Pie Online Magazine 16

Page 1

MAY BE, We’re Missing Something ISSUE 16 MAY | 2015 TALK WITH

/

IBOOKAVENUE NAMSOM SUPANAN TADA HENGSAPKUL VANILLA WALK AZUMA MAKOTO


02


/ 03


EDITOR’S TALK สวัสดีครับ และ ขอบคุณทีต่ ดิ ตามอ่านนิตยสารออนไลน์ของเรา เป็นไงบ้างครับช่วงที่ผ่านมา กรุงเทพฯ เมืองฟ้าของเรา กับอากาศที่แสนจะร้อนระอุ (ตอนนี้ก็ยังร้อน) หลายคนคง ได้ไปพักร้อนผ่อนคลายกับชายทะเลสวยๆ ส่วนไอ้กระผม นัน้ น่ะเหรอ นัง่ ดูชายทะเลและสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วผ่าน facebook พร้อมกับปัน่ งานอยูท่ บี่ า้ นครับ (เศร้า ขอบ่นหน่อย) เข้าเรือ่ ง ดีกว่า PIE เล่มนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษ จากศิลปินจัด ดอกไม้ชาวญี่ปุ่น ที่ผลงานโด่งดังไปถึงระดับโลก มาฝาก ทุกท่าน และในเล่มต่อไปทางเราจะพยายามติดต่อศิลปินต่าง ประเทศดีๆ งานเจ๋งๆ มาเสิรฟ์ ให้ถงึ ตาของผูอ้ า่ นอีกแน่นอน ส่วนศิลปินและนักออกแบบไทย เราก็จะพยายามเสาะหาคน เก่งที่น่าสนใจมาฝากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ฝากติดตามกัน ด้วยนะครับ สุดท้ายนี้ ทาง PIE Online Magazine ขอ แสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัยชาวเนปาลและผู้เกี่ยวข้อง ทุกท่าน แม้จะแอบชื่นใจที่เห็นนักสร้างสรรค์หลากหลาย สาขาช่วยกันหาวิธีช่วยเหลือและระดมทุนเพื่อส่งไปให้กับผู้ ประสบภัย ทัง้ การจัดคอนเสิรต์ นำ�รูปภาพหรือผลงานออก มาจำ�หน่าย แต่ที่สุดแล้ว ถ้าเหตุประสบภัยอันเศร้าสลดนี้ ไม่เกิดขึ้นจะเป็นการดีที่สุด ขอให้เนปาลกลับมาสวยงามและ แข็งแรงขึ้นโดยเร็วครับ

สุรเชษฐ์ ศิลปบรรเลง PIE MAKER

04


issue # 16 www.pieeveryday.com pie online magazine

contents PAPER AND A MAN Rachata Saetieo MY IllUstratION Namsom Supanan NUDE YOUR real MIND Tada Hengsapkul I love storytelling in all kinds Kamonnart Ongwandee LISTEN THE SOUND OF FLOWERs Azuma Makoto

PIE ONLINE MAGAZINE

100/99 ChaiyaPruk Village’ soi 55 Sukapibal 5 road, O-ngoen, saimai, bangkok, thailand , 10220

tel : 08 0233 5492 E-MAIL : pieonlinemag@gmail.com www.pieeveryday.com www.facebook.com/piemagazine2013 IG : PIEONLINEMAGZINE

05


ALL Inspiration And Idea IN THISMAGAZINE, Need Your Support.

06


Advertising Rate and ASK FOR ALL INFORMATION OF US Please Contact pieonlinemag@gmail.com

07


plastic flower vase

แจกันถุงพลาสติกใส ที่พิมพ์ลวดลายกราฟิกนี้เป็น ผลิตภัณฑ์จาก D-BROS บริษัทโปรดักส์ดีไซน์สุด เก๋จากญี่ปุ่น ที่เขามีไอเดียเท่ๆ ในการออกแบบแจกัน ใส่ดอกไม้ที่เป็นถุงพลาสติกแผ่นเดียว เมื่อใส่น้ำ�ก็จะ กลายเป็นแจกันสีสวย น้ำ�หนักเบา ประหยัด ไม่ต้องมา นั่งเช็ดล้างให้เปลืองเวลา และไม่ต้องกลัวว่าจะทำ�แตก มีให้เลือกหลายขนาด หลายลาย สนใจคลิ๊กเข้าไปดู ได้ที่ www.dbrostokyo.com

08


Tsunago: A Pencil Shapener

เคยใช้ดินสอแล้วไม่หมดกันไหม ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อบริษัทผลิตกบเหลา ดินสอจากประเทศญี่ปุ่น NJK เขาคิดค้นวิธีที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้ม ค่ามากที่สุด โดยเจ้า Tsunago นี้ มีกลไกลในการเหลาดินสอให้เชื่อมต่อเข้า ด้วยกันได้ นำ�ดินสอสั้นที่ใกล้จะหมดแท่ง หันด้านท้ายของแท่งไปเหลากับกบ เหลา หมุนไปยังช่องที่ 1 แล้วเหลา เครื่องจะเหลาเปลือกในส่วนที่เป็นไม้ออก ให้เป็นรู จากนั้นนำ�ดินสอยาวอีกแท่งมาเหลาในช่องที่ 2 ซึ่งจะเหลาออกมาได้ ในขนาดที่เล็กกว่าปกติ และนำ�ทั้งสองแท่งมาต่อกันโดยใช้กาวยึด ดินสอทั้ง สองแท่งก็จะรวมเป็นแท่งเดียวกันและสามารถใช้ได้หมดทั้งแท่งแบบไม่เหลือใส้ ดินสอเลย ประหยัดคุ้มค่าแบบนี้ ต้องหามาใช้สักเครื่องแล้วล่ะ สนใจติดตาม ได้ที่ http://www.njk-brand.co.jp

09


3D Print Lab : Smartphone case

เคสมือถือสุดเท่ของบริษัท KDDI จากโตเกียว ที่เขาใช้เทคนิคจาก 3D Print ให้คุณสามารถเลือกทำ�เคสมือถือจากรูปแบบแพทเทิล เทมเพลท ข้อความ สี และเพิ่มข้อความที่ต้องการลงไปได้ มีทั้ง ไอโฟนและแอนดรอยด์ หรือจะดีไซน์ที่เก็บหูฟังเท่ๆ ก็ได้ แค่คลิ๊กสั่ง ผ่านเว็บไซต์ เพียง 2 สัปดาห์เคสนี้ก็จะถูกส่งไปถึงหน้าบ้านกันเลย ทีเดียว สนใจเข้าไปดูได้ที่ https://3d.auone.jp

010


Sony BOOK STORY

หนังสือที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมต่างๆ ของ โซนี่ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่แทบทุกบ้านต้องมีของใช้สัก ชิ้นของเขาอย่างแน่นอน หนังสือ Sony Design: Making Modern นี้ เป็นวิวัฒนาการของโซนี่ ตั้งแต่ยุคแรกๆ ทั้งวิทยุทรานซิสเตอร์ เทปคาสเซ็ท กล้องถ่ายภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก อื่นๆ และวอร์คแมนสุดคลาสสิกหลากหลายรุ่นที่ใน ยุคนั้นใครมีไว้ครอบครองจะฮิปและคูลสุดๆ ดูแล้ว ก็เห็นได้ถึงวิวัฒนาการและการเปลีย่ นแปลงของยุค สมัยอีกด้วย สนใจอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็คลิ๊กเข้า ไปดูที่ http://www.rizzoliusa.com

011


Tool Pen by mininch

ปกติเครื่องมือช่างจะต้องมีขนาดใหญ่และหนัก แต่ด้วยสิ่งนี้ จะทำ�ให้ของหนักกลายเป็นเบาได้ เพราะบริษัท mininch เขา ได้ออกแบบ Tool Pen ไขควงขนาดกระทัดรัดนี้ขึ้น โดยได้ แรงบันดาลใจมากจากดินสอเปลี่ยนไส้ที่เด็กๆ ใช้กัน นำ�มาปรับ เปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นกลายเป็น Tool Pen ไขควงเปลี่ยนหัวที่ สามารถใช้งานได้สะดวก พกพาง่าย น้ำ�หนักเบา ดีไซน์เรียบเท่ แถมยังเคยได้รับรางวัลทั้งจาก iF Product Design award และ Red Dot Award อีกด้วย จะใช้งานเบ็ดเตล็ดในบ้าน หรือกับอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็สะดวกไม่ต้องขนอุปกรณ์กันให้ หนักอีกต่อไป สนใจติดตามได้ที่ http://mininch.com

012


Nanoleaf : lightbulb

หลอดไฟดีไซน์เก๋ ทีไ่ ด้รบั รางวัลจาก Red Dot Design Award Winner 2015 ไม่เพียงมีดีที่รูปลักษณ์เท่านั้น ประสิทธิภาพ และการใช้งานยังมากอีกด้วย เจ้าหลอดไฟ Nanoleaf นี้ได้ แรงบันดาลใจมาจากศิลปะโบราณนำ�มาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ กลายเป็นหลอดไฟที่หน้าตาแปลกไปจากเดิม และยังเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งตัวหลอดนั้นจะมีความคงทนแข็งแรงไม่แตก ง่าย และเขายังบอกอีกว่ามันอาจเป็นหลอดไฟหลอดสุดท้าย ที่คุณซื้อ เพราะว่าเจ้า Nanoleaf นี้มีอายุการใช้งานนานถึง 27.5 ปี เรียกว่าใช้กันไปจนถึงรุ่นลูกกันเลยล่ะ สนใจติดตามได้ที่ http://www.nanoleaf.me

013


Scales: color ceramic

ใครอยากได้กระเบื้องแบบเรียบง่ายแต่แอบมีสีสัน เก๋ๆ ไว้แต่งบ้าน ขอแนะนำ� Scales โปรเจ็กต์ของ สองดีไซน์สตูดิโอ Mut design และ Peronda จากสเปน กระเบื้องสีขาวขอบสีนีออนสดใส มีให้ เลือก 8 เฉดสี เมื่อนำ�มาติดแล้วจะเห็นสีของขอบ กระเบื้องเยื้องออกมาเป็นแนวเส้นกริดสีแสบสัน หากเห็นแล้วสนใจอยากเปลี่ยนกระเบื้องที่บ้านก็ ลองเข้าไปดูได้ที่ http://www.mutdesign. com/studio, http://www.peronda.com

014


Equil : Smartpen2

ปกติใช้เม้าส์ปากกาก็สามารถวาดภาพแล้วไปปรากฏ บนจอคอมพิวเตอร์ได้เลย แต่สัมผัสอาจะไม่ค่อยถูกใจ ใครหลายคนไม่เหมือนการใช้ปากกาวาดลงบนกระดาษ จริงๆ แต่ Equil : Smartpen2 นี้ทำ�ได้ เพราะเขาบอก ว่า “Real Ink Real Paper Real Simple” จัดมา ให้ทั้งปากกา กระดาษ และเครื่องที่ติดกับกระดาษคล้าย เซ็นเซอร์ ขนาดเล็กกระทัดรัด เมื่อเขียน จดบันทึกหรือ วาดสิ่งต่างๆ ลงไปแล้ว ภาพหรือข้อความก็จะไปปรากฎ อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน โดย เชื่อมต่อกับบลูทูธผ่านแอพฯ จะแต่งภาพ เปลี่ยนสี ใส่ กราฟิกเพิ่มก็ยังได้ ง่ายและสะดวกมากๆ สนใจติดตาม ต่อได้ที่ http://www.myequil.com

015


Chocolatier BbyB Chocolate Shop

Chocolatier BbyB ช็อกโกแลตจากเบลเยียม ระดับ 2 ดาวมิชลิน ที่ไปเปิดสาขาแห่งแรกในโตเกียว เขามี ช็อกโกแลตให้เลือกถึง 30 รสชาติ อาทิ รสพริกไทย รสใบโหรพา รสเสาวรส ฯลฯ ซึ่งช็อปสุดเก๋นี้ออกแบบ โดย Nendo บริษัทชื่อดังแดนปลาดิบ ที่ดูภายนอก นั้นแทบไม่รู้เลยว่านี่คือร้านขายช็อกโกแลต ด้านใน ร้านออกแบบสไตล์มินิมอล โทนสีขาว มีเชลล์ที่ยื่น ออกมาจากผนังในแบบลิ้นชักโปร่งใสเรียงรายไปด้วย ช็อกโกแลตที่แยกแต่ละรสชาติด้วยสีที่ต่างกัน ลึก เข้าไปด้านในเป็นส่วนของคาเฟ่ ซึ่งใช้โทนสีดำ�ทั้ง เคาน์เตอร์และเก้าอี้นั่งตัดกับด้านนอกแบบสุดๆ ร้าน สวยช็อกโกแลตอร่อย น่าไปมากๆ ติดตามได้ที่ http://bbyb.jp/store.html

016


a plan named overlap #4 by dessin the world

ลองมาฟังอัลบั้ม compilation รวมผลงานทั้งศิลปินเพลงวงอินดี้ไทยและญี่ปุ่น ในชื่อ a plan named overlap #4 จาก dessin the world อัลบัม้ นีป้ ระกอบ ด้วยศิลปินไทยคุณภาพชื่อคุ้นหูนักฟังเพลงหลายวงอย่าง Stoondio, Monomania, Inspirative, The Ginkz ทาง dessin the world จัดทำ�อัลบั้มรวม a plan named overlap ชุดแรก ตั้งแต่ปี 2010 และทำ�มาอย่างต่อเนื่อง ทางทีม dessin the world ความตั้งใจ จะเชื่อมเสียงดนตรีระหว่างวงอินดี้ไทยและญี่ปุ่น เข้าด้วยทั้ง ทั้งการทำ�อัลบั้มให้ download จนไปถึงการจัดงานดนตรีดีๆ ในชื่อ U are here ที่นำ�วงญี่ปุ่นน่า สนใจมาเล่นในบ้านเรา อย่าง LOOP POOL ด้วย (จัดมาถึง 33 ครั้งแล้วนะ) ติดตามกันได้ที่ www.facebook.com/dessin.the.world LINK >> ไปตามฟังกันได้ที่ http://dessintheworld.bandcamp.com/album/a-plan-named-overlap-4

017


018


MAY BE, We’re Missing Something

019


PAPER AND A MAN

20


PRINTING AND BOOK BINDING MAKER

วันนีผ้ มตัง้ ใจมาขอความรูจ้ ากคุณตี-๋ รชต แซ่เตียว ในเรือ่ งงาน ดิจติ อลปริน้ เรือ่ งกระดาษ และการเย็บหนังสือทีเ่ นีย้ บและสวยงาม แต่สง่ิ ทีผ่ มได้กลับมากลายเป็นเรือ่ งทีม่ คี วามลึกซึง้ ยิง่ กว่านัน้ เมือ่ เจ้าตัวเอ่ยว่า “ปีนว้ี า่ จะเลิกทำ�แล้วไปอยูก่ บั ธรรมชาติ” (ผมนีย่ นื ขึน้ เลย) เรามาฟังกันดูวา่ การปริน้ งานและการเข้าเล่มหนังสือ พา คนๆ หนึง่ ไปถึง สิง่ ทีอ่ ยูใ่ นใจของตนได้อย่างไร

21


22


เล่าประวัติก่อนที่พี่จะมาทำ�งานด้านนี้หน่อยครับ

มันยาวมาก พี่เรียนจบด้านการถ่ายภาพจาก ออสเตรเลียช่วงประมาณปี 2000 แต่มาเปิด ร้านอาหารก่อน เปิดร้านอาหารอิตาลี นำ�เข้า วัตถุดิบจากอิตาลีเลย ใช้ของดีมาก ราคาแพง เลยเจ๊งไป จากนั้นพี่ก็มาทำ�งานถ่ายภาพใน กรุงเทพฯนี่แหละ ไปๆ มาๆ ก็มาเปิดสตูดิโอ ทำ�ดิจิตอลปริ้น ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครทำ�เลยนะ ซื้อเครื่องมาล้านกว่าบ้าน พี่ซื้อมาคนแรกของ ประเทศไทยเลย เป็นการปริ้นในห้องมืดจาก ฟิล์มเป็นดิจิตอลได้ พี่เปิดแถวบ้านที่อุบลฯ ตอนนั้นก็ฮือฮาอยู่เหมือนกัน แต่สักพักพอเริ่มมี คนใช้กันมากขึ้นก็ตัดราคากัน พี่ก็เลยเลิก ทำ� อยู่ประมาณสี่ปี เมื่อก่อนทำ�งานถ่ายภาพแบบไหนครับ

เป็นงาน Still Life แล้วก็มีงานแฟชั่น พี่ใช้กล้อง วิว (View Camera) ถ่ายภาพ คือวันหนึ่งถ่าย แค่สี่หรือห้ารูปนี่ก็เยอะแล้วนะ คือเราไปเจอมุม ที่จะถ่ายก็ต้องสเก็ตช์ก่อน เอาฟิลเตอร์มาส่อง ก่อนแล้วค่อยเอาอุปกรณ์และตัวกล้องออกมา ประกอบ ไหนจะขั้นตอนล้างฟิล์ม เมื่อก่อนตอน เรียนถ่ายภาพพี่บ้า Ansel Adams มาก

23

เริ่มสนใจกระดาษและงานปริ้นดิจิตอลได้ยังไง

พอพี่เริ่มทำ�งานปริ้นมันก็จะมีเรื่องกระดาษ เข้ามา เราได้สัมผัสได้ใช้งานแล้วชอบ ก็เลยมา สนใจเรื่องกระดาษ ก่อนหน้านี้เราก็สนใจงาน นิตยสาร ตอนอยู่เมืองนอกก็ชอบเข้าร้านหนังสือ ไปดูหนังสือสวยๆ แต่พอไปถามราคาการพิมพ์ Offset มันแพงมาก แล้วอยากได้จำ�นวนน้อยๆ ก็ไม่มี เลยมาสนใจเรื่องการทำ�ดิจิตอลปริ้น นี่ก็ เป็นยุคแรกๆ เหมือนกันที่เริ่มมีการทำ�ดิจิตอล ปริ้น พวก Photobook เราก็พยายามศึกษาหา ข้อมูล ไปดูเครื่องปริ้นตามบริษัทต่างๆ จนมา เจอเครื่อง HP indego ก็ประทับใจเครื่องนี้มาก แต่มันก็แพงมากนะ (หลักสิบกว่าล้าน) ตัดสินใจยากไหม เครื่องที่แพงขนาดนั้น

คือพี่มีที่อยู่อุบลฯ อยู่บนภูเขาสวยมาก อุดม สมบูรณ์มากด้วย แต่ตอนนั้นเราก็บ้าระห่ำ�ขายที่ ตรงนั้นเลย เพื่อมาซื้อเครื่องนี้ ช่วงแรกเราชอบ แค่กระดาษอย่างเดียวเลยนะกับเจ้าเครื่องนี้ ไม่รู้ อะไรนะ ต้องมาเรียนรู้อีกหลายอย่าง ทั้งการเปิด บริษัท พอทำ�ไปมันต้องซื้อเครื่องนั้น เครื่องนี้อีก ทั้งเครื่องเจาะกระดาษ เครื่อง Binding (เย็บ หนังสือ) มันเยอะมาก พี่เลยต้องเลือกทางให้


24


ชัดเจน เราก็ไม่อยากเอาเครื่องดีๆ ที่เราอุตส่าห์ ซื้อมามันเสียคุณค่า ไม่อยากทำ�แค่ให้มันคาย กระดาษที่มีสีออกมา แล้วเราก็คิดว่าน่าจะมีคน อยากทำ�หนังสือสวยๆ เหมือนเรา ที่เขาไม่ได้มี เงินขนาดจะไปพิมพ์เยอะๆ แล้วพี่เริ่มศึกษางานเย็บหนังสือจากที่ไหน (Book Binding)

พี่ไปเรียนกับ อ. เก๋-พันทิพา ตันชูเกียรติ (Likay Bindery) เป็นการเรียนพื้นฐานการทำ�เย็บ 25

หนังสือ การทำ� Book Binding เรียนไม่นาน หรอกแต่ดีมากๆ เลย ทำ�ให้เราเข้าใจและต่อ ยอดได้ในงานแนวนี้ จากนั้นเรามานั่งลองนั่งฝึก อยู่สองปี ศึกษาเรื่องการเย็บ การพิมพ์ของเจ้า เครื่องตัวนี้ ติดต่อบริษัทนำ�เข้ากระดาษต่างๆ เอามาลอง คือปริ้นงานแบบไม่ได้เงินเลย ทำ� เพื่อฝึกฝีมือเราให้ดี จากนั้นก็เริ่มส่งประกวดดู ก็ชนะได้ที่หนึ่ง มาหลายๆ เวทีมันก็เริ่มมั่นใจ ขึ้น เริ่มมีกำ�ลังใจในการทำ�งาน ส่วนเครื่อง Letterpress มันเป็นช่วงต่อมาที่เราเริ่มชำ�นาญ


26


27


กับเครื่อง indego แล้ว พี่ชอบความคลาสสิกความ เก่าอยู่แล้ว ชอบความนูนของการพิมพ์ รายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ ของมัน ยิ่งถ้าพิมพ์กับกระดาษที่เข้า กันนะ พิมพ์ออกมาแล้วเรามาจับมาสัมผัสแล้วมัน ต่างมากๆ มันมีเสน่ห์ และอยากเพิ่มเทคนิคเข้าไป ในงานพิมพ์ของเราด้วย

ใช้กระดาษอาร์ตธรรมดาแบบร้านปริน้ ทัว่ ไปพีไ่ ม่ท�ำ พีไ่ ม่ แข่งเรือ่ งราคาแต่พยายามทีจ่ ะแข่งกันทีค่ ณุ ภาพของงาน ลูกค้าส่วนมากเขาจะรูก้ นั แบบปากต่อปากนะ บอกต่อกัน ไป ลูกค้าพีก่ จ็ ะมีทง้ั พวกกราฟิกเฮ้าส์ เอเจนซีต่ า่ งๆ มี ดีไซเนอร์ กับพวกอาร์ตติสมาติดต่อให้ท�ำ หนังสือหรือสิง่ พิมพ์ของเขา เขาชอบทีเ่ ราให้ค�ำ ปรึกษาได้ เหมือนเรา พูดคุยประสาเดียวกับเขา ขัน้ ตอนการคุยก็ไม่ตอ้ งผ่าน พี่ตี๋ลงทุนสูงแต่พี่ก็ได้งานคุณภาพ และเรื่องการ ใครมาก คุยกับเราซึง่ เป็นคนทำ�โดยตรง มันก็ได้งานที่ ตลาดล่ะครับ ตรงกับใจเขา พีค่ ดิ ว่าเราทำ�ของเราให้ดที ส่ี ดุ ก่อน เดีย๋ ว พี่ประกาศไปเลยว่าพี่ทำ�แพงที่สุดในประเทศ ถ้าจะ ลูกค้าทีเ่ ขาต้องการงานแบบนีเ้ ขาจะมาเอง 28


เห็นมีน้องๆ นักศึกษามาปริ้นงานธีสิสกับพี่เยอะ มาก พี่เห็นงานน้องๆ แล้วเป็นไงบ้างครับ

งานของพีม่ ที ง้ั เรือ่ งเทคโนโลยีและงานฝีมอื รวมกัน พี่ให้ความสำ�คัญกับมุมไหน

งานหนังสือในตลาดบ้านเรา พี่ตี๋มองยังไงบ้าง

ตอนนี้พี่มีความสนใจเรื่องอะไรบ้าง

พัฒนาขึ้นเยอะนะ พี่รับงานทำ�งานหนังสือที่เป็น ธีสิสของนักศึกษามาประมาณสามปีแล้ว ปีแรกนี่ ก็ว่าดีแล้วนะ ปีต่อมาผลงานน้องๆ นี่ดีขึ้นเรื่อยๆ เลย เราก็ชอบดูไอเดียใหม่ๆ ของเด็กๆ ด้วย และ ก็พยายามช่วยเขาในส่วนการพิมพ์ ให้ไอเดียของ น้องเขาเป็นไปได้ด้วย เพราะบางทีน้องๆ คิดมา อาจจะทำ�จริงไม่ได้ เราก็ช่วยแนะนำ�ในส่วนของ เทคนิคต่างๆ ให้งานออกมาได้จริง จริงๆ มันก็มีส่วนที่ดีขึ้นนะ แต่ส่วนใหญ่ยัง ทำ�ได้ไม่สุด ด้วยงบประมาณด้วยแหละ ทั้งเรื่อง หมึก เรื่องกระดาษ อีกเรื่องคือเรื่องของคนที่คุม เครื่องพิมพ์ด้วยประสบการณ์ หรือฝีมือก็มีความ ต่างกัน มันเลยยังทำ�ให้งานหนังสือในตลาดบ้าน เราดูไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ ไม่ค่อยตื่นเต้น อันนี้ มันอาจจะต้องกลับมาดูคนเสพด้วย ถ้าคนอ่าน หนังสือมากขึ้นกำ�ลังซื้อมีมากขึ้น ทางบริษัททำ� หนังสือเขาก็จะกล้าลงทุนขึ้นด้วย มันต้องช่วยกัน ทั้งหมด ทั้งคนเสพและคนผลิต 29

สองสิ่งนี้มันต้องค้ำ�จุนกัน ช่วงแรกที่เริ่มทำ�มอง เรื่องดิจิตอลก่อนนะ แต่พอลงมือทำ�ไปเรื่อยๆ ศึกษามากขึ้น มันก็ไปเจอความเก่า เทคนิคแบบ ช่างฝีมือที่เขาทำ�หนังสือสวยๆ เราก็อยากศึกษา เราไม่ได้เลือกว่าจะเอาด้านไหน แต่เราอยาก ผสมทั้งสองอย่างเนี้ย ออกมาเป็นงานที่ดีมากกว่า แล้วพอมีทั้งเทคโนโลยีที่ดีกับเทคนิคหรือวิธีของ งาน Craft เข้ามา งานมันก็กลมกล่อมขึ้น ตอนนี้เราอยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น ส่วนสตูดิโอตรงนี้อยากให้มีหุ้นส่วนเข้ามาช่วยดู หาคนมาช่วยดูเรื่องการตลาด ส่วนเราก็ดึงตัวเอง ออกมาหน่อย อยากไปปลูกผักกินเอง ไม่อยาก ใช้เงินเยอะแยะมากมาย ไม่อยากอยู่ในเมือง ยิ่ง พอเราฟังคำ�สอนของพระพุทธเจ้า ฟังคำ�สอนของ ในหลวง ดูจากพี่โจน จันไดแล้วเขามีความสุข เราเห็นคนที่เขาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว เขาดูมีความสุข นี่ตั้งใจจะไปเรียนทำ�บ้านดินแล้ว ไม่ได้คดิ แต่ลอยๆ นะ วางแผนจะไปอยูจ่ ริงจังเลย


30


คือเวลาพี่จะทำ�อะไรพี่จะทำ�ให้สุด ทำ�อะไรอย่าครึ่งๆ กลางๆ ตั้งแต่เรื่องที่พี่ทำ�ร้านอาหาร ทำ�ร้านล้างฟิล์ม ที่ทำ�ปริ้นอยู่ ตอนนี้ หรือวันข้างหน้าที่พี่คิดว่าไปจะอยู่กับธรรมชาติก็จะ ทำ�ให้สุด มองว่าชีวิตในเมืองมันไม่เหมาะกับพี่แล้ว

ใช่ ชีวิตในเมืองตอนนี้ทุกคนใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยเพื่อความ สะดวกสบาย พยายามเงินเก็บ แต่หามาเท่าไหร่ก็ไม่พอ แถมมีหนี้อีก ไม่ใช่แค่ในเมืองนะ เชื่อไหมบ้านแม่พี่อยู่ เชียงคาน เมื่อก่อนคนเชียงคานไม่รู้จักข้าวมันไก่นะ เขากิน ตามธรรมชาติของเขา กินผัก กินปลา ทำ�น้ำ�พริกอะไรก็ว่าไป เมื่อก่อนพี่เคยคิดว่าอยากไปเปิดร้านขายของชำ�ที่โน่นนะ แต่ ก็ไม่เอาดีกว่ากลัวว่าตลาดที่โน่น คนที่เขาขายของที่โน่นจะได้ รับผลกระทบ แต่ตอนนี้ BIG C โลตัส นี่เพียบเลย วัฒนธรรม พืน้ บ้านเราจะหายไปหมดแล้ว ยิง่ เขาโปรโมทเรือ่ งการท่องเทีย่ ว พวกนายทุนยิ่งไปลุงทุน ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมาก พี่ชอบวีถีชีวิต ของคนสมัยก่อน ที่เขาปลูกอะไรกินเอง ใช้ชีวิตกับธรรมชาติ หลายคนคิดว่าเป็นเกษตรกรรมแล้วจน มันไม่ใช่ โอเค มันไม่ ถึงกับรวยล้นฟ้า แต่ก็ไม่จนแน่นอน เพราะเขาใช้เงินน้อยเขา พอเพียง เขาก็ไม่จน

31


www.facebook.com/ibookavenue.controlp 32


แล้วนอกจากไปอยู่กับธรรมชาติ พี่มีไอเดียจะทำ�อย่างอื่นอีกไหมครับ

อยากกลับมาถ่ายภาพ แล้วมารวมเป็นหนังสือ อยากเดินทางถ่ายภาพ เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ ที่ผูกผันกับชีวิต เห็นต้นไม้ พืชผักที่คนต่างจังหวัดเอา มาทำ�อาหาร ได้เห็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ตกทอดกันมา อาจเป็นแนว สารคดีหน่อย อยากให้คนได้รับรู้สิ่งเหล่านี้ ให้เขาได้เห็นความเป็นอยู่ที่ เรียบง่าย 33


MY IllUstratION GOOD THINGS HAPPEN EVERYDAY

เพียงแค่มีอุปกรณ์นิดหน่อยกับความคิดสร้างสรรค์ นำ�เสนองาน ผ่านโซเชียลมีเดีย คุณเองก็เป็นนักวาดภาพประกอบได้ แต่นักวาด ภาพประกอบที่มีมากมายในตอนนี้ จะมีสักกี่คนที่ทำ�งานได้ต่อเนื่อง ไปอีกห้าปีหรือสิบปีข้างหน้า วันนี้เรามาคุยกับ น้ำ�ส้ม สุภานันท์ สาว นักวาดภาพประกอบที่กำ�ลังออกหนังสือรวมเล่มผลงานที่เขียนถึง แมวน่ารักทั้งสองตัวของเธอ “Nammun & Aura“ ที่เธอย้ำ�ว่า สิ่งที่จำ�เป็นในอาชีพนี้ คือ “วินัย“

34


35


36


สัญญากับทางบริษัทก็เลยไม่ได้ทำ�ต่อ จะกลับ ไปสอนศิลปะเด็กเราก็สอนมา 5 ปีแล้ว นึกไม่ เรียนจบคณะจิตรกรรม ภาพพิมพ์ ที่ศิลปากร ปกติคนที่เรียนจบทางนี้ก็จะอยากเป็นศิลปิน แต่ ออกว่าจะเอาอะไรไปสอน เพราะว่าเวลาสอนจะ เราอยากเป็นนักวาดภาพประกอบ ช่วงแรกๆ ก็ เหมือนกับทำ�กิจกรรมให้เด็กได้ทดลอง ไม่ได้เน้น ทำ�งานศิลปะนี่แหละ เขียนภาพบนเฟรม มีกรุ๊ป ให้วาดสวย วาดเป๊ะ แล้วเราก็ได้อะไรที่ไม่คาด โชว์งานตั้งแต่ปี 3 และเริ่มแสดงงานเดี่ยวครั้งแรก คิดกลับมาเยอะ ซึ่งเราชอบ หลังจากนั้นก็เลยไป ปี 4 ทำ�ต่อเนื่องมาจนถึงเรียนจบอีกสองปีก็หยุด ช่วยเพื่อนที่ทำ�โปรดักส์ชั่นเฮาส์เกี่ยวกับรายการ โทรทัศน์ สัมภาษณ์ศิลปิน และอีกรายการคือ เพราะว่าเครียด และเราไม่อยากเรียกตัวเองว่า ศิลปินเพราะมันฟังดูยิ่งใหญ่ งานของเราในตอน LiSA TV เขาอยากได้รูปเคลื่อนไหว เราก็ลองทำ�ดู นั้นพูดถึงเรื่องเครียดๆ เรื่องความเศร้าของตัวเอง ตอนนั้นยังทำ� illustrator กับ Photoshop ไม่เป็น พอเข้าไปคิด ไปสนใจเรื่องแบบนี้มากๆ แทนที่จะ เลยต้องให้เพื่อนสอน ระหว่างนั้นก็รับจ๊อบอื่นๆ ได้บำ�บัดกลายเป็นว่าเรารู้สึกว่าตัวเองป่วย เพราะ ไปด้วย เช่น สัมภาษณ์ศลิ ปิน เขียนรีววิ เรือ่ งศิลปะ พูดถึงเรื่องนั้นวนไปวนมาไม่จบสิ้น เราไปยึดติด ลงในนิตยสาร ทำ�กราฟิก เป็นช่วงที่ได้ลองงาน ว่างานศิลปะต้องมีที่มาที่ไปที่เข้มข้น สุดท้ายไม่ ต่างๆ เยอะ จนสุดท้ายก็ได้เจอพี่เกี๊ยว-นราวัลลภ์ ปฐมวัฒน ก็เลยมาช่วยเฝ้าห้องสมุดที่ The ไหว เครียด Reading Room น้ำ�ส้มเรียนจบที่ไหนครับ

แล้วไปทำ�อะไรต่อ

ทำ�เยอะมาก อย่างแรกเลยคือสอนศิลปะเด็ก จาก นั้นก็มีคนมาชวนให้ไปเป็นโค-โปรดิวเซอร์รายการ โทรทัศน์ชื่อ ‘นิทานร้อยบรรทัด’ เป็นรายการเด็ก และได้เป็นพิธีกรด้วย สนุกดีคิดว่าจะทำ�ยาวก็เลย ลาออกจากการเป็นครู แต่ปรากฏว่ารายการหมด

37

ทำ�อะไรที่ The Reading room

The Reading room เป็นห้องสมุดศิลปะ ก็ช่วย ตั้งแต่ดูแล เก็บหนังสือ คุยกับคนที่มาใช้ห้องสมุด จัดการเรื่องเว็บไซต์ ทำ�แบนเนอร์ ช่วยติดตั้ง เครื่องเสียงเวลามีการสัมมนา คือทำ�อะไรได้ก็


ช่วยทำ�หมด มันก็ดีเหมือนกันเพราะก่อนหน้า นี้ชีวิตวุ่นวาย ช่วงนี้ก็ได้อยู่กับที่บ้าง ที่ The Reading room เราได้เจอคนที่น่าสนใจเยอะ ได้เห็นวิธีคิดที่หลากหลาย ทั้งคนในวงการ ศิลปะ วงการหนังสือ นักวิชาการ ฯลฯ มันส่ง ผลให้งานในยุคหลังๆ ของเราเปลี่ยนไปด้วย คือช่วงที่เรียนปี1 ปี2 งานเราจะค่อนข้างดู รีแลกซ์ แต่พอผ่านกระบวนการศึกษางานเราก็ กลายเป็นแนวเครียดๆ แล้วที่กลับมาวาดภาพ ในแนวปัจจุบันนี้เพราะว่าเราได้ไปสัมภาษณ์พี่ ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร เราคิดว่าทำ�ไมเขาถึงดู สบายๆ ดูรีแลกซ์จัง นั่นเพราะว่าเขาไม่ได้ไป ตั้งความหวังอะไรกับงานมาก เราก็เลยลองมา ทำ�งานแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมากดูบ้าง ก็เลย วาด Nammun&Aura ขึ้นมา ค่อยๆ วาดมา เรื่อยๆ

รู้ว่าเราอยากทำ�ในแบบทดลองๆ แต่ก็ต้องอยู่ใน กรอบนิดหน่อยเพราะว่าทางเคล็ดไทยเขาต้องการ เพิ่มความเป็นเมนสตรีม แต่ที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรา ที่สุดก็คือที่ทำ�กับสวนเงินมีมา เขาให้เราทดลอง ทำ�เลย โดยบอกว่าขอเป็นรูปวาดเท่านั้นนะ และ ไม่อยากได้ภาพที่เล่าเรื่องราวอะไรมาก ซึ่งก็ดีเลย สำ�หรับเรา เห็นน้ำ�ส้มใช้เทคนิคในการทำ�งานปกหนังสือหลาก หลายมาก

ชอบทดลองเทคนิคใหม่ๆ จริงๆ ก็ได้มาจากตอน ที่สอนศิลปะเด็กด้วย ชอบซื้อสี ปากกา กระดาษ โน่นนี่มาทดลองเล่นๆ บางทีมีแมททีเรียลเยอะ ก็ มาทดลองทำ�ว่ามันจะได้อะไรออกมา แต่ก็จะมีธีม ให้หัวก่อนนะ ทำ�ในสิ่งที่เข้ากับเนื้อหาของหนังสือ ด้วย ซึ่งบางครั้งขั้นตอนหรือระหว่างที่เราทำ�นั้น มันได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าสวยกว่าตอนที่ทำ�เสร็จ เรา จะคอยสังเกตและถ่ายรูปเก็บไว้ตลอดในช่วงขั้น ตอนการทำ� หลายๆ ครัง้ ทีใ่ ช้ภาพขัน้ ตอนนัน่ แหละ เป็นปก แล้วแต่ความเหมาะสมด้วย เราชอบเรื่อง ขั้นตอนการทำ�งานที่ละเอียด ซึ่งเรื่องพวกนี้เรา ก็ได้มาจากสมัยที่ทำ�ภาพพิมพ์ด้วย

แล้วมาทำ�ปกหนังสือได้ยังไง

เจอกับ คุณปู-อนรรฆ พิทักษ์ธานิน จากเคล็ด ไทย เขาสนใจว่าใครทำ�แบนเนอร์ของ The Reading Room เลยชวนเรามาทำ�ปกหนังสือ แรกๆ ก็เกร็ง แต่พอมีปกที่สองที่สาม ก็เลย

38


39


40


41


42


มาจากการทำ�ภาพพิมพ์ ยังไงครับ

งานที่เราทำ�ก็มีอิทธิพลมาจากงานภาพพิมพ์ เยอะเหมือนกัน ช่วงที่เรียนก็ไปช่วยงานอาจารย์ วิมลมาลย์ ขันธะชวนะ ด้วย ในศิลปากรจะมีฝ่าย ที่ทำ�งานภาพพิมพ์ เพื่อจะก๊อปปี้งานชิ้นเล็กๆ เอามาขยายใหญ่ มีการพิมพ์หลายเทคนิค แต่ เราอยู่ในส่วนของภาพพิมพ์ไม้ เป็นภาพพิมพ์แกะ ไม้ที่ใช้สีน้ำ� เป็นกระบวนการที่คนทำ�น้อยมากใน บ้านเรา ต้องมาดูว่าต้องใช้ไม่กี่แผ่นในการพิมพ์ สีแต่ละสี จะมีกระบวนการและการทดลองที่ ละเอียดมาก ตั้งแต่เรื่องของกระดาษ เพราะเวลา พิมพ์ต้องใช้กระดาษที่ชื้น และต้องทำ�การหมัก กระดาษก่อน มันคือการนำ�น้ำ�มาทาบนกระดาษ และตากไว้เพื่อให้ความชื้นกระจายได้ทั่วถึง แต่ที่ เมืองไทยอากาศไม่ค่อยเสถียรก็จะทำ�ให้กระดาษ เป็นคลื่นพิมพ์ไม่ได้ กระดาษฉ่ำ�เกินไปก็พิมพ์ ไม่ได้ ทำ�ให้มีคนทำ�น้อยมากแต่จะได้งานที่สวย กว่า แต่ละแผ่นที่พิมพ์จะมีความต่างเล็กๆ น้อยๆ มีความเป็นออริจนิ อลทุกชิน้ ส่วนนีท้ ท่ี �ำ ให้เราสนใจ เรือ่ งขัน้ ตอน และความละเอียดในการทำ�งานฝีมอื

43

งานนอกจากปกหนังสือล่ะ

ตอนนี้ก็มีหนังสือภาพชื่อ “Nammun&Aura” เป็นเรื่องของแมวที่เราเลี้ยง เริ่มเขียนจากใน เพจ Facebook มาเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องราวขึ้น Nammun&Aura เป็นงานที่เกิดจากการสังเกตสิ่ง ดีๆ รอบตัว พอทำ�แล้วเราก็มานั่งสังเกตแมวของ เรา (เจ้าน้ำ�มัน กับ เจ้าออร่า) ดูพฤติกรรมของมัน ด้วยความที่เราจะเขียนเรื่องที่มันน่ารัก เรื่องที่อ่าน แล้วรู้สึกดี เราก็ต้องคอยสังเกตสิ่งที่ดีๆ ที่มันจะทำ� สิ่งที่ตลก น่ารัก กลายเป็นว่ามันช่วยบำ�บัดเรา ให้เรามองโลกในแง่ดีขึ้น มองข้อเสียของสิ่งต่างๆ น้อยลง เป็นงานที่ทำ�แล้วเรามีความสุขไปด้วย น้�ำ มันกับออร่า มันสอนเราหลายอย่างเหมือนกันนะ อย่างเวลาที่รอเหยื่อ มันจะนิ่งมาก นั่งจ้องนาน มาก มันรู้จักรอ มีสมาธิมาก และแมวมีความสุข ได้ง่ายกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็กำ�ลังเขียน การ์ตูนรายสัปดาห์ ให้ทาง Comico Thailand ซึ่ง จะมีงานการ์ตนู ของนักเขียนการ์ตนู หลายสิบคนเลย แต่ละคนก็แต่ละแนวและเขียนดีมากๆ ส่วนเรื่อง ของเราจะชื่อ “Wela” จะเป็นซีรีส์เรื่องยาว


เหมาะกับชีวิตเราดีกว่า เพราะงานภาพพิมพ์ ส่วนมากจะประทับใจเนื้อหาในหลายๆ เล่ม แต่ ต้องหาสถานที่ เครื่องไม้เครื่องมือ และคนจ้างก็ ตอนนี้ชอบเล่มล่าสุดคือ ‘หัวใจอันประเสริฐ’ เป็น น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ไปทำ�พวกดิจิตอลปริ้น คือ การนำ�เรื่องวิธีคิดแบบพุทธมาจับกับเรื่องทั่วๆ ไปใน เหมือนกับประเทศเราแนวคิดเรื่องศิลปะยังไม่ สังคม รูส้ กึ ว่ามันจับต้องได้ และหนังสือเรือ่ ง ‘เจ้าหญิง’ แข็งแรงเท่ากับต่างประเทศ คนไทยจะค่อนข้าง ก็ชอบเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสาตร์ที่เล่าสนุก ตามกระแส ช่วงนี้ฮิตงานแบนี้ก็จะทำ�กันแบบนี้ เลยต้องดูว่าถ้าจะทำ�แล้วมันจะอยู่ได้ไหม แต่ก็ เป็นคนชอบอ่านหนังสือด้วยหรือเปล่า แอบไปช่วยอาจารย์และเพื่อนที่เป็นศิลปินทำ�ภาพ อ่านค่ะ ก็อา่ นไปเรือ่ ยทัง้ วรรณกรรม, pop-science พิมพ์อยู่บ่อยๆ นะ ยังชอบอยู่ แต่ถ้าจะทำ�เองก็ ช่วงที่เรียนอยู่ก็จะชอบอ่านกวี, non-fiction, บท อาจจะรอให้นิ่งอีกสักพัก สัมภาษณ์, ทฤษฎี แต่ที่คิดว่าถูกจริตที่สุดก็จะเป็น ปรัชญาพุทธ เต๋า ชอบวิธีคิดรู้สึกว่ามันเข้ากับตัว เห็นว่าชอบไปเต้น สวิงแดนซ์ เรา แนวทางแบบพุทธศาสานาและเต๋า อย่างเต๋านี่ ใช่ ตอนแรกที่เข้าไปเรียนเต้นสวิงแดนซ์ เพราะ จะเป็นการปล่อยให้มันเป็นไป เคารพในความเป็น ว่าชอบเพลงในยุค 50 ก็เลยลองไปเรียน จะได้ ธรรมชาติ การเฝ้ามอง การรอ มันเป็นการอดทน หายเขินด้วย รู้สึกว่าร่าเริงขึ้นหลังจากไปเต้นสวิง อย่างหนึ่ง ซึ่งมันตรงกับ Process และวิธีการทำ�งาน ผู้คนที่ไปเต้นด้วยกันก็น่าสนใจมาก มีคนหลาก ของงานของเราด้วย หลายอาชีพแตกต่างกัน แต่ทุกคนมีความชอบ คล้ายๆ กัน บางคนที่มาเต้นก็ชอบบรรยากาศ ทุกวันนี้เรียกตัวเองว่าทำ�อาชีพอะไร บางคนชอบเพลง บางคนชอบแต่งตัววินเทจ ชอบบอกว่าตัวเองเป็นนักวาดภาพประกอบเพราะ ฯลฯ ส่วนเราชอบฟังเพลง ชอบเอ็นเนอร์จีความ ว่าอยากทำ� บอกไว้เผื่อจะมีคนมาจ้าง จริงๆ ก็มี สุขของคนในนั้น อยู่แล้วมีความสุข สนุก มันไม่ คนยุให้กลับไปทำ�ภาพพิมพ์ แต่ก็คิดว่าทำ�อะไรที่ เหมือนกับการเต้นในผับ ประทับใจการทำ�งานกับหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษ

44


45


46


47


www.facebook.com/NammunAura

อาชีพที่อยากลองทำ�

อยากเป็นนักดนตรี เราเล่นกีตาร์เป็นหลัก แล้วก็คยี บ์ อร์ด อาจจะลองทำ� Nammun& Aura แล้วใส่ซาวน์ดประกอบดู มองอาชีพนักวาดภาพประกอบเป็น อย่างไร

ต้องเจ๋งจริงถึงจะอยู่ได้ ไม่ใช่แค่วาดสวย หรือเนื้อเรื่องดีนะ แต่เราว่ามันอยู่ที่ความ ต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ทุกคนโชว์ผลงานได้ ตลอด ในเพจมีเยอะมาก บางคนทำ�ไป ได้ไม่นานก็เปลี่ยนแนว เรื่อง quality ก็ จำ�เป็น แต่ที่เหนือกว่าคือความต่อเนื่อง และความมีวินัย บางคนชอบบอกว่าศิลปิน จะทำ�ตัวติสต์ ดูมีความสุข ไม่มีใครมา

บังคับ ซึ่งเราว่าไม่ใช่เลย เราคิดว่ายิ่งไม่มี ใครมาบังคับก็ยิ่งต้องมีวินัยในตัวเองมาก แนวคิดในการทำ�งาน

มีวินัย มีหน้าที่คือทำ�ๆๆ ทำ�ให้เต็มที่ แต่ ต้องเอ็นจอยไปกับสิ่งที่ทำ� และไม่คาดหวัง มากจนเกินไป คิดว่าตอนอายุ 40 ปี จะทำ�อะไรอยู่

มีแมวเพิ่มขึ้น 4-5 ตัว มีหมาด้วย มันเป็น แรงบันดาลใจในการทำ�งาน จริงๆ แล้วเป็น คนไม่วางแผนระยะไกล แค่คิดว่าอยากจะทำ� อะไรในปีนี้ ซึ่งระหว่างทางมันก็จะมีช่องทาง เอง ถ้าเราตั้งใจมากกว่านี้มันจะพาเราไปยัง อีกจุดหนึ่งที่ดีแน่ๆ 48


49


N U D E Y O U R R

E

A

L

M

I

N

D

50


REAL IMAGE FROM REAL THINK.

ของสวยงามบางอย่าง ถูกปรุงถูกแต่ง มากมายก่อนจะมาถึงสายตาเรา งานถ่าย ภาพในยุคนี้ก็เช่นกัน ในขณะที่หลายๆ คน กำ � ลั ง พยายามจั บ ภาพดอกซากุ ร ะสวย หรือกำ�ลังหามุมเก๋ๆ จากถนนในลอนดอน แต่ในขณะเดียวกันคุณธาดา เฮงทรัพย์กูล ช่างภาพ/ศิลปินท่านนี้ กำ�ลังสนใจที่จะมอง ความสวยงามทีอ่ ยูใ่ กล้ตวั เขาพยายามทีจ่ ะ จับภาพที่ลึดลงในตัวตนของผู้คน และเขา เลือกที่ฟังในสิ่งที่หลายคนไม่เคยสนใจ

51


ช่วยเล่าประวิติของคุณให้ฟังหน่อยครับ

ผมเติบโตที่จังหวัดนครราชสีมา เรียนจบสาขา ภาพถ่ายที่เพาะช่าง วิธีการและกระบวนการสร้าง ศิลปะของผมก็ผ่านกระบวนการเรียนรู้ฝึกทักษะศิลปะ ด้วยตัวเอง เพราะสาขาวิชาที่ผมเลือกเข้าไปศึกษามัน ไม่ตรงกับสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ (เรียนไปก็สงสัยไปว่า มันเป็นศิลปะตรงไหนเนี่ย) แล้วผมชอบอ่านหนังสือ ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ ทั้งศิลปะและไม่ใช่ศิลปะ แต่ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแบบแผนและกระบวนการสร้าง งานศิลปะของผมจริงๆ เพราะผมได้โอกาสไปเป็น อาสาสมัครรุ่นเยาว์และได้ลงพื้นที่ (field work) กับ องค์กร Non-Governmental Organization แห่ง หนึ่งเลยได้เรียนรู้วิธีการทำ�งานศิลปะแบบมีระบบของ เหตุผลมากขึ้น มองสิ่งรอบข้างได้อย่างละเอียดอ่อน มากขึ้น ฟังคนอื่น (otherness) มากขึ้น เข้าใจนัยยะ ของโครงสร้างของสังคมและการเมืองมากขึ้น สนใจ ศาสตร์อื่นๆมากขึ้นรวมทั้งความเข้าใจของกาลเทศะ (space/time)

สวยงามในมุมมองของตัวเองเป็นหลัก งานถ่ายภาพของคุณธาดา นำ�เสนอ เรื่องราว อะไรบ้างครับ

ตอนเด็กๆ ผมชอบแอบอ่านหนังสือโป๊เลยมีความ ชอบภาพเปลือย พอชอบก็มีความคิดว่าผมน่าจะมี ภาพที่ผมถ่ายเอง เลยเริ่มฝึกถ่ายภาพเปลือย แบบ คนแรกที่ผมถ่ายก็คือแฟนเก่าผมเองตอนอายุ 15 ผมจะถ่ายภาพเล่นกันทุกครั้งหลังจากมีเซ็กส์กัน แล้วผมก็เริ่มขยับไปถ่ายเพื่อนๆ รอบข้างสนิทบ้าง ไม่สนิทบ้าง สิ่งที่แปลกใจมาตลอดคือไม่ค่อยโดน ปฏิเสธเท่าไร แต่สิ่งที่ได้ค้นพบระหว่างที่ถ่ายภาพ คือเนื้อหาของการพูดคุยระหว่างผมกับคนที่ถูกถ่าย ภาพ ผมจะถามคำ�ถามที่เขาเก็บไว้ในใจและปิดบัง เอาไว้ไม่ให้ใครเห็นได้ง่ายมาก ซึ่งนำ�ให้ผมไป สนใจการวิเคราะห์จิตใจของมนุษย์ หลังจากนั้นผม ก็เริ่มแปลงบนสนทนาต่างๆ จากคนรอบข้างเป็น ภาพถ่าย ผมเรียนรู้และสนใจที่จะฟังผู้อื่น (otherness) และอธิบายอะไรบางอย่างเพราะผมเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเอง แต่แค่เหตุผล สนใจงานด้านภ่ายภาพตอนไหน เพราะอะไรครับ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ถ่ายรูปให้ครอบครัวนิดหน่อยๆ แล้ว นั้นมีน้ำ�หนักมากน้อยแค่ไหนกับผู้ฟัง แต่ผมเชื่อ ก็ขยับไปถ่ายรูปในวิถีการถ่ายภาพแบบไร้กฏเกณฑ์ ว่าถ้าผู้พูดและผู้ฟังทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ (Lomography) ตอนอายุ 15-17 หลังจากนั้นก็หันมา ทั้งคู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นหนทางของการหาทางออก ศึกษาความหมายของภาพถ่ายอย่างมีเหตุมีผลและ ในเชิงความเสรีทางความคิดใหม่ๆ และชุดความ ค้นพบความงามในโลกของความคิดมากกว่าภาพที่ คิดใหม่ๆ หลังจากที่ผมได้เรียนรู้จากการได้ฟังผู้ 52


อื่น (otherness) ผมก็เริ่มสนใจเสนอภาพความ ไม่ปกติในเรื่องความไม่เท่าเทียมในสังคมไทยใน หลายๆ มิติ เช่น ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น (Local History) ที่รัฐปกปิดและไม่บันทึก ผู้ถูกกระทำ�ใช้ ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมความคิดเห็น ทางการเมืองจนถึงขั้นพิการจนถึงสียชีวิต การถูก ปิดกั้นของเพศอื่น ( gender identity disorder) การเซ็นเซอร์สื่อ ( censorship) บ่อยครั้งที่ผม ทดลองกับเส้นแบ่งของศีลธรรม ( morality ) และ ขอบเขตของคำ�ว่าศิลปะจนติดเป็นนิสัย วิถีชีวิตและสังคมไทยมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ผมสนใจในความย้อนแย้งของสังคมไทย ซึ่งใน ความย้อนแย้งนั้นมีบางอย่างที่ทำ�ให้ชาวบ้านธร รมดาๆ อย่างเราๆ เข้าไปไม่ถึงเพราะมีคนบาง กลุ่มพยายามสร้างกำ�แพงแห่งความเข้าใจผิด ไว้หลายๆ ชั้นทำ�ให้หลายๆ คนในสังคมนี้ไม่ สามารถข้ามไปถึงความเข้าใจในหลักของเหตุผล อันแท้จริงของสังคมนี้และแน่นอนในความย้อน แย้งนั้นมีผลประโยชน์ซ้อนทับไว้อย่างจริงแท้ แน่นอน อีกอย่างผมสนใจในความนิ่งเฉยของผู้คน ในสังคมไทยมากๆ เพราะผมรู้สึกว่าหลายๆ คน กำ�ลังได้รับยากล่อมประสาทจากความเชื่อความ ศรัทธาต่อแนวคิดของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เห็นผิด เป็นถูก เป็นถูกเป็นผิด บางทีอะไรที่ผิดหลักสิทธิ

มนุษยชนก็ยังคงเห็นชอบ ผมว่ามันเป็นเรื่องตลกปน น้ำ�ตา #ร้องไห้หนักมาก ภาพของคุณธาดามีความดิบ ความเป็นธรรมชาติ ทั้งของตัวนาง/นายแบบและบรรยากาศอยู่มาก ทำ�ไมต้องเลือกจะถ่ายภาพลักษณะนี้ครับ

ประเด็นที่ผมสนใจส่วนมากมันเป็นเรื่องใกล้ตัว ภาพถ่ายของผมก็เช่นกัน นางแบบนายแบบของผม เป็นเพื่อนผมทั้งหมดและไม่มีใครเป็นแบบโดยอาชีพ อย่างในนิตยสารที่ต้องเป็นฝรั่งหรือคนสูงผอม ซึ่ง มันก็ดูสวยดีนะ แต่ผมอยากเสนอทางเลือกอื่นบ้าง ไม่อยากให้ในโลกนี้มีแต่ความคิดด้านเดียว มันน่า กลัวนะ ถ้าทุกคนชอบอะไรเหมือนกันเห็นความงาม เหมือนกันหมด มนุษย์มีความหลากหลายกว่านั้น ส่วนบรรยากาศในภาพถ่ายผมก็เลือกสถานที่ไม่ไกล จากที่พักอาศัยของผมหรือคนที่มาเป็นแบบ อย่าง ที่บอกครับผมสนใจสิ่งใกล้ตัวและเป็นธรรมชาติใน ปัจจุบันให้มากที่สุด ตอนนี้มีเรื่องราวอะไรหรือสถานที่ใดแบบไหน ที่อยาก จะนำ�เสนอไหมครับ

ผมไม่มีเรื่องราวอะไรอยากจะเสนอแต่ผมสนับสนุน ให้หลายๆ คนมีความกล้าในการใช้ชีวิตในหลายๆ รูปแบบ กล้าลองผิดลองถูก กล้าทดลองอะไรใหม่ๆ เรียนรู้ทบทวนจากสิ่งที่ผิดพลาดและอยากให้คน

53


รุ่นใหม่ศึกษาเรื่องสิทธิมนุษยชนถึงแม้ว่าเราจะ เติบโตมาในประเทศที่บกพร่องในด้านการเมืองการ ปกครอง แต่คนรุ่นใหม่สามารถเป็นคนที่มีคุณภาพ ได้ถ้าเรียนรู้ในเรื่ิองสิทธิมนุษยชน นอกจากงานถ่ายภาพแล้ว คุณธาดาทำ�งานด้าน อื่นบ้างไหมครับ

บางครั้งก็รับงานกำ�กับโฆษณา ทำ�มิวสิควีดีโอ (วงเพื่อนๆ กัน) ทำ�แฟชั่นฟิล์มในนาม Third eyes films production เป็นดีเจ จัดงานดนตรีเล็กๆ สำ�หรับวงดนตรีทางเลือกหน้าใหม่ ทำ�วงดนตรีกับ เพื่อนๆ ศิลปิน (Dead Karaoke) แล้วอะไรอีกอ่ะ ตอนนี้คิดออกแค่นี้ (หัวเราะ) คุณธาดาคิดว่าความสำ�คัญในงานถ่ายภาพของ คุณคืออะไรครับ

ภาพถ่ายมันเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่สำ�คัญไม่แพ้กับตัว อักษร เราจะเห็นได้จากงานโฆษณาทั่วไป ผมใช้ ภาพถ่ายเป็นเครื่องมือในการอธิบายและสะท้อน ให้ผู้ชมได้เห็นถึงปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่ บางผลงานก็ทำ�ขึ้นมาเพื่อยั่วยุกับบางสิ่งบางอย่าง หรือแม้กระทั้งยั่วยุผู้ชมผลงานเอง คุณธาดา มองสังคมศิลปะในบ้านผมเป็นอย่างไร บ้าง มีข้อดีและสิ่งที่ควรจะปรับอย่างไรบ้าง

ข้อดีคือตอนนี้กำ�ลังมีแกลอรี่เปิดขึ้นมาใหม่และมี หลากหลายแนวทางให้เลือกมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ดี สำ�หรับศิลปินรุ่นใหม่และนักศึกษาศิลปะ สิ่งที่ควร จะปรับคือตำ�ราเรียนศิลปะของประเทศไทย ระบบ

อุปถัมภ์ อิสระในการแสดงความคิดเห็น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นวงการศิลปะไทยจะไม่มีทางไปได้ไกลถ้าเรา ยังอยู่ในระบบการเมืองและเศรษฐกิจแบบนี้ เพราะ ว่าศิลปะมันเชื่อมโยงจากทุกสิ่งทุกอย่างศิลปินก็ ไม่ควรคิดแต่เรื่องศิลปะจนเกินควร คุณธาดา มีช่างภาพหรือศิลปินที่ชื่นชอบไหมครับ

ผมไม่ค่อยได้ดูงานศิลปะหรือภาพถ่ายเท่าไร ส่วนตัวผมชื่มชอบอ่านงานวิจัยและดนตรีมากกว่า ผลงานชิ้นต่อไป คิดว่าจะพูดถึงเรื่องอะไรหรือมี project อะไรในอนาคตบ้างครับ

ตอนนี้กำ�ลังรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ที่ตกหล่นที่รัฐไม่ได้บันทึกไว้และประวัติศาสตร์ท้อง ถิ่น เช่น ที่บ้านเกิดผมที่โคราชสมัยสงครามเย็นมี การสร้างแคมป์ทหารอเมริกัน ผมสนใจสิ่งที่เราได้ รับมรดกตกทอดเชิงวัฒนธรรม มรกดตกทอดทาง โครงสร้างทางการเมืองการปกครอง มรดกตกทอด ในวิถีชีวิตของผู้คนในยุดนี้ (American dream) จนไปถึงเหล่าลูกครึ่งที่เติบโตมาจากยุคสมัยนั้น หลายๆ คนก็โตมาเป็นดาราในจอทีวีหลายๆ คนก็ มีปัญหาในการใช้ชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน นี่คือ หนึ่งตัวอย่างของประวัติศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ผมสนใจในประวัติศาสตร์เพราะว่าประวัติศาสตร์ มีบทบาทหน้าที่ที่เด่นชัดในการเสนอความผิด พลาดบางอย่างในอดีตจนถึงปัจจุบัน และอย่าง แน่นอนประวัติศาสตร์ที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กเป็น ประวัติศาสตร์ที่เสนอความด้านเดียวและไม่ได้ลง ลึกถึงความเป็นมนุษย์สักเท่าไร 54


55


56


57


58


59


60


61


62


63


64


65


66


hengsapkul.wordpress.com

67


68


I love storytelling in all kinds : writing, poetry, photo essay, visual communication and building a collection. my mediums are words, poems, photographs, prints, surface of clothing, or even a video. It’s how I communicate that matters, and not always the end products. Vanilla walk

69


Vanillawalk บล็อกที่นำ�เสนอเรื่องราวที่ให้ แรงบันดาลใจจากหลากหลายความสนใจของ อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี Blogger และแฟชั่น ดีไซเนอร์สาว อายุ 24 ปี เส้นทางกลิ่นวนิลา ของเธอ บางครั้งถึงประเทศอังกฤษ และบางที ก็อยูใ่ นชุมชนทอผ้าในอีสาน ทีน่ า่ สนใจคือมุมมอง ด้านแฟชั่นของเธอ ที่ลึกไปมากกว่าความเก๋ไก๋ แต่แฟชั่นของเธอเป็นสิ่งบ่งบอกวัฒนธรรม วิธี คิดและวิถีชีวิต เรามาชมอีกมุมของคำ�ว่าแฟชั่น ที่เกิดขึ้นจากการเดินทางของเธอคนนี้ พร้อมๆ กันนะครับ

70


อุ้งก็ทำ� Blog ขึ้นมา เพื่อไว้ใส่งานวาดภาพ ประกอบของตัวเอง แล้วช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีคน ก็เขียนเรื่องใน Blog และกำ�ลังร่วมทำ�โปรเจ็กต์ เล่นเฟสบุ๊ก ไม่ได้มีการแชร์การโพสแบบตอนนี้ ที่ประกวดเกี่ยวกับเรื่องบทความสารคดีกับทาง Creative Move ที่ต้องไปศึกษาเรื่องการย้อมผ้าที่ เวลาเราไปเจองาน หรือไอเดียอะไรที่เราชอบ นครราชสีมา ช่วงนี้ก็ทำ�หลายอย่างเพราะเป็นช่วง แทนที่จะเก็บไว้ดูคนเดียวก็เอามาเขียนลงใน Blog รอไปเรียนต่อ หัดทำ�แพทเทิร์นตัดเย็บเสื้อผ้าด้วย แล้วหลังจากนั้นก็มีนิตยสารเขาติดต่อมาให้เรา วาดภาพประกอบให้ คนก็เริ่มเห็นงานเรามากขึ้น ถึงอุ้งจะเรียนทางแฟชั่นดีไซน์ เราดีไซน์ได้แต่ ตัดเย็บเองยังไม่เก่ง ตอนที่อุ้งไปฝึกงานที่อังกฤษ ตอนนั้นงานอุ้งจะเป็นภาพประกอบผู้หญิงน่ารักๆ ดีไซเนอร์ที่โน่น เขาออกแบบได้ตัดเย็บเองได้ เรา ทางแบรนด์ Senada เขาเห็นภาพประกอบตัวนี้ ก็อยากทำ�ได้บ้าง ช่วงที่ไปฝึกงาน งานแรกที่เขา ก็สนใจ ติดต่อมาให้อุ้งทำ�ลายผ้าให้ ตอนนั้นอยู่ปี ให้ทำ�คือโยนแพทเทิร์นผ้ามาให้เลย มาให้ลองทำ� สอง มีแบรนด์เสื้อผ้ามาจ้างเราทำ�งาน ดีใจมาก เราก็ทำ�ไม่เป็นก็มานั่งงม นั่งศึกษา ตอนนี้เลยหัด คนก็เริ่มรู้จักมากขึ้น จากนั้นมีงานจากแบรนด์ ตัดเย็บเสือ้ ผ้าเอง โดยใช้ผา้ ทีเ่ ราชอบคือผ้าพืน้ บ้าน แฟชั่นเข้ามาเรื่อยๆ ทั้ง Disaya, Asava ก็ทำ�มา เรื่อยๆ ต่างๆ จากจังหวัดเลย จังหวัดอุบลฯ ผ้าทอมือ ลองเอามาตัดใส่เองก่อน ต่อไปอาจจะมีเป็น ทำ�ไมเลือกเรียนแฟชั่น คอลเล็กชั่น ทีแรกก็ตัดสินใจอยู่ระหว่างแฟชั่นกับสถาปัตฯ ตอนนั้นคิดแบบตลกมาก คืออุ้งคิดว่าถ้าเราตาย แล้วทำ�งานอะไรมาบ้าง ก่อนเรียนจบ ตัวเลือกไหนที่เราจะเสียใจมากกว่า เริ่มแรกคือมาจาก Blog ตอนนั้นเป็นช่วง กันถ้าไม่ได้เรียน (ถ้าเรานั่งตัด Model อยู่แล้ว ม.6 กำ�ลังจะเข้าปีหนึ่ง (ศิลปกรรมศาสตร์ ตาย ฮา… ไม่ได้เรียนแฟชั่นน่าจะเสียดายกว่า) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ช่วงนั้นชอบวาดรูป ช่วงนี้ทำ�อะไรอยู่บ้าง

71


เลยเลือกเรียนแฟชั่น จริงๆ อุ้งชอบงาน หลายอย่างนะ ช่วงแรกที่ทำ� Blog อุ้งก็มี ทั้งงานกราฟิก งานหนังสือ งานกระดาษ งานโฆษณา ภาพเคลื่อนไหว คือแฟชั่นมัน เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราชอบ รวมๆ ชอบ งานศิลปะทั้งหมด และในงานแฟชั่นมันก็มี กราฟิกอยู่ในนั้น ทั้งลายผ้า ทั้งงานหนังสือ Look Book หรือ Present ต่างๆ มีงาน วิดีโอ ได้ถ่ายรูป อุ้งก็เอาสิ่งที่ตัวเองชอบมา รวมกัน แค่นำ�เสนอในรูปแบบของแฟชั่น ทำ�ไมใช้ชื่อ Vanillawalk

คำ�ว่า Walk คือตั้งใจจะให้ Blog นี้เป็น บันทึกการเดินทางการเติบโตของตัวเอง ส่วน Vanilla คือเนิบๆ ช้าๆ ละมุนหน่อย ค่อยๆ เก็บแรงบันดาลใจข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบเดินพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว และ เป็นกลิ่นที่ชอบด้วย

- life is a fine line we are living on, so let’s walk a bit slower that we can smell some inspirations around.-

72


73


74


คิดว่าวิธีคิดและความสนใจด้านศิลปะหรืองานแฟชั่นของเราเริ่มมาจากไหน

แรกๆ ก็ชอบดูนิตยสาร ตอน tcdc เปิดใหม่ๆ ก็ไปบ่อยมาก นั่งอ่าน หนังสือ และที่ได้เปิดโลกมากๆ คือตอนไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศครั้งแรก ช่วงก่อนเปิดเทอมปีหนึ่ง ไปเรียนภาษาและก็อยากรู้ว่าในต่างประเทศ เขาเรียนอะไรกันยังไง อุ้งเลยขอแม่ไปลงคอร์สสั้นๆ ของ Central Saint Martins เป็นคอร์ส Fashion Sketchbook (คอร์สของเด็กอายุต�ำ่ กว่า 18 ปี) เรียนแค่สองอาทิตย์เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เขาเปิดให้เด็กได้คิดเอง ได้ สนุกกับการคิด ให้ลองหลับตาวาดตามอารมณ์ทเ่ี ราต้องรูส้ กึ ไม่มถี กู หรือผิด ยิ่งมันไม่มีเรื่องถูกหรือผิด เราก็สนุกมาก อีกครั้งหนึ่งที่ไปคือตอนปีสอง ทางมหาวิทยาลัยเขามีโครงการแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัย Birmingham (จริงๆ เป็นของภาควิชากราฟิก) ไปอยู่หนึ่งเดือน เขาก็มีให้เราทำ� Sketch Book บันทึกเรื่องราวที่เราไปอยู่ที่โน่นหนึ่งเดือน ก็ได้เรียนรู้เรื่องการเก็บ บันทึกประสบการณ์ ไปพิพิธภัณฑ์ที่ไหนก็เก็บบัตรเข้างานมาแปะไว้ ไป วาดรูปวิวในเมืองมาติด ไป Workshop ที่ไหนก็เอางานมาแปะไว้ รวมเป็น บันทึกของเรา อีกเรื่องที่ประทับใจคือห้องสมุดที่โน่น คืออุ้งก็ไปลงคอร์ส ที่ Saint Martins อีกรอบ แต่คราวนี้เป็นคอร์สของบุคคลทั่วไปคือผู้ใหญ่ ก็มาเรียนด้วย ชื่อคอร์ส Creating New Concepts In Fashion เราก็ไป หาข้อมูลต่างๆ มาพูดให้คนอื่นฟังในวันสุดท้าย ช่วงบ่าย อุ้งก็จะไปคลุก อยู่ในห้องสมุดหาข้อมูล นั่งซีร็อกซ์รูปที่เราจะนำ�ไปอ้างอิง นั่งดูนั่งอ่านได้ ทั้งวัน ข้อมูลเขาเยอะมากห้องสมุดก็ดีมาก ตื่นเต้นกับข้อมูลใหม่ๆ ที่เรา ไม่เคยเจอ

75


76


77


ทำ�งานที่ Greyhound เป็นยังไงบ้าง

อุ้งคิดว่า เราเคยทำ�งานในประเทศมาแล้ว น่าจะไป ได้เรียนรู้การทำ�งานเป็นทีม พี่ๆ เขาก็เก่งมากๆ มี ลองฝึกงานต่างประเทศดู ก็ลองสมัครไปหลายที่ จน ประสบการณ์ทำ�งานมาเยอะ โชคดีที่อุ้งเข้าไปตอน ได้ฝึกงานที่ Steven Tai Studio Limited เจ้าของเขา ที่เขากำ�ลังจะเริ่มทำ�คอลเล็กชั่นใหม่พอดี เลยได้ เป็นคนฮ่องกงแต่อยู่ที่ลอนดอน เขาเคยชนะประกวด ทำ�งานกับทาง Greyhound ไปสองคอลเล็กชั่น ที่ปารีสแล้วก็ดังขึ้นมา เป็นแบรนด์ใหม่ที่เราสนใจ อุ้ง ได้เห็นขั้นตอน ตั้งแต่การประชุมหาไอเดีย เข้าใจ อยากไปฝึกกับสตูดิโอเล็กๆ หน่อย ที่นั่นมีพนักงาน ความเนียบของมืออาชีพ การหาข้อมูลเรื่องเทรนด์ อยู่ 6-7 คน เพราะเราจะได้รู้ขั้นตอนทั้งหมด แล้วน่า ทำ� Board ลงรายละเอียดแต่ละส่วนของชุดเพื่อ จะประยุกต์เข้ากับตัวเราได้ง่ายด้วย ให้โปรดิวเซอร์ และโปรดิวเซอร์จะได้ไปคุยกับช่าง ตัดเย็บ เรื่องราคาของผ้า การผลิต แล้วพี่ๆ เขาก็ ระบบการทำ�งานสตูดิโอเล็กต่างจากบริษัทใหญ่ๆ มาจากหลายสาขา เราก็ได้แลกเปลี่ยนมุมมองจาก มากไหม พี่ๆ เขา อย่างงานสเก็ตช์ ปกติอุ้งสเก็ตช์ด้วยมือ ต่างมาก ระบบมันเร็วกว่า อย่างคนที่ทำ�งานที่โน่น มาตลอด แต่พอมาทำ�งานเป็นทีมเราต้องสเก็ตช์ใน เขาเป็นทั้งดีไซเนอร์ โปรดิวเซอร์ ช่างฝีมือ อยู่ใน คอมพิวเตอร์ เพื่อที่งานของเราจะไปผสมกับคนอื่น คนเดียวกันเลย สิ่งที่อยู่ในหัวเขามันเลยออกมาได้ ได้ แก้ไข ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เร็ว ครึ่งวันได้เสื้อผ้าออกมาเป็นชุดแล้ว ดีไซเนอร์ ออกแบบอยู่ชั้นสอง ช่างแพทเทิร์นทำ�งานอยู่ชั้นหนึ่ง ออกจาก Greyhound แล้วทำ�อะไรต่อ เสร็จแล้วเรียกกันมาดู ระบบมันเลยเร็ว บรรยากาศ อุ้งก็ทำ�เรื่องเรียนต่อ ทำ�เอกสาร ทำ�โปรเจ็กต์เพื่อ การทำ�งานดี ไม่มใี ครขีเ้ กียจหรือแสดงสีหน้าว่าเหนือ่ ย จะส่งไปสมัครเรียน แต่พอได้ที่เรียนแล้ว ทางโน้น หรืออยากกลับบ้าน ไม่อิดออด ทุกคนกระตือรือร้น เขาตอบรับมาแล้ว เราไม่มีทุน ที่บ้านไม่ส่งแล้ว ในการทำ�งาน แต่ไม่กดดันนะ คือเขาไม่ใช้เด็กฝึกงาน เราก็ต้องหาทุนเอง ทางมหาวิทยาลัยเขาก็ดีมากๆ แบบเป็นทาสนั่งทำ�งานถึงเที่ยงคืน ถ้าเป็นวันปกติก็ ช่วยส่งลิสต์รายชื่อทุนต่างๆ มาให้ อุ้งก็สมัครไป ชิวๆ ไม่มีงานบ่ายๆ ก็เลิกงานไปดื่มกัน มันจะมีช่วง และได้ทุนมาเรียบร้อย ก็สบายใจหน่อย เพราะ หนักจริงๆ ตอนใกล้จะแฟชั่นวีค ได้เพื่อนที่น่ารัก มหาวิทยาลัยนี้แพงมาก ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก และได้ประสบการณ์ที่ดีเยอะ ไปฝึกงานกับเขา และในช่วงที่รอว่าจะได้ทุนหรือเปล่าเนี่ยมันว่าง ประมาณ 4-5 เดือน

78


79


80


หลังจากหาประสบการณ์มาบ้างแล้ว ตอนนี้สนใจเรื่องอะไร

ตอนนี้สนใจเสื้อผ้าท้องถิ่น มันต่อยอดมาจากงานธีสิสที่ทำ�เรื่องปรัญชาเซน ชอบ ความไม่สมบูรณ์ ความเป็นธรรมชาติ ไปเวิร์คช็อปย้อมครามที่เชียงใหม่ ก็เริ่มรู้ว่า เราไม่ได้แฟชั่นจ๋า แบรนด์เนม แต่มาสนใจเรื่องผ้า เรื่อง Textile เรื่องที่มาที่ไปของ วัสดุมากขึ้น ที่อุ้งไปขอทุนเรียนต่อ ก็เสนอเขาเรื่องนี้ เรื่องที่เราไปเจอชาวบ้าน เรื่อง ผ้าท้องถิ่น งานฝีมือในบ้านเรา เราอยากผลักดันเรื่องพวกนี้ พอตอนนี้เราได้ทุนมันก็ เหมือนเป็นหน้าที่ของเราแล้วที่ต้องทำ�ตรงนี้ให้ได้ด้วย แล้วการใช้ทุนคือไม่ได้ต้องไป ทำ�งานกับเขา อุ้งสามารถทำ�งานที่ไหนก็ได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ต้องเป็น งานที่ให้อะไรบางอย่างกับสังคมและชุมชน อุ้งไม่ค่อยได้คิดจะทำ�เสื้อผ้าเพื่อไปอยู่ บน Runway เท่าไหร่อยู่แล้ว อุ้งอยากทำ�เสื้อผ้าที่ให้คนทั่วไปสวมใส่ได้ เป็นเสื้อผ้าที่ สวยงาม มาจากผ้าที่มีคุณภาพและมีที่มาและเรื่องราวอยู่ในนั้น ทำ�ไมมาสนใจเรื่องเซน เรื่องผ้าท้องถิ่น

อุ้งชอบเรื่องธรรมชาติ และสนใจเรื่องโลกร้อน เรื่องปัญหาขยะ แล้วไปอ่านเจอว่า แฟชั่น เป็นอุตสหกรรมที่ทำ�ให้เกิดขยะมากที่สุด ก็มานั่งคิดกับตัวเองหนักมากว่า เรากำ�ลังทำ�อะไรกันแน่ เรากำ�ลังสร้างขยะให้โลกหรือเปล่า กำ�ลังสร้างสิ่งที่ฟุ่มเฟือย ให้กับสังคมหรือเปล่า ทำ�ให้เราไม่เห็นด้วยกับแฟชั่นแบบผิวเผินเท่าไหร่ อุ้งเลยไป ศึกษาเรื่อง Eco Fashion ลองไปมองเสื้อผ้าที่ใช้ได้จริง มองเสื้อผ้าแบบ Product Design ชิ้นหนึ่งที่มีการใช้งานที่คุ้มค่า มีประโยชน์ มีคุณค่าในตัวมันเอง อยาก ทำ�เสื้อผ้าให้คนรักษาไว้ใส่นานๆ อุ้งชอบเสื้อผ้าญี่ปุ่น ที่เรียบง่ายแต่ก็ยังคงความ สวยงามตรึงตาตรึงใจ เลยศึกษาวัฒนธรรมของเขา ศึกษาเรื่องเซน ชอบที่เขามีราก ของตัวเอง และนำ�เสนอสิ่งนั้นออกมาได้สวยงาม อุ้งก็อยากทำ�แบบนี้กับประเทศเรา บ้าง และอุ้งได้ไปเจอชาวบ้านที่ต่างจังหวัดที่เขาใส่ผ้าย้อมครามสวยมาก อุ้งเลยถาม ว่าใส่มากี่ปี เขาบอกว่า 15 ปี โห..ใส่มาสิบห้าปี ทำ�ให้เรารู้เลยว่าเสื้อผ้ามันยั่งยืนได้ ไม่ได้มีแค่ยีนส์ หรือเสื้อหนัง โซฟาหนัง ที่เก่าแล้วสวย ผ้าก็สามารถเป็นแบบนั้นได้ แล้วมันตอบโจทย์ในใจเรา ที่ไม่อยากทำ�เสื้อผ้าที่มันฟุ่มเฟือย

81


ที่ไปของผ้าท้องถิ่นของเรา ในระยะยาวน่าจะส่งผล ดีมากกว่า เรื่องนี้ต้องช่วยกันทุกฝ่าย อุ้งก็ขอความ มีอีกหลายที่ที่เขายินดีที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ แต่ ช่วยเหลือจากพี่ๆ หลายคนที่เขาทำ�งานนี้มานาน ก็มชี าวบ้านบางกลุม่ ทีเ่ ขาไม่ยอมเปลีย่ น เพราะ เข้าถึงชาวบ้าน รู้ปัญหาเรื่องพ่อค่าคนกลาง มา ต้องบอกก่อนว่า ชาวบ้านที่ทำ�ผ้าท้องถิ่น ช่วยๆ กันตามความถนัดของแต่ละคน หลายที่ไม่ได้จนนะ เขาทำ�งานส่งออกต่าง ประเทศ ส่งญี่ปุ่น เยอรมัน แต่เขาไม่ได้สนใจ ประเทศไทยมีสิทธิ์เป็นผู้นำ�ด้านแฟชั่นบ้างไหมครับ จะแบรนด์ดง้ิ ให้ตวั เอง อุง้ เห็นผ้าไทยถูกแบรนด์ ถ้าในอาเซียนก็เป็นไปได้ จริงๆ เราพร้อมที่สุด ต่างชาติเอาไปขาย บอกว่าเป็นผ้าจากธรรมชาติ ในด้านความเก๋ ด้านดีไซเนอร์เราก็มีเยอะ ด้าน ทำ�มือ ผ้าย้อมธรรมชาติร้อยเปอร์เซน แต่ วัตถุดิบ ทรัพยากรต่างๆ เราก็มีเยอะกว่าคนอื่น ไม่ได้บอกว่ามาจากบ้านเรา และไปขายต่อ ในเวทีโลกก็เป็นได้แต่ยากหน่อย ถ้าเราทำ�ให้มี ในราคาที่แพงมาก ซึ่งชาวบ้านเขาก็ไม่สนใจ มาตรฐานที่สูงขึ้น เพราะตอนนี้ในเวทีโลกเขาก็ เขาได้เงินก็พอแล้ว คิดในแง่ร้ายหน่อยคือ สนใจเรื่องวัฒนธรรมของแต่ละท้องที่มากขึ้น ไม่ใช่ เขามาเอาเปรียบชาวบ้าน เอาฝีมือช่างเราไป ว่าต้องไปเหมือนเขา เอาเอกลักษณ์ของเราไปให้ ขายต่อแพงๆ โดยที่ไม่ให้เครดิต แต่ถ้าเรา เขาเห็น เขาก็ยอมรับ แต่เราต้องทำ�ให้สม่ำ�เสมอ ทำ�แบรนดิ้งของเราเองได้ ให้คนรู้จักที่มา และมีคุณภาพ ไปคุยกับชาวบ้านที่ทำ�ผ้าท้องถิ่น เจอปัญหา อะไรบ้าง

82


83


คิดว่าอายุ 35 ตัวเองจะทำ�อะไรอยู่ครับ

ก็น่าจะมีบริษัทของตัวเอง ทำ�แบรนด์แฟชั่น อยาก ทำ�แบบสตูดิโอเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยๆ โต ให้อยู่ได้ ระยะยาว ไม่แน่ใจว่าจะใช้ชื่อ Vanillawalk หรือ เปล่า ส่วนเรือ่ ง Blog อยากได้คนมาช่วยเหมือนกัน เพราะทำ�คนเดียวมันก็เหนื่อย ทั้งงานแฟชั่นด้วย หาข้อมูลด้วย ต้องมาเขียนด้วย แต่ก็อยากทำ�ต่อ เพราะอยากเป็นอีกสื่อที่เผยแพร่เรื่องดีๆ ให้เป็น ทางเลือกของคนอ่าน http://vanillawalk.org www.facebook.com/vanillawalkjournal

84


85


Azuma Makoto LISTEN THE SOUND OF FLOWERS

คุณได้ยินเสียงของดอกไม้หรือเปล่า เขาได้ยินและเขาบอกว่ามันคล้ายกับเสียงดนตรี

86


87


88


ดอกไม้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมายาว นานของญี่ปุ่นนั้นเป็นวัฒนธรรมที่น่าอัศจรรย์ และ จุดเริ่มต้นโดยตรงมาจากการเริ่มทำ�งานพิเศษที่ ผมก็ไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ ร้านดอกไม้ระหว่างที่ผมยังมีดนตรีอยู่ ที่นั่นผม ในขณะเดียวกันเส้นทางที่ผมเดินมา เป็นเส้นทาง ได้เริ่มรู้จักกับความงดงามของพืชและดอกไม้ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเหมือนวิ่งไปคนละด้าน ต่างๆ ในขณะเดียวกันผมก็ค้นพบความเหมือน เพราะผมศึกษาทุกสิ่งด้วยตัวเอง และมาถึงจุดๆ นี้ และความเชื่อมโยงบางอย่างของดนตรีและพืช ได้โดยการค่อยๆ ค้นหาระยะห่างของตัวเองกับ ทั้งสองอย่างมีความเป็น ”ชั่วขณะหนึ่ง” และ ดอกไม้ ดังนั้นผมเป็นอิสระเสมอ และผมไม่เห็นสิ่ง ต่างก็มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เราไม่สามารถหา ที่ผมเหมือนกับ Ikebana ถ้าไม่นับจุดที่ว่าเป็นการ สื่อสารผ่านดอกไม้เหมือนกัน และผมก็ไม่คิดจะหา สิ่งที่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงได้ เช่นเดียวกับที่ หน้าตาของ ”กุหลาบสีแดง” มีความแตกต่าง จุดเหมือนกันด้วย และหลากหลายเท่าๆ กับจำ�นวนของมัน เสียง ขั้นตอนการทำ�งานของคุณดูไม่เหมือนนักจัดดอกไม้ ดนตรีก็มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับอารมณ์ ของผู้เล่น บรรยากาศที่เล่น และส่วนประกอบ เท่าไหร่ ออกจะเหมือนนักวิทยาศาตร์มากกว่า ไม่มีจุดที่ชัดเจนว่าเริ่มขึ้นตอนไหน ตั้งแต่สมัยที่ผม อื่น ซึ่งมีความแตกต่างเสมอ การแสดงออก เริ่มทำ�งานที่ร้านดอกไม้ ทุกๆ ครั้งผมจะคิดว่าจะ ของสิ่งเหล่านี้เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นดนตรี ทำ�ยังไงให้สามารถแสดงความรู้สึกของลูกค้าคน หรือ ดอกไม้ ซึ่งการค้นพบความจริงที่ว่านี้ เป็นสิ่งสำ�คัญที่ทำ�ให้ผมก้าวเข้ามาในโลกของ นั้นๆ ได้ ผ่านการจัดดอกไม้ ในขณะที่งานของผม เอง ผมคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำ�ยังไงให้สามารถ ดอกไม้ ดึงความสวยงามของดอกไม้ที่นำ�มาจัดแสดงออก ญี่ปุ่นมีศิลปะการจัดดอกไม้มานานแล้ว คุณคิด มาให้มากที่สุดได้ ซึ่งวิธีการที่จะทำ�ให้สามารถดึง ความสวยงามออกมาได้นั้นมีหลายรูปแบบ รวม ว่างานของคุณ มีความเหมือนหรือแตกต่าง ไปถึง งานเชิงทดลอง และการนำ�วัตถุดิบมาผสม จากงานจัดดอกไม้แบบดั้งเดิมอย่างไรบ้าง วัฒนธรรมของ Kadou หรือวัฒนธรรมการจัด ผสานกันในการจัดแสดงอีกด้วย ก่อนที่คุณจะเป็นศิลปินจัดดอกไม้ (florist) คุณทำ�งานเกี่ยวกับอะไร

89


90


91


คุณมีขั้นตอนการทำ�งานคร่าวๆ อย่างไรบ้าง

ผมคิดจากดอกไม้หรือต้นไม้ที่ผมทำ�งานก่อนเสมอ ผมไม่ได้นั่งค้นหาวิธี นำ�เสนอแปลกๆ แต่ผมก็ต้องขอบคุณกับความบังเอิญที่ทำ�ให้ได้เจอกับพืช ที่ทำ�งานด้วย ผมจะอยู่กับพืชที่ผมจะใช้อย่างสงบและพยายามฟังเสียงของ มันก่อน การทำ�งานเริ่มจากตอนนั้น ที่คิดว่าจะเอาอารมณ์ส่วนไหนของ พืชนั้นๆ มาแสดงในลักษณะไหน บางครั้งผมก็นำ�ความคิดที่อยู่ในหัว มา เขียนใน Concept Sheet หรือบนกระดานดำ� แต่ที่เป็นพื้นฐานของผม คือ การเริ่มต้นงานจากแรงบันดาลใจที่มาจากพืชพรรณที่ผมทำ�งานด้วย ผลงานของคุณ มีกลไกทางวิศวกรรมที่น่าสนใจมาก

งานของผมเป็นการทดลองเสมอ เพราะว่าเป็นการใช้วธิ ที ไ่ี ม่เคยถูกใช้มาก่อน ในการหาความสวยงามและความลึกลับน่าค้นหาของพืช ผลลัพธ์ที่ได้คือ บางครั้งก็ทำ�ให้ไปถึงวิธีที่สุดโต่งอยู่บ้าง บางครั้งก็จบลงด้วยการใช้วิธีที่ ง่ายและธรรมดา ซึ่งผมคิดว่าทั้งหมดนั้นคือวิถีของงานของผม ผมไม่มีการ กำ�หนดกฎเกณฑ์ในการแสดงออก แต่ผมใส่ใจและให้ความสำ�คัญกับกฎของ จิตวิญญาณ ผมให้ความเคารพต่อชีวิตของพืชเสมอ และเผชิญหน้ากับมัน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าผมยังคงสามารถรักษาจิตวิญญาณในส่วนนี้ได้ ผมเชื่อว่าพืชก็จะตอบสนองต่อผมเช่นกัน 92


93


94


95


ช่วยอธิบายแนวคิดและที่มาของงาน EXOBIOTANICA - BOTANICAL SPACE FLIGHT และ The making “Ice Flowers”หน่อย

A : EXOBIOTANICA เป็นงาน Installation ชุดแรก ของโปรเจ็กต์ที่นำ�ดอกไม้มาใช้ในพื้นที่ ที่ปกติพืชจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยเป็นการปล่อยดอกไม้ และต้นบอนไซให้ลอยไปใน ชั้นบรรยากาศ สตราโทสเฟียร์ ภาพการนำ�พืชที่ถูกนำ�ออกจากพื้นดินไปทั้งราก ผ่านขั้น ตอนต่างๆ จนมันไปอยู่ในอวกาศซึ่งเป็นที่ที่ปกติพืชไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้น เป็นภาพที่

96


สวยงาม มีความแข็งแกร่ง แต่ก็เปราะบางในเวลาเดียวกัน เป็นการแสดงออกถึงความงาม และความลึกลับน่าค้นหาที่เหนือจินตนาการ ส่วนในงาน Iced Flowers ดอกไม้ต่างๆ หลาก หลายพันธุ์ที่ถูกแช่ในน้ำ�แข็ง กับน้ำ�แข็งที่ค่อยๆ ละลายไปอย่างช้าๆ การละลายของน้ำ�แข็ง ก็เปรียบเหมือนกับความสวยงามในชั่วขณะของดอกไม้ ที่เวลาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมัน แต่ สภาวะที่โดนแช่แข็งนี้ก็เสมือนว่าจะสามารถแช่ความงามเพียงชั่วขณะนั้นได้ไปตลอด การ เสียดสีและหลอมละลายของสองสิ่งนี้ ทำ�ให้เกิดพื้นที่มหัศจรรย์ดุจต้องมนต์

97


98


คุณมีวิธีในการเลือกชนิดของดอกไม้หรือต้นไม้อย่างไรในแต่ละงาน

วิธีการเลือกชิ้นงานนั้นแตกต่างกันไป บางครั้งผมก็มีคอนเซ็ปต์ของชิ้นงานแล้วจึงเลือกพืชหรือ ดอกไม้ที่ต้องการใช้ บางครั้งผมก็ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชและดอกไม้ แล้วจึงคิดงานขึ้นมา ซึ่งชนิดของพืชหรือดอกไม้ที่จะใช้ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการคิดนั้นๆ คุณเคยเจอปัญหาใหญ่ๆ ในเรื่องขั้นตอนการทำ�งานอย่างไรบ้าง

ไม่ว่าจะงานลักษณะไหนก็ตาม ต่างก็มีปัญหาไม่เล็กก็ใหญ่ที่ต้องเผชิญ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ถ้า คุณทำ�งานอย่างจริงจัง ประเด็นอยู่ที่วิธีการแก้ปัญหาในแต่ละครั้งมากกว่าว่าจะทำ�อย่างไรให้ งานดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นกว่าตอนก่อนเกิดปัญหาได้ ผมคิดเสมอว่าจะต้องเลือกอะไรอย่างไร เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีที่สุด 99


ผลงานของคุณยังถูกนำ�เสนอในแบบ COMMERCIAL ที่ร่วมงานกับแบรนด์ ต่างๆ ด้วย ในส่วนนี้ วิธีคิดต่างจากการทำ�งานส่วนตัวของคุณบ้างไหม

ในงานส่วนตัวของผม ผมจะเผชิญหน้ากับดอกไม้ในลักษณะความสัมพันธ์แบบ หนึ่งต่อหนึ่ง เพื่อที่จะสร้างงานขึ้นมา แต่ส่วนในกรณีของงานพาณิชย์ศิลป์ หรือ งานที่ร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ซึ่งจะมี ลูกค้า (client) ดอกไม้และผม จะเป็น ลักษณะของความสัมพันธ์แบบสามเหลี่ยม การที่จะออกความคิดเห็นส่วนตัว มากเกินไป หรือการฟังความต้องการของลูกค้ามากเกินไป หรือแม้แต่การใช้ ดอกไม้ที่มีจุดเด่นแข็งเกินไป ก็จะทำ�ให้งานโอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง การ ประสานความคิดเห็นของทั้งสามฝ่าย จะทำ�ให้เกิดงานซึ่งแตกต่างไปจากงาน ส่วนตัว ทำ�ให้ค้นพบและได้รับแรงกระตุ้นใหม่ๆ อย่างในงานที่ร้านดอกไม้ แต่ละหน่วยมีความเป็นส่วนตัวมากกว่านึ้ คือเป็น ลูกค้า (guest) ดอกไม้ และ ผม ซึ่งในแง่ของความสัมพันธ์แบบสามเหลี่ยม จะเหมือนกับที่กล่าวไปแล้วข้าง ต้น มันคือการค้นหาวิธีการแสดงออกของความรู้สึกของลูกค้าผ่านดอกไม้ โดย รักษาความสัมพันธ์แบบสามเหลี่ยมที่สวยงามไว้

100


101


102


103


104


คุณมีวิธีในการรวบรวมดอกไม้เหล่านี้อย่างไร

มีหลายผลงานของคุณ ที่ต้องอาศัยทีมงาน จำ�นวนมาก คุณมีวิธีการจัดการอย่างไรให้ ทีมงานเข้าใจแนวคิดและผลงานของคุณ

สิ่งแรกคือคนที่ไม่สามารถทำ�งานอย่างจริงจัง และไม่ให้เกียรติต่อพืชและดอกไม้ซึ่งเป็นสิ่ง ที่มีชิวิตนั้น ผมทำ�งานด้วยไม่ได้ ส่วนคนที่มี ความเข้าใจตรงนั้นตรงกันแล้ว แม้ว่าแต่ละ ฝ่ายจะมีความแตกต่างกันอยู่ในตัวบุคคล ก็ จะพยายามไม่ทำ�ให้เกิดความผิดพลาดที่ร้าย แรง แต่ก็ยังจะทำ�ให้ความสามารถของแต่ละ ฝ่ายช่วยให้ Performance ออกมาสูงสุดอีก ด้วย เวลาที่ผมรวมทีม ผมจะจินตนาการภาพ แบบมืออาชีพนั้นไว้ก่อน เพื่อให้ทีมสามารถ ช่วยให้ทำ�งานที่ใหญ่กว่าการทำ�คนเดียวทั้งใน แง่ของสเกล และในแง่ของพลัง 105

สถานที่หลักของผมคือ ตลาดดอกไม้โอตะใน โตเกียว ซึ่งเป็นตลาดดอกไม้ระดับ Top Class ไม่ ว่าจะในแง่ของปริมาณ และคุณภาพ ทั้งในประเทศ ญี่ปุ่นเอง และในระดับโลก ซึ่งเป็นตลาดที่มีพืชมา จากทั่วโลก อาทิ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาใต้ และ ทวีปแอฟริกาเป็นต้น ส่วนดอกไม้ที่พิเศษมากๆ ผม ทำ�สัญญากับ Professional Farmer ในคาบสมุทร โบโซ จังหวัดชิบะ และในจังหวัดไซตามะ ให้เขา เลี้ยงดู ตั้งแต่ปลูกจนเก็บเกี่ยว ส่วนพวกบอนไซหรือ ต้นไม้ ผมใช้หลายๆ วิธีในการรวบรวมดอกไม้และ พืชพรรณต่างๆ บางครั้งก็ต้องเดินทางไปดูแลด้วย ตัวเอง ในบางกรณีที่ผมต้องทำ�งานกับพืชที่มีแค่ใน ท้องถิ่นเท่านั้น ผมก็เดินทางไปในพื้นที่นั้นเพื่อที่จะ ทำ�งาน อย่างงานที่ผมเคยทำ�ในป่าอเมซอน


106


107


108


เห็นว่าก่อนหน้านี้คุณอยากเป็นนักดนตรี ตอน นี้คุณอยากเป็นนักดนตรีอยู่ไหม

ผมแทบจะอยากถามกลับว่าคุณไปได้ยินเรื่อง นี้มาจากไหน จริงๆ แล้วสำ�หรับผมดนตรี เป็นสิ่งที่ต้องอยู่ข้างผมเสมอ แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้อยากเป็นนักดนตรีไหม ตอนนี้ผมคง ตอบว่าไม่ได้คิดอย่างนั้นแล้ว ในความคิดผม สำ�หรับคนที่มีชีวิตในการทำ�งานกับพืช ผมคง ไม่สามารถทำ�งานแบบครึ่งๆ กลางๆ ได้ ผม ต้องมุ่งไปทางไหนสักทางหนึ่งเท่านั้น คุณทำ�กิจกรรมอะไรในวันหยุด

ผมใช้เวลาทุกวันใน 365 วัน ในการสัมผัส, ทำ�ความรูจ้ กั และเผชิญหน้ากับดอกไม้ ดังนัน้ ผมไม่มีวันหยุด และผมไม่เข้าใจความหมาย ของคำ�ว่าวันหยุดด้วย สำ�หรับคุณ”ธรรมชาติ” คืออะไร

สิ่งที่มีอยู่ตรงนั้นเสมอ

http://azumamakoto.com

109


PIE TEAM : 08 0233 5492, 08 6918 6216 www.pieeveryday.com facebook.com/piemagazine2013 pieonlinemag@gmail.com 100/99 chaiyapruk village, soi 55, Sukapibal 5 O-ngoen, Saimai, Bangkok 10220

SELF PUBLISHING PROJECT BY PIEONLINE MAGAZINE www.facebook.com/PIEZINE

110


111


See You Soon

112


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.