Flowers never lean down

Page 1

ดอกไม้มเิ คยไหวเอน

Flowers never lean down Poetry By PunnaRee


Copyright

Blooming Flower

1/1 Moo 6 Saimoon Sankumphang Chaingmai 50130

bloomingflwer@gmail.com



ทรงตัวอยู่ด้านใน ละครที่มีแต่นัก “เล่น” ออกมาวิ่งร่ายราจบแล้ว ม่านเลื่อนลงมาปิดฉากทั้งหมด ฉันไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของตัวเองเลย ฉันพยายามหัวเราะ เสียงหัวเราะทีอ่ ยากให้ดัง ดังขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ยินอะไรเลย บทเพลงก่อนหน้านี้ โลดแล่น ฉันย้าเพื่อจะมิต้องวิง่ ออกไปค้นหา ความยั่งยืนสิ ที่ฉันปรารถนา ฉันไม่พบสิ่งที่ฉันเที่ยวค้นหาจากที่นี่ ฉันจึงวิง่ ออกไปข้างนอก วิ่งออกไป หนีออกไป แต่ฉันไม่ได้พบอะไร นอกจากเสียงที่ดังมาจากข้างใน “นักเล่นแร่แปรธาตุ” ไม่มีใครพบความจริงที่ซุกซ่อน ไม่มีใครอยากค้นหา ไม่มีใครตอบคาถาม ฉันแค่อยากตะโกนให้ดัง แต่เสียงนั้นก็หายกลับเข้าไปข้างใน เงียบลึกสุดพรรณนา


ห้องความคิด ละล้าละลังพะว้าพะวังอยู่ในความคิด นานแล้วที่หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วยังหลับ วนวนเวียนเวียนซอกซอนซ้าซ้าอยู่ในพะวัง เดินหมุนติดกับดักอยู่ในห้อง มิได้ปิดตาย แต่ไม่เปิดประตู แง้มดูภายนอกจากช่องหน้าต่าง พรุ่งนี้เหมือนแสงจันทร์รอคอยให้เมฆหาย จะแต่งตัวให้สวยสม เปิดตา เปิดใจ หัวเราะแล้วก้าวเดินออกไปจากห้อง


ละคร ม่านละครปิดฉากลงอีกฉากแล้ว ฉันแสดงนาและเป็นผู้กากับเสียเองตั้งแต่ตน้ จนจบ องก์ทหี่ นึ่ง ฉากที่ดอกไม้คอ่ ย ๆ ผลิบานรับแสงยามเช้า ยามเช้าอันแสนหวาน พวกผีเสื้อหลงกลรูปและกลิ่น มิเคยรู้ว่านั่นคือกลิ่นของแสงแดดยามเช้า ดอกไม้ที่สวยแต่รูปไม่เคยมีกลิ่น องก์ที่สอง กล่าวถึงการกลายร่างเป็นซอมบี้ ดื่มกินความสุขเป็นอาหาร ก่อนจะดูดเลือดเนื้ออย่างใจเย็น นี่เป็นตอนที่ฉันไม่ได้เขียนบท นาฏลีลาของชีวิต เคลื่อนทีอ่ ย่างรวดเร็วและเชือ่ งช้าสลับกันไปมา คืบคลานเคลื่อนไปสู่การเป็นไป องก์สุดท้าย ที่เฝ้ามองอาทิตย์ยามเย็นกาลังคล้อยลับเหลี่ยมเขา สะดุ้งตื่น เสียงปรบมือของผูช้ มก็ดังลั่น ฉันยังเขียนไม่ถึงตอนจบของเรือ่ งเลย


เสรีภาพที่จะจดจา ฉันมิได้มีความคิดต้องการอิสระในการลืมเลือนอย่างแท้จริง ทรงจาทีง่ ดงามต่างหาก ที่ชนะปีศาจร้ายที่ร่ายราอยู่รอบตัว ใครก็ได้ที่ไม่จาเป็นต้องเป็นพระเจ้า กล่าวแก่สาธุชนว่า ผู้เข้มแข็งจากด้านใน เป็นผู้ที่ได้อิสระทางความคิด กล่าวแก่ผู้ที่ปรารถนาจะได้ยิน ทั้งการลืมเลือนและจดจา กว้างใหญ่เท่าผืนฟ้า ยิ่งใหญ่กว่าดวงอาทิตย์



ใบไม้ทหี่ ล่นซ้า ๆ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ขณะใบไม้ที่พัดปลิวในอากาศ ค่อย ๆ พลิ้วตัวเองหล่นลงสู่พื้น มากขึ้นมากขึ้นทับทวีคูณ ใบไม้ทั้งต้นตกเกลื่อนอยูบ่ นพื้น หลังจากที่ฉันเพิง่ กวาดใบไม้ทั้งหมดเสร็จไปเมื่อสองนาทีที่แล้ว เวลาหลังจากนั้น ฉันเอาแต่เฝ้ามองใบไม้หล่นซ้า เหมือนเหตุการณ์กลับไปที่กอ่ นหน้านั้น วินาทีที่ใบไม้คอ่ ย ๆ หล่นลงมา หล่นลงมา ก่อนหน้านั้น พายุพัดเสียงดังตึงตึง ฉันไม่ได้ยิน เสียงในใจมันดังกลบทับเสียงลม


ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองนาทีกอ่ นหน้านั้น มีเพียงฉันเฝ้ามองใบไม้หล่น ค่อย ๆ ปลิวตัวเองลงมาถึงพื้นอย่างเชื่องช้า นั่นเป็นผลต่อเนื่องของเหตุการณ์ เธออย่าถามอะไรถึงสิ่งที่กอ่ นหน้านั้น หากต่อไปฉันจะเอาแต่หัวเราะและหัวเราะ เพียงเพือ่ จะได้ยินแต่เสียงหัวเราะเสียงหัวเราะของตัวเอง แม้ใบไม้กาลังจะปลิดขั้วหล่นลงมาหล่นลงมา ซ้าแล้วซ้าอีก


ทฤษฎีความเจ็บปวดทีแ่ ก้ไม่ได้ เราเดินจากกันตอนไหน ตอนที่ใครคือผู้ช่วงชิงเป็นฝ่ายชนะ บิงโก! ให้เวลาผู้แพ้หลัง่ น้าตา 5 นาที ทฤษฎีทแี่ ก้สมการซ้าจากโปรเฟสเซอร์คิดไว้แล้ว เราแค่เดินตามยังทาไม่ได้ อ่อนแอก็แพ้ไป คารักมิใช่ลิเก หากฉันกลายเป็นบาดแผล ให้ตายสิ!ช่างยุติธรรม การกล่าวว่าเรากลายเป็นบาดแผล ไม่ใช่ทฤษฎี หากมิต้องแก้สมการ เราต่างต้องเรียนรู้ว่าบทกวีที่เขียนถึงความงดงามของชีวิต ตายลงแล้วไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ซากดึกดาบรรพ์ – นั่นล่ะที่เราอ้างถึงทฤษฎีความรัก บาดแผลจงเจริญ กัดกร่อนให้มันเน่าเฟะ ฉีดยาขนานที่แรงที่สุด เพื่อพรุง่ นี้เราจะมิรู้รสของความเจ็บปวดอีกต่อไป


โรงละคร ตอนจบของเรือ่ งที่ยงั ไม่ได้เล่า เป็นตอนทีพ่ ยายามยิ้มและหัวเราะ ขณะหัวใจร้องไห้ไปแล้ว เธอเบิกบานตอนที่ละครถึงจุดล้มเหลวทีส่ ุดของเรื่อง ฉากที่ไม่ทันดูเป็นตอนเริ่มเรือ่ งทีเ่ ราไม่ได้ตั้งใจบรรจงสร้าง ตอนจบจึงแค่ฉากเลื่อนลอยว่ามีความสุข แฮปปี้เอ็นดิ้งเป็นแค่เรือ่ งของละคร ความจริงทีโ่ ลกไม่ใช่โรงละคร บทบาทสมมติที่พยายามสร้าง จึงไม่เคยมีอยูจ่ ริง หวนหาความจริงจึงเป็นเหมือนคมมีดที่กรีดร้าว แก้วในกามือก็แตกอยู่เช่นนั้น ประคองไว้แค่เม็ดทรายที่คล้ายจะมีรูปทรง


หัวใจหรือนั่น ที่เบียดแทรกอยูใ่ นร่างที่ดารงอยู่ กัดกร่อนและพาตัวเธอไปสู่การสูญสลาย เรื่องที่เขียนมานี้ แค่โรงละครสมมติขึ้น ตอนจบของละครเรือ่ งไหน ๆ ก็แค่ลมหายใจที่ไร้ความรู้สึก


ฉันชือ่ บุษบา ฉันชื่อ บุษบา ปลูกดอกไม้ไว้มากมายจนต้องแข่งกันบานในยามเช้า บุษบาถูกทักว่านั่น บุษบาจริง ๆ หรือ ทาไมคิ้วหนาและตาเปลี่ยนสี สวยขึ้นจนจาไม่ได้ ฉันว่าฉันเองไม่ได้ไปเสริมแต่งที่เกาหลีหรือยันฮี ฉันชื่อบุษบา ปลูกดอกไม้ไว้มากมาย จนคนสงสัยว่าบุษบาบ้านั้นปลูกดอกไม้แล้วไม่ขาย เอาแต่แจกจ่ายให้คนผ่านมา คนที่ขอซือ้ ไปขายบอกว่าเด็ดเอาไปเถิดหนา บุษบาไม่บ้า เอาแต่แจกจ่ายความฝัน เขาสงสัยและเอ็ดอึงเรื่องความฝันไม่ใช่ความจริง บุษบาเป็นชือ่ ฉัน ฉันชื่อบุษบา บ้าอยู่ในความฝัน เชื่อว่าดอกไม้นั้นมีไว้แบ่งปัน โลกจริงหรือโลกฝัน ก็เหมือนกันมีไว้ให้แบ่งปัน ฉันชื่อบุษบา สวยขึ้นทันตา บ้าดอกไม้บานอยู่ในยามเช้า


รูส้ ึก มันมากมายกว่าคาใดจะกล่าวถึง สายลมหรือก็ร้างไร้ มากมายเหมือนสิ่งทีจ่ ุดเริ่มต้น ไม่เคยกล่าวว่าจุดจบนั้นอย่างไร ทั้งสุขทุกข์ปนเปือ้ นอยูใ่ นความหวาดกลัว มิหยัดยืน จึงมิเคยรู้ว่ากี่ครั้งของสายลมก็บางเบาอยู่เช่นนั้น มิเคยเข้าใจ ที่จดจ้องก็จางหาย แค่สายลม...สายลม พันธนาการยาวนานเหนี่ยวรั้งสิง่ ใด เราปลดปล่อย สิ้นสุดความหมาย มันมากมาย มากมายเกินจะเขียนคาใดเพื่อจะบ่งบอก ถึงความรู้สึก


เหนีย่ วรัง้ ตื่นมาอีกวัน นับวันและคืน โมกดอกหนึ่งต้องหล่นลงสู่พื้น กลิ่นจรุงใจจากสัมผัสเคยแนบใกล้ เลือนลางและจางหาย โมกอีกดอกกจะเติบโตและเบิกบาน พรุ่งนี้ของคืนและวัน ลืมตาตื่นเพื่อนับว่าอีกวัน ฉันยังอยู่ เธอยังอยู่ เรายังอยู่ ด้วยการจากไป เยื่อใยและยินยอม เธอจึงยังอยู่ด้วยการปั้นรูป ต่อจากนั้นมันปั้นเรา ฉันยังอยู่ เธอยังอยู่ เรายังอยู่ด้วยการจากกัน


แม่ลกู เล่นกัน แม่ปูที่นอนสีขาวทุกวัน ซักผ้าหอมได้กลิ่นแดดอ่อนของตะวัน เจ้ายึกยักท่าทางเกียจคร้านตอนที่แม่ว่าเช้าแล้วให้ตื่น ไม่ตลกเลยแม่ วันอาทิตย์และลูกยังง่วงนอน แม่ปั่นน้าผักสีสดใสแบ่งปันให้ลูกชิม-ไม่อร่อยนัก แม่หัวเราะว่าน้าผักหวานเหมือนยิ้มของใคร ไม่ตลกนะแม่ มุกของแม่ไม่เอาไหน ใครจะอยากเป็นกัน-เจ้าน้าผัก แม่ทาท่าเหมือนมีปีกสอนให้ลูกบิน อีกแล้วสิ-ไม่ตลกนัก เหมือนยายแก่ทาท่าเหินหาว แม่บอกว่าตลกจี้เส้นของแม่ขาขันทุกตอน ลูกหัวเราะ แม่เล่นตลกไม่ตลก หัวเราะเองไปวัน ๆ งั้นมาเล่นร้องเพลงกัน เพลงของแม่หนวกหูชะมัด เล่นกันจนเหนื่อยทั้งวัน ไหล่ของแม่พงิ หัวเจ้านอนยามบ่ายอ่อนของตะวัน


ก้อนหิน : พลเมืองแห่งเมืองก้อนหิน ฉันพยายามมีชีวิต พยายามจะมีลมหายใจ ภาพเคลื่อนไหวที่เคลือ่ นที่ไป อยากบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตและลมหายใจ ฉันอยากพูดว่าฉันมีชีวิตและลมหายใจ ฉันอยากจะร้องขอสิ่งต่าง ๆ อาหาร ที่พักพิง ยารักษา สิทธิ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ยุติธรรม ฯลฯ แต่ฉันเป็นเพียงก้อนหิน มีเพียงรูปกายที่แข็งแกร่ง สง่างามเท่านั้นที่พอจะอวดโฉม ฉันไม่มีความรู้สึกรวมทั้งลมหายใจ ชีวิตที่สื่อออกไปว่าเป็นหนึง่ ในธรรมชาติ เป็นเพียงภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากคนอืน่ สิ่งอื่น


ฉันพยายามจะมีชีวิตและลมหายใจไปทาไม ในเมื่อฉันเป็นเพียงก้อนหิน วางอยูต่ รงตาแหน่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็น พวกเขาเดินผ่านไปราวกับบ่งบอกว่า แท้จริงฉันไม่ได้มีชีวิต ลมหายใจและจิตวิญญาณ เป็นเรื่องเปลือยเปล่าและร้างไปด้วยความหมาย ไม่ต้องทาอะไรกับก้อนหินหนึ่งก้อน จะจัดวางฉันไว้ตรงไหน ตาแหน่งใด จะกรีดด้วยคมมีดหรือเชือดเฉือนด้วยบทบัญญัติใด ฉันจะรู้สึกรู้สาอะไร ก้อนหิน : พลเมืองแห่งเมืองก้อนหิน


เงาวะวูบไหว หรี่แสงเพือ่ จะมิตอ้ งกล่าวว่าพรุ่งนีจ้ ะมีค่าคืนที่มืดมิด เดือนเมษาปลิดขั้วใบไม้ทั้งต้นลงอย่างสงบ การกลับมาถึงบ้านทุกครั้งเหมือนคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง กระจกเงาบานคุ้นเคยส่องสะท้อนแสงวับวาว เห็นใบหน้าหนึ่งในนั้นบิดเบี้ยวและไร้รูป ดวงใจที่ไร้ใบหน้า หรือเป็นใบหน้าที่ไร้ดวงใจ ตะปุ่มตะป่าไร้ทิศทางของความคิด โงนเงนเหมือนเงาไม่รทู้ ี่มาที่ไป


ฉันเป็นฉันเอง ฉันเลือกทีจ่ ะมีชีวิตของฉันเอง บางบทที่อ่อนหวานและเศร้าสร้อย นั่นเป็นเพราะฉันเลือกของฉันเอง ฉันอยากได้ดอกไม้ไม่มีสีมาประดับบ้าน ฉันก็หามาเอง ฉันอยากได้สงิ่ ใด นั่นเพราะฉันเลือกเอง ฉันเลือกจะรักดอกไม้ นั่นเพราะฉันเลือกเอง ฉันเลือกจะเงียบ นั่นเพราะฉันมีความสุข ฉันฟังเพลงซ้า ๆ วาดดอกไม้ที่ไม่เป็นรูปร่าง นั่นเพราะฉันเป็นฉันเอง แม้ด้านที่มองไม่เห็น เป็นด้านที่ฉันเลือกไม่เคยได้ ฉันเลือกทีจ่ ะจากไป ใครจะกล่าวหาว่าฉันดือ้ รั้น นั่นก็เพราะฉันเลือกเป็นฉันเอง


ดอกไม้ทลี่ มื บาน เราจะแล่นเรือไปถึงโลกพระจันทร์ จนกว่าจะค้นพบความปรารถนาที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึก โลกด้านนอกมืดมิดแลสว่างไม่เคยปรากฎ โลกใกล้ถึงจุดระเบิดตัวเอง หากฉันแค่กรวดก้อนเล็กบนภูเขา อีกไม่นานฉันคงหายตัวลึกลับ ด้วยเครื่องยนต์ที่คอยสลักเสลาภูเขาเป็นรูปทะเล ไม่มีใครพบนักปลูกดอกไม้บนภูเขาลูกใด ไม่มีใครจาได้เรื่องดอกไม้ ภูเขาจะระเบิดตัวเองในเวลาเท่าใด จะพบใครบ้างไหมปลูกดอกไม้ลงในทะเล ฉันยังจดจา ชายผู้ขายกุหลาบอยูข่ ้างถนนตั้งแต่ฤดูหนาว ได้แต่มองเสือ้ ผ้าขาดหวิ่นปลิวอยูใ่ นเปลวแดด ความปรารถนาใดของชายขายกุหลาบ ฉันไม่เคยล่วงรู้ ใช่เรื่องเดียวกันกับดอกไม้บานในโลกไหม โลกจะหมุนตัวเองไปไกลถึงจักรวาลไหน ฉันอยู่ในสวนดอกไม้ มองดอกไม้ที่ลืมบานอย่างเศร้าสร้อย


คา่ คืนอันยาวนาน จากอเลปโปถึงอิดลิบ ค่าคืนอันยาวนาน เสียงกรีดร้องที่ไม่เคยเปล่งเสียงออกมาได้ ความเศร้าได้ถูกทอดทิ้งลงในแม่น้าสีเลือด ไกลจากฝั่งของการพาตัวเองหนีหาย จมดิ่งไปสูท่ ้องทะเล มิได้กลับคืนสู่ฝั่งของยามเช้า แสงตอนเช้ามืดเหมือนเดิม มิเคยมีดอกไม้ที่นี่ ค่าคืนหรือยามเช้า เสียงเงียบทั้งเมืองวังเวงในความตายที่ได้กลายร่าง ใครจะคิดถึงพรุ่งนี้ มัจจุราชจะกลับมาเยือนที่หลังคาบ้านใคร เด็กคนที่เท่าไหร่ที่ตอ้ งการการโอบกอด บุตรธิดาของท้องฟ้าตื่นผวาอย่างสั่นกลัว


ชัดเจน ถ้า x กับ y ขนานกันไปเรื่อย ๆ x กั บ y จะไม่ได้พบกัน เรื่องคาดเดาเกิดขึ้น ล้วนผิดรูปและเบี้ยวบิด สัมผัสภายในจากมุมเกิดขึ้น ตอนที่พบว่า z ได้เชื่อมเส้นทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน กว่าจะพบกัน คงต้องอาศัยความปรารถนาล้นปรี่ กว่าจะกลายร่างเป็นสามเหลี่ยม ลากเส้น z มาตัดกันให้ได้ ใครจะเป็นคนลาก กว่าเส้นที่สามจะเดินทางมาถึง ไม่มีใครรูจ้ ะเกิดมุมประเภทใด เป็นมุมป้านหรือมุมแหลมที่รวมตัวกันเป็นเส้นประกอบ จนกว่าจะเกิดเป็นรูปร่างชัดเจน ทฤษฎีเส้นตรงง่าย ๆ มองเห็น ชัดเจน ทั้งรูปร่างและความเข้าใจ


อะไรอยูใ่ นกล่องความฝัน ตอนที่ฉันปลดป้ายความฝันลงเก็บในกล่องลิ้นชัก ไม่มีใครเหลืออยูบ่ นผนัง มีเพียงภาพถ่ายพ่อกับแม่เป็นตัวแทนความรัก เหงือ่ ไคลที่เคยปะพรมไว้ในตัวฉัน สอนค่าความบากบั่น ตอนที่ฉันเอาแต่นิ่งมองไปข้างนอก เห็นเพียงสายลมกับกิ่งไม้ผุ รอให้ลมพัด หรือกิ่งไม้ผุกิ่งนั้นจะหล่นลงมาเอง ความฝันใดงอกงามหรืออับเฉา กล่องลิ้นชักแค่ทรงจา เปิดหรือปิด ตอนที่กิ่งไม้หล่นลงมาเสียที ฉันจะเก็บอะไรเอาไปใส่ไว้ในกล่อง กิ่งไม้หรือสายลม พ่อกับแม่คงหัวเราะเยาะฉันเต็มที


ความปรารถนา ความปรารถนาหากจะหยุดพักพิงในสถานทีอ่ ันเงียบสงบ พระจันทร์สีขุ่นทัง้ หม่นหมองและอ้างว้าง ฉันรู้ การหักเหของแสงไม่เคยมองเห็น เป็นโจทย์ทแี่ ก้ไม่ตกมายาวนาน ปริศนาความเงียบแท้จริงเป็นเช่นไร ไม่อาจล่วงรู้ เป็นฉันเองที่โปรยเมล็ดพันธ์ทิ้งไว้ เป็นฉันเองที่ต้องการให้กล้วยสุกงอมตกเป็นอาหารของนก เป็นฉันเองที่เหน็ดเหนื่อยจากการพยายามให้นกกลับมาทีน่ ี่ การล่อหลอกเป็นเกมที่ฉันถนัด แต่สุดท้ายเกมเหล่านั้นก็กลายเป็นหนามกุหลาบตกเรี่ยราด ปริศนาการเดินทางต่อจากนี้เป็นเช่นไร ไม่มีใครอยู่ข้างนอกในเวลาที่อากาศกาลังเป็นพิษ พระจันทร์เป็นสีแดงอยู่ทงั้ คืน ในห้องอวลอบระอุร้อน ลืมตาตื่นวาดหวังถึงพรุ่งนี้ ท้องฟ้าจะคลาคล่าไปด้วยฝูงนกออกหากิน เสียงนกร้องเพลงความหวัง ช่างเหมือนบทเพลงหยาดฝนรัตติกาล ที่ปรารถนาจะตอบโจทย์ปริศนาของนักเดินทางผู้ไม่เคยหยัง่ รู้ ผืนดินแตกระแหงนั่นเล่า รอคอยหยาดฝนชะโลมลง ฉันก็เช่นนั้น


การค้นหา ผู้คนค้นหากันด้วยเหตุผลใด เป็นใครที่ยืนอยู่บนฟากฝัน อยากพาตัวเองไปสูจ่ ุดหมาย ไม่มีใครเชือ่ เรื่อง สิ่งสะสมตามวิถีของมนุษย์ ชื่อเสียง เงินทอง อานาจ เหล่านั้น ฉันไม่ปรารถนา เรื่องสนใจของฉันกลับไปอยู่ที่ ระหว่างบทสนทนาของหมู่นกที่เอาแต่บินอยูท่ ั้งวัน น่ากังขานัก ภาพปริศนาของนกที่บินวนซ้า เป็นสองสามภาพที่เฝ้ามองอยู่นาน มันคลี่ปมในใจทีละเล็กทีละน้อย การละทิ้งบางเรื่อง ขยี้ความคิดก่อนจะบิดตัว ปลดปล่อยเรื่องราวทั้งหมด


หากวันหนึ่ง นกเหล่านั้นไม่บินกลับมาที่เดิม ฉันกล่าวแก่ตนเองว่า ไม่ต้องการค้นหาเหตุผลใด ๆ ที่พาเราไปยืนอยู่ตรงจุดนี้ ฉันจะยังคงเชือ่ เหตุผลซ้าเดิมที่ฉันเคยเชือ่ หรือไม่ เรื่องนกฝูงนั้น ที่มันยังคงอยู่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป


ตัวละครโง่งมตัวหนึง่ เมื่อชีวิตมีสีสัน จะให้อยู่ในความซึมเซาได้อย่างไร เรื่องความเศร้า เป็นฉากที่นักแสดงทีด่ คี นหนึง่ แสดงออกไป การกล่าวถึงความเจ็บปวดพันครั้ง เป็นเพียงบทละครทีถ่ ูกเขียนขึ้น เวลานานพอแล้ว ที่จะล่วงรู้เรือ่ งราวตั้งแต่ต้น และตอนจบได้มาถึงเสียที ฉากที่ซ่อนตัวอยู่หลังความงามก็มิได้เป็นอย่างทีเ่ ห็น บทโศกเศร้าเคล้านา้ ตาล้นจอมิได้มีอยู่จริง ความรักก็เหมือนกัน สร้างมาหลอกล่อให้บทละครมีชีวิตชีวา แต่เมื่อละครจบตอน บทบาทตัวละครที่วงิ่ พล่านอยู่ในนั้น ไม่ใช่ความจริง คนโง่คนหนึ่ง ไฉนจึงยังลวงหลอก ยินยอมสวมบทของตัวละครอยู่ มิรู้จบสิ้นเสียที


หากฉัน หากฉันอยูข่ ้างใน เธอจะมิได้เห็นฉันจากที่ตรงไหน หากเธออยูข่ ้างนอกนั้น เธอจะก้าวผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว จนมิทันสังเกตความเก้อเขินของฉันสักนิด หากฉันเหลือเพียงเสียงกระซิบในลาคอ ฉันคงตะโกนสุดเสียงเพื่อเธอจะได้หันกลับมามอง ตู้กระจกบานใดที่กางกั้น ฉันอยูด่ ้านใน ไม่เคยรู้สัมผัส เพลงที่บรรเลงด้วยสายลม เธออยูด่ ้านนอก ไม่เคยได้ยินเสียงที่ฉันกล่าวออกไป ฉันอยูด่ ้านใน เธออยู่ตรงไหน ไม่ได้เห็นฉันกาลังกวักมือร้องเรียก ถนนหนทางหรือผูค้ นขวักไขว่ไปมา แห่งหนใด ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนอยู่รอบตัว เปล่าเลย เธออยู่ที่ไหน ฉันอยู่แห่งหนใด เธอกับฉันไม่เห็น จากทีข่ องกันและกัน ข้างนอกหรือด้านในเป็นที่ของฉันหรือของเธอ


เชือ้ รา ความปวดร้าวอันสุขสม ความสดชื่นอันขื่นขม ไม่มีอื่นใดอยู่นอกเหนือจากนั้น ดอกไม้ที่ไร้กลิ่น เชื้อราดาแต่งแต้มกลีบดอกจนหมดสิ้น จะชื่นชมหรือดอมดม มิสุขสมในท่วงทีทผี่ ลิบาน


แต้มสี พออยากอยูใ่ กล้ผีเสือ้ ฉันจึงพยายามทาตัวเป็นดอกไม้ เมื่ออยากเป็นผีเสื้อบ้าง ฉันจึงพยายามขดตัวเป็นดักแด้ พอฉันอยากมีลวดลายสวยงาม ฉันจึงแต้มสีตัวเอง คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นดอกไม้ คล้ายคล้ายว่าจะได้เป็นผีเสือ้ ลมพัดมาหนหนึ่ง ฉันยังนิ่งเป็นก้อนหิน ลมพัดแรงขึ้น เมฆฝนก็ตั้งเค้า ผีเสื้อบินหาย ดอกไม้ก็ปลิวไป ฉันยังแน่นิ่งอยู่ที่เดิม


ใต้ต้นถัว่ ทีม่ กั มีเด็กผูห้ ญิงคนหนึง่ ร้องไห้ เมื่อวานนี้เองที่ฉันคิดว่า ฉันตายใต้ต้นถั่ว เพียงเพราะว่า ฉันถูกหนามแหลมทิ่มแทงมือ ที่ใต้ต้นถั่วจะมีหนามอยู่ได้อย่างไร หากไม่ได้พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยูใ่ ต้ต้นถั่วผู้แสนอ่อนโยน ต้นถั่วผู้พยายามเลื้อยไปหาแสงสว่างอยู่เสมอ คมหนามใดแอบแฝง ขณะที่เฝ้ามองดูฝักข้อน้อย ๆ ค่อย ๆ เติบโต นั่นไม่ใช่ฉันหรอก การเกิดใหม่หลังความตายใต้ต้นถั่ว ยากเกินไปสาหรับผูใ้ หญ่คนหนึง่ เรื่องต้นถั่วมิอาจเป็นเพียงเรือ่ งของแจ็คผู้พยายามปีนต้นถั่วขึ้นไป เรื่องของเด็กหญิงผมเปียใต้ต้นถั่วสุดแสนสะเทือนใจเช่นกัน ตอนที่หนามแหลมเล็กไม่รจู้ ัก ปักมือของเธอ เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงคล้ายเสียงทรงจาเมือ่ วานนี้เอง หากฉันไม่ได้ร้องไห้อีก ฉันไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเช่นกัน หากวันใดวันหนึ่งฉันมิใช่เม็ดทรายในท้องทะเล ฉันอาจเป็นได้แค่เปลือกหอย ที่บรรดาเด็ก ๆ อยากเก็บฉันไปไว้ในตู้โชว์แล้วลืมมันไป


ฉันดูคล้ายแมลงตัวหนึ่งที่พรางหายไป หากเป็นไปได้ ฉันอยากให้เด็กหญิงผู้มีแต่ความฝันคนนั้นเก็บฉันไปไว้ข้างหมอน แต่ฉันไม่ใช่หิ่งห้อยเติมแสงในห้องมืด ห้องมืดนั้นจะใช่หอ้ งนอนของเด็กน้อย ที่เหน็ดเหนือ่ ยจากการดื่มกินความฝันมาตลอดทั้งวัน เด็กหญิงผมเปียคนหนึ่ง จึงเผลอหลับผล็อยไปด้วยบาดแผลที่ปลายนิ้ว


กระดาษแผ่นนัน้ เขียนบทกวีลงไป กระดาษแผ่นนั้นเขียนบทกวีลงไป ฉันหรุบหายและกระโจนฝังตัวเองลงไป ฉันเศร้า ตอนไม่เห็นใครอ่านบทกวีบนหน้ากระดาษ ไม่พบชายชราคนที่ชอบอ่านบทกวีอยูบ่ นชิงช้า ไม่พบชายผู้เขียนกวีที่กล่าวถึงความรักแท้ ไม่พบคนหนุ่มสาวอ่านบทกวีที่กล่าวถึงการต่อสู้ ไม่พบกลุ่มคนอ่านบทกวีชื่อน้าหนึ่งใจเดียว ฉันเห็นเด็กน้อยค่อย ๆ เอากระดาษแผ่นนั้นมาปั้นเป็นรูปหอคอย พวกเธออยากเล่นเป็นเจ้าหญิงราพันเซล พวกเธอร้องเพลงชื่อทิวาและราตรี เต้นระบาเพลงงอกงามเป็นบุหงาลดาวัลย์ ฉันปรบมือยอมให้เธอบิดเป็นปราสาทสวย ตอนปราสาทล้มลง ฉันยังกลายเป็นลูกบอลให้เด็กผู้ชายเอาไปเตะเล่น ฉันกลิ้งไปมา หัวเราะกันลั่นสนามฟุตบอล


สุสานร้าง ในสุสาน ฉันเองที่ตงั้ ใจฝังร่างลงไป ไม่สนใจเงาใบไม้ที่กวักมือเรียก นกยามเช้าเป็นเพียงนกที่บินผ่านมาและจากไป ฉันเคยพยายามเก็บดอกไม้แห้งมาปักแจกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ฉนั จะตาย วันนี้ในสุสาน ฉันฝังตัวเองลงในดินที่ไม่แยแสต่อการงอกงามอีกต่อไป มือที่ไล่คว้าแสงจากเงาใบไม้สุสาน อยากให้กลายเป็นนกทีโ่ บยบินไปจากที่นี่ ไม่พบอาหารในสุสานร้าง ไม่เคยมีใครมานอนตายอยู่ที่นอี่ ีก ไม่พบดอกไม้กราบไหว้หลุมศพหลงเหลืออยู่ ใบไม้ปลิวลงกระทบผืนดินที่ฝงั ร่างฉันไว้ เงียบและร้าง หากใจฉันเงียบงัน กว่าสุสาน


หาก...ใครจะเขียนประวัตศิ าสตร์ ฉันอยู่ที่ทะเลสาบ-มันเคยเป็นเท่านั้นเอง แผ่นดินผืนหนึง่ ถูกสร้างขึ้นมาเป็นท้องทะเล เมื่อน้าได้หายไป จะใช่ ทะเลสาบอีกหรือไม่ ใครเขียนประโยคบอกเล่าทิ้งไว้ทโี่ ขดหินริมทะเล ผู้อ่านตอบกลับมาเป็นประโยคคาถาม เมื่อสายลมชือ่ กาลเวลากัดกร่อน หินก้อนหนึ่งตัง้ ใจจะเล่าเรื่องใด ผู้มาก่อนจะออกเดินทาง จงใจไม่ทิ้งร่องรอยของความบาดร้าว โบกมือลาแล้วยิ้ม รอยแย้มมิได้แต้มความรื่นลวงเอาไว้ สลักสิ่งใดไว้บนหินก้อนนั้น ประวัติศาสตร์หรือนั่น เขียนประโยคบอกเล่าเป็นคาถามไว้ว่า ริมผืนดินหนึ่งที่ซงึ่ เคยเป็นดั่งท้องทะเล


กลางลมฝน นั่งอยู่กลางลมและฝน เห็นกอไผ่ไหวอยู่ไม่ยอมนิ่ง ต้นอ้อก็ลอ้ ลู่อยูช่ ะชะช่า ฟ้าสิฟ้า แผดแสงก่อนจะคลั่ง มวลใบไม้เข้าคลุกฝุ่นโผเข้ากอดก่าย แล้วพากันพุ่งทะยานสู่ฟ้า เออสินั่น หมุนวนเวียนขู่ตะคอก แล้วพัดพลิกต้นไม้ข้างหน้าล้มเป็นแผ่นราบ ที่ครึ้มเขียวก็นอนก่ายกันหมด ที่เคยอยู่เป็นแนวก็ย้ายแถวมาอยู่บนถนน ทางเรียบสวยเต็มไปด้วยกิ่งไม้หักโค่น นี่บ้านฉันล้มระเนระนาดเป็นบ้านใคร ถนนหนทางเหมือนวิ่งผ่านเข้าสุสาน นั่นหลังคาบ้านใครย้ายมาอยู่นี่ ลมหมุนฝนกระหน่าราวคนบ้า ใต้แผ่นฟ้าย่าบนผืนดินใครจะต่อกร ชิชะ เจ้าพายุ คาสั่งจากเบื้องบนให้ลงทัณฑ์คนทางาน มองซ้ายขวาเพื่อนก็ช้าฉันก็ล้ม ยามไร้ ได้แต่ก้มดูดิน ประชดแผ่นฟ้า


หากหัวใจ หากเธอจะอ่านฉัน จงอ่านฉันด้วยถ้อยคาที่ฉันเขียน หากเธออยากเห็นฉัน เธอจงเห็นฉันด้วยถ้อยคาที่ฉันเขียน หากเธออยากพูดคุยกับฉัน จงพูดคุยด้วยถ้อยคาที่ฉันเขียน หากเธออยากรู้สงิ่ ใด จงรู้ด้วยสัมผัสจากสายตา จงถามฉันด้วยประโยคที่ฉันเขียนว่า ฉันอยู่ในนั้น เขียนถ้อยคานับล้านจากหัวใจ



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.