Mistine Thailand’s Number 1 Cosmetics
By CMMU MK18B
1
2
E D I T O R’s N O T E นิตยสาร Mistine เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา Strategic Marketing Management (MGMG508) โดยนักศึกษาสาขา การตลาด รุ่นที่18B วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่ง นิ ต ยสารเล่ ม นี้ มี วั ต ถุ ป ระสงค์ ใ นการจั ด ทํ า เพื่ อ เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ในการ ประกอบการเรียนวิชากลยุทธ์การตลาด และสำหรับบุคคลทั่วไปที่ สนใจ กลยุทธ์การตลาดของ Mistine ปัจจุบัน แม้สภาวะเศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัวเท่าที่ควร และตลาด เครื่องสำอางไทยยังคงมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางกลุ่ม ของเราจึงนำกลยุทธ์ของเครื่องสำอางไทย Misitne มาศึกษาเพื่อ ให้เข้าใจถึงรูปแบบการตลาดเครื่องสำอางขายตรงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ โลกDigital ทั้งนี้ ทางคณะผู้จัดทำต้องขอขอบพระคุณ อาจารย์ บุริม โอทกา นนท์ เป็นอย่างสูง ที่ได้มอบความรู้ คำแนะนำ และให้คำปรึกษาใน ด้านต่างๆ ในการจัดทำนิตยสารเล่มนี้ขึ้นมา ทำให้นิตยสาร Mistine ออกมาเป็นรูปเล่มได้อย่างสมบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นิตยสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้อ่านไม่มากก็น้อย และหากมีข้อ ผิดพลาดประการใด ทางคณะผู้จัดทำต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ นักศึกษาสาขาการตลาด รุ่นที่18B วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
3
C O N T E N T S Mistine Histor y Channel of Distribution Segment, Ta r g e t & Positioning(STP)
P.6 P.9 P.11 P.14
S W O T Analysis 4
Vision & Mission Mistine
M i s s Mistine 4Ps and 4Cs
P.8 P.10 P.13 P.15
Competitors
P.16 P.20 P.38
Mistine Marketing Strategy
B e s t Sellers
B e a u t y Angles of Mistine 2015
Marketing Discussion F o r u m
Team Ta l k
P.18 P.22 P.50
Reference
5
HISTORY BETTER WAY (THAILAND)
‘MISTINE’
บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่าย เครื่องสำอางขายตรง มิสทิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 โดย ราชาขายตรงของเมื่องไทย “ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์” อดีตประธานกรรมการ เจตนารมณ์ของการก่อตั้งในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น(ดังชื่อของบริษัทเบทเตอร์เวย์) ให้กับคนไทยทั่วประเทศผ่านธุรกิจระบบขายตรงของคน ไทย
ในยุคเริ่มต้น คนไทยยังไม่รู้จักธุรกิจขาย ตรงมากนั ก สํ า นั ก งานของบริ ษั ท เบทเต อร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในยุคแรกเป็น เพียงอาคารพาณิชย์ 3 คูหามีพนักงานไม่ ถึง 10 คน สินค้าไม่ถึง 100 รายการ ในปีถัดมาเป็นปีที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักมิส ทิน โดยการนำกลยุทธ์การโฆษณามาใช้ ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการขายตรงของโลก โดยมี ส โลแกนอั น เป็ น อมตะของคุ ณ อมร เทพว่า “นิ้ง..หน่อง มิสทินมาแล้วค่ะ” เป็น สโลแกนง่ายๆบอก ความเป็นไทยและสื่อ ถึงการขายตรงได้อย่างชัดเจน บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์มิสทิน เครื่องสำ อางค์ขายตรงชั้นเดียว โดยการเสนอขาย ผ่านแคตตาล็อก ซึ่งสะดวกสบายด้วย ระบบการสั่งซื้อ, จัดส่ง และการชำระเงิน ที่รวดเร็ว ทันสมัย มีเครือข่ายครอบคลุม ทั่วประเทศ ด้วยจำนวนสมาชิกมิสทินกว่า 700,000 คน เป็นการกระจายรายได้ มอบโอกาสความมั่นคงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ ดีของ สมาชิกมิสทิน และคนไทยในทุกภาค ของประเทศ นอกจากนี้ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังเป็นบริษัทขายตรง ของคนไทย ที่มีศักยภาพ เป็นที่ยอมรับ สูงสุดในทุกๆ ด้าน อาคารสำนักงานที่ กว้างขวาง สวยงาม บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ตั้งโดดเด่น บนถนนรามคำแหง อาณาจักร ที่ ส ร้ า งความประทั บ ใจให้ แ ก่ ผู้ ม าติ ด ต่ อ
ด้วยรูปแบบ “การจัดสวนแห่งอนาคต” ซึ่งออกแบบโดย มิสเตอร์ แพทริก บลังค์ (Patrick Blanc) นักพฤกษศาสตร์ และ นักออกแบบสวนชาวฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียง โด่งดังก้องโลก รวมถึง ประติมากรรม แห่ ง ความศรั ท ธาของชาวเบทเตอร์ เ วย์ ได้แก่ ประติมากรรมรูปเหมือน “ดร.อมร เทพ ดีโรจนวงศ์” อดีตประธานกรรมการ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ คลั ง สิ น ค้ า ที่ ไ ด้ รั บ การจั ด อั น ดั บ ให้ ใ หญ่ ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ระบบคอมพิวเตอร์ อันทันสมัย ช่วยจัดระบบใบสั่งซื้อสินค้าที่มี มากมายในแต่ละวัน ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ตรงต่อเวลา สอดคล้องกับการ จัดระบบการขนส่ง ซื่งมีการบริหารงาน เพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าจำนวนมากใน แต่ละวัน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถูกจัดส่ง เป็นอย่างดี ความเป็นที่สุดในทุกๆ ด้านของบริษัทฯ ยังได้รับการกล่าวขานจากแวดวงขายตรง และแวดวงธุรกิจทั่วไป อีกทั้งเป็นที่สนใจ ของสถาบั น การศึ ก ษาชั้ น นํ า ของประเทศ ในด้านการศึกษาวิจัยถึงความสําเร็จด้าน ต่างๆ ของบริษัทฯ รวมถึงการติดต่อขอ เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็น จำนวนมาก ในทุกๆ ปีที่ผ่านมา ด้วย ตัวเลขอัตราการเติบโตของบริษัท เบทเต อร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สูงขึ้นเป็น ลำดับในทุกๆ ปี อย่างต่อเนื่อง จากทุน จดทะเบียนเริ่มแรกเพียง 10 ล้านบาท
ปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 700 เท่าตัว ครอง อันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบัน มียอดขายอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และ คาดว่าจะมียอดขาย เพิ่มเป็น 15,000 ล้านบาทในสิ้นปี 2555 ณ ปัจจุบัน ภายใต้การบริหารงานซึ่งเป็นที่ยอมรับใน แวดวงขายตรงเมื อ งไทยต่ า งชื่ น ชมและ ยกย่องสูงสุด ผลักดันให้ บริษัท เบทเต อร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสรรค์และ พัฒนาธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิด ไลน์สินค้าที่มีเอกลักษณ์ ชัดเจนอันโดด เด่น ครอบคลุมความต้องการของคนไทย ทั่วประเทศ อันได้แก่มิสทิน “เครื่องสำอาง ที่ให้คุณสวยถึงบ้าน” ,ฟรายเดย์ “แคตตา ล็อกขายตรง...ถึงบ้านคุณ” ,เอ็มพาวเวอร์ ,เมลาเคลียร์,ฟาริส บาย นาริส นอกจากนี้มิสทินยังเป็น เครื่องสำอางที่ มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของเมือง ไทย นอกจากสินค้าที่มีให้เลือกมากกว่า 4,000 รายการ สินค้ามิสทินยังได้รับ การยอมรับและยกย่องในด้านต่างๆ อีก มากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพที่เทียบ เท่ามาตรฐานสากล, ความนิยมที่ได้รับ จากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ความพึง พอใจของผู้ใช้จากผลสำรวจสถาบันต่างๆ
123
6
มาตรฐานที่ได้รับรองการ และความภาคภูมิใจของ Mistine
INTERNATIONAL STANDARD
Thailand Best / / ได้รับความนิยมสูงสุดจากผลสำรวจนิตยสาร ริดเดอร์ ไดเจสท์ จากผู้อ่านในแถบเอเชีย สรุปและมอบ รางวัลซุปเปอร์แบรนด์ให้แก่มิสทิน สินค้าในดวงใจของผู้บริโภค ซึ่งดีเยี่ยมในทุกๆ ด้าน / /การรับรองผลจากสถาบันเดอร์มา คอนซัลท์ จากประเทศเยอรมนี / / รับรองมาตรฐานจากสถาบันระดับโลก สถาบันสปิน คอนโทรล ประเทศฝรั่งเศส / /ผ่านการ รับรองการผลิตตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากลของกระทรวงสาธารณสุข (GMP) และได้การรับรองจาก ISO 9001 : 2000 , 9002 , 14001 และ 17025
ธุรกิจในเครือ มิสทิน “เครื่องสำอางที่ให้คุณสวยถึงบ้าน” แคตตาล็อกที่ รวบรวมเครื่องสำอาง ทุกประเภทสินค้าความสวยงามอันทัน สมัย เนรมิตให้ผู้หญิงทุกคนสวยสมบูรณ์แบบด้วยคุณภาพ สินค้ามาตรฐานสากล ฟรายเดย์ “แคตตาล็อกขายตรง...ถึงบ้านคุณ” แคตตาล็อก ฟรายเดย์ รวบรวมสินค้านับพันรายการตอบสนองความ ต้องการของทุกคนในครอบครัว เอ็มพาวเวอร์แคตตาล็อก รวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ราคาผ่อนสบายๆ ทุกชิ้น ไม่มีเงินดาวน์ บริการส่งตรงถึง บ้าน รับประกันสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิต เมลาเคลียร์ ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยผู้ ผลิตที่ได้รับการยอมรับ และได้รับความไว้วางใจทางด้านเวช สำอางทั้งในและต่างประเทศมานานกว่า 15 ปี ฟาริส บาย นาริส เครื่องสำอางคุณภาพ นำเข้าจากประเทศ ญี่ปุ่นโดยบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่เพียงผู้ เดียวในประเทศไทย สินค้านำเข้าคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น 100%
7
VISION Thailand number 1 cosmetic ทำให้เป็นที่ยอมรับมากกว่า เป็นที่รู้จัก ภายใต้ธีมหลัก คุณภาพสินค้า ราคาสินค้า และโปรโมชั่น
MISSION มุ่งสู่ความเป็น ตลาดมวลชน (Mass marketing) เป็นการตลาดที่มุ่งความสำคัญที่มีการผลิตสินค้าใน รูปแบบเดียวกันเป็นจำนวนมาก (Mass production) โดยนำออกวางตลาดให้ทั่วถึง (Mass distribution) และส่งเสริมการตลาดอย่างมาก (Mass promotion) โดยมองตลาดว่ามีความต้องการคล้ายคลึงกัน เป็นแนวคิดที่มุ่งความสำคัญที่การผลิต (Production-oriented) โดยมุ่งที่จะผลิตภัณฑ์สินค้า ในรูปแบบเดียวกันจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนในการผลิต และ พยายามเข้าสู่ตลาดโลกดิจิตอล เพื่อการเข้าถึง ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้า
8
f o l n e n n utio a h C trib ่าย น ห s ำ i D งการจัดจ ่ชองทา
PAST
Direct Sales เน้นการขายด้วยแคตตาล็อกผ่านสมาชิกสาว มิสทิน โดยสั่งสินค้าด้วยใบสั่งสินค้าและรับสินค้าทางไปรษณีย์
PRESENT TOS (Tele Order Sales) เป็นการขายตรงผ่านทางสาวมีส ทิน Mistine Sale Lady (MSL) ขายด้วยแคตตาล็อกมิสทินเช่น เดิม แต่วิธีการสั่งสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ 75% เจ้าหน้าที่รับบริการ สั่งซื้อทางโทรศัพท์กว่า200สาย โทร. 0-2119-1777 วัน จันทร์-ศุกร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 7.00 - 24.00 น. วัน เสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00-17.30 น. และที่เหลือเป็นกลุ่มร้านค้าสั่ง ตรงแบบพิเศษได้ทั้งโทรศัพท์หรือ FAX วิธีที่ 2 สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางอินเตอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ http://www. bworder.com หรือ ผ่านช่องทาง E-commerce ต่างๆช่อง ทางที่นิยมน้อยที่สุด โดยมี% of distribution ผ่านทางช่องทางนี้ เพียง 10% วิธีที่ 3 จาก Shop ต่างๆ โดยช่องทางนี้คิดเป็น 15%
9
มาแล้วค่ะ! เป็นสาวมิสทินได้สวัสดิการอะไรบ้าง -
สมัครฟรี คอมมิสชั่นสินค้าอยู่ระหว่าง 20 – 30% รับทันทีสวัสดิการคุ้มครองอุบัติเหตุมูลค่า 200,000 บาท ทุกๆ 25 บาทที่ซื้อสินค้าเท่ากับ 1 คะแนน ใช้แลกสินค้าและรางวัลต่างๆ รางวัลจากการขายต่างๆ เช่น ทองคำ, รถยนต์ เป็นต้น
สาวมิสทินอายุเท่าไหร่กันนะ ปัจจุบันมีสาวมิสทิน 1 ล้านคน อายุเฉลี่ย 34 – 39 ปี และอนาคตสาวมิสทินอายุ 40 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น จากช่วง 10 ปีก่อน สาวมิสทินอายุ 15 – 30 ปี อัตราส่วนถึง 5060% ปัจจุบันเหลือเพียง 10% สาวมิสทิน 1 คนจะมีลูกค้า 13-14 คน รายได้เฉลี่ยสาวมิสทิน จะอยู่ที่ 1,300 – 1,600 บาทต่อเดือน ลูกค้ามิสทิน แบ่งเป็น สาวโรงงาน นักเรียนนักศึกษา 75% และ สาวออฟฟิซ 25%
MISTINE LADIES HALL OF FAME 10
มิสทินให้ความสำคัญต่อสาวมิสทินเป็นอย่าง มาก จึงได้มีการจัดทำ MISTINE ‘HALL OF FRAME’ หรือหอเกียรติยศแก่สาวมิสทิน หรือผู้จัดการเขตดีเด่นประจำเดือน ประดับอยู่ ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท Better Way (Thailand)
Market Segmentation by Mistine Market Segmentation ปัจจัยทางประชากรศาสตร์ คือ เพศ อายุ อาชีพ โดยเน้น ผู้หญิง อายุตั้งแต่ 15-50 ปี โดยมีอาชีพ นักศึกษา สาวออฟฟิศ สาวโรงงาน ทั่วประเทศ ปัจจัยทางจิตวิทยา คือ การใช้ดาราเป็น แรงจูงใจในการสร้างความเชื่อให้กับผู้บริโภคว่าถ้า ใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์แล้วจะสวยเหมือนดารา MISTINE’s Target - มิสทินกำหนดฐานลูกค้าด้วยราคา โดยราคาสินค้า ของมิสทินสูงสุดไม่เกิน 359 บาท - แม่บ้าน - สาวโรงงาน - นักศึกษา - สาวออฟฟิศ
11
P
i t i os
g n i on
Mistine กำหนด Positioning โดยใช้ ความหลากหลายของ สินค้า และ ดาราดังที่ได้รับการยอมรับเป็นตัวกำหนด Positioning เพราะMistine มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ มากกว่า 5,000 รายการ และใช้ดาราที่ได้รับการยอมรับจำนวนมากเป็นคนนำเสนอสินค้าและ ผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้มิสทินเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Giffarine, Artistry และ Avonซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงชนิดเดียวกัน รวมไปถึงมีการใช้ดารา เป็นผู้นำเสนอสินค้าและผลิตภัณฑ์น้อยกว่าของ Mistine อีกด้วย
12
4P’sAND 4C’s 4P’s
1. Product กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ Mistine มีสินค้าเยอะมากถึง 5,000 SKU ซึ่งการบริหาร จัดการสินค้าถือเป็นงานท้าทายของMistine สิ่งที่ Mistine คำนึงถึงในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆคือ ความหลากหลายของสินค้า โดยจะออกสินค้าใหม่ใน ทุกๆ10 วัน ครั้งละไม่ต่ำกว่า 3-6 ชิ้น เป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ ไปเรื่อยๆ โดยที่ถ้าหาก ผลิตภัณฑ์ตัวไหนหมดความนิยม จะออก สินค้าใหม่ทดแทน นวัตกรรมและความทันสมัยของสินค้า Mistineไม่พล าดที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดย การคิดค้นผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย เพิ่มลูกเล่น หรือใส่functionลงไป เพื่อให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและตอบโจทย์การใช้งานของผู้ บริโภค การผลิตให้ทันต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภค โดย เฉพาะสินค้าที่ขายดีเป็นพิเศษ จะมีการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อให้ สินค้าไม่ขาดตลาด 2. Price กลยุทธ์ด้านราคา Mistineมีวัตถุประสงค์ในการตั้งราคาให้ถูก เพื่อให้ผู้บริโภค ทุกกลุ่มในประเทศไทยสามารถเข้าถึงได้ ทำให้Mistineกลาย เป็น Thailand No.1 Cosmetic และมีฐานลูกค้ากลุ่ม B-C ได้อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งกลยุทธ์ด้านราคาที่ค่อนข้างต่ำ ของMistineทำให้สเมือนเป็นการตัดราคาคู่แข่งไปโดยปริยาย โดยใช้เทคนิคการกำหนดราคาแบบ Penetration Pricing เป็นการตั้งราคาที่ต่ำ เพื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพื่อจูงใจให้ผู้ซื้อ หันมาซื้อสินค้ามากขึ้น 3. Place กลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย Mistine มีช่องทางในการจัดจำหน่าย โดยผ่านรูปแบบการ ขายตรงเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า Direct Selling Door to door ผ่านสาวมิสทิน และยังมีShop ตามหน้าร้าน รวมไปถึง E-Commerce ด้วย 4. Promotion กลยุทธ์ด้านการโฆษณา การโฆษณาของMistineส่วนมากเป็นการโฆษณาเพื่อโปรโมท สินค้าใหม่ ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ ป้ายBill Board หนังสือพิมพ์ นิตยาสาร หรือทาง Social Media Presenter Endorser
4C’s
1. Consumer Wants and Needs ความต้องการของ ผู้บริโภค ผลิตสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ นั่นคือ ผลิตเครื่องสำอาง และ ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ราคาเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย 2. Consumer’s Cost to satisfy ต้นทุนของผู้บริโภค สินค้ามีคุณภาพและเป็นราคาที่ผู้บริโภคพึงพอใจได้รับ มาตรฐานจาก GMPมีการรับรองการผลิตตามหลักเก ณฑ์มาตรฐานสากลของกระทรวงสาธารณสุขและ ISO 9001:2000,9002,14001และ17025 3. Convenience to buy ความสะดวกในการซื้อ มีสาวมิสทีนกว่าหนึ่งล้านคน สามารถสั่งซื้อได้จากสาวมิสทีนข้า งบ้าน หรือสามารถซื้อได้ตามหน้าร้านต่างๆที่เปิดให้บริการอยู่ ย่านที่อยู่อาศัย และมีการสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ด้วย ซึ่งทำให้ผู้ บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าอย่างสะดวกและทั่วถึง 4. Communication that Connects การสื่อสาร 1) Advertising เช่น มีการตั้งป้าย Bill Board การจัดทำ โฆษณาโดยใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า 2) Promotion เช่น การลดราคา การซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง หรือ การซื้อสินค้าประเภทหนึ่งและแถมสินค้าอีกประเภทที่สามารถใช้ ประโยชน์ควบคู่กันได้ 3) การส่งเสริมการขาย มีการจัดแคมเปญ การจัดงานเปิดตัว สินค้า การรีวิวสินค้าของบล็อคเกอร์ชื่อดัง 4) Personal Selling เช่น สาวมิสทิน ที่มีอยู่กว่าหนึ่งล้านคน ทั่วประทศ 5) Public Relation เช่น การทำ Press Conference การเปิดสาขาเพิ่มที่กรุงปารีส
13
SWOT S = Strength 1. เป็นอันดับ1 สำหรับThailand Cosmetic 2. ราคาที่ผู้บริโภคซื้อได้ง่าย 3. สินค้าหลากหลายกว่า 5,000 SKUs 4. มีคุณภาพ (มาตรฐานรับรอง GMP) 5. Economy of Scale 6 ระบบคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดใน ASEAN
1. พึ่งสาวมิสทินเป็นหลัก ช่องทางขายไม่หลากหลาย 2. มีสนิ ค้าเยอะ เกิดปัญหาระบายสินค้า 3. ผลิตสินค้าที่ล้ำเกินไป ผู้บริโภคยังเข้าไม่ถึง
O = Opportunity
T = Threat
1. ตลาดเครื่องสำอางเติบโตสูงเฉลี่ย 18% ภายใน 5 ปี 2. สินค้าผ่านแคตตาล็อคมีบทบาทมากขึ้น ผู้หญิงในมีเวลาน้อยลง 3. AEC
1. คู่แข่งขันในตลาดมีมาก 2. ผูห้ ญิงไม่นิยมใช้เครื่องสำอางแบรนด์ไทย 3. อนาคตตลาดแรงงานค่าแรงสูงขึ้น
Strength-Opportunity: Mistine: Thailand’s Number 1 Cosmetic เป็นธุรกิจเครื่องสำอางขายตรง ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยสินค้าที่มีหลาก หลายกว่า 5,000 SKUs และสินค้ามิสทินได้รับมาตรฐาน รับรองจากสถาบันต่างประเทศ เพื่อการสร้างความเชื่อมั่น ในสินค้าให้กับผู้บริโภค อีกทั้งด้วยกลยุทธ์ Economy of Scale ในการสั่งผลิตสินค้าครั้งละมากๆทำให้มีต้นทุนในการ ผลิตต่ำ ราคาสินค้าเฉลี่ยต่อชิ้น 100 กว่าบาท ผู้บริโภคจึง สามารถเข้าถึงตัวสินค้าของมิสทินได้ไม่ยาก ธุรกิจเครื่องสำอางและความงามในประเทศไทยเป็นธุรกิจ ที่มีอัตราการเจริญเติบโตและขยายอย่างต่อเนื่องทุกปีเฉลี่ย 18% และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะคนในยุค ปัจจุบันทั้งเพศชาย เพศหญิง และทุกๆ ช่วงวัย ต่างให้ความ สนใจใส่ใจและดูแลตัวเองมากในด้านสุขภาพ ความงาม และ ผิวพรรณ และมีโอกาสเติบโตได้อีกถึง 15-20% หาก ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่ อ งจากตลาดอาเซี ย นมี อั ต ราเติ บ โตสู ง มากเป็ น แรงส่ ง ให้ สินค้ามียอดขายที่เพิ่มขึ้นมาก และด้วยสังคมเร่งรีบปัจจุบัน สินค้าผ่านแคตตาล็อกจึงมีบทบาทและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ ที่มีเวลาน้อยลง 14
W = Weakness
Weakness-Threat การคงธุรกิจ Direct Sales ในระยะยาวจะทำให้เกิดข้อจำกัด ในการกระจายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าของมิสทินและ หากในอนาคตตลาดแรงงานในไทยมีค่าแรงทีสูงขึ้นอาจทำให้ สาวมิสทินไม่มีแรงจูงใจในการขายผลิตภัณฑ์อีกต่อไป การมี สินค้ามาก SKU ทำให้มิสทินมีปัญหาในการระบายสินค้าในสต็ อกและเกิดการคงค้างสินค้าและมีสินค้าหลายตัวที่ใช้เทคโนโลยี ใหม่ที่ลูกค้ายังเข้าไม่ถึง ปัญหาอีกด้านคือผู้หญิงไทยส่วนมาก ไม่นิยมใช้เครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของไทยจึงเป็นอุปสรรค อย่างมากในการทำตลาดในไทยและอีกทั้งคู่แข่งในตลาดเครื่อง สำอางมีจำนวนมาก
C
COMPETITORS AVON
CUTE PRESS
ด้านโครงสร้างธุรกิจ (แบบขายตรง) ARTISTRY
เครื่องสำอาง L’OREAL ด้านผลิตภัณฑ์ MAYBELLINE
GIFFARINE
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง คู่แข่งหลักๆของ Mistine ได้แก่ L’oreal และ Maybelline โดย Mistine มีข้อได้เปรียบตรงที่เครื่อง สำอางมีราคาที่ถูกกว่า มีความหลาก หลาย และว่า L’oreal และ Maybellineถึงแม้จะมีราคาที่แพงกว่า แต่มีข้อได้ เปรียบกว่าตรงที่ เป็น Global Brand มี ความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจจาก ผู้บริโภคมากกว่า
การแบ่งคู่แข่งตามผลิตภัณฑ์ นั้นคือ 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ครีมบำรุงผิว CITRA
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ส่วนผลิตภัณฑ์ ครีมบำรุงผิว มีคู่แข่งหลักๆ คือ Citra โดยมีการแข่งขันกันทางการตลาดสูงมาก ทั้ง เรื่องของระยะเวลาในการปล่อยโฆษณา หรือ ราคา ล่าสุดจะเห็นได้ว่าราคาของครีม Citra จะต่ำลงมาเกือบเท่าของ Mistine แต่ข้อได้ เปรียบของครีม Mistine อยู่ตรงที่มีความ หลากหลายมากกว่า
เปรียบเทียบราคาของ Mistine และสินค้าประเภทเครื่องสำอางคู่แข่ง
15
MISTINE’s Marketing Communication
Online Influencer Review // เห็นได้ว่าในปี 2015 การรีวิวจาก blogger ทำให้ยอดขายของ Mistine สูงขึ้น
Grand Opening // Mistine ให้ความสำคัญกับ การเปิดตัวสินค้า เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิด Awareness ในกลุ่มผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะสถานที่ ที่ทาง Mistineให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจะเลือกสถานที่ที่อยู่ ใจกลางเมือง หรือท่ามกลางฝูงชน เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจและ เกิด Awareness โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่ม High End
16
Mistine @Paris // Mistine ได้เปิด Shop อยู่ที่ Paris ก็เพื่อให้เกิด Awareness ว่าสินค้าของ Mistine สามารถที่จะไปตั้งโชว์อยู่ ที่ Paris ได้
Mistine & TRUE // ล่าสุด ทางMistine ได้มีการจับมือ ทรูมูฟ เอช ผู้นำเครือข่ายเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ร่วมสร้าง ปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการธุรกิจความงามและเทคโนโลยี การสื่อสาร ภายใต้โครงการTRUE BEAUTYโดยสองยักษ์ให ญ่จากสองวงการธุรกิจชั้นแนวหน้าของประเทศไทย จะมอบสิทธิ พิเศษแก่สาวมิสทินกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศในการโทรฟรีในเครือ ข่ายทรูมูฟ เอช พร้อมเล่นแอพพลิเคชั่นไลน์ และเฟซบุ๊ค ฟรีอย่าง ต่อเนื่อง โดยหวังเจาะกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ รักความ งาม มีความมั่นใจในตัวเอง ชื่นชอบความสะดวกรวดเร็ว และ เทคโนโลยีสื่อสารล้ำสมัย
OnlineMarketing การเริ่มต้น Online Marketing ของ MISTINE Mistine ให้ความสำคัญกับ Online Marketing เพราะ เชื่อว่าสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย และเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภค อย่างเช่นการมี Line Official หรือ Sticker Line ทำให้ Mistine ใกล้ชิด กับกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ บริโภค ที่ปัจจุบันหันมาใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ กลยุทธ์ การตลาดนี้นับเป็นหัวใจหลักของ Mistine เพราะ Mistineให้ความสำคัญการ Presenter มาก เพราะไม่ใช่ แค่เป็นตัวแทนของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนความเป็น Mistineได้อีกด้วย การคัดเลือกPresenter จึงต้องคัด เลือกบุคคลที่เป็นที่รู้จัก และมีความประพฤติที่ดี ง่ายต่อ ความจดจำ ทำให้ผู้บริโภคเกิด Awareness และมั่นใจใน สินค้าของ Mistine
Global Plan เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การเป็นเบอร์ต้นๆ ของขายตรงในภูมิภาคอาเซียน ในอีก 10 ปีข้างหน้าอาศัยจุดแข็งของ Network company โดย ได้ใช้เม็ดเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท เรียกว่ามากที่สุดในรอบหลายปี ของการดำเนินงานวันนี้เริ่มถูกใช้ไปกับการยกระดับความสามารถด้าน โลจิสติกส์ ไอที ซอฟต์แวร์ และ อี-คอมเมิร์ช เนื่องจากผู้บริหารเชื่อว่า โลจิสติกส์จะเป็นหัวใจสำคัญต่อการเติบโตของมิสทินในอนาคต สำหรับปัจจุบันมิสทิน มีขายแล้วในประเทศพม่า มียอดขาย 400 ล้านบาท ลาวมียอดขาย60ล้านบาทด้วยรูปแบบของบริษัทร่วม ทุนกับนักธุรกิจ และกัมพูชามียอดขาย90ล้านบาท โดยมีแผนว่า ในอนาคตจะขยายการตลาดเพิ่มไปยังประเทศ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และพยายามที่จะบุกตลาดจีนฮองกง โดยใช้พรี เซนเตอร์ที่มีอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นตลาดภายในประเทศเป็นหลักและคาด การณ์ว่า จะได้รายได้ถึง 5-6พันล้านบาทจากยอดขายในต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 5ปี
17
Mistine’sB Mistine Push Brow Shapener
Mistine White spa Tourmaline Pink Uv White Lotion
Mistine joops color rich
Mistine Wings Extra Cover Super Powder
18
Best Sellers
Mistine Super black fixed liner
Mistine & Beautygems
Mistine White Spa Summer UV3 Whitening
Mistine So Black Matte Liquid Eyeliner
19
Mistine’s 7 Beauty Angles 2015 7 นางฟ้าของมิสทินปัจจุบัน - อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ - แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ - พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ - ปู ไปรยา สวนดอกไม้ - มิน พีชญา วัฒนามนตรี - มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง - แคท เซฟฟานี่ อาวะนิค
20
21
DIS CU SSION F O RU M ให้ท่านเสนอแนะว่า Misteen ควรจะหาช่องทางในการ จัดจําหน่ายสินค้าเพิ่มเติมจากช่องทางเดิมอะไรบ้างและ ทําไมควรใช่ช่องทางที่ท่านนําเสนอใหม่เพิ่มเติมจากช่อง ทางเดิมที่มีอยู่ คือ สาวมิสทีน แคตตาลอกและร้านค้าปลีก
“
22
“
M O N W A R A SAPCHAROEN 5 8 5 0 3 9 2
ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางขายตรง อย่างมิสทิน (Mistine) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2531 ในยุคนั้นคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกับธุรกิจขายตรงมานัก ทางมิสทีนจึง ได้ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ออกมา ภายใต้สโลแกนที่ว่า “นิ้ง..หน่อง มิสทินมาแล้ว ค่ะ” ที่สามรถบ่งบอกและสื่อถึงการขายตรงได้อย่างชัดเจน จึงทำให้มิสทินกลาย เป็นธุรกิจเครื่องสำอางขายตรงที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ที่ผ่านมามิสทิน ทำการขายตรงแบบชั้นเดียวมาโดยตลอด โดยผ่านการขาย แบบใช้แคตตาล็อก เน้นการเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายเพื่อเสนอรายละเอียดของสินค้า และบริการ นอกจากนี้แบรนด์มิสทีน ยังเลือกใช้ Celebrity ดาราที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ในการดึงดูดความสนใจให้กับตราสินค้า จากในอดีตจนถึงปัจจุบัน มิสทีนยังเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดของเครื่องสำอางค์ ขายตรงอีกด้วย จนทำให้ในปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้ามิสทินสามาถทำได้หลากหลาย ช่องทางมากขึ้นดังนี้ - สั่งซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ หรือ รับบริการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ - สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางอินเตอร์เน็ต - สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางโทรสาร แต่ในปัจจุบันเครื่องสำอางค์เคาน์เตอร์แบรนด์มีมากมายหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งในแต่ละแบรนด์ต่างออกแบรนด์ลูกมาสู่ท้องตลาดที่มีราคาสินค้าที่ไม่สูงมาก นัก ประกอบกับการที่ผู้บริโภคคนไทยบางส่วนยังไม่เชื่อมั่นที่จะใช้แบรนด์คนไทย ด้วยกันเอง ซึ่งอาจมีเหตุผลที่หลากหลายต่างๆกันไป จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้การ กระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคในหลากหลายกลุ่มยังคงเป็นปัญหาที่ทางมิสทีน ประสบอยู่ ในส่วนที่ว่ามิสทีนควรมีช่องทางการจัดจำหน่ายทางใดเพิ่มเติมจากช่องทาง ที่อยู่แล้วในปัจจุบัน ข้าพเจ้าคิดว่าทางมิสทีนควรขยายช่องทางต่างๆดังนี้ 1. Application เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป รวมถึงรูปแบบการขายสินค้าของมิสทิน ในปัจจุบันมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบ ออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เชื่อว่าในอนาคตช่องทางออนไลน์จะมี ศักยภาพสูงมาก 2. ระบบการจัดจำหน่ายผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)ขายสินค้า ผ่านทาง Website ที่มีฐานสมาชิกอยู่แล้วอย่างเช่น Ensogo Lazada เป็นต้น
“
เนื่องจากมิสทินเป็นธุรกิจขายตรง ดังนั้นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้า ของมิสทินในช่วงแรกก็เริ่มมาจากการขายตรงผ่านสาวมิสทิน แต่ในปัจจุบันมิสทิน เริ่มมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ถ้ามองในมุมของลูกค้าช่องทางที่เพิ่มขึ้นมาอีก ช่องทางหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการเปิด Shop หรือกระจายสินค้าเข้าไปตาม CVS ต่างๆ ดังนั้นทำให้ปัจจุบันมิสทินมีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าอยู่ด้วยกัน 2 ช่องทางหลักๆ คือ 1. Direct Sale : ขายตรงผ่านสาวมิสทิน (สาวมิสทินสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทั้ง ทาง Catalog (รูปแบบเดิม) และทางออนไลน์ (ช่องทางใหม่สำหรับสาวมิสทินที่ เป็นคนรุ่นใหม่)) 2. Non-Direct Sale : ขายปลีกตาม Shop หรือ CVS ต่างๆ ช่องทาง Direct Sale ถือเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้ให้กับทางมิสทิน โดย กลุ่มลูกค้ามิสทินหลักๆ คือ กลุ่มสาวโรงงาน และนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มคนตาม ต่างจังหวัด (ข้อมูลจาก ปี 2557 ตามไฟล์แนบ) ดังนั้นช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ทางมิสทินควรจะเพิ่มเติม ควรเป็นช่องทาง ที่สามารถจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่ไปทับซ้อนกลับกลุ่มลูกค้าเดิม และไม่ทำให้ กระทบกับรายได้ของสาวมิสทิน ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของมิสทินด้วย เพราะถ้า หากการเพิ่มช่องทางการจัดจําหน่ายใหม่เป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก ลุ่มเดิม ก็จะทำให้เป็นการแย่งรายได้กันเองภายในบริษัท เพราะฉะนั้นเพื่อให้ เกิด Win-Win กันทั้งคู่ ทั้งตัวบริษัทเอง และตัวของสาวมิสทิน ช่องทางการ จัดจำหน่ายใหม่ ควรเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ นั้นคือ กลุ่มสาว ออฟฟิศ ที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สาวมิสทินยังเข้าไม่ถึง ช่องทางที่เหมาะกับกลุ่มสาวออฟฟิศในเมือง นั้นคือช่องทางในรูปแบบของ Non-Direct Sale ไม่ว่าจะเป็นเคาเตอร์เครื่องสำอางตามห้างต่างๆ หรือ กระจายสินค้าเข้าไปตาม CVS ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมิสทินก็ได้เริ่มวางกลยุทธ์ในเรื่อง ของช่องทางการจัดจำหน่ายไว้แล้ว โดยกลยุทธ์ที่มิสทินวางไว้ คือการสร้างภาพ ลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยขึ้น กระจายไปตามห้างต่างๆเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนเมืองมากขึ้น โดยปัจจุบันมีการขยายช่องทางเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ไว้มากขึ้น เช่น - เคาเตอร์เครื่องสำอางแห่งแรกของมิสทิน ที่ห้างจังซีลอน จ.ภูเก็ต - Mistine Beauty Shop จำนวน 2 แห่ง ในห้างโลตัส ศรีนครินทร์ และ รามคำแหง และมีแผนที่จะขยายเคาเตอร์เครื่องสำอางไปในห้างต่างๆอย่าง Terminal 21, The Mall และ Duty Free นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเพิ่มรายการสินค้าให้มี ความหลากหลายมากขึ้นในช่องทางของ CVS ต่างๆ (อ้างอิง : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448209489)
ดังนั้นสรุปโดยรวมในเรื่องของการเพิ่มเติมช่องทางการจัดจำหน่ายของมิสทิน ปัจจุบันกลยุทธ์ที่มิสทินวางไว้ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว ที่เลือกจับกลุ่มลูกค้ากลุ่ม ใหม่ โดยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าสู่ห้างฯ และ CVS มากขึ้นและช่อง ทางใหม่ที่ขยายไปก็ยังสอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ที่ปรับให้ทันสมัยขึ้นอีกด้วย กลยุทธ์นี้ของมิสทินจะทำให้มิสทินมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ อย่างกลุ่มคนเมืองซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว
“
P R A E P I M JIRAPATCHARASIN 5 8 5 0 3 9 2 23
THANCHANOK N I P P A N O N 5 8 5 0 3 7 9
“
ปัจจุบันมิสทีนมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอยู่ 3 ช่องทาง คือ สาวมิสทีน แคตตาลอก และร้านค้าปลีก ซึ่งปัญหาที่ทีมนำเสนอพบคือ สาวมิสทีนจำนวนมาก เริ่มมีอายุเข้าเลข 3 แต่กลุ่มลูกค้าของมิสทีนยังจับตลาดกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งช่องทางการ จำหน่ายที่มีอยู่เดิมอาจไม่ตอบสนองพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มลูกค้าดัง กล่าว ดังนั้นการที่จะทำอย่างไรเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มิสทีนต้องการนั้น จึงควร มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวคือกลุ่ม คนที่มีอายุอยู่ในช่วง Generation Y รวมไปถึงพฤติกรรมของคนในยุค Digital Age แบบในปัจจุบันที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Generation C ซึ่งเป็น กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการเชื่อมต่อและใช้สื่อ Digital Online เป็นประจำ ไม่ว่าจะ เป็นการทำงาน การสื่อสาร การเข้าร่วมกลุ่มสังคม หรือแม้กระทั่งการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น มิสทีนจึงควรตระหนักถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการจัด จำหน่ายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนั้น คือ การจัดจำหน่ายผ่านทาง Online Distribution ได้แก่ 1.Electronic Storefront โดยเสนอขายสินค้าตรงให้กับผู้ซื้อโดยไม่ผ่าน คนกลาง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและตอบสนอง Lifestyle ของคนในยุค ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันทางมิสทีนมีเว็บไซต์ไว้สำหรับให้บริการแล้ว แต่รูป แบบการให้บริการยังคงมีความซับซ้อน และเน้นขายให้กับสมาชิกเพื่อนำไปจำหน่าย ต่อมากกว่าขายปลีก ดังนั้นจึงควรมีการเพิ่มในส่วนของการขายปลีกผ่านทางหน้า website ที่ใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว 2.Electronic Mall โดยนำสินค้าไปวางขายบนห้างสรรพสินค้าเสมือน (Cybermall) เช่น Ensogo, Lazada ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีสินค้าจาก Mistine บางชนิด วางจำหน่ายบน Lazada แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่มี จำหน่ายในแคตตาลอกยังถือว่ามีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นจึงควรมีการเพิ่มชนิดของ สินค้าที่วางจำหน่ายบน Cybermall ดังกล่าวให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
24
“
3.การจำหน่ายผ่านทาง Mobile Application โดยมีแคตตาลอกสินค้ามิสทีนให้ เลือกซื้อใน Application นั้นๆ และสร้างระบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถ เลือกชำระเงินได้หลายช่องทาง ทั้งทาง Mobile banking , Credit card, ชำระเงินปลายทางเมื่อได้รับสินค้า ซึ่งเป็นช่องทางที่ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเติบโตได้ มาก อ้างอิงจากสถิติการซื้อขายสินค้าผ่านทาง M-commerce ที่มีอัตราสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชม. อีกทั้งยัง สามารถตอบสนอง Lifestyle ของคนใน Generation C ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“
CHONLAKARN I M P R ASI T T IC HA I 5 8 5 0 4 0 4
มิสทีน ควรเพิ่มช่องทางดังต่อไปนี้ 1. การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์หลัก ซึ่งก็คือ http://www.mistine.co.th/ จุดเด่น ของช่องทางนี้ คือ ทางมิสทีนสามารถเช็กสถิติสัดส่วนของผู้ที่เข้าซื้อผ่านทาง เว็บไซต์ในแต่ละเดือนกับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมดในเดือนนั้นๆ นอกจากนี้ ยังง่ายขึ้นในการทำ loyalty program กับลูกค้าเดิม เพื่อจัดโปรโมชั่นให้ตรง กับความต้องการของลูกค้าได้อีกด้วย 2. วางจำหน่ายในเว็บไซต์ออนไลน์อื่นๆ เช่น luxola, lazada, zalora เป็นต้น จุดเด่นของช่องทางนี้ คือ มีฐานลูกค้าที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของมิสทีนอยู่ จำนวนมาก นอกจากนี้เว็บไซต์เหล่านี้ยังจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างต่อ เนื่อง รวมถึงมี loyalty program ของตนเอง ซึ่งส่งผลดีกับทางมิสทีน เช่น การส่ง newsletter แจ้งข้อมูลข่าวสารไปถึงลูกค้า สำหรับสินค้าที่ลูกค้าสนใจ สินค้าใหม่ โปรโมชั่นใหม่ เป็นต้น เป็นการสร้าง potential ทางด้านการขายอีก ช่องทางหนึ่ง 3. การสร้าง application จุดเด่นของช่องทางนี้ คือ เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการ ซื้อสินค้ากับมิสทีนโดยตรง แต่ก็ไม่อยากเข้าเว็บไซต์ให้ยุ่งยาก 4. การสั่งออเดอร์ผ่านโทรศัพท์ จุดเด่น คือ สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้ อินเตอร์เน็ต หรือ มีข้อจำกัดการใช้อินเตอร์เน็ต ให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ วิธีการ นี้มีความรวดเร็วและเหมาะกับลูกค้าที่ไม่เคยสั่งผ่านช่องทางอื่น หรือ ช่องทางใด มาก่อนนอกจากการซื้อผ่านหน้าร้าน เพราะผู้ใช้บริการสามารถสอบถามพูดคุยกับ พนักงานของทางมิสทีนได้โดยตรง นอกจากนี้ยังเหมาะกับลูกค้าที่อยู่ไกลจากตัว เมือง ไม่สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกใหญ่ๆ หรือเว็บไซต์ได้
“
“
“
A L I S A WACHIRAJONGKOL 5 8 5 0 4 0 4
Mistine เป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง ประเภทธุรกิจขายตรง เริ่มต้น ด้วยการเสนอขายสินค้าผ่านทางแคทตาล็อก ปัจุบัน Mistine มีสินค้ากว่า 4,000 รายการ โดยสินค้าได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกต่างๆ ผ่านมาตราฐาน กระทรวงสาธารณะสุข และมีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 700,000 คน ทำให้มีการขยาย ช่องทางจำหน่ายมากขึ้น โดยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ทางร้านค้าปลีก และ ทางโทรศัพท์ แต่เนื่องจากปัจจุบันสาวมิสทีนซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นสาวถึงคนวัยทำงาน มีจำนวนลดลดเพราะสภาพสังคมและพฤติกรรมผู้บริโภค (รวมทั้งสาวมิสทีนซึ่งเป็น ตัวแทนจำหน่ายเอง) เปลี่ยนไป หลายคนมองว่ามิสทีนเป็นสินค้าราคาถูก (ของถูก = ของไม่ดี) ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในทางที่ขัดต่อค่านิยมของ สังคมสมัยใหม่ ซึ่งทุกคนอยากดูดีมีรสนิยม ใช้ของดี มีสถานะทางสังคมที่ดี จึงทำให้ สาวรุ่นใหม่ไม่อยากเป็นสาวมิสทีน Mistine ควรแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้คลอบคลุมต่อความ ต้องการลูกค้า คือเข้าถึงง่ายมากขึ้น สะดวกในการหาซื้อ มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น 7-Eleven, รายการโอช้อปปิ้ง, Top Supermarket หรือซุปเปอร์มาเก็ต ใหญ่ๆทั่วไป ทั้งนี้ยังคงจัดให้มีตัวแทนขายตรงอยู่ในส่วนของโรงงาน ซึ่งเป็นลูกค้า กลุ่มสำคัญของมีสทีน โดยการเลือกช่องทางเลือกวางจำหน่ายสินค้าก็ต้องพิจารณา ตามความเหมาะสมของแต่ละเขตพื้นที่ด้วย ข้อเสนอแนะ: บริษัทควรปรับปรุงเพ็คเก็จให้มีความน่าซื้อน่าใช้มากขึ้นเมื่อเทียบกับ สินค้าของต่างประเทศที่มีคุณภาพดีและราคาถูกแต่ได้รับความยอมรับมากกว่าใน ประเทศนั้นๆ เช่น ETUDE, SKIN FOOD, MAYBLINE, LOREAL, ESSENCE etc
25
“
R A W E E WO N G S A N G UA N 5 8 5 0 3 9 6
ปัจจุบัน Mistine มีช่องทางการจัดจำหน่ายอยู่ 3 ช่องทาง ดังที่ทุกท่าน ทราบ คือ พนักงานขายตรง ออนไลน์ และ เค้าเตอร์ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งข้าพเจ้า คิดว่าช่องทางดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นข้าพคิดว่าการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายเดิมและเพิ่มช่องทางในรูป แบบสื่อ Electronic และสถานที่ดังต่อไปนี้จะช่วยให้ Mistine สามารถเข้าถึง กลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น 1. การพัฒนาช่องทางออนไลน์เรื่องของการสั่งซื้อ โดยปัจจุบันผู้ที่สามารถสั่ง สินค้าจะต้องเป็นพนักงานขายตรงของมิสทีนเองเท่านั้น จึงเป็นการ Focus ไป ยังการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแก่พนักงานขายตรง แต่กลุ่มลูกค้าทั่วไปก็ไม่ สามารถสั่งสินค้าได้ ดังนั้นจึงควรเพิ่มระบบให้ลูกค้าทั่วไปสามารถสั่งสินค้าผ่าน ช่องทางนี้เองได้ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งการจัดส่ง การชำระผ่านบัตร เครดิตหรือชำระเงินปลายทาง ก็จะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น 2. การลงขายผ่านช่องทางที่เป็น Electronic Mall เช่น Lazada Tarad. com เป็นต้น ซึ่งช่องทางเหล่านี้มีฐานลูกค้าผู้ใช้งานมาก และได้รับความนิยม อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน 3. การพัฒนาอุปกรณ์การเสนอขาย โดยปรับเปลี่ยนการเป็นสมุดแคตตาล๊อคที่ ดูล้าสมัย เป็น Application บน Smart Phone ที่มีรายการสินค้าและช่อง ทางการสั่งซื้อ เพิ่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสามารถเพิ่มกลุ่มผู้ขายตรงที่มีระดับ อายุน้อยลงมาให้กล้าขาย กล้านำเสนอ ขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มที่อายุน้อยลง ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีเสนอขายที่ดูทันสมัย จึงเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาช่องทางการ ขายประเภทกลุ่มพนักงานขายตรงให้มำจำนวนเพิ่มขึ้นและขายสินค้าได้ง่ายขึ้น 4. การขายตรงผ่าน Call Center เปิดสายด่วนสำหรับการสั่งสินค้า ซึ่งตรง กับลักษณะฐานลูกค้าปัจจุบันที่มีระดับอายุมาก เป็นกลุ่มสาวโรงงาน ซึ่งลูกค้า เหล่านี้ต้องการความสะดวกสบาย ง่าย ดังนั้นการโทรศัพท์สั่งกับ Call Center โดยตรงก็เป็นอีกช่องทางที่ง่ายเช่นกัน 5. เพิ่มช่องทางการขายโดยเข้าไปยัง Hypermarket ซึ่งเป็นสถานที่มีกลุ่ม ลูกค้าที่ใช้ Mistine อยู่เป็นจำนวนมาก โดยจัดเป็นบูธและมีพนักงานขายประจำ เพื่อแนะนำ และเรียกลูกค้า 6. จัดกิจกรรมการตลาด ในลักษณะเป็น Event โดยมุ่งเข้าไปทำกิจกรรมและ เสนอขายสินค้าแก่กลุ่มลูกค้าที่เป็น นักศึกษาและสาวโรงงาน เช่น กิจกรรมสอน เทคนิคการแต่งหน้า เป็นต้น โดยในกิจกรรมก็มีสินค้าจำหน่ายด้วย เป็นการสร้าง โอกาสการขายอีกวิธีหนึ่ง
“
26
“
ช่องทางเดิมที่ Misteen ได้ทำการจัดจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันคือ ทางสาวมิส ทีน ทางแคตตาล็อก และทางร้านค้าปลีก ช่องทางที่สาวมิสทีนควรจะใช้เป็นช่อง ทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติม แนะนำได้ ดังนี้
N A N T A W A N AU T S AWA K U C HA I 5 8 5 0 3 8 1
ในปัจจุบันบริษัท มีสทีน มีความหลากหลายของสินค้า รวมทั้งมีการสร้างแบรด์ ให้เป็นที่จดจำโดยการใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในประเทศไทย ดังนั้น สินค้า มิสทีน จึงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ในปัจจุบันมี 2 ช่องทาง 1) การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า 2) การเปิดขายแบบมีหน้าร้านจำหน่ายสินค้า ซึ่งในปัจจุบันตัวแทนจำหน่ายของบริษัทค่อนข้างลดลงด้วยสภาพแวดล้อมที่ เปลี่ยนไป การจัดจำหน่ายทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ดี หรือ มีหน้าร้านจำหน่าย ก็ดี ในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าในสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่าจะเพียงพอ ถึงแม้ว่า บริษัทจะมีกำไรเป็นที่น่าพอใจอยู่แล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยี คิด ว่าควรเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์ แอพพลิเคชั่น ในการสั่งซื้อสินค้า ได้ง่ายขึ้น และให้สิทธิประโยชน์ต่อตัวแทนจำหน่ายเดิมของทางบริษัท เช่น สร้าง แอพในการเลือกซื้อสินค้าให้ง่ายขึ้น ซึ่งเดิมลูกค้าเลือกจาก Catalog ถ้าตัวแทน ไม่ได้มีติดตัวก็ไม่สามารถเสนอขายสินค้าได้ และการให้สิทธิประโยชน์ เช่น ถ้า ลูกค้ามีความสนใจในการสั่งซื้อสินค้าก็สามารถสั่งซื้อได้โดยการ Log in รหัส ตัวแทนจำหน่ายสั่งซื้อ และผู้แนะนำ ก็จะทำให้ลูกค้าสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย โดย อัตโนมัติ ( กรณีเริ่มต้นควรสมัครฟรีทุกบริการในการสมัครสมาชิก ) เมื่อ สามารถสมัครสมาชิกง่าย และสั่งซื้อสินค้าง่าย ต้นทุนในการที่จะต้องลงทุนเปิด ร้านก็จะลดลง ตัวแทนจำหน่ายก็จะเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเสนอขาย เพราะสินค้าเป็นที่ รู้จักดีในประเทศไทย ดังนั้นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจึงเป็นที่น่าสนใจ ทั้งประหยัดการ ลงทุนหน้าร้าน อีกทั้งยังทำให้ตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น ในความเห็นส่วนตัวการเปิด ช่องทางนี้จึงเป็นหนึ่งช่องทาที่น่าสนใจ 27
“
“
K R E M J I R A R AT TA NA P H O L
“
1. ทางด้าน Social Network หรือทางด้าน Web site โดยตรงของมิสทีน เอง เนื่องจากสมัยนี้ เป็นยุคของเทคโนโลยี ทำให้การเข้าถึงข้อมูลสื่อสารเป็นไปได้ ง่ายมากขึ้น และผู้คนนิยมท่องในโลก internet เป็นชีวิตประจำวัน การที่มิสทีนจะ มีหน้าเวปเป็นของตัวเองโดยไม่ผ่าน Dealer จะทำให้มิสทีนได้รายได้โดยตรงจาก การขายเอง 2. เพิ่มช่องทางด้าน Smartphone โดยการลงทุนทำเป็น Application ใน การสั่งซื้อสินค้า ซึ่งในปัจจุบัน ทุกคนมีการติดต่อกันด้วย Smartphone อีกทั้ง ยังทำธุรกรรมต่างๆได้อีกด้วย เพื่อเป็นที่ให้ลูกค้ารู้จักตัว Application อาจทำ Promotionเพิ่มและ โฆษณาร่วมกับ line เพื่อเพิ่มการรับรู้ของลูกค้า 3. ทำการขายโดยร่วมกับทาง E-commerce เช่น i-truemart , C-discount หรือ Lazada เพราะช่องทางเหล่านี้จะมีการโฆษณาอยู่แล้ว ทำให้เข้าถึง ผู้บริโภคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 4. รับ order จากลูกค้าทางโทรศัพท์ แบบ Call Center โดยรับ order ทั้ง ลูกค้าที่เป็นสมาชิกและยังไม่ได้เป็นสมาชิก เมื่อเวลาลูกค้าโทรมาสั่งของ พนักงาน ก็ยังสามารถแนะนำสินค้าตัวอื่นได้อีกด้วย 5. เพิ่มช่องทางการโฆษณา และการเสนอสินค้า เนื่องจากปัจจุบันยังคงเป็นแบบ แคตตาล็อค อาจจะเพิ่มโดยโฆษณาผ่านทาง Social Media เช่น Instagram, Facebook, twitter และ Youtube 6. นำผลิตภัณฑ์เข้าสนับสนุนงานประจำปีของโรงงานหรือบริษัทต่างๆ เช่น งานปี ใหม่ งานคอนเสิร์ต หรือเป็นผู้สนับสนุนเวทีการประกวดนางงามในเวทีต่างๆ เพื่อ สร้างภาพลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ และเป็นการเพิ่มการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคอีก ด้วย 7.เพิ่ม Shop ในห้างต่างๆ โดยเลือกสถานที่ๆเข้าไปตั้ง Shop เช่น King Power, Siam digital Gateway, หรือตั้งบูธตามตลาดวัยรุ่น เช่น ตลาดนัด รถไฟ , ตลาด Art box , The Walk โดยออกแบบบูธที่ตั้งให้เป็นแนววัยรุ่น และดึงดูดสายตา จะเป็นการขยายฐานลูกค้าได้อีกกลุ่ม
“
มิสทีน ควรเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายดังนี้ 1. website ของมิสทีนเอง ซึ่งปัจจุบันถึงแม้ว่ามิสทีนสามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซด์ ได้แล้ว แต่กว่าที่ลูกค้าจะสามารถเข้าไปสั่งซื้อสินค้าได้ก็ต้องมีการสมัครสมาชิก ก่อน จึงเห็นว่ามิสทีนควรพัฒนาปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่ายนี้ให้น่าสนใจและ ใช้งานง่าย เพราะเมื่อเข้าเว็บมิสทีน การจะดูสินค้าต้องเข้าไปดูในแคตตาล็อต ซึ่งดู หน้าตาเว็บไซด์แล้วไม่น่าสนใจหรือทำให้เกิดความรู้สึกอยากซื้อ เมื่อเทียบกับถ้าเข้า เว็บไซด์ของ skinfood หรือ etude เพราะพอเข้าเว็บไซด์ etude หรือ skinfood จะเห็นหน้าตาสินค้าได้ชัดเจนและรูปภาพสีสันก็ดูดี แต่สำหรับมิสทีน ในส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจซื้อจริงๆ คงยากที่จะทำให้คนเข้าเว็บมาแล้วอยากซื้อ 2. application เมื่อมิสทีนมีสติกเกอร์ใน line แล้ว ตอนนี้ก็สามารถ ประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่ๆผ่านทาง official account ซึ่งเมื่อลูกค้าสนใจ สินค้าก็สามารถกดลิงค์มาที่หน้าเว็บของมิสทีนได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ สามารถช่วยให้มีการจัดจำหน่ายมากขึ้นได้ นอกจากนั้น application ก็เป็นอีก ช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบันแทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหรือคน ทำงาน ก็ใช้ smartphone ด้วยกันทั้งสิ้น การที่สามารถสั่งซื้อผ่าน application ได้เลยก็เป็นช่องทางหนึ่งที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งตอนนี้เห็นว่ามิสทีนกำลังทดลองใช้ application อยู่ ซึ่งถ้าสามารถพัฒนาให้ ดีแล้วน่าสนใจ คิดว่าช่องทางนี้จะสามารถทำให้มิสทีนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกมาก 3. electronic Mall เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้า มิสทีนเลือกเว็บไซด์ที่ มีคนเข้าดูเยอะ หรือมีสมาชิกที่ซื้อสินค้าตลอด เช่น lazada ก็น่าจะสามารถเป็น ช่องทางจัดจำหน่ายอีกช่องทางหนึ่งของมิสทีน 4. ร้าน watsons ทราบว่าปัจจุบัน ยอดขายส่วนใหญ่ของมิสทีน มาจากสาว มิสทีน ซึ่งปัจจุบันสาวมิสทีนมีอายุค่อนข้างเยอะ และคนรุ่นใหม่ไม่อยากเป็นสาว มิสทีน ในอนาคตสาวมิสทีนอาจมีปริมาณลดลง ฉะนั้นนอกจากช่องทางจัด จำหน่ายออนไลน์แล้ว มิสทีนอาจเพิ่มช่องทางอื่น เช่น ร้าน watsons แต่มิสทีนก็ ต้องเลือกสาขาที่จะจำหน่ายสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้วย ในระยะแรกอาจ จะวางจำหน่ายไม่กี่สาขาเพื่อลองตลาด อาจวางในสาขาต่างจังหวัด หรือกรุงเทพ ชานเมือง โดยวางสินค้าที่เป็นที่นิยม เพราะส่วนตัวคิดว่าสินค้าบางอย่างของ มิสทีนค่อนข้างดี ถ้าให้ลูกค้าได้มีโอกาศได้เห็นหรือมีตัวอย่างสินค้าให้ลองก็น่าจะ ช่วยให้ลูกค้ากล้าลองใช้มากขึ้น
“
สรุปได้ว่า มิสทีนควรเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใน website, application, electronic Mallและ ร้าน watsons เพื่อเพิ่มยอดขาย อีกส่วนหนึ่งเพื่อให้ ลูกค้ารู้จัก ยอมรับและกล้าใช้สินค้ามากขึ้น
28
R A T I R O S K A E W C H U M 5 8 5 0 3 9 5
“
ผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ Mistien (มิสทีน) เป็นแบรนด์เครื่องสำอางค์ที่อยู่คู่ กับคนไทยมายาวนาน โดยเน้นเป็นธุรกิจขายตรงเป็นหลักและ ในปัจจุบัน มิสทีนมี ช่องทางการจำหน่ายอยู่ 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.ขายตรง 2.เว็บไซต์ 3.หน้าร้าน(เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน) ถึงแม้จะมีช่องทางถึง 3 ช่องทาง แต่ช่องทางหลักในปัจจุบันก็ยังเป็นการขาย ตรงอยู่ดี แต่ในอนาคตช่องทางนี้มีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นที่นิยมตค่อนข้างสูง เพราะ สังคมในปัจจุบันค่อนข้าง Anti การขายตรง เพราะสาวมิสทีนอยู่คู่กับมิสทีนมา เป็นเวลายาวนาน แต่ถ้ามิสทีนจะตัดการขายตรงออกจากระบบเลยก็คงเป็นเรื่อง ยาก เพราะสาวมิสทีนอยู่คู่กับมิสทีนมาเป็นเวลายาวนานง ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่า มิสทีนควรเพิ่มช่องทางในการทำการตลาดดังต่อไปนี้ 1. Website ในเมื่อมิสทีนมีเว็บไซต์อยู่แล้ว ควรพัฒนาและเพิ่มช่องทางในการ ขายผ่านเว็บไซต์ให้เพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป้นสาวมิสทีนอย่างเดียวที่จะา มารถมาซื้อได้ แต่อาจจะตั้งเงื่อนไขในการซื้อเช่น บุคคลทั่วไปที่เข้ามารู้จักเว็บมิส ทีน นั้นรู้จักเว็บนี้มาจากสาวมิสทีนคนไหน แลัวให้ใส่ชื่อของสาวมิสทีนนั้นลงไป โดยอาจจะมีเงื่อนไขว่า ลูกค้าที่ใส่ชื่อสาวมิสทีนลงไปอาจจะได้รับส่วนลด 10% และสาวมิสทีนที่ถูกใส่ชื่อก็จะได้เเต้มสะสมเพื่อทำกิจกรรมหรือได้ค่าคอมเพิ่มเติม 2. Influencer เดี๋ยวนี้การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ต่างๆ Influencer ค่อนค้างมีอำนาจในการโน้มน้าวใจให้คนเข้ามาเลือกซื้อ และทดลองใช้ในสินค้านั้นๆ ดังนั้นการใช้ Influencer จึงเป้นช่องทางที่ดีที่ใช้ในการแนะนำสินค่าของ มิสทีน 3. Brand Ambassador เนื่องจากว่า Brand Ambassador ของมิสทีนนั้น มีหลากหลายมาก และทุกคนล้วนเป็นดาราที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศไทย และเอเชีย ดังนั้นเมื่อมีสทีนกล้าลงทุนในทางนี้แล้ว ควรขอความร่วมมือเพิ่มเติม จาก Brand Ambassador เหล่านี้ให้ช่วยเป็นประบอกเสียงในการ โปรโมท สินค้า เช่น IG ส่วนตัวของดารานั้นๆ หรือเว็บ Fan Page ของดาราเหล่านั้น 4. เพิ่มหน้าร้าน Mistine ในห้างสรรพสินค้า ในปัจจุบัน Mistine หันมาเปิด หน้าร้านของตัวเองตามห้างต่างๆแล้ว แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุม ในอนาคตถ้า Mistine สามารถทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้แล้ว ก็ควรจะมีหน้าร้าน ซัพพอร์ท เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง และหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพราะถึงแม้จะ โปรโมทและลูกค้าสนใจที่จะซื้อมากขนาดไหน แต่ช่องทางในการจำหน่ายไม่พร้อม หรือไม่เพียงพอ การทำการตลาดทุกอย่างที่ผ่านมาก็อาจจะไม่ได้ผลเลย เพราะสื่อที่คนในสังคมปัจจุบันเสพส่วนมากเป็นสื่อ Internet ดังนั้น มิสทีนควร เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในเช่น website, Social Media และ หน้าร้าน
“
R A R I N P I C H E T S I N 5 8 5 0 3 9 7
29
“
นอกจากช่องทางจัดจำหน่ายเดิม ที่มิสทีนใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ สาวมิสทีน, แคตตาลอก และร้านค้าปลีก อีกช่องทางที่น่าสนใจสำหรับปัจจุบัน คือ เพิ่มช่อง ทางการสั่งซื้อทาง online เพราะปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคนิยมหันมาซื้อ ของผ่านทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยช่องทางที่เลือกใช้ ได้แก่ 1.Electronic Storefront ถึงแม้ทุกวันนี้ทางมิสทีนจะมีเว็บไซต์สำหรับสั่งซื้อ สินค้า แต่การใช้งานก็ค่อนข้างไม่สะดวก เพราะเน้นหลักที่การให้บริการสมาชิก มิสทีน ซึ่งบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกไม่สามารถเข้าระบบเพื่อทำการสั่งซื้อ ได้ ทางบริษัทควรพัฒนาระบบให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสามารถเข้าสั่ง ซื้อสินค้าทางเว็บได้ด้วย โดยอาจแยกส่วนราคาปลีก และราคาสมาชิก 2. Electronic Mall เช่น Lazada.com, itruemart.com, tarad.com เป็นต้น 3. M-Commerce เนื่องจากปัจจุบันโทรศัพท์มือถือแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ปัจจัยที่ 5 ของทุกคน การสร้าง Application สำหรับซื้อของได้โดยตรงก็ เป็นการเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น 4.Social Media เนื่องจาก ช่องทางหลักที่คน Gen C ใช้ในการสั่งซื้อของ เป็นประจำ และมากที่สุดคือ ทาง Facebook เนื่องจากเข้าถึงง่ายสะดวก และมี ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะสามารถคุยก่อนซื้อกับผู้ขายได้ทาง inbox และหากเป็น Official Page ของบริษัทเองโดยตรง ก็จะยิ่งสร้างความ น่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น 5. จัดกิจกรรมเดินสายตามโรงงาน,มหาวิทยาลัย,หรือ ตลาดนัดออฟฟิศ เป็นต้น โดยนอกจากจะมีการจำหน่ายของแล้ว ก็ประชาสัมพันธ์แนะนำช่องทางการซื้อของ ผ่านทางออนไลน์เพิ่มด้วย เพื่อให้คนรู้จักและมีโอกาสได้ทดลองใช้ในอนาคต
C H I N T A R A T CHAINIMITWATANA
“
5
30
8
5
0
3
7
4
N O N T H A N U T K A T E P H A P 5 8 5 0 3 8 0
“
“
เครื่องสำอางค์มิสทีน (Mistine) เป็นแบรนด์เครื่องสำอางค์ที่ถือว่าเป็นแบรนด์ อันดับต้นๆของคนไทย ซึ่งในปัจจุบันมิสทีนมีช่องทางการจำหน่ายอยู่ 3 ช่องทาง คือ ขายตรงโดยสาวมิสทีน, เว็บไซต์ และหน้าร้าน โดยมุ่งเน้นธุรกิจขายตรงโดย สาวมิสทีนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันนี้ภาพลักษณ์การขายตรง กลับไม่เป็นที่นิยมเท่า ที่ควร ทำให้ไม่มีคนรุ่นใหม่ๆสนใจเข้ามาทำงานสายนี้ ทำให้เหลือแต่คนรุ่นเดิมๆ ทำให้ขาดกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นมาเป็นสาวมิสทีน ทั้งที่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมาย หลักของมิสทีนที่มุ่งเน้นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งในอนาคตช่องทางนี้มีแนวโน้มว่าอาจจะหาย ไปเลยก็ได้ เพราะสังคมสังคมเปลี่ยนไป online เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ของคนเรามากขึ้น แต่ถ้ามิสทีนจะตัดการขายตรงออกจากระบบเลยก็คงเป็นเรื่อง ยาก เพราะสาวมิสทีนอยู่คู่กับมิสทีนมาเป็นเวลายาวนาน และกลายเป็นเอกลักษณ์ ของบรนด์มิสทีนไปแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่า มิสทีนควรเพิ่มช่องทางในการทำการ ตลาดดังต่อไปนี้ 1. Online Shopping ผ่านเว็บไซต์ของมิสทีน เนื่องจากทางมิสทีนเองก็มี เว็บไซต์อยู่แล้ว คือ www.mistine.co.th จึงควรพัฒนาระบบ Online Shopping เข้าไปสำหรับบุคคลทั่วที่ไม่ใช่สาวมิสทีน เพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ ของคนเราที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อยังคงคอนเสบของมิสทีนคือสาวมิสทีน จึง ควรมี 2 เรทราคาคือราคาสำหรับบุคคลทั่วไปกับราคาสำหรับสาวมิสทีน เพื่อให้ ผู้บริโภคยังเห็นความสำคัญของสาวมิสทีนและไม่ทำให้อาชีพสาวมิสทีนตายลงไป เช่น หากซื้อกับสาวมิสทีนหรือใช้รหัสสั่งซื้อของสาวมิสทีนคนนี้ซื้อ จะสามารถซื้อ ได้ในราคาพิเศษหรือมีของสมมนาคุณให้เพิ่มเติม เป็นต้น 2. Brand Ambassador เพื่อซัทพอร์ท Online Shopping เนื่องจาก แบรนด์มิสทีนนั้นมีแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็เป็นดาราที่มีชื่อ เสียงอันดับต้นของเมืองไทย และมีคนติดตามมากถึงหลักล้านกันทุกคน จึงควร ใช้จุดนี้ให้เกิดประโยชน์ โดยการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์เหล่านี้ในการช่วยโปรโมท ผ่าน Social Media ของแต่ละคน เช่น Instagram ในเรื่องของการช่วย โปรโมทโดยซื้อของผ่าน www.mistine.co.th ว่าเดี๋ยวนี้มิสทีนสามารถซื้อของ ได้ง่ายขึ้น ผู้บริโภคสามารถเข้าไปเลือกของได้ด้วยตนเองในเว็บไซต์ของมิสทีน โดยไม่ต้องผ่านสาวมิสทีน สามารถลดขั้นตอนและประหยัดเวลาไปได้อีกเช่นกัน 3. Online Influencer หรือ Blogger เพื่อซัพพอร์ท Brand Ambassador เพราะเดี๋ยวนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Online Influencer ไม่มี ผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆของผู้บริโภค เพราะคนเหล่านี้เปรียบเสมือน ตัวแทนของผู้บริโภคจริงๆ ที่ไม่ได้สวยหรือโด่งดังแบบดารา แต่เป็นธรรมดาทั่วไป ที่เลือกใช้มิสทีนจริงๆ จึงค่อนค้างมีอำนาจในการโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้เข้ามาเลือก ซื้อและทดลองใช้ในสินค้านั้น ดังนั้นการใช้ Online Influencer จึงเป็นช่องทาง ที่ดีที่ใช้ในการที่จะแนะนำสินค้าให้แก่ผู้บริโภค และได้ศึกษาก่อนว่าสินค้าเหล่านั้นดี อย่างไรผ่านการรีวิวโดย Online Influencer อีกทั้งยังช่วยโปรโมทให้ผู้บริโภค สามารถเข้าไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์โดยผ่าน www.mistine.co.th ได้อีกด้วย 4. Counter หรือ Flagship Store ถึงการซื้อของออนไลน์จะเป็นที่นิยมมาก แค่ไหน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังคงเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าร้านอยู่ เพราะได้เห็นสินค้า จริงและได้ทดลองก่อนใช้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีหน้าร้านด้วย เพราะต้องตอบ สนองต่อกลุ่มผู้โภคให้ครบทุกด้าน แต่ปัจจุบันหน้าร้านของมิสทีนยังมีน้อยมาก หลายคนยังไม่ทราบว่ามิสทีนมีหน้าร้านด้วยซ้ำ อันดับแรกจึงควรเพิ่มหน้าร้านตาม จุดสำคัญหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อรองรับผู้บริโภคให้ได้ทุกจุดก่อน
31
“ 32
“
P H A W A N Y A K I E A N K L A NG 5 8 5 0 3 8 9
ช่องทางการจัดจำหน่ายที่Mistineมีอยู่ในปัจจุบัน 3 ช่องทาง ซึ่ง ได้แก่ สาวมีสทีน แคตาล็อก และร้านค้าปลีกนั้นมีความเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของ Mistine ที่เน้นไปที่นักเรียน นักศึกษาและสาวโรงงาน อ้างอิงตาม Presentationของเพื่อนๆ ในClass จึงไม่มีความจำเป็นมากนักที่จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น เพราะการ เพิ่มช่องทางก็เปรียบเสมือนการเพิ่มต้นทุนของบริษัท แต่สิ่งที่Mistineควรจะพัฒนา เพิ่มคือ การเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น เช่น การเลือกLocation ของร้านค้าปลีกนั้น อาจจะต้องอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เปิดขายในสหกรณ์ร้านค้าในโรงงาน หรือ สหกรณ์ในโรงเรียน/วิทยาลัยเทคนิคฯ ให้มากขึ้น บวกกับจุดแข็งทางด้านผู้นำด้าน ราคาถูกที่Mistineมีอยู่แล้ว โดยอาจจะส่งสาวMistine ไปให้คำแนะนำในเรื่องของตัว ผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า เพราะเนื่องจากMistineมียอดขายเครื่องสำอางค์สูงเมื่อเทียบ กับผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ทั้งนี้ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะตัดสินใจง่ายขึ้นหากมีคำแนะนำ จากเจ้าของร้านหรือผู้ที่น่าเชื่อถือหรือผู้ที่เคยใช้มาก่อนส่วน % รายได้ Commission ก็เป็นไปตามจำนวนยอดการปิดการขายที่สาวMistineทำได้ในแต่ละ เดือน เป็นต้น ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นกรณีที่Mistineต้องการยึด Business Modelที่เป็นการขายตรงให้คงอยู่ แต่ทั้งนี้หากMistineต้องการขยายกลุ่มลูกค้าให้ เป็นพนักงานOffice มากขึ้น (ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากการแข่งขันสูง คู่แข่ง มาก และความนิยมของการใช้สินค้าเครื่องสำอางค์แบรนด์ไทยมีน้อย เพราะ สินค้าใน ปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะเป็นแบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น สำหรับบางตัวก็มีราคาถูก จับต้องได้ และ มีคุณภาพน่าเชื่อถือ แถมยังอินเทรนด์ ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า เพียงแค่สั่งใน Internet คลิกเดียวก็สวยได้) จะสามารถขยายช่องทางที่ไม่ใช่direct sales ได้ ดังนี้ คือ - ขายผ่าน online website และmobile application เนื่องจากสาวOffice มี % ของการใช้โทรศัพท์มือถือ และอยู่บนโลกOnlineที่มากขึ้น มีการเปรียบเทียบชนิดของ สินค้า หรือshoppingผ่าน onlineมากขึ้น ทำให้โอกาสที่Mistineจะเข้าถึงผู้บริโภค นั้นมีมากขึ้นด้วย แต่ลักษณะของสินค้าและราคาควรจะสูงขึ้นเพื่อให้เห็นถึงความแตก ต่างระหว่างการซื้อด้วยตนเอง กับการเป็นสมาชิกสาวมิสทีน(ซึ่งข้อนี้อาจจะขัดกับหลัก การPricing เพราะช่องทางOnlineไม่มีค่าcommission costน้อยกว่าช่องทางdirect sale จริงๆแล้วการขายผ่านonlineควรจะมีราคาที่ถูกกว่าเพื่อดึงดูดใจให้ผู้ บริโภคเข้ามาคลิกซื้อง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต ้Assumption ที่ว่า Mistine มี Cost การโฆษณาเป็น Cost ของส่วนกลางอยู่แล้วไม่ได้นำมาคิดรวมในแต่ละ Channel) ทั้งนี้ช่องทาง Online นี้อาจจะไม่ได้เป็นช่องทางหลักในการขายแต่จะ เป็นตัวผลักดันให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างและเลือกที่จะมาสมัครเป็นสาวMistineมากขึ้น อีกทั้งMistineควรจะสร้างความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและอยากใช้ สินค้าแบรนด์ที่ตนเองทำอยู่ เช่นซื้อที่อื่นเงินก็ไปอยู่กับที่อื่น แต่ถ้าซื้อของตนเอง รายได้ก็จะอยู่กับตนเอง เป็นต้น ซึ่งสิ้งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้า(ที่อาจจะกลับกลายเป็น สาวMistine) เกิดความLoyalty และมีความต้องการเพิ่มยอดขายมากขึ้น ไม่ว่ายอด ขายนั้นจะมาจากการซื้อใช้เอง หรือการขายให้ผู้อื่น ก็ตาม สรุปได้ว่า ช่องทางการจัดจำหน่ายของMistine มีความเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าใน ขณะนี้ จึงไม่มีความจำเป็นมากนักที่จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น เพราะนอกจาก จะเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทแล้ว ยังสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ “นิ้ง น่อง มิสทีน มาแล้ว ค่ะ” ที่หลายคนที่จักในรูปแบบของธุรกิจขายตรงเป็นอย่างดี ดังนั้นมีเพียงแค่วิธีการที่ จะทำอย่างไรให้มีจำนวนยอดขาย และสาวมีสทีนรุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ตามที่ได้กล่าวมา แล้วข้างต้น
P H A T T H R A U D OM KA L AYA LU X 5 8 5 0 3 9 1
“
ปัจจุบัน Mistine มีช่องทางจัดจำหน่ายหลักอยู่ 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.สาวมิสทีน หรือการขายตรง ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อเป็นประจำ 2.Mistine Beauty Shop 3.ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่งเครื่องสำอางทั่วไป
เพื่อให้มียอดจำหน่ายมากขึ้น และเพื่อขยายฐานลูกค้า Mistine ควรเพิ่มช่อง ทางการจัดจำหน่ายสินค้า ดังนี้ 1.Website : www.mistine.co.th ซึ่งปัจจุบันการซื้อผ่านช่องทางนี้ จะต้อง สมัครสมาชิกหรือเป็นสาวมิสทีนเท่านั้น แต่ลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการ ซื้อได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำให้ Mistine สูญเสียลูกค้าที่อยากซื้อสินค้า แต่ไม่ อยากผูกมัด หรือยึดติดการเป็นสาวมิสทีน ดังนั้น Mistine ควรปรับปรุงระบบ การขายผ่านทาง Website ให้ลูกค้าทั่วไปสามารถซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ สะดวก รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องยึดติดการเป็นสาวมิสทีน นอกจากนี้ยังเป็นการ ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เกิดการทดลองสินค้าที่อาจไม่เคยใช้มาก่อน 2.Application บนมือถือ ในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือแบบ Smartphone การนำสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ามากที่สุดก็คือการที่สามารถซื้อสินค้า บนมือถือผ่าน Application โดยช่องทางนี้สะดวก รวดเร็วกว่าแบบ Website และเข้าถึงลูกค้าได้เกือบทุกวัย 3.ร้านเครื่องสำอาง เช่น Watson, Boots, EveAndBoy ฯลฯ ซึ่งร้านที่ขาย สินค้าเฉพาะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นอีกทาง แม้ว่าการซื้อ-ขายออนไลน์ จะเติบโตมาก แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่ชอบซื้อสินค้าแบบเห็นสินค้าก่อน การวาง สินค้าผ่านทางร้านเครื่องสำอางเหล่านี้ ทาง Mistine ควรเลือกเฉพาะสินค้าที่ เป็นยอดนิยม เป็นที่รู้จัก เพื่อให้ชื่อแบรนด์ Mistine ยังได้ยินอยู่สม่ำเสมอ ยิ่ง ไปกว่านั้น ร้านเครื่องสำอางเหล่านี้มีสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ Mistine สามารถกระจายสินค้าผ่านทางร้านเครื่องสำอางเหล่านี้ได้ 4.Duty Free ที่สนามบิน เป็นช่องทางที่น่าสนใจที่จะทำให้ Mistine ไปสู่ตลาด โลกมากขึ้น เมื่อ Mistine ยืนยันในคุณภาพสินค้า และเป็นแบรนด์เครื่องสำอาง ของไทย ควรผลักดันให้สินค้าออกจำหน่ายสู่ตลาดต่างประเทศ ให้เป็นที่รู้จักใน ต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แบรนด์ Mistine เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของคนไทย และอยู่คู่ คนไทยมายาวนาน Mistine ได้ใช้ดาราที่มีชื่อเสียงหลายคน และเป็นดาราแม่เหล็ก ของแต่ละช่องที่ดูจะสามารถดึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น จนถึงวัยทำงานได้มากกว่านี้ แต่ ภาพลักษณ์ของ Mistine กลับดูเป็นแบรนด์ของสาวโรงงาน ดังนั้น การที่จะ เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น Mistine ควรปรับภาพลักษณ์ หรือ Repositioning แบรนด์ก่อน เช่น การปรับเปลี่ยนแพคเกจให้ดูเป็นแบรนด์พรีเมียร์ แต่ ราคาที่ทุกคนจับต้องได้ หรือการปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ขายดี ให้ดีขึ้นไปอีก แต่ เอกลักษณ์ที่ Mistine ควรคงไว้คื่อ การขายตรงผ่านสาวมิสทีนที่ยังมีฐานลูกค้า เดิมอยู่ เป็นช่องทางที่ลูกค้ากลุ่มเดิมเคยชิน และยังเป็นช่องทางจำหน่ายที่ทำให้ แบรนด์ Mistine เป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้
“
33
J E M I N I JENAREEWONG 5 8 5 0 3 7 6
“
34
P O R N T I S A HARUETAIVORAKUL 5 8 5 0 3 8 4
“
“
Misteen ควรจะหาช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า เพิ่มเติมจากช่องทางเดิม อะไรบ้าง และทำไมควรใช้ช่องทางที่ท่านนำเสนอใหม่เพิ่มเติมจากช่องทางเดิมที่มี อยู่คือ สาวมิสทีน แคตตาลอก และร้านค้าปลีก ในความเห็นของดิฉัน มองว่าทาง Misteen สามารถเพิ่มเติมจากช่องทางเดิมที่ มีอยู่ดังนี้ค่ะ 1. เพิ่มช่องทาง Online Application ที่เป็นของ Misteen เอง เนื่องจากยุค สมัยในตอนนี้ ตลาด online ค่อนข้างเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากสามารถเข้าถึง ได้ง่าย และมีความสะดวกในการเลือกจับจ่ายสินค้า นอกจากในนี้ application ยังสามารถตั้งค่าให้มีการ Alert (Notification) เตือน สำหรับผู้ที่ log-in ตัว application เอาไว้แล้วได้ด้วยเช่นกัน เช่น alert เมื่อมี promotion/code ส่วนลด, Alert กิจกรรมประจำเดือนต่างๆ, Alert สินค้าใหม่ประจำเดือน เป็นต้น ซึ่งนับเป็นการกระตุ้น (ตอกย้ำซ้ำทวน) ให้ลูกค้าเกิดความต้องการซื้อมากขึ้น 2. เพิ่มในช่องทาง Instagram (IG) : 2.1 ส่งเสริมและให้ความรู้แก่สาวมิสทีน ให้ขายอีกช่องทางผ่าน IG ในราคาพิเศษ เช่นเดียวกับการซื้อตรงกับสาวมิสทีน อาจมีการทำโปรโมชั่นเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้น ยอดขาย เช่น ซื้อครบ 500 บาท จะได้ลดกี่ %, เป็น Follower คนที่ 1,000 จะได้รับสินค้าพิเศษ 1 ชิ้น เป็นต้น 2.2 โปรโมท แบรนด์มิสทีน ด้วยการให้ beauty blogger review เกี่ยวกับ สินค้า และโพสภาพแชร์ลงใน IG เพราะยุคสมัยนี้ผู้หญิงส่วนมากที่เลือกซื้อเครื่อง สำอาง มักจะได้รับการกระตุ้นหรือการจูงใจจาก Beauty Blogger หรือ การ อ่านreview ใน blog, website ต่างๆ ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า เพื่อ เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ 3. เพิ่มในช่องทาง ร้าน Watson หรือ Boots เนื่องจากปัจจัยในการซื้อเครื่อง สำอางอย่างหนึ่งของผู้หญิงคือ การได้ทดลองใช้สินค้าจริงก่อนการตัดสินใจซื้อ (Tester) อาจมีการเพิ่มเคาท์เตอร์ของมิสทีนในร้านเหล่านี้ แต่ทั้งนี้ควรมีการทำ Market survey & Market Analysis ก่อนว่า พื้นที่ใดเหมาะที่จะกระตุ้นการ เพิ่มช่องทางเหล่านี้เข้าไป เพราะอาจไม่สำเร็จในทุกพื้นที่ (และอาจเป็นการสิ้นเปลือง งบประมาณกว่าเดิม)
Misteen เป็นธุรกิจขายตรงที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน มีสินค้าไม่ต่ำกว่า 4000 SKU ผ่านช่องทางขายหลักคือ เวปไซด์และสาวมีสทีน ถึงแม้จะมีการเพิ่มสินค้า ทุกๆเดือนเพื่อเพิ่มความน่าสนใจทางการตลาด แต่เป็นที่น่าตกใจว่า ช่องทางการ ขายหลักนั้นกำลดความนิยมจากผู้แทนสินค้าไปเรื่อยๆ เนื่องจากวัยรุ่นในปัจจุบัน ไม่ชอบที่จะเป็นสาว มีสทีน เนื่องจากเชย ไม่ทันสมัย ไม่เทห์ ทำให้บริษัทไม่สามารถ ขยายตลาดได้มากเท่าที่ต้องการ ควรหาช่องทางเพิ่มเติมจากเดิม คือ 1. การขายสินค้า Online ทาง Internet เพิ่มช่องทางขายผ่านตัวแทนในรูป เวบไซด์อื่น เช่น Lazzada, We love shopping, Jebun,etc. เพราะถึงแม้ จะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าหลัก แต่เป็นการกระจายความเป็นมิสทีนให้อยู่ในทุกที่ ให้เด็กรุ่น ใหม่รับรู้ และเห็นผลิตภัณฑ์ของ misteen อยู่อย่างเสมอ 2. เน้น การ review จาก blogger เพราะปัจจุบัน blogger เป๊นผู้มี Influencer มีอิทธิพลมากในการขายสินค้าเครื่องสำอางค์ อีกทั้ง Blogger หมาย ถึงความ ทันสมัย โดดเด่น อิสระ ตามเทรนด์ กระแสอยุ่ตลอด ทำให้น่าติดตาม และดึงดูดความสนใจจางลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น 3.เพิ่มช่องทางการโฆษณาในรูปแบบสื่อต่างๆ หรือแม้แต่การทำ Event ที่ตรงกับ กลุ่มลุกค้า เช่น handout , left let, รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ก่อให้เกิด ความทันสมัย สด ใหม่ และ ดึงข้อดีของ misteen ออกมาเช่น packaging ของ Misteen มีความสวยงาม แต่กลับสื่อไปไม่ถึงลูกค้า ควรเน้นการโฆษณาให้ มากขึ้น 4.สร้างกระแสใน social network เพิ่อเพิ่มความน่าสนใจและส่วนแบ่งทางตลาด 5.เพิ่มช่องทางอื่นๆ เช่น Application วางสินค้าใน Boots Watson รวม ทั้งตลาดต่างประเทศ เพิ่มเพื่ม พื้นที่ทางการตลาดใหม่ๆในที่ที่ ลูกค้าไม่มีภาพ ลักษณ์เก่าๆของ Misteen. ควรเพิ่มช่องทางที่มีอยู่เพราะ สาวมิสทีน แคตตาล๊อค และร้านค้าปลีก สามารถเข้า ถึงลูกค้าได้จำกัดเพียงบางกลุ่ม แต่กลับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้ สื่อ Internet เป็น หลัก misteen ควรเพิ่มช่องทางนี้ให้มากๆ เพราะมีแต่จะโตขึ้น Misteen ควร ก้าวให้ทันโลกคะ
“ A U R A P H A N P H A L A V O N K 5 8 5 0 4 0 2
แบรนด์มิสทีน กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2531 จนปัจจุบันมีอายุถึง 27 ปี แบรนด์นี้เติบโตมากับการขายตรง (Direct Selling) แบบ SLM (Single Level Marketing) โดยยุคเริ่มแรกคนจะจดจำได้กับคำว่า “มิสทิน มาแล้ว คะ” ผ่านทางโฆษณาในทีวี ทั้งนี้ แบรนด์มิสทีนมีความแข็งแกร่งเพียงพอในด้าน Brand Awareness ใครเห็นก็รู้จัก แต่ยังไม่สามารถเจาะตลาดเข้าถึงทุกคน ได้แม้จะมีพรีเซนเตอร์ซึ่งเป็นคนดังจำนวนมาก และพรีเซนเตอร์ที่ใช้ก็ถูกเลือกให้ เหมาะสมกับสินค้าที่ต้องการโปรโมต เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มลูกค้า ใน ปัจจุบันมิสทีน กำหนดราคาสินค้าให้จับต้องได้และมุ่งขายระดับตลาด Mass โดย พัฒนาช่องทางจากเดิมขายผ่านทางสาวมิสทิน มามีแคตตาลอก และเกิดร้านค้า ปลีก (หน้าร้าน) เป็น Shop ในห้างสรรพสินค้าTesco และบางครั้งหาได้ตามร้าน สะดวกซื้อ(CVS) (บางผลิตภัณฑ์) ในความเห็นของดิฉัน เห็นว่า มิสทีน ควรหาช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า เพิ่ม เติมจากช่องทางเดิมโดยหันมาใช้สื่อออนไลน์ให้มากขึ้น โดยเพิ่มช่องทางการจัด จำหน่ายแบบออนไลน์ การทำร้านค้าปลีกออนไลน์ E- tailing 1. Electronic Storefornt : การสร้างร้านค้าเสมือนจริงบนเครือข่าย ออนไลน์ เพื่อขายสินค้าโดยตรงถือมือผู้บริโภคโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง 2. Electronic Mall : ขายสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้าเสมือนจริง (Cyber Mall) เช่น ขายในเวปไซต์ Ensogo, Tarad, itruemart, beauticool เป็นต้น นอกจากนี้กระแสการซื้อสินค้าออนไลน์กำลังมาแรงมาก เนื่องจากเทรนด์ของ คนในสังคมปัจจุบันอยู่บนความเร่งรีบและยุ่งกันตลอด ช่วงเวลาที่ว่างและพักผ่อน ก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว เช่นก่อนนอน ดังนั้นคนจึงหมกมุ่นอยู่กับการก้มหน้าเล่น โทรศัพท์มือถือหรือท่องอยู่ในโลกออนไลน์ การซื้อของในโลกออนไลน์จึงกลาย เป็นเรื่องง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับคนเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ การค้าแบบ M-Commerce ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มิสทีน ควรจะทำ APP หรือ เวปไซด์สำหรับซื้อขายสินค้า โดยไม่ใช่เน้นแต่ขายอย่างเดียว ต้องมีลูกเล่นให้ผู้บริโภคสนใจด้วย เช่น มีสอนวิธีการแต่งหน้า วิธีดูแลรักษาเครื่องสำอางค์ เป็นต้น เพื่อ maintain ลูกค้าเก่า และเรียกลูกค้าใหม่ให้เข้ามาลองใช้บริการดู ด้วยกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปการขายตรงจากคนสู่คนอาจไม่ใช่คำตอบเดียวแล้ว สำหรับแบรนด์มิสทีน ดิฉันคิดว่ามิสทีนควรก้าวให้ทันยุคสมัยใหม่ที่เป็นยุคของ เทคโนโลยี แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรทิ้ง “สาวมิสทีน” ที่มีมานานจนเป็นสัญลักษณ์ของมิส ทีน โดยอาจให้เป็นเปอร์เซ็นต์ถ้าแนะนำคนมาซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ (คนซื้อลด ราคา สาวมิสทีนได้%) เป็นต้น
“
35
“
“
M U N T A N A VEERACHINNAPONG 5 8 5 0 3 9 3
Misteen ควรเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติมจากเดิม ดังต่อไปนี้ 1. เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบมีหน้าร้าน เช่น cute press ซึ่งเปิดตาม ตลาดขนาดใหญ่ หรือ supermarket เช่น lotus , Big C ทำให้ลูกค้าสะดวก ในการซื้อสินค้า สามารถซื้อได้ในเวลาที่ต้องการ และยังทำให้สินค้าไปถึงมือลูกค้า ได้เร็วขึ้น และ misteen สามารถจำหน่ายสินค้าทุกตัวของ misteen ทำให้ขยาย ฐานสินค้าตัวอื่นๆ ซึ่งต่างจากร้านค้าปลีก ที่นำสินค้า misteen ไปจำหน่ายเฉพาะ บางตัวเท่านั้น 2. M-Commerce ทำ application บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ มากขึ้น ลูกค้าสามารถอัพเดทสินค้าตัวใหม่ผ่านทาง application โดยไม่จำเป็น ต้องดูผ่านทาง web site หรือ แคตตาลอก โดยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่าน ทาง application สร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากขึ้น 3. การออกบูทตามงาน event ต่างๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้า เจาะกลุ่ม ลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า ให้ลูกค้าใหม่เกิดการทดลองใช้สินค้า
“
“
มิสทิน เป็นธุรกิจขายตรงในประเทศไทย เนื่องจากช่องทางขายตรงผ่านสาว มิสทินเป็นช่องทางหลักที่สร้างรายได้หลักให้กับมิสทิน ดังนั้น การที่จะเพิ่มช่อง ทางการจัดจำหน่าย ต้องไม่กระทบกับช่องทางขายตรง และต้องช่วยสนับสนุนให้ สาวมิสทินขายได้ง่ายขึ้น 1. website ของมิสทิน มิสทินควรปรับปรุงพัฒนาช่องทางการจัด จำหน่ายนี้ให้น่าสนใจ น่าซื้อสินค้ามากขึ้น และควรที่จะทำให้ใครๆก็ซื้อได้ ไม่จำเป็น ต้องเป็นสาวมิสทิน วิธีการที่จะทำให้ไม่กระทบกับรายได้ของสาวมิสทินคือ ทำเรท ราคาที่ต่างกัน สำหรับราคาลูกค้าทั่วไปและราคาของสาวมิสทิน 2. application ปัจจุบันนี้เป็นยุคแห่ง smartphone ใครๆก็มีมือถือ smartphoneใช้ ดังนั้นการสร้างแอพพลิเคชั่นมาเป็นช่องทางในการจำหน่าย สินค้า ซึ่งแต่เดิมลูกค้าใช้ catalog ก็เปลี่ยนมาเป็น tablet หรือ smartphone จะทำให้สาวมิสทินดูดีขึ้น เหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น นอกจากนี้การใช้ application ทางมิสทินยังสามารถใส่พวกรีวิวสินค้า หรือแนะนำสินค้าจากพวก blogger หรือ online Influencer มาช่วยในการโน้มน้าวลูกค้า ช่วยเหลือสาวมิสทินได้ อีกทางด้วย 3. Event มิสทินควรจัดงาน event บ่อยๆ เพราะงานevent จะดีกับขาย ตรงมากๆ เชิญสาวมิสทินที่ประสบความสำเร็จมาพูด เพื่อโน้มน้าวให้มีสาวมิสทิน เพิ่มขึ้น มีการแนะนำสินค้า รีวิวสินค้า ทดลองใช้สินค้าในงาน เชิญ brand ambassador หรือ คนที่เป็น online Influencer มาพูดเกี่ยวกับสินค้าของมิสทิน และมีการจำหน่ายสินค้าในงานevent เลยด้วย
“
36
PAT TA R A P O L T A N G S I R I 5 8 5 0 3 9 0
“ Y K N 5
O D L O N U R 8 5
S I R I G D U M N K I D 0 3 9 4
ช่องทางการจัดจำหน่ายของ mistine ในสมัยก่อนคือการขายตรงเป็นหลัก คือเคาะประตูขายตามบ้าน ส่วนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาคือ เลือกสินค้าผ่าน catalog และร้านค้าปลีกที่กำลังจะเพิ่มขึ้นมา Mistine ควรเพิ่มกระแสเข้าไปในตลาด online มากขึ้นเหมือนกับ brand ส่วน ใหญ่ในปัจจุบัน อย่างเช่น เปิด Page Facebook และสร้างกลุ่มก้อนของผู้ที่เป็น เครือข่าย เพื่อรวบรวมผู้ที่เป็นลูกค้าเก่าและเป็นลูกค้าใหม่ สร้าง Community เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีการ review สินค้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจจากผู้ ใช้งานจริง ,instragram จ้าง influencer ที่มีผู้ติดตามมากๆและอยู่ในวงการ ความสวยความงาม review สินค้า เพิ่มความตอกย้ำซ้ำทวน เข้าไปจากการที่จ้าง presenter โฆษณาปกติ ให้ลูกค้าหน้าใหม่ๆอยากจะเข้ามาทดลองใช้ และการเป็น official account ของ Line เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ไวและ ถึงตัวมากที่สุด เพราะว่าในสังคมปัจจุบันการขายตรง เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ชอบ พอ เห็นว่าจะมาขายตรงก็จะปฎิเสธก่อนเข้ามาทำความรู้จักสินค้า ช่องทาง Line จะ ช่วยเติมเต็มในจุดนี้ ทำให้ลูกค้าสามารถเห็น catalog และเลือกชมสินค้า สามารถ จัด Promotion ในช่องทางนี้ได้ง่ายอีกด้วยสำหรับผู้ที่ติดตาม Line เป็นช่อง ทางการติดต่อได้ไวที่สุดกับผู้บริโภคในยุคที่ผู้คนใช้ smart phone เป็นหลัก
“
“
“
S U T H I N E E CHUMNUMPHON 5 8 5 0 1 2 7
มิสทีนควรเพิ่มและพัฒนาช่องทางการขาย เพื่อขยายฐานลูกค้าและเป็นการเพิ่ม ยอดขาย จากเดิมที่ใช้วิธีหลัก คือ ให้สาวขายเป็นตัวแทนขาย โดยต่อจากนี้มิสทีน น่าจะลงมาเล่นในตลาดในฐานะผู้ขายและผู้นำด้านช่องทางจำหน่าย เพื่อเพิ่มสีสัน และการแข่งขันในตลาดนี้ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยจะใช้ช่องทางการขายใหม่ดังนี้ 1.Partnership/Collaboration Marketing ร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจกับคลินิกเสริมความงาม ทั้งในรูปแบบการนำสินค้า เข้าไปจำหน่ายผ่านคลินิก รวมถึงการร่วมือกันสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ 2.AEC Market สามารถทำในรูปแบบการส่งออกไปขาย หรือการตั้งโรงงานผลิตในประเทศแถบ อาเซียน ที่จะสามารถออกผลิตภัณฑ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟจำหน่ายเฉพาะแต่ละประเทศ ได้ พร้อมการเปิดร้านในรูปแบบ Pop up Store ควบคู่กับการ recruit สาว ขายในแต่ละประเทศไปด้วย 3.E-commerce/M-commerce พัฒนาต่อยอดจากช่องทางเดิมที่มีอยู่แล้ว เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น http://www. mistinecosmetics.com, http://www.friday.co.th, http://www. mistine.co.th ซึ่งแต่เดิมเป็นแค่เพียงเว็บไซต์โชว์สินค้าและแคตตาล็อก ก็ควรจะ เพิ่มฟังก์ชั่นระบบซื้อขายให้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากหน้าเว็บไซต์ได้เลย ตรงนี้จะ ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้ด้วย ทั้งค้าปลีกและสาวขายเดิมที่มาสั่งของ โดยจากเดิม ที่ต้องสั่งผ่านทาง http://www.bworder.com ได้เพียงที่เดียว ซึ่งเสนอให้จับ ทั้ง 3 เว็บไซต์รวมเข้าด้วยกัน เพื่อความสะดวกและไม่สับสนของลูกค้า นอกจากนี้ จะเพิ่มแอพลิเคชั่นสำหรับบน smart device ด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์พฤติกรรม ของผู้บริโภคในยุคนี้ได้อย่างครบถ้วน 4.facebook online shop(shopify) จากจำนวนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของมิสทีนกว่า 75% เป็นนักเรียน/นักศึกษาและ สาวโรงงาน ช่องทางนี้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของมิสทีนได้ ใกล้ชิดกว่าเดิม ทั้งสาวขายที่ลงทะเบียนกับมิสทีนอยู่แล้ว และลูกค้ารายใหม่ที่มี account facebook โดยผนวก shop online เข้ากับ facebook fanpage ของมิสทีน แล้วใช้วิธีโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางนี้ได้เลย 37
Team Talk !
MARK C WABOONSOM L AILUK
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่ากลุ่มเราคิดกันหนักมากเรื่องที่จะมาConferenceกัน ซึ่งเรา แบ่งหน้าที่กันออกไปหาและมาเสนอสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งต่างคนก็ต่างความเห็น คิดเยอะกลัว เพื่อนไม่สนใจเรื่องนี้ ไม่อินบ้าง ไม่สนุกกับเราบ้างเป็นต้น ซึ่งก่อนจะเลือก Mistine ก็ ลังเลอยู่กับอีกธุรกิจ แต่การตัดสินใจเลือกนี้คือได้ทำการสอบถามความน่าสนใจของ เพื่อนๆกลุ่มอื่นเบื้องต้นแล้วดูสนใจ จึงตัดสินใจเลือก Mistine เพราะกลุ่มเราคิด ว่าการConferenceนั้นมันควรที่จะเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจก่อน มันสำคัญมากกับการนำ เสนอข้อมูลเชิงลึกต่อไป เมื่อเราได้เรื่องก็ไปศึกษาข้อมูลกันและมาแลกเปลี่ยน แชร์ข้อมูลกัน งานทุกอย่างถูก ปรับแต่งกันตามความคิดเห็นที่เสนอ มันคือการทำงานเป็นทีม ยิ่งโดยเฉพาะหากใคร ติดธุระคือทุกคนเข้าใจกันเพราะจุดมุ่งหมายคือ งานกลุ่มคือต้องช่วยกันผลักดันให้ สำเร็จ และมาแชร์ข้อมูลกันภายหลังในไลน์ กลุ่มเราพยายามคุยกันบ่อยๆในทุกเรื่อง อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่องานออกมามันคือพวกเราช่วยทำจริงๆ พวกเราภูมิใจยิ่งโดยเฉพาะ ตอนคิดConceptคือทุกคนสนุกกับมันมาก ทุกคนมีความเก่งในคนละด้าน มันจึงมา ช่วยSupportกันได้เป็นอย่างดี สิ่งที่รู้สึกประทับใจมากๆคือตอนที่ทำฉากติดผ้าสีชมพู ทุกคนทุ่มเทแรงกายมาก ปีน ป่ายกัน ขึงผ้า ทุกคนเป็นห่วงกันเสมอมีทีมเสบียงเสร็จสรรพ และเมื่อทุกคนมาเห็น บรรยากาศเหมือนเราถ่ายทอดอีกมุมให้ทุกคนเห็นและประทับใจงาน การจัดที่นั่งก็จะเป็น วงกลมจะได้แลกเปลี่ยนพูดคุยและไม่เกร็ง ไม่มีช่องว่างกัน ทุกอย่างคือพวกเราคิดกัน มาแล้ว อยากขอบคุณ.... อาจารย์บุริม โอทกานนท์ที่คอยเสนอแนะทุกข้อมูลที่สงสัย และให้ความรู้ตลอดมา และ วิชาStrategic Marketing Management @CMMU ที่มีProject งานสาน สัมพันธ์ดีๆเช่นนี้ ผู้จัดการแผนกวางแผนการตลาดผลิตภัณฑ์มิสทินที่ให้เข้าสัมภาษณ์ อย่างเป็นกันเองและมีข้อมูลให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เพื่อนในSectionที่ตั้งใจฟัง ให้ยืม อุปกรณ์บางอย่างมาเสริม5555และแฮปปี้กับงานวันนั้น และสุดท้ายเพื่อนๆในกลุ่ม ที่เป็นเสมือนเพื่อนพี่น้องป้า5555 คอยสอนคอยเสนอแนะรับฟังความคิดเห็นกัน ปรึกษาได้ทุกเรื่องและมีเสียงหัวเราะร่วมกัน :D
38
5850398
KETING CONFERENCE
SUNEERAT PINTURONG 5850401
ปัจจุบันเครื่องสำอางเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้หญิงในปัจจุบันไปเสียแล้ว โดยหลายคนยอมรับว่าไม่สามารถออกจากบ้านได้หากไม่ได้แต่งหน้าก่อน จึงทำให้เรา ไ้ด้เลือกสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางและด้วยมิสทินเป็นเครื่องสำอางแบรนด์ไทย และยัง เป็นสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางที่มียอดขายอันดับหนึ่งในประเทศไทย มิสทินเป็นแบรนด์ที่มี สินค้าหลากหลายและยังมีราคาไม่แพง การตลาดของแบรนด์นั้นมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา จากการเลือกพรีเซนเตอร์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า การได้ลงมือศึกษาการตลาดของมิสทินนั้นทำให้เราได้ทราบถึงขั้นตอนการตลาด อย่างแท้จริง ว่ากว่าการที่หนึ่งผลิตภัณฑ์จะได้ออกสู่ตลาดนั้นกระบวนการวางแผนการ โปรโมทสินค้ามีขั้นตอนเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการโปรโมทสินค้าที่มิสทินเน้น เป็นหลัก คือการจัดทำแค็ตตาล็อกสินค้าเพื่อสมาชิกสาวมิสทิน หรือการโปรโมทโฆษณา สินค้าทางทีวีเพื่อให้สินค้าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และรวมไปถึงหลัก ของการคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ในแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เพียงแต่ความโด่งดังของตัวพรี เซนเตอร์เท่านั้นแต่ยังคัดเลือกตามความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์และตัวดาราด้วย การที่ เราได้นำข้อมูลของมิสทินมาวิเคราะห์ตามกระบวนการเนื้อหาของกลยุทธ์การตลาดจาก บทเรียนเป็นการฝึกให้เราสามารถวิเคราะห์และเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและสิ่งที่สินค้าต้องการ สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ซึ่งแนวการตลาดของแต่ละบริษัทก็มีวิธีการสื่อสารแต่ละ วิธีที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งบ้างก็ล้มเหลว บ้างก็ประสบความสำเร็จก็ทำให้ได้เรียนรู้ ว่าการตลาดนั้นไม่ควรหยุดนิ่ง การตอก ย้ำ ซ้ำทำ เป็นหลักการที่จะทำให้แบรนด์หรือ สินค้าอยู่ในตลาดได้นาน ซึ่งเราคิดว่ามิสทินได้ปรับใช้กลยุทธ์การตลาดของตนเองอยู่ สม่ำเสมอจึงทำให้สามารถเป็นที่ยอมรับจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ขอขอบคุณอาจารย์บุริม ที่คอยสอนให้นักศึกษาได้เรียนรู้หลักในการคิดวิเคราะห์ แนะให้มองในมุมที่ต่างและการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นอยู่เสมอๆ รวมถึงขอขอบคุณอริสา สรณานุภาพ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของมิสทินที่เอื้อเฟื้อการ ให้ข้อมูลเนื้อหาสำหรับการศึกษาในครั้งนี้ค่ะ
39
MARK C
Team Talk !
PIMNARA KITPRASAN 5850386
ในความคิดแรกหลังจากได้ฟังโจทย์จากอาจารย์บุริม โอทกานนท์ พวกเรามีการนำ เสนอหัวข้อที่หลากหลายมากกันในกลุ่ม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร มีการประชุม กันหนักมากเนื่องจากกังวลว่าหัวข้อจะไม่น่าสนใจ จนในที่สุดก็ได้โจทย์เป็นมิสทีน บริษัท ที่ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของไทยซึ่งคงไม่มีใครไม่รู้จัก ภายใต้คำถามที่น่าสนใจ ว่าการเปลี่ยนpositioningของมิสทีนจากสาวโรงงานมาเป็นสาวออฟฟิสนั้น มีโอกาส ประสบความสำเร็จมากเพียงใด หลังจากได้หัวข้อ เราก็แทบต้องประชุมทุกครั้งหลัง เลิกคลาสในแต่ละวิชา ถึงเหนื่อยกลับบ้านช้าแต่ก็สนุกดีนะคะ ได้เห็นฝีมือของเพื่อนใน ทีมที่โชคดีมากที่กลุ่มเรานั้นแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกันไป ทั้งด้านการวิเคราะห์ ข้อมูล การติดต่อประสานงาน การออกแบบสถานที่และรูปแบบงาน เพื่อนๆมีความ พยายามและร่วมมือกันสุดๆเลยค่ะ ประทับใจมาก และดีใจมากที่เพื่อนในคลาสทั้งหมดมี ความสนใจและสนุกสนานไปกับการpresentationของกลุ่มเรา หายเหนื่อยเลยค่ะ ^^ ขอขอบคุณเพื่อนๆในทีมที่ให้ความเสียสละและยอมรับฟังกันตลอดเวลาที่ทำงานร่วม กัน ขอขอบคุณเพื่อนๆในคลาสที่ให้ความสนใจและสนุกกับการpresentationของพวก เรา และยังใจดีให้ยืมอุปกรณ์มากมาย สุดท้ายสำคัญที่สุดรุ่งขอขอบพระคุณอาจารย์บุริม โอทกานนท์ ที่ให้ความรู้การตลาด แก่รุ่งและเพื่อนๆตลอด1เทอมที่ผ่านมายอมรับว่าอาจารย์มีแนวคิดที่ล้ำมากค่ะ และมี ความรู้รอบตัวสูงมากค่ะ หนูเพลินมากเวลาเรียนกับอาจารย์ และขอขอบคุณสำหรับคำ แนะนำ และการวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้พวกเรามีความเป็นนักการตลาดที่ดีนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
40
KETING CONFERENCE SUWIMON SUTTHARATANAKUL 5850405
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ CMMU อาจารย์ และเพื่อนๆ MK18B ที่ทำให้ Mistine conferenceประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ด้วยดี การได้มาเรียน วิชา Strategic Marketing Managementนั้น ได้เปิดมุมมองการตลาดแบบใหม่ๆแก่ดิฉัน ทั้งสิ่งที่ ไม่เคยรู้และสิ่งสิ่งที่รู้อยู่แล้วแต่ลงรายละเอียดขึ้นไปอีก ในตอนแรกนั้น ดิฉักก็มีความ เป็นห่วงและยังมองไม่ออกว่า Marketing Conferenceจะออกมาเป็นรูปแบบไหน และเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างไร ทั้งๆที่หัวข้อก็เลือกได้ช้ากว่าที่กำหนดก่อน Conferenceเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆในกลุ่มมาก เพราะหลังจากที่ พวกเราเลือกหัวข้อได้แล้วนั้น พวกเราทำงานเป็นทีมได้ดีมาก ทั้งรวดเร็วและแก้ปัญหาที่ ต้องเผชิญในการทำงานได้อย่างดี ประสบการ์ณจาก Mistine Conferenceนั้นช่วยเปิดมุมมองการตลาดในสายงาน อื่นๆแก่ดิฉัน และได้รับการอนุเคราะห์จาก ผู้จัดการ บริษัท เบตเตอร์เวย์เป็นอย่างดี เกี่ยวกับข้อมูลและกลยุทธ์การตลาดแบบMistineและสุดท้ายเมื่อถึงวัน conference ดิฉันขอขอบคุณอาจารย์บุริม ที่ให้ทั้งคำแนะนำแตะติชม เพื่อนๆในคลาสที่ช่วยกันระดม สมองและนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับMistineและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และ เพื่อนในกลุ่มMistineที่ช่วยสร้างสรรค์และทำให้ Conferenceนี้ประสบความสำเร็จค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
41
Team Talk !
ORAWAN CHAIWONGVIBUL 5850403
42
MARK C
ในตอนแรกที่มีเพื่อนในกลุ่มเสนอหัวข้อมิสทิน ขึ้นมา ในใจแอบรู้สึกว่าไม่ค่อยสนใจ หัวข้อนี้สักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าMistine เป็นแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้วซึ่งไม่ได้ รู้สึกแปลกใหม่อะไรและด้วยความที่ส่วนตัวแล้วใช้เครื่องสำอางแค่ไม่กี่อย่าง เลยพยายาม หาหัวข้ออื่นๆที่คิดว่าน่าจะแปลกและน่าสนใจกว่านี้ พอลองหาหัวข้ออื่นแล้วบางหัวข้อ เพื่อนๆก็สนใจแต่เพื่อนๆกลัวว่าจะหาข้อมูลแบบเจาะลึกไม่ได้ สุดท้ายเลยกลับมาที่ มิสทิน …พอได้หัวข้อที่แน่นอนแล้วทุกคนก็ได้เข้าไปหาข้อมูล ได้เข้าไปสัมภาษณ์ พอรู้เกี่ยวกับ มิสทิน มากขึ้น ทำให้รู้สึกอินกับ มิสทิน ไม่คิดว่าบริษัทจะน่าสนใจขนาดนี้ ตอนนี้อินถึง ขนาดที่คิดว่าจะไปเป็นสาวมิสทิน ประจำสาขา CMMU แต่ยังค่ะ ยังไม่พร้อมเป็นสาว มิสทิน เพราะกลัวว่าจะไม่หาลูกค้าแล้วเพราะยอดซื้อจะเป็นของตัวเองไปซะหมด.. หลังจากที่ได้ข้อมูลมาแล้ว ทุกคนก็มาช่วยกันวิเคราะห์และคิดรูปแบบที่จะนำเสนอจะทำ ยังไงให้รู้สึกน่าสนใจ เมื่อตกลงกันแล้วว่าจะเป็นแนวไหน ก็เริ่มเตรียมของ พอถึงวัน Conference ต้องจัดห้องแขวนผ้าบนเพดาน ซึ่งกลุ่มเราไม่มีผู้ชายเลย แต่โชคดีที่มี เพื่อนในกลุ่มมีความสูงพอที่จะแขวนผ้าได้ ยอมรับเลยว่าความสูงไม่พอเลยต้องทำหน้าที่ ส่งของอยู่ข้างล่าง(แอบรู้สึกผิด) ครั้งนี้ทำให้รู้เลยว่าการจัดงานครั้งนึงต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งหลายอย่างจริงๆ ถ้าให้จัดการคนเดียวคงจะต้องใช้เวลานานมากกว่านี้ ถ้าไม่มีทีมนี้ คิดไม่ออกเลยว่า Conference จะเป็นยังไง.. สุดท้ายแล้วขอขอบคุณอาจารย์บุริม โอทกานนท์ ที่คอยให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาในทุกๆ เรื่อง สอนให้รู้จักวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ให้มองต่างมุม ทำให้ความคิดรู้สึกเปิดกว้าง มากขึ้นจริงๆค่ะ,,ขอขอบคุณคุณอริสา สรณานุภาพ ผู้จัดการแผนกวางแผนการตลาด ผลิตภัณฑ์มิสทิน ที่ให้เข้าไปสัมภาษณ์และให้ข้อมูลที่ทางกลุ่มสนใจทำให้เข้าใจมากขึ้น ค่ะ,,ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในครั้งนี้และที่ขาดไม่ได้เลยขอบคุณเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละคนอาจจะถนัดกันคนละอย่างแต่ก็สามารถ แบ่งหน้าที่กันจนทำให้ Conference ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ..
KETING CONFERENCE NAPASSANAN CHOWDEE 5850287
เริ่มจากการเลือกหัวข้อpresent ก็มีความเห็นไม่ตรงกันแล้ว555555 เพื่อนส่วน หนึ่งอยากทำ Mistine อีกส่วนหนึ่งไม่อยากทำ Mistine และดูเหมือนว่าแต่ละฝ่าย ก็มีเหตุผลที่ค้านกันไม่ลง ต่างคนต่างความคิด บรรยากาศตึงเครียดสุดๆ.. แต่ส้มคิด ในใจว่า จะรอดมั้ยนะ? คือตัวเรายังไงก็ได้ แต่อยากให้ทุกคนสบายใจและทำงานกัน ด้วยpassionจริงๆ เลยเลือกที่จะถามเพื่อนส่วนใหญ่ในห้องว่าต้องการฟังหัวข้อไหน ผลสรุปออกมาเป็น Mistine… แต่สิ่งที่ประทับใจคือ เพื่อนที่ไม่อยากทำ Mistine ให้ความร่วมมือในการทำงานอย่าง เต็มที่ เลยทำให้การทำงานราบรื่นไปได้ด้วยดี วันสัมภาษณ์พวกเราต้องเดินทางไกลกัน มาก แถมกลับมาเรียนไม่ทันเวลาด้วย5555 แต่รู้สึกดี ที่ได้มีโอกาสไปเรียนรู้บริษัท Better Way ได้มีมุมมองใหม่ๆของการทำธุรกิจ พอถึงวันใกล้ Present ทุกคนต่างเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อมาช่วยกันจัดสถานที่และ รูปแบบการ Present มีตั้งแต่ทำ slide แขวนผ้า ติดไฟ ซื้อของ ส้มก็อยากจะช่วย เพื่อน เลยเสนอตัวเองขอเดินแบบเป็นแพนเค้ก 55555!! พอนึกแล้วก็ขำ แต่รู้สึกว่า Present ทั้งที อยากทำให้เต็มที่ ดีเหมือนกันได้มีโอกาสทำอะไรแปลกๆ แถมเพื่อนก็ ให้โอกาสเราด้วย และวัน Present ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเกินคาดจริงๆ หายเหนื่อยเลยค่ะ รู้สึกว่าเป็นการ Present ที่ได้ลงมือทำจริงๆ เหมือนได้ประสบการณ์ในการจัดงานจริง สามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้เลย ยอมรับว่าการทำงานครั้งนี้ มีทั้งสุข ทุกข์ พูดไม่เข้าใจกันบ้าง หงุดหงิดกันบ้าง ขำขัน กันบ้าง แซวกันบ้าง แกล้งกันบ้าง แต่ก็เป็นอีกรสชาติหนึ่งของการเรียน ป.โท บทเรียน ที่ได้คือ ต้องเรียนรู้และยอมรับในตัวตนของคนอื่นด้วย ลดความเป็นตัวตนของตัวเอง ลงมา เพื่อให้เราทำงานกับคนอื่นได้มากขึ้นและตัวเองจะสบายใจ สุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆกลุ่มนี้นะคะ ขอบคุณ ทุกคน ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณบริษัท Better Way และเพื่อนๆในห้องทุกคน สู้ไป ด้วยกันจนจบ ป.โทเลยนะ ^^
43
MARKETING / /CONFER ENCE
44
45
46
47
48
49
Reference : // http://www.thaicosmeticcluster.com/tag/aec/ https://www.google.co.th/?gws_rd=ssl#q=avon%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3 %E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4 http://www.giffarine.com/th/about1.php#sthash.T8NC4KWx.dpuf http://truemoveh.truecorp.co.th/news_events/news/entry/5366 http://www.mistine.co.th/ http://www.positioningmag.com/ https://prezi.com/gbbabdy5jdku/copy-of-mistine/ https://online.cutepress.com/ http://www.maybelline.co.th/ http://www.citrathailand.com/ http://www.lorealparisthailand.com/ http://moohmome.blog.com/ http://www.gotomanager.com https://prezi.com/pqb4wu0u2r4g/copy-of-mistine/ http://www.fareastddb.com/buzz/?p=19432
50