อีก 10 นาที เราจะกลับไปยังภูเขาแห่งความโดดเดี่ยว

Page 1


-หนึง ่ -

จุดเล็ก ๆ บนภูเขาโดดเดีย ่ ว

คล้ ายดัง่ จะได้ ยินเสียงกีบเท้ าเปล่าเปลือยของสัตว์สี่เท้ าดังกุกกัก ถี่เร่ง และค่อย ๆ เบาบางห่าง ออกไป คล้ ายได้ ยินเสียงนกเซ็งแซ่แข่งกันบินออกจากรวงรัง โบกโบยและหายลับไกล หรือแม้ แต่เพียงเสียง ของดอกไม้ ร่วงกรูลงจากลาต้ นในฤดูหนาวอาบหิมะสุดแสนอ้ างว้ าง แต่ทงหมด ั้ ก็ไม่เคยปรากฏ บนภูเขาแห่งนี ้ เลย ภูเขาที่แทบไม่มีสิ่งใดตังอยู ้ ่ มีเพียงบ้ านหลังเล็ก ๆ ชันเดี ้ ยว หลังคาสีขาว ทาสีเหลือง มีหน้ าต่างสองบาน เปิ ดกว้ างให้ สายลมพัดผ่านจากช่องหน้ าต่างบานที่ 1ทะลุลอดไปสูช่ ่องหน้ าต่างบานที่ 2 และกว่าสุดสายตา ของเด็กชายกิดวี่ จะค้ นพบกลุม่ ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แม้ เขาจะต้ องแขย่งเท้ าให้ สงู ขึ ้นกว่าเดิม เพื่อจะมองสิ่งที่อยู่ สูงขึ ้นไปไกลกว่านัน้ มันก็ไม่มีสิ่งใดให้ เขามองเห็น มีเพียงความว่างและว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ราบเรียบ และไร้ สรรพสิ่ง สายลมมีเพียงสายลมและมวลอากาศอันแสนล่องลอยระหว่างหนึง่ วูบของลมพัดจากช่อง หน้ าต่าง ที่ทาให้ กิดวี่รับรู้ถึงการมีอยู่ของสายลม สายลมเพียงสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวใกล้ชิดเขามากที่สดุ และนัน่ อีกคนที่เขารับรู้ถึงการมีอยูจ่ ริง คุณยายของเขา ...คาเรน...หญิงชรา ร่างผอม แข็งแรง ผมสีขาว ผู้งกเงิ่นกับหน้ ากระดาษที่สีขาว เหมือนกัน หากปลายพู่กนั ที่สะบัดพลิ ้วไหวอย่างรวดเร็วราวคนวัยหนุ่มสาว คาเรนเองเอาแต่เพียงจดจ้ องบน หน้ ากระดาษสีขาวที่เธอเฝ้าระบายสีลงไปในทุกเช้ าที่เธอได้ ตื่นลืมตา สีขาวผู้เนรมิตสิ่งต่าง ๆ ขึ ้นมาได้ แม้ วา่ เธอจะได้ กล่าวสวัสดียามเช้ า กับกิดวี่แล้ ว เธอยังจะเดินออกไปสวัสดีกบั ดวงอาทิตย์ โบกมือลาดวงจันทร์ที่ได้ กลายร่างเป็นสีขาวและท้ องฟ้าของฤดูหนาวสาหรับคาเรนช่างกระจ่างใส เห็นหมูม่ วลเมฆขนาดใหญ่ก่อตัวสูง ใหญ่ลอยขึ ้นสูง อยู่เหนือกว่าภูเขาหลายเท่าตัว กิดวี่ พยายามหลับตาให้ เห็นสิ่งที่คาเรนได้บรรยายเพื่อที่เขาได้ ยินเสียงของสายลม เสียงดอกไม้ กาลัง จะผลิบาน ภูเขากระซิบกล่าวถึงการมีชีวิต


“จ๊ ะ เพียงเท่านี ้ ชีวิตเป็ นชีวิต” คาเรนหลับตาและเอ่ยด้ วยน ้าเสียงเนิบช้ า อ่อนโยน มิใช่กบั หลานชาย แต่เป็ นการกล่าวกับตัวเอง อายุ แปดสิบอย่างเธอจะรีบเร่งไปไหนอีก หากนกตัวหนึ่งบินผ่านมาได้ยิน เธอคงจะยินดี “ยามเช้ าของท้ องฟ้าวาดระบายด้ วยหลากเฉดสีทกุ วันที่เราต่างจ้ องมองมันเป็ นสีของเราเองท้ องฟ้าไม่ เคยหมดเรื่องเล่าบางวันท้ องฟ้าเต็มไปด้ วยนกก้ อนเมฆรูปกระต่าย และบางครัง้ ถนนของนักเดินทางก็มกั อยูบ่ น ท้ องฟ้า” กิดวี่หรี่ตาขึ ้น พยายามเพ่งมองไปยังท้ องฟ้า ที่ไหนกัน ก้ อนเมฆรูปกระต่าย ที่ไหนกันถนนทอดยาวไกล ท้ องฟ้าของฤดูหนาวก็ช่างเหมือนกันหมด หม่นหมองไปด้ วยหมอกหนาสีขาวมืดหม่น พรางตา ไปจากทุก ๆ สิ่ง และบ้ านสีเหลืองหลังเล็กของกิดวี่ ช่างเป็นจุดเล็ก ๆ บนสีขาวโพลนเมฆทะมึนซ้ อนกันเป็นลูกระนาดนันก็ ้ ช่าง กลืนกินทุกอย่างบนฟากฟ้าให้ เหลือเพียงสีขาว ไม่วา่ จะหลับตาหรือลืมตา กิดวี่กย็ งั คงเห็นว่าทังหมดทั ้ งมวล ้ ของบ้ านและภูเขาแห่งนี ้ มิได้ แตกต่างกันเลย สิ่งเดินทางที่ยายได้ กล่าวถึงอาจแช่อยู่บนผืนกระดาษที่ยายเฝ้า วาด บางครัง้ สรรพสิ่งใดที่กิดวี่ได้เงี่ยหูฟังจากด้ านนอกของบ้ าน ที่วา่ ไกลลิบนันอาจมี ้ บางสิง่ รอคอยอยู่ ไม่ใช่บนท้ องฟ้าที่โอบกอดเขากับยายอยู่เช่นนี ้ บ้ านหลังเล็กที่อยู่ใต้ อาณัติของท้ องฟ้าพื ้นใหญ่ และพื ้นดินช่าง รอคอยให้ เขาได้เดินย่าไป “จะไปไหนได้ ไม่กลัวตกลงไปจากภูเขาเหรอ ดูสิ ลาธารเล็ก ๆ ที่เห็นอยู่ลิบไกลนัน้ แท้ จริงเป็ นแม่น ้า กว้ างใหญ่ ไหลเชี่ยวไปสูด่ ินแดนที่ไม่เคยถูกใครค้ นพบ” กิดวี่ร้ ูวา่ นัน่ เป็ นคาขูข่ องยายไม่ให้ เขาไปไหนไกล ขณะที่คาเรนเอง บ่อยครัง้ ที่ยงั คงเผลอเหม่อมองไป ในทิศทางแม่น ้าสายนัน้ เช่นกัน เพียงเขา เด็กชายผู้ไม่เคยได้ ออกเดินทาง เพราะทุกอย่างมีเพียงบ้ านหลังเล็ก หลังหนึ่ง บนภูเขาที่สงู ลิบ และแผ่นดินนี ้ช่างไร้ สรรพสิ่งใดข้ อสงสัยจึงรวมตัว ก่อรูปเป็ นก้ อนเมฆมหึมา เขาเอง ที่ไม่ปรารถนาการเดินทางเพียงบนผืนกระดาษ


“ที่ชายป่ าโน่น อาจมีบางสิ่งที่ทาให้ ชีวิตเราตืน่ เต้นขึ ้น” กิดวี่เท้ าคางพูดกับตัวเอง มองคาเรนที่เอาแต่ตวัดปลายพูก่ นั อย่างช่าชอง กลีบดอกที่เกลี่ยไปบนพื ้น กระดาษราวกับกลีบดอกนันได้ ้ เคลื่อนไหวอยู่ในสายลมโชยพลิ ้วบาง “ยายเคยไปที่นนั่ นานมาแล้ ว ป่ าเขา ลาธารและความทะมึนดาน่ากลัวที่ไม่เคยมองเห็นด้ วยดวงตา” “จริงเหรอ ยาย ยายเคยไปจากที่นี่ด้วยเหรอ” กิดวี่มองออกไป บนพื ้นดินสุดลูกหูลกู ตาบนภูเขา กลาคืนหรือแม้ แต่ยามเช้ ามืด ความดาทะมึนที่ไกล ออกไปจากบ้ านหลังเล็กของเขาสีดาเป็ นสีดาจริง ๆ อย่างไรนะ สีชมพู เขาคิดไม่อออก ถึงตอนนี ้ เขาก็เพียง พยายามคิดถึงนกสีเหลืองตัวหนึ่งขึ ้นมา มันน่าจะบินผ่านมาทายทักและกล่าวอรุณสวัสดิ์กบั เขาบ้ าง เด็กชาย ผู้เดียวดาย ยายเคยบอกว่านกสีเหลืองที่ร้องเพลงเพราะมีรวงรังแสนอบอุน่ เป็นบ้ าน มีชื่อเรียกว่า นกกระจาบ “ยายจ๋า แล้ วนกกระจาบสร้ างรังบนกิ่งไม้ ห้ อยโหนลงมา นันเคยมี ้ อยูจ่ ริงหรือยาย” คาเรนพยักหน้ าหงึกหงัก มีสิ นกกระจาบสีเหลืองสร้ างรวงรังอยู่บนกิ่งไม้ รวงรังของนกกระจาบถูกจัก สานด้ วยสถาปัตยกรรมเลิศล ้า ด้ วยใบหญ้ าถักทอทีละเส้นจนเป็ นบ้ านที่แสนอบอุน่ “กิดวี่ จะได้ เห็นไหมยาย” “ยายจะลองวาดดูนะ” แม้ คาถามในใจจะมีอยูเ่ พียงว่า ที่ชายป่ าแห่งนันน่ ้ าจะมีนกกระจาบอาศัยอยู่หรือไม่ แต่ดเู หมือนทุก อย่างจะทอดยาวไกลกว่านก กว่าท้ องฟ้า กว่าป่ าเขาทุกอย่างเป็ นสายลมคุกรุ่นสะท้ อนอยูใ่ นใจเงียบงัน ไม่ แน่ใจนักว่าปริศนาในกระดาษสีขาวตรงหน้ าของยายอาจไขคาตอบมากมายได้ หมด “แต่ยายวาดดอกไม้ ได้ เพียงอย่างเดียว” กิดวี่เห็นเช่นนัน้ มาเนิ่นนานแล้ ว “ยายจะลองพยายามวาดนกกระจาบ กับรังของมัน”


กิดวี่ขมวดคิ ้ว สงสัย ขณะรอยยิ ้มของยาย เบ่งบาน เหมือนดอกไม้ ที่ยายชอบวาด “ต้ นไม้ ที่นกกระจาบชอบทารังด้ วยได้ ไหมยาย” “ได้ สิได้ ” แล้ วกิดวี่ก็ลอ่ งลอยไปกับจินตนาการถึงการมองเห็นนกกระจาบ เสียงของมัน? “เสียงของนกกระจาบล่ะจ๊ ะยาย เป็ นแบบไหน” “นกจะร้ อง เสียงเหมือนกันหมดไหม” “ร้ องเหมือนดอกไม้ ของยายร้ องเพลงไหมล่ะ” ดอกไม้ ร้องเพลงเพราะขนาดไหนกิดวี่แค่ตงค ั ้ าถามซ ้า ๆ ไปมาและคาตอบของยายก็ตอบได้เหมือน สายลม ล่องลอยและปลิวหายไปจากช่องบานหน้ าต่างที่ 1 ทะลุไปยังหน้ าต่างบานที่ 2 จนกิดวี่วิ่งไล่จบั มันไม่ เคยได้ และคาถามก็วนกลับมาใหม่ เป็นอยู่เช่นนัน้ ด้ วยยายไม่เคยวาดสิ่งใดเลย คาตอบของยายก็เหมือนสิ่งที่ ยายวาด ยิ ้มบาน ๆ เหมือนดอกไม้ คาเรนกางกระดาษแผ่นใหญ่ออกหนีบไว้ บนขาตังวางเฟรมอย่ ้ างเชื่องช้ า ละเลงสีลงบนผืนกระดาษ ด้ วยสีเหลืองเหมือนแสงจันทร์ คืนที่ไม่มเี มฆสักก้ อน และดวงดาวกระจัดกระจายก็ร่ายราเป็ นสีขาวสว่าง ส่วนกิดวี่ไม่ต้องเสียเวลาคิดว่าวันนี ้ยายจะวาดอะไร นอกจากยายจะวาดรูปดอกไม้ ดอกไม้ สีขาวจานวนห้ า กลีบที่มีกิ่งก้ านสีน ้าตาล และใบของมันสีเขียวอ่อน ร่างแหของใบเป็นสีเขียวจัดจนเห็นเส้ นใยขนานคูอ่ ย่างเป็ น ระเบียบ รูปดอกไม้ ชนิดนี ้อยูเ่ ต็มบ้ านไปหมดแล้ ว ยายยังพยายามจะวาดอยูเ่ สมอ ส่วนกรอบไม้ ที่ทาด้ วยกิ่ง ไม้ ไม่มีอยู่จริง มันเป็นกรอบรูปในความคิดของยายเอง กรอบรูปของยายจึงไม่เคยมีวนั หมดป่ า ป่ าไม้ อย่างนันหรื ้ อ? ที่นี่ ไกลสุดสายตา มีเพียงป่ าโปร่งที่เหลือต้นไม้ ไม่กี่ต้นที่อยู่ใกล้บ้านที่สดุ มองเห็นลิบ ๆ เป็ นต้ นไม้ ผอมยาว เก้ งก้ าง และไม่มีอะไรน่าค้ นหา “วันนี ้ยายจะเลือกกรอบรูปสีเขียวเหมือนสีของใบหญ้ า กิดวี่ต้องชอบแน่เลย”


คาเรนทาหน้ าตาแช่มชื่น เบิกบาน เหมือนสายหมอกกาลังต้ องแสงแดดจัดจ้ าน สายแล้ วตะวันเอาแสง ไล่สาดหมอกขาวหายไปสิ ้น หลงเหลือเพียงบ้ านหลังเล็ก ๆ สีเหลือง ค่อยๆถูกสีสว่างของดวงอาทิตย์กลืนกิน สีเหลืองคล้ ายสีของแสงแดด บ้ านของกิดวี่ บนพื ้นที่วา่ ง โล่ง อยู่สงู ลิบลับจากผืนดิน คุณจึงจะมองเห็นบ้ าน หลังเล็ก ๆ ที่ต้องอาศัยสมาธิอย่างมากในการเพ่งมองให้ เห็น บางวันคุณคงอยากเดินทางมาสูท่ ี่นี่ ที่ ๆ ไม่มีอะไรสักอย่าง


-สอง-

ใต้ แสงสาดส่ อง กิดวี่ได้ ยินเสียงยายบ่นพึมพาเรื่องผ้ าแห้ งกรอบเกินไปแล้วสาหรับอากาศโปร่งสบาย ลมพัดและแสง จัดจ้ าน จนบางครัง้ คาเรนจะรู้สกึ ว่าได้ มีลมเล็ดออกจากดวงตาของเธอเอง ปี นี ้คาเรนใส่แว่นตาหนาเต๊ อะอีกชัน้ แล้ ว ส่วนผมก็ขาวโพลนเต็มศีรษะ หลังของเธอค่อมลงจากเดิมเล็กน้ อย ด้ วยเธอใช้ เ วลาทังหมดไปกั ้ บการนัง่ วาดรูป มีบางเวลา คาเรนผู้หายไปอยู่กบั กองเสื ้อผ้ า เธอจะเดินวนกลับมาวาดกิ่งก้ านด้ วยสีน ้าตาล รอจังหวะ สีแห้ งและเดินกลับไปพับเสื ้อผ้ าแห้ งกรอบ มีกลิ่นของดวงอาทิตย์อบอุน่ หอมละมุน ก่อนจะเดินกลับมาแต้ มกิ่ง ใหม่ในภาพวาด ไม่วา่ คาเรนจะทาอะไร เธอไม่เคยเบื่อจากผืนผ้ าใบวาดรูป มีชีวิตวนเวียนอยู่กบั วาดบน กระดาษแผ่นเล็ก ๆ เธอวาดภาพดอกไม้ บนแคนวาสขนาดใหญ่ วาดบนผ้ าปูที่นอน วาดบนฝาบ้ าน จนบางที กิดวี่เองคงจะเป็ นเป้าหมายต่อไปในการวาดของยาย อาหารเย็นชืดพยายามส่งเสียงร้ องห้ ามไม่ให้ กิดวี่วิ่งออกไป ตังแต่ ้ ตอนที่กิดวี่รวบช้ อนวางไว้ โดยที่เขา กินเข้ าไปเพียงแค่สองคา เขาลุกขึ ้นยืนพรวด และได้ ก้าวพ้ นประตูออกไปนอกบ้ าน อาหารร้ องว่า กลับมากินฉัน ให้ หมดก่อน แต่เขาไม่ได้ ยิน คาเรนเองกาลังสาละวนกับสองสิ่งที่เวียนวนรอบตัวจนลืมมองมาทางเขา บางที เขาก็นึกงอนยายเสียเหลือเกิน ดวงตาของยายมีแต่ดอกไม้ แต่ดวงตาของเขา ยังอยากเห็นสิง่ อื่น ๆ กิดวี่เห็น พื ้นดินที่ราบเรียบจนชินตา ไม่มีสิ่งใดอยูบ่ นแนวระนาบเดียวกันนี ้ สิ่งที่เคยอยู่ได้ สญ ู หายไปและความหวังใน การกลับมาของมัน ล้ วนอยูใ่ นบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวยายเคยบอกเขาว่าชายป่ าตรงที่ยื่นออกมาให้ เห็นแนว ต้ นไม้ เก้ งก้ างราวสิบต้ นนันลวงตา ้ แท้ จริงแล้ วไกลออกไปอีก นัน่ คือ ป่ ามืดดา และเบื ้องหลังป่ ามีหมูบ่ ้ าน มี ผู้คนของเมืองมากมายอาศัยอยู่ เป็นไปได้ วา่ อาจมีใครสักคนที่อาศัยในเมืองใต้ ภเู ขานันส่ ้ งเสียงร้ องเรียกเขาให้ ลงไปตามหาผู้คน ครัง้ หนึ่ง ตอนเขายังเล็ก ลูกโป่ งสายสวรรค์สีแดงลูกหนึ่ง ได้ ลอยขึ ้นมาติดต้นไม้ ที่ชายป่ าผอม เก้ งก้ าง นัน่ ยายบอกให้ กิดวี่รออยู่ตรงหน้ าบ้ าน และยายจะก้ าวออกไปดึงลูกโป่ งลูกนันกลั ้ บมาให้ เขา เขายืนรอยายโดย ไม่ขยับเขยื ้อน ตังหน้ ้ าตังตาชะเง้ ้ อรอคอยอยู่ราวครึ่งวัน ยายจึงได้ ลกู โป่ งมาให้ เขา นั่นล่ะ คือ ลูกโป่ งสวรรค์ ที่


ล่องลอยไปได้ สงู และมันได้ ลอยขึ ้นมาถึงบนภูเขา คุณรู้จกั มันดี ตอนที่คณ ุ อยากให้ มนั เป็นตัวแทนของสิ่งที่ ใฝ่ ฝัน สิ่งที่จะทาให้ คณ ุ บินได้ ลอยได้ มันทาในสิ่งที่คณ ุ ไม่เคยทาได้ เลย แต่สาหรับกิดวี่แล้ ว ลูกโป่ งเป็นสิ่งที่ไม่ เคยพบเห็น เขาตกใจมาก ตอนที่มนั ระเบิดเสียงตูม ลูกโป่ งหายไป สิ่งที่อยู่ตรงหน้ ากลายเป็ นเพียงเศษเล็กเศษ น้ อย ความฝันอันล่องลอยหายไปได้ในเพียงพริบตาตังแต่ ้ นนมา ั ้ เขาได้ เพียงมองท้ องฟ้า และเฝ้าหวัง บางที อาจมีลกู โป่ งพลัดหลงมาอีก สักครัง้ สักครัง้ จากที่ไหนสักแห่ง สักแห่ง “ยาย วาดลูกโป่ งนะ นะ” บางครัง้ ที่เขาร้ องขอให้ ยายวาดรูปลูกโป่ งให้ แต่ยายก็บอกว่าให้ เขาวาดเอง ลูกโป่ งวาดไม่ยาก ยิ่งเป็น สิ่งที่ได้ เคยเห็นแล้ ว สิ่งที่เราไม่เคยเห็นนัน่ ต่างหาก ที่วาดยากเต็มที แม้ พยายามหลับตาก็ไม่อาจเห็นมันได้ ตังแต่ ้ นนมา ั ้ เขาก็พยายามวาดลูกโป่ ง แต่ลกู โป่ งที่เขาวาดก็ดคู ล้ ายพระอาทิตย์และพระอาทิตย์ก็ กลายเป็นลูกโป่ ง อยู่ดี วันนี ้ เขามาหยุดยืนป่ าโปร่งด้ วยเวลาไม่นานนัก เมื่อเหลียวกลับไปมอง บ้ านยังตังตรงอยู ้ ่ตาแหน่งเดิม บนพื ้นที่ปลู าดไปด้ วยสายลม ความกว้ างใหญ่ไพศาลของความราบเรียบทาให้ เขามองเห็นบ้ านอย่างชัดเจน แม้ สีเหลืองของมันเป็ นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่ง เขารู้สกึ อุน่ ใจที่มองเห็นมันชัดเจนแบบนี ้ มันไม่เคยหายไปจาก สายตาของเขา เขาพยายามมองหาลูกโป่ งอยู่เสมอ เขาเป็นเพียงเด็กชายที่ต้องการเพื่อนบ้ างตอนที่เขาได้ ยินเสียง บางอย่างอยู่ด้านนอก ดังแว่วแทรกมาในความเงียบ เขาเฝ้านึกถึงนกกระจาบและรังของมัน แต่สิ่งที่เขาถวิลหา เหล่านี ้ จะอยู่ที่หลังป่ าโปร่งแห่งนี ้หรือไม่น่าสงสัยเหมือนกันเสียงแว่วไกล ฮุกฮู ฮุกฮู นัน้ อาจเป็ นเสียงของนก สักตัวที่กาลังร้ องเรียกเขาอยู่ กิดวี่เคยคิดว่าหากเป็นไปได้ เขาอยากให้ บนภูเขาของเขา มีม้าสีขาวสักตัวที่ยืนอยูท่ ่ามกลางหิมะสีขาว โพลน แม้ ไม่เคยมีหิมะตกบนภูเขาแห่งนี ้จริง ๆ แต่สดุ ท้ าย เหล่านันเป็ ้ นเพียงความฝันอันแสนรุงรังและดวงตา ของเขาก็คงว้ าเหว่ เดียวดายเกินไปแล้ วเหมือนการอยากได้ ยินเสียงไก่ขนั ในตอนเช้ า แมวผู้พลัดหลงมาในยาม


บ่ายอยากได้ ยินเสียงของนกกลางคืน แม้ ในความฝัน แม้ ในความอับชื ้นของสายฝนสุดท้ ายก่อนฤดูหนาวจริง ๆ จะมาเยือนแม้ สดุ ท้ ายจะเหมือนลูกโป่ งแตก ดังโพละ ไม่มีหิมะ ในเขตร้ อนชื ้น เป็นจริงที่สดุ บนภูเขาสูงอันเดียวดายย่อมมีเพียงสายลมที่แทบมองไม่เคยเห็น มีเพียงความเย็นที่วบู ไหวไปมาผ่านช่องหน้ าต่างของบ้ าน จากบานที่หนึ่ง ทะลุไปยังบานที่สอง “ใช่แล้ ว กิดวี่ หลานรัก ความเชื่อเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เราต้องเชื่อในความโดดเดี่ยวนี ้เต็มไปด้ วย สิ่งที่น่าค้ นหา” ยายอีกนัน่ แหละ กับคาพูดที่ลอ่ งลอย หาสาระอันใด แปลความหมายยุ่งยาก แต่มนั ก็ชอบที่จะดังซ ้า อยู่ในหัวของเขา ใครจะเชื่อว่าบนพื ้นดินนี ้ มีบ้านหลังเล็ก ๆ ของเขากับยาย ใครกันจะเชื่อ ในเมื่อที่นี่ไม่เคยมี ใครเดินทางมาถึง ยิ่งกว่า คนอื่นไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง กิดวีเ่ องก็หาได้ ค้นหาสิ่งใด แค่นงั่ นิ่ง ๆ ก็มองเห็นสิ่งทัง้ หมดแล้ วนี่ บ่อยครัง้ ที่เขาคิดว่าเขาควรเดินออกมาจากบ้ าน เดินออกไป เดินออกไป จนสามารถหยุดยืนอยู่ตรง ด้ านหน้ าของป่ าโปร่ง ยายต้ องเข้ าใจว่าส่วนหนึ่ง สิ่งที่เขากระหายมาจากถ้ อยคาเล่าขานของยายเอง แสงสาด ลาทอเป็ นประกายของต้นไม้ เห็นเป็นเงาสีดาหลายครัง้ ที่เขารู้สกึ เหมือนมีใครบางคนจ้ องมองเขาอยู่ “นายเป็นใคร” วูบนัน้ วินาทีที่ลาแสงอาทิตย์สาดส่อง เงาสีดาชัดเจนจึงปรากฎขึ ้น กิดวี่เห็นร่างสีดานันปรากฎเป็ ้ น เด็กผู้ชายวัยไล่เลีย่ กันกับเขา ผ้ าพันคอผูกโบว์สีดาปลิวไสวอยู่ในสายลม โยกเงาของเขาวับแวมเคลื่อนอยูห่ ลัง ต้ นไม้ หนึ่ง แน่ละ่ กิดวี่ตกใจ “นายขึ ้นมาบนภูเขาแห่งนี ้ได้ อย่างไร” ไม่มีใครอยู่บนภูเขาแห่งนี ้ และหากเขาขึ ้นมาได้ “ฉันไปได้ ทกุ ที่ ที่มีแสง”


น ้าเสียงหนักแน่นของเขา เสียงของคนอื่นที่ไม่ใช่เสียงของยาย โอ้ ช่างน่าตื่นตระหนก แม้ แต่เสียงนก ร้ องที่เขาเฝ้าถวิล เสียงคารามของท้ องฟ้า เสียงแมวร้ อง ที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นความจริง ก็ล้วนแปลกประหลาด แต่เสียงที่เขากาลังได้ยินนี ้ มาจากร่างเงาสีดาที่แอบอยู่โคนต้ นไม้ ต้ นไม้ ใหญ่ที่ถกู แสงหักเหได้ ตกกระทบ ลาแสงนันเกิ ้ ดเป็ นเงาสีดา และเขา ยืนนิ่ง อยู่ตรงนัน้ “นายมีชื่อไหม” กิดวี่ทาใจกล้ า ถามออกไป เสียงนันตอบกลั ้ บมาว่า “ฉันชื่อคาร์ล ฉัน เออ ฉันอยากมีเพื่อน ไม่เคยมีใครยอมเป็ นเพื่อนกับเงา” “นายเป็นเงา” กิดวี่เข่าอ่อน ระคนตกใจ เพื่อนคนแรกของเขา เป็ นเงา อืม ช่างน่านัก “เราจะเล่นอะไรกันดี” คาร์ลเป็ นฝ่ ายพูด เขายังพิงอยู่ในระหว่างเงาของต้ นไม้ น ้าเสียงเริงร่าของเขา กิดวี่เห็นเงานันก้ ้ มหน้ า อย่างเหนียมอาย “แย่จงั ฉันเองไม่เคยรู้จกั ว่าจะเล่นอะไรกันดี แล้ ว ฉันก็ยงั ไม่เคยเล่นอะไรกับใคร” กิดวี่เองพยายามนึกว่ายายเคยเล่นอะไรกับเขาบ้ าง “เล่นวาดรูปดอกไม้ ” กิดวี่ตอบอย่างฉะฉาน ก่อนจะห่อเหี่ยวเสียเต็มประดา “มันคงไม่ใช่การละเล่น” “งันเราเล่ ้ นของเล่นกันดีกว่า” คาร์ลว่า


กิดวี่ เอียงคอถึงร้ อยยี่สิบองศา มองคาร์ลที่ทาท่าเริงร่า “อะไร คือ ของเล่น”


-สาม-

สิ่งที่ไม่ เคยมี บางครัง้ เขาก็ตงค ั ้ าถามกับยาย ทาไมต้ องมาอยู่บนภูเขาที่ไม่มีใคร ไม่มีสิ่งใด สายลม แสงแดด อะไร ไม่สนุกเอาเสียเลย ของเล่น คืออะไร ยายน่าจะตอบอะไร สักอย่าง แทนการยิ ้มที่บานเหมือนดอกไม้ กิดวี่เบื่อรอยยิ ้มหวาน ๆ ที่ไร้ คาตอบของยายเต็มที “ดอกไม้ แบบยาย เหี่ยวแห้ งแล้ วนะ” ยายหัวเราะ “ถึงเหี่ยวแห้ ง ก็เป็นดอกไม้ วนั ยังค่านะจ๊ ะหลานรัก” “ยายเล่าเรื่องคนในหมูบ่ ้ านให้ ผมฟังบ้ างสิฮะ” ยายเคยพูดถึงหมูบ่ ้ าน และผู้คนที่ยายจากมา การค้ นพบภูเขาของยาย เหมือนค้ นพบสถานที่แห่ง ความสงบ ความปรารถนาของยายเพียงได้ นงั่ วาดรูปในสถานที่สขุ สงบ “หมูบ่ ้ านไม่สงบเลยหรือฮะ ยาย” “ยายคิดว่าการวาดรูป หรือทาสิ่งใด ควรทาเงียบ ๆ เพื่อจะได้ สมั ผัสสิ่งเหล่านัน้ อย่างช้ า ๆ ในความ เชื่องช้ ามีความเร็วของลมอยู่ หลานเคยได้ ยินเสียงลมพัดหรือยัง” แน่ละ่ ลมพัดบนพื ้นที่ราบเรียบ เสียงลมราวเสียงกรูเกรียวของวงมโหรี นอกจากบ้ านของเขา กิดวี่ยงั มองเห็นป่ าโปร่งที่อยู่ไกลจากบ้ านของเขาเกือบ 5-6 กิโล มองเห็นเป็ นเงาต้นไม้ โหรงเหรงอยู่ราวสิบต้ น นอกจากนันแผ่ ้ นราบเรียบของผืนดิน ไม่มีสิ่งใดอยู่เลย มองขึ ้นไปก็มีเพียงดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ลอยเด่นอยู่บน ฟากฟ้าไกล คอยส่องแสง แผดกล้ า ฤดูร้อนยาวนานเสมอบนพื ้นดินที่ไม่มีอะไรเลย แต่เมื่อไหร่ที่บ้านบนภูเขาถึง คราวหนาวจัด ใบไม้ ที่ป่าโปร่งพากันสลัดใบ เหลือแต่กิ่งก้ านเก้ งก้ าง มีเพียงลมพัดโหมแรง หนาวที่สดุ เคยเกิด


เกล็ดหิมะแข็งตัวเกาะตามยอดหญ้ ากิดวีจ่ ินตนาการไปว่ามันคือดวงดาวที่หล่นมาจากฟากฟ้า และกลับไปไม่ ทันต้ องระเหยหายไปในที่สดุ แต่ถึงตอนนันบานหน้ ้ าต่างทังสองก็ ้ แทบจะไม่สามารถถูกเปิ ดให้ ออกไปชื่นชมด้ วย ป้องกันสายลมหนาวไม่ให้ พดั เข้ ามาในบ้ านได้ อากาศหนาวทาให้ คาเรนป่ วย และกิดวี่ก็ป่วย ต่างคนต่างป่ วย แข่งกันนอน กิดวี่คิดว่าคาเรนน่าจะวาดรูปของแสงแดดให้ สาดทอไล่ความหนาวเย็นเสียบ้ าง และหากแสงนัน้ สว่างพอ เพื่อนของเขาคงจะกลับมา สุดท้ าย กิดวี่ยงั คงเห็นยายวาดรูปดอกไม้ สีขาวเช่นเดิม จนน่ากลัวว่าสี ขาวของดอกไม้ จะกลายเป็ นหิมะสีขาวโพลนนัน่ สินะ “หนาวนี ้จะมีหิมะตกไหม ยาย” หนาวมากเมื่อไหร่ กิดวี่ไม่มีทางอื่นใด แม้ อยากออกไปกระโดดโลดเต้ นวิ่งไล่จบั ปุยเมฆข้ างนอกอีก เขา ก็ถกู จากัดด้ วยเพียงจ้ องมองกระดาษสีขาวตรงหน้ าของตัวเอง และปลายพู่กนั ก็เริ่มจุ่มสี กิดวี่พยายามจะวาด แสงแดดเสียเอง เหนือหลังคาบ้ านที่มหี ิมะขาวปกคลุม แต่เขาก็ทาได้ จริง ๆ เพียงใช้ สีแดงส้ มวาดวงกลม “หนาวแค่ไหน มันไม่เคยมีหิมะตกบนภูเขาแห่งนี ้หรอก กิดวี่ หลานรัก ไม่งนั ้ หัวมันสีมว่ งที่ฝังอยู่ใต้ ดิน คงไม่ได้ โตให้ เราได้เก็บมากิน แล้ วยายก็ไม่เคยต้ องสะสมอาหารไว้ สาหรับฤดูหิมะเอาไว้ เลย อีกอย่าง มันไม่ เคยมีฤดูหิมะสาหรับที่นี่” บนพื ้นดินอันปูลาดด้ วยความว่างเปล่าถูกสายลมยึดครองเสมอ กิดวี่ร้ ูสกึ ถึงลมเย็นที่เล็ดลอดมาจาก ช่องรูโหว่เล็ก ๆ ของบานประตู เขานาเอาใบพัดเล็ก ๆ ที่ทาจากกระดาษวาดรูปที่ล้มเหลวของเขาเองมาพับเป็ น กังหันลม มันหมุนเร็วและแรงตามความเร็วของลมที่ ลอดเข้ ามาให้ เขารับรู้ถึงความแรงของลม ลมด้ านนอก กาลังส่งเสียงอื ้ออึงจะเป็นเสียงพร่าบ่น หรือ เสียงร้ องเพลงของสายลม ก็มิอาจล่วงรู้ “ฤดูลม ก็ยงั ไม่น่าจะมาถึงนี่ฮะ” กิดวี่ก้มตัวนอนราบกับพื ้นบ้ าน มองลอดรูเล็ก ๆ ตรงช่องฝาผนังนันออกไปภายนอก ้ ฤดูลมมากจะมา ในวันที่แสงแดดมาก ฤดูลมน้ อยปรากฏตัวตอนแสงแดดหดตัวเงียบ แต่วนั ไหน ๆ ของที่นี่ก็มเี พียงลม เด็กวัยสิบ ขวบจาได้ แบบนัน้ ปลิวพัดทุกอย่างให้ ลกุ ฮือ สะบัดใบของกิ่งไม้ นนให้ ั ้ ร่วงกรูในพริบตา โอนเอนป่ าใบให้ โยกไหว กิดวี่เคยนัง่ มองมัน ใบร่วงปลิวสูพ่ ื ้นราวหยาดฝน เสียดาย ที่ไม่มีพวกดอกไม้ หมุนเคว้ งลอยละลิ่วหล่นปูพื ้น


บางทีเขาน่าจะจดจามันมาจากผืนผ้ าที่ยายวาด พวกลมกาลังโกรธใครมา และลมร้ อนก็อาจพบได้ อย่างไม่น่า เชื่อผิวบางของเขาแทบมอดไหม้ นอกจากดวงอาทิตย์ สายลม กิดวี่ไม่เคยคิดว่าบนภูเขาแห่งนี ้ จะมีสิ่งใดอีก ยิ่งตอนนี ้ มันแค่ต้นฤดู หนาวหนึง่ ที่ลมอาจพัดโชยความหนาวเย็นมาได้ แต่ไม่ใช่เกล็ดหิมะยะเยือกแบบนี ้ เสียงโครมของบางอย่างทิ ้งตัวตกกระทบหลังคาดังลัน่ สนัน่ ก่อนจะชะกรูรูดลงมากองที่พื ้น คาเรนกับ กิดวี่สบตากันอย่างตกใจ ก่อนที่กิดวีจ่ ะกระโดดกอดยาย จนเกือบเซล้ มทังคู ้ ่ “ไหนยาย ว่า ไม่มีหิมะ” คาเรนเองกอดกิดวี่ไว้ แน่น ขณะที่กิดวี่กาลังคิดถึงหิมะ แต่ไม่น่าจะใช่หิมะ ที่นี่ไม่เคยมีหิมะ ก่อนที่ทงั ้ สองคนจะสวมใจกล้ า ย่องออกไปดูวา่ สิ่งใดที่ทาให้ หล่นเสียงดังจากหลังคา เป็ นหิมะกองมหึมา หรือ เพียง ก้ อนหินพลัดหลง แต่พอแง้ มประตู เสียงลมอื ้ออึงก็กรูออกมาทายทัก หนาวสัน่ เพียงใด คาเรนกับกิดวี่กพ็ ากันจูงมือกัน ออกไปนอกบ้ าน หิมะจริง ๆ ด้ วย ขาวโพลน และหนามาก เท้ าของกิดวีจ่ มหายไปในสีขาว และมันทาให้ เขา หนาวมาก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “มัน มัน ตกตังแต่ ้ เมื่อไหร่” เสียงของกิดวี่สนั่ เหมือนตัวของเขา เหมือนตัวของยาย คาเรนรีบพากิดวี่กลับเข้ าบ้ าน ปิ ดประตูโครม มือทังสองข้ ้ างแทบจะกระดิกไม่ได้ มันแข็งทื่อได้ ในฉับพลัน “มันไม่เคยมีหิมะตกแบบนี ้ บนภูเขาแห่งนี ้มาก่อน ยายขอยืนยัน” กิดวี่พยักหน้ าหงึกหงัก นี่เป็ นสิ่งที่กิดวีเ่ ชื่อเหมือนกัน ก่อนจะรวบผ้ าผืนใหญ่มาห่มตัวให้ อนุ่ แต่พอวง แขนอุน่ ของยายโอบล้ อมเข้ ามา กลิ่นนี ้ อุน่ นี ้ แตะที่ปลายจมูก “ลมข้ างนอกแรงจนอาจกลายเป็ นพายุหิมะ” “โอ้ อย่าเป็ นแบบนันเลย ้ บ้ านของเราไม่ได้ เตรียมตัวมาสาหรับฤดูพายุหิมะที่ไม่เคยมีมาก่อน”


กิดวี่ พยายามจะอุดช่องโหว่ตรงบานประตูนนั ้ ตรงที่เขาใช้ ช่องว่างนี ้มองลอดไปด้ านนอก แต่ทว่า ดูสิ ไม่มีใครเดาถูกว่าเขาจะเห็นอะไร จากช่องรูเล็ก ๆ นี ้ เมื่อกี ้เขาออกไปก็ไม่เห็น โอ้ หญิงสาวชุดสีขาว เธอขาวไป หมด ตังแต่ ้ หวั จรดเท้ า ผมยาวของเธอก็สีขาว แม้ แต่ขนตาก็เป็นสีขาว มีเพียงดวงตานันเป็ ้ นสีฟ้าน ้าทะเล และ ม้ าตัวนัน้ ก็เป็ นม้ าสีขาว ทุกอย่างเหมือนสีขาวของหิมะ หรือสีของหิมะได้ ทบั ถมเธอและม้ าจนกลายเป็ นสิ่ง เดียวกันไปหมด

“ไม่นะ ยาย มีหิมะ มีม้าอยู่หน้ าบ้ านของเราด้ วย” กิดวี่ร้องเสียงหลง คาเรนพยายามควานหาแว่นตา นัน่ เป็นสิ่งแรกที่คาเรนนึกออกตอนที่ตกใจ “หลานอาจหนาวจนเพ้ อ ไม่เป็นไรนะ กิดวี่ เช้ าพรุ่งนี ้แสงแดดจะทอแสงมา ไม่เป็ นไรนะ ไม่เป็นไรนะ อีกไม่นานก็เช้ าแล้ ว” คาเรนพูดปลอบใจกิดวี่และดูเหมือนอยากจะปลอบใจตัวเอด้ วย แต่เมื่อสายตาที่เธอหวาดระแวงมอง ผ่านเลนส์กระจกกลับเห็นเป็นแมวตัวหนึง่ ขนขาวปุกปุย เยื ้องย่างอยู่ในกองหิมะ “แมวหิมะ” พอยายว่าแบบนัน้ กิดวี่จึงมุดมองหาแมว เขาเพ่งมองออกไป แต่เขามองเห็นม้ าต่างหาก แต่ไม่วา่ จะ เป็ นแมวหรือม้ า บนภูเขาที่ไม่เคยมีสิงสาราสัตว์ใดเลยนี่นา “ไม่เห็นมีอะไรเลย ยาย” ไม่มีอะไรจริง ๆ หญิงสาวผู้มีเรือนกายสีขาว ม้ าสีขาวผู้สง่างาม หรือแมวสีขาวเยื ้องย่างดัง่ หิมะเป็น ปุยนุ่น มันหายไปแล้ ว กิดวี่เชื่อแล้ วว่าเขาฝันไป ทุกอย่างไม่เคยมีปรากฏบนภูเขาแห่งความโดดเดีย่ วแห่งนี ้เลยนี่นา “เมี๊ยวเมีย๊ ว หง่าว”


เสียงร้ องของมันดังซ ้า ๆ เป็นเสียงที่กิดวี่ไม่เคยได้ยิน หากคาเรนยืนยันว่านี่เป็นเสียงของแมว และนัน่ มันทาให้ สองคนแน่ใจว่า ทังหมดไม่ ้ ใช่แค่หิมะ สิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ กาลังปรากฏตัว “ยายเคยได้ ยินเสียงแมวแบบนี ้มาจากหมูบ่ ้ าน” ยายเคยอยู่ที่หมูบ่ ้ านด้ านล่าง นัน่ เป็นเรื่องราวที่ยายเคยเล่าให้ ฟัง แม้ ยายจะเล่าให้ เขาฟังน้ อยมาก หรือบางที ยายก็ไม่อยากเอ่ยถึงมันอีก เรื่องของผู้คน เรื่องของหมูบ่ ้ าน และแมว พอมันร้ องซ ้ากิดวี่กระโดดกอดยายไว้ แน่นอีก คาเรนเองก็กอดกิดวี่ไว้ แน่น เสียงร้ องเหมียว เมี๊ยว หง่าว เสียงดังกังวาน เย็นยะเยือก วังเวงยังคงดังต่อเนื่อง สองยายหลานก็รับรู้ถึงความหนาวกว่าความหนาวเย็นของ หิมะ เหลือประมาณ



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.