PENINSULA MOMENTS
At The Peninsula Bangkok, world-class hospitality enriched with compelling Thai cultural experiences creates perfect memorable moments.
จากโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระศรีนครินทร จังหวัดภูเก็ต (Class A) วง ‘Jazz Passion’ จากกรุงเทพฯ (Class B) และ วง ‘Solar System Band’ จากจังหวัด เช่ียงใหม (Class C) สามารถรับช่มการแสดง ย�อนหลังได�ทีนี bit.ly/3AIGqAF Music Entertainment นำเสนอ ปรากฏการณ “สังคีตสัมพันธั์” โดยวงดนตร สุนทราภรณ เป็นตอนที ๔ ซึ่�งจะเป็นตอน สุดท�ายสำหรับหัวข�อนี
3
เจ้าของ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล บรรณาธิิการบริหาร ดวงฤทัย โพคะรัตน์ศิริ หัวหน้ากองบรรณาธิิการ ธััญญวรรณ รัตนภพ ที่ปรึกษากองบรรณาธิิการ Kyle Fyr ฝ่่ายภาพ คนึงนิจ ทองใบอ่อน ฝ่่ายศิลป์ จรูญ กะการดี นรเศรษฐ์ รังหอม พิสูจน์อักษรและรูปเล่ม ธััญญวรรณ รัตนภพ เว็บมาสเตอร์ ภรณ์ทิพย์ สายพานทอง สานักงาน วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (วารสารเพลงดนตรี) ๒๕/๒๕ ถนนพุทธัมณฑลสาย ๔ ตาบลศาลายา อาเภอพุทธัมณฑล จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๐๐ ๒๕๒๕-๓๔ ต่อ ๓๒๐๕ โทรสาร ๐ ๒๘๐๐ ๒๕๓๐ musicmujournal@gmail.com สวัสดีผู้อ่านเพลงดนตรทุกท่าน เม่�อ ช่่วงต�นเด่อนพฤศจิกายนทีผู้่านมา วิทยาลัย ดริยางคศิลปร่วมกับกลุ่มบรษัท คิง เพาเวอร และค่ายเพลงช่ั�นนำของประเทศ Muzik Move, Smallroom, LOVEiS Entertainment, What The Duck และ Warner Music Thailand จัดการประกวดวงดนตรีสากล The Power Band 2022 Season 2 รอบช่ิงช่นะเลิศ ภาย ใต�แนวความคิด Dream it, Do it กล�าฝััน กล�า ทำ การประกวดในปนีมีการเพิ�มรอบออดช่ัน ใน ๕ จังหวัด ดังนี จังหวัดขอนแก่น จังหวัด ช่ลบร จังหวัดเช่ียงใหม จังหวัดสงขลา และ กรุงเทพมหานคร เพ่�อเปิดโอกาสให�ผู้�สมัครจาก ทั�วประเทศมาแสดงความสามารถทางดนตร กันอย่างเต็มที การประกวดแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ดังนี ระดับมธัยมศึกษา (Class A) ระดับบุคคลทั�วไป (Class B) และประเภท ดนตรีสร�างสรรค์ไร�ขีดจำกัด
ทีช่นะการประกวดในแต่ละประเภท
‘มอซึ่อ’
บทเพลงสังคีตสัมพันธัทีน่าสนใจเพิ�มเติมอีก ๕ บทเพลง ได�แก รักสลาย ผู้ช่ายนะเออ ลาว ดวงดอกไม� ทำนายฝััน และรักบังใบ ในแต่ละ เพลงจะมลิงกยทูบสำหรับฟัังดนตรีพร�อมโน�ต เพลงประกอบ และมีบทวิเคราะห์พร�อมทั�ง ข�อมูลเกี�ยวกับแต่ละบทเพลง Thai and Oriental Music นำเสนอสังคีต ลักษณวิเคราะห เพลงโหมโรงกลางวัน ตอนที ๒ ซึ่�งในตอนนี�นำเสนอความเป็นมาและการ วิเคราะห์บทเพลงที�สำคัญสามบทเพลง ค่อ เพลงตระสันนิบาต เพลงเสมอ และเพลง เสมอข�ามสมุทร ติดตามรายละเอียดได�ในเล่ม Music Education นำเสนอบทความเกี�ยว กับการสอนดนตรีสำหรับเด็กพิเศษ โดยมีการ แนะนำการจัดกิจกรรมในช่ั�นเรียนที�เหมาะสม สำหรับเด็กพิเศษ เพ่�อช่่วยในด�านพัฒนาการ ทางร่างกายและจิตใจสำหรับเด็กกลุ่มนี Music Re-Discovery ในเด่อนนี นำ เสนอบทความ มนุษย์/ดนตรี/หนังส่อ ตอนที ๕ โดยหนังส่อเล่มนี�เกี�ยวกับอัตช่ีวประวติของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ หร่อเมย์อนุสรณ ซึ่�งเป็น บุคคลสำคัญในประวติศาสตร์ดนตรีตะวันตก ของประเทศไทย เป็นผู้บุกเบิกการบรรเลง เคร่�องสายตะวันตกในประเทศไทย Classical Guitar นำเสนอ ๒ บทความ บทความแรกเกี�ยวกับววัฒนาการของท่านั�งและ การถ่อกีตารตั�งแต่ช่่วงปลายศตวรรษที ๑๘ จนถึงช่่วงต�นศตวรรษที ๒๑ โดยอ�างอิงจาก ตำราของนักกีตารทีมช่่�อเสียงในแต่ละยุคสมัย บทความที�สองเกี�ยวกับเทศกาลการ แข่งขันกีตาร์คลาสสิกระดับโลก
Kissin คอลัมน
นำเสนอผู้ลงานที�นอกเหน่อจากการประพันธั เพลงของนักแต่งเพลงช่าวรัสเซึ่ียช่่�อดัง Sergei Sergeyevich Prokofiev ซึ่�งนอกจากผู้ลงานด�าน ดนตรีแล�วยังมีงานเขียนที�ประสบความสำเร็จ ด�วยเช่่นกัน และ Interview จะพาผู้อ่านไป ทำความรูจักกับยาหย พัทธัมน พรหโมปการ นักร�องนำวง I Hate Monday เช่ิญติดตาม สาระความรู�ได�ในเล่ม ดวงฤทััย โพคะรััตน์์ศิิรั กองบรรณาธัิการขอสงวนสิทธัิ�ในการพิจารณา คัดเล่อกบทความลงตพิมพ์โดยไมต�องแจ�งให� ทราบล่วงหน�า สำหรับข�อเขียนที�ได�รับการ พิจารณา กองบรรณาธัิการขอสงวนสิทธัิที�จะ ปรับปรุงเพ่�อความเหมาะสม โดยรักษาหลักการ และแนวคิดของผู้�เขียนแต่ละท่านไว� ข�อเขียน และบทความทีตพิมพ ถ่อเป็นทัศนะส่วนตัว ของผู้�เขียน กองบรรณาธัิการไม่จำเป็นต�อง เห็นด�วย และไม่ขอรับผู้ิดช่อบบทความนั�น
TALK
Volume 28 No.
November 2022
(Class C) ซึ่�งวง
ได�แก วง
โดยในตอนนี�ได�วิเคราะห
โดยเด่อนนี จะพาผู้อ่านไปทำความรูจักกับการแข่งที�เก่าแก ทีสุดของประเทศอิตาล “Michele Pittaluga International Classical Guitar Competition” จัดขึ�นครั�งแรกตั�งแตป ค.ศ. ๑๙๖๘ นอกจากนี�ในคอลัมน The Pianist จะ พาผู้อ่านไปรูจักกับนักเปียโนเช่่�อสายยิว ช่าว รัสเซึ่ีย ที�มากด�วยความสามารถอย่าง Evgeny
Music: Did you know?
EDITOR'S
Contents สารบัญ Music Entertainment 04 ปรากฏการณ “สังคีีตสัมพันธิ์” โดยวงดนตรสุนทราภรณ (ตอนที่ ๔) กิิตต ศิรัีเปารัยะ (Kitti Sripaurya) Thai and Oriental Music 22 สังคีีตลักษณวิเคีราะห เพลงโหมโรงกลางวัน (ตอนที่ ๒) เดชน์์ คงอิ่�ม (Dejn Gong-im) Music Education 38 การสอนดนตรสาหรับเด็กพิเศษ โรงเรียนราชวนิตประถมบางแคี โดยนักศึกษาชั�นปที่ ๔ สาขาวิชาดนตรศึกษา ธััน์ยาภรัณ์์ โพธักิาวน์ (Dhanyaporn
Music Re-Discovery 42 มนุษย์/ดนตรี/หนังสือ ตอนที่ ๕ หนังสือที่ระลึกเนื่องในการ พระราชทานเพลิงศพ ร.อ. เมย เอื�อเฟื้้�อ “เมย์อนุสรณ์” จิิตรั กิาว (Jit Gavee) Classical Guitar 48 ววัฒนาการกีตารคีลาสสิก ในต้นคีริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า จนถึงปัจจบัน ท่านั่งและการถือกีตาร สุุวิช กิลิ่น์สุมทัธัิ (Suvich Klinsmith) 58 เทศกาลกีตารคีลาสสิกระดับโลก ตอนที่ ๒ “Michele Pittaluga International Guitar Competition 2022” งานแข่งขันกีตารคีลาสสิก ที่เก่าแกที่สุดในประเทศอิตาล ปณธิานจากรุ่นสู่รุ่น ชน์วัฒน์์ เต็มคำขวัญ (Chinnawat Themkumkwun) The Pianist 66 The gift of musicEvgeny Kissin Yun Shan Lee (ยน์ ชาน์ ลิ่ี) Interview 68 ยาหย พัทธิมน พรหโมปการ นักร้องนา I Hate Monday อิ่รัรัถวทัย สุทัธัิรัักิษ์์
Music:
74 ๖ คีีตกว กับผลงาน ที่มากกว่าดนตร Prokofiev: งานเขียน ที่สะท้อนพรสวรรคี์ทางดนตร กิฤตยา เชอิ่มวรัาศิาสุตรั
Phothikawin)
(Attawit Sittirak)
Did you know?
(Krittaya Chuamwarasart)
04 MUSIC ENTERTAINMENT เรื่อง: กิตติ ศรีเปารยะ (Kitti Sripaurya) อาจารย์ประจาสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทบทวนประวติความเป็นมาของ “สังคีตสัมพันธั์” อีกครั�ง ด�วยข�อมูลจาก pantip.com>chalermkrung ประวััติิวังดนติรีที่�เรียกวั่า “สัังคีีติสััมพัันธ์์” เมอิ่ปพทัธัศิกิรัาช ๒๔๙๖ พลิ่โทั หมอิ่มหลิ่วงขาบ กิุญชรั อิ่ธัิบดกิรัมปรัะชาสุัมพน์ธั์ใน์ขณ์ะน์ัน์ ทั่าน์มีความ ตั�งใจิแน์่วแน์ทัีจิะพัฒน์าดน์ตรัีไทัยจิึงได้ดำเน์น์กิารัเพิ�มอิ่ัตรัาข้ารัาชกิารัขึน์ใน์แผน์กิดน์ตรัีไทัยแลิ่ะปรัะกิาศิรัับสุมัครั น์กิดน์ตรั จิึงไดมน์กิดน์ตรัีไทัยสุมัครัเข้ามารัับรัาชกิารัหลิ่ายทั่าน์ด้วยกิน์ ค่อิ่ ครับุญยงค เกิตุคง ครัสุมาน์ ทัอิ่งสุุโชต ครัจิำเน์ียรั ศิรัีไทัยพน์ธัุ์ ครัูปรัะสุงค พณ์พาทัย ครัสุ่บสุุด ดรัิยปรัะณ์ีต ครัสุมพงษ์์ น์ุชพจิารัณ์์ ครัชอิ่งมาศิ สุุน์ทัรัวาทัน์ ครัูทััศิน์ย ดรัิยปรัะณ์ีต ครัูสุุดจิิตต ดรัิยปรัะณ์ีต แลิ่ะครับุบผา คำศิิรั ขณ์ะน์ัน์ยังมน์กิดน์ตรัีไทัยอิ่าวุโสุอิ่กิทั่าน์หน์ึ�ง ซึ่�งเปน์ผู้มีความรัู้ความสุามารัถทัางดน์ตรัีไทัยอิ่ย่างยอิ่ดเยี�ยม ทัั�งทัางด้าน์กิารับรัรัเลิ่งแลิ่ะกิารัแต่งเพลิ่งเปน์อิ่ย่างมากิ แตติดขัดอิ่ยู่ว่าทั่าน์อิ่ายุมากิแลิ่้ว ไมสุามารัถบรัรัจิุเปน์ ข้ารัาชกิารัได ทั่าน์อิ่ธัิบด พลิ่โทั หมอิ่มหลิ่วงขาบ กิุญชรั มีความตั�งใจิทัีจิะไดน์กิดน์ตรัอิ่าวุโสุทั่าน์น์ี�ไว้เปน์ทัี ปรักิษ์าใน์วงดน์ตรัีไทัยขอิ่งกิรัมปรัะชาสุัมพน์ธั์ให้ได จิึงไดจิัดเงน์งบพิเศิษ์ขอิ่งสุถาน์วทัยุภาคทัดลิ่อิ่งมาจิัดเปน์ เงน์สุมน์าคณ์ใน์ตำแหน์่งทัี�ปรักิษ์าทัางดน์ตรัีไทัยแกิน์กิดน์ตรัทั่าน์น์ัน์ ค่อิ่ ครัพุ่ม บาปุยะวาทัย ปรากฏการณ์์ “สัังคีีตสััมพัันธ์์” โดยวงดนตรสัุนทราภรณ์์ (ตอนที ๔)
05 ครัพุ่ม บาปุยะวาทัย เดิมทั่าน์ชอิ่ พุ่มเลิ่กิ เกิิดเมอิ่วน์ทัี ๘ มน์าคม พ.ศิ. ๒๔๓๓ ณ์ บ้าน์พรัะยาภธัรัาภัย อิ่ำเภอิ่บางกิอิ่กิน์อิ่ย จิังหวัดธัน์บรั เปน์บุตรัคน์สุุดทัอิ่งขอิ่งครัปุย บาปุยะวาทัย ครัูดน์ตรัทัีมชอิ่เสุียงใน์สุมัยน์ัน์ ครัพุ่มเปน์ผู้มีฝีีม่อิ่ทัางด้าน์ดน์ตรัีไทัยอิ่ย่างยอิ่ดเยี�ยม ทัั�งใน์ทัางทัฤษ์ฎีีแลิ่ะทัางปฏิิบต ไดมีโอิ่กิาสุเปน์ผู้สุอิ่น์วิชา ดน์ตรัีไทัยให้แกิ่พรัะบรัมวงศิาน์ุวงศิ์ตามวังต่าง ๆ เชน์ วังบางขน์พรัหมขอิ่งทัน์กิรัะหมอิ่มบรัพัตรั วังบรัพาขอิ่ง สุมเดจิฯ กิรัมพรัะยาภาณ์พน์ธัุฯ วังพรัะน์างเจิ้าอิ่น์ทัรัศิกิดิศิจิ น์อิ่กิจิากิน์ัน์ทัีบ้าน์ครัพุ่มกิมลิ่กิศิิษ์ย์มาเรัียน์วิชา ดน์ตรัอิ่ยู่เปน์จิำน์วน์มากิเชน์เดียวกิน์ เมอิ่วงดน์ตรัีไทัยขอิ่งกิรัมปรัะชาสุัมพน์ธัมน์กิดน์ตรัีพรัอิ่มเพรัียงแลิ่้ว จิึงไดมกิารัฝีกิซึ่อิ่มเพลิ่งกิน์ขึน์เปน์ ปรัะจิำ ด้วยเหตทัีหอิ่งซึ่อิ่มดน์ตรัีไทัยกิับดน์ตรัสุากิลิ่อิ่ยู่ใกิลิ่ชิดกิน์ จิึงทัำให้เสุียงดน์ตรัีไทัยกิับดน์ตรัสุากิลิ่คลิ่กิ เคลิ่้าผสุมผสุาน์กิน์ไปโดยกิฎีแห่งธัรัรัมชาต ทัำให้เกิิดมีความไพเรัาะอิ่ย่างแปลิ่กิปรัะหลิ่าด ทั่าน์อิ่ธัิบด พลิ่โทั หมอิ่มหลิ่วงขาบ กิุญชรั จิึงไดรัะลิ่กิถึงพรัะรัาชเสุาวน์ย์ขอิ่งสุมเดจิพรัะน์างเจิ้ารัำไพพรัรัณ์ พรัะบรัมรัาชน์ีใน์รััชกิาลิ่ทัี ๗ ทัี�เคยตรััสุว่า “ดน์ตรัีไทัยกิับดน์ตรัสุากิลิ่น์ัน์ ควรัจิะเลิ่น์รัวมกิน์ได้” ดังน์ัน์ ทั่าน์ อิ่ธัิบด พลิ่โทั หมอิ่มหลิ่วงขาบ กิุญชรั จิึงดำรัทัีจิะทัำวงดน์ตรัีผสุมขึน์ ใน์ขณ์ะน์ัน์ ครัูเอิ่่อิ่ สุุน์ทัรัสุน์าน์ เปน์ผู้ ควบคุมวงดน์ตรัสุากิลิ่อิ่ยู่ กิมีแน์วความคิดน์ี�เชน์กิน์ว่า จิะน์ำเครัอิ่งดน์ตรัีไทัยมาผน์วกิเข้ากิับเครัอิ่งดน์ตรัสุากิลิ่ ได ทัั�งน์ีจิะไดช่วยเชิดชูเพลิ่งไทัยใหจิำง่ายขึน์ โดยน์ำมาบรัรัเลิ่งใน์แบบสุากิลิ่ไดอิ่ย่างสุน์ทั แลิ่ะยังคงจิะรัักิษ์า บรัรัยากิาศิแบบไทัย ๆ เรัาไว้ไดอิ่ย่างผสุมกิลิ่มกิลิ่่น์ จิึงได้ตกิลิ่งเรัียกิกิารับรัรัเลิ่งดน์ตรัีผสุมน์ีว่า “สุังคีตสุัมพน์ธั์” บทความเบาสมองสนองปัญญาเร่�องปรากฏการณสังคีตสัมพันธั์ตอนสุดท�ายขอนำเสนออีก ๕ บทเพลง ๑) รัักสลาย (https://www.youtube.com/watch?v=4s_yWYG2-U4&t=32s) “รักสลาย” คำร�อง “สมศักดิ เทพานนท์” ทำนอง “ธันิต ผู้ลประเสริฐ” ดัดแปลงจากเพลงไทยสำเนียงมอญ “ดาวทอง” อัตราจังหวะ ๒ ช่ั�น ขับร�องบันทึกเสียงต�นฉบับโดย “ช่วล ช่่วงวิทย์” บรรเลงดนตรีโดยวงดนตรศิษย จามร (ก่อตั�งโดยครธันิต ผู้ลประเสริฐ) บันทึกลงแผู้่นครั�งตราฟัลิปส คำร�องม ๓ ท่อน โปรดพิจารณา จากไฟัล์เสียงต�นฉบับบันทึกเป็นโน�ตสากลพร�อมคำร�องและ chord progression ตามหลักการทางดนตร สากลพบว่าเพลงนีบันทึกอยู่บนโหมด C dorian กลุ่มเสียงคล�ายกับ Eb major scale ดังภาพ รักเอย ไยกลับหมางรางเลยแรมไกล ครวญคิดไปมิไดหลับนอน สุดหักใจไมเหลือเยื่อใย ไดแตอาวรณ อกสั่นรอน รักมาบั่นทอน สะทอนหัวใจ เหลือลืม ความเกานั้นฉันลืมไมได ยังมิวายอาลัยคูครอง แตกอนเคยมีรักชื่นเชย เคยอยูประคอง เฝาแตมอง น้ําตาอาบนอง หมนหมองฤดี ช้ําใจ ใครจะเหมือนหัวใจเรานี่ ทนเหมือนมีมีดมากรีดใจ จะอยูคอยความรักที่ลอย คอยกวาวันตาย เจ็บปวดใจ รักมากลับกลาย สลายแลวเอย
06 ฟัอร์มเพลงเป็นแบบท่อนเดียว (๑ ทำนอง ๓ เน่�อร�อง) สังเกตห�องลงจบเพลงตรงประทุน ๓ ด�วยคอร์ด Gm และผู้�เรียบเรียงฯ ดนตรีสร�างทำนองสั�น ๆ นำเข�าสู่คอร์ด Cm ในห�องเพลงถัดไปเพ่�อการจบที�สมบูรณ (perfect cadence) จัดการปรับ key และ time signature ให�ตรงกับโน�ตสากลแนวระนาดและแนวฆ้องของ เดิมนำบันทึกเป็นสกอร์เพ่�อศึกษาวธัีการประพันธั์เพลงสังคีตสัมพันธัทั�งเน่�อร�องและทำนอง (เน่�อร�องใช่�เที�ยว แรกเที�ยวเดียวเพ่�อเป็นตัวอย่าง) ดังปรากฏตามภาพ
07 ผูชายมีหลายอยาง มีทามีทาง ตางกันสุดพรรณนา ทุกคนลวนแตรอยเลหกลจนรูทา เริ่มเกี่ยวเกี้ยวพา ชอบหากําไรทุกที หากใครหลงในวจี เสียทีจักตองเศราใจ ผูชายมีหลายทา ยามแรกเขามา พูดจาเกี้ยวพาดูเร็วไว พิศดูแลวชางแสนอดสูดูไมได ชอบเอาแตใจ ชางไรความอายเหลือทน ผูชายนะเออชอบกล ทุกคนชางแปลกสิ้นดี ผูชายมีหลายเลห ใจต่ําเกเร อุบายถายเทพันทวี ใชคําเพอพร่ําซ้ําใหหลงมิคงที่ แรกฝากไมตรี เสกสรรวจีหวานคํา แตพอสมใจเขาทํา ใหเราตองพร่ําคร่ําครวญ จากสกอรดังกล่าวพบว่า ครธันิตใช่�แนวทำนองทั�งระนาดและฆ้องผู้สมผู้สานกัน พร�อมทั�งปรับบางโน�ตให� กลมกล่นกับคำร�องเพ่�อสร�างแนวทำนองสังคีตสัมพันธั์ให�เป็นรูปแบบของเพลงไทยสากล ๒) ผู้้�ชายนะเออ (https://www.youtube.com/watch?v=NNu4pCgksu4) ทำนองโดย “ธันิต ผู้ลประเสริฐ” (ดัดแปลงจากเพลงไทยเดิม ขอมทรงเคร่�อง) คำร�องประพันธั์โดย “สรัฐ พุกกะเวส” ขับร�องบันทึกเสียงต�นฉบับโดย ศรสุดา รช่ตะวรรณ เพลงนี�เน่�อร�องต่อว่าต่อขานบรุษเพศจำแนก เป็น ๓ กลุ่ม เช่่น ผู้ช่ายมีหลายอย่าง ผู้ช่ายมีหลายท่า และมีหลายเลห เรียกได�ว่าแฉกันอย่างละเอียดทีเดียว เน่�อร�องเพลงนีม ๓ ท่อน ขอบคุณภาพจาก “SiamMusic 9669” ถอดโน�ตสากลจากไฟัล์เสียงต�นฉบับ (F minor scale) บันทึกเป็นโน�ตสากลพร�อมคำร�องและ chord progression ตามหลักการดนตรีสากลได�ดังนี
08 รูปแบบเพลงเป็นแบบท่อนเดียว (๑ ทานอง ๓ เนอรอง) เช่่นเดียวกับเพลง “รักสลาย” เมอปรับ key และ time signature ใหตรงกับโนตสากลแนวระนาดและแนวฆ้�องของเดิมนาบันทึกเป็นสกอร์เพอศึกษาวิธัีการ ประพันธั์เนอรองและทานองของเพลงสังคีตสัมพันธั ผู้ลปรากฏตามภาพต่อไปนี
09
10 ครธันิต ผู้ลประเสริฐ ใช่�โน�ตทางฆ้องและปรับบางเสียงให�สอดคล�องกับคำร�องเพ่�อสร�างแนวทำนองเพลง สังคีตสัมพันธั์ให�เป็นลักษณะของเพลงไทยสากล ๓) ลาวดวงดอกไม้ (https://www.youtube.com/watch?v=92HWA7zlYa8) คำร�องประพันธั์โดย ครูแก�ว อัจฉริยะกุล ทำนองโดย ครูสร ยงยุทธั (นักเปียโนประจำวงดนตรสุนทราภรณ์) ปรับแปลงทำนองจากเพลงลาวดวงดอกไม�ของเดิมซึ่�งเป็นเพลงพ่�นเม่องทางภาคเหน่อสำหรับร�องและฟั้อนรำ ของหนุ่มสาว ต�นฉบับ “สังคีตสัมพันธั์” ขับร�องคู่บันทึกเสียงต�นฉบับโดย วนัย จุลละบุษปะ และช่วล ช่่วงวิทย โปรดพิจารณาคำร�อง เน่�อร�องบรรทัดที ๓ มีการใช่�วลว่า “ดวงดอกไม�” จากช่่�อเพลงของดั�งเดิมมาประกอบอยู่ เม่�อทำ transcription เพลงนี�จากไฟัล์เสียงต�นฉบับ (Eb major pentatonic) บันทึกเป็นโน�ตสากลพร�อมคำร�องและทางเดินคอร์ดตาม หลักการดนตรีสากล ปรากฏตามภาพต่อไปนี ช. เพลินยามเมื่อเราเดินกันไป สองรักเราเคียงใกล เพลินฤทัยสุขสันต ญ. ฟงคําที่พี่พร่ํารําพัน นองคิดไปใจหวั่น กลัวจะผันเปลี่ยนไป ช. โอ พุมพวง มิลวงเจาดวงดอกไม ญ. ฟง ฟงไป น้ําใจคงไมแนนอน ช. โอดวงใจขอใหฟงกอน แงงอนไปไย ญ. มีรักเดียวแลวเที่ยวมอบให แมนสมใจแลวจร ช. โอ กระไร นองชางงอน ญ. ไยพี่ มาพร่ําออนวอน ถอย ออกไป ช. นองเคืองดวยเรื่องอันใด ญ. นองเกรงวาจะรักไมจริง ช. รักเจาไมคิดทอดทิ้ง ญ. ทุกสิ่งจริงหรือพูดมา ช. จะเอาอะไรสัญญา บอกมาอยาคิดของใจ ญ. นองขอเพียงรักเดียวชื่นใจ มิยอมใหใครปอง ช. ชื่น ชื่นฤทัย มีนองมาเชยมาชม ญ. อุย อยามาดอมมาดม ชมนองดังมวลมาลี ช. ชื่น ชื่นฤทัย มีนองมาเชยมาชม ญ. อุย อยามาดอมมาดม ชมนองดังมวลมาลี ช. พี่ดมหวังชมชื่นใจ ไมจากไกล ทิ้งใหเสื่อมศรี ญ. หากจริงเหมือนคําพี่นี้ ก็มีหวังที่ชื่นฉ่ํา ช. จะยอมจะฟงทุกคํา กลัวนองจะช้ําจิตใจ (พรอม) สองรักเรานั้นคงอยูได เพราะดวงใจตรงกัน
11
12 เป็นทีน่าสังเกตว่าเพลงนีมิได�ลงจบ (ending) ด�วยโน�ตตัวที ๑ ของบันไดเสียงตามหลักดนตรีสากลทั�วไป (tonal music) หากแต่จบลงด�วยโน�ตตัวที ๔ ของ Eb major pentatonic ฟัอร์มเพลงเป็นแบบ ๔ ท่อน ABCD ไมซึ่�ำกัน ซึ่�งเป็นไปตามทำนองของเดิม เพียงแตมีการย�อนซึ่�ำทำนอง เพ่�อสร�างสสันให�กับเพลง ผู้�เขียนบทความนี�ปรับ key และ time signature ให�ตรงกับโน�ตสากลแนวระนาด และแนวฆ้องของเดิมนำบันทึกเป็นสกอร์เพ่�อศึกษาวธัีการประพันธั์เน่�อร�องและทำนองของเพลงสังคีตสัมพันธั ผู้ลปรากฏตามภาพต่อไปนี
13
14
15 จากสกอรดังกล่าวนี�พบว่าแนวขับร�องสังคีตสัมพันธั์ใช่�การผู้สมผู้สานกันของทางฆ้องและระนาด มีการตัด ทอนบางช่่วงของเพลงเดิม ทั�งนี�เพ่�อให�กระช่ับลงตัวอยู่ในรูปแบบเพลงไทยสากล ๔) ทำนายฝััน (https://www.youtube.com/watch?v=xtOphprx8dc) “ทำนายฝััน” เป็นเพลงขับร�องคู่โดย สมศักดิ เทพานนท และวรนช่ อารย ทำนองโดย ครธันิต ผู้ลประเสริฐ ดัดแปลงจากเพลงไทยเดิม “ทะแยกลองโยน” คำร�องโดย ครูสมศักดิ เทพานนท นำมาจากบทพระราช่นิพนธั ลายพระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล�าเจ�าอยู่หัว ที�พระราช่ทานให�เจ�าจอม ม.ร.ว.สดับ ลดาวัลย เม่�อ คราวเสด็จประพาสยุโรป ครั�งที ๒ มาขยายความดังตารางเปรียบเทียบต่อไปนี ขอบคุณข�อมูลจากเพจ “พร่างเพช่รในเกร็ดเพลง” ภาพโน�ตในลักษณะ lead sheet ที�ผู้�เขียนฯ ถอดจาก ไฟัล์เสียงต�นฉบับ ปรากฏตามภาพต่อไปนี บทพระราชนิพนธลายพระหัตถใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว คํารองเพลง “ทํานายฝน” โดย สมศักดิ์ เทพานนท คืนนั้นฉันฝนไปวาชมสวน หอมลําดวนดอกแยมแซมไสว เขาโนมกิ่งชิงเก็บกําเริบใจ มีงูใหญเลื้อยกระหวัดรัดขอมือ ฉันดิ้นรองกองหูจนรูสึก วานชวยนึกทํานายรายอยูหรือ ไมรายลองตองวุนดอกบุญลือ ฝนนี้คือจะไดคูสูสมเอย ญ.เมื่อคืนนั้น ช.เธอกับฉัน ญ.ฝนวา ช.ฝนใฝอยางไรดวงตาไหนเอยวาจา ญ.ไปชมสวน เก็บลําดวน ช.คงชื่นชวน ญ.นางแยม ช.งามเมื่อยามแยมแซมเหมือนงามแฉลม
ญ.กําเริบใจ พบงูใหญ ช.นาตกใจ
ช.มันไลมาเลาะลัดหมายใจตวัด
ช.ใหพี่นึก ญ.ทํานาย ช.ลองจะลองคิดทายเห็นจริงโดยงาย ญ.ดีรายหรือ ช.ไมรายดอก ญ.กลัวพี่หลอก ช.พี่จะบอก ญ.ไหนบอกอยาหลอกเลยหนาหวังวาจริงแท ช.แมบุญลือ ฝนนี้คือ ญ.ดีแนหรือ ช.จะไดคู ญ.มองเฝามองคิดดูเห็นเพียงเธออยู ช.มาสูสม
ญ.แซมไสว ฉันโนมกิ่ง ช.เธอเกงจริง ญ.ชิงกันเก็บ ช.ไฉนนั่นเด็ดกันดวยเล็บสาวเจ็บมือช้ํา
ญ.ไลตวัด
ญ.รัดขอมือ ฉันรองกรี๊ด ช.คงถูกพิษ ญ.ดีดดิ้น ช.ฉันอยูใกลเธอไดยินขอปลอบใจจินต ญ.จนรูสึก โปรดชวยนึก
16 รูปแบบเพลงเป็นลักษณะ AB (เพลง ๒ ท่อน ท่อนละ ๘ ห�องเพลงพอดี) เน่�อร�องม ๔ ท่อน ลีลาทำนอง บันทึกอยู่บน Ab major scale ร่วมกับ F minor scale เพ่�อศึกษาวธัีการประพันธั์ทำนองและเน่�อร�องของ เพลงสังคีตสัมพันธัด�วยการปรับ key และ time signature ให�ตรงกับโน�ตสากลของแนวระนาดและแนวฆ้อง เดิมนำไปบันทึกในรูปแบบของสกอรดังภาพ
17
18 ครธันิต ผู้ลประเสริฐ ใช่�ทำนองของเพลงกลองโยนเฉพาะท่อน ๑ เท่านั�น และดัดแปลงบางเสียงให�สอดคล�อง กับคำร�องของครูสมศักดิ เทพานนท สร�างบทเพลงสังคีตสัมพันธั “ทำนายฝััน” ในลักษณะของเพลงไทยสากล ๕) รัักบัังใบั (https://www.youtube.com/watch?v=fqj9TR6tra0) คำร�องประพันธั์โดย ช่อุ่ม ปัญจพรรค ส่วนทำนอง ครูเอ่�อ สุนทรสนาน ดัดแปลงมาจากเพลงไทยเดิมช่่�อ “บังใบ” ๒ ช่ั�น ใช่�ขับร�องประกอบการแสดงโขนและละคร บันทึกครั�งแรกโดย รวงทอง ทองลั�นธัม เน่�อร�องม ๒ ท่อน
19 กามเทพหลอกลวง เสียบศรปกทรวงใหหวงหา ใหรักแลวไยมาริดรักราแรมไกล รักของขาดั่งบัวบังใบ บังมิใหใครเห็น คร่ําครวญหวนทุกเชาเย็น ตรอมตรม สุดหักสุดหายหัวใจมิคลายระทม สุดตรอมสุดตรมใจ ยิ่งคิดใหโหยหา ตองบังรักไวไมกลา บอกใคร เย็นย่ําสุริยา ตะวันจากลาพามืดมิด โอชางเหมือนดวงจิตมิดมืดยามรักไกล น้ําตาตกตามตะวัน นึกแลวหวั่นพรั่นใจ อกเอยทําฉันใด เลาเอย คูชื่นเคยเชยรักรางเลยแรมรา ยิ่งพาใหหนาวไฉน ปองรักอยางบัวบังใบ ตองช้ําหัวใจ เรื่อยมา ไฟัล์เสียงต�นฉบับโดยรวมบันทึกอยู่บนบันไดเสียง Bb major ทำเป็น lead sheet ดังภาพต่อไปนี
20 ฟัอร์มเพลงเป็นแบบ ๒ ท่อน (AB) เม่�อจัดระเบียบกลุ่มเสียงตามหลักการทางดนตรีสากลพบว่าท่อนแรก และท่อน ๒ เป็นลักษณะของโมดและบันไดเสียง (mode & scale) จากซึ่�ายไปขวาตามลำดับดังต่อไปนี จัดทาสกอร์ของแนวระนาดและฆ้�องจากโนตเดิมร่วมกับแนวขับรอง “สังคีตสัมพันธั์” เพอศึกษาวิธัีการปรับ ทานองสรางเนอรองขึนมาใหม่เป็นเพลงไทยสากลดวยการปรับ key และ time signature ใหตรงกัน (เนอรอง “สังคีตสัมพันธั์” แสดงเฉพาะเทียวแรก) ตามภาพ
21 แนวขับร�องสังคีตสัมพันธั์จากการปรับแปลงจากของเดิมโดยครูเอ่�อ สุนทรสนาน มิได�ย�อนตามโน�ตของเดิม (เข�าประทุน ๑ และ ๒) คงผู้่านตลอดเข�าประทุน ๒ ทั�ง ๒ ท่อน เพลงสังคีตสัมพันธัผู้ลงานของช่าวคณะสุนทราภรณ์ยังมีอีกหลายเพลง ผู้ลงานเหล่านีสรางปรากฏการณ์ สาคัญใหแก่วงการเพลงไทยสากล ที�สาคัญสุดน่าจะเป็นการแนะนาและทาใหเพลงไทยของเดิมไดเป็นทีรูจักแพร่ หลายมากยิงขึน ช่าวบานรานช่่องฟัังเพลงไทยสากลสังคีตสัมพันธั์ทีสรางความประทับใจไพเราะเสนาะโสต มี ความงดงามลงตัวทังของท่วงทานองและเนอรองทีครูเพลงคนสาคัญ ๆ รังสรรค์บรรเลงและขับรองโดยช่าวคณะ สุนทราภรณ์ ท่านทีสนใจรายละเอียดอีกแง่มุมของดนตรีสังคีตสัมพันธั์สามารถสบคนเพิมเติมไดจาก
ขอบคุณครับ
https:// www.gotoknow.org/posts/427234
22 THAI AND ORIENTAL MUSIC เรื่อง: เดชน คงอิม (Dejn Gong-im) ผู้้�ช่วยศาสตราจารย ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา คณะครุศาสตร มหาวิทยาลัยราชภััฏพิิบูลสงคราม เพลงหน�าพาทยที�เรียบเรียงเข�าชุ่ดเป็นเพลงโหมโรง สำหรับทำก่อนการแสดงมหรสพของไทยค่อ โขน แต่เดิม มา มีช่่วงเวลาเริ�มต�นแสดงทีข�างเวลาเย็นหร่อค�ำ ข�างเวลาเช่�า และจบในข�างเวลากลางวัน ซึ่�งปรากฏว่าปัจจบัน ไม่ได�รับความนิยมในการจัดการแสดงในช่่วงเวลาดังกล่าว เหล่อเพียงแตข�างเวลาเย็นหร่อค�ำทีมีการแสดงและม การเพลงทำเพลงโหมโรงก่อนเริ�มการแสดง แต่ไม่ได�นำโหมโรงสำหรับการแสดงโขนมาทำ กลับนำเพลงโหมโรง เย็นสำหรับงานพธัีกรรมมาทำเป็นเพลงโหมโรงแทน อย่างไรก็ตาม เพลงในชุ่ดโหมโรงเย็นและโหมโรงเช่�า โขน ยังมีอยู่ทุกเพลง ไมสูญหายไป เพียงแต่ไม่ได�ยินได�ฟัังและไม่ปรากฏเห็นว่าได�ใช่�อย่างไร เม่�อกล่าวถึงโหมโรงโขน ข�างเวลาเย็น โหมโรงโขน ข�างเวลาเช่�า ก็ทราบแต่เพียงช่่�อเพลง มีเพลงเรียงร�อยเป็นลำดับไว� ในบทนี�จะได�นำ เพลงโหมโรงโขนข�างเวลาเย็นและข�างเวลาเช่�ามานำเสนอ สังคีตลักษณ์วิเคราะห์ เพลงตระสันนิบาต เอกสารเดิม ใช่� ติระสัารนิบาติ แลวรัว เพลงตระสันนิบาต เป็นเพลงลำดับแรกในเพลงชุ่ดโหมโรงเย็น อัตราจังหวะ ๒ ช่ั�น กำกับจังหวะด�วย หน้าที่ับหน้าพัาที่ย ปัจจบันเรียกหน้าที่ับติระ หน�าทับ ค่อ ตะโพน หน�าพาทย ค่อ กลองทัด ความยาว ๔ ไม�ลา เพลงตระสันนิบาต เป็นเพลงหน�าพาทย์สำคัญ ทั�งในพธัีกรรมไหว�ครูและการแสดงในบทอัญเช่ิญเทพเจ�าสิ�ง ศักดิสิทธัิ�มาประชุ่มสโมสรสันนิบาต เป็นเพลงทีมีหลายสำนวน โดยเฉพาะทำนองในจังหวะแรกค่อไม�ที ๑ ของ ทำนองเพลงตระสันนิบาตมีหลายรูปแบบ รวมทั�งมีทำนองแตกต่างกันทั�งเพลง อีกทั�งยังเป็นสมุฏฐานของเพลง ตระประเภท ๓ ช่ั�น หลายเพลง ซึ่�งรวมอยู่ในชุ่ดเพลงตระโหมโรง สัังคีีตลัักษณ์์วิเคีราะห์์ เพัลังโห์มโรงกลัางวัน (ตอนที ๒) ตระสัันนิบาต เสัมอ เสัมอข้้ามสัมุทร
23 เพลงตระสันนิบาต เป็นเพลงที�อยู่ในโหมโรงกลางวันโขน โหมโรงเย็นโขน และโหมโรงเช่�าโขน เพลงตระสันนิบาต เป็นเพลงเดียวที�เป็นเพลงประเภทหน�าทับหน�าพาทย์แบบตระ ๔ ไม�ลา ในชุ่ดเพลง โหมโรงโขน ความหลากหลายของทำนองในไม�ที ๑ หร่อจังหวะแรก มรูปแบบแตกต่างกันดังนี จะเห็นได�ถึงลักษณะทำนองจังหวะไม�กลองที ๑ มีความแตกต่างกันทั�ง ๔ รูปแบบ โดยในรูปแบบที ๑-๓ จะดำเนินทำนองในแบบเดียวกันจนจบ ดังนี
24
25
26 ตระสันนิบาต อีกสำนวน ตามทำนองไม�กลองที ๑ รูปแบบที ๔ จะดำเนินทำนองต่างจากรูปแบบที ๑-๓ ทั�งเพลง ดังนี
27
28
29 ตระสันนิบาต รูปแบบที ๔ ดำเนินทำนองเที�ยวแรก ๔ ไม�ลา ซึ่�งมลักษณะของสำนวนทำนองต่างกันกับรูปแบบ ที ๑-๓ ส่วนเที�ยวกลับมีสำนวนทำนองคล�ายกันกับรูปแบบที ๑-๓ แต่เปลี�ยนทางแหบ สูงขึ�น ๔ เสียง แล�วผู้วน กลับมาลงจบในเสียงเดียวกับเที�ยวแรก สำนวนนี�เป็นของสำนักดนตรวังบ�านหม�อมาแต่เดิม เพลงตระสันนิบาต ทั�ง ๒ สำนวน เป็นเพลงสำคัญในวช่าการดนตรีไทย เพราะได�มีผู้�ขยายขึ�นเป็นเพลงตระสันนิบาต อัตราจังหวะ ๓ ช่ั�น สำหรับทำในเพลงตระโหมโรง ซึ่�งเป็นแนวทางสำหรับผู้�สนใจได�ศึกษาวจัย เพลิ่งรััวทัีทัำตอิ่ทั้ายเพลิ่งตรัะสุน์น์ิบาต จิะไดกิลิ่่าวใน์บทัเพลิ่งรััว สังคีตลักษณวิเคราะห เพลงเสมอ แล้วรัว เพลงเสมอ เป็นเพลงลำดับ ๓ ในชุ่ดเพลงโหมโรงเช่�าโขน เป็นเพลงสำหรับแสดงประกอบกริยาเดินทางหร่อ ดำเนินจากที�หนึ�งไปยังอีกที�หนึ�งในระยะใกล� มลักษณะทำนองประกอบหน�าทับหน�าพาทย เพลงเสมอ เป็นเพลงลำดับ ๗ ในชุ่ดเพลงโหมโรงพธัีกรรม เพลงเสมอ มีโครงสร�างทำนองในลักษณะจบในตัว ไมย�อนกลับต�น แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ค่อ ส่วนไม�เดิน
30 ๕ ไม�ลา ใช่�หน�าทับหน�าพาทยอัตราจังหวะ ๒ ช่ั�น แบบกลุ่มเพลงที�ไม่วนซึ่�ำ ดำเนินจังหวะหน�าทับเข�าตาม ทำนองเพลง เพลงรัว เป็นเพลงที�ทำต่อจากเพลงหน�าพาทย์ประเภทต่าง ๆ เช่่น เพลงตระ เพลงเสมอ เพลงเสมอ แล�ว รัวลาเดียว ตามประเพณีเม่�อบรรเลงเพลงเสมอจะต�องมีเพลงรัวลาเดียวติดต่อกำกับไปด�วย ในทีนีถ่อว่าเป็น เพลงประกอบกริยาที�เทพเจ�าเสด็จออกจากวิมาน สำหรับเพลงรัว จะอยู่ในตอนต่อไป
31 สังคีตลักษณวิเคราะห เพลงเสมอข้้ามสมุทร แล้วรัว เพลงเสมอข�ามสมุทร เป็นเพลงลำดับ ๒ ในเพลงโหมโรงกลางวันโขน และโหมโรงกลางวันละคร ทำต่อจาก เพลงกราวใน แนวทางของครูมนตร ตราโมท ผู้�เขียนเรียนจากครูมนัส ขาวปล่�ม เพลงเสมอข�ามสมุทร อยู่ในลำดับ ๖ ทำต่อจากเพลงกระบองกัน เพลงเสมอข�ามสมุทร เป็นเพลงหน�าพาทย์ขนาดใหญ สำหรับประกอบการแสดงโขน ตอนยกทัพข�ามสมุทร ไปยังกรุงลงกา เป็นเพลงสำคัญในพธัีกรรมไหว�คร ผู้�เขียนครอบจับม่อขั�นที ๓ โดยครจับม่อตีเพลงเสมอข�าม สมุทร จากครูเฉลิม บัวทั�ง ครูผู้�ประกอบพธัีไหว�คร เพลงเสมอข�ามสมุทร เป็นเพลงที�กำกับด�วยหน�าทับหน�าพาทย รูปแบบ ๒ ช่ั�น ประกอบด�วยโครงสร�างที ซึ่�อนกันเป็นรูปแบบขนาดใหญ ดังนี ๑. ดำเนินทำนองส่วนต�น เข�าหน�าทับหน�าพาทย ๙ ไม�ลา ๒. ดำเนินทำนองส่วนกลาง เข�าหน�าทับหน�าพาทย
ไม�เดิน ๔ ไม� แล�วลา ครั�งที ๒ ๔. ดำเนินทำนองส่วนกลาง
ไม�เดิน ๔ ไม� แล�วลา ครั�งที ๓ ๕. ดำเนินทำนองส่วนกลาง เข�าหน�าทับหน�าพาทย ไม�เดิน ๔ ไม� แล�วลา ครั�งที ๔ ๖. ดำเนินทำนองส่วนปลาย เข�าหน�าทับหน�าพาทย ๙ ไม�ลา มลักษณะดังนี
ไม�เดิน ๔ ไม� แล�วลา ครั�งที ๑ ๓. ดำเนินทำนองส่วนกลาง เข�าหน�าทับหน�าพาทย
เข�าหน�าทับหน�าพาทย
32
33
34
35
36 เพลงเสมอข�ามสมุทร เป็นเพลงหน�าพาทย์ในรูปแบบพิเศษ ต่างจากเพลงประเภทเพลงเสมอ นอกจากม โครงสร�างดังกล่าวข�างต�นแล�ว การดำเนินหน�าทับหน�าพาทย์ในส่วนกลาง ไม�เดิน ๔ ไม�ลา บางท่านกล่าวว่า เสมอข�ามสมุทร ทำในการแสดง ตัวแสดงต�องข�ามมหาสมุทร จึงมีผู้�นำหน�าทับหน�าพาทย์เพลงเหาะมาแทน ไม�ลา ๒ จังหวะ เป็นไม�เดิน ๔ ไม�ลาด�วยไม�เหาะก็เข�มขลังไปอีกแบบหนึ�ง แต่ในทางกลับกัน ในบทโขนเร่�อง รามเกียรติ ตอนจองถนน หนุมานได�รับคำสั�งให�เป็นผู้�นำในการนำอิฐหินมาถมมหาสมุทร เพ่�อทำให�เป็นถนน ในการเคล่�อนทัพยังกรุงลงกา การทีมีถนนแล�วคงไม่ได�เคล่�อนทัพด�วยการเหาะไป เร่�องนีอุปเทห์ในการพิจารณา ความสมเหตุสมผู้ล มิได�ขัดแย�งแต่อย่างไร และเป็นทีสังเกตได�ว่า เพลงหน�าพาทย เสมอข�ามสมุทร ไม่ได�ใช่� ประกอบการแสดงในกาลอ่�น ดังนี�แลฯ
พกุลศรี. (๒๕๓๐). สุังคีตน์ิยมว่าด้วยดน์ตรัีไทัย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. เฉลิมศักดิ พกุลศร และธันวัฒน บุตรทองทิม. (๒๕๓๗). อิ่กิษ์รัาทัางฆ้้อิ่งวงใหญ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์. ฐิระพล น�อยนิตย์. (๒๕๔๙). กิารัเข้าหน์้าทัับ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพบัวเงิน. ณรงคช่ัย ปิฎกรช่ต์. (๒๕๔๕). อิ่งค์ความรัู้ศิิลิ่ปน์แห่งชาติ:
(๒๕๖๔).
สมเด็จพระเจ�าบรมวงศ์เธัอ
สมเด็จพระเจ�าบรมวงศ์เธัอ กรมพระยาดำรงราช่านุภาพ. (๒๕๐๕). สุาสุน์สุมเดจิ เลิ่่ม ๑, เลิ่่ม ๒. พระนคร: โรงพิมพครุสภา. บุญธัรรม ตราโมท. (๒๔๗๙). บน์ทักิกิารัปรัะชุมคณ์ะกิรัรัมกิารัตรัวจิสุอิ่บเพลิ่งไทัย. เอกสารอัดสำเนา. บุษยา ช่ิดท�วม. (๒๕๖๓). ทัฤษ์ฎีีดรัิยางค์ไทัย: อิ่งค์ปรัะกิอิ่บเพลิ่งไทัย. (พิมพ์ครั�งที ๓). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ปานหทัย สุคนธัรส. (๒๕๕๒). เพลิ่งชุดโหมโรังกิลิ่างวน์ ตำรัับครัทัอิ่งด ชสุัตย. (วิทยานิพนธัศิลปศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยมหิดล. พช่ิต ช่ัยเสรี. (๒๕๕๙). สุังคีตลิ่กิษ์ณ์์วิเครัาะห. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พนิจ ฉายสุวรรณ. (ม.ป.ป.). โน์้ตเพลิ่งหน์้าพาทัย. เอกสารต�นฉบับลายม่ออัดสำเนา. พนิจ ฉายสุวรรณ. (ม.ป.ป.). โน์้ตเพลิ่งโหมโรังกิลิ่างวน์. เอกสารต�นฉบับลายม่ออัดสำเนา. พูนพิศ อมาตยกุล. (๒๕๕๒). เพลิ่ง ดน์ตรั แลิ่ะน์าฏิศิิลิ่ป จิากิ สุาสุน์สุมเดจิ. นครปฐม: สำนักพิมพวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล. เพ็ญพช่า สว่างวารกุล. (๒๕๕๕). กิารัศิกิษ์าเพลิ่งหน์้าพาทัย์ปรัะจิำอิ่งค์เทัพฝี่ายหญิง. (วิทยานิพนธัศิลปศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. มนตร ตราโมท. (๒๕๐๗). ศิัพทัสุังคีต. กรุงเทพมหานคร: ศิวาพร. มนตร ตราโมท. (๒๕๑๘). กิารัลิ่ะเลิ่น์ขอิ่งไทัย. (พิมพ์ครั�งที ๒). กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร. มนตร ตราโมท. (๒๕๔๕). ดรัิยางคศิาสุตรั์ไทัย. กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร. มานพ วสุทธัิแพทย์.
37 อ้างอิง ขำคม พรประสิทธัิ�. (๒๕๔๖). อิ่ัตลิ่กิษ์ณ์์ขอิ่งเพลิ่งฉิ่�ง. รายงานผู้ลการวจัย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. โครงการจัดตั�ง วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล. (๒๕๓๗). เพลิ่งชุดโหมโรังเยน์ ฉิ่บับรัวมเครัอิ่ง ตพิมพ์เน่�องใน โอกาสวันครบรอบ
ป แห่งวันพระราช่ทานนามมหาวิทยาลัยมหิดล
งานวจัยที�ได�รับทุนอุดหนุนจากสำนักงานคณะ กรรมการวัฒนธัรรมแห่งช่าต กระทรวงวัฒนธัรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๕. ณรงคช่ัย ปิฎกรช่ต์. (๒๕๔๕). อิ่งค์ความรัู้ศิิลิ่ปน์แห่งชาติ: สุำรัาญ เกิิดผลิ่. งานวจัยที�ได�รับทุนอุดหนุนจากสำนักงานคณะ กรรมการวัฒนธัรรมแห่งช่าต กระทรวงวัฒนธัรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๕. ณรงคช่ัย ปิฎกรช่ต์.
ธัำน
วิเครัาะห์หน์้าทัับตะโพน์แลิ่ะกิลิ่อิ่งทััดขอิ่งเพลิ่งชุดโหมโรังเยน์. (วิทยานิพนธั์ระดับมหาบัณฑิต สาขา วัฒนธัรรมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย), มหาวิทยาลัยมหิดล. นริศรานวัดติวงศ์,
(๒๕๓๓). ดน์ตรัีไทัยวิเครัาะห. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพช่วนพิมพ์. ราช่บัณฑิตยสถาน. (๒๕๔๕). สุารัาน์กิรัมศิัพทั์ดน์ตรัีไทัย ภาคคีตะ-ดรัิยางค
. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เร่อนแก�ว.
เครัอิ่งหน์ัง: หน์้าทัับทัี�ใชกิับเพลิ่งไทัย. กรุงเทพมหานคร: มีนเซึ่อรวิสซึ่ัพพลาย. สำราญ เกิดผู้ล. (๒๕๕๘). เพลิ่งหน์้าพาทัย์ไหว้ครั ตำรัับครัทัอิ่งด ชสุัตย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การ.
๒๔๕
๒ มีนาคม ๒๕๓๗. เฉลิมศักดิ
พน์จิ ฉิ่ายสุุวรัรัณ์.
(๒๕๔๗). สุารัาน์กิรัมเพลิ่งไทัย. นครปฐม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหิดล. ณรงคช่ัย ปิฎกรช่ต์.
ทัฤษ์ฎีีเพอิ่กิารัวจิัยแลิ่ะสุารััตถบทั. ลพบรี: สำนักพิมพ์นาฏดริยางค์. เดช่น คงอิ�ม. (๒๕๔๕). เพลิ่งหน์้าพาทัย์ไหว้ครั. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์เสมาธัรรม. เดช่น คงอิ�ม. (๒๕๔๖). พธัีไหว้ครัูดน์ตรัีไทัย. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยราช่ภัฏบ�านสมเด็จเจ�าพระยา.
คงอิ�ม. (๒๕๓๙).
เจ�าฟั้ากรม และ
. กรุงเทพมหานคร: สหมิตรพริ�นติ�ง. สงัด ภูเขาทอง. (๒๕๓๒). กิารัดน์ตรัีไทัยแลิ่ะทัางเข้าสุู่ดน์ตรัีไทัย
สหวัฒน ปล่�มปรช่า. (๒๕๖๐).
38 MUSIC EDUCATION เรื่อง: ธัันยาภัรณ โพิธัิกาวิน (Dhanyaporn Phothikawin) ผู้้�ช่วยศาสตราจารย ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล การสอนดนตรีสำหรับเด็กพิเศษ เป็นรายวช่าในระดับปริญญาตร สาขาวช่าดนตรศึกษา มุ่งเน�นการ ศึกษาพฤติกรรมทั�งทางร่างกายและ จิตใจ การเรียนรู�และพัฒนาผู้�เรียน พิเศษ กิจกรรมและการประยุกต์ใช่� เทคนิค วธัีการสอน ส่�อ และการ ประเมินทางดนตร เพ่�อส่งเสริมการ เรียนรู ซึ่�งในการจัดกิจกรรมการสอน ดนตรีสำหรับเด็กพิเศษในครั�งนี ได� รับความอนุเคราะห์จากโรงเรียน ราช่วนิตประถมบางแค ให�เข�าทำ กิจกรรมเพ่�อเป็นการฝัึกประสบการณ ให�แกนักศึกษาในด�านของการเรียน การสอนเด็กพิเศษ โรงเรียนราช่วนิต ประถมบางแคเป็นโรงเรียนที�เปิด โอกาสทางการศึกษาให�แก่เด็กทีม ความบกพร่องทั�งทางสตปัญญาและ ทางร่างกายได�เข�ามาศึกษา โดยม หลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับ เด็กพิเศษที�ปรับปรุงให�เหมาะสม กับเด็กในแต่ละช่่วงวัย และมีการ จัดการเรียนรู�สำหรับเด็กพิเศษแบบ เฉพาะทาง การสัอนดนตรสัาห์รับเด็กพัิเศษ โรงเรียนราชวนิตประถมบางแคี โดยนักศึกษาชั�นปที ๔ สัาข้าวิชาดนตรศึกษา นักศึกษาช่ั�นปที ๔ สาขาวช่าดนตรศึกษา
๒๕๔๓: ๖๓-๖๔; ทวศักดิ
๒๕๕๐: ๒๑; สุกร
39 ดนตรมีความสำคัญสำหรับเด็ก ๆ ทุกคน ไมว่าจะเป็นเด็กพิเศษหร่อ เด็กปกต เพราะดนตรมส่วนสำคัญ ที�ช่่วยกระตุ�นการทำงานของระบบ ประสาทอัตโนมต ระบบกล�ามเน่�อ ทำให�สมองหลั�งสารแห่งความสุข ดนต รีช่่วยกระ ตุ�นใ ห� เ ด็กอยาก เคล่�อนไหวร่างกาย ช่่วยให�เด็กเกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลินในการ เคล่�อนไหว ทำให�ได�พัฒนากล�ามเน่�อ และการทำงานประสานกันของ กล�ามเน่�อ ในด�านของการเรียนรู ดนตรีช่่วยพัฒนาสมอง ทำให�เรียนรู รับรู และเกิดความจำได�ด ช่่วยให�ม สตสัมปช่ัญญะ เสริมสร�างสมาธั การ รับรู�สภาพความเป็นจริง ก่อให�เกิด ความคิดสร�างสรรค และเสริมสร�างสต ปัญญา ดนตรยังช่่วยพัฒนาร่างกาย จิตใจ สมอง สตปัญญา อารมณ สังคม ทำให�เกิดการเปลี�ยนแปลงของ ระดับอารมณ ช่่วยผู้่อนคลายความ ตึงเครียด นอกจากนี ดนตรมผู้ลต่อ ทักษะทางสังคม ช่่วยให�เด็กบางคน ทีมปัญหาในการเข�าสังคมและการ ทำงานร่วมกับผู้อ่�นให�ดขึ�น
ได�แก การ ฟััง การร�อง การเล่น การเคล่�อนไหว การสร�างสรรค และการอ่าน (ณรุทธั สุทธัจิตต์, ๒๕๔๐: ๘-๑๐) เพ่�อ นำไปสู่การจัดการเรียนรู�ทางดนตร เพ่�อประยุกต์ใช่�กับเด็กพิเศษ ซึ่�ง การจัดการเรียนรู�ทางดนตรีไม่ได� เป็นเพียงแค่การสอนเพ่�อให�เด็กรูจัก ดนตรีเท่านั�น แต่เพ่�อเป็นการพัฒนา ศักยภาพด�านร่างกาย อารมณ จิตใจ ให�เด็กสามารถเข�าใจเช่่�อมโยงความ คิด นำไปสู่การใช่�ประโยช่น์ได�อย่าง เหมาะสม จากการศึกษางานวจัยดนตรกับ เด็กพิเศษ ดนตรีสามารถนำไปสู่การ พัฒนาเด็กพิเศษในทักษะต่าง ๆ ดัง เช่่นงานวจัยของรวมศักดิ เจียมศักดิ (๒๕๖๓) ได�ศึกษาเร่�องแนวทางการจัด กิจกรรมดนตรีบำบัดสำหรับเด็กพิเศษ ผู้่านกระบวนการจัดการเรียนรู�ดนตร เด็ก ผู้ลการวจัยพบว่า กระบวนการ จัดการเรียนรู�ทางดนตรีตามวธัีของ ดาลโครซึ่ โคดาย และออรฟั ทำให� เด็กพิเศษได�เรียนรูผู้่านการเล่นและ การปฏบตกิจกรรม ตลอดจนเป็น กระบวนการจัดการเรียนรูที�เน�นผู้ เรียนเป็นสำคัญ เน�นการมส่วนร่วม และการลงม่อทำจริง เพ่�อให�ผู้�เรียน ได�พัฒนาศักยภาพในด�านอ่�น ทั�งการ พัฒนาทางด�านร่างกาย การพัฒนา ทางด�านจิตใจและอารมณ การพัฒนา ทางด�านทักษะทางด�านสังคม การ พัฒนาทางด�านการเรียนรู�และทักษะ ในการส่�อสาร ทั�งนีกด�วยความคาด หวังให�พวกเขาช่่วยเหล่อและดูแลตัว เองได�มากขึ�น ตลอดจนสามารถใช่� ช่วิตร่วมกับผู้อ่�นในสังคมได�อย่างเป็น ปกตสุข เช่่นเดียวกับงานวจัยของ กิตตศักดิ เสียงด (๒๕๖๓) ได�ศึกษา เร่�องการศึกษากิจกรรมดนตรทีส่งผู้ล ต่อทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติก ผู้�อำนวยการโรงเรียนราช่วนิตประถมบางแครับของที�ระลึกจากสาขาวช่าดนตรศึกษา
(ธัวช่ช่ัย นาควงษ์,
สรรัตน์เรขา,
เจริญสุข, ๒๕๕๕: ๓๐) การทำกิจกรรมเพ่�อการเรียน การสอนดนตรีเด็กพิเศษ ได�นำทักษะ ทางดนตร ซึ่�งเป็นส่วนที�ช่่วยให�เกิด ความเข�าใจสาระดนตร
40 เร่�องแสดงให�เห็นว่า ดนตรีสามารถ นำไปสู่การพัฒนาเด็กพิเศษในด�าน ต่าง ๆ ได� ดังนั�นในการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู�ดนตรีสำหรับเด็กพิเศษ ผู้ ออกแบบกิจกรรมจึงมีความจำเป็น ต�องเรียนรู�เข�าใจลักษณะของผู้�เรียน และเรียนรู�เกี�ยวกับการใช่�เทคนิคการ จัดการเรียนรู�ทางดนตรีเพ่�อช่่วยให� เด็กพิเศษมีความรู�ในเน่�อหาทาง ดนตร ทักษะทางดนตร และเกิด ความซึ่าบซึ่ึ�งทางดนตร นำไปสู่การ พัฒนาทักษะในด�านต่าง ๆ สำหรับ การจัดกิจกรรมในครั�งนี นักศึกษาได� ออกแบบกิจกรรมทางดนตร โดยได� นำทักษะทางดนตร ทั�งการร�อง การ เล่น การเคล่�อนไหว และความคิด สร�างสรรค มาใช่�ในการออกแบบ กิจกรรม เพ่�อสร�างความเข�าใจ การ รับรูผู้่านการเคล่�อนไหวทางดนตร และการสร�างความรักทางศิลปะ โดยมกิจกรรม ดังนี กิจกรรมสวัสด เพ่�อแนะนำ ตนเอง เพ่�อฝัึกการพูด การแนะนำ ตนเองผู้่านเสียงเพลง กิจกรรมส่งผู้�ารอบวงตามเสียง เพลง เพ่�อฝัึกทักษะทางสังคม ทักษะ การฟััง การแบ่งปันผู้่านเสียงเพลง กิจกรรมรถไฟั (ไฟัเขียว ไฟั เหล่อง และไฟัแดง) และกิจกรรม เลียนเสียงสัตว เพ่�อฝัึกทักษะทางการ ฟััง การรับรู เกิดการคิดวิเคราะห กิจกรรมข ยับ ร่างกายตาม บทเพลง เพ่�อฝัึกทักษะทางการฟััง การรับรู ทักษะการเล่น และทักษะ การเคล่�อนไหวร่างกาย พัฒนาไปสู่ การสร�างกล�ามเน่�อและความแข็งแรง ของร่างกาย กิจกรรมเล่านิทาน การผู้จญภัย ของพีสิงโตและผู้องเพ่�อน และกิจกรรม การเรียนรูตัวโน�ตและร�องเพลง เพ่�อ ฝัึกทักษะทางการฟััง ทักษะการร�อง การทำกิจกรรม ระดับช่ั�นประถมศึกษาปที ๒ โรงเรียนสาธัิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ลการ วจัยพบว่า การใช่�กิจกรรมดนตรส่งผู้ลต่อทักษะทางสังคมของเด็กออทิสติก ทั�ง ๓ ด�าน ค่อ ด�านการควบคุมตนเอง ด�านการส่�อสารกับผู้อ่�น และ ด�านการทำงานร่วมกับผู้อ่�น หลังได�รับการสอนด�วยกิจกรรมดนตร และ ยังค�นพบว่าเด็กออทิสติกสามารถเรียนรู�ดนตรีได� ผู้ลของงานวจัยทั�งสอง
41 และทักษะการเล่น กิจกรรมการวาดรูปตามเสียง เพลง และกิจกรรม Cool down ฝัึก ลมหายใจ เพ่�อฝัึกทักษะทางการฟััง ทักษะการเคล่�อนไหวร่างกาย และ ความคิดสร�างสรรค์จากบทเพลง ที�ได�ยิน นอกจากนี กิจกรรมกลุ่มทาง ดนตรทีจัดขึ�นในครั�งนี ยังเป็นการ ฝัึกปฏบติเพ่�อการใช่�กล�ามเน่�อมัดเล็ก มัดใหญ ในการจับ เคาะ เขย่า เพ่�อ การพัฒนาทักษะทางดนตร เพ่�อให� พัฒนาการทางดนตรีเป็นจุดเริ�มต�น สำหรับการเรียนรู�ในการพัฒนาตนเอง และสามารถนำไปสู่การพัฒนาทาง ด�านร่างกาย จิตใจ และอารมณต่อ ไปได� รวมทั�งการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทั�งทักษะทางสังคม ทักษะทางภาษา ซึ่�งทักษะเหล่านี�จะถูกนำไปพัฒนา เป็นกระบวนการคิดและพฤติกรรม ของเด็กต่อไป การสอนดนต รีสำห รับเ ด็ก พิเศษในครั�งนี เป็นส่วนหนึ�งของ การออกแบบและวางแผู้น เพ่�อ การจัดการเรียนรู�การสอนดนตร สำหรับเด็กพิเศษ เพ่�อให�นักศึกษา ในสาขาวช่าดนตรศึกษาได�นำไปสู่ การฝัึกประสบการณวช่าช่ีพต่อไปใน รายการอ้างอิง กิตตศักดิ เสียงดี. (๒๕๖๓). กิารัศิกิษ์ากิิจิกิรัรัมดน์ตรัทัีสุ่งผลิ่ตอิ่ทัักิษ์ะทัางสุังคมขอิ่งเดกิอิ่อิ่ทัสุตกิรัะดับชัน์ ปรัะถมศิกิษ์าปทัี ๒ โรังเรัียน์สุาธัิตมหาวทัยาลิ่ัยรัามคำแหง วิทยานิพนธั์การศึกษามหาบัณฑิต สาขา วช่าศิลปศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. ทวศักดิ สรรัตน์เรขา. (๒๕๕๐). กิารับำบัดทัางเลิ่่อิ่กิใน์เดกิพิเศิษ์
. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. รวมศักดิ เจียมศักดิ�. (๒๕๖๓). แนวทางการจัดกิจกรรมดนตรีบำบัดสำหรับเด็กพิเศษ ผู้่านกระบวนการจัดการ เรียนรู�ดนตรีเด็ก. วารัสุารัวิชากิารัมน์ษ์ยศิาสุตรั์แลิ่ะสุังคมศิาสุตรั มหาวทัยาลิ่ัยรัาชภฏิพรัะน์ครัศิรัอิ่ยธัยา, ๘ (๑) (มกราคม-มถุนายน ๒๕๖๓), ๘๕-๑๑๒. สุกร เจริญสุข. (๒๕๕๕). ศิกิยภาพความเปน์เลิ่ศิด้าน์ดน์ตรัี: ดน์ตรักิับเดกิ. นครปฐม: วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล. อนาคต ดังนั�น ในรายวช่าการสอน ดนตรีสำหรับเด็กพิเศษ จึงมุ่งหวังให� นักศึกษาในสาขาวช่าดนตรศึกษาได� รับการเสริมสร�างประสบการณ์จริง จากการเรียนรู�ภายในห�องเรียน และ เป็นการเปิดโลกทัศน์ทางการศึกษาให� แกนักศึกษา เพ่�อที�จะสามารถนำไป ใช่�ในการจัดการเรียนทางด�านดนตร และการประกอบอาช่ีพในอนาคต เพ่�อ ที�จะเข�าใจถึงมุมมองทางการศึกษา ดนตรีสำหรับเด็กพิเศษได�ดยิ�งขึ�น
. กรุงเทพฯ: ครุสภาลาดพร�าว. ธัวช่ช่ัย นาควงษ์. (๒๕๔๓). กิารัสุอิ่น์ดน์ตรัสุำหรัับเดกิ
42 MUSIC RE-DISCOVERY เรื่อง: จิตร กาว (Jit Gavee) อาจารย์ประจ�าสาขาวิชาดนตรศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภััฏเชียงใหม มนุษย์/ดนตรี/ห์นังสัือ ตอนที ๕ ห์นังสัือทีระลัึกเนืองในการ พัระราชทานเพัลัิงศพั ร.อ. เมย เอื�อเฟื้้�อ “เมย์์อนุุสรณ์์” ในศักราช่ปัจจบัน (๒๕๖๕) หาก เราจะต�องการค�นหานักดนตรสักคน โดยเฉพาะที�เป็นนักไวโอลินฝัม่อด ม ทักษะการบรรเลงอย่างยอดเยี�ยม ก เช่่�อว่าเราจะสามารถเฟั้นหานักดนตร ตามคุณสมบติเหล่านี�ได�ไม่ยาก แต หากย�อนเวลาไปเม่�อช่่วงศตวรรษก่อน หน�านี หร่อช่่วงทศวรรษที ๒๔๖๐ นี นักไวโอลินช่าวสยามที�สามารถ บรรเลงได�อย่างเช่ี�ยวช่าญนั�นหาได� ยากยิ�ง อย่างไรก็ตาม ในป พ.ศ. ๒๔๖๒ ได�ปรากฏนามของเด็กช่าย คนหนึ�งในตำแหน่งนักเรียนฝัึกหัด กองเคร่�องสายฝัรั�ง กรมมหรสพ กระทรวงวัง เงินเด่อน ๑๐ บาท เป็นตำแหน่งทางดนตรีแรกสุดของ เด็กช่ายคนหนึ�ง ผู้�ซึ่�งต่อมาค่อนัก ไวโอลินคนสำคัญของประเทศไทย ผู้�ได�สร�างผู้ลงานทางดนตรีคลาสสิก มากมายฝัากไว�ในแผู้่นดิน นั�นค่อ “เด็กช่ายเมล เอ่�อเฟั้�อ” (ก่อนที�ภาย หลังจะเปลี�ยนเป็น เมย เอ่�อเฟั้�อ) บทความชุ่ดมนุษย์/ดนตรี/ หนังส่อ ในตอนที ๕ นี จะขอนำ เสนอหนังส่อเล่มสำคัญที�เกี�ยวข�อง กับบุคลากรในประวติศาสตร์ดนตร ตะวันตกของประเทศไทย ผู้�กล่าว ได�ว่าเป็นนักดนตรรุ่นบุกเบิกของ การบรรเลงเคร่�องสายตะวันตกใน ประเทศสยามหร่อประเทศไทยใน เวลาต่อมา นั�นค่อหนังส่อที�ระลึก เน่�องในการพระราช่ทานเพลิงศพ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ หร่อเมย์อนุสรณ หากจะเกริ�นนำถึง ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ผู้นี�โดยสังเขป ก็จะกล่าวได� ว่าท่านเป็นนักไวโอลินช่าวสยาม ลูก ศิษยรุ่นแรกของพระเจนดริยางคที�ได� พบกันเม่�อครั�งการฟั้�นฟัูวงเคร่�องสาย ฝัรั�งหลวง กรมมหรสพ ในรช่สมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล�าเจ�า อยู่หัว รช่กาลที ๖ ซึ่�ง ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ นับเป็นผู้ทีมีความสามารถ
43 และปฏิภาณไหวพริบทางด�านดนตร ทีด ทั�งยังเป็นผู้ที�เห็นความสำคัญ ของดนตรีและเอาใจใสคุณภาพใน งานทางดนตรีและการปฏบติดนตร ของตนทุกครั�งจวบจนวาระสุดท�าย ของช่วิต ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ เกิดเม่�อวันที ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ ผู้�เป็น บิดามีนามว่า ยิ�ม และผู้�เป็นมารดาม นามว่า จับ อย่างไรกด เด็กช่ายเมย เติบโตมาภายใต�การเลี�ยงดูของผู้�เป็น ยายก่อนทีต่อมาจะถูกส่งมาศึกษาต่อ กับพระผู้มศักดิ�เป็นน�า นามว่า มหา แปลก ณ วัดสังเวช่ บางลำพ หร่อ วัดสังเวช่วิศยารามวรวิหาร นั�นเอง ช่วิตการศึกษาของ ร.อ. เมย วนเวียน อยู่กับวัดกับพระอีกหลายวาระ จน ช่วิตได�เข�ามาอยู่ในวงการดนตรีอย่าง เต็มตัวและติดตัวไปตลอดช่วิต โดย เริ�มต�น ณ วงเคร่�องสายฝัรั�งหลวง กรมมหรสพ นั�นเอง ช่วิตการทำงานทางด�านดนตร ของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ สามารถ แบ่งเป็นสองช่่วงสำคัญ ได�แก การ ทำงานในช่่วงทีสังกัดกับวงเคร่�อง สายฝัรั�งหลวง กรมมหรสพ และการ ทำงานในช่่วงทีสังกัดกับกองทัพบก หนังสือที�ระลึกเนื�องในการพระราชทาน เพลิงศพ ร.อ. เมย เอื�อเฟื้้�อ หนังส่อเล่มนีถูกพิมพขึ�นเพ่�อ เป็นที�ระลึกในงานพระราช่ทาน เพลิงศพ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ วันที ๒๐ เด่อนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ โดยโรงพิมพศึกษานกูล ๓๓๒ ถนน บำรุงเม่อง พระนคร โดยมีผู้พิมพ โฆ้ษณาค่อ นายสันต ออสกุล มีภาพ หน�าปกเป็นภาพเคร่�องดนตรีไวโอลิน (เคร่�องม่อเอกของ ร.อ. เมย์) วาง อยู่บนโครงรูปพิณฝัรั�ง มีเทวดาวาง พวงหรีดดอกไม�อยู่สองข�างซึ่�ายขวา โดยมีการระบข�อความบนปกว่า “เมย อิ่น์สุรัณ์์ ๒๐ พ.ค. ๒๕๐๖” ห นัง ส่ อ ที�ระ ลึกเ น่�องในการ พระราช่ทานเพลิงศพ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ สามารถแบ่งได�ออกเป็นสาม ส่วนหลัก ๆ อันได�แก คำไว�อาลัย ประวติผู้�วายช่นม และเน่�อหาทาง
ญาต และบุคคล ร่วมวงการการทำงาน ล�วนเป็นคำ ไว�อาลัยที�สะท�อนถึงความเสียใจและ คุณค่าของช่วิตผู้�วายช่นม โดยเฉพาะ คำไว�อาลัยของบุคคลร่วมวงการการ ทำงาน ผู้�เขียนคำไว�อาลัยดังกล่าวค่อ พระเจนดริยางค (ปต วาทยะกร) ซึ่�งความน่าสนใจประการหนึ�งค่อสิ�ง ที�พระเจนดริยางค์ได�บันทึกลงมานั�น นอกจากจะเป็นคำไว�อาลัยแก่ผู้�วาย ช่นม์แล�ว ยังเป็นการบันทึกประวต ของ ร.อ.เมย เอ่�อเฟั้�อ จากสายตา ของ “คนใน” ได�อย่างน่าสนใจ จึงจะ ขอยกมาเป็นตัวอย่างบางส่วนดังนี “…มีเดกิคน์หน์ึ�งทัีมีโสุตรั์ปรัะสุาทั ดีเปน์พิเศิษ์ ลิ่กิษ์ณ์ะทั่าทัางกิ็เหมาะ สุมทัีจิะเปน์น์กิดน์ตรั น์ิ�วกิ้าน์กิ็เหมาะ ทัีจิะเปน์น์กิไวโอิ่ลิ่น์ทัีดตอิ่ไป เขาผู้น์ี มชอิ่ว่า เมลิ่ เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ ซึ่�งตอิ่มากิ็ได
ดนตรอันเป็นบรรณาการแก่ผู้อ่าน ซึ่�งผู้จัดทำได�จัดวางเน่�อหาทั�งหมด เหล่านี�ได�อย่างเหมาะสม กระช่ับ และไมอัดแน่นจนเกินไป ในคำไว�อาลัยนั�น ทางผู้จัดทำได� บรรจุคำไว�อาลัยไว� ๓ ข�อเขียน ได�แก บุตร-ครอบครัว,
44 เน่�อหาบางส่วนภายในหนังส่อ
45 เปน์น์กิไวโอิ่ลิ่น์ทัีมสุมรัรัถภาพดีเดน์ ใน์วงเครัอิ่งสุายฝีรัั�งหลิ่วงใน์สุมัยน์ัน์ เพรัาะเมลิ่ เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ เปน์ผู้ทัีมน์สุัย รัักิใน์วิชากิารัดน์ตรั โดยสุน์ใจิแลิ่ะ ขยน์หมัน์เพียรัฝีกิหัดซึ่อิ่ไวโอิ่ลิ่น์ ใน์รัะหว่างกิารัศิกิษ์าน์ี ปรัากิฏิว่า เมลิ่ เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ มีความเฉิ่ลิ่ียวฉิ่ลิ่าด กิว่าทักิ ๆ คน์ใน์รัุ่น์เดียวกิน์จิึงน์ำ ความเจิรัิญกิ้าวหน์้ามาสุู่ตัวเขาเปน์ อิ่ย่างด เขาจิึงเปน์น์กิไวโอิ่ลิ่น์ทัี�หาตัว จิับได้ยากิใน์สุมัยตอิ่มา...” (พระเจน ดริยางค์, ๒๕๐๖) การสูญเสีย ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ในมุมมองของพระเจนดริยางค จึง นับเป็นการสูญเสียที�สำคัญต่อวงการ ดนตรีตะวันตกในประเทศไทย แต่ใน ความสูญเสียนั�น สิ�งที�ทำให�ระลึกถึงผู้ จากไปได� นั�นค่อผู้ลงานที�ผู้�วายช่นม ได�ฝัากไว�ในแผู้่นดิน เป็นที�กล่าวถึง ต่อช่นรุ่นหลังต่อไป “…ข้าพเจิ้ารัู้สุกิสุลิ่ดใจิแลิ่ะเสุียใจิ เปน์อิ่ย่างยิ�ง ทัี�เม่อิ่งไทัยเรัาไดศิน์ย เสุียน์กิดน์ตรัทัีดีไปคน์หน์ึ�ง ถึงแม รั.อิ่. เมลิ่ เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ ไดจิากิเรัาไป แลิ่้ว แต่ฝีีม่อิ่ไวโอิ่ลิ่น์ขอิ่งเขา แลิ่ะ ผลิ่งาน์ทัี�เขาได้ปรัะกิอิ่บขึน์ไว ยัง ติดตาตรัึงใจิข้าพเจิ้าแลิ่ะบรัรัดาผู้ทัี เคยได้ชมไดฟื้ังผลิ่งาน์ขอิ่งเขาอิ่ยู่ม รัู้ลิ่่ม...” (พระเจนดริยางค์, ๒๕๐๖, สะกดตามต�นฉบับเดิม) ในส่วนของประวติผู้�วายช่นมนั�น ผู้บันทึกประวติในส่วนนีนั�นค่อ สมควร กวียะ (โดยหลังจากนี�จะขออนุญาตใช่� คำเรียกว่า “อาจารย์สมควร”) ท่าน เป็นนักวช่าการส่�อสารมวลช่น เป็น ผู้ทีมคณูปการต่อวช่าการทฤษฎีการ ส่�อสารแก่วงการนิเทศศาสตร และ เคยดำรงตำแหน่งภาคีสมาช่ิก (สาขา นิเทศศาสตร์) ราช่บัณฑิตยสถาน ประเทศไทย ในปที�อาจารย์สมควร บันทึกประวติในหนังส่ออนุสรณ์ผู้ วายช่นม เมย์อนุสรณ นี เป็นช่่วง ทีท่านกำลังจบการศึกษาวารสาร ศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย ธัรรมศาสตร ซึ่�งภายในเมย์อนุสรณ นียังจะมผู้ลงานแปลของท่านในส่วน เน่�อหาทางดนตรอันเป็นบรรณาการ แก่ผู้อ่านอีกด�วย ประวติของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ที�เขียนขึ�นโดยอาจารย์สมควรนี แม�ว่า จะมีเน่�อหาที�ละม�ายคล�ายคลึงกับ ประวติผู้�วายช่นมที�เราเคยเห็นเคย อ่านโดยทั�วไปในหนังส่อลักษณะนี แต สำนวนการเขียนของอาจารย์สมควร นั�น กลับมีเอกลักษณทีช่วนอ่านมาก ยิ�งขึ�น ผู้นวกกับช่วิตที�โลดโผู้นของผู้ วายช่นมก็ทำให�การอ่านประวติของ ผู้�วายช่นมดูไมน่าเบ่�อเสียทีเดียว ประวติของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ที เขียนขึ�นโดยอาจารย์สมควรสามารถ แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได�แก ๑. ประวติช่่วงช่วิตในวัยเยาว เป็นการเกริ�นให�ผู้อ่านเห็นภาพช่วิต ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ในการทำงานด�านดนตร (ที�มา: หนังส่อเมย์อนุสรณ์)
อยิปต แอสสิเรีย กรีก ช่าวบูรพา (จีน, ญีปุ�น, ไทย, พม่า และช่ะวา) ไปจนถึงข�อเขียน พิเศษในหัวข�อ เทพพระเจ�าประทาน ดนตรีให�แกช่าวฮิินด
46 ของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ตั�งแตวัย เยาว์จนถึงการเข�ามารับราช่การด�าน ดนตรีในกรมมหรสพ มีการสรุปยศ ตำแหน่ง และเงินเด่อนไว�ในตอนท�าย ๒. ประวติช่่วงช่วิตการทำงาน ในกองทัพบก ช่วิตในส่วนนีนับว่าม ความหลากหลายมาก เพราะนอกจาก จะกล่าวถึงประวติการทำงานใน ราช่การทหารแล�ว ยังกล่าวถึงหลัก การทำงานของ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ไมว่าจะเป็นการใช่�ดนตรีสำหรับการ สอน การฝัึกซึ่�อมดนตร การบริการ ดนตรีแก่ประช่าช่น ไปจนถึงการ ส่งเสริมการเรียนการสอนดนตรีใน ครอบครัว ๓. เร่�องราวพิเศษ เป็นการ รวบรวมข�อมูลปลีกย่อยต่าง ๆ ที เกี�ยวข�องกับ ร.อ.เมย เอ่�อเฟั้�อ ไม ว่าจะเป็นเหรียญตราที�ได�รับ ช่วิต ครอบครัว ความอัศจรรย์ในช่วิต ช่วิตนักดนตร ก่อนจะปิดฉากช่วิต เข�าสู่เน่�อความส่วนที�เป็นเน่�อหา ทางดนตรอันเป็นบรรณาการแก่ผู้ อ่าน ผู้ที�เรียบเรียงเน่�อหายังคงเป็น อาจารย์สมควร กวียะ โดยได�มีการนำ เน่�อหาจากหนังส่อทางดนตรีภาษา อังกฤษสองเล่มมาแปลและนำเสนอ นั�นค่อหนังส่อ Musical Secrets โดย ลิเลีย แมคคินนอน
แปลโดยใช่�ช่่�อภาษาไทย ว่า เคล็ดลับการดนตร
การดนตร โดย ลิเลีย แมคคินนอน เป็นงานแปลโดย อาจารย์สมควร กวียะ มีการบันทึกว่าเริ�มการแปล ในวันที ๒๒ มีนาคม ๒๔๙๙ เป็น งานเขียนที�กล่าวถึงหลักการปฏบต ดนตร ตั�งแต่เร่�องภายใน ไมว่าจะเป็น เร่�องของจิตใจ ความคิด หลักเหตผู้ล ต่าง ๆ ไปจนถึงในเร่�องภายนอก เช่่น การเตรียมร่างกายให�มีความ พร�อมต่อการปฏบติดนตร การใช่� ประสาทตา การรับม่อสถานการณ การเล่นดนตรต่อหน�าสาธัารณะ ขอ ยกตัวอย่างบางช่่วงบางตอนดังนี “…. ใน์ทั่ามกิลิ่างสุาธัารัณ์ะ ผู้แสุดงไม่ควรัคำน์ึงถึงคำวิพากิษ์์ วจิารัณ์์ขอิ่งผู้ฟื้ัง หน์้าทัี�ขอิ่งเขากิ ค่อิ่แสุดงความหมายขอิ่งดน์ตรัอิ่อิ่กิ ไปให้สุุดความสุามารัถ ซึ่�งจิะเปน์ไป ไม่ได้เลิ่ยถ้าหากิเขาไมตั�งใจิฟื้ังทักิสุิ�ง ทัี�เขากิรัะทัำอิ่ยู่ แทัน์ทัีจิะทัำอิ่ย่าง น์ี ผู้แสุดงบางคน์มกิจิะไปมัวพะวกิ พะวงอิ่ยู่กิับผู้ฟื้ังแลิ่ะกิลิ่ัวคำวิพากิษ์์ วจิารัณ์์ ความคิดลิ่ัง ๆ เลิ่ ๆ เชน์ น์ัน์ ไม่เพียงแตมีผลิ่เสุียไปถึงผลิ่กิารั แสุดงเทั่าน์ัน์ มน์ยังเปน์ตน์เหตุแห่ง ความปรัะหม่าแลิ่ะโรัคปรัะสุาทัอิ่กิ ด้วย...” (สมควร กวียะ, ๒๕๐๖) How Music Grew โดยมาเรียน เบาส เป็นเอกสารอีกฉบับที�อาจารย สมควรได�แปลและนำมาบรรจุภายใน หนังส่อเมย์อนุสรณ์เล่มนี เน่�อหา หลักค่อการกล่าวถึงความเป็นไป และรากเหง�าของคำว่า “ดน์ตรัี” ที ไม่ได�มองจุดใดเป็นศูนย์กลางแต่เล่อก ที�จะสำรวจไปยังกลุ่มพ่�นทีช่าตพันธัุ์ ต่าง ๆ อันจะสามารถทำให�ผู้อ่าน มองเห็นภาพรวมของการกำเนิดและ วัฒนธัรรมดนตรีแต่ละพ่�นที อาท เผู้่า อินเดียนอเมรกัน
จะขอยกข�อ เขียนบางส่วนของช่่วงต�นมาเป็น ตัวอย่าง ดังนี “...คำว่า Music มาจิากิภาษ์า กิรักิ ซึ่�งใน์รัูปคำเดิมขอิ่งกิรักิเอิ่งมา จิากิ Muse เทัพเจิ้าผู้เปน์รัาชน์ย แห่งความกิลิ่มกิลิ่่น์ สุอิ่ดคลิ่อิ่ง เหมาะเจิาะ งดงาม ทักิอิ่ย่าง น์ับแต น์าฏิศิิลิ่ป์, น์าฏิกิรัรัม, วทัยาศิาสุตรั์, วรัรัณ์คด แลิ่ะคณ์ิตศิาสุตรั์...ความ ไม่เข้าใจิใน์ธัรัรัมชาต ทัำให้คน์ป่า น์กิสุมมติเปน์เทัพเจิ้า...แลิ่ะเพอิ่ กิารับูชาสุังเวย...เทัพเจิ้าต่าง ๆ เขา ถ่อิ่ว่ากิารัสุ่งเสุียงแลิ่ะกิรัะโดดโลิ่ด เตน์น์ัน์เปน์วธัทัีดทัี�สุุด กิารัสุ่งเสุียง เลิ่ียน์แบบสุัตว กิลิ่ายเปน์บทัเพลิ่ง กิารักิรัะโดดโลิ่ดเตน์เลิ่ียน์ทั่าทัางขอิ่ง สุัตว กิลิ่ายเปน์กิารัเตน์รัำ...ใน์ทัี�สุุด ดน์ตรัีไดกิลิ่ายเปน์กิารัแสุดงอิ่อิ่กิ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ ในการทำงานด�านดนตร (ที�มา: หนังส่อเมย์อนุสรณ์)
(Lilias Mackinnon)
และหนังส่อ How Music Grew โดยมาเรียน เบาส (Marion Baues) ใช่�ช่่�อภาษา ไทยว่า บันทึกจาก How Music Grew Musical Secrets หร่อเคล็ดลับ
47 ในฉบับต่อไปบทความชุ่ด มนุษย์/ หนังส่อ/ดนตร นี จะนำเสนอหนังส่อ เล่มใดต่อท่านผู้อ่าน โปรดติดตาม อ่านตอนต่อไปครับ เอกสารอ้างอิง (๒๕๐๖). ทัี รั ะ ลิ่ กิ เ น์ อิ่ งใ น์กิ า รั พรัะรัาชทัาน์เพลิ่ิงศิพ รั.อิ่. เมย เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ (บช. บม.) ณ์ ฌาปน์สุถาน์ กิอิ่งทััพบกิ วัดโสุมน์สุวิหารั ๒๐ พฤษ์ภาคม ๒๕๐๖. โรงพิมพ ศึกษานกูล. หน�าเว็บไซึ่ตที�เผู้ยแพร่หนังส่อที�ระลึกเน่�องในการพระราช่ทานเพลิงศพ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ “เมย์อนุสรณ์” (ที�มา: คลังข�อมูลดจทัลของมหาวิทยาลัยธัรรมศาสตร์) ซึ่�งชวิตปรัะจิำวน์ แลิ่ะความมัน์คง เลิ่อิ่มใสุใน์พรัะเจิ้าขอิ่งเขา...โดยทัี เขาไม่ไดจิงใจิสุรั้างขึน์มาเปน์ ‘ศิิลิ่ปะ’ เลิ่ย…” (สมควร กวียะ, ๒๕๐๖) เหล่านีค่อเน่�อหาโดยสังเขป ทั�งหมดที�ปรากฏอยู่ในหนังส่อเมย อนุสรณ หร่อหนังส่อที�ระลึกเน่�องใน การพระราช่ทานเพลิงศพ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ (บช่. บม.) ณ ฌาปนสถาน กองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๐๖ สรุป หนังส่ออนุสรณ ร.อ. เมย เอ่�อเฟั้�อ นอกจากจะเป็นหลักฐาน ทีย่นยันการมตัวตนของนักไวโอลิน ช่าวไทยผู้มีความสามารถที�ปรากฏ ตัวท่ามกลางยุคสมัยที�ขาดแคลนนัก ดนตรีตะวันตก ยังนับเป็นหลักฐาน ช่ั�นดที�ทำให�ช่นรุ่นหลังได�รูจักพ่�นเพ ความเป็นไปของนักดนตรช่ั�นครูผู้นี ได�เห็นถึงรากฐานทางดนตรีตะวันตก ที�สำคัญในสังคมดนตรีประเทศไทย เหล่านีจึงเช่่�อว่าเป็นคุณประโยช่น ที�ผู้อ่านทุกท่านจะได�รับ ผู้อ่านทุกท่านสามารถเข�าถึง หนังส่อ “เมย์อนุสรณ์” นี�ได�จาก คลังข�อมูลดจทัลของมหาวิทยาลัย ธัรรมศาสตร โดยใช่�คำสำคัญในการ ค�นหาว่า “เมยอิ่น์สุรัณ์์” หร่อ “ทัี รัะลิ่กิเน์อิ่งใน์กิารัพรัะรัาชทัาน์เพลิ่ิง ศิพ รั อิ่. เมย เอิ่่อิ่เฟื้้�อิ่ (บช. บม.) ณ์ ฌาปน์สุถาน์กิอิ่งทััพบกิ วัดโสุมน์สุ วิหารั ๒๐ พฤษ์ภาคม ๒๕๐๖” ท่านสามารถเข�าถึงเอกสารดัง กล่าวโดยการลงทะเบียนซึ่�งไม่เสีย ค่าใช่�จ่ายใด ๆ ในการดำเนินการ
48 CLASSICAL GUITAR เรื่อง: สวิช กลินสมิทธัิ (Suvich Klinsmith) อาจารย์ประจ�าสาขาวิชากีตาร์คลาสสิก วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล ววัฒนาการกีตารคีลัาสัสัิก ในต้นคีรสัต์ศตวรรษทีสัิบเก้าจนถึงปัจจบัน ท่านั�งแลัะการถือกีตาร กีตาร์ในปลายคริสต์ศตวรรษที ๑๘ และ ต้นคริสต์ศตวรรษที ๑๙ ในปลายคริสต์ศตวรรษที ๑๘ และต�นคริสต์ศตวรรษ ที ๑๙ มีตำราเรียนกีตาร์จำนวนมากถูกพิมพขึ�นเพ่�อตอบ สนองความต�องการของสังคมในยุคนั�น ตำราเรียนส่วน ใหญจึงมีเน่�อหาที�ผู้อ่านสามารถเรียนรูด�วยตนเองได� หร่อ ผู้�สอนสามารถนำไปใช่�เป็นแนวทางประกอบการเรียน การสอนของตนเอง เน่�อหาในตำราเรียนประกอบด�วย วธัีปฏบต แบบฝัึกหัด บทเพลง และทฤษฎีดนตรีในขั�น พ่�นฐาน ตำราเรียนกีตารทีพิมพขึ�นมช่่�อเรียกที�แตกต่าง กันไป เช่่น Tutor,
ใน ค.ศ. ๑๘๒๐ และ ค.ศ. ๑๘๔๐ ได�มววัฒนาการ เทคนิคการเล่นกีตาร์อย่างเป็นระบบโดยนักกีตารช่าว สเปนช่่�อ เฟัอรนันโด ซึ่อร (Fernando Sor; ค.ศ. ๑๗๗๘-๑๘๓๙) และดิโอนซึ่ีโอ อากวาโด (Dionisio Aguado; ค.ศ. ๑๗๘๔-๑๘๔๙) ซึ่อร์ได�ตพิมพ์ตำรา เรียนกีตารขึ�นครั�งแรกในภาษาฝัรั�งเศส ค.ศ. ๑๘๓๐ และใน ค.ศ. ๑๘๓๑ ได�ถูกแปลเป็นภาษาเยอรมัน ต่อ มาได�แปลจากต�นฉบับภาษาฝัรั�งเศสเป็นภาษาอังกฤษ ใน ค.ศ. ๑๘๓๒ โดยนักดนตรช่าวอังกฤษช่่�อ เมอรริค (A. Merrick, Cocks & Co) เน่�อเร่�องในตำราเรียนที ซึ่อร์เขียนขึ�น ได�รวบรวมมาจากประสบการณ์การสอน กีตาร์ของเขาโดยใช่�หลักคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร ม การพรรณนาประกอบรูปภาพพร�อมคำอธัิบาย รวมทั�ง ระบบอคูสติกของกีตาร์เป็นต�น เช่่นเดียวกับอากวาโด ได�พิมพ์ตำราเรียนกีตาร์ในภาษาสเปนขึ�นในป ค.ศ. ๑๘๔๓ เป็นการรวบรวมตำราและบทฝัึกที�เขาเขียน ขึ�นระหว่าง ค.ศ. ๑๘๒๕-๑๘๓๕ และได�คิดค�นอุปกรณ เรียกว่าไตรพอด (Tripod) ซึ่�งใช่�ยึดลำตัวของกีตาร์เพ่�อ สะดวกในการเล่นและทำให�กีตารมีเสียงดังเพิ�มขึ�นจาก เดิม ซึ่อร์และอากวาโดนับได�ว่ามส่วนช่่วยในการวาง รากฐานเทคนิคการเล่นกีตารส่บทอดกันมาจนถึงปัจจบัน กีตาร์ในปลายคริสต์ศตวรรษที ๑๙ และต้นศตวรรษที ๒๑ อันโตเนียว ตอร์เรส (Antonio de Torres; ค.ศ. ๑๘๑๗-๑๘๙๒) ช่่างทำกีตารช่าวสเปนทีมีความสำคัญ ทีสุดในปลายคริสต์คริสต์ศตวรรษที ๑๙ และต�นคริสต ศตวรรษที ๒๐ ซึ่�งเป็นผู้�ประดิษฐต�นแบบของกีตาร ทีมีอยู่ในปัจจบัน ส่งผู้ลทำให�เกิดววัฒนาการเทคนิค การเล่นกีตาร์แบบใหมขึ�น ซึ่�งแตกต่างไปจากต�นคริสต ศตวรรษที ๑๙ ผู้ก่อตั�งแนวความคิดของเทคนิคแบบ ใหมนีช่่�อ ฟัรันซึ่ิสโก ตาร์เรกา (Francisco Tárrega; ค.ศ. ๑๘๕๒-๑๙๐๙) เป็นนักกีตารช่าวสเปน ได�คิดวธั การเล่นเทคนิคม่อขวา ท่านั�งและการถ่อกีตาร ทฤษฎ ในการปฏบติของตาร์เรกาได�ถูกรวบรวมขึ�นโดยนักเรียน ของเขาช่่�อ แอมลิโอ ปูโยล (Emilio Pujol Vilarrubi; ค.ศ. ๑๘๘๖-๑๙๘๐) นักดนตรวิทยาและนักกีตาร โดย ใช่�ช่่�อเรียกตำราเรียนกีตารว่า Escuela Razonada de la Guitarra จัดพิมพขึ�นเผู้ยแพร่ในระหว่างป ค.ศ. ๑๙๓๓-๑๙๗๒ มทั�งหมดสี�เล่ม เขียนขึ�นในภาษาสเปน และต่อมาได�ถูกแปลมาเป็นภาษาอังกฤษโดย ไบรอัน เจฟัเฟัอร (Brian Jeffery) และปีเตอร ซึ่กัล (Peter Segal) ในเน่�อหากล่าวถึงรายละเอียดเกี�ยวกับการตั�ง เสียงในระบบต่าง ๆ และช่นิดของเคร่�องดนตรีในยุค คริสต์ศตวรรษที ๑๖ และ ๑๗ ที�เกี�ยวข�องกับกีตาร์อย่าง เช่่น วีเวล่า (Vihuela) ลูท (Lute) และบาโรกกีตาร (Baroque Guitar) มีคำอธัิบายเกี�ยวกับการอ่านแทป
instructor, scholl, preceptor, instruction, principles, lessons, rudiments เป็นต�น
49 คิดเห็นและมุมมองที�แตกต่างจากกันไป บางตำราคง ยึดถ่อวธัีปฏบติเทคนิคการเล่นทีส่บทอดมาจากเคร่�อง ดนตรลูท บาโรกกีตาร และวิเวล่า ซึ่�งเม่�อนำมาใช่�กับ กีตารทีมีโครงสร�างและขนาดที�แตกต่างกันนั�นจึงทำให� มข�อจำกัดต่อการปฏบต ในระหว่างกลางคริสต์ศตวรรษที ๑๘ ไปจนถึงสิ�น สุดคริสต์ศตวรรษที ๑๘ กีตาร์ได�มีการพัฒนาโครงสร�าง เปลี�ยนจากการใช่�สายคู่ที�เรียกว่าคอร์ส (course) มา เป็นสายเดี�ยว การเปลี�ยนแปลงเกิดขึ�นจากนักกีตารช่าว อิตาลช่่�อ เฟัเดริโก โมเร็ตท (Federico Moretti; ค.ศ. ๑๗๖๐-๑๘๓๘) ใช่�ช่วิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที�ประเทศสเปน ได�เขียนตำราเรียนกีตาร์เป็นภาษาสเปน ตพิมพขึ�นในป ค.ศ. ๑๗๙๙ โดยใช่�ช่่�อ Principios para tocar la guitarra de seis ordenes เป็นหลักการเล่นกีตาร หกสายและได�กล่าวถึงท่าการถ่อกีตาร์โดยละเอียด เขา ได�ให�ความสำคัญต่อลักษณะท่าทางที�เอ่�ออำนวยความ สะดวกในการเล่นมากทีสุด แนวคิดของเขาส่วนใหญ่ได� มาจากประสบการณ์ในการสอนกีตาร โดยแยกออกเป็น ๗ หัวข�อด�วยกัน ค่อ ๑. ส่วนล่างของกีตาร์ให�พักทีต�นขาขวา ๒. แขนซึ่�ายต�องยกสูงเป็นรูปครึ�งวงกลม อยู่ห่าง จากด�านข�างลำตัวของผู้�เล่นอย่างน�อยไมต�ำกว่าหกนิ�วม่อ ๓. ให�นิ�วช่ี�และนิ�วโป้งของม่อซึ่�ายอยู่ในลักษณะ ครึ�งวงกลมจับไปยังที�คอกีตาร์แทนที�จะใช่�ฝั�าม่อเพ่�อ รองรับคอกีตาร ๔. นิ�วม่อซึ่�ายควรอยู่ใกล�กับสายและอยู่ในลักษณะ กำม่อเพ่�อมีความพร�อมในการกดสายกีตาร ๕. ให�แขนขวาพักไว�ทีด�านบนใกล�กับส่วนล่างของ ลำตัวกีตาร โดยให�แขนวางไว�ตรงกลางระหว่างข�อม่อ และข�อศอก ๖. ม่อขวาควรอยู่เป็นตามแนวนอนกับสายกีตาร เพ่�อหลีกเลี�ยงจากเล็บนิ�วม่อ และเพ่�อได�คุณภาพเสียง ทีมีความหวานและกลมกล่นกัน ๗. นิ�วก�อยและนิ�วนางควรพักไว�ทีด�านหน�า (table) ใกล�กับบริดจ (bridge) โมเร็ตทีได�กล่าวต่อไปว่า ถ�าผู้�เล่นสามารถปฏบต ตามหัวข�อทั�งหมดนี�จะทำให�การเล่นกีตารดูเป็นธัรรมช่าต มากทีสุด เน่�องจากจะใช่�แรงน�อยและยังไม่ทำให�เหน่�อย ล�าอีกด�วย (Cox, 1978, p. 45) ฟัรานซึ่ิสโก โมลิโน (Francesco Molino; ค.ศ. ๑๗๗๕-๑๘๔๗) นักกีตารช่าวอิตาลีได�เขียนตำราการ เล่นกีตาร์ในป ค.ศ. ๑๗๙๕ (New and Complete (Tablature) นอกจากเทคนิคและแบบฝัึกหัดของตาร์เรกา แล�ว ปูโยลได�รวบรวมแบบฝัึกหัดกับตารางเทียบเสียง ตัวโน�ตของอากวาโดไว�ในตำราเรียนอีกด�วย มรูปภาพ และคำอธัิบายอย่างละเอียด อังเดรส เซึ่โกเวีย (Andrés Segovia; ค.ศ. ๑๘๙๓-๑๙๘๗) ผู้บุกเบิกทีมีความสำคัญทีสุดในคริสต ศตวรรษที ๒๐ โดยยกระดับมาตรฐานของกีตาร์ให�เทียบ เท่ากับเปียโนและไวโอลิน เซึ่โกเวียมีแนวความคิดใหม เกี�ยวกับเร่�องคุณภาพของเสียง โดยใช่�เล็บและปลายนิ�ว ส่วนเน่�อในการปฏบติเพ่�อเลียนแบบเสียงเคร่�องดนตรที ใช่�บรรเลงในวงออร์เคสตรา เพ่�อเพิ�มสสันกับเสียงกีตาร ให�มีความดังและช่ัดเจนยิ�งขึ�น มผู้ลเน่�องมาจากการใช่� สายไนลอนแทนสายใยธัรรมช่าต (gut strings) ในต�น คริสต์ศตวรรษที ๒๐ เซึ่โกเวียได�ตพิมพ์หนังส่อเทคนิค การเล่นกีตารขึ�นในป ค.ศ. ๑๙๗๒ มช่่�อว่า เซึ่โกิเวีย เทัคน์ิค (The Segovia Technique) โดยเขียนร่วมกับ วลาดมร บ็อบบี (Vladimir Bobri) เน่�อหาในหนังส่อ มีความคล�ายคลึงกับปูโยล แตมีรายละเอียดน�อยกว่า มีความกระช่ับในเน่�อหา และเน�นในเร่�องของเทคนิค อย่างเดียวไมมีแบบฝัึกหัดรวมอยู่ในหนังส่อ มรูปภาพ ประกอบพร�อมกับคำอธัิบาย ในปลายศตวรรษที ๒๐ และต�นศตวรรษที ๒๑ นัก กีตาร์เริ�มให�ความสำคัญกับการยศาสตร (Ergonomics) มากขึ�น จุดประสงคค่อเพ่�อหลีกเลี�ยงอาการบาดเจ็บที เกิดจากการเล่นกีตาร์ให�น�อยลงทีสุด โดยผู้�เล่นสามารถ เล่อกที�จะใช่�อุปกรณ์เสริมแทนการใช่� foot stool อุปกรณ เสริมออกแบบเพ่�อให�ได�ความมั�นคงในการวางตำแหน่ง กีตาร ช่่วยให�ผู้�เล่นได�ท่าทีถูกต�อง และมีความสะดวก ในการปฏบต นอกจากนียังมีตำราที�เขียนขึ�นโดยใช่�หลัก วธัธัรรมช่าตที�เกี�ยวข�องกับสติและปัญญา เช่่น ไรอัน ล (Ryan
และช่าลส ดันแคน (Charles
The
Classical
Playing เป็นต�น ท่านั�ง (Posture) และการถืือกีตาร (Holding the Guitar) ในปลายคริสต์ศตวรรษที ๑๘ และต�นศตวรรษที ๑๙ เทคนิคการเล่นกีตารมีความหลากหลาย ไมมีความ ช่ัดเจนในเร่�องท่านั�งหร่อการถ่อกีตารที�เป็นมาตรฐาน โดยส่วนใหญ่เห็นพ�องต�องกันค่อลักษณะท่านั�งและการ ถ่อกีตารต�องสะดวกและไม่เป็นอุปสรรคต่อการเล่น ต�องเอ่�ออำนวยให�ม่อซึ่�ายและม่อขวาสามารถทำงานได� อย่างมีประสิทธัิภาพ ในแต่ละตำราผู้�เขียนต่างมีความ
Lee) The Natural Classical Guitar (1984)
Duncan)
Art of
Guitar
50 ท่านั�งข้องซอร ตำรากีตาร์ของซึ่อรมีความแตกต่างจากของนัก กีตารร่วมสมัยทั�งหมด เป็นตำราที�ไม่เหมาะกับผู้�สมัคร เล่นกีตาร์หร่อผู้�เริ�มฝัึกใหม ซึ่อร์ได�กล่าวเกี�ยวกับท่านั�ง และถ่อกีตาร์ไว�ดังนี เขาได�เปรียบเทียบท่านั�งของนัก เปียโน ค่อผู้�เล่นต�องนั�งให�อยู่กึ�งกลางของคย์บอร์ด ให� แขนทั�งสองข�างแยกออกจากลำตัวของร่างกายเท่า ๆ กัน เพ่�อไม่จำกัดขอบเขตในเวลาเคล่�อนที สำหรับนัก กีตารนั�นควรถ่อกีตาร์โดยให�ลำตัวของผู้�เล่นอยู่ตรงข�าม กับเฟัรตทีสิบสอง เน่�องจากรูปทรงของกีตารที�แบ่ง เป็นตัวอักษร B C D A F (ดูในภาพท ๒) ในแนวโค�ง a ซึ่�งน่าจะเหมาะสมที�จะพักไว�ทีต�นขาด�านขวาได� แต เน่�องจากไม่สะดวกสำหรับม่อซึ่�ายในเวลาเล่น เพราะ คอกีตารต�ำเกินไป (ขนาดของกีตาร์ในคริสต์ศตวรรษ ที ๑๙ มีขนาดเล็กกว่าในปัจจบัน) เพ่�อให�ม่อซึ่�ายเล่น ได�สะดวกขึ�น เขาจึงยกเท�าซึ่�ายและหัวเข่าให�สูงขึ�น สิ�ง ทีซึ่อร์ให�ความสำคัญค่อท่านั�งและการถ่อกีตารต�องม ความมั�นคง (Sor, 1832, p. 10) ภาพที ๒ (ที�มา: Sor, 1832, p. 10) ซึ่อร์ได�คิดถึงความสัมพันธัที�เหมาะสมระหว่างท่า นั�งกับการถ่อกีตาร์โดยใช่�โต๊ะเป็นอุปกรณ์เสริม พักกีตาร ไว�ทีมุมโต๊ะทีตัวอักษร D ตรงข�ามกับเฟัรตทีสิบสอง ให�ตัวอักษร B ขอบส่วนล่างของกีตารพักไว�ทีหัวเข่า ด�านขวา และตัวอักษร C พักอยู่บนมุมโต๊ะ ท่าการถ่อ แบบนี�ทำให�ม่อซึ่�ายมีความพร�อมและสะดวกในการเล่น ไมต�องใช่�ม่อซึ่�ายรองรับน�ำหนักของคอกีตาร โต๊ะและ หัวเข่าขวากับแขนขวาตัวอักษร E จะเป็นตัวเก่�อหนุน ให�กีตารมีความสมดุลกับร่างกายของผู้�เล่น (Sor, 1832, p. 10) (ดูในภาพท ๓) Method for the Guitar) โมลิโนให�คำแนะนำเกี�ยวกับ ท่านั�งและการถ่อกีตาร์โดยให�ผู้�เริ�มเรียนกีตาร์ใช่�สาย สะพายในระหว่างเด่อนแรก และใช่�ม�านั�งเล็ก ๆ วาง เท�าซึ่�ายเพ่�อให�ม่อซึ่�ายสามารถเคล่�อนที�ได�ง่าย (Cox, 1978, p. 58) (ดูในภาพท ๑) ภาพที ๑ ท่านั�งและการถ่อกีตาร (ที�มา: Molino, PL. 12) เฟัอรดินานโด การล (Ferdinando Carulli; ค.ศ. ๑๗๗๐-๑๘๔๑) นักกีตารช่าวอิตาลีเขียนตำรากีตาร ที�ได�รับความนิยมอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที ๑๙ (Methode complete pour guitare, Op. 27) ใน ปัจจบันยังคงใช่�อยู่ในการเรียนการสอนกีตาร ตพิมพขึ�น ครั�งแรกในป ค.ศ. ๑๘๑๐/๑๘๑๑ การลีได�ริเริ�มท่านั�ง แบบใหม่โดยให�ความสำคัญของการใช่�ขาซึ่�ายเก่�อหนุน กีตาร กล่าวไว�โดยสังเขปดังนี ผู้�เล่นไม่ควรใช่�เก�าอีสูงหร่อต�ำเกินไป การถ่อกีตาร ก็ไม่ควรให�สูงเกินหน�าอกหร่อไม่ควรให�กีตาร์เล่�อนไป อยู่ทีหัวเข่า ผู้�เล่นควรวางกีตาร์โดยใช่�ต�นขาซึ่�ายเก่�อ หนุน ให�ระดับคอกีตารสูงกว่าส่วนท�ายของลำตัวกีตาร สำหรับผู้�หญิงให�ใช่�ม�าสำหรับรองเท�า แขนขวาไม่อยู่ใน ท่าเดียว ให�เคล่�อนที�ไปตามนิ�วม่อซึ่�าย ให�น�ำหนักของ คอกีตาร์อยู่ทีข�อแรกของนิ�วหัวแมม่อกับนิ�วช่ี�ของม่อ ซึ่�าย (Cox, 1978, p. 54)
51 ซึ่อร์ได�ให�เหตผู้ลสนับสนุนถึงหลักการท่านั�งและการ ถ่อกีตาร (ดูในภาพท ๕) จากอักษร A ถึง B ม่อซึ่�าย ควรให�อยู่เลยเส�นแนวอักษร A และ B ส่วนด�านขวา ครึ�งหนึ�งของปลายแขนด�านขวาย่�นออกมา ในกรณถ�า ผู้�เล่นต�องการเคล่�อนหัวไหล่ขวาทำได�แตต�องไม่เกินเส�น แนวอักษร N และ B สำหรับม่อขวาทีอักษร F ควร ปล่อยม่อให�ห�อยลงมาอย่างเป็นธัรรมช่าต ให�นิ�วม่อขวา อยู่ในตำแหน่งเดียวกับสายกีตาร์โดยไมต�องเปลี�ยนแปลง X ซึ่�งอยู่กึ�งกลางของปลายแขนทำให�เกิดความสมดุล และทำให�ตัวกีตารมีความมั�นคง ข�อศอกสามารถเล่�อน ไปในทิศทางตรงกันข�ามตามอักษร X และ M เพ่�อให� ช่่วงแขนจากอักษร X และ F สามารถทำงานร่วมกัน กับม่อซึ่�ายได�ตามความต�องการ (Sor,
ภาพที ๕ (ที�มา:
ท่านั�งข้องอากวาโด อากวาโดได�ตพิมพ์ตำราเรียนกีตาร Escuela de Guitarra (“School for the Guitar”) ขึ�นครั�งแรกในป ค.ศ. ๑๘๒๐ เพ่�อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ทีต�องการเรียนรู กีตาร์อย่างถูกวธั จากประสบการณ์ในการเล่นและการ สอนเป็นเวลายีสิบสองปที�เขาได�รวบรวมและเขียนขึ�น เป็นตำราอย่างละเอียด แนวคิดเกี�ยวกับท่านั�งและการ ถ่อกีตารที�อากวาโดได�อธัิบายไว�ดังนี (ดูในภาพท ๖) ภาพที ๓ (ที�มา: Sor , 1832, p. 10) ซึ่อร์ได�อธัิบายต่อไปเกี�ยวกับท่านั�งกับการถ่อกีตาร ของนักกีตารช่าวฝัรั�งเศสและช่าวอิตาลที�เขาไม่เห็นด�วย (ดูในภาพท ๔) จากอักษร A ถึง F เดินทางเป็นเส�น ขนานบนที�ราบเดียวกันตามที�ปรากฏอยู่บนภาพใน ลักษณะท่านีมผู้ลทำให�หัวไหลดูไม่เป็นธัรรมช่าต แขน ขวาไมมจุดรองรับทำให�ตำแหน่งม่อขวาไม่คงที เช่่น เดียวกันกับมุม B C D มผู้ลทำให�การเล่นลำบากและ ยากต่อการเคล่�อนข�อนิ�วม่อขวาอาจเกิดอาการเจ็บปวด ได�อีกด�วย แขนซึ่�ายยกขึ�นสูงผู้ิดปกติทำให�แขนช่า จาก อักษร C ถึง D ซึ่�งเป็นส่วนของปลายแขนต่อเน่�องไป จนถึงอักษร E ของม่อขวา เม่�อม่อขวาต�องใช่�ดีดสาย กีตาร์จำเป็นต�องงอข�อม่อ (Sor, 1832, p. 11) ภาพที ๔ (ที�มา: Sor, 1832, p. 10)
1832, p. 11)
Sor, 1832, p. 11)
52 ๑. เน่�องจากตัวกีตารถูกยึดติดด�วยเด่อยแหลม สองตัว จึงทำให�ตัวกีตาร์สามารถสั�นได�อย่างเป็นอิสระ ๒. ผู้�เล่นสามารถควบคุมการเคล่�อนที�ของม่อซึ่�าย และขวาได�อย่างสมบูรณ ทำให�กีตาร์สามารถผู้ลิตเสียงได� เต็มที มีเสียงดังช่ัดขึ�น ไม่เหม่อนกับท่าการถ่ออย่างอ่�น ๆ ๓. ทำให�ท่าทางดดีเป็นธัรรมช่าต และเป็นที�เหมาะ สมสำหรับสุภาพสตร อีกทั�งไมก่อให�เกิดอันตรายต่อ หน�าอกของผู้�เล่นอีกด�วย ๔. ในส่วนการเล่นทีดูยากลำบากนั�นก็จะดง่ายขึ�น สำหรับผู้�เข�าช่ม ๕. ช่่วยให�การวางตำแหน่งม่อทั�งสองข�างถูกต�อง และสะดวกกับการเล่น แม�กระทั�งผู้�เล่นจะเปลี�ยนท่า การถ่อเป็นอย่างอ่�น โดยไม่ใช่�อุปกรณนีก็ตาม ๖. เป็นท่าที�เหมาะสำหรับนักร�องที�ใช่�กีตาร์เล่น ประกอบเสียงร�องตัวเอง ๗. ทำให�วธัีการเล่นเสียงฮิาร์โมนิกง่ายและมีเสียง ช่ัดเจนขึ�น ๘. ทำให�สามารถเล่นเฟัรตที�นอกเหน่อจากบนคอ กีตาร์ได� (Jeffery, 1981, p. 7) ภาพที ๗ (ที�มา: Nuevo método para guitarra, 1843, PL. 1) ภาพที ๖ (ที�มา: Escuela de guitarra, 1825, PL. 1) ผู้�เล่นควรนั�งเก�าอีค่อนข�างกว�างและควรเว�นที เพ่�อพำนักตัวกีตาร (หมายถึงส่วนด�านล่างของลำตัว กีตาร์ตรงกันข�ามกับคอกีตาร์) ปลายแขนด�านขวาพัก ไว�ทีด�านบนตรงข�ามกับมุมเก�าอี ลักษณะนี�ทำให�กีตาร มีความมั�นคง กีตาร์ไม่สามารถเคล่�อนไปมาในขณะที เล่น และทำให�ม่อซึ่�ายเป็นอิสระในการเคล่�อนที�ไปมาบน ฟัิงเกอร์บอร์ดโดยไม่เป็นอุปสรรค ด�วยท่านั�งลักษณะนี ตัวกีตาร์จะทำมุมกับพ่�นที�ราบประมาณ ๓๐-๔๐ องศา ถ�ามากกว่าหร่อน�อยกว่านี�จะก่อให�เกิดอาการบาดเจ็บต่อ ม่อซึ่�าย อีกทั�งยังทำให�แขนซึ่�ายเคล่�อนที�ลำบาก ลำตัว ของผู้�เล่นตั�งตรงเป็นธัรรมช่าติเช่่นเดียวกับศีรษะไม่ควร บิดไปมาหร่อก�มมองดูการเคล่�อนที�ของม่อซึ่�าย (Cox, 1978, p. 60) ในป ค.ศ. ๑๘๔๓ อากวาโดได�ตพิมพ์ตำรากีตาร (Nuevo Método de Guitarra, Op. 6) และประดิษฐ อุปกรณที�ช่่วยยึดลำตัวกีตาร์เรียกว่าไตรพอด จุดประสงค เพ่�อให�ผู้�เล่นสามารถปรับตำแหน่งของกีตาร์ได�ตามความ ต�องการ และให�ความสะดวกต่อการเล่น ลำตัวกีตาร นั�นถูกยึดติดอยู่กับอุปกรณ ทำให�มีความมั�นคง เพิ�ม ปริมาณความดังของเสียง (ดูในภาพท ๗) อากวาโด ยังสนับสนุนเกี�ยวกับอุปกรณ์ของเขาโดยกล่าวถึง คุณประโยช่น์ไว�ดังนี
53 ให�ขอบด�านล่างของกีตารพักไว�ทีต�นขาซึ่�าย ลำตัวด�าน หลังของตัวกีตารสัมผู้ัสกับหน�าอกของผู้�เล่น ให�ผู้�เล่น เอนลำตัวไปข�างหน�าเล็กน�อยและหัวไหล่อยู่ในท่าที�เป็น ธัรรมช่าต ขาซึ่�ายวางเป็นมุมแหลมพำนักไว�ทีม�านั�งเล็ก ๆ ด�านหน�าของม�านั�งควรมีความสูงประมาณ ๑๕-๑๗ เซึ่นติเมตร ด�านหลังมีความสูงประมาณ ๑๒-๑๔ เซึ่นติเมตร ขึ�นอยู่กับสรีระและเก�าอีนั�งที�ใช่� (Ophee, 1983, p. 52) (ดูในภาพท ๙) ภาพที ๙ (ที�มา: Tarrega, http://pt.wikipedia.org/ wiki/Francisco_Tarrega:10/3/2015) ขาขวาควรแยกออกจากขาซึ่�าย และให�ลำตัวกีตาร อยู่พอเหมาะระหว่างขาทั�งสองข�าง ให�ต�นแขนซึ่�ายขนาน กับตัวผู้�เล่น โดยยกปลายแขนขึ�น งอข�อม่อซึ่�ายวางไว� ด�านนอกของคอกีตาร์โดยให�ดูเป็นธัรรมช่าต นิ�วโป้งแตะ ส่วนล่างของคอกีตาร และนิ�วที�เหล่อให�อยู่ในลักษณะ โค�งงอ ให�แขนขวาอยู่ห่างจากลำตัวผู้�เล่นเพ่�อที�ปลาย แขนสามารถพักไว�ที�ขอบด�านบนของลำตัวกีตาร (ดูใน ภาพท ๑๐ และภาพท ๑๑) ข�อศอกจะอยู่ห่างจากขอบ กีตาร์เล็กน�อย ปลายแขนด�านขวาพักไว�ที�ขอบกีตารดัง ในภาพ ช่่วยให�ผู้�เล่นถ่อกีตาร์ได�อย่างมั�นคง (Ophee, 1983, p. 53) ท่านั�งข้องคาร์คาซี มัตเตโอ คาร์คาซึ่ี (Matteo Carcassi; ค.ศ. ๑๗๙๒-๑๘๕๓) นักกีตารช่าวอิตาล ย�ายไปอยู่ที�ปารีส ตอนอาย ๒๘ ป คาร์คาซึ่ี�ได�ตพิมพ์ตำรากีตาร์ในภาษา อังกฤษและฝัรั�งเศส และเป็นตำราที�ใช่�กันอย่างแพร หลายในคริสต์ศตวรรษที ๑๙ จนถึงปัจจบันนี คาร์คาซึ่ี ได�กล่าวถึงท่านั�งและการถ่อกีตาร์ไว�ดังนี วธัีการถ่อกีตาร์จำเป็นต�องหาเก�าอีนั�งทีสูงกว่าปกต แยกขาด�านขวาออกเล่�อนไว�ด�านหลังเล็กน�อย ส่วนขา ซึ่�ายให�วางไว�ตามปรกต ให�ต�นขาซึ่�ายรองรับน�ำหนัก ตัวกีตาร เม่�อผู้�เล่นมีความพร�อมในท่านั�งดังที�กล่าวไว� ให�วางกีตาร์ไว�ทีต�นขาซึ่�ายเป็นมุมทแยง (ดูในภาพท ๘) จะเห็นได�ว่าตำแหน่งที�เก่�อหนุนกีตารมทั�งหมด ๓ ตำแหน่งด�วยกัน ค่อ ต�นขาซึ่�าย ต�นขาขวา และหน�าอก โดยไมต�องใช่�ม่อมาเก่�อหนุน (Jacobs, 1884, p. 10) ภาพที ๘ (ที�มา: Carcassi, 2005, http://pt.wiki/ Matteo_Carcassi: 25/3/2015) ท่านั�ง (Posture) และการถืือกีตาร (Holding the Guitar) ในต้นคริสต์ศตวรรษที ๒๐ จนถืึงต้นคริสต์ศตวรรษที ๒๑ ท่านั�งข้องตาร์เรกาและปูโยล ปูโยลได�นำเสนอท่านั�งในแบบของตาร์เรกาโดยให� ผู้�เล่นใช่�เก�าอีที�แข็งแรงไมมีพนักเท�าแขน มีความสูง พอเหมาะที�เท�าสามารถวางระนาบบนพ่�นได�เต็มฝั�าเท�า
ภาพที ๑๐ (ที�มา: Pujol, E. & Ophee, M., 1983, p. 53) ภาพที ๑๑ (ที�มา: Pujol, E. & Ophee, M., 1983, p. 53)
54
ท่านั�งข้องเซโกเวีย เซึ่โกเวียใช่�ท่านั�งและถ่อกีตาร์คล�ายคลึงกับตาร์เรกา ค่อเก�าอีนั�งต�องไมมพักเท�าแขน ผู้�เล่นควรนั�งริมขอบ เก�าอี ลำตัวของผู้�เล่นย่�นออกไปข�างหน�าเล็กน�อย ให� ด�านหน�าของโพรงเสียง (Sound hole) อยู่ในลักษณะ แนวตั�ง ผู้�เล่นสามารถมองเห็นได�แค่ขอบบนของคอ กีตารที�อยู่ใกล�กับสายที�หก ในกรณถ�าผู้�เล่นต�องการที จะก�มมองดฟัิงเกอร์บอร์ดสามารถก�มคอได�โดยคงท่า เดิมเอาไว� ขนาดของม�านั�งที�ใช่�วางเท�าซึ่�ายแบนราบ มีความสูงประมาณ ๕-๖ นิ�ว (ดูในภาพท ๑๒) ให� ด�านหน�าของเท�าซึ่�ายวางไว�ที�ขอบม�านั�งโดยไมพักส�น เท�าตาม (ดูในภาพท ๑๓) ท่านั�งในลักษณะนี�ทำให� ขาและเท�าซึ่�ายมีความย่ดหยุ่น ส่วนเท�าขวาให�วาง ไว�ใกล�กับด�านขวาของขาเก�าอี�ให�ปลายเท�าแตะพ่�นไม แบนราบกับพ่�น จุดทีค�ำตัวกีตารมด�วยกันสีจุดค่อ ต�น ขาขวา ต�นขาซึ่�าย ใต�แขนขวา และหน�าอก ส่วนเว�า ด�านล่างของกีตาร์ให�พักไว�ทีต�นขาซึ่�าย ต�นแขนขวาพัก ไว�ที�ขอบบนของตัวกีตาร ปล่อยปลายแขนให�ห�อยอย่าง อิสระ ทดลองเหวี�ยงปลายแขนจากข�อศอกให�เหม่อนกับ ลูกตุ�ม โดยไม่พยายามใช่�กล�ามเน่�อช่่วยเก่�อหนุน (ดูใน ภาพท ๑๔) (Bobri, 1977,
33) ภาพที ๑๓ ภาพที ๑๔ (ที�มา: Bobri, 1977, p. 34) ต�นแขนซึ่�ายของเซึ่โกเวียปล่อยห�อยลงมาตั�งฉาก กับหัวไหล ปล่อยให�ข�อศอกด�านซึ่�ายอยู่ใกล�กับด�านข�าง ของลำตัวผู้�เล่น เพ่�อหลีกเลี�ยงการใช่�กล�ามเน่�อในการ เก่�อหนุนของต�นแขนซึ่�ายโดยไม่จำเป็น อีกทั�งทำให�ผู้ เล่นไม่เกร็งในขณะที�เล่น ให�ลูกบิด (Peghead) ส่วนหัว ของตัวกีตารมีระดับความสูงประมาณกระดูกไหปลาร�า ตัวกีตาร์ทำมุมประมาณ ๓๐ องศากับพ่�นในแนวราบซึ่�ง ภาพที ๑๒
p.
56 สะดวกในการหายใจ และมีสติในการเล่น อีกทั�งผู้�เล่นด เป็นธัรรมช่าติมากขึ�น การที�ผู้�เล่นก�มมองดูการเคล่�อนไหว ของนิ�วม่อซึ่�ายอยู่ตลอดเวลา มผู้ลต่อระบบการหายใจ ทำให�การหายใจผู้ิดปกต และทำให�เกิดอาการเกร็ง ยาก ต่อการเล่นกีตาร นอกจากนี�แล�วการนั�งผู้ิดวธัส่งผู้ลให� เส�นประสาทต่าง ๆ ของกล�ามเน่�ออ่อนแอลง ทำให�ผู้ เล่นมีอาการปวดหลังและเป็นอุปสรรคต่อระบบการ ทำงานของร่างกายและสมอง ท่านั�งข้องดันแคน ดันแคนใช่�หลักการในการนั�งเช่่นเดียวกับเซึ่โกเวีย เขาได�อธัิบายเกี�ยวกับท่านั�งทีดต�องมีความคล่องแคล่ว มากกว่าการไมมีปฏกริยาใด ๆ ไมว่าผู้�เล่นจะใช่�ท่านั�ง อะไรก็ตาม ผู้�เล่นควรให�ความสมดุลในการใช่�พลังงาน สำหรับพ่�นฐานของท่านั�งและถ่อกีตารนั�น ผู้�เล่นต�องเก่�อ หนุนกีตาร์โดยให�มจุดทีสัมผู้ัสระหว่างผู้�เล่นกับตัวกีตาร ด�วยกันสีจุด ค่อ หน�าอก ด�านบนของขาซึ่�าย ด�านใน ของต�นขาขวา และปลายแขนขวา ท่านั�งในลักษณะนี ทำให�เกิดความสมดุลระหว่างผู้�เล่นกับกีตาร์ซึ่�งตั�งอยู่ ตรงกึ�งกลางของผู้�เล่น อีกทั�งยังช่่วยให�การทำงานของ ข�อม่อซึ่�าย ข�อม่อขวา ข�อศอก และหัวเข่าทั�งสองข�าง อยู่ในท่าที�เตรียมพร�อมสำหรับการเล่นได�เป็นอย่างด ดันแคนใช่�ขาด�านซึ่�ายและด�านขาขวาช่่วยยึดลำ ตัวกีตาร์เพ่�อให�เกิดความมั�นคงในการเล่นกีตาร โดย ให�ปลายเท�าขวาด�านหน�าสัมผู้ัสทีพ่�น และเล่�อนต�นขา ซึ่�ายให�ประช่ิดลำตัวของกีตาร์ให�มากพอเพ่�อไม่ให�กีตาร เล่�อนไปมาได� นอกจากนียังบรรเทาแรงกดของปลาย แขนด�านขวาที�กดลงบนตัวกีตาร และช่่วยให�ผู้�เล่นม ท่านั�งที�เหมาะสมสำหรับการเล่นกีตาร ต่างจากการนั�ง ในลักษณะที�ขาทั�งสองข�างกางออกไปซึ่�งดผู้ิดปกต วธั นั�งแบบกีตาร์คลาสสิกช่่วยให�ม่อซึ่�ายมีความสะดวกใน การใช่�งาน คอกีตาร์จะเอียงเข�าไปทางด�านซึ่�ายม่อของ ผู้�เล่น (Duncan, 1980, p. 10) ดันแคนให�เหตผู้ลในกรณถ�าผู้�เล่นเอียงคอกีตาร์เกิน แนวเส�นขนาน (ดูในภาพท ๑๕) จะส่งผู้ลให�ม่อซึ่�าย และแขนซึ่�ายมีพลังลดน�อยลง และยังเป็นอุปสรรคต่อ การหาตำแหน่งเฟัรตบนฟัิงเกอร์บอร์ด สำหรับระดับ ความสูงต�ำของคอกีตารนั�น ดันแคนแนะนำให�คอกีตาร ทำมุมกับพ่�นในแนวราบประมาณ ๓๐-๓๕ องศา เพ่�อ ทำให�การเล่�อนนิ�วม่อซึ่�ายง่ายขึ�นโดยเฉพาะขาขึ�น ถ�าคอ กีตารสูงกว่าที�กำหนดไว�จะก่อให�เกิดความยากลำบากใน การเล่�อนนิ�วม่อซึ่�าย เปรียบเหม่อนการไต่เขาทีสูงช่ัน สำหรับการปรับระดับความสูงต�ำที�วางเท�านั�น ขึ�นอยู่ กับระดับสูงต�ำของเก�าอี ถ�าเก�าอีต�ำที�วางเท�าควรปรับ ระดับให�ต�ำ และถ�าเก�าอีสูงที�วางเท�าควรปรับระดับให� สูง ถ�าผู้�เล่นมีขนาดลำตัวของร่างกายค่อนข�างยาว ควร ปรับระดับที�วางเท�าให�สูงขึ�น ในทางตรงกันข�าม ผู้�เล่น ทีมีลำตัวของร่างกายสั�น ควรปรับระดับที�วางเท�าให�ต�ำ ลง เช่่นเดียวกับไรอัน ดันแคนแนะนำให�ผู้�เล่นนั�งตัวตรง โดยให�กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตั�ง ให�หลีกเลี�ยงการกด น�ำหนักที�ปลายแขนขวา และใช่�ขาทั�งสองข�างกับลำตัว ของผู้�เล่นเก่�อหนุนท่านั�งและการถ่อกีตาร ภาพที ๑๕ (ที�มา: Duncan,
การยศาสตร ในปลายคริสต์ศตวรรษที ๒๐ ได�มีความพยายาม ศึกษาท่านั�งและการถ่อกีตาร์เพ่�อหลีกเลี�ยงอาการบาดเจ็บ ต่าง ๆ ที�เกิดขึ�นกับผู้�เล่นกีตาร โดยการนำเอาหลักการ ยศาสตร์มาประยุกต์ใช่�ในการเล่นกีตาร์เพ่�อลดผู้ลกระทบ กับผู้�เล่นในระยะยาว การเล่อกใช่�อุปกรณ์เสริมเพ่�อ ใช่�แทนม�าสำหรับรองเท�าเป็นอีกทางเล่อกหนึ�ง ซึ่�ง สามารถหาซึ่่�อได�จากเว็บไซึ่ตต่าง ๆ ที�อยู่ในหมวดหมู่ ของ Guitar Support ในแต่ละช่นิดของอุปกรณ์เสริม มลักษณะที�แตกต่างกันไปขึ�นอยู่กับความถนัดใช่�ของ ผู้�เล่น นอกจากนี การเล่อกใช่�เก�าอีนั�งที�เหมาะสมใน การเล่นกีตารจึงเป็นปัจจัยที�สำคัญ เพราะเป็นส่วนหนึ�ง ของเทคนิคการเล่นกีตาร์ซึ่�งถูกมองข�ามไปโดยความไม เข�าใจถึงผู้ลที�ได�รับ เพราะฉะนั�นการเล่อกใช่�เก�าอีนั�งที เหมาะสมกับสรีระของผู้�เล่นรวมกับท่านั�งทีดีจะส่งผู้ล ให�การเล่นมีประสิทธัิภาพทีดีและลดอาการเม่�อยล�าต่าง ๆ คำว่า Ergonomics มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ซึ่�งประกอบด�วยคำ ๒ คำ ค่อ “ergos” หมายถึง การ ทำงาน หร่องาน (Work) และคำว่า “nomos” หมายถึง กฎแห่งธัรรมช่าต หร่อวช่า (Laws) ซึ่�งจากความหมาย ของคำกรีกสองคำนี เออร์กอนอมิกส จึงหมายถึง การ ศึกษาทางวิทยาศาสตรที�เกี�ยวข�องกับความสัมพันธั
1980, p. 10)
Aguado, D. (1981). New guitar method. London: Tecla Editions. Bobri, V. (1972). The Segovia technique. New York: Macmillan.
Category: Carcassi, Matteo. (n.d.). Retrieved May 9, 2015, from http://imslp.org/wiki/Category:Carcassi,_Matteo.
Coelho, V. (1997). Performance on lute, guitar, and vihuela: Historical practice and modern interpretation. Cambridge: Cambridge University Press.
Cox, P. W. (1978). Classic guitar technique and its evolution as reflected in the method books ca. 1770-1850 (7909683). Available from ProQuest Dissertations & Theses Global. (302880342). Retrieved from http://sear ch.proquest. com/ docview/302880342?accountid=46528.
Duarte, J. (1975). The bases of classic guitar technique. Borough Green, Eng.: Novello.
Duarte, J., & Zea, L. (1978). The guitarist’s hands. Australia: Universal.
Duncan, C. (1980). The art of classical guitar playing. Princeton, N.J.: Summy-Birchard Music.
Escuela de guitarra (Aguado, Dionisio). (n.d.). Retrieved May 9, 2015, from http://imslp.org/wiki/Escuela_de_guitarra_ (Aguado,_Dionisio).
Evans, T., & Evans, M. (1977). Guitars: Music, history, construction and players from the Renaissance to rock. New York: Paddington Press.
Glise, A. (1997). Classical guitar pedagogy: A handbook for teachers. Pacific, MO: Mel Bay Publications.
Molino, F. (1814). Nouvelle méthode complette pour guitare ou lyre: Dédiée à madame la Duchesse de Dalberg. Paris: Gambaro.
Mooman, L. J. (2010). Key factors that contributed to the guitar developing into a solo instrument in the early 19th century. Retrieved May11, 2015, from http://hdl.handle.net/2263/27160.
Nuevo método para guitarra (Aguado, Dionisio). (1843). Retrieved May 11, 2015, from http://imslp.org/wiki/Nuevo_ método_para_guitarra_(Aguado,_Dionisio)
Parkening, C., & Marshall, J. (1999). The Christopher Parkening guitar method: The art and technique of the classical guitar. (Rev. ed.). Milwaukee, Wis.: Hal Leonard Corporation.
Pujol, E., & Ophee, M. (1983). Guitar school: A theoretical-practical method for the guitar based on the principles of Francisco Tárrega: Books one & two. Boston: Editions Orphée.
Quine, H. (1990). Guitar technique: Intermediate to advanced. Oxford: Oxford University Press.
Ross, L. G. (2009). The development of right hand guitar technique with reference to sound production. Retrieved May 11, 2015, from http://hdl.handle.net/2263/27710.
Ryan, L. (1984). The natural classical guitar: The principles of effortless playing. Englewood Cliffs, N.J.: Prentice-Hall.
Sor, F. (2007). Sor’s method for the Spanish guitar. Mineola, N.Y.: Dover.
Sparks, P. (2002). The Guitar and its Music: From the Renaissance to the Classical Era. Oxford Early Music Series. Oxford University Press.
Tennant, S., & Gunod, N. (1995). Pumping nylon: The classical guitarist’s technique handbook. Van Nuys: Alfred Publishing.
Turnbull, H. (1974). The guitar, from the Renaissance to the present day. New York: C. Scribner’s Sons.
Tyler, J. (1980). The early guitar: A history and handbook. London: Music Dept., Oxford University Press.
Tyler, J., & Sparks, P. (2007). The guitar and its music from the Renaissance to the classical era. Oxford: Oxford University Press.
57 ระหว่างคนกับสภาพแวดล�อมในการทำงาน คำ ว่า เออ ร์กอนอ มิก ส ห ร่ อการยศาสต ร (Ergonomics) ซึ่�งเป็นคำศัพททีนิยมใช่�เรียกกันใน ประเทศยุโรปและภมิภาคอ่�น ๆ ของโลกนั�น มีความ หมายเช่่นเดียวกับคำว่า วิศวกรรมมนุษย ปัจจัย (Human Factors Engineering) ซึ่�งเป็นคำทีนิยมใช่� กันในประเทศสหรัฐอเมริกา (บุตร กาเด็น, ๒๕๔๔: ๖) เน่�องจากการศึกษาหร่อการวจัยที�เกี�ยวข�องกับ ท่านั�งและการถ่อกีตารยังไมมีบริบทใด ๆ ที�สามารถ สรุปได�ว่าการใช่�อุปกรณ์เสริมสามารถช่่วยลดอาการ เม่�อยล�าหร่ออาการบาดเจ็บเร่�อรังที�เกิดขึ�นจากการเล่น กีตาร์ได� ผู้�เล่นควรศึกษาและค�นคว�าเพ่�อหาข�อมูลเพิ�ม เติมเกี�ยวกับสมรรถภาพทางร่างกายโดยใช่�เหตผู้ลทาง การยศาสตร์เพ่�อเป็นแนวทางให�ผู้�เล่นสามารถปรับปรุง เทคนิคการเล่นกีตาร์ให�ง่ายต่อการปฏบติการ ลดข�อ ผู้ิดพลาด และเพิ�มประสิทธัิภาพในการเล่นให�ดยิ�งขึ�น บรรณานุกรม บุตร กาเด็น. (๒๕๕๔). กิารัอิ่อิ่กิแบบเชิงกิารัยศิาสุตรัสุำหรัับเกิ้าอิ่ีน์ั�งเรัียน์ (รายงานการวจัย).
เช่ียงใหม่: มหาวิทยาลัยนอร์ท-เช่ียงใหม่.
าย ด�วยคำว่า “International Guitar Competition” ซึ่�งช่่�อของ Pittaluga นั�นก็มาจากช่่�อของบุคคลสำคัญทาง ประวติศาสตร์เช่่นเดียวกันกับหลาย ช่่�อข�างต�น
“Michele Pittaluga Inter national Classical Guitar Competition” (ช่่�อแบบดั�งเดิมตาม ต�นฉบับภาษาอิตาเลียนค่อ “Concorso Internazionale di Chitarra Classica Michele Pittaluga”) จัดขึ�นครั�งแรก เม่�อปีคริสตศักราช่
58 CLASSICAL GUITAR เรื่อง: ชินวัฒน เต็มค�าขวัญ (Chinnawat Themkumkwun) ศิลปินกีตาร์คลาสสิกชาวไทยในระดบูนานาชาต ศิษย์เก่าวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล เทศกาลักีตารคีลัาสัสัิกระดับโลัก ตอนที ๒ “Michele Pittaluga International Guitar Competition 2022” งานแข้่งข้ันกีตารคีลัาสัสัิกที�เก่าแกทีสัุดในประเทศอิตาลั ปณ์ธ์านจากรุ่นสั่รุ่น ในหลาย ๆ ครั�ง ช่่�อของงาน แข่งขันหร่อเทศกาลกีตาร์คลาสสิกนั�น ได�รับแรงบันดาลใจมาจากช่่�อของคีต กวีหร่อบุคคลสำคัญทางประวติศาสตร ยกตัวอย่างเช่่น Andrés Segovia (ศิลปินกีตาร์คลาสสิกช่าวสเปน) Francisco Tárrega (คีตกวช่าว สเปน) Miguel Llobet (คีตกวช่าว สเปน) Christopher
(ศิลปินกีตาร์คลาสสิกช่าวอเมรกัน)
กีตาร์คลาสสิกคนสำคัญในประเทศ เยอรมนี) ช่่�อเหล่านี�จะต่อท�
Parkening
JoAnn Falletta (วาทยกรช่าว อเมรกันและนักกีตาร์คลาสสิก) Hubert Käppel (ศาสตราจารยด�าน
โอกาสการก่อตั�งเม่อง
๘๐๐ ป โดยผู้ริเริ�มนามว่า Dr. Michele Pittaluga
ผู้�ซึ่�ง เป็นนักวช่าการด�านดนตรีจากเม่อง อาเลสซึ่านเดรีย อดีตผู้�อำนวยการ มหาวิทยาลัยดนตร Conservatory Antonio Vivaldi จนถึงปีคริสตศักราช่ ๑๙๘๒ และเป็นผู้ก่อตั�งภาควช่ากีตาร คลาสสิกที�มหาวิทยาลัยแห่งนี ซึ่�งใน ภายหลังได�กลายเป็นมหาวิทยาลัย ดนตรีประจำเม่อง การประกวดใน อดีตใช่�ช่่�อว่า International Guitar Competition “City of Alessandria” *Antonio Vivaldi (1678-1741) โลโก�งานประกวดอย่างเป็นทางการ
๑๙๖๘ เน่�องใน
Alessandria (อาเลสซึ่านเดรีย) ครบรอบ
(1918-1995)
59 เปน์คีตกิวีชาวอิ่ิตาเลิ่ียน์คน์สุำคัญ ใน์ดน์ตรัยุคบาโรักิ (Baroque) ทัี เขียน์บทัเพลิ่งใหกิับลิ่ทั (Lute) ซึ่�ง เปน์บรัรัพบรัษ์ขอิ่งกิีตารั์คลิ่าสุสุกิใน์ ปจิจิบน์ บทัเพลิ่งทัี�โด่งดังใน์วงกิารั กิีตารั์คลิ่าสุสุกิค่อิ่บทัเพลิ่ง Lute Concerto in D Major, RV93 อาเลสซึ่านเดรีย เป็นเม่องเล็ก ๆ ในประเทศอิตาล ตั�งอยู่ในแคว�น Piedmont ห่างจากเม่องมิลาน (Milano Centrale) ประมาณหนึ�ง ช่ั�วโมงสำหรับการเดินทางด�วยรถไฟั เม่องก่อตั�งขึ�นอย่างเป็นทางการใน ปีคริสตศักราช่ ๑๑๖๘ ผู้่านร�อน ผู้่านหนาวมามากมาย ไมว่าจะเป็น สงครามการต่อสู การถูกยึดและการ ถูกคุกคามรุกราน จนในทีสุดก็ได�รับ เอกราช่และกลายเป็นเม่องเล็ก ๆ Dr. Michele Pittaluga (1918-1995) ผู้ก่อตั�งงานประกวด มหาวิทยาลัยดนตรี Antonio Vivaldi สถานทีจัดการประกวด
60 บรรยากาศเก่าแก่เต็มเปี�ยมไปด�วย อารยธัรรม ในการประกวดครั�งแรกนั�นได�รับ เกียรติจากนักกีตาร์คลาสสิกผู้ยิ�งใหญ อย่าง Andrés Segovia (18931987) และในการประกวดครั�งที ๒ ถึงครั�งที ๔๐ ได�มีการเปลี�ยนหัวหน�า คณะกรรมการเป็น Alirio Díaz (1923-2016) นักกีตาร์คลาสสิกคน สำคัญช่าวเวเนซึู่เอลา ผู้�ซึ่�งเป็นผู้�ช่่วย สอนของ Segovia ที�สถาบันดนตร Accademia Musicale Chigiana แห่งเม่อง Siena (สถาบันแห่งนี�เป็น อีกหนึ�งในสถาบันดนตรีเก่าแก่และ สำคัญในวงการดนตรีคลาสสิกโลก) ในปัจจบันหน�าทีนี�ได�ถูกส่งต่อในรูปแบบ ของ Artistic Director มายัง Marco Tamayo นักกีตาร์คลาสสิก ช่าวคิวบาและศาสตราจารยด�าน กีตาร์คลาสสิกแห่งมหาวิทยาลัย ดนตรีโมสาร์ท (Mozarteum) เม่อง Music Competitions เม่องเจนีวา ประเทศสวิตเซึ่อร์แลนด และได�รับ การยอมรับจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให�เป็นงานประกวด กีตา ร์คลาส สิก ที�เ ก่าแ ก ที สุดใน ประเทศอิตาล (ครบรอบ ๕๔ ป ในปีคริสตศักราช่ ๒๐๒๒) และหนึ�ง ในงานประกวดกีตาร์คลาสสิกที�เก่า แกทีสุดในโลกรองจากงาน Tarrega International Guitar Competition เม่องเบนิกาซึ่ิม ประเทศสเปน (๕๕ ปี) และงาน Tokyo International Guitar Competition ที�กรุงโตเกียว ประเทศญีปุ�น (๖๕ ปี) งานประกวด Pittaluga ขึ�นช่่�อ ในเร่�องของความยากเป็นอันดับต�น ๆ ของโลก ไมว่าจะเป็นโปรแกรมบทเพลง แสดงเดี�ยวทีมีความยาวมากกว่า หนึ�งช่ั�วโมง ทียังไมนับรวมบทเพลง คอนแช่ร์โตที�บรรเลงร่วมกับวง ออร์เคสตรา บทเพลงบังคับสองเพลง ป้ายสถานีรถไฟัเม่องอาเลสซึ่านเดรีย ซึ่�งเป็นเม่องทีจัดการแข่งขันตลอดระยะเวลามากกว่า ๕๔ ป ซึ่าลซึ่์บวร์ก ประเทศออสเตรีย และ มหาวิทยาลัยด�านศิลปะการแสดง แห่งกรุงเบอรลิน ประเทศเยอรมน ภายหลังจากการล่วงลับของ Dr. Michele Pittaluga ในวันที ๑๙ มถุนายน ค.ศ. ๑๙๙๕ การ ประกวดจึงได�เปลี�ยนช่่�อเป็น Michele Pittaluga
Competition
Alessandria” เพ่�อเป็นเกียรติใน ฐานะผู้ก่อตั�ง การประกวดดำเนิน การต่อด�วยทายาททั�งสาม ประกอบ ด�วย Maria Luisa, Micaela และ Marcello โดย Micaela รับหน�าที เป็นผู้�บริหารจัดการในส่วนของงาน ประกวด Marcello รับหน�าที�เป็น เลขานุการของคณะกรรมการใน แต่ละชุ่ด ในปีคริสตศักราช่ ๑๙๘๑ การ ประกวดได�เข�าร่วมเป็นสมาช่ิกของ World Federation of International
International Guitar
“Prize of the city
61 ภาพประวติศาสตร์ในอดีต ที�ไม่อนุญาตให�ดูโน�ตเพลงระหว่าง บรรเลง (โดยส่วนใหญ่บทเพลง บังคับจะอนุญาตให�เปิดโน�ตเพลงได� เน่�องจากเวลาที�จำกัดของการฝัึก ซึ่�อม) ทางงานใช่�คำว่า “Play by heart” เล่นด�วยหัวใจ ซึ่�งหมายความ ว่า ไม่ใช่่แค่จำบทเพลงอย่างเดียว แตต�อง “เล่นด�วยใจ” ในแต่ละป งานประกวดจะม หัวข�อของงานที�แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญมักเป็นการรำลึกถึงคีตกว ผู้ล่วงลับหร่อแสดงความยกย่องคีต กวทียังมช่วิตอยู่ สำหรับในปีคริสต ศักราช่ ๒๐๒๒ ได�จัดขึ�นในหัวข�อ “Tribute to Nikita Koshkin” นัก สามพีน�อง Pittaluga ประกอบไปด�วย Maria-Luisa, Marcello และ Micaela (จากซึ่�ายไปขวา)
62 กีตาร์คลาสสิก คีตกวช่าวรัสเซึ่ีย ผู้ เขียนวรรณกรรมกีตาร์คลาสสิกสมัย ใหมช่ิ�นสำคัญมากมาย การประกวดงาน Pittaluga ใน ปัจจบันประกอบไปด�วยทั�งหมดสาม รอบการแข่งขัน ดังต่อไปนี ๑. รัอบัคััดเลือก (Preliminary Round) ผู้�เข�าประกวดจะต�องบรรเลง บทเพลงความยาวรวม ๒๐-๒๒ นาท โดยบรรเลงจากความจำทั�งหมดและ จะต�องบรรเลงบทเพลงบังคับหนึ�ง เพลงที�เปลี�ยนไปในแต่ละป (บทเพลง บังคับในรอบคัดเล่อกมักเป็นบทเพลง สั�น ๆ) โดยในปีคริสตศักราช่ ๒๐๒๒ ค่อบทเพลง Etude op. 6, no. 11 in E minor ประพันธั์โดย Fernando Sor (1778-1839) คีตกวกีตาร คลาสสิกช่าวสเปน ผู้�เป็นตัวแทน แห่งยุคคลาสสิกแห่งวรรณกรรม กีตาร์คลาสสิก โดยบทฝัึกบทนี�ได� ถูกคัดเล่อกโดย Andrés Segovia ให�เป็นบทฝัึกลำดับที ๑๗ ในหนังส่อ รวบรวมบทฝัึกสำหรับกีตาร์คลาสสิก ของ Fernando Sor (Estudio 17) ๒. รัอบัรัองชนะเลิศ (Semifinal Round) ผู้�เข�าประกวดทั�งหมด ๘ คน จะได�รับคัดเล่อกให�เข�าสู่การแข่งขัน รอบรองช่นะเลิศ โดยจะต�องบรรเลง บทเพลงความยาวรวม ๔๐-๔๓ นาท โดยบรรเลงจากความจำทั�งหมด ใน รอบนี�จะใช่�เพลงบังคับที�เปลี�ยนไปใน แต่ละปีตาม Theme ของงาน ในป คริสตศักราช่ ๒๐๒๒ ค่อบทเพลง Libera e Liber ประพันธั์โดย Nikita Koshkin (b. 1956) คีตกวช่าว รัสเซึ่ีย ซึ่�งเป็นบทเพลงที�ประพันธั สำหรับงานนี�โดยเฉพาะ โดยเพลง บังคับในรอบนี�จะส่งให�ผู้�เข�าแข่งขัน เพียงระยะเวลาไมกี�เด่อนก่อนการ ประกวด และจะได�รับหลังจากสมัคร ใบประกาศจากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เวทีการแข่งขันในรอบคัดเล่อกและรอบรองช่นะเลิศในมหาวิทยาลัย Antonio Vivaldi Nikita Koshkin คีตกวช่าวรัสเซึ่ีย ผู้�เขียนเพลงบังคับในปนี
63 ถ่ายรูปร่วมกับ Micaela Pittaluga ผู้�สานต่อปณธัาน ของผู้ก่อตั�ง ประกาศช่่�อผู้�เข�าแข่งขันรอบคัดเล่อกทียังคงใช่�ระบบตัดแปะ และเขียนลำดับการแข่งขันด�วยลายม่อ Marcello Pittaluga เลขานุการของเหล่าคณะกรรมการ ปัจจบันเป็นเภสช่กรเปิดร�านขายยาที�เม่องอาเลสซึ่านเดรีย สถาปัตยกรรมกีตารตัวใหญ่แห่งเม่องอาเลสซึ่านเดรีย กีตาร์อยู่ทุกที�ในเม่องอาเลสซึ่านเดรีย เล่นกีตาร์ในใจกลางเม่องอาเลสซึ่านเดรีย
64 เข�าแข่งขันแล�วเท่านั�น ๓. รัอบัชิงชนะเลิศ (Final Round) ผู้�เข�าประกวด ๓ คน จะได�รับ คัดเล่อกเข�าสู่รอบช่ิงช่นะเลิศ โดย จะต�องบรรเลงบทเพลงคอนแช่ร์โต ร่วมกับวงออร์เคสตรา โดยในป คริสตศักราช่ ๒๐๒๒ ค่อบทเพลง Fantasie para un gentilhombre for guitar and orchestra และ บทเพลง Concierto de Aranjuez ประพันธั์โดย Joaquín Rodrigo (1901-1999) คีตกวช่าวสเปน การประกวดทั�งสามรอบจะเปิดสู่ สาธัารณช่นและสามารถเข�าช่มการ แข่งขันได� สำหรับรอบช่ิงช่นะเลิศจะ มีการถ่ายทอดการแข่งขันผู้่านทาง ออนไลนอีกด�วย สำหรับรางวัลของงานประกวด Pittaluga ในปัจจบัน สำหรับผู้�ได� รับรางวัลช่นะเลิศประกอบไปด�วย เงินรางวัล ๑๒,๐๐๐ ยูโร สัญญา บันทึกเสียงกับค่ายเพลง Naxos และคอนเสร์ตทัวร์ในประเทศอิตาล และประเทศอ่�น ๆ ในยุโรป สำหรับ อันดับที�สองจะได�รับเงินรางวัล ๓,๐๐๐ ยูโร และอันดับที�สาม ๒,๐๐๐ ยูโร ตามลำดับ สำหรับผู้�เข�ารอบรองช่นะ เลิศจะได�รับการสนับสนุนค่าเดินทาง จำนวน ๒๐๐ ยูโร การประกาศผู้ลในแต่ละรอบ ของงาน Pittaluga จะมีความพิเศษ ในสไตล์แบบอนรักษ์ความดั�งเดิม เป็นอย่างมาก ไมว่าจะเป็นการใช่� กระดาษตัดแปะช่่�อผู้�เข�าแข่งขัน การ เขียนลำดับการแข่งขันด�วยลายม่อ การประกาศผู้ลในรอบแรกและรอบ รองช่นะเลิศนั�น ใช่�การปิดประกาศ บนกำแพงแบบไมต�องลุ�นให�ใจสั�น ยกเว�นในรอบช่ิงช่นะเลิศจะประกาศ ช่่�อผู้�เข�าแข่งขันทีละคนบนเวทีหลัง จากจบการแสดงรอบช่ิงช่นะเลิศ Alirio Diaz หัวหน�าคณะกรรมการในยุคแรก ๆ Andrés Segovia นักกีตาร์คลาสสิกคนสำคัญ ผู้�สนับสนุนงานแข่งในช่่วงที เขายังมช่วิตอยู่
65 ผู้�เข�าประกวดที�เคยได�รับรางวัล จากงานแข่งขันกีตาร์คลาสสิกนานา ช่าติในรายการสำคัญจะได�รับการ สนับสนุนทีพักโดยครอบครัวอุปถัมภ (Host Family) ตลอดระยะเวลาการ เข�าร่วมกิจกรรม โดยส่วนใหญมักเป็น เคร่อข่ายผู้องเพ่�อนของครอบครัว Pittaluga ผู้�เข�าประกวดที�ทำเร่�อง ขอพักอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ จะได�รับการจัดบ�านแบบสุ่ม เป็น อีกหนึ�งเสนห์ของงานประกวดกีตาร คลาสสิกในยุโรปบางงานทีมักมีการ จัด Host Family ให�แก่ผู้�เข�าแข่งขัน ผู้�เข�าแข่งขันที�ไม่สามารถทำผู้ล งานเข�าไปถึงรอบช่ิงช่นะเลิศจะได�รับ โอกาสในการเปิดการแสดงตามสถาน ทีต่าง ๆ ทั�วเม่องอาเลสซึ่านเดรีย ไมว่าจะเป็นบ�านพักคนช่รา สถานรับ เลี�ยงเด็ก สถานศึกษา สถานพยาบาล และตามถนนคนเดินใจกลางเม่อง สำหรับผู้ที�เข�ารอบช่ิงช่นะเลิศ ๓ คน จะเป็นวันที�ได�เข�าร่วมฝัึกซึ่�อม กับวงออร์เคสตราก่อนวันแสดงจริง ถ�ากรุงโรมไม่สามารถสร�างเสร็จ ได�ภายในวันเดียว เฉกเช่่นเดียวกัน กับงานกีตาร์คลาสสิกที�กว่าจะเป็น งานระดับโลกได� ล�วนแต่ใช่�ระยะเวลา อันยาวนาน เพ่�อพสูจน์ปณธัานอัน แน่วแนทีส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น งานแข่ง Michele Pittaluga International Guitar Competition จึงเป็นตัวแทน แห่งประวติศาสตรอันเก่าแก่แห่งวงการ กีตาร์คลาสสิกโลก ทีบุคคลสำคัญใน วงการกีตาร์คลาสสิกในอดีตจนถึง ปัจจบันมากมายได�มีโอกาสไปสัมผู้ัส ซึ่ึมซึ่าบบรรยากาศ ณ สถานที�แห่งนี และนีกค่องานประกวดกีตาร์คลาสสิก นานาช่าติระดับโลก ตัวแทนจาก ประเทศอิตาล ซึ่�งเต็มเปี�ยมไปด�วย อารยธัรรมเก่าแก งานระดับโลกใน วงการกีตาร์คลาสสิกยังไม่หมดเท่า นี ผู้�เขียนจะพาข�ามน�ำข�ามทะเลไป ยังดินแดนแห่งไหน โปรดติดตามได� ในตอนต่อไป
Marco Tamyo, Artistic Director คนปัจจบัน
The gift of musicEvgeny Kissin
This pianist was born in a Jewish family in the Soviet Union in the 1970s. At the age of 4, he could play Tchaikovsky, Chopin, and Liszt without reading music but only with his amazing memory; at the age of 11, he held his first piano recital; at the age of 14, he began to perform in Western Europe and Japan and became widely respected. In 1987, the well-known conductor Herbert von Karajan personally invited him to perform at his mansion. Karajan shed tears after listening to his playing. In 1992, he won a Grammy Award in the United States, and was also invited to perform live at the Grammys. He is the international pianistEvgeny Kissin.
Kissin was born into a Jewish family in Moscow in October 1971, a month after the death of former Soviet reformist leader Khrushchev. Although it had been seven years since Khrushchev
resigned, his criticism of “Stalinism” during his ruling period created a relaxed artistic environment where a large number of cultural artists were lifted and supported. Besides, in the early days of Leonid Brezhnev’s administration, the living standards and the political environment were improved. It made the Soviet Union’s literary and artistic atmosphere revive.
Kissin’s mother was a pianist. Once, when Kissin’s sister was playing a Bach Fugue, Kissin incredibly hummed the melody of the Fugue correctly. At that time, Kissin was only 11 months old. His family knew the kid was destined to become a piano master when he tapped the toy piano at the age of two. However, his mother didn’t let him go on the piano path so easily. She knew very well how hard the road to fame as a pianist was. At that time, his mother hoped that Kissin would become an engineer like his father.
However, Kissin’s mother changed her mind when she saw her son, who was only 4 years old, playing Tchaikovsky, Chopin, and Liszt without looking at the score. His family knew that nothing could stop him from becoming a pianist. His mother started teaching him to play the piano.
At the age of 6, Kissin got accepted by Gnessin State Musical College in Moscow, under the tutelage of Anna Pavlovna. At the age of 11, Kissin held his first piano recital, revealing his great musical techniques and musicality that were far beyond his age. The concert was a great success. Two years later, when he played two of Chopin’s piano concertos in the concert hall of the Moscow Conservatory of Music, some famous musicians were moved to tears when they heard his performance, saying that it was an angel performing. This concert made Kissin become more famous, he had become a well-known pianist all over the world. At the age of 14, Kissin began to perform in Western Europe and Japan and was widely acclaimed. In a concert in East Berlin, Erich Honecker, the last communist leader of East Germany, even said that without Kissin, this banquet would be absolutely a waste of time.
In 1987, the prestigious conductor, Karajan, invited Kissin to perform at his mansion. That day was his best performance ever, playing Chopin’s Fantasia in F minor. After the performance, the world-class conductor was moved to tears. Karajan’s wife even said that after marrying him for thirty years, she had never seen him so moved. After that, Karajan officially invited Kissin and the Berlin Philharmonic to perform in Austria and the Soviet Union. Although Karajan passed away a year later, their collaboration
66 THE PIANIST
Story: Yun Shan Lee (ยุน ชาน ลี) 4th Year Bachelor of Music Student College of Music, Mahidol University
made Kissin known internationally.
In 1989, Kissin began to record his musical albums. However, due to the domestic turmoil in the Soviet Union at that time, Kissin and his family left the Soviet Union and moved to the United States. He took only one year to sink the roots in the United States and achieve great success. In 1992, he won a Grammy Award in the United States. Four years later, Kissin moved to London with his family. In the United Kingdom, Kissin even became more popular.
Kissin is often labeled as an old romantic, and is seen as a
reproduction of the “golden age” in which the performer liberated the work and surpassed the composer with his own interpretation, but this oversimplifies Kissin’s music. Kissin never falls into any one of these categories. From the moment his career began, he has put seriousness and passion into his music, interpreting his playing with precision. What makes Kissin different is that his interpretation is unpretentious, yet ignites the quality of the music that is the deepest and most connotative. He is an artist who constantly improves himself, a man who never stops learning.
As one of the prime examples of the Russian music school, he is the star of this era. He has played the piano all over the world. His albums were sold out, and the audience became obsessed with his performance, clamoring for him to play an encore at the end of each concert. Kissin’s performance is exquisite. His piano skills combine his mother’s genius as a pianist and his father’s delicacy as an engineer. Kissin was born to be a pianist. He has his own purest and most natural way of expression. Although he plays with great skill, we could also feel that it is not only his playing, but also a natural part of his life.
67
Kissin played the piano at Carnegie hall.
Kissin at the Verbier Festival.
Kissin played the piano when he was young.
INTERVIEW เรื่อง: อรรถวิทย สิทธัรักษ (Attawit Sittirak) เจ�าหน�าที่ฝ่่ายการตลาดและประชาสัมพิันธั วิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล ยาห์ยี พััทธ์มน พัรห์โมปการ นักร้องนา I Hate Monday
69 ยาหย พัทธัมน พรหโมปการ หร่อทีทุกคนรูจักในตำแหน่งร�องนำ ของวงดนตร I Hate Monday บัณฑิต ป้ายแดงจากวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล วงดนตร New Generation ของค่ายเพลง White Music (GMM Grammy) ใคร ๆ หลายคนอยากจะมาเป็นศิลปินใน ค่ายนี เพราะมศิลปินทีมช่่�อเสียง มากมาย เช่่น เป๊ก ผู้ลิตโช่ค ป๊อบ ปองกูล ลุลา อะตอม ช่นกันต นิวจิ�ว Getsunova และอ่�น ๆ อีกมากมาย บัณฑิิตป้ายแดง เพิ�งจบการศึกษาจากวิทยาลัย ดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล สาขา Popular Music เอก Voice ตั�งแต่จบมาก็เป็นฟัรีแลนซึ่ สอนร�อง เพลง อัดเพลง คุมอัดเพลง ทำทุก อย่างเลยที�เรามีความสามารถไป ทำได� นี�เร่�องจริงนะ แตถ�าเป็นตาราง ที�แน่นอนก็จะเป็นสอนกับร�องเพลง แตร�องเพลงไม่ได�ร�องเยอะเพราะต�อง ร�องตอนกลางค่น และเรามีสอนเช่�า เดี�ยวจะต่�นไม่ไหว เริ�มรู้จักกับดนตรีได้อย่างไร? หยว่ากน่าจะเพราะได�ยินมา ตั�งแต่เกิด ทีบ�านหยีจะเปิดเพลง แล�วเราก็อยู่กับเพลงที�เขาเปิดกัน แล�วเรากร�องเพลงออกมาโดยไมรู ตัว ตั�งแตพูดไม่เป็นภาษา แตมีโน�ต ดนตรีออกมา ค่อพ่อเปิดคลิปวดีโอ ให�ดว่าหยร�องอะไรก็ไมรู เป็นโน�ตอยู่ กับเพลงนั�น แต่ไมมีคำ (แสดงว่า คัรัอบัคัรััวก็เห็็นถึึงคัวาม้สาม้ารัถึ ทางด�านน่�ในตััวห็ย่ - ท่ม้งานถึาม้) ใช่่ค่ะ ตั�งแต่อนุบาลหยกยังไมค่อยรู เร่�อง รู�แค่เราช่อบร�องเพลง พอเรา อยู่ประถมศึกษาปที ๑ อายุประมาณ ๖ ขวบ กช่อบร�องเพลงแล�ว กพูดรู เร่�องขึ�น รูสึกว่าอยากเรียนร�องเพลง แล�วพ่อแมก็อยากให�เราเรียนร�อง เพลงเหม่อนกัน แต่เขาตั�งกฎว่าให� หยีสอบได�เกรด ๔ ทุกวช่า ในตอน ป.๑ ถ�าได� จะให�หยีเรียนร�องเพลง เราก็เลยตั�งใจเรียนจนได�เกรด ๔ ทุก วช่าเลย คงเป็นครั�งเดียวในช่วิตที ทำได� แล�วเราก็ได�ไปเรียนร�องเพลง ที KPN ตอน ๖ ขวบ ยุคนั�นทีนีดัง มาก แล�วพอ ๗ ขวบ พ่อกขับรถ พามาดที�มหิดล หยีจำได�ว่าตอนนั�น ยังไม่เจริญเลย เหม่อนว่าตอนนั�น
บรรยากาศต่าง ๆ ดีมาก ๆ เลย ต�นไม�สีเขียว” ตอนนั�นยังเด็กมาก เราก็งง ๆ หน่อย แล�วก็กลายเป็น ว่า ม.๔ ได�เข�ามาเรียนทีนี ตามที คุณพ่อบอกไว�ตั�งแต ๗ ขวบ ก่อนจะเป็นนักเรียนดนตร พอโตขึ�นหยก็เริ�มมปัญหา ตอน นั�นหยีอยู่ ม.๓ ค่อหยีไม่ได�เก่งแค ร�องเพลง หมายถึงว่า ตอนนั�นเรา ช่อบเรียนวช่าการมาก แล�วรูสึกว่า คณิตศาสตรมีเหตผู้ลมาก ๆ ค่อแบบ เวลาคิดเสร็จแล�วได�คำตอบของช่วิต เสมอ ค่อเราเป็นคนช่อบอะไรทีมัน เป๊ะ ๆ แล�วคณิตศาสตรก็เป็นอะไร ที�เป๊ะทีสุดเลย ตอนนั�นกคุยกับคุณ
ม Seasons Change มั�ง พอมาด สถานที�แล�วคุณพ่อก็บอกว่า “เนี�ย เดี�ยว ม.๔ นะ หยีจะมาเรียนทีนี
70 พ่อว่า ลูกขอเวลาอีก ๓ ปีได�ไหม อยากสอบเข�าสัตวแพทย์อะไรแบบ นั�น หร่อคณะทีมันเกี�ยวกับช่ีววิทยา ตอนนั�นเราอยู่ ม.๓ ขอได�ไหม มัน แบบอินเนอร์แรง เรารูสึกว่าเราม ความสามารถพอ เราอยากเรียน สายวิทย เราไม่อยากเสียมันไป ตอน นั�นคิดว่าร�องเพลงร�องยังไงมันก็เก่ง เหม่อนเดิม มหาวิทยาลัยเราก็เข�า ได�อยู่ด อะไรอย่างนั�น ทะเลาะกับ คุณพ่อเลยนะ แล�วตอนนั�นคุณพ่อม เพ่�อนเป็นสัตวแพทย ก็เลยพาไปอยู่ ที�คลนิกสัตว์แพทย ๑ อาทิตย พอ เข�าไปอยู่วันแรกค่อผู้่าตัดทำหมัน สนัข แล�วสนัขตัวนั�นช่ีพจรหยุดเต�น แล�วเด็ก ม.๓ ปวดใจมาก แล�วอีกวัน สนัขถูกรถช่น ช่่วยช่วิตไว�ไม่ได� การ ทีพ่อทำแบบนั�นเหม่อนพ่อจะคิดใน ใจว่า ให�ไปเจอสถานการณ์จริงของ สัตวแพทย แต่เขาล่มคิดไปมั�งว่า หยยังเด็กอยู่เลย เพิ�ง ม.๓ แต่หย ก็เข�าใจนะ เพราะคุณพ่อจะเป็นคน เช่่�อในการปฏบติลงม่อทำเสมอกับทุก อย่าง เช่่น ห�องครัวไหม� กต�องรูว่า เกิดจากอะไร พอวันที ๔ หยีโทรหา แม่เลยว่าไม่ไหวแล�ว อยากกลับบ�าน จริง ๆ เราไม่ได�กลัวที�เกิดการผู้่าตัด มีเล่อดออกอะไรแบบนั�นนะคะ แต ว่ามันเศร�ากับการที�ไม่สามารถช่่วย ช่วิตสนัขได� หลังจากนั�นก็กลับบ�าน การที�เรากลับบ�านก่อนกำหนด เรา เหม่อนเป็นผู้�แพ�ในข�อตกลงนี เพราะ ฉะนั�นเราก็เลยต�องเข�ามาเรียนดนตร ตอน ม.๔ ทีวิทยาลัยดริยางคศิลป มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมอุดมดนตร พอเข�ามาเรียน ม.๔ ทีนี กต�อง ปรับตัวเข�ากับสภาพสังคม หยว่า เพ่�อนมีความหลากหลายมาก ตอน ที�เข�ามาใหม ๆ เรากลัวมาก หยีเคย โทรหาแม่เลยนะว่าหยีไม่เรียนทีนี แล�วได�ไหม แต่พอได�รูจักกับเพ่�อน จริง ๆ พอปรับตัวได�ก็เปิดโลก แล�ว กรูสึกว่าพอมันอยู่กับทุกคนที�เรียน ดนตรีเหม่อนกัน ก็เลยมีแรงผู้ลัก ดันที�แรงมาก ยกตัวอย่างเพ่�อนหย ช่่�อปิง เป็นม่อกลอง มันจะจองห�อง ซึ่�อมกลองในทุกครั�งทีว่าง หยีไม่เคย เจอกับมันเลย ยกเว�นว่ารอห�องซึ่�อม อยู่ เราก อ๋อ เธัอทำแบบนั�นเหรอ เดี�ยวฉันต�องทำเหม่อนเธัอนะ ความ เป็นจริงหยีเป็นคนขี�เกียจมาก ๆ เลยนะเม่�อเทียบกับเพ่�อน ๆ อย่าง เพ่�อนหยีหลาย ๆ คนทีมช่่�อเสียงใน วันนั�น หร่อเป็นนักดนตรีของศิลปิน ดัง ๆ อย่างกร (AUTTA) ตอนนั�นก ซึ่�อมตลอด ทุกคนก็จะมที�ของตัวเอง เพ่�อซึ่�อม แล�วพอเห็นทุกคนซึ่�อมเรา กต�องซึ่�อมด�วย มันเลยเก่งไปด�วยกัน เหม่อนเป็นแรงผู้ลักดันหมู่ มผู้ลกับ ช่วิตมาถึงตอนนี�เลยนะ ความประทับใจที�เตรียมอุดมดนตร ร�องประสานเสียง หน�าแถว ตอนเช่�า ค่อช่่วงเด่อนแรกยากมาก เลยค่ะ เราอ่านโน�ตไม่ได�คล่องขนาด นั�น เราเป็นนักร�องไม่ใช่่นักดนตร แต หลังจากนั�นช่อบมากเลย ไมรู�ทำไม มันดน่าเบ่�อ แล�วก็ไมรูว่าจะร�องทำไม เหม่อนกัน แตว่าช่อบ มันไม่ได�ร�อง เพลงเหม่อนเราต�องร�องเพลงสวย ๆ มันค่อต�องร�องให�ถูกและร�องให�ดัง แล�วพอเป็นกิจกรรมตอนเช่�า มัน ก็ทำให�เราต่�นตัวที�อยากจะไปเรียน
71 สิ�งต่าง ๆ และใช่�ช่วิตประจำวันเลย นะ ทำให�วช่าแรกที�เรียนในแต่ละวัน ไมง่วง บางคนก็คงคิดว่าทำไมต�อง มาร�องอะไรตอนนั�น แต่บางคนหย เห็นเขากตั�งใจดีนะ มันเหม่อนร�อง เพลงกับเพ่�อนไง แล�วเพลงที�เขา เอามาร�องก็ไม่ได�น่าเบ่�อตลอดเวลา I HATE MONDAY กค่อเพ่�อนเลยค่ะ ตั�งแต ม.๔ เลย เริ�มจากหยกับปิง เราสนิทกัน และอยากหาสมาช่ิกวงที�จะไปแข่ง ดนตร น่าจะเป็นงานของศิลปากร ตอนนั�นยังไมมีวง แบบมันค่อความ ใฝั�ฝัันหนึ�งในช่วิต ด�วยความทีห�อง ที�เราเรียนคนมันน�อย ก็เลยหันไป ช่วนเพ่�อนทีนั�งติด ๆ กัน ก็เลยได� มาเป็น I HATE MONDAY ม ยาหย ปิง มิค ฟัอร์ด โน ส่วนที�มาของช่่�อ วง ก็ตอนจะไปแข่งมันต�องส่งว่าจะ ใช่�ช่่�อวงว่าอะไร กคิดกันอยู่นาน แล�ว ปิงก็หาใน Google ว่า “ตั�งช่่�อวง” แล�วก็ไปเจอวงทีช่่�อ I Don’t Like Mondays พวกเราก็เลยรูสึกว่าช่อบ งั�นเรากตั�งช่่�อว่า I HATE MONDAY แล�วกัน ง่ายไหม แคนี�เลย Hotwave Music Awards 2017 ตอนนั�นเราอยู่ที BTS สยาม เราเห็นประกาศ เราก็สงสัยกันว่า กลับมามีการแข่งแล�วเหรอ แล�ว ตอนนั�นก็อยู่กับวงพอด เลยคุยกัน ว่าแข่งไหม หลังจากนั�นก็ไปซึ่�อม กัน แล�วกส่งคลิปไป แล�วก็เข�ารอบ ตามทีทุก ๆ คนได�เห็นกัน ในการ แข่งขันหลาย ๆ ครั�ง พอเข�ามารอบ ลึก ๆ ก็สนุกนะ ถ�าไม่ได�ทำที Hotwave ก็ไมรู�จะไปทำที�ไหนแล�ว อย่างเพลงเร่�องที�ขอ เป็นหนึ�งเพลง ในรอบ Semi-Final เราซึ่�อมกันไม ถึง ๕ รอบ แล�วเราก็แข่งเลย มัน เป็นสไตล์แจ๊ส แล�วก็ใสกันบนเวท เลย หยีอยากจะบอกว่าการแข่ง Hotwave Music Awards ทีผู้่าน มา หยีประทับใจในทุก ๆ รอบเลย นะ ในแต่ละสนามที�ไปแข่ง ในแต่ละ โรงเรียน รูสึกว่าเราโช่คดีมากเลยที ได�ไปเล่นในทีที�หลากหลาย ได�เจอ ผู้�คนเยอะ ๆ ได�ส่งความรูสึกผู้่าน บทเพลงไป หยีเลยช่อบทุกที�เลย ตอนนั�น เพราะทุกคนก็สนุกไปด�วย กันในแต่ละที แสงสุดท้าย เพลงนี�เป็นเพลงในรอบ SemiFinal เราซึ่�อมกันไม่เสร็จ จำได�ว่าต�อง ไป Soundcheck ตอนเช่�า แต่เที�ยง ค่น ตีหนึ�ง ยังซึ่�อมอยู่เลย ร่างกาย เราก็เลยไม่ไหว พอไปแข่งเหม่อนเรา เหน่�อยกันมามากแล�ว เลยทำให�เรา รวน ๆ ในการแข่ง ผู้ลลัพธั์เลยออก มาไม่เต็มที�เท่าไร White Music พอจบจากรายการ Hotwave Music Awards ในป ๒๐๑๗ ก ปล่อยเพลงหยดนี�ให�เธัอ กระแส ตอบรับค่อนข�างด กคุยกับหลาย ค่ายแล�วตอนนั�น White Music ก
72 มพีป๊อบ ปองกูล พี�โอ๊ต ปราโมทย เป๊ก ผู้ลิตโช่ค ลุลา Getsunova และศิลปินอ่�น ๆ อีกมากมาย ค่าย Genie Records ค่าย LoveiS ตอน นั�นก็เลยเล่อก White Music ปัญหาที�เกิดข้้�นหลังเป็นศิลปินภาย ใต White Music ที�ไมมีใครรู้ ต�องยอมรับว่าเม่�อเข�าไปในค่าย แล�ว เราเด็กกันมากนะ เพราะว่า เพิ�งจบมธัยมศึกษาปที ๖ มันไมรู วธัีการทำงานของศิลปินจริง ๆ ที เขาควรทำ ตอนนั�นยังไมมฟัอร์ด ธัรณินทร วิไลลักษณ (ม่อเบสของ วงตอนประกวด Hotwave Music Awards) พอไมมฟัอร์ดเหม่อนไมม ปาก ค่อหยีเป็นคนที�ไมช่อบพูดกับ คนเยอะมาก ด�วยนสัยส่วนตัว แต ถ�าเป็นงานที�หยต�องพูด หยก็จะพูด แต่พอไมมฟัอร์ดแล�วเหม่อนไมมตัว ส่�อสาร การทำงานของวงในช่่วง ๒ ปีแรกที�เราอยู่ใน White Music เราไมค่อยได�เจอกันเลย แบบงง เหม่อนกัน เป็นช่่วงเข�าป ๑ ด�วย แหละ เรียนกันคนละสาขา เหม่อน เจอกันแคนัดทำเพลง ปล่อยเพลง โพรโมต นัดถ่ายมิวสิกวดีโอ แคนั�น เลย เจอกันน�อยมาก แต่เราก็ไม่ได� รูสึกว่าต�องเจอกันบ่อยกว่านี ตอน นั�นเรายังเด็ก เราไมรูว่าต�องทำงาน อย่างไรในการเป็นวงดนตรม่ออาช่ีพ อย่างวงรุ่นน�องเรา ลิงรมย เขารูว่า ต�องทำงานอย่างไร วงเราในวันนั�น ไมรู�เลยว่ามันต�องเจอกันบ่อยหรอ แล�วเราต่างคนกมีงานของตัวเอง สุดท�าย ๒ ปีแรกกผู้่านไป มีเพลง ปล่อย ๑ เพลง ค่อเพลงปล่อยเธัอ ไป (Hide & Seek) กระแสตอบ รับก็ใช่�ได�อยู่ จนช่่วงไม่นานมานี ฟัอร์ดกลับมาในวง เรากมีการปรับ การทำงาน ประมาณว่าต�องเจอกันทุก อาทิตย แม�ว่าจะได�งานหร่อไมก็ตาม มีแผู้นงาน ดูแพลนงานว่าจะส่งงาน นี�เม่�อไหร่อย่างไร หยว่าส่วนหนึ�ง เป็นเพราะฟัอร์ดด�วย เพราะฟัอร์ด ช่่างคุย แล�วทุกคนก็โตขึ�น เราก็มา นั�งคุยกันว่าจะต่อสัญญาไหม แตก งงอีกเหม่อนเดิมว่าทำไมต่อที�เดิม ทั�ง ๆ ทีม connection ในการไปได� หลาย ๆ ค่ายเพลง ดีใจทีมฟัอร์ด กลับมา วันหนึ�งอยากจะเล่าให�ฟัังวัน ที�ไมมฟัอร์ดเพราะติดงานแล�ววงต�อง คุยงานกัน กคุยกันประชุ่มกันเอง ๖ โมงถึง ๔ ทุ่ม ปกตถ�าฟัอร์ดอยู่ ไมว่า
73 จะออกนอกเร่�องไปขนาดไหน ฟัอร์ด จะเป็นคนที�กลับเข�ามาเร่�องงานเร่�อง เพลงเสมอ แต่พอไมม ไปไหนไมรู ออกทะเลไปเลย ประ ทับใจเพลงไหน ข้ อง I HATE MONDAY ช่อบทุกเพลงนะ ช่อบทีสุดน่าจะ เป็น ปล่อยเธัอไป (Hide & Seek) เป็นเพลงที�เพราะมากสำหรับหยีนะ เพลงนี�หยีไม่ได�แต่งเอง ปิง ภัทรกร ธันภัคศิวการ (กลอง) เป็นคนแต่ง เรารูสึกว่าเป็นเพลงที�ฟัังแล�วรูสึกถึง บรรยากาศมาก ๆ แต่ไม่ได�รุนแรง รูสึกว่ามันเป็นคาแร็กเตอร์ของวงด อธัิบายไมถูกเหม่อนกัน เพลงที�แต่งเอง ยอดนักส่บ หยกรูสึกนะ แบบ ยุ่งจังเลย เอาเร่�องของป้าข�างบ�านมา เขียน วันนั�นหยีไปทีบ�านยาย แล�ว บ�านยายก็จะมป้าข�างบ�าน ค่อแบบ ป้าข�างบ�านในอุดมคติเลย มนุษยป้า กค่อแบบหยก็จะไปขึ�นรถนี�แหละ อ�าวยาหย แล�วก็เริ�มคำถาม ป้ารู โลกรู เดี�ยวป้าอีกข�าง ๆ บ�านก็ได� รู ค่อหยกรูสึกว่าเพลงนีมันเจ๋งด ค่อมันไม่ใช่่เพลงรักอ่ะ ค่อเพลงที อยู่ในตลาดที�เราฟัังกันจะเป็นของ ฉันและเธัอต่าง ๆ แต่เพลงนี�เป็น เร่�องของบุคคลที�สาม เป็นเพลงที คอนเทนตมันพิเศษด เป้าหมายในชวิต ถ�าในพาร์ทของ I HATE MONDAY จริง ๆ ป ๒๕๖๖ จะมอัลบั�ม ก็อยาก จะทำอัลบั�มให�ดทีสุดในทางของพวก เรา และจะพยายามอัปเดตโซึ่เช่ียลม เดียของตัวเอง ค่อตัวเองจะไมค่อย อัปเดตโซึ่เช่ียลมีเดียเท่าไร เวลาหย เล่นโซึ่เช่ียลแล�วจะเป็นโซึ่เช่ียลแพนิก ค่อเวลาเล่นมาก ๆ จะเครียด จะ ซึ่ึม แตก็จะลองดว่าเพ่�อน ๆ ในวง คนไหนเล่นได�บ�างก็จะพยายาม พอ โตขึ�นผู้ลงานกพัฒนาขึ�นเสมอแหละ ตอนนีก็เข�าร่องเข�ารอยขึ�นนะ มันไม เหม่อนเม่�อก่อนแล�ว ติดตามผลงาน ปีหน�าม อัลบั�มประมาณ ๕ เพลง อาจจะมผู้ลงานของนักเรียน ของยาหย เช่่นประกวดโน่นนั�นนี ฝัากติดตามผู้ลงานของลูก ๆ หย ด�วยนะคะ ติดตามผู้ลงานได�ทาง Instagram (yyayeeeee) ของหย แล�วกันค่ะ
74 MUSIC: DID YOU KNOW? เรื่อง: กฤตยา เชื่อมวราศาสตร (Krittaya Chuamwarasart) นักข่าวอิสระ ๖ คีีตกว กับผลังานที�มากกว่าดนตร Prokofiev: งานเข้ียนทีสัะท้อน พัรสัวรรคี์ทางดนตร Sergei Sergeyevich Prokofiev (๒๗ เม้ษายน ๑๘๙๑ - ๕ ม้กรัาคัม้ ๑๙๕๓) คีตกวีและนักเปียโนช่าวรัสเซึ่ีย ไม่เพียงสร�างผู้ลงานดนตรที�ยอด เยี�ยมและมช่่�อเสียงมาจนถึงปัจจบัน แตอีกสิ�งหนึ�งที�ทำให�เขาเป็นที�จดจำ กค่อ ความพยายามเป็น “นักเขียน” เขาเกิดในครอบครัวเกษตรกร เติบโตมาในหมู่บ�านเล็ก ๆ กับเพลง พ่�นบ�านที�จะมอิทธัิพลต่อเขาไปตลอด ช่วิต ทั�งยังมีบทบาทสำคัญในการ พลิกโลกดนตรีคลาสสิกให�ก�าวหน�า ไปอีกระดับอีกด�วย ในทีนี�เราจะไมพูดถึงงานเพลง แต จะเน�นไปที�งานเขียนของ Prokofiev ทีมีหลายประเภทจนเราเองก็แปลก ใจ ไมว่าจะเป็นเร่�องสั�นที�เขียนขึ�น หลายช่ิ�น ยังมีบทละครและบทร�อง สำหรับโอเปร่าที�ประพันธัขึ�นเองด�วย ไมนับรวมบทวิจารณ์และบันทึกที เขาเขียนอย่างสม�ำเสมอ ซึ่�งสะท�อน ให�เห็นสภาพสังคมในสมัยนั�น และ ทำให�เราเห็นอัจฉริยภาพทางดนตร ทีมสูงกว่าคนวัยเดียวกัน ตัวอย่างงานหนังส่อของเขา อาท Autobiography, Articles, Reminiscences (1965), Prokofiev by Prokofiev: A Composer’s Memoir (1979), Soviet Diary 1927 and Other Writings (1992) และ Selected Letters of Sergei Prokofiev (1998) ไม นับรวมบทความอีกนับ ๑๐ ช่ิ�น ความจริงจังในการถ่ายทอด ความรูสึกนึกคิด ความทรงจำ และ
75 สิ�งต่าง ๆ ที�อยู่ในใจออกมาเป็นตัว หนังส่อ ทำให�ในป ค.ศ. ๑๙๓๙ Prokofiev ได�เข�าเป็นสมาช่ิกของ Union of Soviet Writers และ ๒ ปีหลังจากนั�นกมผู้ลงานรวมเร่�องสั�น ตพิมพ์ออกมา เน่�องในโอกาสที�เขา อายุครบ ๕๐ ป โดยเน่�อเร่�องที�เขียน นั�นมทั�งเร่�องที�เกี�ยวกับเทพนิยาย เน่�อเร่�องเกี�ยวกับฮิีโร่-ตัวร�าย ที�ช่่วย เป็นบทเรียนและให�แงคิดเพ่�อให�เรา ได�เรียนรูอีกด�วย ขอยกตัวอย่างผู้ลงานเด่นทีน่าจะ อ่านง่าย-เข�าใจง่าย ที�แฟัน ๆ ของ Prokofiev ไม่ควรพลาด ๑. Peter and the Wolf หากพูดถึงการแนะนำให�เด็ก ๆ รูจักกับดนตรีคลาสสิก คงไมมวธั ไหนจะดีไปกว่านิทานดนตรีเล่มนี ที�เป็นเร่�องราวของเด็กช่ายตัวเล็ก ๆ (บรรเลงโดยกลุ่มเคร่�องสายในวง ออร์เคสตรา) ที�ได�รับความช่่วย เหล่อจากนก (บรรเลงด�วยเสียง ฟัลุต) กับหมาป�าตัวใหญ่แต่สมอง เล็กอันแสนดร�าย (บรรเลงด�วย เฟัรนช่ฮิอร์น) ซึ่�งแต่ละสำนักพิมพก ผู้ลิตออกมาหลายในเวอรช่ันที�แตกต่าง กัน บางสำนักพิมพก็มาพร�อมแผู้่น ซึ่ด ให�เด็ก ๆ สามารถเห็นภาพ รับ รู�เร่�องราว และได�ยินเสียงเพลงใน คราวเดียวกัน โดย Prokofiev ได�ประพันธั หนังส่อ (และดนตรี) เล่มนีขึ�นเม่�อ ค.ศ. ๑๙๓๖ เพ่�อแนะนำให�เด็ก ๆ ได�รูจักกับเคร่�องดนตรช่นิดต่าง ๆ ของวงออร์เคสตราว่ามีอะไรบ�าง โดย เล่าเร่�องผู้่านตัวละครของเด็กช่ายตัว น�อย นก เป็ด แมว คุณตา หมาป�า และนายพราน ซึ่�งเล่มนี�เป็นทีรักของ เด็กและผู้�ใหญ่หลายคนมานับสิบป ๒. Diaries 1907-1914: Prodigious Youth การจดไดอารีของ Prokofiev ทำให�เราพบว่านอกจากจะมีพรสวรรค ทางดนตรีแล�ว เขายังครุ่นคิดถึงสิ�ง ต่าง ๆ ที�เกิดขึ�นรอบตัวอย่างลึกซึ่ึ�ง สะท�อนว่าเขามีความอยากรู�อยากเห็น ต่อเหตุการณ์รวมทั�งช่วิตของบุคคล สำคัญในสังคมขณะนั�นเป็นอย่างมาก และช่่วงทีน่าสนใจเป็นพิเศษค่อทำให� เราทราบเร่�องราวและเหตุการณต่าง ๆ ที�เกิดขึ�นระหว่างเรียนดนตรที St. Petersburg Conservatoire ซึ่�งจะ ทำให�นักอ่านเห็นว่าเขาเป็นนักเรียน ทีช่อบใช่�พรสวรรค์ทางดนตรีของ ตัวเองในการเอาช่นะ แข่งขัน รวม ถึงกวนประสาททั�งเพ่�อน ๆ และ อาจารย จนทำให�มทั�งคน “ช่อบ” และ “ไมช่อบ” เร่�องราวต่าง ๆ ถ่ายทอดผู้่าน การเรียบเรียงและบอกเล่าอย่างตรง ไปตรงมา มช่วิตช่ีวา สะท�อนความ ลุ่มหลงและความทะเยอทะยานในการ เป็นดาวเด่นของแวดวงศิลปะ-ดนตร ในรัสเซึ่ียช่่วงก่อนเกิดสงคราม โดย ภาพปกหนังส่อ Peter and the Wolf ของเวอรช่ันป ค.ศ. ๑๙๖๙ ซึ่�งเด็กช่ายปีเตอร์สวมผู้�าพันคอสีแดง สัญลักษณ ของยุวช่นคอมมิวนิสต ในสมัยทีรัสเช่ียยังเป็นสหภาพโซึ่เวียต
https://www.britannica.com/ summary/Sergey-Prokofiev https://www.thriftbooks.com/a/ sergei-prokofiev/214880/ https://www.publishersweekly. com/pw/authorpage/sergeiprokofiev.html http://www.sprkfv.net/old/2003/ stories/sprkfstories.html
76 จะกล่าวถึงดนตร แรงบันดาลใจ การ สร�างสรรค และคอนเสร์ตเป็นส่วน ใหญ ซึ่�งทำให�เราเห็นภาพรวมของ ศิลปะ-วัฒนธัรรมของรัสเซึ่ียช่่วง ก่อนและหลังการปฏวติได�ช่ัดเจน ขึ�น ขณะเดียวกันก็ทำให�เห็นความ คิดสร�างสรรค์และเข�าใจการเกิด ขึ�นของดนตรีสมัยใหม ที�สำคัญ หนังส่อเล่มนียังถ่อเป็นหนังส่อที�ผู้ ช่่�นช่อบผู้ลงานของ Prokofiev ไม ควรพลาดอีกด�วย โดยก่อนหน�าที�จะมีการรวมเล่ม ออกมาเป็นหนังส่อ ไดอารีหร่อบันทึก ต่าง ๆ นั�นกระจัดกระจายไปตามเม่อง ต่าง ๆ ไมว่าจะเป็นแฟัลตในเปโตรกราด บ�านพักในสหรัฐอเมริกา กรุงปารีส เยอรมน และสหภาพโซึ่เวียต ๓. Soviet Diary 1927 and Other Writings เล่มนี�เป็นบันทึกที Prokofiev เขียนขึ�นตั�งแตป ค.ศ. ๑๙๒๗ ที�เขา เดินทางกลับมาบ�านเกิดค่อสหภาพ โซึ่เวียตเป็นครั�งแรก หลังจากหันหลัง ให�ประเทศบ�านเกิดแล�วไปใช่�ช่วิตใน ยุโรป-สหรัฐอเมริกาเม่�อ ๙ ปก่อน เล่มนี�ทำให�เราเห็นความกดดันและสิ�ง ที�คนเป็น
ต�องเผู้ช่ิญ ว่าเบ่�องหลังบทเพลงอัน สวยงาม ดนตรีแสนไพเราะ และ เร่�องราวอันจับความรูสึกและกระทบ จิตใจ กว่าจะถ่ายทอดออกมาได�นั�น ต�องเผู้ช่ิญกับความรูสึกที�เรายากจะ จินตนาการถึง นอกจากนี หนังส่อเล่มนียัง ทำให�สัมผู้ัสได�ถึงวัฒนธัรรมพ่�นเม่อง ที�แสดงออกผู้่านผู้ลงานอันเป็นสิ�งต�อง ห�ามในช่่วงที�คอมมิวนิสต์ปกครอง ทำให�เราเห็นพัฒนาการและความ สามารถทีก�าวล�ำคนวัยเดียวกัน อย่างมาก อ้างอิง
“นักแต่งเพลง-นักเปียโน”
หนังส่อรวมเล่มไดอารีในช่่วงวัยต่าง ๆ ของศิลปินดัง