บทที่ 10 การพยากรณ (Forecasting) ในการดําเนินกิจการทางธุรกิจ ถาเราสามารถทราบขอมูลบางอยางลวงหนาได เชนยอดขาย สินคา หรือราคาวัตถุดิบ ก็จะทําใหสามารถวางแผนการดําเนินงานไดอยางมีประสิทธิภาพ อยางไรก็ ตามการที่จะทราบขอมูลลวงหนาไดนั้นเปนไปไดยาก ในทางปฏิบัติจริงทําไดก็แตเพียงการคาดการณ หรือที่เรียกวาการพยากรณ ซึ่งถาใครหรือองคการใดสามารถพยากรณขอมูลไดใกลเคียง ก็จะไดเปรียบ ทางดานการแขงขันในเชิงธุรกิจ โดยทั่วไปการพยากรณขอมูลมีอยู 2 แนวความคิด กลาวคือแนวความคิดหนึ่งเชื่อวาพฤติกรรม ในอดีตของสิ่งที่จะพยากรณนั้นเพียงพอที่จะพยากรณขอมูลได สวนอีกแนวความคิดหนึ่งเชื่อวาสิ่งที่จะ พยากรณนั้นขึ้นอยูกับองคประกอบอื่นๆซึ่งถาเราสามารถหาขอมูลขององคประกอบเหลานั้นได
ก็
สามารถที่จะพยากรณขอมูลได อยางไรก็ตามเปนการยากที่จะบอกวาแนวความคิดไหนถูกตอง หรือวา แนวความคิดไหนดีหรือไมดี แตสําหรับแนวความคิดแรกนั้น จําเปนตองมีขอมูลมากพอสมควรที่จะ นํามาศึกษาพฤติกรรมกอนที่จะไปพยากรณ และสําหรับแนวความคิดหลัง การหาองคประกอบที่มี สวนเกี่ยวของกับสิ่งที่จะพยากรณนั้นไมใชเรื่องที่งายนัก 10.1 อนุกรมเวลา อนุกรมเวลา (Time Series) หมายถึงลําดับของขอมูลชุดหนึ่งที่กําหนดตามจุดของเวลา เชน วัน สัปดาห เดือน ไตรมาส หรือป เปนตน ลักษณะขอมูลของอนุกรมเวลา โดยทั่วไปแลวประกอบดวย 4 องคประกอบดวยกันคือ 1. แนวโนม (Trend: T) เปนการเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงของขอมูลอยางชาๆ ในชวงเวลานานๆ 2. ฤดูกาล (Seasonality: S) เปนรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่อยูเหนือหรือใตแนวโนม ซึ่งจะ เปนในลักษณะเดียวกันในแตละฤดูกาล
184 3. วัฏฏะ (Cycle: C) เปนรูปแบบของขอมูลทีม่ ักเกิดขึ้นในชวงหลายๆ ป ซึ่งมักจะเกิด ขึ้นกับอนุกรมเวลาที่อยูในวงจรธุรกิจ 4. การเปลี่ยนแปลงสุม (Random variation: R) คือสิ่งที่มีผลกระทบตออนุกรมเวลาอยางสุมๆ ซึ่งไมมีรูปแบบที่แนนอน ตัวแบบของอนุกรมเวลาที่นิยมใชกันนั้นมีอยู 2 ตัวแบบ คือตัวแบบผลคูณ (Multiplicative model) และ ตัวแบบผลบวก (Additive model) กลาวคือถา Y เปนอนุกรมเวลาจะไดวา ตัวแบบผลคูณของ Y คือ Y = T x S x C x R และ ตัวแบบผลบวกของ Y คือ Y = T + S + C + R 10.2 ความถูกตองของการพยากรณ (Forecast Accuracy) สิ่งที่สําคัญมากอยางหนึ่งของการเลือกวิธีที่ใชในการพยากรณขอมูลอนุกรมเวลาก็คือ ความ ถูกตองของการพยากรณ คําวาความถูกตองในที่นี้หมายถึงคาพยากรณกับคาขอมูลจริงมีความใกลเคียง กัน หรือกลาวอีกนัยหนึ่งวา คาความคลาดเคลื่อนของการพยากรณ (Forecast Error) มีคานอยๆ คาที่ใชวัดความถูกตองของการพยากรณมีหลายคาดวยกันแตที่นิยมใชก็มี คาเฉลี่ยของกําลัง สองของความคลาดเคลื่อน (Mean Squared Error หรือ MSE) และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความ เบี่ยงเบน (Mean Absolute Deviation หรือ MAD) ถา Xt และ Yt คือขอมูล และคาพยากรณของอนุกรมเวลา ณ เวลา t โดยที่ t = 1, 2, 3, …, n จะไดวา
MSE =
n
2 (X t Yt )
t 1
MAD =
n
| X t Yt |
t 1
10.3 วิธีที่ใชในการพยากรณ เนื่องจากวิธีที่ใชในการพยากรณมีหลากหลายวิธีดวยกัน
ดังนั้นการเลือกวิธีพยากรณให
เหมาะสมกับขอมูลที่จะพยากรณเปนสิ่งที่สําคัญ ซึ่งทั้งนี้อาจตองคํานึงถึงในเรื่องของ ความถูกตองของ
185 การพยากรณ ลักษณะของขอมูล คาใชจาย ระดับความรูของผูพยากรณ และหนวยเวลาที่จะใชใน การพยากรณ วิธที ี่ใชในการพยากรณมีวิธีตั้งแตมีความซับซอนนอยๆ
ไปจนถึงวิธีที่มีความซับซอนมากๆ
แตในที่นี้จะนําเสนอใหเห็นวิธีการพยากรณที่มีความซับซอนไมมากนักเชน วิธีไรเดียงสา (Naïve method) วิธีการทําใหเรียบ (Smoothing Methods) ซึ่งเปนวิธีที่พัฒนามาจากแนวความคิดที่ 1 และ วิธีการถดถอยเชิงเสน (Linear Regression Methods) ที่พัฒนามาจากแนวความคิดที่ 2 10.3.1 วิธีไรเดียงสา วิธีไรเดียงสานับเปนวิธีพยากรณแบบที่งายและไมซับซอน
และเหมาะสมกับขอมูลอนุกรม
เวลาที่มีจํานวนขอมูลไมมากนัก วิธีนี้จะใชคาขอมูลของอนุกรมเวลาที่เวลา t เปนคาพยากรณของ อนุกรมเวลาที่เวลา t+1 เพื่อใหเกิดความเขาใจพิจารณาขอมูลของราคาหุนของบริษัทแหงหนึ่งในชวง 10 สัปดาห ดังแสดงในตารางที่ 10.1 ตารางที่ 10.1 ขอมูลอนุกรมเวลาของราคาหุนของบริษัทแหงหนึ่ง สัปดาหที่ ราคาหุน (บาท) 1 67 2 68 3 66 4 69 5 70 6 74 7 71 8 71 9 72 10 68
186 จากหลักการของวิธีไรเดียงสา จะใชคา 67 ซึ่งเปนขอมูลจริงที่สัปดาหที่ 1 เปนคาพยากรณ ขอมูลของสัปดาหที่ 2 และจะเห็นไดวา คาขอมูลจริงในสัปดาหที่ 2 คือ 68 ซึ่งมีความคลาดเคลื่อน เทากับ 68 – 67 = 1ในทํานองเดียวกันจะใชคา 68 ซึ่งเปนคาขอมูลจริงในสัปดาหที่ 2 เปนคาพยากรณ ขอมูลในสัปดาหที่ 3 และมีความคลาดเคลื่อนเทากับ 66 – 68 = -2 คาพยากรณทั้งหมดรวมทั้งคาที่ใช วัดความถูกตองการพยากรณแสดงในตารางที่ 10.2 ตารางที่ 10.2 คาพยากรณของราคาหุนเมื่อใชวิธีไรเดียงสา สัปดาห ราคาหุน คาพยากรณ ที่ (บาท) (บาท) 1 67 2 68 67 3 66 68 4 69 66 5 70 69 6 74 70 7 71 74 8 71 71 9 72 71 10 68 72 11 68
ความคลาดเคลื่อน
คากําลังสองของ ความคลาดเคลื่อน
คาสัมบูรณของ ความคลาดเคลื่อน
1 -2 3 1 4 -3 0 1 -4
1 4 9 1 16 9 0 1 16 ผลรวม = 57
1 2 3 1 4 3 0 1 4 ผลรวม = 19
วิธีนี้จะพยากรณวาขอมูลที่เวลา t = 11 เทากับ 68 ทั้งนี้โดยมีคาเฉลี่ยของกําลังสองของความ คลาดเคลื่อน MSE เทากับ
57 9
= 6.33 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน MAD
เทากับ 195 = 3.80 บาท 10.3.2 วิธีการทําใหเรียบ วิธีการทําใหเรียบ เปนวิธีการที่จะขจัดผลที่เกิดจากองคประกอบที่ทําใหขอมูลอนุกรมเวลาเกิด ความไมสม่ําเสมอ ซึ่งในที่นี้จะนําเสนอวิธีการทําใหเรียบ 3 วิธีดวยกันคือ วิธคี าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving
187 Average Method) วิธคี าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบถวงน้ําหนัก (Weighted Moving Average Method) และ วิธกี ารทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียล (Exponential Smoothing Method) วิธีการทําใหเรียบดังกลาวนี้จะ เหมาะสมกับขอมูลอนุกรมเวลาที่มีความเสถียร กลาวคือขอมูลอนุกรมเวลานั้นไมมีแนวโนม ไมมี ฤดูกาล และไมมีวฏั ฏะ วิธีการทําใหเรียบ เปนวิธีการที่งายและไมซับซอนมากนัก ที่สําคัญคือไมจําเปนที่ตองใชขอมูล จํานวนมากในการทําการพยากรณ
และผลของการพยากรณมักจะมีความถูกตองคอนขางสูง
โดยเฉพาะอยางยิ่งการพยากรณในระยะสั้น วิธคี าเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่ วิธคี าเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่ เปนการพยากรณที่ใชการหาคาเฉลี่ยของขอมูลอนุกรมเวลา n จํานวน เปนคาพยากรณของขอมูลที่เวลาถัดไป การกําหนดคา n จําเปนตองกําหนดใหเหมาะสมกับขอมูล อนุกรมเวลานั้นๆ ซึ่งจะไมกลาวถึงในที่นี้ ในการแสดงวิธีการพยากรณขอมูลของอนุกรมเวลาในตารางที่ 10.3 นั้นกําหนด n = 3 นั่นคือ คาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (สัปดาหที่ 1-3) =
66 68 67 3
= 67.00
จากนั้นจะใชคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ดังกลาวนี้เปนคาพยากรณของขอมูลในสัปดาหที่ 4 ในทํานอง เดียวกันจะไดวา คาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (สัปดาหที่ 2-4) =
69 66 68 3
= 67.67
คาพยากรณทั้งหมดรวมทั้งคาที่ใชวัดความถูกตองการพยากรณแสดงในตารางที่ 10.3
188 ตารางที่ 10.3 คาพยากรณของราคาหุนเมื่อใชวิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่ สัปดาห ราคาหุน คาพยากรณ ความคลาดเคลื่อน ที่ (บาท) (บาท) 1 67 2 68 3 66 4 69 67.00 2.00 5 70 67.67 2.33 6 74 68.33 5.67 7 71 71.00 0.00 8 71 71.67 -0.67 9 72 72.00 0.00 10 68 71.33 -3.33 11 70.33
คากําลังสองของ ความคลาดเคลื่อน
คาสัมบูรณของ ความคลาดเคลื่อน
4.00 5.44 32.11 0.00 0.44 0.00 11.11 ผลรวม = 53.11
2.00 2.33 5.67 0.00 0.67 0.00 3.33 ผลรวม = 14.00
คาพยากรณของขอมูลที่เวลา t = 11 โดยวิธีนี้จะเทากับ 70.33 โดยมีคาเฉลี่ยของกําลังสองของ ความคลาดเคลื่อน MSE เทากับ
53.11 7
= 7.59 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน
MAD เทากับ 147.00 = 2.00 บาท ในบางสถานการณขอมูลอนุกรมเวลาที่เปนจริงนั้นอาจจําเปนตองเปนจํานวนเต็มเทานั้น
ที่
เปนเชนนี้ก็เพราะ การพยากรณโดยคาที่ไมใชจํานวนเต็มนั้นอาจทําใหขอมูลไมมีโอกาสถูกตอง ดังนั้น จึงมีการปดเศษคาพยากรณที่ไมใชจํานวนเต็มใหเปนจํานวนเต็ม ซึ่งเรียกวาเปนคาพยากรณแบบปดเศษ (Rounded Forecasts) ดังนั้นถาราคาของหุนนั้นเปนจํานวนเต็ม ผลของการพยากรณโดยวิธีคาเฉลี่ย เคลื่อนที่แสดงในตารางที่ 10.4
189 ตารางที่ 10.4 คาพยากรณของราคาหุนเมื่อใชวิธีคาเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบปดเศษ สัปดาห ราคาหุน คาพยากรณ คาพยากรณ ความคลาด คากําลังสองของ ที่ (บาท) (บาท) ปดเศษ (บาท) เคลื่อน ความคลาดเคลื่อน 1 67 2 68 3 66 4 69 67.00 67 2 4 5 70 67.67 68 2 4 6 74 68.33 68 6 36 7 71 71.00 71 0 0 8 71 71.67 72 -1 1 9 72 72.00 72 0 0 10 68 71.33 71 -3 9 11 70.33 70 ผลรวม = 54
คาสัมบูรณของ ความคลาดเคลื่อน
2 2 6 0 1 0 3 ผลรวม = 14
ซึ่งคาพยากรณของขอมูลที่เวลา t = 11 เทากับ 70 ทั้งนี้คาเฉลีย่ ของกําลังสองของความ คลาดเคลื่อน MSE เทากับ
54 7
= 7.71 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน MAD
เทากับ 147 = 2.00 บาท วิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่แบบถวงน้ําหนัก จากหลักการของวิธคี าเฉลี่ยเคลื่อนทีด่ ังที่ไดกลาวมาแลวขางตนจะเห็นไดวา
การหาคาเฉลี่ย
ของขอมูลอนุกรมเวลา n จํานวนนั้น ใหน้ําหนักของขอมูลแตละจํานวนเทากัน ซึ่งอาจจะไมเหมาะสม เนื่องจากวาขอมูลที่ใกลปจจุบัน
นาจะมีสาระหรือความสําคัญมากกวาขอมูลในอดีตที่ไกลออกไป
ดังนั้นจึงไดมีการปรับปรุงวิธีคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยมีการใหน้ําหนักของขอมูลแตละตัวมีคาไมเทากัน ซึ่งจากขอมูลอนุกรมเวลาในตารางที่ 10.2 จะใชการหาคาเฉลี่ยเคลื่อนที่โดยใช n = 3 และใหน้ําหนัก ของขอมูลของ 3 จํานวนที่มาหาคาเฉลี่ยเปน 0.5, 0.3, 0.2 เรียงตามลําดับความเปนปจจุบันของขอมูล ดังนั้น
190 คาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (สัปดาหที่ 1-3) =
0.5(66) 0.3(68) 0.2(67) 3
= 66.80
และคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (สัปดาหที่ 2-4) =
0.5(69) 0.3(66) 0.2(68) 3
= 67.90
ผลของการพยากรณโดยวิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่แบบถวงน้ําหนักแบบปดเศษแสดงในตารางที่ 10.5 ตารางที่ 10.5 คาพยากรณของราคาหุนเมื่อใชวิธีคาเฉลี่ยเคลื่อนทีแ่ บบถวงน้ําหนักแบบปดเศษ สัปดาห ราคาหุน คาพยากรณ คาพยากรณ ความคลาด คากําลังสองของ ที่ (บาท) (บาท) ปดเศษ (บาท) เคลื่อน ความคลาดเคลื่อน 1 67 2 68 3 66 4 69 66.80 67 2 4 5 70 67.90 68 2 4 6 74 68.90 68 5 25 7 71 71.80 72 -1 1 8 71 71.70 72 -1 1 9 72 71.60 72 0 0 10 68 71.50 72 -4 16 11 69.80 70 ผลรวม = 51
คาสัมบูรณของ ความคลาดเคลื่อน
2 2 5 1 1 0 4 ผลรวม = 15
ซึ่งคาพยากรณของขอมูลที่เวลา t = 11 เทากับ 70 ทั้งนี้คาเฉลี่ยของกําลังสองของความ คลาดเคลื่อน MSE เทากับ เทากับ 157 = 2.14 บาท
51 7
= 7.29 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน MAD
191 วิธีการทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียล ในการหาคาเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบถวงน้ําหนักนั้น
จะเห็นไดวาความยุงยากและความซับซอน
ของการพยากรณก็คือการกําหนดน้ําหนักใหกับขอมูลอนุกรมเวลา n จํานวน จึงไดมีการนําเสนอ วิธกี ารใหมที่จะใชคาน้ําหนักเพียงคาเดียว
แตมีการคํานวณและกําหนดน้ําหนักใหกับขอมูลอนุกรม
เวลาทุกตัว ทั้งนี้จะใหน้ําหนักของขอมูลปจจุบันมีคามากที่สุด และลดนอยลงไปเรื่อยๆ สําหรับขอมูล ตัวอื่นๆ วิธีการดังกลาวเรียกวาวิธีการทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียล และคาน้ําหนักนั้นซึ่งจะแทนดวย สัญลักษณ α และเรียกวาคาคงตัวของการทําใหเรียบ (Smoothing constant) ทั้งนี้ 0 < α < 1 โดยที่ตัวแบบของวิธีนี้คือ Yt = α Xt + (1 - α)Yt - 1 Yt และ Yt-1 คือคาพยากรณ 1 หนวยเวลา ทีเ่ วลา t และ t – 1 ตามลําดับ และ Xt คือคาขอมูลอนุกรมเวลาที่เวลา t และ Y1 = X1 ดังนั้นจากขอมูลอนุกรมเวลาในตารางที่ 10.1 และกําหนดให α = 0.9 Y1 = 67
เปนคาพยากรณที่สัปดาหที่ 2
Y2 = 0.9(68) + 0.1(67) = 67.90 เปนคาพยากรณที่สัปดาหที่ 3 Y3 = 0.9(68) + 0.1(67) = 66.19 เปนคาพยากรณที่สัปดาหที่ 4 ผลของการพยากรณโดยวิธีการทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียลแบบปดเศษแสดงในตารางที่ 10.6
192 ตารางที่ 10.6 คาพยากรณของราคาหุนเมื่อใชวิธกี ารทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียลแบบปดเศษ สัปดาห ราคาหุน คาพยากรณ คาพยากรณ ความคลาด คากําลังสองของ ที่ (บาท) (บาท) ปดเศษ (บาท) เคลื่อน ความคลาดเคลื่อน 1 67 2 68 67.00 67 1 1 3 66 67.90 68 -2 4 4 69 66.19 66 3 9 5 70 68.72 69 1 1 6 74 69.87 70 4 16 7 71 73.59 74 -3 9 8 71 71.26 71 0 0 9 72 71.03 71 1 1 10 68 71.90 72 -4 16 11 68.39 68 ผลรวม = 57
คาสัมบูรณของ ความคลาดเคลื่อน 1 2 3 1 4 3 0 1 19 ผลรวม = 19
ซึ่งคาพยากรณของขอมูลที่เวลา t = 11 เทากับ 68 ทั้งนี้คาเฉลี่ยของกําลังสองของความ คลาดเคลื่อน MSE เทากับ
57 9
= 6.33 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน MAD
เทากับ 199 = 2.11 บาท 10.3.3 วิธีการถดถอยเชิงเสน วิธีนี้เปนวิธีที่มีแนวความคิดแตกตางจากวิธีการพยากรณดังที่ไดกลาวมาแลวขางตน กลาวคือ วิธีนี้มีแนวความคิดวา
สิ่งที่จะพยากรณขึ้นอยูกับองคประกอบอื่นๆ
เชนในการพยากรณยอดขาย
รถยนต ก็อาจวิเคราะหไดวา ยอดขายรถยนต อาจขึ้นอยูกับราคารถยนต ราคาน้ํามัน จํานวนเงินที่ใชใน การประชาสัมพันธ เปนตน ในที่นี้จะเรียกสิ่งที่จะพยากรณซึ่งคือยอดขายรถยนตวาเปนตัวแปรพึ่งพิง (Dependent variable) และจะเรียกองคประกอบอื่นๆ ซึ่งไดแกราคารถยนต ราคาน้ํามัน และจํานวนเงิน ที่ใชในการประชาสัมพันธ วาเปนตัวแปรอิสระ (Independent variable)
193 ในกรณีที่ตัวแปรอิสระมีเพียง 1 ตัวนั้นจะเรียกตัวแบบนั้นวาเปนตัวแบบการถดถอยเชิง เสนอยางงาย (Simple Linear Regression Model) และในกรณีที่ตัวแปรอิสระมีมากกวา 1 ตัว ก็จะ เรียกวาเปนตัวแบบการถดถอยเชิงเสนแบบพหุ (Multiple Linear Regression Model) แตในที่นี้จะ กลาวถึงเฉพาะตัวแบบการถดถอยเชิงเสนอยางงายเทานั้น ตัวแบบการถดถอยเชิงเสนอยางงายจะอยูในรูปของ Y = aX + b โดยที่ Y และ X เปนตัวแปรพึ่งพิง และตัวแปรอิสระ ตามลําดับ a เปนความชันของเสนถดถอย และ b เปนจุดตัดแกน Y n
และ
b=
n
n
n Xi Yi Xi Yi
i 1 n
i 1 i 1 n n Xi 2 ( Xi )2 i 1 i 1
a = Y - aX พิจารณาขอมูลของยอดขายรถยนตของบริษัทแหงหนึ่งดังนี้ ตารางที่ 10.7 ขอมูลอนุกรมเวลาของยอดขายรถยนตของบริษัทแหงหนึ่ง เดือนที่ ยอดขายรถยนต (คัน) 1 24 2 26 3 29 4 34 5 37 6 37 7 38 8 45 9 49 10 50
194 ในการที่จะพยากรณยอดขายรถยนตวาเดือนที่ 11 จะเปนเทาใดนั้น จะเห็นไดวายอดขาย รถยนตจะเปนตัวแปรพึ่งพิง และเดือนเปนตัวแปรอิสระ ตารางที่ 10.8 ขอมูลอนุกรมเวลาของยอดขายรถยนตของบริษัทแหงหนึ่ง เดือนที่ ยอดขายรถยนต (คัน) X Y 1 24 2 26 3 29 4 34 5 37 6 37 7 38 8 45 9 49 10 50 55 369
XY
X2
24 52 87 136 185 222 266 360 441 500 2273
1 4 9 16 25 36 49 64 81 100 385
) 55(369) ในที่นี้จะไดวา a = 1010(2273 = (385) 55(55)
b=
369 10
2435 825
= 2.952
– 2.95210(55) = 20.667
คาพยากรณเดือนที่ 1 = 20.667 + 2.952(1) = 23.62 คาพยากรณเดือนที่ 2 = 20.667 + 2.952(2) = 26.57 คาพยากรณเดือนที่ 3 = 20.667 + 2.952(3) = 29.52 ผลของการพยากรณโดยวิธีการถดถอยเชิงเสนแสดงในตารางที่ 10.9
195 ตารางที่ 10.9 คาพยากรณของยอดขายรถยนต เมื่อใชวิธีการถดถอยเชิงเสนแบบปดเศษ เดือนที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
ยอดขาย รถยนต (คัน) 24 26 29 34 37 37 38 45 49 24
คาพยากรณ คาพยากรณ ความคลาด คากําลังสองของ คาสัมบูรณของความ (คัน) ปดเศษ (คัน) เคลื่อน ความคลาดเคลื่อน คลาดเคลื่อน 23.62 24 0 0 0 26.57 27 -1 1 1 29.52 30 -1 1 1 32.48 32 2 4 2 35.43 35 2 4 2 38.38 38 -1 1 1 41.33 41 -3 9 3 44.28 44 1 1 1 47.24 47 2 4 2 50.19 50 0 0 0 53.14 53 ผลรวม = 25 ผลรวม = 13
ซึ่งคาพยากรณของขอมูลที่เวลา t = 11 เทากับ 53 ทั้งนี้คาเฉลี่ยของกําลังสองของความ คลาดเคลื่อน MSE เทากับ
25 10
= 2.50 บาท2 และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน MAD
เทากับ 13 = 1.30 บาท 10 10.4 บทสรุป การพยากรณ เปนวิธีการหนึ่งที่สําคัญมากในกระบวนการทางธุรกิจ การเลือกวิธีการพยากรณ ใหเหมาะสมกับขอมูลที่จะพยากรณก็เปนสิ่งสําคัญ ซึ่งวิธีที่ใชในการพยากรณขอ มูลมีหลากหลายวิธี แตที่ไดนําเสนอในบทนี้มี 5 วิธีดวยกันคือ วิธีไรเดียงสา วิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่ วิธีคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ แบบถวงน้ําหนัก วิธีการทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียล และวิธีการถดถอยเชิงเสน นอกจากนี้ยังได กลาวถึงคาที่ใชวัดความถูกตองของการพยากรณ
2
คาดวยกันคือคาเฉลี่ยของกําลังสองของความ
คลาดเคลื่อน และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบน
196
แบบฝกหัด 1. แนวความคิดในการพยากรณมีกี่แบบ อะไรบาง และแตละแบบ มีขอดีขอเสียอยางไร 2. ในการจะเลือกตัวแบบหรือวิธีการใดมาใชในการพยากรณจะมีหลักเกณฑหรือองคประกอบในการ พิจารณาอยางไร อธิบาย 3. กําหนดอนุกรมเวลาของขอมูลหนึ่งดังนี้ T
1
Xt 18
2
3
4
5
6
7
8
9
20
23
23
27
27
30
32
34
จงแสดงการใชวิธไี รเดียงสาตอในการหาคาพยากรณที่ t เทากับ 10 พรอมทั้งหาคาเฉลี่ยของกําลังสอง ของความคลาดเคลื่อน และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบนดวย 4. จากอนุกรมเวลาในขอ 3. จงแสดงการใชวิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่ ในการหาคาพยากรณที่ t เทากับ 10 ทั้งนี้ใหใชจํานวนเทอมในการคาเฉลี่ย n เปน 2, 3 และ 4 เทอมตามลําดับ พรอมทั้งหาคาเฉลี่ยของ กําลังสองของความคลาดเคลื่อน และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบนดวย และจากผลที่ได จํานวนเทอมดังกลาว จํานวนใดที่คิดวาดีที่สุดสําหรับอนุกรมเวลาชุดนี้ เพราะเหตุใด 5. ทําเชนเดียวกับขอ 4. แตกําหนดใหคาพยากรณที่ไดมีการปดเศษเพื่อใหเปนจํานวนเต็ม 6. จากอนุกรมเวลาในขอ 3. จงแสดงการใชวิธีคาเฉลี่ยแบบเคลื่อนที่แบบถวงน้ําหนัก ในการหาคา พยากรณแบบปดเศษที่ t เทากับ 10 ทั้งนี้ใหใชจํานวนเทอมในการคาเฉลี่ย n เปน 3 เทอม โดยกําหนด น้ําหนักของขอมูลที่นํามาใชในการหาคาเฉลี่ยดังนี้ 6.1
0.8, 0.1 และ 0.1
6.2
0.7, 0.2 และ 0.1
6.3
0.6, 0.3 และ 0.1
6.4
0.5, 0.3 และ 0.2
197 น้ําหนักดังกลาวเรียงตามลําดับความเปนปจจุบันของขอมูล และใหหาคาเฉลี่ยของกําลังสองของ ความคลาดเคลื่อน และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของความเบี่ยงเบนดวย 7. จากอนุกรมเวลาในขอ 3. จงแสดงการใชวิธีการทําใหเรียบเอ็กซโปเนนเชียล ในการหาคาพยากรณ แบบปดเศษที่ t เทากับ 10 ทั้งนี้ใหใชคาคงตัวของการทําใหเรียบ α เปน 0.9, 0.8 และ 0.7 ตามลําดับ พรอมทั้ งหาคา เฉลี่ยของกํา ลังสองของความคลาดเคลื่ อน และคาเฉลี่ยของคาสัม บูร ณข องความ เบี่ยงเบนดวย 8. จากอนุกรมเวลาในขอ 3. จงแสดงการใชวิธีการถดถอยเชิงเสนในการหาคาพยากรณแบบปดเศษที่ t เทากับ 10 พรอมทั้งหาคาเฉลี่ยของกําลังสองของความคลาดเคลื่อน และคาเฉลี่ยของคาสัมบูรณของ ความเบี่ยงเบนดวย