ด้านทั่วไปของ Converse Marquise Mills Converse เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1861 ที่ Lyme, New Hampshire สหรัฐอเมริกา เมื่อก่อตั้งบริษัท Converse Rubber Shoe แล้วก็ได้ผลิตรองเท้ายางออกมา โดยปี ค.ศ. 1910 ได้ผลิตรองเท้าวันละกว่า 4000 คู่ จนในปี ค.ศ. 1915 บริษัทได้เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นมาเป็นครั้ง แรกคือรองเท้าเทนนิสแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยม จุดเปลี่ยนครั้งสำ�คัญของ Converse เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เมื่อ Converse ได้ออกรองเท้ากีฬาตัวใหม่ซึ่งเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่มีชื่อว่า Converse All-Star จน ในปีค.ศ. 1921 นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Charles H. “Chuck” Taylor ที่หลงใหลในรองเท้า Converse All-Star ได้เข้ามาร่วมงานกับรองเท้า Converse โดยเป็น brand ambassador ให้กับ Converse เมื่อ Chuck ไปแข่งบาสที่ไหนเขาจะนำ�รองเท้าไปโปรโมทด้วย ทำ�ให้รองเท้า Converse All-Star ประสบความ สำ�เร็จเป็นอย่างมากและเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่นักกีฬาบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นในยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1932 Converse ได้มอบรางวัลชิ้นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติให้กับ Chuck โดยเพิ่มรุ่นที่มีลายเซ็นของ Chuck ใน Converse All-Star classic high-topped และยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ Charles H. “Chuck” Taylor ทำ�งานให้กับ Converse มาโดยตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 Marquise Mills Converse เกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1861 ที่ Lyme, New Hampshire สหรัฐอเมริกา เมื่อก่อตั้งบริษัท Converse Rubber Shoe แล้วก็ได้ผลิตรองเท้ายางออกมา โดยปี ค.ศ. 1910 ได้ผลิตรองเท้าวันละกว่า 4000 คู่ จนในปี ค.ศ. 1915 บริษัทได้เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นมาเป็นครั้ง แรกคือรองเท้าเทนนิสแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยม จุดเปลี่ยนครั้งสำ�คัญของ Converse เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 เมื่อ Converse ได้ออกรองเท้ากีฬาตัวใหม่ซึ่งเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่มีชื่อว่า Converse All-Star จน ในปีค.ศ. 1921 นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง Charles H. “Chuck” Taylor ที่หลงใหลในรองเท้า Converse All-Star ได้เข้ามาร่วมงานกับรองเท้า Converse โดยเป็น brand ambassador ให้กับ Converse เมื่อ Chuck ไปแข่งบาสที่ไหนเขาจะนำ�รองเท้าไปโปรโมทด้วย ทำ�ให้รองเท้า Converse All-Star ประสบความ สำ�เร็จเป็นอย่างมากและเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่นักกีฬาบาสเก็ตบอลและวัยรุ่นในยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1932 Converse ได้มอบรางวัลชิ้นพิเศษเพื่อเป็นเกียรติให้กับ Chuck โดยเพิ่มรุ่นที่มีลายเซ็นของ Chuck ใน Converse All-Star classic high-topped และยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ Charles H. “Chuck” Taylor ทำ�งานให้กับ Converse มาโดยตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969
ด้านสังคมของ Converse “Converse” คืออะไร? ทำ�ไม Converse ถึงเป็นรองเท้าที่คนทั่วโลกรู้จักและ ยอมรับกันขนาดนี้? พบกับที่มาของรองเท้าแบรนด์นี้ และอิทธิพลที่มีต่อคน แต่ละยุคสมัยตาม Pop Culture ต่างๆ จากตัวเลขที่ออกมาล่าสุดในปี 2012 กล่าวว่า โดยเฉลี่ยแล้ว 60% ของคนใน ประเทศอเมริกา จะต้องมีรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Converse เป็นของตัวเองอย่าง น้อยหนึ่งคู่! ซึ่งถ้าตัวเลขที่ว่าเป็นประเทศเล็กๆนี่เราคงไม่ตกใจเท่าไร แต่นี่มัน คือสหรัฐอเมริกาเลยนะ! ถามว่า… จริงๆแล้วรองเท้า Converse ก็เป็นรองเท้า ที่คนทั่วโลกจะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ต้องรู้จักกันดีแน่นอน แต่จะมีใครรู้ถึงที่มาของ รองเท้าผ้าใบสุดอมตะแบรนด์นี้กันบ้างไหม วันนี้เราเลยถือโอกาสพูดถึงคำ�ถาม ง่ายๆ ที่คงจะต้องตอบยาวกันหลายหน้ากระดาษว่า “รองเท้า Converse คือ อะไร?”
ย้อนไปตั้งแต่ต้นกำ�เนิด บริษัททำ�รองเท้า “Converse” เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1908 ที่รัฐ Massachusetts ในประเทศอเมริกา เดิมทีพวกเขาเป็นแบรนด์ที่ทำ�รองเท้ายาง (Rubber Shoes) สำ�หรับ ใส่กันหนาว เรียกว่าไม่มีคราบ Converse ยุคปัจจุบันที่เราเห็นๆกันเลยสักนิด สิบปีต่อมาใน ปี 1917เป็นช่วงเวลาที่รองเท้าเล่นกีฬากำ�ลังเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาด Converseเองก็ตัดสินใ จทำ�รองเท้าเล่นฟุตบอลและเน็ตบอลออกมากับเขาเหมือนกันในชื่อ “Converse All-Star” จน มาดังพลุแตกในวันที่นาย Charles Hollis “Chuck” Taylor นักกีฬาบาสเกตบอลเข้ามามีส่วน ร่วมในบริษัท ผู้คิดค้นการติดสัญลักษณ์รูปดาวตรงข้อเท้า ถือกำ�เนิดรองเท้า Converse Chuck Taylor All-Star ทรงหุ้มข้อที่เราคุ้นตากันดีถึงทุกวันนี้ …สิ่งสำ�คัญที่ Chuck เข้ามาออกแบบให้ ในแง่ความเป็นรองเท้ากีฬาก็คือ การเปลี่ยนพื้นรองเท้าที่ช่วยทำ�ให้สามารถเคลื่อนไหวกระโดด หรือวิ่งได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และจุดเล็กๆน้อยๆที่ถือเป็นความฉลาดของรองเท้า Chuck Taylor มากๆ คือการดัดแปลงนำ�เอารูร้อยเชือกรองเท้ามาเพิ่มไว้ตรงส่วนด้านข้างสองรู เพื่อช่วยในการ ระบายอากาศไม่ทำ�ให้รู้สึกอึดอัดเวลาที่นักกีฬาต้องใส่เล่นบาสนานๆ (ตอนแรกก็สงสัยว่ามันมี เอาไว้ให้เชือกที่ไหนร้อยนะ) กลายเอกลักษณ์ที่มองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็น Converse หลังจาก การเกิดขึ้นของรุ่น “Chuck Taylor All-Star” ด้วยความเป็นรองเท้าที่เข้าใจหัวอกนักบาสอ ย่างดีนี่เอง ทำ�ให้ชื่อ Converse เขยิบขึ้นเป็นรองเท้าบาสขายดีแซงหน้าแบรนด์อื่นๆในเวลานั้น ขาดลอย… อย่างใน Olympicปี 1936 เป็นปีที่เพิ่งมีการแข่งขัน Basketball เป็นครั้งแรก เชื่อ ไหมว่านักบาสอเมริกันทุกคนใส่ All-Star หุ้มข้อกันหมด! ใส่ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันทั้งสนาม… สุดแสนจะผูกขาดและสามัคคีอย่างแท้จริง! นอกจากจะเป็นตัวแทนในด้านการกีฬาแล้ว Converse ยังเป็นกำ�ลังหลักในการทำ�รองเท้าให้รั้วของชาติช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย…นี่มันคือ เป็นรองเท้าของประเทศชาติชัดๆ! …นอกจาก Converseในยุคแรกๆจะมี Chuck Taylor AllStarเป็นรุ่นยอดฮิตของพวกเขาแล้ว พวกเขายังมีอีกหนึ่งไม้ตายเด็ด เป็นรุ่นที่ตีคู่กันมาติดๆเลย ก็คือ “Jack Purcell” ออกแบบโดยนาย John Edward “Jack” Purcell แชมป์โลกแบดมินตัน ในเวลานั้น …เดิมที Jack Purcellเป็นรองเท้าผ้าใบของบริษัท B.F.Goodrich แล้วภายหลัง Converse ค่อยไปซื้อลิขสิทธิ์มาเป็นของตัวเอง …ก้าวสำ�คัญครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมาก ถึงมากที่สุด เพราะด้วยดีไซน์ความเรียบง่ายกับเอกลักษณ์พื้นรองเท้าสีฟ้าอ่อนและขีดดำ�หัวรองเท้า ที่มีแต่คนหลงใหล ทำ�ให้ Jack Purcell คืออีกหนึ่ง Converse ที่คนชอบใส่ไม่แพ้ Chuck Taylor
ตั้งแต่นั้นมาอิทธิพลของรองเท้า Converse ที่มีต่อคนหนุ่มและเด็กวัยรุ่นในแต่ละยุสมัย ก็เริ่มมีปรากฎให้เห็นชัดเจน มากขึ้นเมื่อเหล่า Pop Icon ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดงหรือ Rock Starต่างก็นิยมใส่รองเท้าConverse กันเป็นกระแสออกมากัน เริ่มไปตั้งแต่ช่วงที่อเมริกาอยู่ในยุคหลังสงครามหรือที่เรียกว่ายุค “Baby Boomer” (ปี 50’s) …ซึ่งถ้าย้อนไปตอนนั้น เวลาพูดถึงรองเท้าผ้าใบ ความหมายมันคือรองเท้าลำ�ลองที่เอาไว้สำ�หรับเล่นกีฬา หรือใส่เล่นๆแบบไม่คิดอะไร ถ้าจะออกไปงานที่ไหนจริงจังส่วนใหญ่ต้องเป็นรองเท้าหนังแน่นอน …ตรงกันข้ามการ เลือกใส่รองเท้าผ้าใบแม้จะดูไม่เป็นทางการก็จริง แต่มันทำ�ให้เกิดลุคที่ใส่ออกมาแล้วดู หล่อ เท่ในแบบสบายๆ ไม่เนี๊ยบ จนเกินไป ยิ่งพอมี Icon ที่เป็น Badboy แห่งยุคอย่าง “James Dean” และสัญลักษณ์ความเท่อย่าง “Steve McQueen” หยิบ Jack Purcell มาใส่เท่านั้นล่ะ… เลยเกิดเป็นกระแสการใส่รองเท้าผ้าใบกันครั้งใหญ่ เหมือน เป็นการเปิดตัวให้โลกได้รู้จักรองเท้า Converseในแง่ไอเทมหลักของสไตล์และแฟชั่นแบบจริงจัง มากไปกว่าการเป็น เพียงรองเท้าที่เอาไว้สำ�หรับเล่นบาสเล่นกีฬาเหมือนแต่ก่อนเท่านั้น
ด้านเศรษกิจของ Converse บริษัท ริช สปอร์ต จำ�กัด (มหาชน) หรือ RSP เปิดเผยว่า ขณะนี้สำ�นักงานคณะกรรมการกำ�กับหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ RSP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย RSP ได้รับสิทธิจาก Converse ในการผลิตสินค้าประเภทรองเท้า เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้า Converse รวมถึงการใช้ตราสินค้าดังกล่าวในการทำ�การตลาด ขายจัดจำ�หน่าย และ โฆษณาประชาสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวด บริการ (พาณิชย์) ภายในปีนี้ ทั้งนี้ RSP มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำ�นวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้น ละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.97 ของจำ�นวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำ�ระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ สำ�หรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 816.72 ล้านบาท ในปี 2557 เป็น 1,123.53 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,364.07 ล้านบาทในปี 2559 ส่วนกำ�ไรสุทธิ (2557-2559) อยู่ที่ 75.99 ล้านบาท 246.09 ล้านบาท และ 298.76 ล้านบาท คิดเป็น อัตรากำ�ไรสุทธิร้อยละ 9.30 ร้อยละ 21.90 และร้อยละ 21.90 ตามลำ�ดับ