พชบ. 2556/11
ชมรมแพทย์ชนบท โรงพยาบาลชุมแพ อาเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น 40130 วันที่ 1 มีนาคม 2556
เรื่อง ขอถอนตัวจากเป็นกรรมการทุกชุด ที่กระทรวงสาธารณสุขภายใต้ นายประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรียน นายประดิษฐ สินธวณรงค์ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) และนายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ (ปลัดกระทรวงสาธารณสุข) อ้างถึง คาสั่งทุกคาสั่งที่แต่งตั้งประธานชมรมแพทย์ชนบทและชมรมผู้อานวยการโรงพยาบาลชุมชนหรือ ผู้แทน เป็นกรรมการทุกชุด ภายใต้นายประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข และ นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วยนับตั้งแต่นายประดิษฐ สินธวณรงค์ ได้เริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมือง ตั้งแต่เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการแพทย์แผนไทยฯ ตลอดจนดารงตาแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตลอดปีเศษที่ผ่านมานั้น มีพฤติกรรมและท่าทีที่เป็นอคติ กับทิศทางการปฏิรูประบบสุขภาพและมีทิศทาง ที่มุ่งเน้นทาให้ระบบงานบริการปฐมภูมิและโรงพยาบาลชุมชน ล่มสลาย มาโดยตลอดดังนี้ 1.เป็นผู้ทอี่ ยู่เบื้องหลัง ตลอดจนผลักดันให้ มีบันได ๔ ขั้นในการล้มล้างหลักประกันสุขภาพถ้วน หน้า และมีทิศทางอย่างชัดเจนที่จะ ล้มล้าง ครอบครอง องค์กรที่จัดตั้งภายใต้การปฏิรูประบบสุขภาพ เช่น ส.ส.ส. สปสช. สช. สวรส. สพฉ.ฯลฯ มาโดยตลอดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ จนเกิดผลกระทบ ทาให้การพัฒนาสาธารณสุขหยุดชงักตลอดปีเศษที่ผ่านมา เช่นการแต่งตั้งบอร์ดชุดต่างๆก็ล้วนแล้วแต่ มุง่ เน้นในการตั้งกรรมการที่หวังผลทางการเมืองมากกว่าการพัฒนา โดยไม่สนใจ แยแส ต่อการทัดทาน จากภาคประชาชน การพัฒนาที่อ้างการปฏิรูปก็มุ่งเน้นการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอานาจ(เพื่อให้มีอานาจ ทางการเงิน) มากกว่าการปฏิรูปเชิงปัญญา(วิชาการ) หรือนาประเด็นทางสังคมมาพิจารณา พฤติกรรมที่ แสดงมาโดยตลอดไม่เคยแสดงให้เห็นได้ว่าเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ใช่มีแต่กรุงเทพมหานคร อันอาจ เนื่องมาจากไม่เคยเสียสละชดใช้ทุนในชนบท จึงไม่เคยซึมซับถึงความยากไร้ ขาดโอกาสในทุกด้านของคน ยากคนจน ที่อยู่ในพื้นที่ชนบททีห่างไกลทุรกันดารหรือเสี่ยงภัย ตลอดปีเศษที่ผ่านมา ยังไม่เคยพิสูจน์ ความกล้าที่จะไปเยี่ยมเยียนหรือพักค้างคืนเพื่อเป็นกาลังใจ หรือทาความเข้าใจว่าแพทย์ ทันตแพทย์ และ บุคลากรอื่น ที่ปฏิบัติงานใน 3 ตลอดจนพื้นที่ชนบทห่างไกลอื่นๆ ว่ามีความทุกข์ ยากและมีปัญหาในการลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ขวัญและกาลังใจ ตลอดจนบั่น ทอน และบุคลากรอื่นๆ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้และใน ชนบท รู้สึกน้อยเนื้อต่าใจกับรัฐบาล และ กาลังจะทยอยย้ายออกมาจากพื้นที่อย่างเงียบสงบ ส่งผลให้ ประชาชนในพื้นที่ชนบทตลอดจน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังกล่าว อาจได้รับความเดือดร้อน จนอาจ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้
๒.มีพฤติกรรมทีไ่ ม่น่าไว้วางใจว่ามีผลประโยชน์เคลือบแฝงในทางธุรกิจที่ผูกพันกับโรงพยาบาล เอกชนทั้งทางตรงและทางอ้อมหรือไม่ จึงมุ่งเน้นในการพัฒนาโรงพยาบาลเพื่อให้รองรับในการดูแลคน รวยชาวต่างชาติ เพื่อหวังผลด้านธุรกิจมากกว่าทางสังคมหรือมนุษยชน ทั้งที่ประชาชนในชนบทกว่า 40 ล้านคน ยังขาดความเสมอภาคและคุณภาพบริการด้านสุขภาพ เมื่อเทียบกับประชาชนในเขตเมืองหรือ กรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก นายประดิษฐ จึงมุ่งเน้นระบบรักษาพยาบาลมากกว่าการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคตลอดจนการฟื้นฟูด้านสุขภาพที่เป็นหัวใจสาคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพ เป็นการ นาเอาทรัพยากรของประเทศไปดูแลคนรวยชาวต่างชาติ และที่สาคัญ กาลังทาลายระบบบริการสุขภาพ ในโรงพยาบาลชุมชน และส่งเสริมให้โรงพยาบาลของรัฐในเขตเมืองเติบโตมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเปิดประตู เชื้อเชิญให้โรงพยาบาลเอกชนเติบโตในเขตเมืองนอกกรุงเทพมหานครมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้แพทย์ ทันต แพทย์ และบุคคลากรในชนบทไหลเข้าเขตเมืองและลาออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนเพื่อรองรับ AEC มากขึ้น การ เรียน แพทย์เอกชนและรัฐแห่งใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 แห่ง และตอกย้าสร้างความเชื่อมั่นให้แพทย์เข้าสู่ ภาคเอกชนเพื่อรองรับ AEC มากขึ้น โดยทาการบั่นทอนกาลังใจของแพทย์ที่จะไปปฏิบัติงานในชนบท โดยสั่งการให้ลดทอนและตัด แรงจูงใจให้แพทย์ ทันตแพทย์และบุคคลากรที่จะไปอยู่ในชนบท ทาให้ ขณะนี้แพทย์ ทันตแพทย์และบุคลากรอื่นๆ ในโรงพยาบาลชุมชนทั้งประเทศเสียกาลังใจและเตรียมขอ ย้ายเข้าโรงพยาบาลในเขตเมืองและลาออกไปอยู่ภาคเอกชนมากขึ้น นอกจากนี้นายประดิษฐ ยังเป็นผู้ที่มี ส่วนสาคัญ ในการตัดทอนงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา และเป็นผู้ ที่เริ่มต้นในการสกัดกั้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามงบประมาณโครงการเงินกู้(DPL) 18 เดือนแล้วงบประมาณก้อนนี้ก็ยังไม่ถึงจังหวัดและหน่วยบริการแต่ประการใด ทั้งที่ดารงตาแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วกว่า ๔ เดือน(มีแต่ราคาคุย ว่าจะทาให้เสร็จก่อนปีใหม่) ทาให้ โรงพยาบาลของรัฐโดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนกลายเป็นโรงพยาบาลอนาถา และประชาชนจะขาด ศรัทธาไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนตามบันได ๔ ขั้น 3. ิ ในงานบริหารขนาดเล็ก แต่กลับ เป็นผู้สั่งการให้เพิ่มตาแหน่ง รองเลขาฯ สปสช. 2 ตาแหน่ง แต่กลับไม่แสดงภาวะผู้นายอมรับว่าตนเอง เป็นผู้สั่งการให้เพิ่ม กลับปัดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่ายประจาต้องรับหน้าแทน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือว่า ไม่เป็นสุภาพบุรุษ เข้าทานองเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น ทาให้เป็นแพทย์ที่ไม่สง่างาม กลายเป็นนักธุรกิจใน คราบแพทย์ไป ทาให้แพทย์ที่จะเข้ามาทางานบางท่านที่เป็นคนดีเช่น นพ.สัมฤทธิ์ ต้องขาดความสง่างาม ตายทั้งเป็นต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ปากบอกว่าจะปฏิรูปและกระจายอานาจ แต่ตลอดปีเศษทีผ่านมากลับแสดงท่าทีเพื่อ รวบอานาจ ทั้งงบประมาณและระบบบริการมารวมอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด ทั้งที่กระทรวง สาธารณสุขในสายตาประชาชนมีแต่ภาพที่ไม่อาจอาจยอมรับให้มีอานาจเต็มรูปแบบมาโดยตลอด เป็น การถอยหลังเข้าคลอง นอกจากนี้ นายประดิษฐ์ ยังสนับสนุนและชักจูงคนทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ที่มีมลทินมัวหมอง และไม่เข้าใจบริบทของกระทรวงสาธารณสุข ให้เข้ามามีอานาจและมีบทบาทในการ
ผลักดันแนวคิด โดยคนหนึ่งกาลังอยู่ในการสรุปคดีกับป.ป.ช.เรื่องคอมพิวเตอร์ ๙๐๐ ล้าน อีกคนก็มี ปัญหาถูกมหาวิทยาลัย มศว. ตั้งกรรมสอบวินัยร้ายแรงเรื่องการลอกวิทยานิพนธ์เป็นต้น จากพฤติกรรมดังกล่าวของนายประดิษฐที่ส่อไปในทางทาร้ายโครงสร้างของกระทรวง สาธารณสุข และทาร้ายประชาชนอย่างที่ไม่เคยมีรัฐมนตรีคนใดกล้าทามาก่อน เช่นสั่งให้เก็บเงิน 30 บาทและเพิ่มราคาค่าบริการสาธารณสุขโดยไม่มีเหตุผล ซ้าเติมและทาร้ายประชาชนมากขึ้น แต่กลับไม่ ยอมปฏิรูปสวัสดิการข้าราชการที่ดูดงบประมาณของประเทศไปอย่างมากมาย ลดเงินงบประมาณที่จะจูง ใจแพทย์ที่จะไปทางานในชนบทแต่ก็กลับจูงใจให้แพทย์ไปทางานในเขตเมืองแทน ชมรมแพทย์จึงไม่อาจ ร่วมสังฆกรรมกับท่านได้ เพราะอาจทาให้ท่านนาเอาไปแอบอ้างว่าชมรมแพทย์ชนบทและชมรม ผู้อานวยการโรงพยาบาลชุมชน เป็นองค์ประกอบในการประชุมและมีส่วนร่วมในการทาลายระบบ สุขภาพในชนบทไปกับท่านด้วย จึงขอไม่ร่วมสังฆกรรมกับกระทรวงสาธารณสุขในยุคที่นายประดิษฐ และนายณรงค์ เป็นเจ้า กระทรวง และขอออกมาอยู่ในบทบาทของหมาเฝ้าบ้านจนกว่าทั้ง 2 ท่านจะพ้นจากตาแหน่งไป ขอแสดงความไม่นับถือ
(นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ) ประธานชมรมแพทย์ชนบท โทร.081-8729600