใจฉันกลับรู้สึกแปลกๆ...76 ทรงจาของอดีตค่อยพลังพลูออกมาในกระแสธารสานึก เคล้าด้วยกลิ่นของฝุ่น ความหวังลมๆแล้งๆ เสียงของผู้คนที่เคยอยู่ตรงนี้ เสียงเครื่องดูดฝุ่น คุณคิดถึงพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขียนต่อไปอย่างแม่นยาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมา…. ปัญหาเรื่องฝุ่นนั้นเป็นปัญหาใหญ่สาหรับหลายๆเมือง ไม่จาเจเฉพาะกรุงเทพฯเท่านั้นเกิดกระแสปลุกปั่นให้รัฐบาลหาทางแก้ไขสาหรับปัญหานี้ รัฐบาลได้ออกมาตราการบางอย่างเช่น ฉีดน้าขึ้นฟ้า แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

73

แภส

74

เมย์โกะ

75

อยากมีสวนแตงโม

76

อาร์ม


มันต้องไปแก้ไขที่ต้นเหตุ สาหรับเมืองกรุงผู้คนมากมายต่างพากันปิดหน้าปิดตาเพราะกลัวฝุ่น หากรัฐบาลต่อๆไปไม่แก้ไขปัญหานี้ ฝุ่นก็จะอยู่ในกรุงเทพต่อไปไม่จบไม่สิ้น ความหวังของผู้คนก็ต่างมุ่งหวังให้รัฐบาลแก้ไขปัญหานี้ ทุกคนต่างยอมรับและคงเดินหน้าต่อไปหาเช้ากินค่าในเมืองหลวง ท่ามกลางความศรีวิไลที่แลกมาด้วยสุขภาพที่บั่นทอนไปแต่ละวัน77

เช้าขึ้นมาพบกับละอองฝุ่น สีเทาๆ ลอยตัวบางเบาอยู่บนอากาศบดบังทัศนียภาพวิวของใจกลางกรุงใครจะทราบว่าหมอกที่เรามองเห็นเหล่า นั้นจะทาลายสุขภาพของเรา ซึ่งแต่ก่อนคนเรามองว่ามันคือเรื่องไกลตัวสาหรับเรา แต่มาบัดนี้ ณ ปัจจุบันฝุ่นเหล่านั้นมันกลับมาเป็นเรื่องสาหรับเราและทาให้ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น และป้องกันฝุ่นเหล่านั้นด้วยการใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน...ฮัดชิ้ว 78 เสียงเเม่จามปลุกฉันจากความคิดเรื่องฝุ่นซึ่งเป็นวิกฤติที่กรุงเทพมหานครกาลังเผชิญ ฉันได้เเต่คิดว่าทาอย่างไรดีให้ทุกคนหันมาใส่หน้ากากเเลรักษาสุขภาพกันมากกว่านี้ ให้ความสาคัญกับปัญหานี้มากกว่านี้เเละเราจะทาให้สภาพอากาศกลับมาเป็นดังเดิมได้อย่างไรหรือเเท้จ ริงเเล้วสภาพอากาศจะดีได้นั้นต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน เริ่มจากมนุษย์ตัวเล็กๆร่วมมือกัน79

อีกกระแสความคิดผุดขึ้น ถ้าการแก้ไขปัญหามันเกิดขึ้นจากคนแต่ละคนปัญหาฝุ่นคงไม่ค้างคายาวนานมาจนถึงบัดนี้ “บัดซบ!!!” ฉันพยายามคิดหัวแทบแตกว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ แม้จะเคยมีฮีโร่เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ แม้แต่ละคนจะพยายามดูแลรักษาตัวเอง แต่ปัญหามันยังคงอยู่ ทาไมกัน ทาไม!? เราลืมจุดไหนของการเกิดปัญหาฝุ่นไปหรือป่าว ฉันได้แต่คิด… 77

หมาป่าแห่งทุ่งหญ้า

78

ดอกไม้สีเทา

79

ตะวันรอน


การเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่งมันจะต้องมีสิ่งที่เหนี่ยวนาเป็นทอดๆที่ทาให้มันเกิดขึ้น แต่มันคือออะไร ฉันย้าให้ตัวเองคิดทบทวนอยู่นาน….จนคิดว่าประเทศนี้มันช่างสิ้นหวังเหลือเกิน ไม่ว่าจะพยายามแก้ตรงไหนก็จะไปเจอปัญหาใหม่ไม่จบไม่สิ้น80 หรือสุดท้ายแล้วในโลกนี้ไม่อาจมีวีรบุรุษที่แท้จริงนอกจากตัวเราเอง จริงอยู่ที่มนุษย์ตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาขนาดใหญ่ที่เรื้อรังมานาขนาดนี้ หากจะเปรียบเปรยไป ฝุ่นละอองมากมายก็คงคล้ายกับสภาวะภายในจิตใจ มองใกล้ๆ ไม่เห็น รู้ว่ามีแต่จับต้องไม่ได้ อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่หลุดพ้นจากมันไม่ได้ เป็นภาวะความสิ้นหวังที่ตลกร้ายมากเลยทีเดียว 81 หลายครั้งเรามักสงสัยว่าหมอกหรือควันนั้นต่างกันเช่นไร หมอกจะงดงามและทาให้เยือกเย็น แสนสบายในยามเช้า แต่ถ้าเป็นควันไฟถึงจะบางเบาก็อาจทาให้มีน้าตา ควันไฟก็คงเปรียบเสมือนเรื่องเล็กๆในใจเรา ถึงจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยและบางเบาแต่หากมากระทบจิตใจเรา ก็คงทาให้แสนเจ็บช้าและมีน้าตาได้เช่นกัน หรือแท้จริงแล้วปัญหาหมอกควันอาจจะเกิดขึ้นจากปริมาณร้านปิ้งย่างที่มากเกินไปก็ได้82 หากพูดถึงปริมาณร้านปิ้งย่าง ที่ทาให้เกิดมลภาวะทางอากาศ แล้วนั้น ยังก่อให้เกิดอีกปัญหานึงอีก ก็คือ ปัญหาสุขภาพจากน้าหนักเกิน เนื่องจาก การที่มีอาหารอันโอชะ รายล้อมอยู่รอบตัวนั้น ทาให้ยากที่จะหักห้ามใจ ถ้าเราแก้ปัญหาได้ถูกจุด และมีความหวัง เชื่อว่าพรุ่งนี้อะไรก็ดีกว่าเดิม สิ่งที่เรามุ่งหมายในวันที่เราริ่เริ่ม จับมือและเดินข้ามไป มองด้วยใจแล้วความจริง จะเห็นว่ามันดีกว่า ไม่ไกลหรอกหนา มองไปข้างหน้า ทุกวันต้องดีขึ้นปายยยยยยยยย 83 “เป็นอะไร” เสียงของพลเอก ป ปลุกฉันจากภวังค์ความคิด นี่เกิดอะไรขึ้น ฉันปล่อยให้ตัวเองคิดเพ้อเจ้อ ออกนอกเรื่องนอกราวไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งเรื่องวีรบุรุษ ฝุ่นควัน ไล่ไปถึงร้านปิ้งย่าง และเพลงของพี่เบิร์ด (หรือฉันจะหิว?) “ถ้าปวดหัวก็กลับบ้านไปนอน” พลเอก ป บอกฉันพลางกวักมือไล่ แต่ฉันยังไม่อยากไปหรอก ฉันต้องทางานนี่นะ และงานของฉันคือการนาเสนอเรื่องราวผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยข้อสงสัยที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้

80

ตาลชาวไร่

81

Lunatics_me

82

เบบี๋

83

อีกครั้ง


“ก็อีกสองสามปีนั่นแหละ ปัญญาฝุ่นก็จะหมดไป” พลเอก ป บอกฉันเมื่อเห็นฉันทาหน้านิ่ว และยังไม่ยอมขยับไปไหน84 จริงอยู่เหตุการณ์นนั้ มันผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว แต่มันก็ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ เอาล่ะ ตอนนี้ฉันก็มาถึงตึกที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย ถึงแม้ว่ามองแทบไม่ออกว่ามันเคยเป็นมิวเซียมสยาม แต่ทว่ามันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ทาให้เห็นชัดเจนว่าที่นี่เคยเป็นที่ที่ฉันเคยได้ยินมาก่อน ฉันจะเริ่มต้นสร้างพิพิธภัณฑ์จากซากพิพิธภัณฑ์นี้อย่างไรดี ต้องเริ่มต้นจากอะไรก่อน นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความคิดของฉัน ณ ตอนนี้85

“ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะนั้นยืนยาว” ฉันจาคานี้ได้แม่น ถึงจะจาไม่ได้ว่าเคยได้ยินมันมาจากที่ไหน แต่ความรู้สึกถึงคาพูดนั้นยังคงเด่นชัดในความรู้สึกเสมอ ฉันมองไปยังสถานที่อันเคยเป็นแหล่งรวมศิลปะหลากหลายชิ้น ยิ้มให้ความพังทลายนั้นก่อนจะเริ่มคิดว่าจะต้องรังสรรค์มันขึ้นมาใหม่ สาหรับฉัน ฝุ่นผงเปรียบเสมือนคลีดิน ในช่วงมหาพรตของศาสนาคริสต์ อย่างน้อยก็ในประเทศไทย จะมีการโปรยเถ้าลงบนศีรษะของของสัตบุรุษที่เข้ามาร่วมงานในวันพุธรับเถ้า ฝุ่นเถ้านั้นแสดงให้รู้ว่ามีบางอย่างกาลังจะกลับคืนมา ศาสนาอาจจะหมายถึงพระเยซู แต่สาหรับฉันมันหมายถึงอะไรก็ได้ นกฟินิกส์ตายกลายเป็นเถ้า และจากเถ้านั้นก็กลับกลายเป็นลูกนกตัวใหม่อีกครั้ง กลายเป็นการเกิดใหม่อันไม่สิ้นสุด แม้มันจะเป็นซากแห่งการพังทลาย แสดงออกมาในรูปของฝุ่น แต่อีกนัยหนึ่งมันหมายถึงการเกิดใหม่และความหวัง แม้จะมีใครให้ชม...ไม่สิ แม้จะมีเพียงฝุ่นผงที่เป็นผู้รับชม ฉันก็จะยังมุ่งมั่นใจที่จะสร้างงานศิลปะชิ้นต่อไปอยู่ดี86

84 85

Timothy Santanaprasit Victory_me

86

มานาน้องมานี @manaoce2001


เพราะศิลปะคือเลือดเนื้อ คือชีวิต คือจิตวิญญาณของเหล่าบุคลากรแห่งโลกก่อนกาลปัจจุบัน เวลาแห่งความฝัน ณ เวลานี้ และยืดยาวเป็นที่ชื่นชมและจรรโลงของบุคคลที่รับชมต่อไป ศิลปะจึงต้องการพื้นที่และความสนใจ ฉันจึงสร้างสถานที่นั้นเพื่อเก็บรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่า87 ฉันตื่นลืมตาในตอนเช้า การต่อสู้ของค่าคืนเพิ่งผ่านพ้นไป สายแดดส่องลอดผ้าม่าน ฉายภาพกองผ้าที่ยังไม่ได้ซักวางกองปะปนกับกระป๋องเบียร์ ปวดหัวหนักๆคล้ายผลแตงโมที่โดนทุบด้วยค้อน ระหว่างล้างหน้าและโกนหนวด เงี่ยหูฟังวิทยุกระจายเสียง บอกข่าวการมาเยือนของควันพิษ ชาระร่างกายเสร็จ ฉันออกมายืนตรงระเบียง เช้านี้อากาศดี มีทั้งหมอกและควัน สูบบุหรี่ขมๆ สักมวน ก่อนหาซื้อหน้ากาก.88 ฉันเหลือบตามองไปยังทางหน้าต่างของคอนโดสุดหรูของฉัน พบ สัตว์ในตานาน 3 ตัว ได้แก่ ฟีนิกซ์เพลิง ยูนิคอร์นสายลม และ มังกรน้าเจ้าแห่งท้องทะเล โผล่ขึ้นมาอย่างพร้อมกันที่เหนือตึกมหานคร ตึกที่สูงที่สุดของประเทศไทย โดยทั้ง 3 ได้แปลงกายเป็นหญิงสาวสละสลวยทั้ง 3 คน ฟีนิกซ์กลายเป็นหญิงสาวผมแดง ยูนิคอร์นกลายเป็นหญิงผมสีบลอนด์ และ มังกรน้า เป็นหญิงสาวผมสีดา 89 พร้อมกับได้ยินเสียงของทั้ง 3 สาว ตะโกนขึ้นมาว่า ด้วยตัวแทนแห่งโลกแห่งนภา ปฐพี และ ธารา จะช่วยโลกใบนี้จากวิกฤติการณ์ มหันตภัยฝุ่นนรกปีศาจ นี้เอง โดยทั้ง 3 ได้แสดงถึงอิทธิฤทธิ์ ฟีนิกซ์เพลิงได้พ่นเพลิงแห่งโลกันต์ขึ้นไปยังท้องฟ้า ในขณะเดียวกัน ยูนิคอร์นแห่งสายลมได้กระพือปีกเป็นลมเพื่อรวมพลังเพลิงไปยังจุดศูนย์กลางแห่งท้องฟ้า และมังกรน้านั้นได้พ่นสายน้าจากท้องทะเลขึ้นมารวมกัน ก่อเกิดเป็นกลุ่มเมฆในตานาน Cloud of health เกิดเป็นฝน ช่วยชาระล้างฝุ่นในอากาศให้สิ้นไป90 ทันใดนั้นเอง ลูกแก้วแห่งพลังทั้งสามก็ถูกปลุกขึ้นอีกเช่นกัน ฟินิกซ์เพลิงได้ลูกแก้วสีแดง ยูนิคอร์นแห่งสายลมได้ลูกแก้วสีขาว และมังกรน้าได้ลูกแก้วสีน้าเงิน

87

@xxtoaotoxx

88

ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

89

บลอซซั่ม PowerPuff Girls

90

บับเบิล PowerPuff Girls


แสงที่เปล่งออกมาทั้งสามสีสาดส่องไปทั่วทั้งเมือง เมื่อรวมกับพลังเมฆในตานานนั้นก็พุ่งพรวดไปกาจัดฝุ่นทันที ฝุ่นขนาดเล็กก็หายไป แต่ฝุ่นขนาดใหญ่ก็ยังคงอยู่ และดูเหมือนว่าฝุ่นขนาดเล็กที่ตายไปก็ถูกผลกระทบเกิดการกลายพันธุ์เกิดเป็นปีศาจฝุ่น PM 0.0005 สามสามเทพในตานานจะทาเช่นไร พวกเธอจะแก้ไขผลการกระทาของที่เกิดจสกพลังของตนได้ไหม91

ฉันทรุดลงนั่งบนพื้นเปื้อนฝุ่น ล้วงหยิบลูกแก้วสีหม่นทึบจากกระเป๋า สิ่งนี้แหละที่ครั้งหนึ่งเคยพยายามอย่างสุดกาลังเพื่อปกป้องประเทศนี้ไว้ ตัดสินใจใช้มันเป็นของชิ้นแรกในพิพิธภัณฑ์ไร้ผู้ชมแห่งนี้ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ฉันหยิบกระดาษสาหรับวาดรูปออกมาจากกระเป๋า ร่างวิถีชีวิตของผู้คนที่เคยมีชีวิตอย่างสดใส ณ ที่แห่งนี้ออกมา92 แม้จะเป็นเพียงสิ่งของชิ้นเล็กๆ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สิ่งของที่ดูไม่มีค่ามากมายกลับสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก นอกจากมันเป็นของจัดแสดงชิ้นแรกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว มันยังสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเจ้าปีศาจฝุ่น PM 0.0005 ได้อีกด้วย ถึงกระนั้นเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ไม่ได้แพร่กระจายไปมากกว่าเดิม93 ฉันจะกล่าวโทษลมแล้งกับใครได้ กับความอ่อนแอของบรรพบุรุษในอดีตที่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ความเพิกเฉยของรัฐที่มีต่อฝุ่น PM 2.5 แม้พวกเขาจะก่นด่ารัฐบาลใน พ.ศ.2557-2562 แต่ก็เป็นพวกเขาไม่ใช่หรือที่เชื้อเชิญรัฐบาลนั้นมาริบสิทธิ์ที่จะให้ชนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้มีโอกาสเลือก ... เลือกผู้นาที่เราด่าได้เมื่อเวลามีวิกฤต มิใช่นิ่งเฉยต่ออุบัติการณ์เลวร้ายจนฝุ่น PM 2.5 หดเล็กลงจนกลายเป็นไมครอน 0.000594 อดีตย่อมเป็นอดีต ทุกสิ่งที่ผ่านแล้วย่อมพ้นผ่าน คันศรที่หลุดแล่งแล้วหาได้กลับมาฉันนั้น มีเพียงแค่ยอมรับผล เผชิญหน้า และดารงชีวิตต่อให้ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่คนตัวเล็ก ๆ 91

บัตเตอร์คัพ PowerPuff Girls

92

ลัลน์ลลิต

93

Detone_L Arkenneth

94


อย่างฉันจะทาได้คงมีไม่มาก การเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตในตานานกลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ทาอย่างไรดี ฉันครุ่นคิดอย่างหมดอาลัยตายอยากบนเตียงนอน ฉับพลันฉันระลึกถึงความทรงจาสมัยก่อน หนังสือเล่มหนาหนักในห้องสมุดคร่าครึ...95

หลายวันผ่านไป เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของฉัน ถึงแม้ฝุ้น PM 2.5 จะหายไป แต่เราก็ได้พบกับปัญหาใหม่นั่นก็คือ PM 0.000596 ซึ่งทาให้สภาพอากาศแย่กว่าเดิมพร้อมกับการป้องกันที่ยากมากขึ้น ฉันได้แต่นั่งคิด… ว่าจะทาอย่างไรถึงจะกาจัดเจ้าพวกนี้ได้… จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงใครบางคนในหัวของฉัน ไม่สิ.. เป็นเสียงของคนหลายคนที่พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เสียงเหล่านั้นมันทาให้ฉันรู้สึกมีพลัง มีกาลังใจ เมื่อฉันรู้สึกตัวอีกทีผมของฉันก็ได้เป็นสีทอง.. จากนั้นฉันได้รวบรวมเสียงของคนเหล่านั้นจนเกิดเป็นลูกบอลสีฟ้าขนาดใหญ่นั่นก็คือ บอลเกงกิ ที่พร้อมที่จะทาลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า..97 ห้องตรวจโรคสีฟ้า แอร์เย็นเฉียบ ผมนั่งรอจิตแพทย์อยู่ในนี้กว่าครึ่งช่วโมงแล้ว ผมจาไม่ได้เหมือนกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สงสัยคงจะเป็นเพราะเรื่องเพ้อเจ้อที่ผมทาลงไป ผมก็จาไม่ได้เหมือนกันแฮะ “คุณรู้มั้ย ความคิดของคุณมันไม่ได้แปลกหรอก” จิตแพทย์หนุ่มกล่าวกับผม “ความคิดของคุณ ความคิดของพวกเราทุกคน มีบางคนบงการอยู่” สองคิ้วของผมขมวดเข้าหากัน “คุณเคยเล่น pacman มั้ย คุณรู้มั้ยมันย่อมาจากอะไร Program and Control ไงละ พวกเราเป็นแค่ตัวละครในเกมที่ใครบางคนเล่นอยู่” จิตแพทย์หนุ่มเดินไปเปิดหน้าต่าง กระแสลมแรงโหมพัดเข้ามาในห้อง กระดาษเอกสารปลิวว่อนห้อง “วิธีพิสูจน์ง่ายมาก เราคนนึงจะกระโดดลงไป คุณจา pacman ได้มั้ย มันตายกี่ครั้งกว่าเกมจะจบ” จิตแพทย์ตบไหล่ จูงมือผมไปที่ริมหน้าต่าง “เอาล่ะ คุณหรือผม ใครจะเป็นคนโดด?”98

95

DiamandMan Arkenneth 97 Warman 96

98

Smeeeieiei (spoil bandersnatch นะคับ)


ผมไม่รู้ว่าผมมันโง่ หรือบ้ากันแน่ แต่เมื่อห้าวินาทีที่แล้ว ณ ห้วงขณะจิต มีเสียงลอยตามลมมาจากอีกฝั่งของเมือง เสียงนั้นปลุกกระแสพลังชีวิตในตัวผม เพียงชั่วพริบตา ผมกระโดดลงจากหน้าต่างตึกโรงพยาบาลชั้นที่ 25 ด้วยใจที่ไม่กลัวอันตรายทั้งสิ้น สารร่างของผมกระทบกับพื้นดินข้างล่างอย่างแผ่วเบา พร้อมกับคาพูดของผู้มาเยือนโรงพยาบาล… ไม่สิ ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ที่นี่ดูแปลกไปจากที่ๆผมอยู่เมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ด้านหน้าของผมค่อยๆมีแสงสว่างส่องมา พร้อมเงาของคนร่างสูงที่เดินเข้ามาหาผม และเสียงนี้แหละ เป็นเสียงของเค้าเมื่อสักครู่ เขา ที่ตอนนี้พูดกับผมว่า “เมื่อฟ้าสีทองผ่องอาไพ เราจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” 99

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น จิตแพทย์ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าผม ในห้องตรวจสีฟ้าห้องเดิม อะไรกัน ภาพหลอนงั้นเหรอ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง หน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้... ผมสูดหายใจเข้า ก่อนลุกขึ้น ตรงไปที่หน้าต่าง ก้าวเท้าซ้ายขึ้นไปบนขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว และหันไปตอบจิตแพทย์ของผม “Pacman ตายนับครั้งไม่ถ้วนครับหมอ” สิ้นคาตอบผมหลับตาลง รวบรวมความกล้ากระโดดลงจากหน้าต่างอีกครั้ง และเมื่อลืมตาขึ้น ผมก็ยังอยู่ในห้องสีฟ้าห้องเดิม นั่งตรงข้ามกับจิตแพทย์คนเดิม ในเวลาเดิมก่อนที่ผมจะกระโดดลงจากหน้าต่างอีกครั้ง100 ผมกระโดดลงจากหน้าต่างแบบนี้อยู่หลายรอบ ผลคือก็ยังอยู่ในห้องสีฟ้าแบบเดิม มันคือภาพหลอนล้วงตา หรือว่าผมคิดฝันไปเอง101 ละอองไอน้าฝน ปลิวผ่านม่านบางเข้ามากระทบปลายจมูก ประสาทสัมผัสของผมคลุมเครือ ตาผมปรือ แม้อยากจะขยับเปลือกตา มันก็รู้สึกหนัก ราวกับดัมเบล กว่าสิบกิโล วางทับบนเปลือกตาคู่นี้ ผมแทบไม่รู้สึกว่า ร่างของผม ทอดว่างบนวัสดุอะไร เหมือนกับว่ามันลอยคว้างอยู่กลางอากศ ที่ฉ่าเย็นด้วยสายฝน “คุณช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นหน่อย” เสียงนั้น มันมีจริงหรือไม่ ไม่รู้ 102 ฝุ่นอาจเกาะพื้นดินอย่างสงบนิ่งเมื่อฝนตกลงมา ฝุ่นอาจยอมจานนให้น้าค้างในเช้าตรู่ ฝุ่นอาจยอมแพ้ต่อละอองน้าที่โปรยฉีดในมหานคร แต่ฝุ่นก็ไม่เคยหายไป ฝุ่นจะกลับมาใหม่ทุกครั้งที่พันธานาการถูกปลดเปลื้อง ฝุ่นเป็นอนุภาคหนึ่งที่ล่องลอยในจักรวาล 99

แดฟโฟดิลแดนไกล

100

DuckNoon poolek 102 Pongin 101


ผืนดินที่เราเหยียบอยู่ก็เกิดจากฝุ่นที่จับตัวกันแน่น สรรพชีวิตมีพื้นฐานมาจากฝุ่นควัน และชีวิตก็ถูกทาลายลงด้วยฝุ่นเช่นกัน ในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็มีฝุ่น ฝุ่นแม้จะถูกดักด้วยเครื่องฟอกอากาศ หรือหน้ากากเอ็นเก้าสิบห้า ทว่ามันจะถูกอุดตันในไม่ช้า เหมือนอาการป่วยของผมที่อาจหายไปเหมือนฝุ่นล่องลอย หรือตกตะกอนทับถมหนักจนแสดงอาการ ละอองไอน้าฝนที่ปลิวผ่านเข้ามากักเก็บฝุ่นในใจได้ชั่วคราว …..แค่นั้นเอง 103 การใส่หน้ากาก N95 มิได้ให้เพียงแต่ประโยชน์เท่านั้น หากแต่มันก็มีโทษในตัวของมันเช่นกันเพราะการใส่หน้ากาก N95 เป็นการกรองฝุ่นที่มีขนาดละเอียดไม่ให้เข้าสู่ร่างกายก็จริง แต่ก็เป็นการบดบังออกซิเจน ทาให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หากมองอีกมุมนึงในทุกๆสรรพสิ่ง ล้วนมีประโยชน์และโทษในตัวของมันเองเสมอ104

โทษอีกอย่างของหน้ากากN95ก็คือ มันหาซื้อได้ยากเป็นบ้า แถวที่ต่อซื้อก็ยาวเป็นกิโล และในตอนที่ผมต่อแถวซื้อหน้ากากอยู่น่นเอง สายตาองผมก็เหลือบไปเห็นแมงมุมเข้า แมงมุมก็คงจะเห็นผม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด ผมโดยแมงมุมกัด มันกระโจนเข้าหาผม ผมตกใจแต่ผมก็ทาเพียงตบมันออกจากฝ่ามือ แล้วหยิบหน้ากากN95ไปจ่ายเงิน เหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดินออกจากร้าน ผมเริ่มหน้ามืด แต่ผมไม่ค่อยแปลกใจเพราะผมเป็นแพ้อากาศ สภาพอากาศที่มีแต่ฝุ่นแบบนี้มันก็ไม่แปลกที่ผมจะเริ่มไม่สบาย36

ทว่าหลังจากผมกลับมาถึงที่บ้าน อาการแปลกๆ ในร่างกายก็เพิ่มมากขึ้น จากตอนแรกอาการหน้ามือ และคัดจมูกเท่านั้น ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนอย่างกับไฟเออร์ ผมตัดสินใจอาบน้าให้ร่างกายรู้สึกเย็นลง และเตรียมเข้านอน ก่อนจะเข้าสู้ห้วงนิทรา อยู่ๆ

103 104

Anatta THITINANamm

36 peter parker


ในหัวผมก็คิดถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา “หน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” ผมว่ามันไม่น่าจะเป็นเพราะฝุ่นแล้วแหละ 105

ทุกวันนี้ที่เราตื่นมาสูดลมหายใจเราไม่รู้หรอก ควันพิษได้มาเยือนเรา โดยที่เราไม่เคยรู้ตัวว่าควันพิษเขาสู่ร่างกายแล้ว ถามว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความผิดของใคร บางคนโทษคนนู้นนี้บ้าง โยนไปคนนี้บ้างโยนกันไปโยนมา ถ้าถามผมนะ ผมโทษมนุษย์เองนี่แหละ ที่ปล่อยมลพิษออกมากนี่แหละ มันน่าเศร้าที่ผู้คนไม่ตระหนักกับควันพิษในครั้งนี้เลย ถ้าผมถามคุณอากาศได้ ผมอยากถามว่า “คุณอากาศได้รับความรักจากมนุษย์” ในทางกลับกัน ผมถามพวกคุณว่าให้ สิ่งดีดีกับอากาศแล้วหรือยัง106

นั่นสินะ มนุษย์คอยแต่โทษคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง มนุษย์ โยนความผิดให้ โรงงานอุตสาหกรรม ไซด์งานก่อสร้าง สร้างทุกสิ่งอย่างที่มนุษย์ต้องการ รถยนต์บนท้องถนน ร้านปิ้งย่าง ทั้งร้านข้างทาง และร้านใหญ่โต และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่มนุษย์ ทาขึ้นมา แต่หารู้ไม่ว่า มนุษย์ ไม่เคย คิดมองย้อนกลับไปเลยว่า ทุกอย่างที่กล่าวมานั้น และที่ไม่ได้กล่าว ก็ทาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์เองทั้งนั้น แล้วแบบนี้มนุษย์ จะโทษใคร โทษ อากาศ งั้นหรอ ว่าทาไม อากาศ คุณไม่ฟอกตัวเอง ทาไมไม่ทาให้อากาศดี เพื่อมนุษย์บ้าง 107 หรือจริง ๆ แล้วมนุษย์นี่ล่ะ คือสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทาลายล้างสูงสุด จากนี้ถ้าเป็นไปได้มนุษย์ควรเริ่มที่ปกป้องโลกของเราอยากจริงจังเสียที เราต่างก็รู้ว่าโลกใบนี้เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในระบบสุริยจักรวาลที่มีสิ่งมีชีวิตกาเนิดขึ้น ต่อให้ Elon Musk สามารถพาเราไปสู่ดาวอังคารได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเราจะไปสร้างความเสียหายเดิม ๆ ที่เราเคยทาไว้กับโลกหรือเปล่า หรือบางทีอนาคตเราอาจจะข้ามผ่านรูหนอนไปเจอมิติคู่ขนานของเรา แล้วหลังจากนั้นล่ะ ถ้าเรายังไม่พยายามปกป้องโลกของเราเหมือนเดิมเจ้าปีศาจ pm2.5 ก็จะถือกาเนิดขึ้นอีกครั้ง ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนไกลเท่าไร เราไม่มีทางที่จะหลุดพ้นวงจรนี้ได้ 108

105 eloqunce 2/3 106 tatatawan 107 108

Tracy Qiu thisisnotmary


เราเคยคิดไหมว่าบางทีเราอาจจะไม่เหมาะกับการอยู่บนดาวเคราะห์ดวงใดเลยก็ได้ เราเคยคิดว่าเราอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มีปัญญา สามารถทาอะไรหลายสิ่งที่สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นไม่สามารถทาได้ การที่ทาให้ฝุ่นพิษปกคลุมทั่วทั้งเมืองก็เป็นหนึ่งในนั้น หากมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าไม่ได้มีแค่เจ้าปีศาจฝุ่นเท่านั้นที่เราได้สร้างขึ้นมา ภาวะโลกร้อนที่ทาให้กรุงเทพฯ ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนคนกรุงเทพฯ เองก็แทบอยู่ไม่ได้ก็เป็นผลงานมนุษย์เราทั้งนั้น ผลงานที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครพยายามที่จะทาลายมันอย่างจริงจัง แล้วแบบนี้เรายังจะกล้าคิดถึงการหนีไปทาให้ที่อื่นต้องพบกับภัยร้ายเช่นนี้อีกหรือ109

ฉันอยู่กับความคิดนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที ฉันก็มาปรากฎอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว…มิวเซียมสยาม ความตั้งใจเดิมและสิ่งที่คิดขึ้นมาทั้งหมดฉันจะทาให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง สร้างสิ่งที่ระลึกถึงฝุ่น หวนกลับมาตั้งแต่วันที่ฟ้ายังใสสว่าง จนกลายเป็นฝุ่นอย่างนี้ มันเพราะอะไร ถ้าย้อนเวลากลับไปฉันจะทาอะไร จะบอกผู้คนอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นอย่างวันนี้110 ฉันตั้งใจสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมา และบรรจุมันไว้เพื่อระลึกถึงความจาทั้งหลาย ปิศาจฝุ่น ผู้พิทักษ์ เทพในตานาน การแก้ปัญหาของรัฐบาลในตอนนั้น และ…ความไม่รู้จักหยุดจักพอของมนุษย์ที่เป็นสาเหตุของการย้ายออกจากมหานครศิวิไลแห่งนี้ และสิ่งแรกที่ฉันจะสร้างขึ้นมาคือ… ภาพของรอยยิ้มในทุ่งหญ้าและฟ้าใส ที่หาได้ยากเหลือเกินในยุคแห่งมลพิษนี้111 ฉันจมอยู่ในภวังค์ความคิด ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ยามสนธยาย้อมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันนี้ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศเหงาหงอย ภาพของรอยยิ้มงั้นหรือ...ฉันจะหามันมาจากที่ไหนนะ ฉันเงยหน้ามองออกไป รอบนี้ไม่มีใครเลย มีเพียงฝุ่นควันที่ลอยเอื่อยเฉื่อย ราวกับต้องการเยาะเย้ยผู้คนที่จากไป

109 110

youaremyjam cooperthecat

111

แม่มดน้อยกลางหิมะหนาว


ฉันหลับตา ผิดแล้ว ที่ตรงนี้ยังมีความหวัง ฉันยังอยู่ตรงนั้น ฉันหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา กดปุ่มกลับกล้องมาเบื้องหน้า เป็นฉันเอง แม้จะอยู่ในสภาพสวมหน้ากากอนามัยปิดไปครึ่งหน้า ไม่เห็นแม้แต่รอยยิ้ม ทว่าฉันยิ้ม ในเวลาที่กดถ่ายรูป ไม่รู้เหมือนกันมันจะส่งไปถึงใครบ้างหรือเปล่า ผลงานชิ้นแรกในมิวเซียมแห่งนี้112 “สวัสดี” ชายหนุ่มบนรถไฟฟ้าทักทายในขณะที่ฉันกาลังถ่ายรูป แล้วบางเสี้ยวในความทรงจาของฉันก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมา เขาคือรักแรก ชั่วขณะนั้น ดวงทิวาลับขอบฟ้า เขายิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ” ฉันตอบ “อืม เป็นยังไงบ้าง” “ก็ดี” เขาตอบพลางหยิบบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นมาสูบ ในขณะที่ PM2.5 ก็เข้าปอดเขาเช่นกัน ในเมือ่ บรรยากาศตอนนี้ก็อึดอัดอยู่แล้ว ฉันถอดหน้ากากเพื่อสนทนาพร้อมฝุ่นผงในความทรงจา 113 บทสนทนานั้น สะท้อนว่าความทรงจาร่วมกันของเรายังชัดเจนอยู่เสมอ… เขาหนุ่มคณะสีเทา มหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดัง บริเวณถนนหน้าพระลาน เรารู้จักกันครั้งแรกตอนรับน้องที่ร้านกาแฟหน้าร้านสโม “เจ้าของฉายาสั่งหวานน้อย แต่ได้หวานเจี๊ยบ” ทันทีที่เขาหันมายิ้มทักทายให้กับฉัน ฉันรู้ได้เลยว่า ฉันไม่ได้ถนัดอะไรเลย นอกจากชอบมองรอยยิ้มของเขา อืม… ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ ผลงานชิ้นแรกของฉันที่จะจัดวางในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ....114 รูปวาดสีน้าของเราทั้งคู่ มันเป็นอะไรบางอย่างที่สาคัญ และเป็นสิ่งที่ทาให้พิพิธภัณฑ์นี้เจิดจรัสและเต็มไปด้วยความสวยงาม ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ มันจะคงอยู่ไว้อย่างนั้นตลอดไปในใจของสองเรา115 แย่ล่ะ เผลอถอดหน้ากากนานเกินไปหน่อย ฉันสูดหายใจเข้า มวลของฝุ่นลอยเข้าปอด-มวลของอดีต ฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศคือเศษเสี้ยวที่เหลืออยู่ของอารยธรรมมนุษย์ มันไม่ใช่อะไรเลยนอกจากฝุ่น ใช่ ทั้งเขาคนนั้น ทั้งถนนหน้าพระลาน ทั้งรูปวาดสีน้า ฉันสูดมันเข้าไป สูดมันเข้าไป สัมผัสถึงมันด้วยอณูสารตะกั่วที่หนักอึ้งอยู่ในปอด ร่างกายฉันก็เหมือนกัน

112

แว่นเป๋อ

113

ภาพพิมพ์

114

MUSIC SOLITUDE NOVEL 624 hurry III

115


มันเป็นส่วนหนึ่งของฝุ่น สุดท้ายเราก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันยืนอยู่คนเดียวอีกคร้งในพิพิธภัณฑ์ที่ว่างเปล่า พร้อมกับรูปถ่ายใบเดิม116 ฉันสวมหน้ากากกันฝุ่นกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องยืนสูดฝุ่นละอองนี้ เข้าไป แม้ว่ามันจะทาให้ฉันระลึกถึงเรืองราวอะไรก็ตามที่ผ่านมาหรือว่ากาลังจะเกิดขึ้น ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ หนีจากฝุ่นนี่เสียที ฉันคิด117 ในก้าวเท้าสุดท้ายก่อนที่จะเข้าไปในมิวเซียมสยาม คุณจึงตระหนักขึ้นว่า คุณเคยทาสิ่งนี้มาแล้ว ซ้าแล้วซ้าเล่า ในหลากหลายกระบวนท่า บางครั้งคุณใช้จินตนาการ บางครัง้ คุณใช้สมอง บางครั้งคุณใช้กาลัง บางครั้ง บางครั้ง บางครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม คุณเขียนให้มีวีรบุรุษ คุณเขียนให้แต่ละคนช่วยกัน คุณเขียนว่าคุณกระโดดตึก คุณเขียนให้มีสัตว์อภินิหาร คุณเขียน คุณเขียน คุณเขียน แต่สุดท้าย ย่อหน้าใหม่ก็ยังว่างเปล่า เป็นสีขาว นาพาคุณไปในที่สะเปะสะปะ ถามคาถามเดิมซ้าๆ เหมือนเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตกร่อง “ฝุ่น” “พิพิธภัณฑ์” “ทรงจา” “ฝุ่น” “พิพิธภัณฑ์” “ทรงจา” “ฝุ่น” “พิพิธภัณฑ์” “ทรงจา” “ฝุ่น” “พิพิธภัณฑ์” “ทรงจา” “ฝุ่น” “พิพิธภัณฑ์” “ทรงจา” ในก้าวเท้าสุดท้ายนี้เองที่คุณตระหนักว่า พิพิธภัณฑ์จะไม่มีวันสร้างได้ ไม่มีวันจะเป็นอะไรไปนอกจากฝุ่น ไม่ว่าคุณจะพยายามจะสร้างมันอย่างไร ด้วยอะไร ด้วยวิธีใด “แค่ธุลีที่ไร้ทรงจา ไม่ว่าจะยัดเยียดอะไรเข้าไปก็ตาม ด้วยความเป็นธุลี เราก็จะย้อนกลับมาที่แห่งนี้ หน้ามิวเซียมสยาม หน้าทะเลฝุ่น หมดมุ่นอยู่กับความไร้ประสิทธิภาพและอานาจใดใดของตัวเอง” ในก้าวเท้าสุดท้ายนี้เอง คุณจึงหยุดที่จะพยายาม ภารกิจคุณล้มเหลว คุณร้องไห้ออกมา แต่น้าตาของคุณก็เป็นเพียงแค่ฝุ่น THE END.

116 117

python dinosour


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.